The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง 2560 (รร.แก้วอินทร์สุธาอุทิศ) ปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jummy.prisana, 2022-09-03 11:37:21

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี 2565

หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง 2560 (รร.แก้วอินทร์สุธาอุทิศ) ปี 2565

Keywords: หลักสูตร

139

การวัดและประเมินผลจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อกระบวนการเรียนการสอน วิธีการวัดและ
ประเมินผลที่สามารถสะท้อนผลการเรียนรู้อย่างแท้จริงของผู้เรียนและครอบคลุมกระบวนการเรียนรู้และผล
การเรียนรูท้ งั้ 3 ด้านตามท่ีกลา่ วมาแล้วจึงต้องวดั และประเมนิ ผลจากสภาพจรงิ (Authentic assessment)

การวัดและประเมนิ ผลจากสภาพจริง

กิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนมีหลากหลาย เช่น กิจกรรมสำรวจภาคสนาม กิจกรรมการสำรวจ
ตรวจสอบ การทดลอง กิจกรรมศึกษาค้นคว้า กิจกรรมศึกษาปัญหาพิเศษหรือโครงงานวิทยาศาสตร์ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ในการทำกิจกรรมเหล่านี้ต้องคำนึงว่าผู้เรยี นแต่ละคนมีศักยภาพแตกต่างกัน ผู้เรียนแต่ละคนจงึ
อาจทำงานชิ้นเดียวกันได้เสร็จในเวลาที่แตกต่างกัน และผลงานที่ได้ก็อาจแตกต่างกัน เมื่อผู้เรียนทำกิจกรรม
เหล่านีแ้ ล้วก็จะตอ้ งเก็บรวบรวมผลงาน เชน่ รายงาน ชิ้นงาน บันทึกและรวบถึงทักษะปฏบิ ตั ิต่าง ๆ เจตคติทาง
วิทยาศาสตร์ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ ความรัก ความซาบซ้ึง กิจกรรมท่ผี ู้เรียนได้ทำและผลงานเหล่าน้ีต้องใช้วิธี
ประเมินที่มีความเหมาะสมและแตกต่างกัน เพื่อช่วยใหส้ ามารถประเมินความรู้ความสามารถและความรู้สึกนกึ
คิดที่แท้จริงของผู้เรียนได้ การวัดและประเมินผลจากสภาพจริงจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีการประเมินหลาย
ๆ ด้าน หลากหลายวิธี ในสถานการณต์ า่ ง ๆ ที่สอดคล้องกับชีวิตจรงิ และต้องประเมินอยา่ งต่อเนื่อง เพื่อจะได้
ขอ้ มูลท่มี ากพอทจี่ ะสะท้อนความสามารถท่ีแทจ้ รงิ ของผเู้ รียนได้

ลกั ษณะสำคญั ของการวดั และประเมินผลจากสภาพจรงิ
1. การวัดและประเมินผลจากสภาพจริง มีลกั ษณะท่ีสำคัญคอื ใช้วิธีการประเมนิ กระบวนการท่ีซับซ้อน
ความสามารถในการปฏบิ ัตงิ าน ศกั ยภาพของเรยี นในดา้ นของผู้ผลิตและกระบวนการที่ได้ผลผลิต มากกว่าที่จะ
ประเมินว่าผู้เรยี นสามารถจดจำความรู้อะไรได้บ้าง
2. เป็นการประเมินความสามารถของผู้เรียน เพอื่ วินิจฉยั ผู้เรียนในส่วนท่คี วรส่งเสริมและส่วนที่ควรจะ
แก้ไขปรบั ปรงุ เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพตามความสามารถ ความสนใจและความต้องการของ
แตล่ ะบคุ คล
3. เป็นการประเมินทเี่ ปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนได้มีส่วนรว่ มประเมนิ ผลงานของทั้งตนเองและของเพ่ือนร่วม
หอ้ ง เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนรู้จักตวั เอง เช่อื มั่นในตนเอง สามารถพัฒนาตนเองได้
4. ขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการประเมินจะสะท้อนใหเ้ ห็นถึงกระบวนการเรียนการสอนและการวางแผนการสอน
ของผูส้ อนวา่ สามารถตอบสนองความสามารถ ความสนใจและความตอ้ งการของผเู้ รยี นแตล่ ะบุคคลไดห้ รือไม่
5. ประเมินความสามารถของผู้เรียนในการถา่ ยโอนการเรียนรไู้ ปสู่ชีวิตจรงิ ได้
6. ประเมินดา้ นต่าง ๆ ดว้ ยวิธที ีห่ ลากหลายในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนือ่ ง
วิธกี ารและแหล่งขอ้ มูลทใ่ี ช้
เพื่อใหก้ ารวดั และประเมนิ ผลได้สะทอ้ นความสามารถท่แี ท้จรงิ ของผเู้ รยี น ผลการประเมินอาจจะได้มา
จากแหล่งข้อมูลและวะการต่าง ๆ ดงั ต่อไปน้ี
1. สังเกตการแสดงออกเป็นรายบุคคลหรอื รายกลุม่
2. ชนิ้ งาน ผลงาน รายงาน
3. การสมั ภาษณ์

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทร์สธุ าอุทิศ 

140

4. บันทกึ ของผูเ้ รยี น
5. การประชมุ ปรกึ ษาหารือรว่ มกนั ระหวา่ งผเู้ รยี นและครู
6. การวดั และประเมินผลภาคปฏิบัติ
7. การวัดและประเมนิ ผลด้านความสามารถ
8. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นร้โู ดยแฟม้ ผลงาน

การวัดและประเมนิ ผลด้านความสามารถ (Performance Assessment)
ความสามารถของผเู้ รียนประเมนิ ได้จากการแสดงออกโดยตรงจากการทำงานต่าง ๆ เปน็ สถานการณ์ท่ี

กำหนดให้ ซึง่ เป็นของจริงหรอื ใกล้เคยี งกบั สภาพจรงิ และเปิดโอกาสให้ผเู้ รียนได้แก้ปญั หาหรือปฏบิ ตั งิ านได้จริง
โดยประเมนิ จากกระบวนการทำงาน กระบวนการคดิ โดยเฉพาะความคิดข้นั สงู และผลงานท่ีได้

ลักษณะสำคัญของการประเมินความสามารถ คือ กำหนดวัตถุประสงค์ของงาน วิธีการทำงาน
ผลสำเร็จของงาน มีคำสั่งควบคุมสถานการณ์ในการปฏิบัติงาน และมีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน การ
ประเมินความสามารถที่แสดงออกของผู้เรียนทำได้หลายแนวทางต่าง ๆ กัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
สภาวการณ์ และความสนใจของผเู้ รียน ดงั ตวั อย่างต่อไปนี้

