ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 81
อาบนำ้ ไดท กุ วนั ไมเ ปน อาบตั ิ
๘. ทพุ พณั ณกรณสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษไุ ดจ วี ร
มาใหม เมอื่ จะนงุ หม พงึ ทำพนิ ทกุ ปั ปะ คอื จดุ วงกลมลงท่ี
มมุ ผา ดว ยสี ๓ อยา ง คอื สเี ขยี ว ๑ สดี ำคล้ำ ๑ สตี ม ๑
เพอื่ จะใหเ สยี สี เขยี นเปน วงเปน วนิ ยั กรรม๖๙ วา “อมิ ํ
พนิ ทฺ กุ ปปฺ ํ กโรม”ิ ดงั นก้ี อ นจงึ นงุ หม จดุ วงขนาดใหญ
ใหเทาวงหนวยตานกยูง จุดวงขนาดเล็กใหเทาหลังตัว
เรอื ดกไ็ ด ถา ไมจ ดุ วงเปน วนิ ยั กรรมกอ น เอาผา มา
นงุ หม ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
๙. อปจ จทุ ธารกสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษวุ กิ ปั จวี ร
ไวแ กภ กิ ษหุ รอื นางภกิ ษณุ ี นางสกิ ขมานา สามเณร นาง
สามเณรี ดว ยตนเองแลว เมอ่ื จะคนื เอามาเปน ของตนนน้ั
มใิ หผ ูรับวิกปั ทำวินัยกรรมถอนคนื ใหกอ น เอาผานัน้ มา
นุงหม ตองอาบัติปาจิตตีย ถาคิดวายืมเอามานุงหม
กอ นตามความคนุ เคยกนั ไมเ ปน อาบตั ิ
๑๐. อปนีธานสิกขาบท ความวา ภิกษุคิดจะ
หยอกเยา เพอ่ื นกนั หวั เราะเลน แกลง ซอ นบาตรหรอื
จวี ร ผา รองนงั่ กลอ งเขม็ สายกายพนั ธน๗๐ ของภกิ ษุ
82 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
เพื่อนกันไวก็ดี ใชใหผูอื่นซอนก็ดี ตองอาบัติปาจิตตีย
ถา ซอ นของสงิ่ อน่ื นอกจากบรขิ าร ๕ สง่ิ นนั้ เปน อาบตั ิ
ทกุ กฏ
จบสรุ าปานวรรค ๑๐ สกิ ขาบท ดงั น้ี
สปั ปาณวรรคที่ ๗ มี ๑๐ สกิ ขาบท ดงั นี้
๑. สญั จจิ จปาณสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษแุ กลง
ฆาสัตวดิรัจฉานใหตายลงดวยตามเจตนา ไมเลือกวา
สตั วเ ลก็ ใหญ ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี โ ดยโทษนลี้ ว งพระพทุ ธ-
บญั ญตั ิ แตจ ะมโี ทษนอ ยมากนน้ั เปน ตามโทษทโี่ ลกจะพงึ
เวน โดยธรรมดา
๒. สัปปาณสิกขาบท ความวา ภิกษุไดรูเห็น
หรือรังเกียจวานำ้ มีตัวสัตวเปน ก็มิไดกรองใหบริสุทธ์ิ
กอ น ฝา ฝน บรโิ ภคบว นปากลา งหนา เปน ตน ตอ งอาบตั ิ
ปาจติ ตยี
๓. อกุ โกฏนสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษรุ วู า สงั ฆกรรม
มีอธิกรณ อันพระสงฆไดชำระเสร็จแลวโดยเปนธรรม
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 83
และมาเลิกถอนกรรมนั้นเสีย โตแยงวาพระสงฆทำ
ไมเ ปน ธรรม เพอ่ื จะทำใหม ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
๔. ทุฏุลลปฏิจฉาทสิกขาบท ความวา ภิกษุ
เมือ่ รอู าบตั ิช่ัวหยาบของภิกษุอยเู ตม็ ใจ คือรูวา ภกิ ษุ
ตอ งอาบตั สิ งั ฆาทเิ สสแลว ชว ยคดิ ปด บงั เออ้ื นอำอาบตั ิ
ของภิกษุนั้นไวไมใหแพรงพราย ตองอาบัติปาจิตตีย
ทุฏุลลาบัติในสิกขาบทนี้ เฉพาะแตสังฆาทิเสสอยาง
เดยี ว
๕. อูนวีสติสิกขาบท ความวา ภิกษุเมื่อรูวา
กุลบุตรมีอายุยังไมครบ ๒๐ ป ทั้งนับในครรภและให
อปุ สมบท ยกเปน ภกิ ษขุ น้ึ ดว ยญตั ตจิ ตตุ ถกรรมวาจา๗๑
พระอปุ ช ฌายต อ งอาบตั ปิ าจติ ตยี พระอาจารยผ สู วด
กรรมวาจา ทง้ั คณะสงฆต อ งอาบตั ทิ กุ กฏทกุ รปู ดว ยกนั
ผูอุปสมบทน้ันก็หาเปนภิกษุไม เปนแตเพียงสามเณร
เทา นน้ั
๖. เถยยสตั ถสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษไุ ดร ไู ดเ หน็
วาพวกหมูโจรท่ีคอยปลนตีชิง หรือหมูพอคาจะบังของ
ตอ งหา มขา มดา นขา มขนอน๗๒ รวู า เปน คนรา ยอยเู ตม็ ใจ
84 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
และไดชักชวนพวกโจรหรือพอคาน้ันเปนเพ่ือนเดินทาง
ไกลไปดว ยกนั พอลว งระยะบา นหนง่ึ เปน ทสี่ ดุ ตอ งอาบตั ิ
ปาจติ ตยี
๗. มาตุคามสังวิธานสิกขาบท ความวา ภิกษุ
ชักชวนมาตุคามหรือหญิงมนุษยเปนเพ่ือนเดินทางไกล
ไปดวยกัน พอลวงระยะบานหนึ่งเปนที่สุด ตองอาบัติ
ปาจติ ตยี
๘. อริฏฐสิกขาบท ความวา ภิกษุเกิดทิฏฐิผิด
คดิ เหน็ วปิ ลาส๗๓ พงึ ตเิ ตยี นพระพทุ ธศาสนา “ธรรมวนิ ยั
เหลาใดท่ีพระผูมีพระภาคเจาตรัสวาเปนธรรม ทำ
อันตรายแกผูที่สองเสพ โดยท่ีจริงธรรมวินัยเหลานั้น
ไมท ำอนั ตรายแกใ ครได หาเปน จรงิ ดงั พระองคต รสั ไวไ ม”
เมอ่ื เธอมที ฏิ ฐผิ ดิ กลา วตพู ระพทุ ธเจา ดงั น้ี ภกิ ษทุ ง้ั หลาย
พงึ ทกั ทว งวา กลา วสง่ั สอน จะใหล ะความทถี่ อื ผดิ นน้ั เสยี
ยงั กลา วแขง็ ขนื ดอ้ื ดงึ อยอู ยา งนน้ั ภกิ ษทุ งั้ หลายพงึ พา
ไปยังทามกลางสงฆ แลวสวดสมนุภาสนประกาศโทษ
จนจบกรรมวาจาท่ี ๓ ลง ถา เธอยงั ไมล ะความถอื ผดิ นนั้
เสยี ได ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 85
๙. อกุ ขติ ตสมั โภคสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษไุ ดร เู หน็
วาภิกษุอันกลาวติเตียนพระพุทธเจา พระสงฆไดสวด
สมนุภาสน ประกาศโทษแลว ยังหาละทิฏฐิผิดเสียไม
ก็สมโภคคบหารวมกินรวมอาวาสอยูหลับนอนดวยกัน
ภกิ ษผุ คู บนน้ั ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
๑๐. นาสิตสิกขาบท ความวา สมณุเทศ คือ
สามเณรอันจวนจะไดอุปสมบท หากกลาวติเตียน
พระพทุ ธวจนะ ดงั ทภ่ี กิ ษกุ ลา วแลว ในสกิ ขาบทท่ี ๘ นน้ั
ภิกษุท้ังหลายวากลาวสั่งสอนแลว ก็ยังหาละทิฏฐินั้น
เสยี ไม พงึ ใหฉ บิ หายเสยี จากเพศสมณะขบั ไลไ ปเสยี แลว
ภิกษุรูปใด เมื่อรูแลวก็ยังชักโยงเลาโลมสมณุเทศน้ัน
มาไวใหปฏบิ ัตอิ ยูก นิ หลับนอนในสำนักตน ภกิ ษุนน้ั ตอ ง
อาบตั ปิ าจติ ตยี
จบสปั ปาณวรรค ๑๐ สกิ ขาบท เทา นี้
86 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
