แผนการจดั การเรียนรู้
วชิ าฟิสิกส์ ว32101
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่ือง แรงและกฎการเคล่อื นท่ี
ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อดุ รธานี
นายนครินทร์ เกตทุ องมา
รหสั นกั ศกึ ษา 61100143112
นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ครู สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์
การฝึกปฏิบตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา 1
รหสั วชิ า ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อดุ รธานี
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
แผนการจัดการเรยี นรู้
วิชาฟิสกิ ส์ ว32101
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง แรงและกฎการเคลื่อนท่ี
ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษาพัฒนาการ อดุ รธานี
นายนครินทร์ เกตทุ องมา
รหสั นกั ศกึ ษา 61100143112
นักศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ิชาชีพครู สาขาวิชาวิทยาศาสตร์
การฝึกปฏิบตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา 1
รหสั วชิ า ED18501 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อดุ รธานี
ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
คำนำ
แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าฟสิ กิ ส์ รหสั วชิ า ว32101 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 เล่ม 1 นี้ จัดทำขึ้นเพื่อ
ใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ และให้นักเรียนบรรลุตามมาตรฐาน
การเรียนรู้ ตัวชี้วัด ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
2560) ผู้จัดทำได้ศึกษาสาระการเรียนรู้ เทคนิค วิธีการสอน การวัดและประเมินผล มาจัดทำแผนการจัด
การเรยี นรู้ในครัง้ น้ี
แผนการจัดการเรยี นรใู้ นเลม่ 3 น้ี ประกอบไปด้วย หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ.2551
(ฉบับปรับปรงุ 2560) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ คำอธบิ ายรายวชิ า โครงสร้างรายวิชา กำหนดการสอน
รายวิชา แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนที่ เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตาม
มาตรฐานการเรียนร้ไู ดเ้ ต็มศกั ยภาพอย่างแท้จรงิ
ขา้ พเจา้ หวังเปน็ อย่างย่ิงว่าแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ จะสามารถนำไปใชป้ ระกอบการจัดการเรียน
การสอนวชิ าวิทยาศาสตร์ นำไปสู่การพฒั นาท่ีถกู ต้องและเกิดผลแกผ่ เู้ รยี นเปน็ อยา่ งดี
นครินทร์ เกตทุ องมา
20 ตลุ าคม 2565
สารบัญ ข
เรื่อง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พ.ศ.2551 (ฉบบั ปรับปรงุ 2560)
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ค
ค
ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์ ค
เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ ง
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ จ
คุณภาพของผู้เรยี นวิทยาศาสตร์ เมอื่ จบชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ช
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน ซ
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ซ
ตวั ชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ฐ
คำอธบิ ายรายวชิ า ฑ
โครงสรา้ งรายวิชา ด
กำหนดการสอนรายวิชา
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ เรื่อง แรงและกฎการเคล่ือนที่ 1
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 17 ลักษณะของแรง 13
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 18 ชนดิ ของแรง 22
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 19 เวกเตอร์ของแรง 40
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 20 การคำนวณแรงลัพธ์ 60
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 21 มวลและความเฉือ่ ย 69
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 22 กฎการเคลอื่ นทข่ี อ้ ทห่ี นึง่ ของนิวตัน 76
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 23 กฎการเคล่ือนทข่ี ้อทสี่ องของนวิ ตนั 88
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 24 กฎการเคลื่อนทข่ี ้อท่ีสามของนิวตนั 97
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 25 แรงเสียดทาน 105
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 26 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรงเสียดทานและแรงปฏกิ ิรยิ าตัง้ ฉาก 117
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 27 กฎความโนม้ ถว่ งสากล 125
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 28 สนามโนม้ ถ่วง แรงโนม้ ถ่วง และนำ้ หนกั 133
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 29 การคำนวณแรงดงึ ดดู ระหวา่ งมวล 140
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 30 การประยุกตใ์ ช้กฎการเคลื่อนที่
ค
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พ.ศ.2551 (ฉบบั ปรับปรงุ 2560)
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์
ทำไมต้องเรยี นวทิ ยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตรม์ บี ทบาทสำคัญยงิ่ ในสงั คมโลกปจั จุบันและอนาคตเพราะวิทยาศาสตร์เก่ียวข้องกับทุกคน
ทั้งในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครื่องใช้และผลผลิตต่าง ๆ ท่ี
มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของควา มรู้วิทยาศาสตร์
ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่น ๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิดทั้งความคิดเป็น
เหตเุ ปน็ ผล คดิ สร้างสรรค์ คดิ วเิ คราะห์ วิจารณ์ มที ักษะสำคัญในการคน้ คว้าหาความรู้ มีความสามารถในการ
แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมีประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้
วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (K knowledge-based society)
ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและ
เทคโนโลยที ม่ี นุษย์สร้างสรรค์ขน้ึ สามารถนำความรู้ไปใชอ้ ยา่ งมเี หตุผล สรา้ งสรรค์ และมีคณุ ธรรม
เรยี นรอู้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ทีเ่ น้นการเชื่อมโยงความรู้กับ
กระบวนการมีทักษะสำคญั ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรูโ้ ดยใช้กระบวนการในการสบื เสาะหาความรู้และ
แกป้ ัญหาทหี่ ลากหลาย ใหผ้ เู้ รียนมสี ่วนร่วมในการเรียนรูท้ ุกข้ันตอน มกี ารทำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริง
อยา่ งหลากหลายเหมาะสมกบั ระดบั ช้ัน โดยกำหนดสาระสำคญั ดังนี้
✧ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับชีวติ ในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต การดำรงชีวิต
ของมนุษย์และสัตว์การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ
สง่ิ มชี ีวิต
✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การเคลื่อนที่
พลังงาน และคลน่ื
✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบ
สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ
และผลต่อสิ่งมชี ีวติ และสิง่ แวดล้อม
✧ เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวติ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม
● วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา เป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความร้ดู า้ นวิทยาการคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสอ่ื สาร ในการ
แกป้ ญั หาที่พบในชีวติ จรงิ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ง
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับ
สิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน การ
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และส่งิ แวดลอ้ มแนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปญั หาสิ่งแวดล้อมรวมท้ังนําความรู้ไป
ใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิง่ มชี วี ติ หนว่ ยพนื้ ฐานของสงิ่ มชี วี ติ การลําเลียงสารเขา้ และออก
จากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน
ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนําความรู้ไปใช้
ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสำคญั ของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม
สารพนั ธกุ รรม การเปล่ียนแปลงทางพนั ธุกรรมทมี่ ีผลต่อส่ิงมีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวัฒนาการ
ของส่ิงมชี ีวิต รวมทง้ั นําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ
สสารกับโครงสร้างและแรงยดึ เหน่ยี วระหว่างอนภุ าค หลกั และธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร
การเกดิ สารละลายและการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะ
การเคลอ่ื นที่แบบต่าง ๆ ของวตั ถรุ วมทงั้ นําความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้อง
กับเสียง แสง และคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทง้ั นาํ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ
กาแลก็ ซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทงั้ ปฏสิ ัมพันธ์ภายในระบบสุรยิ ะท่สี ่งผลตอ่ สิง่ มชี ีวติ และการประยกุ ต์ใช้
เทคโนโลยอี วกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง
ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัตภิ ัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลม ฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผล
ต่อสง่ิ มีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พือ่ การดำรงชีวิตในสงั คมทีม่ ีการ เปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็ว ใชค้ วามรู้และทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณติ ศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแกป้ ัญหาหรือพัฒนา
งานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย
คำนงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชีวิต สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม
จ
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คํานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ติ จริงอยา่ งเป็นขั้นตอน
และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพรู้เทา่ ทัน และมีจริยธรรม
คณุ ภาพของผู้เรียนเมอ่ื จบชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6
❖เขา้ ใจการลำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลลก์ ลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกันใน
รา่ งกายของมนุษยแ์ ละความผิดปกติของระบบภูมิคมุ้ กนั การใชป้ ระโยชน์จากสารตา่ ง ๆ ทพ่ี ืชสร้างขน้ึ การ
ถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธกุ รรม ววิ ฒั นาการที่ทำใหเ้ กิดความหลากหลายของ