1. มอบหมายงานใหท้ ำ งานทมี่ อบใหท้ ำต้องมคี วามหมาย มีความสำคัญ มีความสัมพนั ธก์ บั หลกั สตู ร
เนื้อหาวิชา และชีวิตจริงของผูเ้ รยี น ผู้เรียนต้องใช้ความรู้หลายด้านในการปฏบิ ัติงานที่สามารถสะท้อนให้เหน็
ถึงกระบวนการทำงาน และการใช้ความคิดอยา่ งลึกซึ้ง

2. การกำหนดชิ้นงาน หรืออุปกรณ์ หรือสิ่งประดิษฐใ์ ห้ผู้เรียนวิเคราะห์องค์ประกอบและกระบวนการ
ทำงาน และเสนอแนวทางเพ่ือพฒั นาใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพดขี ึ้น

3. กำหนดตัวอย่างชิ้นงานให้ แล้วให้ผู้เรียนศึกษาชิ้นงานนั้น และสร้างชิ้นงานที่มีลักษณะของการ
ทำงานได้เหมอื นหรือดีกวา่ เดิม

4. สร้างสถานการณ์จำลองที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของผู้เรียน โดยกำหนดสถานการณ์แล้วให้ผู้เรียนลง
มือปฏบิ ตั เิ พอื่ แกป้ ัญหา

การประเมนิ ผลการเรยี นร้โู ดยใช้แฟ้มผลงาน (Portfolio Assessment)
แฟม้ ผลงาน คอื อะไร
เมื่อผู้เรียนทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ทั้งในห้องเรียนหรือนอก

ห้องเรียนก็ตาม ก็จะมีผลงานที่ได้จากการทำกิจกรรมเหล่านั้นปรากฏอยู่เสมอ ซึ่งสามารถจำแนกผลงานออก
ตามกจิ กรรมต่าง ๆ ดังนี้

1. การฟังบรรยาย เมื่อผู้เรียนฟังการบรรยายก็จะมีสมุดจดคำบรรยาย ซึ่งอาจอยู่ในรูปของบันทึก
อย่างละเอียดหรือบันทึกแบบย่อ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของความชอบและความเคยชินของผู้เรียนในการ
บนั ทกึ คำบรรยาย

2. การทำการทดลอง ผลงานของผูเ้ รียนท่ีเกี่ยวข้องกับการทดลอง อาจประกอบด้วยการวางแผนการ
ทดลองทั้งในรูปของบันทึกอย่างเป็นระบบหรือบันทึกอย่างย่อ การบันทึกวิธีการทดลอง ผลการทดลองและ

 หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ 

141

ปัญหาที่พบขณะทำการทดลอง การแปรผล สรุปผลและอภิปรายผลการทดลอง และผลงานสุดท้ายที่
เก่ียวขอ้ งกับการทดลอง คือ การรายงานผลการทดลองทผี่ เู้ รียนอาจทำเปน็ กล่มุ หรือเด่ียวก็ได้

3. การอภปิ ราย ผลงานของผ้เู รียนทเี่ ก่ยี วข้องกับการอภปิ ราย คือ วางหวั ข้อและข้อมูลท่ีจะนำมาใช้
ในการอภปิ ราย ผลที่ได้จากการอภปิ รายรวมทั้งขอ้ สรุปตา่ ง ๆ

4. การศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม จัดเป็นผลงานที่สำคัญประการหนึ่งของผู้เรียนที่เกิดจากการได้รับ
มอบหมายจากครูผู้สอนให้ไปค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือประเด็นที่กำลังศึกษา
ผลงานที่ได้จากการค้นคว้าเพิ่มเติมอาจอยูใ่ นรปู ของรายงาน การทำวิจัยเชิงเอกสารหรือบนั ทึกประเดน็ สำคัญ
ซึ่งอาจนำมาใช้ประกอบการอภปิ รายในช่วั โมงเรยี นก็ได้

5. การศึกษานอกสถานที่ การศึกษานอกสถานท่จี ัดเป็นวธิ กี ารทีเ่ ปิดโอกาสให้ผู้เรยี นได้มี
ประสบการณ์ตรงกับเรื่องที่กำลังศึกษา ผลงานที่ได้อาจประกอบด้วยการบันทึกการสังเกต การตอบคำถาม
หรือปัญหาจากใบงาน การเขยี นรายงานสง่ิ ทคี่ น้ พบ

6. การบนั ทึกรายวนั เป็นผลงานประการหนงึ่ ของผู้เรยี นทอี่ ย่นู อกเหนือจากผลงานท่แี สดง
ถึงการเรียนรู้โดยตรง แต่จะช่วยให้ผู้เรยี นหรือผู้ประเมินได้เข้าใจในประเด็นหรือส่ิงที่ผู้เรียนนึกคิดเกี่ยวกับการ
เรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ดว้ ย

นอกจากกจิ กรรมท่ีได้กล่าวมาแล้ว ยงั อาจมีกิจกรรมอืน่ ๆ ท่เี กีย่ วข้องกบั การเรยี นการสอน ซ่ึงผู้เรียน
สามารถแสดงออกถึงความสามรถอืน่ ๆ อกี ด้วย เชน่ การส่อื สาร ผลงานเหล่าน้ีถา้ ได้รับการเกบ็ รวบรวมอย่าง
มีระบบด้วยตัวผู้เรียนเองตามช่วงเวลา ทั้งก่อนและหลังทำกิจกรรมเหล่านี้ โดยได้รับคำแนะนำจากครูผู้สอน
และผู้เรียนฝึกทำจนเคยชินแล้ว จะถือเป็นผลงานที่สำคัญยิ่งที่ใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ในกลุ่ม
วิทยาศาสตรข์ องผูเ้ รียนต่อไป

สื่อการเรยี นรู้

1. บทบาทสำคัญของสือ่ ตอ่ การเรียนรู้
การจัดการเรียนการสอนตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เน้นให้เกิดการเรียนรู้ได้
ทุกเวลา ทุกสถานที่และต้องจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนตลอดเวลา สื่อการเรียนการสอนจึงมีบทบาท
สำคัญยงิ่ อีกประการหน่ึงต่อการจัดการเรียนการสอนให้ผเู้ รียนเกิดการเรยี นรโู้ ดยเน้นให้ใช้จากส่ือใกล้ตัวท่ีมีอยู่
ในท้องถิ่นเป็นสำคัญ และสังคมโลกปัจจุบันเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ที่โลกไร้พรมแดน การใช้สื่อประเภท
เทคโนโลยสี ารสนเทศจึงมบี ทบาทขน้ึ ด้วย
2. ประเภทของสอื่ การเรียนการสอน
สื่อการเรียนการสอนมีความหลากหลายประเภท ทั้งที่เป็นสือ่ ของจริง สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์
และสื่อมัลติมีเดีย สื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพจะช่วยส่งเสริมกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ ติดตาม
บทเรียนและสร้างความรู้ความเข้าใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยที สี่ ำคัญ ประกอบด้วย
1. อปุ กรณ์การทดลอง ซงึ่ มที ้ังอปุ กรณ์วทิ ยาศาสตร์พื้นฐาน เชน่ กลอ้ งจลุ ทรรศน์
เครอื่ งชงั่ มลั ตมิ ิเตอร์ เครื่องแก้วและอปุ กรณ์เฉพาะที่ใชป้ ระกอบการทดลองบางการทดลอง

 หลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทร์สธุ าอุทิศ 

142

2. สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ หนังสือเรียน หนังสืออ่านประกอบ แผ่นภาพ แผนภาพ โปสเตอร์ วารสาร
จุลสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ สิ่งเหล่านี้จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจทั้งที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีทัง้ ทางตรงและทางอ้อม

3. ส่ือโสตทศั นปู กรณ์ ได้แก่ แผ่นภาพโปรง่ ใส วดี ที ศั น์ สไลด์ เทป
4. สอื่ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ไดแ้ ก่ สื่อประเภท CAI CD- ROM โครงขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต รวมทง้ั อุปกรณ์ทดลอง
ท่ีใชร้ ว่ มกบั เครื่องคอมพวิ เตอร์
5. สารเคมีและวสั ดสุ ้ินเปลอื ง
6. อุปกรณข์ องจรงิ ไดแ้ ก่ ตวั อย่างสงิ่ มีชวี ติ ตวั อย่างหิน แรแ่ ละสภาพแวดลอ้ มตามธรรมชาติ
เนือ่ งจากมีสือ่ อยู่หลากหลายดงั ได้กลา่ วแลว้ ครูผสู้ อนจำเปน็ ตอ้ งมีความร้แู ละสามารถในการวิเคราะห์
วนิ จิ ฉยั และตัดสนิ ใจเลอื กใช้สอ่ื ได้อย่างเหมาะสม คุ้มคา่ และประหยดั ทัง้ นค้ี รูผสู้ อนอาจจัดทำหรือจัดหาวัสดุ
ทดแทนในท้องถิ่นเพื่อใช้แทนสื่อราคาแพง หรือใช้สื่อเพื่อช่วยประหยัดเวลาในการศึกษา หรือใช้สื่อแทน
กจิ กรรมการเรียนการสอนท่อี าจเกิดอันตราย เช่น การทดลองท่ีมกี ารระเบิดอยา่ งรุนแรง
3. การพฒั นาสื่อการเรียนรู้
หน้าที่หลักประการหนึ่งของครูผู้สอน คือ การพัฒนาและการใช้สื่อการเรียนการสอน ซึ่งจะต้อง
วางแผนจัดทำและจัดหาสื่อพร้อม ๆ กับการเตรียมแผนการเรียนรู้ แนวทางในการพัฒนาสื่อควรคำนึงถึงส่ิ ง
ตอ่ ไปนี้
1. วิเคราะหเ์ น้อื หาและกิจกรรมภายใต้กรอบมาตรฐานการเรียนร้แู ละสาระการเรียนรู้
2. วิเคราะห์กิจกรรมการเรยี นรู้ว่าแต่ละกิจกรรมควรใชส้ ่อื ประกอบหรอื ไม่ และ
ควรเปน็ สือ่ ประเภทใด ถ้าเป็นไปไดต้ ้องใหใ้ ช้ส่ือทีเ่ ปน็ ของจริงหรือมีอยตู่ ามธรรมชาตใิ ห้มากทสี่ ุด
3. เมื่อเลือกชนิดของสื่อที่จะใช้แล้ว ก็พิจารณาคุณภาพของสื่อที่จะนำมาใช้เพื่อให้สื่อนั้นทำหน้าที่ได้
อย่างคุ้มค่า กล่าวคือ เป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนักเรียน สอนให้เข้าในเนื้อหาที่จะเรียนได้อย่างถูกต้อง
และรวดเรว็ ถ้าเปน็ อปุ กรณ์การทดลองกต็ ้องตรวจสอบวา่ อุปกรณด์ ังกลา่ วทำงานไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์
4. ในกรณขี องสื่อประเภทเอกสาร อาจพฒั นาในรปู ของชุดกจิ กรรม โดย

- กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ของการเรียนรูใ้ ห้ครอบคลมุ ท้งั ดา้ นความรู้ ทกั ษะ
กระบวนการเจตคติ ค่านิยมและคณุ ธรรม ท้ังนีภ้ ายใต้กรอบมาตรฐานทีก่ ำหนดไว้

- ออกแบบกจิ กรรม โดยศกึ ษาค้นคว้าจากแหลง่ ต่าง ๆ ทง้ั เอกสารภายในประเทศ
และต่างประเทศ ( ถ้ามี) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนากิจกรรม โดยต้องคำนึงสิ่งสำคัญ คือ นักเรียนต้องเปน็
ผลู้ งมือปฏบิ ตั ิเอง หรือเปน็ กจิ กรรมที่สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ ผู้เรยี นสำคัญท่สี ดุ

- การสอนท่เี ปน็ เนอื้ หาสาระ ครูจะต้องศึกษาคน้ ควา้ จากส่ืออนื่ ๆ โดยไม่ยดึ ตำรา
หรือหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งเพียงเล่มเดียว แล้วแนะนำให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าบันทึกสรุป หรือในกรณีท่ี
นกั เรยี นมีความพร้อมกอ็ าจแนะนำให้ค้นหาทางอินเทอรเ์ นต็

- กจิ กรรมตา่ ง ๆ ทน่ี ักเรียนต้องปฏิบัติ ควรออกแบบเปน็ กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้
นักเรียนมอี สิ ระในการคดิ แกป้ ญั หา หรือคดิ พฒั นาชนิ้ งานหรอื ผลติ ภณั ฑ์ตา่ ง ๆ ดว้ ยความคิดของนกั เรียนเอง

- การออกแบบกิจกรรม ตอ้ งคำนงึ ถงึ การให้นักเรยี นทำงานรว่ มกันเปน็ กลุ่มแบบ

 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ 

143

Cooperative อย่างแท้จรงิ กลา่ วคือ ทุกคนมีบทบาทสำคัญเท่าเทยี มกนั ในกลุ่มและต้องเป็นกิจกรรมที่นักเรียน
ทุกคนในกลุ่มได้แสดงออกถึงความสามารถตนเองอย่างเต็มที่ ไม่ให้คนใดคนหนึ่งมีอิทธิพลต่อกลุ่มหรือไม่
ร่วมมือกบั กล่มุ

