หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 การออกแบบข้ันตอนการทำงาน และการเขยี นโปรแกรมด้วยภาษา Python
แบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2
คำช้แี จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. สญั ลกั ษณใ์ ดใชใ้ นการรับข้อมูลทางแปน้ พิมพ์ 6. ข้อใดเป็นการใช้ตวั แปรท่ีไม่ถูกต้อง
ก. ก. name = “Somsri”
. ข. thai_score = 24
ข. ค. 1product = “pen”
ง. mySubject = “Computer”
ค.
ง. 7. คำสัง่ ใดใชร้ บั ข้อมูลทางแป้นพมิ พ์
2. สัญลกั ษณ์ใดใช้ในการแสดงผลออกทางจอภาพ ก. print( )
ก. ข. input( )
ค. output( )
ข. ง. compute( )
8. ขอ้ ใดคือผลลพั ธ์ของการคำนวณตอ่ ไปน้ี
ค.
ง. (8 + 3) * 2 – 9 / 3
3. รหสั ควบคมุ ตัวใดใชก้ ำหนดใหข้ ึ้นบรรทดั ใหม่ ก. 19
ก. \f ข. 4.33
ข. \n ค. 22
ค. \v ง. -11
ง. \t 9. ข้อใดไม่ใช่รูปแบบโครงสร้างการทำงานของ
โปรแกรมแบบเลอื กทำ
4. รหสั ควบคมุ ตัวใดใชแ้ สดงข้อมลู ที่เป็นเลข ก. Single Selection
จำนวนเต็ม ข. Multiple Selection
ก. %f ค. Double Selection
ข. %s ง. Third Selection
ค. %c 10. การทำงานของโปรแกรมแบบเลอื กทำรปู แบบ
ง. %d ใดท่ีมีการพสิ จู น์เง่ือนไขหลายเงื่อนไข
ก. Single Selection
5. รหสั ควบคุมตวั ใดใชแ้ สดงข้อมูลท่เี ป็นตวั อกั ษร ข. Multiple Selection
ก. %f ค. Double Selection
ข. %s ง. Third Selection
ค. %c
ง. %d
เฉลย 1. ค 2. ก 3. ข 4. ง 5. ข 6. ค 7. ข 8. ก 9. ง 10. ข
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การออกแบบข้นั ตอนการทำงาน และการเขียนโปรแกรมดว้ ยภาษา Python
แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยกาสรนเรยี นรทู้ ี่ 2
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. สญั ลักษณใ์ ดใช้ในการตัดสินใจ 7. คำสัง่ ใดใชแ้ สดงผลทางจอภาพ
ก. ก. output( )
ข. input( )
ข. ค. print( )
ง. compute( )
ค.
8. ข้อใดคือผลลัพธข์ องการคำนวณตอ่ ไปน้ี
ง. (15 - 3) / 4 + 2 * 3
2. สญั ลักษณ์ใดใช้ในการประมวลผล ก. 6 ข. 18
ก. ค. 15 ง. 9
9. โครงสร้างการทำงานแบบใดที่มีการพสิ ูจน์
ข. เงอื่ นไขเพยี ง 1 ครัง้
ก. Single Selection
ค. ข. Multiple Selection
ค. Double Selection
ง. ง. Third Selection
3. รหสั ควบคุมตวั ใดใช้กำหนดใหข้ นึ้ หนา้ ใหม่ 10. โครงสร้างการทำงานแบบใดทมี่ ีการพสิ ูจน์
เงอ่ื นไขทีแ่ บ่งออกเป็น 2 ทางเลือกนัน่ คือ
ก. \f ข. \n เงือ่ นไขทเ่ี ป็นจรงิ และเง่ือนไขทเ่ี ปน็ เท็จ
ค. \v ง. \t ก. Single Selection
4. รหสั ควบคมุ ตวั ใดใชแ้ สดงข้อมลู ท่เี ป็น ข. Multiple Selection
เลขทศนิยม ค. Double Selection
ก. %c ข. %s ง. Third Selection
ค. %f ง. %d
5. รหสั ควบคุมตัวใดใช้แสดงเสียงออกทางลำโพง
ก. \b ข. \a
ค. \v ง. \r
6. ขอ้ ใดเป็นการใช้ตวั แปรท่ีไม่ถูกต้อง
ก. name = Laddawan
ข. thai_score = 24
ค. total_product = 125
ง. mySubject = “Thai”
เฉลย 1. ง 2. ข 3. ก 4. ค 5. ข 6. ก 7. ค 8. ง 9. ก 10. ค
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1
องคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอร์
เวลา 2 ช่ัวโมง
1. มาตรฐาน/ตัวชีว้ ดั
1.1 ตวั ชว้ี ดั
ว 4.2 ม.2/3 อภปิ รายองคป์ ระกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี
การสอื่ สาร เพื่อประยุกต์ใชง้ านหรือแกป้ ญั หาเบือ้ งตน้
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกตอ้ ง (K)
2. อธิบายการทำงานของหน่วยต่าง ๆ ของฮารด์ แวรไ์ ดถ้ ูกต้อง (K)
3. บอกอุปกรณ์ท่ใี ช้ทำหน้าท่ีในแต่ละหนว่ ยได้ถูกต้อง (K)
4. เลอื กใช้งานซอฟต์แวรใ์ ห้สอดคล้องและเหมาะสมกบั ความต้องการได้ (P)
5. สนใจใฝเ่ รยี นร้ใู นการศกึ ษาและนำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้อย่างเหมาะสม (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น
สาระการเรียนรู้แกนกลาง -
- องคป์ ระกอบและหลักการทำงานของระบบ
คอมพวิ เตอร์
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ระบบคอมพวิ เตอร์ หมายถึง การทำงานของคอมพวิ เตอร์ท่ีมีสว่ นต่าง ๆ มาทำงานร่วมกัน เพอื่
ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายในการทำงานอยา่ งมรี ะบบ ซึง่ ระบบคอมพวิ เตอรจ์ ะประกอบไปด้วยองค์ประกอบสำคัญ
5 สว่ น คือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ บคุ ลากร ขอ้ มลู สารสนเทศ และกระบวนการ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวนิ ยั รบั ผิดชอบ
- ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้
2. ความสามารถในการคิด 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน
- ทักษะการคิดวิเคราะห์
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทักษะการสืบคน้ ข้อมลู
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงที่ 1
ขนั้ นำ
ขนั้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)
1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่อื ง ระบบคอมพวิ เตอร์ เพอื่ วดั ความรู้
เดิมของนักเรียนก่อนเขา้ สูก่ ิจกรรม
2. ครถู ามคำถามประจำหัวข้อว่า“นักเรียนรหู้ รือไม่วา่ หากระบบคอมพวิ เตอร์ขาดสว่ นประกอบ
สว่ นใดส่วนหนึง่ ไประบบคอมพวิ เตอร์ยังจะสามารถทำงานตอ่ ไปได้หรือไม่”
(แนวตอบ : นกั เรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบข้นึ อยกู่ ับดลุ ยพินิจของ
ครผู สู้ อน เชน่ ระบบคอมพวิ เตอรไ์ มส่ ามารถใชง้ านได้ ระบบคอมพิวเตอร์สามารถใชง้ านได้
แตไ่ ม่มปี ระสิทธิภาพ เปน็ ตน้ )
3. ครอู ธบิ ายเพ่ือเชอื่ มโยงเข้าสู่บทเรยี นวา่ “ระบบคอมพิวเตอร์หมายถงึ การทำงานของ
คอมพิวเตอร์ทมี่ ีสว่ นตา่ ง ๆ ที่ทำงานรว่ มกนั เพอ่ื ใหบ้ รรลุเปา้ หมายในการทำงานได้อย่าง
มีระบบและมปี ระสิทธภิ าพ”
ขั้นสอน
ขนั้ ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. ครทู บทวนความรเู้ ดิมของนักเรยี นโดยเขยี นคำว่า“องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์”
ลงบนกระดานหนา้ ชัน้ เรียนและให้นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับองค์ประกอบของระบบ
คอมพิวเตอรว์ า่ ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง จากนน้ั ครูจดบันทึกคำตอบของนกั เรียนลงบน
กระดานหนา้ ชั้นเรยี น
2. นกั เรยี นสืบคน้ ข้อมลู เก่ียวกบั องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์จากหนังสอื เรียนรายวิชา
พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง
ระบบคอมพิวเตอร์ หรอื จากอนิ เทอรเ์ นต็ ที่เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ของตนเอง
3. นักเรียนภายในช้ันเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ และตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ
บนกระดานหนา้ ช้นั เรียน
4. ครูเน้นยำ้ กับนักเรยี นเกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ว่า“องค์ประกอบของระบบ
คอมพวิ เตอรป์ ระกอบดว้ ยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วน ดงั นี้
1) ฮารด์ แวร์ คือ สว่ นของอุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ และอุปกรณ์ตอ่ พ่วงต่าง ๆ
2) ซอฟตแ์ วร์ คอื สว่ นของโปรแกรมท่เี ปน็ คำส่ังในการควบคุมการทำงานของ
เครอื่ งคอมพวิ เตอร์
3) บคุ ลากร คอื ผู้ปฏบิ ตั ิหน้าทีเ่ ก่ียวกบั คอมพิวเตอร์เพ่ือป้อนข้อมูลหรือใชง้ านคอมพิวเตอร์
4) ขอ้ มูลสารสนเทศ คอื ข้อมลู ดิบทีม่ ีจำนวนมาก ซ่ึงอาจอยู่ในรูปของตวั เลข ตวั อักษรหรือ
สญั ลักษณต์ ่าง ๆ
5) กระบวนการ คือ กระบวนการทำงานเพื่อให้ไดผ้ ลลพั ธต์ ามตอ้ งการ”
5. นักเรียนศกึ ษาเน้ือหาเรื่องฮาร์ดแวร์จากหนังสือเรียนหรือสืบค้นเพ่ิมเตมิ จากอินเทอร์เนต็
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
6. ครอู ธิบายกบั นักเรยี นถงึ องค์ประกอบทางด้านฮาร์ดแวร์ว่า“องค์ประกอบทางด้านฮารด์ แวร์
ประกอบไปดว้ ย 4 หนว่ ย ไดแ้ ก่ หน่วยรบั ข้อมูล หนว่ ยแสดงผลขอ้ มูล หน่วยเกบ็ ข้อมลู และ
หนว่ ยประมวลผลกลาง ซงึ่ แต่ละหนว่ ยจะมีหนา้ ที่การทำงานท่มี ลี กั ษณะทแี่ ตกต่างกนั ”
7. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมเกย่ี วกับฮารด์ แวร์วา่ “การใช้ฮาร์ดแวร์น้ันมีหลกั ในการเลือกใช้ คอื
1) วเิ คราะห์วัตถุประสงคข์ องการใชง้ าน ควรวเิ คราะห์ว่าเปน็ การใชง้ านในสำนักงาน
งานนำเสนอทั่วไป งานประมวลผล หรอื งานส่อื ประสม
2) ควรเลือกคอมพิวเตอร์ตามลกั ษณะของการใช้งาน ถ้าเปน็ งานนอกสถานทท่ี ีต่ ้องใช้
คอมพวิ เตอร์ติดตามผ้ใู ช้ มีการเคล่ือนทห่ี รือเคล่ือนยา้ ยบ่อยกค็ วรเลือกใช้
