The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิเคราะห์มาตรฐานแลตัวชีวัด วิทยาศาสตร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jittanan.25, 2022-09-06 10:37:14

วิเคราะห์มาตรฐานแลตัวชีวัด วิทยาศาสตร์

วิเคราะห์มาตรฐานแลตัวชีวัด วิทยาศาสตร์

รหัสตัวชี้วัด ตัวช้ีวัด สำระกำร

ว 2.2 ป 4/3 3. บรรยายมวลของวตั ถทุ ี่มผี ลต่อการ ของวัตถุ โดยวตั ถุท
เปลย่ี นแปลงการเคล่ือนทข่ี องวัตถุจาก มาก วตั ถทุ ่ีมมี วลน
หลกั ฐานเชิงประจักษ์
- มวล คือ ปริมาณ
ประกอบกนั เป็นวัต
ในการเปล่ยี นแปลง
ท่มี ีมวลมากจะเปล
ยากกว่าวตั ถุท่ีมมี ว
นอกจากจะหมายถ
แลว้ ยังหมายถึงการ
เคลอ่ื นที่ของวัตถุน

สำระที่ 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลง

พลังงานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกบั เสีย

รหสั ตัวช้ีวดั ตัวชวี้ ัด สำระกำร
ว 2.3 ป 4/1
1. จาแนกวตั ถุเปน็ ตัวกลางโปร่งใส - เมอ่ื มองสิ่งต่าง ๆ
ตัวกลางโปรง่ แสง และวัตถุทึบแสง จาก กน้ั แสง จะทาใหล้ กั
ลักษณะ การมองเหน็ สง่ิ ต่าง ๆ ผ่านวตั ถุนนั้ ชัดเจนต่างกนั จงึ จา
เป็นเกณฑ์โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ตัวกลางโปร่งใส ซง่ึ
ชัดเจน ตัวกลางโปร
ต่าง ๆ ได้ไมช่ ดั เจน
มองไม่เห็นส่ิงต่าง ๆ

รเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
-
ทมี่ ีมวลมากจะมนี า้ หนกั
น้อยจะมนี ้าหนกั น้อย

ณเนื้อของสารทัง้ หมดที่
ตถุ ซึ่งมผี ลตอ่ ความยากงา่ ย
งการเคล่ือนที่ของวตั ถุ วตั ถุ
ลย่ี นแปลงการเคลอ่ื นท่ีได้
วลน้อย ดงั นั้น มวลของวตั ถุ
ถงึ เน้ือท้งั หมดของวัตถนุ น้ั
รต้านการเปลย่ี นแปลง การ
นัน้ ด้วย

งและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน
ยง แสง และคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ ้องถิ่น
-
โดยมวี ัตถุต่างชนดิ กันมา
กษณะการมองเหน็ ส่งิ น้นั ๆ
าแนกวตั ถุท่ีมากั้นออกเปน็
งทาให้มองเหน็ สิ่งตา่ ง ๆ ได้
ร่งแสงทาใหม้ องเห็น ส่ิง
น และ วัตถุทึบแสงทาให้
ๆ นัน้

หลักสตู รสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา

สำระท่ี 3 วิทยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ

มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาก
ระบบสุริยะท่ีสง่ ผลตอ่ ส่ิงมชี ีวิตและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ

รหัสตัวชี้วดั ตัวชีว้ ัด สำระกำร
ว 3.1 ป 4/1 1. อธบิ ายแบบรปู เส้นทางการขึน้ และตก
ของดวงจนั ทร์ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ - ดวงจนั ทรเ์ ป็นบริว
ว 3.1 ป 4/2 หมนุ รอบตัวเองขณ
2. สร้างแบบจาลองท่อี ธบิ ายแบบรปู การ กห็ มนุ รอบตัวเองด
เปลี่ยนแปลงรูปรา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ ตัวเองของโลกจากท
และพยากรณ์รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ ตะวนั ออกในทิศทา
จากข้วั โลกเหนือ ท
ปรากฏขนึ้ ทางด้าน
ทางด้านทิศตะวนั ต


- ดวงจันทรเ์ ป็นวัต
รูปร่างของดวงจนั ท
ปรากฏของดวงจนั ท
ไปในแต่ละวัน โดย
รปู รา่ งปรากฏเปน็ เ
ตอ่ เนอื่ งจนเต็มดวง
ดวงจนั ทรจ์ ะแหว่งแ
ต่อเนื่องจนมองไม่เห
รูปรา่ งปรากฏของด

การของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทง้ั ปฏิสมั พนั ธภ์ ายใน

รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิ่น
วารของโลก โดยดวงจนั ทร์ -
ณะโคจรรอบโลก ขณะทโี่ ลก
ดว้ ยเชน่ กัน การหมุนรอบ -
ทิศตะวนั ตกไปทิศ
างทวนเข็มนาฬกิ าเม่อื มอง
ทาให้มองเห็น ดวงจันทร์
นทศิ ตะวนั ออกและตก
ตกหมุนเวยี นเปน็ แบบรปู ซ้า

ตถุที่เป็นทรงกลม แต่
ทรท์ ่มี องเห็นหรอื รูปรา่ ง
ทร์บนท้องฟ้าแตกตา่ งกนั
ยในแต่ละวันดวงจันทรจ์ ะมี
เส้ยี วที่มีขนาดเพิม่ ขนึ้ อย่าง
ง จากนั้นรูปร่างปรากฏของ
และมีขนาดลดลง อย่าง
หน็ ดวงจันทร์ จากนน้ั
ดวงจันทร์จะเปน็ เส้ยี วใหญ่

หลักสตู รสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา

รหสั ตัวชี้วดั ตัวช้วี ัด สำระกำร
ว 3.1 ป 4/3
ขน้ึ จนเตม็ ดวงอีกคร

เปน็ แบบรูปซ้ากนั ท

3. สรา้ งแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของ - ระบบสรุ ยิ ะเป็นระ

ระบบสุริยะ และอธิบายเปรยี บเทยี บคาบ ศูนยก์ ลางและมีบร

การโคจรของดาวเคราะห์ต่าง ๆ จาก เคราะหแ์ ปดดวงแล

แบบจาลอง แต่ละดวงมีขนาดแล

อาทติ ย์แตกตา่ งกัน

เคราะห์แคระ ดาวเ

วัตถุขนาดเล็กอนื่ ๆ

วตั ถุขนาดเล็กอืน่ ๆ

บรรยากาศเน่ืองจา

ใหเ้ กดิ เปน็ ดาวตกห

สำระที่ 3 วทิ ยำศำสตร์โลก และอวกำศ

มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระ
เปลีย่ นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศโลกรวมทั้งผลตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและส่งิ แวดลอ้ ม

รหัสตัวช้ีวัด ตัวชีว้ ดั สำระกำร
- -

รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนร้ทู อ้ งถิ่น
-
ร้ัง การเปลี่ยนแปลงเชน่ น้ี
ทกุ เดือน

