แบบบนั ทกึ หลังแผนการสอน ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3
จานวน 10 ช่ัวโมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 เทคโนโลยกี บั ศาสตรอ์ น่ื
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 5 เทคโนโลยีกับคณิตศาสตร์
ผลการเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ…………………….…………….ผู้สอน
(…………………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
ความคดิ เห็นของผ้บู ริหารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ…………………………….ผู้บริหารสถานศกึ ษา
(…………………..…………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 7
กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 10 ช่วั โมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เทคโนโลยีกับศาสตรอ์ ่นื เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7 เทคโนโลยกี ับสังคมศาสตร์
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพ่อื การดารงชวี ติ ในสงั คมทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลง
อยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามรูแ้ ละทักษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่ืน ๆ เพ่อื แก้ปญั หา
หรอื พฒั นางาน อยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี
อย่างเหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การใช้ความรูท้ เ่ี ก่ียวกบั สังคมศาสตร์ ชว่ ยอานวยความสะดวกสบาย และชว่ ยแก้ปญั หาใหม้ นุษย์ ท้ังใน
ด้านประวัตศิ าสตร์ รฐั ศาสตร์ และ ภมู ศิ าสตร์
3. ตวั ชี้วัด/จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
ตัวช้ีวดั
ว 4.1 ม.3/1 วเิ คราะห์สาเหตุ หรือปจั จยั ที่สง่ ผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
และความสมั พนั ธข์ องเทคโนโลยกี บั ศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตรห์ รือคณติ ศาสตร์
เพือ่ เป็นแนวทางการแกป้ ัญหาหรือพัฒนางาน
จดุ ประสงค์
1. ยกตวั อยา่ งเทคโนโลยีท่เี กิดจากการนาความร้ทู างสังคมศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ได้ (K)
2. เข้าใจหลกั การทางานของเทคโนโลยีที่เกิดจากการนาความรทู้ างสงั คมศาสตร์ไปประยุกต์ (P)
3. เหน็ ประโยชน์ของการนาความรู้ทางสังคมศาสตร์ไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยี (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. เทคโนโลยมี กี ารเปล่ยี นแปลงตลอดเวลาต้งั แต่อดตี จนถึงปัจจุบนั ซ่ึงมีสาเหตุหรือปจั จัยมาจากหลายดา้ น
เชน่ ปัญหาหรือความต้องการของมนษุ ยค์ วามกา้ วหนา้ ของศาสตรต์ า่ งๆการเปลยี่ นแปลทางด้านเศรษฐกิจ
สงั คม วฒั นธรรม ส่งิ แวดลอ้ ม
2. เทคโนโลยมี คี วามสมั พนั ธ์กบั ศาสตร์อนื่ โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์โดยวทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ พื้นฐานความรู้ ที่
นาไปสกู่ ารพัฒนาเทคโนโลยีและเทคโนโลยที ี่ได้สามารถเป็นเคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการศกึ ษา คน้ คว้าเพอื่ ให้ได้มา
ซง่ึ องค์ความรใู้ หม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มุง่ ม่ันในการทางาน
7. ภาระงาน
1. ใบงานท่ี 2.6 GPS
2. ใบงานท่ี 2.7 เทคโนโลยกี บั สงั คมศาสตร์
8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
1. วิธีการสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทกั ษะการเรียนรู้และนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills)
ช่วั โมงท่ี 1
ข้ันนาเข้าสู่บทเรยี น
1. ผู้สอนเปิดคลปิ วดิ ีโอ รู้จัก GPS ทาไมพาเล้ียวไมต่ รง ? แลว้ GNSS คอื อะไร ? เพ่ือเปน็ การกระตุ้น
ความสนใจของผเู้ รียน จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=sCuGDkzgr8o
2. ผู้สอนถามผูเ้ รยี นเพ่ือเป็นการทบทวนความรู้เดิม เช่น “GPS หรือ GNSS เปน็ เทคโนโลยที ่ีเก่ียวข้องกับ
การใช้ความร้ทู างสงั คมศาสตร์อย่างไร?”
ข้ันสอน
3. ผู้สอนแจกใบความรูท้ ี่ 6 เทคโนโลยีกับสังคมศาสตร์ พร้อมอธิบายใบความรู้ คือ
สังคมศาสตร์ เป็นศาสตรท์ ว่ี ่าดว้ ยการศกึ ษาเก่ยี วกับมนุษย์และสงั คม โดยใช้วิธกี ารทาง
วิทยาศาสตร์ศึกษาเฉพาะปรากฎการณ์เชิงประจักษ์ทีพ่ ิสจู น์ไดแ้ น่นอนด้วยประสาทสัมผสั หรอื ด้วย
การใช้เครอ่ื งมือสาหรบั ทดสองและเก็บข้อมูลท่ีมีความนา่ เช่ือถือ เพ่ือให้สามารถยืนยันข้อเทจ็ จรงิ ไดว้ า่
เปน็ อยา่ งไร เมื่อทาการทดสอบสภาพความเป็นจริง มีการวิเคราะหข์ ้อมูล สรุปความรูเ้ ปน็ แนวคิด
ทฤษฎี หรอื กฎเกณฑค์ วามเป็นจริงทพี่ ิสูจน์แลว้ และมีการแบง่ ออกเป็นสาขาต่างๆ ดังนี้
ดา้ นภูมศิ าสตร์ เป็นความรเู้ กี่ยวกับ ข้อมลู ของพน้ื ที่และบริเวณต่างๆ บนพน้ื ผวิ โลก เก่ยี วกบั
ตาแหนง่ ทาเล ทีตงั้ รวมไปถึงส่งิ แวดล้อมที่อยู่บริเวณโดยรอบ
ดา้ นรัฐาสตร์ เปน็ ความรเู้ กย่ี วกับ การเมือง การปกครอง และการบริหารรฐั บาล
ดา้ นประวัติศาสตร์ เป็นความรูเ้ กี่ยวกับ การค้นหา รวบรวม จดั ระเบยี บ และนาเสนอข้อมูล
เกย่ี วกับเหตุการณ์ หรอื ขอ้ เท็จจริงในอดตี เพอ่ื ใหส้ บื ค้นข้อมลู ทีเ่ ชือ่ มโยงอดีตกับปจั จุบัน
4. ผสู้ อนอธิบายเพ่ิมเติมว่า ดงั นั้น GPS หรือ GNS เป็นเทคโนโลยี ทเี่ ป็นการใชค้ วามรทู้ างสังคมศาสตร์
ในดา้ นของภูมิศาสตร์
5. ผู้สอนแจกใบงานท่ี 2.6 GPS พรอ้ มอธบิ ายวิธกี ารทางาน คอื ให้ผู้เรยี นศึกษาหาข้อมูลเกยี่ วกบั ระบบ
การทางานของ GPS หรอื GNSS
6. ผสู้ อนใหเ้ วลาผเู้ รยี นในการทาใบงาน โดยทีผ่ สู้ อนคอยดแู ลความเรยี บร้อยและคอยให้คาแนะนา
เพ่ิมเติม
7. ผูส้ อนสุ่มผเู้ รยี นออกมานาเสนอใบงาน โดยให้ผ้เู รียนคนอ่นื ๆ เสนอแนะ แสดงความคดิ เหน็
8. ผู้สอนอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ จพี ีเอส (GPS) มีชื่อเต็มวา่ Global Positioning System หรอื แปลภาษา
ไทยก็คอื “ระบบระบตุ าแหนง่ บนพน้ื โลก” เปน็ ระบบที่ดาวเทยี มประมาณ 24 ดวงโคจรรอบโลกและ
แตล่ ะดวงมีระยะหา่ งเทา่ ๆกัน จากระบบจีพีเอสนเี้ องท่ีทาให้คนบนพ้นื โลกที่มีเครื่องรบั สัญญาณ
สามารถท่ีจะทราบพิกดั และตาแหนง่ ทอ่ี ยู่ของตนเองได้ โดยความแมน่ ยาของการระบตุ าแหน่งน้ันอยู่
ระหว่าง 10 ถึง 100 เมตร ในอุปกรณร์ ับสัญญาณส่วนใหญ่ แต่สาหรับอปุ กรณร์ บั สญั ญาณจีพเี อส
ชนิดพิเศษทใี่ ชใ้ นกองทัพอาจสามารถรับสญั ญาณไดแ้ มน่ ยาถงึ ระยะ 1 เมตร
ชวั่ โมงท่ี 2
ข้นั สอน (ต่อ)
1. ผู้สอนเปิดคลิปวดิ ีโอ AI กบั นกั กฎหมาย! ผู้ช่วย? หรอื ตัดสินคดแี ทน เพอื่ เปน็ กรณศี ึกษาเก่ยี วกับ
การใช้ความรสู้ งั คมศาสตร์ในการพัฒนาเทคโนโลยี จากลิงค์
https://www.youtube.com/watch?v=CuPmnLTsBws
2. ผสู้ อนอธิบาย วา่ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) คือเทคโนโลยีท่ีทาให้คอมพวิ เตอร์
สามารถประมวลผลคลา้ ย ๆ มนุษย์ ซง่ึ AI สามารถทาได้ดีกวา่ มนษุ ย์เป็นงานทเี่ กยี่ วข้องกบั ข้อมลู
สว่ นใหญ่ เปน็ งานของระดับผู้ชว่ ยทนาย (paralegal) หรือนกั วจิ ัยดา้ นกฎหมาย (legal researcher)
ซ่ึงจะช่วยสรา้ งประสทิ ธภิ าพในการทางานไดเ้ ปน็ อย่างมาก แต่ AI ไมส่ ามารถเจรจาต่อรอง วาง
โครงสรา้ งข้อตกลงหรอื ข้อสญั ญาทีซ่ บั ซ้อน การข้นึ ศาล การเขยี นข้อตอ่ สคู้ ดี หรือแม้แต่การเขยี นคา
พพิ ากษา ซ่ึงเปน็ งานที่ตอ้ งใช้ความคิดในเชงิ สร้างสรรค์และความคดิ วเิ คราะห์ทซี่ บั ซอ้ น นอกจากน้ี
กฎหมายและระบบยตุ ธิ รรมของแต่ละประเทศกม็ ีความซับซ้อนเกินกว่าทีจ่ ะให้ AI ดาเนินการเอง
ทัง้ หมดได้
3. ผู้สอนแจกใบงานที่ 2.7 เทคโนโลยกี บั สงั คมศาสตร์ พรอ้ มอธบิ ายวิธีการทาใบงาน คอื ใหผ้ เู้ รยี นหา
ข้อมูลเกีย่ วกบั ตัวอยา่ งของเทคโนโลยที ีใ่ ช้ความรเู้ ก่ียวกับสังคมศาสตร์ในการพฒั นาใหไ้ ด้มากทสี่ ดุ
โดยบอกช่ือเทคโนโลยี พร้อมอธบิ ายวธิ กี ารใช้งานพอสังเขป
4. ผ้สู อนใหเ้ วลาผเู้ รียนในการทาใบงาน 20 นาที โดยทผ่ี ู้สอนคอยดูแลความเรยี บร้อยและคอยให้
คาแนะนาเพิ่มเติม
5. ผู้สอนใหผ้ ูเ้ รียนทีห่ าขอ้ มูลตัวอย่างเทคโนโลยที ีเ่ กีย่ วกับการใชค้ วามร้สู ังคมศาสตรไ์ ด้มากทีส่ ดุ ออกมา
นาเสนอ พร้อมกบั ให้ผูเ้ รียนคนอน่ื ๆเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น
6. ผู้สอนอธบิ ายเพิ่มเตมิ วา่ เทคโนโลยชี ว่ ยให้มนุษยเ์ ข้าใจประวตั คิ วามเป็นมาของตนเองต้ังแต่อดตี จนถึง
ปจั จุบัน อีกท้ังช่วยกาหนดอนาคตและความเปน็ อยขู่ องมนุษย์ ดังนั้นมนษุ ย์ควรตระหนกั ถึงหน้าท่ี
ความรับผิดชอบต่อสงั คม โดยการใชเ้ ทคโนโลยใี หเ้ หมาะสม ตระหนกั ถึงการใชเ้ ทคโนโลยจี ัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติ ศึกษาผลกระทบการใชเ้ ทคโนโลยีตอ่ สงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม ค่านยิ มและ
วฒั นธรรมในสงั คม
ขน้ั สรปุ
7. ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกันสรปุ ว่า การใชค้ วามรูท้ ี่เก่ียวกับสงั คมศาสตร์ ชว่ ยอานวยความสะดวกสบาย
และช่วยแก้ปัญหาให้มนษุ ย์ ท้ังในด้านประวตั ิศาสตร์ รฐั ศาสตร์ และ ภูมิศาสตร์ เชน่ เทคโนโลยกี าร
กาหนดตาแหนง่ บนพ้นื โลก (GPS) การใช้ผู้พิพากษาปัญยาประดษิ ฐใ์ นศาลอินเทอร์เน็ต
8. ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสอบถามเพมิ่ เตมิ