- กิจกรรมการเรียน ควรบรู ณาการวชิ าอน่ื ๆ ด้วย เช่น ภาษา ศลิ ปะ สังคม และอน่ื ๆ
5. ในกรณขี องอุปกรณต์ า่ ง ๆ ท่ีใช้ประกอบการทำกจิ กรรมซ่ึงไมใ่ ช่เป็นอปุ กรณ์
สำเร็จรูป แต่จำเป็นต้องพัฒนาขึ้นใช้เอง ก็ควรขอความร่วมมือกับครูฝ่ายอื่น ๆ โดยเฉพาะครูช่าง เพื่อช่วยใน
การพัฒนาอุปกรณ์ได้สำเร็จตามต้องการ หรืออาจให้นักเรียนได้มีส่วนช่วยกันสร้างอุปกรณ์ด้วยก็จะเป็นการ
ดมี าก ทัง้ น้คี วรเลอื กใช้วัสดุทหี่ าง่ายในท้องถ่ิน ราคาไม่แพง
6. ควรมกี ารร่วมมือกันเปน็ เครอื ขา่ ยระหว่างครูในท้องถ่ิน เพ่ือแลกเปลยี่ นส่ือการ
เรยี นการสอนกนั กจ็ ะเป็นการประหยัดเวลาและใชท้ รัพยากรอยา่ งคุ้มค่า
7. ควรสำรวจแหล่งสื่อในท้องถิ่นอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นแหล่งอุปกรณ์วิทยาศาสตร์
อาจเป็นร้านของเล่นในตลาดหรือในห้างสรรพสินค้าก็ได้ ถ้าครูสามารถพิจารณา วิเคราะห์และเลือกใช้อย่าง
เหมาะสม ก็จะเกดิ คุณคา่ ต่อการเรียนรู้ได้
8. การพัฒนาหรือการใช้สื่อการเรียนรู้ จะตอ้ งวเิ คราะห์ไปกับการประเมินผลการใชง้ าน เพอ่ื นำมาเป็น
ขอ้ มลู ในการแกไ้ ขปรบั ปรุงหรอื เปลีย่ นไปใช้สอื่ ประเภทอ่ืนแทน

แหลง่ การเรยี นรู้

การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ต้องส่งเสริมและสนับสนุนผู้เรียนให้สามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลา
ทุกสถานที่ และเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชวี ิตจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย แหล่งเรียนรูส้ ำหรับวิชาวิทยาศาสตร์
ไมไ่ ด้จำกัดอยู่เฉพาะในห้องเรียน ห้องปฏบิ ตั ิการวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน หรือจากหนังสือเรียนเท่าน้ัน แต่จะ
รวมถึงแหล่งเรียนรูห้ ลากหลาย ทง้ั ในโรงเรียนและนอกโรงเรียน ดังนี้

- สือ่ สงิ่ พิมพ์ เชน่ หนงั สือเรียน หนงั สอื อา้ งอิง หนังสอื อ่านประกอบ หนังสือพิมพ์ วารสาร ฯลฯ
- สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ มัลติมีเดีย CAI วีดิทัศน์ และรายการวิทยาศาสตร์ที่ผ่านสื่อวิทยุโทรทัศน์
CD- ROM อนิ เทอร์เน็ต
- แหล่งเรียนรู้ในโรงเรียน เช่น ห้องกิจกรรมวิทยาศาสตร์ สวนพฤกษศาสตร์ สวนธรณีในโรงเรียน
หอ้ งสมดุ
- แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น เช่น อุทยานแห่งชาติ สวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
โรงงานอุตสาหกรรม หนว่ ยงานวิจยั ในท้องถน่ิ
- แหลง่ เรยี นร้ทู ีเ่ ป็นบุคคล เชน่ ปราชญท์ อ้ งถิ่น ผูน้ ำชุมชน ครู อาจารยน์ ักวิทยาศาสตร์ นกั วิจัย
ทั้งนี้ ในการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ครูผู้สอนควรจะพิจารณาใช้แหล่งเรียนรู้ต่างๆ ให้
สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่ผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาทั้งด้าน
ความรู้ ความคิด ทักษะ กระบวนการ เจตคติ คุณธรรมและค่านิยม จากแหล่งเรียนรู้เหล่านั้น อันจะส่งผลให้
ผู้เรยี นได้รบั การพฒั นาเต็มตามศกั ยภาพ

 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ศิ 

144

เกณฑ์การจบการศึกษา

หลักสูตรโรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอุทิศ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง
พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดเกณฑ์สำหรับการจบ
การศกึ ษา ดงั น้ี

เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา
1. ผเู้ รียนเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน จำนวน 840 ชั่วโมง และรายวชิ าเพมิ่ เติมจำนวน 40 ชัว่ โมง และมี

ผลการประเมินรายวิชาพนื้ ฐานผ่านทกุ รายวิชา
2. ผเู้ รยี นตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป
3. ผเู้ รียนมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั “ผา่ น” ข้ึนไป
4. ผู้เรียนตอ้ งเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนและไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรยี น “ผ่าน” ทกุ กิจกรรม

การจัดการเรยี นรู้

การจดั การเรยี นรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
เป็นเป้าหมายสำหรบั พัฒนาเดก็ และเยาวชน

ในการพัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลกั สูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้
จัดการเรียนรู้โดยช่วยให้ผเู้ รยี นเรียนรู้ผา่ นสาระที่กำหนดไว้ในหลักสูตร 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝัง
เสรมิ สร้างคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พฒั นาทักษะต่างๆ อันเปน็ สมรรถนะสำคญั ใหผ้ ูเ้ รยี นบรรลตุ ามเป้าหมาย

1. หลักการจัดการเรียนรู้

การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี
ความสำคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน
กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึง
ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและพัฒนาการทางสมองเนน้ ให้ความสำคญั ทงั้ ความรู้ และคณุ ธรรม

2. กระบวนการเรยี นรู้
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย
เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม
กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ
ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง
กระบวนการพัฒนาลักษณะนสิ ยั

 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทิศ 

145

กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ
สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจำเป็นต้องศึกษาทำ
ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่าง มี
ประสิทธิภาพ

3. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของ
ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ
จดั การเรยี นรู้โดยเลือกใชว้ ธิ ีสอนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผล เพือ่ ให้ผู้เรียนได้
พัฒนาเต็มตามศกั ยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายท่ีกำหนด
4. บทบาทของผ้สู อนและผ้เู รียน
การจดั การเรียนรู้เพอื่ ให้ผูเ้ รียนมีคุณภาพตามเปา้ หมายของหลักสตู ร ทง้ั ผู้สอนและผ้เู รยี นควรมีบทบาท
ดงั น้ี

4.1 บทบาทของผู้สอน
1) ศึกษาวเิ คราะห์ผ้เู รียนเป็นรายบุคคล แลว้ นำข้อมลู มาใชใ้ นการวางแผนการจัดการเรียนรู้