ะบบทีม่ ีดวงอาทิตย์เป็น
รวิ ารประกอบดว้ ย ดาว
ละบริวาร ซึ่งดาวเคราะห์
ละระยะห่างจากดวง
น และยังประกอบดว้ ย ดาว
เคราะหน์ ้อย ดาวหาง และ
ๆ โคจรอย่รู อบดวงอาทิตย์
ๆ เม่ือเข้ามาในช้นั
ากแรงโนม้ ถ่วงของโลก ทา
หรอื ผีพุ่งไต้และอุกกาบาต

ะบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการ

รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนร้ทู ้องถิ่น
- -

หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา

สำระที่ 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวติ ในสังคม
คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อ่นื ๆ เพือ่ แกป้ ัญหา หรอื พัฒนางานอย่างมีความคิดสรา้ งสรร
โดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และส่งิ แวดลอ้ ม

รหัสตัวช้ีวัด ตวั ช้ีวัด สำระกำร
- -

สำระท่ี 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชวี ิต
ในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ รูเ้ ท่าทัน และมีจรยิ

รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชวี้ ดั สำระกำร
ว 4.2 ป 4/1
1. ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา - การใช้เหตุผลเชิงต
การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ กฎเกณฑ์ หรือเงื่อน
ผลลัพธ์ จากปัญหาอยา่ งงา่ ย ใชพ้ ิจารณาในการแ
ทางาน หรอื การคา
- สถานะเรม่ิ ตน้ ของ
จะให้ผลลัพธ์ท่แี ตก
- ตัวอย่างปญั หา เช
การคานวณ, โปรแก
และ มกี ารสัง่ งานท
ระหวา่ งกนั , การเด
วธิ กี ารตา่ ง ๆ

มที่มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์
รค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม

รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถิ่น
- -

ตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
ยธรรม

รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
-
ตรรกะเป็นการนา
นไขทค่ี รอบคลมุ ทุกกรณีมา
แก้ปัญหา การอธิบายการ
าดการณ์ผลลพั ธ์
งการทางานทแ่ี ตกตา่ งกัน
กต่างกนั
ชน่ เกม OX, โปรแกรมทีม่ ี
กรมที่มีตัวละครหลายตวั
ทีแ่ ตกตา่ ง หรือมกี ารส่ือสาร
ดนิ ทางไปโรงเรยี นโดย

หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา

รหสั ตวั ชี้วดั ตวั ชี้วดั สำระกำร
ว 4.2 ป 4/2 2. ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย
โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ หรอื สื่อ และตรวจหา - การออกแบบโปร
ข้อผดิ พลาดและแก้ไข ออกแบบโดยใช้ sto
ออกแบบอัลกอริทึม
3. ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตค้นหาความรู้ และ - การเขยี นโปรแกร
ประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมลู คาส่งั ให้คอมพวิ เต
ผลลพั ธ์ตาม ความต
ให้ตรวจสอบ การท
ทท่ี าใหผ้ ลลพั ธ์ ไม่ถ
จนกว่าจะไดผ้ ลลพั ธ
- ตวั อย่างโปรแกรม
มี การตอบโต้กับผู้ใ
ประจาวนั ภาพเคล
การฝึกตรวจหาข้อผ
ผู้อ่นื จะช่วยพฒั นาท
ปัญหาได้ดีย่งิ ขนึ้
-ซอฟต์แวร์ทใ่ี ชใ้ นก
Scratch, logo

- การใชค้ าคน้ ทต่ี รง
ได้ ผลลัพธท์ ีร่ วดเร็ว
ต้องการ
- การประเมนิ ความ
พิจารณาประเภทข
เผยแพร่ข้อมลู การ

รเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถิ่น
รแกรมอย่างงา่ ย เชน่ การ
oryboard หรอื การ

รมเปน็ การสรา้ งลาดบั ของ
ตอร์ทางาน เพ่อื ใหไ้ ด้
ต้องการ หากมขี ้อผดิ พลาด
ทางานทลี ะคาส่งั เมื่อพบจุด
ถูกต้อง ให้ทาการแก้ไข
ธท์ ่ีถูกต้อง
มที่มีเรอ่ื งราว เชน่ นทิ านท่ี
ใช้ การ์ตนู สน้ั เล่ากิจวัตร
ลื่อนไหว
ผิดพลาดจากโปรแกรมของ
ทักษะการหาสาเหตขุ อง

การเขยี นโปรแกรม เช่น

งประเด็น กระชบั จะทาให้
วและตรงตามความ

มนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูล เช่น
ของเว็บไซต์ ผูเ้ ขียน วนั ที่
รอา้ งอิง

หลกั สตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา

รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ชว้ี ัด สำระกำร

4. รวบรวม ประเมนิ นาเสนอขอ้ มลู และ - เมอ่ื ได้ข้อมลู ทต่ี ้อ
สารสนเทศ โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ท่ีหลากหลาย จะตอ้ งนาเนือ้ หามา
เพอ่ื แก้ปญั หาในชีวติ ประจาวนั แลว้ เลือกข้อมลู ท่มี
สัมพนั ธ์กัน
- การทารายงานหร
จะต้อง นาข้อมูลมา
ของตนเอง ทเ่ี หมาะ
วิธกี ารนาเสนอ (บูร

- การรวบรวมข้อมลู
ที่ต้องการ เตรียมอ
- การประมวลผลอ
จดั กลุ่ม เรยี งลาดบั
- วิเคราะห์ผลและส
ประเมินทางเลือก (
- การนาเสนอข้อมลู
ความเหมาะสม เชน่
เอกสารรายงาน โป
- การใชซ้ อฟตแ์ วรเ์
ชวี ิตประจาวัน เช่น
กลางวันโดยใชซ้ อฟ
และเกบ็ ขอ้ มลู ใช้ซ
ประมวลผลข้อมลู ร
คุณค่าทางโภชนาก

รเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
องการจากเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ
าพิจารณา เปรียบเทียบ
มีความสอดคลอ้ งและ

รือการนาเสนอข้อมูล
าเรยี บเรียง สรปุ เปน็ ภาษา
ะสมกับกลมุ่ เปา้ หมายและ
รณาการกบั วิชาภาษไทย)
ล ทาไดโ้ ดยกาหนดหัวข้อ
อุปกรณใ์ นการจดบันทึก
อยา่ งงา่ ย เช่น เปรียบเทียบ
บ การหาผลรวม
สร้างทางเลือกทเ่ี ปน็ ไปได้
(เปรียบเทียบ ตดั สิน)
ลทาไดห้ ลายลกั ษณะตาม
น การบอกเล่า
ปสเตอร์ โปรแกรมนาเสนอ
เพ่ือแกป้ ัญหาใน
น การสารวจเมนูอาหาร
ฟต์แวร์สร้างแบบสอบถาม
ซอฟตแ์ วร์ตารางทางานเพอ่ื
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกบั
การและสรา้ งรายการ

หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา

รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ชว้ี ดั สำระกำร

อาหารสาหรบั 5 ว

การสารวจ รายการ

และข้อมูลด้านโภช

5. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย - การใช้เทคโนโลยีส

เข้าใจสทิ ธิและหน้าที่ของตน เคารพในสทิ ธิ เขา้ ใจสิทธิและหน้า

ของผู้อ่นื แจง้ ผู้เกยี่ วข้องเม่ือพบข้อมลู หรือ ของผู้อ่ืน เช่น ไมส่ ร

บุคคลท่ีไม่เหมาะสม ผ้อู ื่น ไม่สรา้ ง ความ

ส่งสแปม ขอ้ ความล

สว่ นตวั ของผูอ้ น่ื สง่

ขอ้ มูลส่วนตวั หรือก

ไมไ่ ดร้ ับอนุญาต ไม

บัญชีของผู้อ่ืน

- การสื่อสารอย่างม

- การปกปอ้ งข้อมลู

ระบบเม่ือเลิกใช้งาน

เลขประจาตวั ประช

รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ ้องถิ่น
วนั ใชซ้ อฟตแ์ วร์นาเสนอผล
รอาหารที่เป็นทางเลอื ก
ชนาการ
สารสนเทศอย่างปลอดภัย
าทข่ี องตน เคารพในสทิ ธิ
รา้ งข้อความเท็จและสง่ ให้
มเดอื ดร้อนตอ่ ผ้อู ื่นโดยการ
ลกู โซ่ ส่งต่อโพสตท์ ม่ี ีขอ้ มูล
งคาเชิญเล่นเกม ไม่เข้าถึง
การบ้านของบุคคลอ่ืนโดย
ม่ใชเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร/์ ช่อื

มีมารยาทและรกู้ าลเทศะ
ลสว่ นตวั เชน่ การออกจาก
น ไม่บอกรหสั ผา่ น ไมบ่ อก
ชาชน

หลกั สตู รสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา

ตัวช้ีวัดและสำระกำรเ

ชน้ั ประถมศกึ ษ

สำระท่ี 1 วทิ ยำศำสตร์ชีวภำพ

มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พนั ธ์ระหว
ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความ
สิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม

รหัสตัวชี้วัด ตัวช้วี ัด สำระกำร
ว 1.1 ป 5/1 1. บรรยายโครงสร้างและลักษณะของ
สิ่งมีชวี ิตท่เี หมาะสมกบั การดารงชีวติ ซ่ึงเป็น - สิ่งมีชวี ิตทง้ั พืชแล
ว 1.1 ป 5/2 ผลมาจากการปรับตัวของส่ิงมีชีวิตในแต่ละ ลักษณะ ท่เี หมาะส
แหล่งท่ีอยู่ เปน็ ผลมาจาก การ
เพ่ือให้ดารงชวี ติ แล
2. อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหว่างสิ่งมีชีวิต ท่อี ยู่ เชน่ ผกั ตบชว
กับสิ่งมีชวี ิต และความสัมพนั ธ์ระหว่าง ช่วยใหล้ อยน้าได้ ต
สิ่งมชี วี ิตกบั ชายเลนมรี ากคา้ จนุ
ครบี ช่วยในการเคล

- ในแหล่งท่ีอย่หู น่ึง
ความสมั พันธ์ ซง่ึ กัน
สิ่งไม่มีชีวิต เพื่อปร

เรียนรแู้ กนกลำง

ษำปที ่ี 5

ว่างสิ่งไม่มีชวี ิตกับสิง่ มชี ีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมชี วี ิตต่าง
มหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
มรวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

รเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถนิ่
-
ละสตั วม์ ีโครงสร้างและ
สมในแตล่ ะแหลง่ ที่อยู่ ซึ่ง - สารวจ และอธบิ ายความสมั พันธข์ อง
รปรับตวั ของสงิ่ มชี ีวิต สิ่งมีชวี ิตทพี่ บในโรงเรยี น และชายฝ่ังทะเล
ละอยรู่ อดไดใ้ นแต่ละแหลง่
วามชี ่องอากาศในก้านใบ
ต้นโกงกางท่ีขนึ้ อยูใ่ น ป่า
นทาให้ลาต้นไมล่ ม้ ปลามี
ลอ่ื นทใ่ี นน้า

ง ๆ สิ่งมชี ีวิตจะมี
นและกันและสัมพันธก์ ับ
ระโยชนต์ ่อการดารงชวี ติ

หลักสตู รสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา

รหัสตัวช้ีวดั ตัวช้ีวัด สำระกำร
ว 1.1 ป 5/3 3. เขียนโซ่อาหารและระบบุ ทบาทหน้าท่ี
ของส่งิ มีชีวิตทเี่ ปน็ ผู้ผลิตและผบู้ รโิ ภคในโซ่ เชน่ ความสัมพนั ธก์
ว 1.1 ป 5/4 อาหาร อาหาร เปน็ แหล่งท
เลยี้ งดลู กู อ่อน ใชอ้
4. ตระหนกั ในคุณคา่ ของส่งิ แวดล้อมทีม่ ีต่อ - ส่งิ มีชีวติ มกี ารกนิ
การดารงชวี ติ ของสงิ่ มีชีวิต โดยมีส่วนรว่ ม กัน เป็นทอด ๆ ในร
ในการดูแลรักษาส่งิ แวดล้อม สามารถระบุบทบา
ผผู้ ลติ และผบู้ ริโภค

รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นร้ทู ้องถ่ิน

กนั ด้านการกินกันเป็น - เขียนโซ่อาหารแสดงความสัมพันธข์ อง

ที่อยู่อาศยั หลบภยั และ สิ่งมีชวี ิตภายในโรงเรียน และบริเวณชายหาด

อากาศในการหายใจ

นกนั เป็นอาหารโดยกินตอ่

รปู แบบของโซอ่ าหารทาให้

าทหน้าที่ของส่งิ มชี ีวติ เป็น



หลักสตู รสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา

สำระท่ี 1 วทิ ยำศำสตรช์ วี ภำพ

มำตรฐำน ว 1.2 เข้ำใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐำนของสิ่งมีชีวิต กำรลำเลี
ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทำงำนสัมพันธ์กัน ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำง และหน้ำท
ประโยชน์

รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ช้วี ดั สำระกำร
- -

ยงสำรผ่ำนเซลล์ควำมสัมพันธ์ของโครงสร้ำง และหน้ำที่ของระบบต่ำง ๆ
ท่ีของอวัยวะต่ำง ๆ ของพืชที่ทำงำนสัมพันธ์กันรวมทั้ งนำควำมรู้ไปใช้

รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นร้ทู ้องถ่ิน
- -

หลักสตู รสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา

สำระท่ี 1 วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ

มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณ
สิง่ มีชวี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวฒั นาการของสิง่ มชี วี ิต รวมทั้งนาความร้ไู

รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ชี้วัด สำระกำร
ว 1.2 ป 5/1
1. อธบิ ายลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีมีการ - สิง่ มชี ีวติ ทัง้ พืช สตั
ว 1.2 ป 5/2
ถา่ ยทอดจากพ่อแมส่ ู่ลกู ของพืช สตั ว์ และ เต็มท่ีจะมีการสืบพ

