แผนการจัดการเรียนรู้
วิชา วิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านนาดีโคกกลาง
นางสาวบุญญรัตน์ นามศรีอุ่น
รหัสประจำตัวนักศึกษา 61100147101
สาขาวิชา วิทยาศาสตร์ทั่วไป (ชีววิทยา)
การฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา 1
รหัสวิชา ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 21
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1
รหัสวชิ า ว22101
หนว่ ยการเรยี นท่ี 4 เรือ่ ง การเคลือ่ นทีแ่ ละแรง เวลา 21 ชั่วโมง
บทท่ี 1 การเคลอ่ื นท่ี
เร่อื งท่ี 1 ตำแหนง่ ของวตั ถุ ระยะทาง และการกระจดั 1 เวลา 1 ชวั่ โมง
วันท่ี 23 สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ผใู้ ช้แผน นางสาวบญุ ญรตั น์ นามศรีอุ่น
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคล่อื นท่ี
แบบต่างๆ ของวัตถุ รวมท้ังนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
2. ตวั ช้ีวดั ชน้ั ปี
ม.2/15 เขยี นแผนภาพแสดงการกระจดั และความเรว็
3. สาระสำคัญ
การระบุตำแหน่งวัตถุหนึ่งๆ ให้แม่นยำและเข้าใจตรงกัน ต้องมีการกำหนดตำแหน่ง
อ้างองิ ระยะหา่ ง และทิศทางจากตำแหน่ง อ้างองิ ถงึ วัตถุนั้นๆ
4.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
นกั เรียนสามารถ
4.1 นกั เรยี นสามารถอธบิ ายวธิ กี ารระบตุ ำแหน่งของวตั ถุได้ (K)
4.2 นกั เรียนสามารถสังเกตและลงความเหน็ จากข้อมูลได้ (P)
4.3 มีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และ มุง่ ม่นั ในการทำงาน(A)
5. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E
ขนั้ ที่ 1 สร้างความสนใจ (เวลา 10 นาที)
1. เชื่อมโยงเข้าสู่บทที่ 1 เรื่อง การเคลื่อนที่ โดยให้นักเรียนสังเกต ภาพนำบท และ
รว่ มกันอภปิ รายโดยอาจใชค้ ำถามดังนี้
- ภาพนี้แสดงข้อมูลอะไรบ้าง (แนวคำตอบ ระยะทางและเวลาที่ใช้ในการเดินทางโดย
รถยนต์ส่วนตัวและเครื่องบิน โดยสารจากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานครไปยังสนามบิน
เชียงใหม่)
- การเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางใดใช้เวลาน้อยที่สุด
เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ การเดินทางโดยเครื่องบินโดยสาร เพราะระยะทางน้อยกว่า
และเครื่องบินบนิ เรว็ กวา่ )
2. ให้นักเรียนอ่านคำถามนำบท จุดประสงค์ของบทเรียน และอภิปรายร่วมกัน เพื่อให้
ทราบขอบเขตเนื้อหาในบทเรียน รวมทั้งเป้าหมายการเรียนรู้ในบทเรียน (นักเรียนจะได้เรียนรู้
เกย่ี วกับวธิ ีบอกตำแหน่งของวัตถุ ความหมาย และวธิ ีการคำนวณหาปริมาณต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องกับ
การเคลื่อนที่ ได้แก่ ระยะทาง การกระจัด อัตราเร็ว ความเร็ว รวมทั้ง ความหมายของปริมาณ
เวกเตอร์และปรมิ าณสเกลาร)์
ข้นั ท่ี 2 สำรวจและคน้ หา (เวลา 25 นาท)ี
1. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมกลมุ่ ละ 5 คน จำนวน 8 กลุ่ม
2. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม และตรวจสอบความ
เข้าใจการอา่ นโดยใช้คำถาม ดังต่อไปน้ี
- กิจกรรมนเ้ี กีย่ วกับเรอ่ื งอะไร (วธิ กี ารระบุตำแหน่งของวัตถุ)
- กจิ กรรมน้มี ีจุดประสงค์อะไร (อธบิ ายวธิ ีการระบุตำแหน่งของวัตถุ)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (นักเรียนในกลุ่มเลือกวัตถุที่อยู่ใน
ห้องเรียน 1 ชิ้น จากนั้นนักเรียนแต่ละคนในกลุ่มระบุตำแหน่งของวัตถุนั้น แล้วร่วมกันอภิปราย
เกย่ี วกบั วธิ ีการระบุตำแหน่งของวตั ถทุ แ่ี ม่นยำและเข้าใจตรงกัน)
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมอะไรบ้าง (ตำแหน่งอ้างอิง ระยะที่วัตถุนั้นอยู่ห่างจาก
ตำแหนง่ อ้างอิง และทิศทางของวตั ถเุ มื่อเปรียบเทยี บกบั ตำแหน่งอา้ งองิ )
3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำกิจกรรม โดยครูควรเดินสังเกตการณ์ทำกิจกรรมของ
นักเรียนแต่ละกลุ่ม เพื่อให้คำแนะนำ ถ้านักเรียนมีข้อสงสัย และครูควรรวบรวมข้อมูลเหล่าน้ัน
เพอื่ ใช้ประกอบการอภิปรายหลงั การทำกิจกรรม
ขัน้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (เวลา 15 นาที)
ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ นำเสนอวิธกี ารระบุตำแหนง่ ท่แี มน่ ยำและเข้าใจตรงกัน ตอบ
คำถามทา้ ยกจิ กรรม และรว่ มกนั อภิปรายผลของกิจกรรมโดยอาจใช้คำถามท้ายกจิ กรรมเป็น
แนวทาง เพื่อให้ไดข้ ้อสรุปจากกจิ กรรมว่า การระบุตำแหน่งวัตถหุ น่งึ ๆ ใหแ้ มน่ ยำและเข้าใจ
ตรงกนั ต้องมีการกำหนดตำแหน่งอ้างองิ ระยะหา่ ง และทิศทางจากตำแหน่ง อ้างองิ ถงึ วัตถุน้นั ๆ
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (เวลา 10 นาท)ี
ให้นักเรียนยกตัวอย่างการระบุตำแหน่งวัตถุ โดยกำหนดตำแหน่งอ้างอิง ระยะห่างและ
ทิศทางจากตำแหน่งอ้างอิง เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเก่ียวกับการระบุตำแหน่งของ
วัตถุ และเชื่อมโยงการบอกตำแหนง่ ที่เกี่ยวขอ้ งกับนักเรียน โดยการยกตัวอย่างการระบุตำแหนง่
วัตถทุ ่ใี ช้ในชีวิตประจำวนั การ Share Location ในโปรแกรมแอปพลิเคชนั สนทนาต่างๆ หรือส่ือ
สังคมออนไลน์ เพื่อให้ผู้อื่นรู้ตำแหน่งที่อยู่ของผู้ส่ง การบอกตำแหน่งโดยใช้ GPS จากนั้นให้
นกั เรยี นอ่านเกรด็ นา่ รูเ้ กี่ยวกับการระบุตำแหน่งโดยใช้ GPS
ขัน้ ท่ี 5 ประเมินผล
ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากใบบันทึกกิจกรรม 4.1 เรื่อง ระบุตำแหน่งของ
วตั ถุในหอ้ งเรยี นไดอ้ ยา่ งไร และการสงั เกตพฤตกิ รรมในระหว่างทำกิจกรรม
6. ส่อื การเรยี นรู้
6.1 หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 2 (สสวท)
6.2 Powerpoint หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอื่ ง การเคล่ือนทแ่ี ละแรง
