The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ศีลของพระและสมณวิสัย สมบูรณ์
จัดพิมพ์หนังสือเป็นธรรมบรรณาการ
โดย ดร.ศักยะ สมบัติไพรวัน
ร่วมกับ มูลนิธิธรรมสภา บันลือธรรม และเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by หอศิลป์ พุทธะ, 2021-06-28 05:46:35

ศีลของพระและสมณวิสัย สมบูรณ์

ศีลของพระและสมณวิสัย สมบูรณ์
จัดพิมพ์หนังสือเป็นธรรมบรรณาการ
โดย ดร.ศักยะ สมบัติไพรวัน
ร่วมกับ มูลนิธิธรรมสภา บันลือธรรม และเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน

Keywords: ศ๊ลของพระ

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 131

ของใหญ พนจากตัดไมสีฟน แลปอกออยข้ึนไปได ๑
ขวานเครอ่ื งผา ไม ๑ ผง่ึ เครอ่ื งถากไม ๑ จอบเสยี ม
เครอ่ื งขดุ ดนิ ๑ เหลก็ หมาดบดิ หลา เครอ่ื งเจาะไช ๑
เกา สงิ่ นเี้ ปน หมวดท่ี ๔

เถาวลั ยย าวแตก ง่ึ แขนขนึ้ ไป ๑ ไมไ ผย าว ๘ นวิ้
ขน้ึ ไป ๑ หญา มงุ กระตา ย ๑ หญา ปลอ ง ๑ หญา ตา ง ๆ
ทสี่ ำหรบั มงุ บงั ไดแ ตก ำมอื หนงึ่ ขน้ึ ไป ๑ ดนิ ปกตแิ ละดนิ
สตี า ง ๆ เปน เครอ่ื งทา ๑ เครอ่ื งใชท ำดว ยไมต า งๆ ยาว
แต ๙ นว้ิ ขน้ึ ไป ๑ เครอื่ งใชท ำดว ยดนิ ตา ง ๆ ๑ แปด
สงิ่ นเี้ ปน หมวดท่ี ๕ บรรจบเปน ของ ๒๕ สงิ่

สิ่งเหลาน้ีสิ่งใดส่ิงหน่ึง ทายกถวายแกสงฆก็ดี
เกดิ ในทสี่ งฆก ด็ ี ชอื่ วา เปน ของสงฆ เปน ครภุ ณั ฑ อนั สงฆ
และคณะและบุคคลจะพึงสละและแจกไมได ถึงสละ
และแจกไป กไ็ มเ ปน อนั สละและแจก คงเปน ของ ๆ สงฆ
อยอู ยา งเดมิ

ภิกษุไดสละหรือแจกของเหลาน้ี ดวยถือตัววา
เปน ใหญ ตอ งอาบตั ถิ ลุ ลจั จยั ถา เสยี สละหรอื แจกดว ย
ไถยจติ ใหพ ระวนิ ยั ธรพงึ ปรบั อาบตั ติ ามราคาของนนั้ ๆ

132 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

ครุภณั ฑเ หลานีก้ ำหนดเห็นวาทำอยางนี้ จะเปน
อปุ การะแกส งฆ เอาสงิ่ ทเ่ี ปน ของถาวรแลกเปลย่ี นสงิ่ ท่ี
เปน ของถาวรดว ยกนั กด็ ี เอาสง่ิ นอกน้ันทเ่ี ปน กปั ปย ะ
แมท ร่ี าคามากแลกเปลยี่ นของนอกนน้ั ดว ยกนั ดว ยการ
แลกเปลยี่ นเปน กปั ปย ะกด็ กี ค็ วร หรอื จะเสยี สละครภุ ณั ฑ
เหลา นนั้ ทเ่ี ปน ของเลวแลว แลกเปลย่ี นบณิ ฑบาตเปน ตน
เอามาบรโิ ภค เพอื่ จะรกั ษาเสนาสนะเปน ตน ทเ่ี ปน ของดี
ในเวลาขา วแพงเปน ตน กค็ วร ในครภุ ณั ฑเ หลา นข้ี องสง่ิ ใด
ส่ิงหน่ึงมีไมไผเปนตน ภิกษุจะถือเอาเพื่อประโยชนตน
พึงทำผาติกรรมใชหน้ีตอบแทนใหเสมอกันหรือยิ่งกวา
จงึ ถอื เอากค็ วร

หมอบาตรถวยขันทองหา กาน้ำท่ีไมจุน้ำได ๕
ทะนานมคธกด็ ี ไมด า มหยอดตา กลอ งยานตั ถุ ไมไ ชหู
เข็มเย็บผา เข็มเย็บใบไม มีดพับ เหล็กแหลมเล็ก ๆ
กญุ แจดาล เปน ตน เครอื่ งโลหะกด็ ี เครอื่ งไมก ด็ ที ที่ ำ
คา งอยู เหลา นไี้ มเ ปน ครุภณั ฑ เปน ของแจกได เถาวลั ย
และไม เปน ตน เมอื่ ทำการสงฆแ ละการเจดยี เ สรจ็ แลว
เหลืออยูจะนอมเขาไปในการบุคคลก็ควร ซ่ึงวามาน้ี

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 133

สังเขป ถาประสงคจะรูพิสดาร พึงดูในจตุตถสมันต-
ปาสาทกิ า เถดิ ฯ

ขอ หนงึ่ อยา ใหเ ขาทำสตั ถกรรมในทแ่ี คบ ขอ หนง่ึ
อยา ใหเ ขาทำสตั ถกรรมในโอกาสทเ่ี พยี ง ๒ นวิ้ แตท ใี่ กล
คอื ทวารหนกั ถา ใหเ ขาทำ ตอ งถลุ ลจั จยั สตั ถกรรมนน้ั
คือตัดหรือผาหรือแทงหรือขีด ดวยศัสตราหรือเข็ม
หรอื หนามหรอื กระเทาะศลิ าหรอื เลบ็ กด็ ี อนั ใดอนั หนง่ึ
ในโอกาสท่ีกำหนดในทวารหนักน้ัน อยางนี้ชื่อวาทำ
สตั ถกรรมทง้ั สน้ิ เปน ถลุ ลจั จยั แลว บบี หวั ไสด ว ยหนงั
หรือผาอันใดอันหนึ่ง ก็อยาพึงทำดวยอาการทั้งส้ินน้ัน
ชอื่ วา วตั ถกิ รรม ถา ทำเปน ถลุ ลจั จยั

กแ็ ลวา ในโอกาสทเ่ี พยี ง ๒ นวิ้ แตท ใ่ี กลท แ่ี คบ คอื
ทวารหนกั นนั้ หา มแตส ตั ถกรรมและวตั ถกิ รรมในทแี่ คบ
อยา งเดยี ว กแ็ ตว า ภกิ ษจุ ะหยอดนำ้ แสบน้ำดา งในหวั ไส
นนั้ หรอื จะเอาเชอื กอนั ใดอนั หนงึ่ ผกู รดั หวั ไส กค็ วรอยู
ถา หากวา หวั ไสน น้ั ขาดออกมาดว ยนำ้ แสบหรอื เชอื ก ชอื่
วา ขาดดว ยดี ไมม โี ทษ

134 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

จะทำสตั ถกรรม ผา เจาะในอณั ฑะทบี่ วมนน้ั ไมค วร
เพราะเหตนุ น้ั จะทำอณั ฑะควกั เอาพชื ออกเสยี ดว ยคดิ
จะทำใหห ายโรคเชน นี้ อยา พงึ ทำ กแ็ ตจ ะรมจะยา งดว ย
เพลงิ แลทายาเหลา น้ี ไมห า ม ในทวารหนกั จะเอากรวย
ใบไม หรอื เกลยี วชดุ หรอื กระบอกไมไ ผท ท่ี ายาสวม แลว
เอานำ้ ดา งนำ้ แสบหยอดลงในกรวย หรอื เอานำ้ มนั เทลง
ไปในกระบอกไมไผน้ัน ใหไหลเขาไปในทวารหนักดังน้ี
ควรอยู ๔ สกิ ขาบทนเี้ ปน สจติ ตกะ ไมร ู ไมเ ปน อาบตั ิ

ขอหน่ึงภิกษุอยาพึงฉันเนื้อมนุษย ถาฉันเปน
ถลุ ลจั จยั ดว ยทรงหา มไว ใชแ ตเ นอ้ื อยา งเดยี ว แมก ระดกู
และเลอื ด หนงั แลขนกไ็ มค วร สกิ ขาบทนเ้ี ปน อจติ ตกะ
รไู มร กู เ็ ปน อาบตั ิ

อนงึ่ ถลุ ลจั จยาบตั มิ มี าก ไมไ ดข น้ึ สปู าฏโิ มกขเุ ทศ
วา โดยอาคตฏั ฐานทม่ี ามี ๓ สถาน คอื มาในขนั ธกะแหง
๑ เรยี กชอื่ วา ขนั ธกถลุ ลจั จยั มาในวนิ ตี วตั ถแุ หง ปาราชกิ
แลสงั ฆาทเิ สสแหง ๑ เรยี กชอื่ วา วินตี วตั ถถุ ลุ ลจั จยั มา
ในวภิ งั คแ หง ปาราชกิ แลสงั ฆาทเิ สสแหง ๑ เรยี กชอื่ วา
วภิ งั คถลุ ลจั จยั เพราะเหตนุ นั้ บญั ญตั แิ หง ถลุ ลจั จยาบตั ิ
จงึ มมี าก ไมม กี ำหนด

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 135

ขนั ธกถลุ ลจั จยั นนั้ ดงั นี้
ภกิ ษอุ ยา พงึ ถอื ตติ ถยิ วตั ร๘๔ เปลอื ยกายไมน งุ หม
ถา ภิกษุใดปฏบิ ัติดังน้ีตอ งถุลลัจจยั ภิกษุอยา ทรงผา
คากรอง อยา ทรงผา ทเี่ ขากรองถกั ดว ยเปลอื กไม อยา
ทรงผา ทเี่ ขาทำดว ยกระดาน อยา ทรงผา กมั พลทำดว ย
ขนหางสัตว อยาทรงผาทำดวยปกนกเคา อยาทรง
หนงั เสอื อยา ทรงผา ทำดว ยปอ ผา เหลา นเ้ี ปน ธงแหง
ตติ ถยิ ะ ภกิ ษใุ ดทรงผา เหลา นี้ ตอ งถลุ ลจั จยั
ขอหน่ึงภิกษุอยาพึงตององคชาตนิมิตแหง
เดรจั ฉานตวั เมยี ดว ยจติ กำหนด ถา ถกู ตอ งเปน ถลุ ลจั จยั
ขอ หนง่ึ วนั อโุ บสถหรอื วนั ปวารณา ภกิ ษเุ จา อาวาส
ตงั้ แต ๔ หรอื ๕ ขน้ึ ไป รอู ยวู า ภกิ ษเุ จา อาวาสดว ยกนั
หรือภิกษุเปนอาคันตุกะอื่น อยูในสีมาอันเดียวกันมีอยู
แตย งั ไมม าสโู รงอโุ บสถโรงปวารณา เขา หตั ถบาสแกลง
จะใหเ ธอเหลา นนั้ ฉบิ หาย หรอื ดว นทำอโุ บสถหรอื ปวารณา
เสยี กอ น ตอ งถลุ ลจั จยั เหลา นกี้ ด็ ี ถลุ ลจั จยั ๕ ขอ กอ น
กด็ ี เปน ขนั ธกถลุ ลจั จยั

