The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by lookgate.pr, 2022-05-23 07:20:19

แผนการสอนวิชาโปรแกรมมัลติมีเดีย

ฉบับเต็ม

แผนการจดั การเรยี นรู้

สมรรถนะอาชพี บูรณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
ลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี พทุ ธศกั ราช ๒ หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศักราช ๒๕๖๒

รหสั วชิ า ๒๐๒๐๔-๒๑๑๐
วชิ า โปรแกรมมัลตมิ ีเดยี

จัดทาโดย
นางสาวลกู เกด พรหมชนะ

ครูพิเศษสอน
แผนกวชิ าคอมพิวเตอรธ์ ุรกิจ

วิทยาลัยการอาชพี นครปฐม
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธกิ าร

แผนการจัดการเรยี นรู้

สมรรถนะอาชีพบูรณาการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ พุทธศกั ราช ๒๕๖๒

รหัสวชิ า ๒๐๒๐๔-๒๑๑๐
วิชา โปรแกรมมัลติมีเดยี

จัดทาโดย

นางสาวลกู เกด พรหมชนะ
ครูพเิ ศษสอน

แผนกวิชาคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ

วทิ ยาลยั การอาชพี นครปฐม
สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ



คำนำ

วิชาโปรแกรมมัลติมีเดียเพื่อการนาเสนอ รหัสวิชา 20204-2110 เรียบเรียงตามหลักสูตร
ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) พุทธศักราช 2562 มีจุดประสงคใ์ ห้ผ้เู รียนรู้มคี วามรู้ความเข้าใจหลักการสร้าง
สือ่ มัลติมีเดยี เข้าใจเก่ียวกับหลักการออกแบบโครงร่างเรื่องราว (Story Board) สามารถออกแบบ สร้าง แก้ไข
และตกแต่งโดยใช้โปรแกรมมัลติมีเดีย สามารถผลิตส่ือมัลติมีเดียในงานอาชีพ มีเจตคติและกิจนิสัยท่ีดีในการ
ปฏิบัติงานคอมพิวเตอร์ด้วยความละเอยี ดรอบคอบ และถกู ต้อง

โดยจะแบ่งเนอื้ หารออกเป็น 5 หนว่ ยดงั น้ี หลักการสร้างสอื่ มลั ติมเี ดีย หลักการออกแบบโครงรา่ ง
เร่ืองราว (Story Board) การสร้างสื่อมัลติมีเดียด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2013 การสร้างสื่อ
มัลติมีเดียด้วยโปรแกรม Adobe Flash Cs ได้เปลี่ยนช่ือเป็น Adobe Animate CC และการนาเสนอและ
เผยแพร่งาน ในแต่ละบทจะประกอบด้วย สาระน่ารู้ คาถามชวนคิด และแนะนาการเรียน กิจกรรมการเรียนรู้
ท้ายบทเรียน กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง และกิจกรรมคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้นักเรียนได้ฝึก
ปฏิบตั ิและทบทวนบทเรียน

ผู้สอนหวังเปน็ อยา่ งยิ่งว่า แผนการจัดการเรียนร้รู ายวชิ านี้จะเป็นประโยชนใ์ นการจัดกระบวนการ
จัดการเรียนรู้ให้นักเรียนเป็นผู้ทีม่ คี วามรู้ ความเข้าใจ และสามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้

ลงช่ือ............................
นางสาวลูกเกด พรหมชนะ

สำรบัญ ข

คานา หนา้
สารบญั ก
การจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ (พส.1) ข
การวเิ คราะหห์ นว่ ยการเรียนรูแ้ ละสมรรถนะรายวชิ า (พส.2) 1
ตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู รรายวิชา (พส.3) 2
กาหนดการสอน (พส.4) 3
ตารางวเิ คราะห์ข้อสอบ (พส.5) 4
กาหนดการประเมินทักษะพสิ ัย (พส.6) 5
หนว่ ยที่ 1 หลกั กำรสรำ้ งสื่อมลั ติมเี ดีย 7

แบบประเมนิ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 8
กรอบการจัดการเรียนรแู้ บบบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 9
แผนการจัดการเรียนรู้ 10
เครอ่ื งมือที่ใช้ในการประเมิน 13
แบบประเมินจิตพสิ ัย 14
บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ 15
ใบความรู้ 16
แบบทดสอบกอ่ นเรียน 25
แบบทดสอบหลังเรยี น 44
หน่วยที่ 2 หลักกำรออกแบบโครงร่ำงเร่ืองรำว (Story Board)
กรอบการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 48
แผนการจดั การเรยี นรู้ 49
เครื่องมือที่ใชใ้ นการประเมิน 52
แบบประเมนิ จิตพสิ ัย 53
บันทึกหลงั การจัดการเรียนรู้ 54
ใบความรู้ 55
แบบทดสอบกอ่ นเรียน 58
ใบงาน 76
แบบทดสอบหลังเรียน 86
หน่วยท่ี 3 กำรสร้ำงสอื่ มลั ติมเี ดยี ดว้ ยโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2013
กรอบการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 90
แผนการจดั การเรียนรู้ 91
เครอื่ งมอื ที่ใช้ในการประเมนิ 94
แบบประเมนิ จติ พิสยั 95
บันทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้ 96
ใบความรู้ 97
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 113
แบบทดสอบหลงั เรยี น 175

สำรบัญ (ต่อ) หนา้

หนว่ ยท่ี 4 กำรสรำ้ งส่อื มลั ติมเี ดยี ด้วยโปรแกรม Adobe Flash CS 182
กรอบการจัดการเรียนรแู้ บบบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 183
แผนการจัดการเรยี นรู้ 186
เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการประเมนิ 187
แบบประเมินจติ พิสยั 188
บนั ทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ 189
ใบความรู้ 192
แบบทดสอบก่อนเรยี น 250
แบบทดสอบหลังเรียน
260
หน่วยที่ 5 กำรสรำ้ งส่อื มลั ติมีเดยี ด้วยโปรแกรม Adobe Flash CS 261
กรอบการจัดการเรียนร้แู บบบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 264
แผนการจัดการเรยี นรู้ 265
เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการประเมิน 266
แบบประเมนิ จิตพิสัย 267
บนั ทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ 272
ใบความรู้ 278
แบบทดสอบก่อนเรยี น
แบบทดสอบหลังเรยี น

บรรณำนุกรม

พส.1

การจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลติมเี ดีย ท-ป-น 2-2-3

หลกั สูตร 2562 ประเภทวชิ า พาณชิ ยกรรม สาขาวิชา คอมพิวเตอร์ธรุ กจิ

จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
1. เข้าใจหลกั การสร้างส่ือมลั ติมีเดีย
2. เขา้ ใจเกย่ี วกบั หลักการออกแบบโครงร่างเรื่องราว (Story Board)
3. สามารถออกแบบ สร้าง แก้ไข และตกแตง่ โดยใชโ้ ปรแกรมมลั ติมีเดีย
4. สามารถผลิตสอ่ื มัลติมเี ดยี ในงานอาชพี
5. มเี จตคตแิ ละกิจนิสัยท่ีดีในการปฏิบตั ิงานคอมพิวเตอร์ด้วยความละเอยี ดรอบคอบ และถูกตอ้ ง

สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรู้เกีย่ วกับหลักการสร้างสื่อมัลติมีเดยี
2. แสดงความรูเ้ กย่ี วกับหลักการออกแบบโครงรา่ งเรื่องราว (Story Board)
3. ปฏบิ ัติการออกแบบ สรา้ ง แก้ไข และตกแต่งโดยใช้โปรแกรมมัลตมิ ีเดยี
4. ปฏบิ ตั กิ ารผลิตสอ่ื มลั ตมิ เี ดียในงานอาชีพ

คาอธบิ ายรายวชิ า
ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับหลักการสรา้ งส่อื มัลติมเี ดีย หลกั การออกแบบโครงร่างเรื่องราว (Story Board)

การออกแบบ สรา้ ง แก้ไข ตกแต่งโดยใช้โปรแกรมมลั ติมเี ดีย และการผลติ สื่อมลั ตมิ ีเดียในงานอาชีพ

-2-

พส.2

การวเิ คราะห์หน่วยการเรียนร้แู ละสมรรถนะรายวชิ า

รหัสวชิ า 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลตมิ ีเดีย ท-ป-น 2-2-3

หนว่ ย ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ สมรรถนะประจาหนว่ ย
ท่ี (ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ และดา้ นความสามารถในการ

1 หลักการสรา้ งส่ือมลั ตมิ ีเดีย ประยกุ ต์ใชแ้ ละความรบั ผิดชอบ)
2 หลักการออกแบบโครงร่างเร่ืองราว สามารถแสดงความรเู้ กี่ยวกบั หลักการสร้างส่อื มัลติมเี ดยี ได้
แสดงความรเู้ ก่ียวกบั หลักการโครงร่างเร่ืองราว
(Story Board) (Story Board) ได้
3 การสรา้ งสอื่ มัลติมีเดียด้วยโปรแกรม ปฏบิ ัติการออกแบบ สร้าง ตกแต่งสื่อมัลติมเี ดยี ได้

Microsoft PowerPoint 2013 ปฏบิ ตั ิการออกแบบ สร้าง แก้ไข และตกแต่งสอ่ื มัลติมีเดยี ได้
4 การสร้างสอื่ มลั ติมีเดยี ด้วยโปรแกรม
ปฏิบัตกิ ารผลิตส่ือมลั ติมเี ดียในงานอาชีพได้
Adobe Flash CS
5 การนาเสนอและเผยแพรผ่ ลงานนาเสนอ

-3- พส.3

ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู รรายวิชา

รหสั วชิ า 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลติมีเดีย ท-ป-น 2-2-3

หน่วย ระดบั พฤติกรรมท่พี งึ ประสงค์
ที่
ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ พทุ ธพิ ิสัย ทักษะ จิต เวลา
(ชม.)
1 2 3 4 5 6 พิสยั พิสยั
8
1 หลกั การสร้างสื่อมลั ติมเี ดยี    - - - 10 10 12
2 หลักการออกแบบโครงรา่ งเร่ืองราว (Story Board) 20
3 การสร้างส่อื มลั ตมิ เี ดียด้วยโปรแกรม    - - - 10 15
20
Microsoft PowerPoint 2013    - - - 20 25 12
4 การสร้างสอื่ มลั ตมิ เี ดียดว้ ยโปรแกรม Adobe Flash CS
5 การนาเสนอและเผยแพร่ผลงาน    - - - 20 25
   - - - 10 15

รวม 6 6 6 - - - 70 90
ความสาคญั /สดั ส่วนคะแนน (รอ้ ยละ) 1 3 2 - - - 70 20

หมายเหตุ ระดับพทุ ธพิ ิสยั 1 = ความจา 2 = ความเข้าใจ 3 = การนาไปใช้
4 = วเิ คราะห์ 5 = สังเคราะห์ 6 = ประเมนิ ค่า

วิชาทฤษฎี พุทธิพสิ ัย ทกั ษะพิสยั จิตพิสัย รวม
วชิ าปฏบิ ตั ิ 80 - 20 100
วิชาทฤษฎี + ปฏิบัติ - 80 20 100
20 100
80

-4- พส.4

กาหนดการสอน

รหสั วชิ า 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลตมิ เี ดีย ท-ป-น 2-2-3

หน่วยการเรียนรู/้ สมรรถนะประจาหน่วย เกณฑก์ ารปฏิบตั งิ าน ัสปดาห์ที่
รายการสอน ่ัชวโมงที่

1 หลักการสร้างสือ่ มัลติมเี ดีย สามารถแสดงความรู้เกย่ี วกบั หลกั การสร้าง เกณฑผ์ ่าน 70% ข้นึ ไป 1-2 1-8
ส่อื มัลตมิ เี ดยี ได้ เกณฑผ์ ่าน 70% ขึ้นไป 3-5 9-20
2 หลกั การออกแบบโครงร่าง แสดงความรู้เกยี่ วกบั หลักการโครงร่าง เกณฑผ์ ่าน 80% ขนึ้ ไป 6-10 21-40
เรื่องราว (Story Board) เรอื่ งราว (Story Board) ได้
3 การสรา้ งสือ่ มัลติมเี ดียดว้ ย ปฏิบัติการออกแบบ สรา้ ง แก้ไข และ เกณฑผ์ า่ น 70% ข้นึ ไป 11-15 41-60
โปรแกรม Microsoft ตกแต่งสื่อมัลติมีเดียดว้ ยโปรแกรม
PowerPoint 2013 Microsoft PowerPoint 2013 ได้ เกณฑ์ผ่าน 80% ขน้ึ ไป 16-17 61-68
4 การสร้างส่ือมลั ติมีเดยี ด้วย ปฏบิ ตั ิการออกแบบ สรา้ ง แก้ไข และ เกณฑ์ผา่ น 70% ขึ้นไป 18 69-72
โปรแกรม Adobe Flash CS ตกแต่งสื่อมลั ติมีเดยี ดว้ ยโปรแกรม
Adobe Flash CS ได้
5 การนาเสนอและเผยแพร่ ปฏิบัติการผลิตสื่อมัลตมิ ีเดียในงานอาชีพได้
ผลงาน
สอบปลายภาค ประเมินสรปุ ความรู้ ความเขา้ ใจ และการ
นาไปใช้ต้ังแต่หนว่ ยท่ี 1-5

-5- พส.5

ตารางวเิ คราะห์ข้อสอบ

รหัสวิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลติมเี ดีย ท-ป-น 2-2-3

พุทธพิ ิสยั

หน่วยการเรยี น รายการสอน ความจา รวม
(ประเด็นการประเมิน) ความเ ้ขาใจ (ขอ้ )

นาไปใ ้ช
ิวเคราะ ์ห
ัสงเคราะห์
ประเ ิมนค่า
ปรนัย( ้ขอ)
ัอตนัย( ้ขอ)

1 หลกั การสร้างสอ่ื มลั ตมิ เี ดยี 1.1 ความหมายของมัลติมเี ดีย 4 4 2 - - - 10 - 10

1.2 องคป์ ระกอบของมัลติมีเดยี

1.3 ประโยชน์ของมลั ตมิ ีเดยี

1.4 โปรแกรมสร้างสือ่ มลั ตมิ เี ดยี

1.5 ขน้ั ตอนการสร้างสอ่ื มัลตมิ ีเดีย

2 หลักการออกแบบโครงร่าง 2.1 ความหมายของโครงร่างเรอ่ื งราว 4 2 4 - - - 10 - 10

เรอ่ื งราว (Story Board) 2.2 หลักการเขียนโครงรา่ งเรอ่ื งราว

2.3 การวางแผนการทาโครงร่างเรอ่ื งราว

2.4 ขัน้ ตอนการทาโครงร่างเร่อื งราว

2.5 ขอ้ ดขี องโครงร่างเรื่องราว

3 การสรา้ งสื่อมลั ติมีเดียด้วย 3.1 การใช้โปรแกรมนาเสนอ 8 5 7 - - - 20 - 20

โปรแกรม Microsoft 3.2 การพิมพ์ข้อความ การจดั รปู แบบ

PowerPoint 2013 ข้อความ และการใชก้ ลอ่ งข้อความ

3.3 การใส่เอฟเฟ็กตก์ ารเคล่อื นไหว

3.4 การใสร่ ปู ภาพ ใสว่ ดิ โี อ และการใส่เสียง

3.5 การนาเสนอ และพิมพ์เอกสารประกอบ

คาบรรยาย

4 การสรา้ งส่ือมลั ติมเี ดียดว้ ย 4.1 ความหมายของแอนิเมชัน 10 10 10 - - - 30 - 30

