ตวั ช้วี ดั และสาระการเรียนรู้
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พอ่ื การดารงชวี ิตในสังคมท่ีมีการเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็
ใชค้ วามรแู้ ละทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพื่อแกป้ ญั หาหรือพฒั นางาน
อยา่ งมีความคิดสร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาสม
โดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และสงิ่ แวดล้อม
ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้
1. วิเคราะห์สาเหตุ หรือปจั จัยท่ีส่งผลตอ่ เทคโนโลยมี ีการเปล่ยี นแปลงตลอดเวลาตัง้ แต่อดีต
การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยแี ละ จนถงึ ปัจจุบนั ซึง่ มสี าเหตหุ รือปจั จัยมาจากหลายดา้ น เชน่
ความสมั พนั ธข์ องเทคโนโลยีกบั ศาสตร์อ่ืน ปัญหาหรอื ความตอ้ งการของมนษุ ย์ความก้าวหนา้ ของศาสตร์
โดยเฉพาะวิทยาศาสตรห์ รอื คณติ ศาสตร์ ต่างๆการเปล่ยี นแปลทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
เพอ่ื เป็นแนวทางการแกป้ ญั หาหรือพัฒนา ส่งิ แวดลอ้ ม
งาน เทคโนโลยมี คี วามสัมพันธ์กับศาสตร์อืน่ โดยเฉพาะ
วทิ ยาศาสตรโ์ ดยวิทยาศาสตร์เปน็ พ้ืนฐานความรู้ ท่ีนาไปสกู่ าร
พฒั นาเทคโนโลยีและเทคโนโลยที ไี่ ด้สามารถเป็นเคร่ืองมือ
ทใ่ี ชใ้ นการศึกษา ค้นคว้าเพือ่ ใหไ้ ด้มาซึ่งองคค์ วามร้ใู หม่
2. ระบุปัญหาหรือความต้องการของชุมชน ปัญหาหรือความต้องการอาจพบได้ในงานอาชพี
หรือท้องถนิ่ เพื่อพัฒนางานอาชีพ ของชมุ ชนหรือท้องถิน่ ซง่ึ อาจมีหลายด้าน เช่น ดา้ นการเกษตร
สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม วเิ คราะห์ อาหาร พลังงาน การขนสง่
ข้อมูลและแนวคิดทเ่ี กย่ี วข้องกบั ปัญหา การวิเคราะห์สถานการณ์ปญั หาชว่ ยให้เข้าใจ
โดยคานงึ ถึงความถูกต้องดา้ นทรพั ย์สนิ เง่ือนไขและกรอบของปญั หาไดช้ ดั เจน จากนนั้ ดาเนินการ
ทางปัญญา สบื ค้น รวบรวมข้อมลู ความรู้ จากศาสตรต์ ่าง ๆ ทเ่ี ก่ียวข้อง
เพ่ือนาไปส่กู ารออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา
ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรู้
3. ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา โดยวเิ คราะห์ การวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบ และตดั สนิ ใจเลือกข้อมูลทจ่ี าเปน็
เปรียบเทียบ และตดั สินใจเลือกข้อมูลท่ี โดยคานึงถงึ ทรัพย์สินทางปัญญาเงอ่ื นไขและทรัพยากร เชน่
จาเป็นภายใตเ้ งอื่ นไขและทรัพยากรท่ีมีอยู่ งบประมาณ เวลา ขอ้ มลู และสารสนเทศ วัสดุ เครือ่ งมือและ
นาเสนอแนวทางการแก้ปัญหาใหผ้ ้อู ่ืน อปุ กรณช์ ่วยให้ไดแ้ นวทางการแก้ปญั หาทีเ่ หมาะสม
เขา้ ใจดว้ ยเทคนิคหรือวิธีการทหี่ ลากหลาย การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทาได้
วางแผนขน้ั ตอนการทางานและดาเนนิ การ หลากหลายวิธเี ช่น การรา่ งภาพ การเขียนแผนภาพ
แก้ปญั หาอยา่ งเป็นข้นั ตอน การเขียนผงั งาน
เทคนคิ หรือวิธีการในการนาเสนอแนวทางการแก้ปญั หา
มหี ลากหลาย เชน่ การใชแ้ ผนภูมติ าราง ภาพเคล่ือนไหว
การกาหนดข้นั ตอนและระยะเวลาในการทางาน
ก่อนดาเนนิ การแก้ปัญหาจะช่วยให้การทางานสาเรจ็ ได้ตาม
เปา้ หมาย และลดขอ้ ผดิ พลาดของการทางานท่ีอาจเกดิ ขึน้
4. ทดสอบ ประเมินผล วเิ คราะห์และให้ การทดสอบและประเมินผลเป็นการตรวจสอบ
เหตผุ ลของปญั หาหรือขอ้ บกพรอ่ งที่เกิดข้นึ ชน้ิ งานหรือวิธีการว่า สามารถแกป้ ัญหาไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์
ภายใตก้ รอบเงือ่ นไข พร้อมทั้งหา ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาข้อบกพร่อง และดาเนนิ การ
แนวทางการปรับปรุง แกไ้ ข และนาเสนอ ปรับปรุง โดยอาจทดสอบซ้าเพือ่ ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้
ผลการแก้ปญั หา การนาเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคดิ เพ่ือให้ผู้อื่น
เขา้ ใจเกยี่ วกับกระบวนการทางานและช้นิ งานหรือวธิ ีการทไี่ ด้ซงึ่
สามารถทาไดห้ ลายวิธีเชน่ การเขียนรายงาน การทาแผน่
นาเสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ การนาเสนอผ่านสื่อออนไลน์
ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้
5. ใช้ความรแู้ ละทักษะเกี่ยวกับวัสดุ วสั ดแุ ต่ละประเภทมีสมบัติแตกตา่ งกนั เชน่ ไม้
อปุ กรณเ์ คร่อื งมือ กลไก ไฟฟา้ และ โลหะ พลาสตกิ เซรามิก จงึ ต้องมีการวิเคราะห์
อิเล็กทรอนกิ สใ์ หถ้ ูกต้องกบั ลักษณะ สมบัตเิ พื่อเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน
ของงาน และปลอดภยั เพื่อแกป้ ญั หา การสรา้ งช้ินงานอาจใช้ความรู้เร่ืองกลไก ไฟฟ้า
หรือพัฒนางาน อิเล็กทรอนกิ สเ์ ชน่ LED LDR มอเตอร์เฟือง คาน รอก ล้อ เพลา
อุปกรณ์และเครือ่ งมอื ในการสรา้ งชน้ิ งานหรือพฒั นาวธิ กี าร
มีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ใหถ้ ูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั
รวมท้งั รจู้ ักเกบ็ รักษา
คาอธิบายรายวิชา
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 เวลา 40 ชั่วโมง / ปี
ศกึ ษาและวิเคราะห์สาเหตหุ รือปจั จยั ที่ทาใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงเทคโนโลยี และความสัมพันธ์
ของ เทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากร โดยวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อ
สรุปกรอบของ ปัญหา เปรียบเทียบและเลือกข้อมูลที่จาเป็นโดยคานึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อ
ออกแบบวิธีการแก้ปัญหาใน งานอาชีพด้านการเกษตร อาหาร พลังงานและขนส่ง โดยใช้กระบวนการ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในการ
แกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม และ ปลอดภัย
ตวั ชวี้ ัด
ว. 4.2 เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ)
1. วิเคราะหส์ าเหตุ หรือปัจจัยทีส่ ง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี และความสมั พันธข์ อง เทคโนโลยี
กบั ศาสตร์อนื่ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรอื คณิตศาสตร์ เพื่อเป็นแนวทางการแก้ปัญหา หรือพฒั นางาน
2. ระบุปัญหาหรือความตอ้ งการของชมุ ชนหรือทอ้ งถิน่ เพ่ือพัฒนางานอาชีพ สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม
วเิ คราะห์ข้อมูลและแนวคดิ ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั ปัญหา โดยคานึงถึงความถูกต้องดา้ นทรัพยส์ นิ ทางปัญญา
3. ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา โดยวเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บ และตดั สนิ ใจเลือกขอ้ มูลทีจ่ าเปน็ ภายใต้ เงือ่ นไขและ
ทรพั ยากรทมี่ ีอยู่ นาเสนอแนวทางการแกป้ ญั หาให้ผอู้ น่ื เข้าใจด้วยเทคนคิ หรอื วิธีการที่ หลากหลาย วางแผน
ขนั้ ตอนการทางานและดาเนินการแกป้ ัญหาอย่างเป็นข้นั ตอน
4. ทดสอบ ประเมินผล วเิ คราะห์ และใหเ้ หตุผลของปญั หาหรอื ขอ้ บกพร่องที่เกดิ ข้นึ ภายใตก้ รอบ เงือ่ นไข
พร้อมทง้ั หาแนวทางการปรับปรุงแกไ้ ข และนาเสนอผลการแกป้ ญั หา
5. ใชค้ วามรู้ และทกั ษะเก่ียวกับวัสดุ อุปกรณเ์ คร่อื งมือ กลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ หถ้ กู ต้องกับ
ลกั ษณะของงาน และปลอดภัยเพื่อแก้ปัญหาหรือพฒั นางาน
รวมทั้งหมด 5 ตัวช้ีวดั
โครงสรา้ งรายวิชา
เทคโนโลยี วิทยาการคานวณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 เวลา 40 ช่ัวโมง / ปี
ลาดบั ท่ี หนว่ ยการเรยี นร/ู้ เรื่อง มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา คะแนน
1 เทคโนโลยีกับชวี ิตทเ่ี ปล่ียนไป การเรียนรู้/ตัวช้ีวัด (ชว่ั โมง) 5
2 เทคโนโลยีกับศาสตร์อน่ื ว 4. ม.3/1 - ปญั หาหรอื ความตอ้ งการของ 6 10
มนษุ ย์
- ความก้าวหน้าของศาสตร์ 10
ตา่ งๆ
- การเปล่ียนแปลงด้าน
เศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม
และส่ิงแวดล้อม
ว 4. ม.3/1 - เทคโนโลยีกบั วทิ ยาศาสตร์
- เทคโนโลยีกบั คณติ ศาสตร์
- เทคโนโลยีกบั มนุษยศ์ าสตร์
- เทคโนโลยีกบั สังคมศาสตร์
- นวัตกรรมทางเทคโนโลยี
3 วสั ดุ อุปกรณ์ ในการสรา้ ง ว 4.1 ม.3/5 - วัสดแุ ละประเภทของวัสดุ 6 10
นวัตกรรม - สมบัตขิ องวสั ดแุ ละหลกั การ
เลือกวสั ดุ
- อปุ กรณ์และเคร่ืองมอื ชา่ ง
พน้ื ฐาน
- หลกั การเลือกใชแ้ ละการดูแล
รกั ษาอปุ กรณ์และเคร่ืองมอื ชา่ ง
พืน้ ฐาน
- กลไก
- ไฟฟ้าและอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์
ลาดับท่ี หน่วยการเรยี นร/ู้ เรอ่ื ง มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา คะแนน
การเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั (ชั่วโมง) 10
4 การพัฒนาชมุ ชนด้วยเทคโนโลยี ว 4.1 ม.3/2 - การสารวจชมุ ชนหรอื ทอ้ งถน่ิ 6 20
และนวตั กรรม - วธิ กี ารสารวจปญั หาในชุมชน
หรอื ทอ้ งถนิ่ 10 40
5 กระบวนการออกแบบเชิง ว 4.1 ม.3/2 - ประเภทของปญั หาในชุมชน 100
วศิ วกรรมกบั การแกป้ ญั หาใน ว 4.1 ม.3/3 หรอื ทอ้ งถิน่
