หนงั สือเรียนสาระความรู้พ้ืนฐาน
รายวชิ า คณติ ศาสตร์
(พค11001)
ระดบั ประถมศึกษา
(ฉบับปรับปรุง 2560)
หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551
สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั
สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงศึกษาธิการ
ห้ามจาหน่าย
หนงั สือเรียนเล่มน้ีจดั พิมพด์ ว้ ยเงินงบประมาณแผน่ ดินเพื่อการศึกษาตลอดชีวติ สาหรับประชาชน
ลิขสิทธ์ิเป็นของ สานกั งาน กศน. สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารทางวชิ าการลาดบั ท่ี 10/2554
หนงั สือเรียนสาระความรู้พ้นื ฐาน
รายวชิ า คณติ ศาสตร์ (พค11001)
ระดบั ประถมศึกษา
ฉบับปรับปรุง 2560
ลิขสิทธ์ิเป็นของ สานกั งาน กศน. สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารทางวชิ าการลาดบั ท่ี 10/2554
คํานาํ
กระทรวงศึกษาธิการไดประกาศใชหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พทุ ธศักราช 2551 เมื่อวนั ท่ี 18 กันยายน พ.ศ. 2551 แทนหลักเกณฑและวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียน
ตามหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2544 ซึ่งเปนหลกั สูตรทพ่ี ัฒนาขน้ึ ตามหลักปรัชญาและความ
เชือ่ พ้นื ฐานในการจดั การศึกษานอกโรงเรียนทม่ี ีกลมุ เปาหมายเปน ผูใ หญมีการเรียนรูและส่ังสมความรูและ
ประสบการณอยา งตอ เนือ่ ง
ในปง บประมาณ 2554 กระทรวงศกึ ษาธิการไดกําหนดแผนยุทธศาสตรในการขับเคลื่อนนโยบาย
ทางการศกึ ษาเพ่อื เพมิ่ ศกั ยภาพและขีดความสามารถในการแขงขันใหประชาชนไดมีอาชีพที่สามารถสราง
รายไดที่มั่งคั่งและม่ันคง เปนบุคลากรท่ีมีวินัย เปยมไปดวยคุณธรรมและจริยธรรม และมีจิตสํานึก
รบั ผิดชอบตอตนเองและผอู ่นื สํานกั งาน กศน. จึงไดพจิ ารณาทบทวนหลักการ จุดหมาย มาตรฐาน ผลการ
เรียนรูท่ีคาดหวัง และเนื้อหาสาระ ท้ัง 5 กลุมสาระการเรียนรู ของหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ
การศกึ ษา ขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ใหมคี วามสอดคลอ งตอบสนองนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่ง
สงผลใหตองปรับปรุงหนังสือเรียน โดยการเพ่ิมและสอดแทรกเน้ือหาสาระเก่ียวกับอาชีพ คุณธรรม
จริยธรรมและการเตรียมพรอม เพื่อเขาสูประชาคมอาเซียน ในรายวิชาที่มีความเกี่ยวของสัมพันธกัน แต
ยังคงหลักการและวิธีการเดิมในการพัฒนาหนังสือท่ีใหผูเรียนศึกษาคนควาความรูดวยตนเอง ปฏิบัติ
กจิ กรรม ทาํ แบบฝก หดั เพอื่ ทดสอบความรคู วามเขา ใจ มีการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรยี นรูก ับกลุม หรือศึกษา
เพิม่ เตมิ จากภมู ิปญญาทองถ่นิ แหลงการเรยี นรูและส่ืออน่ื
การปรบั ปรงุ หนงั สอื เรียนในครงั้ น้ี ไดรับความรว มมอื อยา งดยี ่ิงจากผูทรงคณุ วุฒิในแตละสาขาวิชา
และผเู ก่ยี วของในการจัดการเรยี นการสอนท่ศี กึ ษาคนควา รวบรวมขอมูลองคความรูจากส่ือตาง ๆ มาเรียบ
เรียงเน้ือหาใหค รบถว นสอดคลองกบั มาตรฐาน ผลการเรียนรทู ี่คาดหวัง ตัวชี้วัดและกรอบเน้ือหาสาระของ
รายวชิ า สํานักงาน กศน.ขอขอบคุณผูม ีสว นเกีย่ วขอ งทุกทานไว ณ โอกาสนี้ และหวังวาหนังสือเรียน ชุด
น้ีจะเปนประโยชนแกผูเรียน ครู ผูสอน และผูเก่ียวของในทุกระดับ หากมีขอเสนอแนะประการใด
สาํ นักงาน กศน. ขอนอมรับดวยความขอบคณุ ย่ิง
สารบัญ หนา
คาํ นาํ 1
คําแนะนาํ การใชแ บบเรยี น 74
โครงสรา งรายวิชาคณิตศาสตร ระดบั ประถมศกึ ษา 101
บทท่ี 1 จํานวนและการดาํ เนนิ การ 121
บทที่ 2 เศษสวน 130
บทที่ 3 ทศนยิ ม 179
บทท่ี 4 รอยละ 210
บทที่ 5 การวดั 227
บทท่ี 6 เรขาคณติ 239
บทที่ 7 สถิตแิ ละความนา จะเปน เบอื้ งตน 243
เฉลย บทที่ 1 จํานวนและการดาํ เนนิ การ 246
เฉลย บทท่ี 2 เศษสวน 248
เฉลย บทที่ 3 ทศนยิ ม 256
เฉลย บทที่ 4 รอยละ 263
เฉลย บทท่ี 5 การวัด
เฉลย บทที่ 6 เรขาคณิต
เฉลย บทท่ี 7 สถิตแิ ละความนาจะเปน เบือ้ งตน
คําแนะนําการใชแบบเรยี น
หนงั สือเรยี นสาระความรพู ้ืนฐาน รายวชิ า คณิตศาสตร (พค 11001) ระดบั ประถมศกึ ษาเปน หนังสอื
เรยี นทจี่ ดั ทาํ ข้นึ สาํ หรับผูเ รียนหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551
ในการศกึ ษาหนังสือเรยี นสาระความรูพ นื้ ฐาน รายวชิ า คณติ ศาสตร ผเู รียนควรปฏบิ ัตดิ งั น้ี
1. ศึกษาโครงสรางรายวิชาใหเ ขา ใจในหวั ขอสาระสาํ คัญ ผลการเรยี นรทู ี่คาดหวงั และ
ขอบขา ยเน้ือหา
2. ศกึ ษารายละเอยี ดเนือ้ หาของแตละบทอยา งละเอยี ด และทํากิจกรรมตามทกี่ ําหนด
แลว ตรวจสอบกบั แนวตอบกจิ กรรมท่ีกาํ หนด ถาผเู รียนตอบผิดควรกลบั ไปศกึ ษาและ
ทาํ ความเขาใจในเนอ้ื หานน้ั ใหมใ หเ ขา ใจกอ นทจ่ี ะศกึ ษาเรอ่ื งตอ ไป
3. ปฏบิ ัติกิจกรรมทา ยเรื่องของแตละเรื่อง เพอ่ื เปนการสรปุ ความรคู วามเขาใจของเนอ้ื หา
ในเร่อื งน้นั ๆอกี คร้ัง และการปฏิบตั ิกิจกรรมของแตละ เน้อื หาในแตละเร่อื ง ผเู รียน
สามารถนําไปตรวจสอบกบั ครูและเพ่ือนๆทีร่ วมเรียนในรายวิชาและระดบั เดียวกนั ได
4. แบบเรียนเลมน้มี ี 7 บท คือ
บทท่ี 1 จํานวนและการดาํ เนนิ การ
บทท2่ี เศษสวน
บทท3่ี ทศนิยม
บทท่ี 4 รอยละ
บทท่ี 5 การวดั
บทที่ 6 เรขาคณติ
บทท่ี 7 สถติ แิ ละความนาจะเปนเบอ้ื งตน
โครงสรา งรายวชิ าคณิตศาสตร
ระดับประถมศึกษา
(พค11001)
สาระสาํ คญั
มีความรคู วามเขาใจเกีย่ วกบั จาํ นวน และตวั เลข เศษสวน ทศนิยมและรอ ยละ การวดั
เรขาคณติ สถติ ิ และความนา จะเปนไปไดเ บื้องตน
ผลการเรียนรทู ่ีคาดหวัง
1. ระบหุ รอื ยกตวั อยางเกย่ี วกบั จาํ นวนและตวั เลข เศษสว น ทศนิยมและรอ ยละ การวดั
เรขาคณติ สถติ ิ และความนาจะเปนไปไดเ บ้ืองตน ได
2. สามารถคดิ คาํ นวณและแกโจทยปญ หาเกย่ี วกบั จํานวนนับเศษสว น ทศนยิ ม รอ ยละ
การวดั เรขาคณติ ได
ขอบขา ยเนอ้ื หา
บทที่ 1 จํานวนและการดาํ เนนิ การ
บทที่ 2 เศษสวน
บทที่ 3 ทศนยิ ม
บทที่ 4 รอ ยละ
บทที่ 5 การวดั
บทท่ี 6 เรขาคณติ
บทที่ 7 สถิตแิ ละความนา จะเปนเบื้องตน
สอ่ื การเรยี นรู
1. ใบงาน
2. หนงั สอื เรยี น
1
บทท่ี 1
จํานวนและการดําเนนิ การ
สาระสําคญั
1. การอานและเขียนตวั เลขแทนจํานวน การประมาณคา และการบวก ลบ คณู หาร การดาํ เนนิ การ
เก่ียวกับจาํ นวน การนํามาใชใ นชวี ิตประจําวนั และการบรู ณาการกับศาสตรอ ื่นได
2. สมบตั ิของจํานวนนบั และศนู ย สมบัตกิ ารสลบั ทีข่ องการบวกและการคูณ สมบตั กิ ารเปล่ยี นหมู
การบวก การคณู สมบตั กิ ารบวกดวยศนู ย สมบัตกิ ารคูณดวยหนงึ่ และสมบตั แิ ยกตวั ประกอบ
สามารถนาํ ไปใชประโยชนในการคดิ คาํ นวณได
ผลการเรยี นรทู ่คี าดหวัง
เม่ือศกึ ษาบทที่ 1 แลว ผูเรยี นสามารถ
1. อา นและเขยี นตัวเลขแทนจํานวนได
2. บอกคาประจําหลักและคาของตวั เลขได
3. เขยี นจาํ นวนในรูปการกระจายได
4. เปรยี บเทียบจํานวนนับได
5. ประมาณคาเปนจํานวนเต็มได
6. นาํ ความรแู ละสมบตั ิ เกย่ี วกับจํานวนนบั และศนู ย ไปใชได
7. บวก ลบ คณู และหาร จาํ นวนนับได
8. หาตวั ประกอบของจาํ นวนนับได
9. บอกจาํ นวนเฉพาะและตวั ประกอบเฉพาะได
10. แยกตวั ประกอบของจาํ นวนนับได
11. หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจาํ นวนนบั ที่กําหนดใหไ ด
ขอบขายเนอื้ หา
เร่ืองท่ี 1 การอานและเขียนตวั เลขแทนจาํ นวน
เรื่องที่ 2 คาประจําหลักและคาของตัวเลข
เรอื่ งที่ 3 การเขียนจาํ นวนในรปู การกระจาย
เรอื่ งที่ 4 การเรยี งลาํ ดับจํานวน
เร่อื งท่ี 5 การประมาณคา
เร่อื งท่ี 6 สมบตั ขิ องจาํ นวนนับและศนู ย และการนําไปใชใ นการแกปญหา
เรื่องที่ 7 การบวก ลบ คูณ และหาร จาํ นวนนับและการแกปญหา
2
เรื่องท่ี 8 ตัวประกอบของจํานวนนบั และการหาตัวประกอบ
เรอื่ งท่ี 9 จํานวนเฉพาะและตวั ประกอบเฉพาะ
เร่ืองที่ 10 การแยกตวั ประกอบ
เร่อื งท่ี 11 ห.ร.ม. และ ค.ร.น.