คอมพวิ เตอร์โน้ตบุ๊ก หรอื แท็บเลต็ คอมพิวเตอร์ แตถ่ า้ เปน็ งานในสถานท่ี หรือ
ใช้ในสำนกั งานก็ควรเป็นเครื่องคอมพวิ เตอรท์ จี่ ดั เป็นชดุ ”
8. นักเรยี นศกึ ษาความรเู้ สริมจากเนือ้ หาเพอื่ ขยายความร้ขู องผู้เรยี น (Com Sci Focus)
เร่อื ง ความสำคัญของ CPU ว่า“CPU เป็นอปุ กรณ์ท่มี ีความสำคญั และจำเป็นต่อการทำงาน
ของเครอื่ งคอมพิวเตอร์เปน็ อยา่ งมาก ซงึ่ อาจจะเรยี กได้วา่ CPU เป็นสมองของคอมพวิ เตอร์
ถา้ หากคอมพิวเตอรป์ ราศจาก CPU แลว้ คอมพวิ เตอร์จะไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจาก
CPU เปน็ ตัวควบคุมการทำงานของอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ไม่ว่าจะเปน็ อุปกรณ์คอมพวิ เตอร์เอง
หรอื อปุ กรณ์ต่อพว่ งภายนอก”
9. นักเรยี นทำใบงานท่ี 3.1.1 เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของฮาร์ดแวร์ โดยให้นักเรยี นพิจารณา
อุปกรณ์ตา่ ง ๆ จากนั้นเตมิ ช่อื อุปกรณ์และบอกหนา้ ที่ลงในตารางใหส้ มบรู ณ์
10. ครสู มุ่ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชัน้ เรยี น พรอ้ มกับอภปิ รายร่วมกนั ในห้องเรียน
ช่ัวโมงท่ี 2
ขน้ั สอน
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
11. ครทู บทวนเน้ือหาการเรียนเมื่อชั่วโมงที่แล้วเกยี่ วกบั องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์
12. นกั เรียนศึกษาเนื้อหาเรือ่ งซอฟตแ์ วร์ บุคลากร ข้อมลู สารสนเทศ และกระบวนการ
จากหนงั สือเรยี น
13. ครูอธิบายกบั นักเรียนเก่ยี วกบั เรอ่ื งซอฟต์แวรเ์ พ่ือให้นักเรียนเข้าใจมากยง่ิ ขึน้ วา่ “ซอฟต์แวร์
แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1) ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ คอื โปรแกรมทใ่ี ช้ควบคมุ การทำงานของเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ให้
ทำงานประสานกนั เชน่ ระบบปฏิบตั ิการวนิ โดวส์ รวมถึงโปรแกรมท่ีติดตั้งมาพร้อมกบั
ระบบปฏิบัติการไมว่ า่ จะเป็นโปรแกรมจัดการไฟล์ โปรแกรมรกั ษาหนา้ จอ เป็นตน้
2) ซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ คือ โปรแกรมท่ีพัฒนาข้ึนมาเพ่อื ใช้งานตามความต้องการต่าง ๆ
ของผู้ใช้ แบ่งเปน็ โปรแกรมที่พฒั นามาใชง้ านท่ัว ๆ ไป เชน่ โปรแกรม Microsoft Word,
Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint เป็นต้น รวมถึงโปรแกรมทที่ ำงานเฉพาะดา้ น
เชน่ โปรแกรมคำนวณภาษี โปรแกรมสต็อกสนิ คา้ โปรแกรมลงทะเบยี นเรียน เปน็ ต้น”
14. ครูส่มุ นกั เรยี น 2-3 คนออกมาอภปิ รายเก่ียวกบั องคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ ได้แก่
บุคลากร ข้อมูลสารสนเทศ และกระบวนการ
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
15. นักเรยี นทำใบงานท่ี 3.1.2 เร่อื ง ประเภทของซอฟต์แวร์ โดยใหน้ ักเรยี นสืบค้นขอ้ มลู จากทาง
อนิ เทอรเ์ น็ตเพื่ออธบิ ายหน้าท่ีการทำงานและยกตัวอย่างซอฟต์แวร์ตามประเภทที่กำหนดให้
16. ครสู มุ่ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมกบั อภิปรายร่วมกันในห้องเรยี น
Note
วตั ถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมเพื่อใหน้ กั เรียน
- มีทักษะการสบื คน้ ข้อมูล โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนสืบคน้ ข้อมูลจากอนิ เทอร์เน็ต
เพ่ือสืบเสาะหาความรูต้ ามหัวข้อที่ได้รับมอบหมาย
- มีทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ โดยใหน้ กั เรียนพจิ ารณาเน้ือหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา
ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ เชน่ หนงั สอื เรยี น อินเทอร์เน็ต เป็นต้น
- มที ักษะการสื่อสาร โดยให้นักเรียนอภิปรายความรรู้ ว่ มกบั เพ่ือนในช้ันเรยี นเกี่ยวกบั
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ขัน้ สรุป
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครปู ระเมินผลนกั เรียนจากการสงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน และ
การทำใบงาน
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 3.1.1 และ ใบงานที่ 3.1.2
3. นักเรียนและครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกบั องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอรว์ า่
“เพื่อให้บรรลุเปา้ หมายในการทำงานอย่างมีระบบและมีประสทิ ธภิ าพจะต้องอาศยั การทำงาน
ของระบบคอมพวิ เตอร์ ที่ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร ข้อมลู สารสนเทศ และ
กระบวนการ”
7. การวดั และประเมินผล วิธีวดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมินตามสภาพจริง
7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น กอ่ นเรียน
- ใบงานท่ี 3.1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- แบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจใบงานที่ 3.1.1 - ใบงานที่ 3.1.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 - ตรวจใบงานที่ 3.1.2 - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
เรื่อง ระบบคอมพวิ เตอร์ - ประเมนิ การนำเสนอ การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
7.2 ประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม ผลงาน - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
การเรยี นรู้ - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
1) องค์ประกอบของฮาร์ดแวร์ การทำงานรายบุคคล - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
2) ประเภทของซอฟตแ์ วร์ - สังเกตความมวี ินัย คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
3) การนำเสนอผลงาน ความรบั ผดิ ชอบ อันพงึ ประสงค์
ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มน่ั
4) พฤติกรรมการทำงาน ในการทำงาน
รายบคุ คล
5) คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
8. สือ่ /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3
เร่อื ง ระบบคอมพวิ เตอร์
2) ใบงานท่ี 3.1.1 เร่ือง องค์ประกอบของฮาร์ดแวร์
3) ใบงานท่ี 3.1.2 เร่อื ง ประเภทของซอฟต์แวร์
4) เคร่อื งคอมพิวเตอร์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องคอมพวิ เตอร์
2) อนิ เทอรเ์ น็ต
ใบงานที่ 3.1.1
เรื่อง องค์ประกอบของฮาร์ดแวร์
คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นพิจารณาภาพอุปกรณ์ตา่ ง ๆ จากนั้นใหเ้ ติมช่อื อุปกรณ์และบอกหนา้ ที่ลงในตาราง
ใหส้ มบรู ณต์ ามหมายเลขของอปุ กรณ์ทกี่ ำหนดให้
17
6
3
5
หมายเลข 2 4
1 ชื่ออุปกรณ์ หนา้ ที่
2
3
4
5
6
7
วิชาวทิ ยาการคำนวณ ชอ่ื ...............................................................................ชนั้ .................เลขท.่ี .............
ใบงานที่ 3.1.1 เฉลย
เรือ่ ง องคป์ ระกอบของฮารด์ แวร์
คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาภาพอุปกรณ์ตา่ ง ๆ จากนน้ั ให้เตมิ ชือ่ อุปกรณ์และบอกหน้าที่ลงในตาราง
ใหส้ มบรู ณต์ ามหมายเลขของอุปกรณ์ท่กี ำหนดให้
17
6
3
2 5
หมายเลข ช่ืออุปกรณ์ 4
1 ซดี ี/ดีวดี ี (CD/DVD) หน้าที่
สำหรับอ่าน/เขียนขอ้ มูลจากแผน่ ซีดี
2 ปรินตเ์ ตอร์ (Printer) เป็นอปุ กรณ์หนว่ ยแสดงผลโดยการพมิ พข์ ้อมลู ออกเปน็
ตวั อกั ษร ตัวเลขและรูปภาพ
3 เคส (Case) เปน็ สว่ นที่บรรจุอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไวภ้ ายใน เชน่
ซพี ียู หน่วยความจำ และอปุ กรณ์บนั ทึกขอ้ มลู
4 คยี ์บอรด์ (Keyboard) สำหรบั ป้อนข้อมลู ตา่ ง ๆ เข้าสคู่ อมพวิ เตอร์
5 เมาส์ (Mouse) เปน็ อุปกรณส์ ำหรบั ใช้ชต้ี ำแหน่ง และใช้เลอื กไอคอน
ตา่ ง ๆ ท่อี ยู่บนหนา้ จอภาพคอมพิวเตอร์
6 ลำโพง (Speaker) ใชส้ ง่ ข้อมูลที่อยใู่ นลักษณะของเสยี งต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งาน
ไดย้ ิน
7 จอภาพ (Monitor) เปน็ ส่วนทใี่ ช้แสดงผลขอ้ มลู ต่าง ๆ ให้ผ้ใู ชม้ องเหน็ และ
รับรู้ ขณะที่เครือ่ งคอมพวิ เตอรท์ ำงาน
ใบงานที่ 3.1.2
เร่อื ง ประเภทของซอฟตแ์ วร์
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนสบื ค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต เพอ่ื อธบิ ายหน้าท่ีการทำงานและยกตัวอย่างซอฟต์แวร์
ตามประเภทที่กำหนดให้
ประเภท หนา้ ท่ีการทำงาน ตัวอยา่ งซอฟตแ์ วร์
1. ระบบปฏบิ ตั กิ าร
2. ซอฟตแ์ วร์ประมวลคำ
3. ซอฟตแ์ วรน์ ำเสนองาน
4. ซอฟตแ์ วรต์ ารางคำนวณ
5. ซอฟต์แวรจ์ ัดการฐานข้อมูล
วชิ าวิทยาการคำนวณ ชื่อ...............................................................................ช้นั .................เลขท่.ี .............
