The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง 2560 (รร.แก้วอินทร์สุธาอุทิศ) ปี 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jummy.prisana, 2022-09-03 11:37:21

หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี 2565

หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับปรับปรุง 2560 (รร.แก้วอินทร์สุธาอุทิศ) ปี 2565

Keywords: หลักสูตร

รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชว้ี ัด - มนษุ ย์ควรเรยี นร
ว 3.2 ป.6/7 7. ตระหนักถงึ ผลกระทบของภยั ธรรมชำติ อย่างสม่ำเสมอ เต
และธรณพี บิ ตั ภิ ยั โดยนำเสนอแนวทางในการ ตามคำส่งั ของผ้ปู ก
ว 3.2 ป 6/8 เฝา้ ระวังและปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภยั จากภัย ธรรมชำตแิ ละธรณ
ว 3.2 ป.6/9 ธรรมชำตแิ ละธรณพี บิ ตั ภิ ัยท่ีอาจเกิดใน
ทอ้ งถิน่ - ปรากฏการณเ์ รอื
8. สรา้ งแบบจำลองท่ีอธิบายการเกิด บรรยากาศของโลก
ปรากฏการณเ์ รือนกระจกและผลของ กลบั ส่ผู ิวโลก ทำให
ปรากฏการณเ์ รือนกระจกต่อส่ิงมีชีวิต ดำรงชีวติ
9. ตระหนักถึงผลกระทบของปรากฏการณ์ - หากปรากฏการณ
เรือนกระจกโดยนำเสนอแนวทางการปฏิบัติ เปลีย่ นแปลงภูมิอา
ตนเพอื่ ลดกจิ กรรมท่กี ่อใหเ้ กิดแก๊สเรือน ก่อให้เกิดแก๊สเรือน
กระจก

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่ม

คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้า

เหมาะสมโดยคำนงึ ถึงผลกระทบต่อชีวิต สงั คม และสิง่ แวดล้อม

รหัสตัวช้ีวดั ตัวช้ีวดั

--

 หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศา

สาระการเรียนรู้แกนกลาง 92
รวู้ ธิ ปี ฏบิ ัติตนให้ปลอดภัย เชน่ ติดตามข่าวสาร สาระการเรยี นรู้ท้องถิน่
ตรียมถุงยงั ชีพ ให้พร้อมใช้ตลอดเวลา และปฏบิ ัติ
กครองและเจา้ หนา้ ทอ่ี ยา่ งเครง่ ครัดเม่ือเกิดภัยทาง -
ณพี ิบตั ิภยั

อนกระจกเกิดจากแก๊สเรือนกระจกในช้ัน
ก กักเก็บความรอ้ นแล้ว คายความรอ้ นบางสว่ น
หอ้ ากาศ บนโลกมอี ณุ หภมู ิเหมะสมต่อการ

ณ์เรือนกระจกรนุ แรงมากขึน้ จะมผี ลต่อการ
ากาศโลก มนุษย์ จงึ ควรร่วมกนั ลดกจิ กรรมท่ี
นกระจก

มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์
างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่าง

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ
- -

าสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ศิ 

สาระที่ 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวติ จร

ในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ร้เู ท่าทัน และมีจ

รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชีว้ ดั

ว 4.2 ป.6/1 1. ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการอธิบายและ - การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็น

ออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหาที่พบใน ประสิทธิภาพ

ชวี ติ ประจำวัน - การใช้เหตุผลเชงิ ตรรก

ทุกกรณีมาใช้พิจารณา ใ

- แนวคิดของการทำงาน

- กำรพิจารณากระบวน

เป็นวธิ กี ารที่จะชว่ ยให้ก

ประสทิ ธภิ าพ

- ตวั อยา่ งปญั หา เชน่ ก

เลข 1 – 1,000,000 โด

ในการเดนิ ทาง โดยคำน

ว 4.2 ป.6/2 2. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย - การออกแบบโปรแกรม

เพื่อแกป้ ญั หาในชวี ิตประจำวัน ตรวจหำ - การออกแบบและเขีย

ขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรมและแก้ไข ตรวจสอบเง่อื นไข – หา

เม่อื พบจดุ ทที่ ำใหผ้ ลลัพ

ถกู ต้อง

 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศา

93

ริงอยา่ งเป็นขัน้ ตอนและเปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร

จรยิ ธรรม

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ

นขนั้ ตอนจะช่วยให้แก้ปัญหาได้อยา่ งมี -

กะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือเง่ือนไขท่คี รอบคลมุ
ในการแกป้ ญั หา
นแบบวนซำ้ และเงอื่ นไข
นการทำงานทมี่ ีการทำงานแบบวนซำ้ หรือเงื่อนไข
การออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หาเปน็ ไปอยา่ งมี

การค้นหาเลขหน้าท่ตี ้องการให้เร็วทสี่ ุด, การทาย -
ดยตอบใหถ้ กู ภายใน 20 คำถาม, การคำนวณเวลา
นึงถึงระยะทาง เวลา จดุ หยดุ พัก
มสามารถทำได้โดยเขยี น เป็นข้อความ หรอื ผังงาน
ยนโปรแกรมที่มีการใช้ตวั แปร การวนซ้ำ การ
ากมีขอ้ ผดิ พลาดใหต้ รวจสอบการทำงาน ทลี ะคำสั่ง
พธ์ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขจนกว่าจะได้ผลลพั ธท์ ่ี

าสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ 

รหัสตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ดั - การฝกึ ตรวจหำข้อผดิ พ
ว 4.2 ป.6/3 การหาสาเหตขุ องปญั หา
ว 4.2 ป.6/4 3. ใชอ้ ินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมลู - ตัวอยา่ งปัญหา เชน่ โป
อย่างมีประสทิ ธภิ าพ - ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเ
- การคน้ หาอยา่ งมปี ระส
4. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศทำงาน ตอ้ งการในเวลาท่รี วดเร
รว่ มกนั อยา่ งปลอดภัย เขา้ ใจสิทธิและ ขอ้ มลู มีความสอดคล้อง
หน้าทขี่ องตน เคารพในสทิ ธิของผู้อนื่ - การใช้เทคนคิ การคน้ ห
แจง้ ผู้เก่ียวขอ้ งเม่ือพบขอ้ มลู หรอื บุคคลที่ รูปแบบของข้อมลู หรอื ช
ไม่เหมาะสม - การจัดลำดับผลลัพธ์จ
- การเรยี บเรยี ง สรปุ สำ
- อนั ตรายจากการใช้งา
การปอ้ งกัน
- วธิ ีกำหนดรหสั ผ่าน
- การกำหนดสทิ ธ์ิการใช
- แนวทางการตรวจสอบ
ซอฟตแ์ วร์ที่อย่บู นอนิ เท

 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศา

สาระการเรียนรู้แกนกลาง 94
พลาดจากโปรแกรมของผู้อนื่ จะช่วยพัฒนาทกั ษะ สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ
าไดด้ ียิ่งขึ้น
ปรแกรมเกม โปรแกรมหาคา่ ค.ร.น เกมฝกึ พมิ พ์ -
เขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch, logo
สิทธิภาพ เป็นการค้นหาข้อมูลท่ีไดต้ รงตามความ -
ร็วจากแหลง่ ขอ้ มลู ท่นี า่ เชอื่ ถือหลายแหลง่ และ
งกัน
หาข้นั สูง เชน่ การใช้ ตัวดำเนนิ การ การระบุ
ชนดิ ของไฟล์
จากกาค้นหาของโปรแกรมคน้ หา
ำระสำคญั (บรู ณาการกับวชิ าภาษาไทย)
านและอาชญากรรม ทางอินเทอรเ์ น็ต แนวทางใน

ชง้ าน (สทิ ธ์ิในการเข้าถงึ )
บและป้องกันมัลแวร์ – อันตรายจากการตดิ ต้ัง
ทอรเ์ น็ต

าสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทิศ 

95

ส่วนที่ 3
โครงสรา้ งหลักสตู รโรงเรียนแก้วอินทรส์ ธุ าอทุ ศิ

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ได้กำหนดโครงสร้างของหลกั สูตรสถานศึกษา
เพ่อื ใหผ้ ู้สอนและผูท้ เ่ี ก่ียวข้องในการจดั การเรียนรู้ตามหลกั สูตรของสถานศึกษามีแนวปฏบิ ัติ ดงั น้ี

ระดับการศึกษา
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)

ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 จัดการศึกษา ดังนี้
ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- 6) การศึกษาระดับนี้เป็นช่วงแรกของการศึกษา

ภาคบงั คับ มุง่ เน้นทกั ษะพน้ื ฐานด้านการอา่ น การเขียน การคิดคำนวณ ทกั ษะการคดิ พ้ืนฐาน การตดิ ต่อส่ือสาร
กระบวนการเรียนรู้ทางสังคม และพื้นฐานความเป็นมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างสมบูรณ์และสมดุล
ทั้งในด้านรา่ งกาย สติปญั ญา อารมณ์ สงั คม และวฒั นธรรม โดยเน้นจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ

การจัดเวลาเรียน
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้จัดเวลาเรียนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้
8 กลุ่ม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยจัดให้เหมาะสมตามบริบท จุดเน้นของโรงเรียนและสภาพของผู้เรียน
ดงั น้ี

1. ระดับชั้นประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 จัดเวลาเรียนเป็นรายปี โดยมีเวลาเรยี น
วันละ 6 ช่วั โมง

โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วยโครงสร้างเวลาเรียนและ
โครงสรา้ งหลักสูตรช้ันปี ดงั นี้

1. โครงสร้างเวลาเรียน เป็นโครงสร้างที่แสดงรายละเอียดในภาพรวม เวลาเรียนของแต่ละกลุ่ม
สาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระที่เป็นเวลาเรียนพื้นฐาน เวลาเรียนรายวิชาเพิ่มเติม และเวลาในการจัดกิจกรรม
พฒั นาผเู้ รยี นจำแนกแตล่ ะชั้นปี ในระดับประถมศกึ ษา ดังน้ี

 หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

96

โครงสร้างเวลาเรียนระดับประถมศึกษา

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ุธาอทุ ิศ (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กำหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรยี น ดังนี้

กลุม่ สาระการเรยี นร้/ู กจิ กรรม เวลาเรยี น
ระดบั ประถมศึกษา
 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 ป.6
ภาษาไทย
คณิตศาสตร์ 200 200 200 160 160 160
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 200 200 200 160 160 160
สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 80 80 80 120 120 120
ประวัติศาสตร์ 80 80 80 80 80 80
สุขศกึ ษาและพลศึกษา 40 40 40 40 40 40
ศลิ ปะ 20 20 20 80 80 80
การงานอาชีพ 40 40 40 80 80 80
ภาษาต่างประเทศ 20 20 20 40 40 40
รวมเวลาเรียน (พน้ื ฐาน) 160 160 160 80 80 80
840 840 840 840 840 840
 รายวชิ าเพิ่มเติม
ภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร 40 40 40 40 40 40
120 120 120 120 120 120
 กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น 40 40 40 40 40 40
 กิจกรรมแนะแนว
 กิจกรรมนักเรยี น 40 40 40 40 40 40
- ลูกเสือ-เนตรนารี 30 30 30 30 30 30
- ชมุ นุม 10 10 10 10 10 10
 กจิ กรรมเพื่อสังคมและ
1,000 ช่ัวโมง 1,000 ช่ัวโมง
สาธารณประโยชน์

รวมเวลาทั้งหมด

หมายเหตุ โรงเรียนอย่ใู นโครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ (10 โรงเรยี น)

 หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทศิ 

97

โครงสรา้ งหลกั สตู รชัน้ ปี เปน็ โครงสร้างที่แสดงรายละเอยี ดเวลาเรียนของรายวชิ าพื้นฐาน
โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศึกษา ระดับชั้นประถมศกึ ษา
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1

ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1

รายวชิ า / กิจกรรม เวลาเรียน
(ชม. / ป)ี
รหัสวชิ าพน้ื ฐาน รายวิชาพืน้ ฐาน
840
ท 11101 ภาษาไทย 200
200
ค 11101 คณติ ศาสตร์ 80
80
ว 11101 วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 40
40
ส 11101 สงั คมศึกษา 40
40
ส 11102 ประวัติศาสตร์ 120
40
พ 11101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 40
120
ศ 11101 ศลิ ปะ 40

ง 11101 การงานอาชพี 40
30
อ 11101 ภาษาอังกฤษ 10
1,000
รายวิชาเพิม่ เติม

อ 11201 ภาษาอังกฤษเพ่ือการสือ่ สาร

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น

▪ กจิ กรรมแนะแนว

▪ กิจกรรมนกั เรยี น

ลูกเสอื เนตรนารี

ชุมนุม

▪ กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรียนท้งั สิน้

 หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษา ระดับชัน้ ประถมศกึ ษา 98
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2
เวลาเรยี น
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2 (ชม. / ปี)

รายวิชา / กจิ กรรม 840
200
รหสั วชิ าพื้นฐาน รายวชิ าพ้นื ฐาน 200
80
ท 12101 ภาษาไทย 80
40
ค 12101 คณิตศาสตร์ 40
40
ว 12101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 40
120
ส 12101 สงั คมศึกษา 40
40
ส 12102 ประวตั ศิ าสตร์ 120
40
พ 12101 สุขศึกษาและพลศึกษา
40
ศ 12101 ศลิ ปะ 30
10
ง 12101 การงานอาชีพ 1,000

อ 12101 ภาษาอังกฤษ

รายวิชาเพ่ิมเติม

อ 12201 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร

กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น

▪ กิจกรรมแนะแนว

▪ กิจกรรมนักเรยี น

ลูกเสอื เนตรนารี

ชุมนมุ

▪ กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทงั้ ส้นิ

 หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแก้วอินทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษา ระดับชัน้ ประถมศกึ ษา 99
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3
เวลาเรยี น
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 (ชม. / ปี)

รายวิชา / กจิ กรรม 840
200
รหสั วชิ าพื้นฐาน รายวชิ าพ้นื ฐาน 200
80
ท 13101 ภาษาไทย 80
40
ค 13101 คณิตศาสตร์ 40
40
ว 13101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 40
120
ส 13101 สงั คมศึกษา 40
40
ส 13102 ประวตั ศิ าสตร์ 120
40
พ 13101 สุขศึกษาและพลศึกษา
40
ศ 13101 ศลิ ปะ 30
10
ง 13101 การงานอาชีพ 1,000

อ 13101 ภาษาอังกฤษ

รายวิชาเพ่ิมเติม

อ 13201 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร

กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น

▪ กิจกรรมแนะแนว

▪ กิจกรรมนักเรยี น

ลูกเสอื เนตรนารี

ชุมนมุ

▪ กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทงั้ ส้นิ

 หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแก้วอินทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษา ระดบั ชั้นประถมศึกษา 100
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4
เวลาเรยี น
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 (ชม. / ปี)

รายวิชา / กจิ กรรม 840
160
รหัสวชิ าพืน้ ฐาน รายวชิ าพืน้ ฐาน 160
120
ท 14101 ภาษาไทย 80
40
ค 14101 คณิตศาสตร์ 80
80
ว 14101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
80
ส 14101 สงั คมศึกษา 40
40
ส 14102 ประวตั ศิ าสตร์ 120
40
พ 14101 สขุ ศึกษาและพลศึกษา
40
ศ 14101 ศิลปะ 30
10
ง 14101 การงานอาชีพ 1,000

อ 14101 ภาษาองั กฤษ

รายวิชาเพม่ิ เติม

อ 14201 ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น

▪ กิจกรรมแนะแนว

▪ กิจกรรมนักเรยี น

ลูกเสือเนตรนารี

ชมุ นุม

▪ กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทัง้ สิ้น

 หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

โครงสร้างหลักสูตรสถานศกึ ษา ระดบั ชั้นประถมศึกษา 101
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 5
เวลาเรยี น
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 (ชม. / ปี)

รายวิชา / กิจกรรม 840
160
รหัสวชิ าพืน้ ฐาน รายวิชาพ้ืนฐาน 160
80
ท 15101 ภาษาไทย 80
40
ค 15101 คณิตศาสตร์ 80
80
ว 15101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
80
ส 15101 สงั คมศึกษา 40
40
ส 15102 ประวตั ศิ าสตร์ 120
40
พ 15101 สขุ ศึกษาและพลศึกษา
40
ศ 15101 ศิลปะ 30
10
ง 15101 การงานอาชีพ 1,000

อ 15101 ภาษาอังกฤษ

รายวิชาเพม่ิ เติม

อ 15201 ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น

▪ กิจกรรมแนะแนว

▪ กิจกรรมนักเรยี น

ลูกเสือเนตรนารี

ชมุ นุม

▪ กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณะประโยชน์

รวมเวลาเรยี นทัง้ สิ้น

 หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ิศ 

โครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษา ระดับชน้ั ประถมศึกษา 102
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6
เวลาเรยี น
ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 (ชม. / ปี)

รายวชิ า / กิจกรรม 840
160
รหสั วิชาพน้ื ฐาน รายวชิ าพน้ื ฐาน 160
80
ท 16101 ภาษาไทย 80
40
ค 16101 คณิตศาสตร์ 80
80
ว 16101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 80
80
ส 16101 สังคมศึกษา 40
40
ส 16102 ประวัติศาสตร์ 120
40
พ 16101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา
40
ศ 16101 ศิลปะ 30
10
ง 16101 การงานอาชีพ
40
อ 16101 ภาษาอังกฤษ 1,000

รายวชิ าเพม่ิ เติม

อ 16201 ภาษาอังกฤษเพื่อการสอ่ื สาร

กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น

▪ กจิ กรรมแนะแนว

▪ กิจกรรมนักเรียน

ลูกเสอื เนตรนารี

ชุมนมุ

▪ กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์

รายวชิ า/กิจกรรมทีส่ ถานศกึ ษาจัดเพ่ิมเติมตามนโยบายและจุดเน้น

▪ กจิ กรรมเพิ่มเตมิ ภาษาองั กฤษ

รวมเวลาเรยี นท้งั ส้นิ

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

103

ส่วนที่ 4
คำอธิบายรายวชิ า

ในสว่ นของการจดั ทำคำอธิบายรายวชิ าของหลักสตู รสถานศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นั้น
โรงเรียนแก้วอินทร์สุธาอุทิศ ได้ดำเนินการทุกรายวิชาของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยเขียนในลักษณะความ
เรียงระบุองค์ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามธรรมชาติของวิชาเป็นการเขียนใน
ภาพรวมที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนและสะท้อนตัวชี้วัดในรายวชิ าพื้นฐานหรือผลการเรียนรู้ในรายวิชาเพิ่มเตมิ
คำอธบิ ายรายวิชาจึงประกอบดว้ ยสว่ นประกอบดังตอ่ ไปนี้

- รหัสวชิ า
- ชอ่ื รายวิชา
- กลุ่มสาระการเรียนรู้
- ชั้นปี
- จำนวนเวลาเรยี น
นอกจากนั้น ในสว่ นที่ 4 น้ี ยังไดจ้ ดั ทำรายละเอยี ดของโครงสรา้ งรายวิชาพน้ื ฐานและ
รายวิชาเพิ่มเติมของแต่ละสาระการเรยี นรู้ไว้ด้วย ดงั นั้นในสว่ นน้ีจงึ ประกอบดว้ ย
1. โครงสร้างสรา้ งรายวิชาพ้ืนฐานและรายวชิ าเพิ่มเติม
2. คำอธบิ ายรายวิชา

 หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ 

104

โครงสร้างรายวชิ าพนื้ ฐานและเพม่ิ เติม
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
รายวชิ าตามโครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ุธาอุทิศ กลุม่ สาระการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ระดับประถมศกึ ษา

รายวิชาพน้ื ฐาน จำนวน 80 ชว่ั โมง
ว 11101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 80 ช่วั โมง
ว 12101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 80 ชั่วโมง
ว 13101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 120 ช่วั โมง
ว 14101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 120 ชว่ั โมง
ว 15101 วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 120 ชวั่ โมง
ว 16101 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

รายวชิ าเพ่ิมเติม
-

 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2565 โรงเรียนแก้วอินทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

105

คำอธิบายรายวิชา

รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 11101 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง

ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่างๆ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการ
ดำรงชีวิตในบริเวณทีพ่ ืชและสัตวอ์ าศัยอยู่ การร่วมกันดูแลรักษาสภาพแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่น รวมถึงลักษณะและ
หน้าที่ของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์ และพืชที่พบบริเวณโรงเรียน บริเวณชุมชนและบริเวณท้องถิ่น
ทำหนา้ ท่ีรว่ มกันของส่วนต่างๆของรา่ งกายมนุษย์ในการทำกจิ กรรมต่างๆ การดูแลส่วนตา่ งๆ ของร่างกายอย่าง
ถกู ต้อง ปลอดภยั และรักษาความสะอาดอยเู่ สมอ ชนดิ ละสมบัติของวัสดทุ ่ใี ชท้ ำวัตถรุ อบตัว การเกดิ เสียงและ
ทศิ ทางการเคลอื่ นทีข่ องเสยี ง ลกั ษณะภายนอกของหนิ ดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืน

ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกบั ผอู้ ื่นได้

ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชวี ิต มีจติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม คา่ นยิ มที่เหมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สรา้ งสรรคโ์ ดยใชว้ ธิ ีการของหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมเี จตคติท่ีดตี อ่ การเรียนวิทยาศาสตร์

รหัสตวั ชี้วดั
ว 1.1 ป.1/1 ป.1/2
ว 1.2 ป.1/1 ป.1/2
ว 2.1 ป.1/1 ป.1/2
ว 2.3 ป.1/1
ว 3.1 ป.1/1 ป.1/2
ว 3.2 ป.1/1

รวม 10 ตัวชวี้ ดั

 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ศิ 

106

คำอธิบายรายวชิ า

รายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ว 12101 กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 2 เวลา 60 ช่ัวโมง

ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับพืชต้องการแสงและน้ำเพื่อการเจริญเติบโต ความจำเป็นที่พืชต้องได้รับน้ำ
และแสงเพื่อการเจริญเติบโต โดยดูและพืชให้ได้รับสิ่งดังกล่าวอย่างเหมาะสม วัฏจักรชีวิตของพืชดอก
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต สมบัติการดูดซับน้ำของวัสดุ การนำสมบัติการดูดซับน้ำของวัสดุไป
ประยุกต์ใชใ้ นการทำวัตถุในชวี ติ ประจำวัน สมบัตทิ ีส่ งั เกตได้ของวสั ดุท่เี กิดจากการนำวัสดุมาผสมกัน สมบัติที่
สงั เกตไดข้ องวสั ดุ เพอ่ื นำมาเปน็ วตั ถใุ นการใชง้ านตามวตั ถปุ ระสงค์ การนำวัสดุท่ใี ช้แลว้ กลับมาใหม่ ประโยชน์
ของการนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ การนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ แนวการเคลื่อนที่ของแสงจาก
แหล่งกำเนิด การมองเห็นวัตถุ คุณค่าของความรู้ของการมองเห็นแนวทางการป้องกันอันตรายจากการมอง
วัตถุที่อยูใ่ นบริเวณที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสม ส่วนประกอบของดิน การจำแนกชนิดของดินโดยใช้ลักษณะเนื้อ
ดินและการจบั ตัวเปน็ เกณฑ์ การใชป้ ระโยชนจ์ ากดิน

ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพ้ืนฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกับผูอ้ ่ืนได้

ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชวี ติ มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม คา่ นิยมทเี่ หมาะสมในการใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สรา้ งสรรคโ์ ดยใช้วธิ ีการของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมีเจตคติท่ดี ีต่อการเรยี นวิทยาศาสตร์

รหสั ตัวชี้วัด
ว 1.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3
ว 1.3 ป.2/1
ว 2.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4
ว 2.3 ป.2/1 ป.2/2
ว 3.2 ป.2/1 ป.2/2

รวม 12 ตัวชี้วดั

 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ิศ 

107

คำอธบิ ายรายวชิ า

รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ว 13101 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 เวลา 60 ชว่ั โมง

ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และการเจริญเติบโตของมนุษย์และสัตว์ที่พบ
บริเวณโรงเรียน บริเวณชุมชนและบริเวณท้องถิ่น วัฏจักรชีวิตของสัตว์ วัตถุประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนย่อยซ่ึง
สามารถแยกออกจากกันและประกอบกันเป็นวัตถชุ ิน้ ใหม่ได้ การเปลยี่ นแปลงของวสั ดุเมอื่ ทำใหร้ ้อนขึ้นหรือทำ
ให้เย็นลง ผลของแรงท่มี ีต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนทีข่ องวตั ถุ แรงสมั ผัสและแรงไมส่ ัมผัส วัสดุที่แม่เหล็ก
ดงึ ดูดได้ ขั้วแมเ่ หล็ก การเปล่ียนพลังงานหนึ่งไปเป็นอีกพลังงานหน่ึง การทำงานของเครื่องกำเนดิ ไฟฟ้า แหล่ง
พลังงานในการผลิตไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยดั และปลอดภัย การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ การเกิด
กลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ และความสำคัญของดวงอาทิตย์ต่อสิ่งมีชีวิต ส่วนประกอบของอากาศและ
ความสำคัญของอากาศ ปัญหามลพิษทางอากาศในชุมชน ผลกระทบของมลพิษทางอากาศต่อสิ่งมีชีวิต การลด
การเกิดมลพษิ ทางอากาศ การเกดิ ลม ประโยชน์และโทษของลม

ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ได้

ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชวี ติ มจี ิตวิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม ค่านยิ มทีเ่ หมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สรา้ งสรรค์โดยใชว้ ิธกี ารของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง และมเี จตคติที่ดีต่อการเรียนวทิ ยาศาสตร์

รหัสตัวชีว้ ดั
ว 1.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4
ว 2.1 ป.3/1 ป.3/2
ว 2.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4
ว 2.3 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3
ว 3.1 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3
ว 3.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4

รวม 20 ตัวชี้วดั

 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอุทศิ 

108

คำอธบิ ายรายวิชา

รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 14101 กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 เวลา 80 ชว่ั โมง

ศึกษาและเรยี นรูเ้ ก่ียวกบั การจำแนกสง่ิ มชี วี ิตเปน็ กลุ่มพืช กล่มุ สตั ว์และกลุ่มไม่ใช่พืชและไม่ใชส่ ตั ว์
การจำแนกพชื ออกเปน็ พชื ดอกและพชื ไม่มดี อก การจำแนกสตั ว์ออกเป็นสตั วม์ ีกระดูกสันหลังและสตั วไ์ มม่ ี
กระดูกสันหลงั หนา้ ทข่ี องส่วนตา่ งๆของพืช สมบตั ทิ างกายภาพของวสั ดุ และการนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั
สมบตั ขิ องสสารท้งั 3 สถานะ ผลของแรงโนม้ ถ่วงของโลกทีม่ ีตอ่ วตั ถุ การวัดน้ำหนกั ของวตั ถุ มวลของวตั ถุทม่ี ี
ผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงการเคลือ่ นทีข่ องวตั ถุ ตัวกลางของแสง การขึ้นและตกของดวงจนั ทร์
การเปลีย่ นแปลงรูปร่างของดวงจนั ทร์ องคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะ และคาบการโคจรของดาวเคราะหต์ ่าง

ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกับผู้อน่ื ได้

ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชีวติ มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม ค่านยิ มทเ่ี หมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สร้างสรรค์โดยใชว้ ิธกี ารของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และมเี จตคตทิ ดี่ ตี อ่ การเรยี นวิทยาศาสตร์

รหัสตัวชี้วัด
ว 1.2 ป.4/1
ว 1.3 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4
ว 2.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4
ว 2.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3
ว 2.3 ป.4/1
ว 3.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3

รวม 16 ตัวชี้วดั

 หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

109

คำอธบิ ายรายวชิ า

รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 15101 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลา 80 ช่ัวโมง

ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมในแต่ละแหล่งที่อยู่
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต การถ่ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช สัตว์ และมนุษย์ การเปลี่ยนสถานะของสสาร การละลายของสารในน้ำ การ
เปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน การได้ยินเสียง
ผา่ นตัวกลาง ระดบั เสียง การหลกี เล่ยี งและลดมลพษิ ทางเสยี ง ความแตกตา่ งของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การ
ใช้แผนที่ดาว แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้าในรอบปี ปริมาณน้ำในแต่ละแหล่ง
การใช้น้ำอย่างประหยัดและการอนรุ ักษน์ ้ำ วัฎจักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง น้ำคา้ งแขง็ ฝน หิมะ
และลกู เหบ็

ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานรว่ มกบั ผู้อนื่ ได้

ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชวี ติ มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม คา่ นิยมทเ่ี หมาะสมในการใชว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สร้างสรรคโ์ ดยใช้วธิ กี ารของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง และมเี จตคติท่ดี ตี ่อการเรียนวิทยาศาสตร์

รหสั ตวั ช้ีวัด
ว 1.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4
ว 1.3 ป.5/1 ป.5/2
ว 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4
ว 2.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
ว 2.3 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5
ว 3.1 ป.5/1 ป.5/2
ว 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5

รวม 27 ตัวชี้วัด

 หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอทุ ศิ 

110

คำอธิบายรายวิชา

รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ว 16101 กลุม่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 80 ชวั่ โมง

ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับสารอาหาร และประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภท การเลือก
รับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพ ระบบย่อยอาหาร
และการดูดซมึ สารอาหาร การแยกสารผสมและวธิ แี กป้ ญั หาในชวี ติ ประจำวันเกี่ยวกบั การแยกสาร แรงไฟฟ้าซึ่ง
เกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถู การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรมและการนำไปใช้
ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน รวมถึงประโยชน์ ข้อจำกัด การ
ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำวัน การเกดิ เงามืดเงามัว ปรากฏการณ์สรุ ิยุปราคาและจนั ทรปุ ราคา เทคโนโลยีอวกาศ
กระบวนการเกิดหินอัคนี หินตะกอน และหินแปร วัฏจักรหิน การใช้ประโยชน์ของหินและแร่ การเกิดซากดึก
ดำบรรพ์และสภาพแวดล้อมในอดีตของซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม ผลของมรสุมต่อ
การเกิดฤดูกาลของประเทศไทย ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย การเกิดและ
ผลกระทบของปรากฏการณเ์ รือนกระจกตอ่ สิ่งมีชีวติ

ใช้กระบวนกลางทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
รวบรวมข้อมูล และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และมีทักษะความรู้ในศตวรรษที่ 21 สามารถสื่อสารสิ่งทีเ่ รียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์
และสามารถทำงานร่วมกบั ผูอ้ ืน่ ได้

ตระหนักถึงประโยชน์ของการนำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ดำรงชีวติ มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม คา่ นิยมที่เหมาะสมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่าง
สรา้ งสรรค์โดยใชว้ ธิ กี ารของหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และมีเจตคตทิ ี่ดีต่อการเรียนวทิ ยาศาสตร์

รหัสตัวชี้วดั
ว 1.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5
ว 2.1 ป.6/1
ว 2.2 ป.6/1
ว 2.3 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8
ว 3.1 ป.6/1 ป.6/2
ว 3.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8 ป.6/9

รวม 26 ตัวช้ีวดั

 หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ 

111

คำอธบิ ายรายวิชา

รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 11101 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลา 20 ชัว่ โมง

ศึกษาการแก้ปญั หาอย่างง่ายโดยใชข้ ัน้ ตอนการแก้ปญั หา การแสดงลำดบั ข้ันตอนการทำงาน หรอื การ
แก้ปัญหาโดยใช้ ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ ตลอดจนการเขียนโปรแกรมสร้างลำดับของคำสั่งให้
คอมพิวเตอร์ทำงาน ศึกษาการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีเบื้องต้น การใช้ซอฟต์แวร์เบื้องต้น การสร้างและ
จดั เก็บไฟล์อย่างเป็นระบบและการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย

โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้การคิดเชิงคำนวณและปัญหาเป็นฐาน (Problem – based
Learning) เพื่อเนน้ ใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรยี นรู้ จากการฝึกแกป้ ัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคดิ การปฏบิ ัติอย่างมี
ระบบ และสร้างองคค์ วามร้ใู หม่จากการใชป้ ญั หาท่ีเกิดข้นึ จรงิ ในชีวิตประจำวันได้

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในก าร
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยไี ปใช้ใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อสังคม และการดำรงชวี ิต จนสามารถพฒั นากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการจัดการทักษะในการส่ือสาร และความสามารถในการตดั สินใจ และเป็นผู้
ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์

รหัสตัวช้ีวดั
ว 4.2 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป.1/4 ป.1/5

รวม 5 ตัวชวี้ ดั

 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทิศ 

112

คำอธิบายรายวิชา

รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาการคำนวณ ว 12101 กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 เวลา 20 ชั่วโมง

ศึกษาการแสดงลำดับขัน้ ตอนการทำงานหรอื แก้ปญั หาอย่างง่าย โดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
ตลอดจนการเขียนโปรแกรมสร้างลำดับของคอมพิวเตอร์ทำงาน และตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม ศึกษา
การใช้งานซอฟต์แวร์เบื้องต้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้าง และจัดการกับข้อมูลอย่างเป็นระบบ
รวมถงึ การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั

โดยอาศยั กระบวนการเรียนรูโ้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem-Base Learning) เพื่อเนน้ ให้ผู้เรียนเกิด
การเรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ และสร้างองค์ความรู้ใหม่
จากการใชป้ ัญหาทเี่ กดิ ขนึ้ จริงในชวี ติ ประจำวนั ได้

เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเข้าใจ มีทกั ษะการคิดเชิงคำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิตจนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหา การจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มี
จติ วิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอยา่ งสร้างสรรค์

รหสั ตัวช้ีวดั
ว 4.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4

รวม 4 ตัวชีว้ ัด

 หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ 

113

คำอธบิ ายรายวิชา

รายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาการคำนวณ ว 13101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 เวลา 20 ช่วั โมง

