แแผผนนกกาารรจัจั จั ดจั ดกกาารรเเรีรี รี ยรี ยนนรู้รู้รู้รู้ รราายยวิวิวิชวิชาาคคออมมพิพิพิวพิวเเตตออร์ร์ ร์ร์ โรงเรียนเกล็ดลิ้นวิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ระดับชั้นชั้ มัธมั ยมศึกษา ปีที่ปี ที่ 3 โดย ครูจิรศักดิ์ นิ่มมาระดี
คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม รายวิชา คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เวลา 40 คาบ จำนวน 1.0 หน่วยกิต ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คำอธิบายรายวิชา ศึกษาเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลและสารสารเทศ การใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ ศึกษา เกี่ยวกับการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล การรู้เท่าทันสื่อ ศึกษาเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ศึกษาเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน เทคโนโลยี IoT และการพัฒนาแอปพลิเคชัน โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติ ผลการเรียนรู้ 1. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ 3. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ แก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต 5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการ ทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ 6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งหมด 6 ผลการเรียนรู้
โครงสร้างรายวิชาเพิ่มเติม คอมพิวเตอร์ชั้น ม.3 ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) 1. การจัดการข้อมูล และสารสนเทศ - เพื่อให้ผู้เรียนมี ความรู้ ความเข้าใจ ในการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ - เพื่อให้ผู้เรียนมี ทักษะการคิดเชิง คำนวณ การคิด วิเคราะห์ การ แก้ปัญหาเป็น ขั้นตอน และเป็น ระบบ การรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ของการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ ดังนั้น ควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะและประเภท ของข้อมูล ตลอดจนวิธีการรวบรวมข้อมูล เพื่อจะได้นำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม การประมวลผลข้อมูล เป็นการคำนวณหรือ การเปรียบเทียบ เพื่อให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบ ที่เป็นประโยชน์ตรงตามความต้องการ การจัดการข้อมูลและสารสนเทศมีการนำ ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาช่วยในการจัดการข้อมูล โดยมีทั้งซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล และ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการนำเสนอข้อมูล เพื่อการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ อย่างมีประสิทธิภาพ 9 2. ความน่าเชื่อถือ ของข้อมูล เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะ ในการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ รักษา ข้อมูลส่วนตัว และ การสื่อสารเบื้องต้น ในการแก้ปัญหาที่พบ ในชีวิตจริงได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การสืบค้นแหล่งข้อมูลเป็นกระบวนการ ค้นหาข้อมูลตามที่ต้องการ โดยใช้เครื่องมือ ต่าง ๆ อีกทั้งข้อมูลที่ได้จะต้องมีการประเมิน ความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพื่อคัดเลือกข้อมูล ที่ได้จากการสืบค้นข้อมูลที่มีคุณค่า มีความ น่าเชื่อถือ เป็นการพิจารณาเพื่อคัดเลือกจาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งจากการประเมินความ น่าเชื่อถือจะทำให้เราได้ข้อมูลที่มีคุณค่า และ นำข้อมูลไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม การรู้เท่าทันสื่อเป็นลักษณะสมรรถนะที่ ครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ในส่วนที่ เกี่ยวข้องกับความสามารถในการเข้าถึง 8
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) สารสนเทศผ่านสื่อ และเทคโนโลยีดิจิทัล การ เลือก รับ วิเคราะห์ ประเมิน และนำข้อมูล ที่ได้รับไปใช้ในทางสร้างสรรค์ 3. เทคโนโลยี สารสนเทศ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้มี จิตวิทยาศาสตร์ มี คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใช้ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่าง สร้างสรรค์ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศโดย คำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น การทำธุรกรรม ออนไลน์ การซื้อสินค้าออนไลน์ และการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมี จิตสำนึก และจริยธรรมที่ดี คำนึงผลกระทบที่ อาจส่งผลต่อผู้อื่น ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศหลายฉบับ เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติว่าด้วย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยว คอมพิวเตอร์(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 หรือลิขสิทธิ์ เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้ปัญญา ความรู้ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง ที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง 7 4. แอปพลิเคชัน - เพื่อให้ผู้เรียนนำ ความรู้ความเข้าใจใน วิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยี ใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้ เกิดประโยชน์ต่อ สังคมและการ ดำรงชีวิต - เพื่อให้ผู้เรียน การทำให้อุปกรณ์หลายตัวสามารถสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และทำงานร่วมกันได้นั้น เรียกว่า เทคโนโลยี IoT ต้องอาศัย ความสามารถของ Smart Device ซึ่งอุปกรณ์ ที่มีหน่วยประมวลผล หรือเซนเซอร์ภายในตัว เพื่อส่งข้อมูลผ่าน Cloud Computing หรือ Wireless Network เป็นตัวกลางในการรับส่ง ข้อมูลภายในเครือข่ายเพื่อประมวลผล และ อาศัย Dashboard สำหรับแสดงผลและใช้ 14
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา (ชม.) พัฒนากระบวนการ คิดและจินตนาการ ความสามารถในการ แก้ปัญหาและการ จัดการทักษะในการ สื่อสาร ความสามารถในการ ตัดสินใจ ควบคุมการทำงานจากผู้ใช้ แอปพลิเคชัน เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้น มาเพื่ออำนวยในด้านต่าง ๆ มีการออกแบบมา เพื่อใช้งานในหลายรูปแบบ ซึ่งการพัฒนา โปรแกรมในปัจจุบันนิยมใช้โปรแกรมภาษา ไพทอน (Python) เพราะเป็นภาษาที่อ่านแล้ว เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน หมายเหตุ : 2 ชั่วโมงที่หายไปให้ใช้สำหรับการสอบกลางภาคหรือการสอบปลายภาค ทั้งนี้ยืดหยุ่นได้ตามดุลยพินิจของครูผู้สอน
Pedagogy สื่อการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 ผู้จัดทำได้ ออกแบบการสอน (Instructional Design) ซึ่งเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และมีความหลากหลายให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด รวมถึง สมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่หลักสูตรกำหนดไว้โดยครูสามารถนำไปใช้สำหรับจัดการเรียนรู้ ในชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในรายวิชานี้ ได้นำวิธีการสอนและรูปแบบการสอนที่หลากหลายมาใช้ในการ ออกแบบการสอน ดังนี้ เลือกใช้วิธีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction) เนื่องจากเป็น กระบวนการในการทำงานร่วมกันของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน และมีการดำเนินงาน ร่วมกัน โดยผู้นำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มต่างก็ทำหน้าที่ของตนอย่างเหมาะสม และมีกระบวนการทำงานที่ดี เพื่อนำกลุ่ม ไปสู่วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการทำงานกลุ่มที่ดี จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดทักษะทางสังคม และขยาย ขอบเขตของการเรียนรู้ให้กว้างขวางขึ้น เลือกใช้วิธีการสอนโดยใช้แนวคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) เนื่องจากเป็นกระบวนการ เรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนใช้ทักษะมุ่งเน้นการคิดเชิงตรรกะมากขึ้น ซึ่งผู้เรียนจะสามารถอธิบายการคิดเชิงคำนวณอย่างเป็น ระบบ หรือเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นลำดับขั้นตอน โดยการเข้าใจปัญหาและวิธีการในการแก้ปัญหาอย่างเป็น ระบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาที่ทั้งมนุษย์และคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจร่วมกันได้ ซึ่งประกอบด้วยลำดับ การใช้ทักษะย่อย 4 ทักษะ ดังนี้ 1. แนวคิดการแยกย่อย (Decomposition) เป็นการแตกปัญหาใหญ่ให้เป็นปัญหาย่อยที่มีขนาดเล็ก เพื่อให้ สามารถจัดการได้ง่ายขึ้น 2. แนวคิดการจดจำรูปแบบ (Pattern Recognition) เป็นการกำหนดแบบแผนปัญหาย่อย ๆ จากปัญหา ที่มีรูปแบบที่หลากหลาย โดยปัญหาต่าง ๆ มักมีความคล้ายคลึงกัน กล่าวคือ เพื่อดูความเหมือน ความแตกต่างของรูปแบบการเปลี่ยนแปลง ทำให้ทราบแนวโน้มเพื่อทำนาย ผลลัพธ์ข้างหน้าได้ กระบวนการเรียนรู้ แนวคิดการแยกย่อย แนวคิดการจดจำรูปแบบ แนวคิดเชิงนามธรรม แบบ แนวคิดการออกแบบขั้นตอน 1 2 3 4