ใบบนั ทึกกจิ กรรมท่ี 4.1
เร่ือง…ระบตุ ำแหน่งของวัตถุในหอ้ งเรยี นได้อย่างไร
วธิ ีการดำเนนิ กิจกรรม
1. ใหน้ ักเรยี นในกลมุ่ เลือกวัตถใุ นหอ้ งเรียน 1 ชิน้ จากนนั้ ใหแ้ ต่ละคนระบตุ ำแหน่งของวตั ถนุ ัน้ บนั ทกึ ผล
2. นำเสนอวธิ กี ารระบุตำแหน่งของวัตถุนน้ั
3. ร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกบั วธิ ีการบอกตำแหนง่ ทแ่ี มน่ ยำและเขา้ ใจตรงกัน
4. ทำซำ้ โดยเปลี่ยนเปน็ วตั ถุชน้ิ อ่ืนอีก 2 ชน้ิ
ผลการทำกิจกรรม
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………..……………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……
…………………………………………………………………………………………………………………………………………..………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
คำถามท้ายกิจกรรม
1. การระบุตำแหน่งของวัตถุหนึง่ ๆ ใหแ้ มน่ ยำและเขา้ ใจตรงกัน ทำไดอ้ ยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………….………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. จากกิจกรรม สรปุ ไดว้ า่ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เฉลยใบบนั ทึกกจิ กรรมที่ 4.1
เรอ่ื ง…ระบตุ ำแหน่งของวตั ถุในหอ้ งเรยี นไดอ้ ย่างไร
ผลการทำกิจกรรม
คำถามท้ายกจิ กรรม
1. การระบุตำแหน่งของวตั ถุหนึง่ ๆ ให้แมน่ ยำและเข้าใจตรงกัน ทำได้อย่างไร
การระบุตำแหนง่ ของวัตถหุ นงึ่ ๆ ให้แม่นยำและเข้าใจตรงกนั ตอ้ งมีการกำหนดตำแหน่งอ้างอิง
ระบุระยะหา่ งและทิศทางจากตำแหนง่ อ้างองิ
2. จากกิจกรรม สรปุ ได้วา่ อย่างไร
วธิ ีการระบตุ ำแหน่งของวตั ถุต้องระบุใหแ้ ม่นยำและเขา้ ใจตรงกัน โดยตอ้ งกำหนดตำแหน่งอา้ งอิง
ระบรุ ะยะห่างและทิศทางจากตำแหนง่ อา้ งองิ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 22
กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1
รหัสวชิ า ว22101
หนว่ ยการเรียนที่ 4 เร่ือง การเคลือ่ นที่และแรง เวลา 21 ช่ัวโมง
บทท่ี 1 การเคลอื่ นท่ี
เร่ืองท่ี 1 ตำแหนง่ ของวตั ถุ ระยะทาง และการกระจดั 2 เวลา 1 ชวั่ โมง
วันท่ี 26 สงิ หาคม พ.ศ. 2565 ผู้ใช้แผน นางสาวบญุ ญรัตน์ นามศรอี นุ่
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจำวนั ผลของแรงท่กี ระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ
เคลอ่ื นทีแ่ บบต่างๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตวั ช้ีวดั ชั้นปี
ม.2/14 อธิบายและคำนวณอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้
สมการ v = s และ ⃑v = ⃑s จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
tt
3. สาระสำคัญ
ระยะทางเป็นความยาวตามแนวทางเคลือ่ นที่ ส่วนการกระจัดเป็นระยะห่างที่วัดในแนว
ตรงจากตำแหน่งเริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้าย โดยมีทิศทางจากตำแหน่ง เริ่มต้นไปยังตำแหน่ง
สุดท้าย ระยะทางอาจมคี ่าเท่ากบั ขนาดของการกระจัดเมื่อวตั ถุเคลื่อนทีเ่ ปน็ แนวตรงจากตำแหน่ง
เรมิ่ ต้นไปยงั ตำแหน่งสดุ ท้าย โดยไมเ่ ปลี่ยนทิศทางของการเคล่อื นท่ี
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
นกั เรียนสามารถ
4.1. นักเรียนสามารถอธิบายความแตกต่างของระยะทางของการเคลือ่ นท่ีและระยะหา่ ง
ระหว่างสองตำแหน่งได้ (K)
4.2 นกั เรียนสามารถวัดและคำนวณระยะทางของการเคลอ่ื นทีแ่ ละระยะหา่ งระหว่าง
สองตำแหนง่ ได้ (P)
4.3 มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ และ ม่งุ มั่นในการทำงาน(A)
5. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E
ข้ันที่ 1 สรา้ งความสนใจ (เวลา 5 นาท)ี
1. นำเข้าสู่การทำกิจกรรมที่ 4.2 เรื่อง ระยะทางและระยะห่างระหว่างสองตำแหน่ง
แตกต่างกันอย่างไร โดยอาจใช้คำถาม ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า เมื่อวัตถุมีการเปลี่ยน
ตำแหนง่ นักเรยี นคิดวา่ จะสามารถอธบิ ายการเปล่ียนตำแหน่งของ วัตถุนนั้ ได้อยา่ งไร
ขัน้ ที่ 2 สำรวจและค้นหา (เวลา 30 นาท)ี
1. ให้นกั เรียนแบง่ กล่มุ ทำกจิ กรรมกลมุ่ ละ 5 คน จำนวน 8 กลมุ่
2. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม และตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอา่ นโดยใชค้ ำถาม ดังต่อไปน้ี
- กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (ความแตกต่างระหว่างระยะทางและระยะห่างระหว่าง
สองตำแหน่ง)
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (สังเกตและอธิบายความแตกต่างของระยะทางของการ
เคลื่อนทีแ่ ละระยะห่าง ระหว่างสองตำแหนง่ วดั และคำนวณระยะทางและระยะห่างระหว่างสอง
ตำแหน่ง และเขยี นลูกศรแสดงระยะห่าง และทศิ ทางระหว่างสองตำแหน่ง)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมขี ั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (อ่านสถานการณ์ต่างๆ ที่กำหนดให้ และ
ตอบคำถามเกี่ยวกับระยะทางที่เคลื่อนที่ได้ตามแนวทางการเคลื่อนที่ ระยะห่างจากตำแหน่ง
เริม่ ต้นไปตำแหนง่ สุดทา้ ย และทิศทางของตำแหน่งสดุ ท้ายเทียบกบั ตำแหนง่ เร่มิ ตน้ )
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (ระยะทาง ระยะห่างจากตำแหน่ง
เร่ิมต้นถึงตำแหนง่ สุดท้าย รวมทงั้ ทศิ ทางของตำแหนง่ สดุ ทา้ ยเทียบกบั ตำแหนง่ เร่ิมตน้ )
3. ใหน้ กั เรยี นสงั เกตภาพภายในกจิ กรรม และรว่ มกันอภิปรายถึงตำแหน่ง A B C D และ
E ในภาพคอื ตำแหนง่ อะไร รวมท้ังการกำหนดความยาวของชอ่ งสเกลและการกำหนดทิศทางของ
เข็มทิศ
4. ให้นักเรียนทำกิจกรรม โดยครูเดินสังเกตการณ์ทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่ม
และให้คำแนะนำถ้านักเรยี นมีข้อสงสัยในการหาระยะทางและระยะหา่ งระหวา่ งสองตำแหน่ง ครู