สหธมั มกิ วรรคที่ ๘ มี ๑๒ สกิ ขาบท ดงั นี้
๑. สหธัมมิกสิกขาบท ความวา ภิกษุเปนคน
สอนยาก เมอ่ื ภกิ ษทุ ง้ั หลายวา กลา วสง่ั สอนดว ยพระวนิ ยั
สกิ ขา ตนคดิ จะไมป ฏบิ ตั กิ โ็ ตเ ถยี งตา นทานวา “ขา พเจา
ยงั ไมไ ดไ ตถ ามภกิ ษอุ นื่ ทท่ี รงพระวนิ ยั เปน ผรู เู หน็ ตราบใด
กจ็ ะยงั ไมศ กึ ษาเลา เรยี นในขอ สกิ ขาบทตราบนน้ั ” ภกิ ษุ
ผกู ลา วโตท านตอ ภกิ ษทุ งั้ หลายดว ยไมป รารถนาสกิ ขาบท
ภิกษุตองอาบัติปาจิตตีย ภิกษุอันรักใครตอสิกขาบท
เมื่อจะศึกษาพระวินยั วัตรพึงใหร แู จง ชดั ทไ่ี มสนั ทัดพงึ
ไตถ าม รคู วามแลว พงึ ปรกึ ษาสอบสวนใหร แู จง อนั นแ้ี ล
เปน วตั รกจิ อนั ควรในพระวนิ ยั สกิ ขาบท
๒. วเิ ลขนสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษอุ นั ไมเ ออ้ื เฟอ
ตอสิกขาบทเม่ือมีภิกษุแสดงพระปาฏิโมกข คือ อาน
เลาทองสวดแลคัดขอสิกขาบทขึ้นเจรจาหวังจะใหรูขอ
ปฏบิ ัติ พงึ โตต อบตเิ ตยี นสกิ ขาบทวา “จะตอ งการอะไร
ดวยสิกขาบทเล็กนอยท่ีจะยกขึ้นเลาอานเจรจา ไมเห็น
วา จะเปน คณุ ความดสี งิ่ ใด เพยี งแตจ ะเปน โทษทจี่ ะเกดิ
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 87
ความรำคาญขนุ เคอื งนำ้ ใจไมใ หม คี วามสขุ ” ภกิ ษตุ เิ ตยี น
สกิ ขาบทดว ยอบุ ายนี้ ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
๓. โมหาโรปนสิกขาบท ความวา ภิกษุอันทำ
กจิ ผดิ เปน การละเมดิ พระพทุ ธบญั ญตั มิ าแลว เมอ่ื ภกิ ษุ
ไดแสดงพระปาฏิโมกขอยูทุกระยะก่ึงเดือน แกลง
กลบเกลื่อนโทษตนวาหลงทำความผิด ทำเปนมารยา
กลาววา “เราพึ่งรูพึ่งไดยินไดฟงเดี๋ยวน้ีวา ธรรมอันน้ี
นบั เนอ่ื งมาในพระสตู ร นบั เขา ในพระวนิ ยั เปน ขอ หา ม
มาสูอุเทศทุกก่ึงเดือน” ถาวาภิกษุเหลาอ่ืนพึงรูวาเธอ
องคนั้น เม่ือแสดงพระปาฏิโมกขอยูแตกอนมาก็ไดมา
น่ังฟงอยูถึงสองครั้งสามครั้งมาแลว จะวาใหมากมาย
ไปทำอะไร อนั การทภี่ กิ ษจุ ะพน จากอาบตั เิ พราะไมร นู น้ั
ยอ มไมม ี
ภิกษุน้ันลวงสิกขาบทใด ๆ พระวินัยธรพึงปรับ
อา งโทษตามบญั ญตั ใิ นสกิ ขาบทนนั้ ๆ แตโ ทษทกี่ ลา ววาจา
วาเปนคนหลง พระสงฆพึงยกโทษโมหาโรปนกรรม๗๔
เปน องคอ าบตั ยิ ง่ิ ขนึ้ อกี สว นหนงึ่ ตา งหาก พงึ ตเิ ตยี นวา
“ดูกอนอาวุโส ไมเปนลาภมากมายของทานเสียแลว
88 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
เสยี ทที ที่ า นเกดิ มาเปน มนษุ ยไ ดพ บพระพทุ ธศาสนา อะไร
เลาเม่ือภิกษุแสดงพระปาฏิโมกขอยู ทานก็ไมไดนำพา
จะจดจำใสใ จไวบ า งเลย” ใหภ กิ ษผุ ฉู ลาดพงึ สวดญตั ต-ิ
ทตุ ยิ กรรมวาจา ประกาศโทษในทา มกลางสงฆ เมอื่ จบ
กรรมวาจาลงภิกษุนั้นยังทำเปนวาหลงอยู ตองอาบัติ
ปาจติ ตยี ถา แกลง ทำเปน วา หลง พระสงฆย งั ไมไ ดท ำ
โมหาโรปนกรรมกอ น เปน แตอ าบตั ทิ กุ กฏ
๔. ปหารทานสิกขาบท ความวา ภิกษุข้ึงโกรธ
ขดั เคอื งตอ ภกิ ษดุ ว ยกนั แลว พงึ ใหซ ง่ึ ประหาร คอื ตรี นั
ชกตอ ย ทบุ ถอง ถบี เตะ ซดั ขวา ง ตลอดลงมาจนถงึ
ทง้ิ กลบี อบุ ลเปน ทสี่ ดุ ใหถ กู ตอ งกายภกิ ษอุ น่ื ดว ยความ
โกรธ ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ตผี อู นื่ นอกจากภกิ ษตุ ลอด
ลงไปถงึ สตั วเ ดรจั ฉาน ตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ
๕. ตลสัตติกสิกขาบท ความวา ภิกษุข้ึงโกรธ
ขัดเคืองตอภิกษุดวยกัน แลวพึงเงือดเง้ือฝามือ หรือ
เคร่ืองประหารที่เนื่องอยูในมือ ตลอดจนถึงดอกอุบล
เปน ทสี่ ดุ ใหภ กิ ษทุ ต่ี นโกรธนน้ั ตกใจ ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
ถา เงอื ดเงอ้ื แกผ อู นื่ ตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 89
๖. อมลู กสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษอุ นั เกดิ ความ
พโิ รธ รษิ ยา พงึ ตามกำจดั โจทกห ากลา วโทษภกิ ษดุ ว ย
อาบตั สิ งั ฆาทเิ สส ไมม เี หตเุ ดมิ ทเี่ ปน เลศองิ อา งได ดว ย
หมายใจจะใหไดความอับอาย ตองอาบัติปาจิตตีย ถา
โจทกด ว ยอาบตั อิ น่ื ๆ ตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ
๗. สญั จจิ จสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษคุ ดิ หยอกเยา
เพื่อนภิกษุดวยกัน ใหเกิดความรำคาญไมสบายใจเลน
สักครูสักพักหนึ่ง แกลงต้ังความรังเกียจใหเปนความ
รอ นใจ ดว ยเหตอุ ยา งใดอยา งหนง่ึ คอื แกลง วา เราเหน็ วา
ทา นยงั ไมค รบ ๒๐ ปถ ว นในการอปุ สมบท หรอื วา ทา น
ฉนั เพลในเวลาบา ย ทา นนง่ั ในทลี่ บั กบั หญงิ เปน ตน อยา งนี้
ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี แกลง วา สามเณรตอ งอาบตั ทิ กุ กฏ
๘. อปุ ส สตุ สิ กิ ขาบท ความวา ภกิ ษทุ ง้ั หลาย
เกิดทะเลาะวิวาทกันอยู พึงเขาไปแอบดอมมองคอย
ฟงความวา ภิกษุท้ังหลายจะกลาวทุมเถียงดาทอกัน
อยางไร จะใหไดยินความนนั้ ถนัด ตองอาบัติปาจิตตีย
ถาไมจำเพาะหนาตรง ๆ ประสงคจะระงับความวิวาท
ไมเ ปน อาบตั ิ
90 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
๙. ขยี นสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษไุ ดใ หฉ นั ทะ
ยินยอมพรอมใจแกภิกษุทั้งหลายอันทำสังฆกรรมเปน
ธรรม ตองตามพระวินัยบัญญัติแลวภายหลังกลับ
ตเิ ตยี นวา กรรมนน้ั ไมเ ปน ธรรม ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ถา
กรรมนน้ั ไมเ ปน ธรรมจรงิ แมต เิ ตยี นกไ็ มม โี ทษ
๑๐. ปก กมนสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษอุ นั มาประชมุ