3. แนวคิดเชิงนามธรรม (Abstraction) เป็นการมุ่งเน้นความสำคัญของปัญหาโดยไม่สนใจรายละเอียดที่ไม่ จำเป็น เพื่อให้สามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา ทักษะนี้เทียบเท่ากับการคิดสังเคราะห์ จนได้มาซึ่ง แบบจำลอง เช่น แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ในรูปของสมการหรือสูตร 4. แนวคิดการออกแบบขั้นตอน (Algorithm Design) เป็นการออกแบบขั้นตอนการแก้ปัญหาด้วยการคิด เชิงอัลกอริทึม โดยนำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่มีลักษณะแบบเดียวกันได้ ทำให้ทราบขั้นตอนก่อนหลัง เลือกใช้วิธีการสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing) เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ผู้สอน ใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยการให้ผู้เรียนสวมบทบาทในสถานการณ์ซึ่งมี ความใกล้เคียงกับความเป็นจริง และแสดงออกตามความรู้สึกนึกคิดของตน และนำเอาการแสดงออกของผู้แสดง ทั้งทางด้านความรู้ ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่สังเกตพบมาเป็นข้อมูลในการอภิปราย เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการ เรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ วิธีการสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมติ เป็นวิธีการที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เกิดความเข้าใจในความรู้สึกและพฤติกรรมทั้งของตนเองและผู้อื่น หรือเกิดความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับ บทบาทสมมติที่ตนแสดง ซึ่งการแสดงบทบาทสมมติให้มีประสิทธิภาพประกอบไปด้วย 6 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การเตรียมการ เป็นการกำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะให้ชัดเจน และสร้างสถานการณ์และบทบาทสมมติที่ จะช่วยสนองวัตถุประสงค์นั้น โดยสถานการณ์และบทบาทสมมติที่กำหนดขึ้นควรมีความใกล้เคียงกับความเป็นจริง 2. การเริ่มบทเรียน ผู้สอนสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนได้หลายวิธี เช่น โยงประสบการณ์ใกล้ตัว ผู้เรียน หรือประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับจากการเรียนครั้งก่อน ๆ เข้าสู่เรื่องที่จะศึกษา 3. การเลือกผู้แสดง ควรเลือกผู้แสดงให้เหมาะสมกับบทบาท เพื่อช่วยให้การแสดงเป็นไปอย่างราบรื่นตาม วัตถุประสงค์ได้อย่างรวดเร็ว หรือเลือกผู้แสดงที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับบทบาทที่กำหนดให้เพื่อช่วยให้ผู้เรียนคนนั้น ได้รับประสบการณ์ใหม่ ได้ทดลองแสดงพฤติกรรมใหม่ ๆ และเกิดความเข้าใจในความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้ที่มี ลักษณะแตกต่างไปจากตน 4. การเตรียมผู้สังเกตการณ์ ผู้สอนควรเตรียมผู้รับชมและทำความเข้าใจกับผู้ชมว่า การแสดงบทบาทสมมติ จัดขึ้นมิใช่มุ่งที่ความสนุก แต่มุ่งที่จะให้เกิดการเรียนรู้เป็นสำคัญ 5. การแสดง เมื่อผู้สอนให้เริ่มการแสดงและสังเกตการแสดงอย่างใกล้ชิด ไม่ควรมีการขัดการแสดงกลางคัน นอกจากกรณีที่มีปัญหาเมื่อการแสดงออกนอกทาง ผู้สอนอาจจำเป็นต้องให้คำแนะนำบ้าง เมื่อการแสดงดำเนินไป พอสมควรแล้ว ผู้สอนควรตัดบท ยุติการแสดง ไม่ควรให้การแสดงยืดยาว เยิ่นเย้อ จะทำให้ผู้ชมเกิดความเบื่อหน่าย 6. การวิเคราะห์อภิปรายผลการแสดง เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ชัดเจนตามวัตถุประสงค์ โดยให้ผู้เรียนอภิปรายความรู้ประเด็นต่าง ๆ ที่ได้จากการสังเกตการแสดง กรณีที่การอภิปรายเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ ผู้เรียนเสนอแนะแนวคิดและแนวทางอื่น ๆ เพิ่มเติมที่แตกต่างไปจากเดิม
เลือกใช้วิธีการสอนโดยใช้การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small Group Discussion) เนื่องจากเป็นกระบวนการ ที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยการจัดผู้เรียนเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ 4-8 คน และให้ผู้เรียนในกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น และประสบการณ์ในประเด็นที่กำหนด และ สรุปผลการอภิปรายออกมาเป็นข้อสรุปของกลุ่ม การเรียนรู้แบบใช้การอภิปรายกลุ่มย่อย จะช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างทั่วถึง มีโอกาส แสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ อันจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในเรื่องที่เรียนกว้างขึ้น เลือกใช้วิธีการสอนโดยใช้การบรรยาย (Lecture) เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ผู้สอนใช้ในการช่วยให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยการเตรียมเนื้อหาสาระ แล้วบรรยาย คือ พูด บอก เล่า อธิบายเนื้อหา สาระหรือสิ่งที่ต้องการสอนแก่ผู้เรียน และประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง วิธีการสอนแบบการบรรยายจะเป็นวิธีการที่มุ่งช่วยให้ผู้เรียนจำนวนมากได้เรียนรู้เนื้อหาสาระหรือข้อความ จำนวนมากพร้อม ๆ กันได้ในระยะเวลาที่จำกัด โดยอาศัยการเตรียมการที่ดีของผู้สอนก่อนที่จะบรรยายแก่ผู้เรียน และควรแสวงหาเทคนิคต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ท้าทายความคิด และเข้าใจได้ง่ายประกอบการบรรยาย เลือกใช้วิธีการสอนโดยเน้นการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Collaborative learning) เนื่องจากเป็นกระบวนการ ที่ให้ผู้เรียนเรียนรู้เป็นกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถแตกต่างกันประมาณ 3-6 คน ช่วยกันเรียนรู้เพื่อ ไปสู่เป้าหมายของกลุ่ม ซึ่งมีองค์ประกอบของการเรียนรู้แบบร่วมมือ 5 ประการ ดังนี้ 1. การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน (positive interdependence) 2. การปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด (face-to-face promotive interaction) 3. ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน (individual accountability) 4. การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย (interpersonal and small- group skills) 5. การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม (group processing) เทคนิคคู่คิด (think Pair Share) เป็นเทคนิคที่ให้ผู้เรียนจับคู่กัน 2 คน เพื่อแลกเปลี่ยนหรือถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ หรือความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ผ่านการจัดการเรียนรู้ทั้ง 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 ครูตั้งปัญหาหรือคำถามเพื่อให้นักเรียนคิดแนวทางการแก้ปัญหาหรือแนวคำตอบที่เป็นไปได้ ขั้นตอนที่ 2 นักเรียนจับคู่กันเพื่อร่วมกันอภิปรายแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ หรือความคิดเห็น ซึ่งกันและกันเพื่อหาข้อสรุปที่กระชับของคู่ตนเอง ขั้นตอนที่ 3 ผู้เรียนนำเสนอข้อสรุปของคู่ตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมชั้น
เลือกใช้วิธีการสอนแบบการใช้คำถาม (Questioning Method) เนื่องจากเป็นกระบวนการที่มุ่งพัฒนาทาง ความคิดของผู้เรียน โดยผู้สอนจะป้อนคำถามในลักษณะต่าง ๆ และให้ผู้เรียนใช้ความคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือ ประเมินค่าคำถามนั้นเพื่อที่จะตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม วิธีการสอน (Teaching Method) ผู้จัดทำเลือกใช้วิธีสอนที่หลากหลาย เช่น การอภิปราย การใช้สถานการณ์จำลอง การใช้เกม เพื่อส่งเสริม การเรียนรู้ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และยังมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ โดยการคิด และลงมือปฏิบัติซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้และเกิดทักษะที่คงทน เทคนิคการสอน (Teaching Technique) ผู้จัดทำเลือกใช้เทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเรื่องที่เรียน เช่น การตั้งคำถาม การยกตัวอย่าง การใช้สื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เพื่อส่งเสริมวิธีการสอนและรูปแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ให้ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข สามารถปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถฝึกทักษะการเรียนรู้และทักษะการปฏิบัติเกี่ยวกับงานต่าง ๆ ในศตวรรษที่ 21 *ทิศนา แขมมณี, ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2562).