136 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

วนิ ตี วตั ถถุ ลุ ลจั จยั มดี งั นี้
ภิกษุหนึ่งปรารถนาจะใหอสุจิเคลื่อนเดินทางไป
อสจุ ไิ มเ คลอื่ น ตอ งถลุ ลจั จยั อนงึ่ ภกิ ษเุ คลา คลงึ หญงิ
ทตี่ ายแลว ตอ งถลุ ลจั จยั ๆ อยา งนช้ี อื่ วนิ ตี วตั ถถุ ลุ ลจั จยั
กแ็ ลวภิ งั คถลุ ลจั จยั นน้ั มหี ลายอยา ง
คอื เปน อนสุ าวนถลุ ลจั จยั บา ง วมิ ตถิ ลุ ลจั จยั บา ง
ยถาสญั ญาถลุ ลจั จยั บา ง ยถาเขตตถลุ ลจั จยั บา ง ยถาวตั ถุ
ถลุ ลจั จยั บา ง ยถาปโยคถลุ ลจั จยั บา ง ยถาวชั ชถลุ ลจั จยั
บา ง อนสุ าวนถลุ ลจั จยั นนั้ ดงั อาบตั ถิ ลุ ลจั จยั เพราะสงฆ
ทำสมนภุ าสนกรรม ๔ อยา ง หรอื ๘ อยา ง อนั ใดอนั หนง่ึ
แกภ กิ ษหุ รอื ภกิ ษณุ ี เพอ่ื จะใหล ะกรรมนนั้ ๆ เสยี แลเธอ
ไมล ะเสยี จบอนสุ าวนาที่ ๑ ท่ี ๒ ลง ตอ งถลุ ลจั จยั ๆ
อยา งนชี้ อื่ วา อนสุ าวนถลุ ลจั จยั ๆ น้ี เมอื่ จบอนสุ าวนาท่ี
๓ ตอ งครกุ าบตั ิ แลว รำงบั ไปเอง ไมต อ งแสดง
หญงิ ...ภกิ ษสุ งสยั อยวู า หญงิ หรอื มใิ ช แลกำหนดั
ยินดีถูกตองกายหญิงนั้นดวยกายตน ตองถุลลัจจัย
ถลุ ลจั จยั ดงั นชี้ อ่ื วา วมิ ตถิ ลุ ลจั จยั เพราะตอ งดว ยความ
สงสยั หญงิ ...ภกิ ษสุ ำคญั วา เปน บณั เฑาะก๘๕ กำหนดั

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 137

ยินดีถูกตองกายหญิงนั้นดวยกายตน ตองถุลลัจจัย
ถุลลัจจัยดังน้ีช่ือวา ยถาสัญญาถุลลัจจัย เพราะเปน
อาบตั ติ ามสญั ญาความสำคญั

ภกิ ษมุ คี วามกำหนดั สรรเสรญิ หรอื ตเิ ตยี นอวยั วะ
หญิงเบ้ืองบนแตรากขวัญลงไป เบื้องตำ่ แตเขาขึ้นมา
ยกทวารหนกั ทวารเบาเสยี ตอ งถลุ ลจั จยั ถลุ ลจั จยั ดงั นี้
ชอื่ วา ยถาเขตตถลุ ลจั จยั เพราะเปน อาบตั ติ ามเขต

ภกิ ษจุ บั ตอ งกายบณั เฑาะกด ว ยกายตน ดว ยความ
กำหนดั ตอ งถลุ ลจั จยั ถลุ ลจั จยั ดงั นช้ี อ่ื วา ยถาวตั ถ-ุ
ถลุ ลจั จยั เพราะเปน อาบตั ติ ามวตั ถุ

ภกิ ษมุ ไี ถยจติ จะพาทาสเขาหนี ชวนกด็ ี หรอื ไลก ด็ ี
ใหท าสนน้ั ยกเทา ทแี่ รกกา วไป ตอ งถลุ ลจั จยั ถลุ ลจั จยั
ขอนี้ช่ือวา ยถาปโยคถุลลัจจัย เพราะเปนอาบัติตาม
ประโยค

ภิกษุเฉพาะตนเอง แลอางเอาผูอื่นเปนปริยาย
อวดอางอุตตริมนุสสธรรมวา ผูใดอยูในวิหารของทาน
ผูนั้นเปนพระอรหันต ดังน้ีเปนตน ผูฟงรูความในขณะ
นนั้ เธอนนั้ ตอ งถลุ ลจั จยั ถลุ ลจั จยั ดงั นชี้ อื่ วา ยถาวชั ช-

138 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

ถุลลัจจัย เพราะเปนอาบัติตามโทษ เพราะอาบัติ
ถลุ ลจั จยั มมี ากตา ง ๆ อยา งน้ี จงึ ไมม กี ำหนดดงั ปาราชกิ
แลสงั ฆาทเิ สสเปน ตน ฯ

จบถลุ ลจั จยั แตเ ทา น้ี

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 139

ทุกกฏ

ภกิ ษอุ ยา นงุ หม ผา ดงั คฤหสั ถ อยา ทรงผา สตี า ง ๆ
มสี เี ขยี วแลเหลอื งเปน ตน อยา ทรงผา มชี ายไมไ ดต ดั แล
ผา มชี ายยาว แลมชี ายเปน ดอกไม แลผา มชี ายเปน แผน
อยาทรงเส้ือกางเกง แลหมวกผาโพก อยาน่ังรัดเขา
ดว ยผา สงั ฆาฏิ อยา มแี ตผ า นงุ แลผา หม เขา บา น

ภกิ ษไุ มเ ปน ไข อยา ไปดว ยยาน แลอยา ใสร องเทา
เขาบาน อยาใสรองเทา ๒ ชั้น ๓ ช้ัน แลรองเทาสี
ตา ง ๆ มสี เี ขยี วเปน ตน แลรองเทา ปกสน ปกหลงั เทา
เปน ตน แลรองเทา ไมร องเทา หญา เปน ตน อยา ทาแล
ผดั ยอ มหนา แลยอ มตวั ดว ยเครอื่ งทาเครอื่ งยอ ม อยา
ทรงเคร่ืองประดับ มีตุมหูเปนตน อยาใหเขาถอนผม
หงอก อยา ใหเ ขาตดั ผม อยา ใหเ ขาตดั ซงึ่ หนวด ไมเ ปน ไข
อยา สอ งดเู งาในกระจกแลภาชนะแหง น้ำ อยา เพง ดนู มิ ติ
หญงิ เมอื่ อาบน้ำอยา สกี ายในตน ไม ในเสา ในฝา อยา เอา
หลงั ตอ หลงั สกี นั ไมเ ปน ไขอ ยา กนั้ รม นอกอปุ จารวดั อยา
ใหเ ขาเขยี นรปู ภาพ

140 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

อยา เอาบาตรคลอ งแขน อยา เอาบาตรวางบน
เตยี งตงั่ บนรม บนตกั บนพรงึ ทปี่ รภิ ณั ฑ อยา วางบน
พน้ื คมแขง็ อยา เอาของเปน เดนใสใ นบาตร อยา เอา
บาตรเปยกเก็บไว การตากแดดก็อยาตากบาตรให
นาน อยานั่งอาสนะยาวกับหญิง แลบัณเฑาะก แล
อภุ โตพยัญชนก๘๖ อยาน่ังที่เตียงต่ังกับอสมานาสนิก
ผูอ าสนะไมเสมอกัน คือผูแกแลออนกวากัน ต้ังแต ๒
พรรษา ๓ รปู

อยา นงั่ นอนทนี่ อนสงู ใหญ มเี ตยี งตงั่ มเี ทา กวา
ประมาณ แลเบาะฟกู ยดั นนุ แลเครอื่ งลาดทำดว ยขน
แกะวจิ ติ รตา ง ๆ เปน ตน อยา ทรงหมอนใหญป ระมาณ
กึ่งกาย อาสนะเขาปูไวไมไดพิจารณากอนน่ังอยาน่ัง
อยานอนในท่ีนอนอันเร่ียรายดวยดอกไม อยาหาม
อาสนะภกิ ษผุ แู ก

อยา ไหวอวนั ทยิ บคุ คล ๑๐ คอื อปุ สมบททหี ลงั
๑ อนปุ สมั บนั ๑ ผมู สี งั วาสตา งกนั เปน ผแู กแ ตเ ปน
อธมั มวาที ๑ มาตคุ าม ๑ บณั เฑาะก ๑ ปารวิ าสกิ ะ๘๗
๑ มูลายปฏิกัสสนารหะ๘๘ ๑ มานัตตารหะ ๑
มานตั ตจารกิ ะ ๑ อพั ภานารหะ ๑

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 141

อยาเอาเสนาสนะของสงฆจะพึงบริโภคในที่อื่น
ไปบรโิ ภคในทอี่ น่ื ภกิ ษฉุ นั คา งอยอู ยา ใหเ ธอลกุ อยา ไล
ใหภ กิ ษไุ ขล กุ จากเสนาสนะของสงฆ พงึ อปุ ฏ ฐากภกิ ษไุ ข
เปน ผไู ขเ ลก็ นอ ยอยา กางกน้ั เสนาสนะ ถอื เอาเสนาสนะ
แลว อยากางกั้นสิ้นกาลท้ังปวง ผูเดียวอยากางก้ัน
เสนาสนะ ๒ แหง

อยารับอยาฉันเนื้อปลาดิบ อยาฉันอุททิสมังสะ
เนอ้ื ปลาทเี่ ขาฆา เฉพาะสหธรรมกิ อยา เรยี นอยา บอก
เดรจั ฉานวชิ า เถระไมไ ดเ ชอ้ื เชญิ กอ น อยา แสดงธรรมใน
ทา มกลางสงฆ อยา ขบั รอ งสวดแสดงธรรมดว ยเสยี ง
ขบั อนั ยาว ไมม ผี า กรองนำ้ อยา เดนิ ทาง ภกิ ษอุ นื่ ยมื ผา
กรองนำ้ อยา หวง