ควรรวบรวมขอ้ มูลเหลา่ น้ันเพื่อใช้ประกอบการอภิปรายหลงั จากทำกิจกรรม ซ่ึงการหาระยะทาง
และระยะห่างระหว่างสองตำแหน่งทำได้ดังน้ี
- การหาระยะทางตามแนวการเคลื่อนที่ทำได้ด้วยการนับจำนวนช่องสเกล โดย 1 ช่อง
สเกลมีคา่ เทา่ กับ 1 เซนตเิ มตร แลว้ คณู ดว้ ย 10 เมตร
- การหาระยะห่างจากตำแหน่งเริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้าย ทำได้โดยใช้ไม้บรรทัดวัด
ความยาวระหวา่ งสองตำแหน่ง จากน้นั คูณระยะท่ีวดั ไดด้ ว้ ย 10 เมตร
ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (เวลา 15 นาที)
สุ่มนักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย
สรุปผลของกิจกรรมโดยใช้ คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า
ระยะทางเป็นความยาวตามแนวทางเคลื่อนที่ ส่วนการกระจัดเป็นระยะห่างที่วัดในแนวตรงจาก
ตำแหน่งเริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้าย โดยมีทิศทางจากตำแหน่ง เริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้าย
ระยะทางอาจมีค่าเท่ากับขนาดของการกระจดั เมื่อวัตถุเคลือ่ นที่เป็นแนวตรงจากตำแหน่งเริ่มตน้
ไปยงั ตำแหน่งสุดทา้ ย โดยไมเ่ ปลย่ี นทศิ ทางของการเคล่ือนที่
ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้ (เวลา 10 นาที)
ให้นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมเกีย่ วกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียน
หน้า 135-137 และร่วมกัน อภิปรายเกี่ยวกับความหมาย สัญลักษณ์ และหน่วยของระยะทาง
และการกระจดั
ขั้นที่ 5 ประเมนิ ผล
ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากใบบันทึกกิจกรรม 4.2 เรื่อง ระยะทางและ
ระยะห่างระหว่างสองตำแหน่งแตกต่างกันอย่างไร และการสังเกตพฤติกรรมในระหว่างทำ
กิจกรรม
6. สือ่ การเรียนรู้
6.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 (สสวท)
6.2 Powerpoint หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรื่อง การเคลื่อนท่ีและแรง
6.3. ใบความรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง การเคล่ือนทแ่ี ละแรง
6.4 ไมบ้ รรทดั
6.5 ไมบ้ รรทดั วัดมุม
7. การวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธวี ดั เกณฑก์ ารประเมิน
1. นักเรียนสามารถอธิบายความ ตรวจใบบันทึกกิจกรรม ผ่านเกณฑ์การประเมินในระ ดับพอใช้ขึ้นไป
แตกต่างของระยะทางของการ 4.2 เรื่อง ระยะทางและ รอ้ ยละ 60
เคลื่อนที่และระยะห่างระหว่าง ระยะ ห่างระหว่างสอง
สองตำแหน่งได้ ต ำ แ ห น ่ ง แ ต ก ต ่ า ง กั น
อย่างไร
2. นักเรยี นสามารถวดั และ ตรวจใบบันทึกกิจกรรม ผ่านเกณฑ์การประเมินในระ ดับพอใช้ขึ้นไป
คำนวณระยะทางของการ 4.2 เรื่อง ระยะทางและ ร้อยละ 60
เคล่ือนทแี่ ละระยะหา่ งระหวา่ ง ระยะ ห่างระหว่างสอง
สองตำแหน่งได้ (P) ต ำ แ ห น ่ ง แ ต ก ต ่ า ง กั น
อยา่ งไร
3. นักเรียนมีความกระตือรือร้น สังเกตพฤติกรรมการทำ ผ่านเกณฑ์การประเมินในระ ดับพอใช้ขึ้นไป
ในการทำกิจกรรมและมีความ กจิ กรรมของผ้เู รียน ร้อยละ 60
รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับ
มอบหมาย (A)
ใบบันทกึ กจิ กรรมที่ 4.2
เรอ่ื ง…ระยะทางและระยะห่างระหว่างสองตำแหนง่ แตกต่างกนั อยา่ งไร
วธิ กี ารดำเนินกิจกรรม
1. สงั เกตตำแหนง่ ของกิตติและตำแหน่งของส่ิงตา่ งๆในภาพ
2. กติ ติเดินทางไปยังตำแหนง่ ตา่ ง ๆ ทงั้ 5 สถานการณท์ ่ีแตกต่างกันดงั นี้
2.1 กติ ตเิ ดินไปตามถนนจากตำแหนง่ A ไปยงั ตูไ้ ปรษณยี ท์ ่ีตำแหนง่ B
2.2 กิตติเดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยังทา้ ยรถโรงเรียนที่ตำแหน่ง C แลว้ เดินยอ้ นกลับ
มายังตไู้ ปรษณีย์ท่ีตำแหนง่ B
2.3 กิตตเิ ดนิ ไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยงั ทา้ ยรถโรงเรียนท่ตี ำแหน่ง C แลว้ เดินต่อไปยัง
โรงเรยี นท่ีตำแหน่ง D
2.4 กิตติเดินลดั สนามหญา้ จากตำแหนง่ A ไปยงั ตำแหน่ง D
2.5 กิตตเิ ดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ผ่านตำแหนง่ B C D และ E แลว้ เดินกลบั มายงั ตำแหนง่
เรมิ่ ต้น
3. อา่ นสถานการณท์ ี่ 2.1 รว่ มกนั อภิปรายแลว้ ตอบคำถามต่อไปน้ี
3.1 วัดระยะทางที่กิตติเคลื่อนที่ตามแนวเส้นทางการเคล่ือนท่ีไดก้ ่ีเมตร
3.2 วดั ระยะห่างจากตำแหนง่ เร่ิมตน้ ไปยงั ตำแหน่งสุดทา้ ยไดก้ ี่เมตร
3.3 ลูกศรทลี่ ากจากตำแหน่งเร่ิมตน้ ไปยงั ตำแหนง่ สุดทา้ ยมีความยาวเท่าใดและมีทิศทางเป็น
อย่างไร 4. ทำข้อ 3 โดยเปลยี่ นเป็นสถานการณ์ที่ 2.2-2.5 ตามลำดบั
ผลการทำกจิ กรรม
2.1 กิตตเิ ดนิ ไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยงั ต้ไู ปรษณยี ์ท่ีตำแหนง่ B
- วดั ระยะทางที่กติ ตเิ คลอ่ื นท่ีตามแนวเสน้ ทางการเคลื่อนท่ีไดก้ ี่เมตร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- วดั ระยะหา่ งจากตำแหนง่ เริ่มตน้ ไปยังตำแหนง่ สดุ ท้ายได้กี่เมต
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ลูกศรทีล่ ากจากตำแหน่งเริ่มต้นไปยังตำแหน่งสดุ ทา้ ยมีความยาวเท่าใดและมีทศิ ทางเป็นอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 กิตตเิ ดินไปตามถนนจากตำแหนง่ A ไปยังทา้ ยรถโรงเรยี นทีต่ ำแหน่ง C แล้วเดินย้อนกลบั มายังตู้
ไปรษณยี ท์ ่ีตำแหน่ง B
- วดั ระยะทางที่กิตตเิ คลอื่ นที่ตามแนวเสน้ ทางการเคล่ือนท่ีได้กเี่ มตร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- วัดระยะห่างจากตำแหนง่ เร่ิมตน้ ไปยงั ตำแหนง่ สดุ ท้ายได้กี่เมต
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ลูกศรท่ลี ากจากตำแหน่งเริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดทา้ ยมีความยาวเท่าใดและมีทศิ ทางเป็นอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