โครงสร้างแผนการจัดการเรียนรู้รหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 1. การจัดการข้อมูล และสารสนเทศ แผนฯที่ 1 การรวบรวมข้อมูล 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนแบบกระบวนกากลุ่ม (Group Process) แผนฯที่ 2 การประมวลผลข้อมูล 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนแบบกระบวนกากลุ่ม (Group Process) 3. วิธีการสอนโดยใช้แนวคิด เชิงคำนวณ (ComputationThinking) แผนฯที่ 3 การใช้ซอฟต์แวร์ ในการจัดการข้อมูล 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนแบบกระบวนกากลุ่ม (Group Process)
ายวิชาเพิ่มเติม คอมพิวเตอร์ม.3 เวลา 40 ชั่วโมง ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) ร 1. ทักษะการทำงานร่วมกัน 2. ทักษะการสื่อสาร 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การจัดการข้อมูล และสารสนเทศ 2. ตรวจใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพ ในอนาคต 3. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 2 ร nal 1. ทักษะการคิดวิจารณญาณ 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ทักษะการสื่อสาร 1. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 2. การประเมินการทำแบบฝึกหัด 4 ร 1. ทักษะการคิดวิจารณญาณ 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ทักษะการสื่อสาร 1. ประเมินการนำเสนออาชีพ 2. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การจัดการข้อมูล และสารสนเทศ 3
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 2. ความน่าเชื่อถือ ของข้อมูล แผนฯที่ 1 การสืบค้น เพื่อหาแหล่งข้อมูล 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนโดยเน้นการเรียนแบบร่วมมือ (Collaborativlearning) – เทคนิคคู่คิด (Think Pair Share) แผนฯที่ 2 การประเมิน ความน่าเชื่อถือ ของข้อมูล 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนแบบกระบวนกากลุ่ม (Group Process) แผนฯที่ 3 การรู้เท่าทันสื่อ 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย
ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) 4. ประเมินชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด เรื่อง - นรู้ ve 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ความน่าเชื่อถือ ของข้อมูล 2. ตรวจใบงานที่ 2.1.1 เรื่อง คำไหน เร็วกว่ากัน 3. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ความน่าเชื่อถือของข้อมูล 4. การประเมินการทำแบบฝึกหัด 2 าร 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 1. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ความน่าเชื่อถือของข้อมูล 4 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 1. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ความน่าเชื่อถือของข้อมูล 2. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 3. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ความน่าเชื่อถือ ของข้อมูล 2
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 3. เทคโนโลยีสารสนเทศ แผนฯที่ 1 การใช้งานเทคโนโลยี สารสนเทศ 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนแบบการใช้คำถา(Questioning Method) แผนฯที่ 2 กฎหมายคอมพิวเตอร์ และลิขสิทธิ์ 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนแบบกระบวนกากลุ่ม (Group Process)
ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) 4. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง - าม 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ทักษะการคิดวิจารณญาณ 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เทคโนโลยี สารสนเทศ 2. ตรวจใบงานที่ 3.1.1 เรื่อง การซื้อสินค้า ออนไลน์อย่างปลอดภัย 3. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศ 3 ร 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ทักษะการคิดวิจารณญาณ 1. ตรวจใบงานที่ 3.2.1 เรื่อง ใครมีความผิด 2. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ประเมินการนำเสนอ Activity 4. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เทคโนโลยี สารสนเทศ 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง - 4
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ 4. แอปพลิเคชัน แผนฯที่ 1 แนวคิดและ องค์ประกอบของ IoT 1. วิธีการสอนแบบการใช้คำถา(Questioning Method) 2. วิธีการสอนโดยใช้แนวคิด เชิงคำนวณ (ComputationThinking) แผนฯที่ 2 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ ในการพัฒนา แอปพลิเคชัน 1. รูปแบบการสอน แบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนแบบกระบวนกากลุ่ม (Group Process) 3. วิธีการสอนโดยใช้การแสดง บทบาทสมมติ (Role Playin4. วิธีการสอนโดยใช้แนวคิด เชิงคำนวณ (ComputationThinking)
ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) าม nal 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ทักษะความคิดสร้างสรรค์ 1. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แอปพลิเคชัน 2. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง แอปพลิเคชัน 3. ประเมินการนำเสนองานกลุ่ม 4. ประเมินแบบฝึกหัด เรื่อง เทคโนโลยี IoT (แนวคิดและองค์ประกอบของ IoT) 5. ประเมินแบบฝึกหัด เรื่อง เทคโนโลยี IoT (การออกแบบแนวคิดในการพัฒนา เทคโนโลยี IoT) 4 ร ng) nal 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ทักษะความคิดสร้างสรรค์ 1. ตรวจแบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง แอปพลิเคชัน 2. ประเมินแบบฝึกหัด เรื่อง แอปพลิเคชัน (ออกแบบการพัฒนาแอปพลิเคชัน) 3. ประเมินการนำเสนองานกลุ่ม (ออกแบบแนวคิดการพัฒนา แอปพลิเคชัน) 4
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ วิธีสอน/วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ แผนฯที่ 3 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ ในการพัฒนา แอปพลิเคชัน (2) 1. รูปแบบการสอนแบบบรรยา(Lecture) 2. วิธีการสอนโดยใช้แนวคิด เชิงคำนวณ (ComputationThinking) หมายเหตุ : 2 ชั่วโมงที่หายไปให้ใช้สำหรับการสอบกลางภาคหรือการสอบปลายภาค ทั้งนี
ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา (ชั่วโมง) าย nal 1. ทักษะการสื่อสาร 2. ทักษะการทำงานร่วมกัน 3. ทักษะการคิดวิจารณญาณ 1. ตรวจใบงานที่ 4.3.1 เรื่อง ตัวแปรและ ตัวดำเนินการ 2. ตรวจใบงานที่ 4.3.2 เรื่อง การใช้คำสั่ง แสดงผลอินพุตและเอาต์พุต 3. ตรวจใบงานที่ 4.3.3 เรื่อง การทำงาน แบบมีเงื่อนไข 4. ตรวจใบงานที่ 4.3.4 เรื่อง การทำซ้ำ 5. ประเมินชิ้นงาน (ออกแบบและ เขียนโปรแกรมหรือแอปพลิเคชัน ด้วยภาษา Python) 6. ประเมินการนำเสนอ (ออกแบบและเขียนโปรแกรมหรือ แอปพลิเคชันด้วยภาษา Python) 7. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 แอปพลิเคชัน 9. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง - 6 นี้ยืดหยุ่นได้ตามดุลยพินิจของครูผู้สอน
การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ เวลา 9 ชั่วโมง 1. ผลการเรียนรู้ 1. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาเป็นขั้นตอน และเป็น ระบบ 3. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้น ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต 5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ จัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ 6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล จะทำให้ได้สารสนเทศเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาหรือการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2) การประมวลผลเป็นการกระทำกับข้อมูล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความหมายและมีประโยชน์ต่อ การนำไปใช้งาน 3) การใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ 4) ตัวอย่างปัญหา เช่น การเลือกโปรโมชันโทรศัพท์ให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งาน สินค้าเกษตร ที่ต้องการและสามารถปลูกได้ในสภาพดินของท้องถิ่น 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ ดังนั้นควร มีความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะและประเภทของข้อมูล ตลอดจนวิธีการรวบรวมข้อมูล เพื่อจะได้นำไป ประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับงานของตน หากพิจารณาถึงประเภทของข้อมูลสามารถแบ่งได้ เป็น 2 กลุ่มตามแหล่งที่มาของข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ การประมวลผลข้อมูล หมายถึง วิธีการจัดการกับข้อมูลด้วยการ คำนวณหรือการเปรียบเทียบ เพื่อให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตรงตามความต้องการ โดยการประมวลผลข้อมูลสามารถ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