ใบงานท่ี 3.1.2 เฉลย
เรื่อง ประเภทของซอฟตแ์ วร์
คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ข้อมลู จากอนิ เทอร์เนต็ เพ่ืออธบิ ายหนา้ ท่ีการทำงานและยกตัวอย่างซอฟต์แวร์
ตามประเภททีก่ ำหนดให้
ประเภท หนา้ ทกี่ ารทำงาน ตัวอยา่ งซอฟต์แวร์
1. ระบบปฏิบัตกิ าร ควบคมุ การประสานงานระหว่างซอฟตแ์ วรก์ ับ - ระบบปฏบิ ตั ิการดอส
อปุ กรณ์คอมพวิ เตอรต์ ่าง ๆ - ระบบปฏิบตั กิ ารวนิ โดวส์
- ระบบปฏบิ ตั ิการแมคอินทอช
- ระบบปฏบิ ัติการลีนุกซ์
- ระบบปฏบิ ัตกิ ารแอนดรอยด์
2. ซอฟต์แวรป์ ระมวลคำ เป็นซอฟต์แวรท์ ี่ออกแบบสำหรับการพมิ พ์ - Microsoft Word
เอกสาร สามารถแก้ไข เพ่มิ แทรก ลบ และ - PageMaker
จัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารท่ีพิมพ์
และจดั เก็บไฟล์ สามารถแก้ไข และพิมพ์ออก
ทางเครื่องพิมพ์ได้
3. ซอฟต์แวร์นำเสนองาน เปน็ ซอฟต์แวร์ท่ีชว่ ยใหก้ ารนำเสนอทำได้งา่ ย - Microsoft PowerPoint
สะดวกรวดเรว็ และมีความน่าสนใจมากยงิ่ ข้นึ - Open Office
สามารถสร้างสไลดท์ ี่ประกอบด้วย ตวั อักษร - Harvard Graphic
รูปภาพ กราฟ แผนภูมิ ตาราง ภาพเคล่อื นไหว
และเสียง สามารถตกแต่งและนำเสนอสไลด์
ด้วยรปู แบบต่าง ๆ ได้
4. ซอฟตแ์ วรต์ ารางคำนวณ เป็นซอฟตแ์ วร์ท่ีชว่ ยในการคิดคำนวณ - Microsoft Excel
สามารถสั่งใหค้ ำนวณตามสตู รหรอื เงือ่ นไขท่ี - Pladao Office
กำหนด หรอื สามารถสรา้ งคำส่ังหรือสูตรเพ่ือ
ใชง้ านเฉพาะได้
5. ซอฟตแ์ วร์จัดการฐานข้อมูล ชว่ ยในการเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล - Microsoft Access
ขอ้ มูล การสร้างรายงานผล หรอื สรปุ ผลของ - Obsolete
ข้อมูลท่ผี ่านการประมวลแล้ว - SQL
- Oracle
9. บนั ทึกผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
10. ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชอ่ื
(
ตำแหน่ง
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2
หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
เวลา 2 ชั่วโมง
1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั
1.1 ตวั ชี้วดั
ว 4.2 ม.2/3 อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี
การสอื่ สาร เพ่ือประยกุ ต์ใชง้ านหรอื แก้ปัญหาเบ้ืองต้น
2. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายหลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์ได้ถูกตอ้ ง (K)
2. อธิบายข้ันตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกต้อง (K)
3. เขยี นขน้ั ตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกตอ้ ง (P)
4. สนใจใฝเ่ รยี นรูใ้ นการศึกษา (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถิ่น
สาระการเรียนรู้แกนกลาง -
- องค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบ
คอมพวิ เตอร์
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การทำงานของคอมพวิ เตอร์นั้น จะตอ้ งประกอบไปด้วยหนว่ ยต่างๆ ทำงานรว่ มกนั อย่างเปน็ ระบบ
ดงั นี้ คือ หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง หนว่ ยความจำหลกั หน่วยความจำสำรอง และหนว่ ย
แสดงผลขอ้ มูล
5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการคิด 1. มวี ินยั รบั ผิดชอบ
- ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2. ใฝ่เรยี นรู้
2. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
- ทกั ษะการสืบค้นข้อมลู
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชั่วโมงที่ 1
ขน้ั นำ
ขัน้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement)
1. ครทู บทวนความรเู้ ดิมของนกั เรยี นเกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอรท์ ป่ี ระกอบไป
ดว้ ยองคป์ ระกอบสำคัญ 5 ส่วน คอื ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร ข้อมูลสารสนเทศ และ
กระบวนการ
2. ครถู ามคำถามประจำหวั ข้อว่า“นักเรยี นรูห้ รือไมว่ ่าถา้ เปรียบคอมพิวเตอรเ์ ปน็ รา่ งกายมนุษย์
จะเปรียบหน่วยประมวลผลกลางได้กบั อวัยวะใด”
(แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยู่กับดลุ ยพนิ ิจของ
ครูผูส้ อนซ่งึ คำตอบที่ถูกตอ้ ง คือ สมอง)
3. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนักเรียนเก่ียวกับอปุ กรณต์ ่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ตามหน้าที่
การทำงาน โดยครเู ขยี นสว่ นประกอบของฮาร์ดแวรซ์ ึ่งแบ่งออกเป็น 4 สว่ นบนกระดาน
หนา้ ช้ันเรยี นดังนี้
1. หน่วยรบั ขอ้ มูล
2. หน่วยแสดงผลขอ้ มูล
3. หน่วยเกบ็ ขอ้ มลู
4. หนว่ ยประมวลผลกลาง
และสุ่มนกั เรยี นออกมาเขยี นอุปกรณท์ ่ีทำหน้าท่ตี ามสว่ นประกอบน้ัน ๆ
4. นกั เรยี นและครอู ภิปรายร่วมกันเกย่ี วกบั อปุ กรณต์ ่าง ๆ ทต่ี วั แทนออกมาเขียนบนกระดาน
หนา้ ช้นั เรียน
ข้ันสอน
ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นกั เรยี นศึกษาเนื้อหาเก่ียวกับหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์จากหนังสือเรียนรายวิชา
พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3
เรือ่ ง ระบบคอมพวิ เตอร์ หรือสืบคน้ จากอนิ เทอรเ์ น็ตท่ีเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ของตนเอง
ขน้ั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
2. ครอู ธบิ ายหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์วา่ “ระบบคอมพวิ เตอร์ ประกอบไปดว้ ย
5 สว่ นทีส่ ำคัญ คือ หนว่ ยรบั ข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง หนว่ ยความจำหลกั หนว่ ยความจำ
สำรอง และหนว่ ยแสดงผลข้อมูล ซง่ึ แตล่ ะหนว่ ยจะมอี ปุ กรณท์ ม่ี ที ำหนา้ ทก่ี ารทำงานทแ่ี ตกตา่ ง
กนั ”
3. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ เก่ียวกบั หน้าทีก่ ารทำงานของหนว่ ยต่าง ๆ ดงั น้ี
“1) หนว่ ยรบั ข้อมลู (input unit) ทำหนา้ ที่รับข้อมูลจากผใู้ ช้งานเขา้ สคู่ อมพิวเตอร์ เช่น
ขอ้ มลู ตัวอกั ษร ข้อมลู ตัวเลข ขอ้ มูลสญั ลักษณ์ เป็นต้น โดยจะแปลงข้อมลู ให้อยใู่ นรปู ของ
สัญญาณไฟฟ้าที่คอมพิวเตอร์สามารถเขา้ ใจได้ และนำมาจัดเกบ็ ไวท้ ่หี น่วยความจำหลกั
เพ่ือใช้ในการประมวลผลต่อไป
2) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หรือเรยี กอกี ช่ือหนง่ึ วา่
ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) มีหนา้ ทีใ่ นการประมวลผลข้อมลู ตามชดุ คำส่ัง
ทมี่ าจากซอฟต์แวร์เมื่อไดผ้ ลลัพธ์ก็จะส่งผลลพั ธ์ออกไปแสดงผลทางหนา้ จอ ดังนัน้ ซีพยี ู
จงึ เปรยี บไดก้ บั “สมอง”ของคอมพิวเตอร์ ทที่ ำหนา้ ท่ี ประมวลผล และควบคุมอปุ กรณ์
อ่ืน ๆ ในระบบ
3) หน่วยความจำหลกั (Main Memory Unit) มหี นา้ ที่ในการเก็บข้อมูลและคำสั่ง
ทีอ่ ยรู่ ะหวา่ งการประมวลผลของคอมพวิ เตอรห์ รือในขณะท่เี ปดิ เครื่องคอมพิวเตอร์
หนว่ ยความจำจะทำงานควบคูไ่ ปกับ CPU และช่วยใหก้ ารทำงานของ CPU มี
ประสิทธภิ าพมากยง่ิ ขึน้
4) หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage) มหี นา้ ทใี่ นการเก็บข้อมลู และโปรแกรม
ทตี่ ้องการใช้งานในภายหลังได้ ถือว่าเปน็ หนว่ ยความจำสำหรับเกบ็ ข้อมลู ถาวร
5) หนว่ ยแสดงผล (output unit) เปน็ หนว่ ยท่ีทำหน้าท่แี สดงผลที่ไดจ้ ากการประมวลผล
ข้อมลู ในหน่วยความจำหลัก เพ่อื สง่ ข้อมูลหรือสือ่ สารกบั ผ้รู ับโดยมฮี ารด์ แวร์ท่ีทำหน้าที่
เป็นส่วนแสดงผลหรือส่งขอ้ มูลท่ีผา่ นการประมวลผลจากซพี ยี มู ายังผ้รู ับ ทง้ั ในรูปแบบภาพ
เสียง และสงิ่ พมิ พ์”
4. นักเรียนทำใบงานที่ 3.2.1 เร่อื ง หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ โดยให้นกั เรียนนำ
คำทกี่ ำหนดใหไ้ ปเตมิ ลงในหน่วยต่าง ๆ ตามหลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
5. ครสู มุ่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรยี น พรอ้ มกบั อภิปรายรว่ มกันในห้องเรียน
ช่ัวโมงท่ี 2
ขั้นสอน
ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
6. นกั เรยี นศึกษาเกี่ยวกับหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์จากหนังสอื เรยี นหรือสบื ค้น
เพิ่มเติมจากอินเทอร์เนต็
7. ครสู มุ่ นกั เรียน 3-4 คน ออกมาอธิบายหลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์หนา้ ชั้นเรียน
ขัน้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
8. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามข้อสงสัย โดยครูให้ความรูเ้ พิ่มเติมในส่วนนั้น
9. นักเรียนทำใบงานที่ 3.2.2 เรอ่ื ง ข้นั ตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ โดยใหน้ ักเรยี น
บอกขนั้ ตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอรต์ ามลำดบั ที่ถูกต้องและอธบิ ายหนา้ ที่การทำงาน
ของแต่ละข้ันตอนโดยละเอียด
10. ครสู ่มุ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น พร้อมกับอภิปรายรว่ มกันในหอ้ งเรียน
Note
วัตถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรมเพอื่ ใหน้ ักเรยี น
- มที กั ษะการสบื คน้ ข้อมูล โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคนสบื คน้ ข้อมูลจากอินเทอร์เนต็
เพื่อสืบเสาะหาความรู้ตามหัวข้อท่ีไดร้ บั มอบหมาย
- มีทกั ษะการคิดวิเคราะห์ โดยให้นกั เรียนพจิ ารณาเน้ือหาจากการสืบค้นหรือศึกษา
ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ เช่น หนังสอื เรยี น อนิ เทอรเ์ น็ต เป็นต้น
ขั้นสรปุ
ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมินผลนกั เรียนจากการสงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรียน และ
การทำใบงาน
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 3.2.1 และ ใบงานท่ี3.2.2
3. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปเก่ียวกบั หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
7. การวัดและประเมนิ ผล วธิ วี ัด เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
รายการวัด - ตรวจใบงานท่ี 3.2.1 - ใบงานท่ี 3.2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
7.1 ประเมินระหว่างการจดั กิจกรรม - ตรวจใบงานท่ี 3.2.2 - ใบงานท่ี 3.2.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
การเรยี นรู้ ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
1) หลักการทำงานของระบบ
คอมพิวเตอร์
2) ขนั้ ตอนการทำงานของระบบ
คอมพิวเตอร์
3) การนำเสนอผลงาน
รายการวดั วิธวี ดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
4) พฤตกิ รรมการทำงาน
- สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
5) คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
ความรบั ผิดชอบ คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ อันพึงประสงค์
ในการทำงาน
8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3
เร่อื ง ระบบคอมพวิ เตอร์
2) ใบงานท่ี 3.2.1 เรื่อง หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
3) ใบงานท่ี 3.2.2 เรื่อง ขัน้ ตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
4) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องคอมพวิ เตอร์
2) อินเทอร์เนต็
ใบงานที่ 3.2.1
เรอ่ื ง หลกั การทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นนำบตั รคำทก่ี ำหนดให้ไปเตมิ ลงในหน่วยต่าง ๆ ตามหลกั การทำงานของระบบ
คอมพิวเตอร์
แปน้ พมิ พ์ จอภาพ เมาส์ ลำโพง
ปรินต์เตอร์ เคร่ืองบนั ทึกเสยี ง แฟลชไดรฟ์ สแกนเนอร์
แรม ฮาร์ดดสิ ก์ รอม เมมโมรกี าร์ด
แผ่นซดี ี ซีพียู ไมโครโฟน
หน่วยรบั ขอ้ มูล หนว่ ยประมวลผลกลาง หนว่ ยแสดงผลข้อมูล
................................. ………………………… ...................................