เรอ่ื งที่ 1 การอา นและเขียนตัวเลขแทนจาํ นวน
จํานวน ใชในการบอกปรมิ าณของคน สัตว ส่งิ ของตาง ๆ วามมี ากหรอื นอยเทาไร
ตัวเลข เปน สัญลักษณทใ่ี ชแทนจาํ นวน
ตวั เลขโดด เรานิยมใชต วั เลขแทนจาํ นวนตาง ๆ ซึ่งประกอบดว ยตัวเลขโดดสิบตวั ไดแก 1, 2,
3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 0
1.1 จํานวนที่เขียนแทนดวยตวั เลขหนึ่งหลัก
จํานวน ตวั หนงั สอื ตัวเลขไทย ตวั เลข
ฮนิ ดอู ารบิก
ศนู ย ๐
0
หนึง่ ๑
สอง ๒ 1
สาม ๓ 2
สี่ ๔ 3
หา ๕ 4
หก ๖ 5
เจ็ด ๗ 6
แปด ๘ 7
เกา ๙ 8
9
แบบฝกหัดท่ี 1 3
ก. จงเขียนตัวเลขไทย และเลขฮินดอู ารบกิ แทนภาพจํานวนในแตล ะขอ ตัวเลข ตัวเลข
ไทย ฮินดู
จํานวน
อารบิค
(1)
(2)
(3)
(4)
(5)
ข. จงฝกเขียนตวั เลขไทยและตวั เลขฮินดูอารบกิ แสดงจํานวน
ตวั เลขไทย
4
1.2 จาํ นวนทเ่ี ขยี นแทนดวยตวั เลขสองหลกั
จํานวน ตัวหนงั สอื ตัวเลขไทย ตัวเลข
สิบเอ็ด ๑๑ ฮนิ ดูอารบิก
หา สิบ ๕๐ 11
เกา สบิ เกา ๙๙
50
99
แบบฝก หดั ที่ 2 5
ก. จงเขียนตวั เลขไทยและตวั เลขฮินดอู ารบกิ แทนภาพจํานวนในแตละครั้ง ตัวเลข ตวั เลขฮนิ ดู
ไทย อารบิค
จํานวน
(1)
(2)
(3)
(4)
(5)
6
ข. จงฝก เขียนตวั เลขไทยและตัวเลขฮินดูอารบกิ ลงในสมดุ
๑๑ ๑๙ ๒๘ ๓๗ ๔๖ ๕๐
11 19 28 37 46 50
ค. จงเขียนตวั เลขสองหลักทเี่ รียงลาํ ดบั กนั ลงในชอ งวา งที่เวน ไว
ตวั เลขไทย
๑๐ ..... ๑๒ ๑๓ ...... ๑๕ ...... ....... ๑๘ ..... ..... ..... ๒๒ ...... ..... ...... ๒๖
๒๗ ...... ...... ๓๐
ตัวเลขฮินดูอารบิก
31 32 ..... ....... ....... 36 ...... ...... 39 ...... ....... 42 ...... 44 ...... ....... 47 ...... ....... 50
ง. จงเขยี นตวั เลขฮินดอู ารบกิ แสดงจาํ นวน
(1) สามสิบแปด ................ (2) หกสบิ หา ................ (3) เจ็ดสบิ เจ็ด ................
(4) แปดสบิ เอ็ด ................ (5) เกา สิบหก ................ (6) เกา สิบเกา ................
จ. จงเขียนเปน ตวั หนังสอื
(1) 35 ......................... (2) 53 ......................... (3) 68 .........................
(4) 86 ......................... (5) 79 ......................... (6) 97 .........................
1.3 จาํ นวนทเ่ี ขยี นแทนดว ยตวั เลขสามหลกั เชน 238
2 อยูในหลักรอ ย
3 อยใู นหลกั สิบ
8 อยใู นหลักหนว ย
2 3 8 อา นวา สองรอ ยสามสิบแปด
ตัวเลขหนาสดุ หรอื ทางซา ยมือสดุ คือ ตวั เลขหลกั รอย
ตวั เลขถดั ตวั หนามาทางขวามือ คือ ตวั เลขหลกั สิบ
ตวั เลขสุดทายหรือขวามอื สุด คือ ตวั เลขในหลกั หนวย
1.4 จาํ นวนท่ีเขยี นแทนดว ยตัวเลขสีห่ ลกั เชน 6,385
6 อยใู นหลกั พนั
3 อยใู นหลักรอย
8 อยูในหลกั สบิ
5 อยใู นหลกั หนว ย
6 3 8 5 อา นวา หกพนั สามรอ ยแปดสบิ หา
เพอ่ื สะดวกในการอาน นยิ มเขยี นเครือ่ งหมาย (,) คนั่ ระหวา งตวั เลขหลกั รอ ยกบั ตวั เลข
หลักพนั
7
1.5 จาํ นวนทเ่ี ขียนแทนดว ยตัวเลขหา หลัก หกหลกั เจ็ดหลัก และมากกวา เจด็ หลกั
1) ตัวเลขหา หลกั เชน 76,432
7 อยใู นหลกั หม่ืน
6 อยใู นหลกั พัน
4 อยูในหลักรอ ย
3 อยใู นหลักสบิ
2 อยใู นหลกั หนว ย
7 6 , 4 3 2 อา นวา เจด็ หมน่ื หกพันส่ีรอ ยสามสิบสอง
2) ตวั เลขหกหลัก เชน 278,647
2 อยใู นหลักแสน
7 อยใู นหลกั หมืน่
8 อยูในหลักพนั
6 อยูในหลักรอ ย
4 อยูในหลักสบิ
7 อยูใ นหลกั หนว ย
2 7 8 , 6 4 7 อา นวา สองแสนเจด็ หม่ืนแปดพนั หกรอ ยสี่สิบเจด็
3) ตวั เลขเจ็ดหลัก เชน 3,245,618
3 อยใู นหลกั ลา น
2 อยูในหลกั แสน
4 อยใู นหลักหม่นื
5 อยใู นหลกั พนั
6 อยูในหลกั รอย
1 อยใู นหลักสิบ
8 อยูในหลกั หนว ย
3 , 2 4 5 , 6 1 8 อานวา สามลา นสองแสนสี่หมื่นหาพันหกรอ ยสิบแปด
4) ตัวเลขที่มากกวา เจด็ หลกั เชน
15,340,796 อานวา สบิ หา ลา นสามแสนสห่ี มื่นเจด็ รอยเกา สิบหก
421,674,081 อานวา สรี่ อยยสี่ บิ เอด็ ลา นหกแสนเจ็ดหมื่นสี่พันแปดสบิ เอด็
8
จะเหน็ วา จาํ นวนนับทเ่ี ปนตวั เลขมากกวาเจด็ หลกั ตวั เลขทอ่ี ยูถ ดั จากหลักลา นทางซาย
จะเปนตวั เลขในหลักสบิ ลา น รอ ยลาน พนั ลาน.......ตามลําดับ
แบบฝกหัดที่ 3
จงเขียนคําอา นจาํ นวนท่ีแทนดวยตวั เลขตอ ไปน้ี
(1) 345 อานวา ______________________________________________________
(2) 8,017 อา นวา ______________________________________________________
(3) 20,897 อา นวา ______________________________________________________
(4) 302,466 อา นวา ______________________________________________________
(5) 1,367,589 อานวา ______________________________________________________
(6) 703,970,500 อานวา ______________________________________________________
9
เรื่องท่ี 2 คา ประจําหลกั และคาของตัวเลข
2.1 คาประจาํ หลกั ของตวั เลขทีอ่ ยูถ ัดไปทางซายมอื ของตวั เลขแตละหลกั จะเพม่ิ ขึ้นเปน สิบเทาเสมอ
และคาของตวั เลขแตละหลกั จะมคี า เทา กบั ผลคณู ของตัวเลขน้ัน ๆ กับคา ประจําหลักของตวั เลขนั้น
2.2 การอา นตวั เลขแทนจาํ นวน จะอา นแทนคาประจาํ ตําแหนง เรียงตามลําดบั จากคา ประจําหลักทมี่ ี
คา มากทีส่ ดุ ไปจนถงึ คาประจาํ หลกั ทมี่ คี า นอยทส่ี ุด เชน
จํานวน รอย ลาน หนว ย แสน หมนื่ พัน รอ ย สิบ หนวย
สิบ
216,354,789 2 1 6 3 5 4 7 8 9
216,354,789 อา นวา สองรอยสบิ หกลานสามแสนหา หมืน่ สพ่ี นั เจด็ รอ ยแปดสิบเกา
คาประจาํ หลกั และคาของตวั เลขจํานวนดังกลาว มีดังนี้
หลัก คาประจาํ หลัก ตัวเลขในแตละหลกั คา ของตัวเลขตามคาประจําหลกั
หนว ย 1 9 9x1 = 9
สิบ
รอ ย 10 8 8 x 10 = 80
พนั
หมน่ื 100 7 7 x 100 = 700
แสน
ลา น 1,000 4 4 x 1,000 = 4,000
สิบลา น
รอ ยลา น 10,000 5 5 x 10,000 = 50,000
100,000 3 3 x 100,000 = 300,000
1,000,000 6 6 x 1,000,000 = 6,000,000
10,000,000 1 1 x 10,000,000 = 10,000,000
100,000,000 2 2 x 100,000,000 = 200,000,000
จากตาราง เชน 9 เปนหลักหนว ย จึงมคี าเปน 9
8 เปนหลกั สิบ จึงมีคาเปน 80
5 เปน หลักหมนื่ จงึ มีคา เปน 50,000
2 เปน หลกั รอยลา น จงึ มคี า เปน 200,000,000
ตวั อยาง 426,739 ตัวเลขทขี่ ดี เสน ใตอ ยใู นหลกั ใด และมคี า เทา ไร
วธิ ีคิด
426,739 2 อยูในหลักหมนื่ มคี า เปน 2 x 10,000 = 20,000
10
แบบฝกหดั ท่ี 4
จงบอกวาตวั เลขทอ่ี ยใู น อยูในหลกั ใดและมีคาเทา ไร
1. 115,116 ______________________________________________________
2. 765,908 ______________________________________________________
3. 9,235,776 ______________________________________________________
4. 12,456,789 ______________________________________________________
5. 420,831,546 ______________________________________________________
เรือ่ งท่ี 3 การเขียนจํานวนในรูปกระจาย
สามารถเขียนจํานวนในรปู ของการบวกของคาประจําหลกั ดงั น้ี
ตวั อยา ง จงเขยี น 9,521,364 ในรปู ของการกระจาย
วธิ ีคดิ 9,521,364 = (9x1,000,000) + (5x100,000) + (2x10,000) (1x1,000) + (3x100) + (6x10)+(4x1)
นัน่ คือ 9,521,364 = 9,000,000 + 500,000 + 20,000 + 1,000 + 300 + 60 +4
แบบฝก หดั ท่ี 5
จงเขียนจํานวนทีก่ ําหนดใหอยใู นรปู ของการกระจายลงในสมดุ
1. 504,120 3. 19,754,830
2 468, 793 4. 562,849,321
ขอยกเวน การอา นตวั เลขในชวี ิตประจาํ วนั
ในชวี ติ ประจําวัน เราจะเห็นวามกี ารนาํ ตวั เลขไปใชก ับสง่ิ ตา ง ๆ หลายแบบ แตล ะแบบมี
