The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วย4การเคลื่อนที่และแรง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kb Cobra, 2022-10-18 11:19:09

หน่วย4การเคลื่อนที่และแรง

หน่วย4การเคลื่อนที่และแรง

2. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ของตอนที่ 1 และ
ตรวจสอบความเข้าใจการอา่ นโดยใช้คำถาม ดังตอ่ ไปน้ี

- กิจกรรมนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร (การหาผลรวมของแรงในระนาบเดียวกัน โดยการรวม
เวกเตอร์ของแรงแบบหางตอ่ หัว)

- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (เขียนแผนภาพแสดงขนาดและทิศทางของแรงที่กระทำ
ต่อวัตถุโดยใช้ลูกศร และเขียนแผนภาพแสดงขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงที่
กระทำตอ่ วตั ถุโดยใช้การรวมเวกเตอร์แบบหางตอ่ หวั )

- วธิ ดี ำเนินกจิ กรรมมีข้ันตอนโดยสรุปอย่างไร (ใช้เคร่ืองสปริง 3 เครอื่ งดึงปลายเชือกแต่
ละเส้นที่ผูกติดกับวงแหวนในทิศทางต่างๆ เมื่อวงแหวนอยู่น่ิง บันทึกค่าแรงทั้งขนาดและทิศทาง
จากนั้นเขียนลูกศรแทนเวกเตอร์ของแรง แล้วหาผลรวมของแรง 2 แรง โดยใช้การรวมเวกเตอร์
แบบหางต่อหวั แลว้ เปรียบเทียบกับแรงท่ี 3 ท้ังขนาดและทิศทาง)

- ข้อควรระวงั ในการทำกิจกรรมมีอะไรบา้ ง (การดงึ เครือ่ งช่งั สปรงิ ควรดึงโดยให้เคร่ืองชั่ง

อยู่ในแนวราบ ไม่เอียงขึ้นจากพื้นและในการนำเวกเตอร์แทนแรง 1และ 2 รวมกันต้องระวัง
ให้ความยาวเท่าเดมิ และทิศทางเดิม)

- นักเรยี นตอ้ งสงั เกตหรอื รวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (คา่ ของแรงบนเครื่องช่งั สปริงขณะที่วง
แหวนอย่นู ่งิ และทิศทางของแรง)
ชั่วโมงที่ 2

3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำกิจกรรม โดยครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียน
เพื่อให้คำแนะนำ ถ้านักเรียนมขี ้อสงสัย และครูควรให้คำแนะนำเก่ียวกบั การเขยี นแผนภาพแทน
แรงว่า ให้ใช้ดินสอจุดตามแนวเชือกแต่ละเส้นแล้วลากเส้นต่อตามแนวที่จุดไว้ จากนั้นวัดความ
ยาวของแตล่ ะเส้นตามสัดสว่ นของค่าของแรงที่อ่านได้จากเครื่องชั่งสปรงิ พร้อมกำกับทิศทางของ
แรงโดยใชห้ ัวลูกศร

4. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม ของตอนที่ 2 และ
ตรวจสอบความเข้าใจการอา่ น โดยใช้คำถาม ดังต่อไปนี้

- กิจกรรมน้ีเกีย่ วกับเรอ่ื งอะไร (การพยากรณ์การเคลื่อนท่ีของวัตถทุ ีเ่ ปน็ ผลของแรงลัพธ์
ท่กี ระทำตอ่ วัตถ)ุ

- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (พยากรณ์การเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นผลของแรงลัพธ์ที่
เกดิ จากแรงหลายแรงทีก่ ระทำตอ่ วตั ถ)ุ


- วธิ ดี ำเนนิ กจิ กรรมมีขัน้ ตอนโดยสรุปอย่างไร (ใช้เครอ่ื งสปรงิ 3 เคร่ืองดึงปลายเชือกแต่
ละเส้นที่ผูกติดกับวงแหวนในทิศทางต่าง ๆ เมื่อวงแหวนอยู่นิ่ง จากนั้นพยากรณ์ว่าถ้าตัดเชือกที่
ผูกกับวงแหวน 1 เส้น วงแหวนจะเคลื่อนที่ในทิศทางใด ดำเนินการสำรวจตรวจสอบและสังเกต
การเคลอื่ นทขี่ องวงแหวน และหาแรงลัพธข์ องแรง 2 แรงท่เี หลือ)

- นกั เรยี นต้องสังเกตหรอื รวบรวมขอ้ มลู อะไรบ้าง (คา่ ของแรงบนเครอื่ งช่งั สปริงขณะที่วง
แหวนอยนู่ ิง่ และทิศทางการเคล่ือนทขี่ องวงแหวนเมื่อตดั เชือกทผ่ี ูกวงแหวนเสน้ ใดเส้นหนึง่ )

5. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำกจิ กรรม โดยครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรยี นทุก
กลุ่มเพื่อให้คำแนะนำถ้านักเรียนมีข้อสงสัย และครูควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดึงเครื่องช่ัง
สปริงและการเขียนแผนภาพของแรงว่า การดึงเครื่องชั่งสปริงให้ดึงในแนวราบ และการเขียน
ทศิ ทางของแรงให้ใช้ดินสอจดุ ตามแนวเชือกแตล่ ะเส้น
ชว่ั โมงที่ 3
ขน้ั ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (เวลา 30 นาท)ี

ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม โดยจัดกจิ กรรม Gallery walk เพ่ือให้
นกั เรียนมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็
ข้ันที่ 4 ขยายความรู้ (เวลา 30 นาท)ี

การหาแรงลัพธ์ของแรงหลายแรงที่กระทำต่อวัตถุในระนาบเดียวกันด้วยการเขียน
แผนภาพแสดงแรงลัพธ์ โดยใช้การรวมเวกเตอร์แทนแรงแบบหางต่อหัว ถ้าแรงลัพธ์ที่กระทำต่อ
วัตถุเปน็ ศนู ย์ วัตถจุ ะไมเ่ ปล่ยี นสภาพการเคล่อื นท่ี
ข้นั ที่ 5 ประเมินผล

ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากใบบันทึกกิจกรรม 4.4 เรื่อง การรวมแรงใน
ระนาบเดียวกันทำไดอ้ ยา่ งไร และการสังเกตพฤติกรรมในระหว่างทำกิจกรรม

6. สอ่ื การเรียนรู้
6.1 หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 (สสวท)
6.2 Powerpoint หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง การเคล่ือนทีแ่ ละแรง
6.3 เครือ่ งชัง่ สปรงิ
6.4 วงแหวนขนาดเลก็
6.5 กระดาษ A4
6.6 กรรไกร


ใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 4.4
เร่ือง…การรวมแรงในระนาบเดยี วกนั ทำไดอ้ ย่างไร

วธิ ีการดำเนินกิจกรรม
1. ผกู เชือก 3 เส้นเข้ากับวงแหวนนา้ ปลายเชือกแตล่ ะด้านเก่ียวกับคร่ืองชงั่ สปรงิ แล้ววางบนกระดาษ A4
2. ออกแรงดึงเครื่องช่งั สปริงในทศิ ทางตา่ ง ๆ จนทำใหว้ งแหวนอยนู่ งิ่ บนั ทึกขนาดของแรงและทิศทางของ
แรงโดยใช้ดินสอจุดตามแนวของเส้นเชือกแต่ละเส้นบนกระดาษ A4
3. เขยี นเวกเตอรข์ องแรงโดยลากเสน้ ตรงตอ่ จุดตามแนวเส้นเชอื กแตล่ ะเสน้ ให้ความยาวของแตล่ ะเส้นเปน็
สัดสว่ นกบั ขนาดของแรงที่บนั ทกึ ไว้แล้วกำกบั ทิศทางของแรงนัน้ ๆ โดยใช้หวั ลกู ศรกำหนดให้ลูกศรแทน
แรงทีใ่ ตแ้ ทนเวกเตอรข์ องแรง F1 F2 และ F3 ตามลำดับ
4. นำเวกเตอรข์ องแรง F 1และ F2 มารวมกนั แบบหางต่อหัวโดยให้หางของเวกเตอร์ F2 ต่อกบั หัว
เวกเตอร์ F1 5. เขยี นลกู ศรจากหางเวกเตอร์ F1 ไปยังหวั เวกเตอร์ F2 วัดขนาดของลูกศรและสงั เกต
ทิศทางของลูกศรทีเ่ ขยี นข้ึนเทียบกบั เวกเตอร์ F3
6. ทำขอ้ 2.5 ซำ้ อีก 2 ครัง้ โดยเปลี่ยนขนาดและทิศทางของแรงท่ตี งึ เคร่อื งช่ังสปริง

ผลการทำกิจกรรม
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………

คำถามท้ายกิจกรรม
1. เม่อื ออกแรงกระทำต่อวงแหวนและวงแหวนอยู่น่ิง แรงลัพธ์ทกี่ ระทำต่อวงแหวนมีขนาดเทา่ ใด ทราบได้
อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………


2. ลูกศรทลี่ ากจากหางเวกเตอร์ 1 ไปยังหวั เวกเตอร์ 2 มขี นาดและทิศทางเป็นอยา่ งไร เม่ือ

เปรียบเทยี บกับเวกเตอร์ 3
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

3. ลูกศรที่ลากจากหางเวกเตอร์ 1 ไปยังหวั เวกเตอร์ 2 นา่ จะเป็นปริมาณใด
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
4. จากกิจกรรมตอนท่ี 1 สรุปได้วา่ อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………


เฉลยใบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 4.4
เร่ือง…การรวมแรงในระนาบเดยี วกันทำไดอ้ ย่างไร

ผลการทำกิจกรรม

คำถามท้ายกิจกรรม
1. เมื่อออกแรงกระทำต่อวงแหวนและวงแหวนอยูน่ ิ่ง แรงลัพธท์ ่ีกระทำต่อวงแหวนมีขนาดเทา่ ใด ทราบได้
อย่างไร

แรงลพั ธ์ที่กระทำต่อวงแหวนมคี ่าเปน็ ศูนย์ เพราะวงแหวนอยู่น่ิง
2. ลกู ศรทีล่ ากจากหางเวกเตอร์ 1 ไปยังหัวเวกเตอร์ 2 มีขนาดและทศิ ทางเป็นอย่างไร เม่อื
เปรยี บเทียบกบั เวกเตอร์ 3

ลกู ศรทลี่ ากจากหางเวกเตอร์ 1 ไปยงั หัวเวกเตอร์ 2 มีขนาดเท่าขนาดของเวกเตอร์ 3 แต่มี
ทิศทางตรงกนั ข้าม
3. ลูกศรทีล่ ากจากหางเวกเตอร์ 1 ไปยังหวั เวกเตอร์ 2 นา่ จะเปน็ ปรมิ าณใด

ลกู ศรทล่ี ากจากหางเวกเตอร์ 1 ไปยังหัวเวกเตอร์ 2 น่าจะแทนผลรวมของเวกเตอรท์ ั้งสอง
4. จากกจิ กรรมตอนที่ 1 สรปุ ได้ว่าอย่างไร

แรงเปน็ ปริมาณเวกเตอร์ ซ่ึงมีทั้งขนาดและทิศทาง โดยเขียนแทนไดด้ ้วยลกู ศรให้ความยาวของ
ลกู ศรแทนขนาดเวกเตอร์ หวั ลูกศรแทนทิศทางของเวกเตอร์ การรวมเวกเตอร์ทำได้โดยการเขยี นแผนภาพ
โดยรวมเวกเตอร์แบบหางต่อหัว นำหางเวกเตอรห์ น่ึงมาตอ่ กับหัวของอกี เวกเตอรห์ น่ึง และหาเวกเตอร์
ลพั ธ์ โดยลากจากหางเวกเตอรแ์ รกไปยงั หัวเวกเตอร์สดุ ทา้ ย และเมื่อใชเ้ ชือก 3 เส้นดึงวงแหวนให้อยู่นง่ิ
จะไดว้ า่ ผลรวมของแรงสองแรงแรกจะมีขนาดเท่าแรงท่สี าม แตม่ ีทิศทางตรงกันข้าม โดยแรงลัพธท์ งั้ หมดมี
ค่าเปน็ ศูนย์


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 25

กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1
รหัสวิชา ว22101
หนว่ ยการเรียนที่ 4 เรือ่ ง การเคลือ่ นทแี่ ละแรง เวลา 21 ชัว่ โมง
บทที่ 2 แรงในชีวิตประจำวนั
เร่อื งท่ี 2 แรงเสยี ดทาน 1 เวลา 2 ชั่วโมง
วันที่ 2 กนั ยายน พ.ศ. 2565 ผูใ้ ชแ้ ผน นางสาวบญุ ญรตั น์ นามศรอี นุ่

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงท่กี ระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะการ

เคลอ่ื นทแ่ี บบตา่ งๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

2. ตวั ช้ีวดั ชนั้ ปี
ม.2/6 อธบิ ายแรงเสยี ดทานสถติ และแรงเสยี ดทานจลนจ์ ากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
ม.2/8 เขียนแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรงอ่นื ๆ ทกี่ ระทำตอ่ วัตถุ

3. สาระสำคญั
เมื่อมีแรงกระทำเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่จะมีแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของ

วัตถุในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น แรงเสียดทานสถิต เป็นแรงเสียด
ทานทเ่ี กิดขึ้นเม่อื วัตถุอยู่น่ิง มไี ดห้ ลายคา่ แตม่ คี า่ สูงสุดคา่ หน่งึ เรยี กวา่ แรงเสยี ดทานสถิต

4.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
นักเรียนสามารถ
4.1 นักเรียนสามารถอธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียดทานจลน์ได้และสามารถ
เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสียดทานและแรงอื่น ๆ ทีก่ ระทำตอ่ วัตถุได้ (K)
4.2 นักเรียนสามารถสังเกตแรงเสียดทานทกี่ ระทำต่อแผน่ ไม้ได้ (P)
4.3 มีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และ มุ่งม่ันในการทำงาน(A)


5. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E

ชว่ั โมงท่ี 1
ขัน้ ท่ี 1 สร้างความสนใจ (เวลา 20 นาท)ี
1. นำเข้าสู่เร่ืองแรงเสียดทาน โดยครูอาจสาธิตการเคลื่อนที่ของแผ่นซีดีที่ติดหลอดดูด

ขนาดใหญไ่ ว้ตรงกลางแผ่น โดยเป่าลูกโป่งให้มีขนาดใหญ่ หมนุ ปากลกู โปง่ ใหเ้ ปน็ เกลียวเพ่ือไม่ให้
อากาศ ออกจากลูกโป่ง แล้วสวมปากลูกโป่งเข้ากับปลายหลอดดูด จากนั้นปล่อยมือแล้วออกแรง
กระทำใหแ้ ผ่นซีดเี คลือ่ นทจี่ ะพบวา่ แผ่นซีดีเคลือ่ นทไ่ี ด้เรว็ ขณะท่ีมอี ากาศออกจากปากลูกโปง่ ครู
ตั้งคำถามให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ
ตนเอง)

2. ให้นกั เรยี นสังเกตภาพนำเรื่อง อา่ นเน้ือหานำเรื่องและคำสำคัญ และร่วมกันอภิปราย
โดยอาจใช้คำถามดงั น้ี

- การที่ตัวรถไฟ Maglev ลอยอยู่เหนือรางรถไฟจะทำให้รถไฟวิ่งเร็วขึ้นหรือไม่ อย่างไร
(นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)

- เมือ่ เปรียบเทยี บแผ่นซดี ีขณะท่มี ีอากาศออกจากปากลูกโป่งกับรถไฟความเร็วสูงมีส่วน
ทีเ่ หมอื นกันอย่างไร (แผน่ ซดี ีลอยอยู่เหนือพ้นื เชน่ เดยี วกบั รถไฟความเรว็ สงู ทำให้เคลื่อนท่ไี ด้เรว็ )

3. นำเข้าสู่กิจกรรมที่ 4.5 แรงเสียดทานเมื่อวัตถุไม่เคลื่อนที่และเคลื่อนที่แตกต่างกัน
อย่างไร โดยครูอาจใช้คำถาม เพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า ถ้าวางวัตถุไปบนพื้นราบ
ขณะนน้ั จะมีแรงเสียดทานหรอื ไม่ อยา่ งไร
ขัน้ ที่ 2 สำรวจและคน้ หา (เวลา 60 นาท)ี

1. ให้นักเรียนแบง่ กล่มุ ทำกิจกรรมกลุม่ ละ 5 คน จำนวน 8 กลุ่ม
2. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม และตรวจสอบความ
เข้าใจการอ่าน โดยใชค้ ำถาม ดังต่อไปนี้
- กิจกรรมน้เี ก่ยี วกบั เรอื่ งอะไร (แรงเสียดทาน เมอ่ื วตั ถุไมเ่ คลอ่ื นที่และวัตถเุ คลอื่ นท่)ี
- กจิ กรรมน้มี จี ุดประสงค์อะไร (สังเกต อธิบายและเปรียบเทยี บแรงเสยี ดทานเม่ือวัตถุไม่
เคลื่อนที่และเมื่อวัตถุ เคลื่อนที่ด้วยความเรว็ คงที่ และเขียนแผนภาพของแรงเสียดทานที่กระทำ
ต่อวตั ถเุ มอื่ วตั ถุไมเ่ คล่อื นที่และเมื่อวัตถุเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร็วคงท)ี่


- วิธดี ำเนินกิจกรรมมีขน้ั ตอนโดยสรปุ อย่างไร (ใช้เคร่ืองดึงสปริงดึงแผน่ ไมท้ ่ีมีถุงทราย 3
ถงุ วางอยู่ด้านบน โดยเพมิ่ แรงที่ดึงเครื่องช่งั สปริงครั้งละ 1 นิวตัน สงั เกตการเคล่ือนที่ของแผ่นไม้
จนแผน่ ไมเ้ ริ่มเคล่ือนท่ี จากนั้นดงึ แผ่นไม้ให้เรมิ่ เคลอื่ นที่)

- นักเรียนต้องสังเกตและรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง (ค่าของแรงจากเคร่ืองชั่งสปริงเมื่อ
แผ่นไมย้ ังไม่เคล่อื นที่ เร่ิมเคลอื่ นที่ และเคล่ือนทด่ี ว้ ยความเร็วคงท)่ี
ช่วั โมงท่ี 2

3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำกิจกรรม ครูสังเกตนักเรียนขณะทำกิจกรรมเพื่อให้
คำแนะนำเกย่ี วกบั การดงึ เครอ่ื งชั่ง สปริงว่าต้องดงึ เครอื่ งชั่งสปริงขนานกบั พนื้
ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (เวลา 20 นาท)ี