................................. ……………………….... ...................................
................................. ....................................
................................. หนว่ ยเก็บข้อมูล ....................................
................................. ....................................
................................. ....................................
หน่วยความจำหลัก หน่วยความจำสำรอง
................................. .................................
................................. .................................
................................. .................................
................................. .................................
วิชาวิทยาการคำนวณ ชื่อ...............................................................................ชน้ั .................เลขท่ี..............
ใบงานที่ 3.2.1 เฉลย
เรอ่ื ง หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นนำบัตรคำที่กำหนดให้ไปเตมิ ลงในหน่วยตา่ ง ๆ ตามหลกั การทำงานของระบบ
คอมพวิ เตอร์
แปน้ พมิ พ์ จอภาพ เมาส์ ลำโพง
ปรินต์เตอร์ เครือ่ งบันทกึ เสยี ง แฟลชไดรฟ์ สแกนเนอร์
แรม ฮาร์ดดสิ ก์ รอม เมมโมรกี ารด์
แผน่ ซีดี ซีพยี ู ไมโครโฟน
หนว่ ยรบั ขอ้ มูล หน่วยประมวลผลกลาง หนว่ ยแสดงผลข้อมูล
แป้นพิมพ์ ซีพยี ู จอภาพ
เมาส์ ลำโพง
สแกนเนอร์ ปรินตเ์ ตอร์
เครื่องบนั ทกึ เสียง
ไมโครโฟน
หน่วยเก็บข้อมูล
หนว่ ยความจำหลกั หน่วยความจำสำรอง
แรม แฟลชไดรฟ์
รอม ฮารด์ ดสิ ก์
เมมโมรีการด์
แผน่ ซดี ี
ใบงานที่ 3.2.2
เร่อื ง ขน้ั ตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นบอกข้นั ตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ตามลำดับท่ีถูกต้อง และอธบิ ายหนา้ ที่
การทำงานของแต่ละขั้นตอนโดยละเอียด
12
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
4 3
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
............................................................. .............................................................
วชิ าวิทยาการคำนวณ ชื่อ...............................................................................ชนั้ .................เลขท่ี..............
ใบงานที่ 3.2.2 เฉลย
เรอื่ ง ขัน้ ตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนบอกขั้นตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอรต์ ามลำดบั ที่ถูกต้อง และอธบิ ายหนา้ ที่
การทำงานของแตล่ ะขัน้ ตอนโดยละเอียด
12
การรับข้อมูล คอมพิวเตอร์จะรับ การประมวลผลข้อมูล เป็นการนำ
ข้อมูลและคำสั่งจากผู้ใช้เข้าสู่เครื่อง ข้อมูลที่รับมาเก็บไว้ในหน่วยความจำ
ค อ ม พิ ว เต อ ร์ โด ย ผ่ าน อุ ป ก รณ์ แล้วจึงนำข้อมูลมาประมวลผลตาม
ฮาร์ดแวร์ต่างๆ เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ คำสง่ั
เป็นต้น
4 3
การแสดงผลข้อมูล เม่ือข้อมูลผ่าน การจัดเก็บข้อมูล เป็นการจัดเก็บ
การประมวลผลเรียบร้อยแล้ว จะ ข้อมูลโดยขณะที่มีการประมวลข้อมูล
แ ส ด ง ผ ล ลั พ ธ์ อ อ ก ม า ใน รู ป แ บ บ ท่ี นั้น จะใช้หน่วยความจำหลักในการ
มนุษย์เข้าใจผ่านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ จัดเก็บ และเมื่อต้องการเก็บข้อมูลไว้
ต่างๆ เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ เป็น ใช้งาน ในครั้งต่อไปจะจัดเก็บ ลง
ตน้ หนว่ ยความจำสำรอง
9. บนั ทึกผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
10. ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชอ่ื
(
ตำแหน่ง
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3
เทคโนโลยีการสื่อสาร
เวลา 4 ชั่วโมง
1. มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด
1.1 ตัวชว้ี ัด
ว 4.2 ม.2/3 อภปิ รายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี
การส่ือสาร เพื่อประยกุ ตใ์ ช้งานหรอื แกป้ ญั หาเบอ้ื งตน้
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายองคป์ ระกอบของการสื่อสารไดถ้ ูกต้อง (K)
2. อธิบายสือ่ กลางในการสื่อสารขอ้ มลู ไดถ้ ูกตอ้ ง (K)
3. อธบิ ายทศิ ทางในการสื่อสารขอ้ มูลได้ถูกตอ้ ง (K)
4. สืบคน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั เทคโนโลยีการสอ่ื สารได้ถูกต้อง (P)
5. สนใจใฝเ่ รียนรู้ในการศกึ ษา (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่
-
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
- เทคโนโลยีการส่ือสาร
4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
ปัจจบุ นั เทคโนโลยีด้านการสือ่ สารไดเ้ ข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์มากขนึ้
ซ่งึ องคป์ ระกอบของการส่ือสารขอ้ มลู จะประกอบไปด้วยข้อมูลข่าวสาร ผู้สง่ สาร สอ่ื กลาง ผูร้ ับสาร และ
โปรโตคอล นอกจากนนั้ ส่อื กลางในการส่ือสารขอ้ มูลผา่ นระบบเครือข่ายจะแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ
สื่อกลางประเภทสายสัญญาณและสอ่ื กลางประเภทไร้สาย สำหรับระบบเครือข่ายในปัจจบุ ันจะแบง่ เป็น
เครอื ข่ายสว่ นบคุ คล เครือขา่ ยทอ้ งถ่นิ เครือข่ายระดับเมือง และเครือข่ายระดบั ประเทศ
5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี นิ ยั รับผิดชอบ
- ทกั ษะการสื่อสาร 2. ใฝ่เรียนรู้
- ทกั ษะการแลกเปลย่ี นข้อมลู 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
2. ความสามารถในการคดิ
- ทกั ษะการคิดวิเคราะห์
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
- ทักษะการทำงานร่วมกนั
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทกั ษะการสืบค้นข้อมูล
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
วิธกี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชว่ั โมงที่ 1
ขนั้ นำ
ข้ันที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูทบทวนเนอ้ื หาการเรียนจากช่ัวโมงทผี่ ่านมาเกี่ยวกบั หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
2. ครูทบทวนความรู้ของนักเรยี นโดยต้งั คำถามว่า“ปัจจบุ ันมีเทคโนโลยใี ดทีเ่ ขา้ มาชว่ ยเหลอื ใน
การสือ่ สารบ้าง” โดยครูคอยบันทกึ คำตอบของนักเรยี นลงบนกระดานหน้าชนั้ เรียน
(แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบขน้ึ อยู่กับดุลยพนิ ิจของ
ครูผู้สอน เชน่ โทรศัพท์ คอมพวิ เตอร์ เปน็ ต้น)
3. ครูถามคำถามประจำหัวข้อวา่ “นกั เรยี นรหู้ รอื ไมว่ า่ ข้อดขี องการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ
ในการสอื่ สารน้นั มีอะไรบ้าง”
(แนวตอบ : นกั เรียนตอบตามความคดิ เห็นของตนเอง โดยคำตอบข้ึนอยกู่ ับดลุ ยพนิ จิ ของ
ครูผูส้ อน เช่น ทำใหไ้ ด้รับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที ประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่อื สาร
เปน็ ต้น)
ขัน้ สอน
ขั้นที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
1. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน หรือตามความเหมาะสม และให้แตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ข้อมลู
จากอนิ เทอร์เนต็ ที่เครอื่ งคอมพิวเตอร์ของตนเองเกี่ยวกับองคป์ ระกอบของการส่ือสารขอ้ มูล
โดยนักเรยี นสามารถศึกษาเน้ือหา เร่ือง องค์ประกอบของการส่ือสารข้อมูลไดจ้ ากหนงั สือเรยี น
รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3
เรื่อง ระบบคอมพวิ เตอร์ จากน้ันให้แต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น พรอ้ มพูดคุย
เพือ่ แลกเปลีย่ นความคดิ เห็นกับเพอื่ นในชั้นเรียน
2. ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ กับนกั เรยี นเกย่ี วกับองคป์ ระกอบข้อมลู ข่าวสาร ซง่ึ เป็นองคป์ ระกอบสำคญั
ของการส่ือสารข้อมูลว่า“ข้อมูลข่าวสารเปน็ ตวั เนื้อหาของข้อมูล ซึ่งมีไดห้ ลายรูปแบบดังนี้
1) ขอ้ ความ (Text) เป็นข้อมูลทีอ่ ยู่ในรปู อกั ขระหรือเอกสาร
2) เสยี ง (Voice) เปน็ เสียงที่มนษุ ยห์ รอื อุปกรณบ์ างอย่างเป็นตวั สรา้ งขึ้นมา
3) รปู ภาพ (Image) เปน็ ข้อมูลทเี่ ป็นรูปภาพ เชน่ การสแกนภาพเข้าคอมพวิ เตอร์
ภาพถา่ ย เปน็ ต้น
4) สอ่ื ผสม (Multimedia) เป็นข้อมูลทผี่ สมลักษณะของทง้ั รปู ภาพ เสียง และข้อความ
เขา้ ด้วยกัน โดยสามารถเคลอื่ นไหวได้”
3. นกั เรียนศึกษาพฒั นาการของการสือ่ สารข้อมูลท่ีสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ยคุ จากหนงั สือเรยี น
4. ครูสุม่ นักเรียน 3 คนออกมาอภิปรายหนา้ ชน้ั เรยี นเกี่ยวกบั การส่อื สารขอ้ มูลพร้อมยกตวั อย่าง
การส่ือสารในแต่ละยคุ ได้อยา่ งเหมาะสม
5. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามขอ้ สงสัย โดยครูให้ความรูเ้ พมิ่ เติมในส่วนนั้น
6. นกั เรียนทำใบงานท่ี 3.3.1 เร่อื ง องค์ประกอบของการสอื่ สารข้อมูล
7. ครูสมุ่ นักเรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรียน พร้อมกบั อภปิ รายร่วมกันภายในหอ้ งเรียน
ชว่ั โมงท่ี 2
ขัน้ สอน
ขน้ั ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration)
8. ครูทบทวนเนอ้ื หาการเรยี นจากช่วั โมงทผ่ี า่ นมาเกยี่ วกบั องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล และ
พฒั นาการของการสื่อสารขอ้ มูล
9. นกั เรียนศกึ ษาเน้ือหาเกยี่ วกับทศิ ทางการสอื่ สารข้อมูลที่สอื่ สารขอ้ มูลจากผูส้ ง่ สารไปยังผู้รบั สาร