ศึกษาเกี่ยวกับการใช้อัลกอริทึมในการแก้ปัญหา โดยมีการใช้แนวคิดเชิงคำนวณเข้ามาช่วยในการ
แก้ปัญหา ศึกษาการเขียนโปรแกรมอย่างง่าย การตรวจสอบข้อผิดพลาดของโปรแกรมซึง่ เรยี นรูไ้ ด้จากเว็บไซต์
Code.org ศึกษาการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การรวบรวม
ประมวลผล นำเสนอข้อมูล และศึกษาการใช้งานซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนางานให้มี
ประสิทธภิ าพ

โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–Based Learning) และวัฏจักรการ
เรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เพ่อื เน้นใหผ้ ้เู รยี นไดล้ งมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด
เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเอง
ผา่ นกระบวนการคดิ และปฏบิ ตั ิ โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และนำ
เทคโนโลยีใหม่ทเี่ กดิ ขนึ้ ไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชวี ติ จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและ
จินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการ
ตัดสินใจ และเปน็ ผู้ทีม่ ีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อย่างสรา้ งสรรค์

รหสั ตวั ชี้วดั
ว 4.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5

รวม 5 ตวั ชว้ี ดั

 หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อินทรส์ ธุ าอทุ ศิ 

114

คำอธบิ ายรายวิชา

รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลา 40 ชวั่ โมง

ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา มาใช้พิจารณาในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำงาน
หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์ ศึกษาการออกแบบโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ storyboard หรือ การออกแบบ
อัลกอริทึม การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟตแ์ วร์ Scratch หรือ logo ศึกษาการใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหา
ความรู้ การใช้คำค้นที่ตรงประเด็น กระชับ การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล ศึกษาการรวบรวมข้อมูล
การประมวลผลอย่างง่าย วิเคราะห์ผลและสร้างทางเลือกที่เป็นไปได้ ตลอดจนประเมินทางเลือก พร้อมทั้งการ
นำเสนอข้อมูลในรูปแบบตามความเหมาะสม ศึกษาการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าทีข่ องตน เคารพในสทิ ธิในสทิ ธิของผูอ้ ่นื

โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้การคิดเชิงคำนวณและปัญหาเป็นฐาน (Problem – based
Learning) เพือ่ เนน้ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผา่ นกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมี
ระบบ และสรา้ งองคค์ วามรู้ใหมจ่ ากการใชป้ ญั หาท่ีเกิดขน้ึ จรงิ ในชวี ิตประจำวนั ได้

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการตั้งคำถาม หรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้ หรือตาม
ความสนใจ คาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานท่ีสอดคล้องกับคำถาม วางแผนและสำรวจ
ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชิง
ปริมาณและคุณภาพ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้
เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้
เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถใน
การแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยา
ศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์

รหัสตัวช้ีวัด
ว 4.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5

รวม 5 ตวั ช้ีวดั

 หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอุทศิ 

115

คำอธิบายรายวิชา

รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาการคำนวณ ว 15101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 40 ชั่วโมง

ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหาอย่างง่าย
การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้เหตุผลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหาขอผิดพลาดและแก้ไข การใช้
อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล การรวบรวม
ประเมิน นำเสนอข้อมูล และสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตท่ี
หลากหลายเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิ
และหน้าท่ีของตนเอง เคารพในสิทธขิ องผ้อู ื่น และแจง้ ผูเ้ กยี่ วข้องเมอ่ื พบข้อมลู หรอื บุคคลที่ไม่เหมาะสม

โดยอาศยั กระบวนการเรียนรโู้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem-Base Learning) เพอ่ื เนน้ ให้ผู้เรียนเกิด
การเรียนรู้จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ และสร้างองค์ความรู้ใหม่
จากการใชป้ ญั หาทีเ่ กดิ ข้ึนจริงในชีวติ ประจำวนั ได้

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการตั้งคำถาม หรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้ หรือตาม
ความสนใจ คาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถาม วางแผนและสำรวจ
ตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งเชิง
ปริมาณและคุณภาพ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูล ให้
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา ตลอดจนนำความรคู้ วามเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิด
ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการ
แก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มี
คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใช้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์

รหัสตัวชวี้ ดั
ว 4.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5

รวม 5 ตัวชว้ี ัด

 หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ 

116

คำอธบิ ายรายวิชา

รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 16101 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 40 ชว่ั โมง

ศึกษาเกีย่ วกับการออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ยโดยใชโ้ ปรแกรม Scratch ศกึ ษาการแกป้ ัญหา
โดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การใช้งานอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ต การประเมินความ
น่าเชอ่ื ถอื ศึกษาการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภยั ในการใช้งานเทคโนโลยี

โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน ( Problem – based Learning) และวัฏจกั รการเรียนรู้
แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญ
สถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเองผ่าน
กระบวนการคิดและปฏบิ ัติ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ
แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำ
เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิด
และจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการ
ตัดสนิ ใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อย่างสร้างสรรค์

รหัสตวั ช้วี ดั
ว 4.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4

รวม 4 ตวั ช้ีวัด

 หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

117

สว่ นที่ 5
โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้

ในการจัดทำหลักสูตรรายวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆนั้น องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้
ครูผูส้ อนสามารถนำหลกั สูตรไปใช้ไดอ้ ย่างมคี ุณภาพและประสบความสำเร็จคือ การจัดหนว่ ยการเรยี นรูใ้ นส่วน
ของหลักสูตรรายสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นี้ ได้จัดทำหน่วยการเรียนสำหรับระดับประถมศึกษาปีที่ 1
ตลอดปีการศกึ ษา ซ่งึ มรี ายละเอยี ดทีส่ ำคัญ คอื

1. ชื่อหน่วยการเรียนรู้
2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด
3. เวลาเรียน
4. ค่านำ้ หนักคะแนน

 หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

118

โครงสร้างรายวิชา

รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ว 11101 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 60 ช่ัวโมง

ลำดับที่ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ัด เวลา น้ำหนัก
(ช่วั โมง) คะแนน
1 ส่งิ แวดล้อมรอบตัว ว 1.1 ป.1/1, ป.1/2
45
2 พชื ในสวน ว 1.2 ป.1/1 55
10 10
3 สำรวจสัตว์รอบตวั ว 1.2 ป.1/1 10 10
1 20
4 ตัวเรานา่ รู้ ว 1.2 ป.1/1, ป.1/2 10 10

สอบปลายภาคเรยี นท่ี 1 11 10
45
5 ของเล่นแสนสนกุ และ ว 2.1 ป.1/1, ป.1/2 45
1 20
ของใช้ใกล้ตวั 60 100

6 เสยี งในชีวิตประจำวัน ว 2.3 ป.1/1

7 หินบนผิวโลก ว 3.2 ป.1/1

8 ท่องไปในท้องฟ้า ว 3.1 ป.1/1, ป.1/2

สอบปลายภาคเรียนท่ี 2

รวมท้ังสิน้ ตลอดปีการศกึ ษา

 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทรส์ ธุ าอทุ ศิ 

119

โครงสร้างรายวิชา

รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ว 12101 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 เวลา 60 ชวั่ โมง

ลำดบั ที่ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวัด เวลา น้ำหนกั
(ช่วั โมง) คะแนน
1 วัสดุรอบตวั ว 2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4
17 20
2 ลักษณะของแสง ว 2.3 ป.2/1, ป.2/2 12 10
1 20
สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 15 15

3 สง่ิ มีชวี ิตรอบตวั ว 1.2 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3 14 15
1 20
ว 1.3 ป.2/1 60 100

4 ดนิ ในทอ้ งถน่ิ ว 2.3 ป.2/1, ป.2/2

สอบปลายภาคเรยี นท่ี 2

รวมท้ังส้ินตลอดปกี ารศกึ ษา

 หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

120

โครงสรา้ งรายวชิ า

รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 13101 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 เวลา 60 ชัว่ โมง

ลำดบั ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ัด เวลา นำ้ หนัก
(ช่ัวโมง) คะแนน
1 เรียนรู้วิทยาศาสตร์ -
25
2 ชวี ติ มนษุ ย์และสตั ว์ ว 1.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 12 10
65
3 วสั ดมุ หศั จรรย์ ว 2.1 ป.3/1, ป.3/2 9 10
1 20
4 แรงแสนสนุก ว 2.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4 8 10
13 15
สอบปลายภาคเรียนที่ 1 85
1 20
5 สนกุ กับพลงั งาน ว 2.3 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3 60 100

6 อากาศรอบตวั ว 3.2 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, ป.3/4

7 ปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์ ว 3.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3

สอบปลายภาคเรยี นที่ 2

รวมทั้งสิน้ ตลอดปกี ารศึกษา

 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแก้วอินทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

121

โครงสร้างรายวิชา

รายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ว 14101 กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 80 ชั่วโมง

ลำดบั ท่ี ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัด เวลา นำ้ หนกั
(ชว่ั โมง) คะแนน
1 โลกของพืช ว 1.2 ป.4/1
ว 1.3 ป.4/1, ป.4/2 12 10
2 สัตว์โลกนา่ รู้ ว 1.3 ป.4/3, ป.4/4
3 วสั ดุรอบตวั ว 2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4 12 10
สอบปลายภาคเรยี นที่ 1 15 10
4 แรงโน้มถ่วง ว 2.2 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 1 20
5 แสงนา่ รู้ ว 2.3 ป.4/1 10 5
6 ระบบสรุ ิยะ ว 3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 12 10
สอบปลายภาคเรียนท่ี 2 17 15
รวมท้ังสน้ิ ตลอดปีการศึกษา 1 20
80 100

 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอทุ ิศ 

122

โครงสรา้ งรายวิชา

รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ว 15101 กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 80 ช่วั โมง

ลำดบั ที่ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ัด เวลา น้ำหนกั
(ชว่ั โมง) คะแนน
1 ส่ิงมชี ีวิตกับสภาพแวดลอ้ ม ว 1.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4
13 10
ว 1.3 ป.5/1, ป.5/2
14 10
2 การเปลย่ี นแปลงของสสาร ว 2.1 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4 12 10
1 20
3 แรงในชีวิตประจำวัน ว 2.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 15 10
65
สอบปลายภาคเรียนที่ 1 18 15
1 20
4 ธรรมชาติของเสยี ง ว 2.3 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5 80 100

5 ปรากฏการณด์ วงดาว ว 3.1 ป.5/1, ป.5/2

6 แหลง่ น้ำธรรมชาติ ว 3.2 ป.5/1, ป.5/2, ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5

สอบปลายภาคเรียนที่ 2

รวมท้ังสิ้นตลอดปกี ารศกึ ษา

 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

123

โครงสรา้ งรายวชิ า

รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ว 16101 กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลา 80 ช่วั โมง

ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ัด เวลา น้ำหนัก
(ชั่วโมง) คะแนน
1 อาหารและการย่อยอาหาร ว 1.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5
15 13
2 การแยกสารในชวี ิตประจำวนั ว 2.1 ป.6/1 10 5
14 12
3 ไฟฟา้ น่ารู้ ว 2.2 ป.6/1
1 20
ว 2.3 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, 12 10

ป.6/6 15 12

สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 12 8

4 ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลง ว 3.2 ป.6/4, ป.6/5, ป.6/8 1 20
80 100
ของอากาศ

5 ปรากฏการณ์การเปล่ยี นแปลง ว 3.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/6, ป.6/7