โปรแกรม Adobe Flash CS 4.2 ประเภทของภาพเคลื่อนไหว

4.3 ชนิดของภาพเคล่อื นไหว

4.4 การเรยี กใช้และส่วนประกอบของ

โปรแกรม Adobe Flash CS

4.5 การบันทึกเพอ่ื นาไปใช้งานและ

การทดสอบ

4.6 การสรา้ งฉากนาเสนอด้วยโปรแกรม

Adobe Flash CS

4.7 การสร้างข้อความ การใชร้ ูปภาพ

และการใส่เสยี ง

-6- พส.5

ตารางวิเคราะห์ขอ้ สอบ (ตอ่ )

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลติมเี ดยี ท-ป-น 2-2-3

พุทธิพิสยั

หนว่ ยการเรียน รายการสอน ความจา รวม
(ประเด็นการประเมิน) ความเ ้ขาใจ (ข้อ)

นาไปใ ้ช
ิวเคราะ ์ห
ัสงเคราะห์
ประเ ิมนค่า
ปรนัย( ้ขอ)
ัอตนัย( ้ขอ)

5 การนาเสนอและเผยแพร่ 5.1 การนาเสนอประกอบการบรรยาย 424 - - - 10 - 10
ผลงาน 5.2 การนาเสนอในเว็ปไซต์ 30 23 27 - - - 80 - 80
5.3 การนาเสนอในรูปแบบวดิ โี อ

รวม

-7- พส.6
(รายวิชาปฏบิ ัติ)
กาหนดการประเมินทักษะพิสยั

รหสั วชิ า 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลติมีเดีย ท-ป-น 2-2-3

หน่วยการเรยี น/รายการสอน สมรรถนะรายหน่วย รปู แบบการประเมิน คะแนน
รวม

1 หลักการสร้างส่อื มัลตมิ ีเดีย สามารถแสดงความรูเ้ กยี่ วกับหลกั การ Rating scale 10 10
สรา้ งส่อื มัลติมีเดยี ได้ Rating scale 10 10
2 หลกั การออกแบบโครงร่าง แสดงความรู้เกย่ี วกบั หลกั การออกแบบ Rating scale 20 20
เรอื่ งราว (Story Board) โครงร่างเรือ่ งราว (Story Board) ได้
3 การสรา้ งสือ่ มลั ติมเี ดยี ด้วย ปฏบิ ตั ิการออกแบบ สรา้ ง แก้ไข และ Rating scale 20 20
โปรแกรม Microsoft ตกแต่งสื่อมลั ติมเี ดียดว้ ยโปรแกรม
PowerPoint 2013 Microsoft PowerPoint 2013 ได้ Rating scale 10 10
4 การสร้างส่อื มลั ติมีเดียดว้ ย ปฏิบัติการออกแบบ สรา้ ง แก้ไข และ
โปรแกรม Adobe Flash CS ตกแต่งส่ือมัลติมีเดียด้วยโปรแกรม
Adobe Flash CS ได้
5 การนาเสนอและเผยแพร่ ปฏิบตั กิ ารผลิตส่ือมัลติมีเดยี ในงาน
ผลงาน อาชพี ได้

แบบประเมนิ ตามสภาพจริงสามารถเลอื กใชต้ ามความเหมาะสม

พส.7

แบบประเมนิ ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยมและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (จติ พสิ ยั )

รายการประเมิน หนว่ ยท่ี หมายเหตุ
1. ความมมี นษุ ยสมั พันธ์ท่ีดี 1, 2, 3, 4, 5
2. ความมีวนิ ัย 1, 2, 3, 4, 5
3. ความรบั ผดิ ชอบ 1, 2, 3, 4, 5
4. ความซอื่ สัตย์สจุ รติ 1, 2, 3, 4, 5
5. ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 2, 3, 4, 5
6. การประหยดั 1, 2, 3, 4, 5
7. ความสนใจใฝร่ ู้ 1, 2, 3, 4, 5
8. ความสามัคคี 1, 2, 3, 4, 5
9. ความกตัญญู 1, 2, 3, 4, 5
10. ละเวน้ สิง่ เสพตดิ /การพนัน 1, 2, 3, 4, 5
11. ความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ 1, 2, 3, 4
12. การพงึ่ ตนเอง 1, 2, 3, 4, 5
13. ความปลอดภยั 1, 2, 3, 4, 5
14. ความอดทนอดกลั้น 1, 2, 3, 4, 5
15. ความมีคุณธรรม/จรยิ ธรรม 1, 2, 3, 4, 5
16. การตรงตอ่ เวลา 1, 2, 3, 4, 5

หมายเหตุ ชอ่ งหน่วยท่ี ให้ระบุหมายเลขหน่วยตามความเหมาะสมแต่ละรายการประเมิน

-9- พส.8

กรอบการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการเป็นเร่ือง/ชิ้นงาน/โครงการ
และบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

สมรรถนะด้านความมเี หตุผล สมรรถนะดา้ นความพอประมาณ
อธบิ ายขั้นตอนการสร้างสอื่ บอกโปรแกรมสรา้ งสอ่ื มลั ตมิ เี ดยี ได้
มัลตมิ ีเดยี ได้
สมรรถนะด้านความมภี ูมคิ มุ้ กนั
บอกประโยชนข์ องมัลติมเี ดยี ได้

เงอ่ื นไขด้านความรู้และทักษะ หลักการสร้างส่ือมัลติมเี ดีย เง่อื นไขด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม
1. อธิบายความหมายของมลั ตมิ เี ดยี ได้ ค่านิยม คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์
2. บอกองคป์ ระกอบของมัลตมิ เี ดยี ได้ - รอบคอบ ใฝ่รู้
3. บอกประโยชนข์ องมลั ตมิ เี ดยี ได้ - ซอ่ื สัตย์ รับผิดชอบ
4. บอกโปรแกรมสร้างสอ่ื มัลติมีเดยี ได้ - มีความพรอ้ มในการเรียน
5. อธิบายขนั้ ตอนการสรา้ งสอ่ื - มคี วามเพียรพยายามในการเรยี น
- รักษาวนิ ยั และกฎระเบยี บ
มัลติมเี ดียได้

ผลกระทบเพ่ือความสมดุล พร้อมรับการเปลย่ี นแปลง

ด้านสงั คม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวฒั นธรรม ดา้ นสงิ่ แวดล้อม
ใช้โปรแกรมสร้างสอ่ื มลั ตมิ ีเดีย ใช้อปุ กรณ์คอมพิวเตอรอ์ ย่าง
ได้อยา่ งเหมาะสม บอกประโยชนข์ องมลั ติมเี ดยี ได้ ถา่ ยทอดความรู้ให้กบั คนใน ระมัดระวัง ดูแลรักษาเพื่อยดื
อายุการใช้งาน
ครอบครัว และญาตพิ ี่น้อง

หมายเหตุ หากเป็นการบูรณาการในหนว่ ยการเรียนรหู้ น่วยใดหนว่ ยหนง่ึ ให้นาแผนภมู ินไ้ี ปนาเสนอในหนว่ ยการเรยี นร้นู ัน้

- 10 - พส.9
หนว่ ยที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้
รหัสวิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ตมิ ีเดยี เวลารวม 72 ชม.
ชื่อหน่วย หลกั การสร้างส่ือมัลติมเี ดีย สัปดาห์ 1/18
เรอ่ื ง หลักการสรา้ งสื่อมลั ติมีเดยี
จานวน 4 ชม.

1. สาระสาคญั
คนทั่วไปมักจะกล่าวถึงความหมายของคาว่า “มัลติมีเดีย” โดยมุ่งเน้นไปท่ีสื่อที่ใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์

เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง สื่อประเภทอื่นๆ เช่น เคร่ืองโทรทัศน์และวิทยุก็จัดได้ว่าเป็นมัลติมีเดีย
เชน่ กัน แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องคอมพิวเตอร์กย็ ังจัดเปน็ อปุ กรณท์ ี่ได้รับความนยิ มท่ีใช้สาหรบั การผลิตสอื่ การนาเสนอ
และการติดต่อส่ือสารมากที่สุด เนื่องจากมีขีดความสามารถและรองรับการทางานได้หลากหลาย จึงทาให้คาจากัด
ความของมัลตมิ เี ดียมักจะมุง่ เน้นไปที่คอมพวิ เตอร์เป็นสว่ นใหญ่

ส่ือมัลติมีเดีย คือ การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับโปรแกรมซอฟต์แวร์ในการสื่อความหมายโดยการผสมผสานสื่อ
หลายชนิด เช่น ข้อความ กราฟิก (Graphic) ภาพเคล่ือนไหว (Animation) เสียง (Sound) และวีดิทัศน์ (Video)
เป็นต้น และถ้าผู้ใช้สามารถท่ีจะควบคุมสื่อให้นาเสนอออกมาตามต้องการได้จะเรียกว่า ส่ือมัลติมีเดีย
ปฏิสัมพันธ์ (Interactive Multimedia) การปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้สามารถจะกระทาได้โดยผ่านทางคีย์บอร์ด
(Keyboard) เมาส์ (Mouse) หรือตัวช้ี (Pointer) เป็นต้น การใช้สื่อมัลติมีเดียในลักษณะปฏิสัมพันธ์ก็เพื่อช่วยให้ผู้ใช้
สามารถเรียนรู้หรือทากิจกรรม รวมถึงดูสื่อต่างๆ ด้วยตนเองได้สื่อต่างๆ ท่ีนามารวมไว้ในส่ือมัลติมีเดีย เช่น ภาพ เสียง
วีดิทัศน์ จะช่วยให้เกิดความหลากหลายในการใช้คอมพิวเตอรอ์ ันเป็นเทคโนโลยคี อมพิวเตอรใ์ นแนวทางใหม่ที่ทาให้การ
ใช้คอมพิวเตอร์น่าสนใจ และเร้าความสนใจ เพิม่ ความสนุกสนานในการเรยี นรู้มากย่ิงขึน้

2. สมรรถนะประจาหน่วย
สามารถแสดงความรู้เกย่ี วกับหลักการสร้างสื่อมลั ติมเี ดียได้

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 อธิบายความหมายของมัลตมิ ีเดยี ได้
3.2 บอกองคป์ ระกอบของมลั ติมเี ดยี ได้
3.3 บอกประโยชน์ของมัลติมเี ดยี ได้

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ความหมายของมลั ติมเี ดีย
4.2 องคป์ ระกอบของมลั ติมเี ดีย
4.3 ประโยชนข์ องมัลติมเี ดีย

- 11 -

5. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้
การจดั การเรยี นการสอนดว้ ยสอ่ื สาธิตของจรงิ ได้ลงมือปฏิบัติ เพือ่ นช่วยเพ่ือน Active learning

6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นา
1. ครแู นะนาตนเองให้นักเรยี นรจู้ ัก และให้นกั เรียนแต่ละคนไดแ้ นะนาตนเอง เพ่ือสร้างความคุ้นเคย จากนัน้ ครู

แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ สมรรถนะรายวิชา คาอธิบายรายวิชา การวัดผลและประเมินผล แจง้ กาหนดการเรียน โดยให้
นักเรียนจดลงในสมุด

2. แจ้งรหัสเข้าชั้นเรียนออนไลน์ (Classroom) และแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ในหน่วยท่ี 1 และให้นักเรียนทา
แบบทดสอบก่อนเรยี น

ข้นั กิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนดูการ์ตูนเอนิเมชันเร่ืองสั้นๆ จากน้ันสอบถามนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งท่ีนักเรียนชอบหลังจากดู

การต์ นู
2. สนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกับสอ่ื มัลติมีเดียที่นักเรียนรจู้ ัก ประโยชน์ของสอ่ื มลั ติมเี ดีย
3. ครอู ธิบายความหมายของมลั ติมีเดีย องค์ประกอบของมลั ตมิ ีเดยี

ข้นั สรุปและประเมินผล
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความหมายของความหมายของมัลติมีเดีย องค์ประกอบของมัลติมีเดีย
และประโยชนข์ องมัลติมีเดยี การออกแบบ
2. ครูให้นักเรียนสบื ค้นขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ ในสว่ นของเทคนคิ การสรา้ งสอื่ มลั ติมเี ดียที่ทาใหง้ านนาเสนอน่าสนใจ

7. บรรยากาศทส่ี ่งเสรมิ และพฒั นาผู้เรยี น
ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียน เนื่องจากการสอนแบบเพื่อนช่วยเพ่ือน ครูผู้สอนทาการสอนด้วยความ

สนุกสนานเปน็ กนั เอง ทาใหผ้ ู้เรียนได้แสดงความคดิ เหน็ และได้แลกเปลย่ี นความรู้ สง่ ผลใหเ้ กดิ ผลการเรียนรู้ท่ดี ี

8. คณุ ธรรม จรยิ ธรรมประจาหน่วย
ฝึกความรับผิดชอบ การส่งงานการเข้าเรียนตรงต่อเวลา มีความซ้ือสัตย์สุจริต ไมน่ าทรัพย์สินของเพ่ือนมาเป็น

ของตนเอง

9. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้
9.1 สอ่ื Microsoft PowerPoint
9.2 ส่อื มัลตมิ ีเดยี จาก www.youtube.com
96.3 ใบความรู้ และวิดีโอ
9.4 ใบมอบหมายงาน
9.5 เครือ่ งไมโครคอมพิวเตอร์
9.6 เครื่องฉายภาพจอโปรเจค็ เตอร์

- 12 -

10. การวัดผลและประเมินผล
10.1 สังเกตผู้เรียนมีความสนใจ เกิดความเข้าใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตือรือร้นในการ

แสดงความคิดเหน็ และสรปุ สาระการเรียนรู้ประจาหน่วย
10.2 เคร่อื งมือการประเมนิ จิตพิสยั

11. หลักฐานการเรียนรู้
11.1 แบบฝึกหัดทา้ ยหนว่ ย
11.2 ใบงาน/ใบกจิ กรรม

12. เอกสารอ้างอิง
12.1 ศวิ ชั กาญจนชุม, ทิพวรรณ ออ่ งน้อย, โปรแกรมมลั ตมิ ีเดยี (2204-2106). กรงุ เทพฯ : จติ รวฒั น์, 2557
12.2 มนัสชัย กีรติผจญ และคณะ, คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (20001-2001). กรุงเทพฯ :