ชมุ ชน ว 4.1 ม.3/4 - ระดบั ของเทคโนโลยีท่ใี ชใ้ น
ว 4.1 ม.3/5 การแก้ปญั หา
- ปัจจัยทใี่ ช้ในการตัดสินใจเลอื ก
เทคโนโลยี
- กระบวนการออกแบบเชิง
วิศวกรรมประกอบดว้ ย 6
ขั้นตอน คือ
1. ขน้ั ระบปุ ญั หา
2. ขน้ั รวบรวมข้อมลู และ
แนวคดิ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับปญั หา
3. ขน้ั ออกแบบวิธีการแก้ปญั หา
4. ขั้นวางแผนและดาเนนิ การ
แก้ปัญหา
5. ข้นั ทดสอบ ประเมนิ ผล และ
ปรับปรุงแกไ้ ขวธิ กี ารแกป้ ัญหา
หรอื ชิน้ งาน
6. ขั้นนาเสนอวธิ กี ารแกป้ ญั หา
ผลการแก้ปญั หาหรือช้นิ งาน
สอบปลายภาค
รวม 40
โครงสร้างแผนการจดั การเรยี นรู้
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการ วิธีการจัดกจิ กรรม ทกั ษะทีไ่ ด้ การประเมิน เวลา
เรยี นรู้ การเรียนรู้ (ช่วั โมง)
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 1.ความสามารถใน 1.ตรวจใบงานที่
เทคโนโลยีกับชีวติ ที่ แผนการจดั การ 1.วิธีการสอนแบบ การสือ่ สาร 1.1 2
เปลีย่ นไป เรยี นรทู้ ี่ 1 สร้างสรรคเ์ ป็นฐาน 2.ความสามารถใน 2.ตรวจใบงานที่
ปัญหาหรอื ความ (Creativity-Based การคดิ 1.2 2
ต้องการของ Learning : CBL) 3.ความสามารถใน 3.แบบประเมิน
มนุษย์ 2.ทักษะการเรยี นรู้ การแกป้ ัญหา รายบุคคล 2
และนวตั กรรม 4.ความสามารถใน
แผนการจดั การ (Learning and การใชท้ ักษะชวี ติ
เรียนรู้ท่ี 2 Innovation Skills) 5.ความสามารถใน
ความกา้ วหนา้ การใช้เทคโนโลยี
ของศาสตรต์ า่ งๆ 1.วธิ กี ารสอนแบบ
สร้างสรรคเ์ ปน็ ฐาน 1.ทกั ษะการส่อื สาร 1.ตรวจใบงานที่
แผนการจดั การ (Creativity-Based 2.ทกั ษะการคิดอยา่ ง 1.3
เรียนรู้ท่ี 3 Learning : CBL) เป็นระบบ 2.ตรวจใบงานท่ี
เทคโนโลยกี บั 2.ทักษะการเรียนรู้ 3.ทกั ษะการคดิ 1.4
การเปลย่ี นแปลง และนวัตกรรม วิเคราะห์ 3.แบบประเมิน
(Learning and 4.ทักษะ รายบุคคล
Innovation Skills) กระบวนการทาง
เทคโนโลยี
1.วิธีการสอนแบบ
สร้างสรรคเ์ ปน็ ฐาน 1.ทักษะการสอ่ื สาร 1.ตรวจใบงานท่ี
(Creativity-Based 2.ทักษะการคดิ อยา่ ง 1.5
Learning : CBL) เป็นระบบ 2.ตรวจใบงานท่ี
2.ทกั ษะการเรียนรู้ 3.ทักษะการคดิ 1.6
และนวัตกรรม วเิ คราะห์ 3.แบบประเมนิ
(Learning and 4.ทกั ษะ รายบคุ คล
Innovation Skills) กระบวนการทาง
เทคโนโลยี
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การ วิธีการจัดกจิ กรรม ทกั ษะท่ีได้ การประเมนิ เวลา
เรียนรู้ การเรียนรู้ (ช่ัวโมง)
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2
เทคโนโลยีกบั ศาสตร์ แผนการจดั การ 1.วิธกี ารสอนแบบ 1.ทกั ษะการสอื่ สาร 1.ตรวจใบงานท่ี 2
อนื่ เรียนร้ทู ่ี 4 สรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน 2.ทักษะการคดิ อย่าง 2.1
เทคโนโลยกี บั (Creativity-Based เป็นระบบ 2.แบบประเมนิ 2
วทิ ยาศาสตร์ Learning : CBL) 3.ทกั ษะการคดิ รายบคุ คล
2.ทักษะการเรียนรู้ วิเคราะห์ 2
และนวัตกรรม 4.ทกั ษะ
(Learning and กระบวนการทาง
Innovation Skills) เทคโนโลยี
แผนการจดั การ 1.วธิ กี ารสอนแบบ 1.ทักษะการสอ่ื สาร 1.ตรวจใบงานท่ี
เรียนรู้ท่ี 5 สร้างสรรคเ์ ป็นฐาน 2.ทักษะการคดิ อยา่ ง 2.2
เทคโนโลยกี ับ (Creativity-Based เป็นระบบ 2.ตรวจใบงานที่
คณติ ศาสตร์ Learning : CBL) 3.ทกั ษะการคิด 2.3
2.ทักษะการเรียนรู้ วเิ คราะห์ 3.แบบประเมิน
และนวัตกรรม 4.ทักษะ รายบุคคล
(Learning and กระบวนการทาง
Innovation Skills) เทคโนโลยี
แผนการจดั การ 1.วธิ กี ารสอนแบบ 1.ทักษะความคิด 1.ตรวจใบงานท่ี
เรียนรทู้ ี่ 6 สรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน สร้างสรรค์ 2.4
เทคโนโลยกี ับ (Creativity-Based 2.ทักษะการสอ่ื สาร 2.ตรวจใบงานท่ี
มนุษย์ศาสตร์ Learning : CBL) 3.ทักษะการคิดอยา่ ง 2.5
2.ทักษะการเรียนรู้ เป็นระบบ 3.แบบประเมิน
และนวัตกรรม 4.ทักษะการคดิ รายบคุ คล
(Learning and วิเคราะห์
Innovation Skills) 5.ทกั ษะการ
แก้ปญั หา
6.ทกั ษะ
กระบวนการทาง
เทคโนโลยี
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การ วธิ ีการจัดกจิ กรรม ทกั ษะทีไ่ ด้ การประเมนิ เวลา
เรยี นรู้ การเรียนรู้ (ชัว่ โมง)
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3
วสั ดุ อปุ กรณ์ ในการ แผนการจดั การ 1.วิธีการสอนแบบ 1.ทกั ษะความคิด 1.ตรวจใบงานท่ี 2
สร้างนวตั กรรม เรียนรทู้ ี่ 7 สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน สร้างสรรค์ 2.6
เทคโนโลยีกบั (Creativity-Based 2.ทกั ษะการสอ่ื สาร 2.ตรวจใบงานท่ี
สงั คมศาสตร์ Learning : CBL) 3.ทักษะการคดิ อย่าง 2.7
2.ทักษะการเรยี นรู้ เปน็ ระบบ 3.แบบประเมิน
และนวตั กรรม 4.ทกั ษะการคิด รายบคุ คล
(Learning and วิเคราะห์
Innovation Skills)
แผนการจดั การ 1.วิธีการสอนแบบ 1.ทกั ษะความคดิ 1.แบบ 2
เรยี นรทู้ ี่ 8 สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน สรา้ งสรรค์ ประเมินผลงาน 2
นวตั กรรมทาง (Creativity-Based 2.ทกั ษะการส่อื สาร 2.แบบประเมิน
เทคโนโลยี Learning : CBL) 3.ทักษะการคดิ อย่าง รายบคุ คล
2.ทักษะการเรียนรู้ เป็นระบบ
และนวตั กรรม 4.ทกั ษะการคดิ
(Learning and วิเคราะห์
Innovation Skills) 5.ทกั ษะการ
แกป้ ญั หา
แผนการจดั การ 1.วธิ ีการสอนแบบ 1.ทกั ษะความคิด 1.ตรวจใบงานที่
เรียนรู้ที่ 9 สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน สร้างสรรค์ 3.1
วสั ดุและประเภท (Creativity-Based 2.ทกั ษะการสอื่ สาร 2.ตรวจใบงานท่ี
ของวสั ดุ Learning : CBL) 3.ทักษะการคดิ อยา่ ง 3.2
2.ทกั ษะการเรียนรู้ เป็นระบบ 3.แบบประเมนิ
และนวัตกรรม 4.ทกั ษะการคิด รายบุคคล
(Learning and วเิ คราะห์
Innovation Skills) 5.ทักษะการ
แก้ปัญหา
หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจัดการ วธิ ีการจัดกจิ กรรม ทักษะท่ไี ด้ การประเมนิ เวลา
เรียนรู้ การเรยี นรู้ (ช่วั โมง)
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 1.ทกั ษะความคดิ 1.แบบ
การพฒั นาชุมชน แผนการจดั การ 1.วธิ ีการสอนแบบ สร้างสรรค์ ประเมนิ ผลงาน 2
ดว้ ยเทคโนโลยี และ เรยี นรทู้ ี่ 10 สรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน 2.ทักษะการสื่อสาร 2.แบบประเมนิ
นวัตกรรม อปุ กรณแ์ ละ (Creativity-Based 3.ทกั ษะการคิดอยา่ ง พฤตกิ รรมกลุม่ 2
เคร่อื งมอื Learning : CBL) เป็นระบบ
2.ทักษะการเรยี นรู้ 4.ทกั ษะการคิด 2
แผนการจดั การ และนวัตกรรม วิเคราะห์
เรยี นรู้ท่ี 11 (Learning and 5.ทกั ษะการ
กลไก ไฟฟ้า Innovation Skills) แกป้ ญั หา
และอุปกรณ์
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 1.วธิ กี ารสอนแบบ 1.ทักษะความคดิ 1.แบบ
สร้างสรรคเ์ ป็นฐาน สรา้ งสรรค์ ประเมินผลงาน
แผนการจดั การ (Creativity-Based 2.ทักษะการสื่อสาร 2.แบบประเมิน
เรยี นรู้ท่ี 12 Learning : CBL) 3.ทักษะการคดิ อย่าง พฤติกรรมกลมุ่
ปญั หาหรอื ความ 2.ทักษะการเรยี นรู้ เป็นระบบ
ต้องการภายใน และนวตั กรรม 4.ทักษะการคิด
ชมุ ชน (Learning and วิเคราะห์
Innovation Skills) 5.ทกั ษะการ
แก้ปัญหา
1.วิธีการสอนแบบ
สรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน 1.ทักษะความคดิ 1.แบบ
(Creativity-Based สร้างสรรค์ ประเมินผลงาน
Learning : CBL) 2.ทกั ษะการสอ่ื สาร 2.ตรวจใบงานที่
2.ทกั ษะการเรยี นรู้ 3.ทกั ษะการคดิ อย่าง 4.1
และนวตั กรรม เป็นระบบ 3.แบบประเมนิ
(Learning and 4.ทักษะการคิด พฤตกิ รรมกลุ่ม
Innovation Skills) วเิ คราะห์
5.ทักษะการ
แก้ปญั หา
หนว่ ยการเรียนรู้ แผนการจดั การ วธิ กี ารจัดกจิ กรรม ทักษะที่ได้ การประเมิน เวลา
เรยี นรู้ การเรยี นรู้ (ชั่วโมง)
1.ทกั ษะความคิด 1.ตรวจใบงานที่
แผนการจดั การ 1.วธิ กี ารสอนแบบ สร้างสรรค์ 4.2 2
เรียนรทู้ ่ี 13 สร้างสรรคเ์ ปน็ ฐาน 2.ทักษะการส่อื สาร 2.แบบประเมิน
การใช้เทคโนโลยี (Creativity-Based 3.ทักษะการคิดอย่าง พฤตกิ รรมกล่มุ 2
ในการแก้ปัญหา Learning : CBL) เปน็ ระบบ
ในชุมชน 2.ทักษะการเรียนรู้ 4.ทกั ษะการคดิ 2
และนวตั กรรม วเิ คราะห์
(Learning and 5.ทกั ษะการ
Innovation Skills) แก้ปัญหา
แผนการจดั การ 1.วิธกี ารสอนแบบ 1.ทักษะความคดิ 1.ตรวจใบงานท่ี
เรยี นรทู้ ี่ 14 สร้างสรรคเ์ ปน็ ฐาน สร้างสรรค์ 4.3
การใชเ้ ทคโนโลยี (Creativity-Based 2.ทักษะการสอ่ื สาร 2.ตรวจใบงานท่ี
ในการแกป้ ญั หา Learning : CBL) 3.ทกั ษะการคิดอย่าง 4.4
2.ทักษะการเรยี นรู้ เป็นระบบ 3.แบบประเมิน
และนวัตกรรม 4.ทักษะการคดิ พฤตกิ รรมกลมุ่
(Learning and วิเคราะห์
Innovation Skills) 5.ทกั ษะการ
แกป้ ัญหา
1.วธิ กี ารสอนแบบ
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 แผนการจดั การ สร้างสรรคเ์ ป็นฐาน 1.ทกั ษะความคิด 1.ตรวจใบงานท่ี
กระบวนการออกแบบ เรยี นรู้ที่ 15 (Creativity-Based สร้างสรรค์ 5.1
เชงิ วศิ วกรรมกบั การ กรณศี ึกษา Learning : CBL) 2.ทักษะการสอ่ื สาร 2.แบบประเมนิ
แกป้ ัญหาในชุมชน 2.ทักษะการเรยี นรู้ 3.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง พฤตกิ รรมกลุ่ม