9. สื่อการเรยี นรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=sCuGDkzgr8o
2. https://www.youtube.com/watch?v=CuPmnLTsBws
3. ใบความรู้ที่ 6 เทคโนโลยีกับสังคมศาสตร์
4. ใบงานท่ี 2.6 GPS
5. ใบงานท่ี 2.7 เทคโนโลยกี ับสังคมศาสตร์
0
10. การวัดและประเมนิ ผล เครือ่ งมอื เกณฑ์
วธิ กี าร แบบประเมินผลงาน
คุณภาพอยู่ในระดับ ดี
ตรวจ ใบงานที่ 2.6 GPS ผ่านเกณฑ์
ตรวจ ใบงานที่ 2.7 แบบประเมินผลงาน คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี
เทคโนโลยีกับสังคมศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์
แบบประเมนิ พฤตกิ รรม
ประเมินพฤติกรรมรายบุคคล รายบคุ คล คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
จากการทากจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์
ในหอ้ งเรียน
แบบบนั ทึกหลังแผนการสอน ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3
จานวน 10 ช่ัวโมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เวลาเรียน 2 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เทคโนโลยีกบั ศาสตร์อน่ื
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 เทคโนโลยีกับสังคมศาสตร์
ผลการเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ …………………….…………….ผ้สู อน
(…………………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
ความคิดเหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ …………………………….ผูบ้ ริหารสถานศึกษา
(…………………..…………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 10 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เทคโนโลยกี บั ศาสตรอ์ นื่ เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 การนาเทคโนโลยีไปสร้างนวตั กรรม
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยเี พื่อการดารงชีวิตในสงั คมทม่ี กี ารเปลี่ยนแปลง
อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรูแ้ ละทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพือ่ แกป้ ญั หา
หรอื พฒั นางาน อยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อยา่ งเหมาะสม โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
เทคโนโลยสี ามารถนาไปสรา้ งองค์ความร้ใู หมแ่ ละนวัตกรรมอย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ เพ่ือตอบสนองต่อ
ตลาดแรงงาน โดยมงุ่ ส่งเสรมิ เทคโนโลยพี นื้ ฐานใน 4 ด้าน ดังนี้
1. เทคโนโลยชี วี ภาพ
2. นาโนเทคโนโลยี
3. เทคโนโลยวี สั ดุศาสตร์ พลงั งาน และส่งิ แวดล้อม
4. เทคโนโลยสี ารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทลั
3. ตัวช้ีวัด/จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ตวั ชีว้ ดั
ว 4.1 ม.3/1 วเิ คราะหส์ าเหตุ หรอื ปัจจัยทส่ี ง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี
และความสมั พันธข์ องเทคโนโลยกี ับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตรห์ รอื คณติ ศาสตร์
เพอ่ื เปน็ แนวทางการแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางาน
จุดประสงค์
1. อธิบายได้วา่ เทคโนโลยีพ้นื ฐานมอี ะไรบ้าง (K)
2. ใชง้ านเทคโนโลยที ีเ่ กดิ จากการพฒั นาเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ (P)
3. เห็นประโยชนข์ องการนาความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ไปพัฒนาเทคโนโลยี (A)
4. สาระการเรยี นรู้
1. เทคโนโลยมี กี ารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตง้ั แต่อดตี จนถงึ ปัจจบุ ัน ซึง่ มีสาเหตหุ รอื ปัจจยั มาจากหลายดา้ น
เชน่ ปญั หาหรอื ความต้องการของมนษุ ย์ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ า่ งๆการเปลีย่ นแปลทางดา้ นเศรษฐกิจ
สังคม วัฒนธรรม สงิ่ แวดล้อม
2. เทคโนโลยมี ีความสมั พันธ์กับศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตรโ์ ดยวิทยาศาสตรเ์ ปน็ พื้นฐานความรู้ ที่
นาไปส่กู ารพัฒนาเทคโนโลยีและเทคโนโลยีท่ไี ด้สามารถเป็นเครอื่ งมือที่ใชใ้ นการศกึ ษา ค้นคว้าเพื่อให้ได้มา
ซึง่ องคค์ วามรใู้ หม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มวี ินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มงุ่ มั่นในการทางาน
7. ภาระงาน
1. กจิ กรรมออกแบบ infographic
8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1. วธิ กี ารสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทักษะการเรียนรแู้ ละนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชั่วโมงที่ 1
ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรยี น
1. ผู้สอนเปิดคลปิ วดิ โี อ ซปุ เปอร์ฮีโร่ สายนาโนเทคโนโลยี เพอ่ื เป็นการกระตุ้นความสนใจของผเู้ รยี น
จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=Kq_Wy3MatDg
2. ผู้สอนถามผู้เรียนเพ่ือเป็นการทบทวนความรู้เดิมของผเู้ รยี น เช่น “นอกจากนาโนเทคโนโลยี นักเรยี น
คดิ วา่ มเี ทคโนโลยีอะไรอีกบา้ งท่มี คี วามสาคญั ในยุคปัจจบุ นั ”
แนวคาตอบ : เทคโนโลยีท่เี กี่ยวข้องกับการสอื่ สาร เทคโนโลยีท่เี ก่ยี วข้องกับส่ิงแวดล้อม
ขน้ั สอน
3. ผสู้ อนเปิด SLIDE ส่ือการสอน เรื่อง การนาเทคโนโลยไี ปสร้างนวัตกรรม พรอ้ มอธิบาย คอื
เทคโนโลยที ่ไี ดจ้ ากการพฒั นาสามารถเป็นเครื่องมือท่ีใช้ในการศึกษาคน้ ควา้ เพอื่ ให้ได้มาซง่ึ องค์
ความรูใ้ หม่ อย่างมีความคดิ สร้างสรรค์ โดยมงุ่ สง่ เสรมิ เทคโนโลยีพ้ืนฐาน 4 ด้าน ดงั น้ี
นาโนเทคโนโลยี
เปน็ เทคโนโลยปี ระยกุ ต์ซ่ึงเกย่ี วข้องกบั การจดั การ การสร้าง การสงั เคราะห์วสั ดุหรืออปุ กรณใ์ น
ระดบั ของอะตอม โมเลกุลหรือช้ินส่วนทม่ี ขี นาดเล็กในชว่ ง 1 ถงึ 100 นาโนเมตร ซ่ึงจะส่งผลใหว้ สั ดุ
หรอื อุปกรณ์ต่างๆ มีหนา้ ทีใ่ หมๆ่ และมสี มบัติท่ีพเิ ศษข้นึ ท้ังทางด้านกายภาพ เคมี และชีวภาพ ทาให้
มปี ระโยชน์ตอ่ ผู้ใช้สอยและเพ่ิมมลู คา่ ทางเศรษฐกจิ
เทคโนโลยชี ีวภาพ
เป็นเทคโนโลยีซึ่งนาเอาความรทู้ างด้านต่างๆของวิทยาศาสตรม์ าประยุกต์ใชก้ บั สง่ิ มชี ีวิต
หรอื ชนิ้ สว่ นของสิง่ มีชีวิต หรอื ผลผลิตของสงิ่ มชี ีวิต เพ่ือเปน็ ประโยชน์ตอ่ มนษุ ย์ไม่วา่ จะเป็นทางการ
ผลติ หรอื ทางกระบวนการ ของสนิ ค้าหรอื บรกิ าร เพ่ือใช้ประโยชนเ์ ฉพาะอยา่ งตามทีเ่ ราตอ้ งการ
เทคโนโลยวี สั ดุศาสตร์ พลังงาน และส่งิ แวดล้อม
เปน็ เทคโนโลยีทใ่ี ช้ในกระบวนการพฒั นาวัสดุ ซ่งึ เปน็ พ้นื ฐานสาคัญของอุตสาหกรรม เช่น วัสดลุ ้า
สมยั วสั ดุเพอ่ื พลังงานทดแทนและการกักเก็บพลงั งาน วสั ดุสาหรับอาคารและโครงสรา้ ง วสั ดุก่อสรา้ ง
ชนิดใหมท่ เี่ ป็นมติ รต่อสงิ่ แวดล้อม วัสดุทีท่ นต่อการเปล่ียนแปลงสภาพภมู อิ ากาศและภัยธรรมชาติ
เทคโนโลยีสารสนเทศ การสอื่ สาร และดจิ ทิ ัล
เป็นการนาเทคโนโลยดี ้านคอมพิวเตอร์ ด้านการส่อื สารโทรคมนาคมมาชว่ ยในการรวบรวม
ประมวลผล สรุป จดั เกบ็ และเผยแพรส่ ารสนเทศทไี่ ดใ้ นรูปแบบตา่ งๆ เชน่ ตวั เลข ตวั อกั ษร
ภาพเคลือ่ นไหว ภาพนง่ิ เสยี ง เพือ่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ
4. ผูส้ อนอธบิ ายเพิ่มเตมิ ว่า ผลของเทคโนโลยพี ้ืนฐาน ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยใี หม่ 12 ด้าน คอื
1. อนิ เทอร์เน็ตเคล่อื นท่ี
2. เทคโนโลยคี ลาวน์
3. อนิ เทอรเ์ น็ตในทุกสิ่งทุกอย่าง
4. โปรแกรมอจั ฉรยิ ะท่สี ามารถคดิ และทางานแทนมนุษย์
5. เทคโนโลยหี ุ่นยนต์ขน้ั ก้าวหน้า
6. ยานพาหนะไร้คนขับ
7. เทคโนโลยพี นั ธุกรรมสมัยใหม่
8. เทคโนโลยีการเก็บพลังงาน
9. การพมิ พ์แบบ 3 มิติ
10. เทคโนโลยกี ารขดุ เจาะนา้ มนั และแกส๊ ข้ันก้าวหน้า
11. เทคโนโลยีวัสดุข้นั ก้าวหน้า
12. เทคโนโลยีพลังงานทดแทน
5. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นทากจิ กรรมออกแบบ infographic พร้อมอธิบายวธิ กี ารทากจิ กรรม คือ ให้ผ้เู รยี น
จบั สลาก ซึ่งมีหวั ขอ้ เก่ียวกบั เทคโนโลยใี หมท่ งั้ 12 เทคโนโลยี โดยใหน้ กั เรียนสรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั
เทคโนโลยที ่ีนกั เรียนจบั สลากได้ ให้อยู่ในรปู แบบของ infographic ท่นี ่าสนใจ
6. ผู้สอนใหเ้ วลาผู้เรยี นในการทาใบงาน โดยที่ผ้สู อนคอยดแู ลความเรยี บรอ้ ยและคอยใหค้ าแนะนา
เพ่มิ เติม
7. ผสู้ อนอธิบายเพ่ิมเตมิ ว่า ผูเ้ รยี นสามารถใช้โปรแกรมช่วยในการออกแบบได้ เชน่ โปรแกรม
Micro Soft PowerPoint หรอื Canva หรอื โปรแกรมอนื่ ๆทนี่ ักเรยี นถนดั
ชัว่ โมงที่ 2
ขน้ั สอน (ตอ่ )
1. ผสู้ อนใหเ้ วลาผูเ้ รียนในการออกแบบ infographic ตอ่ อีก 30 นาที โดยท่ีผู้สอนคอยดแู ลความ
เรียบรอ้ ยและคอยให้คาแนะนาเพ่ิมเติม
2. เม่ือครบกาหนดเวลาผ้สู อนให้ผ้เู รียนแต่ละคนออกมานาเสนอผลงาน โดยให้เวลาคนละ 5 นาที พรอ้ ม
กับให้ผู้เรียนคนอน่ื ๆ รว่ มกนั เสนอแนะแสดงความคิดเหน็
3. ผสู้ อนธิบายเพมิ่ เติมวา่ เม่อื เกิดเทคโนโลยีใหม่ ทาใหเ้ กดิ ธรุ กิจใหม่ๆ สตาร์ตอปั (Startup) คอื ธรุ กจิ
เรม่ิ ตน้ ที่มกี ารนาเทคโนโลยีเข้ามาสรา้ งเปน็ ผลิตภณั ฑ์ และสามารถเติบโตอย่างกา้ วกระโดด
4. ผู้สอนชวนผู้เรียนพดู คุยเกย่ี วกบั การนาเทคโนโลยไี ปใชใ้ นการทาธรุ กิจเพ่ือเป็นการกระตุ้นให้เกดิ การ
ตอ่ ยอดทางความคดิ เช่น “หากนักเรียนเป็นเจา้ ของธรุ กิจ สตารต์ อัป (Startup) นักเรยี นจะทาธุรกจิ
เกยี่ วกับเทคโนโลยีในดา้ นใด เพราะอะไร?”