อยาใหของศรัทธาไทย คือของที่เขาใหดวย
ศรัทธาใหตกไป คือใหอนามัฏฐบิณฑบาต ของกินที่ยัง
ไมไดฉันเปนตนแกคฤหัสถ อยาทำอยาใหแลอยานำ
ขาวสาร แลอยา สงเคราะหตระกลู ดวยใหดอกไมลูกไม
เปน ตน

142 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

อยา ประพฤตอิ นาจารตา ง ๆ เปน ตน วา ปลกู เอง
หรอื ใหผ อู นื่ ปลกู ซงึ่ กอไม รดนำ้ เองหรอื ใหผ อู น่ื รด เกบ็
เองหรอื ใหผ อู น่ื เกบ็ รอ ยกรองดอกไมเ องหรอื ใหผ อู น่ื
รอ ยกรอง แลเลน ของเลน ตา ง ๆ มหี มากแยกเปน ตน
อยา กลงิ้ โยนศลิ าเลน อยา ขนึ้ ตน ไม อยา จดุ ปา อยา ใช
อกปั ปย บรขิ ารตา ง ๆ คอื รม เครอ่ื งจวี ร รงั ดมุ บาตร
ภาชนะเครื่องใช ธัมกรก๘๙ ประคดเอง ลูกถวิน๙๐
หัวประคด ฝกกุญแจ มีดพับ มีดตัดเล็บ มีดตัดไม
ไมส ฟี น ไมเ ทา เปน ตน เหลา นเ้ี ปน ของวจิ ติ รงดงามดว ย
ลวดลายปก เยบ็ เครอื วลั ยว กิ ารตา ง ๆ ไมค วร อยา ทรง
พดั วชี นที ำดว ยจนทรายจามรี อยา เคยี้ วไมส ฟี น ยาวกวา
๘ นวิ้ สนั้ กวา ๔ นวิ้ อยา ทำการสงั่ สมเครอื่ งโลหะแล
เครอื่ งสมั ฤทธ์ิ อยา ชกั ชวนบรรพชติ ในกรรมอนั ไมค วร
เปน ชา งโกนอยกู อ น อยา รกั ษามดี โกนไว เครอื่ งประดบั
หญงิ รปู หญงิ ขา วเปลอื ก ๗ แกว ๑๐ เครอื่ งดนตรี
ผลไมในตนอยาถูกตอง อยาลูบคลำภาชนะใสของยัง
ไมไดประเคน เท่ียวบิณฑบาต ผงตกลงในบาตร พึง
ประเคนเสยี หรอื ลา งเสยี กอ น

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 143

ภิกษุเปนอาคันตุกะ จะเขาไปในวัดอ่ืน พึงถอด
รองเทา ลดรม เปด ศรี ษะเสยี ภกิ ษผุ แู กพ งึ อนโุ มทนาใน
โรงฉนั ภกิ ษุ ๔ องค ๕ องค พงึ นง่ั คอยทา อยู อยา นงั่
เบยี ดภกิ ษแุ ก อยา หา มอาสนะภกิ ษหุ นมุ อยา นงั่ ทบั ผา
สังฆาฏิในโรงฉัน อยาเทน้ำใหถูกผาสังฆาฏิแลภิกษุท่ี
นง่ั ใกล ออกไปบณิ ฑบาตอยา เขา ใหเ รว็ นกั อยา ยนื ให
ไกลใหใ กลน กั อยา กลบั ชา นกั อยา กลบั เรว็ นกั อยา
แลดหู นา ทายก จะชำระเสนาสนะ อยา ตบเคาะทใ่ี กล
ภกิ ษุ แลใกลว หิ ารกฎุ ี แลใกลน ้ำฉนั นำ้ ใช แลอยา ตบเคาะ
ในทเ่ี หนอื ลม

อยกู ฎุ เี ดยี วกบั ภกิ ษแุ กไ มบ อกกอ น อยา ใหอ เุ ทศ
แลปรปิ จุ ฉา อยา สาธยายแสดงธรรม ตามประทปี ดบั
ประทปี เปด ปด หนา ตา ง อยา กระทบภกิ ษแุ กด ว ยมมุ จวี ร
ถายอุจจาระแลวน้ำไมมี อยาลาง อยาไปเว็จกุฎี ตาม
ลำดบั ผแู ก ใหไ ปตามลำดบั ทมี่ า อยา เขา เวจกฎุ ใี หเ รว็ นกั
อยาเลกิ ผา นงุ เขา ไป อยา เบง ดงั อดื ๆ อยา เคย้ี วไมส ฟี น
พลาง อยา ถา ยเวจ็ นอกรอ ง อยา ถา ยปส สาวะนอกราง
อยา บว นน้ำลายในรางปส สาวะ อยา ชำระดว ยไมค มไมผ ุ

144 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

อยา ทง้ิ ไมช ำระในหลมุ คถู อยา ออกใหเ รว็ อยา เลกิ ผา นงุ
ออกมา อยา ชำระดว ยน้ำดงั จบั ปุ ๆ อยา เหลอื น้ำไวใ น
หมอ ชำระ เปอ นใหล า ง เตม็ ใหเ ท รกใหก วาด ยอ มจวี ร
ตากแถวน้ำยงั ไมข าด อยา หลกี ไป พงึ ปฏบิ ตั ิดว ยดใี น
อปุ ช ฌายอ าจารย ไมบ อกอปุ ช ฌายอ าจารยก อ น อยา
ทำการใหแ ลรบั จวี รเปน ตน แกค นบางคน แลเขา บา น ไป
ปา ชา หลกี สทู ศิ เหลา นเ้ี ปน สจติ ตกะ

ภกิ ษอุ ยา พงึ ไปดฟู อ นขบั ประโคม ไมผ กู ประคด
อยาเขาบาน มีบาตรในมืออยาผลักบานประตู อยา
นอนทเี่ ตยี งตง่ั เครอ่ื งลาดอนั เดยี วกนั แลนอนผา หม ผนื
เดยี วกนั อยา ฉนั อยา ดม่ื ในภาชนะอนั เดยี วกนั อยา ฉนั
กระเทยี ม

พนื้ ทำบรกิ รรมแลเครอื่ งลาดของสงฆ เทา ไมไ ด
ลา ง เทา เปย ก ใสร องเทา อยู อยา เหยยี บ อยา องิ ฝา เขา
ทำบรกิ รรม เตยี งตงั่ ของสงฆล าดดว ยผา ของตนกอ น
จงึ นอน อยา ไวผ มแลหนวด เครา แลขนจมกู แลเลบ็
ใหย าว อยาขดั เลบ็ อยา ถอนขนในทแี่ คบ ไมไ ดด กู อ น
อยา ทงิ้ หยากเยอื่ ของเปน เดนเปน ตน นอกฝานอกกำแพง

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 145

อยา ทงิ้ ของเปน เดนแลอจุ จาระในไรน าของเขา
ไมพิจารณากอนอยาฉันเน้ือ อยาฉันเน้ือชาง

เนอ้ื มา เนอ้ื สนุ ขั เนอื้ งู เนอื้ ราชสหี  เนอ้ื เสอื โครง เนอ้ื
เสือเหลือง เน้ือหมี เน้ือเสือดาว นอนกลางวันใหปด
ประตู เหลานี้เปนอจิตตกะ พึงเวนจากรับขาวเปลือก
ดนิ แลไรน าทาสชายหญงิ โค แกะ กระบอื ไก สกุ ร เปน ตน
เหลา นไี้ มท ำตาม เปน ทกุ กฏ

จบทกุ กฏแตเ ทา น้ี

ทพุ ภาสติ

ภกิ ษแุ กลง พดู หยอกลอ อปุ สมั บนั แลอนปุ สมั บนั
ดว ยอกั โกสวตั ถ๙ุ ๑ มชี าติ เปน ตน เปน ทพุ ภาสติ นเี้ ปน
สจติ ตกะ

ทพุ ภฺ าสติ ํ นฏิ ฐ.ติ ํ ปฏปิ ตตฺ มิ ขุ ํ ปพพฺ ํ นฏิ ฐ.ิตํ

146 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

กาลิกบัพพ

บดั น้ี จะวา ดว ยกาลกิ ๙๒ มี ๔ คอื ยาวกาลกิ ๑
โภชนะทงั้ ๕ คอื ขา วสกุ ขนมกมุ มาส๙๓ ขา วสตั ตู เนอ้ื
ปลา แลขาทนยี ะ มลี กู ไมร ากไมเ ปน ตน ทส่ี ำเรจ็ อาหาร
กนิ ไดโ ดยปรกติ เปน ยาวกาลกิ ฉนั ไดแ ตเ ชา ชว่ั เทย่ี ง
ถา เทย่ี งแลว ไป ฉนั เปน ปาจติ ตยี  ถา ประเคนแรมคนื ไว
เปน สนั นธิ ิ ฉนั เปน ปาจติ ตยี  ถา ทำใหเ ปน อนั โตวฏุ ฐะ
คอื ไวใ นอกปั ปย กฎุ ี เปน อนั โตปก กะ คอื ใหส กุ ในกปั ปย กฎุ ี
เปน สามปากะ คอื ใหส กุ เอง ฉนั เปน ทกุ กฏ

ปานะ ๘ คอื นำ้ มะมว ง ๑ น้ำชมพู ๑ น้ำกลว ย
มเี มลด็ ๑ นำ้ กลว ยไมม เี มลด็ ๑ น้ำลกู มะทราง ๑ น้ำ
ลกู องนุ ๑ น้ำรากบวั ๑ นำ้ ลน้ิ จี่ ๑ กบั ทง้ั น้ำผลไม
เปน ยามกาลกิ อนปุ สมั บนั ทำไมใ หส กุ ดว ยไฟ รบั ประเคน
แลว ฉนั ไดว นั หนงึ่ พน จากนนั้ ไป ฉนั เปน ทกุ กฏ

เภสชั ชะทง้ั ๕ คอื เนยใส ๑ เนยขน ๑ น้ำมนั ๑
นำ้ ผงึ้ ๑ น้ำออ ย ๑ เปน สตั ตาหกาลกิ รบั ประเคนแลว
ฉนั ได ๗ วนั เกนิ จากนนั้ ไป ฉนั เปน นสิ สคั คยิ ปาจติ ตยี 