และนวัตกรรม เป็นระบบ
(Learning and 4.ทักษะการคดิ
Innovation Skills) วเิ คราะห์
5.ทักษะการ
แก้ปญั หา
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การ วิธีการจดั กจิ กรรม ทกั ษะทไ่ี ด้ การประเมิน เวลา
เรียนรู้ การเรียนรู้ (ช่ัวโมง)
1.ทักษะความคิด 1.ตรวจ
แผนการจดั การ 1.วธิ ีการสอนแบบ สรา้ งสรรค์ แบบฟอรม์ 2
เรียนรูท้ ่ี 16 ระบุ สร้างสรรคเ์ ปน็ ฐาน 2.ทกั ษะการสอื่ สาร โครงงานสว่ นที่
ปัญหา และ (Creativity-Based 3.ทักษะการคดิ อย่าง 1 2
รวบรวมข้อมลู Learning : CBL) เป็นระบบ 2.ตรวจ
2.ทักษะการเรยี นรู้ 4.ทักษะการคดิ แบบฟอรม์ 2
และนวตั กรรม วิเคราะห์ โครงงานสว่ นท่ี
(Learning and 5.ทกั ษะการ 2
Innovation Skills) แก้ปัญหา 3.แบบประเมนิ
พฤตกิ รรมกลุ่ม
แผนการจดั การ 1.วิธกี ารสอนแบบ 1.ทักษะความคิด 1.ตรวจ
เรยี นรทู้ ่ี 17 การ สรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน สรา้ งสรรค์ แบบฟอรม์
ออกแบบวิธกี าร (Creativity-Based 2.ทกั ษะการสอ่ื สาร โครงงานสว่ นที่
แกป้ ญั หา Learning : CBL) 3.ทักษะการคิดอย่าง 3.1
2.ทกั ษะการเรยี นรู้ เป็นระบบ 2.ตรวจ
และนวัตกรรม 4.ทกั ษะการคิด แบบฟอร์ม
(Learning and วิเคราะห์ โครงงานสว่ นท่ี
Innovation Skills) 5.ทกั ษะการ 3.2
แกป้ ัญหา 3.แบบประเมนิ
พฤตกิ รรมกลมุ่
แผนการจดั การ 1.วธิ กี ารสอนแบบ 1.ทกั ษะความคดิ 1.ตรวจ
เรยี นรู้ที่ 18 สรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน สร้างสรรค์ แบบฟอร์ม
วางแผนและ (Creativity-Based 2.ทักษะการสอื่ สาร โครงงานส่วนท่ี
ดาเนนิ การ Learning : CBL) 3.ทักษะการคิดอยา่ ง 4
แก้ปัญหา 2.ทกั ษะการเรียนรู้ เปน็ ระบบ 2.แบบประเมิน
และนวัตกรรม 4.ทักษะการคิด พฤติกรรมกลมุ่
(Learning and วเิ คราะห์
Innovation Skills) 5.ทักษะการ
แก้ปัญหา
หนว่ ยการเรยี นรู้ แผนการจดั การ วิธกี ารจัดกิจกรรม ทกั ษะที่ได้ การประเมนิ เวลา
เรยี นรู้ การเรยี นรู้ (ชั่วโมง)
แผนการจดั การ 1.วิธีการสอนแบบ 1.ทักษะความคดิ 1.ตรวจ 2
เรียนรู้ที่ 19 สรา้ งสรรคเ์ ปน็ ฐาน สรา้ งสรรค์ แบบฟอร์ม
นาเสนอวิธีการ (Creativity-Based 2.ทักษะการส่ือสาร โครงงานสว่ นท่ี 2
แก้ปัญหา Learning : CBL) 3.ทกั ษะการคดิ อยา่ ง 5
2.ทกั ษะการเรียนรู้ เป็นระบบ 2.แบบประเมิน
และนวตั กรรม 4.ทกั ษะการคิด พฤตกิ รรมกลมุ่
(Learning and วิเคราะห์
Innovation Skills) 5.ทักษะการ
แกป้ ญั หา
แผนการจดั การ 1.วิธีการสอนแบบ 1.ทกั ษะความคดิ 1.ตรวจผลงาน
เรยี นรู้ท่ี 20 สร้างสรรคเ์ ป็นฐาน สร้างสรรค์ จากกจิ กรรม
ทรพั ย์สนิ ทาง (Creativity-Based 2.ทักษะการส่อื สาร สืบคน้
ปญั ญา Learning : CBL) 3.ทกั ษะการคิดอย่าง 2.แบบประเมิน
2.ทักษะการเรียนรู้ เป็นระบบ พฤตกิ รรม
และนวตั กรรม 4.ทักษะการคิด รายบคุ คล
(Learning and วิเคราะห์
Innovation Skills) 5.ทกั ษะการ
แกป้ ญั หา
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชว่ั โมง
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยีกับชีวติ ที่เปล่ียนไป
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 ปญั หาหรอื ความต้องการของมนุษย์ เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พือ่ การดารงชวี ติ ในสังคมท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลง
อยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามรู้และทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่ืน ๆ เพ่อื แกป้ ญั หา
หรือพัฒนางาน อย่างมคี วามคิดสร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อยา่ งเหมาะสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และส่ิงแวดล้อม
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
สาเหตุหรือปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เกดิ ข้ึนเพอื่ ตอบสนองความต้องการ และเพมิ่
ความสามารถของมนุษย์
3. ตัวช้ีวดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ตัวชีว้ ดั
ว 4.1 ม.3/1 วเิ คราะหส์ าเหตุ หรอื ปจั จยั ท่ีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
และความสัมพันธ์ของเทคโนโลยกี ับศาสตรอ์ ื่น โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตรห์ รอื คณติ ศาสตร์
เพ่ือเปน็ แนวทางการแกป้ ัญหาหรอื พฒั นางาน
จุดประสงค์
1. อธิบายสาเหตุหรอื ปจั จัยของการเปล่ยี นแปลงทางเทคโนโลยไี ด้ (K)
2. ออกแบบเทคโนโลยีเพ่ือตอบสนองความต้องการ หรือแก้ปญั หาได้ (P)
3. เห็นความสาคัญของเทคโนโลยที ่ีใช้ในชวี ิตประจาวนั (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. เทคโนโลยมี กี ารเปลยี่ นแปลงตลอดเวลาตง้ั แต่อดตี จนถงึ ปัจจบุ ัน ซง่ึ มสี าเหตหุ รือปจั จัยมาจากหลายด้าน
เช่น ปัญหาหรือความต้องการของมนษุ ย์ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ า่ งๆการเปล่ยี นแปลทางด้านเศรษฐกิจ
สงั คม วฒั นธรรม สงิ่ แวดล้อม
2. เทคโนโลยมี คี วามสัมพนั ธ์กบั ศาสตร์อืน่ โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตรโ์ ดยวทิ ยาศาสตร์เป็นพนื้ ฐานความรู้ ที่
นาไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยแี ละเทคโนโลยที ี่ไดส้ ามารถเป็นเครอื่ งมือที่ใช้ในการศึกษา ค้นควา้ เพอ่ื ให้ได้มา
ซง่ึ องคค์ วามรูใ้ หม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. ม่งุ ม่นั ในการทางาน
7. ภาระงาน
1. ใบงานที่ 1.1 ความต้องการ
2. ใบงานท่ี 1.2 ปัญหาหรือความตอ้ งการ
8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
1. วธิ กี ารสอนแบบสรา้ งสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทกั ษะการเรียนร้แู ละนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills)
ช่วั โมงท่ี 1
ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน
1. ผสู้ อนเปดิ คลปิ วดิ ีโอ ทฤษฏลี าดับขนั้ ความต้องการ เพ่ือเป็นการกระตนุ้ ความสนใจของผู้เรยี น
จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=tpZ6d7dhQiY
2. ผ้สู อนถามผเู้ รยี นเพ่ือเปน็ การทบทวนความรู้เดมิ เชน่ “ในตอนน้ีนกั เรยี นต้องการสงิ่ ใดมากที่สดุ และ
นกั เรียนมวี ิธกี ารอย่างไรเพ่ือให้ไดส้ ง่ิ นน้ั มา”
ขัน้ สอน
3. ผู้สอนอธิบายวา่ ความต้องการของมนุษย์คือความอยากได้ ซึ่งเมื่อเกดิ ความอยากได้ จงึ ต้องพยายาม
ดิ้นรนหาสง่ิ ท่สี ามารถตอบสนองความต้องการน้นั ๆ เมื่อรา่ งกายไดร้ ับการตอบสนองแลว้ กจ็ ะเกดิ
ความต้องการใหมๆ่ ขน้ึ มาทดแทน ดงั นัน้ ความต้องการของมนุษยจ์ งึ เกิดข้ึนอย่ตู ลอดเวลา
4. ผู้สอนแจกใบความรทู้ ่ี 1 ปจั จัยพื้นฐานทจ่ี าเปน็ ต่อการดารงชีวิต พร้อมอธิบายใบความรู้
มนุษย์ตอ้ งการปัจจยั พื้นฐานท่ีจาเปน็ ตอ่ การดารงชวี ติ ไดแ้ ก่ อาหาร เครอ่ื งนุง่ ห่ม ที่อยอู่ าศยั
และยารกั ษาโรค
ยารกั ษาโรค อาหาร
ท่ีอยอู่ าศยั เคร่ืองนงุ่ ห่ม
และยงั ต้องการปัจจัยอ่นื ๆ เช่น การสอ่ื สาร ความปลอดภยั ดงั น้นั เม่ือมนุษย์มีความต้องการท่ี
เพมิ่ ขนึ้ จงึ เกดิ การพัฒนาเคร่ืองมือ เครื่องใชท้ ี่อาศัยเทคโนโลยใี หมๆ่ เพือ่ ตอบสนองต่อความตอ้ งการ
ของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา
5. ผสู้ อนแจกใบงานท่ี 1.1 ความต้องการ พรอ้ มอธบิ ายวิธีการทาใบงาน คือ ใหผ้ ู้เรียน เขยี นสง่ิ ที่
ต้องการ ท่ีนกั เรียนคดิ ว่าจาเป็น และไมจ่ าเป็น ในการดารงชวี ติ ใหไ้ ดม้ ากทส่ี ดุ
6. ผู้สอนให้เวลาผเู้ รียนในการทาใบงาน 10 นาที โดยทผี่ ู้สอนคอยดแู ลความเรยี บร้อยและคอยให้
คาแนะนาเพิ่มเติม
7. เม่อื ครบกาหนดเวลา ผสู้ อนให้คนท่ีเขียนได้มากท่สี ุดออกมารบั รางวลั แล้วอธบิ ายว่าของแต่ละชิ้นท่ี
ต้องการ จาเปน็ อย่างไร และไม่จาเปน็ อย่างไร พร้อมกบั ให้ผเู้ รยี นคนอื่นๆสนเอแนะ แสดงความ
คิดเห็นเพิ่มเติม
8. ผสู้ อนอธบิ ายวา่ การพฒั นาเครื่องมือ เครอื่ งใช้ ทอี่ าศัยเทคโนโลยีใหม่ๆ เพอ่ื ตอบสนองความต้องการ
ของมนุษย์ตลอดเวลา เพราะถ้าเทคโนโลยที ี่มนุษย์พัฒนาขึ้นมาใชง้ าน ยังไม่สามารถตอบสนองตอ่
ความตอ้ งการของมนุษย์ หรอื เมือ่ เวลาผ่านไป มนุษยม์ ีความต้องการเพ่ิมมากขึ้น ความต้องการ
ดงั กลา่ ว กจ็ ะเป็นตัวผลกั ดันให้เกดิ การพัมนาเทคโนโลยตี ่อไปเร่อื ยๆ จนกวา่ จะตอบสนองความ
ต้องการของมนษุ ย์ในขณะน้ันไดค้ รบถว้ นสมบูรณ์
ช่ัวโมงที่ 2
ขัน้ สอน (ตอ่ )
1. ผสู้ อนอธิบายว่ ปญั หาเปน็ อีกหน่งึ ปัจจยั สาคัญทท่ี าใหม้ ีการใช้ หรือการพัฒนาเทคโนโลยีขนึ้ มาใหม่
เพราะปัญหา ถือว่าเปน็ อปุ สรรคต่อการทางาน ทาให้งานไม่เป็นไปตามเป้าหมายท่ีตง้ั ไว้ ดงั นั้น จงึ ทา
ให้เกดิ การใช้ หรอื พัฒนาเทคโนโลยีอยา่ งตอ่ เน่ือง เพื่อแกป้ ัญหาต่างๆ ทีเ่ กดิ ขึน้ กบั มนุษย์
2. ผูส้ อนแจกใบงานท่ี 1.2 ปญั หาหรือความตอ้ งการ พร้อมอธบิ ายวธิ กี ารทาใบงาน คือ ใหผ้ ้เู รียนวาด
ภาพออกแบบเทคโนโลยีในจินตนาการ และอธบิ ายวิธกี ารใชง้ าน พร้อมท้งั ระบวุ ่า เปน็ เทคโนโลยที ี่
สร้างข้ึนเพ่ือช่วยแก้ปญั หา หรือ ตอบสนองความต้องการ?