โดยผ่านตัวกลาง และสามารถจำแนกทิศทางการสือ่ สารออกเป็น 3 รูปแบบ
10. ครูสมุ่ นกั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายเกี่ยวกับทศิ ทางการส่ือสารขอ้ มลู ทั้ง 3 รปู แบบ
ตามท่นี ักเรียนได้ศึกษาจากหนังสอื เรียน ดงั น้ี
1) การสื่อสารทศิ ทางเดยี ว
2) การส่ือสารกงึ่ สองทิศทาง
3) การสอ่ื สารสองทิศทาง
11. นักเรยี นทำใบงานที่ 3.3.2 เรอ่ื ง ทศิ ทางการสื่อสารขอ้ มูล
12. ครสู ุ่มนักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรียน พร้อมกบั อภปิ รายรว่ มกันภายในห้องเรียน
ชว่ั โมงท่ี 3
ขนั้ สอน
ข้ันที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
13. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพอื่ ศึกษาเนื้อหาเกย่ี วกับสื่อกลางของการส่ือสารข้อมูลผา่ นระบบ
เครือข่าย และพิจารณาถึงข้อดี – ข้อเสยี ของประเภทสายสญั ญาณในแต่ละแบบจากหนังสอื
เรียน
ตามหวั ข้อดังต่อไปน้ี
1) สอื่ กลางประเภทสายสัญญาณ
1.1 สายคบู่ ิดเกลยี ว
1.2 สายโคแอกเชียล
1.3 สายไฟเบอรอ์ อปติก
2) สอ่ื กลางประเภทไรส้ าย
2.1 อินฟราเรด
2.2 คลื่นวิทยุ
2.3 ไมโครเวฟ
2.4 ดาวเทยี มส่อื สาร
14. ครอู ธิบายเพ่ือเชื่อมโยงความรู้สู่ชวี ติ ประจำวัน (Com Sci in Real Life) วา่ “สายคู่บดิ เกลียว
แบบ UTP ถูกผลติ ขึน้ มาใชง้ านกอ่ นแลว้ จงึ ได้มกี ารพัฒนาเป็น STP ซงึ่ สาย UTP เร่มิ แรก
ถกู นำมาใชใ้ นระบบโทรศพั ท์ แต่ปจั จุบันถูกนำมาใช้เปน็ สัญญาณทเี่ ชอ่ื มตอ่ ในระบบเครือข่าย
ท้องถนิ่ (LAN) และมีการกำหนดมาตรฐานไว้ โดยสายทมี่ ีมาตรฐานสูงจะสามารถส่งข้อมูล
ขนาดใหญ่ได้ และมีความเรว็ ในการส่งสูง แต่กจ็ ะมีราคาแพงขน้ึ ตามลำดับ”
15. นกั เรยี นพิจารณาคุณสมบตั แิ ละการนำไปใช้งานของส่ือกลางประเภทสายสัญญาณ
16. นักเรยี นศึกษาความรเู้ สริมจากเน้ือหาเพือ่ ขยายความรูข้ องผู้เรียน (Com Sci Focus)
เร่อื ง หนว่ ยวัดความเรว็ ของคอมพวิ เตอร์ ที่กล่าวถงึ Gbps ที่ยอ่ มากจากคำวา่ Gigabit
per second และ Mbps ทยี่ อ่ มาจากคำวา่ Megabit per second
ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation)
17. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ กับนักเรยี นเกยี่ วกบั สือ่ กลางของการสือ่ สารข้อมลู ผ่านระบบเครือข่ายว่า
“ส่ือกลางของการส่ือสารขอ้ มูลประกอบไปด้วย 2 ประเภท คอื
1) สือ่ กลางประเภทสายสัญญาณ เป็นสอ่ื ที่อาศัยวัสดทุ ีจ่ ับต้องได้เป็นตวั ส่งผา่ น
สัญญาณ เช่น สายทองแดง เปน็ ตน้ ซึง่ แบง่ ออกเปน็ สายคตู่ เี กลียว (Twisted
Pair) สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) และสายไฟเบอร์ออปติก (Fiber-Optic)
2) ส่ือกลางประเภทไรส้ าย เปน็ สื่อกลางประเภทที่ไม่ใชว้ สั ดุใด ๆ ในการนำสัญญาณ
ซ่ึงจะไมม่ ีการกำหนดเส้นทางใหส้ ญั ญาณเดินทาง เชน่ คล่ืนไมโครเวฟ
คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ เปน็ ต้น ซึ่งแบ่งออกเป็นคล่นื วิทยุ ไมโครเวฟ และดาวเทยี ม
ส่ือสาร เปน็ ต้น”
18. นกั เรียนทำใบงานท่ี 3.3.3 เรือ่ ง สื่อกลางของการสื่อสารข้อมลู
19. ครสู ุม่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน พรอ้ มกบั อภปิ รายร่วมกนั ภายในห้องเรยี น
ช่ัวโมงท่ี 4
ขนั้ สอน
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
20. นกั เรยี นศกึ ษาเน้ือหาเกย่ี วกบั ประเภทของระบบเครือข่ายจากหนงั สือเรยี นตามหวั ข้อดงั ต่อไปนี้
1) เครอื ข่ายสว่ นบคุ คล
2) เครอื ขา่ ยสว่ นท้องถน่ิ
3) เครอื ขา่ ยระดับเมือง
4) เครอื ขา่ ยระดบั ประเทศ
21. ครูสุม่ นักเรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายประเภทของระบบเครอื ขา่ ย ตามท่นี กั เรยี นไดศ้ ึกษาจาก
หนงั สือเรียน
22. ครอู ธบิ ายเพ่ือเชอ่ื มโยงความรู้สชู่ วี ติ ประจำวัน (Com Sci in Real Life) เร่อื ง ระบบเครือข่าย
ในสถานศึกษาว่า“ระบบเครือข่ายในสถานศกึ ษาท่ีมีอาคารเรียนหลาย ๆ อาคาร สว่ นใหญ่
มักจะ
มีระบบ MAN ไวค้ อยเชอื่ มตอ่ กบั ระบบ LAN ของแตล่ ะอาคารเขา้ ด้วยกัน”
23. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ เกยี่ วกบั เครือขา่ ย WAN ซึง่ เป็นประเภทหนงึ่ ของระบบเครอื ข่ายวา่
“เครอื ข่าย WAN สามารถแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ดังน้ี
1) เครอื ข่ายส่วนตวั (Private Network) เปน็ การจัดต้ังระบบเครือข่ายซ่ึงมีการใช้
งาน เฉพาะองค์กร เช่น องคก์ รท่ีมีสาขาอาจทำการสรา้ งระบบเครอื ขา่ ย เพื่อเช่ือมต่อ
ระหวา่ งสำนกั งานใหญ่กบั สาขาทม่ี ีอยู่ เปน็ ต้น
2) เครอื ขา่ ยสาธารณะ (PDN: Public Data Network) เป็นเครือข่ายจะมอี งค์กร
หน่ึงเป็นผูท้ ำหน้าท่ีในการเดินระบบเครือข่าย และให้บรกิ ารเชา่ ช่องทางการ
สอื่ สาร ใหก้ บั บริษัทตา่ ง ๆ ที่ต้องการสร้างระบบเครือขา่ ย ซึ่งจะนิยมใชก้ ันมาก
เนอ่ื งจากมคี า่ ใชจ้ า่ ยต่ำกวา่ การจัดตั้งเครอื ข่ายสว่ นตวั สามารถใช้งานได้ทนั ทโี ดย
ไม่ ต้องเสยี เวลาในการจัดตงั้ เครือขา่ ยใหม่ รวมท้ังมบี ริการให้เลือกอย่าง
หลากหลาย”
ข้นั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
24. นกั เรยี นทำใบงานท่ี 3.3.4 เรื่อง ประเภทของระบบเครือข่าย
25. ครสู ่มุ นกั เรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ เรียน พร้อมกบั อภปิ รายร่วมกนั ภายในห้องเรียน
Note
วตั ถุประสงค์ของกจิ กรรมเพ่อื ให้นกั เรยี น
- มีทกั ษะการทำงานรว่ มกันโดยใชก้ ระบวนการกล่มุ ในการทำงานหรือการทำ
กจิ กรรมเพ่ือใหเ้ กดิ การสื่อสารและแลกเปลยี่ นขอ้ มูลรว่ มกันภายในกลุ่ม
- มที กั ษะการสืบค้นข้อมลู โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะคนสืบค้นข้อมูลจากอินเทอรเ์ น็ต
เพ่อื สบื เสาะหาความรูต้ ามหวั ข้อท่ีไดร้ ับมอบหมาย
- มที กั ษะการคิดวเิ คราะห์ โดยให้นกั เรียนพจิ ารณาเน้ือหาจากการสบื คน้ หรือศึกษา
ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ เช่น หนังสอื เรยี น อนิ เทอร์เน็ต เป็นตน้
ขนั้ สรุป
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมินผลนักเรยี นจากการสังเกตการตอบคำถาม การนำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน ความสนใจ
ในการเรยี น และการทำใบงาน
2. ครตู รวจสอบความถูกต้องของผลการทำใบงานท่ี 3.3.1, ใบงานที่ 3.3.2, ใบงานที่ 3.3.3
และใบงานท่ี 3.3.4
3. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกับเทคโนโลยีการส่อื สารวา่ “ในปัจจุบันเทคโนโลยีเขา้ มามี
บทบาทสำคญั ในการดำรงชีวิตของมนุษยม์ ากขนึ้ โดยเฉพาะในด้านการส่ือสาร ได้มีการพฒั นา
อุปกรณ์ตา่ ง ๆ เข้ามาชว่ ยเหลอื ในการส่ือสาร เชน่ โทรศพั ท์ คอมพิวเตอร์ เป็นตน้ ”
7. การวดั และประเมนิ ผล
รายการวัด วธิ วี ัด เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน
- ใบงานที่ 3.3.1
7.1 ประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเรยี นรู้ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
1) องค์ประกอบของการส่ือสาร - ตรวจใบงานท่ี 3.3.1
รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ข้อมูล ระดับคุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
2) ทศิ ทางการส่ือสารข้อมลู - ตรวจใบงานที่ 3.3.2 - ใบงานที่ 3.3.2 ระดับคุณภาพ 2
3) สือ่ กลางของการสื่อสาร - ตรวจใบงานท่ี 3.3.3 - ใบงานท่ี 3.3.3 ผา่ นเกณฑ์
ระดับคุณภาพ 2
ขอ้ มูล - ตรวจใบงานท่ี 3.3.4 - ใบงานท่ี 3.3.4 ผา่ นเกณฑ์
4) ประเภทของระบบเครือข่าย - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2
5) การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ผลงาน การนำเสนอผลงาน
6) พฤติกรรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
7) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
8) คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุม่
- สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน
คุณลักษณะ
ความรับผดิ ชอบ อนั พงึ ประสงค์
ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ ม่ัน
ในการทำงาน
8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
8.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3
เร่อื ง ระบบคอมพวิ เตอร์
2) ใบงานท่ี 3.3.1 เร่ือง องค์ประกอบของการสอื่ สารขอ้ มลู
3) ใบงานท่ี 3.3.2 เรื่อง ทศิ ทางการสอ่ื สารข้อมลู
4) ใบงานท่ี 3.3.3 เรอ่ื ง สื่อกลางของการสื่อสารข้อมูล
5) ใบงานที่ 3.3.4 เร่อื ง ประเภทของระบบเครือข่าย
6) เคร่ืองคอมพวิ เตอร์
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องคอมพิวเตอร์
2) อินเทอร์เน็ต
ใบงานท่ี 3.3.1
เร่ือง องคป์ ระกอบของการสอ่ื สารข้อมลู
คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนอธบิ ายความหมายองค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูลที่กำหนดมาให้ถูกตอ้ ง
Message ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
Sender ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
Medium ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
Receiver ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
Protocol ……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
วิชาวทิ ยาการคำนวณ ชือ่ ...............................................................................ชัน้ .................เลขท่.ี .............