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 147

ขมนิ้ ขงิ วา นน้ำ วา นเปราะ อตุ ตพดิ ขา แฝก
แหว หมู นำ้ ฝาด สะเดา น้ำฝาดมกู มนั นำ้ ฝาดกะดอม
น้ำฝาดบอระเพด็ นำ้ ฝาดกถนิ พมิ าน ใบสะเดา ใบมกู มนั
ใบกะดอม ใบกะเพรา ใบฝา ย ลกู พลิ งั กาสา ดปี ลี
พริก สมอไทย สมอพิเภก มะขามปอม ผลแหงโกฐ
ยางทไี่ หลออกจากตน หงิ คุ และเกลอื เปน ตน สง่ิ เหลา นี้
เปน ยาวชวี กิ รากไมใ บไมท พี่ น ออกจากของพระพทุ ธเจา
อนญุ าต ทไ่ี มส ำเรจ็ กจิ ไดโ ดยปรกติ เปน ยาวชวี กิ ทง้ั สนิ้
เมอื่ มปี จ จยั ฉนั ไดใ นกาลทง้ั ปวง กาลกิ ๔ นี้ ไมร บั ประเคน
กอ น ฉนั เปน ปาจติ ตยี 

น้ำ ไมส ฟี น พน จากกาลกิ ๔ ไมต อ งรบั ประเคน
จบกาลกิ บพั พแ ตเ ทา น้ี

148 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

พนิ ท,ุ อธษิ ฐาน, วกิ ปั และปจ จทุ ธรณ

ผา ใหมไ มไ ดพ นิ ทดุ ว ยของเขยี วแลเปอ กตม แล
ของดำกอ น บรโิ ภคเปน ปาจติ ตยี 

คำพนิ ทุ วา ดงั น้ี “อมิ ํ พนิ ทฺ กุ ปมปฺ ํ กโรม”ิ
ภกิ ษเุ มอื่ จวี รกาลสนิ้ แลว เกบ็ ไวซ ง่ึ อตเิ รกจวี ร คอื
ผา ไมไ ดอ ธษิ ฐานวกิ ปั กวา ง ๔ นว้ิ ยาว ๘ นว้ิ พระสคุ ต
ขนึ้ ไป ใหเ กนิ ๑๐ วนั เปน นสิ สคั คยี 

คำอธิษฐาน
ผา สงั ฆาฎิ “อมิ ํ สงฆฺ าฏึ อธฏิ ฐ าม”ิ

ผา จวี รครอง “อมิ ํ อตุ ตฺ ราสงคฺ ํ อธฏิ ฐ าม”ิ

ผา สบงครอง “อมิ ํ อนตฺ รวาสกํ อธฏิ ฐ าม”ิ

ผา รองนงั่ “อมิ ํ นสิ ที นํ อธฏิ ฐ าม”ิ

ผา เชด็ ปากเชด็ หนา “อมิ ํ มขุ ปุ ฉฺ นโจลํ อธฏิ ฐ าม”ิ

ผา อาบนำ้ ฝน “อมิ ํ วสสฺ กิ สาฏกิ ํ อธฏิ ฐ าม”ิ

ผา ปด ฝ “อมิ ํ กณฑฺ ปุ ฏจิ ฉฺ าทึ อธฏิ ฐ าม”ิ

ผา อาศยั “อมิ ํ ปรกิ ขฺ ารโจลํ อธฏิ ฐ าม”ิ

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 149

ถา ผา อาศยั หลายผนื “อมิ ํ ปรกิ ขฺ ารโจลานิ อธฏิ ฐ าม”ิ
“อมิ ํ ปจจฺ ตถฺ รณํ อธฏิ ฐ าม”ิ
ผา ปนู อน

ผา ปนู อนหลายผนื “อมิ ํ ปจจฺ ตถฺ รณานิ อธฏิ ฐ าม”ิ

ถา ผา อยนู อกหตั ถบาสใหว า “เอต”ํ แทน “อมิ ”ํ

วา “เอตาน”ิ แทน “อมิ าน”ิ

คำถอนอธษิ ฐาน
ผา สงั ฆาฎิ “อมิ ํ สงฆฺ าฎึ ปจจฺ ทุ ธฺ ราม”ิ

จวี รครอง “อมิ ํ อตุ ตฺ ราสงคฺ ํ ปจจฺ ทุ ธฺ ราม”ิ

สบงครอง “อมิ ํ อนตฺ รวาสกํ ปจจฺ ทุ ธฺ ราม”ิ

ถา จะถอนผา อะไร ๆ กเ็ ปลยี่ นไปดงั นที้ กุ บท

คำวกิ ปั ผา
คำวกิ ปั ผา (ฝากผา ไว) แกภ กิ ษหุ รอื สามเณร วา
ดงั น้ี “อมิ ํ จวี รํ ตยุ หฺ ํ วกิ ปเฺ ปม”ิ
ถาผาหลายผืนวาดังนี้ “อิมานิ จีวรานิ ตุยฺหํ
วกิ ปเฺ ปม”ิ
ถา นอกหตั ถบาสใหว า “เอต”ํ แทน “อมิ ”ํ และวา
“เอตาน”ิ แทน “อมิ าน”ิ

150 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

ถา วกิ ปั ไวแ ลว ไมใ หผ รู บั วกิ ปั ถอนคนื ใหก อ น เอา
มาบรโิ ภคใชส อย ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี  ถอนคนื วกิ ปั วา
ดงั น้ี “อมิ ํ จวี รํ มยหฺ ํ สนตฺ กํ ปรภิ ุ ชฺ วา วสิ ชเฺ ชหิ วา
ยถาปจจฺ ยํ วา กโรห”ิ

ถาผาหลายผืน วาดังน้ี “อิมานิ จีวรานิ มยฺหํ
สนตฺ กานิ ปรภิ ุ ชฺ วา ฯลฯ กโรห”ิ

ถาผูถอนออนกวาใหกลาววา “ปริภุฺชถ” แทน
“ปรภิ ุ ชฺ ” “วสิ ชเฺ ชถ” แทน “วสิ ชเฺ ชห”ิ และ “กโรถ”
แทน “กโรหิ” นอกน้ันวาอยางขางตน เปลี่ยนแตพจน
เทา นน้ั

ภิกษุเก็บไวซึ่งอติเรกบาตร (คือไมไดอธิษฐาน
หรอื วกิ ปั ใหเ กนิ ๑๐ วนั ) บาตรนนั้ เปน นสิ สคั คยี  ภกิ ษุ
ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี 

อธิษฐานบาตรเหล็ก วาดังนี้ “อิมํ อยปตฺตํ
อธฏิ ฐ าม”ิ

ถา จะเกบ็ ไว ใหว กิ ปั วา ดงั น้ี “อมิ ํ อยปตตฺ ํ ตยุ หฺ ํ
วกิ ปเฺ ปม”ิ ถา บาตรหลายใบวา ดงั น้ี “อมิ ํ อยปตเฺ ต ตยุ หฺ ํ
วกิ ปเฺ ปม”ิ

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 151

บาตรวิกัปไวแลว ไมใหผูรับถอนวิกัป เอามา
บรโิ ภคเปน ทกุ กฏ ผถู อนวกิ ปั ใหว า ดงั นี้ “อมิ ํ อยปตตฺ ํ
มยหฺ ํ สนตฺ กํ ปรภิ ุ ชฺ วา ฯลฯ กโรห”ิ

ถา บาตรหลายใบวา “อเิ ม อยปตเฺ ต มยหฺ ํ สนตฺ เก
ปรภิ ุ ชฺ วา ฯลฯ กโรห”ิ

จบพนิ ทุ อธษิ ฐาน วกิ ปั สงั เขปแตเ ทา นี้

152 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

คำแสดงอาบตั ิ

(พรรษาออ นวา ) สพั พา ตา อาปต ตโิ ย อาโรเจมิ
(วา ๓ หน)
สพั พา คะรลุ ะหกุ า อาปต ตโิ ย อาโรเจมิ
(วา ๓ หน)
อะหงั ภนั เต สมั พะหลุ า นานาวตั ถกุ าโย
อาปต ตโิ ย อาปช ชงิ
ตา ตมุ หะมเู ล ปะฏเิ ทเสมิ

(พรรษาแกว า ) ปส สะสิ อาวโุ ส ตา อาปต ตโิ ย
(พรรษาออ นวา ) อกุ าสะ อามะ ภนั เต ปส สามิ
(พรรษาแกว า ) อายะตงิ อาวโุ ส สงั วะเรยยาสิ
(พรรษาออ นวา ) สาธุ สฏุ ุ ภนั เต สงั วะรสิ สามิ

ทตุ ยิ มั ป สาธุ สฏุ ุ ภนั เต สงั วะรสิ สามิ
ตะตยิ มั ป สาธุ สฏุ ุ ภนั เต สงั วะรสิ สามิ
นะ ปเุ นวงั กะรสิ สามิ
นะ ปเุ นวงั ภาสสิ สามิ
นะ ปเุ นวงั จนิ ตะยสิ สามิ

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 153

(พรรษาแกว า ) สพั พา ตา อาปต ตโิ ย อาโรเจมิ
(วา ๓ หน)
สพั พา คะรลุ ะหกุ า อาปต ตโิ ย อาโรเจมิ
(วา ๓ หน)
อะหงั อาวโุ ส สมั พะหลุ า นานาวตั ถกุ าโย
อาปต ตโิ ย อาปช ชงิ
ตา ตมุ หะมเู ล ปะฏเิ ทเสมิ

(พรรษาออ นวา ) อกุ าสะ ปส สะถะ ภนั เต ตา อาปต ตโิ ย
(พรรษาแกว า ) อามะ อาวโุ ส ปส สามิ
(พรรษาออ นวา ) อายะตงิ ภนั เต สงั วะเรยยาถะ
(พรรษาแกว า ) สาธุ สฏุ ุ อาวโุ ส สงั วะรสิ สามิ

ทตุ ยิ มั ป สาธุ สฏุ ุ อาวโุ ส สงั วะรสิ สามิ
ตะตยิ มั ป สาธุ สฏุ ุ อาวโุ ส สงั วะรสิ สามิ
นะ ปเุ นวงั กะรสิ สามิ
นะ ปเุ นวงั ภาสสิ สามิ
นะ ปเุ นวงั จนิ ตะยสิ สามิ