2.3 กติ ตเิ ดนิ ไปตามถนนจากตำแหนง่ A ไปยงั ทา้ ยรถโรงเรยี นที่ตำแหนง่ C แล้วเดนิ ต่อไปยงั โรงเรยี น
ที่ตำแหนง่ D
- วดั ระยะทางทีก่ ิตตเิ คลอื่ นท่ีตามแนวเสน้ ทางการเคลื่อนท่ีได้ก่ีเมตร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………
- วัดระยะหา่ งจากตำแหน่งเร่ิมตน้ ไปยงั ตำแหน่งสดุ ท้ายได้ก่ีเมต
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ลูกศรทีล่ ากจากตำแหนง่ เร่ิมต้นไปยังตำแหน่งสุดท้ายมีความยาวเทา่ ใดและมีทิศทางเป็นอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.4 กิตตเิ ดนิ ลัดสนามหญ้าจากตำแหนง่ A ไปยังตำแหน่ง D
- วดั ระยะทางทก่ี ิตติเคลอื่ นที่ตามแนวเส้นทางการเคลื่อนท่ีได้ก่เี มตร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- วดั ระยะหา่ งจากตำแหนง่ เริ่มตน้ ไปยงั ตำแหน่งสุดทา้ ยได้กี่เมต
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ลูกศรทล่ี ากจากตำแหนง่ เริ่มตน้ ไปยงั ตำแหน่งสดุ ทา้ ยมีความยาวเท่าใดและมีทิศทางเป็นอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.5 กิตติเดนิ ไปตามถนนจากตำแหน่ง A ผ่านตำแหน่ง B C D และ E แล้วเดนิ กลบั มายงั ตำแหนง่
เรม่ิ ต้น
- วัดระยะทางท่กี ติ ตเิ คล่อื นท่ีตามแนวเส้นทางการเคลื่อนที่ได้ก่ีเมตร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- วดั ระยะหา่ งจากตำแหนง่ เร่ิมตน้ ไปยงั ตำแหน่งสุดท้ายได้กี่เมต
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
- ลกู ศรทีล่ ากจากตำแหน่งเริ่มต้นไปยงั ตำแหน่งสุดทา้ ยมีความยาวเท่าใดและมีทิศทางเป็นอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
คำถามทา้ ยกิจกรรม
1. สถานการณ์ใดทีร่ ะยะทางที่กติ ตเิ คลื่อนท่ีและระยะห่างจากตำแหนง่ เริ่มต้นไปยังตำแหนง่ สุดท้ายของ
กิตติมีค่าเท่ากัน เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……..……………………………………………………………………………………………………………………………………..………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. สถานการณ์ใดท่ีระยะทางที่กติ ติเคล่อื นท่ีและระยะหา่ งจากตำแหนง่ เร่ิมต้นไปยังตำแหน่งสุดท้ายของ
กิตติมี ค่าไม่เท่ากนั เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
3. ระยะทางของการเคล่อื นท่ีและระยะห่างระหวา่ งสองตำแหนง่ แตกต่างกนั อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. จากกจิ กรรม สรปุ ไดว้ ่าอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
เฉลยใบบนั ทึกกจิ กรรมท่ี 4.2
เรอ่ื ง…ระยะทางและระยะห่างระหว่างสองตำแหนง่ แตกตา่ งกนั อย่างไร
ผลการทำกจิ กรรม
2.1 กิตติเดินไปตามถนนจากตำแหนง่ A ไปยังตูไ้ ปรษณีย์ที่ตำแหน่ง B
- วัดระยะทางที่กติ ตเิ คล่อื นท่ีตามแนวเสน้ ทางการเคล่ือนท่ีได้กเ่ี มตร
ระยะทางท่ีกติ ตเิ คล่ือนที่ไดต้ ามแนวเสน้ ทางการเคล่อื นทจ่ี าก A ไป B คือระยะ AB เป็น 2
เซนตเิ มตร และ 1 เซนตเิ มตร = 10 เมตร ดังนัน้ ระยะทางทกี่ ติ ติเคลอ่ื นที่ไดเ้ ปน็ 20 เมตร
- วัดระยะห่างจากตำแหนง่ เร่ิมต้นไปยงั ตำแหนง่ สุดทา้ ยได้กเี่ มต
ระยะหา่ งจากตำแหนง่ เริม่ ต้น (A) ไปยังตำแหนง่ สุดท้าย (B) คอื ระยะ AB เป็น 2 เซนติเมตร
ดงั นั้น ระยะหา่ งจากตำแหน่ง A ไปตำแหนง่ B เป็น 20 เมตร
- ลูกศรทล่ี ากจากตำแหนง่ เริ่มต้นไปยังตำแหน่งสดุ ท้ายมีความยาวเท่าใดและมีทศิ ทางเป็นอยา่ งไร
ลูกศรที่ลากจาก A ไป B มีความยาว 20 เมตร ในทิศตะวนั ออก
2.2 กิตติเดินไปตามถนนจากตำแหนง่ A ไปยังทา้ ยรถโรงเรียนที่ตำแหน่ง C แล้วเดนิ ย้อนกลบั มายังตู้
ไปรษณียท์ ่ตี ำแหน่ง B
- วัดระยะทางทก่ี ติ ตเิ คลอ่ื นที่ตามแนวเส้นทางการเคล่ือนท่ีได้ก่เี มตร
ระยะทางทเี่ คลื่อนท่ีไดต้ ามแนวเสน้ ทางการเคลื่อนทจ่ี าก A ไป C ไป B เปน็ 5 + 3 = 8
เซนติเมตร ดงั นัน้ ระยะทางท่ีกติ ติเคลื่อนทไี่ ด้เป็น 80 เมตร
- วัดระยะห่างจากตำแหน่งเร่ิมต้นไปยงั ตำแหน่งสุดทา้ ยได้กีเ่ มต
ระยะหา่ งจากตำแหนง่ เร่มิ ต้น (A) ไปยังตำแหนง่ สดุ ท้าย (B) คือระยะ AB เปน็ 2 เซนติเมตร
ดังนั้น ระยะห่างจากตำแหนง่ A ไป B เปน็ 20 เมตร
- ลกู ศรทล่ี ากจากตำแหนง่ เริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้ายมีความยาวเท่าใดและมีทศิ ทางเป็นอยา่ งไร
ลูกศรท่ีลากจาก A ไป B มีความยาว 20 เมตร ในทิศตะวนั ออก
2.3 กิตติเดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยังท้ายรถโรงเรยี นท่ีตำแหน่ง C แล้วเดนิ ตอ่ ไปยังโรงเรยี น
ทต่ี ำแหน่ง D
- วัดระยะทางทีก่ ติ ติเคลื่อนที่ตามแนวเสน้ ทางการเคล่ือนที่ได้ก่ีเมตร
ระยะทางทีเ่ คล่อื นที่ไดต้ ามแนวเส้นทางการเคลื่อนท่ีจาก A ไป C ไป D เปน็ 5+5 = 10
เซนติเมตร ดังน้นั ระยะทางท่ีกิตตเิ คล่ือนท่ีได้เป็น 100 เมตร
- วดั ระยะห่างจากตำแหนง่ เริ่มตน้ ไปยงั ตำแหน่งสุดท้ายได้กเี่ มตร
ระยะหา่ งจากตำแหน่งเรม่ิ ต้น (A) ไปยงั ตำแหนง่ สุดท้าย (D) คอื ระยะ AD = 7.1 เซนติเมตร
ดงั นั้น ระยะห่างจาก A ไป D เปน็ 71 เมตร
- ลกู ศรทล่ี ากจากตำแหน่งเร่ิมตน้ ไปยังตำแหน่งสุดทา้ ยมีความยาวเทา่ ใดและมีทศิ ทางเป็นอย่างไร
ลูกศรที่ลากจาก A ไป D มีความยาว 71 เมตร ในทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
2.4 กติ ติเดนิ ลัดสนามหญ้าจากตำแหน่ง A ไปยงั ตำแหน่ง D
- วดั ระยะทางท่ีกติ ตเิ คลอื่ นที่ตามแนวเส้นทางการเคลื่อนที่ไดก้ ี่เมตร
ระยะทางที่เคลือ่ นที่ตามแนวการเคลือ่ นที่จาก A ไป D คือระยะ AD เปน็ 7.1 เซนตเิ มตร (ไดจ้ าก
การใช้ ไมบ้ รรทัดวัด) ดงั นนั้ ระยะทางท่ีกิตตเิ คลื่อนท่ีได้ 71 เมตร
- วดั ระยะหา่ งจากตำแหน่งเริ่มตน้ ไปยงั ตำแหน่งสดุ ทา้ ยได้ก่ีเมต