5. ผสู้ อนอธบิ ายเพิ่มเติมว่า การเร่ิมต้นของ Start Up มกั จะเร่ิมจาก 'ปญั หา' ของคนในสงั คม แลว้ Start
Up จงึ คดิ ท่ีอยากจะแกไ้ ขปญั หาน้นั ๆ เชน่ ปัญหาการเรียกเรียกใช้บริการรถแท็กซีค่ ่อนข้างยาก คนขับ
ก็เจา้ ปญั หา จงึ เกดิ แนวคดิ สร้าง Application บนมือถือขึ้นมาเพื่อเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ คือ UBER
ซ่งึ แก้ปญั หาได้อยา่ งดี จงึ ไดร้ ับความนยิ มอยา่ งรวดเรว็ และขยายไปยังประเทศตา่ งๆ หลายประเทศ
อีกดว้ ย ตัวอยา่ งประเภทธุรกิจ Startup ที่นา่ สนใจ 6 ประเภท ประกอบด้วย
1. FinTech (ฟินเทค) สตารท์ อัพดา้ นการเงิน การธนาคาร และการลงทนุ
FinTech มาจากคาวา่ Financial + Technology เปน็ การการนาเทคโนโลยีดจิ ิทลั เขา้ มาช่วย
แก้ปญั หาหรือเพ่ิมความสะดวกสะบายทางดา้ นการทาธรุ กรรม
2. HealthTech (เฮลท์เทค) สตาร์ทอัพดา้ นการแพทย์ และการดูแลรักษาสุขภาพ
HealthTech มาจาก Health + Technology นั่นเอง สตาร์ทอพั ด้านนี้จะนาเทคโนโลยเี ขา้ มาช่วย
แกป้ ญั หา พัฒนาและชว่ ยเพิ่มประสทิ ธภิ าพในดา้ นการแพทย์ การดูแลรักษาสุขภาพ
3. AgriTech (อะกริเทค) หรือ AgTech (แอคเทค) สตารท์ อพั ด้านการเกษตร
AgriTech มาจากคาวา่ Agriculture+Technology สตาร์ทอัพดา้ นนีม้ ักจะนาเทคโนโลยมี าแก้ปัญหา
หรอื ช่วยเหลอื ภาคการเกษตร ทงั้ การเพาะปลูก การบรหิ ารจัดการสินค้าเกษตร
4. TravelTech (ทราเวลเทค) สตารท์ อัพด้านการท่องเทยี่ ว TravelTech มาจาก
Travel + Technology ทราเวลเทคสตาร์ทอัพ จะมีการนาเทคโนโลยีมาใชใ้ น อุตสาหกรรม
ท่องเทีย่ ว
5. LogTech (ลอ็ กเทค) สตาร์ทอัพดา้ นโลจิสติกส์ LogTech มาจากคาว่า Logistics +
Technology สตารท์ อัพดา้ นโลจิสตกิ สจ์ ะมกี ารพัฒนาซอฟตแ์ วร์หรอื แอปพลเิ คชนั เพอื่ เพิ่ม
ประสิทธภิ าพการบรหิ ารจัดการด้านโลจสิ ตกิ ส์
6. PropTech (พร็อพเทค) สตารท์ อัพดา้ นอสังหารมิ ทรัพย์ PropTech มาจากคาวา่
Property + Technology สตาร์ทอัพด้านอสงั หาริมทรัพย์กน็ าเทคโนโลยีมาใชใ้ นวงการ
อสงั หาริมทรัพย์ เพ่ือชว่ ยในกระบวนการสรา้ งสรรค์ ผลิต เพือ่ ตอบโจทย์รปู แบบการใช้ชีวติ การ
อย่อู าศัยของคนยุคใหม่
ขั้นสรปุ
6. ผู้สอนและผเู้ รยี นร่วมกันสรปุ วา่ เทคโนโลยีสามารถนาไปสร้างองค์ความรู้ใหม่ และนวัตกรรมอย่างมี
ความคดิ สร้างสรรค์ โดยเกดิ เป็นธรุ กิจใหม่ๆ เพ่ือตอบสนองต่อตลาดแรงงาน โดยมุ่งสง่ เสรมิ เทคโนโลยี
พืน้ ฐานใน 4 ด้าน คือ
1. เทคโนโลยชี ีวภาพ
2. นาโนเทคโนโลยี
3. เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ พลงั งาน และสิ่งแวดล้อม
4. เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจทิ ลั
7. ผ้สู อนเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนสอบถามเพมิ่ เตมิ
9. สื่อการเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=Kq_Wy3MatDg
2. SLIDE สื่อการสอน เรือ่ ง การนาเทคโนโลยีไปสรา้ งนวตั กรรม
3. กิจกรรมออกแบบ infographic
0 เคร่อื งมอื เกณฑ์
แบบประเมนิ ผลงาน
10. การวดั และประเมนิ ผล คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
แบบประเมินพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์
วิธกี าร รายบคุ คล
คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
ตรวจ ผลงานจากกจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์
ออกแบบ infographic
ประเมนิ พฤติกรรมรายบุคคล
จากการทากิจกรรมออกแบบ
infographic
แบบบันทกึ หลังแผนการสอน ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3
จานวน 10 ชว่ั โมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เทคโนโลยีกบั ศาสตรอ์ ืน่
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8 การนาเทคโนโลยไี ปสร้างนวตั กรรม
ผลการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปญั หาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื …………………….…………….ผู้สอน
(…………………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ…………………………….ผู้บริหารสถานศึกษา
(…………………..…………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 9
กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชวั่ โมง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 วัสดุ อุปกรณ์ ในการสร้างนวตั กรรม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9 วัสดุและประเภทของวัสดุ เวลาเรียน 2 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพอื่ การดารงชีวิตในสังคมทม่ี ีการเปลย่ี นแปลง
อยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามรแู้ ละทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพื่อแกป้ ญั หา
หรอื พัฒนางาน อยา่ งมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อย่างเหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
วัสดแุ บ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื โลหะ และ อโลหะ
โลหะ (Metal) เปน็ วสั ดุที่มีสมบตั ิของความแข็ง (ยกเว้นปรอทซ่งึ เป็นของเหลว) ผิวมนั วาว เปน็
ตัวนาไฟฟ้า ตัวนาความร้อน มคี วามเหนียว โดยสามารถดึง หรอื ยดื เปน็ เสน้ หรือตีเป็นแผ่นบางได้
อโลหะ (Non Metal) คอื วสั ดทุ มี่ คี ุณสมบตั ติ า่ งจากโลหะ และวัสดกุ ึง่ โลหะ ในดา้ นการแตกตวั
ของไอออน (Ionization) และการดงึ ดดู ระหว่างอะตอม (Bonding Properties) อโลหะแตกตัวใน
สารละลายได้ ให้ประจุลบ จงึ ใชเ้ ปน็ ฉนวนไฟฟ้าหรอื ก่งึ ตวั นาไฟฟ้า ยกเว้นคาร์บอนในรูปแกรไฟตแ์ ละ
ฉนวนความรอ้ น
3. ตัวช้ีวัด/จุดประสงค์การเรยี นรู้
ตัวชี้วดั
ว 4.1 ม.3/5 ใช้ความรู้ และทกั ษะเกีย่ วกับวัสดุ อุปกรณ์เครื่องมือ กลไก ไฟฟา้ และ
อเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ ห้ถกู ต้องกับ ลกั ษณะของงาน และปลอดภยั เพ่อื แก้ปัญหาหรือพัฒนางาน
จุดประสงค์
1. อธิบายลักษณะของวัสดแุ ต่ละประเภทได้ (K)
2. เลือกใชว้ สั ดุในการแก้ปัญหาและสร้างชนิ้ งานไดอ้ ย่างเหมาะสม (P)
3. เหน็ ความสาคัญของการเลือกใช้วัสดุใหเ้ หมาะสมกบั งาน (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. วัสดแุ ต่ละประเภทมสี มบัติแตกตา่ งกนั เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก เซรามิก จงึ ตอ้ งมกี ารวเิ คราะห์
สมบตั เิ พื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน
2. การสรา้ งชิ้นงานอาจใช้ความรู้เรอ่ื งกลไก ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนิกสเ์ ช่น LED LDR มอเตอรเ์ ฟือง คาน รอก ลอ้
เพลา
3. อปุ กรณ์และเครอ่ื งมอื ในการสร้างชน้ิ งานหรอื พฒั นาวธิ กี ารมหี ลายประเภท ตอ้ งเลอื กใช้ใหถ้ กู ต้อง
เหมาะสม และปลอดภยั รวมทัง้ รจู้ ักเก็บรักษาใหม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุง่ มัน่ ในการทางาน
7. ภาระงาน
1. ใบงานท่ี 3.1 วัสดุและประเภทของวัสดุ
2. ใบงานที่ 3.2 สมบัติของวสั ดุ
8. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้
1. วธิ ีการสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทักษะการเรยี นรูแ้ ละนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills)
ชวั่ โมงที่ 1
ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรยี น
1. ผู้สอนเปิดคลปิ วิดโี อ Transformers: Dark of the Moon (2011) เพื่อเปน็ การกระตนุ้ ความ
สนใจของผเู้ รียน จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=ET9SHYzMz_4
2. ผู้สอนถามผเู้ รียนเพ่ือเปน็ การทบทวนความรูเ้ ดิมของผู้เรียน เช่น “นกั เรยี นคิดวา่ เพราะอะไร หุ่นยนต์
ทีเ่ ราเห็นตามภาพยนตส์ ว่ นใหญ่ถึงต้องสร้างมาจากเหลก็ ?”