ดว ยสงฆใ นหมสู งฆแ ลว เมอื่ มกี จิ วนิ ยั บญั ญตั อิ ยยู งั มทิ นั
เสรจ็ หรอื เวลาสวดญตั ตไิ มท นั จบ ไมไ ดใ หฉ นั ทะแกส งฆ
ลกุ ขนึ้ หลกี หนไี ปเสยี เฉย ๆ ทำใหส งั ฆกรรมกำเรบิ ตอ ง
อาบตั ปิ าจติ ตยี
๑๑. จวี รทานขยี นสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษไุ ดม า
ประชมุ ดว ยสงฆบ อกกลา วพรอ มเพรยี งกนั ยกจวี รลาภ
ที่เกิดขึ้นแกสงฆออกใหแกภิกษุที่รับธุระสงฆแลว ภาย
หลงั กลบั ตเิ ตยี นยกโทษวา ภกิ ษทุ ง้ั หลายนอ มนำจวี รลาภ
ของสงฆไปใหตามมิตรตามสหาย ภิกษุผูติเตียนตอง
อาบตั ปิ าจติ จยี ถา ตเิ ตยี นในลาภสงิ่ อน่ื ทคี่ วรแจกนอก
จากจวี ร เปน อาบตั ทิ กุ กฏ
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 91
๑๒. ปคุ คลปรณิ ามนสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษเุ มอ่ื
รูวาลาภที่ทายกตั้งจิตจะอุทิศถวายแดสงฆ ไปชักโยง
ใหแ กบ คุ คล คอื จำเพาะตวั ภกิ ษเุ สยี ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
จบสหธมั มกิ วรรค ๑๒ สกิ ขาบท เทา นี้
ราชวรรคที่ ๙ มี ๑๐ สกิ ขาบท ดงั น้ี
๑. อันเตปุรสิกขาบท ความวา ภิกษุอันไปยัง
ราชตระกูลพระมหากษัตริยอันทรงราชาภิเษกแลว
เดินตรงยางกาวลวงธรณีพระทวารเขาไปในตำหนักที่
พระบรรทม เวลาเสด็จอยูกับนางกษัตริยรัตนมเหสี
พระราชเทวียังมิไดออกท่ีเฝา ณ ภายใน ตองอาบัติ
ปาจติ ตยี
๒. รตั นสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษุไดเ หน็ ของ ๆ
คฤหัสถเจาของลืมไว หรือตกอยูที่นอกอารามเขตวัด
หรอื นอกอาวาสเขตทพี่ กั ทแ่ี รม จะเปน เพชร พลอย ทอง
เงนิ รปู พรรณตา ง ๆ ทนี่ บั วา รตั นกด็ ี สง่ิ ทเ่ี ปน ทยี่ นิ ดคี วร
เกบ็ งำสงวนไว ตงั้ แตม ดี พรา เปน ตน ไป นบั วา รตั นสมมติ
92 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ก็ดี พึงเก็บเอามาเองหรือใหผูอ่ืนเก็บมารักษาไว ตอง
อาบตั ปิ าจติ ตยี เวน แตต กอยใู นอาราม ในอาวาส ของท่ี
ตกอยูในอารามหรืออาวาสน้ัน ภิกษุไดพบเห็นแลวพึง
เก็บเองหรือใหผูอื่นเก็บไว ดวยสันนิษฐานเขาใจวาจะ
เปน ของ ๆ ใคร เจา ของจะมาเอาไป อนั นเี้ ปน วตั รปฏบิ ตั ิ
สมควร ถา ไมเ กบ็ เอามารกั ษาไว ตอ งอาบตั วิ ตั ตเภททกุ กฏ
๓. วิกาลคามปเวสนสิกขาบท ความวา ภิกษุ
มีกิจที่จะไปบานในเวลาต้ังแตลวงเที่ยงวันไปจนรุงเชา
เพอื่ นภกิ ษมุ อี ยู มไิ ดอ ำลาบอกเลา ใหร กู อ น เขา ไปในบา น
ในเวลาวกิ าล ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี เวน แตเ ปน การรบี ดว น
ทคี่ วรจะพงึ ไป
๔. สจู ฆิ รสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษกุ ระทำเอง หรอื
ใชใหผูอ่ืนกระทำซึ่งกลองสำหรับใสเข็มใหแลวไปดวย
กระดกู ๑ งาชา ง ๑ เขาหรอื นอ ๑ พอทำเสรจ็ ตอ ง
อาบตั ปิ าจติ ตยี มอี นั ทำลายเสยี เปน วนิ ยั กรรม ถา ยงั
มไิ ดท ำลายเสยี กอ น สำแดงอาบตั ไิ มต ก ถา เปน ของผอู นื่
ให ภกิ ษเุ อามาใสเ ขม็ เมอ่ื ใด ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี เ มอื่ นนั้
ถา ภกิ ษทุ ำใหผ อู น่ื เปน อาบตั ทิ กุ กฏ
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 93
๕. มญั จสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษจุ ะใหท ำเตยี ง
หรอื ตง่ั ขนึ้ ใหม พงึ ทำใหม เี ทา สงู ประมาณ ๘ นวิ้ พระสคุ ต
(๑๐ นวิ้ ๓ กระเบยี ดชา งไม) แมแ ครร องเชงิ ขา งลา ง
ตา งหาก วดั แตพ นื้ แมแ ครข นึ้ ไปถงึ พนื้ เตยี งเปน ประมาณ
ถา สงู กวา ๘ นว้ิ พระสคุ ตเจา ขนึ้ ไป ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
ตดั รอนใหต ่ำลงมาตามประมาณกอ น จงึ แสดงอาบตั ไิ ด
๖. ตุโลนัทธสิกขาบท ความวา ภิกษุพึงใหทำ
เตียงหรือตั่งหุมพื้นดวยปกผาลาดคลุมไวเบ้ืองบน พอ
ทำเสรจ็ ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี เลกิ รอ้ื นนุ ขนึ้ เสยี ใหห มด
กอ น จงึ แสดงอาบตั ไิ ด
๗. นีสีทนสิกขาบท ความวา ภิกษุจะใหทำผา
นสิ ที นะ คอื ผา สำหรบั ปนู ง่ั พงึ ทำใหพ อประมาณ คอื ยาว
๒ คบื กวา งคบื ครง่ึ ชายยาวคบื หนงึ่ ฉกี ๓ แฉก ตดิ ตอ
เขา ตามผนื วดั ตามขนาดคบื พระสคุ ตเจา (คอื ยาว ๑
ศอก ๘ นว้ิ ๑ กระเบยี ด กวา ง ๑ ศอก ๓ อนกุ ระเบยี ด
ชาย ๑ คบื ๔ นวิ้ ๒ อนกุ ระเบยี ดชา งไม) ถา ทำให
กวา งยาวเกนิ ประมาณนี้ พอเสรจ็ ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี
ตดั ทอนใหไ ดข นาดกอ น จงึ แสดงอาบตั ไิ ด
94 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
๘. กณั ฑปุ ฏจิ ฉาทสิ กิ ขาบท ความวา ภกิ ษจุ ะให
ทำผาสำหรับปดซับแผลหิด แผลฝ พึงทำใหตองดวย
ประมาณ คอื ยาว ๔ คบื กวา ง ๒ คบื ตามคบื พระสคุ ต
เจา (ยาว ๒ ศอกคบื ๔ นว้ิ ๒ กระเบยี ด กวา ง ๑ ศอก
๘ นว้ิ ๑ กระเบยี ดชา งไม) ถา ทำเกนิ ขนาดนไี้ ป พอเสรจ็
ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ตดั ทอนลงใหไ ดข นาดเสยี กอ น จงึ
แสดงอาบตั ไิ ด
๙. วสั สกิ สาฏกิ สกิ ขาบท ความวา ภกิ ษจุ ะให
ทำผา สำหรบั อาบนำ้ ฝน พงึ ทำใหค วรประมาณ คอื ยาว
๖ คบื กวา ง ๒ คบื ครงึ่ ตามขนาดคบื พระสคุ ตเจา (ยาว
๔ ศอก ๓ กระเบยี ด กวา ง ๑ ศอก ๑ คบื ๔ นวิ้ ๑
กระเบียด ๑ อนุกระเบียดอยางชางไม) ถาทำเกิน
ขนาดนไ้ี ป พอเสรจ็ ตอ งอาบตั ปิ าจติ ตยี ตดั ทอนลงให
ไดข นาดเสยี กอ น จงึ แสดงอาบตั ไิ ด
๑๐. สคุ ตจวี รสกิ ขาบท ความวา ภกิ ษจุ ะใหท ำจวี ร
ยาวกวางมีประมาณเทาจีวรพระสุคต หรือเกินขนาด