มนุษย์ ดารงพนั ธ์ุ โดยลูกท

2. แสดงความอยากรู้อยากเห็นโดยการถาม ถา่ ยทอดลักษณะท
คาถามเกย่ี วกบั ลักษณะท่ีคล้ายคลึงกันของ ให้มีลักษณะทางพนั

ตนเองกับพ่อแม่ จากสงิ่ มชี วี ติ ชนิดอ

- พืชมีการถ่ายทอด

เช่น ลกั ษณะของใบ

- สตั ว์มีการถา่ ยทอ

เชน่ สีขน ลกั ษณะข

- มนษุ ย์มีการถา่ ยท

เช่น เชิงผมทีห่ นา้ ผ

การหอ่ ลนิ้ ลักษณะ

ณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อ
ไปใชป้ ระโยชน์

รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
-
ตว์ และมนษุ ย์ เม่อื โต
พนั ธ์ุเพ่ือเพ่ิมจานวนและ -
ทเ่ี กิดมาจะได้รบั การ
ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ทา
นธกุ รรมที่เฉพาะแตกต่าง
อน่ื
ดลักษณะทางพันธุกรรม
บ สดี อก
อดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
ของขน ลักษณะของหู
ทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม
ผาก ลักยม้ิ ลักษณะหนังตา
ะของตง่ิ หู

หลกั สตู รสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา

สำระที่ 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ

มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพ
หลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการ

รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชีว้ ดั สำระกำร
ว 2.1 ป 5/1
1. อธิบายการเปลย่ี นสถานะของสสาร เมื่อ - การเปลย่ี นสถานะ
ทาใหส้ สารร้อนขนึ้ หรือเยน็ ลง โดยใช้ เปลย่ี นแปลงทางกา
หลักฐานเชงิ ประจักษ์ ให้กับสสารถึงระดับ
ของแข็งเปล่ยี นสถา
การหลอมเหลว แล
จนถงึ อีกระดับหนึ่ง
แก๊ส เรยี กว่า การก
ความร้อนลงถึงระด
สถานะเปน็ ของเหล
และถ้าลดความรอ้ น
ของเหลวจะเปลย่ี น
เรียกวา่ การแข็งตัว
เปลย่ี นสถานะจากข
ผ่านการเป็น ของเห
ส่วนแก๊สบางชนดิ ส
ของแขง็ โดยไม่ผา่ น
เรยี กวา่ การะเหิดก

พันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค
รเกิดปฏกิ ิริยาเคมี

รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถิ่น

ะของสสารเปน็ การ - ทดลอง และอธบิ ายการเปลี่ยนสถานะของ

ายภาพ เม่ือเพ่ิมความร้อน น้าทะเล เม่ือได้รบั ความร้อน

บหนึ่งจะทาใหส้ สารท่ีเป็น - วิเคราะห์ผลผลิตท่ีได้ เม่ือให้ความร้อนกบั

านะเปน็ ของเหลว เรยี กว่า น้าทะเลจนน้าระเหยออกหมด

ละเม่ือเพมิ่ ความรอ้ นต่อไป

งของเหลวจะเปลย่ี นเป็น

กลายเปน็ ไอ แตเ่ ม่ือลด

ดับหน่ึงแก๊สจะเปล่ียน

ลว เรียกวา่ การควบแน่น

นต่อไปอีกจนถึงระดบั หนง่ึ

นสถานะเป็นของแขง็

ว สสารบางชนดิ สามารถ

ของแข็งเป็นแก๊สโดยไม่

หลว เรยี กวา่ การระเหดิ

สามารถเปลี่ยนสถานะเปน็

น การเปน็ ของเหลว

กลบั

หลกั สตู รสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา

รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ชี้วัด สำระกำร
ว 2.1 ป 5/2 2. อธบิ ายการละลายของสารในนา้ โดยใช้
ว 2.1 ป 5/3 หลักฐานเชิงประจกั ษ์ - เม่ือใส่สารลงในน
3. วเิ คราะห์การเปลยี่ นแปลงของสาร เมื่อ เดยี วกันกับน้าท่ัวท
ว 2.1 ป 5/4 เกิดการเปลยี่ นแปลงทางเคมี โดยใช้ การละลาย เรยี กสา
หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
- เม่ือผสมสาร 2 ช
4. วิเคราะห์และระบุการเปล่ียนแปลงท่ผี นั เกิดขึ้น ซ่งึ มสี มบตั ิต
กลบั ไดแ้ ละการเปล่ียนแปลงที่ผนั กลับไม่ได้ สารชนดิ เดียว เกดิ ก
ใหม่เกดิ ขึ้น การเปล
เปลย่ี นแปลงทางเค
หรอื กลน่ิ ต่างจากสา
หรือมตี ะกอนเกิดข
ลดลงของอุณหภูมิ

เมอ่ื สารเกิดการเปล
สามารถเปลีย่ นกลบั
เปล่ยี นแปลงทผ่ี ันก
หลอมเหลว การกล
สารบางอย่างเกิดกา
สามารถเปล่ียนกลบั
เปลย่ี นแปลงทผี่ ันก
การเกดิ สนมิ

รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรยี นร้ทู อ้ งถ่ิน
น้าแลว้ สารน้ันรวมเป็นเนื้อ -
ทุกสว่ น แสดงว่าสารเกดิ -
ารผสมท่ีได้วา่ สารละลาย
ชนดิ ข้นึ ไปแล้วมสี ารใหม่ -
ตา่ งจากสารเดิม หรือเม่ือ
การเปลี่ยนแปลงแล้วมีสาร
ล่ียนแปลงนีเ้ รียกวา่ การ
คมี ซ่งึ สงั เกตได้จากมีสี
ารเดิม หรือ มีฟองแก๊ส
ข้ึน หรือมีการเพิม่ ขึน้ หรือ

ลีย่ นแปลงแลว้ สาร
บเปน็ สารเดมิ ได้ เปน็ การ
กลบั ได้ เช่น การ
ลายเปน็ ไอ การละลาย แต่
ารเปลย่ี นแปลง แล้วไม่
บเป็นสารเดิมได้ เป็นการ
กลบั ไมไ่ ด้ เช่น การเผาไหม้

หลักสตู รสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา

สำระที่ 2 วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ

มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวนั ผลของแรงที่กระ
ประโยชน์

รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชวี้ ัด สำระกำร
ว 2.1 ป 5/1
ว 2.1 ป 5/2 1. อธบิ ายวธิ กี ารหาแรงลพั ธข์ องแรงหลาย - แรงลัพธ์เปน็ ผลรว
ว 2.1 ป 5/3
แรงในแนวเดียวกนั ท่ีกระทาต่อวัตถใุ นกรณี โดยแรงลพั ธ์ของแร
ว 2.1 ป 5/4
ว 2.1 ป 5/5 ทว่ี ตั ถอุ ยูน่ ิง่ จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ เดยี วกันจะมีขนาดเ

2. เขยี นแผนภาพแสดงแรงที่กระทาต่อวัตถุ สองเมื่อแรงท้ังสอง
ท่ีอยู่ในแนวเดียวกันและแรงลัพธท์ ่กี ระทา ทศิ ทางเดยี วกัน แต