แนวคาตอบ : เพราะเหล็กเป็นวัสดทุ ม่ี ีความแข็งแรง
ขัน้ สอน
3. ผสู้ อนเปิด SLIDE ส่ือการสอน เรือ่ ง วสั ดุและประเภทของวัสดุ พรอ้ มอธิบาย คือ
วสั ดุ (Materials) คือ สง่ิ ของหรอื วัตถุ ทนี่ ามาใชป้ ระกอบกนั เป็นชนิ้ งานตามการออกแบบ เป็น
วัตถทุ ่ีสามารถสมั ผสั ได้ และมีสมบตั เิ ฉพาะตัวทางฟิสกิ ส์ ทางเคมี ทางไฟฟ้า หรือสมบัติเชิงกล
แตกต่างกันไป จงึ ตอ้ งมกี ารวิเคราะห์สมบัติของวสั ดุ เพ่ือเลือกใช้ใหเ้ หมาะกับลกั ษณะของงาน วสั ดุ
แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.วสั ดุประเภทโลหะ (Metals)
เปน็ วสั ดทุ ่ีมสี มบัตขิ องความแขง็ (ยกเว้นปรอทซ่ึงเปน็ ของเหลว) ผวิ มนั วาว เป็นตัวนาไฟฟ้า ตัวนา
ความร้อน มีความเหนียว โดยสามารถดงึ หรือยืดเปน็ เส้น หรอื ตเี ป็นแผ่นบางได้ โลหะ แบ่งออกเป็น
2 ประเภท ดงั นี้
วสั ดโุ ลหะประเภทเหลก็ (Ferous Metals) เช่น เหลก็ กล้า เหลก็ เหนยี ว เหลก็ ทอ่
วัสดโุ ลหะประเภทไม่ใช่เหล็ก (Non-Ferous Metals) เช่น ดีบุก อะลูมเิ นยี ม สงั กะสี ตะกั่ว
ทองแดง เงนิ ทองเหลือง
2.วัสดุประเภทอโลหะ (Non-Metals)
คอื วสั ดทุ ี่มคี ุณสมบัติต่างจากโลหะ และวสั ดกุ ่งึ โลหะ ในดา้ นการแตกตัวของไอออน
(Ionization) และการดงึ ดูดระหวา่ งอะตอม (Bonding Properties) อโลหะแตกตวั ในสารละลายได้
ใหป้ ระจุลบ จงึ ใช้เปน็ ฉนวนไฟฟ้าหรือกง่ึ ตวั นาไฟฟ้า ยกเว้นคาร์บอนในรปู แกรไฟต์และฉนวนความ
ร้อน อโลหะ แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี
วัสดธุ รรมชาติ
หมายถึง วสั ดทุ ีไ่ ดจ้ ากผลผลติ จากธรรมชาติ ซ่งึ วัสดุธรรมชาติท่ีพบแตล่ ะภูมภิ าคในประเทศไทย
มหี ลายชนดิ และอาจจะแตกตา่ งกันในแตล่ ะชมุ ชนหรอื ทอ้ งถ่ิน
วสั ดสุ งั เคราะห์
เปน็ วัสดทุ ่ีปรงุ แตง่ ขน้ึ จากวัสดุธรรมชาติและสารเคมี ดว้ ยกระบวนการ หรือ กรรมวิธีต่างๆ วัสดุ
ที่ได้จากการสังเคราะห์จะมีสมบตั เิ ฉพาะตวั เชน่ นา้ หนกั เบา มีความแข็งแรงสูง คงทนตอ่ การกดั
กร่อน คงทนตอ่ อุณหภมู ิ คงทนตอ่ สารเคมี
4. ผสู้ อนแจกใบงานที่ 3.1 วัสดุและประเภทของวัสดุ พร้อมอธิบายวธิ ีการทาใบงาน คอื ให้ผ้เู รียน หา
ขอ้ มูลเก่ยี วกบั วสั ดปุ ระเภทต่างๆ พร้อมบอกสมบัตเิ ดน่ และลักษณะการใชง้ าน
5. ผสู้ อนให้เวลาผเู้ รยี นในการทาใบงาน โดยทีผ่ สู้ อนคอยดูแลความเรียบร้อยและคอยให้คาแนะนา
เพ่ิมเติม
ชัว่ โมงท่ี 2
ข้ันสอน (ต่อ)
1. ผู้สอนสุ่มผูเ้ รียน 5 คน ออกมานาเสนอใบงาน โดยทผ่ี ู้ใหผ้ ู้เรยี นคนอ่ืนๆ ช่วยกนั เสนอแนะ แสดงความ
คดิ เห็น
2. ผสู้ อนอธิบายเพ่ิมเตมิ ว่า การเลือกใชว้ ัสดุให้เหมาะสมกบั งาน จาเปน็ จะตอ้ งศึกษาหรือพจิ ารณาจาก
สมบตั ิของวสั ดนุ ัน้ ให้ตรงกับงานท่อี อกแบบหรอื ตามวตั ถปุ ระสงค์ท่ตี ้องการจากวัสดุตา่ งๆ ซ่งึ สมบตั ิ
ของวัสดุท่นี ามาพิจารณาเลอื กใช้ มีดงั นี้
1. สมบตั ิทางเคมี (Chemical Properties)
2. สมบตั ทิ างกายภาพ (Physical Properties)
3. สมบัตเิ ชิงกล (Mechanical Properties)
3. ผู้สอนแจกใบงานที่ 3.2 สมบัติของวัสดุ พร้อมอธิบายวิธกี ารทาใบงาน คือ ให้ผเู้ รียน หาคาอธบิ าย
เกี่ยวกับสมบัติของวสั ดุ ท้ังสมบัติทางเคมี สมบตั ิทางกายภาพ และสมบัติเชงิ กล พร้อมหาวสั ดทุ สี่ นใจ
และวิเคราะหว์ ่า วสั ดทุ ผี่ ้เู รียนสนใจ มีสมบัตทิ างเคมี สมบตั ิทางกายภาพ และ สมบัติเชงิ กลอยา่ งไร
4. ผู้สอนใหเ้ วลาผเู้ รยี นในการทาใบงาน โดยทีผ่ ู้สอนคอยดแู ลความเรยี บรอ้ ย และคอยให้คาแนะนา
เพ่ิมเติม
5. ผู้สอนสมุ่ ผ้เู รียน 3 คนออกมานาเสนอใบงาน โดยให้ผเู้ รียนคนอ่ืนๆ ช่วยกันเสนอแนะแสดงความ
คิดเหน็
6. ผู้สอนอธิบายเพิ่มเติม ว่า การเลือกใช้วสั ดุให้เหมาะสมกบั งานนัน้ จาเปน็ จะต้องศึกษา หรอื พิจารณา
จากสมบตั ขิ องวสั ดุนน้ั ให้ตรงกบั งานท่ีออกแบบ เพือ่ สามารถสรา้ งชิ้นงานไดต้ รงตามความตอ้ งการ
มีความปลอดภยั และใชท้ รพั ยากรได้อย่างค้มุ ค่า ผู้ออกแบบชิ้นงานจะต้องกาหนดสมบัติเบ้อื งต้น เพื่อ
จะเลอื กใชว้ สั ดแุ ละเครื่องมือได้อย่างเหมาะสม เชน่ มนี ้าหนักเบา มีความยืดหยุน่ มีความสามารถ
ในการรับน้าหนกั
7.