3. ผู้สอนให้เวลาผเู้ รียนในการทาใบงาน โดยท่ีผูส้ อนคอยดูแลความเรียบร้อย และคอยให้คาแนะนา
เพิ่มเติม
4. ผู้สอนสุ่มผเู้ รยี นออกมานาเสนอใบงาน พรอ้ มกับใหผ้ ู้เรียนคนอ่ืนๆ ร่วมกันเสนอแนะ แสดงความ
คิดเห็น เพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป
ข้ันสรุป
5. ผสู้ อนและผ้เู รียนร่วมกนั สรปุ ว่า เทคโนโลยี เกิดจากความต้องการตอบสนองความต้องการของมนุษย์
และ เพื่อช่วยแก้ปัญหา โดยที่เทคโนโลยีมกี ารเปล่ียนแปลงอย่ตู ลอดเวลาตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจบุ นั
ความกา้ วหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยสี ่งผลให้เกิดการเปลย่ี นแปลงท้งั เชิงเศรษฐกจิ และสงั คม
6. ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผ้เู รียนสอบถามเพม่ิ เติม
9. ส่ือการเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=tpZ6d7dhQiY
2. ใบความรู้ที่ 1 ปจั จัยพน้ื ฐานทจ่ี าเป็นต่อการดารงชีวติ
3. ใบงานท่ี 1.1 ความต้องการ
4. ใบงานที่ 1.2 ปัญหาหรอื ความตอ้ งการ
0
10. การวัดและประเมินผล
วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์
แบบประเมินผลงาน
ตรวจใบงานท่ี 1.1 ความ คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
ต้องการ แบบประเมนิ ผลงาน ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 1.2 ปญั หาหรือ แบบประเมินพฤติกรรม คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี
ความต้องการ รายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
ประเมินพฤติกรรมรายบุคคล คุณภาพอยูใ่ นระดบั ดี
จากการทากิจกรรม ผ่านเกณฑ์
ในหอ้ งเรียน
แบบบันทึกหลงั แผนการสอน ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เทคโนโลยกี บั ชีวติ ที่เปล่ยี นไป จานวน 6 ชวั่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1 ปญั หาหรอื ความต้องการของมนุษย์ เวลาเรียน 2 ชวั่ โมง
ผลการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปญั หาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื …………………….…………….ผ้สู อน
(…………………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ …………………………….ผบู้ ริหารสถานศึกษา
(…………………..…………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เทคโนโลยกี ับชีวติ ทีเ่ ปล่ียนไป
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 2 ความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ต่างๆ เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยเี พื่อการดารงชวี ติ ในสงั คมทม่ี ีการเปลย่ี นแปลง
อย่างรวดเรว็ ใชค้ วามรู้และทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพ่ือแกป้ ญั หา
หรอื พัฒนางาน อยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อยา่ งเหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และสิ่งแวดล้อม
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
ความกา้ วหนา้ ของศาสตรต์ า่ งๆ เกดิ ขน้ึ จากความพยายามศึกษาวจิ ัยเพ่ือค้นหาคาตอบใหมๆ่ มีการพฒั นา
คดิ คน้ สิ่งอานวยความสะดวกตอ่ การดารงชวี ิต ซึง่ จะสง่ ผลใหม้ นุษย์มีคุณภาพชวี ติ ท่ีดีข้นึ
3. ตวั ชี้วัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ตวั ชว้ี ัด
ว 4.1 ม.3/1 วเิ คราะหส์ าเหตุ หรอื ปัจจยั ท่ีส่งผลต่อการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี
และความสมั พนั ธข์ องเทคโนโลยกี ับศาสตร์อนื่ โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตรห์ รือคณติ ศาสตร์
เพือ่ เป็นแนวทางการแก้ปัญหาหรือพฒั นางาน
จดุ ประสงค์
1. อธบิ ายไดว้ า่ ศาสตรใ์ หม่ๆเกิดจากอะไร (K)
2. ใชศ้ าตรต์ ่างๆช่วยแกป้ ัญหาในชวิ ิตประจาวนั ได้ (P)
3. เห็นความสาคัญของเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวติ ประจาวัน (A)
4. สาระการเรยี นรู้
1. เทคโนโลยมี ีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลาต้งั แต่อดตี จนถึงปจั จบุ นั ซงึ่ มีสาเหตุหรอื ปัจจัยมาจากหลายดา้ น
เชน่ ปัญหาหรอื ความต้องการของมนุษย์ความก้าวหนา้ ของศาสตร์ต่างๆการเปลี่ยนแปลทางด้านเศรษฐกิจ
สงั คม วัฒนธรรม สงิ่ แวดลอ้ ม
2. เทคโนโลยมี ีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตรโ์ ดยวิทยาศาสตร์เป็นพ้ืนฐานความรู้ ที่
นาไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยแี ละเทคโนโลยีที่ไดส้ ามารถเป็นเครื่องมอื ที่ใชใ้ นการศกึ ษา ค้นควา้ เพ่ือใหไ้ ด้มา
ซงึ่ องค์ความรู้ใหม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มีวนิ ยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุ่งม่นั ในการทางาน
7. ภาระงาน
1. ใบงานที่ 1.3 เทคโนโลยีในโลกอนาคต
2. ใบงานที่ 1.4 ศาสตร์
8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
1. วิธีการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทกั ษะการเรียนรแู้ ละนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ช่ัวโมงที่ 1
ข้นั นาเขา้ สบู่ ทเรียน
1. ผสู้ อนเปิดคลิปวิดโี อ โดเรม่อน ตอน เครือ่ งแลกเปลีย่ นส่ิงของ เพื่อเปน็ การกระตุ้นความสนใจของ
ผเู้ รยี น จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=-hMuuVAssqE
2. ผสู้ อนถามผเู้ รยี นเพ่ือเปน็ การทบทวนความร้เู ดิม เช่น “นักเรยี นคดิ วา่ สง่ิ ประดษิ ฐจ์ ากการ์ตูนเร่ือง
โดเรมอน สามารถเป็นความจริงได้หรอื ไม่?”
3. ผู้สอนเปดิ คลปิ วิดีโอ 10 อันดับ ของวิเศษ โดราเอมอน ท่ีกลายเปน็ ความจรงิ แลว้ เพ่ือเป็นการ
กระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รียน จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=_8bQpe1wDyk
ขน้ั สอน
4. ผู้สอนอธิบายว่า การคน้ พบความรู้ วิทยาการ หรือเทคโนโลยใี หม่ เป็นหน่งึ ในปัจจยั สาคัญทส่ี ่งผล
ต่อพฒั นาการของเทคโนโลยีท่ใี ชอ้ ยู่ในขณะนนั้ ใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลง โดยมวี ัตถุประสงคห์ ลัก
เพอื่ ตอบสนองตอ่ ความต้องการของมนุษย์
5. ผสู้ อนแจกใบงานท่ี 1.3 เทคโนโลยใี นโลกอนาคต พร้อมอธิบายวธิ ีการทาใบงาน คือ ให้ผู้เรยี น วาด
ภาพสง่ิ ของรอบตัวจากคาที่กาหนดให้ โดยแบง่ เปน็ ภาพส่งิ ของในอดตี ภาพสิง่ ของในปัจจบุ นั และ
ภาพสิ่งของในอนาคต โดยนักเรยี นสามารถจนิ ตนาการาภาพสิ่งของในอนาคตได้อยา่ งอิสระ
6. ผู้สอนให้เวลาผู้เรยี นในการทาใบงาน โดยท่ผี สู้ อนคอยดูแลความเรียบร้อย และคอยให้คาแนะนา
เพิ่มเติม
7. ผู้สอนสุ่มผ้เู รียนออกมา 3 คน เพอื่ นาเสนอใบงาน โดยใหผ้ เู้ รียนคนอ่ืนๆเสนอแนะ แสดงความคดิ เหน็
8. ผูส้ อนอธิบายเพ่ิมเตมิ วา่ ความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ต่างๆ เกิดขน้ึ จากความพยายามศึกษาวจิ ยั เพอ่ื
คน้ หาคาตอบใหม่ๆ ซ่ึงจะสง่ ผลใหม้ นษุ ย์มคี ุณภาพชีวิตทดี่ ีข้ึน โดยเฉพาะความรดู้ ้านวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ที่สามารถพลิกรปู แบบวถิ ีการดาเนนิ ชวี ิตของผคู้ นในสังคมได้ ทาให้มีความก้าวหนา้ ทาง
วทิ ยาศาสตรแ์ ขนงใหม่ เชน่ วิทยาการรบั รู้ (Cognitive Science) ซง่ึ เป็นการศกึ ษาการทางาน
ระหว่างสมองและจิตใจของมนุษย์ เพอื่ ทจ่ี ะคน้ หาคาตอบ
ชว่ั โมงท่ี 2
ข้นั สอน (ต่อ)
1. ผู้สอนอธบิ ายวา่ ศาสตร์ หมายถงึ สาขาวชิ า หรือสาขาความรูต้ ่างๆ เช่น ชีววทิ ยา เคมี ฟิสิกส์ และ
ดาราศาสตร์ ซึ่งจดั เปน็ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และอีกความหมายหนง่ึ ศาสตร์ หมายถงึ กระบวนการ
ทเ่ี ป็นกิจกรรมของมนุษย์ทที่ าให้ไดค้ วามรู้ที่สามารถทดสอบได้
2. ผ้สู อนใหผ้ เู้ รยี นช่วยกันบอกชื่อสาขาวชิ าทม่ี ีการเรยี นการสอนในมหาวิทยาลัยในประเทศไทยให้ไดม้ าก
ท่ีสดุ ซึ่งสาขาวชิ าเหลา่ น้ัน นบั เป็นศาสตร์ทเ่ี กิดจากการคน้ พบความรู้ วิทยาการ ดว้ ยวธิ ีการต่างๆ
3. ผู้สอนแจกใบงานที่ 1.4 ศาสตร์ ให้กับผเู้ รยี น พรอ้ มอธิบายวิธีการทาใบงาน คือ ให้ผูเ้ รยี นเขียนช่อื
ชิ้นงาน หรอื วธิ กี ารที่ชว่ ยแกป้ ัญหาในชวี ิตประจาวนั พรอ้ มอธิบายวา่ ชิน้ งาน หรือวิธกี ารนน้ั
ใช้ศาสตร์ใดในการพฒั นา และใช้อย่างไร
4. ผสู้ อนให้เวลาผู้เรยี นในการทาใบงาน โดยทีผ่ ู้สอนคอยดแู ลความเรียบรอ้ ยและคอยใหค้ าแนะนา
เพ่มิ เติม
5. ผู้สอนสมุ่ ผู้เรยี นออกมานาเสนอใบงาน โดยใหน้ ักเรยี นคนอ่ืนๆ รว่ มเสนอแนะ แสดงความคิดเหน็
6. ผูส้ อนอธบิ ายเพ่ิมเตมิ วา่ ปัจจุบันมีศาสตร์ตา่ งๆ เกิดข้นึ จากความพยายามศึกษาวจิ ัย เพื่อค้นหา
คาตอบใหม่ๆ เชน่
- Synthetic Biology
- Anti-Aging Medicine
- Cognitive Science
ข้นั สรุป
7. ผู้สอนและผ้เู รียนร่วมกันสรุปวา่ การค้นพบความรู้ วิทยาการ หรือเทคโนโลยีใหม่ เป็นหน่งึ ในปจั จัย
สาคัญทสี่ ง่ ผลตอ่ พัฒนาการของเทคโนโลยีทีใ่ หเ้ กดิ การเปลี่ยนแปลง โดยมีวตั ถุประสงค์หลัก
เพ่อื ตอบสนองต่อความต้องการของมนษุ ย์
8. ผสู้ อนเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นสอบถามเพมิ่ เติม
9. ส่ือการเรยี นรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=-hMuuVAssqE
2. https://www.youtube.com/watch?v=_8bQpe1wDyk
3. ใบงานท่ี 1.3 เทคโนโลยใี นโลกอนาคต
4. ใบงานท่ี 1.4 ศาสตร์
0
10. การวัดและประเมินผล
วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์
แบบประเมนิ ผลงาน
ตรวจใบงานท่ี 1.3 เทคโนโลยี คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี
ในโลกอนาคต แบบประเมนิ ผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 1.4 ศาสตร์
คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
ประเมินพฤติกรรมรายบคุ คล แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์
จากการทากจิ กรรม รายบคุ คล
ในห้องเรียน คุณภาพอย่ใู นระดบั ดี
ผ่านเกณฑ์
แบบบนั ทึกหลังแผนการสอน ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3
จานวน 6 ช่วั โมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เทคโนโลยีกับชีวิตทีเ่ ปล่ยี นไป เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 ความกา้ วหน้าของศาสตรต์ ่างๆ
ผลการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปญั หาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื …………………….…………….ผู้สอน
(…………………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
ความคดิ เหน็ ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………….ผู้บริหารสถานศกึ ษา
(…………………..…………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 3
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยีกบั ชีวิตทีเ่ ปลี่ยนไป
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เทคโนโลยีกับการเปลี่ยนแปลง เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชวี ติ ในสังคมท่ีมกี ารเปล่ียนแปลง
อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพอ่ื แกป้ ญั หา
หรือพัฒนางาน อย่างมีความคิดสรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อยา่ งเหมาะสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
เทคโนโลยมี ีการพฒั นาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความก้าวหน้าของศาสตร์ตา่ งๆ ท่ีพฒั นาขึน้ โดยเฉพาะ
วิทยาศาสตร์ ซึง่ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นพนื้ ฐานความรทู้ น่ี าไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี และเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้น
สามารถนาไปสรา้ งเคร่ืองมือ ทนี่ าไปใชศ้ ึกษาคน้ คว้าจนเกดิ เปน็ องค์ความร้ใู หม่ๆ
3. ตวั ชี้วัด/จุดประสงค์การเรยี นรู้
ตวั ช้วี ดั
ว 4.1 ม.3/1 วเิ คราะห์สาเหตุ หรือปัจจยั ทีส่ ง่ ผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี
และความสมั พนั ธข์ องเทคโนโลยกี ับศาสตรอ์ ื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์หรือคณติ ศาสตร์
เพ่ือเป็นแนวทางการแก้ปัญหาหรอื พัฒนางาน
จดุ ประสงค์
1. อธบิ ายสาเหตุการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยไี ด้ (K)
2. วเิ คราะห์สาเหตกุ ารเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีได้ (P)
3. เหน็ ความสาคัญของเทคโนโลยที ี่ใช้ในชวี ิตประจาวนั (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. เทคโนโลยีมีการเปลย่ี นแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถงึ ปจั จุบัน ซ่ึงมสี าเหตุหรอื ปจั จัยมาจากหลายดา้ น
เชน่ ปัญหาหรอื ความต้องการของมนษุ ยค์ วามกา้ วหนา้ ของศาสตร์ต่างๆการเปลี่ยนแปลทางด้านเศรษฐกจิ
สงั คม วฒั นธรรม สงิ่ แวดล้อม
2. เทคโนโลยมี ีความสมั พันธ์กับศาสตรอ์ ่นื โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์โดยวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานความรู้ ที่
นาไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยแี ละเทคโนโลยีทไ่ี ด้สามารถเปน็ เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการศึกษา คน้ ควา้ เพือ่ ใหไ้ ด้มา
ซง่ึ องค์ความรใู้ หม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
7. ภาระงาน
1. ใบงานที่ 1.5 เทคโนโลยกี บั การเปล่ียนแปลง
2. ใบงานที่ 1.6 การพฒั นาเทคโนโลยี
8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
1. วธิ กี ารสอนแบบสรา้ งสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทกั ษะการเรียนรูแ้ ละนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชั่วโมงที่ 1
ขัน้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น
1. ผู้สอนเปิดคลปิ วิดโี อ อะไรจะเกิดข้นึ กับเรา กอ่ นถงึ ปี 2025? เพ่อื เป็นการกระตุ้นความสนใจของ
ผเู้ รยี น จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=XLGGHdQL1II
2. ผู้สอนถามผู้เรยี นเพื่อเป็นการทบทวนความรูเ้ ดมิ เช่น “นักเรียนคดิ วา่ หากเทคโนโลยีตามคลิปเกดิ ข้ึน
จะสง่ ผลให้เกิดการเปลีย่ นแปลงไปอย่างไรบา้ ง?”
ข้นั สอน
3. ผู้สอนแจกใบความรูท้ ่ี 2 เทคโนโลยกี ับการเปล่ียนแปลง พร้อมอธิบายใบความรู้ คือ
การเปลยี่ นแปลงด้านเศรษฐกจิ
เปน็ การเปลย่ี นแปลงทเ่ี กยี่ วข้องกับการผลิต การจดั จาหนา่ ย และการบรโิ ภคภายในประเทศ
ปจั จบุ นั สังคมโลกเปน็ สภาพไร้พรมแดน ทาใหเ้ กดิ การแขง่ ขันด้านเศรษฐกิจมากข้ึน ธรุ กจิ ขนาดเล็กใน
ชมุ ชนมีชอ่ งทางในการจาหน่ายท่เี ปดิ กว้างขึ้น โดยอาศยั เทคโนโลยีในการสรา้ งรา้ นค้าออนไลน์เพื่อเขา้
ร่วมขายของตลาดออนไลนท์ ไ่ี ม่จาเปน็ ต้องมีหน้าร้าน
การเปลยี่ นแปลงด้านสงั คม
สงั คมมนษุ ย์เป็นสงั คมท่มี ีการเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social
Change) เกยี่ วข้องกับระเบียบแบบแผนความสัมพนั ธ์ สถานภาพ และบทบาทของสมาชิกในสังคม
เชน่ โครงสรา้ งทางสังคมที่มีประชากรผู้สงู อายเุ พม่ิ มากข้นึ ซึ่งทาใหป้ ระสบปญั หาการขาดแคลน
แรงงาน จงึ ต้องใช้หนุ่ ยนต์หรือเครื่องจักรมาช่วยในการผลิตสนิ ค้าและบริการทดแทน
การเปล่ียนแปลงด้านวฒั นธรรม
การเปลี่ยนแปลงด้านวฒั นธรรม หมายถงึ การเปล่ยี นแปลงแนวคิด แนวทางปฏบิ ตั ติ ่างๆ ท่ีคนใน
แต่ละวัฒนธรรมยึดถือ นามาเปน็ เครือ่ งกาหนดพฤติกรรมของคนในสงั คม เชน่ ค่านิยมเก่ียวกบั ความ
สวยงาม ศิลปะ ศาสนา ความคดิ ความเชอ่ื ซง่ึ สง่ิ เหลา่ นีจ้ ะเป็นตัวกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงของ
ภาษา หรอื เคร่ืองแต่งกาย
การเปลี่ยนแปลงด้านสง่ิ แวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงด้านสิง่ แวดล้อม หมายถึง การเปล่ียนแปลงของสงิ่ ตา่ งๆ ที่อย่รู อบตวั มนุษย์ ท้งั
สิ่งมชี วี ติ และสงิ่ ไม่มีชวี ิต รวมถงึ สิง่ ทเี่ กิดข้ึนเองโดยธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ ท่ี
มนุษยส์ รา้ งขึน้
4. ผู้สอนแจกใบงานที่ 1.5 เทคโนโลยีกับการเปลีย่ นแปลง พรอ้ มอธบิ ายวธิ กี ารทาใบงาน คือ ใหผ้ เู้ รียน
หาข้อมลู เกี่ยวกบั การเปล่ียนแปลงของเทคโนยีด้านต่างๆ
5. ผู้สอนใหเ้ วลาผู้เรยี นในการทาใบงาน โดยที่ผูส้ อนคอยดูแลความเรยี บร้อย และคอยให้คาแนะนา
เพิ่มเติม
6. ผู้สอนส่มุ ผ้เู รียนออกมา 3 คน เพื่อนาเสนอใบงาน โดยให้ผ้เู รียนคนอ่ืนๆเสนอแนะ แสดงความคิดเหน็
7. ผู้สอนอธิบายเพิ่มเตมิ ว่า มนุษย์ตอ้ งการ การดาเนนิ ชวี ิตอย่างสะดวกสบายจึงพยายามคดิ ค้น
เทคโนโลยที ีจ่ ะนามาอานวยความสะดวกและใชแ้ กป้ ัญหาต่างๆ ท่ีเกดิ ขึ้นในการดารงชวิ ิต ทาให้มีการ
เปลี่ยนแปลงทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรม และส่ิงแวดลอ้ ม ทาใหเ้ ทคโนโลยมี กี ารพัฒนา
เปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลา ความก้าวหน้าของศาสตรต์ ่างๆ ท่ีพฒั นาขน้ึ โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ ซงึ่
วิทยาศาสตรเ์ ปน็ พ้นื ฐานความร้ทู ่ีนาไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี และเทคโนโลยที ่ถี ูกพัฒนาขน้ึ สามารถ
นาไปสร้างเครื่องมือ ทนี่ าไปใชศ้ ึกษาค้นคว้าจนเกิดเป็นองค์ความรใู้ หม่ๆ
ช่วั โมงท่ี 2
ขัน้ สอน (ต่อ)
1. ผ้สู อนอธิบายว่า เทคโนโลยมี ีการเปล่ยี นแปลงอยู่ตลอดเวลา ในแต่ละยคุ สมัย มนษุ ย์มวี ิถีการดารงขี
วิตที่แตกตา่ งกัน เม่ือเกดิ ปญั หาทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ การดารงชีวติ มนษุ ย์จะพยายามคิดค้น หาวิธแี ก้ไข
ปัญหานน้ั ๆ โดยสร้างเทคโนโลยีข้นึ มา เพ่ือทาใหเ้ กดิ ความสะดวกสบายในการดารงชีวิตมากยิ่งขนึ้
เชน่ ปัญหาการส่งขอ้ มลู ขา่ วสารในอดีตมีความลา่ ช้า แตใ่ นปัจจบุ ันดารสง่ ข้อมลู เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
2. ผู้สอนแจกใบงานที่ 1.6 การพฒั นาเทคโนโลยี พร้อมอธิบายวิธกี ารทาใบงาน คือ ให้ผเู้ รยี น
ยกตวั อย่างเทคโนโลยี เขยี นจดุ ประสงค์ของเทคโนโลยี วิเคราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยนี น้ั ๆ
3. ผสู้ อนใหเ้ วลาผเู้ รียนในการทาใบงาน โดยท่ีผสู้ อนคอยดูแลความเรียบร้อยและคอยให้คาแนะนา
เพมิ่ เติม
4. ผสู้ อนสุ่มผเู้ รียนออกมานาเสนอใบงาน โดยใหน้ ักเรยี นคนอื่นๆ รว่ มเสนอแนะ แสดงความคิดเหน็
5. ผ้สู อนอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ว่า บางครงั้ เทคโนโลยใี หม่ๆ ที่เกิดข้ึนอยา่ งรวดเร็วในบางสถานการณ์ เช่น เมอื่
เกิดภยั พิบตั ิทางธรรมชาติ การเกิดสงคราม ภาวะขาดแคลนอาหารและน้า การเกิดโรคระบาด ทาให้
มนุษยต์ ้องคดิ ค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ขน้ึ มาช่วยแกป้ ัญหา หรือเพื่ออานวยความสะดวก เช่น โรค
ไวรสั โคโรนา (Covid-19) ท่ที าให้เกิดวัคซนี
ขนั้ สรปุ
6. ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกนั สรุปว่า เมอ่ื มนุษย์ประสบปัญหา หรือตอ้ งการเทคโนโลยใี นการทางานหรือ