สานกั พมิ พ์เอมพนั ธ์, 2562
12.3 สุธิดา ทะนันท์, คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ (20001-2001). กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือ

เมอื งไทย, 2562
12.4 อ.อาภา กุลธรรมโยธิน, คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (20001-2001). กรุงเทพฯ : ศูนย์

สง่ เสริมวชิ าการ, 2562

- 13 - พส.10

เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการประเมนิ

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ติมีเดยี ท-ป-น 2-2-3

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Rating scale) เกณฑก์ ารให้คะแนน
5 4 321
ประเด็นการประเมนิ

1. อธบิ ายความหมายของมลั ตมิ ีเดียได้
2. บอกองค์ประกอบของมลั ติมเี ดยี ได้
3. บอกประโยชน์ของมัลติมเี ดยี ได้
4. บอกโปรแกรมสร้างสื่อมัลติมีเดยี ได้
5. อธบิ ายขั้นตอนการสรา้ งสื่อมัลติมีเดยี ได้

รวม
รวมทง้ั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (70%)

- 14 -
พส.10

แบบประเมินจิตพิสัย
แบบประเมินแบบตรวจสอบรายการ (checklist)

พฤติกรรมท่สี ังเกต มี (1) ไมม่ ี (0) หมายเหตุ
1.การมาเรียนและการทากิจกรรมหนา้ เสาธง 1,5,6
2.การแตง่ กายถกู ตอ้ งตามระเบยี บแบบพอเพยี ง 2,10
3.กิรยิ าสุภาพ,เรยี บรอ้ ย,ปฏบิ ตั ิตามพระราชดารสั 3,8,9,11
4.ความตง้ั ใจและสนใจเรยี น 4
5.ความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานและสว่ นรวม 7,12

รวมคะแนน (5 คะแนน/สปั ดาห)์

หมายเหตุ บูรณาการตามคา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ

- 15 -

พส.11

บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้
รหสั วิชา...........................ชอื่ วชิ า.........................................................................................ระดับชนั้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............................................................................................สัปดาหท์ ี่..........วันท่สี อน..............................................
หน่วยท่.ี ...........ช่อื หน่วย......................................................................................................................จานวน................ช่วั โมง
จานวนผเู้ รียน..........................คน มาเรียน........................คน ขาดเรยี น.........คน ลาปว่ ย.........คน ลากจิ ..........คน

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปญั หาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………

ลงชือ่ .......................................................ครผู ู้สอน

(นางสาวลูกเกด พรหมชนะ)
........../................/............

ความเหน็ ................................................................................. ความเหน็ .................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงชอื่ ...............................................หวั หน้าแผนกวิชา ลงช่อื ............................................รองผู้อานวยการฝา่ ยวชิ าการ
(นายจักรพงษ์ ครองยุทธ) (นางสาวนิศากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............

ความเหน็ ผู้อานวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงชอื่ ...........................................
(นางสาวสุมนี า แดงใจ)

ผู้อานวยการวทิ ยาลยั การอาชีพนครปฐม
............/................../............

- 16 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ติมเี ดีย

ชื่อหน่วย หลักการสร้างสอ่ื มัลติมีเดยี

เร่อื ง หลกั การสรา้ งสอ่ื มลั ติมีเดยี จานวนช่วั โมงสอน 4 ช่ัวโมง
รายการเรียนรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้
- จุดประสงคท์ ั่วไป 1. ความหมายของมลั ตมิ ีเดีย
2. องค์ประกอบของมัลติมีเดีย
1. อธิบายความหมายของมัลตมิ เี ดียได้ 3. ประโยชนข์ องมัลตมิ ีเดยี
2. บอกองคป์ ระกอบของมัลตมิ เี ดียได้
3. บอกประโยชน์ของมลั ตมิ เี ดยี ได้
- จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
สามารถแสดงความรเู้ กยี่ วกับหลกั การสรา้ งส่ือ
มัลตมิ เี ดยี ได้

1. ความหมายของมัลตมิ ีเดยี (Multimedia)
สาหรับคาว่า “มัลติ” (Multi) หมายถึง หลายๆ อย่างผสมรวมกนั
สว่ นคาว่า “มีเดยี ” (Media) หมายถึง ส่ือ ข่าวสาร ช่องทางการตดิ ต่อสอ่ื สาร
เมื่อนามารวมกันเป็นคาว่า “มัลติมีเดีย” จึงหมายถึง การนาองค์ประกอบของส่ือชนิดต่างๆ มาผสมผสานเข้า

ด้วยกัน ซ่ึงประกอบด้วย ตัวอักษร (Text) ภาพน่ิง (Still Image) ภาพเคล่ือนไหวหรืออนิเมชั่น (Animation) เสียง
(Sound) และวิดีโอ (Video) โดยผ่านกระบวนการทางระบบคอมพิวเตอร์เพ่ือส่อื ความหมายกับผู้ใช้อย่างมปี ฏิสัมพันธ์
(Interactive Multimedia) และไดบ้ รรลผุ ลตามวตั ถุประสงค์การใช้งาน

มัลติมีเดีย คือ ระบบสื่อสารข้อมูลข่าวสารหลายชนิด โดยผ่านสื่อทางคอมพิวเตอร์ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ
ฐานขอ้ มูล ตวั เลข กราฟกิ ภาพเสยี ง และวดี ิทศั น์ (Jeffcoate. 1995)

มัลติมีเดีย คือ การใช้คอมพิวเตอร์สื่อความหมายโดยการผสมผสานส่ือหลายชนิด เช่น ข้อความ กราฟ ภาพ
ศิลป์ (Graphic Art) เสียง ภาพเคลื่อนไหว (Animation) และวิดีทัศน์ เป็นต้น ถ้าผู้ใช้สามารถควบคุมส่ือเหล่าน้ีให้
แสดงออกมาตามต้องการได้ ระบบนจ้ี ะเรียกว่า มัลตมิ ีเดียปฏิสมั พนั ธ์ (Interactive Multimedia) (Vaughan. 1993)

เม่ือกล่าวถึงคาว่า “มัลติมีเดีย”(Multimedia) มักจะมีความหมายท่ีค่อนข้างกว้างไกล ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับมุมมอง
ของผู้ท่ีจะนามัลติมีเดียไปใช้งานตามความต้องการ ในมุมมองของนักการศึกษา อาจหมายถึง การนาส่ือหลากหลาย
ประเภทมาใช้จัดทาเป็นส่ือการเรียนการสอน มุมมองของผู้เย่ียมชมอาจหมายถึงการนาเสนอส่ิงที่น่าสนใจที่ทาให้
เข้าใจได้ง่ายขึ้น แต่ในมุมมองของคนทางานด้านผลิตสื่อ อาจหมายถึง การโต้ตอบและการปฎิสัมพันธ์กันระหว่างคน
กับคอมพิวเตอร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ความหมายที่กล่าวว่ามาท้ังหมดน้ันเป็นเพียงแค่แนวความคิดในแต่ละมุมมอง
เท่านัน้

- 17 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ตมิ เี ดีย

ช่อื หน่วย หลกั การสรา้ งสอื่ มัลตมิ เี ดยี

เรื่อง หลกั การสรา้ งส่อื มลั ติมีเดีย จานวนชัว่ โมงสอน 4 ช่ัวโมง

สาหรับคาว่า “มัลติ ” (Multi) หมายถึง หลายๆ อย่างผสมรว มกัน (ซึ่งมีศัพท์ที่ใกล้เคียงกัน
เชน่ Many,Much และ Multiple) สว่ นคาว่า “มเี ดีย” (Media) หมายถงึ ส่ือ ขา่ วสาร ชอ่ งทางการติดตอ่ ส่อื สาร เมอื่
นามารวมกันเป็นคาว่า “มัลติมีเดีย” จึงหมายถึง “การนาองค์ประกอบของส่ือชนิดต่างๆ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่ง
ประกอบด้วย ตัวอกั ษร (Text) ภาพนิง่ (Still Image) ภาพเคลื่อนไหวหรืออนิเมช่นั (Animation) เสียง (Sound) และ
วดิ ีโอ (Video) โดยผ่านกระบวนการทางระบบคอมพิวเตอร์เพ่ือสื่อความหมายกับผู้ใช้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive
Multimedia) และได้บรรลุผลตามวตั ถปุ ระสงค์การใช้งาน

ความหมายของ “มัลตมิ ีเดยี ” หรือ “สือ่ ประสม” มใี ชก้ นั ใน 2 ลักษณะ คือ
1. ใชใ้ นความหมายตามคาแปล หมายถงึ ส่ือที่เกิดจากการแสดงผลของขอ้ ความ ภาพ และเสยี ง พรอ้ มๆ

กนั ในลกั ษณะใด ลกั ษณะหนึ่ง โดยใช้อปุ กรณ์ต่างๆ ไดแ้ ก่ โทรทศั น์ ภาพยนตร์ สไลด์ ประกอบเสียง หรือการใช้วัสดุ
อุปกรณ์ตา่ งๆ ในการสาธิตหรอื การสอน หรือหมายถึง การใชส้ ่ือมากกวา่ 1 ส่ือ รว่ มกันนาเสนอข้อมูลขา่ วสาร โดยมี
จดุ มงุ่ หมายใหผ้ ู้รบั ส่อื สามารถรับข้อมูลข่าวสารไดม้ ากกวา่ 1 ช่องทาง และหลากหลายรูปแบบ

2. ใช้ในความหมายปัจจุบัน หมายถงึ การใช้คอมพิวเตอร์เพอ่ื นาเอาข้อความ ภาพ และเสยี งในรปู แบบ
ตา่ งๆ ซ่ึงถูกบนั ทกึ ไว้ในรปู ข้อมลู มาแสดงผลแปลงกลบั เปน็ ขอ้ ความ ภาพ และเสียง ทางจอภาพและลาโพง ผสมผสาน
กัน รวมทงั้ ควบคุมการแสดงผลของสอื่ เหลา่ นน้ั โดยโปรแกรม(Program) ส่งั งานคอมพิวเตอร์

ส่ือมัลติมีเดีย หมายถึง การสื่อสารเพื่อเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือความต้องการไปสู่ผู้รับส่ือ
มัลติมีเดีย โดยใช้เทคนิคหรือวิธีการต่างๆ อันจะทาให้บรรลุผลสาเร็จตามจุดมุ่งหมายของส่ือมัลติมีเดีย ให้แก่ผู้ฟังโดย
อาจมีอุปกรณ์ประกอบการบรรยายหรือไม่ก็ได้ อดีตการเตรียมงานนาเสนอแต่ละชิ้นต้องเตรียมตัวกันมากพอสมควร
ตัวอย่างง่ายๆ ได้แก่ การบรรยายหน้าช้ันเรียนของอาจารย์ผู้สอน การเตรียมอุปกรณ์สาหรับ ส่ือมัลติมีเดีย
ค่อนข้างยุ่งยาก เร่ิมจากการเตรียมเนื้อหา นาภาพมาประกอบ นาข้อมูลที่มีเขียนลงบนแผ่นสไลด์ (หรือเขียนบน
แผน่ ใส) และบางคร้ังอาจมีการอัดเสียงประกอบการบรรยายร่วมด้วย สิ่งท่ีเป็นปัญหาและเกิดข้นึ บ่อยมากคือ การแก้ไข
หากต้องการแก้ข้อความ เปลี่ยนรูป เราต้องหาน้ายาลบข้อความ หรือบางคร้ังสีปากกาไม่ตรงกับสีท่ีมีอยู่ในสไลด์เดิม
หรือหากมกี ารเปล่ยี นลาดับสอื่ มลั ติมีเดียก็ตอ้ งไปตามแกเ้ สียงประกอบทีอ่ ัดไว้ และยังมีปญั หาอ่ืนๆ

- 18 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ติมีเดีย

ชอื่ หน่วย หลักการสร้างส่อื มัลตมิ เี ดยี

เรื่อง หลกั การสรา้ งสอื่ มัลติมีเดีย จานวนชัว่ โมงสอน 4 ชั่วโมง

2. องคป์ ระกอบของมัลตมิ ีเดีย
จากที่ได้กล่าวในข้างต้นแล้วว่าส่ิงประดิษฐ์และผลงานต่างๆ ด้านมัลติมีเดียสามารถจาแนกองค์ประกอบของ

ส่ือต่างๆ ได้เป็น 5 ชนิด ประกอบด้วย ข้อความหรือตัวอักษร (Text) ภาพน่ิง (Still Image) ภาพเคล่ือนไหว
(Animation) เสียง (Sound) และภาพวิดีโอ (Video) แล้วนามาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อใช้สาหรับการปฏิสัมพันธ์
หรือโต้ตอบ (Interaction) ระหว่างคอมพิวเตอร์กบั ผู้ใชซ้ ่ึงถือได้ว่าเปน็ กิจกรรมทผ่ี ู้ใช้สามารถเลอื กกระทาตอ่ มัลติมีเดีย
ได้ตามต้องการ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ได้ทาการเลือกรายการและตอบคาถามผ่านทางจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์
จากนนั้ ระบบคอมพิวเตอร์กจ็ าทาการประมวลผลและแสดงผลลพั ธ์ยอ้ นกลับผ่านทางจอภาพให้ผู้ใช้เป็นอีกครัง้ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการปฏิสัมพันธ์ในรูปแบบอ่ืนๆ อีกมากมาย ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับเคร่ืองมือและรูปแบบที่จะนามา
ประยุกต์ใชง้ าน ตัวอย่างเช่น การสรา้ งปมุ่ เมนูหรือข้อความท่มี ีสีแตกตา่ งจากขอ้ ความปกติ เมื่อผู้ใช้มปี ฏสิ มั พันธ์กับสว่ น
น้ี ระบบก็จะเช่ือมโยงไปยังส่วนอน่ื ๆ ท่ีเก่ียวข้องซ่ึงอาจเป็นไปไดท้ ั้ง ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียงหรือวิดีโอ
ตามท่ีได้มีการออกแบบไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น จึงถือได้ว่าการปฏิสัมพันธ์ในมัลติมีเดียเป็นส่วนหน่ึงที่มีความสาคัญไม่
น้อยไปกวา่ ส่วนอื่นๆ

สาหรับหวั ขอ้ ยอ่ ยของเน้อื หาส่วนนี้ ประกอบด้วย
1. ขอ้ ความหรือตวั อักษร (Text)
2. ภาพนง่ิ (Still Image)
3. ภาพเคล่อื นไหว (Animation)
4. เสียง (Sound)
5. ภาพวิดีโอ (Video)

- 19 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวิชา 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมัลติมเี ดีย