ท่ที า้ ทความสามารถของผู้เรยี น
2) กำหนดเปา้ หมายที่ต้องการใหเ้ กิดขน้ึ กับผเู้ รยี น ดา้ นความรแู้ ละทักษะกระบวนการ ท่ีเป็น

ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพนั ธ์ รวมท้ังคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
3) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ

พัฒนาการทางสมอง เพ่อื นำผู้เรยี นไปสู่เปา้ หมาย
4) จัดบรรยากาศทเ่ี อื้อต่อการเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลือผู้เรยี นให้เกิดการเรียนรู้
5) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่

เหมาะสมมาประยกุ ตใ์ ช้ในการจัดการเรียนการสอน
6) ประเมนิ ความก้าวหน้าของผเู้ รยี นด้วยวิธีการทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวิชา

และระดบั พัฒนาการของผเู้ รยี น
7) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการ

จดั การเรียนการสอนของตนเอง
4.2 บทบาทของผู้เรียน
1) กำหนดเป้าหมาย วางแผน และรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง
2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหา

คำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ
3) ลงมือปฏิบตั จิ ริง สรุปสง่ิ ทไ่ี ด้เรยี นร้ดู ้วยตนเอง และนำความร้ไู ปประยกุ ตใ์ ช้ในสถานการณ์ต่างๆ
4) มีปฏสิ ัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมรว่ มกบั กลมุ่ และครู
5) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นร้ขู องตนเองอย่างตอ่ เน่อื ง

 หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ 

146

สอื่ การเรยี นรู้

สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้
ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี
หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถ่ิน
การเลอื กใช้สอ่ื ควรเลือกใหม้ คี วามเหมาะสมกบั ระดับพฒั นาการ และลีลาการเรยี นรทู้ หี่ ลากหลายของผู้เรียน

การจดั หาสือ่ การเรียนรู้ ผูเ้ รยี นและผ้สู อนสามารถจดั ทำและพัฒนาข้นึ เอง หรือปรับปรงุ เลอื กใช้อย่างมี
คุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้
ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอยา่ งพอเพียง เพ่ือพฒั นาให้ผเู้ รยี น เกิดการเรียนรอู้ ย่างแท้จริง
สถานศกึ ษา เขตพ้ืนที่การศึกษา หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้องและผมู้ หี นา้ ทจี่ ัดการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ควรดำเนินการดงั นี้

1. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์การเรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ท้องถน่ิ ชุมชน สังคมโลก

2. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมท้ัง
จัดหาสิง่ ท่ีมีอยู่ในทอ้ งถิ่นมาประยกุ ต์ใช้เป็นสือ่ การเรยี นรู้

3. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ
เรยี นรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผเู้ รยี น

4. ประเมินคุณภาพของสอ่ื การเรียนรู้ทเ่ี ลอื กใช้อย่างเปน็ ระบบ
5. ศึกษาค้นคว้า วจิ ยั เพื่อพัฒนาสอื่ การเรยี นรู้ให้สอดคล้องกบั กระบวนการเรยี นรขู้ องผู้เรียน
6. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อ
การเรยี นรู้เป็นระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึง
หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ
กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคง
ของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใชภ้ าษาท่ถี ูกตอ้ ง รปู แบบการนำเสนอทเี่ ขา้ ใจงา่ ย และนา่ สนใจ

การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมิน

เพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเร็จ
นั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน
สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรยี นซ่ึงเป็นเป้าหมายหลักในการวดั และประเมินผลการ
เรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและ

 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ศิ 

147

สารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์ตอ่ การสง่ เสริมใหผ้ ้เู รียนเกดิ การพฒั นาและเรยี นรอู้ ย่างเต็มตามศักยภาพ

การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ แบ่งออกเปน็ 4 ระดบั ไดแ้ ก่ ระดับชัน้ เรยี น ระดบั สถานศึกษา ระดบั
เขตพ้ืนที่การศึกษา และระดบั ชาติ มีรายละเอียด ดังน้ี

1. การประเมนิ ระดับช้ันเรยี น เป็นการวัดและประเมินผลท่ีอยูใ่ นกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น
การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม
งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน
ประเมนิ เพ่อื น ผปู้ กครองรว่ มประเมนิ ในกรณที ไี่ ม่ผ่านตวั ช้ีวดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสรมิ

การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้
อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะตอ้ งได้รับการพัฒนา
ปรับปรุงและส่งเสรมิ ในดา้ นใด นอกจากนี้ยังเปน็ ข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรงุ การเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งน้ี
โดยสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชว้ี ัด

2. การประเมินระดบั สถานศึกษา เป็นการประเมินที่สถานศึกษาดำเนินการเพ่ือตดั สนิ ผล การเรียน
ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์
และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของ
ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ
จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน ผปู้ กครองและชมุ ชน

3. การประเมนิ ระดับเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา เป็นการประเมนิ คณุ ภาพผู้เรยี นในระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพ
ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วยความ
ร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจาก
การประเมนิ ระดบั สถานศกึ ษาในเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา

4. การประเมินระดบั ชาติ เปน็ การประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาตติ ามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียน ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 เขา้ รับการประเมนิ ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ในการเทียบเคยี งคณุ ภาพการศึกษา
ในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุน
การตัดสินใจในระดบั นโยบายของประเทศ

 หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

148

ขอ้ มลู การประเมินในระดบั ต่างๆ ขา้ งต้น เปน็ ประโยชนต์ ่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา
คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข
ส่งเสริมสนับสนุนเพ่อื ใหผ้ ้เู รียนได้พัฒนาเตม็ ตามศกั ยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหวา่ งบุคคลทีจ่ ำแนกตาม
สภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่ม
ผ้เู รียนทม่ี ปี ัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพกิ ารทางร่างกายและสตปิ ัญญา เปน็ ต้น ขอ้ มลู จากการประเมิน
จงึ เป็นหวั ใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนไดท้ นั ทว่ งที ปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นไดร้ ับการพัฒนา
และประสบความสำเร็จในการเรียน

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบวา่ ด้วยการวัดและประเมินผลการ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน เพอื่ ใหบ้ ุคลากรท่เี ก่ียวขอ้ งทกุ ฝ่ายถือปฏบิ ตั ริ ว่ มกัน
เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรียน

1. การตดั สิน การให้ระดบั และการรายงานผลการเรียน
1.1 การตดั สนิ ผลการเรยี น
ในการตัดสนิ ผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การอา่ น คิดวิเคราะห์และเขียน

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนนั้น ผสู้ อนต้องคำนึงถึงการพฒั นาผู้เรียนแต่ละคนเปน็
หลัก และตอ้ งเก็บข้อมลู ของผู้เรียนทุกด้านอย่างสมำ่ เสมอและต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรียน รวมท้ังสอนซ่อมเสริม
ผเู้ รยี นให้พฒั นาจนเตม็ ตามศักยภาพ