การดาเนนิ ชีวิต จงึ สรา้ ง หรือพัฒนาเทคโนโลยีขึน้ มา เพ่อื ช่วยอานวยความสะดวก ปญั หาหรอื ความ
ต้องการของมนุษยจ์ ึงเป็นสาเหตสุ าคัญท่ีทาให้มีการพฒั นาเทคโนโลยี
7. ผสู้ อนเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นสอบถามเพมิ่ เตมิ
9. สอ่ื การเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=XLGGHdQL1II
2. ใบความร้ทู ี่ 2 เทคโนโลยกี บั การเปลีย่ นแปลง
3. ใบงานที่ 1.5 เทคโนโลยีกับการเปลย่ี นแปลง
4. ใบงานท่ี 1.6 การพัฒนาเทคโนโลยี
0
10. การวดั และประเมินผล
วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์
แบบประเมินผลงาน
ตรวจใบงานท่ี 1.5 เทคโนโลยี คุณภาพอยู่ในระดบั ดี
กับการเปล่ียนแปลง แบบประเมนิ ผลงาน ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 1.6 การพฒั นา แบบประเมนิ พฤติกรรม คณุ ภาพอย่ใู นระดบั ดี
เทคโนโลยี รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล คุณภาพอยู่ในระดบั ดี
จากการทากจิ กรรม ผ่านเกณฑ์
ในหอ้ งเรียน
แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3
จานวน 6 ชวั่ โมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เทคโนโลยีกบั ชีวิตทีเ่ ปลี่ยนไป เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 เทคโนโลยกี บั การเปล่ียนแปลง
ผลการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปญั หาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ…………………….…………….ผู้สอน
(…………………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
ความคดิ เห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………….ผูบ้ ริหารสถานศึกษา
(…………………..…………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 4
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 10 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เทคโนโลยกี บั ศาสตรอ์ ่ืน เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 เทคโนโลยีกับวทิ ยาศาสตร์
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พือ่ การดารงชีวิตในสงั คมที่มกี ารเปลยี่ นแปลง
อย่างรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ เพื่อแก้ปัญหา
หรอื พฒั นางาน อย่างมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี
อยา่ งเหมาะสม โดยคานงึ ถึงผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และสิ่งแวดล้อม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
เทคโนโลยีเกดิ จากการนาความรู้ทางวิทยาศาสตรไ์ ปประยุกตใ์ ชใ้ นการสร้างสงิ่ ประดษิ ฐท์ ี่ตอบสนอง
ตอ่ ความต้องการหรือการแก้ปัญหาของมนษุ ย์ โดยวทิ ยาศาสตร์ แบ่งออกเปน็ 2 สาขา ดังนี้
1. วทิ ยาศาสตรธ์ รรมชาติ (Natural Science)
2. วิทยาศาสตร์ประยุกต์ (Applied Science)
3. ตวั ช้ีวัด/จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ตัวชี้วดั
ว 4.1 ม.3/1 วิเคราะห์สาเหตุ หรือปจั จยั ท่สี ่งผลต่อการเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี
และความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อน่ื โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์หรือคณติ ศาสตร์
เพอื่ เป็นแนวทางการแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางาน
จุดประสงค์
1. ยกตวั อยา่ งเทคโนโลยที ่เี กิดจากการนาความรทู้ างวิทยาศาสตรไ์ ปประยุกต์ได้ (K)
2. แยกแยะระหว่างวทิ ยาศาสตร์ธรรมชาติกบั วทิ ยาศาสตร์ประยกุ ต์ได้ (P)
3. เหน็ ประโยชน์ของการนาความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา (A)
4. สาระการเรยี นรู้
1. เทคโนโลยีมกี ารเปล่ยี นแปลงตลอดเวลาต้งั แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั ซ่ึงมีสาเหตหุ รือปจั จยั มาจากหลายดา้ น
เชน่ ปญั หาหรอื ความต้องการของมนษุ ย์ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่างๆการเปลี่ยนแปลทางดา้ นเศรษฐกิจ
สงั คม วัฒนธรรม ส่ิงแวดลอ้ ม
2. เทคโนโลยมี ีความสมั พันธ์กับศาสตรอ์ ืน่ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์โดยวิทยาศาสตรเ์ ป็นพน้ื ฐานความรู้ ที่
นาไปสู่การพฒั นาเทคโนโลยีและเทคโนโลยีทไ่ี ด้สามารถเปน็ เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการศกึ ษา ค้นควา้ เพอื่ ให้ได้มา
ซ่ึงองค์ความรู้ใหม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุง่ ม่ันในการทางาน
7. ภาระงาน
ใบงานท่ี 2.1 เทคโนโลยีกบั วทิ ยาศาสตร์
8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
1. วิธีการสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชั่วโมงท่ี 1
ข้ันนาเข้าสู่บทเรยี น
1. ผูส้ อนเปดิ คลิปวดิ ีโอ ความรเู้ ร่อื ง GMO เพอื่ เปน็ การกระตุ้นความสนใจของผเู้ รียน
จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=LKzWMx0Z-wY
2. ผู้สอนถามผเู้ รยี นเพ่ือเปน็ การทบทวนความรูเ้ ดิม เช่น “นักเรียนคดิ ว่า จะนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์
ไปสร้างสิง่ ประดิษฐใ์ ด เพื่อแก้ปญั หาหรือตอบสนองความต้องการของตนเอง”
แนวคาตอบ : หุ่นยนต์ช่วยจา รถยนต์ไฟฟ้า
ข้ันสอน
3. ผู้สอนอธบิ ายว่า วทิ ยาศาสตร์เป็นความร้ทู ี่เกย่ี วข้องกับธรรมชาติทงั้ ส่งิ มชี ีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต รวมถงึ
ปรากฎการณ์ทางธรรมชาตเิ ป็นพนื้ ฐานสาคญั
4. ผู้สอนแจกใบความรทู้ ่ี 3 เทคโนโลยกี บั วิทยาศาสตร์ พร้อมอธิบายใบความรู้ คอื
เทคโนโลยเี กดิ จากการนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการสรา้ งสิ่งประดษิ ฐ์
ทตี่ อบสนองต่อความต้องการหรอื การแก้ปัญหาของมนุษย์ โดยวิทยาศาสตร์ แบง่ ออกเป็น 2 สาขา
ดงั นี้
1. วทิ ยาศาสตร์ธรรมชาติ (Natural Science)
เปน็ การศึกษาเก่ียวกับโลก สิ่งรอบๆโลก และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดยกล่มุ ย่อยของ
ความร้สู าคญั ที่เกยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มี ดงั นี้ คือ ดาราศาสตร์ ชีววิทยา ฟสิ ิกส์ เคมี
2. วิทยาศาสตร์ประยกุ ต์ (Applied Science)
เป็นการนาความรจู้ ากวิทยาศาสตร์ธรรมชาตมิ าประยกุ ตใ์ ชก้ ับการแกป้ ญั หาชมุ ชนหรอื สังคม
มนุษย์ โดยกลุ่มย่อยของความรู้สาคัญท่เี กี่ยวกับวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มีดังน้ี คอื วศิ วกรรมศาสตร์
วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทยาการรบั รู้
5. ผสู้ อนแจกใบงานท่ี 2.1 เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ พรอ้ มอธิบายวธิ กี ารทาใบงาน คือ ใหผ้ ูเ้ รยี นจบั
สลากหวั ข้อความรู้สาคัญที่เก่ียวข้องกับวิทยาศาสตรใ์ นด้านต่างๆ (ดาราศาสตร์ ชวี วิทยา ฟสิ กิ ส์ เคมี
วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ วทิ ยาการรับรู้) แลว้ หาข้อมลู เก่ยี วกบั ด้านนัน้ ๆ โดยข้อมูลที่
จาเปน็ ตอ้ งหาประกอบไปด้วย
1. ขอบข่ายความรู้
2. ตัวอยา่ งเทคโนโลยี
3. รายละเอยี ดวธิ ีการของตัวอย่างเทคโนโลยี
6. ผสู้ อนให้เวลาผูเ้ รียนในการทาใบงาน โดยทีผ่ ้สู อนคอยดแู ลความเรียบร้อย และคอยให้คาแนะนา
เพิม่ เติม
7. ผู้สอนสุม่ ผู้เรยี นออกมา 3 คน เพือ่ นาเสนอใบงาน โดยใหผ้ ้เู รยี นคนอ่นื ๆเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น
8. ผู้สอนอธิบายเพิ่มเติมวา่ เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์มีความสัมพนั ธ์กันมาก โดยเรียกรวมๆ ว่า
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology) ซงึ่ เป็นการนาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์
สาขาตา่ งๆ มาสมผสานประยุกตใ์ ชใ้ นทางปฏิบัติ ประดษิ ฐ์เปน็ เครือ่ งมอื เครือ่ งใช้ให้เกิดประโยชน์
สูงสุด เพ่ือช่วยใหม้ นุษย์ทางานได้งา่ ย สะดวก รวดเร็ว และมีประสทิ ธิภาพมากขึน้
ชวั่ โมงท่ี 2
ขัน้ สอน (ตอ่ )
1. ผสู้ อนเปดิ คลิป ฟาร์มต้นแบบสวนลาไยอินทรยี อ์ จั ฉริยะ | MJU Smart Farming เพื่อเปน็
กรณีศึกษา จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=eO3UhQFr5kg
2. ผ้สู อนสุ่มถามผู้เรยี นเพื่อเป็นการประเมินความเขา้ ใจ เช่น “จากคลิป กรณีศกึ ษาฟารม์ ตน้ แบบสวน
ลาไยอินทรยี ์อจั ฉรยิ ะ มกี ารใช้เทคโนโลยีอะไรบ้าง และใช้ความรทู้ เ่ี กี่ยวข้องกบั วทิ ยาศาสตร์ในดา้ น
ใด”
แนวคาตอบ :
เทคโนโลยที ่ีนามาใช้ในฟาร์มต้นแบบ
1.ระบบใหน้ า้ อัจฉรยิ ะแบบแม่นยาอัตโนมตั ิ
2.ระบบผสมปุ๋ยอัตโนมัติ
3.ระบบบนั ทกึ ขอ้ มลู ดว้ ยNFC tag
4.โดรนเพอ่ื การเกษตรสาหรับการฉดี พน่
5.โดรนเพอ่ื การเกษตรสาหรับประเมนิ สุขภาพพืช
6.ระบบกลอ้ งประเมนิ การเจรญิ เติบโต
7.ระบบกล้องทานายผลผลติ
3. ผู้สอนอธิบายเพ่ิมเตมิ ว่า ฟาร์มต้นแบบสวนลาไยอนิ ทรีย์อัจฉริยะ คือนวัตกรรมเกษตร IT และการใช้
ระบบอเิ ล็กทรอนกิ ส์เพื่อการเกษตร เปน็ การใชค้ วามรู้ท่ีเกยี่ วข้องกับวิทยาศาสตรด์ ้านต่างๆ เชน่
ทางดา้ นวศิ วกรรมศาสตร์ วทิ ยาการคอมพิวเตอร์ มาใช้ในการสรา้ งนวตั กรรมเกษตร IT เกบ็ รวบรวม
ข้อมลู ตา่ ง ๆ ทส่ี าคญั ในการทาฟารม์ เกษตรและบรหิ ารจัดการฟารม์ อย่างอตั โนมตั ิ เพ่ือเพิ่ม
ประสทิ ธภิ าพ และลดตน้ ทนุ
4. ผสู้ อนต้ังคาถามเพื่อกระตนุ้ ให้เกดิ การต่อยอดการเรยี นรู้ เช่น “นอกจากการนาความรู้ที่เกีย่ วข้องกับ
วทิ ยาศาสตร์มาใชใ้ นการสร้างนวัตกรรมทเ่ี กย่ี วข้องกบั การเกษตร นกั เรยี นคิดว่าจะนาความรู้ไปสร้าง
นวัตกรรมอะไรได้อีกบ้าง?”