ต่อวตั ถุ ของแรงทงั้ สองเม่ือ
3. ใชเ้ คร่อื งชั่งสปรงิ ในการวดั แรงทีก่ ระทา เดียวกนั แตม่ ที ิศทา
ตอ่ วตั ถุ อยนู่ ิ่ง แรงลพั ธ์ท่ีกร
- การเขยี นแผนภาพ

สามารถเขยี นได้โดย

แสดงทศิ ทางของแร

แสดงขนาดของแรง

4. ระบผุ ลของแรงเสียดทานท่ีมตี อ่ การ - แรงเสยี ดทานเปน็

เปลีย่ นแปลงการเคล่ือนท่ขี องวัตถุจาก ผวิ สมั ผัสของวัตถุ เ

หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ วัตถนุ น้ั โดยถา้ ออก

5. เขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและ บนพนื้ ผวิ หนง่ึ ใหเ้ ค
แรง ทอี่ ยู่ในแนวเดียวกันที่กระทาต่อวตั ถุ พนื้ ผิวนนั้ ก็จะต้านก

ถ้าวตั ถุกาลังเคลอ่ื น

วัตถนุ ้ันเคลือ่ นที่ช้า

ะทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้

รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถน่ิ
-
วมของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุ
รง 2 แรงที่กระทาต่อวัตถุ
เทา่ กบั ผลรวมของแรงท้งั
ง อยใู่ นแนวเดยี วกันและมี
ตจ่ ะมขี นาดเท่ากบั ผลตา่ ง
อแรงทั้งสอง อยู่ในแนว
างตรงขา้ มกัน สาหรบั วัตถุที่
ระทาต่อวัตถมุ คี า่ เป็นศนู ย์
พของแรงทีก่ ระทาต่อวัตถุ
ยใชล้ ูกศร โดยหัวลกู ศร
รง และความยาวของลูกศร
งที่กระทาต่อวัตถุ

นแรงที่เกิดขน้ึ ระหวา่ ง
เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของ
กแรงกระทาต่อวตั ถุท่ีอยนู่ งิ่
คล่ือนท่ี แรงเสยี ดทานจาก
การเคลื่อนทีข่ องวัตถุ แต่
นที่ แรงเสียดทานกจ็ ะทาให้
าลง หรือหยดุ น่งิ

หลกั สตู รสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา

สำระที่ 2 วทิ ยำศำสตรก์ ำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลง

พลงั งานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาติของคลนื่ ปรากฏการณ์ท่ีเกย่ี วข้องกบั เสยี

รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชวี้ ัด สำระกำ
ว 2.3 ป 5/1
1. อธบิ ายการได้ยนิ เสียงผ่านตวั กลาง จาก - การได้ยนิ เสยี งนน้ั
ว 2.3 ป 5/2
ว 2.3 ป 5/3 หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ เป็นของแข็ง ของเห
ว 2.3 ป 5/4
ว 2.3 ป 5/5 ส่งผา่ นตัวกลางมาย

2. ระบตุ ัวแปร ทดลองและอธิบาย - เสยี งท่ไี ด้ยนิ มรี ะด

ลกั ษณะและการเกิดเสยี งสงู เสยี งต่า ความถีข่ องการสัน่ ข

3. ออกแบบการทดลองและอธิบาย แหลง่ กาเนิดเสยี งส

ลกั ษณะและการเกิดเสยี งดัง เสยี งคอ่ ย แตถ่ า้ สน่ั ดว้ ยความถ
4. วดั ระดับเสียงโดยใชเ้ ครอื่ งมือวดั ระดับ ดังคอ่ ยท่ีไดย้ ินขน้ึ ก
เสยี ง แหลง่ กาเนดิ เสยี ง โ
5. ตระหนกั ในคณุ ค่าของความรู้เรอื่ งระดบั พลังงานมากจะเกดิ
เสยี งโดยเสนอแนะแนวทางในการหลกี เลี่ยง เสยี งสนั่ ดว้ ยพลังงา
- เสียงดังมาก ๆ เป
และลดมลพิษทางเสยี ง
เสยี งทีก่ อ่ ใหเ้ กิดคว

เดซเิ บลเป็นหน่วยท

งและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน
ยง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทง้ั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์

ำรเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ
-
นต้องอาศัยตวั กลางโดยอาจ
หลว หรอื อากาศ เสยี งจะ -
ยังหู

ดับสงู ต่าของเสียงตา่ งกันขนึ้ กบั
ของแหล่งกาเนิดเสียง โดยเมือ่
สน่ั ด้วยความถ่ตี า่ จะเกิดเสยี งต่า
ถีส่ งู จะเกิดเสยี งสูง สว่ นเสยี ง
กบั พลงั งานการสน่ั ของ
โดยเมื่อแหลง่ กาเนิดเสียงสัน่
ดเสยี งดัง แต่ถา้ แหลง่ กาเนิด
านน้อยจะเกดิ เสียงค่อย
ปน็ อนั ตรายตอ่ การไดย้ นิ และ
วามราคาญเป็นมลพษิ ทางเสียง
ที่บอกถึงความดังของเสียง

หลักสตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา

สำระท่ี 3 วทิ ยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ

มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวฒั นาก
ระบบสรุ ยิ ะที่สง่ ผลต่อส่ิงมชี ีวิตและการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ

รหัสตัวชี้วดั ตัวช้วี ัด สำระกำ
ว 3.1 ป 5/1 1. เปรยี บเทียบความแตกต่างของดาว
เคราะห์และดาวฤกษจ์ ากแบบจาลอง - ดาวท่ีมองเหน็ บน
ว 3.1 ป 5/2 บรเิ วณทอี่ ยู่นอกบร
2. ใชแ้ ผนทีด่ าวระบุตาแหน่งและเสน้ ทาง และดาวเคราะห์ ดา
การขน้ึ และตกของกลมุ่ ดาวฤกษบ์ นท้องฟ้า สามารถมองเหน็ ได
และอธิบายแบบรูปเส้นทางการข้นึ และตก แหลง่ กาเนิดแสง แ
ของกลุม่ ดาวฤกษบ์ นท้องฟา้ ในรอบปี แสงจากดวงอาทิตย
สะท้อนเข้าสตู่ า

- การมองเห็นกลุม่ ด
จากจินตนาการของ
ทปี่ รากฏในท้องฟ้า
เรยี งกันที่ตาแหนง่ ค
ตกตามเสน้ ทางเดิม
เดิมการสังเกตตาแห
ดาวฤกษแ์ ละกลุ่มด
แผนทดี่ าว ซึง่ ระบุม
ปรากฏ ผสู้ งั เกตสา
ของมมุ เงยเม่ือสังเก