ข้ันสรุป
8. ผูส้ อนและผเู้ รียนร่วมกันสรุปว่า เทคโนโลยีในการสร้างสิง่ ของเคร่ืองใช้ต่างๆ ทีม่ ีอยู่ในชวี ติ ประจาวนั
เกดิ จากการนาวสั ดหุ ลายประเภท ทมี่ สี มบตั ิแตกต่างกันมาประกอบ หรือ ผสมเข้าด้วยกัน การ
คัดเลือกวัสดุจากสมบตั ิ จงึ มีความสาคญั ต่อคุณภาพผลิตภณั ฑ์
9. ผ้สู อนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นสอบถามเพ่มิ เติม
9. ส่อื การเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=ET9SHYzMz_4
2. SLIDE สื่อการสอน เรื่อง วสั ดแุ ละประเภทของวสั ดุ
3. ใบงานท่ี 3.1 วัสดุและประเภทของวสั ดุ
4. ใบงานที่ 3.2 สมบตั ขิ องวสั ดุ
0 เคร่อื งมอื เกณฑ์
แบบประเมนิ ผลงาน
10. การวัดและประเมินผล คณุ ภาพอยู่ในระดับ ดี
แบบประเมนิ ผลงาน ผา่ นเกณฑ์
วิธีการ
แบบประเมนิ พฤตกิ รรม คุณภาพอยู่ในระดับ ดี
ตรวจ ใบงานที่ 3.1 วัสดุและ รายบุคคล ผ่านเกณฑ์
ประเภทของวสั ดุ
คุณภาพอยใู่ นระดับ ดี
ตรวจ ใบงานท่ี 3.2 สมบัติ ผา่ นเกณฑ์
ของวสั ดุ
ประเมนิ พฤติกรรมรายบคุ คล
จากการทากจิ กรรมใน
ห้องเรียน
แบบบันทกึ หลังแผนการสอน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3
จานวน 6 ชัว่ โมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 วัสดุ อุปกรณ์ ในการสรา้ งนวัตกรรม เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 9 วัสดุและประเภทของวสั ดุ
ผลการเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปญั หาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ …………………….…………….ผูส้ อน
(…………………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
ความคิดเห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื …………………………….ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
(…………………..…………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 10
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 วสั ดุ อุปกรณ์ ในการสร้างนวัตกรรม
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 10 อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมอื เวลาเรียน 2 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พอ่ื การดารงชีวิตในสงั คมทมี่ กี ารเปลย่ี นแปลง
อยา่ งรวดเรว็ ใชค้ วามรู้และทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อนื่ ๆ เพ่ือแกป้ ัญหา
หรอื พัฒนางาน อย่างมีความคดิ สร้างสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อย่างเหมาะสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การพฒั นาชิน้ งานจาเปน็ ต้องเลอื กใชอ้ ุปกรณ์และเคร่ืองมือท่ีมคี วามหลากหลายในการสร้างชิ้นงาน โดย
ต้องเลอื กใชใ้ ห้ถูกต้องเหมาะสม และปลอดภัย รวมทั้งรู้จักเกบ็ รกั ษาเคร่ืองมือ ให้ใช้งานไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตลอดอายุการใช้งาน เครอ่ื งมือชา่ งพ้ืนฐานที่ควรมีในการแก้ปญั หาและสร้างช้นิ งาน มดี ังนี้
1. เครอื่ งมือกลุม่ ไขควง
2. เคร่ืองมือกลุ่มสวา่ น
3. เครื่องมือกลุ่มคีม
4. เคร่ืองมือพ้ืนฐานอน่ื ๆ
3. ตัวช้ีวดั /จุดประสงค์การเรียนรู้
ตวั ช้ีวดั
ว 4.1 ม.3/5 ใช้ความรู้ และทกั ษะเก่ียวกับวสั ดุ อุปกรณ์เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้าและ
อเิ ล็กทรอนิกสใ์ ห้ถูกต้องกับ ลักษณะของงาน และปลอดภัยเพ่ือแกป้ ัญหาหรือพัฒนางาน
จดุ ประสงค์
1. อธิบายลกั ษณะของเคร่ืองมอื แตล่ ะประเภทได้ (K)
2. เลอื กใช้เครื่องมือและอุปกรณ์เพ่ือแก้ปัญหาและสรา้ งชิ้นงานได้อยา่ งเหมาะสม (P)
3. เห็นความสาคญั ของการใช้เครื่องมอื และอุปกรณ์อยา่ งปลอดภยั (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. วัสดแุ ต่ละประเภทมีสมบตั ิแตกต่างกนั เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก เซรามิก จงึ ต้องมกี ารวเิ คราะห์
สมบัตเิ พื่อเลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน
2. การสร้างชิ้นงานอาจใชค้ วามรู้เร่ืองกลไก ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนิกสเ์ ชน่ LED LDR มอเตอรเ์ ฟือง คาน รอก ล้อ
เพลา
3. อุปกรณ์และเคร่ืองมอื ในการสรา้ งช้ินงานหรอื พฒั นาวธิ ีการมหี ลายประเภท ตอ้ งเลอื กใช้ใหถ้ ูกต้อง
เหมาะสม และปลอดภยั รวมทงั้ ร้จู ักเกบ็ รักษาใหม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
7. ภาระงาน
1. กจิ กรรมนาเสนอ
8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
1. วิธกี ารสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทกั ษะการเรียนรู้และนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชั่วโมงที่ 1
ข้ันนาเข้าสูบ่ ทเรยี น
1. ผสู้ อนเปดิ คลิปวิดโี อ 10 เคร่ืองมอื ชา่ งพื้นฐาน ท่ีพอ่ บา้ นควรมตี ิดบ้านไว้ เพื่อเปน็ การกระตุ้นความ
สนใจของผ้เู รยี น จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=QrV0WekLTVs
2. ผู้สอนถามผเู้ รยี นเพ่ือเป็นการทบทวนความรเู้ ดมิ ของผูเ้ รยี น เชน่ “นักเรยี นเคยใชเ้ คร่ืองมืออุปกรณ์
ช่างบ้างหรอื ไม่ และใชเ้ พ่อื ทาอะไร?”
ข้ันสอน
3. ผสู้ อนอธิบายว่า การพฒั นาช้ินงานจาเป็นต้องเลือกใช้อปุ กรณ์และเครื่องมอื ท่ีมีความหลากหลายใน
การสร้างชิ้นงาน โดยต้องเลือกใชใ้ หถ้ ูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย รวมท้งั รจู้ กั เก็บรกั ษาเครอื่ งมอื
ใหใ้ ช้งานได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพตลอดอายุการใชง้ าน เคร่ืองมอื ช่างพ้นื ฐานท่คี วรมีในการแก้ปญั หา
และสรา้ งชิน้ งาน มีดังน้ี
1. เครอ่ื งมือกลมุ่ ไขควง
2. เครื่องมือกลมุ่ สว่าน
3. เครือ่ งมือกลุม่ คีม
4. เคร่อื งมือพ้นื ฐานอื่นๆ
4. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นทากจิ กรรมนาเสนอ พรอ้ มอธิบายวธิ ีการทากจิ กรรม คือ ผู้สอนแบ่งกลุ่มผูเ้ รยี น กลมุ่
ละ 3 - 5 คน และมอบหมายใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ หาขอ้ มลู เกย่ี วกับเครื่องมือชา่ งพืน้ ฐาน โดยผสู้ อนเป็นผู้
กาหนดหวั ข้อใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ในการหาข้อมูล ซง่ึ ประกอบดว้ ย เครอื่ งมือกลุ่มไขควง เครื่องมือกลมุ่ สวา่ น
เครอ่ื งมอื กลุม่ คมี และ เครื่องมอื พื้นฐานอนื่ ๆ และในงานนาเสนอ ต้องมขี ้อมูลที่ประกอบดว้ ย
1. ภาพตัวอยา่ ง
2. วิธีการใช้งาน
3. การดูแลรกั ษา
5. ผสู้ อนใหเ้ วลาผเู้ รียนในการทากจิ กรรม โดยทผ่ี สู้ อนคอยดูแลความเรยี บร้อยและคอยใหค้ าแนะนา
เพม่ิ เติม
6. ผ้สู อนอธิบายเพิ่มเติม วา่ ผู้เรยี นสามารถเลอื กวธิ กี ารนาเสนอตามความถนดั ได้ เช่น การทา
Presentation วิดโี อ โปสเตอร์ หรอื จัดบอรด์ นิทรรศการ ตามความถนดั ของแต่ละกล่มุ แตม่ ี
จุดประสงค์ คือ ต้องมคี วามน่าสนใจ และสือ่ สารให้ผู้อ่ืนเขา้ ใจได้
ชั่วโมงท่ี 2
ขัน้ สอน (ต่อ)
1. ผ้สู อนใหเ้ วลาผเู้ รียนในการทากจิ กรรมให้เสร็จเรยี บร้อยอกี 20 นาที
2. ผสู้ อนให้แตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงาน โดยให้กล่มุ อ่ืนๆ รว่ มเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น
3. ผู้สอนสมุ่ ถามผู้เรยี นเพ่ือเป็นการประเมนิ ความเขา้ ใจ โดยการบอกช่อื เครื่องมือและอุปกรณ์ และให้
นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มตอบว่า มวี ิธกี ารใช้งาน และการดแู ลรักษาอย่างไร
4. ผสู้ อนอธบิ ายเพิ่มเติม วิธีการใช้และดแู ลรักษาเคร่ืองมือช่าง ประกอบด้วย
วิธีการใชเ้ ครือ่ งมือช่างพน้ื ฐาน
1. ศกึ ษาวิธีการใชเ้ ครื่องมือก่อนนาไปใช้
2. ตรวจสอบาสภาพของเคร่ืองมือก่อนนาไปใช้งาน
3. ใช้เคร่ืองมือให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน
4. ใชเ้ ครือ่ งมือด้วยความระมัดระวัง และไมเ่ ล่นหยอกลอ้ กันขณะใชเ้ ครื่องมือ
การดแู ลรกั ษาเครืองมือชา่ งพน้ื ฐาน
1. ทาความสะอาดเครื่องมือหลังการใชง้ านทุกคร้ัง
2. ถ้าเคร่ืองมอื ชารดุ ใหซ้ ่อมแซมก่อนนาไปเก็บ
3. เคร่ืองมือท่เี ปน็ โลหะ ควรทานา้ มนั เพอ่ื ป้องกนั สนิมในส่วนทเ่ี ปน็ โลหะ
4. จัดเก็บเครอ่ื งมือเขา้ ทห่ี รือเกบ็ ใส่กล่องให้เรยี บรอ้ ย
5.