สิ่งมชี ีวติ ความสำคัญและผลของเทคโนโลยที างดีเอ็นเอต่อมนุษยส์ ่งิ มีชวี ิต และสง่ิ แวดล้อม
❖ เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตรต์ ่าง ๆ ของโลก การเปล่ียนแปลง แทนทใี่ น
ระบบนิเวศ ปญั หาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ขปัญหาส่ิงแวดล้อม
❖ เข้าใจชนิดของอนภุ าคสำคญั ทเ่ี ป็นสว่ นประกอบในโครงสรา้ งอะตอม สมบตั บิ างประการ ของธาตุ
การจัดเรยี งธาตุในตารางธาตุ ชนดิ ของแรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนุภาคและสมบัตติ า่ ง ๆ ของสารท่ีมี
ความสมั พนั ธก์ ับแรงยึดเหน่ียว พันธะเคมโี ครงสรา้ งและสมบัติของพอลเิ มอร์การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีปจั จยั ท่ีมีผล
ต่ออัตราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมีและการเขยี นสมการเคมี
❖ เข้าใจปริมาณท่เี กยี่ วกบั การเคล่ือนที่ ความสัมพันธร์ ะหว่างแรง มวลและความเรง่ ผลของ
ความเรง่ ที่มีต่อการเคลื่อนท่แี บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ แรงโนม้ ถ่วง แรงแมเ่ หลก็ ความสัมพนั ธ์ ระหวา่ ง
สนามแมเ่ หล็กและกระแสไฟฟา้ และแรงภายในนวิ เคลียส
❖ เข้าใจพลงั งานนวิ เคลียรค์ วามสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลย่ี นพลังงาน ทดแทนเป็น
พลงั งานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลงั งาน การสะท้อน การหักเห การเลยี้ วเบน และการรวมคล่นื การได้ยิน
ปรากฏการณ์ท่ีเกี่ยวข้องกับเสียง สีกบั การมองเห็นสีคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า และประโยชน์ของคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า
❖ เข้าใจการแบ่งช้นั และสมบตั ขิ องโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคล่ือนทีข่ องแผ่น ธรณีท่ี
สัมพันธก์ บั การเกิดลักษณะธรณสี ณั ฐาน สาเหตุกระบวนการเกิดแผ่นดนิ ไหว ภเู ขาไฟระเบดิ สนึ ามิผลกระทบ
แนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ัติตนให้ปลอดภัย
❖ เข้าใจผลของแรงเนื่องจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ แรงคอริออลสิ ท่ีมีต่อ การ
หมุนเวียนของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจดู และผลที่มตี ่อภมู อิ ากาศ ความสมั พันธข์ องการ
หมุนเวยี นของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสนำ้ ผิวหน้าในมหาสมทุ ร และผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ
สิ่งมชี ีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม ปจั จัยต่าง ๆ ที่มีผลตอ่ การเปล่ยี นแปลง ภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบตั เิ พ่ือลด
กิจกรรมของมนษุ ยท์ ีส่ ง่ ผลต่อการเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศ โลกรวมทัง้ การแปลความหมายสญั ลักษณ์ลมฟ้า
อากาศทสี่ ำคัญจากแผนทอ่ี ากาศ และข้อมลู สารสนเทศ
ฉ
❖ เขา้ ใจการกำเนดิ และการเปลีย่ นแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อณุ หภูมขิ องเอกภพ หลักฐานท่ี
สนับสนนุ ทฤษฎบี ิกแบง ประเภทของกาแล็กซีโครงสรา้ งและองค์ประกอบของ กาแล็กซที างชา้ งเผอื ก
กระบวนการเกดิ และการสรา้ งพลงั งาน ปจั จยั ทีส่ ่งผลต่อความสอ่ งสว่าง ของดาวฤกษแ์ ละความสัมพันธ์ระหว่าง
ความส่องสว่างกับโชตมิ าตรของดาวฤกษค์ วามสมั พนั ธ์ระหวา่ งสีอุณหภมู ผิ วิ และสเปกตรัมของดาวฤกษ์
ววิ ฒั นาการและการเปล่ียนแปลงสมบัติบางประการ ของดาวฤกษ์กระบวนการเกิดระบบสุรยิ ะ การแบง่ เขต
บรวิ ารของดวงอาทิตยล์ กั ษณะของดาวเคราะห์ ท่ีเอ้ือต่อการดำรงชวี ิต การเกิดลมสุรยิ ะ พายุสรุ ิยะและผลทมี่ ี
ตอ่ โลก รวมทง้ั การสำรวจอวกาศ และการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ
❖ ระบุปญั หา ตั้งคำถามที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมกี ารกำหนดความสัมพันธร์ ะหวา่ งตัวแปรตา่ ง ๆ
สบื คน้ ข้อมูลจากหลายแหลง่ ต้ังสมมตฐิ านทีเ่ ป็นไปได้หลายแนวทาง ตดั สนิ ใจเลือกตรวจสอบสมมติฐานที่
เป็นไปได้
❖ ตั้งคำถามหรอื กำหนดปัญหาท่อี ยบู่ นพน้ื ฐานของความรู้และความเขา้ ใจทางวิทยาศาสตร์ ทแ่ี สดง
ให้เหน็ ถึงการใชค้ วามคิดระดับสูงทส่ี ามารถสำรวจตรวจสอบหรอื ศึกษาคน้ ควา้ ได้อยา่ งครอบคลมุ และเช่ือถอื ได้
สร้างสมมติฐานท่มี ีทฤษฎรี องรับหรือคาดการณส์ ง่ิ ทจ่ี ะพบ เพือ่ นำไปสู่การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบวธิ กี าร
สำรวจตรวจสอบตามสมมติฐานทกี่ ำหนดไวไ้ ด้อยา่ งเหมาะสมมหี ลักฐานเชงิ ประจักษ์ เลอื กวัสดุ อุปกรณ์
รวมทง้ั วธิ กี ารในการสำรวจตรวจสอบอย่างถูกต้องทั้งในเชงิ ปริมาณและคณุ ภาพ และบันทกึ ผลการสำรวจ
ตรวจสอบอย่างเป็นระบบ
❖ วเิ คราะห์แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคลอ้ งของข้อสรปุ เพื่อตรวจสอบกับ
สมมตฐิ านที่ต้งั ไวใ้ ห้ข้อเสนอแนะเพ่ือปรับปรงุ วธิ กี ารสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำข้อมูลและนำเสนอข้อมลู ด้วย
เทคนคิ วิธีทีเ่ หมาะสม ส่ือสารแนวคดิ ความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบโดยการพดู เขียน จดั แสดงหรอื ใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ผู้อนื่ เขา้ ใจโดยมหี ลักฐานอ้างองิ หรอื มีทฤษฎรี องรบั
❖ แสดงถงึ ความสนใจ มุง่ มั่น รับผดิ ชอบ รอบคอบ และซ่ือสัตย์ ในการสืบเสาะหาความรูโ้ ดยใช้
เครอ่ื งมอื และวิธกี ารที่ให้ได้ผลถูกตอ้ ง เช่อื ถือได้มีเหตุผลและยอมรบั ไดว้ า่ ความรู้ทางวทิ ยาศาสตรอ์ าจมีการ
เปลีย่ นแปลงได้
❖ แสดงถึงความพอใจและเหน็ คณุ ค่าในการค้นพบความรู้พบคำตอบ หรือแกป้ ัญหาไดท้ ำงานรว่ มกบั
ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างองิ และเหตุผลประกอบเกย่ี วกับผลของการพฒั นาและ
การใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอยา่ งมีคุณธรรมตอ่ สังคมและส่งิ แวดล้อม และยอมรับฟังความคิดเหน็ ของ
ผู้อืน่
❖ เข้าใจความสมั พนั ธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ท่มี ผี ลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทตา่ ง ๆ และ
การพฒั นาเทคโนโลยที สี่ ่งผลให้มกี ารคิดค้นความรู้ทางวทิ ยาศาสตรท์ กี่ ้าวหนา้ ผลของเทคโนโลยีตอ่ ชวี ติ สังคม
และสงิ่ แวดลอ้ ม
ช
❖ ตระหนักถึงความสำคญั และเห็นคณุ ค่าของความรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีทใ่ี ช้ ใน
ชวี ติ ประจำวันใชค้ วามรแู้ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีในการดำรงชีวติ และการประกอบ
อาชพี แสดงความชื่นชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ชิ้นงานท่ีเป็นผลมาจากภมู ปิ ัญญา ทอ้ งถ่นิ และการ
พัฒนาเทคโนโลยที ี่ทันสมยั ศึกษาหาความร้เู พ่ิมเตมิ ทำโครงงานหรือสรา้ ง ช้ินงานตามความสนใจ
❖ แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเก่ียวกบั การใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดลอ้ มอย่างรคู้ ุณค่า เสนอตัวเอง ร่วมมือปฏิบัติกบั ชุมชนในการป้องกัน ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและ
สงิ่ แวดล้อมของท้องถ่นิ
❖ วเิ คราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยีไดแ้ ก่ ระบบทางเทคโนโลยที ี่ซับซ้อนการเปล่ยี นแปลงของ
เทคโนโลยคี วามสมั พันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์วเิ คราะห์
เปรยี บเทยี บ และตัดสนิ ใจเพ่ือเลือกใช้ เทคโนโลยีโดยคำนงึ ถึงผลกระทบต่อชวี ิต สังคม เศรษฐกิจ และ
สิ่งแวดล้อม ประยุกตใ์ ชค้ วามรูท้ ักษะ ทรัพยากรเพือ่ ออกแบบสร้างหรือพัฒนาผลงาน สำหรับแก้ปัญหาท่ีมี
ผลกระทบต่อสังคม โดยใช้กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ใช้ซอฟต์แวรช์ ่วยในการออกแบบและนำเสนอ
ผลงาน เลอื กใช้วัสดุ อปุ กรณ์และเคร่ืองมือได้อย่างถกู ต้อง เหมาะสม ปลอดภยั รวมท้ังคำนึงถึง ทรัพยส์ นิ ทาง
ปญั ญา
❖ ใชค้ วามร้ทู างด้านวทิ ยาการคอมพวิ เตอรส์ ่ือดิจิทลั เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร เพ่ือ
รวบรวมขอ้ มูลในชวี ติ จรงิ จากแหล่งต่าง ๆ และความร้จู ากศาสตร์อื่น มาประยกุ ต์ ใชส้ รา้ งความรใู้ หม่ เขา้ ใจ
การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยีทมี่ ีผลต่อการดำเนนิ ชีวิต อาชีพ สังคมวัฒนธรรม และใชอ้ ย่างปลอดภยั มี
จริยธรรม
สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุงพุทธศักราช 2560)
มงุ่ ให้ผู้เรียนเกดิ สมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังน้ี
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด
ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจน
การเลือกใช้วิธีการสอื่ สาร ท่มี ีประสิทธิภาพโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบทมี่ ีตอ่ ตนเองและสงั คม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง
สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ
เพอื่ การตัดสินใจเก่ียวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้
อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสมั พันธ์และการ
เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข
ปญั หา และมกี ารตดั สินใจที่มปี ระสิทธภิ าพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบทเี่ กดิ ขึน้ ต่อตนเอง สังคมและส่งิ แวดลอ้ ม
ซ
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ใน
การดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องการทำงาน และการอยู่ร่วมกันใน
สังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่าง
เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยง
พฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ส่ี ่งผลกระทบตอ่ ตนเองและผู้อนื่
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือก และใชเ้ ทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมี
ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้การสื่อสาร การทำงาน การ
แกป้ ัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ตอ้ ง เหมาะสม และมคี ุณธรรม
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมี
ความสุข ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก มี 8 ประการ ได้แก่
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
2. ซอ่ื สัตยส์ ุจรติ
3. มวี นิ ัย
4. ใฝเ่ รยี นรู้
5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
6. มุ่งม่นั ในการทำงาน
7. รักความเปน็ ไทย
8. มจี ติ สาธารณะ
ผลการเรียนรแู้ ละสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4
สาระฟิสกิ ส์
1. เขา้ ใจธรรมชาติทางฟสิ ิกส์ ปรมิ าณและกระบวนการวดั การเคลอ่ื นท่แี นวตรงแรงและกฎการเคล่ือนท่ีของ
นิวตนั กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการอนุรักษ์พลงั งานกล โมเมนตัม
และกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ รวมท้งั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ชั้น ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้เู พ่ิมเติม
ม.4 1. สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทาง • ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับสสาร พลังงาน
ฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้ง อนั ตรกิรยิ าระหว่างสสารกับพลังงาน และแรงพน้ื ฐานในธรรมชาติ
พัฒนาการของหลักการและแนวคิดทาง • การค้นคว้าหาความรู้ทางฟิสิกส์ได้มาจากการสังเกต การทดลอง
ฟิสิกส์ที่มีผลต่อ การแสวงหาความรู้ และเก็บรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ หรือจากการสร้าง
ใหมแ่ ละการพัฒนาเทคโนโลยี แบบจำลองทางความคิด เพื่อสรุปเป็นทฤษฎี หลักการหรือกฎ
ความรู้เหล่านี้สามารถนำไปใช้อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือ
ทำนายสง่ิ ทอ่ี าจจะเกดิ ขึน้ ในอนาคต
ฌ
ชั้น ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้เพิม่ เตมิ
• ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของหลักการและแนวคิดทาง
ฟิสิกส์เป็นพื้นฐานในการแสวงหาความรู้ใหม่เพิ่มเติม รวมถึงการ
พัฒนาและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มีส่วนในการค้นหาความรู้
ใหมท่ างวทิ ยาศาสตร์ดว้ ย
ม.4
2. วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทาง • ความรู้ทางฟิสิกส์ส่วนหนึ่งได้จากการทดลอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ
ฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความ กระบวนการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข และ
คลาดเคลอื่ นในการวัดมาพจิ ารณาในการ หน่วยวดั
นำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลอง • ปริมาณทางฟิสิกส์สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ โดยตรงหรือ
ในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปล ทางอ้อม หน่วยที่ใช้ในการวัดปริมาณทางวิทยาศาสตร์ คือ ระบบ
ความหมายจากกราฟเส้นตรง หนว่ ยระหวา่ งชาติ เรียกย่อว่า ระบบเอสไอ
• ปริมาณทางฟิสิกส์ที่มีค่าน้อยกว่าหรือมากกวา่ 1 มาก ๆ นิยมเขียน
ในรูปของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ หรือเขียนโดยใช้คำนำหน้าหน่วย
ของระบบ เอสไอ การเขียนโดยใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์เป็นการ
เขียนเพื่อแสดงจำนวนเลขนยั สำคญั ทถี่ กู ต้อง
• การทดลองทางฟิสิกส์เกี่ยวกับการวัดปริมาณต่าง ๆ การบันทึก
ปริมาณที่ได้จากการวัดด้วยจำนวนเลขนัยสำคัญที่เหมาะสมและค่า
ความคลาดเคลอื่ น การวิเคราะหแ์ ละการแปลความหมายจากกราฟ
เช่น การหาความชันจากกราฟเส้นตรง จุดตัดแกน พื้นที่ใต้กราฟ
เปน็ ต้น
• การวัดปริมาณต่าง ๆ จะมีความคลาดเคลื่อนเสมอขึ้นอยู่กับ
เครื่องมือ วิธีการวัด และประสบการณ์ของผู้วัด ซึ่งค่าความ
คลาดเคลื่อนสามารถแสดงในการรายงานผลทั้งในรูปแบบตัวเลข
และกราฟ
• การวัดควรเลือกใช้เครื่องมือวัดให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด เช่น
การวัดความยาวของวัตถุที่ต้องการความละเอียดสูง อาจใช้เวอร์
เนยี รแ์ คลลิเปริ ์ส หรอื ไมโครมิเตอร์
•ฟิสกิ ส์อาศยั คณติ ศาสตร์เป็นเคร่ืองมือในการศึกษาคน้ คว้า และการ
ส่อื สาร
ม.4
ญ
ช้นั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรเู้ พ่มิ เตมิ
3. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง •ปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ได้แก่ ตำแหน่ง การกระจัด
ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และ ความเร็ว และความเร่ง โดยความเร็วและความเร่งมีทั้งค่าเฉล่ีย
ความเร่งของการเคลื่อนที่ของวัตถุใน และค่าขณะหนึ่ง ซึ่งคิดในช่วงเวลาส้ัน ๆ สำหรับปริมาณต่าง ๆ ท่ี
แนวตรงทมี่ คี วามเร่งคงตัวจากกราฟและ เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แนวตรงด้วยความเร่งคงตัวมี
สมการ รวมทั้งทดลองหาค่าความเร่ง ความสัมพนั ธต์ ามสมการ
โน้มถ่วงของโลก และคำนวณปริมาณ
v = u + at
ต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
u+v
∆x = ( 2 ) t
∆x = ut + 1 at2
2
v2 = u2 + 2a∆x
• การอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุสามารถเขียนอยู่ในรูปกราฟ
ตำแหน่งกับเวลา กราฟความเร็วกับเวลา หรือกราฟความเร่งกับ
เวลา ความชันของเส้นกราฟตำแหน่งกับเวลาเป็นความเร็ว ความ
ชันของเส้นกราฟความเร็วกับเวลาเป็นความเร่ง และพื้นที่ใต้
เส้นกราฟความเร็วกับเวลาเป็นการกระจัด ในกรณีที่ผู้สังเกตมี
ความเร็ว ความเร็วของวัตถุที่สังเกตได้เป็นความเร็วที่เทียบกับผู้
สงั เกต
• การตกแบบเสรีเป็นตัวอย่างหนึ่งของการเคลื่อนที่ในหนึ่งมิติที่มี
ความเรง่ เทา่ กบั ความเร่งโนม้ ถ่วงของโลก
4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลัพธ์ของ • แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์จึงมีทั้งขนาดและทิศทางกรณีที่มีแรงหลาย
ม.4 แรงสองแรงที่ทำมมุ ตอ่ กนั ๆ แรงกระทำต่อวัตถุสามารถหาแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุโดยใช้วิธี
เขียนเวกเตอร์ของแรงแบบหางต่อหัว วิธีสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
ของแรงและวธิ ีคำนวณ
ฎ
ชน้ั ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนร้เู พมิ่ เติม
5. เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุ • สมบัติของวัตถุที่ต้านการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ เรียกว่า
อิสระ ทดลองและอธิบายกฎการ ความเฉื่อย มวลเป็นปริมาณที่บอกให้ทราบว่าวัตถุใดมีความเฉื่อย
เคลื่อนที่ของนิวตันและการใช้กฎการ มากหรือน้อย
เคลื่อนที่ของนิวตันกับสภ าพ ก า ร • การหาแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุสามารถเขยี นเป็นแผนภาพของแรง
เคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทั้งคำนวณ ทกี่ ระทำตอ่ วตั ถุอิสระได้
ปรมิ าณต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง • กรณีที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำ วัตถุจะไม่เปลี่ยนสภาพการ
เคลอื่ นท่ีซ่ึงเปน็ ไปตามกฎการเคลอ่ื นท่ีข้อทห่ี นงึ่ ของนวิ ตัน
• กรณที ี่มีแรงภายนอกมากระทำโดยแรงลัพธ์ที่กระทำต่อวตั ถุไม่เปน็
ศูนย์ วัตถจุ ะมีความเรง่ โดยความเร่งมที ศิ ทางเดยี วกับแรงลัพธ์
ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรงลัพธ์ มวลและความเร่ง เขียนแทนไดด้ ว้ ย
สมการ
n
∑ ⃑Fi = m⃑a
i=0
ตามกฎการเคลอ่ื นที่ขอ้ ที่สองของนวิ ตนั
• เมื่อวัตถุสองก้อนออกแรงกระทำต่อกัน แรงระหว่างวัตถุทั้ง
สองจะมีขนาดเท่ากัน แต่มีทิศทางตรงข้ามและกระทำต่อวัตถุคน
ละก้อน เรียกว่า แรงคู่กิริยา-ปฏิกิริยา ซึ่งเป็นไปตามกฎการ
เคล่ือนที่ข้อท่ีสามของนิวตัน และเกดิ ขึ้นได้ทง้ั กรณีทวี่ ตั ถุท้ังสอง
สมั ผสั กนั หรอื ไม่สมั ผสั กนั ก็ได้
6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผล • แรงดึงดูดระหว่างมวลเป็นแรงที่มวลสองก้อนดึงดูดซึ่งกันและกัน
ของสนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุมี ด้วย แรงขนาดเท่ากันแต่ทิศทางตรงข้ามและเป็นไปตามกฎ
น้ำหนัก รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ ความโน้มถ่วงสากล เขียนแทนไดด้ ว้ ยสมการ
ทเี่ ก่ยี วข้อง FG = G m1m2
ม.4 R2
• รอบโลกมีสนามโนม้ ถว่ งทำใหเ้ กดิ แรงโน้มถ่วง ซง่ึ เป็นแรงดึงดูดของ
โลกทก่ี ระทำตอ่ วัตถุ ทำใหว้ ตั ถุมีนำ้ หนัก
7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณแรงเสียด • แรงที่เกิดขึ้นที่ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุสองก้อนในทิศทางตรงข้ามกับ
ทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ทิศทาง การเคลื่อนที่ หรือแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ของวัตถุ
ในกรณีที่วัตถุหยุดนิ่งและวัตถุเคลื่อนท่ี เรียกว่า แรงเสียดทาน แรงเสียดทานระหวา่ งผิวสมั ผัสคู่
รวมท้งั ทดลองหาสมั ประสิทธิ์ความเสียด หนึ่ง ๆ ขึ้นกับสัมประสิทธิ์ความเสียดทาน และแรงปฏิกิริยาต้ัง
ทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ฉากระหว่างผิวสัมผัสคู่น้ัน ๆ
และนำความรู้เรื่องแรงเสยี ดทานไปใช้ใน • ขณะออกแรงพยายามแต่วัตถุยังคงอยู่นิ่งแรงเสียดทานมีขนาด
ชีวิตประจำวัน เท่ากบั แรงพยายามทก่ี ระทำต่อวัตถนุ นั้ และแรงเสียด
ทานมีค่ามากที่สุดเมื่อวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ เรียกแรงเสียดทานนี้ว่า
ฏ
ชั้น ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเติม
แรงเสียดทานสถิต แรงเสียดทานที่กระทำต่อวัตถุขณะกำลัง
เคลื่อนที่ เรียกว่า แรงเสียดทานจลน์ โดยแรงเสียดทานที่เกิด
ระหว่างผวิ สัมผสั ของวัตถุคหู่ น่ึง ๆ คำนวณได้จากสมการ
fs ≤ μsN
fk = μkN
• การเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ ซึ่ง
สามารถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั
ฐ
คำอธิบายรายวิชา
รายวชิ าเพ่ิมเติม ฟสิ ิกส์ 1 (ว30201) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 3 ช่ัวโมง / สัปดาห์ จำนวน 1.5 หน่วยกิต
ศึกษา ค้นคว้า สำรวจ ตรวจสอบ อธิบาย เกี่ยวกับธรรมชาติของฟิสิกส์ การวัดและการบันทึกผล
การวัด ปริมาณทางฟิสิกส์ การทดลองทางฟิสิกส์ ตำแหน่ง การกระจัดและระยะทาง อัตราเร็วและความเร็ว
ความเร่ง กราฟของการเคล่ือนทแี่ นวตรง สมการสำหรับการเคล่ือนท่ีแนวตรง การตกแบบเสรี แรง การหา
แรงลัพธ์ มวล แรงและกฎการเคลอ่ื นที่ แรงเสียดทาน แรงดงึ ดูดระหวา่ งมวล การประยุกตใ์ ชก้ ฎการเคล่ือนที่
โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการสบื เสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบคน้ ข้อมูล
การอภิปราย การสรุป มีความสามารถในการคิด การแก้ปัญหา สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ ใช้เทคโนโลยี
ประกอบการเรียนรูอ้ ยา่ งเหมาะสม และสามารถนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจำวัน
มีจติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม คา่ นยิ มท่ีเหมาะสม และมีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คือ
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นการทำงาน รักความเปน็
ไทย และมีจติ สาธารณะ และมีคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ คอื รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซือ่ สตั ยส์ ุจริต มีวินัย
ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ สามารถเรียนรู้ให้มี
คุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล มีศักยภาพในการแข่งขัน และดำรงชีวิตอย่างสร้างสรรค์ในประชาคมโลก
สอดคลอ้ งกับประเทศไทย 4.0 ในโลกศตวรรษที่ 21
ผลการเรยี นรู้
1. สืบค้นและอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทั้งพัฒนาการของหลักการและ
แนวคดิ ทางฟิสิกส์ที่มผี ลตอ่ การแสวงหาความรใู้ หม่และการพัฒนาเทคโนโลยไี ด้
2. วัดและรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคลื่อนในการวัดมา
พิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปลความหมายจาก
กราฟเสน้ ตรงได้
3. ทดลองและอธิบายความสมั พันธ์ระหว่างตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการเคลื่อนทีข่ อง
วัตถุในแนวตรงที่มีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทั้งทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และ
คำนวณปริมาณต่าง ๆ ทเี่ กีย่ วข้องได้