วิธกี ารอา นแตกตา งกนั ไปตามแตหนวยงานท่เี กีย่ วของกาํ หนดไว หรือตามความนยิ มของคนสว นใหญ เชน
1) การอา นตามคาประจําหลกั
(1) พุทธศักราช และครสิ ตศ กั ราช เชน พ.ศ. 2552 อานวา พุทธศักราชสองพันหารอยหาสบิ สอง
ค.ศ. 2009 อา นวา คริสตศักราชสองพนั เกา
(2) บา นเลขทอี่ านได 2 แบบ คือ 1. อา นตามคา ประจาํ หลกั สาํ หรบั ตวั เลขหนาเครื่องหมาย /
เชน 377/18 อา นวา บา นเลขท่ีสามรอ ยเจ็ดสบิ เจ็ดทับหน่งึ แปด และ 2. อา นแบบเรยี งตัว
หลงั เครอื่ งหมาย / บา นเลขที่ 94/140 อา นวา บา นเลขท่ี เกาสีท่ บั หนึ่งสศ่ี ูนย
11
2) การอา นแบบเรียงตวั
(1) รหสั ไปรษณยี เชน
10510 อานวา หนึ่งศูนยห าหนึง่ ศนู ย
10300 อา นวา หนึง่ ศนู ยส ามศนู ยศ นู ย
(2) ทะเบียนยานพาหนะ เชน
ธศ 3041 อา นวา ทอสอสามศูนยสี่หน่ึง
หมายเหตุ เพอื่ ปองกนั ความสบั สน มกั จะอานชอ่ื ของพยญั ชนะไทยไปดว ย เชน ทอธงสอ
สาลา สามศูนยสห่ี น่งึ
(3) หมายเลขโทรศัพท เชน
02 – 571 – 4239 อา นวา ศูนยสองหาเจ็ดหนง่ึ สี่โทสามเกา
08 – 1480 – 3424 อานวา ศูนยแ ปดหนึ่งส่ีแปดศนู ยส ามสโ่ี ทสี่
หมายเหตุ ตัวเลข 2 ในหมายเลขโทรศัพท นิยมอานวา โท เพราะชว ยใหฟ ง ชดั เจนข้นึ
(4) หนงั สอื ราชการ เชน ท่ี กท 2013.2/27 อานวา ท่ี กอทอสองศนู ยหน่ึงสาม จุดสองทบั สองเจด็
เรือ่ งที่ 4 การเรียงลําดบั จาํ นวน
การเรยี งลําดบั จาํ นวน โดยการนําจํานวนหลาย ๆ จาํ นวนมาเปรยี บเทียบกนั ทีละคู แลว
เรียงลําดบั จากจาํ นวนนอยไปหาจํานวนมาก หรือจากจาํ นวนมากไปหาจํานวนนอย
วิธีการเปรยี บเทียบ ใหดูทีละหลักวา ตวั เลขในหลกั เดยี วกนั จาํ นวนใดมีคามากกวา แตถ ามี
คา ของหลกั เลขตวั แรกเทา กัน กใ็ หด ตู วั เลขในหลักถัดไป ทาํ เชน นไ้ี ปจนครบทกุ หลัก
ตวั อยาง จงเปรยี บเทยี บวา 39,215 กบั 39,251 จํานวนใดมคี า มากกวา แลว เรียงลาํ ดบั จากมากไปนอย
วิธคี ดิ จํานวนทง้ั สอง มคี า ตวั เลขในหลกั หมืน่ หลกั พนั และหลักรอยเทากัน จึงใหพิจารณาตวั เลข
ในหลักถัดไป คอื หลกั สิบ จะเห็นวา หลกั สบิ ของจํานวน 39,251 คอื 5 มคี า เปน 50
แตหลักสิบของจาํ นวน 39,215 คือ 1 มคี า เปน 10 ดังน้ัน 39,251 มคี ามากกวา 39,215
จงึ เขียนเรยี งลําดบั ไดด งั น้ี 39,251 39,215
แบบฝก หดั ท่ี 6 จงเรียงลาํ ดับจากจํานวนนอ ยไปหาจํานวนมาก
1. 956,420 965,204 659,024 69,594 69,945
2. 10,050 10,500 1,001,001 110,001 111,100
3. 769,386 1,001,900 972,142 893,013 100,119
4. 2,403,107 2,460,710 2,471,613 2,498,789 999,991
12
4.1 การเปรยี บเทียบจาํ นวนโดยใชเ ครือ่ งหมาย > (มากกวา ), < (นอ ยกวา), = (เทา กบั ), ≠ (ไมเทา กบั )
(1) ถาจาํ นวนทอ่ี ยขู างหนา มากกวาจาํ นวนทีอ่ ยขู า งหลงั ใหใ ชเครอ่ื งหมาย > เชน
85 > 58 อา นวา แปดสิบหา มากกวา หาสิบแปด
72 > 48 อานวา เจ็ดสบิ สองมากกวาส่ีสบิ แปด
(2) ถา จาํ นวนท่อี ยูข างหนา นอยกวา จํานวนขา งหลังใหใชเครื่องหมาย < เชน
58 < 85 อานวา หาสิบแปดนอยกวา แปดสิบหา
48 < 72 อา นวา ส่ีสิบแปดนอยกวา เจด็ สิบสอง
(3) ถา จาํ นวนสองจาํ นวนมคี า เทา กันใหใ ชเคร่ืองหมาย = เชน
25 + 55 = 80 อานวา ผลบวกของย่สี ิบหา กบั หา สิบหามีคา เทา กบั แปดสบิ
120 + 40 = 160 อานวา ผลบวกของหนง่ึ รอยย่สี ิบกบั ส่ีสบิ มีคา เทากบั หน่ึงรอ ยหกสบิ
(4) ถา จํานวนสองจํานวนมีคาไมเทากนั ใหใ ชเ ครอ่ื งหมาย ≠ เชน
1,031 ≠ 1,003 อานวา หนง่ึ พันสามสิบเอ็ดมีคาไมเ ทากบั หนงึ่ พนั สาม
แบบฝก หดั ที่ 7
จงเปรียบเทียบจํานวนตอ ไปน้ี โดยเติมเครื่องหมาย > < หรอื = ลงในชองวาง
(1) 89 98 (2) 1,181 1,811
(3) 1,888 8,881 (4) 335 553
(5) 1,001 1,100 (6) 1,500 1,005
(7) 202 + 28 230 (8) 23,870 23,807
(9) 495 385 + 110 (10) 7,605 7,650
เรอื่ งที่ 5 การประมาณคา
การบอกขนาด ปรมิ าณ หรือจาํ นวนสิง่ ของตา ง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ งกบั ชีวติ ประจําวัน บางครั้ง
ไมต องการความละเอยี ดมาก จึงใชก ารประมาณคาใกลเคยี งสงิ่ น้นั ๆ มากท่ีสุด เพอื่ การจดจาํ ไดงา ย
5.1 การประมาณคาใกลเคยี งจํานวนเตม็ สิบ
110 111 112 113 114 115 116 117 118 119 120 121 122
114 อยรู ะหวาง 110 กบั 120 แตอยใู กล 110 มากกวา
ดงั นน้ั คา ประมาณใกลเ คยี งจาํ นวนเต็มสิบของ 114 คอื 110
และ 115 อยูกึง่ กลางระหวาง 110 และ 120 คาประมาณใกลเ คยี งจํานวนเตม็ สบิ ของ 115 คอื 120
13
การประมาณคา ใกลเคยี งจํานวนเต็มสบิ ของจํานวนใด ๆ ใหพจิ ารณาตวั เลขในหลกั หนว ยของ
จาํ นวนน้ัน
ถา หลกั หนว ยมคี าต่ํากวา 5 ใหป ระมาณเปน จาํ นวนเตม็ สิบที่มีคานอ ยกวาและถาหลกั หนว ย
มคี า เท5า .ก2ับก5ารหปรรือะหมนาวณยคสา ูงใกกวลาเค5ียใงหจปาํ นรวะนมเาตณ็มเรปอ น ยจพาํ นันวหนมเตน่ื ็มสแสบิ นที่มีคามากกวา
การประมาณคา ใกลเ คยี งจาํ นวนเตม็ รอ ย พนั หมน่ื แสน กใ็ ชหลกั การเดียวกนั คอื ใหพ จิ ารณา
ตัวเลขในหลักถัดไปที่ต่าํ กวา
- ลองพิจารณาคา ประมาณใกลเคยี งจํานวนเตม็ รอยของ 2,440 และ 2,460
- คาประมาณใกลเ คยี งจาํ นวนเตม็ รอ ยของ 2,440 คอื 2,400
- คา ประมาณใกลเ คียงจํานวนเตม็ รอ ยของ 2,460 คอื 2,500
แบบฝกหดั ที่ 8
ก. หาคาประมาณใกลเคียงจาํ นวนเตม็ สบิ
1) 54 _____________________________ 6) 718 ______________________________
2) 129 ____________________________ 7) 895 ______________________________
3) 381 _____________________________ 8) 919 ______________________________
4) 562 _____________________________ 9) 1,045 ____________________________
5) 675 _____________________________ 10) 2,655 ___________________________
ข. หาคา ประมาณใกลเคียงจาํ นวนเต็มรอย
1) 109 _____________________________ 6) 1,049 ______________________________
2) 182 ____________________________ 7) 2,534 ______________________________
3) 276 _____________________________ 8) 5,079 ______________________________
4) 593 _____________________________ 9) 14,306 _____________________________
5) 626_____________________________ 10) 203,148 ___________________________
ค. หาคา ประมาณใกลเคยี งจํานวนเตม็ แสนของพลเมอื งประเทศตา ง ๆ
1) ประเทศญี่ปนุ 118,519,000 คน _________________________________________
2) ประเทศฝรงั่ เศส 55,239,000 คน ________________________________________
3) ประเทศอนิ เดีย 688,600,000 คน ________________________________________
4) ประเทศจีน 1,004,000,000 คน _________________________________________
5) ประเทศรสั เซีย 279,900,000,000 คน ____________________________________
14
เรื่องท่ี 6 สมบตั ขิ องจํานวนนับและศนู ย และการนาํ ไปใช ในการแกปญหา
จาํ นวนนบั คอื จํานวนเตม็ บวก ไดแก 1, 2, 3, 4, 5, ... เปน ตน ไป เรื่อย ๆ
จํานวนนับที่มคี านอ ยท่ีสดุ คอื 1
จํานวนนับทมี่ คี า มากที่สดุ ไมสามารถบอกคาได เพราะจาํ นวนนบั มมี ากมาย ไมสิน้ สุด
เราสามารถนบั ไปไดเ รอ่ื ย ๆ
สว น 0 เปนตวั เลข แตไ มใ ชจ ํานวนนับ
6.1 สมบัตขิ องหนง่ึ
1) การคณู จํานวนใด ๆ ดว ยหนึ่งหรือคณู หนงึ่ ดว ย จาํ นวนใด ๆ จะไดผ ลคณู เทา กับ
จาํ นวนนับ เชน
4 1=4
หรือ 1 4 = 4
2) การหารจํานวนใด ๆ ดวยหนง่ึ จะไดผลหารเทากับจาํ นวนนนั้ เชน
3÷1=3
หรอื 7 ÷ 1 = 7