ของโลก

6 ปรากฏการณ์ดาราศาสตรแ์ ละ ว 2.3 ป.6/7, ป.6/8

เทคโนโลยีอวกาศ ว 3.1 ป.6/1, ป.6/2

สอบปลายภาคเรยี นท่ี 2

รวมทั้งสน้ิ ตลอดปกี ารศึกษา

 หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอทุ ศิ 

124

โครงสร้างรายวชิ า

รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 11101 กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 เวลา 20 ชั่วโมง

ลำดบั ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ัด เวลา น้ำหนัก
(ช่วั โมง) คะแนน
1 การใชง้ านเทคโนโลยเี บื้องต้น ว 4.2 ป.1/4
2 การแกป้ ัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ว 4.2 ป.1/1, ป.1/2 3 10
6 30
สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 1 10
3 การเขยี นโปรแกรมเบือ้ งตน้ ว 4.2 ป.1/3 6 25
4 การใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ ว 4.2 ป.1/5 3 15

อยา่ งปลอดภยั 1 10
สอบปลายภาคเรียนที่ 2 20 100

รวมท้ังสิน้ ตลอดปกี ารศึกษา

 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

125

โครงสร้างรายวชิ า

รายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาการคำนวณ ว 12101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เวลา 20 ชั่วโมง

ลำดบั ที่ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ัด เวลา นำ้ หนัก
(ชว่ั โมง) คะแนน
1 การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ข้ันตอน ว 4.2 ป.2/1
2 การตรวจหาข้อผิดพลาดของ ว 4.2 ป.2/2 6 25
3 15
โปรแกรม
สอบปลายภาคเรียนที่ 1 1 10
6 25
3 การจัดการไฟล์อย่างมีระบบ ว 4.2 ป.2/3 3 15
4 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ว 4.2 ป.2/4
1 10
อย่างปลอดภยั 20 100
สอบปลายภาคเรียนท่ี 2

รวมท้ังสนิ้ ตลอดปีการศกึ ษา

 หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทศิ 

126

โครงสร้างรายวิชา

รายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาการคำนวณ ว 13101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3 เวลา 20 ช่วั โมง

ลำดับท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด เวลา น้ำหนกั
(ชว่ั โมง) คะแนน
1 อลั กอริทึมกบั การแก้ปัญหา ว 4.2 ป.3/1
3 15
2 การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย ว 4.2 ป.3/2 6 25
1 10
สอบปลายภาคเรียนที่ 1 2 10

3 อนิ เทอรเ์ นต็ และเทคโนโลยี ว 4.2 ป.3/3, ป.3/5 3 10

สารสนเทศ 4 20
1 10
4 การรวบรวม ประมวลผล และ ว 4.2 ป.3/4 20 100

นำเสนอข้อมลู

6 การใชง้ านซอฟต์แวร์ ว 4.2 ป.3/4

สอบปลายภาคเรียนที่ 2

รวมท้ังสน้ิ ตลอดปีการศกึ ษา

 หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

127

โครงสร้างรายวชิ า

รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 14101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 เวลา 40 ช่ัวโมง

ลำดับที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชว้ี ัด เวลา น้ำหนกั
(ช่ัวโมง) คะแนน
1 ข้นั ตอนวธิ ีในการแก้ปัญหา ว 4.2 ป.4/1
7 15
2 การเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ย ว 4.2 ป.4/2 12 25
1 10
สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 5 10
10 20
3 การใชง้ านอินเตอรเ์ นต็ ว 4.2 ป.4/3
4 10
4 การนำเสนอขอ้ มูลดว้ ย ว 4.2 ป.4/4 1 10
40 100
ซอฟต์แวร์

5 การใชเ้ ทคโนโลยอี ย่างปลอดภยั ว 4.2 ป.4/5

สอบปลายภาคเรียนท่ี 2

รวมท้ังสิ้นตลอดปกี ารศกึ ษา

 หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอุทศิ 

128

โครงสรา้ งรายวชิ า

รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 15101 กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 เวลา 40 ชั่วโมง

ลำดบั ท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วัด เวลา น้ำหนัก
(ช่วั โมง) คะแนน
1 เหตผุ ลเชงิ ตรรกะกบั การ ว 4.2 ป.5/1
6 15
แก้ปัญหา
13 25
2 การเขียนโปรแกรมโดยใช้เหตผุ ล ว 4.2 ป.5/2
1 10
เชิงตรรกะ 11 25
8 15
สอบปลายภาคเรยี นที่ 1
1 10
3 ข้อมลู สารสนเทศ ว 4.2 ป.5/3, ป.5/4 40 100

4 การใช้อนิ เทอร์เน็ตอย่าง ว 4.2 ป.5/3, ป.5/4, ป.5/5

ปลอดภยั

สอบปลายภาคเรียนท่ี 2

รวมทั้งสิน้ ตลอดปีการศกึ ษา

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทรส์ ธุ าอุทิศ 

129

โครงสร้างรายวชิ า

รายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาการคำนวณ ว 16101 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 40 ชั่วโมง

ลำดบั ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด เวลา น้ำหนัก
(ช่วั โมง) คะแนน
1 การแกป้ ัญหาโดยใช้เหตผุ ล ว 4.2 ป.6/1
8 10
เชงิ ตรรกะ
11 30
2 การออกแบบและเขยี น ว 4.2 ป.6/2
1 10
โปรแกรมอยา่ งงา่ ย 13 30

สอบปลายภาคเรียนที่ 1 6 10

3 การใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ตอย่างมี ว 4.2 ป.6/3 1 10
40 100
ประสทิ ธภิ าพ

4 ความปลอดภยั ในการใชง้ าน ว 4.2 ป.6/4

เทคโนโลยสี ารสนเทศ

สอบปลายภาคเรยี นท่ี 2

รวมท้ังสนิ้ ตลอดปกี ารศึกษา

 หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแก้วอินทร์สธุ าอุทิศ 

130

สว่ นที่ 6
การวัดผลและประเมนิ ผล

การเรียนรู้ทผ่ี ู้เรยี นมีความสำคัญทีส่ ุด
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 22 ระบุว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า

ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการ
จัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ในมาตรา 22 (2) เน้น
การจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ให้ความสำคัญของการบูรณาการความรู้ คุณธรรม
กระบวนการเรยี นรู้ตามความเหมาะสมของระดับการศึกษา ในส่วนของการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์นั้น ต้องให้
เกิดทัง้ ความรู้ ทักษะ และเจตคติด้านวิทยาศาสตร์ รวมทงั้ ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์เรื่องการจัดการ
การบำรงุ รักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มอย่างสมดุลย่ังยนื

ในส่วนของการจัดกระบวนการเรียนรู้ มาตรา 24 ของ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ได้ระบุให้
สถานศึกษาและหน่วยงานทเี่ ก่ยี วข้องดำเนนิ การดังนี้

1. จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึง
ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล

2. ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพ่ือ
ป้องกันและแก้ไขปญั หา

3. จัดกจิ กรรมให้ผ้เู รียนได้เรียนรจู้ ากประสบการณ์จริง ฝกึ การปฏบิ ตั ิ ใหท้ ำได้ คดิ เป็น ทำเป็น รักการ
อา่ น และเกิดการใฝร่ อู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

4. จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อยา่ งได้สดั ส่วนสมดลุ กนั รวมทั้งปลูกฝัง
คุณธรรม คา่ นยิ มที่ดงี าม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ไวใ้ นทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้

5. ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความ
สะดวกเพอ่ื ให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ และมคี วามรอบรู้ รวมท้ังสามารถใช้การวิจัยเป็นสว่ นหน่ึงของกระบวนการ
เรียนรู้ ท้งั นผ้ี ูส้ อนและผเู้ รยี นอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากส่ือการเรยี นการสอนและแหลง่ วิทยาการประเภทต่าง ๆ

6. จัดการเรียนรูใ้ ห้เกิดขึ้นได้ทกุ เวลาทุกสถานท่ีมีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง
และบุคคลในชุมชนทกุ ฝ่าย เพื่อร่วมกันพฒั นาผ้เู รยี นตามศักยภาพ

การจดั การเรยี นรู้ตามแนวดังกลา่ ว จำเป็นต้องเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมการสอนของผสู้ อนและการเรียน
ของผู้เรียน กล่าวคือลดบทบาทของผู้สอนจากการเป็นผู้บอกเล่าและบรรยาย เป็นการวางแผนจัดกิจกรรมให้
ผ้เู รียนเกิดการเรียนร้โู ดยผา่ นกระบวนการที่สำคัญ คอื กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งเปน็ กระบวนการท่ีจะ
นำไปสู่การสร้างองค์ความรูโ้ ดยผ่านกิจกรรมการสังเกต การตั้งคำถาม การวางแผนเพ่ือการทดลอง การสำรวจ
ตรวจสอบ (investigation) ซึ่งเป็นวิธีการหาข้อมูลโดยตรงด้วยวิธีการทีห่ ลากหลายทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ
กระบวนการแก้ปัญหา การสืบค้นข้อมูล การอภิปราย และการสื่อสารความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ให้ผู้อ่ืน
เข้าใจ กิจกรรมต่าง ๆ จะต้องเน้นที่บทบาทของผู้เรียนตั้งแต่เริ่ม คือ ร่วมวางแผนการเรียน การวัดผลและ

 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพุทธศักราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทรส์ ธุ าอทุ ิศ 

131

ประเมินผล และต้องคำนึงว่ากิจกรรมการเรียนน้นั เนน้ การพฒั นากระบวนการคิด วางแผน ลงมอื ปฏบิ ัติ สืบค้น
ข้อมูล รวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่าง ๆ จากแหล่งเรยี นรู้หลากหลาย ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูล การแก้ปัญหา
การมีปฏสิ มั พันธ์ซึ่งกนั และกัน การสรา้ งคำอธบิ ายเกยี่ วกับข้อมลู ทส่ี ืบค้นได้ เพ่ือนำไปสูค่ ำตอบของปัญหาหรือ
คำถามตา่ ง ๆ ในที่สุดเปน็ การสรา้ งองค์ความรู้ ท้งั นกี้ ิจกรรมการเรยี นรดู้ ังกล่าวต้องพัฒนาผู้เรยี นใหเ้ จริญพัฒนา
ทั้งรา่ งกาย อารมณ์ สังคม และสตปิ ญั ญา

การจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นกระบวนการที่นักเรียนเป็นผู้คิด ลงมือ
ปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการทำกิจกรรมภาคสนามการสังเกต
การสำรวจตรวจสอบ การทดลองในห้องปฏิบัติการ การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ และทุติ ยภูมิ
การทำโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษาจากแหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น โดยคำนึงถึงวุฒิภาวะ
ประสบการณ์เดมิ ส่งิ แวดลอ้ มและวัฒนธรรมต่างกนั ท่ีนักเรียนไดร้ ับรู้มาแล้วก่อนเข้าสู่ห้องเรียน การเรียนรู้ของ
นักเรียนจะเกดิ ข้นึ ระหวา่ งท่ีนกั เรียนมสี ว่ นรว่ มโดยตรงในการทำกิจกรรมการเรยี นเหล่านั้นจึงจะมีความสามารถ
ในการสบื เสาะหาความรู้ มคี วามสามารถในการแก้ปัญหาดว้ ยวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ ได้พัฒนากระบวนการคิด
ขั้นสูง และคาดหวังว่ากระบวนการเรียนรู้ดังกล่าวจะทำให้นักเรียนได้รับการพัฒนาเจตคติทางวิทยาศาสตร์
มีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
อย่างมีประสิทธภิ าพ