จีวรพระสุคตข้ึนไป พอเสร็จแลวตองอาบัติปาจิตตีย
ตดั ทอนใหห ยอ นยอมลงกอ น จึงแสดงอาบตั ไิ ด ขนาด
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 95
จวี รพระสคุ ตนน้ั ยาว ๙ คบื กวา ง ๖ คบื ตามขนาดคบื
พระสคุ ตเจา (ยาว ๖ ศอก ๑ นว้ิ ๒ อนกุ ระเบยี ด
กวา ง ๔ ศอก ๓ กระเบยี ดชา งไม) ภกิ ษจุ ะทำจวี รหม
พงึ ใหร ปู ระมาณจวี รพระสคุ ต แลว ทำใหย อ มลงมา จวี ร
จงึ ใชไ ด ไมเ ปน อาบตั ิ
จบราชวรรค ๑๐ สกิ ขาบท เทา นี้
ปาจติ ตยี ๙ วรรคน้ี
จดั เปน ๙๒ สกิ ขาบทดว ยกนั
ยอ ความไวพ อใหร ขู อ บญั ญตั เิ ปน ทสี่ งั เกตเทา นี้
96 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 97
ปาฏเิ ทสนยี ะ ๔ สกิ ขาบท
98 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
๑. สกิ ขาบททห่ี นง่ึ ความวา ภกิ ษพุ งึ รบั ของเคย้ี ว
ของฉนั ดว ยมอื ตน แตม อื นางภกิ ษณุ อี นั มใิ ชญ าตอิ นั เขา
ไปในละแวกบา น นำมาเคีย้ วฉนั กลนื ใหลว งลำคอลงไป
ตอ งอาบตั ปิ าฏเิ ทสนยี ะ ภกิ ษนุ น้ั พงึ แสดงอาบตั แิ กภ กิ ษุ
วา “คารยหฺ ํ อาวโุ ส ธมมฺ ํ อาปชชฺ ึ อสปปฺ ายํ ปาฏเิ ทสนยี ํ
ตํ ปฏเิ ทเสม”ิ ความวา “ดกู อ นทา นผมู อี ายุ ขา พเจา
ตองแลวซึ่งอาบัติธรรม อันพระพุทธเจาพึงติเตียน
เปน ธรรมไมใ หม คี วามสบาย คอื จะทำอนั ตรายแกส วรรค
และนพิ พาน เปน ธรรมชอื่ วา ปาฏเิ ทสนยี ะ ควรทภี่ กิ ษผุ ู
ตอ งพงึ แสดงใหเ ปน ปกตบิ รสิ ทุ ธดิ์ ว ยเทศนา ขา พเจา ขอ
แสดงใหเ ปน ปกติ ซงึ่ อาบตั ธิ รรมนน้ั ”
๒. สกิ ขาบททส่ี อง ความวา ภกิ ษมุ ากหลายรปู
ดว ยกนั มที ายกนมิ นตฉ นั ในตระกลู ถา แลมนี างภกิ ษณุ ี
เขาไปตักเตือนทายกใหเอาแกงขาวสุกของฉันไปแถม
ไปเติมตามภิกษุท่ีคุนเคยกัน ใหภิกษุท้ังหลายน้ันพึงดุ
รกุ รานขบั นางภกิ ษณุ นี น้ั เสยี วา “ไมใ ชก จิ ของทา น ทา น
จงหลีกถอยไปเสียใหพนกอน กวาภิกษุทั้งหลายจะฉัน
อมิ่ ” ถา ไมม ภี กิ ษแุ ตส กั รปู หนง่ึ อาจดขุ บั นางภกิ ษณุ นี นั้
เสียได เพิกเฉยเสียส้ิน ตองอาบัติปาฏิเทสนียะส้ิน
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 99
ทุกรูปดวยกัน ภิกษุหมูนั้นพึงแสดงอาบัติแกภิกษุโดย
วิธีดังกลาวมาแลว เปลี่ยนบทกิริยาเปนพหูพจนวา
“อาปชชฺ มิ หฺ า ...ปฏเิ ทเสม” เทา น้ี
๓. สกิ ขาบททส่ี าม ความวา ตระกลู เสกขบคุ คล
คือ โสดาบันแลสกิทาคามีท่ีพระสงฆสมมติหามไว
ไมไ ดน มิ นตไ วก อ น แลว เขา ไปรบั บณิ ฑบาตไมไ ด ภกิ ษุ
มไิ ดเ จบ็ ไข ตระกลู นนั้ กห็ าไดน มิ นตไ วแ ตก อ นไม เขา ไป
รับของเคี้ยวของฉันดวยมือตนเองแลว ตองอาบัติ
ปาฏเิ ทสนยี ะ
๔. สกิ ขาบททส่ี ี่ ความวา เสนาสนะมอี ยใู นปา คอื
ทไ่ี กลแตบ า นไปไดช วั่ ๒๕ เสน เปน ทเ่ี ลา ลอื วา มคี วาม
รงั เกยี จดว ยการจะไปมา มภี ยั เฉพาะหนา คอื มโี จรรา ย
คอยตชี งิ แลเขา ซอ งสมุ ซมุ ซอ นอยใู กลอ าราม ภกิ ษอุ ยใู น
เสนาสนะเหน็ ปานนน้ั ทายกมไิ ดม าสหู าบอกเลา เผดยี ง๗๕
ไวใหรูกอน ไดนำขาทนียโภชนียะคือของเคี้ยวของฉัน
ยาวกาลกิ มาถวายถงึ ภายในอาราม ภกิ ษไุ มเ ปน ไขร บั ดว ย
มอื ตนเอง แลว จงึ ฉนั ตอ งอาบตั ปิ าฏเิ ทสนยี ะ
จบปาฏเิ ทสนยี ะ ๔ สกิ ขาบทเทา นี้
100 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 101
เสเสขขยิ ยิววั ตั ร ๗๕ สกิ ขาบท
102 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
เสขยิ วตั ร ๗๕ สกิ ขาบท กำหนดนบั ๑๐ สกิ ขาบท
เปน วรรคหนงึ่ ๆ ได ๗ วรรค อกี ๕ สกิ ขาบทนนั้ จดั เปน
๑ รวมเปน ๘ วรรค
จดั เปน สารปู คอื กจิ ทจ่ี ะพงึ ศกึ ษาใหส มควรแก
สมณะ ๒๖ สกิ ขาบท
จัดเปน โภชนปฏิสังยุตต คือกิจท่ีจะพึงศึกษา
ประกอบดว ยวธิ ที จ่ี ะขบฉนั ๓๐ สกิ ขาบท
จัดเปน ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต คือกิจที่จะพึง
ศกึ ษาประกอบดว ยการแสดงธรรม ๑๖ สกิ ขาบท
จดั เปน ปกณิ กะ คือที่เร่ียรายอยูนำมายกข้ึนสู
อเุ ทศ ๓ สกิ ขาบท
จงึ รวมเปน ๗๕ สกิ ขาบทในพระปาฏโิ มกขเุ ทศน้ี
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 103
สารปู มี ๒๖ สกิ ขาบท ดงั นี้
ในสารปู ๒๖ น้ี
ใหภ กิ ษพุ งึ ทำการศกึ ษาฝก ใจสำเหนยี กไว
อยา ใหห ลงลมื ดงั น้ี
ท่ี ๑. วา เราจกั นงุ ผา ใหเ ปน ปรมิ ณฑล๗๗ คอื นงุ
สงบจบี ใหช ายเสมอกนั เหนบ็ พกใหแ นบเนยี น เหนอื สะดอื
ขน้ึ ไปสกั ๔ นว้ิ ปด เขา ลงมาประมาณ ๘ นวิ้ เมอื่ นงั่ ลง
กจ็ ะคงปด เขา ๔ นวิ้ อยา งนช้ี อื่ วา นงุ ผา เปน ปรมิ ณฑล
ท่ี ๒. วาเราจักหมผาจีวรใหเปนปริมณฑล ถา
นอกเขตวดั ใหห ม คลมุ ผสมมมุ มว นขวาเขา ใหเ สมอกนั
(ตามบาลใี น มหาอตั ถกถาคมั ภรี จตตุ ถสมนั ต
ปาสาทกิ าคมั ภรี มงั คลตั ถทปี นคี มั ภรี วา สมปปฺ มาณํ
จวี รํ ปารปุ นเฺ ตน สหํ รติ วฺ า พาหาย อปุ ริ ฐปต า
อโุ ภ อนตฺ า พหมิ ขุ า ตฏิ ฐฺ .นตฺ ิ แปลความวา ชายทงั้
๒ อนั พระภกิ ษเุ มอ่ื หม ซงึ่ จวี รจดั ใหเ สมอกนั มว นเขา แลว
วางไวเบื้องบนแหงแขน มีหนาในภายนอกใหต้ังอยูริม
อนวุ าต ปกคอพนั ขอ มอื แลว หนบี ไวใ ตร กั แร วางมอบบน
104 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
แขนซาย ปกแขงลงประมาณ ๔ นิ้ว ถาในเขตวัดให
ลดเฉวียงบาขางหน่ึง ถาหมครองใหชักจีวรแถบซาย
พบั ขนึ้ มาพาดบา เปน สองชน้ั พาดสงั ฆาฏหิ นา หลงั เทา กนั
ยน่ื หลงั ถงึ ขอบสบง เรยี กวา หางคา งหางโค ยน่ื ขา งหนา
มากเรยี กวา ชายแครงชายไหว ไมค วร คาดรดั ประคด