สุ่มนกั เรียนนำเสนอผลการทำกจิ กรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันสรุปผลของ
กิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า เมื่อมีแรงกระทำต่อแผ่นไม้
เพื่อให้แผ่นไม้เคลื่อนที่จะมีแรงต้าน การเคลื่อนที่นั้นๆ เมื่อเพิ่มแรงให้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยแผ่นไม้
ยงั ไม่เคล่อื นท่ี แรงตา้ นกจ็ ะเพมิ่ มากข้ึนเช่นกนั โดยแรงตา้ นจะมีขนาดเทา่ กับแรงท่ีกระทำแต่มีทิศ
ตรงกันข้าม และเมื่อแรงกระทำมากขึ้นจนถึงค่าหนึ่ง แผ่นไม้จะเริ่มเคลื่อนที่ แต่เมื่อดึงต่อไปให้
แผ่นไม้เคลอื่ นทด่ี ว้ ยความเร็วคงที่ แรงท่ีดึงแผน่ ไม้กจ็ ะมคี า่ ลดลงเลก็ นอ้ ย
ขนั้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (เวลา 20 นาท)ี

1. ให้นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงเสียดทาน โดยอ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนหนา้
185-186 ตอบคำถามระหว่างเรียน และร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกับแรงเสียดทานสถิตและแรงเสียด
ทานจลน์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า แรงเสียดทานสถิต เป็นแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นเมื่อวตั ถุไม่เคลื่อนที่
หรือวัตถุเรมิ่ เคล่ือนที่ โดยแรงเสียดทานสถติ มีค่าเปล่ียนแปลงได้ แต่จะมีค่าสูงสดุ หนึง่ ค่า เรียกว่า
คา่ แรงเสียดทานสถิตสูงสุด สว่ นแรงเสียดทานจลน์เปน็ แรงเสียดทานท่ีเกดิ ขน้ึ ขณะที่วัตถุเคลื่อนที่
โดยแรงเสียดทานจลน์จะมีค่าคงที่ค่าหนึ่งๆ เมื่อมีแรงกระทำต่อวัตถุแล้ววัตถุยังไม่เคลื่อนที่ หรือ
เรมิ่ เคล่ือนที่ หรือเคล่อื นท่ดี ้วยความเร็วคงท่ี แรงเสยี ดทานจะมีขนาดเท่ากบั แรงทมี่ ากระทำ

2. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า เมื่อมีแรงกระทำ
เพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่จะมีแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อต้าน
การเคลือ่ นทีข่ องวตั ถนุ น้ั

- แรงเสียดทานสถิต เป็นแรงเสยี ดทานทเี่ กิดข้ึนเม่ือวตั ถอุ ยู่น่ิง มไี ดห้ ลายค่าแตม่ ีค่าสูงสุด
คา่ หน่ึง เรยี กวา่ แรงเสยี ดทานสถิตสูงสุด


- แรงเสียดทานจลน์ เปน็ แรงเสียดทานท่เี กิดขึ้นเมื่อวัตถเุ คลื่อนท่ี โดยแรงเสียดทานจลน์
จะมคี ่านอ้ ยกว่าแรงเสียดทานสถิตสงู สุด

- เมื่อมีแรงมากระทำต่อวัตถุให้วัตถุเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิวแต่วัตถุยังคงอยู่นิ่ง หรือเร่ิม
เคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ในแต่ละกรณีแรงเสียดทานจะมีขนาดเท่ากับแรงที่มา
กระทำน้ันแตม่ ที ิศทางตรงขา้ ม
ขนั้ ท่ี 5 ประเมินผล

ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากใบบันทึกกิจกรรม 4.5 เรื่อง แรงเสียดทานเมื่อ
วตั ถุไม่เคลือ่ นทแ่ี ละเคลื่อนทีแ่ ตกต่างกนั อยา่ งไร และการสงั เกตพฤตกิ รรมในระหวา่ งทำกิจกรรม

6. ส่อื การเรยี นรู้
6.1 หนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 (สสวท)
6.2 Powerpoint หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอื่ ง การเคลื่อนทแ่ี ละแรง
6.3 เครือ่ งชั่งสปริง
6.4 ถงุ ทรายขนาด 500 g
6.5 แผ่นไม้

7. การวดั และประเมินผล

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีวัด เกณฑก์ ารประเมิน

1. นักเรียนสามารถอธิบายแรงเสียดทานสถิตและแรง ตรวจใบบันทึกกิจกรรม ผ่านเกณฑ์การประเมิน

เสยี ดทานจลน์ได้ 4.5 เรื่อง แรงเสียดทาน ในระ ดบั พอใช้ขน้ึ ไปร้อย

2. นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพแสดงแรงเสียดทาน เมื่อวัตถุไม่เคลื่อนที่และ ละ 60

และแรงอ่ืน ๆ ทีก่ ระทำตอ่ วตั ถุได้ (K) เ ค ล ื ่ อ น ท ี ่ แ ต ก ต ่ า ง กั น

อยา่ งไร


ใบบันทึกกจิ กรรมที่ 4.5
เร่ือง…แรงเสียดทานเม่ือวัตถุไม่เคล่อื นทแ่ี ละเคล่อื นทีแ่ ตกต่างกันอยา่ งไร

วิธีการดำเนนิ กจิ กรรม
1. นำถงุ ทราย 3 ถุงวางบนแผ่นไม้ดงั ภาพค่อย ๆ ดงึ แผน่ ไมใ้ นแนวระดบั ด้วยเคร่ืองชง่ั สปริงสังเกตการ
เคลื่อนที่ของแผน่ ไมเ้ มอื่ ค่าของแรงจากเครือ่ งชั่งสปรงิ เพ่มิ ขึ้นทุก ๆ 1 นิวตนั บนั ทกึ ผลจนแผน่ ไมเ้ รมิ่ จะ
เคล่อื นท่ี
2. ทำซ้ำโดยดึงแผ่นไมใ้ นแนวระดบั ด้วยเคร่ืองชั่งสปรงิ จนแผ่นไมเ้ ร่มิ เคลื่อนทีบ่ นั ทกึ คา่ ของแรง
3. ทำซ้ำอีกคร้ังโดยดงึ แผน่ ไม้ใหเ้ คล่อื นท่ีด้วยความเรว็ คงที่บนั ทึกค่าของแรง
4. เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีดึงแผน่ ไม้และแรงเสยี ดทานที่กระทำตอ่ แผ่นไม้ขณะท่แี ผน่ ไม้ยงั ไม่เคลอ่ื นที่
ขณะที่แผ่นไม้เรม่ิ จะเคลอื่ นท่ีและขณะท่ีแผน่ ไม้เคล่อื นทด่ี ว้ ยความเร็วคงท่ี

ผลการทำกจิ กรรม
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………..…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………..…………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………..…………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………..…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………..…………………………………………………………………………………………………………