ขัน้ สรปุ
6. ผสู้ อนและผเู้ รยี นร่วมกนั สรุปว่า เทคโนโลยีในการสรา้ งชิน้ งานมคี วามจาเปน็ ต้องใช้อปุ กรณ์และ
เครือ่ งมอื ช่างในการผลติ การเรียนรู้เกยี่ วกับคณุ ภาพของอปุ กรณแ์ ละเคร่อื งมือชา่ ง จะเป็นตวั ช่วยที่
สาคัญในการออกแบบกระบวนการผลติ เช่น ชว่ ยลดข้นั ตอนและลดระยะเวลาในการผลิต เพิ่มจานวน
การผลติ ได้อยา่ งคุ้มคา่
7. ผสู้ อนเปิดโอกาสใหผ้ ้เู รียนสอบถามเพม่ิ เตมิ
9. สอ่ื การเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=QrV0WekLTVs
2. กจิ กรรมนาเสนอ
0
10. การวดั และประเมินผล
วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์
แบบประเมนิ ผลงาน
ตรวจ ผลงานจากกิจกรรม คุณภาพอยู่ในระดับ ดี
นาเสนอ แบบประเมนิ พฤติกรรมกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ พฤติกรรมกลุ่ม คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
จากการทากจิ กรรมนาเสนอ ผา่ นเกณฑ์
แบบบันทึกหลังแผนการสอน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3
จานวน 6 ชัว่ โมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 วสั ดุ อุปกรณ์ ในการสรา้ งนวัตกรรม เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 10 อุปกรณ์และเครอื่ งมือ
ผลการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปญั หาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื …………………….…………….ผู้สอน
(…………………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
ความคดิ เหน็ ของผ้บู ริหารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื …………………………….ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
(…………………..…………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11
กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 วสั ดุ อุปกรณ์ ในการสร้างนวตั กรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 11 กลไก ไฟฟา้ และอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เวลาเรยี น 2 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่อื การดารงชีวิตในสงั คมทมี่ กี ารเปลีย่ นแปลง
อย่างรวดเร็ว ใช้ความร้แู ละทักษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ืน่ ๆ เพอ่ื แก้ปัญหา
หรือพฒั นางาน อย่างมคี วามคิดสร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยี
อยา่ งเหมาะสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สังคม และส่ิงแวดล้อม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
กลไก คือ สงิ่ ท่ีทางานประสานสอดคลอ้ งกัน เพอ่ื ให้ระบบทางานได้ ซึ่งกลไก อาจจะซบั ซอ้ น หรือไม่
ซบั ซ้อนกไ็ ด้
ไฟฟา้ คอื พลงั งานรปู หนง่ึ ซงึ่ เกย่ี วขอ้ งกบั การแยกตวั ออกมา หรอื การเคลื่อนท่ีของอิเลก็ ตรอน โปรตอน
หรืออนุภาคอนื่ ท่ีมีสมบตั แิ สดงพลงั งาน คล้ายกับอิเลก็ ตรอนหรือโปรตอน
อปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์ เป็นการควบคมุ หรอื ออกแบบการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟา้
3. ตัวชี้วดั /จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
ตัวชว้ี ัด
ว 4.1 ม.3/5 ใช้ความรู้ และทกั ษะเก่ียวกับวสั ดุ อุปกรณ์เคร่อื งมือ กลไก ไฟฟา้ และ
อเิ ล็กทรอนิกสใ์ ห้ถกู ต้องกับ ลกั ษณะของงาน และปลอดภยั เพอ่ื แก้ปญั หาหรือพฒั นางาน
จดุ ประสงค์
1. อธิบายได้วา่ กลไก ไฟฟา้ และอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ คืออะไร (K)
2. ใช้กลไก ไฟฟ้า และอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ในการสร้างชิ้นงานได้ (P)
3. เห็นความสาคัญของการใช้กลไก ไฟฟ้า และอปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในการสร้างช้นิ งาน (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. วสั ดุแต่ละประเภทมสี มบตั ิแตกต่างกัน เชน่ ไม้ โลหะ พลาสตกิ เซรามิก จงึ ต้องมกี ารวเิ คราะห์
สมบตั เิ พ่ือเลอื กใช้ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน
2. การสร้างช้นิ งานอาจใช้ความรู้เร่อื งกลไก ไฟฟา้ อเิ ล็กทรอนิกสเ์ ชน่ LED LDR มอเตอรเ์ ฟือง คาน รอก ล้อ
เพลา
3. อุปกรณ์และเครอื่ งมือในการสรา้ งชนิ้ งานหรือพัฒนาวิธีการมหี ลายประเภท ตอ้ งเลือกใชใ้ หถ้ กู ต้อง
เหมาะสม และปลอดภัย รวมทั้งรจู้ ักเก็บรักษาใหม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. ม่งุ มั่นในการทางาน
7. ภาระงาน
1. กิจกรรมนาเสนอ
8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
1. วิธกี ารสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทักษะการเรยี นรู้และนวัตกรรม (Learning and Innovation Skills)
ชั่วโมงที่ 1
ข้นั นาเขา้ สูบ่ ทเรียน
1. ผู้สอนเปิดคลิปวดิ โี อ สิ่งประดิษฐ์ DIY ทาเครอ่ื งดูดฝุ่นใชเ้ องจากถงั พลาสติก เพือ่ เป็นการกระต้นุ
ความสนใจของผู้เรียน จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=-_AwB0EpjiM
2. ผสู้ อนถามผเู้ รยี นเพ่ือเป็นการทบทวนความร้เู ดมิ ของผู้เรียน เช่น “จากคลปิ วดิ โี อ นักเรยี นคดิ ว่าต้องใช้
ความรู้ดา้ นใดในการสร้างนวัตกรรมนัน้ บา้ ง”
แนวคาตอบ :
ใชค้ วามรเู้ กี่ยวกับ กลไก ไฟฟ้า และอปุ กรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์
ขน้ั สอน
3. ผู้สอนอธิบายว่า เทคโนโลยตี ่างๆท่ีเกดิ ขึ้น ต้องใช้ กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นส่วนสาคญั ใน
การสรา้ ง โดย กลไก คือ สิ่งท่ีทางานประสานสอดคล้องกัน เพอ่ื ให้ระบบทางานได้ ซงึ่ กลไก อาจจะ
ซับซอ้ น หรอื ไมซ่ ับซอ้ นกไ็ ด้ ไฟฟ้า คือ พลงั งานรปู หน่ึงซ่งึ เกย่ี วขอ้ งกบั การแยกตวั ออกมา หรือการ
เคลอื่ นท่ีของอิเลก็ ตรอน โปรตอน หรอื อนภุ าคอน่ื ท่มี ีสมบัตแิ สดงพลังงาน คล้ายกับอิเล็กตรอนหรือ
โปรตอน และอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เปน็ การควบคุมหรือออกแบบการไหลของกระแสไฟฟา้ ใน
วงจรไฟฟ้า
4. ผสู้ อนใหผ้ ้เู รียนทากจิ กรรมนาเสนอ พรอ้ มอธบิ ายวธิ ีการทากิจกรรม คือ ผู้สอนแบ่งกลุ่มผเู้ รียน กลุม่
ละ 3 - 5 คน และมอบหมายใหแ้ ตล่ ะกล่มุ หาขอ้ มูลเกีย่ วกับกลไก ไฟฟ้า และอปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์
โดยผสู้ อนเปน็ ผ้กู าหนดหัวขอ้ ให้แตล่ ะกลุ่มในการหาข้อมลู
5. ผสู้ อนให้เวลาผู้เรยี นในการทากิจกรรม โดยท่ีผู้สอนคอยดูแลความเรียบร้อยและคอยให้คาแนะนา
เพิ่มเติม
6. ผสู้ อนอธบิ ายเพ่ิมเติม วา่ ผู้เรียนสามารถเลอื กวิธีการนาเสนอตามความถนดั ได้ เชน่ การทา
Presentation วิดโี อ โปสเตอร์ หรอื จัดบอรด์ นิทรรศการ ตามความถนัดของแต่ละกลุม่ แต่มี
จุดประสงค์ คือ ต้องมคี วามน่าสนใจ และสือ่ สารใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจได้
ชั่วโมงท่ี 2
ขัน้ สอน (ตอ่ )
1. ผ้สู อนให้เวลาผเู้ รียนแต่ละกลุ่มในการทากิจกรรมใหเ้ สร็จเรยี บรอ้ ยอีก 20 นาที
2. ผู้สอนให้แต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอผลงาน โดยใหก้ ลุ่มอื่นๆ รว่ มเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น
3. ผู้สอนแจกใบความรูท้ ่ี 7 กลไก พรอ้ มอธบิ าย ว่า กลไกที่สาคญั ในการสร้างชน้ิ งาน มดี ังนี้
1. ลอ้ และเพลา เปน็ กลไกทชี่ ่วยผอ่ นแรงในการทางาน ประกอบดว้ ยวัตถวุ งกลมหรือ
ทรงกระบอกท่ีมีขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางแตกตา่ งกัน 2 ชิน้ สว่ นอยู่ตดิ กนั โดยวตั ถุท่ีมเี ส้นผา่ น
ศนู ยก์ ลางขนาดใหญเ่ รียกวา่ ล้อ และวัตถทุ ่ีมเี สน้ ผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก เรียกวา่ เพลา
2. รอก เป็นเครื่องผ่อนแรงลักษณะคลา้ ยล้อ มีแกนหมนุ ได้รอบ ขอบของรอกจะเปน็ ร่องสาหรบั
ใสเ่ สน้ เชอื กหรือโซ่ สาหรบั ดึงใหร้ อกหมุนตามไดส้ ะดวก เรียกว่า พาดลอ้ ใชส้ าหรบั ยกของขนึ้ ทส่ี ูง
หยอ่ นของลงไปในท่ีต่า ลากหรอื ดึงของหนักใหเ้ บาแรงและรวดเรว็
3. เฟอื งตรง เป็นชิน้ ส่วนของเคร่อื งกลที่มีรูปรา่ งเปน็ จานแบนรปู วงกลม ตรงขอบมลี กั ษณะเป็น
แฉก เรียกวา่ ฟนั เมื่อนาไปประกบกับเฟืองอีกตวั หนงึ่ และทาใหเ้ ฟืองขับหมุน เฟืองตามจะหมนุ สวน
ทางกับเฟอื งขบั ทาใหเ้ กิดการสง่ ผ่านแรงหมนุ สามารถปรบั ความเรว็ และทศิ ทางการหมุนได้ตาม
วตั ถุประสงค์การใช้งาน
เฟอื งตาม
เฟอื งขบั
4. คาน เปน็ เคร่อื งกลทที่ าหน้าที่ดดี หรืองัดวัตถุให้เคล่ือนทร่ี อบจดุ หมนุ คานมที ้ังแบบทช่ี ว่ ยผ่อน
แรงและคานแบบที่ไม่ชว่ ยผอ่ นแรงแต่ช่วยใหส้ ะดวกในการทางาน สว่ นประกอบท่ีสาคญั ในการทางาน
ของคาน มี 2 ส่วน ประกอบด้วยแรงพยายามหรือแรงทก่ี ระทาต่อคาน (E) แรงต้านทาน หรอื น้าหนกั
ของวตั ถุ (W) และจุดหมุน หรือจดุ ฟลั ครัม
4. ผู้สอนอธบิ ายเพ่ิมเติม วา่ นอกจากความร้เู รื่องกลไกแล้ว ความร้เู กยี่ วกบั ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
กเ็ ป็นสว่ นสาคญั ในการสรา้ งนวตั กรรม เมอื่ สังเกตเทคโนโลยีทีพ่ บเห็นในชีวิตประจาวันจะพบวา่
บางอย่างมีการใช้กลไกในการทางาน เช่น ลกู บดิ ประตู ทเี่ ปิดกระป๋อง จักรยาน บางอย่างใชไ้ ฟฟา้
อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เชน่ หลอดไฟ พัดลม สัญญาณไฟจราจร และบางอย่างใชท้ ัง้ กลไกล ไฟฟา้ และ
อิเล็กทรอนิกส์ เชน่ ประตเู ปดิ ปดิ อัตโิ นมตั ิ รถยนต์ไฟฟ้า ในการสร้างนวัตกรรมจึงควรมีความรู้ ความ
เข้าใจ เก่ยี วกับ กลไก ไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์
5.