เอวใตน มสองนวิ้ อยา ใหต ่ำเลย ๔ นวิ้ ตอ งนงุ หม ใหเ ปน
ปรมิ ณฑลกอ น จงึ แสดงอาบตั ติ ก)
หมายเหตุ :- ขอความท้ังหมดในวงเล็บ เปน
ขอ ความทเี่ รยี บเรยี งเพมิ่ เตมิ ไวใ นฉบบั ร.ศ. ๑๒๘
ท่ี ๓. วา เราจกั นงุ หม ใหเ ปน ปรมิ ณฑล ปกปด กาย
ดว ยดตี ามวธิ ที ก่ี ลา วแลว เดนิ ไปในถน่ิ บา น
ที่ ๔. วาเราจักนุงหมปกปดกายดวยดี นั่งใน
ถน่ิ บา น
ที่ ๕. วาเราจักสำรวมดวยดี ไมคะนองมือ
คะนองเทา เดนิ ไปในถนิ่ บา น
ท่ี ๖. วาเราจักสำรวมดวยดี ไมคะนองมือ
คะนองเทา นงั่ ในถนิ่ บา น
ท่ี ๗. วาเราจัดทอดนัยนตาลงดูขางหนาเพียง
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 105
สกั ๔ ศอก ไมเ หลยี วซา ยเหลยี วขวา ไมก ลบั หลงั มาแลดู
เดนิ ไปในถนิ่ บา น
ท่ี ๘. วาเราจักทอดตาแลดูเพียง ๔ ศอก
ไมเ หมอ เมนิ สายตาดู นงั่ ในถน่ิ บา น
ที่ ๙. วา เราจกั ไมเ ลกิ จวี รขน้ึ พาดบา ใหเ หน็ สาย
ประคด เดนิ ไปในถนิ่ บา น
ท่ี ๑๐. วาเราจักไมเลิกจีวรข้ึนพาดบา น่ังใน
ถนิ่ บา น
ที่ ๑๑. วา เราจกั ไมห วั เราะดงั คกิ คกั เฮฮา เดนิ ไป
ในถนิ่ บา น
ท่ี ๑๒. วา เราจกั ไมห วั เราะดงั คกิ คกั เฮฮา นง่ั ใน
ถน่ิ บา น
ที่ ๑๓. วา เราจกั ไมพ ดู เสยี งดงั ใหเ กนิ ขนาดเสยี ง
เดนิ ไปในถน่ิ บา น
ที่ ๑๔. วา เราจกั ไมพ ดู เสยี งดงั ใหเ กนิ ขนาดเสยี ง
นง่ั ในถนิ่ บา น
ท่ี ๑๕. วา เราจกั ไมโ ยกโคลงกาย เดนิ ไปในถนิ่ บา น
ท่ี ๑๖. วา เราจกั ไมโ ยกโคลงกาย นงั่ ในถนิ่ บา น
106 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ที่ ๑๗. วาเราจักไมกรีดกรายแขน เดินไปใน
ถนิ่ บา น
ท่ี ๑๘. วา เราจกั ไมก รดี กรายแขน นงั่ ในถน่ิ บา น
ท่ี ๑๙. วาเราจักไมโคลงศีรษะ กลอกหนา เดิน
ไปในถนิ่ บา น
ท่ี ๒๐. วา เราจกั ไมโ คลงศรี ษะ กลอกหนา นงั่
ในถน่ิ บา น
ท่ี ๒๑. วา เราจกั ไมเ ทา สะเอว เดนิ ไปในถนิ่ บา น
ที่ ๒๒. วา เราจกั ไมเ ทา แขน นง่ั ในถน่ิ บา น
ท่ี ๒๓. วา เราจกั ไมค ลมุ ศรี ษะ เดนิ ไปในถน่ิ บา น
ที่ ๒๔. วา เราจกั ไมค ลมุ ศรี ษะ นงั่ ในถนิ่ บา น
ท่ี ๒๕. วา เราจกั ไมเ ขยง เทา เดนิ ไปในถน่ิ บา น
ที่ ๒๖. วาเราจักไมรัดเขาดวยมือหรือผา น่ังใน
ถน่ิ บา น
ใหภ กิ ษพุ งึ สำเหนยี กนกึ หมายไวต ามกจิ เปน สารปู
แกส มณะทง้ั ๒๖ อยา งนี้ ถา ผดิ จากนต้ี อ งอาบตั ทิ กุ กฏ
จบสารปู ๒๖ สกิ ขาบท เทา น้ี
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 107
โภชนปฏสิ งั ยตุ ตม ี ๓๐ สกิ ขาบท ดงั นี้
ในโภชนปฏสิ งั ยตุ ต ใหภ กิ ษพุ งึ สำเหนยี กไว ดงั นี้
ท่ี ๑. วาเราจักทำสติเคารพรับบิณฑบาตให
เรยี บรอ ย มไิ ดท ำอาการไมร ไู มเ หน็ เหมอื นจะสาดเทเสยี
ท่ี ๒. วา เราจกั หมายใจทอดนยั นต าลงในบาตร
ไมเ หมอ เมนิ สายตาไปอน่ื รบั บณิ ฑบาต
ท่ี ๓. วา เราจกั รบั บณิ ฑบาตมีสปู ะ๗๖ เสมอ คอื
จะรบั ถวั่ เขยี ว ถว่ั ขาว ผกั ยำ ทแ่ี คน ควรจะนำไปดว ยมอื
ได พอใหเทากับสวนเสี้ยวที่ ๔ แหงขาวสุกไมใหเกิน
ประมาณ แตจ ะรบั กบั แกงปลาเนอ้ื สง่ิ อน่ื ๆ ไมต อ งหา ม
ที่ ๔. วา เราจกั รบั บณิ ฑบาต พอเสมอขอบบาตร
ขา งใน ไมใ หล น พนู ปากบาตรขนึ้ ไป
ที่ ๕. วา เราจกั ฉนั บณิ ฑบาตทำสตเิ คารพ ไมท ำ
อาการดงั กนิ เลน เชน เดก็ กนิ
ท่ี ๖. วา เราจกั หมายมงุ ลงในบาตร ฉนั บณิ ฑบาต
ไมเ มนิ หนา สา ยตาดอู นื่ ๆ
ท่ี ๗. วา เราจกั ฉนั บณิ ฑบาตเกลย่ี เสมอหนา เปบ
พอคำ ไมข ดุ เจาะใหเ ปน หลมุ เปน รอ งรอยลง
108 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ท่ี ๘. วา เราจกั ฉนั บณิ ฑบาต มสี ปู ะเครอ่ื งยำ
ค่ัวผัดแลวดวยถ่ัว พอเสมอเส้ียวท่ี ๔ แหงขาวสุกดัง
กลาวมาแลว
ที่ ๙. วาเราจักฉันบิณฑบาต ไมฟนฟอนแต
จอมกลาง กวาดมนู เขา มาฟอนฉนั แตต รงกลางแหง เดยี ว
ท่ี ๑๐. วา เราจกั มไิ ดก ลบกบั แกลม เครอ่ื งคว่ั ผดั
พลา ยำ ปง จท่ี ง้ั ปวงไวด ว ยขา วสกุ เพราะหมายใจจะ
ใหทายกเอากับแกลมอ่ืนมาเพ่ิมเติมใหมากข้ึนดวยโลภ
อาหาร
ที่ ๑๑. วาเราไมไดเจ็บไข จักไมขอตมแกงแล
ขาวสุกแกคนนอกจากญาติแลผูปวารณาเพ่ือจะฉันเอง
แลวจึงฉัน
ที่ ๑๒. วา เราจกั ไมห มายใจจะยกโทษ แลดบู าตร
ของภกิ ษอุ น่ื เพราะจะเพง เลง็ โทษเปน ประมาณ
ท่ี ๑๓. วาเราจักไมทำคำขาวใหใหญนัก คือทำ
คำขา วใหย อ มกวา ไขน กยงู ลงมา ใหเ ขอ่ื งกวา ไขไ กข นึ้ ไป
ท่ี ๑๔. วาเราจักทำคำขาวใหเปนปริมณฑล คือ
ทำใหก ลมในซองมอื ไมป น ใหร ยี าว
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 109
ท่ี ๑๕. วา เราจกั ไมอ า ปากไวค อยทำคำขา ว เมอ่ื
เปบ คำขา วยงั ไมถ งึ ปาก
ท่ี ๑๖. วา เราจกั ไมเ ปบ คำขา ว ปอ นนวิ้ มอื เขา ไป
ในปาก
ท่ี ๑๗. วา เราจกั ไมพ ดู ทงั้ คำขา ว คอื ไมอ มคำขา ว
เคย้ี วพลางพดู พลาง
ท่ี ๑๘. วา เราจกั ไมเ ปบ คำขา ว โยน ซดั ทงิ้ ใหเ ขา
ไปในปาก
ท่ี ๑๙. วา เราจกั ไมก ดั คำขา ว แบง ฉนั แตพ อปาก
กบั แกลม สง่ิ อนื่ ไมต อ งหา ม
ที่ ๒๐. วาเราจักไมไพลคำขาวไวในแกมใหพอง
ตยุ ดงั ลงิ อมขา วกนิ
ที่ ๒๑. วา เราจกั ไมเ ปบ คำขา ว ฉนั พลางสะบดั มอื
พลางใหเ มลด็ ขา วสกุ กระเดน็ ไป
ที่ ๒๒. วา เราจกั ไมเ ปบ คำขา ว ฉนั เรย่ี รายเมลด็
ขาวใหรวงพรูลง
ท่ี ๒๓. วา เราจกั ไมแ ลบลน้ิ รบั คำขา ว
ท่ี ๒๔. วา เราจกั ไมฉ นั ใหเ สยี งดงั จบั ๆ
110 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ท่ี ๒๕. วาเราจักไมฉันดูดเขาสูดลมใหเสียงดัง
ซดู ๆ
ที่ ๒๖. วา เราจกั ไมฉ นั เลยี มอื
ท่ี ๒๗. วา เราจกั เปบ คำขา วฉนั ไมข อดบาตรดว ย