ใบงานที่ 3.3.1 เฉลย
เรื่อง องคป์ ระกอบของการสื่อสารขอ้ มลู
คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนอธิบายความหมายองค์ประกอบของการสอ่ื สารข้อมลู ท่ีกำหนดมาให้ถูกต้อง
Message ข…อ้ …เท…จ็…จ…ร…งิ ท…ีผ่ …ู้ส…ง่ ต…อ้ …ง…กา…ร…ถ่า…ย…ท…อ…ดไ…ป…ย…งั ผ…รู้ …บั …ซ…่งึ อ…า…จ…แส…ด…ง……
Sender อ…อ…ก…ม…าโ…ด…ยภ…า…ษ…า…หร…ือ…ส…ญั …ล…ักษ…ณ…ต์…่า…ง…ๆ…ท…ผี่ …สู้ …่งแ…ล…ะ…ผ…ู้รบั …เข…้า…ใจ…
Medium
Receiver ……………………………………………………………………………………
Protocol
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
บ…ุค…ค…ล…ก…ล…มุ่ …บ…ุคค…ล…ห…ร…อื …อ…ุปก…ร…ณ…์ท…่ีท…ำ…หน…้า…ท…่ีเป…็น…แ…ห…ล…่งก…ำ…เน…ิด…
ข…อ…ง…ข้อ…ม…ลู …ข…่าว…ส…าร…ท…ตี่ …้อ…งก…า…รส…่ง…ไป…ย…งั …ผรู้…ับ…ส…าร………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
ส…งิ่ …ท…ีท่ …ำห…น…า้ …ท…เ่ี ป…็น…ต…ัวก…ล…า…งใ…น…กา…ร…น…ำข…อ้ …ม…ลู ข…า่ …ว…สา…ร………………
จ…า…ก…ผู้ส…ง่ …ส…าร…ส…ง่ ไ…ป…ย…งั ผ…ู้ร…บั …สา…ร……………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
บ…คุ…ค…ล…ก…ล…ุม่ …บ…ุคค…ล…ห…ร…ือ…อ…ปุ ก…ร…ณ…์ท…ที่ …ำ…หน…้า…ท…่ีเป…็น…ต…วั …รับ…ข…้อ…ม…ูล…
ท…ผี่…สู้ …่ง…สา…ร…ส่ง…ม…า…ให…้ …………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
ก…ฎ…ห…ร…อื ข…้อ…ต…ก…ลง…ท…่ใี …ช้ใ…น…กา…ร…ส…ื่อส…า…ร…ข้อ…ม…ูล…ท…จ่ี ะ…ท…ำ…ให…้ผ…ู้ส…ง่ ส…า…ร…
แ…ล…ะ…ผ…ู้รบั …ส…า…รม…คี …ว…าม…เ…ข้า…ใจ…ต…ร…งก…นั ………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 3.3.2
เร่อื ง ทิศทางการส่อื สารข้อมูล
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนพิจารณาการส่ือสารท่ีกำหนดให้ จากน้ันให้บอกวา่ เป็นการสื่อสารแบบทิศทางใด และมี
ลักษณะการสอ่ื สารอย่างไร
ทศิ ทางการสอื่ สาร ลกั ษณะการส่อื สาร
ทศิ ทางการส่อื สาร ลกั ษณะการสอ่ื สาร
ทศิ ทางการสอื่ สาร ลักษณะการส่ือสาร
วิชาวิทยาการคำนวณ ชื่อ...............................................................................ช้นั .................เลขที.่ .............
ใบงานท่ี 3.3.2 เฉลย
เรอื่ ง ทศิ ทางการสอื่ สารข้อมลู
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนพิจารณาการสื่อสารที่กำหนดให้ จากนั้นให้บอกวา่ เป็นการส่ือสารแบบทิศทางใด และมี
ลักษณะการสื่อสารอยา่ งไร
ทศิ ทางการสื่อสาร ลักษณะการสอื่ สาร
ทิศทางเดยี ว (Simplex) เปน็ ทศิ ทางการส่ือสารทขี่ ้อมูลจะส่งจากสถานทหี่ นง่ึ
ไปยังอีกสถานที่หน่ึง โดยที่ข้อมลู จะไมส่ ามารถ
ส่งย้อนกลับมาได้
ทศิ ทางการสอ่ื สาร ลักษณะการสื่อสาร
สองทศิ ทาง (Full Duplex) เป็นทศิ ทางการส่ือสารที่สามารถส่งข้อมลู สองทิศทาง
พรอ้ มกนั ได้
ทิศทางการสอ่ื สาร ลกั ษณะการสอื่ สาร
กง่ึ สองทศิ ทาง (Half Duplex) เป็นทศิ ทางการสื่อสารท่ีสามารถส่งขอ้ มูลไปและรบั
สองทิศทางได้ แต่ไมส่ ามารถสง่ ข้อมูลในเวลาเดียวกัน
ได้ ขณะทเี่ คร่อื งหนึ่งเป็นผ้รู บั อีกเครือ่ งจะเป็นผูส้ ง่
ใบงานท่ี 3.3.3
เรื่อง สือ่ กลางของการสอื่ สารข้อมูล
คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง
1. ให้นักเรียนบอกขอ้ ดีและข้อเสียของสื่อกลางการส่อื สารขอ้ มูลดงั ต่อไปน้ี
สื่อกลาง ขอ้ ดี ข้อเสีย
สายคู่บดิ เกลยี วแบบ STP
สายโคแอกเชยี ล
สายไฟเบอรอ์ อปติก
2. ถ้านักเรียนต้องการติดตง้ั ระบบเครือขา่ ยจากทหี่ นง่ึ ไปยงั อีกท่ีหน่ึงซึ่งมรี ะยะทางห่างกนั ประมาณ
10 กโิ ลเมตร นกั เรยี นคดิ ว่าควรเลือกใชส้ ื่อกลางประเภทสายสัญญาณใดในการสื่อสารขอ้ มูล เพราะเหตุ
ใด
วชิ าวิทยาการคำนวณ ชอ่ื ...............................................................................ช้นั .................เลขท.่ี .............
ใบงานท่ี 3.3.3 เฉลย
เรือ่ ง สือ่ กลางของการสอ่ื สารขอ้ มูล
คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกต้อง
1. ใหน้ กั เรียนบอกข้อดีและข้อเสียของส่ือกลางการสื่อสารข้อมูลดงั ต่อไปนี้
สอ่ื กลาง ขอ้ ดี ข้อเสีย
ภาพสายคู่บิดเกลียวแบบ STP - สง่ ข้อมลู ด้วยความเรว็ สงู กว่า - มีขนาดใหญก่ วา่ แบบไมม่ ีฉนวน
แบบไมม่ ฉี นวนหุม้ ห้มุ
สายคบู่ ดิ เกลยี วแบบ STP - สามารถปอ้ งกนั สัญญาณรบกวน - ไมย่ ดื หย่นุ ดดั โคง้ งอได้ไม่มาก
ได้ดี - ราคาแพงกวา่ แบบไม่มฉี นวนห้มุ
- ราคาถูก - ถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอก
- มีความยืดหยนุ่ ในการใช้งาน ไดง้ า่ ย
- ตดิ ตง้ั ง่ายและมีนำ้ หนักเบา - ใช้ไดใ้ นระยะทางจำกัด
สายโคแอกเชียล
- สามารถบรรจุขอ้ มลู ได้จำนวน - เสน้ ใยแก้วนำแสงเปราะบาง
มาก แตกหักงา่ ย
- มีขนาดเล็ก น้ำหนกั เบา - ไม่สามารถดัดโค้งงอได้
- มีอายุการใช้งานนาน - ในการตดิ ต้ังต้องใช้เคร่ืองมือ
สายไฟเบอรอ์ อปติก พเิ ศษ
2. ถ้านักเรยี นตอ้ งการตดิ ต้งั ระบบเครอื ข่ายจากทีห่ นง่ึ ไปยังอีกท่ีหน่ึงซึง่ มีระยะทางห่างกันประมาณ
10 กโิ ลเมตร นกั เรียนคดิ ว่าควรเลือกใชส้ ื่อกลางประเภทสายสัญญาณใดในการส่อื สารขอ้ มลู เพราะเหตุ
ใด
ควรใช้สอ่ื กลางประเภทสายสญั ญาณ คอื สายไฟเบอร์ออปตกิ เน่ืองจากเป็นสายสญั ญาณทม่ี ีความเรว็ สงู สดุ
ถึง 100 Gbps ใชเ้ ชอ่ื มต่อระยะทางมากกวา่ 2 กิโลเมตรได้ และใช้เปน็ สายแกนหลักในการระบบเครอื ข่าย
หรือใชส้ ำหรับเชือ่ มตอ่ ระหวา่ งเครอื ขา่ ยทอี่ ย่หู ่างไกลกันได้
ใบงานท่ี 3.3.4
เรอื่ ง ประเภทของระบบเครือข่าย
คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปนใี้ ห้ถกู ต้อง
1. จงจบั คูร่ ะบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์กบั ความหมายท่ีถูกต้องที่สดุ
.......... LAN A. ระบบเครอื ข่ายเช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอร์กับโทรศพั ทม์ ือถือ
.......... MAN B. เครอื ขา่ ยระยะใกล/้ ท้องถ่ิน
.......... WAN C. เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ทมี่ ีขนาดใหญ่ท่ีสุด
.......... PAN D. เครือขา่ ยระยะห่างไกล/ระดบั ประเทศ
E. เครือข่ายขนาดกลางระดับจังหวดั
2. จงเรยี งลำดบั ขนาดของเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ตอ่ ไปนี้ คือ MAN, LAN, WAN, PAN
จากเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ท่มี ขี นาดเล็กทส่ี ุดไปหาเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดใหญ่ทส่ี ุด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ในกรณที ีโ่ รงเรยี นของนักเรยี นมอี าคารเรียนเพียงอาคารเดยี ว ถ้าโรงเรยี นต้องการติดตั้งระบบเครือขา่ ย
คอมพิวเตอร์ นักเรยี นคิดว่าควรตดิ ตงั้ ระบบเครือข่ายแบบใดจงึ จะเหมาะสมทสี่ ดุ และเครอื ข่ายนน้ั
มีการทำงานอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
วิชาวทิ ยาการคำนวณ ชอ่ื ...............................................................................ชน้ั .................เลขที.่ .............