4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลพั ธข์ องแรงสองแรงท่ีทำมุมต่อกันได้
5. เขียนแผนภาพของแรงที่กระทำต่อวัตถุอิสระ ทดลองและอธิบายกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันและการใช้กฎ
การเคลื่อนทข่ี องนวิ ตันกับสภาพการเคลื่อนที่ของวตั ถุ รวมทงั้ คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ยี วข้องได้
6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงท่ีทำใหว้ ัตถุมีน้ำหนัก รวมทั้งคำนวณปริมาณต่าง ๆ
ที่เกย่ี วขอ้ งได้
7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีที่วัตถุหยุดนิ่งและ
วัตถุเคลื่อนที่ รวมทั้งทดลองหาสัมประสิทธิ์ความเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ คู่หนึ่ง ๆ และ
นำความร้เู รื่องแรงเสียดทานไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้
รวม 7 ผลการเรยี นรู้
ฑ
โครงสร้างรายวชิ า
รายวชิ าเพ่ิมเติมฟสิ ิกส์ 1 (ว30201) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
60 ชัว่ โมง/ภาค
ภาคเรียนที่ 1 3 ช่ัวโมง/สัปดาห์ จำนวน 100 คะแนน
จำนวน 1.5 หน่วยกิต
ลำดบั ชอ่ื หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก
ท่ี เรียนรู้ 1. สบื ค้นและอธิบายการค้นหา (ชว่ั โมง) คะแนน
1 ธรรมชาตแิ ละ ฟิสิกส์เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่
พฒั นาการทาง ความร้ทู างฟสิ กิ ส์ ประวตั คิ วาม ศึกษาเกี่ยวกับสสาร พลังงาน อันตรกิริยา 9 10
ฟิสิกส์ เปน็ มา รวมท้งั พัฒนาการของ ระหว่างสสารกับพลังงาน และแรงพื้นฐาน
หลักการและ แนวคดิ ทางฟสิ ิกสท์ ี่ ในธรรมชาติ 22.5 15
2 การเคลอื่ นที่ มีผลตอ่ การแสวงหาความรู้ใหม่
แนวตรง และการพฒั นาเทคโนโลยไี ด้ การค้นคว้าหาความรู้ทางฟิสิกส์ได้มา
2. วดั และรายงานผลการวดั ปริมาณ จากการสังเกต การทดลอง และเก็บ
ทางฟสิ ิกสไ์ ด้ถูกต้องเหมาะสม รวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ หรือจากการ
โดยนำความคลาดเคลื่อนในการ สร้างแบบจำลองทางความคิด เพื่อสรุปเป็น
วดั มาพจิ ารณาในการนำเสนอผล ทฤษฎีหลักการหรือกฎ ซึ่งสามารถนำไปใช้
รวมทัง้ แสดงผลการทดลองในรูป อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือทำนาย
ของกราฟ วเิ คราะหแ์ ละแปล สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยประวัติ
ความหมายจากกราฟเสน้ ตรงได้ ความเป็นมาและพัฒนาการของหลักการ
และแนวคิดทางฟิสิกส์เป็นพื้นฐานในการ
3. ทดลองและอธิบายความสมั พันธ์ แสวงหา ความรู้ใหม่เพิ่มเติม รวมถึงการ
ระหวา่ งตำแหนง่ การกระจดั พฒั นาและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มี
ส่วนในการค้นหาความรู้ใหม่ทาง
วิทยาศาสตรด์ ว้ ย
ความรู้ทางฟิสิกส์ส่วนหนึง่ ได้จากการ
ทดลอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการวัด
ปริมาณทางฟิสิกส์ประกอบด้วยค่าที่เป็น
ตัวเลขและหน่วยวัด โดยสามารถวัดไดด้ ้วย
เครื่องมือต่าง ๆ โดยตรง หรือทางอ้อม
หนว่ ยท่ีใชใ้ นการวัดปรมิ าณทาวทิ ยาศาสตร์
คือ หน่วยในระบบเอสไอ ปริมาณที่มีค่า
นอ้ ยหรอื มากกวา่ 1 มาก ๆ นิยมเขยี นในรูป
ของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ การเขียนโดยใช้
สัญกรณ์วิทยาศาสตร์เป็นการเขียนเพื่อ
แสดงจำนวนเลขนยั สำคัญท่ีถกู ต้อง
การทดลองทางฟิสิกส์จะเกี่ยวกับการ
วัดปริมาณต่าง ๆ การวัดจะมีความ
คลาดเคลื่อนเสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับเครื่องมือ
วธิ ีการวัด และประสบการณ์ของผู้วดั
ในการบันทึกปริมาณที่ได้จากการวัดด้วย
จำนวนเลขนัยสำคัญที่เหมาะสมและค่า
ความคลาดเคลื่อน เพื่อการนำเสนอผลการ
เขียนกราฟ และลงข้อสรุป รวมทั้งมีทักษะ
ในการรายงานการทดลอง โดยการวัดควร
เลือกใช้เครื่องมือวัดให้เหมาะสมกับสิ่งท่ี
ต้องการวัด
ปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของ
วัตถุ ได้แก่ ตำแหน่ง การกระจัด ความเร็ว
และความเร่ง โดยความเร็วและความเร่งมี
ฒ
ลำดับ ชื่อหนว่ ยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก
ที่ เรยี นรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน
ความเรว็ และความเรง่ ของการ ทั้งค่าเฉลี่ยและค่าขณะหนึ่ง ซึ่งคิดใน
3 แรงและกฎการ เคลอ่ื นท่ีของวตั ถใุ นแนวตรงทม่ี ี ช่วงเวลาส้ันมาก ๆ เข้าใกล้ศูนย์ 24.5 15
เคล่อื นท่ี ความเรง่ คงตวั จากกราฟและ
สมการ รวมท้งั ทดลองหาค่า ก า ร อ ธ ิ บ า ย ก า ร เ ค ล ื ่ อ น ท ี ่ ข อ ง ว ั ต ถุ
ความเร่งโนม้ ถ่วงของโลก และ สามารถเขียนอยู่ในรูปกราฟตำแหน่งกับ
คำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ที่ เวลา ความเร็วกับเวลา หรือความเร่งกับ
เก่ยี วขอ้ งได้ เวลา โดยความชนั ของเสน้ กราฟตำแหนง่
กับเวลาเป็นความเร็ว ความชันของ
4. ทดลองและอธิบายการหาแรง เส้นกราฟความเร็ว กับเวลาเป็นความเร่ง
ลัพธข์ องแรงสองแรงทที่ ำมมุ ตอ่ และพื้นที่ใต้เส้นกราฟความเร็วกบั เวลาเปน็
กันได้ การกระจัด ในกรณีทผ่ี ู้สังเกตมคี วามเร็ว
ความเร็วของวัตถทุ สี่ ังเกตไดเ้ ปน็ ความเร็วท่ี
5. เขียนแผนภาพของแรงทีก่ ระทำ เทียบกบั ผสู้ งั เกต สว่ นการเคลือ่ นท่ีของวัตถุ
ต่อวตั ถอุ ิสระ ทดลองและอธิบาย ในแนวตรงกรณีที่มีความเร่งคงที่ สามารถ
กฎการเคลอื่ นทขี่ องนวิ ตันและ อธิบายได้โดยใช้สมการจลน์ศาสตร์ 4
การใช้กฎการเคล่ือนท่ีของนวิ ตนั สมการ
กับสภาพการเคลือ่ นที่ของวัตถุ
รวมท้งั คำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่ การตกแบบเสรีเป็นตัวอย่างหนึ่งของ
เก่ยี วขอ้ งได้ การเคลื่อนที่ในหนึ่งมิติที่มีความเร่งเท่ากับ
ความเรง่ โนม้ ถ่วงของโลก
6. อธบิ ายกฎความโน้มถว่ งสากล
และผลของสนามโนม้ ถว่ งทีท่ าให้ แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์จึงมีทัง้ ขนาด
วตั ถมุ นี ำ้ หนกั รวมทั้งคำนวณ และทิศทาง กรณีที่มีแรงหลาย ๆ แรง
ปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งได้ กระทำตอ่ วัตถุ สามารถหาแรงลพั ธท์ ก่ี ระทำ
ต่อวตั ถโุ ดยใชว้ ธิ เี ขียนเวกเตอรข์ องแรงแบบ
7. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณ หางต่อหัว วิธีสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
แรงเสยี ดทานระหวา่ งผิวสมั ผสั ของแรง และวิธคี ำนวณ
ของวัตถคุ ่หู นง่ึ ๆ ในกรณีที่วตั ถุ
หยดุ นิ่งและวตั ถเุ คลอ่ื นที่ รวมท้งั ความเฉื่อยเป็นสมบัติของวัตถุที่ต้าน
ทดลองหาสมั ประสิทธิ์ความเสยี ด การเปล่ียนสภาพการเคล่อื นทข่ี องวัตถุ โดย
ทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถคุ ู่ มีมวลเป็นปริมาณที่บอกให้ทราบว่าวัตถุใด
หน่ึง ๆ และนำความรเู้ ร่ืองแรง มีความเฉ่ือยมากหรอื นอ้ ย
เสียดทานไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั
ได้ การหาแรงลัพธ์ที่กระท าต่อวัตถุ
ส า ม า ร ถ เ ข ี ย น เ ป ็ น แ ผ น ภ า พ ข อ ง แ ร ง ที่
กระทำต่อวัตถุอิสระได้ ในกรณีที่ไม่มีแรง
ภายนอกมากระท าต่อวัตถุ หรือแรงท่ี
กระทำต่อวัตถุเป็นศูนย์ วัตถุจะไม่เปลี่ยน
สภาพการเคลื่อนท่ี ซึ่งเป็นไปตามกฎการ
เคลื่อนที่ข้อที่หนึ่งของนิวตัน แต่ถ้ามีแรง
ภายนอกมากระทำต่อวัตถุ โดยแรงลัพธ์ที่
กระทำต่อวัตถุไม่เป็นศูนย์ วัตถุจะมี
ความเร่ง โดยความเร่งมที ศิ ทางเดยี วกบั แรง
ลัพธ์ ซึ่งเป็นไปตามกฎการเคลื่อนที่ข้อท่ี
สองของนวิ ตัน
เมื่อวัตถุสองก้อนออกแรงกระทำต่อ
กัน จะเกดิ แรงกิรยิ าและแรงปฏิกิริยา โดย
แ ร ง ท ั ้ ง ส อ ง จ ะ ม ี ข น า ด เ ท ่ า ก ั น แ ต ่ ม ี ทิ ศ
ทางตรงข้ามและกระทำต่อวัตถุคนละก้อน
เรียกวา่ แรงคกู่ ิรยิ า-ปฏิกริ ยิ า ซึ่งเป็นไปตาม
กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สามของนิวตัน และ
เกิดขึ้นได้ทั้งกรณีที่วัตถุทั้งสองสัมผัสกัน
หรอื ไม่สมั ผสั กนั ก็ได้
ณ
ลำดบั ชื่อหนว่ ยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั
ที่ เรยี นรู้ (ชั่วโมง) คะแนน
เข้าเรียน วัตถคุ หู่ นึ่งจะมแี รงกระทำตอ่ กนั แรงน้ี
สอบกลางภาค เป็นแรงดึงดูดระหว่างมวลเป็นแรงที่มวล - 10
สอบปลายภาค สองก้อนดึงดูดซึ่งกันและกันด้วยแรงขนาด 20
เท่ากันในแนวเดียวกันแต่ทิศทางตรงข้าม
รวม และเป็นไปตามกฎความโน้มถว่ งสากล
แรงที่เกิดขึ้นที่ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุ
สองก้อนในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางการ
เคลื่อนที่ หรือแนวโน้มที่จะเคลื่อนที่ของ
วัตถุ เรียกว่า แรงเสียดทาน ซึ่งแรงเสียด
ทานระหว่างผิวสัมผัสคู่หน่ึง ๆ จะขึ้นอยู่กบั
สัมประสิทธคิ์ วามเสยี ดทานและแรปฏกิ ริ ิยา
ต้งั ฉากระหวา่ งผิวสมั ผสั คู่นน้ั ๆ
ขณะวัตถุยังคงอยู่นิ่ง แรงเสียดทานมี
ขนาดเพิ่มขึ้นตามแรงที่กระทำต่อวัตถุน้ัน
และจะมีค่ามากที่สุดเมื่อวัตถุเริ่มเคลื่อนที่
เรียกแรงเสียดทานที่กระทำต่อวัตถขุ ณะอยู่
นิ่งว่า แรงเสียดทานสถิต และเรียกแรง
เสยี ดทานท่ีกระทำตอ่ วัตถขุ ณะกำลงั เคล่ือน
ท่วี า่ แรงเสียดทานจลน
2
2 30
60 100
เกณฑก์ ารประเมิน (แบบอิงเกณฑ)์
ระดบั เกรด
0
0-49 คะแนน 1
1.5
50-54 คะแนน 2
2.5
55-59 คะแนน 3
3.5
60-64 คะแนน 4
65-69 คะแนน
70-74 คะแนน
75-79 คะแนน
80-100 คะแนน
ด
กำหนดการสอน (Course syllabus)
รายวชิ าเพ่ิมเติม ฟิสิกส์ 1 (ว30201) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4
หนว่ ยการเรียนรู้ : 3 หนว่ ย เวลา 60 ชว่ั โมง
ครูผสู้ อนนครนิ ทร์ เกตุทองมา ภาคเรยี นที่ 1/2564
สปั ดาห์ เนอ้ื หา/สาระทีส่ อน ช่วั โมง คะแนน ผลการเรียนรู้ หมายเหตุ
ท่ี
บทท่ี 1 ธรรมชาติและ 1. สืบค้นและอธิบายการคน้ หาความร้ทู าง
ฟสิ ิกส์ ประวัติความเป็นมา รวมทงั้ พัฒนาการ
1 พัฒนาการทางฟิสิกส์ 2 ของหลกั การและ แนวคิดทางฟิสกิ ส์ท่ีมผี ลต่อ
การแสวงหาความรู้ใหมแ่ ละการพฒั นา
1.1 ธรรมชาตทิ างฟสิ ิกส์ เทคโนโลยไี ด้
1 1.2 การวัดและรายงานผลการ 3 10 2. วดั และรายงานผลการวัดปริมาณทางฟสิ ิกส์
วดั ปรมิ าณทางฟสิ ิกส์
ไดถ้ ูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคล่อื น
1.3 เลขนยั สำคญั และ 2 ในการวดั มาพจิ ารณาในการนำเสนอผล รวมทัง้
2 การทดลองทางฟิสกิ ส์ แสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์
และแปลความหมายจากกราฟเสน้ ตรงได้
สอบเก็บคะแนน 2
บทที่ 2 การเคลอ่ื นท่แี นวตรง 3
3 2.1 ตำแหน่ง
2.1 การกระจัด และระยะทาง
4-5 2.3 อตั ราเรว็ และความเรว็ 4 3. ทดลองและอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง
2 ตำแหน่ง การกระจัด ความเรว็ และความเร่ง
6 2.4 ความเร่ง ของการเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุในแนวตรงทีม่ ี
ความเร่งคงตวั จากกราฟและสมการ รวมท้งั
7-8 2.5 กราฟของการเคลอื่ นท่ี 3 15
แนวตรง
ทดลองหาคา่ ความเร่งโนม้ ถว่ งของโลก และ
2.6 สมการสำหรบั การ
8-9 เคลอื่ นที่ 5 คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งได้
9-10 2.7 การตกแบบเสรี 4
สอบเกบ็ คะแนน 1.5
11 สอบกลางภาค 2 20 -
บทท่ี 3 แรงและกฎการเคลื่อนที่ 4. ทดลองและอธิบายการหาแรงลพั ธ์ของแรง
สองแรงทที่ ำมุมตอ่ กนั ได้
11-12 3.1 แรง 6 5. เขยี นแผนภาพของแรงท่ีกระทำตอ่ วตั ถุอสิ ระ
3.2 การหาแรงลพั ธ์ ทดลองและอธบิ ายกฎการเคลือ่ นท่ีของนวิ ตนั
6 และการใช้กฎการเคล่อื นทข่ี องนิวตันกบั สภาพ
13-14 3.3 มวล แรง และกฎการ 5 การเคล่อื นทีข่ องวัตถุ รวมทง้ั คำนวณปริมาณ
เคลอื่ นท่ี