ช่ือหน่วย หลักการสรา้ งสื่อมัลติมเี ดยี

เร่อื ง หลักการสร้างสือ่ มัลติมีเดยี จานวนชวั่ โมงสอน 4 ช่ัวโมง

1. ขอ้ ความหรือตัวอักษร (Text)
ข้อความหรือตัวอักษรถือว่าเป็นองค์ประกอบพ้ืนฐานท่ีสาคัญของมัลติมีเดีย ระบบมัลติมีเดียท่ีนาเสนอผ่าน
จอภาพของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ นอกจากจะมีรูปแบบและสีของตัวอักษรให้เลือกมากมายตามความต้องการแล้วยัง
สามารถกาหนดลักษณะของการปฏสิ ัมพนั ธ์(โตต้ อบ)ในระหว่างการนาเสนอไดอ้ ีกด้วย
ข้อความเป็นส่วนที่เกี่ยวกับเน้ือหาของมัลติมีเดียใช้แสดงรายละเอียดหรือเนื้อหาของเรื่องท่ีนาเสนอ ซึ่ง
ปจั จบุ นั เราสามารถแบ่งประเภทของข้อความได้หลายรูปแบบดงั นี้ คือ

1.1 ข้อความท่ีได้จากการพิมพ์ เป็นข้อความปกติท่ีพบได้ทั่วไป ได้จากการพิมพ์ด้วย โปรแกรม
ประมวลผลคา(Word Processor) เช่น Notepad, Text Editor, Microsoft Word อุปกรณน์ าเข้าคอมพิวเตอร(์ Input
device ) ที่ทาให้เกดิ ขอ้ ความ คอื แป้นพมิ พ์ (Keyboard)

1.2 ข้อความจากการสแกนด้วยสแกนเนอร์ เป็นข้อความในลักษณะภาพ หรือ Image ได้จากการนา
เอกสารทพี่ ิมพไ์ วแ้ ลว้ หรอื เอกสารตน้ ฉบับ มาทาการสแกน ด้วยเครอื่ งสแกนเนอร์ (Scanner)

1.3 ข้อความไฮเปอร์เทก็ ซ์ (Hyper Text) ขอ้ ความหรือกล่มุ ของขอ้ ความท่ีถูกเชอื่ มโยงเขา้ ด้วยกนั โดย
มีการนาเสนอแบบปฏิสัมพันธ์ โดยการนาข้อความท่ีใช้มาเป็นจุดเชื่อมโยง ซึ่งจะมีลักษณะเด่นกว่าข้อความอ่ืน เช่น
การขีดเสน้ ใต้ การเน้นด้วยสี ตัวหนา หรอื ตวั เอียง การลงิ คไ์ ปยงั ข้อความหรือจุดอ่นื ๆ

2. ภาพนิ่ง (Still Image)
ภาพน่ิงเป็นภาพท่ีไม่มีการเคลื่อนไหว เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และภาพลายเส้น เป็นต้น ภาพน่ิงนับว่ามี
บทบาทต่อระบบงานมัลติมีเดียมากกว่าข้อความหรือตัวอักษร ทั้งน้ีเน่ืองจากภาพจะให้ผลในเชิงการเรียนรู้หรือรับรู้
ด้วยการมองเห็นได้ดีกว่า นอกจากน้ียังสามารถถ่ายทอดความหมายได้ลึกซ่ึงมากกว่าข้อความหรือตัวอักษรน่ันเองซ่ึง
ข้อความหรือตัวอักษรจะมีข้อจากัดทางด้านความแตกต่างของแต่ละภาษา แต่ภาพน้ันสามารถส่ือความหมายได้กับทุก
ชนชาติ ภาพน่ิงมกั จะแสดงอย่บู นสือ่ ชนิดต่างๆ เช่น โทรทศั น์ หนงั สือพมิ พห์ รอื วารสารวิชาการ เป็นต้น

- 20 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ตมิ ีเดีย

ช่ือหน่วย หลักการสรา้ งสื่อมัลติมีเดยี

เรอ่ื ง หลกั การสรา้ งส่ือมัลติมีเดยี จานวนชั่วโมงสอน 4 ชั่วโมง

ภาพนิ่ง (Still Image) เป็นภาพท่ีไม่มีการเคล่ือนไหว เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และภาพลายเส้น
เป็นต้น ภาพนิ่งนับว่ามีบทบาทต่อระบบงานมัลติมีเดีย เป็นสื่อในการนาเสนอที่ดี เนื่องจากมีรูปแบบท่ีน่าสนใจ
สามารถสื่อความหมายได้กวา้ งกว่าขอ้ ความหรอื ตัวอกั ษร

ประเภทของภาพน่ิงแบ่งออกได้เป็น 2 ชนดิ
1. ภาพ 2 มิติ (2D Image)

– ภาพเวกเตอร์ (Vector Graphic) มีลักษณะของโครงสร้างเป็นรูปทรงเรขาคณิต เช่น เส้นตรง
วงกลม รูปหลายเหลี่ยม และข้อความศิลป์ รวมถึงการแสดงภาพที่เกิดจากการคานวณและประมวลผลได้ใกล้เคียงกับ
ภาพบิตแมป

– ภาพบิตแมป (Bitmapped Image) เป็นภาพท่ีเกิดจากการประกอบรวมกันของพิกเซล ซ่ึงเป็น
ส่วนประกอบท่ีเล็กที่สุดท่ีใช้แสดงผลบนจอภาพและในการพิมพ์ ภาพบิตแมปสามารถรองรับการแสดงสีได้มากกว่า
16.7 ลา้ นสี (ความละเอียดที่ 26 บติ )

- 21 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวิชา 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ติมีเดีย

ช่ือหน่วย หลกั การสรา้ งสือ่ มัลติมีเดีย

เรื่อง หลักการสร้างส่ือมลั ติมีเดยี จานวนชว่ั โมงสอน 4 ช่ัวโมง

ความแตกต่างระหวา่ งภาพเวกเตอร์ (Vector Graphic) กับภาพบติ แมป (Bitmapped Image)

2. ภาพ 3 มิติ (3D Image) มีลักษณะมุมมองของภาพที่เหมือนจริง อยู่ในรูปทรง 3 มิติ (3D) มีพ้ืนฐานการ
สรา้ งมาจากภาพ 2 มิติ (มเี พียงแกน X และ Y) โดยเพิ่มความลึกให้กับภาพทสี่ ร้าง (เพมิ่ แกน Z)

- 22 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ตมิ เี ดีย

ชอื่ หน่วย หลักการสรา้ งสื่อมัลตมิ เี ดยี

เรือ่ ง หลักการสรา้ งสือ่ มลั ติมีเดีย จานวนช่ัวโมงสอน 4 ช่ัวโมง

3. ภาพเคลื่อนไหว (Animation)
ภาพเคลื่อนไหว หมายถึง ภาพกราฟิกที่มีการเคล่ือนไหวเพื่อแสดงขั้นตอนหรือปรากฏ การณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างต่อเนื่อง เช่น การเคล่ือนท่ีของอะตอมในโมเลกุล หรือการเคล่ือนท่ีของลูกสูบของเครื่องยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อ
สร้างสรรค์จินตนาการให้เกดิ แรงจูงใจจากผู้ชม การผลติ ภาพเคลื่อนไหวจะต้องใช้โปรแกรมที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางซ่ึง
อาจมีปญั หาเกิดขน้ึ อยบู่ ้างเกย่ี วกับขนาดของไฟลท์ ่ตี ้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมากกว่าภาพนิง่ หลายเท่านน่ั เอง
4. เสียง (Sound)
เสียงเป็นองค์ประกอบหน่ึงท่ีสาคัญของมัลติมีเดีย โดยจะถูกจัดเก็บอยู่ในรูปของสัญญาณดิจิตอลซ่ึงสามารถ
เล่นซ้ากลับไปกลับมาได้ โดยใช้โปรแกรมท่ีออกแบบมาโดยเฉพาะสาหรับทางานด้านเสียง หากในงานมัลติมีเดียมีการ
ใช้เสียงท่ีเร้าใจและสอดคล้องกับเน้ือหาในการนาเสนอ จะช่วยให้ระบบมัลติมีเดยี นั้นเกิดความสมบูรณ์แบบมากยิ่งข้ึน
นอกจากน้ียังชว่ ยสรา้ งความน่าสนใจและน่าติดตามในเร่ืองราวตา่ งๆ ได้เป็นอย่างดี ท้ังนี้เน่ืองจากเสียงมอี ทิ ธิพลต่อผูใ้ ช้
มากกว่าข้อความหรือภาพนิ่งนั่นเอง ดังนั้น เสียงจึงเป็นองค์ประกอบท่ีจาเป็นสาหรับมัลติมีเดียซ่ึงสามารถนาเข้าเสียง
ผ่านทางไมโครโฟน แผน่ ซีดี ดวี ีดี เทป และวิทยุ เป็นตน้
5. วดี โี อ (Video)
วดิ ีโอเป็นองค์ประกอบของมัลติมีเดียที่มคี วามสาคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากวิดีโอในระบบดิจติ อลสามารถนา
เสนอข้อความหรือรูปภาพ (ภาพน่ิงหรือภาพเคลื่อนไหว) ประกอบกับเสียงได้สมบูรณ์มากกว่าองค์ประกอบชนิดอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของการใช้วิดีโอในระบบมัลติมีเดียก็คือ การสิ้นเปลืองทรัพยากรของพ้ืนที่บนหน่วยความจา
เป็นจานวนมาก เน่ืองจากการนาเสนอวิดโี อดว้ ยเวลาท่ีเกิดข้นึ จริง (Real-Time) จะต้องประกอบด้วยจานวนภาพไม่ต่า
กว่า 30 ภาพต่อวินาที (Frame/Second)ถ้าหากการประมวลผลภาพดังกล่าวไม่ได้ผ่านกระบวนการบีบอัดขนาดของ
สญั ญาณมาก่อน การนาเสนอภาพเพยี ง 1 นาทอี าจตอ้ งใช้หน่วยความจามากกว่า 100 MB ซ่งึ จะทาใหไ้ ฟล์มีขนาดใหญ่
เกนิ ขนาดและมีประสิทธิภาพในการทางานท่ดี อ้ ยลง ซงึ่ เม่ือมกี ารพฒั นาเทคโนโลยีที่สามารถบีบอัดขนาดของภาพอย่าง
ต่อเนื่องจนทาให้ภาพวิดีโอสามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึนและกลายเป็นส่ือท่ีมีบทบาทสาคัญต่อ
ระบบมัลติมีเดีย (Multimedia System)

- 23 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ติมเี ดีย

ช่อื หน่วย หลกั การสรา้ งสอื่ มัลติมเี ดยี

เรอื่ ง หลักการสรา้ งส่อื มัลติมีเดีย จานวนชั่วโมงสอน 4 ช่ัวโมง

3. ประโยชน์ของมลั ติมเี ดยี
แนวทางการนามัลติมีเดียมาประยุกต์ใช้งานกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีหลายรูปแบบทั้งน้ีขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์

ของการนาไปใช้งาน โดยสามารถแยกแยะประโยชนท์ ี่จะไดร้ บั จากการนามัลตมิ ีเดียมาประยุกต์ใชง้ านได้ดังนี้
3.1 ง่ายต่อการใชง้ าน
โดยส่วนใหญ่เป็นการนามัลติมีเดียมาประยุกต์ใช้งานร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเพ่ิมผล ผลิต ดังน้ัน

ผพู้ ัฒนาจึงจาเป็นต้องมีการจัดทาให้มีรูปลักษณ์ที่เหมาะสม และง่ายต่อการใช้งานตามแต่กลุ่มเป้าหมายเพื่อประโยชน์
ในการเพิม่ ประสทิ ธิภาพในการปฏิบตั ิงาน ตวั อย่างเชน่ การใช้งานสือ่ มัลติมีเดียโปรแกรมการบญั ชี

3.2 สัมผัสได้ถึงความรู้สกึ
สิ่งสาคัญของการนามัลติมเี ดียมาประยกุ ต์ใช้งานกค็ ือ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับรู้ได้ถงึ ความรู้สึกจากการสัมผัสกับ
วัตถุท่ปี รากฏอยบู่ นจอภาพ ได้แก่ รูปภาพ ไอคอน ปุ่มและตัวอกั ษร เปน็ ตน้ ทาให้ผู้ใชส้ ามารถควบคุมและเข้าถึงข้อมูล
ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึงตามความต้องการ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้คลิกที่ปุ่ม Play เพื่อชมวิดีโอและฟังเสียงหรือแม้แต่ผู้ใช้คลิก
เลือกทีร่ ูปภาพหรือตวั อักษรเพื่อเข้าถงึ ข้อมลู ที่ต้องการ เปน็ ต้น
3.3 สรา้ งเสริมประสบการณ์
การออกแบบและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้านมัลติมีเดีย แม้ว่าจะมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันตามแต่ละ
วิธีการ แต่ส่ิงหนึ่งที่ผู้ใช้จะได้รับก็คือ การสั่งสมประสบการณ์จากการใช้ส่ือเหล่านี้ในแง่มุมท่ีแตกต่างกันซ่ึงจะทาให้
สามารถเข้าถึงวธิ ีการใช้งานได้อย่างถกู ต้องและแม่นยา ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ได้เคยเรียนรู้วิธีการใช้ปุ่มต่างๆ เพือ่ เล่นเกมส์
บนคอมพวิ เตอรม์ ากอ่ น และเม่อื ได้มาสมั ผัสเกมส์ออนไลน์ใหมๆ่ ก็สามารถเลน่ เกมสอ์ อนไลน์ได้อย่างไม่ติดขัด
3.4 เพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้
สืบเนื่องจากระดับขีดความสามารถของผู้ใช้แต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทั้งน้ี ขึ้นอยู่กับระดับความรู้และ
ประสบการณ์ท่ีได้รับการส่ังสมมา ดังน้ัน การนาส่ือมัลติมีเดียมาประยุกต์ใช้จะช่วยเพ่ิมขีดความสามารถในการเรียนรู้
ดว้ ยตนเอง ตัวอย่างเช่น การเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถเรียนร้แู ละพัฒนาทักษะในการเล่นจากระดับท่ีง่ายไป
ยงั ระดบั ที่ยากยง่ิ ๆ ขึ้นไป
3.5 เข้าใจเนือ้ หามากย่ิงขึน้
ด้วยคุณลักษณะขององค์ประกอบของมัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นข้อความหรือตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
เสียงและวิดีโอ สามารถที่จะสื่อความหมายและเร่ืองราวต่างๆ ได้แตกต่างกัน ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการนาเสนอ กล่าวคือ
หากเลือกใช้ภาพน่ิงหรือภาพเคล่ือนไหว การสื่อความหมายย่อมจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการเลือกใช้ข้อความหรือ
ตัวอกั ษร ในทานองเดยี วกนั หากเลอื กใชว้ ิดีโอ การสอ่ื ความหมายยอ่ มจะดกี วา่ เลือกใชภ้ าพนงิ่ หรือภาพเคล่ือนไหว

- 24 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ตมิ ีเดีย

ช่ือหน่วย หลักการสร้างสอื่ มัลตมิ ีเดีย

เรอ่ื ง หลักการสรา้ งสอื่ มัลติมีเดยี จานวนชว่ั โมงสอน 4 ช่ัวโมง

ดังนั้น ในการผลิตส่ือ ผู้พัฒนาจาเป็นต้องพิจารณาคุณลักษณะให้เหมาะสมกับเน้ือหาที่จะนาเสนอ ตัวอย่างเช่น
การผสมผสานองคป์ ระกอบของมลั ตมิ ีเดยี เพอื่ บรรยายบทเรียน