6.2 สมบตั ิของศนู ย
1) การบวกจํานวนใด ๆ ดว ยศนู ยหรือการบวกศนู ยดว ยจาํ นวนใด ๆ จะไดผลบวกเทา กับ
จํานวนน้นั เชน
2+0=2
หรือ 0 + 2 = 2
2) การคูณจํานวนใด ๆ ดว ยศนู ย หรอื การคณู ศนู ยด วยจาํ นวนใด ๆ จะไดผ ลคณู เทากับศนู ย เชน
2×0=0
หรอื 0 × 2 = 0
3) การหารศนู ยดวยจํานวนใด ๆ ที่ไมใชศ นู ย จะไดผ ลหารเทากับศูนย เชน
0÷6=0
หรือ 0 ÷ 8 = 0
หรือ 0 ÷ 15 = 0
หมายเหตุ ในทางคณิตศาสตร เราไมใ ช 0 เปนตวั หาร ดงั นนั้ การหารจาํ นวนใด ๆ ดว ย 0 ไมมี
ความหมายทางคณิตศาสตร
เชน 5 ÷ 0 ไมมคี วามหมายทางคณิตศาสตร
หรือ 36 ÷ 0 ไมม ีความหมายทางคณิตศาสตร
หรอื 790 ÷ 0 ไมม ีความหมายทางคณติ ศาสตร
15
ตองเปนศูนย 4) ถาผลคณู ของ 2 จํานวนใด ๆ เทากับศนู ย จํานวนใดจาํ นวนหนึ่งอยา งนอ ยหน่งึ จาํ นวน
เชน
หรือ 4×0=0
หรอื 0×9=0
0×0=0
16
เรือ่ งท่ี 7 การบวก การลบ การคูณ การหาร จํานวนนับ และการแกปญ หา
7.1 การบวก
ความหมายของการบวก
การบวก คอื การนาํ จํานวนตั้งแต สองจาํ นวนขึน้ ไปมารวมกัน จํานวนทไ่ี ดจากการรวม
จํานวนตา ง ๆ เขา ดว ยกนั เรยี กวา “ผลรวม” หรอื “ผลบวก” และใชเครื่องหมาย + เปน สัญลักษณแสดงการบวก
รูปแบบของการบวก
การบวกตามแนวนอน การบวกตามแนวตง้ั
5+2 = 7 5 เรียกวา ตวั ตงั้
2 + เรียกวา ตวั บวก
7 เรยี กวา ผลบวก
หลักหนว ย หลกั สิบ หลักหนวย
50 + 10 = 60 5 + 0 +
1 0
60
หลักสบิ
หลกั สบิ หลักรอ ย หลกั สิบ หลกั หนวย
หลกั หนวย 4 0 00+
400 + 250 =650 2 5
หลักรอ ย 650
การบวกกบั 0
1) จาํ นวนเลขทเี่ ปน 0 บวกกับ 0 ไดผ ลบวกเปน 0
2) จาํ นวนเลขใด ๆ บวกกบั 0 จะไดผลบวกเทา กบั เลขจาํ นวนนน้ั เชน 5 + 0 ได 5 หรือ 0 + 5 ได 5
การบวกจํานวนสองจาํ นวนและสามจํานวนที่ไมม กี ารทด
การบวกจาํ นวน 2 จํานวน การบวกจาํ นวน 3 จํานวน
123 + 543 = 6 6 6 2 , 3 1 2 + 2, 1 1 4 + 5, 3 2 1 = 9 , 7 4 7
123 + 2,3 1 2
54 3 2,1 1 4 +
6 6 6 5,3 2 1
9,7 4 7
การบวกจํานวนสองจํานวน หรือสามจาํ นวนที่ไมมกี ารทด เปนการนาํ จํานวนเลขสองจํานวน
หรอื สามจาํ นวนมาบวกกัน แลวผลบวกของตัวเลขแตล ะหลกั จะมีคา ไมเกิน 9
17
เราสามารถหาผลบวกของการบวกจํานวนเลขตามแนวนอนได โดยมีวิธีทาํ ดงั นี้
ตัวอยาง 423 + 215 มคี าเทา ไร
วธิ ีทํา 423 + 215 = 638
ตอบ 638
วิธีคดิ คอื 4 2 3 215
จํานวนที่ หนง่ึ จาํ นวนที่ สอง
ใหบ วกทีละหลัก โดยเรมิ่ จากหลกั หนว ยขวามือสดุ ของทัง้ 2 จํานวน ดงั นี้
หลักหนวย เลข 3 ของจํานวนที่ หนึ่ง บวกกบั เลข 5 ของจํานวนที่ สอง ไดเทากบั 8 ใสล งไปในผลบวก
ของหลักหนว ย
หลักสิบ เลข 2 ของจาํ นวนท่ี หน่งึ บวกกบั เลข 1 ของจํานวนท่ี สอง ไดเ ทากับ 3 ใสล งไปในผลบวก
ของหลกั สบิ
หลกั รอ ย เลข 4 ของจาํ นวนท่ี หน่ึง บวกกับ เลข 2 ของจาํ นวนท่ี สอง ไดเ ทา กบั 6 ใสล งไปในผลบวก
ของหลักรอย
ผลบวก รวมผลบวกเปน 638
การบวกโดยการกระจายจํานวนตามคา ประจําหลกั
ตวั อยาง 310 + 423 + 236 มคี าเทา ไร
วิธีทํา 310 + 423 + 236 = (300 + 10 + 0) + (400 + 20 + 3) + (200 + 30 + 6)
= (300 + 400 + 200) + (10 + 20 + 30) + (0 + 3 + 6)
= 900 + 60 + 9
= 969
ตอบ 969
18
แบบฝก หดั ท่ี 9
ก. ใหเ ติมเครอื่ งหมาย > , < หรือ = ลงใน
(1) 98 80 + 9 (2) 138 + 821 959
(3) 999 + 101 1,101 (4) 11,312 10,000 + 1,213
ข. ใหห าผลบวกของจาํ นวนตอ ไปน้ี
(1) 62 + 6 (2) 43 + 34
(3) 1,234 + 2,103 (4) 312 + 213 + 101
(5) 2,311 + 3,042 + 506
การหาผลบวกของจํานวนเลขตามแนวตง้ั มวี ิธที ําดงั น้ี
วธิ ีท่ี 1 โดยการกระจายจํานวนตามคา ประจําหลกั
ตัวอยา งที่ 1 147 + 720 มีคา เทาไร
วิธีทาํ 147 + 100 + 40 + 7 +
720 700 + 20 + 0
800 + 60 + 7 = 867
ตอบ 867
ตัวอยางที่ 2 จงหาผลบวกของ 2,433 กบั 2,114 และ 5,322
วิธที าํ 2,433 + 2,000 + 400 + 30 + 3 + จาํ นวนท่ี 1
2,114 2,000 + 100 + 10 + 4 จํานวนท่ี 2
ผลบวก
5,322 4,000 + 500 + 40 + 7 จํานวนท่ี 3
5,000 + 300 + 20 + 2 + = 9,869 ผลบวก
9,000 + 800 + 60 + 9
ตอบ 9,869
19
วธิ ที ่ี 2 โดยใชว ิธีลดั
ตวั อยา ง147 + 720 มคี า เทาไร
วธิ ีทาํ 147 +
720
ตงั้ ตัวเลขแตละตวั ใหมหี ลักตรงกนั แลวบวกทลี ะหลกั
867
ตอบ 867
ตวั อยา ง จงหาผลบวกของ 2,433 กบั 2,114 และ 5,322
วิธีทาํ 2, 4 3 3 +
2, 1 1 4
4, 5 4 7 +
5, 3 2 2
9, 8 6 9
ตอบ 9,869
แบบฝก หดั ที่ 10
ก. ใหห าผลบวกของจํานวนตอไปนี้ โดยวธิ กี ระจายจาํ นวนตามคา ประจาํ หลัก
(1) 140 + 123
(2) 210 + 304 + 63
(3) 11,200 + 3,504 + 23,183
(4) 210,250 + 454,104 + 33,141
ข. ใหห าผลบวกโดยใชต ารางหลักเลขและวิธลี ัด
(1) 121 + 47
(2) 132 + 325
(3) 12,100 + 454,104 + 33,141
(4) 1,152,113 + 2,112,421 + 1,320,260
20
การบวกจาํ นวนสองจํานวนและสามจํานวนทมี่ กี ารทด
การบวกจาํ นวน 2 จาํ นวน การบวกจาํ นวน 3 จาํ นวน
7,665 + 5,247 = 12,912 22,452 + 76,258 + 50,864 = 149,574
7, 6 6 5
2 2,4 5 2 +
5, 2 4 7
7 6,2 5 8 +
12, 9 1 2 5 0, 8 6 4
1 4 9, 5 7 4
การบวกจํานวนสองจาํ นวนและสามจาํ นวนทม่ี กี ารทด มวี ธิ ที ํา และวิธีคิดเชนเดียวกบั การบวกทไี่ ม
มที ด แตเมื่อผลบวกของตวั เลขในแตละหลักไดตง้ั แต 10 ขน้ึ ไป จะตอ งทดเลขตวั หนาขน้ึ ไปบวกกับตัวเลข
ในหลักท่ีสูงกวาถดั ไปขา งหนา
การหาผลบวกของการบวกจาํ นวนเลขที่มีการทดตามแนวนอน
วิธที ี่ 1 โดยวธิ ลี ดั
ตัวอยาง จงหาผลบวกของ 7,665 กบั 5,247
วธิ ที าํ 7,665 + 5,247 = 12,912
ตอบ 12,912
วธิ ีคดิ คือ
7,665 5,247
จํานวนท่ี หนึ่ง จํานวนท่ี สอง
หลักหนวย 5 ของจํานวนท่ี หนึ่ง บวกกบั 7 ของจํานวนท่ี สอง เปน 12 ใหใ ส 2 ลงไปในผลบวกของ
หลกั สิบ
หลกั รอ ย หลกั หนว ย สว น 1 ซ่งึ เปน หลักสิบใหทดขน้ึ ไปไวบ วกกบั ตวั เลขในหลักสิบตอไป โดยการ
ทดไวกอน
6 ของจํานวนท่ี หนง่ึ บวกกบั 4 ของจาํ นวนที่ สอง เปน 10 แลว บวกกบั 1 ท่ีทดไวเ ปน 11
ใหใ ส 1 ตัวหลงั ลงไปในผลบวกของหลกั สบิ สว น 1 ตัวหนาใหทดข้ึนไปไวบวกกบั ตวั เลข
ในหลกั รอยตอ ไป
6 ของจํานวนท่ี หนงึ่ บวกกบั 2 ของจาํ นวนท่ี สอง เปน 8 แลว บวกกบั 1 ท่ีทดไวเ ปน 9 ใส
ลงไปในผลบวกของหลกั รอ ย
หลกั พัน 21
ผลบวก
7 ของจาํ นวนที่ หนึ่ง บวกกับ 5 ของจํานวนที่ สอง เปน 12 ใหใส 2 ลงไปในผลบวกของ
หลักพนั และใส 1 ลงไปในผลบวกของหลกั หมนื่ ไดเ ลย เพราะไมมีเลขตวั หนาทจ่ี ะบวกอีก
แลว
ดังนน้ั ผลบวกเปน 12,912
วธิ ีที่ 2 โดยการกระจายจํานวนตามคาประจําหลกั
ตวั อยาง 7,665 + 5,247 มคี าเทา ไร
วิธที ํา 7,665 + 5,247 = (7,000 + 600 + 60 + 5) + (5,000 + 200 + 40 + 7)
= (7,000 + 5,000) + (600 + 200) + (60 + 40) + (5 + 7)
= 12,000 + 800 + 100 + 12
= 12,000 + 900 + (10 + 2)
= 12,000 + 900 + 10 + 2
= 12,912
ตอบ 12,912
การหาผลบวกของจาํ นวนท่มี กี ารทดตามแนวตง้ั
วธิ ที ี่ 1 โดยการกระจายจํานวนตามคา ประจาํ หลกั
ตวั อยา ง จงหาผลบวก 627,665 กับ 385,247
วิธีทํา
6 2 7, 6 6 5 600,000 + 20,000 + 7,000 + 600 + 60 + 5
3 8 5, 2 4 7 300,000 + 80,000 + 5,000 + 200 + 40 + 7
900,000 + 100,000 + 12,000 + 800 + 100 + 12
วธิ ีท่ี 2 โดยใชว ธิ ลี ตดั อบ = 1,000,000 + (10,000 + 2,000) + 900 + (10 + 2)
= 1,000,000 + 10,000 + 2,000 + 900 + 10 + 2
= 1,012,912
1,012,912
22
วิธีที่ 2 โดยใชวธิ ลี ดั
ตวั อยา ง จงหาผลบวกของ 31,562 87,149 และ 60,975
วิธีทํา