ขั้นสรปุ
6. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรปุ ว่า ในการสร้างนวัตกรรมจงึ ควรมีความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับ กลไก
ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซง่ึ
กลไก คอื ส่ิงท่ที างานประสานสอดคล้องกัน เพื่อใหร้ ะบบทางานได้ ซึ่งกลไก อาจจะซับซอ้ น
หรอื ไม่ซับซ้อนกไ็ ด้
ไฟฟา้ คอื พลังงานรูปหน่ึงซึง่ เกี่ยวข้องกับการแยกตัวออกมา หรอื การเคลื่อนท่ีของอิเลก็ ตรอน
โปรตอน หรอื อนุภาคอนื่ ที่มสี มบัติแสดงพลงั งาน คลา้ ยกับอิเล็กตรอนหรือโปรตอน
อุปกรณอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ เปน็ การควบคมุ หรอื ออกแบบการไหลของกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้
7. ผูส้ อนเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นสอบถามเพ่มิ เติม
9. สื่อการเรยี นรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=-_AwB0EpjiM
2. ใบความรู้ที่ 7 กลไก
3. กิจกรรมนาเสนอ
0
10. การวัดและประเมนิ ผล
วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์
แบบประเมินผลงาน
ตรวจ ผลงานจากกจิ กรรม คณุ ภาพอยใู่ นระดับ ดี
นาเสนอ แบบประเมนิ พฤตกิ รรมกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
ประเมินพฤติกรรมกล่มุ คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
จากการทากิจกรรมนาเสนอ ผ่านเกณฑ์
แบบบันทึกหลงั แผนการสอน ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3
จานวน 6 ชั่วโมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 วสั ดุ อุปกรณ์ ในการสรา้ งนวัตกรรม เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 11 กลไก ไฟฟา้ และอุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
ผลการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ข้อเสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ …………………….…………….ผู้สอน
(…………………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
ความคดิ เหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื …………………………….ผู้บริหารสถานศกึ ษา
(…………………..…………………………)
ตาแหนง่ ………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 12
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 การพัฒนาชมุ ชนด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 12 ปัญหาหรือความต้องการภายในชุมชน เวลาเรียน 2 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพอ่ื การดารงชีวิตในสังคมทีม่ ีการเปล่ยี นแปลง
อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทักษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพอื่ แก้ปญั หา
หรอื พฒั นางาน อย่างมคี วามคิดสรา้ งสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี
อย่างเหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และส่ิงแวดล้อม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
วธิ กี ารสารวจชุมชนหรือท้องถ่ิน เพอ่ื นาข้อมูลที่ศึกษามาประกอบการตัดสินใจในการแก้ปัญหา มดี งั นี้
1. สารวจจากเอกสาร ตารา และฐานข้อมลู
2. สารวจจากการสังเกต
3. สารวจจาการสัมภาษณ์
4. สารวจจากแบบสอบถาม
3. ตัวชี้วดั /จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ตวั ช้วี ดั
ว 4.1 ม.3/2 ระบุปญั หาหรือความต้องการของชุมชนหรือทอ้ งถิน่ เพื่อพฒั นางานอาชีพ สรปุ
กรอบของปัญหา รวบรวม วเิ คราะหข์ ้อมูลและแนวคดิ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ปัญหา โดยคานงึ ถึงความ
ถกู ต้องดา้ นทรัพยส์ ิน ทางปัญญา
จดุ ประสงค์
1. ยกตวั อยา่ งวิธีการสารวจปัญหาหรอื ชุมชนหรือท้องถนิ่ ได้ (K)
2. สารวจปญั หาในชมุ ชนด้วยวธิ ีการที่เหมาะสมได้ (P)
3. เหน็ ประโยชนจ์ ากการใชเ้ ทคโนโลยีในการแกป้ ัญหาในชุมชน (A)
4. สาระการเรยี นรู้
1. ปญั หาหรอื ความตอ้ งการอาจพบได้ในงานอาชพี ของชุมชนหรือทอ้ งถน่ิ ซ่ึงอาจมหี ลายด้าน เชน่ ด้าน
การเกษตร อาหาร พลังงาน การขนส่ง
2. การวิเคราะห์สถานการณ์ปญั หาช่วยใหเ้ ขา้ ใจเง่ือนไขและกรอบของปัญหาได้ชัดเจน จากนน้ั ดาเนินการ
สบื ค้น รวบรวมขอ้ มูล ความรู้ จากศาสตรต์ า่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องเพอ่ื นาไปสู่การออกแบบแนวทางการ
แกป้ ญั หาใหม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. ม่งุ ม่ันในการทางาน
7. ภาระงาน
1. กจิ กรรมสารวจชุมชน
2. ใบงานท่ี 4.1 5W1H
8. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
1. วิธกี ารสอนแบบสรา้ งสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทกั ษะการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills)
ชัว่ โมงท่ี 1
ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น
1. ผสู้ อนเปิดคลิปวดิ ีโอ “สุนขั ชุมชน” แนวทางหนงึ่ ในการแก้ไขปัญหา “สุนัขจรจัด” เพื่อเป็นการ
กระต้นุ ความสนใจของผู้เรยี น จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=icfO2UcAQC8
2. ผสู้ อนถามผูเ้ รียนเพื่อเปน็ การกระตุน้ ให้เกิดการเรยี นรู้ เช่น “ในชมุ ชนของนักเรียนมปี ญั หาอะไร และ
นกั เรียนคิดว่าจะมีวิธีการแกป้ ัญหาอย่างไร”
ขั้นสอน
3. ผู้สอนอธิบายวา่ ปญั หาหรือความตอ้ งการภายในชุมชน ท่ีเกดิ ขึน้ ในปัจจบุ ันอาจจะส่งผลต่อการ
ประกอบอาชีพต่างๆ ทีม่ ีอยู่ในชุมชน การทราบปญั หาหรอื ความตอ้ งการภายในชมุ ชนต้องอาศัยการ
สารวจ เพอ่ื เกบ็ ขอ้ มูลปัญหาจากผู้ท่ีเกีย่ วข้องมาวเิ คราะห์แนวทางการแกป้ ัญหา
4. ผู้สอนแจกใบความรทู้ ่ี 8 ประเภทของปัญหาในชุมชน พร้อมอธิบายว่า
ในแตล่ ะชุมชนจะมปี ัญหาหรือความต้องการทแี่ ตกตา่ งกนั โดยสามารถแบง่ เปน็ ประเภทต่างๆ ได้
ดังนี้
1. ปัญหาดา้ นเศรษฐกิจ คอื ปญั หาทเี่ กยี่ วข้องกับการประกอบอาชพี
การขาดแคลนปัจจัยการผลิตและปจั จยั ทีจ่ าเป็น
การถือครองที่ดิน เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่มีทด่ี ินทากินของตนเอง
ภัยธรรมชาติ ในชว่ งภัยแลง้ เกษตรกรไม่สาสมารทาการผลติ ได้
2. ปัญหาดา้ นสังคม คือ ภาวะใดๆ ในสังคมท่ีคนจานวกมากถอื วา่ เปน็ สงิ่ ผิดปกติ รสู้ กึ ไม่สบายใจ
และตอ้ งการให้มีการแก้ไข
ด้านคุณภาพของคน ปัญหาหนี้สนิ ครวั เรอื น ปญั หาทางการศึกษา
ดา้ นความเปน็ อยู่ เชน่ ปญั หาการบรโิ ภคเครอ่ื งด่มื แอลกอลฮอลแ์ ละบหุ ร่ี ปญั หามลพษิ
จากแหลง่ น้าในชุมชน
ดา้ นความมัน่ คง เชน่ ปัญหาการกอ่ คดีอาญาเพ่ิมมากข้ึน โดยเฉพาะคดียาเสพตดิ
3. ปญั หาดา้ นวฒั นธรรม วัฒนธรรม คือ วิถชี วี ติ ซงึ่ มีท้ังที่เป็นนามธรรมและรปู ธรรม โดย
วัฒนธรรมทเี่ ป็นรูปธรรม จะปรากฎในรูปของวัตถุ สว่ นวัฒนธรรมทีเ่ ป็นนามธรรม คือ พฤตกิ รรมทจี่ ับ
ต้องไม่ได้ หรือยากทจี่ ะมองเห็นได้ในทันที ปญั หาดา้ นวัฒนธรรมท่ีเกดิ ข้ึนในชุมชน จาแนกออกเปน็ 2
ปรเภท คอื
ดา้ นวฒั นธรรมทางวัตถุ เช่น การเส่อื มสภาพของโบราณสถาน โบราณวตั ถุ
ดา้ นวฒั นธรรมทางภูมปิ ญั ญา เชน่ การปกปอ้ งภูมปิ ญั ญาด้านสมุนไพร แพทย์แผนไทย
4. ปญั หาดา้ นสงิ่ แวดล้อม คือ ปัญหาทเ่ี กดิ จากการใชท้ รัพยากรอยา่ งฟุ่มเฟือย และขาดความ
รอบคอบ จนสง่ ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพชวี ติ ธรรมชาติ ดนิ น้า อากาศ ระบบนิเวศ ปญั หาด้าน
สิ่งแวดลอ้ มที่เกดิ ข้นึ ในชุมชน หรอื ทอ้ งถ่นิ จาแนกออกเปน็ 3 ประเภท คือ
ปัญหาภัยธรรมชาติ
ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ
ปญั หามลพิษสง่ิ แวดลอ้ ม
5. ผสู้ อนอธิบายเพิ่มเติมว่าวิธกี ารสารวจปญั หาในชมุ ชนหรือท้องถ่นิ ทาได้โดย
1. สารวจจากเอกสาร ตารา และฐานข้อมูล
2. สารวจจากการสังเกต
3. สารวจจาการสมั ภาษณ์
4. สารวจจากแบบสอบถาม
ในการสารวจปญั หาในชมุ ชน สามารถเลือกใช้วธิ ีการต่างๆ รว่ มกัน เพ่อื ให้ได้ขอ้ เท็จจริงของชมุ ชน
ใหไ้ ด้มากท่สี ุด และใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการแก้ปัญหาภายในชมุ ชนด้วยเทคโนโลยีไดอ้ ยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ
6. ผู้สอนแบ่งกลมุ่ ผู้เรียนกลุ่มละ 5 คนเพื่อทากจิ กรรมสารวจชุมชน พร้อมอธบิ ายวธิ ีการทากิจกรรม
คอื ให้ผู้เรียนเขา้ สารวจชมุ ชนของผู้เรยี น โดยใช้เครอ่ื งมอื ศึกษาชมุ ชนเบื้องตน้ ได้แก่ การสงั เกต การ
สมั ภาษณ์ การสอบถาม ก่อนจะกลบั มาสบื คน้ ข้อมลู เพิ่มเติม วเิ คราะหแ์ ละสังเคราะห์ปัญหาและ
วธิ ีการแกไ้ ข
7. ผู้สอนใหเ้ วลาผเู้ รยี นในการปรึกษา การเลือกใช้ เครื่องมือศึกษาชมุ ชนเบอื้ งตน้ โดยท่ีผ้สู อนคอยดูแล
ความเรยี บรอ้ ยและคอยให้คาแนะนาเพม่ิ เติม
8. ผู้สอนอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ว่า ในการสารวจ ผู้เรียนอาจจะสร้างตารางเพ่ือเกบ็ ข้อมลู โดยการเติมข้อความ
ต่าง ๆ ลงในตาราง ไมจ่ าเปน็ ต้องสอดคล้องต่อเนื่องกัน ให้เตมิ ในลกั ษณะการระดมสมองก่อน
แลว้ ค่อยมาพิจารณาในภายหลังว่า สง่ิ ทพี่ บเป็นปัญหาหรือปญั ญา ตรงกบั ความต้องการของชมุ ชน
หรอื ไม่ กอ่ นจะตัดสินใจเลือกปญั หา เพอื่ เป็นฐานในการเรยี นรูจ้ ากการแกป้ ญั หาต่อไป