3.6 คุ้มค่าในการลงทุน
การใช้โปรแกรมด้านมัลติมีเดียจะช่วยลดระยะเวลา ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองการเดินทาง การจัดหาวิทยา กร การ
จัดหาสถานท่ี การบรหิ ารตารางเวลาและการเผยแพร่ชอ่ งทางเพื่อนาเสนอสอ่ื เปน็ ต้น ทาให้ประหยัดคา่ ใช้จา่ ย ในกรณี
ทไ่ี ดห้ กั คา่ ใช้จา่ ยท่เี ปน็ ต้นทุนไปแล้วกจ็ ะส่งผลให้ได้รบั ผลตอบแทนความคมุ้ ค่าในการลงทนุ ในระยะเวลาที่เหมาะสม
3.7 เพ่ิมประสทิ ธผิ ลในการเรยี นรู้
การสร้างสรรค์ชิ้นงานด้านมัลติมีเดียจาเป็นต้องถ่ายทอดจินตนาการจากสิ่งที่ยากให้เป็นส่ิงที่ง่ายต่อการรับรู้
และเข้าใจด้วยกรรมวิธีต่างๆ นอกจากจะช่วยอานวยความสะดวกในการทางานแล้ว ผู้ใช้ยังได้รับประโยชน์และ
เพลิดเพลินในการเรียนรู้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้(User)ออกแบบและสร้างเว็บเพ็จ (Web Page) ด้วยโปรแกรมแม็ค
โครมีเดีย ดรีมวิเวอร์ (Macromedia Dreamweaver ) หรือผู้ใช้กาลังศึกษาสารคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และ
วัฒนธรรม

เอกสารอ้างอิง
หนงั สอื โปรแกรมมัลติมเี ดียเพ่ือการนาเสนอข้อมลู (2204-2106). กรุงเทพฯ : จติ รวฒั น์, 2557
คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่อื งานอาชีพ (20001-2001). กรุงเทพฯ : สานักพิมพ์เอมพันธ,์ 2562
คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ (20001-2001). กรงุ เทพฯ : ศูนย์หนังสือเมืองไทย, 2562
คอมพวิ เตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ (20001-2001). กรงุ เทพฯ : ศนู ยส์ ่งเสรมิ วชิ าการ, 2562
https://sites.google.com/site/tinnak11/kar-reiyk-chi
https://sites.google.com/site/rabobcomtic/bth-thi-1
https://sites.google.com/site/httpbitly42331316/bth-thi-2-wrrnkrrm-thi-keiywkhxng/2-4-prayochn-
khxng-maltimideiy
https://sites.google.com/site/chai50322556/-khan-txn-ni-kar-srang-sux-maltimideiy

- 25 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วิชา 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมัลติมเี ดีย

ชอื่ หน่วย หลกั การสร้างส่ือมัลตมิ ีเดยี

เรอ่ื ง หลักการสร้างสือ่ มัลติมีเดยี จานวนช่วั โมงสอน 8 ช่วั โมง

แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยท่ี 1

คาสัง่ ให้นกั เรยี นเลือกตอบถามจากคาตอบในแตล่ ะขอ้ ให้ทถ่ี ูกต้องที่สดุ เพียงขอ้ เดียว

1. Interactivity หมายถึงข้อใด

ก. สิ่งที่ทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ให้และผู้รับ

ข. ระบบสมองของร่างกายมนุษย์ ทาหน้าท่ีประมวลข้อมูลและสารสนเทศด้วยชุดคาส่ังท่ีส่งเข้าไปให้ทางาน

ตามที่ผู้ใช้ต้องการ

ค. กระบวนการหลักที่ระบบคอมพิวเตอร์สามารถทาได้

ง. การนาเสนอแบบสองทาง และโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ ผู้ใช้สามารถเลือกชมตอนไหนก่อนก็ได้ และสามารถย้อนกลับ

ไปกลับมาได้ตามความต้องการ

2. การใช้มัลติมีเดียในยุคแรก ๆ เป็นการนาเสนอแบบทางใด

ก. แบบทางเดียว ข. แบบสองทาง ค. แบบสามทาง ง. ไม่มีข้อใดถูก

3. ข้อใดไม่ใช่ข้ันตอนในการพัฒนามัลติมีเดีย

ก. กาหนดเป้าประสงค์

ข. ออกแบบเค้าโครงเร่ือง

ค. วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้นจากการทางานของมัลติมีเดีย

ง. ออกแบบส่วนรายละเอียดของงาน

4. ข้อใดเป็นความหมายของคาว่า “มัลติมีเดีย”

ก. ชุดคาส่ังท่ีส่ังให้ฮาร์ดแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ทางานร่วมกันและช่วยจัดการข้อมูลที่นาไปสู่ระบบ

คอมพิวเตอร์

ข. ชุดคาส่ังที่ส่ังให้ระบบคอมพิวเตอร์ทางานตามที่ผู้ใช้ต้องการ จัดเป็นโปรแกรมประยุกต์หรือโปรแกรม

เฉพาะงาน

ค. การใช้สื่อท่ีหลากหลายช่วยในการนาเสนออย่างมีประสิทธิภาพ

ง. การสื่อสารข้อมูลหรือสารสนเทศระหว่างคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีการใช้งานอยู่ ณ ที่ต่างๆ

5. โปรแกรมที่เรียกว่ามัลติมีเดียต้องประกอบด้วยองค์ประกอบอย่างน้อยกี่ชนิด

ก. 1 ชนิด ข. 3 ชนิด ค. 5 ชนิด ง. 7 ชนิด

- 26 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมัลติมีเดีย

ชือ่ หน่วย หลกั การสร้างส่ือมัลตมิ เี ดีย

เรื่อง หลกั การสรา้ งส่ือมลั ติมีเดีย จานวนช่วั โมงสอน 8 ชัว่ โมง

6. ข้อใดเป็นประโยชน์ของมัลติมีเดีย
ก. เข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น
ข. เพิ่มประสิทธิผลในการเรียนรู้
ค. เพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้
ง. ถูกทุกข้อ

7. ข้อใดเป็นความหมายของคาว่า ภาพเคล่ือนไหว
ก. การนาเสนอแบบสองทาง และโต้ตอบกับผู้ใช้ได้
ข. ภาพกราฟิกที่มีการเคลื่อนไหวเพ่ือแสดงข้ันตอนต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ค. ชุดคาสั่งที่ส่ังให้ฮาร์ดแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ทางานร่วมกัน และช่วยจัดการข้อมูลที่นาไปสู่ระบบ

คอมพิวเตอร์
ง. ชุดคาสั่งที่สั่งให้ระบบคอมพิวเตอร์ทางานตามผู้ใช้ต้องการ

8. ข้ันตอนทั้ง 6 ขั้นตอนเป็นการเสริมสมรรถนะของงานไม่จาเปน็ ต้องทาทั้งหมดข้ึนอยู่กับการพิจารณาของใคร
ก. ผู้พัฒนาส่ือ
ข. เจ้าหน้าท่ีปฏิบัติในห้องคอมพิวเตอร์
ค. ผู้ใช้บริการในร้านคอมพิวเตอร์
ง. เจ้าของร้านคอมพิวเตอร์

9. การเขียน story board จัดอยู่ในข้ันตอนใดของการออกแบบมัลติมีเดีย
ก. ออกแบบเค้าโครงเร่ือง
ข. การพัฒนา
ค. ออกแบบส่วนรายละเอียดของงาน
ง. การยอมรับของผู้ใช้

10. ข้อใดเป็นประโยชน์ของเสียงท่ีใช้ในระบบมัลติมีเดีย
ก. ช่วยให้ระบบมัลติมีเดียน้ันเกิดการสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ข. ช่วยสร้างความน่าสนใจและน่าติดตามในเร่ืองราวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ค. ในการนาเสนอต้องใช้เสียงที่เร้าใจและสอดคล้องกับเน้ือหาทาให้น่าสนใจ
ง. ถูกทุกข้อ

- 27 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลติมีเดีย

ชอ่ื หน่วย หลักการสรา้ งส่ือมัลติมเี ดีย

เรอื่ ง หลักการสร้างสื่อมัลติมีเดยี จานวนชั่วโมงสอน 8 ช่ัวโมง

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยที่ 1

1. Interactivity หมายถึงข้อใด

ก. สิ่งที่ทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ให้และผู้รับ

ข. ระบบสมองของร่างกายมนุษย์ ทาหน้าที่ประมวลข้อมูลและสารสนเทศด้วยชุดคาส่ังท่ีส่งเข้าไปให้ทางาน

ตามที่ผู้ใช้ต้องการ

ค. กระบวนการหลักที่ระบบคอมพิวเตอร์สามารถทาได้

ง. การนาเสนอแบบสองทาง และโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ ผู้ใช้สามารถเลือกชมตอนไหนก่อนก็ได้ และสามารถย้อนกลับ

ไปกลับมาได้ตามความต้องการ

2. การใช้มัลติมีเดียในยุคแรก ๆ เป็นการนาเสนอแบบทางใด

ก. แบบทางเดียว ข. แบบสองทาง ค. แบบสามทาง ง. ไม่มีข้อใดถูก

3. ข้อใดไม่ใช่ขั้นตอนในการพัฒนามัลติมีเดีย

ก. กาหนดเป้าประสงค์

ข. ออกแบบเค้าโครงเรื่อง

ค. วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทางานของมัลติมีเดีย

ง. ออกแบบส่วนรายละเอียดของงาน

4. ข้อใดเป็นความหมายของคาว่า “มัลติมีเดีย”

ก. ชุดคาสั่งท่ีส่ังให้ฮาร์ดแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ทางานร่วมกันและช่วยจัดการข้อมูลที่นาไปสู่ระบบ

คอมพิวเตอร์

ข. ชุดคาสั่งที่ส่ังให้ระบบคอมพิวเตอร์ทางานตามท่ีผู้ใช้ต้องการ จัดเป็นโปรแกรมประยุกต์หรือโปรแกรม

เฉพาะงาน

ค. การใช้ส่ือท่ีหลากหลายช่วยในการนาเสนออย่างมีประสิทธิภาพ

ง. การส่ือสารข้อมูลหรือสารสนเทศระหว่างคอมพิวเตอร์ ซ่ึงมีการใช้งานอยู่ ณ ที่ต่างๆ

5. โปรแกรมที่เรียกว่ามัลติมีเดียต้องประกอบด้วยองค์ประกอบอย่างน้อยกี่ชนิด

ก. 1 ชนิด ข. 3 ชนิด ค. 5 ชนิด ง. 7 ชนิด

- 28 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมัลติมีเดีย

ช่อื หน่วย หลกั การสร้างสื่อมัลตมิ เี ดีย

เรื่อง หลักการสร้างสื่อมลั ติมีเดยี จานวนช่วั โมงสอน 8 ชัว่ โมง

6. ข้อใดเป็นประโยชน์ของมัลติมีเดีย
ก. เข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น
ข. เพิ่มประสิทธิผลในการเรียนรู้
ค. เพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้
ง. ถูกทุกข้อ

7. ข้อใดเป็นความหมายของคาว่า ภาพเคล่ือนไหว
ก. การนาเสนอแบบสองทาง และโต้ตอบกับผู้ใช้ได้
ข. ภาพกราฟิกที่มีการเคล่ือนไหวเพ่ือแสดงข้ันตอนต่างๆ ท่ีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ค. ชุดคาส่ังที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ทางานร่วมกัน และช่วยจัดการข้อมูลที่นาไปสู่ระบบ

คอมพิวเตอร์
ง. ชุดคาสั่งที่สั่งให้ระบบคอมพิวเตอร์ทางานตามผู้ใช้ต้องการ

8. ขั้นตอนทั้ง 6 ข้ันตอนเป็นการเสริมสมรรถนะของงานไม่จาเปน็ ต้องทาทั้งหมดข้ึนอยู่กับการพิจารณาของใคร
ก. ผู้พัฒนาส่ือ
ข. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติในห้องคอมพิวเตอร์
ค. ผู้ใช้บริการในร้านคอมพิวเตอร์
ง. เจ้าของร้านคอมพิวเตอร์

9. การเขียน story board จัดอยู่ในข้ันตอนใดของการออกแบบมัลติมีเดีย
ก. ออกแบบเค้าโครงเรื่อง
ข. การพัฒนา
ค. ออกแบบส่วนรายละเอียดของงาน
ง. การยอมรับของผู้ใช้

10. ข้อใดเป็นประโยชน์ของเสียงท่ีใช้ในระบบมัลติมีเดีย
ก. ช่วยให้ระบบมัลติมีเดียน้ันเกิดการสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ข. ช่วยสร้างความน่าสนใจและน่าติดตามในเรื่องราวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ค. ในการนาเสนอต้องใช้เสียงท่ีเร้าใจและสอดคล้องกับเน้ือหาทาให้น่าสนใจ
ง. ถูกทุกข้อ

- 29 -

พส.15

ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ตมิ ีเดีย

ชื่อหน่วย หลักการสร้างส่ือมัลติมเี ดีย

เรอ่ื ง หลักการสร้างส่อื มลั ติมีเดีย จานวนชั่วโมงสอน 4 ชั่วโมง

จดุ ประสงค์การมอบงาน
เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจหลักการสร้างสื่อมัลติมีเดีย และสามารถแสดงความรเู้ ก่ียวกับหลักการสร้าง

สอื่ มัลติมเี ดียได้

แนวทางการปฏิบตั ิงาน
ให้ผเู้ รยี นศกึ ษาค้นควา้ ข้อมูลเพ่ิมเตมิ โดยจดลงในสมุดและบอกที่มาของข้อมูล มีหัวข้อดังต่อไปน้ี
1. ความสาคัญของสื่อมลั ตมิ ีเดีย
2. หลกั การออกแบบสอ่ื มลั ติมเี ดยี
3. การใช้มัลติมเี ดยี
4. การเตรยี มงานก่อนนาเสนอ

แหลง่ คน้ ควา้
www.google.co.th และ www.youtube.com ตามหวั ขอ้ ที่กาหนด

คาถาม/ปัญหา
-

กาหนดเวลาทางาน
-

- 30 - พส.9
หน่วยที่ 1
แผนการจดั การเรียนรู้
รหัสวชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมัลติมีเดีย เวลารวม 72 ชม.
ชอ่ื หน่วย หลกั การสรา้ งสื่อมัลตมิ ีเดยี สปั ดาห์ 2/18
เร่ือง หลักการสร้างสอ่ื มลั ติมีเดีย
จานวน 4 ชม.