3 1 ,5 6 2
8 7 ,1 4 9
6 0 ,9 7 5 +
1 7 9 ,6 8 6
ตอบ 179,686
แบบฝกหดั ที่ 11
ก. ใหน กั ศกึ ษาหาผลบวกของจํานวนตอ ไปนี้ โดยการกระจายจาํ นวนตามคาประจาํ หลกั ตาม
แนวนอน
(1) 54,623 + 93,545 (2) 871,496 + 247,308
ข. ใหนกั ศกึ ษาหาผลบวกของจํานวนตอไปนี้ โดยใชตารางหลักเลข และวิธลี ดั ตามแนวต้งั
(1) 3,486,801 + 1,670,528 (2) 584, 169 + 958,782 + 321,456
โจทยปญ หาการบวก
ตวั อยาง สวนแรกเกบ็ มะพราวได 2,355 ผล สวนทีส่ องเกบ็ ได 4,020 ผล สวนที่สามเกบ็ ได
3,700 ผล รวมเก็บมะพราวไดกีผ่ ล
ประโยคสญั ลกั ษณ คือ 2,355 + 4,020 + 3,700 =
วิธที ่ี 1 สวนแรกเก็บมะพราวได 2,355 ผล
สวนที่สองเกบ็ ได 4,020 ผล
สวนทสี่ ามเก็บได 3,700 ผล
รวมเก็บมะพราวได 2,355 + 4,020 + 3,700 = 10,075 ผล
ตอบ 10,075 ผล
วธิ ที ่ี 2 สวนแรกเก็บมะพราวได 2,355 ผล
สวนทส่ี องเกบ็ ได 4,020 + ผล
สวนทีส่ ามเก็บได 3,700 ผล
รวมเก็บมะพราวได 10,075 ผล
ตอบ 10,075 ผล
23
การทาํ โจทยเ กยี่ วกบั การบวก มีวธิ กี ารบวกเชนเดียวกับการบวกจํานวนเลขธรรมดา แลวแต
จะเลอื กทําวิธใี ด แตท ่นี ยิ มมกั ทํา 2 วิธีขางบน โดยเฉพาะ วธิ ที ี่ 2 เหมาะสําหรบั โจทยทม่ี ตี ัวเลขมาก ๆ
จะทาํ ใหก ารบวกตัวเลขงา ยและถูกตองมากขึ้น
แบบฝก หดั ท่ี 12
ใหแสดงวธิ ีทํา
(1) ในตาํ บลหนงึ่ มีคนแก 1,323 คน คนวัยทาํ งาน 9,705 คน เด็ก 4,320 คน รวมมปี ระชากรทั้งหมดกคี่ น
(2) นายชาลีขายขา วครั้งที่หนงึ่ ไดเ งนิ 18,257 บาท ครัง้ สองที่ขายได 16,540 บาท ครงั้ ท่ีสามขายได
13,050 บาท นายชาลีขายขาวรวมสามครั้งไดเงินทั้งหมดเทาไร
(3) สถานสงเคราะหเดก็ แหง หนึ่งไดร ับบริจาคเงนิ จากผมู ีจติ ศรทั ธา ครง้ั ที่หนง่ึ ไดเงิน 351,279 บาท
ครั้งทีส่ องไดเงิน 131,217 บาท รวมไดรับเงินบรจิ าคทงั้ หมดเทา ไร
(4) ถา นายปองซ้ือตูเ ย็นผอนสง เดือนละ 2,500 บาท ซือ้ โทรทัศนผอ นสงเดอื นละ 3,500 บาท และ
ซือ้ หมอ หงุ ขาวไฟฟา ผอ นสง อีกเดือนละ 500 บาท นายปองจะตองผอนสง เงินใหร า นคา ทัง้ หมด
เดือนละเทา ไร
สมบัตกิ ารสลบั ทขี่ องการบวก
ตวั อยางที่ 1 403 + 326 = 729
326 + 403 = 729
ดังนน้ั 403 + 326 = 326 + 403
ตวั อยางท่ี 2 2 3 4 + 641 +
6 4 1 234
875 875
จํานวนสองจาํ นวนทน่ี ํามาบวกกนั สามารถสลบั ที่กันได โดยทผ่ี ลบวกยังคงเทาเดิม ดงั เชน
12 + 36 = 36 + 12
เราเรียกคณุ สมบตั ิขอ นวี้ า “สมบัติการสลบั ทข่ี องการบวก”
24
สมบัตกิ ารเปลย่ี นหมู
สมบตั กิ ารเปลย่ี นหมขู องการบวก
3 + 5+ 2 = (3 + 5) + 2 3 + 5 + 2 = 3 + (5 + 2)
= 8 +2 = 3+7
= 10 = 10
ดงั น้ัน (3 + 5 ) + 2 = 3 + (5 + 2)
121 + 122 + 321 = (121 + 122) + 321 121 + 122 + 321 = 121 + (122+321)
= 243 + 321 = 121 + 443
= 564 = 564
ดังนัน้ (121 + 122) + 321 = 121 + (122 + 321)
ในการบวกจาํ นวนสามจาํ นวน ตองบวกทลี ะสองจํานวนกอ น โดยจะบวกสองจํานวนใดกอ นก็ได
แลวจึงไปบวกกบั จํานวนทเ่ี หลอื ผลบวกจะเทากัน เราเรยี กสมบัตขิ อน้วี า “สมบัตกิ ารเปลี่ยนหมูของการบวก” และ
นยิ มใสเ ครอ่ื งหมายวงเล็บ ( ) คนั่ จํานวนสองจาํ นวนทจี่ ะบวกกอ น
เราสามารถแสดงคณุ สมบัตกิ ารเปลย่ี นหมขู องการบวกได ดงั น้ี
ตวั อยา ง 41 + 12 + 34 = (41 + 12) + 34
วิธีที่ 1 41 + 12 + 34 = 53 + 34
= 87
วธิ ีท่ี 2 = 41 + (12 + 34)
= 41 + 46
= 87
โดยทวั่ ไปนยิ มนําสมบตั กิ ารเปลย่ี นหมูข องการบวก ไปใชบ วกจาํ นวนสองจาํ นวนทน่ี อย
กอ นแลว จงึ ไปบวกกบั จํานวนท่ีมาก เชน วธิ ีท่ี 2 หรือถามสี องจํานวนใดทบ่ี วกกนั แลวไดผ ลบวกลงทายดว ย
0 ก็จะบวกสองจํานวนนน้ั กอน แลวจึงบวกดว ยจํานวนท่เี หลอื จะชว ยใหค ดิ เลขงายขน้ึ
25
7.2 การลบ
ความหมายของการลบ
การลบ คอื การนาํ จาํ นวนหนงึ่ หกั ออกจากอกี จํานวนหน่งึ หรอื เปน การเปรยี บเทียบจาํ นวนสองจาํ นวน
ซ่ึงจํานวนที่เหลอื หรอื จํานวนทีเ่ ปน ผลตางของสองจาํ นวนนี้เรยี กวา “ผลลบ” และใช
เครอ่ื งหมาย – เปน สัญลักษณแสดงการลบ
รูปแบบของการลบ
การลบตามแนวนอน การลบตามแนวตงั้
7- 2 = 5 7 – ตวั ตัง้
2 ตัวลบ
ตัวต้งั ตวั ลบ ผลลบ 5 ผลลบ
405 - 200 = 205 รอย สิบ หนว ย
40 5–
20 0
20 5
1. การลบ มี 2 รูปแบบ เชน เดียวกับการบวก คือ การลบตามแนวนอน และการลบตามแนวตง้ั แตละ
รูปแบบจะมวี ธิ ีคดิ และวธิ ีลบเหมอื นการบวก คือ ตอ งลบกันทลี ะหลัก โดยเร่ิมจากหลักหนวยกอน
แลว จึงลบหลกั ถดั ไปขางหนา ตามลําดบั
2. การลบกับ 0
2.1 จํานวนเลขทเี่ ปน 0 ลบกบั 0 ไดผลลบเปน 0
2.2 จาํ นวนใด ๆ ทีม่ ีตวั ลบเปน 0 จะไดผ ลลบเทากับเลขจํานวนนน้ั เชน 5 – 0 = 5
การลบท่ไี มม กี ารกระจายขา มหลกั
การลบทไี่ มมีการกระจายขา มหลัก เปน การลบกันของจํานวน สองจาํ นวน ซ่งึ ตัวเลขในแตล ะหลกั ของ
ตัวลบไมเ กนิ ตวั ต้ังซ่ึงอยูในหลกั เดยี วกนั เราสามารถแสดงวิธีการลบทีไ่ มม กี ารกระจายขา มหลกั ได ดงั นี้
วธิ ีที่ 1 โดยวิธลี ดั
ตัวอยาง 465 หกั ออกเสีย 214 จะเหลือเทาไร
วิธที าํ ประโยคสญั ลกั ษณ คือ 465 – 214 =
465 - 214 = 251
ตอบ 251
26
วธิ ีคิด ขน้ั ที่ 1 ลบหลกั หนวยกอน คอื 5 หกั ออกเสยี 4 เหลอื 1
ขั้นท่ี 2 ลบหลกั สิบ คอื 6 หักออกเสีย 1 เหลือ 5
ขั้นท่ี 3 ลบหลกั รอ ย คอื 4 หกั ออกเสยี 2 เหลือ 2
ดังนนั้ ผลลบ คอื 251
วิธที ี่ 2 โดยการกระจายจํานวนตามคาประจาํ หลกั
ตวั อยาง มาลยั มีเงนิ 255 บาท ใชไ ป 120 บาท มาลยั เหลอื เงินเทาไร
ประโยคสญั ลักษณ คือ 255 – 120 =
วธิ ที าํ มาลัยมีเงนิ 255 บาท
ใชไ ป 120 บาท
มาลัยเหลือเงนิ 255 – 120 = (200 + 50 + 5) – (100 + 20 + 0)
= (200 – 100) + (50 – 20) + (5 – 0)
= 100 + 30 + 5
= 135 บาท
วธิ คี ดิ ตอบ 135 บาท
ขนั้ ที่ 1 กระจายตวั ต้งั และตวั ลบตามคา ประจาํ หลกั โดยใสว งเล็บไวและมเี ครื่องหมาย – คัน่ ระหวา ง
2 วงเล็บ
ขน้ั ท่ี 2 จบั คูใหมโ ดยเอาคาประจาํ หลักทอ่ี ยใู นหลักเดียวกนั ใสไ วใ นวงเลบ็ เดียวกนั และมีเครื่องหมาย –
คน่ั กลาง สวนนอกวงเล็บใสเ ครือ่ งหมาย + คน่ั (ดบู รรทดั ที่ 2)
ขั้นที่ 3 เอาจาํ นวนในแตละวงเล็บลบกัน ไดเทา ไร ใสเ ครอ่ื งหมาย + คั่นแตล ะจาํ นวน (ดูบรรทดั ท่ี 3)
ขนั้ ท่ี 4 จะเหน็ วา บรรทดั ที่ 3 ที่เหลอื แตละจาํ นวน คอื คา ประจําหลกั จึงมาบวกกนั ใหเ ปนจาํ นวน
เดยี วกนั คอื 135 (ดูบรรทัดท่ี 4)
การลบจาํ นวนสองจาํ นวนตามแนวตง้ั ที่ไมมกี ารกระจายขา มหลกั
การลบจํานวนสองจาํ นวนตามแนวต้ังน้ี ตัวตั้งตองอยขู า งบนตัวลบเสมอ และตวั เลขแตละหลักตอ ง
ตรงกันดวย เราสามารถหาผลลบไดดงั นี้
วธิ ีที่ 1 โดยการกระจายจํานวนตามคาประจําหลกั
ตัวอยาง 756 – 302 =
วิธีทํา
756 – 700 + 50 + 6 –
302 300 + 0 + 2
400 + 50 + 4 = 454
ตอบ 454
27
วิธที ี่ 2 โดยวธิ ีลดั
เน่อื งจากวธิ ีลัดนี้ มีแนวคดิ และวธิ ีการทาํ มาจากการใชตารางหลกั เลข ดังน้นั จะแสดงขั้นตอนการทําใหด ู
ดังน้ี
ตัวอยาง จงหาผลลบของ 578 กบั 453
ประโยคสญั ลกั ษณ คือ 578 - 453 =
วิธที าํ 5 7 8 –
453
125
ตอบ 125
การลบท่มี กี ารกระจายขา มหลัก
การลบท่ีมกี ารกระจายขามหลัก ใชเมอ่ื ตวั เลขในแตล ะหลักของตวั ตง้ั นอยกวา ตวั ลบ ซ่งึ อยใู นหลกั
เดียวกนั จงึ ตองมกี ารกระจายตัวตงั้ ขามหลกั โดยกระจายตวั ตง้ั ในหลกั ที่สูงกวา ซึง่ อยูถ ดั ไปขางหนาหนง่ึ หลกั มา
รวมกับตวั ตัง้ ตวั ที่นอ ยกวาน้ี แลวจึงนาํ ตวั ลบมาหกั ออก ซง่ึ เราสามารถแสดงวธิ ีการลบทม่ี ีการกระจายหลักได