คำถามท้ายกจิ กรรม
1. ชว่ งทอ่ี อกแรงดึงแลว้ แผน่ ไมย้ งั ไม่เคลื่อนที่ มแี รงเสียดทานหรอื ไม่ ทราบได้อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ใขณะท่แี ผน่ ไมย้ ังไมเ่ คล่ือนที่ เมื่อออกแรงดึงเพิ่มขึ้น ค่าของแรงเสียดทานเปน็ อย่างไร ทราบได้อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ค่าของแรงเสียดทานขณะทีแ่ ผน่ ไม้เร่ิมจะเคลอื่ นทเ่ี ปน็ อย่างไร เม่ือเทียบกบั ขณะที่แผน่ ไมย้ ังไมเ่ คลื่อนท่ี
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. คา่ ของแรงเสียดทานขณะทแ่ี ผน่ ไม้เคลอื่ นที่ด้วยความเร็วคงทเี่ ปน็ อยา่ งไร เมื่อเทียบกับขณะทแ่ี ผน่ ไม้
เรม่ิ จะเคลื่อนที่
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จากการเขยี นแผนภาพขนาดและทิศทางของแรงเสยี ดทานเปน็ อย่างไรเมื่อเทียบกับแรงทใ่ี ช้ดงึ แผน่ ไม้
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
6. จากกิจกรรม สรุปไดว้ ่าอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………


เฉลยใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 4.5
เร่ือง…แรงเสียดทานเมอื่ วตั ถไุ มเ่ คลื่อนทีแ่ ละเคลือ่ นทแ่ี ตกตา่ งกนั อยา่ งไร

ผลการทำกิจกรรม
คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. ชว่ งท่ีออกแรงดงึ แล้วแผน่ ไมย้ ังไมเ่ คลอ่ื นท่ี มแี รงเสยี ดทานหรอื ไม่ ทราบได้อยา่ งไร

ชว่ งท่อี อกแรงดงึ แล้วแผน่ ไม้ไมเ่ คลื่อนท่ีมแี รงเสียดทาน เพราะเมื่อวัตถอุ ยู่นงิ่ แรงลัพธ์จะเป็นศนู ย์
ดงั นนั้ เมอ่ื มแี รงกระทำตอ่ แผ่นไม้แลว้ แรงลพั ธเ์ ปน็ ศูนยแ์ สดงวา่ ต้องมีแรงอีก 1 แรงที่มขี นาดเท่ากับแรงที่
ดึง แต่ทิศทางตรงกนั ข้ามกระทำต่อแผ่นไมด้ ้วยซึ่งคือแรงเสียดทาน
2. ใขณะที่แผน่ ไมย้ งั ไมเ่ คลื่อนที่ เมื่อออกแรงดึงเพิ่มขึน้ ค่าของแรงเสียดทานเปน็ อย่างไร ทราบได้อยา่ งไร

เมือ่ ออกแรงเพม่ิ ข้ึน แตแ่ ผ่นไมย้ ังไมเ่ คลื่อนท่ี แรงเสยี ดทานจะมีคา่ เพิม่ ขนึ้ ดว้ ยเพื่อทำใหแ้ รงลพั ธ์
เป็นศนู ย์
3. คา่ ของแรงเสียดทานขณะท่แี ผ่นไม้เร่ิมจะเคลื่อนท่เี ปน็ อยา่ งไร เมื่อเทยี บกบั ขณะที่แผน่ ไมย้ ังไมเ่ คล่ือนท่ี

กรณีแผน่ ไมเ้ ร่ิมเคล่ือนท่ี แรงเสยี ดทานขณะนั้นยังคงเท่ากับแรงทีด่ งึ โดยแรงท่ีดึงมีค่ามากทสี่ ดุ
เม่อื เปรียบเทยี บกบั แรงท่ใี ชด้ ึงในกรณีท่แี ผ่นไมย้ ังไม่เคลื่อนทจ่ี ะไดว้ ่าแรงเสยี ดทานขณะน้ันจะมคี า่ มาก
ทีส่ ุด ดว้ ย เมอื่ เปรยี บเทยี บกับแรงเสียดทานในกรณที ี่แผ่นไมย้ ังไม่เคล่ือนที่
4. ค่าของแรงเสียดทานขณะทแ่ี ผ่นไม้เคลื่อนทดี่ ว้ ยความเร็วคงท่ีเปน็ อยา่ งไร เมื่อเทยี บกับขณะที่แผ่นไม้
เรม่ิ จะเคล่ือนที่

ขณะท่แี ผ่นไมเ้ คล่ือนท่ดี ว้ ยความเร็วคงท่ี แรงลัพธ์จะเป็นศนู ย์ นัน่ คอื แรงเสียดทานจะมีขนาด
เทา่ กับแรงทใี่ ช้ดงึ แผน่ ไม้ แตเ่ นอ่ื งจากเม่ือดึงแผ่นไม้ใหเ้ คลื่อนทีด่ ว้ ยความเร็วคงที่ แรงท่ีใชม้ คี ่านอ้ ยกว่า
แรงท่ใี ช้ ดงึ ให้แผ่นไมเ้ ริม่ เคลื่อนที่ ดังนัน้ สามารถสรปุ ไดว้ า่ แรงเสยี ดทานขณะที่แผน่ ไม้เคล่ือนที่ด้วย
ความเรว็ คงท่จี ะมี คา่ น้อยกว่าแรงเสียดทานเมื่อแผ่นไมเ้ ริ่มเคลอ่ื นที่
5. จากการเขียนแผนภาพขนาดและทิศทางของแรงเสยี ดทานเปน็ อย่างไรเม่ือเทยี บกับแรงทใ่ี ช้ดึงแผน่ ไม้

แรงเสยี ดทานมีขนาดเท่ากบั แรงท่ีใช้ดึงวัตถุ แต่มีทศิ ทางตรงกันขา้ ม
6. จากกจิ กรรม สรปุ ได้ว่าอย่างไร

เม่ือมีแรงกระทำให้วัตถเุ คล่ือนที่จะมแี รงเสียดทานกระทำในทิศทางตรงขา้ เพ่ือตา้ นการเคลอื่ นที่
ของวตั ถุนั้น ถา้ วตั ถุอยู่น่งิ ถ้าแรงท่ีกระทำต่อวตั ถุเพ่มิ ขึน้ แรงเสียดทานก็จะเพิ่มขน้ึ ดว้ ยจนถงึ ค่าแรงเสยี ด
ทาน ท่มี ากทีส่ ดุ วัตถุจะเร่ิมเคลอื่ นที่ และเมื่อวัตถเุ คล่ือนที่แลว้ แรงเสียดทานจะมีคา่ ลดลง


แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 26

กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 1
รหสั วิชา ว22101
หน่วยการเรยี นที่ 4 เร่อื ง การเคลอื่ นที่และแรง เวลา 21 ช่ัวโมง
บทที่ 2 แรงในชีวิตประจำวัน
เรอ่ื งท่ี 2 แรงเสยี ดทาน 2 เวลา 1 ช่วั โมง
วันที่ 6 กันยายนพ.ศ. 2565 ผู้ใช้แผน นางสาวบญุ ญรตั น์ นามศรีอนุ่

1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจำวนั ผลของแรงท่กี ระทำต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคลอื่ นที่

แบบตา่ งๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี
ม.2/7 ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวิธีที่เหมาะสมในการอธบิ ายปัจจยั ท่ีมผี ลต่อขนาดของ

แรงเสยี ดทาน

3.สาระสำคญั
ปจั จยั ทมี่ ีผลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทาน คอื ลกั ษณะผิวสัมผัสและแรงที่พนื้ ผิวกระทำต่อวัตถใุ น

แนวต้งั ฉาก โดยลักษณะผวิ ของคู่สัมผัสท่หี ยาบและขรขุ ระจะมีแรงเสียดทานมากกว่าผวิ สมั ผัสท่ีล่นื และ
เรียบ

4.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
นกั เรยี นสามารถ
4.1 นกั เรยี นสามารถอธิบายปจั จยั ที่มผี ลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทานได้ (K)
4.2 นักเรยี นสามารถออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ที เ่ี หมาะสมในการอธิบาย
ปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทานได้ (P)
4.3 มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และ มงุ่ ม่นั ในการทำงาน(A)


5. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E
ขั้นท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (เวลา 5 นาที)
1. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย โดยอาจใช้คำถามว่า แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นจะมีค่ามาก
หรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยใด ซึ่งครูยังไม่เฉลยคำตอบ เพื่อนำเข้าสู่กิจกรรมที่ 4.6 เรื่อง ปัจจัย
ใดบา้ งที่มผี ลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทาน
ขนั้ ท่ี 2 สำรวจและค้นหา (เวลา 30 นาท)ี
1. ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ทำกจิ กรรมกลมุ่ ละ 5 คน จำนวน 8 กล่มุ
2. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม และตรวจสอบความ
เขา้ ใจการอา่ นโดยใชค้ ำถาม ดังต่อไปนี้
- กิจกรรมนีเ้ ก่ยี วขอ้ งกบั เรอื่ งอะไร (ปจั จัยที่มีผลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทาน)
- กิจกรรมนี้มีจุดประสงค์อะไร (ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมเพ่อื
หาปจั จัยทมี่ ีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (ร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลตอ่
ขนาดของแรงเสียดทาน จากนั้นเลือกศึกษาปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง ตั้งสมมติฐาน ระบุตัวแปร
ออกแบบการทดลอง และทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐานแล้วนำเสนอพร้อมอภิปรายผลการ
ทดลองร่วมกนั )
- นักเรยี นต้องสังเกตและรวบรวมข้อมูลอะไรบา้ ง (คา่ ของแรงจากเคร่อื งช่ังสปรงิ เมื่อวัตถุ
ยังไม่เคลื่อนที่เริ่มเคลื่อนที่และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ลักษณะพื้นผิวคู่สัมผัส และแรงที่กด
พื้นผวิ )
3. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน จากนั้น
ใหแ้ ต่ละกลมุ่ เลือกท่จี ะศึกษาปจั จัยดังกลา่ ว 1 ปัจจัย พร้อมตั้งสมมติฐาน ระบุตวั แปรต้น ตัวแปร
ตาม และตัวแปรควบคุม รวมทั้งออกแบบการทดลองและดำเนินการทดลอง โดยครูเป็นผู้ให้
คำแนะนำถ้านกั เรียนมีข้อสงสยั
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ (เวลา 20 นาท)ี
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกัน
สรุปผลของกิจกรรมโดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมว่า
ขนาดของแรงเสียดทานจะมีคา่ มากหรือนอ้ ยข้นึ อยู่กบั หลายปัจจยั


ขนั้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (เวลา 5 นาท)ี
1. ให้นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดของแรงเสียดทานขึ้นอยู่กับน้ำหนักของวัตถุ

หรอื ไม่ โดย อา่ นเน้อื หาในหนังสือเรียนหนา้ 189-190 และรว่ มกนั อภิปรายจากตัวอย่างกิจกรรม
การดึง แม่เหล็กที่วางอยู่บนตาชั่งให้เริ่มเคล่ือนที่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ปัจจัยอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผล
ต่อขนาดของแรงเสียดทาน คือ แรงที่พื้นผิวกระทำต่อวัตถุในแนวตั้งฉาก โดยแรงนี้อาจมีขนาด
เท่าหรือไม่เท่ากับน้ำหนักของวัตถุก็ได้ และเพื่อให้นักเรียนได้มีประสบการณ์จริง ครูอาจจัด
อุปกรณ์ต่างๆ ตามหนังสือเรียน ได้แก่ แม่เหล็กขั้วข้าง ตาชั่งพลาสติก เชือก และเครื่องชั่งสปรงิ
เพื่อให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อตอบคำถามระหว่าง
เรยี น

2. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน
เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน คือ ลักษณะผิวสัมผัสและแรงท่ี
พื้นผิวกระทำต่อวัตถุในแนวตั้งฉาก จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับการเคลื่อนทีข่ อง
รถไฟฟ้าความเร็วสูงในเนื้อหาของภาพนำเรื่อง เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า การที่ตัวรถไฟลอยอยู่เหนือ
รางรถไฟเป็นการลดแรงที่รางรถไฟกระทำต่อตัวรถไฟในแนวตั้งฉาก ซึ่งจะทำให้แรงเสียดทาน
ลดลงจึงทำให้รถไฟฟ้าเคลือ่ นท่ไี ดเ้ ร็วขนึ้
ขัน้ ที่ 5 ประเมนิ ผล

ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากใบบันทึกกิจกรรม 4.6 เรื่อง ปัจจัยใดบ้างที่มีผล
ต่อขนาดของแรงเสียดทาน และการสงั เกตพฤติกรรมในระหวา่ งทำกจิ กรรม
6. สื่อการเรยี นรู้
6.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 (สสวท)
6.2 Powerpoint หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง การเคลื่อนทแ่ี ละแรง
6.3 เครอื่ งชั่งสปรงิ
6.4 ถุงทราย
6.5 แผน่ ไม้
6.6 ถุงพลาสตกิ
6.7 กระดาษทราย
6.8 แผน่ โฟม
6.9 กระดาษลกู ฟูก
6.10 แผน่ ลูกฟูกพลาสติก