1. สาระสาคัญ
คนท่ัวไปมักจะกล่าวถึงความหมายของคาว่า “มัลติมีเดีย” โดยมุ่งเน้นไปท่ีสื่อท่ีใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์

เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ส่ือประเภทอื่นๆ เช่น เคร่ืองโทรทัศน์และวิทยุก็จัดได้ว่าเป็นมัลติมีเดีย
เช่นกนั แต่อยา่ งไรก็ตาม เคร่ืองคอมพิวเตอร์กย็ ังจัดเปน็ อุปกรณท์ ่ีได้รบั ความนิยมที่ใชส้ าหรบั การผลิตส่อื การนาเสนอ
และการติดต่อสื่อสารมากที่สุด เนื่องจากมีขีดความสามารถและรองรับการทางานได้หลากหลาย จึงทาให้คาจากัด
ความของมัลติมีเดียมักจะมงุ่ เน้นไปท่ีคอมพิวเตอรเ์ ป็นสว่ นใหญ่

สื่อมัลติมีเดีย คือ การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับโปรแกรมซอฟต์แวร์ในการสื่อความหมายโดยการผสมผสานสื่อ
หลายชนิด เช่น ข้อความ กราฟิก (Graphic) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เสียง (Sound) และวีดิทัศน์ (Video)
เป็นต้น และถ้าผู้ใช้สามารถท่ีจะควบคุมสื่อให้นาเสนอออกมาตามต้องการได้จะเรียกว่า สื่อมัลติมีเดีย
ปฏิสัมพันธ์ (Interactive Multimedia) การปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้สามารถจะกระทาได้โดยผ่านทางคีย์บอร์ด
(Keyboard) เมาส์ (Mouse) หรือตัวชี้ (Pointer) เป็นต้น การใช้สื่อมัลติมีเดียในลักษณะปฏิสัมพันธ์ก็เพ่ือช่วยให้ผู้ใช้
สามารถเรียนรู้หรือทากิจกรรม รวมถึงดูส่ือต่างๆ ด้วยตนเองได้ส่ือต่างๆ ที่นามารวมไว้ในส่ือมัลติมีเดีย เช่น ภาพ เสียง
วีดิทัศน์ จะชว่ ยให้เกิดความหลากหลายในการใช้คอมพิวเตอรอ์ ันเป็นเทคโนโลยคี อมพิวเตอรใ์ นแนวทางใหม่ที่ทาใหก้ าร
ใชค้ อมพวิ เตอรน์ า่ สนใจ และเรา้ ความสนใจ เพิม่ ความสนุกสนานในการเรยี นรูม้ ากย่ิงขน้ึ

2. สมรรถนะประจาหน่วย
สามารถแสดงความรู้เก่ียวกับหลกั การสร้างสอื่ มลั ตมิ เี ดยี ได้

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 บอกโปรแกรมสรา้ งสือ่ มัลติมเี ดยี ได้
3.2 อธิบายขน้ั ตอนการสรา้ งส่ือมัลติมเี ดยี ได้

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 โปรแกรมสรา้ งสอ่ื มลั ติมเี ดีย
4.2 ข้นั ตอนการสรา้ งส่อื มลั ติมีเดยี

5. การออกแบบการจดั การเรียนรู้
การจัดการเรียนการสอนด้วยส่อื สาธิตของจรงิ ไดล้ งมือปฏิบตั ิ เพ่อื นชว่ ยเพื่อน Active learning

- 31 -

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขั้นนา
1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ทบทวนความรู้ทเ่ี รียนในสัปดาหท์ ี่ 1
2. ครสู มุ่ ถามนักเรียนในสว่ นของงานทม่ี อบหมายทลี ะคน และให้นักเรียนช่วยกันอธิบายตามความเขา้ ใจ
ขั้นกิจกรรม
1. ครใู หน้ กั เรยี นดูสื่อการสอนทเ่ี ตรยี มไว้ พรอ้ มอธิบายทีละขอ้
2. สอบถามความเข้าใจ และอธิบายซ้าในสว่ นทีน่ กั เรียนยงั ไมเ่ ข้าใจ
3. ครูใหน้ กั เรยี นสืบคน้ หาขอ้ มลู โปรแกรมสรา้ งสื่อมัลตมิ ีเดยี
ข้ันสรุปและประเมินผล
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปโปรแกรมที่นิยมใช้ในการสร้างงานมัลติมีเดีย และข้ันตอนของการสร้างงาน

มลั ตมิ ีเดีย
2. ครูให้นักเรยี นสืบค้นข้อมูลเพ่ิมเติม ในส่วนของเทคนิคการสร้างส่ือมัลตมิ ีเดียที่ทาให้งานนาเสนอน่าสนใจ โดย

ครูใหค้ าแนะนาเป็นรายบุคคล

7. บรรยากาศท่สี ่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน
ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียน เน่ืองจากการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ครูผู้สอนทาการสอนด้วยความ

สนกุ สนานเปน็ กนั เอง ทาให้ผเู้ รยี นได้แสดงความคดิ เหน็ และไดแ้ ลกเปล่ยี นความรู้ สง่ ผลใหเ้ กดิ ผลการเรยี นรูท้ ่ดี ี

8. คณุ ธรรม จริยธรรมประจาหน่วย
ฝึกความรับผิดชอบ การส่งงานการเข้าเรียนตรงต่อเวลา มีความซ้ือสัตย์สุจริต ไม่นาทรัพย์สินของเพ่ือนมาเป็น

ของตนเอง

9. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้
9.1 ส่อื Microsoft PowerPoint
9.2 สอื่ มัลติมีเดียจาก www.youtube.com
96.3 ใบความรู้ และวิดีโอ
9.4 ใบมอบหมายงาน
9.5 เครือ่ งไมโครคอมพิวเตอร์
9.6 เครื่องฉายภาพจอโปรเจ็คเตอร์

10. การวดั ผลและประเมนิ ผล ( เช่น แบบทดสอบทา้ ยบทเรียน , แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรยี น )
10.1 สังเกตผู้เรียนมีความสนใจ เกิดความเข้าใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตือรือร้นในการ

แสดงความคดิ เหน็ และสรุปสาระการเรยี นรูป้ ระจาหนว่ ย
10.2 เครื่องมือการประเมนิ จิตพิสัย

- 32 -

11. หลักฐานการเรยี นรู้
11.1 แบบฝึกหดั ทา้ ยหนว่ ย
11.2 ใบงาน/ใบกจิ กรรม

12. เอกสารอ้างอิง
12.1 ศวิ ัช กาญจนชมุ , ทพิ วรรณ อ่องน้อย, โปรแกรมมัลติมเี ดยี (2204-2106). กรงุ เทพฯ : จติ รวฒั น,์ 2557
12.2 มนัสชยั กรี ตผิ จญ และคณะ, คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพื่องานอาชีพ (20001-2001). กรุงเทพฯ :

สานักพิมพ์เอมพนั ธ,์ 2562
12.3 สุธดิ า ทะนนั ท์, คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพ่ืองานอาชีพ (20001-2001). กรุงเทพฯ : ศูนยห์ นังสอื

เมืองไทย, 2562
12.4 อ.อาภา กุลธรรมโยธนิ , คอมพิวเตอร์และสารสนเทศเพอ่ื งานอาชีพ (20001-2001). กรุงเทพฯ : ศนู ย์

สง่ เสรมิ วชิ าการ, 2562

- 33 -

พส.10

เครอื่ งมือทใ่ี ช้ในการประเมนิ

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ติมีเดยี ท-ป-น 2-2-3

แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Rating scale) เกณฑก์ ารให้คะแนน
5 4 321
ประเด็นการประเมนิ

1. อธบิ ายความหมายของมลั ตมิ ีเดียได้
2. บอกองค์ประกอบของมลั ติมเี ดยี ได้
3. บอกประโยชน์ของมัลติมเี ดยี ได้
4. บอกโปรแกรมสร้างสื่อมัลติมีเดยี ได้
5. อธบิ ายขั้นตอนการสรา้ งสื่อมัลติมีเดยี ได้

รวม
รวมทง้ั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (70%)

- 34 -
พส.10

แบบประเมินจิตพิสัย
แบบประเมินแบบตรวจสอบรายการ (checklist)

พฤติกรรมท่สี ังเกต มี (1) ไมม่ ี (0) หมายเหตุ
1.การมาเรียนและการทากิจกรรมหนา้ เสาธง 1,5,6
2.การแตง่ กายถกู ตอ้ งตามระเบยี บแบบพอเพยี ง 2,10
3.กิรยิ าสุภาพ,เรยี บรอ้ ย,ปฏบิ ตั ิตามพระราชดารสั 3,8,9,11
4.ความตง้ั ใจและสนใจเรยี น 4
5.ความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานและสว่ นรวม 7,12

รวมคะแนน (5 คะแนน/สปั ดาห)์

หมายเหตุ บูรณาการตามคา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ

- 35 -

พส.11

บันทึกหลังการจดั การเรยี นรู้
รหัสวชิ า...........................ชือ่ วชิ า.........................................................................................ระดับชนั้  ปวช.  ปวส.
สาขางาน..............................................................................................สปั ดาหท์ ่ี..........วันที่สอน..............................................
หนว่ ยท.ี่ ...........ชือ่ หน่วย......................................................................................................................จานวน................ช่ัวโมง
จานวนผู้เรียน..........................คน มาเรยี น........................คน ขาดเรียน.........คน ลาป่วย....-.....คน ลากิจ.....-.....คน

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปัญหาและอุปสรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…………
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………………
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………

ลงชือ่ .......................................................ครูผู้สอน

(นางสาวลูกเกด พรหมชนะ)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................

ลงช่อื ...............................................หัวหน้าแผนกวชิ า ลงช่ือ............................................รองผอู้ านวยการฝ่ายวชิ าการ
(นายจักรพงษ์ ครองยุทธ) (นางสาวนศิ ากร เจรญิ ดี)
............/................../............ ............/................../............

ความเห็นผูอ้ านวยการ.................................................................................
....................................................................................................................

ลงชอื่ ...........................................
(นางสาวสมุ ีนา แดงใจ)

ผอู้ านวยการวทิ ยาลยั การอาชีพนครปฐม
............/................../............

- 36 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วิชา 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมัลตมิ ีเดีย

ช่อื หน่วย หลักการสร้างส่อื มัลตมิ ีเดีย

เรือ่ ง หลกั การสร้างสอ่ื มลั ติมีเดยี จานวนช่วั โมงสอน 4 ช่ัวโมง
รายการเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
- จุดประสงคท์ ่วั ไป 4. โปรแกรมสร้างสอ่ื มลั ตมิ เี ดีย
5. ขัน้ ตอนการสรา้ งส่ือมลั ติมีเดยี
1. อธบิ ายความหมายของมัลตมิ ีเดียได้
2. บอกองคป์ ระกอบของมลั ติมเี ดยี ได้
3. บอกประโยชน์ของมลั ตมิ ีเดียได้
- จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม
สามารถแสดงความรเู้ กย่ี วกับหลักการสร้างสื่อ
มลั ติมเี ดยี ได้

4. โปรแกรมสรา้ งส่ือมลั ติมีเดีย
โปรแกรมที่ใช้สร้างส่ือมัลติมีเดียหรือแสดงผลงานของสถาบัน มหาวิทยาลัย คณะฯ หน่วยงานบริษัท โปรโมท

สินค้า แนะนาสินค้า ประชุม สัมมนา บรรยายทางวิชาการ และอ่ืนๆ อีกมากมายแต่ละโปรแกรมเหมาะกับงานแต่ละ
แบบ ยกตวั อยา่ ง เช่น

1. Microsoft PowerPoint เหมาะสาหรับ Computer Presentation ที่ใช้งานง่ายทสี่ ุด Power Point เป็น
โปรเเกรมในการนาเสอนไดใ้ นหลายรปู เเบบ ไม่ว่าจะเป็นนาเสนอ เเบบเป็นอักษร ภาพ หรือเสยี ง โดยตวั โปรเเกรมนั้น
สามารถนาสื่อเหล่านีม้ าผสมผานได้ อยา่ บงลงตวั เเละมีประสิทธภิ าพมากท่สี ุด

ลักษณะการของโปรเเกรม Power Point
การทางานในรูปของภาพน่ิง (slide) คือเเผ่นเอกสารเดยี่ ว ๆ ที่เเสดงส่ิงต่าง ๆ ตัวอกั ษร กราฟตาราง รปู ภาพ
หรืออ่ืนๆ เเละสามารถเเสดงไลด์ลงบนแผ่นกระดาษหรือเครื่องฉานข้ามศีรษะ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือเคร่ือง
ฉาย โปรแกรม Microsoft PowerPoint 2003 เป็นโปรแกรมสั่งงานคอมพิวเตอร์ท่ีถูกออกแบบมาให้ใช้กับงานด้าน
การนาเสนอเรื่องราวต่าง ๆ (Presentation)ในลักษณะคล้าย ๆ กับการฉายสไลด์ (Slide Show) โดยเราสามารถใช้
คาสั่งของ PowerPoint สร้างแผ่นสไลด์ท่ีมีรูปภาพและข้อความบรรยายเร่ืองราวท่ีต้องการจะนาเสนอได้อย่างรวดเร็ว
พร้อมทั้งกาหนดลักษณะแสงเงา และลวดลายสีพื้นให้สไลด์แต่ละแผ่นมีความสวยงามน่าสนใจยิ่งขึ้น นอกจากน้ีเรายัง
สามารถกาหนดรปู แบบการฉายสไลด์แต่ละแผ่น อย่างต่อเนื่อง และใช้เทคนิคพเิ ศษในการแสดงข้อความแต่ละบรรทัด
เพื่อให้ผู้ชมการฉายสไลด์ค่อย ๆ เห็นข้อความบรรยายและภาพเหล่าน้ีทีละขั้น ๆ อย่างต่อเน่ืองกันเป็นเร่ืองราวตาม
ระยะเวลาทเี่ รากาหนดไว้

- 37 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ติมเี ดีย

ชื่อหน่วย หลักการสรา้ งสอื่ มัลติมเี ดยี

เรอ่ื ง หลักการสร้างสอื่ มลั ติมีเดยี จานวนชวั่ โมงสอน 4 ชั่วโมง

ความหมายของการนาเสนอข้อมูล

การนาเสนอข้อมูล หมายถึง การส่ือสารเพื่อเสนอข้อมูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือความต้องการไปสู่ผู้รับ

สาร โดยใชเ้ ทคนิคหรอื วธิ ีการต่าง ๆ อันจะทาใหบ้ รรลุผลสาเร็จตามจุดมงุ่ หมายของการนาเสนอ

ประโยชน์ของโปรแกรม PowerPoint

1. สามารถสร้างงานนาเสนอได้ แม้ว่าจะไม่เคยสรา้ งงานนาเสนอมาก่อน เนอื่ งจากจะมรี ะบบชว่ ยเหลือ (Office

Assistant) ใน PowerPoint ซึ่งจะคอยแนะนาหลักการในการสร้างงานนาเสนออย่างเป็นข้ันตอน การเลือกสีมาใช้กับ