แบ่งตามอุปกรณ์ที่ใช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ การประมวลผลข้อมูลด้วย เครื่องจักรกลและการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ การจัดการข้อมูลและสารสนเทศมีการนำซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาช่วยในการจัดการข้อมูล โดยมีทั้ง ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการ นำเสนอข้อมูล เพื่อการจัดการข้อมูลและสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. มีจิตสาธารณะ 5. ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง - 6. การวัดและการประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 6.1 การประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและ สารสนเทศ - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - แบบทดสอบ ก่อนเรียน ประเมินตามสภาพจริง 6.2 การประเมินระหว่างการจัด กิจกรรม 1) การรวบรวมข้อมูล - ตรวจแบบฝึกหัด Exercise หน้า 3–6 - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต (ข้อ 1) - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต (ข้อ 3) - ประเมินการนำเสนอ เรื่อง การใช้เหตุผลเชิง ตรรกะในชีวิตประจำวัน - แบบฝึกหัด(วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการ ข้อมูลและสารสนเทศ หน้า 3–6 - แบบประเมินใบงาน ที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพ ในอนาคต ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 2) การประมวลผลข้อมูล - ตรวจแบบฝึกหัด Exercise หน้า 7–10 - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด(วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน Activity หน้า 13 - การตอบคำถาม เรื่อง การจัดการ ข้อมูลและสารสนเทศ - แบบประเมิน การทำแบบฝึกหัด 3) การใช้ซอฟต์แวร์ ในการจัดการข้อมูล และสารสนเทศ - ประเมินการนำเสนอ อาชีพ - แบบประเมิน การนำเสนออาชีพ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 4) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน และ มีจิตสาธารณะ - แบบประเมิน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 6.3 การประเมินหลังเรียน 1) แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูล และสารสนเทศ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - แบบทดสอบ หลังเรียน ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง - - ตรวจชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
เรื่องที่ 1 : การรวบรวมข้อมูล เวลา 2 ชั่วโมง วิธีการสอนแบบการอภิปราย วิธีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม (10 นาที) 1. ครูสอบถามนักเรียนว่า “ในภาคเรียนที่ผ่านมา นักเรียนชอบวิชาไหนมากที่สุด เพราะอะไร” (ครูสุ่มถามนักเรียน 4 – 5 คน) 2. จากนั้นครูถามต่อว่า “คำถามที่ครูถามข้างต้นเป็นลักษณะของข้อมูลประเภทไหน” (แนวคำตอบ ข้อมูลปฐมภูมิ) (30 นาที) 1. ครูทบทวนความรู้นักเรียน โดยการถามคำถาม ถ้าเราพิจารณาข้อมูลตามแหล่งที่มาของข้อมูล สามารถแบ่ง ข้อมูลได้กี่ประเภท อะไรบ้าง (นักเรียนได้เรียนเรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศในระดับชั้นม.1) (แนวคำตอบ 2 ประเภท คือ ข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ) 2. ครูอธิบายกับนักเรียนว่าข้อมูลแต่ละประเภทมีลักษณะต่างกัน การรวบรวมข้อมูลจึงต่างกัน 3. ครูให้นักเรียนเปิดในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 3 – 5 และ อธิบายการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ สามารถทำได้ดังนี้ การสัมภาษณ์ส่วนบุคคล การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การใช้แบบสอบถาม และการสังเกต (ให้นักเรียนศึกษาวิธีการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิเพิ่มเติมในหนังสือเรียน อจท. หน้า 3 – 5) 4. ครูถามนักเรียนว่า ในตอนต้นชั่วโมงครูถามเรื่องวิชาที่นักเรียนชอบมากที่สุด เพราะอะไร เป็นการเก็บ รวบรวมข้อมูลแบบใด (แนวคำตอบ การสัมภาษณ์ส่วนบุคคล) 5. ครูอธิบายการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 6 ในการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งทุติยภูมิสามารถแบ่งออกได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ ข้อมูลจาก แหล่งข้อมูลภายในและข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก (ให้นักเรียนศึกษาวิธีการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ เพิ่มเติมในหนังสือเรียน) ขั้นนำ ขั้นสอน
6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึก Exercise ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 3 – 6 เพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจ ชั่วโมงที่ 2 (40 นาที) 7. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “ในคาบที่แล้วนักเรียนรู้ว่าตัวเองชอบวิชาอะไร คาบนี้เรามาจะมาดูว่าสาขาที่ นักเรียนอยากเรียนต่อและอาชีพที่อยากทำอนาคต จะสัมพันธ์กันหรือไม่” 8. ครูสนทนากับนักเรียนในการจัดการข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่ง เราต้องเลือกวิธีให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่ เราจะใช้งาน ตั้งแต่เลือกวิธีการรวบรวมข้อมูล วิธีการประมวลผล และการนำเสนอข้อมูล จากนั้นครูให้ นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน 9. ครูแจกใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูลของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 คน ขึ้นไป ตามหัวข้อที่กำหนดให้ (กลุ่มประชากรที่แต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูล ไม่ควรซ้ำกัน) 10. จากนั้นครูให้นักเรียนวางแผนวิธีการรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสม โดยนักเรียนสามารถเลือกเพื่อนต่างห้องได้ ใช้คาบพักเที่ยงในการรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่นักเรียนต้องการได้ เช่น นักเรียนต่างห้อง เพื่อไม่ให้ กระทบการเรียนของนักเรียนห้องอื่น (10 นาที) 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงความสำคัญของวิธีการรวบรวมข้อมูล 2. ครูสนทนากับนักเรียนว่า ถ้านักเรียนรวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องนำข้อมูลที่รวบรวมได้ไป ประมวลผล ซึ่งในคาบถัดไป เราจะมาเรียนรู้เรื่อง การประมวลผลข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่มี ประโยชน์และตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ขั้นสรุป ขั้นสอน
เรื่องที่ 2 : การประมวลผลข้อมูล เวลา 4 ชั่วโมง วิธีการสอนแบบการอภิปราย วิธีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม เทคนิคตามแนวคิดเชิงคำนวณ (10 นาที) 1. ครูสอบถามว่าจากการสำรวจข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างในคาบที่แล้ว แต่ละกลุ่มใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลแบบ ใดบ้าง (แนวคำตอบ การสัมภาษณ์ส่วนบุคคล การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การใช้แบบสอบถาม) 2. ครูสนทนากับนักเรียนว่า เราสามารถนำข้อมูลนั้นมาใช้เลยได้หรือไม่ (แนวคำตอบ ได้แต่ไม่สะดวกต่อการใช้งาน เพราะฉะนั้นเราจะต้องนำข้อมูลมาประมวลผลก่อน) (40 นาที) 1. ครูอธิบายการประมวลผลข้อมูลในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 7 การประมวลผลข้อมูลเป็นวิธีการจัดการกับข้อมูล อาจเป็นการคำนวณหรือการเปรียบลักษณะต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่มีประโยชน์ตรงกับจุดประสงค์ของผู้ใช้งาน ซึ่งการประมวลผลข้อมูลแบ่ง ออกตามอุปกรณ์ที่ใช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ การประมวลผลข้อมูลด้วย เครื่องจักรกล และการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ 2. จากนั้นครูอธิบาย “การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ” ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 7 3. ครูสนทนาว่าจากข้อมูลที่ให้ไปรวบรวมข้อมูลในกิจกรรมอาชีพในฝัน ให้นักเรียนนำข้อมูล อาชีพที่อยากทำ ในอนาคตมาจัดอันดับ โดยการนำข้อมูลของกลุ่มตนเองมาจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากที่สุด 5 อันดับ 4. ครูให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนออาชีพ 5 อันดับแรกจากการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มตนเอง (ระหว่างที่ นักเรียนนำเสนอ ครูจดข้อมูลของแต่ละกลุ่มบนกระดาน หรือพิมพ์ลงบนExcel) 5. ครูถามนักเรียนว่าวิธีการจัดการกับข้อมูลที่รวบรวมได้จากเพื่อน 20 คนในคาบที่แล้วเป็นการประมวลผล ประเภทใด เพราะอะไร (แนวคำตอบ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ เพราะข้อมูลน้อยคำนวณด้วยตนเองได้) ขั้นนำ ขั้นสอน
ชั่วโมงที่ 2 1. (50 นาที) 6. ครูสนทนากับนักเรียนว่า คาบที่ผ่านมานักเรียนได้ประมวลผลข้อมูลด้วยมือ เราทราบอยู่แล้วว่าการ ประมวลผลข้อมูลสามารถทำได้หลายวิธี จากนั้นครูอธิบาย “การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล” ใน หนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 7 7. ครูยกตัวอย่างการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล เช่น เครื่องคิดเลขในมินิมาร์ทที่เป็นเครื่องทำบัญชี อาชีพนักบัญชีที่ต้องมีการคำนวณเกี่ยวกับเงินซึ่งต้องการความแม่นยำสูงจะมีเครื่องทำบัญชีเข้ามาช่วยทำให้ การคำนวณแม่นยำมากขึ้น โดยการทำงานของเครื่องก็จะมีฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่สะดวกต่อการคำนวณตัวเลข 8. ครูตั้งคำถามว่าหากข้อมูลที่เราต้องการประมวลผลมีจำนวนที่มากขึ้น จนไม่สามารถประมวลได้เอง เราจะมี วิธีการแก้ปัญหาอย่างไร (แนวคำตอบ ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการประมวลผลข้อมูล ทำให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็ว) 9. ครูยกตัวอย่างว่าในแต่ละเทอมเราจะต้องตัดเกรด และในขั้นตอนการตัดเกรดมีคะแนนที่ต้องคำนวณหลาย อย่าง ซึ่งครูส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการประมวลผลข้อมูล จะแม่นยำกว่าและ ประมวลผลเร็วกว่า 10. ครูสอบถามว่านักเรียนทราบหรือไม่การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์มีลำดับขั้นตอนออย่างไร (แนว คำตอบ ขั้นตอนที่ 1 การนำเข้าข้อมูล ขั้นตอนที่ 2 การประมวลผลข้อมูล ขั้นตอนที่ 3 การแสดงผล) 11. จากนั้นครูอธิบายลำดับการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 8 12. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 7 – 10 เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ ชั่วโมงที่ 3 1. (50 นาที) 13. ครูอธิบายวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 9 – 10 ซึ่งวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้ การ ประมวลผลแบบแบตช์และการประมวลผลแบบอินเทอร์แอ็กทิฟ (ครูยกตัวอย่างในหนังสือเรียน แล้ว ให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน) 14. จากนั้นครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 11 – 13 กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์มีวิธีในการประมวลผลหลายวิธี ได้แก่ 1) การ ขั้นสอน ขั้นสอน