ดังน้ี
การลบจาํ นวนสองจํานวนตามแนวนอนทีม่ กี ารกระจายขามหลกั
การลบตามแนวนอนนี้ เรานยิ มใชว ธิ ีลัดมากกวาการกระจายจาํ นวนตามคา ประจําหลกั เพราะ
ดไู มซับซอน ดงั น้ันจะแสดงวธิ ีลดั อยางเดยี วดังนี้
ตวั อยาง 56 – 38 =
วธิ ที าํ 56 – 38 = 18
ตอบ 18
วิธคี ิด 56 – 50 + 6 –
38 30 + 8
ใชวธิ ีคดิ แบบการกระจายจํานวนตามคาประจาํ หลกั ตามแนวตง้ั จะเห็นวา ตวั ตงั้ คอื 6 นอยกวา ตวั ลบ
คือ 8 ดงั นั้นตอ งกระจายจากหลักสบิ มา 1 สบิ หรือ 10 มารวมกัน 6 เปน 16 แลวจงึ นํา 8 มาหกั ออก ดังน้ี
50 + 6 – 40 + 16 –
30 + 8 30 + 8
10 + 8 = 18
สว นการลบของจํานวนที่มีเลขหลายหลักกใ็ ชว ธิ คี ดิ เดยี วกบั ตวั อยา งนี้ คือ ถา ตัวตัง้ ในหลกั สบิ นอยกวา
ตวั ลบในหลกั สิบ ก็ใหก ระจายตัวตงั้ ในหลักรอ ยมารวมกบั ตัวตั้งในหลกั สิบแลวจึงนาํ ตวั ลบมาหกั ออก ถา ตวั ตงั้
ในหลักรอยนอ ยกวา ตวั ลบในหลกั รอย กก็ ระจายตวั ตัง้ ในหลกั พันมารวมแลวจึงนาํ ตวั ลบมาหักออก ทําเชนน้ี
เร่ือยไปจนกวา จะหมด
28
วิธที ี่ 1 โดยการกระจายจํานวนตามคาประจําหลัก
ตวั อยา ง 724 - 467 =
วธิ ที าํ 724 – 700 + 20 + 4 – 600 + 110 + 14 –
467 400 + 60 + 7 400 + 60 + 7
200 + 50 + 7 = 257
ตอบ 257
วิธคี ิด 724 – 700 + 20 + 4
467 400 + 60 + 7
เนื่องจากหลกั หนว ยตัวตง้ั คอื 4 นอยกวา ตวั ลบคือ 7 จึงตองกระจายจากหลกั สิบมา 1 สิบ หรือ 10
รวมกนั เปน 14 ดังนี้
700 + 20 + 4 – 700 + 10 + 14 –
400 + 60 + 7 400 + 60 + 7
สําหรบั หลกั สบิ ตวั ตง้ั ถูกกระจายไปเสีย 10 เหลืออีก 10 ซง่ึ นอ ยกวา ตวั ลบ คือ 60 จึงตองกระจายจากหลกั
รอยมา 1 รอ ย หรอื 100 รวมเปน 110 แลว จึงลบกนั ดงั น้ี
700 + 10 + 14 – 600 + 110 + 14 –
400 + 60 + 7 400 + 60 + 7
200 + 50 + 7 = 257
ในทํานองเดยี วกนั การลบของจาํ นวนท่ีมเี ลขเกนิ รอ ยขึ้นไป การกระจายจากหลกั อ่นื ๆ กใ็ ชว ธิ ีเดยี วกนั
กบั การกระจายจากหลักรอ ยมาหลกั สบิ หรือจากหลกั สิบมาหลกั หนวย
วธิ ีที่ 2 โดยวิธลี ัด
ตัวอยา ง จงหาผลลบของ 7,151 – 6,249
วิธที าํ 6 117 4 11
7 15 1–
6 24 9
90 2
ตอบ 902
จงสงั เกตผลลบของตวั เลขตวั หนา สดุ ทเ่ี ปน 0
29
แบบฝก หดั ท่ี 13
จงหาผลลัพธของจาํ นวนเลขตอไปนี้
(1) 900 - 400 (2) 888 - 727 (3) 15,280 - 10,270
(6) 27,648 –
(4) 63 – (5) 6,248 –
25 41 9,806
(7) 3,000 + 500 + 40 + 5 – (8) 50,000 + 4,000 + 500 + 60 –
1,000 + 400 + 30 + 2 20,000 + 3,000 + 300 + 30
ความสัมพันธระหวางการบวกและการลบ
การลบ การบวก
ตวั ตงั้ – ตวั ลบ = ผลลบ ผลลบ + ตวั ลบ = ตวั ตง้ั
7– 2 = 5 5+ 2 =7
เนื่องจากการลบ คอื การนาํ จาํ นวนหนึง่ ออกจากอกี จาํ นวนหนง่ึ จึงเปนการกระทาํ ที่กลับกนั กับ
การบวก หรอื ตรงขา มกับการบวก กลา วคอื การบวกเปน การนําจาํ นวนสองจาํ นวนมารวมกนั ผลบวกจะมคี า
มากขนึ้ แตการลบเปนการนาํ จํานวนสองจํานวนมาหกั ออกจากกนั ผลลบจะมคี านอ ยลง ดงั ตวั อยางขา งบน
จะเหน็ วา
ตวั ต้งั + ตวั ลบ = ผลลบ
ในทางกลับกัน
ผลลบ – ตัวลบ = ตัวตงั้
ดงั นัน้ จากความสมั พนั ธระหวา งการบวกและลบน้ี เราสามารถนาํ ไปใชตรวจสอบผลลบวาถูกตอง
หรือไมโดยวิธกี ารบวกดงั น้ี
ตัวอยา ง จงหาผลลบแลวตรวจคาํ ตอบ ตรวจคําตอบ
ตรวจคาํ ตอบ 485 – 271 +
465 – 251 + 214 214
214 214
251 465 271 485
251 เปนคาํ ตอบท่ถี ูกตอ ง 271 เปน คําตอบทถ่ี กู ตอ ง
30
การบวกลบระคน
นอกจากความสมั พันธด งั กลาวขางตน แลว บางครั้งโจทยอาจกาํ หนดประโยค สญั ลักษณท ม่ี ีท้ังการ
บวกและลบจาํ นวนเลขตา ง ๆ ในขอเดยี วกนั มาใหทําในวงเล็บกอ น
ตวั อยา ง (3,237,596 + 242,456) – 366,530 =
วิธีทาํ 3 , 2 3 7, 5 9 6 +
2 4 2, 4 5 6
3 , 4 8 0, 0 5 2 –
3 6 6, 5 3 0
3 , 1 1 3, 5 2 2
ตอบ 3,113,522
วธิ ีคิด
เน่อื งจากจาํ นวนหนาสดุ ทีก่ าํ หนดใหน ีเ้ ปนจํานวนเลขทมี่ คี า มากท่ีสุด เราจึงสามารถเลอื กทาํ ไดสองวธิ ี
โดยจะนาํ จาํ นวนท่สี องบวกกอนแลว จงึ ลบดว ยจาํ นวนทส่ี าม ดังวิธีที่ 1 กไ็ ด หรือจะนําจาํ นวนทส่ี ามไปลบกอ น
แลวจงึ บวกดวยจาํ นวนทีส่ อง ดงั วิธีท่ี 2 กไ็ ด แตถ า จาํ นวนหนาและจาํ นวนทสี่ องซง่ึ เปนตวั บวกนอ ยกวาตัวลบ
เราจะนําตวั ลบกอ นไมไดจ ะตอ งทําตามวธิ ที ่ี 1 เพยี งวธิ ีเดยี ว
การบวกลบระคนนีย้ งั อาจมีโจทยป ญ หาท่เี ปนเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วขอ งกับชวี ิตประจําวันของเราทั้งในแงบวก
และลบพรอ ม ๆ กนั ดวย ซงึ่ จะกลาวถึงในเรื่องตอไป
31
โจทยปญ หา
โจทยป ญหาการลบ เปนเร่ืองท่เี กี่ยวขอ งกับชีวติ ประจําวันเชนเดียวกบั การบวก
ตัวอยางที่ 1 แมคา ขายสมโอได 350 ผล ขายมงั คดุ ได 270 ผล แมคา ขายสม โอมากกวามังคดุ กผ่ี ล
ประโยคสัญลกั ษณ คอื 350 – 270 =
วธิ ที ํา แมคาขายสมโอได 350 ผล
ขายมงั คุดได 270 – ผล
แมคา ขายสมโอมากกวา มังคุด 80 ผล
ตอบ 80 ผล
ตัวอยา งท่ี 2 เดือนที่แลวสมชายมเี งิน 3,456 บาท เดอื นน้ีหาไดอีก 2,009 บาท แลว นําเงนิ ไปซ้ือ
ตูเส้ือผา ราคา 1,750 บาท เขาจะเหลอื เงนิ เทาไร
ประโยคสัญลกั ษณ คือ (3,456 + 2,009) – 1,750 =
วิธีทํา เดอื นทแี่ ลว มีเงนิ 3,456 บาท
เดอื นนห้ี าไดอ ีก 2,009 + บาท
รวมมีเงิน 5,465 บาท
ซ้ือตเู สื้อผา ราคา 1,750 – บาท
เขาจะเหลอื เงนิ 3,715 บาท
ตอบ 3,715 บาท
วิธคี ิด
สําหรับตวั อยา งท่ี 2 ในขนั้ ตอนแรกนํามาบวกกนั เพราะตองรกู อนวา สมชายหาเงนิ ได
2 เดอื นรวมกนั ไดเ ทา ไรกอ น สวนในขั้นตอนที่ 2 ตองนาํ ไปลบออกจากเงนิ ทง้ั หมด เพราะเขาซือ้
ตเู สือ้ ผาก็ตองใหเ งินพอ คา ไป เงินจะเหลือนอ ยลง จงึ ตอ งลบออก
32
7.3 การคณู
ความหมายของการคณู
การคณู คือ การบวกจํานวนทีเ่ ทา ๆ กัน หรอื เปนการนับเพมิ่ จาํ นวนครั้งละเทา ๆ กันและสามารถ
แสดงไดโดยการคณู จํานวนเพียง 2 จาํ นวน คือ จาํ นวนทีเ่ ทา กันกับจาํ นวนครัง้ ทบี่ วกกนั จาํ นวนท่ไี ดจากการ
คณู 2 จาํ นวนเขาดว ยกนั เรยี กวา “ผลคณู ” และใชเครือ่ งหมาย × เปน สญั ลักษณแสดงการคูณ ใชเขยี นอยู
ระหวางตวั เลข 2 จํานวนทน่ี าํ มาคูณกนั
การคณู จึงเปน วิธลี ัดของการบวก และประโยคท่ีแสดงการคณู ทางขวามือนัน้ เรียกวา ประโยค
สัญลักษณข องการคณู เชน 2 × 9 = 18 เปน ประโยคสญั ลักษณของการคณู
อา นวา 2 คูณดว ย 9 เทา กบั 18
2 เรียกวา ตวั ตั้ง
9 เรยี กวา ตวั คณู
18 เรียกวา ผลคณู
ดงั นน้ั ตวั ตั้ง × ตวั คณู = ผลคณู
เนอ่ื งจากการคณู เปน วิธีลัดของการบวก จึงไดม ีการนํามาสรา งเปนตารางการคณู หรอื ทเี่ รียกวา
สูตรคณู เพอื่ ชว ยใหบวกจาํ นวนเลขทเี่ ทา ๆ กัน ไดรวดเร็ว และสะดวกขน้ึ และนยิ มทอ งจํากนั เชน
สตู รคณู
คูณกับ 2 คณู กับ 3 คณู กบั 4 คูณกับ 5 คูณกบั 6
2×1 = 2 3×1 = 3 4×1 = 4 5×1 = 5 6×1 = 6
2 × 2 = 4 3 × 2 = 6 4 × 2 = 8 5 × 2 = 10 6 × 2 = 12
2 × 3 = 6 3 × 3 = 9 4 × 3 = 12 5 × 3 = 15 6 × 3 = 18
2 × 4 = 8 3 × 4 = 12 4 × 4 = 16 5 × 4 = 20 6 × 4 = 24
2 × 5 = 10 3 × 5 = 15 4 × 5 = 20 5 × 5 = 25 6 × 5 = 30
2 × 6 = 12 3 × 6 = 18 4 × 6 = 24 5 × 6 = 30 6 × 6 = 36
2 × 7 = 14 3 × 7 = 21 4 × 7 = 28 5 × 7 = 35 6 × 7 = 42
2 × 8 = 16 3 × 8 = 24 4 × 8 = 32 5 × 8 = 40 6 × 8 = 48
2 × 9 = 18 3 × 9 = 27 4 × 9 = 36 5 × 9 = 45 6 × 9 = 54
2 × 10 = 20 3 × 10 = 30 4 × 10 = 40 5 × 10 = 50 6 × 10 = 60
2 × 11 = 22 3 × 11 = 33 4 × 11 = 44 5 × 11 = 55 6 × 11 = 66