การของเอกภพ กาแลก็ ซีดาวฤกษ์ และระบบสุรยิ ะ รวมทั้งปฏสิ มั พนั ธภ์ ายใน

ำรเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ท้องถน่ิ
นท้องฟา้ อยู่ในอวกาศซ่งึ เป็น -
รรยากาศของโลกมที ั้งดาวฤกษ์
าวฤกษ์เป็นแหล่งกาเนิดแสงจึง -
ด้ ส่วนดาวเคราะห์ ไมใ่ ช่
แต่สามารถมองเห็นไดเ้ นอ่ื งจาก
ย์ตกกระทบดาวเคราะห์แล้ว

ดาวฤกษ์มีรูปรา่ งต่าง ๆ เกดิ
งผู้สังเกต กลุ่มดาวฤกษต์ ่าง ๆ
าแต่ละกล่มุ มดี าวฤกษ์แต่ละดวง
คงท่ี และมีเสน้ ทางการขึ้นและ
มทุกคืน ซง่ึ จะปรากฏตาแหน่ง
หน่งและการขน้ึ และตกของ
ดาวฤกษส์ ามารถทาไดโ้ ดยใช้
มมุ ทิศและมุมเงยท่ีกล่มุ ดาวนน้ั
ามารถใชม้ อื ในการประมาณค่า
กตดาวในท้องฟ้า

หลักสตู รสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา

สำระท่ี 3 วทิ ยำศำสตรโ์ ลก และอวกำศ

มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระ
เปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศโลกรวมทั้งผลต่อสงิ่ มีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม

รหัสตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ัด สำระกำ
ว 3.2 ป 5/1 1. เปรียบเทียบปรมิ าณน้าในแต่ละแหล่ง - โลกมีทั้งนา้ จดื และ
และระบุปริมาณน้าทมี่ นุษยส์ ามารถ ๆ ทม่ี ีทงั้ แหล่งน้าผิว
ว 3.2 ป 5/2 นามาใช้ประโยชน์ได้ จากข้อมลู ทรี่ วบรวม แมน่ า้ และแหล่งน้า
ว 3.2 ป 5/3 ได้ บาดาล น้าทงั้ หมดข
ประมาณร้อยละ 9
2. ตระหนกั ถงึ คุณคา่ ของน้าโดยนาเสนอ แหล่งน้าอ่นื ๆ และ
แนวทาง การใชน้ า้ อย่างประหยัดและการ 2.5 เปน็ น้าจดื ถา้ เ
อนรุ กั ษ์น้า มากไปนอ้ ยจะอยู่ท
3. สร้างแบบจาลองท่ีอธบิ ายการหมุนเวียน ใต้ดนิ ช้นั ดนิ เยือกแ
ของน้าในวัฏจักรนา้ ทะเลสาบ ความชน้ื
บงึ แมน่ ้า และนา้ ใน
- นา้ จดื ท่ีมนุษยน์ าม
ควรใชน้ า้ อย่างประ

- วัฏจกั รน้า เป็นกา
ซา้ เดิม และต่อเน่ือ
ผวิ ดนิ และนา้ ใต้ดนิ
ของพืชและสัตวส์ ่งผ

ะบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการ

ำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ ้องถิ่น
ะน้าเค็มซึ่งอยใู่ นแหล่งน้าต่าง -
วดิน เช่น ทะเล มหาสมุทร บึง
าใต้ดิน เช่น น้าในดนิ และน้า
ของโลกแบ่งเป็นน้าเคม็
97.5ซง่ึ อยู่ในมหาสมทุ รและ
ะท่ีเหลอื อีกประมาณร้อยละ
เรียงลาดับปรมิ าณนา้ จดื จาก
ที่ ธารน้าแข็งและพืดนา้ แข็ง น้า
แขง็ คงตวั และน้าแขง็ ใต้ดิน
นในดิน ความช้นื ในบรรยากาศ
นสิ่งมชี วี ติ
มาใช้ได้มีปริมาณน้อยมาก จงึ
ะหยดั และร่วมกนั อนุรกั ษ์นา้

ารหมุนเวียนของน้าทม่ี ีแบบรูป
องระหวา่ งน้าในบรรยากาศ นา้
น โดยพฤติกรรมการดารงชีวิต
ผลตอ่ วัฏจกั รนา้

หลกั สตู รสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา

รหสั ตวั ชี้วดั ตัวช้วี ัด สำระกำ
ว 3.2 ป 5/4 4. เปรียบเทียบกระบวนการเกิดเมฆ หมอก
น้าคา้ ง และนา้ คา้ งแขง็ จากแบบจาลอง - ไอน้าในอากาศจะ
ว 3.2 ป 5/5 โดยมลี ะอองลอย เช
5. เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดฝน หิมะ ดอกไม้ เป็นอนภุ าค
และลกู เหบ็ จากขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ จานวนมากเกาะกล
มาก เรียกว่า เมฆ แ
รวมกันอย่ใู กล้พื้นด
ควบแน่นเปน็ ละออ
พน้ื ดนิ เรียกว่า นา้ ค
กว่าจดุ เยือกแข็ง น

- ฝน หมิ ะ ลกู เหบ็
สถานะต่าง ๆ ทตี่ ก
ละอองนา้ ในเมฆที่ร

ำรเรยี นรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ

ะควบแน่นเป็นละอองนา้ เล็ก ๆ
ชน่ เกลือ ฝุ่นละออง เกสร
คแกนกลาง เม่ือละอองน้า
ลุ่มรวมกนั ลอยอยูส่ ูงจากพ้ืนดนิ
แตล่ ะอองน้าทเ่ี กาะกลมุ่
ดนิ เรยี กว่า หมอก ส่วนไอน้าที่
องน้าเกาะอยู่บนพ้นื ผิววัตถุใกล้
คา้ ง ถา้ อุณหภูมิ ใกลพ้ ื้นดินตา่
นา้ คา้ งกจ็ ะกลายเปน็ นา้ ค้างแขง็

เปน็ หยาดน้าฟ้าซงึ่ เป็นน้าท่มี ี
กจากฟ้าถงึ พื้นดิน ฝน เกิดจาก
รวมตัวกันจนอากาศไมส่ ามารถ

หลักสตู รสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา

สำระที่ 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชีวติ ในสังคม
คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพอื่ แกป้ ญั หา หรอื พฒั นางานอยา่ งมีความคดิ สรา้ งสรร
โดยคานึงถึงผลกระทบตอ่ ชีวิต สงั คม และสิง่ แวดล้อม

รหัสตวั ชี้วัด ตัวชีว้ ดั สำระกำร
- -

สำระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิต

ในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ร้เู ทา่ ทัน และมีจรยิ

รหัสตวั ช้ีวดั ตัวชี้วดั สำระกำร
ว 4.2 ป 5/1
1. ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา - การใชเ้ หตผุ ลเชิงต
การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ กฎเกณฑ์ หรอื เง่ือน
ผลลพั ธ์ จากปัญหาอย่างงา่ ย ใชพ้ จิ ารณา ในการ
ทางาน หรอื การคา
- สถานะเรม่ิ ต้นของ
จะใหผ้ ลลัพธท์ ีแ่ ตก
- ตัวอย่างปญั หา เช
โปรแกรมทานายตัว
เรขาคณติ ตามค่าข้อ
ทางานบา้ นในชว่ งว