มอื แตเ มอ่ื จวนหมดจกั กวาดรวมเขา ไมต อ งหา ม ขา วตม
ขา วเปย กอนั ตดิ บาตรนนั้ ขอด ไมม โี ทษ
ที่ ๒๘. วา เราจกั ฉนั ไมแ ลบลนิ้ เลยี รมิ ฝป าก
ที่ ๒๙. วา เราจกั ไมจ บั โอนำ้ ฉนั ดว ยมอื อนั แปดเปอ น
อามสิ
ที่ ๓๐. วา เราจกั ไมส าดเทน้ำลา งบาตร ทง้ั เมลด็
ขา วลงในถน่ิ บา น
ใหภ กิ ษพุ งึ ทำความศกึ ษาในวธิ อี นั ประกอบดว ยการ
ขบฉัน อยาใหลวงพระพุทธบัญญัติในโภชนปฏิสังยุตต
๓๐ สกิ ขาบทน้ี ถา ผดิ จากนเี้ ปน อาบตั ทิ กุ กฏ
จบโภชนปฏสิ งั ยตุ ต ๓๐ สกิ ขาบท เทา นี้
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 111
ธมั มเทสนาปฏสิ งั ยตุ ตม ี ๑๖ สกิ ขาบท ดงั น้ี
ในเทสนาปฏสิ งั ยตุ ตน นั้ ใหภ กิ ษผุ จู ะแสดงธรรม
กลา วสงั่ สอนพงึ ศกึ ษาสำเหนยี กนกึ ไวใ นใจ ดงั น้ี
ท่ี ๑. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั ถอื รม กางอยใู นมอื
ที่ ๒. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั ถอื ทอ นไมก ระบอง ๔ ศอกอยใู นมอื
ท่ี ๓. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั ถอื ศสั ตรา คอื มดี พรา ดาบ หอก งา ว ตรี เปน ตน
อยูในมอื
ท่ี ๔. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
ถอื อาวธุ คอื ธนู หนา ไม เกาทณั ฑ ขวาก หลาว เปน ตน
อยูในมอื
ที่ ๕. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั สอดใสร องเทา ไมฟ ง อยู
ที่ ๖. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั สอดใสร องเทา ตา ง ๆ ยนื ฟง ธรรม
112 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ที่ ๗. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั นงั่ ฟง บนยวดยาน คานหาม รถ เกวยี น เปน ตน
ที่ ๘. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั นอนฟง อยบู นทน่ี อน
ท่ี ๙. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั นง่ั รดั เขา ดว ยมอื หรอื ผา ฟง อยู
ท่ี ๑๐. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อันสวมหมวกโพกพันศีรษะฟงอยู
ท่ี ๑๑. วาเราจักไมแสดงธรรมแกคนไมเปนไข
อนั คลมุ ศรี ษะฟง อยู
ท่ี ๑๒. วา เรานง่ั อยไู มม เี ครอ่ื งปลู าด จกั ไมแ สดง
ธรรมแกค นไมเ ปน ไข อนั นง่ั อยบู นอาสนะมเี ครอ่ื งปลู าด
ที่ ๑๓. วา เรานง่ั อาสนะตำ่ จกั ไมแ สดงธรรมแก
คนไมเ ปน ไข อนั นงั่ ฟง อยบู นอาสนะสงู
ที่ ๑๔. วาเราจักไมยืนแสดงธรรมแกคนไมเปน
ไข อนั นงั่ ฟง อยู
ท่ี ๑๕. วา เราเดนิ ไปขา งหลงั จกั ไมแ สดงธรรมแก
คนไมเ ปน ไข อนั เดนิ ไปขา งหนา
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 113
ที่ ๑๖. วา เราเดนิ ไปอยนู อกหนทาง จกั ไมแ สดง
ธรรมแกค นไมเ ปน ไข อนั เดนิ ไปตามทาง
ใหภ กิ ษพุ งึ ศกึ ษาสำเหนยี กในวธิ แี สดงธรรม อยา
ใหผิดจากพระพุทธบัญญัติ ในเทสนาปฏิสังยุตต ๑๖
สกิ ขาบทน้ี ถา ผดิ จากนเ้ี ปน อาบตั ทิ กุ กฏ
จบธมั มเทสนาปฏสิ งั ยตุ ต ๑๖ สกิ ขาบท เทา นี้
114 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ปกณิ กะมี ๓ สกิ ขาบท ดงั น้ี
ในปกิณกะ ๓ สิกขาบทน้ี ใหภิกษุพึงทำความ
ศกึ ษาสำเหนยี กหมายไว ดงั นี้
ที่ ๑. วาเรามิไดเจ็บไข จักไมยืนถายอุจจาระ
ปส สาวะ
ท่ี ๒. วาเรามิไดเจ็บไข จักไมถายอุจจาระ
ปส สาวะ บว นน้ำลาย รดลงในภตู คามอนั เขยี วสด คอื
กอไม หยอ มหญา เครอื ลดั ดา เสวาลชาติ อนั งอกงาม
บนบกและในน้ำ
ท่ี ๓. วาเรามิไดเจ็บไข จักไมถายอุจจาระ
ปส สาวะ บว นนำ้ ลาย ลงไปในนำ้ ทค่ี วรจะดมื่ กนิ ได
ใหภิกษุพึงสำเหนียกนึกหมายจำไว ในปกิณกะ
๓ สกิ ขาบทนี้
จบเสขยิ วตั ร ๗๕ สกิ ขาบท เทา น้ี
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 115
อธกิ รณสมถะ ๗ ประการ
116 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
อธกิ รณสมถะ ๗ ประการนนั้ คอื ธรรมทพ่ี ระ
ผมู พี ระภาคเจา ทรงแตง ตง้ั บญั ญตั ไิ ว เพอื่ จะใหพ ระสงฆ
ระงบั อธกิ รณ ขอ ผดิ ของภกิ ษบุ รษิ ทั ทเี่ กดิ ขนึ้ แลว นนั้ ๆ
มอี บุ ายวธิ ี ๗ ประการ
อธิกรณที่พระสงฆจะตองระงับดวยอธิกรณ
สมถะ ๗ นน้ั มี ๔ คอื ววิ าทาธกิ รณ ๑ อนวุ าทาธกิ รณ ๑
อาปต ตาธกิ รณ ๑ กจิ จาธกิ รณ ๑ เปน ๔ ประการ
ฉะนี้
อนั การทภ่ี กิ ษมุ คี วามเหน็ วปิ ลาส เกดิ ความววิ าท
กลา วตา ง ๆ กนั ใหว ปิ รติ ผดิ เพย้ี นพระธรรมวนิ ยั นชี้ อื่ วา
วิวาทาธิกรณ
การทภี่ กิ ษตุ ดิ ตาม วา กลา ว ทกั ทว ง ยกโทษกนั
ดว ยศลี วบิ ตั ๗ิ ๘ อาจารวบิ ตั ิ๗๙ ทฏิ ฐวิ บิ ตั ๘ิ ๐ อาชวี วบิ ตั ิ๘๑
แตอ ยา งใดอยา งหนงึ่ นช้ี อื่ วา อนวุ าทาธกิ รณ
การทภี่ กิ ษตุ อ งอาบตั ทิ งั้ ๗ กอง คอื ปาราชกิ ๑
สงั ฆาทเิ สส ๑ ถลุ ลจั จยั ๑ ปาจติ ตยี ๑ ปาฏเิ ทสนยี ะ
๑ ทกุ กฏ ๑ ทพุ ภาสติ ๑ แตก องใดกองหนง่ึ นช้ี อ่ื วา
อาปต ตาธกิ รณ
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 117
การทภ่ี กิ ษทุ ำกจิ ทพ่ี ระสงฆจ ะพงึ กระทำทง้ั ๔ คอื
อปโลกนกรรม๘๒ ดงั อปโลกนเ ขา สงฆ ๑ ญตั ตกิ รรม
อยา งสวดอโุ บสถแลสวดปวารณา ๑ ญตั ตทิ ตุ ยิ กรรม
อยา งสวดผกู สวดถอนพทั ธสมี าแลสวดกฐนิ ๑ ญตั ต-ิ
จตตุ ถกรรม อยา งสวดอปุ สมบทและสวดปรวิ าส มานตั
อพั ภาน ๑
กรรมทั้ง ๔ นี้กำเริบเพราะไมเปนกรรม หรือ
ไมเ ปน วรรค เปน ญตั ตวิ บิ ตั ิ เปน อนุสาวนาวิบตั ิ แต
อยา งใดอยา งหนง่ึ นช้ี อื่ วา กจิ จาธกิ รณ
อธิกรณทั้ง ๔ น้ี พระสงฆพึงระงับลงไวดวย
อธกิ รณสมถะ มอี บุ ายวธิ เี ปน ๗ ประการ คอื