ใบบันทกึ กจิ กรรมท่ี 4.6
เรอื่ ง…ปจั จัยใดบา้ งท่มี ีผลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ดทาน

วธิ ีการดำเนินกิจกรรม
1. รว่ มกันอภิปรายเกีย่ วกับปัจจัยที่มีผลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทาน
2. เลือกศึกษาปจั จยั ท่ีมผี ลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ดทานพร้อมตง้ั สมมติฐาน
3. ระบตุ ัวแปรต้นตัวแปรตามตวั แปรควบคมุ บนั ทึกผล
4. ออกแบบการทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมตฐิ านบันทกึ ผล
5. ทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมติฐานบันทกึ ผล
6. นำเสนอผลการทดลองและอภิปรายร่วมกัน

ผลการทำกจิ กรรม
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…..………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………..………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………..………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………..………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………..………………………………………………………………………………………………………………

คำถามทา้ ยกจิ กรรม
1. การทดลองนต้ี ้องการศึกษาปจั จยั ใด
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………


2. สมมติฐานของการทดลองนี้คืออะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ผลการทดลองที่ได้สอดคล้องกับสมมติฐานทน่ี ักเรยี นตงั้ ไว้หรอื ไม่ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. นอกจากปัจจยั ที่นักเรียนศึกษาแลว้ ยงั มีปัจจยั อื่นอีกหรือไม่ท่ีมผี ลต่อขนาดของแรงเสียดทาน
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จากกิจกรรม สรปุ ได้วา่ อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………


เฉลยใบบันทกึ กจิ กรรมที่ 4.6
เร่อื ง…ปัจจัยใดบ้างทมี่ ีผลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ดทาน

คำถามท้ายกจิ กรรม
(ข้นึ อยู่กับปจั จยั ท่นี ักเรียนเลอื กศึกษา ในท่นี ี้เลือกศกึ ษาเกีย่ วกบั ลกั ษณะผิวสมั ผัส)
1. การทดลองน้ตี ้องการศึกษาปัจจยั ใด

ศึกษาเก่ยี วกับลกั ษณะของผวิ สมั ผัส
2. สมมติฐานของการทดลองนี้คอื อะไร

ลักษณะผิวสมั ผัสทตี่ า่ งกันมีผลตอ่ ขนาดของแรงเสยี ดทานสถิตและแรงเสยี ดทานจลน์
3. ผลการทดลองที่ไดส้ อดคล้องกบั สมมตฐิ านทีน่ ักเรียนตง้ั ไวห้ รือไม่ อย่างไร

ผลการทดลองสอดคล้องกบั สมมตฐิ านทต่ี ้งั ไว้ คือ ลกั ษณะผิวสมั ผัสที่ตา่ งกัน ขนาดของแรงเสียด
ทานจะต่างกัน โดยผวิ สมั ผสั ที่หยาบมีแรงเสียดทานมากกว่าผิวสัมผสั ท่เี รียบลืน่
4. นอกจากปจั จยั ทีน่ กั เรยี นศึกษาแลว้ ยงั มปี จั จัยอื่นอีกหรือไม่ที่มผี ลต่อขนาดของแรงเสียดทาน

ขึน้ อยูก่ ับการทดลองตามปจั จัยทีไ่ ด้อภิปรายในชน้ั เรียน เช่น ข้ึนอยกู่ บั แรงที่กดบนพ้นื ผวิ ขึ้นอยู่
กบั น้ าหนักท่ีกดทับ (ซงึ่ ยงั ไม่ใช่ปัจจยั ทถ่ี ูกต้อง)
5. จากกิจกรรม สรปุ ได้วา่ อย่างไร

ปัจจัยทีม่ ีผลตอ่ ขนาดของแรงเสียดทาน ได้แก่ ลักษณะของผิวสัมผสั และแรงที่กดบนพ้นื ผิว


แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 27

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1
รหสั วชิ า ว22101
หนว่ ยการเรยี นที่ 4 เรื่อง การเคล่อื นที่และแรง เวลา 21 ช่วั โมง
เรื่อง บทท่ี 2 แรงในชวี ิตประจำวัน
เรื่องที่ 3 แรงและความดันของของเหลว 1 เวลา 1 ช่วั โมง
วันท่ี 9 กันยายน พ.ศ. 2565 ผูใ้ ช้แผน นางสาวบุญญรตั น์ นามศรอี นุ่

1. มาตรฐานการเรียนรู้
ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงท่กี ระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ

เคล่ือนทแี่ บบต่างๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์

2. ตัวช้ีวดั ช้ันปี
ม.2/5 เขยี นแผนภาพแสดงแรงท่กี ระทำต่อวัตถใุ นของเหลว

3. สาระสำคัญ
เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลว จะมีแรงพยุงเนื่องจากของเหลว กระทำต่อวัตถุ โดยมี

ทิศขนึ้ ในแนวดง่ิ การจมหรอื การลอย ของวัตถุขนึ้ กบั น้ำหนกั ของวัตถุและแรงพยุง ถา้ น้ำหนักของ
วัตถุและแรงพยุงของของเหลวมีค่าเท่ากัน วัตถุจะลอยนิง่ อยู่ในของเหลว แต่ถ้าน้ำหนักของวตั ถุ
มีคา่ มากกวา่ แรงพยุง ของของเหลว วตั ถจุ ะจม

4.จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรยี นสามารถ
4.1 นักเรียนสามารถระบุทิศทางของแรงท่นี ำ้ กระทำต่อวัตถไุ ด้ (K)
4.2 นักเรยี นสามารถเขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทำต่อวัตถุในของเหลวได้ (P)
4.3 มวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และ มุง่ ม่ันในการทำงาน(A)


5. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E
ขั้นที่ 1 สรา้ งความสนใจ (เวลา 5 นาที)
1. นำเข้าสู่เรื่องแรงและความดันของของเหลว โดยให้นักเรียนสังเกตภาพนำเรื่อง
เกี่ยวกับการดำน้ำแบบลึก อ่านเนื้อหานำเรื่องและคำสำคัญ ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย โดย
อาจใชค้ ำถามดงั น้ี
- การดำน้ำแบบดำน้ำตื้นต่างจากการดำน้ำแบบน้ำลึกอย่างไร (นักเรียนตอบตามความ
เข้าใจของตนเอง ซึ่งอาจมีนักเรียนบางคน อธิบายว่าการดำน้ำตื้นไม่ต้องใส่ชุดประดาน้ำ และ
หายใจโดยมที ่อหายใจซึ่งโผลพ่ น้ ผวิ นำ้ )
- ในขณะที่นักประดาน้ำอยู่ในน้ำมีแรงใดที่กระทำต่อนักประดาน้ำบ้าง แรงนี้เกิดจาก
อะไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
- นักประดาน้ำดำน้ำลึกตื้นต่างกันจะมีแรงกระทำต่างกันหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบ
ตามความเขา้ ใจของตนเอง)
2. ให้นักเรียนอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับทิศทางของแรงที่กระทำต่อวัตถุ จากนั้นให้นักเรียน
ร่วมกันอภปิ รายว่า ของเหลวมแี รงกระทำตอ่ วตั ถุเหมอื นอากาศหรือไม่ อย่างไร
ข้ันท่ี 2 สำรวจและค้นหา (เวลา 30 นาที)
1. ให้นกั เรียนแบ่งกลุ่มทำกจิ กรรมกล่มุ ละ 5 คน จำนวน 8 กล่มุ
2. ให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม จุดประสงค์ และวิธีดำเนินกิจกรรม และตรวจสอบความ
เข้าใจการอ่านโดยใชค้ ำถาม ดังตอ่ ไปนี้
- กจิ กรรมนี้เก่ียวกับเร่ืองอะไร (แรงทน่ี ้ำกระทำต่อวัตถุและทศิ ทางของแรงน้นั )
- กจิ กรรมนี้มีจุดประสงคอ์ ะไร (ระบุทศิ ทางของแรงที่นำ้ กระทำต่อวัตถุ)
- วิธีดำเนินกิจกรรมมีขั้นตอนโดยสรุปอย่างไร (สวมถุงมือให้เลยข้อมือ สังเกตลักษณะ
ของถงุ พลาสติก จากนั้นจุม่ มอื ลงไปในน้ำใหจ้ มถึงข้อมอื สังเกตลกั ษณะของถุงพลาสตกิ อกี ครั้ง)
- นักเรยี นต้องสังเกตและรวบรวมข้อมลู อะไรบ้าง (ลกั ษณะของถุงพลาสติกท่ีหุ้มมือก่อน
และหลังจมุ่ ลงในภาชนะบรรจนุ ้ำ)
3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำกิจกรรม ครูสังเกตการทำกิจกรรมของนักเรียนแต่ละ
กลุ่ม เพื่อให้คำแนะนำ ถ้านักเรียนมีข้อสงสัยในกิจกรรมนี้ ครูควรแนะนำให้นักเรียนระมัดระวัง


เมื่อจุ่มมือในน้ำไม่ให้จมลงไปในน้ำเลยข้อมือหรือปากถุงพลาสติกเพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปในถุงได้
นอกจากน้คี รคู วรรวบรวมขอ้ มูลจากการทำกิจกรรมของนักเรียน

ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ (เวลา 15 นาท)ี
สุ่มนักเรียนนำเสนอผลการทำกิจกรรม ตอบคำถามท้ายกิจกรรม และร่วมกันอภิปราย

โดยใช้คำถามท้ายกิจกรรมเป็นแนวทาง เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากกิจกรรมวา่ น้ำมีแรงกระทำต่อวตั ถุ
โดยมีแรงกระทำในทุกทิศทาง สังเกตได้จากรูปร่างที่เปลี่ยนไปของถุงพลาสติกท่ีถกู น้ำดันให้แนบ
กับมอื ในทุกทศิ ทาง
ข้ันที่ 4 ขยายความรู้ (เวลา 10 นาท)ี

ให้นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแรงที่ของเหลวกระทำต่อวัตถุ โดยอ่านเนื้อหาใน
หนังสือเรียนหน้า 198-199 และตอบคำถามระหว่างเรียน จากนั้นร่วมกันอภิปราย เพื่อให้ได้
ข้อสรุปว่า นอกจากของเหลวจะมีแรงกระทำต่อวัตถุในทุกทิศทางแล้ว แรงที่ของเหลวกระทำต่อ
วัตถุจะมีทิศทางตั้งฉากกับผิววัตถุ และได้มีการกำหนดว่าแรงที่ของเหลวกระทำต่อพื้นที่หนึ่ง
หนว่ ย เรยี กว่า ความดนั ของของเหลว เปน็ ปริมาณสเกลาร์ และนำ้ มแี รงกระทำต่อวตั ถุในทิศทาง
ตัง้ ฉากกับผวิ วัตถุ
ข้นั ท่ี 5 ประเมนิ ผล

ประเมินผลการเรียนรู้ของนักเรียนจากใบบันทึกกิจกรรม 4.7 เรื่อง น้ำมีแรงกระทำต่อ
วัตถหุ รือไม่ อย่างไร และการสังเกตพฤติกรรมในระหว่างทำกจิ กรรม

6. สื่อการเรยี นรู้
6.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 (สสวท)
6.2 Powerpoint หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่อื ง การเคลื่อนทีแ่ ละแรง
6.3 ภาชนะใสน่ ้ำ
6.4 ถงุ พลาสตกิ


ใบบนั ทกึ กจิ กรรมที่ 4.7
เร่อื ง…นำ้ มีแรงกระทำต่อวตั ถุหรอื ไม่ อย่างไร

วธิ กี ารดำเนนิ กจิ กรรม
1. นำถงุ พลาสตกิ สวมมอื ให้เลยขอ้ มือข้ึนมาสงั เกตลักษณะของถุงพลาสติกที่หุ้มมือบันทึกผล
2. จ่มุ มอื ทส่ี วมถุงพลาสติกลงในภาชนะบรรจนุ ำ้ ใหม้ ือจมลงไปจนถึงขอ้ มือสังเกตลักษณะของถุงพลาสติก
บันทกึ ผล

ผลการทำกจิ กรรม
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

คำถามทา้ ยกิจกรรม
1. เม่อื จมุ่ มือทห่ี ุม้ ถงุ พลาสติกลงในน้ำ รู้สกึ ถึงแรงท่ีกระทำต่อมือหรือไม่ อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. นำ้ มีแรงกระทำต่อถุงพลาสติกหรอื ไม่ ทราบได้อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ถ้าน้ำมแี รงกระทำต่อถงุ พลาสติก แรงที่น้ำกระทำมที ิศทางใด รไู้ ด้อยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………


Click to View FlipBook Version