มท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใชค้ วามรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์
รค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม

รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิ่น
- -

ตจรงิ อย่างเป็นขัน้ ตอนและเป็นระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร
ยธรรม

รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถิ่น
-
ตรรกะเปน็ การนา
นไขทค่ี รอบคลมุ ทกุ กรณมี า
รแก้ปญั หา การอธิบายการ
าดการณผ์ ลลพั ธ์
งการทางานที่แตกตา่ งกนั
กต่างกัน
ชน่ เกม Sudoku ,
วเลข, โปรแกรมสรา้ งรูป
อมลู เข้า, การจดั ลาดับการ
วนั หยดุ , จดั วางของในครวั

หลักสตู รสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา

รหัสตวั ชี้วดั ตัวชว้ี ดั สำระกำร
ว 4.2 ป 5/2 2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมทม่ี ีการใช้
เหตุผลเชงิ ตรรกะอย่างง่าย ตรวจหา - การออกแบบโปร
ว 4.2 ป 5/3 ขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไข เขียน เปน็ ขอ้ ความ
- การออกแบบและ
3. ใช้อินเทอรเ์ น็ตคน้ หาขอ้ มูล ตรวจสอบเงื่อนไขท
ติดต่อสือ่ สารและทางานรว่ มกนั ประเมิน ได้ผลลพั ธ์ทถี่ ูกตอ้ ง
ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมลู - หากมขี ้อผิดพลาด
ทีละคาสง่ั เมื่อพบจ
ใหท้ าการแก้ไขจนก
- การฝกึ ตรวจหาขอ้
ของผู้อ่ืนจะชว่ ยพฒั
ของปญั หาได้ดียิ่งข
- ตัวอย่างโปรแกรม
เลขคู่เลขคี่ โปรแกร
ส่วนสงู แลว้ แสดงผล
โปรแกรมสั่งให้ ตวั ล
กาหนด
- ซอฟตแ์ วร์ท่ีใช้ในก
Scratch, logo

- การคน้ หาข้อมลู ใน
พจิ ารณาผลการค้น
- การตดิ ตอ่ สื่อสารผ
อเี มล บลอ็ ก โปรแก

รเรียนรูแ้ กนกลำง สำระกำรเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน
รแกรมสามารถทาได้โดย
ม หรอื ผงั งาน
ะเขยี นโปรแกรมท่ีมกี าร
ที่ครอบคลุมทกุ กรณเี พื่อให้
งตรงตามความตอ้ งการ
ดให้ตรวจสอบการทางาน
จุดที่ทาให้ผลลพั ธไ์ ม่ถูกต้อง
กวา่ จะได้ผลลัพธ์ที่ถกู ต้อง
อผดิ พลาดจากโปรแกรม
ฒนาทักษะการหาสาเหตุ
ขึ้น
ม เช่น โปรแกรมตรวจสอบ
รมรับข้อมูลนา้ หนักหรือ
ลความสมส่วนของรา่ งกาย,
ละครทาตามเงอื่ นไขที่

การเขยี นโปรแกรม เชน่

นอินเทอรเ์ น็ต และการ
นหา
ผา่ นอินเทอรเ์ นต็ เช่น
กรมสนทนา

หลักสตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศกึ ษา

รหัสตัวชี้วดั ตวั ชว้ี ดั สำระกำร
ว 4.2 ป 5/4
- การเขียนจดหมาย

ภาษาไทย)

- การใช้อนิ เทอรเ์ น

ทางานร่วมกัน เชน่

กลมุ่ ประชาสมั พัน

แลกเปล่ียนความรู้

ภายใต้การดแู ลของ

- การประเมนิ ความ

เปรียบเทยี บความส

ขอ้ มูลจากหลายแห

ผ้เู ขียน วันที่เผยแพ

- ข้อมูลท่ีดีต้องมีรา

ข้อดีและข้อเสยี ปร

4. รวบรวม ประเมนิ นาเสนอ ข้อมลู และ - การรวบรวมขอ้ มลู

สารสนเทศ ตามวัตถุประสงค์โดยใช้ ทางเลอื ก ประเมินผ

ซอฟตแ์ วรห์ รอื บริการบนอนิ เทอร์เนต็ ท่ี เพอ่ื ใช้ในการแกป้ ัญ

หลากหลาย เพ่ือแกป้ ัญหาในชีวิตประจาวัน อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

- การใชซ้ อฟตแ์ วรห์

ทหี่ ลากหลายในการ

สรา้ งทางเลอื ก ประ

ให้การแก้ปัญหาทา

และแม่นยา

รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ท้องถิน่
ย (บูรณาการกับวชิ า

นต็ ในการติดต่อส่อื สารและ
น ใช้นัดหมายในการประชุม
นธก์ จิ กรรมในห้องเรยี น การ
ความคดิ เห็นในการเรยี น
งครู
มน่าเชือ่ ถือของขอ้ มูล เช่น
สอดคล้อง สมบรู ณข์ อง
หลง่ แหล่งตน้ ตอของข้อมูล
พร่ข้อมูล
ายละเอียดครบทกุ ดา้ น เชน่
ระโยชน์และโทษ
ล ประมวลผล สรา้ ง
ผล จะทาให้ไดส้ ารสนเทศ
ญหาหรือการตดั สนิ ใจได้

หรอื บริการบนอินเทอรเ์ น็ต
รรวบรวม ประมวลผล
ะเมินผล นาเสนอ จะช่วย
าได้อยา่ งรวดเร็ว ถกู ตอ้ ง

หลักสตู รสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา

รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชี้วดั สำระกำร
ว 4.2 ป 5/5
5. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั - ตัวอย่างปญั หา เช
มมี ารยาท เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าทีข่ องตน แผนท่ี ในทอ้ งถิ่นเพ
เคารพในสิทธิของผู้อน่ื แจง้ ผเู้ ก่ยี วขอ้ งเม่อื จดั การพืน้ ที่ว่างใหเ้
พบข้อมูลหรอื บุคคลที่ไม่เหมาะสม สารวจความคดิ เหน็
ข้อมูล นาเสนอข้อม
web page

อันตรายจากการใช
อินเทอร์เน็ต
- มารยาทในการติด
อนิ เทอร์เน็ต (บรู ณ

รเรยี นรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
ชน่ ถ่ายภาพและสารวจ
พ่ือนาเสนอแนวทางในการ
เกดิ ประโยชน์ ทาแบบ
นออนไลน์ และวเิ คราะห์
มลู โดยการใช้ Blog หรอื

ช้งานและอาชญากรรม ทาง

ดต่อส่ือสารผ่าน
ณาการกับวิชาทีเ่ ก่ียวข้อง)

หลักสตู รสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา

ตวั ชว้ี ัดและสำระกำรเ

ช้นั ประถมศกึ ษ

สำระท่ี 1 วทิ ยำศำสตร์ชีวภำพ

มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสมั พันธร์ ะหว
ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความ
สง่ิ แวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อม