ระดบั ประถมศกึ ษา
(1) ผูเ้ รยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนทงั้ หมด
(2) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ ทกุ ตวั ชว้ี ดั และผา่ นตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด
(3) ผเู้ รยี นต้องได้รบั การตดั สินผลการเรยี นทกุ รายวชิ า
(4) ผ้เู รียนตอ้ งได้รบั การประเมิน และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากำหนด
ในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น
การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า
สามารถพฒั นาและสอนซ่อมเสรมิ ได้ ใหอ้ ยใู่ นดุลพนิ ิจของสถานศึกษาทจ่ี ะผ่อนผนั ใหเ้ ลื่อนชั้นได้ แต่หากผู้เรียน
ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรยี นในระดับชั้นที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจตั้ง
คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็น
สำคญั
1.2 การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น
ระดับประถมศกึ ษา ในการตดั สินเพอ่ื ให้ระดับผลการเรยี นรายวิชา สถานศกึ ษาสามารถให้ระดับ
ผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ และ
ระบบท่ีใชค้ ำสำคญั สะท้อนมาตรฐาน

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ 

149

การตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา ให้ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติ

ของนกั เรยี น เปน็ ระบบตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรียนเปน็ 8 ระดับดงั น้ี

ระดับผลการเรยี น ความหมาย ชว่ งคะแนนร้อยละ

4 ผลการเรยี นดเี ยีย่ ม 80 – 100

3.5 ผลการเรยี นดีมาก 75 – 79

3 ผลการเรยี นดี 70 – 74

2.5 ผลการเรียนคอ่ นข้างดี 65 – 69

2 ผลการเรียนนา่ พอใจ 60 – 64

1.5 ผลการเรียนพอใช้ 55 – 59

1 ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ขั้นตำ่ 50 – 54

0 ผลการเรยี นต่ำกวา่ เกณฑ์ 0 – 49

การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผล
การประเมินเปน็ ดีเย่ียม ดี และผา่ น

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และ
ไม่ผา่ น

1.3 การรายงานผลการเรยี น
การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสารใหผ้ ้ปู กครองและผ้เู รียนทราบความก้าวหนา้ ในการเรียนรู้

ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆ
หรืออย่างน้อยภาคเรยี นละ 1 คร้ัง

การรายงานผลการเรยี นสามารถรายงานเป็นระดบั คณุ ภาพการปฏบิ ตั ขิ องผเู้ รยี นที่สะทอ้ น
มาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้

2. เกณฑ์การจบการศึกษา
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน กำหนดเกณฑ์กลางสำหรบั การจบการศึกษาเป็น 1 ระดับ คือ
ระดับประถมศึกษา

2.1 เกณฑก์ ารจบระดับประถมศกึ ษา
(1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนที่

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐานกำหนด
(2) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษา

กำหนด
(3) ผ้เู รยี นมีผลการประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนในระดับผา่ นเกณฑ์การประเมนิ

ตามท่สี ถานศึกษากำหนด

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทิศ 

150

(4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศึกษากำหนด

(5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี
สถานศึกษากำหนด

สำหรับการจบการศึกษาสำหรบั กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้มี
ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย
ให้คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการวัดและประเมินผล
การเรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐานสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ

เอกสารหลกั ฐานการศึกษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง

กบั พฒั นาการของผูเ้ รียนในด้านตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ดงั นี้
1. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกำหนด
1.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ

ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารนี้
ใหผ้ ูเ้ รียนเปน็ รายบุคคล เมื่อผ้เู รยี นจบการศกึ ษาระดับประถมศกึ ษา (ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6)

1.2 แบบรายงานผู้สำเรจ็ การศกึ ษา เปน็ เอกสารอนุมตั ิการจบหลักสตู รโดยบันทกึ รายชื่อและ
ขอ้ มูลของผูจ้ บการศึกษาระดบั ประถมศึกษา (ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6)

2. เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาทสี่ ถานศกึ ษากำหนด
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ
ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง
ผลการเรยี น และ เอกสารอ่นื ๆ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้

การเทียบโอนผลการเรียน
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ

เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก
ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก
แหล่งการเรียนรูอ้ ื่นๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศึกษาโดย
ครอบครัว

การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก
ที่สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งนี้ ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องใน

 หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทศิ 

151

สถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย 1 ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รับผู้เรียนจากการเทียบโอนควรกำหนด
รายวชิ า/จำนวนหนว่ ยกติ ท่จี ะรับเทยี บโอนตามความเหมาะสม

การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดังน้ี
1. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ
ผู้เรียน
2. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรยี นโดยการทดสอบด้วยวธิ ีการตา่ งๆ ทั้งภาคความรู้และ
ภาคปฏบิ ตั ิ
3. พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบตั ใิ นสภาพจริง
การเทียบโอนผลการเรยี นให้เปน็ ไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏบิ ัติ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร

การบริหารจดั การหลักสตู ร
ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตร

นั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา
มีบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริม การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของ
สถานศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ท่ี
กำหนดไว้ในระดบั ชาติ

ระดบั ท้องถนิ่ ไดแ้ ก่ สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษา หนว่ ยงานต้นสังกัดอ่นื ๆ เปน็ หน่วยงานที่มีบทบาท
ในการขบั เคลือ่ นคุณภาพการจัดการศึกษา เปน็ ตวั กลางท่ีจะเชื่อมโยงหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานที่
กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของ
สถานศึกษา สง่ เสริมการใช้และพัฒนาหลกั สูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสำเรจ็ โดยมีภารกจิ สำคัญ
คอื กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น ในระดบั ท้องถ่ินโดยพจิ ารณาให้สอดคล้องกับสิ่งที่
เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น
รวมทั้งเพิม่ พูนคุณภาพการใช้หลักสูตรดว้ ยการวจิ ัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตาม
ผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผลคุณภาพของผเู้ รยี น

สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร
การเพมิ่ พนู คุณภาพการใช้หลกั สูตรด้วยการวจิ ัยและพฒั นา การปรบั ปรุงและพฒั นาหลักสตู รจดั ทำระเบียบการ
วัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้
จัดทำเพ่มิ เติม รวมทั้ง สถานศกึ ษาสามารถเพ่ิมเติมในส่วนท่ีเกี่ยวกบั สภาพปัญหาในชมุ ชนและสังคม ภูมิปัญญา
ทอ้ งถนิ่ และความตอ้ งการของผเู้ รยี น โดยทกุ ภาคสว่ นเข้ามามสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา

 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแก้วอินทรส์ ธุ าอุทิศ 

152

อภธิ านศัพท์

ศัพทท์ ่เี กี่ยวข้องกบั ตวั ชี้วดั กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