คำนวณ 2) การจัดเรียงข้อมูล 3) การจัดกลุ่มข้อมูล 4) การสืบค้นข้อมูล 5) การรวบรวมข้อมูล 6) การ สรุปผล 7) การทำรายงาน 8) การบันทึก 9) การปรับปรุงข้อมูล 10) การสำเนาข้อมูล 11) การสำรอง ข้อมูล 12) การกู้ข้อมูล 13) การสื่อสารข้อมูล 14) การบีบอัดข้อมูล 15. ครูยกตัวอย่างกรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์บางข้อให้นักเรียนฟัง 1) การคำนวณข้อมูล เช่น การนำระดับเกรดของแต่ละวิชามาคำนวณเพื่อหาเกรดเฉลี่ย 2) การจัดเรียงข้อมูล เช่น การเรียงลำดับจากน้อยไปมาก การเรียงตัวอักษร 3) การจัดกลุ่มข้อมูล เช่น สรุปข้อมูลผลการเรียนนักเรียนตามชั้นของนักเรียน เช่น เกรดเฉลี่ยนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 4) การสืบค้นข้อมูล เช่น ครูค้นหาข้อมูลผลการเรียนนักเรียนจากชื่อ ค้นหาข้อมูลนักเรียจากรหัสนักเรียน 5) การรวมข้อมูล เช่น การนำประวัติการเข้าแถวมารวมกับประวัติผลการเรียน 16. ครูสนทนากับนักเรียนว่าจากคาบเรียนที่แล้วเราพูดถึงขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลมี 3 ขั้นตอน จากนั้น ให้นักเรียนศึกษารายละเอียดในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 14 – 17 17. ครูตั้งคำถามว่า จากตัวอย่างในหนังสือเรียน หน้า 15 – 17 ให้นักเรียนยกตัวอย่างประโยชน์ของการ ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าสมมติเราต้องการเก็บข้อมูลเพื่อทำโปรโมชันลูกค้าร้านสะดวกซื้อ เราควรรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง ควรจัดกลุ่มข้อมูลแบบไหน ประมูลผลข้อมูลออกมาในรูปแบบใด เพื่อให้ ง่ายต่อการเรียกใช้งาน ให้นักเรียนตอบคำถามลงสมุด (แนวคำตอบ สร้างแบบสอบถามเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ชื่อ – นามสกุล อายุ ที่อยู่ ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ e-mail ความสนใจต่าง ๆ เช่น สนใจผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม สนใจ ผลิตภัณฑ์สุภาพ เป็นต้น จากนั้นเรานำมาสร้างรหัสเพื่อง่ายต่อการค้นหา เช่น ลูกค้าที่สมัครคนแรกของ ร้าน S ตั้งรหัสเป็น S620001 หมายถึงสมัครปี62คนที่0001 เป็นต้น แล้วนำมากลุ่มข้อมูล เช่น เขตพื้นที่ เดียวกัน กลุ่มช่วงอายุ กลุ่มความสนใจ เป็นต้น เวลาเรียกใช้งานสามารถพิมพ์ค้นหาตามคีย์เวิร์ด เช่น ต้องการส่งe-mail จัดโปรโมชันความสวยความงามให้กับลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ด้านนี้ เราสามารถสืบค้น ได้จากที่เราจัดกลุ่มลูกค้าไว้ ) 18. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Activity ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 13 เพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจ
ชั่วโมงที่ 4 1. (40 นาที) 18. ครูสุ่มนักเรียนเพื่อยกตัวอย่าง กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ในแต่ละวิธี เพื่อเป็นการ ทบทวนความรู้คาบที่ผ่านมา 19. ครูถามคำถามนักเรียนว่า ในการเลือกศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอุดมศึกษาเรา ควรต้องคำนึงข้อมูลด้านใดบ้าง (แนวคำตอบ วิชาที่เราถนัด คณะที่เราสนใจให้สอดคล้องกับอาชีพที่เราอยากทำ) 20. ครูสนทนากับนักเรียนว่า จากข้อมูลที่นักเรียนจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากที่สุด 5 อันดับ (กิจกรรม ในชั่วโมงที่ 1) ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลว่าถ้าทำงาน 5 อาชีพนี้นักเรียนควรเรียนคณะอะไร ค่าเทอมเท่าไร รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยขึ้นไป จากนั้นหาค่าเฉลี่ยค่าเทอมว่าถ้าอยากทำอาชีพนี้ จะต้อง เรียนคณะไหนและมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเท่าไรต่อเทอม (เพื่อให้ให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญการวางแผน ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในการเรียนคณะนั้น ๆ) 21. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน รวบรวมข้อมูล ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (นักเรียน สามารถเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับข้อมูลและความถนัดได้ เป็นความรู้ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1) (10 นาที) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายการประมวลผลข้อมูลแต่ละประเภท และวิธีการเลือกเครื่องมือในการ ประมวลผลให้เหมาะสมกับข้อมูล ขั้นสรุป ขั้นสอน
เรื่องที่ 3 : การใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ เวลา 3 ชั่วโมง วิธีการสอนแบบการอภิปราย วิธีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม (10 นาที) 1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบที่ผ่านมาในการรวบรวมข้อมูลนักเรียนใช้เครื่องมือใดในการรวบรวมข้อมูล บ้าง (แนวคำตอบ ใช้แบบสอบถาม ใช้โปรแกรมExcel ใช้Google Forms) 2. ครูถามนักเรียนว่ากลุ่มที่ใช้แบบสอบถาม หรือใช้วิธีการสัมภาษณ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นต้องใช้ ระยะเวลาหนึ่งเพื่อเก็บข้อมูลต่อกลุ่มตัวอย่างหนึ่งคน หากมีวิธีที่จะลดเวลาในขั้นตอนนี้ลงเพื่อเอาเวลาไปใช้ ในการทำงานขั้นตอนอื่นที่อาจมีประโยชน์กว่าจะส่งผลดีต่อการทำงานหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ ดีเพราะนำเวลาที่เหลือไปทำงานที่มีความซับซ้อนมากกว่า ดีเพราะลดเวลาในการรวบรวม ข้อมูลอาจทำให้ได้ข้อมูลที่มากขึ้นเท่าตัว) (40 นาที) 1. ครูอธิบายว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลมีให้เลือกใช้งานหลากหลาย และมีความสำคัญในขั้นตอน การรวบรวมข้อมูลที่มีปริมาณข้อมูลจำนวนมาก หรือต้องการความรวดเร็ว 2. ครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า18 เรื่อง ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เพื่อใช้จัดเก็บรวบรวมข้อมูลตามที่ต้องการ โดยมีซอฟต์แวร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งอยู่บนคอมพิวเตอร์ เช่น Microsoft word และซอฟต์แวร์ที่ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น Google Docs, Google Forms 3. ครูยกตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต คือ Google Forms เป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกใช้งานอย่าง แพร่หลาย ใช้งานง่ายและมีประโยชน์ในการทำงาน โดยครูให้นักเรียนทดลองเป็นผู้ตอบแบบสอบถามใน กิจกรรมต่อไป เพื่อเป็นตัวอย่างการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 4. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากตัวอย่างที่ครูใช้งาน Google Forms นักเรียนคิดว่ามีข้อดีอย่างไรบ้าง (แนวคำตอบ ใช้งานง่าย ประมวลผลให้ทันที นำแผนภูมิไปนำเสนองานได้ทันที) ขั้นนำ ขั้นสอน
5. ครูอธิบายความสำคัญการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่เหมาะกับงาน และวัตถุประสงค์ เช่น ตัวอย่างการรวบรวบ ข้อมูลครูเลือกใช้ Google Forms เนื่องจากสามารถประมวลผลข้อมูลให้ได้ทันที และสามารถนำแผนภูมิไป ใช้ในการนำเสนองานต่อได้จึงลดเวลาการทำงานได้มาก 6. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างโปรแกรมที่สามารถใช้โปรแกรมในการประมวลผลข้อมูล หรือการสร้างและ นำเสนอข้อมูลได้ (แนวคำตอบ Microsoft Excel) 7. ครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า19 เรื่อง ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล และซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสร้างและนำเสนอข้อมูล ชั่วโมงที่ 2 2. (50 นาที) 8. ครูสอบถามนักเรียนว่า จากคาบที่แล้วครูยกตัวอย่างการใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ พร้อมทั้งอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนเพิ่มเติม นักเรียนคิดว่าตนเองมีความถนัดในการใช้ซอฟต์แวร์ใดเพื่อ ใช้ในการสร้างและนำเสนอข้อมูลบ้าง (แนวคำตอบ Keynote, PowerPoint, Google Slide) 9. จากกิจกรรมที่ครูให้นักเรียนหาข้อมูลว่าถ้าต้องการทำงาน 5 อาชีพในฝันนี้นักเรียนควรเรียนคณะอะไร ค่าเฉลี่ยเทอมละเท่าไร รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยขึ้นไป (แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ชั่วโมง ที่ 4) ในคาบเรียนนี้ให้นักเรียนนำข้อมูลที่รวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมูลไว้ มาเตรียมนำเสนอทีละ กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มเลือกใช้ซอฟต์แวร์ตามความถนัดและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่จะใช้งาน ชั่วโมงที่ 3 2. (40 นาที) 10. ครูให้แต่ละกลุ่ม นำเสนองานหน้าชั้นเรียน 11. ครูสอบถามนักเรียนแต่ละกลุ่มว่าจากการประมวลผลมีมหาวิทยาลัยใดที่น่าเรียนต่อบ้าง เพราะอะไร (10 นาที) 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันสรุปประโยชน์จากการนำข้อมูลมาประมวลผล 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ขั้นสรุป ขั้นสอน ขั้นสอน
8.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 2. แบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 3. ใบความรู้ เรื่อง การใช้ Google Forms 4. ใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต 5. คอมพิวเตอร์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอร์เน็ต