รหสั ตวั ช้ีวดั ตัวชี้วดั สำระกำร
- -

สำระที่ 1 วทิ ยำศำสตรช์ ีวภำพ

มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชวี ิต หน่วยพ้ืนฐานของส่งิ มีชีวติ การล
ของสัตว์และมนุษย์ทีท่ างานสัมพันธ์กัน ความสัมพนั ธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าทีข่ องอว

รหัสตัวชี้วัด ตวั ช้ีวดั สำระกำร
ว 1.2 ป 6/1
1. ระบสุ ารอาหารและบอกประโยชน์ของ - สารอาหารที่อยู่ในอ
ว 1.2 ป 6/2 สารอาหารแตล่ ะประเภทจากอาหารที่ คารโ์ บไฮเดรต โปรต
ตนเองรับประทาน และนา้
- อาหารแตล่ ะชนิดป
2. บอกแนวทางในการเลอื กรับประทาน แตกตา่ งกนั อาหารบ
อาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสดั สว่ น สารอาหารประเภทเ
ท่เี หมาะสมกับเพศและวยั รวมทงั้ ความ ประกอบด้วยสารอา
ปลอดภัยต่อสุขภาพ

เรียนรแู้ กนกลำง

ษำปีท่ี 6

ว่างสงิ่ ไม่มีชวี ิตกบั สิ่งมีชีวิตและความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงมีชวี ิตกับสิ่งมีชวี ิตต่าง
มหมายของประชากรปัญหาและผลก ระทบท่ีมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ
มรวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

รเรียนรู้แกนกลำง สำระกำรเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน
- -

ลาเลียงสารผ่านเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ
วยั วะต่าง ๆ ของพืชทที่ างานสัมพันธก์ นั รวมทง้ั นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

รเรยี นรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรูท้ ้องถิ่น
-
อาหารมี 6 ประเภท ได้แก่
ตนี ไขมนั เกลือแร่ วติ ามนิ

ประกอบด้วยสารอาหาร ท่ี -
บางอย่างประกอบด้วย
เดียว อาหารบางย่าง
าหารมากกว่าหนงึ่ ประเภท

หลกั สตู รสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศึกษา

รหสั ตวั ช้ีวัด ตวั ชี้วดั สำระกำร
ว 1.2 ป 6/3
3. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของสารอาหาร - สารอาหารแตล่ ะป
ว 1.2 ป 6/4
โดยการเลอื กรับประทานอาหารที่มีสารอา ร่างกายแตกต่างกัน

หารครบถว้ นในสัดส่วนท่ีเหมาะสมกับเพศ และไขมนั เปน็ สารอ

และวยั รวมท้ังปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ ร่างกาย ส่วนเกลือแร

สารอาหารท่ีไมใ่ ห้พล

รา่ งกายทางานไดเ้ ป็น

อาหารเพ่ือให้ร่างกาย

เปล่ียนแปลงของรา่ ง

สขุ ภาพดี จาเปน็ ต้อง

เพียงพอกบั ความต้อ

สารอาหารครบถ้วนใ

เพศ และวยั รวมทง้ั ต

ปรมิ าณของวตั ถุ เจือ

ปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ

4. สรา้ งแบบจาลองระบบย่อยอาหาร และ - ระบบยอ่ ยอาหารป

บรรยายหนา้ ท่ีของอวัยวะในระบบย่อย ไดแ้ ก่ ปาก หลอดอา

อาหาร รวมทัง้ อธบิ ายการย่อยอาหารและ เล็ก ลาไส้ใหญ่ ทวาร

การดูดซึมสารอาหาร

รเรียนร้แู กนกลำง สำระกำรเรยี นร้ทู ้องถ่นิ
ประเภทมีประโยชน์ต่อ -
โดยคาร์โบไฮเดรต โปรตนี
อาหารท่ีให้พลังงานแก่ -
ร่ วิตามินและนา้ เปน็
ลงั งานแก่รา่ งกาย แตช่ ่วยให้
นปกติ – การรับประทาน
ยเจรญิ เตบิ โต มีการ
งกายตามเพศและวยั และ มี
งรบั ประทานใหไ้ ด้พลังงาน
องการของรา่ งกาย และใหไ้ ด้
ในสัดส่วนทเี่ หมาะสมกับ
ตอ้ งคานงึ ถงึ ชนดิ และ
อปนในอาหารเพื่อความ

ประกอบด้วยอวยั วะต่าง ๆ
าหาร กระเพาะอาหาร ลาไส้
รหนัก ตับ และตบั อ่อน ซง่ึ

หลกั สตู รสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั ประถมศกึ ษา

รหสั ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด สำระกำร
ว 1.2 ป 6/5
5. ตระหนักถึงความสาคญั ของระบบย่อย ทาหนา้ ทีร่ ว่ มกันในก

อาหาร โดยการบอกแนวทางในการดแู ล สารอาหาร

รักษาอวยั วะในระบบย่อยอาหารใหท้ างาน - ปาก มฟี ันช่วยบดเ

เปน็ ปกติ และมีลิ้นชว่ ยคลกุ เค

นา้ ลาย มเี อนไซมย์ ่อ

– หลอดอาหาร ทาห

ปาก ไปยังกระเพาะอ

อาหารมีการยอ่ ยโปร

สร้างจากกระเพาะอ

- ลาไสเ้ ลก็ มีเอนไซม

เองและจากตับอ่อนท

คาร์โบไฮเดรต และไ

คารโ์ บไฮเดรต และไ

สารอาหารขนาดเล็ก

นา้ เกลือแร่ และวิตา

ลาไสเ้ ลก็ เขา้ สูก่ ระแส

สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งก

คาร์โบไฮเดรต และไ

แหลง่ พลังงานสาหรับ

น้า เกลือแร่ และวิตา

ทางานได้เปน็ ปกติ

- ตบั สรา้ งน้าดแี ลว้ ส

ไขมนั แตกตัว

รเรียนรแู้ กนกลำง สำระกำรเรียนรู้ทอ้ งถิน่
การย่อยและดูดซึม

เคย้ี วอาหารให้มขี นาดเล็กลง
คลา้ อาหารกับนา้ ลาย ใน
อยแปง้ ให้เป็นนา้ ตาล
หนา้ ที่ลาเลียงอาหารจาก
อาหาร ภายในกระเพาะ
รตนี โดยกรดและเอนไซม์ที่
อาหาร
ม์ทีส่ รา้ งจากผนงั ลาไสเ้ ลก็
ท่ีช่วยยอ่ ยโปรตนี
ไขมัน โดยโปรตนี
ไขมนั ทผ่ี ่านการย่อยจนเปน็
กพอท่ีจะ ดูดซึมได้ รวมถงึ
ามนิ จะถูกดูดซึม ทผี่ นัง
สเลือด เพ่ือลาเลียงไปยัง
กาย ซงึ่ โปรตีน
ไขมัน จะถกู นาไปใชเ้ ป็น
บใช้ในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ส่วน
ามนิ จะช่วยให้ร่างกาย

สง่ มายงั ลาไส้เล็กชว่ ยให้

หลกั สตู รสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา


Click to View FlipBook Version