ใหพ ระสงฆพ งึ ใหสมั มขุ าวนิ ยั ๘๓ นำอธกิ รณเ สยี
เฉพาะหนา พระสงฆ เฉพาะหนา พระวนิ ยั ธร เฉพาะหนา
โจทกจ ำเลยยอมรบั ผดิ ชอบพรอ มหนา กนั ๑
ใหพ ระสงฆพ งึ ใหสตวิ นิ ยั นำอธกิ รณเ สยี ดว ย อนั
สมมตใิ หเ ปน ผมู สี ตแิ ท ดงั สมมตใิ หแ กพ ระอรหนั ตเจา ๑
ใหพ ระสงฆพ งึ ใหอมฬู หวนิ ยั นำอธกิ รณเ สยี ได ให
เปน แตเ พยี งวา ผหู ลงเคลมิ้ สตไิ ปเฉพาะเปน บา จะโจทก
118 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
กม็ ขิ นึ้ ปรบั อาบตั กิ ไ็ มไ ด ๑
ปฏิญญาตกรณะ นำอธิกรณใหระงับดวย
ปฏญิ ญาณรบั โทษสมคำโจทกจ ำเลย ๑
เยภุยยสิกา กิริยาที่ใหอธิกรณระงับดวยพวก
ธรรมวาทชี กุ ชมุ มากวา สมมตใิ หส ญั ญาแกก นั ตามสำคญั
ดว ยฉลาก ๑
ตัสสปาปยสิกา กิริยาที่ใหอธิกรณระงับดวย
สมมตยิ กโทษแกภ กิ ษมุ บี าปหนาหนกั ตอ งอาบตั เิ นอื ง ๆ
กำจดั เสยี จากหมสู งฆ ทรมานใหล ะพยศลง เหน็ วา เธอ
นน้ั ยงั จกั เยยี วยาได พงึ สวดระงบั อธกิ รณใ ห ๑
ติณวัตถารกวินัย นำอธิกรณใหสงบลงไว ดัง
ลาดหญา ทบั กองคถู ไว เพราะอธกิ รณน นั้ หยาบชา เขม ขน
จวนจะถงึ สงั ฆเภท พระวนิ ยั ธรตดั สนิ ไมต กลง พระสงฆ
พงึ พรอ มกนั สวดสญั ญาใหอ ธกิ รณน น้ั สาบสญู เสยี ๑
ธรรม ๗ ประการนี้ ชอ่ื วา อธกิ รณสมถะ เปน
วิธีท่ีจะระงับขอผิดกิจพระวินัยบัญญัติของภิกษุบริษัท
พระธรรมวินัย พระผูมีพระภาคเจาทรงอนุญาตไว ได
ยกขน้ึ ยงั พระปาฏโิ มกขเุ ทศ เปน ประเภทสกิ ขาบทบญั ญตั ิ
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 119
รวมเขาไวเปน ๒๒๗ สิกขาบท สำหรับพระสงฆทำ
อุโบสถทุกระยะก่ึงเดือน สืบศาสนายุกาลมาถึงกาล
ปจ จบุ นั น้ี
ขอทา นท้งั หลาย
แตบรรดาที่อุปสมบทในพระพุทธศาสนา
จงอุตสาหะทองบนพระบาลีปาฏิโมกข
ใหจ ำขน้ึ วาจา ใจ
กำหนดความตามขอ พระพทุ ธบญั ญตั ิ
ทไี่ ดค ดั ขน้ึ ไวโ ดยยอ นใ้ี หแ มน ยำ
แลว พงึ ศกึ ษาเลา เรยี น
ไวไ ถถ ามหาความพสิ ดารตอ ไป
จบพระปาฏโิ มกขสงั วรศลี ๒๒๗ สกิ ขาบท
เพยี งเทา นี้
120 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 121
อินทรียสังวรศีล
อาชวี ปารสิ ทุ ธศิ ลี ปจ จยั สนั นสิ สติ ศลี
ปจ จเวกขณวธิ ี ๔ ประการ
ถลุ ลจั จยั ทกุ กฏ
ทพุ ภาสติ กาลกิ บพั พ
พนิ ท,ุ อธษิ ฐาน, วกิ ปั และปจ จทุ ธรณ
122 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
อินทรียสังวรศีล
เปนกิจของสมณะตองประพฤติเสมอ
บดั นจี้ ะวา ในอนิ ทรยี สงั วรศลี ความสำรวมระวงั
รกั ษาซง่ึ อนิ ทรยี ท งั้ ๖ อนั เปน อายตนะภายใน เมอ่ื กระทบ
ถกู อายตนะภายนอก อยา พงึ ทำความยนิ ดใี หเ กดิ ขน้ึ ดว ย
สงั กเิ ลสธรรม อนั เปน เครอื่ งเศรา หมองในสนั ดาน พงึ
กำหนดใหเห็นลงดวยปญญาเปนไปสักแตวาธาตุ และ
ยึดถือเอาพระไตรลักษณเปนอารมณ โดยความที่วา
เปนของไมเที่ยง แลเปนทุกข ไมใชตัวตน เม่ือทำ
ปญญาใหเปนไปโดยปจจเวกขณวิธี พิจารณาเห็นลง
ซ่ึงสังขารธรรมใหเปนไปดังน้ี ก็เปนเหตุท่ีจะกำจัด
สงั กเิ ลสธรรมเครอ่ื งลามกเศรา หมองเสยี ใหหางไกลได
จิตของภิกษุน้ันก็ปราศจากกังวล ตั้งมั่นในการเจริญ
สมณธรรมเปน เบอื้ งหนา ในอนิ ทรยี ๖ นี้ คอื
จกั ขนุ ทรยี (อนิ ทรยี คอื ตา สำหรบั ดรู ปู ๑)
โสตนิ ทรยี (อนิ ทรยี คอื หู สำหรบั ฟง เสยี ง ๑)
ฆานนิ ทรยี (อนิ ทรยี คอื จมกู สำหรบั ดม ๑)
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 123
ชวิ หนิ ทรยี (อนิ ทรยี คอื ลน้ิ สำหรบั ลม้ิ รส ๑)
กายินทรีย (อินทรีย คือ กายสำหรับถูกตอง
โผฏฐพั พารมณ ๑)
มนนิ ทรยี (อนิ ทรยี คอื ใจ สำหรบั รเู หตผุ ล ๑)
รวมเปน ๖ ประการ ซงึ่ ใหส ำรวมระวงั นนั้ คอื
๑. ตาไดม องเหน็ รปู ชายหญงิ หรอื รปู อน่ื ๆ ที่
ประณตี หรอื เลวทราม ทห่ี ยาบหรอื ละเอยี ดในทใี่ ดทห่ี นงึ่
ตนจะชอบใจหรอื มชิ อบใจกต็ าม อยา พงึ ทำความรกั ยนิ ดี
และความไมรักไมยินดี ควรระงับความโสมนัสเปนตน
เสยี หยง่ั ปญ ญาลงสพู ระไตรลกั ษณแ ตส ว นเดยี ว อนั นี้
ชอ่ื วา สำรวมดแี ลว ในจกั ษุ (ตา)
๒. หไู ดย นิ เสยี ง บรุ ษุ หรอื สตรี และเสยี งอนื่ ๆ
ในทใ่ี กลห รอื ไกลประการใด อยา พงึ ทำความรกั แลยนิ ดี
และไมรักไมยินดี ระงับความโสมนัสแลโทมนัสเปนตน
เสยี หยง่ั ปญ ญาลงสพู ระไตรลกั ษณแ ตฝ า ยเดยี ว อนั น้ี
ชอื่ วา สำรวมดแี ลว ในโสตะ (ห)ู
๓. จมูกไดดมกล่ิน เหม็นหรือหอม ก็พึงระงับ
ความยนิ ดแี ลไมย นิ ดไี ว หยง่ั ปญ ญาลงสพู ระไตรลกั ษณ
124 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
แตส ว นเดยี ว อนั นช้ี อ่ื วา สำรวมดแี ลว ในฆานะ (จมกู )
๔. ลนิ้ ไดล ม้ิ รส หวาน ขม เปรยี้ ว เคม็ เปน ตน
ประการใด ๆ กด็ ี จะเปน ทชี่ อบใจ หรอื มชิ อบกต็ าม พงึ
ระงบั ความยนิ ดแี ละไมย นิ ดไี ว พจิ ารณาใหเ หน็ เปน สว น
พระไตรลักษณอยางเดียว อันนี้ชื่อวาสำรวมดีแลวใน
ชวิ หา (ลน้ิ )
๕. กายไดส มั ผสั ถกู ตอ งเครอ่ื งนงุ หม หรอื อาสนะ
ทนี่ ง่ั นอน ออ นหรอื กระดา ง หรอื กระทบความรอ นเยน็
เปน ตน ประการใด ๆ กด็ ี พงึ ระงบั ความยนิ ดแี ละอดกลน้ั
ความกระสับกระสายเสีย ทำสติใหระลึกอยูในพระ
ไตรลกั ษณ อนั นชี้ อ่ื วา สำรวมดแี ลว ในกาย (ตวั )
๖. ใจท่ีคิดไปในอารมณใด ที่เปนสวนโลกีย
ประกอบดวยโสมนัสหรือโทมนัส ก็พึงอดกลั้น อยาให
ความกำหนดั ยนิ ดอี นั เปน สว นราคะ หรอื ความทกุ ขเ ปน
เคร่ืองเศราหมองใจ บังเกิดข้ึนในจิตสันดานได พึงผูก
อยใู นกรรมฐาน คอื อนสุ สติ ๑๐ หรอื สตปิ ฏ ฐาน ๔ เปน ตน