15 ต่าง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ งได้
15-16 3.4 แรงเสยี ดทาน
ต
สปั ดาห์ เนอ้ื หา/สาระที่สอน ชั่วโมง คะแนน ผลการเรียนรู้ หมายเหตุ
ที่
16-17 3.5 แรงดึงดูดระหว่างมวล 4 6. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของ
สนามโนม้ ถ่วงท่ีท าให้วตั ถุมนี ำ้ หนกั รวมทง้ั
คำนวณปรมิ าณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วข้องได้
3.6 การประยุกต์ใช้กฎการ 7. วิเคราะห์ อธบิ าย และคำนวณแรงเสยี ดทาน
17-19 เคลอื่ นท่ี
2 ระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หน่งึ ๆ ในกรณีที่
วัตถุหยดุ นิ่งและวตั ถุเคล่ือนท่ี รวมทง้ั ทดลองหา
สมั ประสทิ ธิ์ความเสยี ดทานระหว่างผวิ สมั ผสั
สอบเก็บคะแนน ของวัตถุคหู่ นึ่ง ๆ และนำความรู้เรอ่ื งแรงเสียด
20 สอบปลายภาค
1.5 ทานไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้
รวม
2 30 -
60 100 - เข้าเรยี น 10
คะแนน
1
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 17
รายวิชาเพิ่มเติม ฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 แรงและกฎการเคลื่อนท่ี เวลา 24 ชัว่ โมง
เรอ่ื งที่ 1 ลักษณะของแรง เวลา 1 ชัว่ โมง
ภาคเรยี นท่ี 1 ครูผูส้ อน นายนครนิ ทร์ เกตุทองมา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. สาระวทิ ยาศาสตร์เพ่ิมเติม /ผลการเรียนรู้
สาระฟิสกิ ส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรงแรงและกฎ
การเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการ
อนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์โมเมนตมั การเคลื่อนที่แนวโคง้ รวมทั้งนำความร้ไู ป
ใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้
4. อธิบายแรงและผลของแรงลัพธท์ ี่มตี ่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทัง้ ทดลองหาแรงลัพธ์ของ
แรงสองแรงทที่ ำมุมตอ่ กนั
2. สาระสำคญั
แรง (force) หมายถึง สิ่งที่สามารถทำให้วัตถุที่อยู่นิ่งเคลื่อนที่หรือทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่มี
ความเรว็ เพ่มิ ข้นึ หรอื ช้าลง หรอื เปล่ยี นทศิ ทางการเคลอื่ นที่ของวตั ถุได้
แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่ต้องบอกทั้งขนาดและทิศทาง ดังนั้นการหาผลของแรงลัพธ์ท่ีกระทำต่อ
วัตถุจากการรวมกันระหว่างแรงย่อย 2 แรงขึ้นไป เราสามารถคำนวณแบบเวกเตอร์ได้ โดยต้องรวม
เวกเตอร์ของแรงย่อยที่มีอยู่ให้เป็นปริมาณเดียวกัน เนื่องจากปริมาณเวกเตอร์มีทั้งขนาดและทิศทาง
ในการรวมเวกเตอร์ของแรงย่อยแต่ละแรงจึงต้องวิเคราะห์ทั้งขนาดและทิศทางขณะที่นำมารวมกัน
เพ่อื หาค่าของแรงลพั ธ์
3. สาระการเรียนรู้
1. แรงเปน็ ปริมาณเวกเตอร์ ซง่ึ ประกอบด้วยขนาดและทิศทาง มหี น่วยเปน็ นิวตนั ลักษณะของแรง
ประกอบด้วย ผู้ถูกกระทำ ผู้กระทำและทิศทาง
2. แผนภาพวัตถุอิสระ เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้การบรรยายแรงที่กระทำต่อวัตถุเป็นไปอย่าง
ชัดเจน การเขยี นแผนภาพวัตถุอิสระจะเปน็ การนำเอาวตั ถุออกมาเขยี นโดยไม่นำส่งิ แวดลอ้ มมาเขียน
2
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เมื่อจบกิจกรรมการเรยี นรู้ นักเรยี นสามารถ
จดุ ประสงคการเรียนรู้ รายละเอียด
ด้านความรู้ 1. อธบิ ายความหมายของแรง
(K: Knowledge) 2. อธิบายลกั ษณะของแรงและแผนภาพวัตถุอสิ ระ
ด้านทักษะกระบวนการ 3. สามารถเขยี นแผนภาพวตั ถอุ ิสระในกรณีตา่ ง ๆ ได้
(P: Process)
ด้านคุณลักษณะท่ีพึง 4. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรู้อยากเหน็ และทำงานร่วมกับผอู้ ่ืนอย่าง
ประสงค์ (A: Attitude) สร้างสรรค์
ทักษะกระบวนการ 5. การลงความคดิ เห็นจากข้อมูล และการจดั กระทำและสื่อความหมาย
วิทยาศาสตร์ (Science ข้อมลู
Process Skill)
5. ข้นั จัดกจิ กรรมการเรยี นร้แู บบวัฏจกั รการเรียนรู้ 5E
ขนั้ ที่ 1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
1. นักเรียนทบทวนความรู้เรื่องแรงที่เคยเรียนมาแล้ว โดยครูจะใช้คำถาม และตรวจสอบ
ความเข้าใจของนักเรยี นเก่ียวกับแรง ให้อภิปรายรว่ มกันเพื่อให้เกดิ แนวคดิ ที่ถูกต้อง โดยใชค้ ำถามจาก
การยกสถานการณห์ รือใชส้ ือ่ เพื่อใหน้ ักเรยี นเกิดความอยากรู้อยากเหน็ เกีย่ วกบั เรื่องแรงเพ่มิ ข้นึ
คำถาม - ยงั มีแรงจากผ้โู ยนกระทำต่อลูกโบวล์ ง่ิ อยู่หรอื ไม่ ขณะลูกโบว์ลิง่ กำลังกล้งิ
ไปบนรางหลงั จากหลดุ จากมือผโู้ ยนแลว้
- ยานที่เคลื่อนที่ไปสำรวจดาวเคราะห์ขณะที่อยู่ในอวกาศและไม่มีการ
ขบั เคลอื่ น ว่ามแี รงกระทำให้ยานเคล่อื นท่ีหรอื ไม่อยา่ งไร
ขัน้ ท่ี 2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของแรง จนนักเรียนสามารถระบุลักษณะสำคัญ
ของแรงวา่ แรงตอ้ งมผี ู้กระทำ ผู้ถกู กระทำ และมที ศิ โดยใชล้ ูกศรแทนแรง
2. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกบั แรงกระทำเป็นคู่
3. นกั เรยี นออกมารบั หนังยาง เพอ่ื ทำการทดองเก่ียวกับแรงกระทำเปน็ คูว่ า่ มลี ักษณะอย่างไร
โดยให้ผู้เรยี นเก่ยี วหนังอยา่ งไวก้ ับดนิ สอ จากนัน้ ใหน้ ักเรียนดึงหนังยางออก
4. นักเรียนสังเกตว่ามีแรงอะไรบ้างเมื่อนักเรียนดึงหนังยางที่ปลายด้านหนึ่งยึดไว้ และให้
นกั เรียนวิเคราะห์เกี่ยวกบั แรงกระทำเป็นคู่ ซักถามจนได้แนวคำตอบว่า เมือ่ นักเรียนออกแรงดึงปลาย
หนังยาง มือของนักเรียนเป็นผู้กระทำ หนังยางเป็นผู้ถูกกระทำ ดังรูป 1 ก. ในขณะเดียวกันหนังยาง
จะออกแรงดึงกระทำต่อมือของนักเรียนด้วย โดยหนังยางเป็นผู้กระทำ มือของนักเรียนเป็น
ผถู้ ูกกระทำ ดังรูป 1 ข. น่ันคือ มอื ของนักเรยี นและหนงั ยางสลับกนั เป็นผู้กระทำและผู้ถกู กระทำ
3
5. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับการระบุแรงที่กระทำต่อวัตถุที่พิจารณา โดยชี้ให้นักเรียนสามารถ
พิจารณาได้ว่าอะไรคือระบบ อะไรคือสิง่ แวดลอ้ ม จากนน้ั ครยู กตัวอยา่ งการระบุแรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุ
ตัวอย่าง สถานการณก์ ้อนหนิ วางบนโตะ๊
ถ้าเราสนใจว่ามีแรงอะไรมาทำต่อก้อนหินบ้าง เราจะพิจารณาว่าก้อนหินเป็นระบบ ให้
เขียนเส้นประเป็นกรอบเพื่อแสดงถึงระบบ จะทำให้เรามองเห็นภาพได้ชัดขึ้นว่า ระบบคือก้อนหิน
ส่วนอื่น ๆ นอกเส้นประ เช่น โต๊ะคือสิ่งแวดล้อม จากนั้นเราจะพิจารณาว่า มีการสัมผัสกันระหว่าง
ระบบกบั สิ่งแวดล้อมตรงไหนบ้าง ซง่ึ ตัวอยา่ งนม้ี ีเพียงตำแหน่งเดียวคอื ใตก้ ้อนหินตรงทต่ี ิดกับโต๊ะ และ
แรงสมั ผสั (แรงที่เกดิ ขน้ึ เม่ือสิง่ ของสองอยา่ งสัมผัสกัน) ที่เก่ยี วขอ้ งคือ แรงทีโ่ ต๊ะดันก้อนหิน (เราสนใจ
เฉพาะแรงทสี่ ิ่งแวดล้อมทำกับระบบซงึ่ คือก้อนหนิ เราไมส่ นใจแรงท่รี ะบบกระทำต่อสิ่งแวดล้อม) และ
แรงนี้คือแรงสัมผัสเพียงแรงเดียวที่มี ส่วนแรงที่ไม่สัมผัสก็มีแรงที่โลกดึงดูดก้อนหิน สรุ ปว่าใน
สถานการณน์ ีม้ ีแรงสองแรงกระทำต่อก้อนหนิ
6. นกั เรยี นชว่ ยกนั หาคำตอบจากคำถามชวนคิดในหนงั สอื เรียนฟสิ ิกส์1 หนา้ 123
ชวนคดิ ชายคนหนงึ่ ดันกล่อง A ที่ติดกับกลอ่ ง B ไปบนพื้นระดบั ล่ืนดงั รปู จงแสดงว่า
ก. มีแรงอะไรกระทำต่อกล่อง A บ้าง
แนวคำตอบ แรงพลัก แรงท่กี ล่อง B ดันกล่อง A แรงทพี่ ืน้ ดนั กล่อง A และน้ำหนกั
กล่อง A
ข. มแี รงอะไรกระทำต่อกลอ่ ง B บ้าง
แนวคำตอบ แรงที่กลอ่ ง A ดนั B แรงท่ีพน้ื ดนั กล่อง B และนำ้ หนักกลอ่ ง B
ข้นั ที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. นักเรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายจนได้ข้อสรปุ ดงั น้ี
แนวทางอภปิ ราย:
- แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยขนาดและทิศทาง (หัวลูกศรชี้ในทิศทาง
ของแรง) มีหนว่ ยเป็นนวิ ตนั ลกั ษณะของแรงประกอบด้วย ผถู้ ูกกระทำ ผ้กู ระทำและทิศทาง
4
- แรงกระทำเป็นคู่ เปน็ แรงทมี่ ขี นาดเท่ากันแต่มที ิศทางตรงขา้ มกนั โดยแรงทุกแรงจะ
กระทำเปน็ คูเ่ สมอ
- การระบุแรงที่กระทำต่อวัตถุ ช่วยให้เราสามารถหาแรงที่กระทำต่อวัตถุได้ครบทุก
แรง พิจารณาแยกวัตถุกับสิ่งที่อยู่รอบ ๆ วัตถุ โดยเรามักเรียกวัตถุที่เราสนใจว่า ระบบ (system)
และเรียกส่ิงท่อี ยรู่ อบ ๆ วา่ ส่งิ แวดล้อม (environment)
ขนั้ ท่ี 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
1. นักเรยี นศึกษาความร้เู กีย่ วกับการเขยี นแผนภาพวัตถุอิสระในหนังสอื เรยี นรายวชิ าฟสิ กิ ส์ 1
(สสวท.) โดยครเู ปน็ ผชู้ ้ีแนะ
แนวทางการอธบิ าย:
แผนภาพวัตถุอิสระ เป็นวิธีการหนึ่งท่ีจะทำให้การบรรยายแรงที่กระทำต่อวตั ถุเป็นไป
อย่างชัดเจน เป็นการนำเอาวัตถุท่ีเป็นระบบออกมาเขียนโดยไม่นำส่ิงแวดล้อมมาเขยี นด้วย แล้วเขียน
แรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุ
ขั้นตอนการเขยี นแผนภาพวตั ถุอิสระ
1. วาดรูปวัตถใุ หม่ โดยเฉพาะรูปวตั ถุทเี่ ปน็ ระบบทพี่ จิ ารณา ไมว่ าดส่ิงอ่ืนอกี
2. เขียนเวกเตอร์แรง แสดงแรงสัมผัสทุกแรงที่กระทำต่อวัตถุ โดยลากเวกเตอร์แรง
ออกจากวตั ถุ ไมว่ ่าจะเป็นแรงพลกั หรือแรงดึง เขียนสัญลกั ษณก์ ำกับเวกเตอรแ์ รง
3. เขียนเวกเตอร์แรง แสดงแรงไม่สัมผัส ซึ่งในบทนี้มีเพียงแรงเดียวคือแรงที่โลก
ดึงดูดวัตถุ และเขยี นสญั ลกั ษณ์ w⃑ กำกบั ดว้ ย
ขัน้ ที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation)
1. นักเรยี นทำแบบฝึกหัดเร่ือง การเขยี นแผนภาพวัตถุอิสระ
2. ประเมินจากการทำกิจกรรมและการตอบคำถามของนกั เรียน
6. สือ่ การเรียนรู้/อปุ กรณ์/แหลง่ เรียน
1. แบบฝกึ หัดเร่อื ง การเขียนแผนภาพวัตถุอิสระ
2. หนังยาง (ขน้ั สำรวจและค้นหา)
3. หนงั สือเรยี น รายวชิ าเพ่ิมเตมิ ฟสิ ิกส์ 1 เลม่ 1 (สสวท.)
4. PowerPoint หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง แรงและกฎการเคลือ่ นท่ี
5
7. การวัดและประเมินผล วธิ ีการวดั เครื่องมือทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมิน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - การถาม-ตอบ - แบบตรวจแบบฝกึ หัด
1. อธบิ ายความหมายของแรงได้ (K) - การแสดงความคดิ เหน็ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์การ
2. อธบิ ายลักษณะของแรงและ - ตรวจแบบฝึกหดั รายบคุ คล ประเมนิ ร้อยละ 70
แผนภาพวัตถุอสิ ระได้ (K) - การทำกจิ กรรม
- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบตรวจแบบฝึกหดั
3. สามารถเขียนแผนภาพวัตถุอิสระได้ - การถาม-ตอบ
ในกรณตี ่าง ๆ ได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม - แบบตรวจแบบฝกึ หัด
4. มีความสนใจใฝร่ ้หู รอื อยากรอู้ ยาก - การสง่ งานตรงเวลา - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
เหน็ และทำงานร่วมกับผอู้ น่ื อยา่ ง รายบคุ คล
สรา้ งสรรค์ (A) - สังเกตพฤติกรรมการ - แบบตรวจแบบฝึกหดั
5. การลงความคิดเห็นจากข้อมลู และ ทำงาน - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
การจดั กระทำและส่อื ความหมาย - การถาม-ตอบ รายบุคคล
ขอ้ มูล - ตรวจแบบฝึกหัด
(ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์)
6
7
ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................ ....
............................................................................................................................. ...................................