ระยะหา่ งจากตำแหนง่ เร่มิ ตน้ (A) ไปตำแหน่งสดุ ทา้ ย (D) คือระยะ AD เปน็ 7.1 เซนติเมตร (ได้
จากการใช้ไมบ้ รรทัดวดั ) ดังนั้น จากตำแหน่ง A ไป D เป็น 71 เมตร
- ลูกศรท่ลี ากจากตำแหน่งเร่ิมตน้ ไปยังตำแหน่งสุดทา้ ยมีความยาวเทา่ ใดและมีทศิ ทางเป็นอย่างไร
ลูกศรทล่ี ากจาก A ไป D มีความยาว 71 เมตร ในทิศตะวันออกเฉยี งเหนือ
2.5 กติ ตเิ ดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ผ่านตำแหน่ง B C D และ E แล้วเดนิ กลับมายงั ตำแหน่ง
เริ่มตน้
- วัดระยะทางท่กี ติ ติเคล่อื นท่ีตามแนวเส้นทางการเคลื่อนที่ได้ก่เี มตร
ระยะทางท่ีเคล่อื นท่ีได้ตามแนวเสน้ ทางการเคล่ือนทเ่ี ป็น 2 + 3 + 5 + 5 + 5 = 20 เซนติเมตร
ดงั นั้น ระยะทางที่กติ ตเิ คลือ่ นท่ไี ดเ้ ป็น 200 เมตร
- วดั ระยะห่างจากตำแหนง่ เร่ิมตน้ ไปยังตำแหนง่ สดุ ท้ายได้กี่เมต
ระยะหา่ งจากตำแหน่งเรม่ิ ตน้ (A) ไปยงั ตำแหน่งสุดท้าย (A) = 0 เพราะกลับมาทเ่ี ดิม
- ลูกศรทล่ี ากจากตำแหน่งเร่ิมต้นไปยังตำแหน่งสุดท้ายมีความยาวเท่าใดและมีทศิ ทางเป็นอยา่ งไร
ไมส่ ามารถเขียนลูกศรได้ เพราะตำแหน่งสดุ ท้ายและตำแหน่งเรมิ่ ต้นอยู่ท่ีตำแหน่งเดียวกัน
คำถามทา้ ยกิจกรรม
1. สถานการณใ์ ดทรี่ ะยะทางที่กติ ติเคล่ือนท่ีและระยะหา่ งจากตำแหนง่ เริ่มต้นไปยังตำแหน่งสุดท้ายของ
กิตติมคี ่าเท่ากนั เพราะเหตใุ ด
สถานการณ์ท่ี 2.1 และ 2.4 ระยะทางที่กิตตเิ คลื่อนท่แี ละระยะหา่ งจากตำแหนง่ เร่ิมต้นไป
ตำแหนง่ สดุ ทา้ ยมีคา่ เท่ากัน เพราะแนวทางการเคล่อื นท่ีของกติ ตเิ ปน็ แนวตรงจากตำแหน่งเร่ิมตน้ ไป
ตำแหนง่ สุดท้ายโดยไมเ่ ปล่ียนทิศทาง
2. สถานการณ์ใดที่ระยะทางที่กติ ตเิ คลื่อนท่ีและระยะหา่ งจากตำแหนง่ เร่ิมต้นไปยังตำแหนง่ สดุ ท้ายของ
กติ ตมิ ี คา่ ไมเ่ ท่ากัน เพราะเหตใุ ด
สถานการณ์ท่ี 2.2 2.3 และ 2.5 ระยะทางที่กิตติเคลื่อนทแี่ ละระยะหา่ งจากตำแหน่งเริ่มตน้ ไป
ตำแหน่งสุดทา้ ยมีค่าไมเ่ ท่ากนั เพราะกติ ติไม่ไดเ้ คลื่อนทเี่ ปน็ แนวตรงจากตำแหน่งเร่มิ ตน้ ไปตำแหนง่
สดุ ทา้ ย
3. ระยะทางของการเคลื่อนท่ีและระยะหา่ งระหว่างสองตำแหนง่ แตกต่างกันอยา่ งไร
ระยะทางเป็นความยาวตามแนวทางการเคลื่อนท่ี ส่วนระยะหา่ งระหว่างสองตำแหน่งเป็นระยะที่
วัดในแนวตรงจากตำแหน่งเร่ิมตน้ ไปตำแหน่งสุดทา้ ย เรียกว่า การกระจัด
4. จากกิจกรรม สรุปได้วา่ อย่างไร
ระยะทางเปน็ ความยาวตามแนวทางการเคล่ือนที่ สว่ นการกระจดั เปน็ ระยะห่างในแนวตรงจาก
ตำแหนง่ เร่มิ ตน้ ไปตำแหนง่ สุดทา้ ย โดยระยะทางจะมคี ่าเท่ากบั ขนาดของการกระจัด เม่ือแนวทางการ
เคลือ่ นที่ เป็นแนวตรงจากตำแหน่งเร่ิมตน้ ไปยงั ตำแหนง่ สดุ ทา้ ย โดยไมเ่ ปลี่ยนทิศทาง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 23
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1
รหัสวิชา ว22101
หน่วยการเรยี นท่ี 4 เรือ่ ง การเคล่อื นที่และแรง เวลา 21 ช่ัวโมง
บทที่ 1 การเคลอื่ นที่
เร่อื งที่ 2 อตั ราและความเร็ว เวลา 2 ช่ัวโมง
วนั ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ผใู้ ชแ้ ผน นางสาวบญุ ญรัตน์ นามศรอี ุ่น
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ
ลกั ษณะการเคล่อื นท่ีแบบตา่ งๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
2. ตัวช้ีวดั ชั้นปี
ม.2/14 อธิบายและคำนวณอัตราเรว็ และความเร็วของการเคล่ือนที่ของวตั ถุ
โดยใช้สมการ v = s และ ⃑v = s⃑ จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
tt
3. สาระสำคัญ
การเคล่อื นท่ีหน่งึ ๆ อตั ราสว่ นระหวา่ งระยะทางกบั เวลา และอตั ราส่วนระหว่างการกระจัดกบั
เวลาเปน็ ปรมิ าณท่ีแตกตา่ งกัน แต่อาจมีค่าเท่ากันได้
4.จดุ ประสงค์การเรียนรู้
นักเรยี นสามารถ
4.1 นกั เรียนสามารถอธบิ ายอตั ราเรว็ และความเร็วได้ (K)
4.2 นกั เรียนสามารถวิเคราะหส์ ถานการณ์ คำนวณอัตราเร็วและความเร็วของวตั ถุได้
(P)
4.3 มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน(A)
5. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E
ช่ัวโมงท่ี 1
ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (เวลา 20 นาท)ี
1. นำเข้าสู่การทำกิจกรรมที่ 4.3 เรื่อง อัตราเร็วและความเร็วแตกต่างกันอย่างไร โดย
กำหนดคำถามให้นักเรียนร่วมกัน อภิปรายเกี่ยวกับอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อนที่ว่ามี
ความหมายเหมือนกันหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร โดยครูยังไม่เฉลยคำตอบ
ขน้ั ที่ 2 สำรวจและค้นหา (เวลา 50 นาที)
1. ให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ ทำกจิ กรรมกลุ่มละ 5 คน จำนวน 8 กลุ่ม
2. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม และตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอ่านโดยใชค้ ำถาม ดังต่อไปน้ี
- กิจกรรมนเ้ี กย่ี วกับเรื่องอะไร (ความแตกตา่ งระหวา่ งอตั ราเรว็ และความเรว็ )
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (วิเคราะห์สถานการณ์ อธิบายและคำนวณอัตราเร็วและ
ความเรว็ ของวัตถุ และเขียนแผนภาพแสดงขนาดและทิศทางของความเรว็ )
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (อ่านสถานการณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนท่ี
ตามแผนภาพ คำนวณอตั ราเร็วจากอัตราสว่ นระหว่างระยะทางกับเวลาและคำนวณความเร็วจาก
อัตราส่วนระหว่างขนาดของการกระจัดกับเวลา แล้วเขียนแผนภาพแสดงทิศทางของความเร็ว
ของการเคลอื่ นท่)ี
- นักเรียนต้องสังเกตหรือรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (ระยะทาง ระยะห่างจากตำแหน่ง
เริ่มตน้ ถงึ ตำแหน่งสุดท้าย ทิศทาง เวลาที่ใช้ในการเคล่ือนท่ี รวมท้งั ทศิ ทางของการเคลอื่ นท)่ี