ขั้นสรปุ
5. ผ้สู อนและผ้เู รียนร่วมกันสรปุ วา่ เทคโนโลยกี บั วิทยาศาสตร์มคี วามสัมพนั ธก์ ันมาก โดยเรยี กรวมๆวา่
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology) เปน็ การนาความรทู้ างวิทยาศาสตร์สาขา
ตา่ งๆมาผสมผสานประยุกตใ์ ช้ในทางปฏบิ ัตปิ ระดิษฐ์เป็นเคร่ืองมือเคร่ืองใชใ้ ห้เกิดประโยชนส์ ูงสุด เพอ่ื
ช่วยใหม้ นษุ ย์ทางานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึน้
6. ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสอบถามเพิ่มเติม
9. สือ่ การเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=LKzWMx0Z-wY
2. ใบความรทู้ ่ี 3 เทคโนโลยกี บั วิทยาศาสตร์
3. ใบงานที่ 2.1 เทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์
0
10. การวัดและประเมินผล เครือ่ งมือ เกณฑ์
แบบประเมนิ ผลงาน
วิธีการ คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี
แบบประเมนิ พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
ตรวจ ใบงานที่ 2.1 รายบุคคล
เทคโนโลยีกับวทิ ยาศาสตร์ คุณภาพอยู่ในระดับ ดี
ผ่านเกณฑ์
ประเมินพฤติกรรมรายบคุ คล
จากการทากจิ กรรม
ในหอ้ งเรียน
แบบบันทึกหลงั แผนการสอน ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
จานวน 10 ชัว่ โมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เทคโนโลยกี บั ศาสตรอ์ น่ื
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 4 เทคโนโลยกี ับวิทยาศาสตร์
ผลการเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื …………………….…………….ผ้สู อน
(…………………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
ความคดิ เหน็ ของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ…………………………….ผ้บู ริหารสถานศกึ ษา
(…………………..…………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 5
กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 10 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 เทคโนโลยกี ับศาสตร์อืน่ เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 เทคโนโลยกี ับคณติ ศาสตร์
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พ่อื การดารงชวี ิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง
อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรู้และทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ืน่ ๆ เพื่อแกป้ ญั หา
หรอื พัฒนางาน อย่างมคี วามคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี
อย่างเหมาะสม โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การพัฒนาเทคโนโลยีนอกจากความรู้ทางด้านวทิ ยาศาสตร์แล้ว ยังต้องใชค้ ณิตศาสตร์ซ่งี เปน็ ความรูด้ า้ น
การคานวณที่เขา้ มาพสิ จู น์ส่งิ ที่สังเกตได้จากวทิ ยาศาสตร์ เพอื่ อธบิ ายปรากฏการณ์ทเี่ กดิ ขึน้ ได้ และสามารถทานาย
ผลลพั ธไ์ ด้อย่างแมน่ ยา
3. ตัวชี้วดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ตัวชวี้ ดั
ว 4.1 ม.3/1 วเิ คราะหส์ าเหตุ หรือปจั จยั ท่สี ง่ ผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
และความสัมพนั ธข์ องเทคโนโลยกี บั ศาสตร์อน่ื โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์หรอื คณติ ศาสตร์
เพือ่ เป็นแนวทางการแก้ปัญหาหรือพฒั นางาน
จดุ ประสงค์
1. ยกตัวอยา่ งเทคโนโลยที ่ีเกิดจากการนาความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ได้ (K)
2. เขา้ ใจหลักการทางานของเทคโนโลยีที่เกิดจากการนาความรู้ทางคณติ ศาสตร์ไปประยุกตไ์ ด้ (P)
3. เหน็ ประโยชน์ของการนาความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยี (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. เทคโนโลยมี ีการเปลย่ี นแปลงตลอดเวลาตงั้ แต่อดตี จนถึงปจั จบุ นั ซึง่ มีสาเหตุหรอื ปัจจัยมาจากหลายดา้ น
เช่น ปัญหาหรือความต้องการของมนษุ ยค์ วามก้าวหน้าของศาสตร์ต่างๆการเปล่ียนแปลทางดา้ นเศรษฐกจิ
สังคม วฒั นธรรม ส่งิ แวดล้อม
2. เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กบั ศาสตรอ์ ื่น โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตรโ์ ดยวิทยาศาสตรเ์ ป็นพนื้ ฐานความรู้ ที่
นาไปส่กู ารพัฒนาเทคโนโลยแี ละเทคโนโลยที ีไ่ ดส้ ามารถเปน็ เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการศกึ ษา ค้นคว้าเพื่อใหไ้ ด้มา
ซึ่งองคค์ วามรใู้ หม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทางาน
7. ภาระงาน
1. ใบงานที่ 2.2 กล้องตรวจจับความเรว็
2. ใบงานที่ 2.3 เทคโนโลยีกับคณิตศาสตร์
8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
1. วิธีการสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทกั ษะการเรียนรู้และนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชัว่ โมงท่ี 1
ข้นั นาเขา้ สู่บทเรยี น
1. ผ้สู อนเปดิ คลิปวิดโี อ คมุ ความเร็วบนทางด่วน ปอ้ งกนั อุบัติเหตุ เพื่อเปน็ การกระต้นุ ความสนใจของ
ผู้เรียน จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=KvaUIbzhJq4
2. ผ้สู อนถามผเู้ รยี นเพ่ือเปน็ การทบทวนความรูเ้ ดมิ เช่น “กล้องตรวจจับความเร็วมีหลกั การทางาน
อยา่ งไร?”
ขั้นสอน
3. ผู้สอนอธบิ ายว่า กลอ้ งตรวจจบั ความเร็วอตั โิ นมัติแบบวัดช่วง (Point-to-Point Speed Camera)
เปน็ กลอ้ งตรวจจบั ความเร็วแบบถาวร ที่ตดิ ตง้ั เปน็ ช่วงๆถนนในระยะยาว เพือ่ ดูความเร็วเฉล่ียของ
ยานพาหนะ โดยหากความเร็วเฉลยี่ สงู กว่าความเร็วทกี่ ดหมายกาหนดก็จะสง่ ข้อมลู เพ่ือออกใบคาสง่ั
4. ผสู้ อนแจกใบความรู้ท่ี 4 กล้องตรวจจับความเร็ว พร้อมอธบิ ายใบความรู้ คือ
กล้องตรวจจบั ความเร็วอัตโิ นมัตแิ บบวดั ช่วง (Point-to-Point Speed Camera) เปน็ เทคโนโลยี
ท่ีนาความรู้ ดา้ นฟิสกิ ส์ เรอื่ ง การเคลอ่ื นที่แนวตรงของวตั ถุ โดยเม่อื เวลาเปลย่ี นไปวัตถุที่มีการ
เคล่อื นที่จะมีการเปลี่ยนแปลงตาแหนง่ เช่น การเคลือ่ นทข่ี องรถยนตบ์ นถนนทางตรง และไดน้ า
หลกั การทางคณิตศาสตร์มาอธบิ ายการเคลือ่ นท่ี จึงทาให้คานวณหาความเร็วเฉลี่ยของวัตถุได้อยา่ ง
แมน่ ยา โดยใช้สมการทางคณิตศาสตร์ดังนี้
5. ผูส้ อนแจกใบงานที่ 2.2 กล้องตรวจจับความเรว็ พร้อมอธิบายวิธกี ารทาใบงาน คือ ใหผ้ ู้เรียน
ใชส้ มการทางคณิตศาสตร์ อธิบายวธิ กี ารทางานของกล้องตรวจจบั ความเร็ว
6. ผู้สอนใหเ้ วลาผู้เรียนในการทาใบงาน โดยที่ผู้สอนคอยดแู ลความเรียบรอ้ ยและคอยให้คาแนะนา
เพม่ิ เติม
7. ผูส้ อนเฉลยใบงานท่ี 2.2 กล้องตรวจจบั ความเรว็ พร้อมอธบิ ายว่า เเทคโนโลยแี ละคณิตศาสตร์ตา่ งใช้
ทกั ษะการแก้ปญั หาเหมอื นกัน และชว่ ยสนับสนนุ ซงึ่ กันและกนั โดยเทคโนโลยเี ข้าไปช่วยทาใหก้ าร
แกป้ ัญหาทางคณิตศาสตรง์ ่ายและแม่นยาข้นึ
ชว่ั โมงที่ 2
ข้นั สอน (ต่อ)
1. ผสู้ อนอธบิ าย วา่ นอกจากเทคโนโลยีกล้องตรวจจับความเรว็ ยงั มีเทคโนโลยีอน่ื ๆทใี่ ช้ความรู้ทาง
คณติ ศาสตร์ในการพัฒนาเพอ่ื แกป้ ญั หาและตอบสนองความตอ้ งการของมนุษย์ เช่น การสร้างเครือ่ ง
คิดเลขเพ่ือชว่ ยคานวณตวั เลข การสร้างเครื่องคดิ เลข กจ็ าเปน็ ต้องใชค้ วามรูเ้ กยี่ วกับ การดาเนนิ การ
ทางคณิตศาสตร์พื้นฐาน คอื การบวก การลบ การคณู การหาร มาออกแบบโปรแกรม ใหส้ ามารถ
คานวณได้ตามต้องการ และกาหนดขนาด รูปรา่ งพื้นทก่ี ารใช้งานของเครื่องคิดเลข
2. ผ้สู อนแจกใบงานท่ี 2.3 เทคโนโลยกี ับคณติ ศาสตร์ พรอ้ มอธิบายวธิ ีการทาใบงาน คือ ให้ผู้เรียนหา
ขอ้ มลู เก่ยี วกบั เทคโนโลยีทใี่ ชค้ วามร้ทู างคณิตศาสตรใ์ นการพฒั นา เพื่อชว่ ยแกป้ ัญหาหรือตอบสนอง
ความต้องการ
3. ผสู้ อนส่มุ ผูเ้ รียนออกมานาเสนอใบงาน โดยใหน้ ักเรียนคนอ่ืนๆ รว่ มเสนอแนะแสดงความคิดเห็น
4. ผสู้ อนอธิบายเพ่ิมเตมิ วา่ มลั ติมเิ ตอร์ เปน็ เครื่องมือสาหรบั วัดความดันไฟฟา้ วัดกระแสไฟฟ้าทัง้ แบบ
กระแสตรง และกระแสสลับ วดั ความตา้ นทานไฟฟา้ เพ่ือใชในการตรวจสอบข้อผิดพลาด และคานวณ
การทางานของวงจรไฟฟา้ ในอุปกรณ์ตา่ งๆ ว่าทางานถูกต้องหรือไม่ ซง่ึ มัลตมิ เิ ตอร์กเ็ ปน็ เทคโนโลยที ่ี
มีการพฒั นาโดยใช้ความร้ทู างคณติ ศาสตรเ์ ช่นเดียวกนั
ขัน้ สรปุ
5. ผูส้ อนและผเู้ รยี นร่วมกนั สรปุ วา่ เทคโนโลยีกบั คณิตศาสตร์ เป็นการใช้คณติ ศาสตรม์ าใช้อธบิ ายความรู้
ท่ไี ด้ออกมาเปน็ รปู แบบของกฎและทฤษฎี และเขยี นแบบจาลองทางคณติ ศาสตร์ การพัฒนา
เทคโนโลยนี อกจากความร้ทู างด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ลว้ ยงั ต้องใช้คณติ ศาสตร์ซง่ี เป็นความรู้ด้านการ
คานวณท่เี ข้ามาพิสูจนส์ ิ่งทีส่ งั เกตไดจ้ ากวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื อธบิ ายปรากฏการณท์ ี่เกดิ ข้นึ ได้ และ
สามารถทานายผลลัพธ์ได้อยา่ งแมน่ ยา
6. ผู้สอนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นสอบถามเพิม่ เตมิ
9. สอ่ื การเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=KvaUIbzhJq4
2. ใบความรู้ท่ี 4 กล้องตรวจจับความเร็ว
3. ใบงานที่ 2.2 กลอ้ งตรวจจบั ความเรว็
4. ใบงานที่ 2.3 เทคโนโลยีกับคณิตศาสตร์
0
10. การวดั และประเมินผล
วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์
แบบประเมนิ ผลงาน
ตรวจ ใบงานที่ 2.2 กล้อง คุณภาพอยูใ่ นระดับ ดี