หน่วยการเรียนรู้ที่1 คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดคือลักษณะของข้อมูลปฐมภูมิ ก. ข้อมูลที่เก็บรวบรวมด้วยตนเอง ข. ข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้แล้วโดยผู้อื่น ค. ข้อมูลที่นำมาใช้จากงานวิจัยของรัฐบาล ง. ข้อมูลที่เผยแพร่จากกระทรวงสาธารณสุข 2. ข้อใดคือลักษณะของข้อมูลทุติยภูมิ ก. ข้อมูลจากการสังเกต ข. ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ค. ข้อมูลจากการสำรวจข้อมูล ง. ข้อมูลจำนวนผู้สมัครสอบบรรจุครู จากกระทรวงศึกษาธิการ 3. ข้อมูลในข้อมูลจัดเป็นข้อมูลปฐมภูมิ ก. บอลนำข้อมูลการเปรียบเทียบสเปคมือถือ สองเครื่องจากเว็บไซต์มาศึกษา ข. เจตไปขอข้อมูลสุขภาพของประชากรในอำเภอ ที่ตนเองอาศัยอยู่มาทำรายงาน ค. เบลล์ดูวีดีโอคลิปเปรียบเทียบสีลิปคอลเลคชั่น ใหม่ทั้ง 5 สี ง. ตั้มเดินทางไปสอบถามราคาคอนโดพร้อมส่วนลด และโปรโมชั่นตามโครงการที่ตนเองชื่นชอบและ นำข้อมูลกลับมาเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจ 4. ข้อใดเป็นการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ก. การคำนวณด้วยลูกคิด. ข. การคำนวณด้วยเครื่องคิดเลข ค. การคำนวณด้วยเครื่องทำบัญชี ง. การำคนวณด้วย Microsoft Excel 5. ข้อใดเป็นขั้นตอนแรกของลำดับการประมวลผล ข้อมูล ก. การแสดงผล ข. การนำเข้าข้อมูล ค. การวิเคราะห์ข้อมูล ง. การประมวลผลข้อมูล เฉลย 6. ข้อใดเป็นการประมวลผลแบบแบตซ์ ก. ธุรกรรมการเงินของเอทีเอ็ม ข. ระบบคำนวณผลประกอบการรายปี ค. ระบบแสดงความคิดเห็นของเฟสบุค ง. ระบบตรวจจับควันไฟและแจ้งเตือนไฟไหม้ 7. การเรียงคะแนนสอบนักเรียนจากมากไปน้อย เป็นลักษณะการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์แบบใด ก. การคำนวณ ข. การรวมข้อมูล ค. การจัดกลุ่มข้อมูล ง. การจัดเรียงข้อมูล 8. สถานการณ์ต่อไปนี้เป็นกรรมวิธีการประมวลผลข้อมูล ด้วยคอมพิวเตอร์แบบใด “บรรณารักษ์ห้องสมุด จัดลำดับประวัติการยืมหนังสือของนักเรียนจากข้อมูล ในฐานข้อมูลของระบบบันทึกของห้องสมุด” ก. การจัดกลุ่ม ข. การคำนวณ ค. การรวมข้อมูล ง. การจัดเรียงข้อมูล 9. ข้อใดเป็นซอฟแวร์ที่ต้องใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต ก. Keynote ข. SlideDog ค. Microsoft Form ง. OpenOffice Impress 10. ข้อใดคือตัวอย่างการใช้งานโปรแกรม Microsoft PowerPoint อย่างเหมาะสม ก. ใช้ทำรายงานสรุปผลโครงการ ข. ใช้คำนวณและหาค่าเฉลี่ยงานวิจัย ค. ใช้สร้างงาน และนำเสนองานต่อที่ประชุม ง. ใช้จัดทำตารางคำนวณ จัดเรียงข้อมูล และสรุปผล แบบทดสอบก่อนเรียน 1. ก 2. ง 3. ง 4. ง 5. ข 6. ข 7. ง 8. ง 9. ค 10. ค
หน่วยการเรียนรู้ที่1 คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ข้อใดคือลักษณะของข้อมูลทุติยภูมิ ก. ข้อมูลที่เก็บรวบรวมด้วยตนเอง ข. ข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้แล้วโดยผู้อื่น ค. ข้อมูลที่นำมาใช้จากงานวิจัยของรัฐบาล ง. ข้อมูลที่เผยแพร่จากกระทรวงสาธารณสุข 2. ข้อใดคือลักษณะของข้อมูลปฐมภูมิ ก. ข้อมูลทางด้านสถิติต่าง ๆ ข. ข้อมูลพนักงานภายในบริษัท ค. ข้อมูลทางการเงินเฉพาะบุคคล ง. ข้อมูลจากการสังเกตข้อมูลภายในชุมชน 3. ข้อมูลในข้อมูลจัดเป็นข้อมูลทุติยภูมิ ก. บอลนำข้อมูลการเปรียบเทียบสเปคมือถือ สองเครื่องจากเว็บไซต์มาศึกษา ข. เจตไปขอข้อมูลสุขภาพของประชากรในอำเภอ ที่ตนเองอาศัยอยู่มาทำรายงาน ค. เบลล์ดูวีดีโอคลิปเปรียบเทียบสีลิปคอลเลคชั่น ใหม่ทั้ง 5 สี ง. ตั้มเดินทางไปสอบถามราคาคอนโดพร้อมส่วนลด และโปรโมชั่นตามโครงการที่ตนเองชื่นชอบและ นำข้อมูลกลับมาเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจ 4. การประมวลผลในข้อใดได้รับความนิยมมาก ในปัจจุบัน ก. การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ ข. การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ง. การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องคิดเลข ค. การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล 5. ขั้นตอนสุดท้ายของลำดับการประมวลผลข้อมูลคือข้อใด ก. การแสดงผล ข. การนำเข้าข้อมูล ค. การวิเคราะห์ข้อมูล ง. การประมวลผลข้อมูล เฉลย 6. ข้อใดเป็นการประมวลผลแบบทันที ก. ธุรกรรมการเงินของเอทีเอ็ม ข. ระบบคำนวณผลประกอบการรายปี ค. ระบบแสดงความคิดเห็นของเฟสบุค ง. ระบบตรวจจับควันไฟและแจ้งเตือนไฟไหม้ 7. การบวก ลบ คูณ หาร หาค่าเฉลี่ยถือว่าเป็นลักษณะ การประมวลผลข้อมูลแบบใด ก. การคำนวณ ข. การรวมข้อมูล ค. การจัดกลุ่มข้อมูล ง. การจัดเรียงข้อมูล 8. สถานการณ์ต่อไปนี้เป็นกรรมวิธีการประมวลผลข้อมูล ด้วยคอมพิวเตอร์แบบใด “การนำประวัติส่วนตัวของ นักเรียนแต่คนละคน มาจัดทำประวัติทางการศึกษา ของโรงเรียน” ก. การจัดกลุ่ม ข. การคำนวณ ค. การรวมข้อมูล ง. การจัดเรียงข้อมูล 9. เบนต้องการใช้งานซอฟต์แวร์ในการรวบรวมข้อมูล ผ่านอินเทอร์เน็ต เบนควรเลือกใช้ซอฟต์แวร์ในข้อใด ก. Keynote ข. SlideDog ค. Microsoft Form ง. OpenOffice Impress 10. ข้อใดคือตัวอย่างการใช้งานโปรแกรม Microsoft Excel ได้อย่างเหมาะสม ก. ใช้ทำรายงานสรุปผลโครงการ ข. ใช้คำนวณและหาค่าเฉลี่ยงานวิจัย ค. ใช้สร้างงาน และนำเสนองานต่อที่ประชุม ง. ใช้จัดทำตารางคำนวณ จัดเรียงข้อมูล และสรุปผล แบบทดสอบหลังเรียน 1. ข 2. ง 3. ข 4. ข 5. ก 6. ค 7. ก 8. ค 9. ค 10. ง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ เวลา 9 ชั่วโมง เรื่อง การรวบรวมข้อมูล เวลา 2 ชั่วโมง รายวิชา คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 1. ผลการเรียนรู้ 1. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาเป็นขั้นตอน และเป็น ระบบ 3. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้น ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต 5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ จัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ 6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกลักษณะและประเภทของข้อมูลได้(K) 2. เลือกวิธีการรวบรวมข้อมูลได้เหมาะสมกับประเภทข้อมูลได้ (K,P) 3. ตระหนักถึงความสำคัญของวิธีการรวบรวมข้อมูล (A) 3. สาระสำคัญ การรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ ดังนั้นควรมีความ เข้าใจเกี่ยวกับลักษณะและประเภทของข้อมูล ตลอดจนวิธีการรวบรวมข้อมูล เพื่อจะได้นำไปประยุกต์ใช้ได้ อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับงานของตน หากพิจารณาถึงประเภทของข้อมูลสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ตามแหล่งที่มาของข้อมูล ได้แก่ ข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ 4. สาระการเรียนรู้ 1. การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ 2. การรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ 5. รูปแบบการสอน/วิธีการสอน 1. รูปแบบการสอนแบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction)
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะ 4 Cs ทักษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ทักษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skill) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 9. การจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ เพื่อวัด ความรู้เดิมของนักเรียนก่อนเข้าสู่กิจกรรม ขั้นนำ (10 นาที) 1. ครูสอบถามนักเรียนว่า “ในภาคเรียนที่ผ่านมา นักเรียนชอบวิชาไหนมากที่สุด เพราะอะไร” (ครูสุ่มถามนักเรียน 4 – 5 คน) 2. จากนั้นครูถามต่อว่า “คำถามที่ครูถามข้างต้นเป็นลักษณะของข้อมูลประเภทไหน” (แนวคำตอบ ข้อมูลปฐมภูมิ) ขั้นสอน (30 นาที) 1. ครูทบทวนความรู้นักเรียน โดยการถามคำถาม ถ้าเราพิจารณาข้อมูลตามแหล่งที่มาของข้อมูล สามารถแบ่ง ข้อมูลได้กี่ประเภท อะไรบ้าง (นักเรียนได้เรียนเรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศในระดับชั้นม.1) (แนวคำตอบ 2 ประเภท คือ ข้อมูลปฐมภูมิและข้อมูลทุติยภูมิ) 2. ครูอธิบายกับนักเรียนว่าข้อมูลแต่ละประเภทมีลักษณะต่างกัน การรวบรวมข้อมูลจึงต่างกัน ชั่วโมงที่ 1
3. ครูให้นักเรียนเปิดในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 3 – 5 และ อธิบายการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ สามารถทำได้ดังนี้ การสัมภาษณ์ส่วนบุคคล การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การใช้แบบสอบถาม และการสังเกต (ให้นักเรียนศึกษาวิธีการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิเพิ่มเติมในหนังสือเรียน อจท. หน้า 3 – 5) 4. ครูถามนักเรียนว่า ในตอนต้นชั่วโมงครูถามเรื่องวิชาที่นักเรียนชอบมากที่สุด เพราะอะไร เป็นการเก็บ รวบรวมข้อมูลแบบใด (แนวคำตอบ การสัมภาษณ์ส่วนบุคคล) 5. ครูอธิบายการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 6 ในการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งทุติยภูมิสามารถแบ่งออกได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ ข้อมูลจาก แหล่งข้อมูลภายในและข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก (ให้นักเรียนศึกษาวิธีการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิ เพิ่มเติมในหนังสือเรียน หน้า 6) 6. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึก Exercise ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 3 – 6 เพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจ ขั้นสอน (40 นาที) 7. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “ในคาบที่แล้วนักเรียนรู้ว่าตัวเองชอบวิชาอะไร คาบนี้เรามาจะมาดูว่าสาขาที่ นักเรียนอยากเรียนต่อและอาชีพที่อยากทำอนาคต จะสัมพันธ์กันหรือไม่” 8. ครูสนทนากับนักเรียนในการจัดการข้อมูลอย่างใดอย่างหนึ่ง เราต้องเลือกวิธีให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่ เราจะใช้งาน ตั้งแต่เลือกวิธีการรวบรวมข้อมูล วิธีการประมวลผล และการนำเสนอข้อมูล จากนั้นครูให้ นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน 9. ครูแจกใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูลของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20 คน ขึ้นไป ตามหัวข้อที่กำหนดให้ (กลุ่มประชากรที่แต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูล ไม่ควรซ้ำกัน) 10. จากนั้นครูให้นักเรียนวางแผนวิธีการรวบรวมข้อมูลที่เหมาะสม โดยนักเรียนสามารถเลือกเพื่อนต่างห้องได้ ใช้คาบพักเที่ยงในการรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่นักเรียนต้องการได้ เช่น นักเรียนต่างห้อง เพื่อไม่ให้ กระทบการเรียนของนักเรียนห้องอื่น ขั้นสรุป (10 นาที) 1. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงความสำคัญของวิธีการรวบรวมข้อมูล 2. ครูสนทนากับนักเรียนว่า ถ้านักเรียนรวบรวมข้อมูลเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องนำข้อมูลที่รวบรวมได้ไป ประมวลผล ซึ่งในคาบถัดไป เราจะมาเรียนรู้เรื่อง การประมวลผลข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่มี ประโยชน์และตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ชั่วโมงที่ 2