ท่ี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความหมาย

1 กำหนดปญั หา define problem ระบคุ ำถาม ประเดน็ หรือ สถานการณท์ ่ีเปน็ ขอ้ สงสัย

เพ่อื นำไปส่กู ารแกป้ ญั หาหรอื อภปิ รายร่วมกัน

2 แกป้ ัญหา solve problem หาคำตอบของปัญหาที่ยังไม่รู้ วิธีการมาก่อน

ทั้งปัญหาท่ี เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ โดยตรงและ

ปัญหาในชีวิต ประจำวันโดยใช้เทคนิคและ วิธีการ

ต่างๆ

3 เขียนแผนผัง/วาด construct diagram/ นำเสนอข้อมูลหรือผลการสำรวจ ตรวจสอบด้วย

ภาพ illustrate แผนผงั กราฟ หรอื ภาพวาด

4 คาดคะเน predict คาดการณ์ผลท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต โดยอาศัยข้อมูล

ที่สงั เกตได้ และประสบการณ์ทีม่ ี

5 คำนวณ calculate หาผลลัพธ์จากข้อมูล โดยใช้ หลักการ ทฤษฎีหรือ

วธิ กี ารทาง คณิตศาสตร์

6 จำแนก classify จัดกลุ่มของสิ่งตา่ งๆ โดยอาศัย ลักษณะที่เหมือนกัน

เป็นเกณฑ์

7 ตง้ั คำถาม ask question พูดหรือเขียนประโยค หรือวลี เพื่อให้ได้มาซึ่งการ

คน้ หา คำตอบทต่ี ้องการ

8 ทดลอง conduct/experiment ปฏิบัติการเพื่อหาคำตอบ ของคำถาม หรือปัญหาใน

การ ทดลอง โดยตั้งสมมติฐานเพื่อ เป็นแนวทางใน

การกำหนด ตัวแปรและวางแผนดำเนินการ เพ่ือ

ตรวจสอบสมมตฐิ าน

9 นำเสนอ present แสดงขอ้ มลู เรอ่ื งราว หรือ ความคิด เพ่อื ใหผ้ อู้ ื่นรับรู้

หรือพิจารณา

10 บรรยาย describe ให้รายละเอียดของเหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์ท่ี

เกิดข้ึนให้ ผูอ้ ืน่ ได้รบั ร้ดู ว้ ยการบอก หรือเขียน

11 บอก Tell ให้ขอ้ มูล ขอ้ เทจ็ จริง แกผ่ ู้อื่น ด้วยการพดู หรอื เขียน

12 บนั ทกึ Record เขยี นข้อมลู ทีไ่ ดจ้ ากการสงั เกต เพ่ือชว่ ยจำ หรอื เพือ่

เป็นหลกั ฐาน

 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทร์สธุ าอทุ ิศ 

153

ที่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ความหมาย
13 เปรียบเทยี บ
14 แปลความหมาย Compare บอกความเหมือน และ/หรือ ความแตกต่าง ของส่งิ ท่ี
15 ยกตวั อยา่ ง
16 ระบุ เทยี บเคียงกนั
17 เลือกใช้
18 วดั Interpret แสดงความหมายของข้อมลู จากหลักฐานท่ีปรากฏ เพอื่ ลง
19 วิเคราะห์
20 สรา้ งแบบจำลอง ข้อสรปุ

21 สังเกต give examples ให้ขอ้ มูลเหตกุ ารณห์ รือสถานการณ์ เพื่อแสดงความเข้าใจใน
22 สำรวจ
23 สบื คน้ ขอ้ มลู ส่งิ ท่ีได้ เรียนรู้
24 สอื่ สาร
25 อธิบาย identify ชบ้ี อกสิ่งตา่ งๆ โดยใชข้ ้อมลู ประกอบอยา่ งเพยี งพอ
26 อภิปราย
select พิจารณา และตดั สนิ ใจนำวสั ดุ สิ่งของ อปุ กรณห์ รอื วิธีการ มา
27 ออกแบบการ
ทดลอง ใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสม

measure หาขนาด หรือปริมาณของสิ่งต่างๆ โดยใช้เครื่องมือ ท่ี

เหมาะสม

analyze แยกแยะ จัดระบบ เปรียบเทียบ จัดลำดับ จัดจำแนก หรือ

เช่อื มโยงขอ้ มูล

construct model นำเสนอแนวคิด หรือเหตุการณ์ ในรูปของแผนภาพ ชิ้นงาน

สมการ ข้อความ คำพูดและ/หรือใช้แบบจำลองเพื่ออธิบาย

ความคิด วัตถุ หรือเหตกุ ารณต์ า่ งๆ

Observe หาข้อมูลด้วยการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหมาะสมตาม

ข้อเทจ็ จรงิ ทป่ี รากฏ โดยไม่ใช้ ประสบการณ์เดมิ ของผสู้ งั เกต

explore หาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ โดยใช้วีธีการและเทคนิคที่

เหมาะสม เพอื่ นำขอ้ มลู มาใช้ตามวัตถุประสงค์ทกี่ ำหนดไว้

search หาข้อมูล หรือขอ้ สนเทศที่มี ผู้รวบรวมไว้แล้วจากแหลง่ ต่างๆ

มาใชป้ ระโยชน์

communicate นำเสนอ และแลกเปลยี่ น ความคิด ข้อมลู หรอื ผลจากการ

สำรวจตรวจสอบ ด้วยวธิ ีทเ่ี หมาะสม

explain กลา่ วถงึ เรือ่ งราวต่างๆ อยา่ งมีเหตผุ ล และมีข้อมลู หรอื

ประจกั ษ์พยานอ้างองิ

discuss แสดงความคดิ เห็นต่อประเด็น หรือคำถามอยา่ งมเี หตุผล โดย

อาศยั ความรู้และประสบการณข์ องผอู้ ภปิ รายและข้อมูล

ประกอบ

design กำหนด และวางแผนวิธีการ ทดลองให้สอดคล้องกับ

experiment สมมตฐิ านและตวั แปรต่างๆ รวมทง้ั การบันทึกข้อมลู

 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแก้วอินทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