ใบงานท่ี 3.3.4 เฉลย
เร่ือง ประเภทของระบบเครือข่าย
คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี ห้ถูกต้อง
1. จงจับค่รู ะบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์กับความหมายที่ถูกต้องท่ีสุด
....B...... LAN A. ระบบเครือข่ายเชื่อมตอ่ คอมพิวเตอรก์ ับโทรศัพทม์ ือถือ
....C...... MAN B. เครอื ข่ายระยะใกล้/ท้องถิ่น
....D...... WAN C. เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ทมี่ ีขนาดใหญท่ ีส่ ดุ
....A...... PAN D. เครอื ข่ายระยะห่างไกล/ระดบั ประเทศ
E. เครอื ข่ายขนาดกลางระดับจงั หวัด
2. จงเรียงลำดบั ขนาดของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ต่อไปนี้ คือ MAN, LAN, WAN, PAN
จากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทมี่ ขี นาดเลก็ ที่สุดไปหาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดใหญ่ทส่ี ดุ
PAN,….LAN,…..MAN,……WAN…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ในกรณที โ่ี รงเรียนของนักเรียนมีอาคารเรียนเพียงอาคารเดียว ถา้ โรงเรยี นต้องการติดตั้งระบบเครอื ข่าย
คอมพิวเตอร์ นักเรยี นคิดวา่ ควรติดต้ังระบบเครอื ข่ายแบบใดจงึ จะเหมาะสมทส่ี ุด และเครือข่ายน้นั
มีการทำงานอยา่ งไร
ควรติดตง้ั ระบบเครอื ข่ายท้องถ่นิ (Local Area Network: LAN) ซึง่ เป็นการเชื่อมต่อเครือขา่ ยระยะใกล้..........
เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณต์ า่ งๆ ที่อยู่ในพื้นท่ีเดียวกนั หรือใกล้เคยี งกัน โดยใช้สายสญั ญาณเป็นส่อื กลาง
การสอ่ื สารข้อมูล………………………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…
9. บนั ทึกผลหลงั การสอน
ด้านความรู้
ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ)
ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ญั หาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้าม)ี )
ปัญหา/อปุ สรรค
แนวทางการแก้ไข
10. ความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผูท้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย )
ขอ้ เสนอแนะ .......
ลงชอ่ื
(
ตำแหน่ง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4
การประยุกตใ์ ช้งานและการแก้ปญั หาเบ้ืองต้น
เวลา 2 ชัว่ โมง
1. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
1.1 ตวั ช้วี ัด
ว 4.2 ม.2/3 อภิปรายองคป์ ระกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี
การส่ือสาร เพ่ือประยุกต์ใช้งานหรือแกป้ ัญหาเบ้อื งตน้
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธบิ ายประเภทของคอมพิวเตอร์ได้ถูกต้อง (K)
2. แก้ไขปัญหาทีเ่ กดิ จากการใช้งานระบบคอมพิวเตอรใ์ นเบื้องตน้ ได้ (P)
3. แก้ไขปัญหาทเ่ี กดิ จากการใช้งานด้านซอฟต์แวรใ์ นเบื้องต้นได้ (P)
4. สนใจใฝเ่ รยี นร้ใู นการศกึ ษาและประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนร้ทู อ้ งถิน่
สาระการเรียนรู้แกนกลาง -
- การประยกุ ต์ใชง้ านและการแกป้ ญั หาเบื้องตน้
4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
ประเภทของคอมพิวเตอร์ในปัจจบุ ันแบง่ ได้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ Super Computer,
Mainframe Computer, Personal Computer, Workstation Computer และ Wearable
Computer สำหรับการใช้งานคอมพิวเตอรน์ น้ั ผใู้ ช้ควรทราบถงึ ปัญหาและการแก้ไขปญั หาในการใชง้ าน
ที่เกดิ ขน้ึ ซ่ึงส่วนใหญ่แล้วจะเปน็ ปญั หาทางดา้ นฮาร์ดแวรแ์ ละซอฟตแ์ วร์
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ยั รบั ผิดชอบ
2. ใฝ่เรยี นรู้
- ทักษะการสื่อสาร 3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน
- ทกั ษะการแลกเปลี่ยนข้อมูล
2. ความสามารถในการคดิ
- ทักษะการคิดวิเคราะห์
สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- ทกั ษะการสงั เกต
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
- ทกั ษะการทำงานร่วมกนั
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ทกั ษะการสบื คน้ ข้อมูล
6. กิจกรรมการเรียนรู้
วธิ ีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชัว่ โมงท่ี 1
ข้ันนำ
ข้นั ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)
1. ครูทบทวบความรเู้ ดิมจากช่ัวโมงทผ่ี ่านมา
2. นักเรียนแบง่ กลุ่ม (กล่มุ เดมิ ) และให้คน้ หาว่าคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกีป่ ระเภท และแต่ละ
ประเภทเหมาะกบั การทำงานประเภทใด จากนน้ั ให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น
พรอ้ มพดู คุยแลกเปลีย่ นความคิดเห็นกับเพ่อื นร่วมชัน้
ข้นั สอน
ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
1. นักเรยี นศกึ ษาประเภทของคอมพิวเตอร์ทแ่ี บง่ ออกเป็น 5 ประเภท คือ
1) Super Computer
2) Mainframe Computer
3) Personal Computer
4) Workstation Computer
5) Wearable Computer
จากหนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เร่ือง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือสืบคน้ เพ่มิ เติมจากอินเทอร์เน็ต
ทเี่ คร่ืองคอมพิวเตอร์ของตนเองโดยให้นักเรียนพจิ ารณาถงึ ลักษณะการทำงานและการใช้งาน
2. ครอู ธบิ ายเพิ่มเติมเก่ียวกบั การใช้งานระบบคอมพวิ เตอรว์ ่า“นอกจากจะมีการแบ่งประเภท
ของคอมพิวเตอร์ออกเปน็ 5 ประเภทแล้ว ยงั สามารถแบ่งประเภทคอมพิวเตอรต์ าม
วัตถุประสงค์ของการใชง้ านได้อกี คือ
1) คอมพวิ เตอรเ์ พื่องานเฉพาะกิจ (Special Purpose Computer) หมายถึง
เครอื่ งประมวลผลข้อมูลทถ่ี ูกออกแบบตัวเคร่ืองและโปรแกรมควบคมุ ให้ทำงาน
อย่างใดอย่างหนงึ่ เปน็ การเฉพาะ โดยท่ัวไปมักใชใ้ นงานควบคมุ อตุ สาหกรรม
ทเ่ี น้นการประมวลผลแบบรวดเรว็ เช่น เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ควบคุมสัญญาณไฟ
จราจร คอมพวิ เตอรค์ วบคมุ ลิฟต์ หรือคอมพวิ เตอร์ควบคุมระบบอตั โนมัติ
ในรถยนต์ เปน็ ตน้
2) คอมพิวเตอรเ์ พื่องานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer) หมายถงึ
เครือ่ งประมวลผลข้อมูลที่มคี วามยดื หยุน่ ในการทำงาน โดยไดร้ บั การออกแบบให้
สามารถประยุกตใ์ ช้ในงานประเภทต่าง ๆ ได้ โดยระบบจะทำงานตามคำสง่ั ใน
โปรแกรมท่ีเขียนขึ้นมา เชน่ ใชเ้ คร่ืองนใี้ นงานประมวลผลคะแนนนักเรียน
เก่ียวกบั ระบบการตัดเกรด หรอื สามารถใชใ้ นการคำนวณเงินเดือนได้ เป็นต้น”
3. นักเรียนทำใบงานที่ 3.4.1 เร่ือง ประเภทของคอมพวิ เตอร์
4. ครสู ุม่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าช้นั เรยี น พร้อมกบั อภปิ รายรว่ มกันในหอ้ งเรียน
ชั่วโมงท่ี 2
ขน้ั สอน
ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration)
5. ครูทบทวนเน้อื หาการเรยี นเม่ือชั่วโมงทแี่ ลว้ เก่ียวกับการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์
6. ครถู ามกระตนุ้ ความคดิ ของนักเรยี นว่า“ถา้ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ของนกั เรียนเสียหรือมีปญั หา
นักเรยี นสามารถแก้ไขเองได้หรือไม่”
(แนวตอบ : นกั เรียนแสดงความคิดเห็นตามประสบกาณณ์ของตนเอง)
7. นักเรยี นศึกษาเน้ือหา เรอื่ ง ปัญหาและการแก้ไขการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ จากหนังสอื เรยี น
และสังเกตปัญหาทีเ่ กดิ ขึน้ และการแกป้ ัญหาจากตวั อย่างในหนังสือเรยี น
ขั้นท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation)
8. ครูส่มุ นักเรียน 3-4 คน ออกมาอธิบายถึงปญั หาที่เกิดกับคอมพวิ เตอร์และวธิ ีการแก้ปัญหา
คอมพิวเตอร์ทีน่ ักเรยี นพบในเบ้ืองตน้ พร้อมกบั อภิปรายรว่ มกันในช้ันเรยี น
9. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกีย่ วกับปญั หาและการแก้ไขการใชง้ านระบบคอมพวิ เตอร์ว่า“นอกจากจะมี
ปัญหาด้านฮารด์ แวร์และซอฟตแ์ วรแ์ ลว้ ยงั มีปัญหาดา้ นไวรัสท่ีเกดิ ขน้ึ กับคอมพวิ เตอร์ ดงั น้ัน
ถา้ พบว่าคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงกว่าปกติ คอมพวิ เตอรห์ ยุดการตอบสนองหรือตดิ ขัดบ่อยคร้ัง
คอมพิวเตอร์ขัดข้องแลว้ เรม่ิ ใหมท่ ุกสองสามนาที โปรแกรมประยุกตใ์ นคอมพวิ เตอรท์ ำงาน
ไม่ถูกตอ้ ง เป็นตน้ ซง่ึ ปัญหาดังกล่าวนอี้ าจเกิดจากการมีไวรสั ทฝ่ี งั อยู่ในคอมพิวเตอร์ ดังน้ันจงึ
ควรตดิ ตั้งโปรแกรมตรวจสอบไวรสั และหม่ันตรวจสอบอยู่เสมอเพอ่ื ความปลอดภยั ของขอ้ มลู ”
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
10. นกั เรียนทำกจิ กรรมท่ีสอดคล้องกบั เนื้อหา โดยการตอบคำถามเพือ่ พฒั นาความรู้และทักษะ
การเรียนรู้ (Com Sci Activity) เก่ียวกบั ระบบคอมพิวเตอร์ลงในสมุดประจำตวั
11. นกั เรยี นทำใบงานท่ี 3.4.2 เรื่อง การแก้ปญั หาคอมพิวเตอร์
12. ครสู ุม่ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรียน พร้อมกับอภิปรายรว่ มกนั ภายในห้องเรยี น
Note
วัตถุประสงค์ของกิจกรรมเพอ่ื ใหน้ ักเรียน
- มที ักษะการทำงานรว่ มกนั โดยใช้กระบวนการกล่มุ ในการทำงานหรือการทำ
กิจกรรมเพอื่ ให้เกิดการสื่อสารและแลกเปล่ียนข้อมูลรว่ มกันภายในกลุ่ม