ตรวจจับความเรว็ แบบประเมนิ ผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ตรวจ ใบงานท่ี 2.3 แบบประเมนิ พฤตกิ รรม คณุ ภาพอยูใ่ นระดบั ดี
เทคโนโลยีกับคณติ ศาสตร์ รายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
ประเมินพฤติกรรมรายบุคคล คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี
จากการทากิจกรรม ผา่ นเกณฑ์
ในห้องเรยี น
แบบบันทึกหลงั แผนการสอน ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
จานวน 10 ชว่ั โมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เทคโนโลยีกบั ศาสตรอ์ ืน่
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 5 เทคโนโลยีกับคณติ ศาสตร์
ผลการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปญั หาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ …………………….…………….ผูส้ อน
(…………………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื …………………………….ผู้บริหารสถานศึกษา
(…………………..…………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 10 ชั่วโมง
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เทคโนโลยกี บั ศาสตร์อน่ื เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 5 เทคโนโลยีกับมนษุ ย์ศาสตร์
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชวี ิตในสงั คมที่มกี ารเปลย่ี นแปลง
อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพ่อื แก้ปัญหา
หรือพัฒนางาน อย่างมคี วามคิดสรา้ งสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อย่างเหมาะสม โดยคานงึ ถึงผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และส่ิงแวดล้อม
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การใชค้ วามรู้ทเี่ กีย่ วกบั มนุษยศาสตรใ์ นการพัฒนาเทคโนโลยี ซง่ึ ประกอบไปด้วย ความรู้ทางดา้ นภาษา
ความร้ทู างด้านศาสนา และความรู้ทางด้านศิลปะ ปัจจุบันมกี ารใช้ความรู้เก่ยี วกบั มนุษยศาตร์มาใชใ้ นการพฒั นา
เทคโนโลยี
3. ตัวชี้วดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ตัวชี้วดั
ว 4.1 ม.3/1 วิเคราะห์สาเหตุ หรือปจั จยั ทส่ี ง่ ผลต่อการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี
และความสัมพันธข์ องเทคโนโลยกี ับศาสตร์อน่ื โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์หรอื คณิตศาสตร์
เพอ่ื เปน็ แนวทางการแกป้ ัญหาหรอื พฒั นางาน
จุดประสงค์
1. ยกตวั อย่างเทคโนโลยที ่ีเกิดจากการนาความรู้ทางมนษุ ยศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ได้ (K)
2. เข้าใจหลกั การทางานของเทคโนโลยีทีเ่ กดิ จากการนาความรู้ทางมนุษยศาสตร์ไปประยุกต์ (P)
3. เห็นประโยชนข์ องการนาความร้ทู างมนุษย์ศาสตร์ไปใชใ้ นการพัฒนาเทคโนโลยี (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. เทคโนโลยมี ีการเปลย่ี นแปลงตลอดเวลาตงั้ แต่อดตี จนถึงปจั จุบนั ซึง่ มีสาเหตุหรอื ปัจจัยมาจากหลายดา้ น
เช่น ปัญหาหรือความต้องการของมนษุ ยค์ วามก้าวหน้าของศาสตรต์ ่างๆการเปล่ียนแปลทางดา้ นเศรษฐกจิ
สังคม วฒั นธรรม ส่งิ แวดล้อม
2. เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กบั ศาสตรอ์ ื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตรโ์ ดยวิทยาศาสตรเ์ ป็นพนื้ ฐานความรู้ ที่
นาไปส่กู ารพัฒนาเทคโนโลยแี ละเทคโนโลยที ีไ่ ดส้ ามารถเปน็ เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการศกึ ษา ค้นคว้าเพื่อใหไ้ ด้มา
ซึ่งองคค์ วามรใู้ หม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทางาน
7. ภาระงาน
1. ใบงานที่ 2.2 กล้องตรวจจับความเรว็
2. ใบงานที่ 2.3 เทคโนโลยีกับคณิตศาสตร์
8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
1. วิธีการสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทกั ษะการเรียนรู้และนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชวั่ โมงท่ี 1
ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน
1. ผสู้ อนเปดิ คลปิ วิดโี อ โดเรม่อน ตอน ขอต้อนรับสูใ่ จกลางโลก เพื่อเป็นการกระตนุ้ ความสนใจของ
ผู้เรยี น จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=a_dNkqrBXUs
2. ผสู้ อนถามผูเ้ รียนเพ่ือเปน็ การทบทวนความรู้เดิม เช่น “วุน้ แปลภาษา เปน็ เทคโนโลยี จะเกยี่ วข้องกบั
การใชค้ วามรูท้ างมนษุ ย์ศาสตรอ์ ยา่ งไร?”
ข้ันสอน
3. ผูส้ อนแจกใบความรทู้ ่ี 5 เทคโนโลยีกบั มนุษยศาสตร์ พรอ้ มอธิบายใบความรู้ คือ
มนุษยศาสตร์ เปน็ ความรู้จากการศกึ ษาทาความเข้าใจเกย่ี วกับมนษุ ย์ ได้แก่ ความรู้สกึ นึกคิด
ความรสู้ กึ ทางอารมณ์ จนิ ตนาการ ความฝัน คุณคา่ คณุ ธรรม และจรยิ ธรรม โดยกลมุ่ ย่อยของความรู้
สาคญั ท่เี ก่ยี วกบั มนุษยศาสตร์ มีดงั น้ี
ศาสนา เปน็ ความร้เู กีย่ วกบั ความเชอื่ ของมนุษย์ หลกั ศีลธรรม พิธกี รรม คาสอน
ภาษา เป็นความร้เู ก่ยี วกับ การพูด กริ ิยาอาการที่แสดงออกมาแล้วสามารถทาความเข้าใจกนั
ระหว่างมนษุ ย์กับมนุษย์ มนษุ ย์กบั สตั ว์ หรือสตั วก์ ับสตั ว์
ศิลปะ เป็นผลงานท่บี ง่ บอกถึงความคิดสรา้ งสรรค์ของมนุษย์ทแ่ี สดงออกมาในรูปลักษณ์ต่างๆ ให้
ปรากฎ ท้งั สนุ ทรียภาพ ความประทับใจ หรือสะเทือนอารมณ์
4. ผสู้ อนอธบิ ายเพิ่มเติมว่า ดังน้ัน ว้นุ แปลภาษา หากถกู พฒั นากลายมาเป็นเทคโนโลยี จะเปน็ การใช้
ความรทู้ างมนุษยศาสตร์ในด้านของภาษา
5. ผสู้ อนแจกใบงานที่ 2.4 เทคโนโลยกี ับมนุษยศาสตร์ พรอ้ มอธิบายวิธีการทางาน คือ ใหผ้ ู้เรยี นศึกษา
หาข้อมูลเกีย่ วกับ ระบบการทางานของโปรแกรมแปลภาษา
6. ผสู้ อนให้เวลาผูเ้ รียนในการทาใบงาน โดยทผ่ี สู้ อนคอยดแู ลความเรยี บรอ้ ยและคอยให้คาแนะนา
เพิ่มเติม
7. ผู้สอนสุม่ ผู้เรยี นออกมานาเสนอใบงาน โดยให้ผู้เรยี นคนอนื่ ๆ เสนอแนะ แสดงความคิดเห็น
8. ผู้สอนอธิบายเพิ่มเตมิ ว่า ในสมัยก่อน การค้นหาคาศัพท์ภาษาอังกฤษ จาเป็นต้องใช้ Dictionary ที่
ต้องคน้ หาคาศาทท์ ี่อยู่ในหมวดตวั อักษรต่างๆ ปัจจุบนั มีการพฒั นาเทคโนโลยีเก่ียวกบั การแปลภาษา
ทร่ี องรับทั้งการแปลภาษาทเี่ ป็นคาศัพท์สนั้ ๆ ไปจนถึงประโยคยาว ๆ มีการแปลภาษาด้วยเสยี ง การ
แปลภาษาดว้ ยการสอ่ งกลอ้ งไปยังตัวอักษรท่ตี ้องการแปล และยงั มกี ารพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการใช้
แปลภาษาตา่ งๆทม่ี กี ารใช้กันอยู่ทว่ั โลก ซ่ึงเปน็ การใชค้ วามร้ทู ่เี กย่ี วขอ้ งกบั มนษุ ยศาสตรใ์ นการพฒั นา
เทคโนโลยี
ชว่ั โมงที่ 2
ขั้นสอน (ต่อ)
1. ผู้สอนเปิดคลปิ วิดโี อ เทคโนโลยพี าคนตายกลับมาได้? เพ่ือเปน็ กรณศี กึ ษาเกี่ยวกับการใช้
มนุษยศาสตรใ์ นการพฒั นาเทคโนโลยี
จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=Dj8yR3LIWDM
2. ผู้สอนอธบิ าย วา่ Virtual Reality หรอื VR คือการจาลองสภาพแวดล้อมจรงิ และสภาพแวดล้อมจาก
จนิ ตนาการ เชน่ วดิ โิ อ ภาพ เสยี ง ผา่ นระบบเทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ โดยต้องใชง้ านผ่านอุปกรณ์
นาเข้าต่างๆ เชน่ ถงุ มือ เมาส์ แว่นตา เป็นต้น เพื่อรบั รถู้ ึงแรงป้อนกลับจากการสมั ผสั สงิ่ ต่างๆ และทา
ให้เราสามารถตอบสนองกบั สิ่งทจี่ าลองนั้นได้ โดยเราสามารถนาเทคโนโลยี VR มาประยุกตใ์ ช้ใน
หลากหลายด้าน เชน่ ดา้ นการแพทย์ (การฝึกผา่ ตัดแบบเสมือนจรงิ ) การทาเครอื่ ง VR เพ่ือฝึกบนิ เชิง
simulation ทางการศกึ ษา ด้านการบันเทงิ เกมส์ ทางด้านธรุ กจิ
3. ผสู้ อนแจกใบงานท่ี 2.5 เทคโนโลยโี ลกเสมอื นจรงิ พร้อมอธบิ ายวิธีการทาใบงาน คือ ให้ผเู้ รียน หา
ขอ้ มูลเก่ียวกับ เทคโนโลยีโลกเสมือนจรงิ AR, VR, MR, และ XR
4. ผู้สอนสมุ่ ผเู้ รยี นออกมานาเสนอใบงาน โดยให้นักเรียนคนอื่นๆ รว่ มเสนอแนะแสดงความคิดเห็น
5. ผสู้ อนอธบิ ายเพิ่มเติมวา่ เทคโนโลยโี ลกเสมือนจรงิ AR, VR, MR, และ XR เปน็ เทคโนโลยที ่ีเกิดจาก
การใช้ความรมู้ นุษยศาสตร์ทางด้านศลิ ปะ มาใชใ้ นการพัฒนาเทคโนโลยี ซงึ่ เปน็ เทคโนโลยีทบ่ี ง่ บอกถึง
ความคิดสรา้ งสรรค์ของมนุษย์
ข้ันสรุป
6. ผสู้ อนและผู้เรียนร่วมกันสรุปวา่ การใช้ความรูท้ ีเ่ ก่ียวกับมนุษยศาสตร์ในการพฒั นาเทคโนโลยี ซง่ึ
ประกอบไปดว้ ย ความรทู้ างด้านภาษา ความร้ทู างด้านศาสนา และความร้ทู างด้านศิลปะ ปจั จบุ นั มี
การใช้ความรู้เกยี่ วกบั มนษุ ยศาตรม์ าใชใ้ นการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น เครื่องมอื ชว่ ยแปลภาษา
เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง AR, VR, MR, และ XR
7. ผสู้ อนเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนสอบถามเพม่ิ เตมิ
9. สอื่ การเรยี นรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=a_dNkqrBXUs
2. https://www.youtube.com/watch?v=Dj8yR3LIWDM
3. ใบความรทู้ ี่ 5 เทคโนโลยกี ับมนุษยศาสตร์
4. ใบงานท่ี 2.4 เทคโนโลยกี ับมนษุ ยศาสตร์
5. ใบงานที่ 2.5 เทคโนโลยีโลกเสมอื น
0
10. การวัดและประเมินผล
วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์
แบบประเมินผลงาน
ตรวจ ใบงานท่ี 2.4 คุณภาพอยใู่ นระดับ ดี
เทคโนโลยีกับมนษุ ยศาสตร์ แบบประเมินผลงาน ผ่านเกณฑ์
ตรวจ ใบงานท่ี 2.5 แบบประเมินพฤติกรรม คุณภาพอยใู่ นระดับ ดี
เทคโนโลยโี ลกเสมอื น รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
ประเมินพฤติกรรมรายบุคคล คุณภาพอยู่ในระดบั ดี
จากการทากิจกรรม ผ่านเกณฑ์
ในหอ้ งเรียน