2 × 12 = 24 3 × 12 = 36 4 × 12 = 48 5 × 12 = 60 6 × 12 = 72
33
จาํ นวนทค่ี ูณกับ 0
0 คือ 0 × 1 = 0
0 + 0 คอื 0 × 2 = 0
0+0+0 คอื 0 × 3 = 0
0+0+0+0 คอื 0 × 4 = 0
ดังน้นั ทกุ จาํ นวนทค่ี ูณกับ 0 จะมผี ลคณู เทา กับ 0
จากตารางการคณู ทงั้ หมดทก่ี ลาวมานนั้ สามารถรวมเปน ตารางการคณู แบบส้ัน ๆ เพ่อื ชว ยใหค นที่
ทอ งจําไมไ ดไวใ ชหาผลคณู ดังนี้
ตารางการคูณ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
1 2 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
2 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 22 24
3 3 6 9 12 15 18 21 24 27 30 33 36
4 4 8 12 16 20 24 28 32 36 40 44 48
5 5 10 15 20 25 30 35 40 45 50 55 60
6 6 12 18 24 30 36 42 48 54 60 66 72
7 7 14 21 28 35 42 49 56 63 70 77 84
8 8 16 24 32 40 48 56 64 72 80 88 96
9 9 18 27 36 45 54 63 72 81 90 99 108
10 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100 110 120
11 11 22 33 44 55 66 77 88 99 110 121 132
12 12 24 36 48 60 72 84 96 108 120 132 144
วิธใี ชต ารางการคณู มวี ธิ ใี ชดังนี้
1. ตารางแถวบน นับจากซา ยไปขวา (แถวนอน) เปนตวั ตั้ง
2. ตารางแถวซายหนาสดุ นับจากบนลงลา ง (แถวตั้ง) เปน ตวั คูณ
3. การดูผลคณู วาจะไดเทา ไร ใหน บั จากตวั ตงั้ แถวบนลงมา และนับจากตวั คณู ทางซา ยไปขวาตัด
กันที่ตารางไหน จาํ นวนเลขในตารางน้ันเปน ผลคณู ที่ตอ งการ เชน
ตอ งการหารผลคณู ของ 6 × 8 กใ็ หน บั จากตารางที่ 6 แถวบนไลลงมา และนับจากตารางที่ 8 ทางซา ย
ไปทางขวา จะพบวา มนั ไปตดั กันทีต่ าราง ซงึ่ มจี าํ นวนเลขเปน 48 ดังนน้ั ผลคณู ของ 6 × 8 ก็คือ 48
ในทาํ นองเดียวกนั ถาจะหาผลคูณของจํานวนเลขอนื่ ๆ กใ็ หท าํ เหมอื นตวั อยางขางบน เชน
3 × 7 = 21, 9 × 4 = 36
34
แบบฝกหดั ท่ี 14
ใหเติมผลคณู ลงในตารางการคณู ตอไปน้ี
(1)
× 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
44 20 40
(2)
×3 4 5 6 7 × 9 10 11 12
13 45 67 6 54 66
2 8 12 7 70 84
39 15 21 8 72 88
4 16 24 9 90 108
5 15 25 35 10 90 110
รปู แบบของการคณู การคูณตามแนวตง้ั
การคูณตามแนวนอน
7 × ตัวต้ัง
7 × 5 = 35 5 ตวั คณู
86 × 4 = (80 + 6) × 4 35 ผลคณู
= (80 × 4) + (6 × 4)
= 320 + 24 86 ×
= 344 4
344
การหาผลคณู ระหวางจํานวนทไ่ี มเ กนิ 3 หลกั มีหลายลักษณะ ดังนี้
เม่ือตัวคูณเปน ตวั เลขหลักเดียว เปนการคณู ของจาํ นวน 2 จาํ นวน ซง่ึ ตวั ต้ังอาจเปน ตวั เลขหลักเดียว
สองหลกั หรอื สามหลกั กไ็ ด แตตวั คูณเปน จํานวนหลกั เดยี ว และเราสามารถหาผลคณู ได ดังน้ี
วธิ ีที่ 1 โดยวธิ คี ณู อยา งงาย
วิธนี ี้เหมาะสาํ หรับตัวต้ังทีเ่ ปน ตวั เลขหลกั เดยี ว เราสามารถหาผลคณู ไดโดยการเปด ตาราง
การคณู หรอื ทองสูตรคูณแลวตอบไดท นั ที
35
ตัวอยาง 7 × 5 = การคณู ตามแนวตง้ั
การคูณตามแนวนอน
วธิ ที ํา 7 × 5 = 35 วิธที ํา 7 ×
ตอบ 35 5
35
ตอบ 35
จงสงั เกตการณค ณู ตามแนวนอนเปน การคูณในรปู ประโยคสญั ลักษณ
วธิ ที ่ี 2 โดยวธิ ีกระจายจํานวนตามคา ประจาํ หลกั
วธิ ีน้ีใชก ับตวั ต้ังที่เปน ตวั เลขตงั้ แต 2 หลักขนึ้ ไป
ตวั อยา งจงหาผลคูณของ 37 กับ 4
การคูณตามแนวนอน การคณู ตามแนวตงั้
วิธที าํ 37 × 4 = (30 + 7) × 4 วธิ ที ํา
= (30 × 4) + (7 × 4) 37 × 30 + 7 ×
= 120 + 28 4 4
= 148 120 + 28 = 148
ตอบ 148 ตอบ 148
ตัวอยา ง
การคูณตามแนวนอน การคณู ตามแนวตงั้
วธิ ีทํา วิธที ํา
578 × 6 = (500 + 70 + 8) × 6
= (500 × 6) + (70 × 6) + (8 × 6) 578 × 500 + 70 +8 ×
= 3,000 + 420 + 48 6 6
= 3,468
ตอบ 3,468 3,000 + 420 + 48 = 3,468
ตอบ 3,468
36
วิธที ่ี 3 โดยวธิ ลี ดั
โดยทว่ั ไปนยิ มใชว ธิ นี ี้กับการคณู ตวั ตั้งทเี่ ปนจํานวนเลขตัง้ แต 2 หลักข้ึนไปมากกวา วธิ ที ่ี 2
ตวั อยา ง จงหาผลคณู ของ 45 กับ 9
การคณู ตามแนวนอน การคณู ตามแนวตง้ั
วธิ ที าํ 45 × 9 = 405
วธิ ีทํา 45 ×
ตอบ 405 9
405
ตอบ 405
แนวคดิ คือ คูณทลี ะหลักโดยเร่มิ จากหลกั หนวย ดงั น้ี
หลกั หนว ย 5 × 9 = 45 ใส 5 ลงในหลักหนว ย สว น 4 ซ่งึ เปน หลักสิบใหทดขนึ้ ไปไว
บวกกบั ตัวเลขในหลกั สบิ ตอไป
หลักสบิ 4 × 9 = 36 แลว บวกอกี 4 ท่ที ดไวร วมเปน 40 ใหใ ส 0 ลงในหลกั สิบ และ 4
ลงในหลักรอยไดเ ลย เพราะไมม ีเลขตวั หนา ทต่ี อ งคณู อีก
ผลคูณ ดังน้ันผลคณู เปน 405
ตัวอยา ง จงหาผลคูณของ 578 กบั 6
การคูณตามแนวนอน การคูณตามแนวตง้ั
วิธที ํา 578 × 6 = 3,468 วธิ ที ํา 578 ×
ตอบ 3,468 6
3,468
ตอบ 3,468
แนวคิด สาํ หรับตวั อยางท่ี 2 นี้จะมวี ธิ คี ดิ เชน เดียวกบั ตวั อยา งท่ี 1 เพียงแตคูณหลักรอ ยเพิ่มอีก 1 ตวั
ดงั นี้
หลักหนว ย 8 × 6 = 48 ใส 8 ลงในหลกั หนว ย สว น 4 ซึ่งเปนหลกั สิบใหทดขนึ้ ไปไว
บวกกับตวั เลขในหลกั สบิ ตอ ไป
หลักสิบ 7 × 6 = 42 บวกอีก 4 ที่ทดไวร วมเปน 46 ใหใส 6 ลงในหลกั สบิ สว น 4 ตัวหนา
ใหทดขน้ึ ไปไวบ วกกับตวั เลขในหลกั รอ ยตอ ไป
หลักรอย 5 × 6 = 30 บวกอกี 4 ที่ทดไวร วมเปน 34 ใหใ ส 4 ลงในหลักรอยและ 3
ลงในหลักพนั ไดเ ลย เพราะไมม เี ลขตัวหนาทจี่ ะตอ งคณู อกี
ผลคูณ ดังน้ันผลคณู เปน 3,468
37
แบบฝก หดั ที่ 15
ก. ใหผ เู รียนหาจาํ นวนทที่ าํ ใหป ระโยคเปนจรงิ
(1) 5 × 37 = 5 × (30 + )
(2) 65 × 3 = (60 × 3) + (5 × )
(3) 47 × 8 = ( +)×8
(4) 123 × 7 = ( + 20 + ) × 7
(5) (300 + 40 + 6) × 9 = (300 × 9) + ( × 9) + (6 × )
ข. ใหผ ูเรยี นหาผลคูณตอ ไปนโ้ี ดยวธิ ลี ดั
(1) 28 × 3 (2) 78 × 4 (3) 64 × 7
(4) 90 × 8 (5) 328 × 8
เม่ือตัวคูณเปน ตัวเลขสองหลัก เปน การคูณของจํานวน ซึ่งตวั ต้ังอาจเปนตวั เลขหลกั เดียว สองหลกั
หรอื สามหลกั แตตวั คูณเปน ตัวเลขสองหลัก วิธคี ณู ใหน าํ ตวั คูณไปคูณตัวตง้ั ทีละตวั โดยเร่มิ จากหลกั หนวย
กอ น แลวนําผลคณู ของตวั คณู แตล ะตวั มาบวกกนั กจ็ ะไดผ ลคูณทง้ั หมด
เราสามารถหาผลคณู ไดหลายวธิ ี วิธีทน่ี ิยมใชก นั ไดแก
วธิ ีท่ี 1 โดยวธิ ลี ดั
วิธนี น้ี ิยมใชค ณู ตวั เลขตามแนวตง้ั ไมน ยิ มคณู ตามแนวนอน เพราะการคณู ตามแนวต้ังจะตรวจสอบ
ตัวเลขไดง า ย เห็นชดั เจนกวา สว นการคณู ตามแนวนอนนน้ั จะมีวธิ ีคดิ เหมอื นแนวตงั้ แตไมแ สดงใหด ู จะใส
เฉพาะผลคณู ใหเ หน็ เทา นนั้
ดังนั้นจะใหต วั อยา งเฉพาะการคณู ตามแนวตั้ง ดงั น้ี
ตวั อยาง 234 × 36
แบบท่ี 1 แบบท่ี 2
วธิ ีทํา วิธีทาํ
234 × 30 + 6 234 ×
36 36
1404 + 234 × 6 1404 +
7020 234 × 30 702
8,4 2 4 8,4 2 4
ตอบ 8,424 ตอบ 8,424
วธิ คี ดิ วธิ นี ี้ใชค า ประจําหลกั ของตวั คณู วิธคี ิด วิธีนเ้ี ลขตัวหลังของผลคณู แตละตัว
แตล ะตัว คณู กับตวั ตั้ง แลว นาํ ผลคณู มาบวกกนั จะอยูตรงหลกั เดียวกนั กบั ตัวคณู ตวั นั้น แลวนํา
ผลคณู แตล ะตวั มาบวกกัน
38
วิธที ี่ 2 โดยการแยกเปน ตัวประกอบของตวั คูณ
ตัวประกอบของตัวคูณ คือ การเปล่ียนตวั คณู ใหเปนเลขหลกั เดียว โดยแยกตัวคูณใหเ ปน
ผลคณู ของจาํ นวนเลขหลักเดยี ว เชน 21 = 3 × 7 เราเรียก 3 และ 7 วาเปน ตวั ประกอบของ 21
วิธนี ต้ี วั ตงั้ จะเปนเลขก่หี ลักกต็ าม ถา ตัวคณู เปน เลขหลักเดยี วจะทําไดสะดวกและงา ยขึน้ กวา ทีต่ วั คณู
เปน เลขหลายหลกั เพราะไมตอ งนําผลคูณมาบวกกันอีก เพยี งแตใ ชตวั คูณคณู ตวั ต้ังทีละตวั จนหมด
ตัวอยา ง จงหาผลคูณของ 274 กบั 21
การคูณตามแนวนอน การคูณตามแนวตงั้