สไลด์ และจัดองคป์ ระกอบทางศิลป์ได้โดยอัตโนมัติ

2. ในส่วนการนาเสนอภาพนิ่ง สามารถที่จะนาองค์ประกอบมัลติมีเดีย เช่น การนาเอฟเฟ็ค เสียง ดนตรีและ

วีดีโอ มาใชป้ ระกอบร่วมได้

3. นอกจากส่ิงที่ได้เตรียมมานาเสนอแล้ว ยังสามารถใช้ PowerPoint เตรียมเอกสารประกอบคาบรรยายและ

ในขณะท่ีมกี ารนาเสนองาน กส็ ามารถใชเ้ มาสว์ าดเส้นบนสไลดท์ ีแ่ สดงอยู่ในขณะน้ันเพ่อื เน้นประเดน็ สาคญั ได้

4. สามารถท่ีจะดัดแปลงงานนาเสนอทเ่ี ปน็ ไฟล์ PowerPoint เป็นสไลด์ 35 ม.ม. เพ่อื ใช้นาเสนอผ่านเครือข่าย

อินเทอร์เนต็ หรอื เครอื ข่ายอนิ ทราเนต็ ภายในองคก์ รได้

แนวทางการสร้างงานนาเสนอ

การนาเสนอท่ีดีควรทาอย่างเป็นขั้นตอน โดยเริ่มจากการวางโครงร่างของงาน จากน้ันจึงลงรายละเอียดและ

จัดทาสไลดเ์ พ่อื นาเสนองานเป็นไปอย่างรวดเรว็ จงึ ควรทาตามขนั้ ตอนดงั ตอ่ ไปนี้

1. การวางโครงร่าง กอ่ นเรม่ิ เตรียมงานนาเสนอ ควรมีความชดั เจนในส่ิงทต่ี อ้ งการนาเสนอ โดยศกึ ษากลุ่ม

ผู้ฟังว่ามีลักษณะเช่นไร การเริ่มเตรียมงานนาเสนอโดยการวางโครงร่าง เป็นการถ่ายทอดความคิดของผู้นาเสนอเป็น

แนวทางทาให้เกิดความชัดเจนเก่ียวกับงานท่ีจะนาเสนอ ซ่ึงจะช่วยให้ไม่พลาดหัวข้อสาคัญท่ีต้องนาเสนอ นอกจากนั้ น

การวางโครงร่างยังเปรียบเสมือนแผนที่ในการดาเนินเร่ือง จะได้มีความมั่นใจว่าการนาเสนอผลงานนั้นได้ผลลัพธ์ตรง

ตามจดุ ประสงคท์ วี่ างไว้

2. การลงรายละเอียดเนื้อหา หลังจากวางโครงร่างตั้งแต่เร่ิมจนจบแล้ว ต่อไปเป็นการลงรายละเอียดใน

หัวข้อต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นท่ีกลุ่มผู้ชมเป็นหลักว่าสไลด์ท่ีจะนาเสนอต้องมีเน้ือหา หรือรูปแบบการนาเสนอแบบใดจึงจะ

เหมาะสม ซ่ึงต้องพิจารณาต้ังแต่องค์ประกอบต่าง ๆ ที่ใช้ อาทิ ภาพ สี และแนวการนาเสนอ เช่น การบรรยายเชิง

วิชาการกค็ วรให้โทนสีของสไลดส์ อดคลอ้ งกับเนือ้ หาท่เี น้นไปทางสาระและขอ้ มลู

- 38 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ตมิ เี ดีย

ช่ือหน่วย หลักการสร้างสอ่ื มัลตมิ เี ดยี

เร่อื ง หลกั การสรา้ งสื่อมัลติมีเดยี จานวนชั่วโมงสอน 4 ชั่วโมง

3. การใสข่ ้อความ รูปภาพ กราฟ หรืออ่ืนๆ ในสไลด์ เป็นขั้นตอนท่นี าเอาส่ิงต่าง ๆ ที่ต้องการนาเสนอมา
ใส่ในสไลด์แต่ละแผ่น โดยขั้นตอนนี้อาจจะไม่ต้องปราณีตเกี่ยวกับความสวยงามมากนัก แต่ควรเน้นให้มีเน้ือหามีความ
ครบถ้วนสมบรู ณ์ และมคี วามสอดคล้องกนั ทง้ั ขอ้ ความ รปู ภาพและกราฟ

4. การปรับแต่งสไลด์ให้มีสีสันสวยงาม sลังจากที่ได้ใส่ข้อความท่ีต้องการนาเสนอแล้ว ต่อไปจะต้องทา
การปรับแตง่ ตัวอักษร สีท่ใี ช้กบั สไลด์ และรปู แบบขององค์ประกอบต่างๆ ท่แี สดง เพ่ือให้สไลด์ดสู วยงามและน่าติดตาม
เชน่ การใช้ข้อความอักษรศิลป์ให้เงากบั วตั ถุ กาหนดภาพสามมติ ิ เป็นตน้

5. การเพ่มิ ความน่าสนใจให้กบั สไลด์ในขณะนาเสนอ กรณีใช้คอมพวิ เตอรใ์ นการนาเสนอสไลด์ ก็อาจนา
เทคนิคในการเปลี่ยนแผ่นสไลด์มาใช้ เนือ่ งจากมมี ากมายหลายแบบให้เลือกใช้ เพอื่ เพมิ่ ความนา่ สนใจให้กับการนาเสนอ
ขอ้ มลู ได้

6. เตรียมการนาเสนองานจริง หลังจากได้งานนาเสนอที่สมบูรณ์แล้ว กอ่ นถงึ เวลาท่ีจะต้องนาเสนอ ควร
ซ้อมการพูดให้เข้ากับแผ่นสไลด์ท่ีเตรียม ควรมีการจับเวลาทีใ่ ช้นาเสนอด้วยเพ่ือจะได้ทราบเวลาบรรยายจรงิ และจะได้
ปรบั ลดใหเ้ หมาะสมยิ่งข้ึน

7. การเตรียมเอกสารประกอบการบรรยายแจกผู้เข้ารับฟัง ส่ิงท่ีสาคัญอีกอย่างหน่ึงท่ีขาดไม่ได้คือ
จัดพิมพ์เอกสารประกอบการบรรยาย แจกให้ผูเ้ ขา้ ฟังจะทาใหไ้ ม่ต้องเสียเวลาในการจดบนั ทกึ ส่ิงท่ีได้นาเสนอไป

หลักการทางานของโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2003 จะสร้างเอกสารเป็นแผ่น ๆ คล้ายกับแผ่น
โปร่งใส โดยในแผ่นงานนั้นสามารถพิมพ์ข้อความ แทรกภาพประกอบ แทรกตาราง เติมสี และออกแบบองค์ประกอ บ
แผน่ งานใหส้ วยงามไดห้ ลากหลายรปู แบบ

แผ่นงานแตล่ ะแผ่นจะเรยี กวา่ สไลด์ (Slide) โดยแตล่ ะไฟล์สามารถสร้างสไลด์ไดจ้ านวนมากเพียงพอที่จะ
สรา้ งงานนาเสนอได้ เราสามารถจะลบ เพม่ิ แทรก หรือเคล่ือนย้ายสลับหน้ากันไปมาได้

- 39 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมัลตมิ ีเดีย

ชอื่ หน่วย หลกั การสรา้ งสอ่ื มัลติมีเดยี

เร่อื ง หลกั การสร้างสือ่ มัลติมีเดยี จานวนช่วั โมงสอน 4 ชั่วโมง

2. Director เหมาะสาหรับ Multimedia Computer Presentation ที่ดีที่สุด ใช้งานยากกว่า PowerPoint
แต่เหมาะสมกับการจัดทาส่ือการเรียนการสอน Adobe Director เป็นโปรแกรมสร้างมัลติมีเดียท่ีมีประสิทธิภาพสูง ที่
ได้รับการยอมรับว่า เป็นโปรแกรมที่รองรับช้ินส่วนของสื่อท่ีหลากหลายนาเข้ามาแสดงผลได้อย่างลงตัว และใช้งาน
ร่วมกันได้เป็น อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพ ประเภทต่างๆท้ัง vector และ bitmap สนับสนุน มัลติมีเดียได้อย่าง
สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Windows Media, RealMedia, QuickTime, Flash รวมถึงการเข้าถึงข้อมูล DVD-Video ได้
อีกด้วย สร้างสรรงานได้ดี อย่างไร้ขีดจากัด ด้วยการใช้ภาษา JavaScript และ ภาษา Lingo อันเป็นคุณสมบัติเฉพาะ
ของ Director เอง ผลงานท่ีได้สามารถ deploy ลง บน CD-R, DVD หรือ Intranet ภายในองค์กร หรือจะทาการเผย
แพรไ่ ปสู่ website ทมี่ ผี ใู้ ชง้ านไฟลข์ อง director นมี้ ากกว่า 300 ลา้ นรายท่ัว โลกในรปู แบบ Shockwave Player

3. Authorware เหมาะสาหรับ Multimedia ท่ีมีบททดสอบและการโต้ตอบท่ีดีที่สุด ใช้งานยากกว่า
PowerPoint แต่ง่ายกว่า Director เหมาะสาหรับนิติ นักศึกษา ครู อาจารย์ Adobe Authorware จัดเป็นโปรแกรม
ประเภท Authoring System ที่ใช้ ในการสร้างสื่อบทเรียน ช่วยสอนท่ีสมบูรณ์ท่ีสุดผู้สร้างสามารถเรียบเรียงวางช้ิน
ส่วนบนเส้นสร้างงานได้อย่างอิสระ สามารถนาไปสร้างสรรงานนาเสนอประสิทธิภาพสูง รองรับการสร้างงานลักษณะ
Multimidia มีทัง่ ภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหว เสียงเพลง เสียงอธิบาย Sound Effect และสามารถโตต้ อบกับผู้ใชโ้ ปรแกรม
ได้ หลายรปู แบบ ซง่ึ จากคณุ สมบตั ดิ งั กล่าว สามารถนาไปประยุกต์ใชไ้ ดอ้ ย่างกวา้ งขวาง

- 40 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวิชา 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ตมิ เี ดีย

ชือ่ หน่วย หลักการสร้างสอ่ื มัลตมิ เี ดยี

เรอ่ื ง หลักการสรา้ งส่ือมัลติมีเดีย จานวนช่ัวโมงสอน 4 ชั่วโมง

4. Adobe Flash เหมาะสาหรับ Multimedia CAI Games Web และอื่นๆอีกมากมาย เสถียรภาพสูง
สามารถบนั ทึกไฟล์ .exe และ .swf ได้ Adobe Flash เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในด้านการสร้างภาพเคล่ือนไหว
ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท Adobe (เดิมคือ Macromedia ค่ายเดียวกับ
Authorware) ซึ่งได้พัฒนาปรับปรุงเครื่องมือต่างๆ ให้มีความสามารถใช้งานได้สะดวก สามารถใช้ผลิตสื่อการสอนเชิง
โต้ตอบ (Interactive) สือ่ Presentation, เกม, แบบทดสอบ, e-book, website, Streaming Video, ฐานข้อมูล, งาน
กราฟกิ และสรา้ งภาพเคลือ่ นไหว หรอื แมแ้ ต่ภาพยนตรก์ ารต์ นู เอนิเมชัน่

5. Swish max,Swish 3D เป็นโปรแกรมที่ดมี ากในสื่อมัลติมีเดีย ผลงาน Special Effect เกี่ยวกับภาพและ
ตัวหนังสือ ซ่ึงเป็นโปรแกรมที่สร้างใช้งานได้ง่ายกว่า Effect สาเร็จรูปให้ชมมากมาย นาไปสร้าง Effect ใช้กบั ภาพและ
ตัวหนังสือแล้ว Export เป็น .swf นาไปใช้งานได้อย่างดี SwiSH Max เปนโปรแกรมท่ีใชสาหรับสรางงานทางดานก
ราฟฟก เชน การสรางตัวอักษร ภาพนิ่ง และภาพเคล่ือนไหว ท่ีสามารถนาไปใชกับงานประเภทตางๆ ได เชนเดียวกับ
โปรแกรม Macromedia Flash เชน งาน Presentation งาน Animation หรอื แมกระท่ังการออกแบบและพัฒนาเว็บ
ไซด เปนตน ลักษณะการใชงานของโปรแกรม SwiSH Max จะงายกวาโปรแกรม Flash เนื่องจากมี Effect สาเร็จรูป
ประเภทตางๆ มาให นอกจากน้ียังสามารถเขียนสคริปตเพื่อควบคุมการทางานได ทาใหโปรแกรม SwiSH Max เปนที่
นาสนใจและกาลังไดรบั ความนยิ มเปนอยางมาก

- 41 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ติมเี ดีย

ชื่อหน่วย หลักการสร้างสอ่ื มัลติมเี ดยี

เร่อื ง หลกั การสร้างส่อื มัลติมีเดยี จานวนชัว่ โมงสอน 4 ช่ัวโมง

6. Ulead Video Studio เป็นโปรแกรมนาเสนออีกโปรแกรมหนึ่ง เหมาะสาหรับงานประชาสัมพันธ์หรือ
งานมงคลต่างๆ Ulead Video Studio เป็นโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่มีการใช้งานไม่ยากจนเกินไป แม้ผู้ที่เริ่มใช้งานก็
สามารถท่ีจะสร้างวีดีโอได้เหมือนกับผู้ท่ีมีประสบการณ์ตัดต่อวีดีโอมานาน โปรแกรมน้ีมีเคร่ืองมือต่างๆ สาหรับตัดต่อ
วีดีโออย่างครบถ้วน เร่ิมต้ังแต่จับภาพจากกล้องเข้าคอมพิวเตอร์ ตัดต่อวีดีโอ ใส่เอ็ฟเฟ็กต์ต่างๆ แทรกดนตรีประกอบ
แทรกคาบรรยาย ไปจนถึงบันทึกวดี ีโอที่ตัดต่อกลับลงเทป, VCD, DVD หรือแม้กระท่ังเผยแพร่ผลงานทางเว็บโปรแกรม
Ulead มีการทางานเป็นข้ันตอนท่ีง่าย ตั้งแต่จับภาพ ตัดต่อไปจนถึงเขียนลงแผ่น นอกจากน้ีแล้ว โปรแกรมยังมีเอ็ฟ
เฟ็กต์ต่างๆ อีกมากมาย ไตเติ้ลสาเร็จรูปแบบมืออาชีพ รวมท้ังยังมีเคร่ืองมือที่ใช้สาหรับสร้างซาวนด์แทร็คอย่างง่ายๆ
อกี ดว้ ย

5. ข้ันตอนการสรา้ งสอ่ื มลั ติมเี ดยี
ในการสร้างสื่อมัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบทเรียนรูปแบบใด จะเริ่มต้นด้วยการกาหนดหัวหัวเรื่อง ,

เป้าหมาย, วัตถุประสงค์ และกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ จากนั้นก็ทาการ วิเคราะห์ (Analysis), ออกแบบ (Design), พัฒนา
(Development), สร้าง (Implementation), ประเมินผล (Evaluation) และนาออกเผยแพร่ (Publication) ซ่ึงการ
สร้างสือ่ มลั ตมิ ีเดีย