ช่ัวโมงท่ี 2
3. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนสงั เกตภาพในกิจกรรม และร่วมกันอภปิ รายถึงตำแหนง่ A B C D
และ E ในภาพว่าคืออะไร รวมทั้งการกำหนดความยาวของช่องสเกลและการกำหนดทิศทางของ
เข็มทิศ จากนั้นให้นักเรียนทำกิจกรรมโดยครูเดินสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน ครูควร
แนะนำนักเรียน ให้ใช้ข้อมูลจากกิจกรรมที่ 4.2 ระยะทางและระยะห่าง ระหว่างสองตำแหน่ง
แตกต่างกนั อยา่ งไร มาใช้ในการคำนวณอตั ราเรว็ และความเรว็ และควรใหค้ ำแนะนำหากนกั เรียน
มีขอ้ สงสยั เกี่ยวกบั การคำนวณอตั ราเร็วและความเร็ว
ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (เวลา 30 นาท)ี
สมุ่ นักเรียนนำเสนอผลการทำกจิ กรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และรว่ มกันสรปุ ผลของ
กิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า การเคลื่อนที่
หนงึ่ ๆ อัตราส่วนระหวา่ งระยะทางกบั เวลา และอัตราสว่ นระหว่างการกระจดั กบั เวลาเป็นปริมาณ
ท่ีแตกต่างกนั แต่อาจมีค่าเทา่ กนั ได้
ข้ันที่ 4 ขยายความรู้ (เวลา 20 นาที)
1. ให้นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราเร็ว ความเร็ว อัตราเร็วเฉลี่ย ความเร็วเฉลี่ย
โดยอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียน หน้า 147-148 ตอบคำถามระหว่างเรียน และร่วมกันอภิปราย
เกี่ยวกับความหมาย สัญลักษณ์ และหน่วยของ อัตราเร็วและความเร็ว เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า
อัตราสว่ นระหว่างระยะทางกับเวลา คอื อัตราเรว็ เปน็ ปริมาณสเกลาร์ และอตั ราส่วนระหว่างการ
กระจัดกับเวลา คือ ความเร็วเป็นปริมาณเวกเตอร์มีทิศทางเดียวกับทิศทางของการกระจัด
ปริมาณทั้งสองเป็นปริมาณที่แตกต่างกัน แต่อาจมีค่าเท่ากันได้ มีหน่วยในระบบหน่วย SI เป็น
เมตรตอ่ วนิ าทเี หมอื นกัน
2. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับอัตราเร็วเฉลี่ยและความเร็วเฉลี่ย เพื่อให้ได้
ข้อสรุปว่า อัตราเร็วเฉลี่ยเป็นระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ได้ในหนึ่งหน่วยเวลา ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของ
อัตราเร็วตลอดการเคลื่อนที่ในช่วงเวลานั้นๆ โดยคิดว่าตลอดการเคลื่อนที่นั้น วัตถุมีอัตราเร็ว
คงที่ ครูอาจยกตัวอย่าง เช่น ขับรถยนต์จากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดเชียงใหม่ ได้ระยะทาง
730 กิโลเมตร ใช้เวลา 9.5 ชั่วโมง จะมีอัตราเร็วเฉลี่ย 730/9.5 = 76.84 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซ่ึง
เป็นค่าอัตราเร็วเฉลี่ยตลอดการเคลื่อนที่ แต่ในการเคลื่อนที่จริงอาจมีช่วงเวลาที่มีอัตราเร็ว
มากกว่าหรือนอ้ ยกว่าคา่ อัตราเรว็ เฉลีย่ น้ี อัตราเร็วเฉล่ียมีสัญลกั ษณ์เปน็ เฉล่ยี
ส่วนความเร็วเฉล่ียเปน็ การเปลี่ยนตำแหน่งของวัตถุ ในหน่วยเวลา ซึ่งก็เป็นคา่ เฉล่ียของ
ความเร็วตลอดการเคลื่อนที่ในช่วงเวลาน้ันๆ เช่นกัน ความเร็วเฉลี่ยมีสญั ลกั ษณ์ เฉลี่ย โดยมี
ลกู ศรอยเู่ หนืออกั ษร เพอื่ เปน็ การระบวุ า่ ความเร็วเฉล่ียเป็นปริมาณเวกเตอร์ มที ศิ ทางเดยี วกัน
กบั ทิศทางของการกระจดั
ขั้นที่ 5 ประเมนิ ผล
ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากใบบันทึกกิจกรรม 4.3 เรื่อง อัตราเร็วและ
ความเร็วแตกตา่ งกนั อย่างไร และการสงั เกตพฤติกรรมในระหว่างทำกิจกรรม
ใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 4.3
เรื่อง…อัตราเรว็ และความเรว็ แตกตา่ งกันอยา่ งไร
วธิ กี ารดำเนินกจิ กรรม
1. สังเกตตำแหน่งของกติ ตแิ ละตำแหน่งของส่ิงต่างๆในภาพ
2. กิตตเิ ดนิ ทางไปยังตำแหน่งต่าง ๆ ทั้ง 5 สถานการณท์ ี่แตกต่างกันดังนี้
2.1 กติ ตเิ ดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยงั ตไู้ ปรษณียท์ ี่ตำแหน่ง B ใชเ้ วลา 20 วินาที
2.2 กิตติเดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยังท้ายรถโรงเรียนทีต่ ำแหน่ง C แล้วเดินยอ้ นกลบั
มายังต้ไู ปรษณีย์ที่ตำแหน่ง B ใชเ้ วลา 80 วินาที
2.3 กติ ติเดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยังท้ายรถโรงเรียนท่ีตำแหนง่ C แล้วเดนิ ตอ่ ไปยงั
โรงเรยี นทีต่ ำแหนง่ D ใชเ้ วลา 180 วนิ าที
2.4 กติ ตเิ ดินลดั สนามหญ้าจากตำแหน่ง A ไปยังตำแหน่ง D ใชเ้ วลา 100 วนิ าที
2.5 กิตติเดินไปตามถนนจากตำแหนง่ A ผา่ นตำแหน่ง B C D และ E แล้วเดนิ กลับมายงั ตำแหนง่
เริม่ ตน้ ใชเ้ วลา 200 วินาที
3. อ่านสถานการณท์ ่ี 2.1 รว่ มกันอภปิ รายแล้วตอบคำถามตอ่ ไปนี้
3.1 คำนวณอัตราเรว็ จากอัตราส่วนระหวา่ งระยะทางกับเวลาได้เปน็ กี่เมตรตอ่ วินาที
3.2 คำนวณขนาดของความเร็วจากอตั ราส่วนระหว่างขนาดของการกระจดั กับเวลาได้เป็นก่เี มตร
ตอ่ วนิ าที
3.3 ความเร็วของการเคลื่อนท่มี ีทิศทางใด โดยความเร็วและการกระจัดมที ิศทางเดียวกัน
4. ทำขอ้ 3 โดยเปลีย่ นเป็นสถานการณท์ ่ี 2.2-2.5 ตามลำดับ
ผลการทำกจิ กรรม
2.1 กิตตเิ ดนิ ไปตามถนนจากตำแหนง่ A ไปยงั ตู้ไปรษณีย์ทต่ี ำแหน่ง B ใชเ้ วลา 20 วนิ าที
- คำนวณอัตราเร็วจากอัตราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลาได้เป็นกเ่ี มตรต่อวินาที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- คำนวณขนาดของความเรว็ จากอตั ราสว่ นระหวา่ งขนาดของการกระจัดกับเวลาไดเ้ ป็นกี่เมตรตอ่
วนิ าที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- ความเรว็ ของการเคลอ่ื นทมี่ ีทศิ ทางใด โดยความเรว็ และการกระจดั มีทศิ ทางเดยี วกนั
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
2.2 กิตติเดนิ ไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยงั ทา้ ยรถโรงเรยี นที่ตำแหน่ง C แล้วเดินย้อนกลบั มายงั ตู้