วิธที ํา 21 = 3 × 7 วิธที ํา 21 = 3 × 7
274 × 21 = 274 × (3 × 7) 274 × 274 ×
= (274 × 3) × 7 21 3
= 822 × 7 822 ×
= 5,754 7
ตอบ 5,754 5,754
ตอบ 5,754
วธิ คี ดิ
1. แยกตวั คณู คอื 21 ออกเปน 3 × 7
2. นาํ 3 ซง่ึ เปน ตวั คณู ทนี่ อ ย คณู กบั 274 กอ น จะได 822 (เหตทุ ่ีนําตวั เลขนอ ยคณู กอน เพอ่ื จะ
ไดผลคณู เปนจํานวนเลขนอ ย ๆ งา ยแกก ารคณู เลขตัวตอ ไป)
3. นํา 7 ไปคณู 822 ดงั น้ันจะไดผ ลคณู เปน 5,754
วิธีท่ี 3 โดยการแยกตวั คณู ทีเ่ ปน พหุคณู ของ 10
วิธีน้จี ะใชเ ม่ือตวั คณู เปนพหคุ ณู ของ 10 คอื ตวั คณู ท่ีลงทายดว ย 0 นน่ั เอง
ตวั อยา งจงหาผลคณู ของ 324 กบั 30
การคูณตามแนวนอน การคณู ตามแนวตง้ั
วิธที ํา 30 = 3 × 10 วิธีทํา 30 = 3 × 10
324 × 30 = 324 × (3 × 10) 324 ×
= (324 × 3) × 10 3
= 972 × 10 972 ×
= 9,720 10
ตอบ 9,720 9,720
ตอบ 9,720
39
วธิ ที ่ี 4 โดยวธิ กี ารกระจายจํานวนตามคาประจําหลกั
วธิ ีนช้ี วยใหก ารหาผลคณู งายขน้ึ สาํ หรับการคณู จํานวนทม่ี เี ลขหลาย ๆ หลักใหก ระจายจํานวนทม่ี ี
หลกั มากกวา ไมว า จาํ นวนน้ันจะเปน ตวั ตงั้ หรอื ตวั คูณ แลวจึงคณู กบั อีกจํานวนหนึ่ง จากน้ัน จงึ นําผลคณู แต
ละตัวมาบวกกนั เหมือนวธิ ีท่ี 1 ของการคูณ โดยวธิ ลี ดั นน่ั เอง
ตวั อยา ง จงหาผลคณู ของ 382 กบั 23
การคูณตามแนวนอน การคูณตามแนวตงั้
วธิ ที าํ วธิ ีทาํ
382 × 23 = (300 + 80 + 2) × 23 382 × 300 + 80 + 2 ×
= (300 × 23) + (80 × 23) + (2 × 23) 23 23
= 6,900 + 1,840 + 46 6,900 + 1,840 + 46
= 8,786 = 8,786
ตอบ 8,786 ตอบ 8,786
แบบฝกหดั ท่ี 16
ก. ใหหาผลคูณตอ ไปนี้ โดยวิธลี ัด
(1) 36 × 17 (2) 45 × 22 (3) 55 × 40
(4) 79 × 30 (6) 123 × 21
ข. ใหห าผลคูณตอไปน้ี โดยการแยกตวั ประกอบของตัวคณู
(1) 54 × 20 (2) 63 × 21 (3) 154 × 24 (4) 583 × 32
ค. ใหหาผลคูณตอไปนี้ โดยวิธกี ระจายจํานวนตามคา ประจําหลักตามแนวนอน
(1) 78 × 60 (2) 98 × 72 (3) 825 × 56 (4) 999 × 80
เมอ่ื ตัวคูณเปนจํานวนเลข สามหลัก
สําหรบั ตัวคูณทเี่ ปนจาํ นวนเลขสามหลกั นี้ เราสามารถหาผลคณู ไดห ลายวธิ ี แตว ิธีท่เี หมาะสมและ
สะดวกคือ
40
วิธีท่ี 1 โดยวิธีลดั
วธิ นี ้นี ิยมใชค ณู จาํ นวนเลขตามแนวต้ัง และมีวิธีคดิ เหมอื นตวั คณู ทเ่ี ปน จาํ นวนเลขสองหลกั ดงั นนั้
จะใหตวั อยางเฉพาะการคณู ตามแนวต้งั ดงั น้ี
ตัวอยา ง267 × 125
แบบท่ี 1 แบบที่ 2
วธิ ที าํ วธิ ที าํ
267 × 267 ×
125 125
1335 + 267 × 5 1335 +
5340 267 × 20 534
26700 267 × 100 2 67
3 3,3 7 5 3 3,3 7 5
ตอบ 33,375 ตอบ 33,375
วิธีท่ี 2 โดยการแยกตวั คณู ทเ่ี ปนพหคุ ณู ของ 10
วิธนี จ้ี ะใชเมอ่ื ตัวคณู เปนพหคุ ณู ของ 10 เชน เดยี วกบั ตวั คณู ทีเ่ ปน เลขสองหลักดังนี้
ตวั อยา งที่ 1 จงหาผลคูณของ 372 × 250
การคณู ตามแนวนอน การคูณตามแนวตงั้
วิธที ํา วธิ ีทาํ
250 = 25 × 10 = 5 × 5 × 10 250 = 25 × 10 = 5 × 5 × 10
372 × 250 = 372 × (5 × 5 × 10) 372 ×
= (372 × 5) × 5 × 10 5
= (1,860 × 5) × 10 1,860 ×
= 9,300 × 10 5
= 93,000 9,300
ตอบ 93,000 10
93,000
ตอบ 93,000
41
ตวั อยา งท่ี 2 จงหาผลคณู ของ 362 กบั 100
การคูณตามแนวนอน การคณู ตามแนวตงั้
วธิ ีทาํ วธิ ีทํา
100 = 10 × 10
362 × 100 = 362 × (10 × 10) 100 = 10 × 10
= (362 × 10) × 10
= 3,620 × 10 362 ×
= 36,200 10
ตอบ 36,200
3,620 ×
10
36,200
ตอบ 36,200
สาํ หรับตัวคูณทเ่ี ปน 100 ซงึ่ เปนพหคุ ูณของ 10 เราจะสังเกตเห็นวา ผลคูณของจํานวน
เลขใด ๆ ท่คี ูณกับ 100 จะมคี าเทา กับเลขจํานวนนนั้ ตอทายดวย 00 (ศนู ย 2 ตัว) นัน่ เอง
จากตวั อยางท่ี 2 เราสามารถหาผลคูณของ 362 กับ 100 ไดใหมโ ดยวธิ ลี ดั ซง่ึ จะสะดวกกวาดังน้ี
การคณู ตามแนวนอน การคูณตามแนวตงั้
วิธที ํา 362 × 100 = 36,200
วธิ ที าํ 362 ×
ตอบ 36,200 100
36,200
ตอบ 36,200
แบบฝกหดั ท่ี 17 (4) 764 × 491
ก. ใหหาผลคณู ตอ ไปน้โี ดยวิธีลดั (4) 917 × 320
(1) 136 × 111 (ข) 275 × 165 (3) 398 × 234
ข. ใหห าผลคณู ตอ ไปน้ี โดยวธิ กี ารแยกตวั คูณตามแนวต้งั
(1) 247 × 200 (ข) 624 × 120 (3) 879 × 240
42
โจทยปญ หา
เนอ่ื งจากการคณู เปนวธิ ีลัดของการบวก โจทยปญหาเกย่ี วกบั การคณู จงึ เปน เรอ่ื งราวทเ่ี กยี่ วของกบั
ชีวติ ประจาํ วนั เชน เดยี วกับการบวก แตชว ยใหเกิดการคดิ แกป ญหาเรว็ ขึ้นกวาการบวก
ตวั อยา งที่ 1 กระเทยี มแหงกโิ ลกรัมละ 18 บาท ถา ขายได 9 กโิ ลกรัม จะไดเงนิ เทา ไร
วธิ ีทาํ ประโยคสญั ลกั ษณ คอื 18 × 9 =
กระเทยี มแหง กิโลกรมั ละ 18 บาท
ขายได 9 กิโลกรัม
ดงั น้ันจะไดเงนิ 18 × 9 = 162 บาท
ตอบ 162 บาท
ตัวอยางที่ 2 ขาวสารถงั ละ 130 บาท น้ําปลาขวดละ 18 บาท ถาซอื้ ขาวสาร 4 ถงั
นาํ้ ปลา 14 ขวด จะตองจา ยเงินทั้งหมดเทาไร
วธิ ที ํา ประโยคสญั ลกั ษณ คือ (130 × 4) + (18 × 14) =
ขาวสารถงั ละ 130 บาท
ซอ้ื 4 ถัง คดิ เปนเงิน 130 × 4 = 520 บาท
นํ้าปลาขวดละ 18 บาท
ซือ้ นํา้ ปลา 14 ขวด คิดเปน เงนิ 18 × 14 = 252 บาท
ดังนัน้ จะตองจา ยเงนิ ทัง้ หมด 520 + 252 = 772 บาท
ตอบ 772 บาท
การทาํ โจทยป ญ หาท่ีเก่ียวกับการคณู น้ี ทําไดทัง้ แบบแนวนอนและแนวตงั้ แตสว นใหญจะทาํ ตาม
แนวนอน ซ่งึ อยใู นรูปของประโยคสัญลักษณ เพราะเหน็ วา สน้ั ดกี วาวิธีอ่ืน ๆ
แบบฝกหดั ท่ี 18
(1) สมกโิ ลกรมั ละ 15 บาท ซื้อ 10 กโิ ลกรมั จะตองจายเงนิ เทา ไร
(2) ชาวบา นในหมูบ า นหน่ึง แบง กลุมกันสรางถนนเขา หมูบา น กลุมละ 9 คน รวม 8 กลมุ จะตองใชคน
ทงั้ หมดกี่คน
(3) ชาวสวนปลกู ตน มะมวง 9 แถว แถวละ 20 ตน และตน ฝรัง่ 7 แถว แถวละ 22 ตน ดงั น้นั
มีตน ไมในสวนท้งั หมดกี่ตน
(4) ซอื้ ขนมมาครง้ั แรก 15 ถุง ถุงละ 5 ช้นิ ครงั้ ทส่ี อง 20 ถงุ ถงุ ละ 6 ช้นิ นําไปแจกเด็กคนละ
1 ช้นิ เดก็ จะไดรับแจกกี่คน
(5) ขายขา วเปลือกได 43 เกวยี น ไดร าคาเกวยี นละ 4,500 บาท จะไดเ งนิ เทา ไร
43
สมบตั กิ ารสลบั ทข่ี องการคูณ การคณู ตามแนวตง้ั
การคูณตามแนวนอน
3×2 = 6 3 × 2 ×
2×3 = 6 2 3
ดังนั้น 3 × 2 = 2 × 3 6= 6
10 × 9 = 90 10 × 9×
9 × 10 = 90 9 10
ดงั นัน้ 10 × 9 = 9 × 10 90 = 90
จาํ นวนสองจํานวนทีม่ าคณู กัน สามารถสลับทก่ี นั ได กลา วคือ ตัวตั้งและตวั คูณสลับทกี่ นั
ไดโ ดยท่ีผลคณู ยงั คงเทาเดมิ ดังเชน 3 × 2 = 2 × 3 หรือ 10 × 9 = 9 × 10 เราเรยี กสมบัติ
ขอ นว้ี า “สมบัตกิ ารสลบั ท่ีของการคณู ”
สมบตั ิการเปลยี่ นหมขู องการคูณ
3 × 5 × 6 = (3 × 5) × 6 3×5×6 = 3 × (5 × 6)
= 3 × 30
= 15 × 6 = 90
= 90
ดังน้ัน (3 × 5) × 6 = 3 × (5 × 6)
การนาํ จาํ นวนสามจาํ นวนมาคณู กนั จะคูณสองจาํ นวนใดกอ นแลว ไปคูณกบั จาํ นวนทเี่ หลอื
ผลคูณจะเทา กนั เสมอ เราเรยี กสมบตั ขิ อ นว้ี า “สมบัตกิ ารเปลีย่ นหมขู องการคณู ”
ประโยชนข อ นี้กเ็ พ่อื จะชว ยใหค ดิ เลขงา ยขึ้น โดยยึดหลักขอ ใดขอ หนึ่งดงั น้ี
1. คณู สองจํานวนที่นอ ยกอน แลวจึงคณู กับจาํ นวนที่เหลือ
2. คณู สองจํานวนทไี่ ดผลคณู ลงทายดวย 0 กอน แลวจึงคูณกบั จํานวนที่เหลอื
3. ถามีจาํ นวนที่ลงทายดว ย 0 อยูหนง่ึ จํานวนทไี่ มเกนิ 3 หลกั ใหค ูณสองจํานวนทไ่ี มลง
ทายดว ย 0 กอ น แลว จงึ คณู จาํ นวนที่ลงทา ยดวย 0
สมบัติการแจกแจงของการคูณ
(5 + 10) × 4 = 15 × 4 (5 + 10) × 4 = (5 × 4) + (10 × 4)
= 60 = 20 + 40
= 60
ดงั น้นั (5 + 10) × 4 = (5 × 4) + (10 × 4)