154 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

ขอปฏิบัติของภิกษุที่จะตองทำ

ภกิ ษตุ อ งอาบตั อิ ยา งใดอยา งหนง่ึ เขา แลว ใหร บี
แสดงเสยี อยา แชไ วใ นอาบตั ิ ถา นงั่ ชดิ กนั เกนิ ไปแสดง
อาบัติไมตก ตองนั่งใหมนุษยแลสัตวเดินผานไดจึงตก
เวลาแสดงพระออนพรรษายกมือสูง พระแกพรรษา
ยกมือตำ่ กวาผูออนพรรษา แสดงอาบัติดวยกันไมตก
ตอ งพระแกพ รรษายกมอื สงู พระออ นพรรษายกมอื ต่ำ
และนอมกายดวย จึงแสดงอาบัติตก ภิกษุอุปสมบท
คนละอปุ ช ฌาย คนละสมี า แตบ วชวนั เดอื น ป ชน้ั ฉาย
เดยี วกัน (ชัน้ ฉายนนั้ หมายถงึ เวลานาทีเดียวกนั ) เวลา
ปลงอาบตั ดิ ว ยกนั ถา วา “ภนเฺ ต” กว็ า “ภนเฺ ต” ดว ยกนั
ถา วา “อาวโุ ส” กว็ า “อาวโุ ส” ดว ยกนั เพราะอปุ สมบท
เสมอกนั การหม ผา นน้ั ตอ งใหเ หมอื นกนั จงึ แสดงอาบตั ิ
ตก ถาน่ังอยูคนละอาสนะ แสดงอาบัติดวยกันไมตก
ตอ งนงั่ ทเ่ี สมอกนั จงึ แสดงอาบตั ติ ก หากภกิ ษใุ นอาวาส
เดียวกัน ตองอาบัติวัตถุเดียวกัน แสดงอาบัติดวยกัน
ไมต ก ตอ งสง ภกิ ษใุ นอาวาสนน้ั ๑ องค หรอื ๒ องค ไป

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 155

แสดงทอ่ี าวาสอน่ื มา เมอื่ กลบั มาแลว ใหแ สดงกนั ตอ ๆ
ไป อาบตั นิ น้ั จงึ จะบรสิ ทุ ธไิ์ ด

ถาภิกษุใสรองเทาท่ีหุมปลายเทาหรือหุมตลอด
สนเทา เอามาใสตองเปนอาบัติทุกกฏ ตองแกใหเปน
หูหนีบกอนจึงแสดงอาบัติตก เวลาเดิน ถาภิกษุออน
พรรษากวา เดนิ ออกหนา พระเถระ ตอ งอาบตั ทิ กุ กฏทกุ
กา วทเี่ ดนิ ไป ถา จะไมใ หเ ปน อาบตั ิ เมอื่ เราเดนิ ออกไป
ขา งหนา ใหต งั้ ใจวา พระเถระเดนิ มาขา งหลงั เราจะหลกี
ใหท า นไป อยา งนไ้ี มเ ปน อาบตั ิ เพราะเปน สตวิ นิ ยั ถา
พระเถระเดินผานมาไมไดใสรองเทา พระออนพรรษา
ใสร องเทา อยใู หถ อดเสยี หรอื ยนื อยนู ง่ิ ๆ ใหพ ระเถระ
เดนิ ไปกอ น แลว จงึ คอ ย ๆ ไป อยา งนไ้ี มเ ปน อาบตั ิ ถา จะ
เดนิ หนา พระเถระใหเ ลย ๔ ศอกขนึ้ ไป เพราะอปุ จารสงฆ
มี ๔ ศอก หากเดนิ ใน ๔ ศอกเขา มาเปน อาบตั ิ และ
พระตา งวดั มา ถงึ แกพ รรษากวา ไมถ อดรองเทา กไ็ มเ ปน
อาบตั ิ เพราะไมร จู กั พรรษากนั ถา ไตถ ามรจู กั กนั แลว
อยา งนเี้ ปน อาบตั ิ พระออ นพรรษาลว งเกนิ พระแกพ รรษา
ถาไมขอขมาโทษกอนแสดงอาบัติไมตก ถึงพระแก

156 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

พรรษาลวงเกินพระออนพรรษา ก็แสดงอาบัติไมตก
เหมอื นกนั ใหข อขมาโทษกอ น แตไ มต อ งไหว จงึ แสดง
อาบตั ติ ก

ธรรมเนียมในโรงฉัน ถาพระยังมาไมพรอมกัน
องคไ หนลงมอื ฉนั กอ น ตอ งอาบตั เิ ทา องคภ กิ ษทุ ยี่ งั ไมม า
ถา พระยงั มาไมพ รอ มกนั อาวโุ สลงมอื ฉนั กอ นตอ งอาบตั ิ
พระมาพรอ มกนั เรยี บรอ ยแลว อาวโุ สยงั ไมล งมอื องค
ไหนลงมือกอนก็ตองอาบัติ ตองใหอาวุโสลงมือกอน
นอกนน้ั จงึ ฉนั ไดไ มเ ปน อาบตั ิ เวลาลกุ ไป องคไ หนไป
กอนตองอาบัติ ตองไปตามลำดับพรรษาไมเปนอาบัติ
ภิกษุตองอาบัติหลายตัวรวมกัน เวลาปลงอาบัติใหวา
“สมฺพหลุ า นานาวตถฺ กุ าโย” เพราะการตองอาบัตขิ อง
ภกิ ษนุ น้ั มมี ากมาย อาบตั ทิ ร่ี กู ม็ ี ทไี่ มร กู ม็ ี ฉะนนั้ จงึ ใหว า
รวมกนั หมายความวา ภกิ ษทุ ปี่ ลงอาบตั อิ ยเู สมอ จะเดนิ
ยนื นงั่ นอน กเ็ ปน บญุ ทกุ อริ ยิ าบถ อาบตั ชิ นดิ นม้ี านอก
พระปาฏิโมกข

ภิกษุและสามเณรท่ีจะเขาหาอุปชฌายอาจารย
ใหต ง้ั อยใู นคารวะ เวลาอปุ ช ฌายห รอื อาจารยน อนอยู

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 157

อยาพึงไหว นั่งอยูเปลือยกายไมมีผาพาดอยาพึงไหว
ไหวแ ลว นงั่ ใหพ น โทษ ๖ ประการ เรยี กวา นสิ สชั ชโทษ
๑. อยา นงั่ ใหใ กล ๒. อยา นงั่ ใหไ กลนกั ๓. อยา นงั่ ตรง
หนา ๔. อยา นง่ั ขา งหลงั ๕. อยา นง่ั สงู กวา ๖. อยา นงั่
เหนือลม การนั่งใกลนักทานอึดอัด น่ังไกลนักทานพูด
อะไรไมไ ดย นิ นง่ั ตรงหนา กดี ขวางผทู จี่ ะเขา มาใหม นงั่
ขา งหลงั ทา นไมเ หน็ นง่ั สงู กวา เปน การไมเ คารพ นง่ั เหนอื
ลมกลิ่นตัวมากระทบจมูกทาน น่ังอยางน้ีเรียกวา นั่ง
ประกอบดว ยโทษ

ภิกษุและสามเณรสรางแตอาบัติ ทำศีลขาด
อยเู สมอ ถงึ สกึ ออกไปเปน ฆราวาส กไ็ มม คี วามสขุ และ
ความเจริญ เพราะบาปท่ีบวชน้ันคอยตามเผาผลาญ
ถา ภกิ ษแุ ละสามเณรปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ ถงึ สกึ ออกไป
เปน ฆราวาส กม็ แี ตค วามสขุ ความเจรญิ เพราะบญุ ที่
บวชนน้ั คอยตามสง

ภกิ ษแุ ละสามเณรบวชอยใู นศาสนา อยา เขา ใจวา
ไดแตบุญฝายเดียว บาปคอยดักอยูมากมาย เปรียบ
เสมือนคนไมรูจักคาขาย เขาใจวาไดกำไรแตฝายเดียว
แทจ รงิ ขาดทนุ คอยดกั อยขู า งหนา หารไู ม

158 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

การอยใู นศาสนากเ็ หมอื นกนั
ระเบียบแบบแผนท่ีพระพุทธเจาสอนน้ัน
ไมไดเอาระเบียบแบบแผนในมนุษยโลก
เทวโลก หรอื พรหมโลกมาสอน
พระพทุ ธองคท รงเอาแบบในนพิ พานมาสอน
. . . จงึ ไดง ามนกั
ฉะนน้ั ภกิ ษแุ ละสามเณรพงึ สงั วรระวงั ไว

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 159

เตอื นใจสมณะ
พระเณรเกา ใหม ในธรรมวินัย

ของพระศาสนา จงปฏบิ ตั ิ

ดดั กายวาจา ใหพวกทายก

อบุ าสกสกี า หมชู าวประชา

เกดิ ความเลอ่ื มใส นงุ ผา หม ผา

ทำตามสกิ ขา บญั ญตั วิ นิ ยั

นงุ สบงเลา ใตเ ขา ลงไป

แปดนิ้วตนไซร เรยี กปรมิ ณฑล

จวี รหม เหนอื ขอบสบง พาดสงั ฆาฏิ

ซอ นไวเ บอ้ื งบน ใหเ ปน มณฑล

หนา หลงั เทา กนั คาดรดั ประคด

จงจำกำหนด ตามอาจารยส อน

ใตน มสองนวิ้ จำเปน สำคญั

ถา ตำ่ กวา นนั้ เพยี งสนี่ ว้ิ ตน

เวลาบณิ ฑบาต สำรวมมรรยาท

โดยใจกุศล ทอดตาแลไป

สศี่ อกของตน

160 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

ท่ีพระทศพล ทา นตรสั บญั ชา
เวลาขบฉนั ก็พรอมเพรียงกัน
เวลาดำเนนิ เดนิ ตามพรรษา
ผแู กเ ดนิ หนา ออ นกวา ตามไป
มไิ ดพ ดู จา ลอ เลยี นเฮฮา
ใหผ ดิ วินัย หมนั่ เลา หมน่ั เรยี น
พากเพียรกันไป เปน อายขุ ยั
พระศาสนา เรยี นคนั ถธรุ ะ
อีกทั้งธรรมะ วปิ ส สนา
เรยี นโดยเคารพ นอบนบบชู า
อนั เปน มรรคา ทางไปนพิ พาน
แลวทำกจิ วตั ร คอยปฏบิ ตั ิ
ครบู าอาจารย ดดั สนั ดานตน
ใหพนจากพาล นบราบกราบกราน
ผูแกพรรษา เถระผใู หญ
แมเขาไปใกล ออ นนอ มกายา
ประพฤตอิ ยา งนี้ ตามพทุ ธวาที
ของพระศาสดา เรยี กวา สาวก
ของพระตถา

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 161

เมอ่ื สน้ิ ชวี า จะไดไ ปสวรรค
วมิ านทองโสด สูงหารอยโยชน
เครอ่ื งทพิ ยอ นนั ต นางฟาแชมช่ืน
นบั หมนื่ นบั พนั จตุ จิ ากนน้ั
แลว กลบั ลงมา เกดิ ในชมภู
บญุ นนั้ คำ้ ชู เปน ทา วพระยา
เปน จกั รพรรดิ กษตั รยิ เ ดชา
เปน คหบดี เศรษฐพี อ คา
เกดิ เปน ชาวนา รวยทรพั ยศ ฤงคาร
รา งกายเรอื งโรจน งานพน จากโทษ
ทง้ั หกประการ ไมส งู ไมต ่ำ
ไมข าวไมด ำ รปู งามสะคราญ
ไมอ วนไมผ อม งามพรอ มสงั ขาร
อายยุ นื นาน รอ ยปพ นั ป
ไมเจ็บไมไข ทุกขโศกโรคภัย
มไิ ดย ่ำยี รปู งามบรสิ ทุ ธ์ิ
ผอ งผดุ โสภี เพราะบญุ ทด่ี ี
นนั้ คอยตดิ ตาม