ลงช่อื ...........................................ผ้ตู รวจสอบ
( นางดลกาญจน์ พรหมพลจร )
หวั หนา้ กลมุ่ สาระ ฯ
ความคิดเหน็ ของรองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ
................................................................................................................ ................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ...........................................ผตู้ รวจสอบ
( นายสุรชัย ทองทิพย์ )
รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารงานวิชาการ
ความคิดเหน็ ของผ้อู ำนวยการโรงเรียนเตรยี มอุดมศกึ ษาพัฒนาการ อุดรธานี
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
ลงชอื่ ...........................................ผ้ตู รวจสอบ
( นายคมสนั ต์ ถานกางสยุ่ )
ผู้อำนวยการโรงเรียน
8
เกณฑก์ ารตรวจแบบฝึกหดั
แก้ปัญหา ความ ความ ความ ตรงต่อ รวม
ที่ ชอื่ - สกลุ ด้วยตัวเอง สะอาด รับผิดชอบ ถูกตอ้ ง เวลา
2 2 2 2 2 10
ลงชือ่ ................................................ผูป้ ระเมนิ
(.......................................................)
เกณฑก์ ารประเมนิ 0 – 4 ปรับปรงุ
คะแนน 5 – 6 พอใช้
คะแนน 7 – 8 ดี
คะแนน 9 – 10 ดมี าก
คะแนน
9
แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
คำชแ้ี จง ให้ครผู ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้ว / ลงใน
ช่องท่ีตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั มคี วามใฝ่รู้ มคี วามมุ่งม่นั ใน มีส่วนร่วมใน รวม 15
ที่
ชอื่ -สกุล ใฝ่เรยี น การทำงาน การทำกิจกรรม คะแนน
5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 32 1
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ลงช่ือ................................................ผู้ประเมิน
(.......................................................)
13 – 15 ดมี าก
10 – 12 ดี เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
7–9 ระดบั การมีสเก่วณนรฑว่ ์กมามราใกหท้คีส่ ะดุ แนน ให้ 5 คะแนน
4 –6 ปานกลาง
1– 3 พอใช้
ปรบั ปรุง
ระดับการมีส่วนรว่ มมาก ให้ 4 คะแนน
ระดบั การมีส่วนร่วมปานกลาง ให้ 3 คะแนน
ระดับการมสี ว่ นร่วมน้อย ให้ 2 คะแนน
ระดับการมสี ว่ นรว่ มนอ้ ยท่สี ุด ให้ 1 คะแนน
10
แบบฝึ กหดั เรอื่ ง
การเขียนแผนภาพวตั ถอุ ิสระ
คำชแ้ี จง: จงเขยี นแผนภำพวตั ถุอสิ ระของสถำนกำรณ์ตำ่ ง ๆ ทก่ี ำหนดให้
สถำนกำรณ์ รปู แสดงสถำนกำรณ์ แผนภำพวตั ถุอสิ ระ
แมวตวั หน่งึ ยนื บนเคร่อื ง
ชงั่ ทว่ี ำงอย่ใู นลฟิ ตท์ ก่ี ำลงั
เคล่อื นทข่ี น้ึ
ชำยคนหน่งึ ดนั กลอ่ ง A ท่ี
ตดิ กบั กลอ่ ง B ไปบนพน้ื
ระดบั ล่นื
ขณะเตะบอล
ขณะหลงั เตะบอล
1. จงเขยี นแผนภำพวตั ถุอสิ ระของหนงั สอื ทว่ี ำงอย่บู นโตะ๊ ทม่ี แี ท่นไมว้ ำงทบั อยู่ ดงั รปู
2. จงเขยี นแผนภำพวตั ถอุ สิ ระของกอ้ นหนิ ทถ่ี ูกโยนขน้ึ ในอำกำศ โดยเขยี นแผนภำพวตั ถอุ สิ ระ
ของกอ้ นหนิ ในขณะทก่ี ำลงั เคลอ่ื นทล่ี ง แตย่ งั ไม่ถงึ พน้ื (ไม่ตอ้ งพจิ ำรณำแรงตำ้ นอำกำศ)
11
แบบฝึ กหดั เร่ือง (เฉลย)
การเขียนแผนภาพวตั ถอุ ิสระ
คำชแ้ี จง: จงเขยี นแผนภำพวตั ถอุ สิ ระของสถำนกำรณ์ตำ่ ง ๆ ทก่ี ำหนดให้
สถำนกำรณ์ รปู แสดงสถำนกำรณ์ แผนภำพวตั ถอุ สิ ระ
แมวตวั หน่งึ ยนื บนเคร่อื ง แผนภำพวตั ถุอสิ ระของแมว
ชงั่ ทว่ี ำงอยใู่ นลฟิ ตท์ ก่ี ำลงั
เคล่อื นทข่ี น้ึ N⃑⃑ แทนแรงเคร่อื งชงั่ ดนั
แมว
W⃑⃑⃑ แทนแรงโลกดงึ ดูดแมว
ชำยคนหน่งึ ดนั กล่อง A ท่ี แผนภำพวตั ถุอสิ ระของกล่อง
ตดิ กบั กล่อง B ไปบนพน้ื
ระดบั ล่นื B
ขณะเตะบอล ⃑N⃑ แทนแรงพน้ื ดนั กล่อง
ขณะหลงั เตะบอล B
⃑W⃑⃑ แทนแรงโลกดงึ ดูด B
⃑F แทนแรงกล่องA ดนั B
แผนภำพวตั ถุอสิ ระของลูก
บอล
⃑N⃑ แทนแรงพน้ื ดนั ลูกบอล
⃑W⃑⃑ แทนแรงโลกดงึ ดูด
บอล
F⃑ แทนแรงชำ้ งเตะลูก
บอล
แผนภำพวตั ถอุ สิ ระของลกู
บอลทล่ี อย
W⃑⃑⃑ แทนแรงโลกดงึ ดูดบอล
1. จงเขยี นแผนภำพวตั ถอุ สิ ระของหนงั สอื ทว่ี ำงอย่บู นโต๊ะทม่ี แี ท่นไมว้ ำงทบั อยู่ ดงั รปู
ตอบ แรงทก่ี ระทำำต่อหนังสอื มี 3 แรง ไดแ้ ก่ แรงทโ่ี ลกดงึ ดูดหนงั สอื (น้ำหนกั ของหนังสอื ) มี
ทิศทำงลง W⃑⃑⃑ แรงท่โี ต๊ะดนั หนังสอื มที ิศทำงข้นึ N⃑⃑ 1 และแรงท่แี ท่งไม้กดหนังสอื (ซ่ึงมขี นำด
เทำ่ กบั ขนำดน้ำหนกั ของแทง่ ไม)้ มที ศิ ทำงลง ⃑N⃑ 2
12
2. จงเขยี นแผนภำพวตั ถุอสิ ระของกอ้ นหนิ ทถ่ี กู โยนขน้ึ ในอำกำศ โดยเขยี นแผนภำพวตั ถุอสิ ระ
ของกอ้ นหนิ ในขณะทก่ี ำลงั เคล่อื นทล่ี ง แต่ยงั ไม่ถงึ พน้ื (ไมต่ อ้ งพจิ ำรณำแรงตำ้ นอำกำศ)
ตอบ ในขณะทก่ี อ้ นหนิ กำำลงั เคล่อื นทล่ี งมแี รงทก่ี ระทำำต่อกอ้ นหนิ 1 แรง ไดแ้ ก่ แรงทโ่ี ลก
ดงึ ดดู กอ้ นหนิ W⃑⃑⃑ ดงั รปู
13
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 18
รายวิชาเพม่ิ เติม ฟสิ กิ ส์ 1 (ว31201) ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 แรงและกฎการเคล่ือนท่ี เวลา 24 ช่ัวโมง
เรื่องที่ 2 ชนดิ ของแรง เวลา 1 ช่วั โมง
ภาคเรยี นท่ี 1 ครูผู้สอน นายนครนิ ทร์ เกตุทองมา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. สาระวทิ ยาศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ /ผลการเรียนรู้
สาระฟิสกิ ส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรงแรงและกฎ
การเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการ
อนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนรุ ักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนท่ีแนวโคง้ รวมทั้งนำความร้ไู ป
ใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
4. อธบิ ายแรงและผลของแรงลัพธ์ท่ีมีต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมท้งั ทดลองหาแรงลัพธ์ของ
แรงสองแรงทที่ ำมุมตอ่ กนั
2. สาระสำคัญ
แรง (force) หมายถึง สิ่งที่สามารถทำให้วัตถุที่อยู่นิ่งเคลื่อนที่หรือทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่มี
ความเร็วเพิ่มขนึ้ หรือช้าลง หรือเปลี่ยนทศิ ทางการเคลือ่ นทีข่ องวัตถุได้
แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ทีต่ ้องบอกทั้งขนาดและทิศทาง ดังนั้นการหาผลของแรงลพั ธ์ที่กระทำตอ่
วัตถุจากการรวมกันระหว่างแรงย่อย 2 แรงขึ้นไป เราสามารถคำนวณแบบเวกเตอร์ได้ โดยต้องรวม
เวกเตอร์ของแรงย่อยที่มีอยู่ให้เป็นปริมาณเดียวกัน เนื่องจากปริมาณเวกเตอร์มีทั้งขนาดและทิศทาง
ในการรวมเวกเตอร์ของแรงย่อยแต่ละแรงจึงต้องวิเคราะห์ทั้งขนาดและทิศทางขณะที่นำมารวมกัน
เพอื่ หาค่าของแรงลพั ธ์
3. สาระการเรยี นรู้
แรงทีพ่ บไดโ้ ดยทั่วไปและเป็นพื้นฐานในการศึกษาทางดา้ นกลศาสตร์มีอยูห่ ลายชนิด ได้แก่
- นำ้ หนักของวตั ถุ (weight) คอื แรงทีโ่ ลกดึงดูดวัตถุ มีขนาดขึ้นอยู่กบั มวลของวัตถุ และมีทิศ
ทางเข้าหาศนู ยก์ ลางโลก
- แรงสปรงิ (spring force) เปน็ แรงท่ีสปรงิ พยายามต้านกบั แรงท่ีมากระทำต่อสปริง มีขนาด
ขึน้ กบั ความยาวของสปรงิ ทีเ่ ปลี่ยนไป มที ิศทางทที่ ำใหส้ ปรงิ กลบั สู่รปู ร่างเดิม
- แรงดงึ (tension force) เช่น แรงดงึ เชอื ก เปน็ แรงทเี่ ชือกดึงวัตถุ มีทิศออกจากวัตถุ
- แรงแนวฉาก (normal force) เป็นแรงคู่กริ ิยาที่วตั ถุ 2 ส่งิ กระทำซ่ึงกันและกัน ระหว่างผิว
วัตถสุ องก้อนท่สี ัมผสั กนั มีทิศตัง้ ฉากกับแนวผิวสัมผสั
- แรงเสียดทาน (frictional force) เป็นแรงกระทำระหว่างผิววัตถุสองก้อนสัมผัสกัน
พยายามตา้ นการเคลอ่ื นทรี่ ะหวา่ งวตั ถุ มที ิศในแนวผิวสัมผสั
14
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ เมื่อจบกจิ กรรมการเรียนรู้ นกั เรียนสามารถ
จดุ ประสงคการเรียนรู้ รายละเอยี ด
ด้านความรู้ 1. อธบิ ายความหมายเกีย่ วกบั น้ำหนักของวตั ถุ แรงสปรงิ แรงดึง แรงแนว
(K: Knowledge) ฉาก และแรงเสียดทาน
ดา้ นทักษะกระบวนการ 2. สามารถเขียนแผนผังมโนทัศนส์ รปุ แนวคิดเก่ยี วกบั น้ำหนักของวัตถุ
(P: Process) แรงสปรงิ แรงดึง แรงแนวฉาก และแรงเสยี ดทาน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะที่พงึ 3. มคี วามสนใจใฝร่ หู้ รอื อยากร้อู ยากเห็น และทำงานร่วมกับผ้อู นื่ อย่าง
ประสงค์ (A: Attitude) สรา้ งสรรค์
ทักษะกระบวนการ 4. การลงความคดิ เหน็ จากข้อมูล
วทิ ยาศาสตร์ (Science
Process Skill)
5. ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนร้แู บบวฏั จักรการเรยี นรู้ 5E
ขนั้ ที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. นักเรียนทบทวนความหมายของแรง ลักษณะของแรง และแผนภาพวัตถุอิสระ โดยครูจะ
ใชค้ ำถาม ดงั นี้