ไปรษณียท์ ีต่ ำแหนง่ B ใชเ้ วลา 80 วนิ าที
- คำนวณอตั ราเรว็ จากอตั ราส่วนระหวา่ งระยะทางกับเวลาไดเ้ ป็นกเ่ี มตรต่อวนิ าที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- คำนวณขนาดของความเรว็ จากอัตราส่วนระหว่างขนาดของการกระจัดกับเวลาได้เปน็ กี่เมตรตอ่
วินาที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- ความเร็วของการเคล่อื นท่มี ีทิศทางใด โดยความเรว็ และการกระจัดมีทิศทางเดยี วกนั
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
2.3 กิตตเิ ดินไปตามถนนจากตำแหนง่ A ไปยังท้ายรถโรงเรยี นที่ตำแหนง่ C แล้วเดินต่อไปยงั โรงเรียน
ที่ตำแหนง่ D ใชเ้ วลา 180 วินาที
- คำนวณอัตราเรว็ จากอัตราส่วนระหวา่ งระยะทางกับเวลาได้เปน็ ก่ีเมตรต่อวินาที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- คำนวณขนาดของความเร็วจากอตั ราส่วนระหวา่ งขนาดของการกระจดั กับเวลาไดเ้ ปน็ กีเ่ มตรตอ่
วินาที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- ความเรว็ ของการเคล่ือนทีม่ ีทศิ ทางใด โดยความเร็วและการกระจดั มีทศิ ทางเดียวกัน
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
2.4 กติ ตเิ ดินลัดสนามหญ้าจากตำแหน่ง A ไปยังตำแหน่ง D ใช้เวลา 100 วินาที
- คำนวณอัตราเรว็ จากอตั ราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลาไดเ้ ป็นกเ่ี มตรต่อวินาที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- คำนวณขนาดของความเร็วจากอตั ราสว่ นระหวา่ งขนาดของการกระจัดกบั เวลาได้เป็นกเี่ มตรตอ่
วินาที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- ความเรว็ ของการเคลอ่ื นท่มี ีทิศทางใด โดยความเรว็ และการกระจัดมีทิศทางเดียวกนั
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
2.5 กติ ติเดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ผา่ นตำแหนง่ B C D และ E แล้วเดนิ กลับมายงั ตำแหนง่
เร่มิ ต้น ใช้เวลา 200 วินาที
- คำนวณอตั ราเรว็ จากอัตราส่วนระหวา่ งระยะทางกับเวลาไดเ้ ปน็ กี่เมตรต่อวินาที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- คำนวณขนาดของความเร็วจากอัตราส่วนระหว่างขนาดของการกระจัดกบั เวลาไดเ้ ป็นก่เี มตรตอ่
วนิ าที
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
- ความเร็วของการเคลือ่ นทม่ี ีทศิ ทางใด โดยความเรว็ และการกระจัดมีทิศทางเดยี วกนั
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
คำถามทา้ ยกิจกรรม
1. สถานการณ์ใดบ้างท่ีอตั ราเร็วและความเรว็ ของการเคลอ่ื นทข่ี องกติ ติมคี า่ เท่ากนั เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
2. สถานการณใ์ ดบ้างท่ีอัตราเร็วและความเร็วของการเคลื่อนที่ของกิตติมคี า่ ไมเ่ ท่ากัน เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
3. อัตราเรว็ และความเรว็ แตกต่างกันอยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
4. จากกจิ กรรม สรุปไดว้ ่าอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
เฉลยใบบันทึกกจิ กรรมท่ี 4.3
เรอ่ื ง…อัตราเรว็ และความเร็วแตกต่างกันอย่างไร
ผลการทำกิจกรรม
2.1 กติ ติเดนิ ไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยงั ต้ไู ปรษณยี ์ที่ตำแหน่ง B ใช้เวลา 20 วินาที
- คำนวณอัตราเร็วจากอัตราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลาไดเ้ ป็นกี่เมตรต่อวินาที
1 m/s
- คำนวณขนาดของความเร็วจากอัตราส่วนระหวา่ งขนาดของการกระจดั กับเวลาได้เป็นก่ีเมตรต่อ
วนิ าที
1 m/s
- ความเรว็ ของการเคล่ือนทม่ี ีทศิ ทางใด โดยความเร็วและการกระจดั มีทศิ ทางเดียวกนั
ทศิ ทางของความเร็ว มีทิศไปทางทศิ ตะวนั ออก
2.2 กติ ติเดนิ ไปตามถนนจากตำแหนง่ A ไปยังทา้ ยรถโรงเรยี นท่ีตำแหน่ง C แล้วเดินย้อนกลับมายงั ตู้
ไปรษณยี ท์ ต่ี ำแหนง่ B ใช้เวลา 80 วินาที
- คำนวณอัตราเร็วจากอัตราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลาไดเ้ ปน็ ก่เี มตรต่อวินาที
1 m/s
- คำนวณขนาดของความเร็วจากอตั ราสว่ นระหว่างขนาดของการกระจดั กบั เวลาได้เป็นก่ีเมตรตอ่
วนิ าที
0.25 m/s
- ความเร็วของการเคลอ่ื นทม่ี ีทศิ ทางใด โดยความเรว็ และการกระจัดมีทศิ ทางเดียวกัน
ทิศทางของความเรว็ มีทิศไปทางทศิ ตะวนั ออก
2.3 กิตตเิ ดนิ ไปตามถนนจากตำแหน่ง A ไปยังทา้ ยรถโรงเรียนท่ีตำแหนง่ C แล้วเดนิ ต่อไปยังโรงเรียน
ทตี่ ำแหน่ง D ใช้เวลา 180 วินาที
- คำนวณอตั ราเรว็ จากอตั ราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลาไดเ้ ปน็ กี่เมตรต่อวินาที
0.83 m/s
- คำนวณขนาดของความเรว็ จากอัตราสว่ นระหว่างขนาดของการกระจัดกับเวลาไดเ้ ป็นก่ีเมตรตอ่
วนิ าที
0.59 m/s
- ความเรว็ ของการเคลือ่ นทม่ี ีทิศทางใด โดยความเร็วและการกระจัดมีทิศทางเดยี วกัน
ทิศทางของความเรว็ มที ิศไปทางทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ
2.4 กติ ติเดินลัดสนามหญ้าจากตำแหนง่ A ไปยงั ตำแหน่ง D ใช้เวลา 100 วนิ าที
- คำนวณอัตราเร็วจากอัตราส่วนระหวา่ งระยะทางกับเวลาได้เป็นก่เี มตรต่อวนิ าที
0.59 m/s
- คำนวณขนาดของความเรว็ จากอตั ราสว่ นระหว่างขนาดของการกระจดั กับเวลาได้เปน็ กีเ่ มตรต่อ
วนิ าที
0.59 m/s
- ความเรว็ ของการเคล่อื นท่ีมีทิศทางใด โดยความเร็วและการกระจัดมีทศิ ทางเดียวกัน
ทิศทางของความเรว็ มที ิศทางท ามุม 45 องศา ไปทางทศิ
2.5 กิตตเิ ดินไปตามถนนจากตำแหน่ง A ผ่านตำแหน่ง B C D และ E แล้วเดินกลับมายังตำแหน่ง
เรมิ่ ตน้ ใช้เวลา 200 วนิ าที
- คำนวณอัตราเรว็ จากอัตราส่วนระหวา่ งระยะทางกับเวลาได้เป็นก่เี มตรต่อวนิ าที
1 m/s