162 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

แมป ฏบิ ตั ผิ ดิ องคพระพิชิต
ตรสั ตรงกนั ขา ม วา เปน พระเณร
มหาเถรเลวทราม ไมป ระพฤตติ าม
คำสอนทศพล นงุ สบงสงู รมิ เขา
หม จวี รนน้ั เลา ลงไปกรอมสน
พาดสงั ฆาฏิ ไมเ ปน มลฑล
เลอ้ื ยลงรมิ สน เหมอื นหางโคไป
คาดรดั ประคด ไมต ามกำหนด
ทที่ า นกลา วไว คาดเพยี งครง่ึ กาย
ไมไตถ ามใคร พอเลอื่ นลงไป
กลายเปน คาดเอว ไมไ ตถ ามใคร
วนิ ัยแหลกเหลว ใจคอกเ็ ลว
ไมเกรงกลัวใคร เวลาบณิ ฑบาต
สอดสา ยสายตา ไมสำรวมใจ
โดยโลภอาหาร ลนลานเทยี่ วไป
พบเขา ทใี่ ด แยง เหมอื นไกก า
เวลาขบฉนั กพ็ ดู จากนั
ไมพ จิ ารณา ปจ จเวกขณะ
ละเลยสกิ ขา เดนิ เหนิ ไปมา

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 163

ไมส ำรวมกายา เปน คนใจตำ่
สรา งแตบ ญุ ทำ ไวส ำหรบั กาย
ชมวา ตวั ดี ไมม ยี างอาย
ใจคอชั่วราย ไมอายสิกขา
หยบิ เงนิ หยบิ ทอง ซื้อขาวซื้อของ
ตอ รองนานา พดู ปดลดเลยี้ ว
พูดเกยี้ วสกี า บาปทลี่ บั ตา
ทำไดท วั่ ไป ทง้ั บาปทแี่ จง
มิไดระแวง เกรงกลัววินัย
ใสเกือกก้ันรม หม ผา สองไหล
กลา เดนิ เขา ใน อปุ จารเจดยี 
ผา นแดนสมี า พระเถระแกกวา
เคารพไมม ี แขงแยงขึ้นหนา
ไมค ดิ บดั สี พระเณรอยา งน้ี
เรยี กวา สาวกมาร
ตกในนรกการณ
ครน้ั ตายไป ในมหาอเวจี
ทนทกุ ขท รมาน ไฟไหมรูดับ
แสนกัปแสนกลั ป ครนั้ พน ขนึ้ มา
เผาผลาญอนิ ทรยี 

164 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

จากอเวจี เศษบาปยงั มี
คอยตามรกั ษา ใหเ กดิ เปน เปรต
ทนทกุ ขเ ทวศ แสนเวทนา
อยากขา วอยากนำ้ ชา นานนกั หนา
พน เปรตขนึ้ มา เปน อสรุ กาย
ทนทกุ ขล ำบาก ไดย ากปางตาย
พนอสุรกาย เปน สตั วเ ดรจั ฉาน
เปน ววั เปน ควาย ใหเ ขาไถนา
เปน ชา งเปน มา ใหเขาใชการ
เปน แมวเปน หมา ชว ยเขาเฝา บา น
ใหเ ขาเขน ฆา กนิ เปน อาหาร
เปน นกเปน ไก ยากไรส าธารณ
เปน เปด เปน หา น ใหเ ขาฆา กนิ
ใชกรรมลน เหลือ จนหนงั และเนอื้
มากกวา แผน ดนิ ครน้ั วา สน้ิ กรรม
ทที่ ำทมฬิ กรรมยังไมส้ิน
คอยตดิ ตามมา เกดิ เปน มนษุ ย
รางกายพิรุธ เสยี หเู สยี ตา
เปน คนงอ ยเปลยี้ เสียแขง เสยี ขา

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 165

เจบ็ ไขโ รคา คอยตามเบยี นผลาญ
ศตั รกู ม็ าก ขดั สนจนยาก
เพราะกรรมบนั ดาล ครง้ั เปน พระเณร
ไดฉ นั อาหาร ทเ่ี ขาใหท าน
ดวยใจศรทั ธา ฉันแลวโยกเยก
ไมท ำปจ จเวกขณ พจิ ารณา
จึงไดทุกขโศก เพราะอณิ บรโิ ภค
นน้ั ตดิ ตามมา จงึ เกดิ เปน เวร
พระเณรทว่ั หนา เพราะสรา งกายา
เปน สาวกมาร

คำกลอนนม้ี ไิ ดม ใี นหนงั สอื นี้ ไดม าจากพระครสู งั ฆรกั ษ
(ช้ัว โอภาโส) พระคุณทานเอามาจากหนังสืออ่ืน เปนคำ
กลอนโบราณ เห็นวามีความสำคัญอยูมาก จึงนำมาพิมพ
ลงไว ณ ทนี่ ด้ี ว ย เพอ่ื จะมใิ หค วามดขี องกลอนนส้ี ญู หายไป

ขา พเจา ขออทุ ศิ สว นกศุ ลทไ่ี ดบ ำเพญ็ มา จงสง ผลใหท า น
เจาของกลอนน้ี จงไดแตที่สุคติทุกชาติทุกภพดวย เทอญ

(ขาพเจา หมายถึง พระผูรวบรวมและจัดพิมพ เมื่อป
พ.ศ. ๒๔๙๘)

166 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

พระบวชใหมท่ีหยอนยาน
ไมเปนที่ศรัทธาของชาวบาน สมภารเอือมระอา

๑. ลมื วา ถกู เขากราบ
๒. ลืมภาพวนั บวช
๓. ชอบคยุ อวดรู
๔. ตดิ ดหู นงั ตอน
๕. นอนดกึ ดน่ื
๖. ตนื่ นอนสาย
๗. เบอ่ื หนา ยกจิ วตั ร
๘. ทำตวั ขดั ระเบยี บวนิ ยั
๙. ไมใ สใ จศกึ ษา
๑๐. ตง้ั วงนนิ ทาพระดี ๆ
๑๑. คลกุ คลพี ระชวั่ ๆ
๑๒. มวั่ สมุ เพอ่ื นฆราวาส
๑๓. ขเ้ี กยี จปด กวาดอาราม
๑๔. นำความไมด ไี ปพดู นอกวดั
๑๕. ไมป ฏบิ ตั ติ ามคำสอนของอปุ ช ฌายอ าจารย
๑๖. สรา งความรำคาญแกพ ระทรงศลี

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 167

๑๗. แอบกนิ ขา วเยน็
๑๘. แอบเลน การพนนั
๑๙. พวั พนั สรุ ายาเสพตดิ
๒๐. ไมป ฏบิ ตั กิ จิ ของพระ
๒๑. บนั ดาลโทสะเมอื่ ถกู เตอื น
๒๒. แสดงความปา เถอื่ นทต่ี ดิ ตวั มา
๒๓. ตอ งคดอี าญาถกู จบั สกึ
๒๔. ขาดสำนกึ ในความเปน สมณะ

วถี ชี วี ติ ของนกั บวชแบบพระเวสสนั ดร

๑. ออกจากเคหา
๒. นงุ ผา ปอน ๆ
๓. ยนิ ดใี นการอยใู นทเี่ ยน็ -รอน
๔. นอนกบั ตน ไมแ ละดนิ
๕. กนิ อาหารตามมตี ามได
๖. เผชญิ กบั ความแลง น้ำใจ
๗. เจบ็ ไขท ำใจยอมรบั
๘. ชพี ดบั ไมต อ งรอคนเหน็ ใจ

168 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

สำนกึ ในความเปน สมณะทำใหเ ปน พระดี

๑. เตอื นวา ตวั เราเองเปน สมณะ
(สมณสญั ญา)

๒. รกั ษากริ ยิ าอาจาระใหเ หมาะสม
(สมณภาวะ)

๓. อยา นยิ มใชส ง่ิ ของแบบฆราวาส
(สมณบรขิ าร)

๔. รจู กั ศพั ทส อื่ สารทางศาสนา
(สมณโวหาร)

๕. รจู กั ดแู ลรกั ษาสงิ่ ทเี่ ปน เครอ่ื งใช
(สมณบรโิ ภค)

๖. เอาใจใสในกิจของพระ
(สมณวตั ร)

๗. ศกึ ษาและปฏบิ ตั ธิ รรมะใหบ รรลผุ ล
(สมณธรรม)

๘. ทำตนใหเ ปน ประโยชนต อ ศาสนา ประชาชน
(สมณกจิ )

๙. ดำรงตนใหเ หมาะสม
(สมณสารปู )

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 169

หนาที่พระใหม

๑. ครองจวี รใหเ ปน ปรมิ ณฑล
๒. ไหวพ ระสวดมนตใ หเ ครง ครดั
๓. เจนจดั ศาสนพธิ ี
๔. มคี วามรดู ใี นศาสนา
๕. ศกึ ษาพระธรรมคำสอน
๖. ครองจวี รอยา ใหข าด
๗. วดั วาตอ งหมน่ั ปด กวาด
๘. มบี าตรตอ งโปรด
๙. มโี บสถต อ งลง
๑๐. มอี าบตั ติ อ งปลง

เปน พระสงฆผ อ งอำไพ
บวชเปน พระกก็ า วหนา ลาสกิ ขากเ็ จรญิ รงุ เรอื ง

(คำกลอนและคำคลอง ควรใหพระทองทุกวันด่ัง

เด็กทองบทอาขยาน และควรพิมพติดกรอบไวใหกุฏิพระ
ทุกหลัง หรือพิมพแจก)

170 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

คำอภธิ านศพั ท

๑. อธศิ ลี สกิ ขา คอื ขอ ปฏบิ ตั สิ ำหรบั การฝก ฝนอบรมความ
ประพฤตทิ างกาย วาจา หรอื คอื ระเบยี บวนิ ยั ในการอยู
รว มกบั ผอู นื่ และสง่ิ แวดลอ มตา ง ๆ ดว ยดี ใหเ กอ้ื กลู
ไมเ บยี ดเบยี น ไมท ำลาย
ปาฏโิ มกขสงั วรศลี คอื การสำรวมในพระปาฏโิ มกข เวน
ขอท่ีพระพุทธเจาหาม ทำตามขอที่พระพุทธองคทรง
อนญุ าต เปน ขอ ๑ ในปารสิ ทุ ธศิ ลี ๔