คำถาม - แรงหมายถึง (แนวคำตอบ: แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ ซึ่งประกอบด้วย
ขนาดและทิศทาง (หัวลกู ศรชใี้ นทิศทางของแรง) มีหน่วยเปน็ นิวตัน)
- ลักษณะของแรงประกอบด้วยอะไรบ้าง (แนวคำตอบ: ลักษณะของแรง
ประกอบด้วย ผูถ้ ูกกระทำผ้กู ระทำและทิศทาง)
2. นักเรียนแต่ละคนเสนอชื่อแรงต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด อภิปราย จัดกลุ่มแรงที่มีลักษณะ
ใกล้เคียงกัน และแรงที่มีคนเสนอมากเพื่อนำเข้าสู่การเรียนรู้เรื่อง น้ำหนักของวัตถุ แรงสปริง แรงดึง
แรงแนวฉาก และแรงเสียดทาน
ขนั้ ท่ี 2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. นักเรยี นแบง่ กลุม่ กลุ่มละ 4-5 คน
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและทดลองเกี่ยวกับแรง 5 ชนิด ซึ่งเป็นแรงพื้นฐานในการศึกษา
ทางด้านกลศาสตร์
3. น้ำหนักวัตถุ ให้นักเรียนสังเกตและวิเคราะห์เปรียบเทียบการชั่งถุงทรายด้วยเครื่องชั่ง
สปริงทั้งในหน่วยนิวตันและกรัม แล้วอภิปรายร่วมกันจนสรุปได้ว่า ขนาดของน้ำหนักวัตถุจะขึ้นกับ
มวลของวัตถุนั้นและสำหรับวัตถุทีอ่ ยูบ่ ริเวณผิวโลก สามารถแปลงค่าระหว่างน้ำหนักและมวล โดยใช้
ตัวแปลงค่า g = 9.8 N/kg เขยี นแทนด้วย W = mg อภิปรายตอ่ จนสรุปไดว้ ่า นำ้ หนักของวัตถุคือแรง
ทโ่ี ลกดึงดดู วัตถุ
4. แรงสปริง ให้นักเรียนสังเกตแรงท่ีมือดึงและดันสปรงิ ที่ถูกยึดไว้ปลายหนึ่ง ที่ระยะยืดออก
และดันเข้าต่าง ๆ กัน และนำาถุงทราย 1 2 และ 3 ถุงมาห้อยสปริงที่ใช้ทำเคร่ืองชั่ง แล้ววัดระยะยืด
15
ออกและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของแรงดึงสปริงกับระยะที่ยืดออก นำมาอภิปรายลักษณะของแรง
สปริง
5. แรงดึง ให้นักเรียนสังเกตแรงขณะที่มือทั้งสองดึงเชือกเส้นเดียวกันคนละปลาย แล้ว
อภิปรายว่ามีแรงอะไรบ้างกระทำต่ออะไร ทิศไปทางใด ร่วมกันเขียนแผนภาพวัตถุอิสระแสดงแรงท่ี
กระทำตอ่ เชือก เพื่อสรุปเป็นแรงดงึ ในเส้นเชอื ก
6. แรงแนวฉาก ใหน้ ักเรยี นสังเกตแรงท่กี ระทำต่อดินนำ้ มันทีว่ างติดอยบู่ นเครื่องช่งั ดิจิทัลเพ่ือ
ชั่งน้ำหนัก อ่านค่าน้ำหนักที่ได้ อภิปรายแรงทั้งหมดที่กระทำต่อดินน้ำมัน ต่อจากนั้นให้นักเรียนเอียง
เคร่อื งชัง่ ทำมมุ กบั แนวระดับ อา่ นคา่ นำ้ หนักทไ่ี ด้ เปรยี บเทียบกับท่อี า่ นไดก้ ับตอนทว่ี างเคร่ืองชั่งอยู่ใน
แนวระดับ แล้วอภปิ รายเพ่ือสรปุ เกีย่ วกับแรงแนวฉาก และยกตัวอยา่ งแรงแนวฉากในกรณีอื่น ๆ
7. แรงเสียดทาน ให้นักเรียนสังเกตแรงที่กระทำต่อถุงทรายที่ลากไปบนผิววัตถุต่าง ๆ เช่น
กระดาษ กระดาษทราย พรมเช็ดเท้า เปน็ ต้น แล้วอภิปรายว่ามแี รงตา้ นแตกต่างกนั อย่างไร แล้วเขียน
แผนภาพวัตถุอิสระแสดงแรงที่กระทำต่อถุงทราย และระบุว่าแรงใดเป็นแรงเสียดทาน จากนั้นสรุป
เกีย่ วกับแรงเสยี ดทานระหวา่ งผิววตั ถุ
ขน้ั ที่ 3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1. นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกบั แรง 5 ชนดิ จนไดข้ ้อสรปุ ดงั นี้
แนวทางอภปิ ราย:
- น้ำหนักของวตั ถุ (weight) คือ แรงท่โี ลกดึงดดู วตั ถุ มขี นาดข้นึ อยู่กับมวลของวัตถุ
และมที ศิ ทางเขา้ หาศนู ยก์ ลางโลก
- แรงสปริง (spring force) เป็นแรงทส่ี ปริงพยายามต้านกับแรงทีม่ ากระทำต่อสปริง
มขี นาดข้ึนกับความยาวของสปริงทเ่ี ปล่ยี นไป มที ิศทางท่ที ำให้สปรงิ กลบั สรู่ ปู รา่ งเดิม
- แรงดึง (tension force) เช่น แรงดึงเชือก เป็นแรงที่เชือกดึงวัตถุ มีทิศออกจาก
วตั ถุ
- แรงแนวฉาก (normal force) เป็นแรงคู่กิริยาที่วัตถุ 2 สิ่ง กระทำซึ่งกันและกัน
ระหว่างผิววัตถุสองก้อนท่สี ัมผสั กัน มที ศิ ต้งั ฉากกบั แนวผวิ สัมผสั
- แรงเสียดทาน (frictional force) เป็นแรงกระทำระหว่างผิววัตถุสองก้อนสัมผัส
กัน พยายามต้านการเคลื่อนท่ีระหว่างวตั ถุ มที ศิ ในแนวผิวสัมผัส
2. นกั เรียนเขียนแผนผงั มโนทัศน์เก่ียวกบั แรง 5 ชนิด เพื่อใหเ้ ขา้ ใจมากขึ้น
ข้ันท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครวู าดภาพวตั ถุ A และ B ดงั รปู
16
2. นักเรียนแต่ละคนเขียนรูปแล้วใส่ลูกศรแทนแรงทั้งหมดที่กระทำต่อวัตถุทั้งสองลงในรูปท่ี
เขียน จากนั้นให้นักเรียนระบุด้วยว่าแรงใดคือ น้ำหนัก แรงสปริง แรงดึง แรงแนวฉาก และแรงเสียด
ทาน แนวคำตอบ: โดย w1, w2 เปน็ นำ้ หนกั ของวตั ถุ
ขนั้ ที่ 5 ข้ันประเมิน (Evaluation)
1. นักเรยี นตอบคำถาม ตรวจสอบความเข้าใจ โดยมกี ารเฉลยคำตอบและอภิปรายคำตอบ
รว่ มกนั
คำถาม - แรงในชีวติ ประจำวันมลี กั ษณะอย่างไร (แนวคำตอบ: แรง มลี กั ษณะ 4
ประการ ไดแ้ ก่ แรงตอ้ งมีผู้กระทำ แรงต้องมีผถู้ ูกกระทำ แรงตอ้ งมีทศิ ทาง และแรงจะเกิดเป็นคู่)
- เมอ่ื ออกแรงกระทำต่อวัตถุหนึง่ วัตถนุ ัน้ จะออกแรงกระทำกลับเสมอไป
หรือไม่ (แนวคำตอบ: แรงจะเกดิ เป็นคู่ คือแรงของผกู้ ระทำและแรงของผ้ถู ูกกระทำ ซ่ึงมีขนาดเทา่ กัน
แตท่ ศิ ทางตรงข้าม ดังนน้ั เม่อื ออกแรงกระทำตอ่ วัตถหุ นง่ึ วตั ถุน้ันจะออกแรงกระทำกลบั เสมอ)
6. สอื่ การเรียนรู้/อปุ กรณ/์ แหลง่ เรยี น
1. อุปกรณ์ เชน่ สปริง ถงุ ทราย 3 ถงุ เชอื ก ดินน้ำามนั เครอื่ งชง่ั ดจิ ทิ ลั กระดาษ กระดาษทราย
2. PowerPoint หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง แรงและกฎการเคล่ือนที่
17
7. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เครื่องมือท่ใี ช้ เกณฑ์การประเมิน
- การถาม-ตอบ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
จุดประสงค์การเรียนรู้ - การแสดงความคดิ เห็น รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์การ
- การทำกิจกรรม ประเมินร้อยละ 70
1. อธิบายความหมายเกีย่ วกับนำ้ หนกั - แบบตรวจแบบฝึกหัด
ของวัตถุ แรงสปริง แรงดึง แรงแนว - การเขียนแผนผังมโน
ฉาก และแรงเสยี ดทาน ทศั น์ - แบบสังเกตพฤติกรรม
(K) - การถาม-ตอบ รายบุคคล
- แบบตรวจแบบฝึกหดั
2. สามารถเขียนแผนผงั มโนทัศนส์ รุป - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
แนวคดิ เกย่ี วกับนำ้ หนักของวัตถุ แรง - การส่งงานตรงเวลา รายบคุ คล
สปริง แรงดึง แรงแนวฉาก และแรง
เสยี ดทาน (P) - สงั เกตพฤติกรรมการ
ทำงาน
3. มีความสนใจใฝ่ร้หู รืออยากรอู้ ยาก - การถาม-ตอบ
เหน็ และทำงานรว่ มกบั ผอู้ ื่นอยา่ ง
สร้างสรรค์ (A)
4. การลงความคิดเหน็ จากข้อมูล
(ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์)
18
19
ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
ลงชอื่ ...........................................ผู้ตรวจสอบ
( นางดลกาญจน์ พรหมพลจร )
หัวหน้ากล่มุ สาระ ฯ
ความคดิ เห็นของรองผู้อำนวยการกลุม่ บรหิ ารวิชาการ
............................................................................................................................. ...................................
.............................................................................................................................................. ..................
................................................................................................................. ...............................................
ลงช่อื ...........................................ผตู้ รวจสอบ
( นายสรุ ชัย ทองทิพย์ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ
ความคิดเหน็ ของผอู้ ำนวยการโรงเรียนเตรยี มอดุ มศึกษาพัฒนาการ อดุ รธานี
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
ลงชื่อ...........................................ผู้ตรวจสอบ
( นายคมสันต์ ถานกางสยุ่ )
ผู้อำนวยการโรงเรียน
20
เกณฑก์ ารตรวจแบบฝึกหดั
แกป้ ญั หา ความ ความ ความ ตรงตอ่ รวม
ที่ ช่อื - สกุล ดว้ ยตวั เอง สะอาด รับผดิ ชอบ ถกู ต้อง เวลา
2 2 2 2 2 10
ลงช่ือ................................................ผู้ประเมนิ
(.......................................................)
เกณฑก์ ารประเมิน 0 – 4 ปรบั ปรุง
คะแนน 5 – 6 พอใช้
คะแนน 7 – 8 ดี
คะแนน 9 – 10 ดมี าก
คะแนน
21
แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
คำชแ้ี จง ใหค้ รผู ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้ว / ลงใน
ช่องที่ตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั มีความใฝร่ ู้ มีความมงุ่ มัน่ ใน มสี ว่ นร่วมใน รวม 15
ท่ี
ช่ือ -สกุล ใฝ่เรยี น การทำงาน การทำกิจกรรม คะแนน
5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 32 1
ลงช่ือ................................................ผปู้ ระเมนิ
(.......................................................)