ที่กล่าวมาน้ี จะเห็นได้ว่า การจัดทาสื่อมลั ติมีเดีย น้ีเป็นเรื่องท่ีง่ายมากๆ ซ่ึงหมายความว่าใครๆ ท่ีมคี วามรู้ทาง
คอมพิวเตอร์ก็สามารถจะสร้างส่ือมัลติมีเดียได้ ในที่นี้จะกาหนดขั้นตอนการสร้างส่ือมัลติมีเดียโดยละเอียด ทั้งหมด 7
ขั้นตอน เพือ่ สะดวกกับผเู้ รม่ิ ต้นที่สนใจในการสรา้ งสื่อมัลติมเี ดีย ดังน้ี

- 42 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วิชา 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ตมิ เี ดีย

ชื่อหน่วย หลกั การสรา้ งสื่อมัลติมเี ดีย

เรื่อง หลักการสรา้ งสื่อมลั ติมีเดยี จานวนช่วั โมงสอน 4 ช่ัวโมง

1. ขนั้ การเตรยี ม (Preparation)
- กาหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ (Determine Goals and Objectives) คือการต้ังเป้าหมายว่า

ผู้เรียนจะสามารถใช้บทเรียนนี้เพื่อศึกษาในเร่ืองใดและลักษณะใด กล่าวคือ เป็นบทเรียนหลักเป็นบทเรียนเสริม เป็น
แบบฝึกหัดเพิ่มเติมหรือแบบทดสอบ รวมท้ังการนาเสนอเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการเรียน เราจะต้องทราบ
พน้ื ฐานของผู้เรยี นท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมายเสียก่อน เพราะความรู้พ้ืนฐานของผู้เรยี นมีอิทธิพลต่อเป้าหมายและวัตถุประสงค์
ของการเรียน

- รวบรวมข้อมูล (Collect Resources) หมายถึง การเตรียมพร้อมทางด้านของเอกสารสนเทศ
(Information) ทัง้ หมดทีเ่ กย่ี วขอ้ ง

- เน้ือหา (Meterials) ได้แก่ ตารา หนังสือ เอกสารทางวิชาการ หนังสืออ้างอิง สไลดภ์ าพต่างๆ แบบ
สรา้ งสถานการณ์จาลอง เพอ่ื ใช้สาหรับการเรียนรู้ หรอื ทดลองจากสภาพการณ์จาลองจากสถานการณ์จรงิ ซ่ึงอาจจะหา
ไม่ได้หรืออยู่ไกลไม่สามารถนาเข้ามาในห้องเรียนได้ หรือมีสภาพอันตราย หรืออาจส้ินเปลืองมากท่ีต้องใช้ของจริงซ้าๆ
สามารถใช้สาธิตประกอบการสอนใช้เสริมการสอนในห้องเรียน หรือใช้ซ่อมเสริมภายหลังการเรียนนอกห้องเรียน ที่ใด
เวลาใด ก็ได้

- การพัฒนาและออกแบบบทเรียน (Instructional Development) คือ หนงั สอื การออกแบบบทเรียน
กระดาษวาดสตอร่ีบอรด์ ส่ือสาหรบั การทากราฟกิ โปรแกรมประมวลผลคา เปน็ ตน้

- สอื่ ในการนาเสนอบทเรียน (Instructional Development System) ได้แก่ การนาเอาคอมพิวเตอร์
สอื่ ต่างๆ มาใช้งาน

- เรียนรู้เน้ือหา (Learn Content) เช่น การสัมภาษณ์ผู้เช่ียวชาญ การอ่านหนังสือหรือเอกสาอื่นๆ ที่
เก่ยี วกบั เนอื้ หาบทเรียน ถา้ ไมม่ ีการเรยี นรู้เน้อื หาเสยี กอ่ นก็ไม่สามารถออกแบบบทเรยี นท่ีมปี ระสทิ ธิภาพได้

- สร้างความคดิ (Generate Ideas) คือ การระดมสมองนั่นเอง การระดมสมองหมายถึง การกระตุน้ ให้
เกิดการใชค้ วามคิดสรา้ งสรรค์เพือ่ ให้ไดข้ อ้ คิดเหน็ ต่างๆ เปน็ จานวนมาก

2. ขัน้ ตอนการออกแบบบทเรยี น (Design Instruction) ขัน้ ตอนการออกแบบบทเรียนเปน็ ขน้ั ตอนทส่ี าคัญ
ทีส่ ดุ ขัน้ หนึ่งในการกาหนดว่าบทเรียนจะออกมามีลักษณะใด

- ทอนความคดิ (Elimination of Ideas)
- วิเคราะห์งานและแนวความคิด (Task and Concept Analysis)
- ออกแบบบทเรียนขั้นแรก (Preliminary Lesson Description)
- ประเมินและแก้ไขการออกแบบ (Evaluation and Revision of the Design)

- 43 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวิชา 20204-2110 วิชา โปรแกรมมัลติมีเดีย

ชื่อหน่วย หลกั การสรา้ งส่อื มัลตมิ เี ดยี

เรอ่ื ง หลกั การสร้างสอื่ มลั ติมีเดีย จานวนชั่วโมงสอน 4 ชั่วโมง

3. ข้ันตอนการเขียนผังงาน (Flowchart Lesson) เป็นการนาเสนอลาดับขนั้ โครงสรา้ งของคอมพิวเตอร์ช่วย
สอน ผังงานทาหนา้ ที่เสนอข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรม เช่น อะไรจะเกิดขน้ึ เม่ือผเู้ รียนตอบคาถามผิด หรือเมอ่ื ไหร่จะมกี าร
จบบทเรียน และการเขยี นผังงานขนึ้ อยกู่ บั ประเภทของบทเรียนดว้ ย

4. ข้ันตอนการสร้างสตอรี่บอร์ด (Create Storyboard) เป็นข้ันตอนการเตรียมการนาเสนอข้อความ ภาพ
รวมท้ังสื่อในรูปแบบมัลติมีเดียต่างๆ ลงบนกระดาษเพื่อให้การนาเสนอข้อความและรูปแบบต่างๆ เหล่าน้ีเป็นไปอย่าง
เหมาะสมบนหน้าจอคอมพวิ เตอร์ตอ่ ไป

5. ข้ันตอนการสร้างและการเขียนโปรแกรม (Program Lesson) เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลสตอรีบอร์ด
ให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ส่วนนี้จะต้องคานึงถึงฮาร์ดแวร์ ลักษณะและประเภทของบทเรียนท่ีต้องการสร้าง
โปรแกรมเมอร์และงบประมาณ

6. ขั้นตอนการประกอบเอกสารประกอบบทเรียน (Produce Supporting Materials) เอกสารประกอบ
บทเรียนอาจแบ่งออกได้เปน็ 4 ประเภท คือ คมู่ ือการใช้ของผู้เรียน คู่มือการใช้ของผู้สอน คู่มือสาหรับแก้ปญั หาเทคนิค
ต่างๆ และเอกสารประกอบเพิ่มเติมท่ัวๆ ไป ผู้เรียนและผู้สอนย่อมมีความต้องการแตกต่างกัน คู่มือจึงไม่เหมือนกัน
คมู่ อื การแก้ปญั หาก็จาเป็นหากการติดต้งั มคี วามสลับซับซ้อนมาก
จะสังเกตพฤติกรรมของผเู้ รียนหลงั จากที่ได้ทาการเรียนจากคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนน้ั ๆ แล้ว โดยผู้ท่ีเรียนจะต้องมาจาก
ผู้เรียนในกลุ่มเป้าหมาย ขั้นตอนนี้อาจจะครอบคลุมถึงการทดสอบนาร่องการประเมินผลจากผู้เชี่ยวชาญได้ในการ
ประเมินการทางานของบทเรียนน้ันผู้ออกแบบควรท่ีจะสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนหลังจากที่ได้ทา การเรียนจาก
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นๆ แล้ว โดยผู้ท่ีเรียนจะต้องมาจากผู้เรียนในกลุ่มเป้าหมาย ข้ันตอนน้ีอาจจะครอบคลุมถึงการ
ทดสอบนารอ่ งการประเมนิ ผลจากผู้เชี่ยวชาญได้

7. ข้ันตอนการประเมินผลและแก้ไขบทเรียน (Evaluate and Revise) บทเรียนและเอกสารประกอบ
ท้งั หมดควรทีจ่ ะได้รบั การประเมิน โดยเฉพาะการประเมินการทางานของบทเรยี น ในส่วนของการนาเสนอน้ันควรจะทา
การประเมินก็คอื ผทู้ ี่มีประสบการณใ์ นการออกแบบมาก่อนในการประเมินการทางานของบทเรียนน้ัน ผู้ออกแบบควรที่
จะสงั เกตพฤติกรรมของผูเ้ รยี นหลงั จากที่ได้ทาการเรียนจากคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนนนั้ ๆ แล้ว โดยผู้ท่ีเรียนจะตอ้ งมาจาก
ผู้เรียนในกลุ่มเป้าหมาย ขั้นตอนน้ีอาจจะครอบคลุมถึงการทดสอบนาร่องการประเมินผลจากผู้เชี่ยวชาญได้ในการ
ประเมินการทางานของบทเรียนน้ันผู้ออกแบบควรท่ีจะสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนหลังจากท่ีได้ทา การเรียนจาก
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นๆ แล้ว โดยผู้ท่ีเรียนจะต้องมาจากผู้เรียนในกลุ่มเป้าหมาย ข้ันตอนน้ีอาจจะครอบคลุมถึงการ
ทดสอบนารอ่ งการประเมินผลจากผู้เช่ยี วชาญได้

- 44 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20204-2110 วิชา โปรแกรมมลั ตมิ ีเดีย

ชอ่ื หน่วย หลกั การสรา้ งส่อื มัลตมิ ีเดีย

เรอ่ื ง หลักการสรา้ งส่ือมลั ติมีเดยี จานวนช่ัวโมงสอน 4 ชั่วโมง

แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยที่ 1

คาสัง่ ใหน้ กั เรยี นเลือกตอบถามจากคาตอบในแต่ละขอ้ ให้ทถ่ี ูกต้องที่สุด เพยี งข้อเดยี ว

1. ข้อใดเป็นความหมายของคาว่า “มัลติมีเดีย”

ก. ชุดคาสั่งที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ทางานร่วมกันและช่วยจัดการข้อมูลท่ีนาไปสู่ระบบ

คอมพิวเตอร์

ข. ชุดคาสั่งที่ส่ังให้ระบบคอมพิวเตอร์ทางานตามที่ผู้ใช้ต้องการ จัดเป็นโปรแกรมประยุกต์หรือโปรแกรม

เฉพาะงาน

ค. การใช้ส่ือท่ีหลากหลายช่วยในการนาเสนออย่างมีประสิทธิภาพ

ง. การส่ือสารข้อมูลหรือสารสนเทศระหว่างคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการใช้งานอยู่ ณ ที่ต่างๆ

2. โปรแกรมที่เรียกว่ามัลติมีเดียต้องประกอบด้วยองค์ประกอบอย่างน้อยก่ีชนิด

ก. 1 ชนิด ข. 3 ชนิด ค. 5 ชนิด ง. 7 ชนิด

3. การใช้มัลติมีเดียในยุคแรก ๆ เป็นการนาเสนอแบบทางใด

ก. แบบทางเดียว ข. แบบสองทาง ค. แบบสามทาง ง. ไม่มีข้อใดถูก

4. Interactivity หมายถึงข้อใด

ก. สิ่งที่ทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจตรงกันระหว่างผู้ให้และผู้รับ

ข. ระบบสมองของร่างกายมนุษย์ ทาหน้าที่ประมวลข้อมูลและสารสนเทศด้วยชุดคาสั่งที่ส่งเข้าไปให้ทางาน

ตามที่ผู้ใช้ต้องการ

ค. กระบวนการหลักที่ระบบคอมพิวเตอร์สามารถทาได้

ง. การนาเสนอแบบสองทาง และโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ ผู้ใช้สามารถเลือกชมตอนไหนก่อนก็ได้ และสามารถย้อนกลับ

ไปกลับมาได้ตามความต้องการ

5. ข้อใดไม่ใช่ขั้นตอนในการพัฒนามัลติมีเดีย

ก. กาหนดเป้าประสงค์

ข. ออกแบบเค้าโครงเร่ือง

ค. วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้นจากการทางานของมัลติมีเดีย

ง. ออกแบบส่วนรายละเอียดของงาน

- 45 -

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20204-2110 วชิ า โปรแกรมมลั ตมิ ีเดีย

ชื่อหน่วย หลักการสร้างส่อื มัลติมีเดยี

เร่อื ง หลักการสร้างสอ่ื มัลติมีเดยี จานวนชวั่ โมงสอน 4 ช่ัวโมง

6. ขั้นตอนทั้ง 6 ข้ันตอนเป็นการเสริมสมรรถนะของงานไม่จาเป็นต้องทาท้ังหมดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของใคร
ก. ผู้พัฒนาส่ือ
ข. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติในห้องคอมพิวเตอร์
ค. ผู้ใช้บริการในร้านคอมพิวเตอร์
ง. เจ้าของร้านคอมพิวเตอร์

7. การเขียน story board จัดอยู่ในขั้นตอนใดของการออกแบบมัลติมีเดีย
ก. ออกแบบเค้าโครงเรื่อง
ข. การพัฒนา
ค. ออกแบบส่วนรายละเอียดของงาน
ง. การยอมรับของผู้ใช้

8. ข้อใดเป็นความหมายของคาว่า ภาพเคล่ือนไหว
ก. การนาเสนอแบบสองทาง และโต้ตอบกับผู้ใช้ได้
ข. ภาพกราฟิกที่มีการเคล่ือนไหวเพื่อแสดงข้ันตอนต่างๆ ท่ีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ค. ชุดคาสั่งที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ในระบบคอมพิวเตอร์ทางานร่วมกัน และช่วยจัดการข้อมูลที่นาไปสู่ระบบ

คอมพิวเตอร์
ง. ชุดคาสั่งที่ส่ังให้ระบบคอมพิวเตอร์ทางานตามผู้ใช้ต้องการ

9. ข้อใดเป็นประโยชน์ของเสียงที่ใช้ในระบบมัลติมีเดีย
ก. ช่วยให้ระบบมัลติมีเดียนั้นเกิดการสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ข. ช่วยสร้างความน่าสนใจและน่าติดตามในเรื่องราวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ค. ในการนาเสนอต้องใช้เสียงท่ีเร้าใจและสอดคล้องกับเน้ือหาทาให้น่าสนใจ
ง. ถูกทุกข้อ

10. ข้อใดเป็นประโยชน์ของมัลติมีเดีย
ก. เข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น
ข. เพิ่มประสิทธิผลในการเรียนรู้
ค. เพิ่มขีดความสามารถในการเรียนรู้
ง. ถูกทุกข้อ


Click to View FlipBook Version