๒. อนั ตมิ วตั ถุ คอื วตั ถมุ ใี นทส่ี ดุ หมายถงึ อาบตั ปิ าราชกิ ซงึ่
ทำใหภิกษุและภิกษุณีผูลวงละเมิดมีโทษถึงที่สุด คือ
ขาดจากภาวะของตน

๓. ครกุ าบตั ิ คอื อาบตั หิ นกั ไดแ กอ าบตั ปิ าราชกิ เปน อาบตั ิ
ทแ่ี กไ ขไมไ ด ภกิ ษตุ อ งเขา แลว จำตอ งสกึ เสยี และอาบตั ิ
สงั ฆาทเิ สส ตอ งอยกู รรมจงึ จะพน ได
ลหกุ าบตั ิ คอื อาบตั เิ บา ไดแ กอ าบตั ทิ มี่ โี ทษเลก็ นอ ย ไดแ ก
อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และ
ทพุ ภาษติ

๔. อาณาวีติกกมันตราย คืออันตรายอันเกิดจากการลวง
ละเมดิ พระพทุ ธบญั ญตั ,ิ การทำผดิ ลว งพระวนิ ยั บญั ญตั ิ

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 171

๕. อปริยันตปาริสุทธิศีล คือปาริสุทธิศีลท่ีไมมีสิ้นสุด
อยา งนอ ย มี ๒๒๗ ขอ
ปารสิ ทุ ธศิ ลี คอื ศลี เปน เครอื่ ง หรอื เปน เหตใุ หบ รสิ ทุ ธ์ิ
มอี ยู ๔ ประการ คอื
๑. ปาฏโิ มกขสงั วรศลี สำรวมในพระปาฏโิ มกข
๒. อนิ ทรยี สงั วรศลี สำรวมอนิ ทรยี  ๖ คอื ตา หู จมกู
ลน้ิ กาย ใจ
๓. อาชวี ปารสิ ทุ ธศิ ลี เลย้ี งชพี โดยทางทชี่ อบธรรม
๔. ปจ จยั สนั นสิ ติ ศลี พจิ ารณากอ น จงึ บรโิ ภคปจ จยั ๔
คอื จวี ร บณิ ฑบาตร เสนาสนะ และเภสชั

๖. ปาริยันตปาริสุทธิศีล คือปาริสุทธิศีลท้ัง ๔ อยาง
แตเปนศีลของสามเณรและของคฤหัสถ มีจำกัดขอไว
คอื สามเณรมเี พยี ง ๑๐ สกิ ขาบท ศลี ของ คฤหสั ถม เี พยี ง
๘ และ ๕ สกิ ขาบทเทา นนั้

๗. อเุ ทศ คอื หมวดหนง่ึ ๆ แหง ปาฏโิ มกขท จี่ ดั ไวส ำหรบั สวด
ในคำวา สงฆม อี เุ ทศเดยี วกนั หมายความวา รว มฟง สวด
ปาฏโิ มกขด ว ยกนั

๘. ทำอุโบสถ คือการสวดปาฏิโมกขของพระสงฆทุก
กึ่งเดือน เปนการซักซอมตรวจสอบความบริสุทธิ์ทาง
พระวนิ ยั ของภกิ ษทุ งั้ หลาย และเปน เครอื่ งแสดงความ

172 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

พรอมเพรยี งของหมูสงฆดวย ในการทำอุโบสถนี้ จะมี
การสวดปาฏโิ มกขไ ดต อ เมอื่ มภี กิ ษคุ รบ ๔ รปู ขน้ึ ไป
๙. อาบตั เิ จด็ กอง คอื อาบตั ปิ ระเภทตา ง ๆ ตอ ไปนคี้ อื
๑. ปาราชกิ
๒. สงั ฆาทเิ สส
๓. ถุลลัจจัย๔. ปาจติ ตยี 
๕. ปาฏเิ ทสนยี ะ
๖. ทุกกฏ
๗. ทพุ ภาสติ
๑๐. อาจณิ ณกรรม คอื การกระทำทป่ี ระกอบดว ยเจตนาทำ
ซ้ำ ๆ กนั มากจนเกดิ ความเคยชนิ
๑๑. มนุสสวิคคหะ คือพระพุทธบัญญัติหามภิกษุฆามนุษย
ทง้ั ในครรภแ ละนอกครรภ
๑๒. อนนั ตรยิ กรรม คอื กรรมอนั หนกั กรรมทเี่ ปน บาปหนกั
ทส่ี ดุ ตดั ทางสวรรค ตดั ทางนพิ พาน กรรมทใ่ี หผ ล คอื
ความเดอื ดรอ นไมเ วน ระยะเลย มี ๕ อยา ง คอื
๑. มาตฆุ าต ฆา มารดา
๒. ปต ฆุ าต ฆา บดิ า
๓. อรหนั ตฆาต ฆา พระอรหนั ต
๔. โลหติ ปุ บาท ทำรา ยพระพทุ ธเจา จนถงึ ยงั พระโลหติ

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 173

ใหห อ ขน้ึ ไป
๕. สงั ฆเภท ทำสงฆใ หแ ตกกนั
๑๓. อปุ จาร คือท่ีใกลชิด, ระยะใกลเคียง, บริเวณรอบ ๆ,
อปุ จารพระสงฆ คอื บรเิ วณรอบ ๆ เขตทพี่ ระสงฆช มุ นมุ
กัน, อุปจารเรือนในอรรถกถาพระวินัยทานไดอธิบาย
ไวดังนี้ อาคารที่ปลูกข้ึนรวมในแคระยะน้ำตกท่ีชายคา
เปน เรอื น บรเิ วณรอบ ๆ เรอื นซง่ึ กำหนดเอาทแ่ี มบ า น
ยืนอยูที่ประตูเรือนสาดน้ำลางภาชนะออกไป หรือ
แมบานยืนอยูในเรือนโยนกระดง หรือไมกวาดออกไป
ภายนอก ตกลงทใี่ ด ระยะรอบ ๆ กำหนดนน้ั เปน อปุ จาร
เรอื น บรุ ษุ วยั กลางคนมกี ำลงั ดยี นื อยทู เี่ ขตอปุ จารเรอื น
ขวา งกอ นดนิ ไป กอ นดนิ ทขี่ วา งนนั้ ตกลงทใี่ ด ทน่ี น้ั จาก
รอบ ๆ บรเิ วณอปุ จารเรอื น เปน กำหนดเขตบา น บรุ ษุ
วัยกลางคนมีกำลังดีน้ันแหละ ยืนอยูที่เขตบานนั้นโยน
กอ นดนิ ไปเตม็ กำลงั กอ นดนิ ตกทใี่ ด ทน่ี น้ั เปน เขตอปุ จาร
บา น สมี าทสี่ มมตเิ ปน ตจิ วี ราวปิ ปวาสนน้ั จะตอ งเวน บา น
และอปุ จารบา นดงั กลา วนเ้ี สยี จงึ จะสมมตขิ นึ้ คอื ใชเ ปน
ตจิ วี าราวปิ ปวาสสมี าได
ตจิ วี ราวปิ ปวาส คอื การไมอ ยปู ราศจากไตรจวี ร คอื ภกิ ษุ
อยใู นแดนสมมติ เปน ตจิ วี ราวปิ ปลาสแลว อยหู า งจาก

174 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

ไตรจวี ร กไ็ มเ ปน อนั อยปู ราศ ไมต อ งอาบตั ดิ ว ยนสิ สคั -
คยิ ปาจติ ตยี  สกิ ขาบทที่ ๑
๑๔. แดนสีมา คือเขตแดนที่หมูสงฆตกลงไวสำหรับภิกษุ
ทั้งหลายท่ีอยูภายในเขตแดนนั้น จะตองทำสังฆกรรม
รวมกัน
๑๕. ไถยจติ คอื จติ คดิ จะลกั จะขโมย, จติ ประกอบดว ยความ
เปน ขโมย
๑๖. สงุ กฆาตะ คอื การเบยี ดเบยี นสว ย การหนหี รอื หลบเลย่ี ง
ภาษี
๑๗. อวหาร คอื อาการทถ่ี อื วา เปน การลกั ทรพั ย ในอรรถกถา
แสดงไว ๒๕ อยา ง พงึ ทราบในทนี่ ้ี ๑๓ อยา ง คอื ๑. ลกั
๒. ชงิ หรอื วง่ิ ราว ๓. ลกั ตอ น ๔. แยง ๕. ลกั สบั ๖. ตู
๗. ฉอ ๘. ยกั ยอก ๙. ตระบดั ๑๐. ปลน ๑๑. หลอกลวง
๑๒. กดขห่ี รอื กรรโชก ๑๓. ลกั ซอ น
๑๘. สลากภตั คอื อาหารถวายตามสลาก หมายเอาภตั ตาหาร
อนั ทายกพรอ มใจถวาย ตา งคนตา งจดั มา เปน ของตา ง
ชนิดกัน มักทำในชวงเทศกาลผลไม ถวายพระดวยวิธี
การใหพ ระจบั สลาก
๑๙. อตุ ตรมิ นสุ สธรรม คอื ธรรมอนั ยวดยงิ่ ของมนษุ ย ไดแ ก
ฌาน วโิ มกข สมาธิ สมาบัติ มรรคผล บางทีเรียกให

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 175

งา ยวา ธรรมวเิ ศษหรอื คณุ วเิ ศษ
๒๐. มหรคต คือการเขาถึงสภาวะอันยิ่งใหญ หมายถึง

พระนพิ พาน
๒๑. โลกตุ ตระ คอื พน จากโลก พน วสิ ยั ของโลก ไมเ นอ่ื งใน

ภพทงั้ สาม คอื กามภพ รปู ภพ และอรปู ภพ
๒๒. ฌาน คอื การเพง อารมณจ นใจแนว แนเ ปน อปั ปนาสมาธิ

เปน ภาวะทจี่ ติ สงบ ประณตี มสี มาธเิ ปน องคธ รรมหลกั
๒๓. วโิ มกข คอื ความหลดุ พน จากอำนาจกเิ ลส
๒๔. สมาบตั ิ คอื ภาวะอนั สงบ ประณตี ซงึ่ พงึ เขา ถงึ สมาบตั ิ

มหี ลายอยา ง เชน ฌานสมาบตั ิ ๘ ผลสมาบตั ิ เปน ตน
๒๕. ไตรวชิ ชา คอื ความรแู จง , ความรวู เิ ศษ ๓ ประการ คอื