จงึ ไดช อื่ วา สำรวมดแี ลว ในใจ (ใจ)
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 125
รวมเปน ความสำรวมระวงั รกั ษาในอนิ ทรยี ท งั้ ๖
อยางนี้เรียกวาอินทรียสังวรศีล เปนของภิกษุจะพึง
ประพฤติและปฏิบัติ เปนเคร่ืองขัดเกลากิเลสเครื่อง
เศรา หมองในสนั ดานใหน อ ยลงหรอื ระงบั ไป จติ ของภกิ ษุ
นน้ั จงึ จะบรสิ ทุ ธไิ์ ด เพราะฉะนท้ี า นจงึ ยกอนิ ทรยี สงั วรศลี
เขา ใจจตปุ ารสิ ทุ ธศิ ลี ดว ย
จบอนิ ทรยี สงั วรศลี สงั เขปแตเ พยี งเทา นี้
126 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
อาชีวปาริสุทธิศีล
บดั น้ี จะวา ในอาชวี ปารสิ ทุ ธศิ ลี ตอ ไป
อาชวี ปารสิ ทุ ธศิ ลี นน้ั วา ใหภ กิ ษพุ งึ แสวงหาเลยี้ ง
ชพี โดยโคจรบณิ ฑบาต หรอื รบั ภตั ตาหารทที่ ายกนมิ นต
ซงึ่ เปน อตเิ รกลาภอนั เปน ของบรสิ ทุ ธ์ิ ปราศจากมจิ ฉาชพี
เลย้ี งชวี ติ ดว ยอเนสนากรรม คอื การแสวงหาไมค วร คอื
ใหด อกไม ๑ ใหผ ลไม ๑ ใหจ ณุ เครอ่ื งทา ๑ ใหไ ม
สฟี น ๑ ใหไ มไ ผ ๑ แกต ระกลู ผมู ใิ ชญ าตแิ ละเปน หมอ
ใหย ารกั ษาไข แลเปน ทตู เดนิ ขา วสารของคฤหสั ถ หรอื
หาเลย้ี งชพี ดว ยอบุ ายตา ง ๆ มขี วนขวายชว ยทำกจิ การ
งานเปน ตน ทโี่ ลกนบั วา เปน การประจบประแจง เหลา น้ี
เปน อเนสนากรรม เปน การแสวงหาไมค วร
เพราะฉะนน้ั ภกิ ษพุ งึ ละเวน จากการแสวงหาเลยี้ ง
ชวี ติ อนั ไมค วรเหลา นเ้ี สยี จงึ ชอื่ วา เปน ผปู ระกอบดว ย
อาชวี ปารสิ ทุ ธศิ ลี และพงึ ทำความศกึ ษาตอ ไปใหไ ดค วาม
ชดั เจนดว ย
จบอาชวี ปารสิ ทุ ธศิ ลี สงั เขปเทา นี้
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 127
ปจ จยั สนั นสิ สติ ศลี
บดั นจี้ ะวา ดว ยปจ จยั สนั นสิ สติ ศลี
ในปจ จยั สนั นสิ สติ ศลี นนั้ ความวา ภกิ ษพุ งึ พจิ ารณา
ปจ จยั ทง้ั ๔ คอื
จวี รเครอื่ งนงุ หม หรอื ผา อยา งใดอยา งหนง่ึ ซง่ึ
สมควรแกภ กิ ษจุ ะบรโิ ภคไดเ ปน ตน ๑
บิณฑบาตของซ่ึงเปนอาหาร อันภิกษุพึงจะรับ
ฉนั ไดใ นกาล คอื เชา ถงึ เทยี่ ง ๑
เสนาสนะเครอื่ งลาดปู มที นี่ งั่ หรอื ทนี่ อนเปน ตน
จะเปน เสอื่ หรอื แผน ผา อนั ใดกต็ าม ๑
คลิ านปจ จยั สง่ิ ทสี่ งเคราะหเ ขา ในยาสำหรบั รกั ษา
โรคไขเ จบ็ จะเปน ยาวชวี กิ กฉ็ นั ไดต ราบเทา สน้ิ ชวี ติ และ
ยามกาลิกมีกำหนด ฉันไดชั่วกาลวันหน่ึงตลอดคืนหน่ึง
หรอื ชว่ั ๗ วนั เปน กำหนดทเ่ี รยี กวา สตั ตาหกาลกิ ๑
จบปจ จยั สนั นสิ สติ ศลี สงั เขปเทา นี้
128 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ปจ จเวกขณวธิ ี ๔ ประการ
ในการทจ่ี ะพจิ ารณาปจ จยั ทง้ั ๔ น้ี ทา นแบง ออก
เปน ๔ อยา ง เรยี กวา ปจ จเวกขณะ ๔
๑. ธาตปุ จ จเวกขณ ใหพ จิ ารณาเหน็ สกั วา เปน ธาตุ
ไมใ ชส ตั ว ไมใ ชบ คุ คล ใหพ จิ ารณาเมอ่ื ไดร บั จตปุ จ จยั อนั
ใดอนั หนงึ่ ไดแ ก “ยถาปจจฺ ยํ ฯลฯ สุ โฺ ญ” ใหพ จิ ารณา
เหน็ โดยสกั วา ธาตุ อนั นเ้ี รยี กวา ธาตปุ จ จเวกขณ
๒. พิจารณากอนแตกาลบริโภค ใหเห็นวาเปน
ของพงึ เกลยี ดโดยปฏกิ ลู กรรมฐาน ไดแ ก “สพพฺ านิ ปน
อมิ านิ หรอื สพโฺ พ ปนายํ ฯลฯ ชายนตฺ ิ หรอื ชายต”ิ
ดงั น้ี เรยี กวา ปฏกิ ลู ปจ จเวกขณ
๓. ในขณะจะบรโิ ภคใหพ จิ ารณาในสว น “ตงขฺ ณกิ -
ปจจฺ เวกขฺ ณ” ไดแ ก “ปฏสิ งขฺ า โยนโิ ส” ทงั้ ๔ บทแลว แต
ปจ จยั ทบี่ รโิ ภค นเ้ี รยี กวา ตงั ขณกิ ปจ จเวกขณ
๔. ในสว นอตตี ปจ จเวกขณ ไดแ ก “อชชฺ มยา”
ฯลฯ เปนสวนท่ีทรงอนุญาตใหไว เพื่อความหลงลืมใน
เวลารบั เวลาบรโิ ภค ความวา เมอ่ื ภกิ ษไุ ดร บั หรอื บรโิ ภค
ศลี ของพระและสมณวสิ ยั 129
ปจจัยท้ัง ๔ มิไดพิจารณาในธาตุปจจเวกขณ หรือ
ปฏกิ ลู ปจ จเวกขณ แลตงั ขณกิ ปจ จเวกขณ แลว ภายหลงั
กำหนดในวนั เดยี วเทา นน้ั อยา ใหท นั อรณุ ใหมข นึ้ มากใ็ ห
พจิ ารณาในอตตี ปจ จเวกขณต อ ไป ถา ไมไ ดพ จิ ารณาใน
อตีตปจจเวกขณในวันน้ัน ชื่อวาอิณบริโภค คือการ
บรโิ ภคประกอบดว ยหนใี้ นวนั นน้ั
เพราะฉะน้ัน ภิกษุอยาพึงประมาทปลอยสติใน
การพจิ ารณานเ้ี สยี เลย รวมเปน ปจ จเวกขณ ๔ ประการ
ในปจจัยสันนิสสิตศีลที่พระพุทธองคทรงอนุญาตให
พจิ ารณาปจ จยั ทง้ั ๔ โดยปจ จกเวกขณวธิ ที งั้ ๔ ประการนี้
เพื่อจะไดละกิเลสอาสวะเครื่องเศราหมองอันกองอยู
ในสันดานใหระงับ หางไกลจากความกำหนัดยินดีใน
วัตถุกามแลกิเลสกามเปนตน ใหภิกษุทำความศึกษาใน
ปจจเวกขณท้ัง ๔ ในพระบาลีและเนื้อความใหเขาใจ
ชดั เจน อยา ใหเ ปน สกั แตว า ตามบาลี ใหต ง้ั ใจหยง่ั ปญ ญา
ลงพจิ ารณาใหเ หน็ โดยจรงิ ดว ย จงึ จะเปน เครอื่ งชำระ
อาสวะเครอื่ งหมกั ดองในสนั ดานได
จบปจ จเวกขณวธิ เี ทา น้ี
130 แปลจากพระปาฏโิ มกข โดย สมเดจ็ พระวนั รตั น (แดง สลี วฑฒฺ นมหาเถร)
ถุลลัจจัย
จกั พรรณนาในถลุ ลจั จยาบตั ิ
ขอหน่ึงภิกษุอยาพึงสละ ขอหนึ่งอยาพึงแจก
ครุภัณฑท ่ีเปนของสงฆถาสละ หรือแจกกเ็ ปนถลุ ลจั จัย
ดว ยพทุ ธบญั ญตั หิ า มไว
ครภุ ณั ฑน นั้ มี ๕ หมวด ดงั นี้
สวนดอกไมล กู ไม ๑ ทดี่ นิ พนื้ สวน ๑ สองอยา ง
นเ้ี ปน หมวดทหี่ นงึ่
วหิ าร คอื กฏุ ติ กึ เรอื นทอ่ี ยู เปน ตน ๑ ทดี่ นิ พน้ื
แหง วหิ าร ๑ สองอยา งนเ้ี ปน หมวดท่ี ๒
เตยี ง ๑ ตงั่ ๑ ฟกู ๑ หมอน ๑ สอี่ ยา งนเ้ี ปน
หมวดที่ ๓
หมอทำดวยโลหะ ๑ คะนนทำดวยโลหะ ๑
กระปุกขวดทำดวยโลหะโตจุของกวา ๕ ทะนานมคธ
ขนึ้ ไป ๑ กระถางกระทะทำดวยโลหะ แมเ ลก็ จุนำ้ ได
ซองมอื เดยี ว ๑ โลหะนนั้ เปน ชอ่ื แหง ทองเหลอื ง ทองขาว
ทองแดง ทองสัมฤทธ์ิ ของหลอ แลมีดใหญที่ตัดฟน