- มที ักษะการสืบคน้ ข้อมูล โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะคนสบื ค้นข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็
เพ่อื สืบเสาะหาความรตู้ ามหวั ขอ้ ที่ได้รับมอบหมาย
- มที ักษะการสงั เกต โดยให้นักเรยี นสงั เกตปญั หาท่ีเกิดขนึ้ ด้านฮารด์ แวรแ์ ละด้าน
ซอฟตแ์ วรพ์ ร้อมวิธีการแก้ไขปญั หาจากหนงั สอื เรยี นเพ่ือนำไปปรับใชใ้ นการเรยี นได้อยา่ ง
เหมาะสม
- มที กั ษะการคิดวเิ คราะห์ โดยให้นกั เรียนพจิ ารณาเน้ือหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา
ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ เชน่ หนังสือเรียน อินเทอรเ์ น็ต เป็นตน้
ขน้ั สรุป
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation)
1. ครูประเมินผลนกั เรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม การนำเสนอหน้าชั้นเรยี น และ
การทำใบงาน
2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของผลการทำใบงานที่ 3.4.1 และ ใบงานที่ 3.4.2
3. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปเก่ียวกับการประยุกตใ์ ช้งานและการแกป้ ัญหาเบอื้ งต้น
4. นกั เรยี นตรวจสอบความรู้ ความเขา้ ใจด้วยตนเองจากหนังสือเรียน โดยพจิ ารณาขอ้ ความวา่ ถกู
หรือผดิ หากนกั เรยี นพจิ ารณาขอ้ ความไมถ่ กู ต้องให้นกั เรียนกลับไปทบทวนเนือ้ หาตามหัวข้อที่
กำหนดให้
5. นกั เรียนทำแบบฝึกหัดประจำหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 โดยให้บันทกึ ลงในสมดุ ประจำตัว และ
ทำชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์ เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจ และ
นำมาสง่ ในชั่วโมงถดั ไป
6. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์ เพือ่ วดั ความรู้
ทน่ี ักเรยี นได้รับหลังจากผ่านการเรยี นรู้
7. การวัดและประเมนิ ผล
รายการวัด วธิ ีวดั เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
7.1 ประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรม ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเรียนรู้ ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
1) ประเภทของคอมพวิ เตอร์ - ตรวจใบงานที่ 3.4.1 - ใบงานท่ี 3.4.1 ระดับคุณภาพ 2
ผ่านเกณฑ์
2) การแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ - ตรวจใบงานท่ี 3.4.2 - ใบงานที่ 3.4.2
3) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ
ผลงาน การนำเสนอผลงาน
4) พฤตกิ รรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
5) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
6) คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - สังเกตความมวี ินยั - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2
ความรับผดิ ชอบ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์
ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มน่ั อันพงึ ประสงค์
ในการทำงาน
7.2 การประเมินหลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรยี น ประเมินตามสภาพจรงิ
1) แบบทดสอบหลังเรียน หลงั เรียน
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3
เร่ือง ระบบคอมพวิ เตอร์
2) การประเมนิ ช้นิ งาน - ตรวจชนิ้ งาน/ภาระ - แบบประเมินชิน้ งาน ระดบั คุณภาพ 2
/ภาระงาน (รวบยอด)
เรื่อง ระบบคอมพวิ เตอร์ งาน (รวบยอด) /ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์
8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี
3 เรอื่ ง ระบบคอมพวิ เตอร์
2) ใบงานท่ี 3.4.1 เรื่อง ประเภทของคอมพวิ เตอร์
3) ใบงานที่ 3.4.2 เร่อื ง การแก้ปัญหาคอมพวิ เตอร์
4) เครอื่ งคอมพิวเตอร์
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อนิ เทอรเ์ น็ต
ใบงานที่ 3.4.1
เรอ่ื ง ประเภทของคอมพิวเตอร์
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้ใหถ้ กู ต้อง
1. คอมพวิ เตอร์ที่ถูกนำไปใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ คือ
2. คอมพวิ เตอร์ท่มี ขี นาดใหญ่ มนี ำ้ หนักมาก และมรี าคาแพง คอื
3. คอมพวิ เตอร์ท่ีเหมาะสำหรบั งานดา้ นกราฟิก สถาปตั ยกรรม วศิ วกรรม คือ
4. คอมพิวเตอรท์ ี่ทำงานเก่ียวขอ้ งกบั ตัวจับการเคลอื่ นไหว การหาตำแหนง่ คือ
5. คอมพวิ เตอร์ชนิดท่ีนยิ มใช้ในสำนกั งานมากทสี่ ดุ คือ
วชิ าวทิ ยาการคำนวณ ชอ่ื ...............................................................................ช้นั .................เลขท่.ี .............
ใบงานที่ 3.4.1 เฉลย
เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์
คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง
1. คอมพิวเตอร์ท่ีถูกนำไปใชใ้ นองค์กรขนาดใหญ่ คือ Mainframe Computer
2. คอมพิวเตอร์ท่มี ขี นาดใหญ่ มีนำ้ หนกั มาก และมรี าคาแพง คือ Super Computer
3. คอมพวิ เตอร์ที่เหมาะสำหรบั งานด้านกราฟิก สถาปตั ยกรรม วิศวกรรม คือ Workstation Computer
4. คอมพิวเตอร์ท่ีทำงานเกย่ี วขอ้ งกับตวั จับการเคล่อื นไหว การหาตำแหน่ง คือ Wearable Computer
5. คอมพวิ เตอร์ชนิดท่ีนิยมใช้ในสำนกั งานมากท่ีสดุ คอื Personal Computer
ใบงานท่ี 3.4.2
เรื่อง การแกป้ ญั หาคอมพิวเตอร์
คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกต้อง
1. ถา้ นักเรยี นเปดิ เคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ ลว้ มีไฟเข้าเครื่อง แตห่ น้าจอไมต่ ดิ นกั เรยี นคดิ วา่ เป็นเพราะสาเหตุใด
และมวี ธิ กี ารแกไ้ ขอย่างไร
สาเหตุ วิธีการแก้ไข
2. ถ้านักเรยี นเปดิ เคร่ืองแลว้ หนา้ จอไม่ตดิ และมเี สยี งร้อง (Beep) หลายๆ ครงั้ นักเรียนคดิ ว่าเปน็ เพราะ
สาเหตใุ ด และมีวิธีการแก้ไขอยา่ งไร
สาเหตุ วธิ ีการแก้ไข
3. ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีอาการดังน้ี คือ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมข้ึนมา
ทำงาน ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ ไฟล์ข้อมูลหรือ
โปรแกรมที่เคยใช้อยู่หายไป เคร่ืองทำงานช้าลง เคร่ืองรีสตาร์ทเองโดยไม่ได้สั่ง หรือระบบหยุดทำงานโดย
ไมท่ ราบสาเหตุ นักเรยี นคดิ ว่าเปน็ เพราะสาเหตุใด และมีวิธีการแกไ้ ขอย่างไร
สาเหตุ วิธกี ารแก้ไข
วชิ าวิทยาการคำนวณ ชือ่ ...............................................................................ชัน้ .................เลขที่..............
ใบงานที่ 3.4.2 เฉลย
เรอ่ื ง การแกป้ ญั หาคอมพิวเตอร์
คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
1. ถ้านักเรียนเปิดเคร่อื งคอมพิวเตอร์แลว้ มไี ฟเขา้ เคร่ือง แตห่ น้าจอไม่ตดิ นกั เรียนคดิ ว่าเปน็ เพราะสาเหตุใด
และมวี ิธีการแกไ้ ขอย่างไร
สาเหตุ วธิ กี ารแกไ้ ข
ไม่ได้ต่อสายไฟระหว่างจอภาพกับตัวเคร่ือง ตรวจสอบการต่อสายไฟระหว่างจอภาพกับตัวเครื่อง หรือ
หรือสายไฟของจอภาพหลวม ตรวจสอบสายไฟของจอภาพกับเต้าเสียบวา่ หลวมหรอื ไม่
2. ถา้ นักเรียนเปดิ เคร่อื งแลว้ หนา้ จอไม่ติด และมีเสียงรอ้ ง (Beep) หลายๆ คร้งั นกั เรียนคิดว่าเปน็ เพราะ
สาเหตใุ ด และมีวิธีการแกไ้ ขอยา่ งไร
สาเหตุ วิธกี ารแก้ไข
- การ์ดจอภาพเสยี บไมแ่ นน่ สกปรก หรอื เสยี 1. เปิดตัวเคร่ืองคอมพิวเตอรด์ ึงการ์ดจอหรือ RAM ออกมา
- RAM เสยี บไมแ่ น่น สกปรก หรือเสยี ทำความสะอาดโดยใช้ยางลบถูคราบสกปรกบริเวณขา
ทองแดงแลว้ ใสก่ ลบั เข้าไปใหม่
2. ในกรณีที่แก้ไขตามข้อ 1 แล้วยังใช้ไม่ได้ ควรติดต่อช่าง
หรอื ผทู้ ่ีสามารถแก้ไขปัญหาได้
3. ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีอาการดังน้ี คือ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมา
ทำงาน ขนาดของโปรแกรมใหญ่ข้ึน เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ ไฟล์ข้อมูลหรือ
โปรแกรมที่เคยใช้อยู่หายไป เคร่ืองทำงานช้าลง เคร่ืองรีสตาร์ทเองโดยไม่ได้ส่ัง หรือระบบหยุดทำงานโดย
ไม่ทราบสาเหตุ นักเรยี นคิดวา่ เปน็ เพราะสาเหตใุ ด และมีวธิ กี ารแกไ้ ขอยา่ งไร
สาเหตุ วิธีการแกไ้ ข
เคร่อื งติดไวรัส เรียกใช้โปรแกรมตรวจสอบไวรัส หรือถ้ายังไม่มีโปรแกรม
ตรวจสอบไวรัส ควรติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบไวรัสใน
เคร่ือง และทำการตรวจสอบไวรัสอย่เู สมอ
ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เร่อื ง ระบบคอมพวิ เตอร์
คำช้ีแจง : ให้นักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปให้ให้ถกู ตอ้ ง
1. ให้นักเรยี นยกตัวอย่างข้อมลู ท่ีสามารถนำมาใช้ในการส่อื สารข้อมลู ในชีวติ ประจำวันได้ตามลกั ษณะ
ข้อมูล
ในตารางต่อไปนี้
ลกั ษณะของขอ้ มลู ตวั อย่างข้อมลู
ตวั อกั ษร
ตวั เลข
เสยี ง
รปู ภาพ
ส่ือผสม
2. ให้นักเรียนพิจารณาบัตรคำที่กำหนดให้ จากน้ันนำบัตรคำไปเติมลงในตารางส่ือกลางในการสื่อสาร
ข้ อ มู ล
ใหอ้ถินกู ฟตร้อางเรตดามประเภทของสื่อสกาลยาโงคนแัน้ อกๆเชียล คลื่นวทิ ยุ สาย UTP
คลืน่ ไมโครเวฟ สายใยแก้วนำแสง สาย STP ดาวเทียม
สอ่ื กลางในการสือ่ สารข้อมลู
สอ่ื กลางประเภทสายสัญญาณ สือ่ กลางประเภทไรส้ าย
วิชาวิทยาการคำนวณ ช่อื ...............................................................................ชั้น.................เลขที.่ .............