10. สื่อแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 2. แบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 3. ใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต 11. การวัดและการประเมินผล 11.1 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม จุดประสงค์ วิธีการประเมิน เครื่องมือการประเมิน เกณฑ์การประเมิน 1. บอกลักษณะและ ประเภทของข้อมูลได้(K) ตรวจแบบฝึกหัด Exercise หน้า 3–6 แบบฝึกหัด (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูล และสารสนเทศ หน้า 3–6 บอกลักษณะและ ประเภทของข้อมูลได้ ถูกต้อง 60% ขึ้นไป 2. เลือกวิธีการรวบรวม ข้อมูลได้เหมาะสมกับ ประเภทข้อมูลได้ (K,P) ตรวจใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต (ข้อ 1) แบบประเมินใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพใน อนาคต เลือกวิธีการรวบรวม ข้อมูลได้เหมาะสมกับ ประเภทข้อมูลได้ในระดับ คุณภาพพอใช้ขึ้นไปถือว่า ผ่าน 3. ตระหนักถึง ความสำคัญของวิธีการ รวบรวมข้อมูล (A) ตรวจใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต (ข้อ 3) แบบประเมินใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพใน อนาคต อธิบายวิธีการรวบรวม ข้อมูลว่ามีประโยชน์กับ การรวบรวมข้อมูลที่ ต้องการได้ชัดเจน ใน ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้น ไปถือว่าผ่าน
11.2 การประเมินใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต ประเด็นในการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1. การเลือกวิธีการ รวบรวมข้อมูล สามารถเลือกวิธีการ รวบรวมข้อมูลให้ เหมาะสมกับ วัตถุประสงค์การใช้งาน และเหมาะกับกลุ่ม ตัวอย่าง สามารถเลือกวิธีการ รวบรวมข้อมูลให้ เหมาะสมกับ วัตถุประสงค์การใช้งาน และเหมาะกับกลุ่มเป็น ส่วนใหญ่ สามารถเลือกวิธีการ รวบรวมข้อมูลให้ เหมาะสมกับ วัตถุประสงค์การใช้งาน และเหมาะกับกลุ่ม ตัวอย่างเพียงบางส่วน 2. เหตุผลการเลือกวิธี รวบรวมข้อมูล สามารถบอกเหตุของ การเลือกวิธีรวบรวม ข้อมูลได้สมเหตุสมผล สามารถบอกเหตุของ การเลือกวิธีรวบรวม ข้อมูลได้สมเหตุสมผล เป็นส่วนใหญ่ สามารถบอกเหตุของ การเลือกวิธีรวบรวม ข้อมูลได้สมเหตุสมผล เพียงบางส่วน 3. ความสำคัญของ วิธีการรวบรวมข้อมูล อธิบายวิธีการรวบรวม ข้อมูลว่ามีประโยชน์กับ การรวบรวมข้อมูลที่ ต้องการได้ชัดเจน อธิบายวิธีการรวบรวม ข้อมูลว่ามีประโยชน์กับ การรวบรวมข้อมูลที่ ต้องการได้ชัดเจนเป็น ส่วนใหญ่ อธิบายวิธีการรวบรวม ข้อมูลว่ามีประโยชน์กับ การรวบรวมข้อมูลที่ ต้องการได้เพียงบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 8 – 9 ดี 5 – 7 พอใช้ น้อยกว่า 5 ปรับปรุง
ใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต คำชี้แจง : ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและอาชีพที่อยากทำในอนาคต อย่างน้อย 20 คน 1. วิธีการรวมข้อมูล (อาจมากกว่า 1 วิธี) พร้อมเหตุผล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ชื่อ – สกุล ห้อง สาขาที่อยากเรียน ต่อในระดับมัธยม ตอนปลาย คณะที่อยากเรียน ต่อในระดับ ปริญญาตรี อาชีพที่อยากทำใน อนาคต
3. วิธีการรวบรวมข้อมูลช่วยให้นักเรียนเข้าใจสิ่งที่ค้นหาอย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. ภาคผนวก (ถ้ามี) ........................................................................................................................ ...................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................ ...................... ............................................................................................................. ................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................. ................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
ใบงานที่ 1.1.1 เรื่อง อาชีพในอนาคต คำชี้แจง : ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเรียนและอาชีพที่อยากทำในอนาคต อย่างน้อย 20 คน 1. วิธีการรวมข้อมูล (อาจมากกว่า 1 วิธี) พร้อมเหตุผล ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………................................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ชื่อ – สกุล ห้อง สาขาที่อยากเรียน ต่อในระดับมัธยม ตอนปลาย คณะที่อยากเรียน ต่อในระดับ ปริญญาตรี อาชีพที่อยากทำใน อนาคต เฉลย
3. วิธีการรวบรวมข้อมูลช่วยให้นักเรียนเข้าใจสิ่งที่ค้นหาอย่างไร ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................... ............................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................... .......................................... 4. ภาคผนวก (ถ้ามี) .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
12. ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย 13. บันทึกผลหลังการสอน ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอื่น ๆ (พฤติกรรมเด่นหรือพฤติกรรมที่มีปัญหาของนักเรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี)) ข้อเสนอแนะ ลงชื่อ ( ) ตำแหน่ง .......
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ เวลา 9 ชั่วโมง เรื่อง การประมวลผลข้อมูล เวลา 4 ชั่วโมง รายวิชา คอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 1. ผลการเรียนรู้ 1. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหาเป็นขั้นตอน และเป็น ระบบ 3. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้น ในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และนำเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อสังคมและการดำรงชีวิต 5. เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการ จัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ 6. เพื่อให้ผู้เรียนเป็นผู้มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกประเภทของการประมวลผลข้อมูลได้ (K) 2. เลือกวิธีการประมวลข้อมูลที่เหมาะสมกับประเภทของข้อมูลได้ (K,P) 3. ยกตัวอย่างประโยชน์ของการประมวลผลข้อมูลที่เหมาะสมกับประเภทของข้อมูล (A) 3. สาระสำคัญ การประมวลผลข้อมูล หมายถึง วิธีการจัดการกับข้อมูลด้วยการ คำนวณหรือการเปรียบเทียบ เพื่อให้ ข้อมูลอยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตรงตามความต้องการ โดยการประมวลผลข้อมูลสามารถแบ่งตาม อุปกรณ์ที่ใช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล และ การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ 4. สาระการเรียนรู้ 1. การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ 2. การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักร 3.การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ 5. รูปแบบการสอน/วิธีการสอน 1. รูปแบบการสอนแบบการอภิปราย 2. วิธีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction) 3. วิธีการสอนโดยใช้แนวคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking)
6. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะ 4Cs ทักษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ทักษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skill) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ 9. การจัดกระบวนการเรียนรู้ ขั้นนำ (10 นาที) 1. ครูสอบถามว่าจากการสำรวจข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างในคาบที่แล้ว แต่ละกลุ่มใช้วิธีการรวบรวมข้อมูล แบบใดบ้าง (แนวคำตอบ การสัมภาษณ์ส่วนบุคคล การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การใช้แบบสอบถาม) 2. ครูสนทนากับนักเรียนว่า เราสามารถนำข้อมูลนั้นมาใช้เลยได้หรือไม่ (แนวคำตอบ ได้แต่ไม่สะดวกต่อการใช้งาน เพราะฉะนั้นเราจะต้องนำข้อมูลมาประมวลผลก่อน) ขั้นสอน (40นาที) 1. ครูอธิบายการประมวลผลข้อมูลในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 7 การประมวลผลข้อมูลเป็นวิธีการจัดการกับข้อมูล อาจเป็นการคำนวณหรือการเปรียบลักษณะต่าง ๆ เพื่อให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่มีประโยชน์ตรงกับจุดประสงค์ของผู้ใช้งาน ซึ่งการประมวลผลข้อมูลแบ่ง ออกตามอุปกรณ์ที่ใช้ได้ 3 ประเภท คือ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ การประมวลผลข้อมูลด้วย เครื่องจักรกล และการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ชั่วโมงที่ 1