เจตคติทางวิทยาศาสตร์ หรือจติ วทิ ยาศาสตรท์ ่ีคาดหวงั ว่าจะไดร้ ับการพฒั นาขึ้นในตัวนักเรียนโดยผ่าน
กระบวนการเรียนรตู้ า่ ง ๆ มดี ังนี้

- ความสนใจใฝร่ ู้
- ความซอ่ื สัตย์
- ความอดทนมุ่งมัน่
- การมีใจกวา้ งยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็
- ความคิดสรา้ งสรรค์
- มคี วามสงสัยและกระตอื รือรน้ ทจ่ี ะหาคำตอบ
- ยอมรับเมอื่ มปี ระจักษพ์ ยานหรอื เหตุผลท่ีเพยี งพอ
ในการจดั การเรยี นการสอน ผ้สู อนตอ้ งศึกษาเป้าหมายและปรัชญาของการจัดการเรียนรใู้ ห้เข้าใจอย่าง
ถ่องแท้ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ ทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ตลอดจนกระบวนการเรียนการสอนที่เน้น
กระบวนการและผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด แล้วพิจารณาเลือกนำไปใช้ออกแบบกิจกรรมที่หลากหลายให้
เหมาะสมกับเนื้อหาสาระ เหมาะกับสภาพแวดล้อมของโรงเรียน แหล่งความรู้ของท้องถิ่น และที่สำคัญคือ
ศักยภาพของผูเ้ รียนด้วย ดังนั้น ในเนื้อหาสาระเดียวกัน ผู้สอนแต่ละโรงเรียนยอ่ มจดั การเรียนการสอนและใช้
สอ่ื การเรียนการสอนที่แตกต่างกนั ได้
การจักการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ช่วยให้มีการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน และครอบคลุมถึงเรื่องของ
ความตระหนักและผลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอกี ดว้ ย การจัดการเรยี นการสอนกลมุ่ วิทยาศาสตร์ในทุก
ระดับจึงต้องดำเนินการที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาที่สมบูรณ์เพื่อให้บรรลุเปา้ หมายที่วางไว้ โดยจัด

 หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทร์สธุ าอุทศิ 

132

กิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มวิทยาศาสตร์ที่เน้นกระบวนการที่ผู้เรียนเป็นผู้คิด ลงมือปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้า
อย่างมีระบบด้วยกิจกรรมหลากหลาย กิจกรรมที่จะจัดให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้มีหลากหลาย
เช่น

- กจิ กรรมภาคสนาม
- กจิ กรรมแก้ปญั หา
- กิจกรรมการสงั เกต
- กิจกรรมสำรวจตรวจสอบ
- กิจกรรมการทดลอง
- กจิ กรรมสบื ค้นข้อมลู ท้งั จากแหลง่ ข้อมลู ท่เี ป็นบคุ คล เอกสารในหอ้ งสมดุ หรือ
หน่วยงานในท้องถน่ิ จนถึงการสืบค้นทางเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต
- กิจกรรมศึกษาค้นคว้าจากสอื่ ต่าง ๆ และแหล่งเรียนรใู้ นทอ้ งถิน่
- กจิ กรรมโครงงานวิทยาศาสตร์
- กจิ กรรมอภปิ ราย

ฯลฯ

กระบวนการเรียนการสอนทีใ่ ช้การเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การพัฒนาความคิดและความสามารถโดยอาศัย

ประสบการณ์และปฏิสัมพันธร์ ะหว่างผู้เรยี นและส่ิงแวดล้อม ทำใหบ้ ุคคลดำเนนิ ชีวิตได้อยา่ งมีความสุขในสังคม
ดงั นั้นกอ่ นท่ีครูผู้สอนจะจัดการเรียนการสอน จะต้องตระหนักว่าการเรียนรเู้ กิดขึ้นด้วยตัวของผู้เรียนเอง การ
เรยี นร้เู ร่ืองใหม่จะมพี ืน้ ฐานมาจากความร้เู ดิม ฉะน้ันประสบการณ์ของนกั เรยี นจึงเป็นปจั จยั สำคญั ต่อการเรียนรู้
เป็นอย่างยิ่ง กระบวนการเรียนรู้ที่แท้จริงของนักเรียนไม่ได้เกิดจากการบอกเล่าของครูหรือนักเรียนเพียงแต่
จดจำแนวคิดตา่ ง ๆ ที่มีผ้บู อกให้เท่านน้ั กระบวนการที่นักเรียนจะต้องสืบค้นเสาะหา สำรวจตรวจสอบ และ
ค้นคว้าด้วยวิธีการต่าง ๆ จะทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจและเกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างยาวนาน สามารถ
นำมาใช้ได้เมื่อมีสถานการณ์ใด ๆ มาเผชิญหน้า ดังนั้นการที่นักเรียนจะสร้างองค์ความรู้ได้จึงต้องผ่าน
กระบวนการเรยี นรทู้ ี่หลากหลาย โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ( inquiry process )

กระบวนการสืบเสาะหาความรู้
กระบวนการเรียนการสอนเน้นการสืบเสาะหาความรู้จะเป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนได้รับความรู้และ
ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ปลูกฝังให้ผูเ้ รียนรูจ้ กั ใช้ความคิดของตนเอง สามารถเสาะหาความรูห้ รือ
วเิ คราะหข์ อ้ มูลได้
การจัดการใหน้ กั เรียนเรียนแบบสบื เสาะหาความรู้ อาจทำเป็นขั้นตอนดังนี้
1) ขั้นสร้างความสนใจ (engagement) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจ ซึ่งอาจเกิดข้ึน
เองจากความสงสัย หรืออาจเริม่ จากความสนใจของตัวนักเรียนเอง หรอื เกดิ จากการอภิปรายภายในกลุ่ม เร่ือง
ที่น่าสนใจอาจมาจากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพ่ิง
เรียนรู้มาแล้ว เป็นตัวกระตุ้นให้นักเรียนสร้างคำถาม กำหนดประเด็นท่ีจะศึกษา ในกรณีที่ยังไม่มีประเด็นใด

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศักราช 2565 โรงเรียนแก้วอินทรส์ ธุ าอุทิศ 

133

น่าสนใจ ครูอาจให้ศึกษาจากสื่อต่างๆ หรือเป็นผู้กระตุ้นด้วยการเสนอประเด็นขึ้นมาก่อน แต่ไม่ควรบังคับให้
นกั เรียนยอมรบั ประเด็นหรือคำถามทีค่ รกู ำลงั สนใจเป็นเรื่องทจี่ ะใชศ้ ึกษา

เม่ือมคี ำถามท่นี ่าสนใจ และนักเรยี นสว่ นใหญย่ อมรับให้เปน็ ประเดน็ ทีต่ ้องการศึกษาจึงร่วมกันกำหนด
ขอบเขตและแจกแจงรายละเอียดของเรื่องที่จะศึกษาให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น อาจรวมทั้งการรวบรวมความรู้
ประสบการณ์เดมิ หรือความรูจ้ ากแหล่งต่าง ๆ ทีจ่ ะนำไปสูค่ วามเข้าใจเร่ืองหรือประเดน็ ท่จี ะศกึ ษามากข้ึน และ
มีแนวทางทใ่ี ช้ในการตรวจตรวจสอบอย่างหลากหลาย

2) ขั้นสำรวจและค้นหา (exploration) เมื่อทำความเข้าใจในประเด็นหรือคำถามที่สนใจจะศึกษา
อย่างถ่องแท้แล้ว ก็มีการวางแผนกำหนดแนวทางการสำรวจตรวจสอบ ตั้งสมมุติฐาน กำหนดทางเลือกท่ี
เป็นไปได้ ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อสนเทศหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วิธีการตรวจสอบอาจทำได้
หลายวิธี เช่น ทำการทดลอง ทำกิจกรรมภาคสนาม การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสร้างสถานการณ์จำลอง
(simulation) การศกึ ษาหาขอ้ มูลจากเอกสารอา้ งองิ หรือจากแหลง่ ขอ้ มูล
ต่าง ๆ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ขอ้ มูลอยา่ งเพยี งพอทจี่ ะใชใ้ นข้นั ต่อไป

3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (explanation) เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสำรวจตรวจสอบ
แล้ว จึงนำข้อมูล ข้อสนเทศที่ได้มาวิเคราะห์ แปรผล สรุปผล และนำเสนอผลที่ได้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
บรรยายสรุป สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ หรือวาดรูป สร้างตาราง การค้นพบในขั้นน้ีอาจเป็นไปได้หลาย
ทาง เช่น สนับสนุนสมมุติฐานที่ตั้งไว้ โต้แย้งกับสมมุติฐานที่ตั้งไว้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ได้กำหนดไว้
แต่ผลที่ได้จะอยู่ในรูปใด กส็ ามารถสรา้ งความรแู้ ละชว่ ยใหเ้ กิดการเรียนรไู้ ด้

4) ขั้นขยายผลความรู้ (elaboration) เป็นการนำความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิมหรือ
แนวคิดทีไ่ ด้ค้นควา้ เพ่ิมเตมิ หรอื นำแบบจำลองหรือขอ้ สรุปที่ได้ไปอธิบายสถานการณ์หรือเหตุการณ์อน่ื ๆ ถ้าใช้
อธิบายเรื่องต่าง ๆ ได้มากก็แสดงว่าข้อจำกัดน้อย ซึ่งก็จะช่วยให้เชื่อมโยงกับเรื่องต่าง ๆ และทำให้เกิดความรู้
กว้างขวางขน้ึ

5) ขั้นประเมิน (evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่านักเรียนมี
ความร้อู ะไรบา้ ง อยา่ งไร และมากนอ้ ยเพยี งใดจากข้นั นจี้ ะนำไปส่กู ารนำความรู้ไปประยุกตใ์ นเร่ืองอน่ื ๆ

การนำความรู้หรือแบบจำลองไปใช้อธิบายหรือประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์หรือเรื่องอื่น ๆ จะนำไปสู่ข้อ
โต้แย้งหรือข้อจำกัดซึ่งจะก่อให้เป็นประเด็นหรือคำถาม หรือปัญหาที่จะต้องสำรวจตรวจสอบต่อไป ทำให้เกิด
เป้นกระบวนการที่ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ จึงเรียกว่า inquiry cycle กระบวนการสืบเสาะหาความรู้จึงช่วยให้
นักเรียนเกิดการเรียนรู้ทั้งเนื้อหาหลักและหลักการ ทฤษฎี ตลอดจนการลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ได้ความรู้ซึ่งจะ
เป็นพ้ืนฐานในการเรยี นรตู้ อ่ ไป

การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นอกจากจะใช้กระบวนการดังกล่าวแล้ว อาจใช้วิธีในการสืบ
เสาะหาความรูด้ ้วยรูปแบบอน่ื ๆ อกี ดงั นี้

การค้นหารูปแบบ (pattern seeking) โดยที่นักเรียนเริ่มด้วยการสังเกตและบันทึกปรากฏการณ์
ตามธรรมชาติ หรือทำการสำรวจตรวจสอบโดยที่ไม่สามารถควบคุมตัวแปรได้ แล้วคิดหารูปแบบจากข้อมูล
เช่น จากการสังเกตผลฝรั่งในสวนจากหลายแหล่ง พบว่าฝรั่งที่ได้รับแสงจะมีขนาดโตกว่าผลฝรั่งที่ไม่ได้รับแสง
นกั เรยี นกส็ รา้ งรปู แบบและสร้างความรไู้ ด้

 หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ปีพทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแก้วอนิ ทร์สธุ าอุทศิ 

134

การจำแนกประเภทและการระบุชื่อ (classification and identification) เป็นการจัดประเภท
ของวัตถหุ รือเหตุการณ์เป็นกลุ่ม หรอื การระบชุ ื่อวัตถุหรือเหตุการณ์ท่ีเป็นสมาชิกของกลุ่ม เช่น เราจะแบ่งสัตว์
ไม่มกี ระดกู สันหลังเหล่านี้ไดอ้ ยา่ งไร วัสดุใดนำไฟฟา้ ได้ดหี รือไมด่ ี สารต่าง ๆ เหล่านีจ้ ำแนกอยูใ่ นกลุ่มใด

การสำรวจและค้นหา (exploring) เป็นการสังเกตวัตถุหรือเหตุการณ์ในรายละเอียด หรือทำการ
สังเกตต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น ไข่กบมีการพัฒนาการอย่างไร เมื่อผสมของเหลวต่างชนิดกันเข้าด้วยกันจะ
เกดิ อะไรขน้ึ

การพัฒนาระบบ (developing system) เป็นการออกแบบ ทดสอบและปรับปรุงสิ่งประดิษฐ์หรือ
ระบบ

- ท่านสามารถออกแบบสวิตซ์ความดนั สำหรับวงจรเตือนภยั ไดอ้ ยา่ งไร
- ทา่ นสามารถสร้างเทคนคิ หรอื หามวลแห้งของแอปเปลิ ได้อยา่ งไร
การสร้างแบบจำลองเพือ่ การสำรวจตรวจสอบ (investigate models) เป็นการสร้างแบบจำลอง
เพ่อื อธบิ าย เพ่ือให้เหน็ ถงึ การทำงาน เชน่ สร้างแบบจำลองระบบนิเวศ
กระบวนการแกป้ ัญหา (problem solving process)
การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มีจุดมุ่งหมายประการหนึ่ง คือ เน้นให้นักเรียนได้ฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ
โดยผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติอย่างมีระบบ ผลที่ได้จากการฝึกจะช่วยให้นักเรียนสามารถตัดสินใจ
แก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยวิธีการคิดอย่างสมเหตุสมผล โดยใช้กระบวนการหรือวิธีการ ความรู้ ทักษะต่าง ๆ และ
ความเข้าใจในปัญหานั้นมาประกอบกนั เพ่ือเปน็ ข้อมลู ในการแกป้ ัญหา
เพื่อใหเ้ ขา้ ใจไดต้ รงกันถึงความหมายท่แี ทจ้ รงิ ของปัญหา ได้มีผใู้ หค้ วามหมายไวด้ งั น้ี
“ ปัญหา” หมายถึง สถานการณ์ เหตุการณ์ หรือสิ่งที่พบแล้วไม่สามารถจะใช้วิธีการใดวิธีการหน่ึง
แกป้ ัญหาได้ทนั ที หรือเมอ่ื มีปัญหาเกดิ ขึน้ แล้วไมส่ ามารถมองเหน็ แนวทางแก้ไขได้ทนั ที
“ แบบฝกึ หดั “ หมายถงึ สถานการณ์ เหตุการณ์ หรือสง่ิ ท่พี บแล้วสามารถแกไ้ ขหรือเลือกวิธีแก้ไข
ได้ทันที หรือมองเหน็ ไดช้ ัดเจนว่ามีวธิ ีแกไ้ ขท่ีแนน่ อน
การแก้ไขปัญหาอาจทำได้หลายวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของปัญหา ความรู้และประสบการณ์ของผู้
แก้ปัญหานน้ั
กิจกรรมการคิดและปฏิบัติ (Hands-on Mind-on Activities)
นักการศึกษาวิทยาศาสตร์แนะนำให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้คิดและลงมือปฏิบัติ เมื่อนักเรียนได้
ลงมือปฏิบัติจริง หรือได้ทำการทดลองต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ก็จะเกิดความคิดและคำถามที่หลากหลาย
ตัวอย่างกิจกรรม ได้แก่
- นำแมเ่ หล็กเข้าใกลว้ สั ดุต่าง ๆ แลว้ สงั เกตผลท่ีเกิดขึ้น
- ใชว้ ตั ถตุ า่ ง ๆ ถกู บั ผา้ ชนดิ ต่าง ๆ แลว้ นำมาแขวนไวใ้ กล้กัน หรือนำมาแตะชนิ้
กระดาษ แล้วสังเกตการเปล่ยี นแปลง
- ตอ่ หลอดไฟฟา้ หลายหลอดกบั ถา่ นไฟฉาย สังเกตและเปรียบเทยี บผลทเ่ี กดิ ขึน้ ใช้
กลอ้ งจุลทรรศนส์ ่องดเู น้อื เยื่อของสงิ่ มีชวี ิต สงั เกตและเปรียบเทียบเนอ้ื เยื่อของสิ่งมชี วี ติ ตา่ ง ๆ
- เป่าลมหายใจลงไปในน้ำปนู ใส สังเกตการเปล่ยี นแปลงทีเ่ กิดข้ึน

 หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ุทธศกั ราช 2565 โรงเรยี นแกว้ อนิ ทร์สธุ าอุทิศ 

135

เม่ือนักเรยี นได้ทำกิจกรรมลักษณะน้ีแล้ว จะทำให้สงั เกตผลท่ีเกิดขนึ้ ดว้ ยตนเอง ซึ่งเป็นข้อมูล
ที่จะนำไปสู่การถามคำถาม การอธิบาย การอภิปราย หาข้อสรุปและการศึกษาต่อไป กิจกรรมลักษณะนี้จึง
ส่งเสริมให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติและฝึกคิด นำมาสู่การสร้างความรู้ด้วยตนเองด้วยความเข้าใจและเป็นการ
เรียนรู้อย่างมีความหมาย

การเรยี นรู้แบบรว่ มมือรว่ มใจ (Cooperative Learning)
การเรียนรู้แบบร่วมใจ เป็นกระบวนการเรยี นรู้ที่สามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ได้
อย่างเหมาะสมวิธีหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้นกั เรยี นทำกิจกรรมร่วมกันในกลุม่ นักเรียนจะได้มีโอกาสแลกเปล่ยี น
ความรู้กบั สมาชกิ ของกลุ่ม และการที่แต่ละคนมีวัยใกล้เคยี งกนั ทำใหส้ ามารถส่ือสารกันไดเ้ ปน็ อย่างดี แต่การ
เรียนรูแ้ บบร่วมมือร่วมใจท่ีมปี ระสิทธภิ าพน้ันต้องมีรปู แบบหรือมีการจัดระบบอยา่ งดี นักการศึกษาหลายท่าน
ไดท้ ำการศึกษาค้นควา้ อย่างกวา้ งขวาง เพ่ือจะนำมาใช้ในการเรียนการสอนวชิ าต่าง ๆ รวมทัง้ วิชาวทิ ยาศาสตร์
และคณิตศาสตร์ด้วย

การพัฒนาความสามารถและทักษะที่สำคัญของผู้เรียนในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี

การเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับต่าง ๆ นั้น นอกจากมุ่งหวังให้นักเรียนได้พัฒนาความรู้
ความเข้าใจในแนวความคิดหลักที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทเรียนแล้ว ยังมุ่งหวังให้นักเรียนได้พัฒนา
ความสามารถในการตัดสินใจ พฒั นาความคิดชนั้ สงู และพัฒนาทกั ษะการส่อื สารด้วย

ความสามารถในการตัดสนิ ใจ (Decision Making)
การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ครูควรจัดสถานการณ์ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนฝึกตัดสินใจ เช่น กิจกรรมการ
แก้ปัญหา การศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบ การสืบเสาะหาความรู้ หรืออาจจัดกิจกรรมการแสดงบทบาทสมมุติ
โดยสรา้ งสถานการณ์ข้นึ เอง และเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแสดงบทบาทสมมุติโดยเป็นผทู้ ่เี กี่ยวข้องกับการตัดสินใจ
ในเรื่องที่สำคัญของบ้านเมือง เช่น การสร้างเขื่อน การสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ การแก้ปัญหาต่าง ๆที่
เกิดขน้ึ ในโรงเรยี นหรือชุมชน การตดั สินใจเก่ียวกบั ปัญหาบ้านเมืองนน้ั จะต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่เช่ือถือ
ได้อย่างมีเหตุผลและส่งผลดีต่อส่วนรวม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและการพัฒนาท่ียั่งยืน ทั้งนี้จะต้อง
พิจารณาทางเลือกทีด่ ีทีส่ ุด สง่ ผลกระทบต่อสงิ่ แวดลอ้ มน้อยทีส่ ุด ก่อให้เกดิ การพัฒนาที่ยัง่ ยนื และคุณภาพชีวิต
ทดี่ ี
การพัฒนาความคดิ ขัน้ สูง ( Higher- ordered Thinking )
การคิดขั้นสูงเป็นความสามารถทางสติปัญญาประการหน่ึงที่ต้องพฒั นาให้เกิดในขณะที่นักเรียนเข้ามา
อยู่ในโรงเรียน เพื่อเรียนรู้เนื้อหาและหลักการ รวมทั้งแนวคิดในวิชาต่าง ๆ ความคิดขั้นสูงประกอบด้วย
ความคดิ ในดา้ นต่าง ๆ คอื

1. ความคิดวเิ คราะห์ คือความคิดทเ่ี ก่ียวข้องกบั การจำแนก รวบรวมเป็นหมวดหมู่
รวมทั้งการจัดประเด็นต่างๆ เช่น การจำแนกชนิดของหิน โดยพิจารณาลักษณะภายนอกเป็นเกณฑ์ การ
จำแนกใบไม้โดยพิจารณารปู รา่ งของใบ ขอบใบ และเสน้ ใบเป็นเกณฑ์

 หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ 

136

2. ความคดิ วิพากษว์ ิจารณ์ คือความคดิ เหน็ ตอ่ เร่อื งใดเรอื่ งหนึง่ ทั้งในด้านบวกหรือ
ลบอย่างมีเหตุผล โดยการใช้ข้อมูลที่มีอยู่อย่างเพียงพอ เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเป็น
ประเด็นที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ คือเรื่อง GMOs ผลการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมีผลให้สิ่งมีชีวิตไม่ว่าพืชหรือ
สตั ว์ มคี ุณสมบตั เิ ปล่ียนแปลงไปจากพนั ธ์เุ ดมิ และการเปลย่ี นแปลงดังกลา่ วยอ่ มมผี ลต่อมนษุ ยแ์ ละสิ่งแวดล้อม

3. ความคิดสร้างสรรค์ คือความคดิ ทีแ่ ปลกใหม่ ยืดหยุ่นและแตกตา่ งจากผ้อู น่ื
เช่นให้นักเรียนทำกิจกรรมคิดออกแบบประดิษฐ์อุปกรณ์กำเนิดเสียงแทนการใช้กระดิ่งไฟฟ้าหรือออดไฟฟ้า
หรอื ออกแบบวงจรเตือนภัยโดยใช้เซนเซอรค์ วามร้อน

4. ความคิดอยา่ งมีเหตุมีผล คอื ความสามรถที่จะคิดในเชิงเหตุผลของเรอื่ งราว
ต่าง ๆ เช่น กิจกรรมการเรียนเรื่องการสร้างเขื่อน หรือการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นประเด็น
โต้แย้งทางสังคมที่ไม่อยู่บนข้อมูลหรือประจักษ์พยานที่เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จึงควรให้นักเรียนได้ใช้
ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์มาเป็นเหตุผลในการโตแ้ ย้งหรือสนับสนุน ไมใ่ ช่ใชค้ วามรู้สกึ หรือใช้อารมณ์ในการตัดสิน
ว่าควรดำเนินการพัฒนาหรอื ไม่ อย่างไร