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ระดบั การมสี ่วนร่วมมากที่สดุ ให้ 5 คะแนน
ระดับการมสี ว่ นรว่ มมาก ให้ 4 คะแนน
13 – 15 ดีมาก ระดบั การมสี ่วนรว่ มปานกลาง ให้ 3 คะแนน
10 – 12 ดี ระดบั การมีสว่ นร่วมน้อย ให้ 2 คะแนน
7–9 ระดบั การมีสว่ นร่วมนอ้ ยทสี่ ดุ ให้ 1 คะแนน
4 –6 ปานกลาง
1– 3 พอใช้
ปรับปรุง
22
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 19
รายวิชาเพิม่ เตมิ ฟสิ ิกส์ 1 (ว31201) ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 แรงและกฎการเคล่ือนท่ี เวลา 24 ช่วั โมง
เร่ืองท่ี 3 เวกเตอร์ของแรง เวลา 2 ชว่ั โมง
ภาคเรยี นท่ี 1 ครผู สู้ อน นายนครนิ ทร์ เกตุทองมา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. สาระวทิ ยาศาสตร์เพ่ิมเติม /ผลการเรยี นรู้
สาระฟสิ กิ ส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรงแรงและกฎ
การเคลื่อนที่ของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการ
อนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโคง้ รวมทั้งนำความรู้ไป
ใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้
4. อธบิ ายแรงและผลของแรงลัพธท์ ่ีมีต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ รวมทง้ั ทดลองหาแรงลัพธ์ของ
แรงสองแรงทท่ี ำมมุ ต่อกนั
2. สาระสำคญั
แรง (force) หมายถึง สิ่งที่สามารถทำให้วัตถุที่อยู่นิ่งเคลื่อนที่หรือทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่มี
ความเรว็ เพิ่มขนึ้ หรอื ชา้ ลง หรอื เปลี่ยนทศิ ทางการเคลอ่ื นท่ีของวัตถไุ ด้
แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ที่ต้องบอกทั้งขนาดและทิศทาง ดังนั้นการหาผลของแรงลัพธ์ที่กระทำต่อ
วัตถุจากการรวมกันระหว่างแรงย่อย 2 แรงขึ้นไป เราสามารถคำนวณแบบเวกเตอร์ได้ โดยต้องรวม
เวกเตอร์ของแรงย่อยที่มีอยู่ให้เป็นปริมาณเดียวกัน เนื่องจากปริมาณเวกเตอร์มีทั้งขนาดและทิศทาง
ในการรวมเวกเตอร์ของแรงย่อยแต่ละแรงจึงต้องวิเคราะห์ทั้งขนาดและทิศทางขณะที่นำมารวมกัน
เพ่อื หาค่าของแรงลัพธ์
3. สาระการเรยี นรู้
เมอ่ื วตั ถกุ ้อนหนง่ึ มีแรงกระทำาสองแรง ผลทเ่ี กิดกับวตั ถุนั้นจะเป็นไปตามแรงรวมของแรงท้ังสองท่ี
ได้จาก การรวมแบบเวกเตอร์ เรียกว่าแรงลัพธ์ (resultant force) การหาแรงลัพธ์ด้วยวิธีเขียน
เวกเตอร์แบบหางต่อหัว โดยเขียนลูกศรเวกเตอร์แทนแรงทั้งสองให้หางต่อหัว เวกเตอร์ลัพธ์คือลูกศร
จากหางเวกเตอร์แรกไปหัวเวกเตอร์สุดท้าย หรือวิธกี ารสร้างรปู สี่เหลย่ี มด้านขนาน โดยเขียนเวกเตอร์
แทนแรงทั้งสองให้หางมาต่อกัน แล้วประแนวจากหัวลูกศรเวกเตอร์ทั้งสองให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้าน
ขนาน เวกเตอรล์ ัพธ์คือลูกศรจากมุมท่ีหางพบกันไปยังมมุ ตรงขา้ ม และการหาแรงลัพธ์ด้วยวิธีคำนวณ
โดยคำนวณผลรวมแรงองค์ประกอบของแรงทั้งสองในแนว x และ ในแนว y แลว้ คำนวณแรงลัพธ์ของ
แรงรวมในแนว x กบั แรงรวมในแนว y จากทฤษฎพี ีทาโกรัส
23
4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เมือ่ จบกจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรียนสามารถ
จุดประสงคการเรยี นรู้ รายละเอียด
ด้านความรู้ 1. อธบิ ายความหมายของแรงลพั ธ์ได้
(K: Knowledge)
ด้านทักษะกระบวนการ 2. ทดลองหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงท่ีทำมุมต่อกัน
(P: Process) 3. สามารถแสดงการหาแรงลัพธโ์ ดยใชว้ ิธีเขยี นเวกเตอร์ของแรงแบบหาง
ตอ่ หวั และวธิ ีสร้างรปู สเี่ หลีย่ มดา้ นขนาน
ด้านคุณลกั ษณะท่ีพงึ 4. มคี วามสนใจใฝ่ร้หู รืออยากรูอ้ ยากเหน็ และทำงานรว่ มกับผู้อน่ื อย่าง
ประสงค์ (A: Attitude) สรา้ งสรรค์
ทกั ษะกระบวนการ 5. การวดั การคำนวณ และการลงความคดิ เหน็ จากข้อมูล
วทิ ยาศาสตร์ (Science
Process Skill)
5. ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบวัฏจกั รการเรยี นรู้ 5E
ข้นั ท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละไม่เกิน 5 คน เล่นเกมเลือกตัวอักษรด้วยการเลื่อนถ้วยพลาสติก
ทผี่ กู โยงด้วยเชอื กเทา่ จำนวนผ้เู ลน่ นำถว้ ยพลาสติกวางลงบนกระดาษโปสเตอร์ท่ีเขยี นตวั อกั ษรไว้
2. จากนั้นให้นักเรียนถือปลายเชือกคนละเส้น เพื่อดึงเชือกให้ถ้วยพลาสติกเคลื่อนที่ไปยัง
ตวั อักษรทกี่ ำหนดไว้
3. นกั เรียนสงั เกตการเคล่ือนทข่ี องถว้ ยพลาสติกกับแรงทด่ี ึง เมอ่ื ดงึ ถ้วยหนงึ่ คน ดงึ ถ้วยพร้อม
กนั สองคน ดงึ ถ้วยพร้อมกันสามคน และพร้อมกันจนครบจำนวนผเู้ ล่น
4. หลังเลน่ เกมครูใหน้ ักเรียนอภิปรายเก่ยี วกับการเคลื่อนที่ของถ้วยกับแรงที่ดึงหนึ่งแรง และ
หลายแรง
ข้นั ที่ 2 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
1. นกั เรยี นทำกิจกรรมการทดลอง เร่อื ง การหาขนาดและทิศทางของแรงลพั ธ์
2. นกั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนมารบั ใบกิจกรรม และอุปกรณ์การทดลอง
3. ครูอธิบายการทำกิจกรรมการทดลองเปน็ ขนั้ ตอนเพ่ือให้นกั เรยี นเขา้ ใจมากขึน้
4. นักเรียนแต่ละกลุ่มเริ่มทำการทดลอง โดยครูจะคอยให้คำแนะนำการทำการทดลองที่
ถกู ตอ้ ง
24
ข้นั ท่ี 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมานำเสนอหน้าช้นั เรียน
2. นกั เรียนและครูอภปิ รายตามแนวคำถามท้ายกิจกรรม จนสรปุ ไดว้ ่า
(แนวทางอภิปราย: แรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทำมุมตอ่ กัน มีขนาดเท่ากับความยาว
ของเส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีแรงทั้งสองเป็นด้านประกอบ และมีทิศทางตามเส้น
ทแยงมุมของสเี่ หลย่ี มด้านขนาน โดยช้อี อกจากหางเวกเตอรข์ องแรงทัง้ สอง)
ข้ันที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
1. นักเรียนศึกษาความรู้เกี่ยวกับการหาแรงลัพธ์ โดยวิธีการเขียนเวกเตอร์ของแรงแบบหาง
ต่อหัวและวิธีการสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน โดยครูเป็นผู้ชี้แนะ จากนั้นให้นักเรียนอภิปรายและ
วเิ คราะห์ความเหมอื นกันและความแตกตา่ งกนั ของวิธีทง้ั สอง
แนวทางอธิบาย:
1. การเขยี นเวกเตอร์ของแรงแบบหางต่อหวั
นำหางลูกศรของแรงหนึ่งไปต่อกับหางลูกศรของแรงหนึ่ง จากนั้นลากเส้นจาก
หางลูกศรของแรงแรกไปยงั หัวลูกศรของแรงสอง จะได้แรงลพั ธ์
2. การสรา้ งรูปส่ีเหลย่ี มดา้ นขนาน
นำหางลูกศรของแรงแรกไปต่อกับหางลูกศรของแรงที่สอง จากนั้นสร้างรูป
ส่ีเหลี่ยมดา้ นขนาด เส้นทแยงมุมของส่ีเหลียมดา้ นขนาน คือ แรงลพั ธ์
ขน้ั ที่ 5 ขนั้ ประเมิน (Evaluation)
1. นักเรียนภายในกลุ่มชว่ ยกันทำแบบฝึกหัด เรื่อง การหาขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธ์โดย
การเขยี นเวกเตอร์ เพือ่ เปน็ การแลกเปลี่ยนความรภู้ ายในกลุม่ ของตวั เอง
2. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาเฉลยแบบฝึกหัด เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้
ภายในหอ้ งเรยี น ถ้าหากนักเรียนมีขอ้ สงสัย เพอื่ น ๆ และครอู ธิบายเพิม่ เติม
25
6. สื่อการเรียนรู/้ อุปกรณ์/แหลง่ เรียน
1. ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์
2. แบบฝกึ หัด เรื่อง การหาขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์โดยการเขียนเวกเตอร์
3. อปุ กรณก์ ารทดลอง ไดแ้ ก่ กระดาษแขง็ เครื่องชง่ั สปริง เชอื กเบา ตวั ยืด
4. อุปกรณเ์ ล่นเกม (ข้ันสร้างความสนใจ) ได้แก่ เชือก ถ้วยพลาสตกิ กระดาษโปสเตอร์
5. PowerPoint หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง แรงและกฎการเคลอ่ื นท่ี
7. การวัดและประเมินผล วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์การประเมิน
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - การถาม-ตอบ - แบบสังเกตพฤติกรรม
3.1 อธิบายความหมายของแรงลพั ธ์ได้ - การแสดงความคิดเหน็ รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์การ
(K) - การทำกิจกรรม - แบบประเมนิ การ ประเมนิ ร้อยละ 70
ทำงานกล่มุ
3.2 ทดลองหาแรงลพั ธข์ องแรงสอง - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝกึ หดั
แรงทท่ี ำมุมต่อกนั (P) - การถาม-ตอบ - แบบประเมินทักษะ
3.3 สามารถแสดงการหาแรงลพั ธโ์ ดย - การทำกิจกรรมการ การทดลอง
ใชว้ ธิ ีเขียนเวกเตอรข์ องแรงแบบหาง ทดลอง
ตอ่ หวั และวธิ สี รา้ งรปู ส่ีเหลี่ยมด้าน - แบบประเมนิ การ
ขนาน (P) - สังเกตพฤติกรรม ทำงานกลุ่ม
3.4 มคี วามสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรอู้ ยาก - การสง่ งานตรงเวลา
เหน็ และทำงานร่วมกบั ผอู้ นื่ อย่าง - แบบฝึกหดั
สรา้ งสรรค์ (A) - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
3.5 การวดั การคำนวณ และการลง ทำงาน รายบคุ คล
ความคิดเห็นจากข้อมูล (ทักษะ - การถาม-ตอบ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์) - ตรวจแบบฝึกหดั
26
27
ความคิดเหน็ ของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
ลงช่ือ...........................................ผู้ตรวจสอบ
( นางดลกาญจน์ พรหมพลจร )
หัวหน้ากล่มุ สาระ ฯ
ความคดิ เห็นของรองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ
............................................................................................................................. ...................................
.............................................................................................................................................. ..................
................................................................................................................. ...............................................
ลงชื่อ...........................................ผตู้ รวจสอบ
( นายสุรชยั ทองทิพย์ )
รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารงานวิชาการ
ความคิดเหน็ ของผอู้ ำนวยการโรงเรียนเตรยี มอุดมศึกษาพัฒนาการ อดุ รธานี
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
......................................................................................... .......................................................................
ลงชื่อ...........................................ผ้ตู รวจสอบ
( นายคมสันต์ ถานกางสุ่ย )
ผู้อำนวยการโรงเรียน
28
เกณฑก์ ารตรวจแบบฝึกหดั
แกป้ ัญหา ความ ความ ความ ตรงตอ่ รวม
ท่ี ชอ่ื - สกุล ด้วยตวั เอง สะอาด รับผิดชอบ ถูกต้อง เวลา
2 2 2 2 2 10
ลงช่อื ................................................ผูป้ ระเมนิ
(.......................................................)
เกณฑก์ ารประเมิน 0 – 4 ปรับปรุง
คะแนน 5 – 6 พอใช้
คะแนน 7 – 8 ดี
คะแนน 9 – 10 ดมี าก
คะแนน
29
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
คำชีแ้ จง ให้ครผู สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ / ลงในช่อง
ที่ตรงกับระดับคะแนน
ลำดับ มคี วามใฝร่ ู้ มคี วามมุง่ มัน่ ใน มีสว่ นรว่ มใน รวม 15
ท่ี
ชื่อ -สกุล ใฝ่เรยี น การทำงาน การทำกิจกรรม คะแนน
5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 32 1
ลงช่อื ................................................ผ้ปู ระเมนิ
(.......................................................)
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ระดับการมสี ว่ นร่วมมากท่ีสุด ให้ 5 คะแนน
ระดบั การมีสว่ นร่วมมาก ให้ 4 คะแนน
13 – 15 ดีมาก ระดบั การมีสว่ นรว่ มปานกลาง ให้ 3 คะแนน
10 – 12 ดี ระดบั การมสี ว่ นรว่ มนอ้ ย ให้ 2 คะแนน
7–9 ระดบั การมสี ว่ นรว่ มน้อยท่สี ดุ ให้ 1 คะแนน
4 –6 ปานกลาง
1– 3 พอใช้
ปรบั ปรุง
30
แบบประเมินการทำงานกลุ่ม
กลุ่มท่ี .........................
สมาชกิ ในกลุ่ม 1............................................................. 2........................................................... .....
3............................................................. 4................................................................
คำชแ้ี จง ใหผ้ ู้เรยี นทำเคร่อื งหมาย ✓ ในช่องท่ตี รงกบั ความคดิ เห็น
พฤตกิ รรมท่สี ังเกต ระดับคะแนน
5 4321
1. ความรบั ผดิ ชอบในการทำงาน
2. ความต้งั ใจในการทำงาน
3. ทำงานเปน็ ทมี /การยอมรบั ฟังผู้อน่ื
4. ตรงตอ่ เวลา
5. มีส่วนรว่ มในการทำงาน/การแสดงความคิดเหน็
รวม
ลงชอ่ื ..........................................................ผูป้ ระเมิน
………………../………………./……………
เกณฑ์การให้คะแนน
พฤติกรรมที่กระทำเป็นประจำ ให้ 5 คะแนน
พฤติกรรมที่กระทำเป็นบางคร้งั ให้ 4 คะแนน
พฤติกรรมที่กระทำน้อยครงั้ ให้ 3 คะแนน
พฤติกรรมที่กระทำนอ้ ยครงั้ มาก ให้ 2 คะแนน
ไมม่ ีพฤติกรรมที่กระทำ ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์ทางดา้ นคณุ ภาพ ระดับคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ดมี าก
9 - 10 ดี
7-8
5-6 ปานกลาง
3-4 พอใช้
0-2
ต้องปรบั ปรุง