2. จากนั้นครูอธิบาย “การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ” ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 7 3. ครูสนทนาว่าจากข้อมูลที่ให้ไปรวบรวมข้อมูลในกิจกรรมอาชีพในฝัน ให้นักเรียนนำข้อมูล อาชีพที่อยากทำ ในอนาคตมาจัดอันดับ โดยการนำข้อมูลของกลุ่มตนเองมาจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากที่สุด 5 อันดับ 4. ครูให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนออาชีพ 5 อันดับแรกจากการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มตนเอง (ระหว่างที่ นักเรียนนำเสนอ ครูจดข้อมูลของแต่ละกลุ่มบนกระดาน หรือพิมพ์ลงบนExcel) 5. ครูถามนักเรียนว่าวิธีการจัดการกับข้อมูลที่รวบรวมได้จากเพื่อน 20 คนในคาบที่แล้วเป็นการประมวลผล ประเภทใด เพราะอะไร (แนวคำตอบ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ เพราะข้อมูลน้อยคำนวณด้วยตนเองได้) ขั้นสอน (50 นาที) 6. ครูสนทนากับนักเรียนว่า คาบที่ผ่านมานักเรียนได้ประมวลผลข้อมูลด้วยมือ เราทราบอยู่แล้วว่าการ ประมวลผลข้อมูลสามารถทำได้หลายวิธี จากนั้นครูอธิบาย “การประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล” ใน หนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 7 7. ครูยกตัวอย่างการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องจักรกล เช่น เครื่องคิดเลขในมินิมาร์ทที่เป็นเครื่องทำบัญชี อาชีพนักบัญชีที่ต้องมีการคำนวณเกี่ยวกับเงินซึ่งต้องการความแม่นยำสูงจะมีเครื่องทำบัญชีเข้ามาช่วยทำ ให้การคำนวณแม่นยำมากขึ้น โดยการทำงานของเครื่องก็จะมีฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่สะดวกต่อการคำนวณตัวเลข 8. ครูตั้งคำถามว่าหากข้อมูลที่เราต้องการประมวลผลมีจำนวนที่มากขึ้น จนไม่สามารถประมวลได้เอง เราจะมี วิธีการแก้ปัญหาอย่างไร (แนวคำตอบ ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการประมวลผลข้อมูล ทำให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็ว) 9. ครูยกตัวอย่างว่าในแต่ละเทอมเราจะต้องตัดเกรด และในขั้นตอนการตัดเกรดมีคะแนนที่ต้องคำนวณหลาย อย่าง ซึ่งครูส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการประมวลผลข้อมูล จะแม่นยำกว่าและ ประมวลผลเร็วกว่า 10. ครูสอบถามว่านักเรียนทราบหรือไม่การประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์มีลำดับขั้นตอนออย่างไร (แนวคำตอบ ขั้นตอนที่ 1 การนำเข้าข้อมูล ขั้นตอนที่ 2 การประมวลผลข้อมูล ขั้นตอนที่ 3 การแสดงผล) 11. จากนั้นครูอธิบายลำดับการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 8 ชั่วโมงที่ 2
12. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด exersice ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 7–10 เพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจ ขั้นสอน (50 นาที) (ต่อ) 13. ครูอธิบายวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 9 – 10 ซึ่งวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้ การ ประมวลผลแบบแบตช์และการประมวลผลแบบอินเทอร์แอ็กทิฟ (ครูยกตัวอย่างในหนังสือเรียน แล้ว ให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน) 14. จากนั้นครูอธิบายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 11 – 13 กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์มีวิธีในการประมวลผลหลายวิธี ได้แก่ 1) การ คำนวณ 2) การจัดเรียงข้อมูล 3) การจัดกลุ่มข้อมูล 4) การสืบค้นข้อมูล 5) การรวบรวมข้อมูล 6) การ สรุปผล 7) การทำรายงาน 8) การบันทึก 9) การปรับปรุงข้อมูล 10) การสำเนาข้อมูล 11) การสำรอง ข้อมูล 12) การกู้ข้อมูล 13) การสื่อสารข้อมูล 14) การบีบอัดข้อมูล 15. ครูยกตัวอย่างกรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์บางข้อให้นักเรียนฟัง 1) การคำนวณข้อมูล เช่น การนำระดับเกรดของแต่ละวิชามาคำนวณเพื่อหาเกรดเฉลี่ย 2) การจัดเรียงข้อมูล เช่น การเรียงลำดับจากน้อยไปมาก การเรียงตัวอักษร 3) การจัดกลุ่มข้อมูล เช่น สรุปข้อมูลผลการเรียนนักเรียนตามชั้นของนักเรียน เช่น เกรดเฉลี่ยนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 4) การสืบค้นข้อมูล เช่น ครูค้นหาข้อมูลผลการเรียนนักเรียนจากชื่อ ค้นหาข้อมูลนักเรียจากรหัสนักเรียน 5) การรวมข้อมูล เช่น การนำประวัติการเข้าแถวมารวมกับประวัติผลการเรียน 16. ครูสนทนากับนักเรียนว่าจากคาบเรียนที่แล้วเราพูดถึงขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลมี 3 ขั้นตอน จากนั้น ให้นักเรียนศึกษารายละเอียดในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า 14 – 17 17. ครูตั้งคำถามว่า จากตัวอย่างในหนังสือเรียน อจท. หน้า 15 – 17 ให้นักเรียนยกตัวอย่างประโยชน์ของการ ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าสมมติเราต้องการเก็บข้อมูลเพื่อทำโปรโมชันลูกค้าร้านสะดวกซื้อ เราควรรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง ควรจัดกลุ่มข้อมูลแบบไหน ประมูลผลข้อมูลออกมาในรูปแบบใด เพื่อให้ ง่ายต่อการเรียกใช้งาน ให้นักเรียนตอบคำถามลงสมุด (แนวคำตอบ สร้างแบบสอบถามเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ชื่อ – นามสกุล อายุ ที่อยู่ ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ e-mail ความสนใจต่าง ๆ เช่น สนใจผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม สนใจ ชั่วโมงที่ 3
ผลิตภัณฑ์สุภาพ เป็นต้น จากนั้นเรานำมาสร้างรหัสเพื่อง่ายต่อการค้นหา เช่น ลูกค้าที่สมัครคนแรกของ ร้าน S ตั้งรหัสเป็น S620001 หมายถึงสมัครปี62คนที่0001 เป็นต้น แล้วนำมากลุ่มข้อมูล เช่น เขตพื้นที่ เดียวกัน กลุ่มช่วงอายุ กลุ่มความสนใจ เป็นต้น เวลาเรียกใช้งานสามารถพิมพ์ค้นหาตามคีย์เวิร์ด เช่น ต้องการส่งe-mail จัดโปรโมชันความสวยความงามให้กับลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ด้านนี้ เราสามารถสืบค้น ได้จากที่เราจัดกลุ่มลูกค้าไว้ ) 18. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด Activity ในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 13 เพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจ ขั้นสอน (40 นาที) 18. ครูสุ่มนักเรียนเพื่อยกตัวอย่าง กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ในแต่ละวิธี เพื่อเป็นการ ทบทวนความรู้คาบที่ผ่านมา 19. ครูถามคำถามนักเรียนว่า ในการเลือกศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอุดมศึกษาเรา ควรต้องคำนึงข้อมูลด้านใดบ้าง (แนวคำตอบ วิชาที่เราถนัด คณะที่เราสนใจให้สอดคล้องกับอาชีพที่เราอยากทำ) 20. ครูสนทนากับนักเรียนว่า จากข้อมูลที่นักเรียนจัดอันดับอาชีพที่มีคนอยากทำมากที่สุด 5 อันดับ (กิจกรรม ในชั่วโมงที่ 1) ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลว่าถ้าทำงาน 5 อาชีพนี้นักเรียนควรเรียนคณะอะไร ค่าเทอมเท่าไร รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยขึ้นไป จากนั้นหาค่าเฉลี่ยค่าเทอมว่าถ้าอยากทำอาชีพนี้ จะต้อง เรียนคณะไหนและมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเท่าไรต่อเทอม (เพื่อให้ให้นักเรียนได้เห็นความสำคัญการวางแผน ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในการเรียนคณะนั้น ๆ) 21. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน รวบรวมข้อมูล ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (นักเรียน สามารถเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมกับข้อมูลและความถนัดได้ เป็นความรู้ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1) ขั้นสรุป (10 นาที) 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายการประมวลผลข้อมูลแต่ละประเภท และวิธีการเลือกเครื่องมือในการ ประมวลผลให้เหมาะสมกับข้อมูล 10. สื่อแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 2. แบบฝึกหัด (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูลและสารสนเทศ 3. คอมพิวเตอร์ ชั่วโมงที่ 4
11. การวัดและการประเมินผล 11.1 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม จุดประสงค์ วิธีการประเมิน เครื่องมือการประเมิน เกณฑ์การประเมิน 1. บอกประเภทของการ ประมวลผลข้อมูลได้ (K) ตรวจแบบฝึกหัด Exercise หน้า 7–10 แบบฝึกหัด (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูล และสารสนเทศ หน้า 7–10 บอกลักษณะและ ประเภทของข้อมูลได้ ถูกต้อง 60% ขึ้นไป 2. เลือกวิธีการประมวล ข้อมูลที่เหมาะสมกับ ประเภทของข้อมูลได้ (K,P) ตรวจแบบฝึกหัด Activity หน้า 13 แบบฝึกหัด (วิทยาการ คำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การจัดการข้อมูล และสารสนเทศ หน้า 13 2. แบบประเมิน เลือกวิธีการรวบรวม ข้อมูลได้เหมาะสมกับ ประเภทข้อมูลได้ใน ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้น ไปถือว่าผ่าน 3. ยกตัวอย่างประโยชน์ ของการประมวลผล ข้อมูลที่เหมาะสมกับ ประเภทของข้อมูล (A) การตอบคำถาม (ใน แผนการสอน ชั่วโมงที่ 3 ข้อ17) 1. แบบประเมิน เห็นความสำคัญของ วิธีการรวบรวมข้อมูล ใน ระดับคุณภาพพอใช้ขึ้น ไปถือว่าผ่าน 11.2 การประเมินการทำแบบฝึกหัด ประเด็นในการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1. การเลือกวิธีการ ประมวลผลข้อมูล สามารถเลือกอุปกรณ์ และวิธีการประมวลผล ข้อมูลที่เหมาะสมกับ ข้อมูล วัตถุประสงค์การ ใช้งานได้ สามารถเลือกอุปกรณ์ และวิธีการประมวลผล ข้อมูลที่เหมาะสมกับ ข้อมูล วัตถุประสงค์การ ใช้งานได้ส่วนใหญ่ สามารถเลือกอุปกรณ์ เหมาะสมกับข้อมูลได้ แต่วิธีการประมวลผล ข้อมูลอาจไม่ตรงตาม วัตถุประสงค์การใช้งาน เพียงบางส่วน
2. ยกตัวอย่างประโยชน์ ของการประมวลผล ข้อมูลที่เหมาะสมกับ ประเภทของข้อมูล สามารถยกตัวอย่าง ประโยชน์ของการ ประมวลผลข้อมูลที่ เหมาะสมกับประเภท ของข้อมูลได้ เขียน อธิบายชัดเจน สามารถยกตัวอย่าง ประโยชน์ของการ ประมวลผลข้อมูลที่ เหมาะสมกับประเภท ของข้อมูลได้ เป็นส่วน ใหญ่ สามารถยกตัวอย่าง ประโยชน์ของการ ประมวลผลข้อมูลที่ เหมาะสมกับประเภท ของข้อมูลได้เพียง บางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 5 – 6 ดี 3 – 4 พอใช้ น้อยกว่า 3 ปรับปรุง