๑. ความรทู ที่ ำใหร ะลกึ ชาตใิ นหนหลงั ได

๒. ความรกู ารจตุ แิ ละอบุ ตั ขิ องสตั วท ง้ั หลาย

๓. ความรทู ที่ ำอาสวะใหส นิ้ ไป
๒๖. อภิญญา คือความรูอันยิ่ง, ความรูช้ันสูงในพระพุทธ-

ศาสนา มี ๖ ประการ คอื

๑. อทิ ธวิ ธิ ี แสดงฤทธติ์ า ง ๆ ได

๒. ทพิ พโสต หทู พิ ย

๓. เจโตปรยิ ญาณ ญาณทใ่ี หท ายใจคนอน่ื ได

๔. ปพุ เพนวิ าสนสุ สตญิ าณ ญาณทท่ี ำใหร ะลกึ ชาตไิ ด

176 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

๕. ทพิ พจกั ขุ ตาทพิ ย
๖. อาสวกั ขยญาณ ญาณทท่ี ำใหอ าสวะกเิ ลสสนิ้ ไป
๒๗. อบาย คืออบายภูมิ หมายถึง ภูมิกำเนิดท่ีปราศจาก
ความเจรญิ มี ๔ อยา ง คอื ๑. สตั วน รก ๒. สตั ว
เดรจั ฉาน ๓. เปรต ๔. อสรุ กาย
๒๘. ทพั พสมั ภาระ คอื สงิ่ และเครอ่ื งอนั เปน สว นประกอบ
ที่จะประกอบกันเขาเปนบานเรือน เรือ รถ เครื่องบิน
หรอื เกวยี น เปน ตน
๒๙. ทายก คอื ผใู หท เ่ี ปน ผชู าย
ทายกิ า คอื ผใู หท เ่ี ปน ผหู ญงิ
๓๐. อธกิ รณ คอื เรอื่ งทเี่ กดิ ขนึ้ แลว จะตอ งจดั ตอ งทำ, เรอ่ื ง
ทสี่ งฆต อ งดำเนนิ การมี ๔ อยา ง คอื
๑. ววิ าทาธกิ รณ

การเถยี งกนั เกยี่ วกับพระธรรมวินัย
๒. อนวุ าทาธกิ รณ

การโจทกห รอื กลา วหากนั ดว ยอาบตั ิ
๓. อาปต ตาธกิ รณ

การตอ งอาบตั ิ การปรบั อาบตั ิ
และการแกไ ขตวั ใหพ น จากอาบตั ิ
๔. กจิ จาธกิ รณ

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 177

กจิ ธรุ ะตา ง ๆ ทส่ี งฆต อ งทำ เชน ใหอ ปุ สมบท
๓๑. สวดสมนุภาสน คือการสวดประกาศหามไมใหถือรั้น

ในการอนั มชิ อบ
๓๒. อนสุ าวนา คอื คำสวนประกาศ, คำประกาศขอ ปรกึ ษา

และขอ ตกลงของสงฆ, คำขอมติ
๓๓. ปวารณา คือยอมใหขอ, เปดโอกาสใหขอ, ยอมให

วา กลา วตกั เตอื น
๓๔. สมโภค คอื การกนิ รว ม หมายถงึ การคบหากนั ในทางให

หรอื รบั อามสิ และคบหากนั ในทางสอนธรรมเรยี นธรรม
๓๕. สังวาส คือธรรมเปนเคร่ืองอยูรวมกันของหมูสงฆ

ไดแ กก ารทำสงั ฆกรรมรว มกนั สวดปาฏโิ มกขร ว มกนั มี

สกิ ขาบทเสมอกนั คอื เปน พวกเดยี วกนั อยดู ว ยกนั ได มี

ฐานะและสิทธิเสมอกัน ในภาษาไทยใชหมายถึงรวม

ประเวณีดวย
๓๖. ปพพาชนียกรรม หรือ บัพพาชนียกรรม คือกรรม

อนั สงฆพ งึ ทำแกภ กิ ษอุ นั พงึ จะไลเ สยี การไลอ อกจากวดั

กรรมนส้ี งฆท ำแกภ กิ ษผุ ปู ระทษุ รา ยสกลุ และประพฤติ

เลวทรามเปน ขา วเซง็ แซ หรอื ทำแกภ กิ ษผุ เู ลน คะนอง ๑

อนาจาร ๑ ลบลา งพระพทุ ธ บญั ญตั ิ ๑ มจิ ฉาชพี ๑
๓๗. การกสงฆ คือสงฆผูกระทำ หมายถึงสงฆหมูหน่ึงผู

178 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

ดำเนินการในกิจสำคัญ เชน การสังคายนา หรือใน
สงั ฆกรรมตา ง ๆ
๓๘. ปรวิ าส คอื การอยชู ดใช เรยี กสามญั วา อยกู รรม, เปน
ชอ่ื วฏุ ฐานวธิ ี (ระเบยี บปฏบิ ตั สิ ำหรบั ออกจากครกุ าบตั )ิ
อยางหน่ึง ซึ่งพระภิกษุผูตองอาบัติสังฆาทิเสสแลว
ปกปดไว จะตองประพฤติเปนการลงโทษตนเองชดใช
ใหค รบเทา จำนวนวนั ทป่ี ด อาบตั กิ อ นทจ่ี ะประพฤตมิ านตั
อนั เปน ขน้ั ตอนปกตขิ องการออกจากอาบตั ติ อ ไป ระหวา ง
อยปู รวิ าสตอ งประพฤตวิ ตั รตา ง ๆ เชน งดใชส ทิ ธบิ าง
อยา ง ลดฐานะของตน และประจานตวั เปน ตน
๓๙. มานตั เปน ชอ่ื วฏุ ฐานวธิ ี คอื ระเบยี บปฏบิ ตั ใิ นการออก
จากครกุ าบตั ิ แปลวา นบั หมายถงึ การนบั ราตรี ๖ ราตรี
คือภิกษุผูตองอาบัติสังฆาทิเสสแลว เม่ือจะปลด-
เปลื้องตนออกจากอาบัติตาม ธรรมเนียมจะตองไปหา
สงฆจตุรวรรค (คือหมูสงฆท่ีกำหนดจำนวนภิกษุอยาง
ต่ำ ๔ รูป เชนสงฆท่ีทำอุโบสถกรรม เปนตน) ทำผา
หมเฉวียงบาขางหนึ่ง กราบภิกษุแกกวา น่ังกระหยง
ประนมมือ กลาวคำขอมานัตตามอาบัติท่ีตอง ภิกษุ
รปู หนงึ่ สวดประกาศใหม านตั ภกิ ษรุ ปู นนั้ ประพฤตมิ านตั
๖ ราตรแี ลว สงฆจ งึ สวดระงบั อาบตั ใิ หไ ด

ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 179

๔๐. อพั ภาน คอื การรบั กลบั เขา หม,ู เปน ขนั้ ตอนสดุ ทา ยแหง
ระเบียบปฏิบัติในการออกจากครุกาบัติข้ันสังฆาทิเสส
ไดแกการท่ีสงฆสวดระงับอาบัติ รับภิกษุผูตองอาบัติ
สงั ฆาทเิ สส และไดท ำโทษตนเองตามวธิ ที ก่ี ำหนดเสรจ็
แลว ใหกลับคืนเปนผูบริสุทธิ์ เปนขั้นตอนตอจากการ
ประพฤตมิ านตั สนิ้ ๖ ราตรแี ลว

๔๑. มาตคุ าม คอื ผหู ญงิ
๔๒. พระวินัยธร คือพระผูทรงวินัย พระภิกษุผูชำนาญใน

พระวนิ ยั
๔๓. ปลโิ พธ ในทางพระวนิ ยั เกยี่ วกบั การกรานกฐนิ หมายถงึ

ความกังวลที่เปนเหตุใหกฐินยังไมเดาะ คือ ยังรักษา
อานิสงสกฐินและเขตแหงจีวรกาลตามกำหนดไวได มี
๒ อยา ง คอื
๑. เรอ่ื งอาวาส คอื ยงั อยใู นวดั นน้ั หรอื หลกี ออกไป แต
ยงั ผกู ใจวา จะกลบั มา เรยี กวา อาวาสปลโิ พธ
๒. เรอ่ื งจวี ร ความกงั วลในจวี ร คอื ยงั ไมไ ดท ำจวี ร หรอื
ทำคางอยู หรือหายเสียในเวลาทำ แตยังไมส้ินหวังวา
จะไดจ วี รอกี เรยี กวา จวี รปลโิ พธ
ถา สนิ้ ปลโิ พธครบทง้ั สองอยา ง จงึ เปน อนั เดาะกฐนิ (หมด
อานสิ งสแ ละสนิ้ เขตจวี รกาลกอ นกำหนด)

180 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)

๔๔. วิกัป คือการทำใหเปนของสองเจาของ คือขอใหภิกษุ
สามเณรอ่ืนรวมเปนเจาของบาตรหรือจีวรนั้น ๆ ดวย
ทำใหไมตองอาบัติเพราะเก็บอติเรกบาตร หรืออติเรก
จวี รไวเ กนิ กำหนด

๔๕. อธิษฐาน ในทางพระวินัย หมายถึงการต้ังใจกำหนด
เอาไววาจะใชของนั้น ๆ เปนของประจำตัว เชนไดผา
มาผืนหนึ่งตั้งใจวาจะใชเปนจีวร เราก็อธิษฐานผานั้น
และเรยี กวา จวี รอธษิ ฐาน เรานยิ มเรยี กโดยทวั่ ๆ ไปวา
จวี รครอง

๔๖. ปุริมพรรษา คือพรรษาตน เริ่มต้ังแตวันแรมหน่ึงคำ่
เดอื นแปดในปท ไ่ี มม อี ธกิ มาสเปน ตน ไป เปน เวลา ๓ เดอื น
คอื ถงึ วนั ขนึ้ ๑๕ คำ่ เดอื น ๑๑

๔๗. หตั ถบาส คือท่ใี กลต ัวช่ัวคนหนึ่ง (น่ังตวั ตรง) เหยยี ด
แขนออกไปจับตัวอีกคนหน่ึงได ทานวาเทากับชวง
สองศอกกบั หนงึ่ คบื หรอื สองศอกครงึ่ วดั จากสว นสดุ
ดา นหลงั ของผเู หยยี ดมอื อกไป (เชน ถา ยนื วดั จากสน เทา
ถานั่งวัดจากสุดหลังอวัยวะท่ีน่ัง) โดยนัยน้ีทานวาน่ัง
หา งกนั ไมเ กนิ ๑ ศอก

๔๘. อกาลจีวร คือจีวรที่เกิดข้ึนนอกเขตจีวรกาล นอกเขต
อานสิ งสก ฐนิ


Click to View FlipBook Version