- คำนวณขนาดของความเรว็ จากอตั ราส่วนระหว่างขนาดของการกระจัดกบั เวลาไดเ้ ป็นกี่เมตรต่อ
วนิ าที
0 m/s
- ความเรว็ ของการเคลอ่ื นที่มีทิศทางใด โดยความเร็วและการกระจดั มีทศิ ทางเดยี วกัน
ไม่มีทิศทางของความเรว็
คำถามท้ายกิจกรรม
1. สถานการณ์ใดบ้างที่อัตราเร็วและความเร็วของการเคลอ่ื นทข่ี องกติ ติมคี ่าเท่ากัน เพราะเหตุใด
สถานการณ์ท่ี 2.1 และ 2.4 อัตราเร็วและความเร็วมีค่าเท่ากัน เพราะระยะทางเท่ากับขนาดการ
กระจัด เน่ืองจากเป็นการเคลื่อนทีแ่ นวตรงจากตำแหนง่ เร่ิมต้นไปตำแหนง่ สุดทา้ ยโดยไม่เปล่ยี นทศิ ทาง
2. สถานการณ์ใดบ้างท่ีอตั ราเร็วและความเร็วของการเคลอ่ื นทข่ี องกติ ติมีคา่ ไมเ่ ท่ากัน เพราะเหตุใด
สถานการณ์ท่ี 2.2 2.3 และ 2.5 อัตราเรว็ และความเร็วมีคา่ ไม่เท่ากัน เพราะระยะทางไมเ่ ทา่ กบั
ขนาดของการกระจัด เน่ืองจากไม่ไดเ้ คล่ือนทเ่ี ปน็ แนวตรง
3. อตั ราเร็วและความเรว็ แตกตา่ งกนั อย่างไร
อตั ราเร็วเปน็ อัตราส่วนระหวา่ งระยะทางกับเวลา เป็นปริมาณสเกลาร์ สว่ นความเรว็ เป็น
อัตราส่วนระหวา่ งการกระจดั กับเวลา เป็นปรมิ าณเวกเตอร์
4. จากกจิ กรรม สรุปได้วา่ อย่างไร
ในการเคล่ือนที่หน่งึ ๆ อัตราเร็วและความเร็วเป็นปรมิ าณท่ีแตกต่างกนั อัตราเร็วเปน็ อัตราส่วน
ระหว่างระยะทางกับเวลา ส่วนความเรว็ เปน็ อตั ราส่วนระหวา่ งการกระจัดกบั เวลา อัตราเรว็ และความเร็ว
อาจมี คา่ เท่ากัน ถ้าการเคลือ่ นที่เป็นแนวตรงจากตำแหนง่ เร่ิมต้นไปตำแหน่งสดุ ท้ายโดยไม่เปลย่ี นทศิ ทาง
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 24
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1
รหสั วชิ า ว22101
หน่วยการเรียนที่ 4 เร่อื ง การเคลือ่ นทแี่ ละแรง เวลา 21 ชว่ั โมง
บทที่ 2 แรงในชีวิตประจำวนั
เร่ืองท่ี 1 แรงลัพธ์ เวลา 3 ชวั่ โมง
วันที่ 26,30 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ผใู้ ช้แผน นางสาวบญุ ญรตั น์ นามศรีอุ่น
1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจำวนั ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคล่อื นที่
แบบตา่ งๆ ของวตั ถุ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
2. ตวั ช้ีวัดชนั้ ปี
ม.2/1 พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นผลของแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำต่อ
วตั ถใุ นแนวเดียวกันจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
ม.2/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุในแนว
เดยี วกนั
3. สาระสำคญั
แรงเปน็ ปริมาณเวกเตอร์ เม่ือมแี รงหลาย ๆ แรงกระทำต่อ วตั ถุ แลว้ แรงลพั ธ์ท่กี ระทำต่อวัตถุมี
ค่าเปน็ ศนู ย์ วตั ถจุ ะไม่ เปลย่ี นแปลงการเคล่ือนท่ี แต่ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุมี ค่าไม่เปน็ ศูนย์ วตั ถุจะ
เปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ี
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
นักเรยี นสามารถ
4.1 นกั เรยี นสามารถเขยี นแผนภาพแสดงแรงและแรงลัพธ์ทีเ่ กิดจากแรงหลายแรงท่ี
กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกันได้ (K)
4.2 นกั เรยี นสามารถพยากรณ์การเคลื่อนท่ีของวัตถุท่เี ป็นผลของแรงลัพธท์ ่เี กิดจากแรง
หลายแรงทีก่ ระทำต่อวตั ถใุ นแนวเดียวกนั จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ได้ (P)
4.3 มีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และ ม่งุ มัน่ ในการทำงาน(A)
5. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E
ช่วั โมงที่ 1
ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (เวลา 30 นาที)
1. กระตุ้นความสนใจของนักเรียนเพื่อนำเข้าสู่ บทที่ 2 เรื่อง แรงในชีวิตประจำวัน โดย
อาจใช้ คำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและ ยกตัวอย่างดังนี้
- แรงทก่ี ระทำต่อวัตถมุ ีผลต่อวตั ถุอย่างไรบ้าง (นักเรยี นตอบคำถามตามความเข้าใจของ
ตนเอง เช่น แรงทำใหว้ ตั ถุเปล่ยี นแปลงการ เคล่ือนทหี่ รือเปล่ยี นแปลงรปู ร่าง)
- นักเรียนรู้จักแรงอะไรบ้าง (นักเรียนตอบคำถามตามความเข้าใจของตนเอง เช่น แรง
จากนำ้ แรงจากลม แรงไฟฟา้ แรงผลัก แรงเสียดทาน แรงแม่เหล็ก)
2. ให้นักเรียนสังเกตภาพนำบท พร้อมทั้งอ่าน เนื้อหานำบท และร่วมกันอภิปรายโดย
อาจใช้ คำถามดังตอ่ ไปนี้
- เมื่อนักกระโดดร่มกระโดดออกจากเคร่ืองบิน จะมีแรงกระทำต่อนักกระโดดร่มหรอื ไม่
นักเรียนรู้ได้อย่างไร (มี เพราะนักกระโดดร่ม เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีจากหยุดนิ่งเป็นเคล่อื นที่
ทำใหน้ กั กระโดดร่มตกสูพ่ ืน้ )
- ถ้ามีแรงกระทำตอ่ นักกระโดดร่มจะมีแรง อะไรบา้ ง (แรงโน้มถ่วงและแรงต้านอากาศ)
- แรงต้านอากาศมีค่าคงที่หรือไม่ อย่างไร และแรงต้านอากาศควรมีทิศทางใด (มีค่าไม่
คงทขี่ ึน้ อยกู่ บั อัตราเรว็ ของวตั ถุ มที ศิ ตรงขา้ มกบั การเคล่อื นท่)ี
- เมอ่ื แรงตา้ นอากาศมีขนาดเท่ากบั น้ำหนกั ของนักกระโดดร่ม แรงลัพธ์ขณะนั้นมีค่าเป็น
เท่าใด (แรงลัพธ์เป็นศนู ย์ นกั กระโดดรม่ จะเคลือ่ นท่ีด้วยอตั ราเรว็ คงตวั )
3. กำหนดประเด็นและคำถามให้นักเรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับการหาผลรวมของแรง
โดยอาจใช้สถานการณว์ ่า ถา้ ออกแรงผลักโต๊ะบนพ้ืนลื่นไปทางตะวนั ออกด้วยแรง 3 นิวตัน และ
เพอื่ นอกี คนหน่ึงผลักดนั โต๊ะนี้ไปทางทิศเหนือ ด้วยแรง 4 นวิ ตัน โตะ๊ จะเคลอ่ื นท่ีไปในทิศของแรง
ใดแรงหนึง่ หรอื ไม่ ถ้าไม่ โต๊ะควรจะเคลื่อนทีอ่ ยา่ งไร และทศิ ทางตามแรงใด
ขั้นที่ 2 สำรวจและค้นหา (เวลา 90 นาท)ี
1. ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่มทำกิจกรรมกลมุ่ ละ 5 คน จำนวน 8 กลมุ่