ศพั ทท์ เี่ ก่ียวข้องกับตัวช้ีวัดสาระเทคโนโลยี 154

ท่ี ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ความหมาย

1 การใชล้ ขิ สิทธ์ิของผ้อู ื่น fair use การนำสื่อ หรอื ขอ้ มูลที่เปน็ ลิขสทิ ธิข์ องผู้อ่นื ไปใช้
โดยชอบ ด้วยกฎหมาย ภายใต้เงื่อนไข บางประการ
โดยชอบธรรม เชน่ 1) นำไปใชใ้ นการศกึ ษา หรือ การคา้ 2) งานนัน้
เป็นงานวิชาการ หรือ บนั เทิง 3) คดั ลอกเพียงส่วน
2 การตรวจและแก้ไข debugging นอ้ ย หรือ คัดลอกจำนวนมาก 4) ทำใหเ้ จา้ ของเสีย
ขอ้ ผิดพลาด ผลประโยชน์ทางการเงนิ มากนอ้ ยเพียงใด
กระบวนการในการคน้ หา ขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม
3 การประมวลผลข้อมลู data processing เพ่ือแก้ไขใหท้ ำงานได้ถูกต้อง
การดำเนนิ การตา่ งๆ กับขอ้ มูล เพ่ือให้ไดผ้ ลลัพธท์ ่ีมี
4 การรวบรวมขอ้ มูล data collection ความหมาย และมปี ระโยชน์ต่อการนำ ไปใช้งานมาก
ย่ิงขึ้น
5 ขอ้ มลู ปฐมภูมิ primary data กระบวนการในการรวบรวม ขอ้ มูลท่ีเกีย่ วข้องจาก
แหลง่ ขอ้ มูลตา่ งๆ
6 เทคโนโลยี technology ข้อมูลทร่ี วบรวมโดยตรง จากแหลง่ ขอ้ มูลข้ันตน้ โดย
อาจใชว้ ธิ กี ารสังเกต การทดลอง การสำรวจ การ
7 แนวคดิ เชงิ คำนวณ computational สมั ภาษณ์
thinking ส่งิ ทีม่ นษุ ยส์ รา้ งหรือพัฒนาข้ึน ซึง่ อาจเป็นได้ทัง้
ชิ้นงาน หรอื วิธีการ เพือ่ ใชแ้ ก้ปัญหาสนองความ
8 แนวคิดเชงิ นามธรรม abstraction การ ต้องการ หรือเพ่ิมความสามารถในการทำงานของ
มนษุ ย์
กระบวนการในการแก้ปัญหา การคิดวเิ คราะห์อย่าง
มีเหตุผล เป็นขน้ั ตอน เพื่อหาวิธกี าร แก้ปญั หาใน
รูปแบบทสี่ ามารถนำไปประมวลผลได้
พจิ ารณารายละเอียดทส่ี ำคญั ของปัญหา แยกแยะ
สาระสำคญั ออกจากส่วนท่ีไม่สำคัญ

 หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทร์สธุ าอทุ ศิ 

155

ที่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ความหมาย
9 ระบบทางเทคโนโลยี technological กลมุ่ ของสว่ นต่าง ๆ ต้งั แต่ สองสว่ นข้ึนไป ประกอบ
system เข้า ด้วยกนั และทำงานร่วมกัน เพอ่ื ใหบ้ รรลุ
10 เหตุผลเชิงตรรกะ วัตถปุ ระสงค์ โดยในการทำงานของระบบ ทาง
11 เหตุผลวิบัติ logical reasoning เทคโนโลยีจะประกอบไปดว้ ย ตัวป้อน (input)
12 อัตลักษณ์ logical fallacy กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) ที่
13 อัลกอริทึม สัมพนั ธก์ นั นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยี อาจมี
14 แอปพลเิ คชนั Identity ขอ้ มูลย้อนกลับ (feedback) เพอื่ ใช้ปรับปรุง การ
ทำงานได้ตามวัตถปุ ระสงค์
algorithm การใชเ้ หตุผล กฎ กฎเกณฑ์ หรือเงอ่ื นไขท่เี ก่ยี วข้อง
เพือ่ แกป้ ัญหาไดค้ รอบคลุมทุกกรณี
software การใช้เหตุผลท่ีผดิ พลาดไม่อยู่บน พนื้ ฐานของความ
application จริง ไม่มีนำ้ หนัก สมเหตสุ มผลมาสนับสนุน หรือ ชนี้ ำ
ขอ้ สรุปทผี่ ดิ ใหด้ นู ่าเช่ือถือ
ลักษณะเฉพาะหรือข้อมูลสำคัญ ทบี่ ่งบอกถึงความเป็น
ตวั ตนของ บคุ คลหรือสง่ิ ใดส่ิงหนง่ึ เช่น ช่อื บัญชผี ใู้ ช้
ใบหน้า ลายน้วิ มอื
ขั้นตอนในการแกป้ ญั หาหรือ การทำงาน โดยมีลำดบั
ของ คำส่ังหรือวธิ กี ารทชี่ ดั เจน ทีค่ อมพวิ เตอรส์ ามารถ
ปฏบิ ัติ ตามได้
ซอฟต์แวร์ประยุกตท์ ที่ ำงาน บนคอมพวิ เตอรส์ มาร์ต
โฟน แท็บเลต็ หรืออุปกรณ์เทคโนโลยี อนื่ ๆ

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอทุ ศิ 

156

อา้ งอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลกั สตู รการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ:
โรงพิมพ์ครุ ุสภาลาดพร้าว.

สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2560). ตวั ชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551.

 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

157

ภาคผนวก

 หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

158

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

159

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

160

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

161

คณะทำงาน

ท่ปี รึกษา

1. นายสุนทร ประชารุง ผู้อำนวยการโรงเรยี นแก้วอินทรส์ ุธาอุทศิ
2. นางสาวสริ ินทร์ โกมลสุทธิ รองผู้อำนวยการโรงเรยี นแก้วอินทร์สุธาอุทิศ
3. นายววิ ัฒน์ บญุ เกษม ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน
4. นางสาวปยิ ะนุช จลุ พรหม ศึกษานเิ ทศก์ สพป.นนทบรุ ี เขต 2
5. นางสาวชตุ ิมา จติ รังษี หวั หน้างานหลักสูตรสถานศึกษา

คณะผู้จดั ทำหลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

1. นางสาวปรศิ นา อาจหาญ ครูโรงเรยี นแก้วอินทรส์ ุธาอุทิศ ประธานกรรมการ
รองประธาน
2. นางสาวจันทรเ์ พญ็ สังขอ์ ่มิ ครโู รงเรยี นแก้วอินทรส์ ธุ าอทุ ิศ กรรมการ
กรรมการ
3. นางสาวพมิ พ์ลตา ธนพงษไ์ พศาล ครโู รงเรียนแก้วอนิ ทร์สธุ าอุทิศ กรรมการ
กรรมการ
4. นางสาววรรณประภา หงษ์ประไพ ครูโรงเรียนแก้วอนิ ทร์สธุ าอุทิศ
กรรมการและเลขานุการ
5. นางสาวอรอนงค์ จมุ รมั ย์ ครูโรงเรียนแก้วอินทรส์ ุธาอทุ ิศ

6. นายเธียรสทิ ธิ์ เอ่ยี มแย้ม ครโู รงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ิศ

7. นางสาวอินทริ า จงจิตร ครโู รงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ

 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ 

162

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 


Click to View FlipBook Version