5. ความคิดเชงิ วทิ ยาศาสตร์ คอื ความคิดทใ่ี ชใ้ นการพสิ จู นแ์ ละสำรวจตรวจสอบ
หาข้อเท็จจริง เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเทคโนโลยีชาวบ้าน การดองผักด้วยน้ำซาวข้าวหรือน้ำมะพร้าว
หรือการใสพ่ รกิ สดลงในน้ำกะทเิ พอื่ กันบดู ได้

โดยทั่วไปแล้วความคิดขัน้ สูงด้านตา่ ง ๆ เหล่านจี้ ะไมส่ ามารถแยกออกจากกันไดช้ ัดเจน ต้องพัฒนาไป
พร้อม ๆ กันและอาจรวมทั้งพัฒนาไปพร้อมกับความสามารถด้านอื่น ๆ ด้วยโดยไม่จำเป็นต้องเน้นว่าจะต้อง
พัฒนาเรื่องใดก่อนหรือหลัง การพัฒนาความคิดขั้นสูงนี้จะทำได้มากในกิจกรรมการเรียนการสอนแบบสืบ
เสาะหาความรแู้ ละกระบวนการแกป้ ญั หา

การพัฒนาทกั ษะการสอ่ื สาร (Communication Skills)
กระบวนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ทักษะในการสื่อสาร หมายถึงการแสดความคิดหรื อ
แลกเปลี่ยนความรู้ และแนวความคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการทำกิจกรรมหลากหลาย การสังเกต
การทดลอง การอ่านหรอื อืน่ ๆ ซึ่งแสดงออกในรูปแบบทชี่ ัดเจนและมีเหตผุ ลดว้ ยการพดู หรือการเขียน
การพัฒนาให้นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสารความรู้และแนวความคิดทางวิทยาศา สตร์เป็น
เปา้ หมายสำคญั ประการหนึ่งของการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนวิทยาศาสตรท์ ุกระดับ ความสามารถในการ
สื่อสารเปน็ คุณลกั ษณะทีต่ ้องฝึกซำ้ เพ่อื ให้เกิดทักษะ
การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์ สามารถฝึกทักษะการส่อื สารได้ ดังต่อไปนี้

1. การเลา่ หรอื การเขียนสรุปเรือ่ งราวทางวทิ ยาศาสตรท์ ่อี า่ นจากหนังสอื พิมพ์
วารสาร หนังสือต่าง ๆ จากการดูโทรทัศน์หรือการสืบค้นข้อมูลทางอินเทอรเ์ น็ต โดยมอบหมายให้นักเรียนไป
ศกึ ษาค้นคว้า แลว้ นำมาเลา่ หรือเขยี นให้ผู้อื่นรบั รู้ เปน็ การฝกึ ทักษะในการส่ือสารที่ดวี ิธีหนึ่ง กิจกรรมน้ีอาจใช้
เวลาคร้ังละ 10 นาที กอ่ นทจ่ี ะมกี ารสอนตามปกติกไ็ ด้

2. การเขียนบนั ทึกสรปุ การไปทัศนศกึ ษา หรอื การศึกษาภาคสนาม ในโอกาสท่ี
นกั เรียนกลับมาจากทศั นศึกษาหรือการศึกษาภาคสนามแลว้ ใหเ้ ขียนรายงานสรุปถึงความรู้ ความคิดในบางเร่ือง
ที่ไดร้ ับจากการไปทัศนศกึ ษาแตล่ ะครง้ั

 หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรียนแกว้ อินทร์สธุ าอทุ ศิ 

137

3. การจดั แสดงผลงาน ในกรณีทีน่ ักเรยี นทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์หรอื โครงการ
อื่น ๆ ควรกำหนดให้มีวนั ที่แน่นอนเพื่อจัดแสดงผลงานให้เพ่ือน ๆ ในช้ันหรอื ทั้งโรงเรียนได้ชมและถ้าเป็นไปได้
ควรเชญิ บุคคลในชมุ ชนมาชมดว้ ย

4. การสือ่ สารดว้ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศ คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ อปุ กรณ์ที่จะชว่ ยมนษุ ย์
ในการทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ วิทยาการคอมพิวเตอร์จึงเป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่เป็นรากฐาน
สำคัญตอ่ การพัฒนาความคดิ และจิตนาการ อันจะนำไปสู่การแปลงรูปจากจินตนาการมาเป็นชิ้นงานสร้างสรรค์
ที่มีประโยชน์ปัจจุบันสิ่งประดิษฐ์มากมายล้วนแล้วแต่มีส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์เข้าไปร่วมด้วย ทำให้
ระบบการทำงานตา่ ง ๆ ไดร้ ับการพฒั นาเขา้ ส่คู วามเป็นอตั โนมตั ิมากขึน้

ปจั จัยความสำเร็จในการจดั การเรยี นรู้
1. ผู้บริหาร เป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในการสนับสนุนให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนบรรลุ

เป้าหมาย ผู้บริหารต้องมีความรู้ความเข้าใจในปรัชญา กระบวนการเรียนรู้และธรรมชาติของการเรียนรู้
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เพือ่ จะได้สนับสนุน

- งบประมาณในการจัดซ้ือส่ือตา่ ง ๆ
- อำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมที่ต้องใชแ้ หล่งเรียนรใู้ นท้องถนิ่ ภายนอกโรงเรียน
- ช่วยเสนอแนะแหลง่ วทิ ยาการและแหลง่ เรียนรู้
- นเิ ทศ ติดตามผลการจัดการเรียนร้อู ยา่ งสมำ่ เสมอ
- ใหก้ ำลงั ใจทั้งครแู ละนกั เรียน
2. ครูผู้สอน เป็นผู้ที่มีความสำคัญในการที่จะแปลมาตรฐานการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ที่เป็น
ตัวหนังสือให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม น่าสนใจ และมีกระบวนการเรียนรู้หลากหลายวิธีอย่างอิสระ
ครผู ู้สอนจำเป็นตอ้ ง
- มีความรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกบั เปา้ หมายของการเรยี นการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
- มคี วามเข้าใจเกีย่ วกับธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
- มคี วามรูค้ วามเข้าใจในเนื้อหาสาระวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ งดี รวมถึงรู้วิธีการ
เรยี นรู้ มีความสามรถในการสืบเสาะหาความรู้และแก้ปัญหา
- มคี วามเขา้ ใจเกย่ี วกับตวั นกั เรยี น พร้อมที่จะเรยี นรูเ้ รือ่ งราวใหม่ ๆ พร้อม ๆ กับนักเรยี น
- เปน็ ผูท้ ่ีมีความสนใจใฝห่ าความรู้อย่างสมำ่ เสมอและตอ่ เน่ือง เพอื่ นำมาปรบั ปรงุ
พฒั นาตนเอง
- มีความสามารถในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ มีการใช้สื่อการ
เรียนการสอนหลากหลายและสามารถใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศได้
- มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมและค่านยิ มในอาชีพครใู นฐานะครูวิชาชพี
- มมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ด่ี ที ง้ั กับเพอื่ นครใู นโรงเรียนและชุมชน เพือ่ จะหาความรว่ มมอื
ในการจัดการเรยี นการสอน

 หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศักราช 2565 โรงเรยี นแก้วอนิ ทร์สธุ าอุทศิ 

138

3. ผู้เรียน เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการเรียนการสอน ผู้เรียนแต่ละคนมีความ
แตกต่างกันทั้งบุคลิกภาพ สติปัญญา ความถนัด ความสนใจและความสมบูรณ์ของร่างกาย ผู้เรียนควรมี
โอกาสร่วมคิด ร่วมวางแผนในการจัดการเรียนการสอน และมีโอกาสเลือกวิธีเรียนได้อย่างหลากหลาย ตาม
ความเหมาะสมภายใตก้ ารแนะนำของครูผ้สู อน

4. สภาพแวดล้อมและบรรยากาศการเรียนการสอน ครูผู้สอนต้องมีวิธีการที่จะจัดสภาพแวดล้อมและ
บรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาทางวิชาการ เช่น จัดห้องชวนคิด ห้องกิจกรรมวิทยาศาสตร์ จัดระบบ
นิเวศจำลอง จัดบริเวณโรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ทางชีววิทยา ธรณีวิทยา ฯลฯ มีการดัดแปลงห้องเรียนให้
นักเรียนทำกิจกรรมการเรียนรูท้ ีส่ ามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้ดี และจัดกิจกรรมที่เอื้อใหผ้ ู้ปกครองและชุมชนเขา้
มามสี ่วนรว่ มในการเรยี นการสอนด้วย

การวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
เพื่อที่จะทราบว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือไม่เพี ยงใด

จำเป็นตอ้ งมกี ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ในอดตี การวัดและประเมินผลสว่ นใหญ่ใหค้ วามสำคัญ
กับการใช้ข้อสอบซึ่งไม่สามารถสนองเจตนารมณ์การเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนคิด ลงมือปฏิบัติด้วย
กระบวนการหลากหลาย เพื่อสร้างองค์ความรู้ ดังนั้น ผู้สอนต้องตระหนักว่าการเรียนการสอนและการวัดผล
ประเมินผลเปน็ กระบวนการเดียวกนั และจะต้องวางแผนไปพรอ้ ม ๆ กัน

แนวทางการวัดผลและประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้จะบรรลุผลตามเป้าหมายของการเรียนการสอนที่วางไว้ได้ ควรมี
แนวดังต่อไปน้ี
1. ตอ้ งวัดและประเมนิ ผลทง้ั ความรู้ความคิด ความสามรถ ทกั ษะและกระบวนการ เจตคติ
คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมในวิทยาศาสตร์ รวมท้ังโอกาสในการเรยี นของผู้เรียน
2. วธิ ีการวดั และประเมินผลตอ้ งสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรทู้ ่กี ำหนดไว้
3. ตอ้ งเกบ็ ขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการวัดและประเมินผลอย่างตรงไปตรงมา และตอ้ งประเมินผลภายใต้ข้อมูลที่
มีอยู่
4. ผลการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นต้องนำไปสกู่ ารแปลผลและลงข้อสรปุ ท่สี มเหตุสมผล
5. การวัดและประเมินผลต้องมีความเที่ยงตรงและเป็นธรรม ทั้งในด้านของวิธีการวัดโอกาสของการ
ประเมนิ
จุดมุ่งหมายของการวดั ผลและประเมินผล
1. เพอื่ วินจิ ฉัยความรู้ความสามารถ ทกั ษะและกระบวนการ เจตคติ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและค่านิยม
ของผู้เรยี น และเพื่อซ่อมเสรมิ ผูเ้ รยี นให้พัฒนาความรคู้ วามสามารถและทักษะได้เต็มตามศักยภาพ
2. เพ่ือใชเ้ ปน็ ข้อมูลป้อนกลบั ใหแ้ ก่ตวั ผู้เรยี นเองวา่ บรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรูเ้ พียงใด
3. เพือ่ ใชข้ อ้ มลู ในการสรปุ ผลการเรียนรู้และเปรียบเทียบถงึ ระดับพัฒนาการของการเรียนรู้

 หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ปพี ทุ ธศกั ราช 2565 โรงเรียนแก้วอินทรส์ ธุ าอุทศิ 


Click to View FlipBook Version