สารวจดา้ นตา่ งๆ ปัญหา ความตอ้ งการ กาหนดหัวเรอื่ งท่ี
จะพัฒนา
เศรษฐกิจ
สังคม
สง่ิ แวดลอ้ ม
วฒั นธรรม
ตัวอย่างตาราง เพอื่ ใช้เปน็ เคร่ืองมือในการสารวจ
9. ผสู้ อนอธิบายเพิ่มเติมอกี วา่ เม่ือได้ข้อมลู จากการสารวจแล้ว นามาวเิ คราะห์ และรว่ มกันกาหนด
ปัญหาแลว้ ควรลงพืน้ ทอ่ี ีกครั้ง เพอ่ื เข้าไปสอบถาม สัมภาษณ์ บุคคลที่เก่ียวขอ้ ง เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มูล
มากขน้ึ และเม่ือเจอปญั หา และมีข้อมูลมากเพียงพอแล้ว ให้สืบคน้ วา่ ทผ่ี ่านมามีใครสามารถ
แกป้ ัญหาดังกลา่ วนัน้ ได้หรือไม่ อย่างไร สืบคน้ องค์ความรเู้ พ่ือนามาแก้ปัญหาน้นั เพ่ือนามาสังเคราะห์
โดยการนาขอ้ มูลท่ไี ดจ้ ากการสารวจ สอบถาม และสบื ค้น มาวเิ คราะห์หาวธิ ีการแก้ปญั หา
ช่ัวโมงที่ 2
ขัน้ สอน (ต่อ)
1. ผสู้ อนแจกใบงานท่ี 4.1 5W1H พรอ้ มอธบิ ายวิธีการทาใบงาน คอื ให้ผูเ้ รยี นแต่ละกล่มุ นาข้อมลู ท่ไี ด้
ทงั้ หมด มาวเิ คราะห์โดยใชค้ าถาม 5W1H
2. ผู้สอนอธบิ ายเพิ่มเติมวา่ การใช้คาถาม 5W1H จะช่วยให้เข้าใจปัญหาอย่างเป็นข้ันตอน การระบแุ ละ
อธิบายความสาคัญของสถานการณ์ทเ่ี ป็นปัญหาในมุมมองของตนเองและผู้อ่นื การสรา้ งความคิดท่ี
เหมาะสมต่อปญั หา เปน็ การการระบปุ ัญหาที่ชดั เจนเปน็ พ้ืนฐานในการกาหนดวัตถุประสงคเ์ พ่ือแก้ไข
ปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาท่ีแทจ้ รงิ ประกอบด้วย
3. ผู้สอนใหเ้ วลาผเู้ รียนในการทาใบงาน โดยทีผ่ สู้ อนคอยดูแลความเรยี บร้อยและคอยให้คาแนะนา
เพิม่ เติม
4. ผู้สอนใหผ้ ้เู รียนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอใบงาน โดยทใี่ ห้ผู้เรยี นกลุ่มอน่ื ๆ รว่ มแสดงความคิดเหน็
และข้อเสนอแนะเพิม่ เติม
ขั้นสรปุ
5. ผ้สู อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรปุ ว่า การท่จี ะรู้ปัญหาที่แท้จรงิ ของชมุ ชน จาเป็นตอ้ งใช้เครื่องมอื วธิ กี าร
เพ่อื ช่วยให้เขา้ ใจปญั หาหรือความต้องการ คอื การสารวจ การสอบถาม การสืบค้น การสงั เคราะห์ ซง่ึ
เปน็ วิธีการเพือ่ ให้ได้มาซ่งึ ข้อมูลเพอื่ นาไปสูก่ ารวเิ คราะหป์ ญั หา โดยการใช้คาถาม 5W1H ช่วยใหร้ ะบุ
ปญั หาเพื่อนาไปสู่การแก้ปัญหาไดต้ รงจุด สามารถรวบรวมรายละเอยี ดของปัญหาได้ตรงประเด็น
6. ผู้สอนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพม่ิ เติม
9. สื่อการเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=icfO2UcAQC8
2. ใบความรทู้ ่ี 8 ประเภทของปัญหาในชมุ ชน
3. กจิ กรรมสารวจชุมชน
4. ใบงานท่ี 4.1 5W1H
0
10. การวัดและประเมินผล
วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์
แบบประเมนิ ผลงาน
ตรวจ ผลงานจากการทา คุณภาพอยูใ่ นระดับ ดี
กิจกรรมสารวจชมุ ชน แบบประเมินผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ตรวจ ใบงานท่ี 4.1 5W1H
คณุ ภาพอยู่ในระดบั ดี
ประเมินพฤติกรรมกลุ่ม แบบประเมนิ พฤติกรรมกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
จากการทากิจกรรมสารวจ
ชมุ ชน คณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดี
ผา่ นเกณฑ์
แบบบันทกึ หลังแผนการสอน ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3
จานวน 6 ชวั่ โมง
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 การพฒั นาชมุ ชนด้วยเทคโนโลยี และนวตั กรรม เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 12 ปญั หาหรือความต้องการภายในชุมชน
ผลการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ปัญหาอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ…………………….…………….ผสู้ อน
(…………………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
ความคิดเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื …………………………….ผบู้ ริหารสถานศึกษา
(…………………..…………………………)
ตาแหน่ง………………………………………
………………/…………....../……………
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 13
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3
เทคโนโลยี การออกแบบและเทคโนโลยี จานวน 6 ชว่ั โมง
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 การพัฒนาชุมชนด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13 การใช้เทคโนโลยใี นการแกป้ ญั หาในชุมชน เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง
1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพอื่ การดารงชีวติ ในสังคมท่มี ีการเปล่ียนแปลง
อย่างรวดเรว็ ใชค้ วามร้แู ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ เพื่อแก้ปญั หา
หรอื พัฒนางาน อยา่ งมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี
อยา่ งเหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชวี ติ สังคม และส่ิงแวดล้อม
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาในชมุ ชนดา้ นเศรษฐกิจ
การใชเ้ ทคโนโลยีในการแกป้ ัญหาในชุมชนดา้ นสงั คม
การใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาในชมุ ชนดา้ นวฒั นธรรม
การใช้เทคโนโลยใี นการแก้ปัญหาในชมุ ชนด้านส่ิงแวดลอ้ ม
3. ตวั ชี้วัด/จดุ ประสงค์การเรียนรู้
ตวั ชวี้ ัด
ว 4.1 ม.3/2 ระบุปัญหาหรอื ความตอ้ งการของชมุ ชนหรือทอ้ งถน่ิ เพื่อพฒั นางานอาชีพ สรปุ
กรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมลู และแนวคดิ ทเี่ ก่ียวขอ้ งกับปัญหา โดยคานึงถึงความ
ถูกต้องด้านทรัพย์สนิ ทางปัญญา
จุดประสงค์
1. ยกตวั อยา่ งเทคโนโลยที ่ใี ชแ้ ก้ปัญหาในชุมชนหรือท้องถนิ่ ได้ (K)
2. ออกแบบเทคโนโลยที ช่ี ว่ ยแกป้ ัญหาในชมุ ชนได้ (P)
3. เห็นประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาในชมุ ชน (A)
4. สาระการเรียนรู้
1. ปญั หาหรือความตอ้ งการอาจพบได้ในงานอาชพี ของชุมชนหรือทอ้ งถ่นิ ซึ่งอาจมีหลายด้าน เช่น ดา้ น
การเกษตร อาหาร พลังงาน การขนสง่
2. การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาชว่ ยให้เขา้ ใจเงื่อนไขและกรอบของปัญหาไดช้ ดั เจน จากนน้ั ดาเนินการ
สบื คน้ รวบรวมข้อมูล ความรู้ จากศาสตร์ตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวข้องเพ่อื นาไปสกู่ ารออกแบบแนวทางการ
แก้ปญั หาใหม่
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวินยั
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทางาน
7. ภาระงาน
1. ใบงานที่ 4.2 ออกแบบเทคโนโลยีเพอ่ื แก้ปัญหาในชมุ ชน
8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. วธิ ีการสอนแบบสร้างสรรคเ์ ป็นฐาน (Creativity-Based Learning : CBL)
2. ทักษะการเรียนร้แู ละนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills)
ชว่ั โมงท่ี 1
ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน
1. ผสู้ อนเปิดคลปิ วดิ ีโอ เทคโนโลยภี ูมิสารสนเทศ "เพือ่ แกไ้ ขปัญหาการใช้ประโยชน์ทีด่ ินในเขตปา่
ของประชาชน" เพอ่ื เป็นการกระต้นุ ความสนใจของผเู้ รยี น
จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=cvuIcn2sPvc
2. ผ้สู อนเปิดคลปิ วดิ โี อ เทคโนโลยีภูมสิ ารสนเทศ "เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกปา่ การลดลงของพนื้ ท่ี
ปา่ ไม้" (G-FMS) เพ่ือเปน็ การกระตุ้นความสนใจของผ้เู รียน
จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=ATfM-ROBnow
3. ผู้สอนถามผู้เรียนเพื่อเปน็ การกระต้นุ ให้เกิดการเรียนรู้ เชน่ “นกั เรียนคิดว่าจะใช้เทคโนโลยีในการ
แก้ปญั หาในชุมชนหรือทอ้ งถิ่นของนักเรยี นได้อย่างไรบา้ ง”
ขนั้ สอน
4. ผสู้ อนอธิบายว่า ปัญหาหรอื ความตอ้ งการภายในชุมชน ท่ีเกิดขน้ึ ในปัจจบุ ันอาจจะสง่ ผลตอิ การ
ประกอบอาชีพตา่ งๆ ทม่ี ีอยใู่ นชมุ ชน การทราบปัญหาหรอื ความต้องการภายในชุมชนต้องอาศยั การ
สารวจ เพือ่ เกบ็ ขอ้ มูลปัญหาจากผู้ทเี่ กยี่ วข้องมาวเิ คราะห์แนวทางการแก้ปญั หา
5. ผสู้ อนแจกเปิด SLIDE สื่อการสอน ตวั อย่างเทคโนโลยีท่ใี ชแ้ กป้ ัญหาในชุมชน พร้อมอธบิ ายวา่
เทคโนโลยีท่ีช่วยในการแก้ปัญหาดา้ นเศรษฐกิจภายในชุมชนหรือท้องถิน่
1. การใชเ้ ทคโนโลยีด้านการออกแบบเคร่ืองมือ หรืออุปกรณ์ในการพฒั นาภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น
เพอ่ื สร้างเป็นเครื่องมือทท่ี ันสมยั สามารถผลิตชน้ิ งานหรอื เพ่ิมอตั ราการผลิตได้มากยง่ิ ขนึ้
2. การใช้เทคโนโลยใี นการแกป้ ญั หาท่ีดนิ ทากินของเกษตรกรใหม้ ีประสิทธิภาพมากกวา่ เดมิ เชน่
การปลูกพชื ในแนวตงั้ การปลูกพชื แบบไร้ดนิ
3. การใชเ้ ทคโนโลยีในการแกป้ ญั หาภัยธรรมชาติ เพอื่ ใหเ้ กษตรกรทาการเพาะปลูกได้ เชน่
การแกป้ ญั หาเกย่ี วกบั ดินโดยการปรับสภาพดนิ กอ่ นทาการเพาะปลูก การออกแบบฝายชะลอ
น้าเพ่ือป้องกนั นา้ ทว่ มและมนี ้าสารองไวใ้ ช่ในฤดแู ลง้
เทคโนโลยีทชี่ ่วยในการแกป้ ญั หาด้านสังคมภายในชุมชนหรือทอ้ งถิ่น
1.การเผยแพรค่ วามรูช้ อ่ งทางการขายของออนไลน์ เพอ่ื เพิ่มชอ่ งทางการประชาสมั พนั ธก์ าร
บรกิ ารของชมุ ชนหรอื ท้องถนิ่ ให้คนในชมุ ชนหรือทอ้ งถน่ิ สรา้ งรายไดเ้ พิ่มมากข้ึน
2.ศนู ย์ปรกึ ษาปญั หาสรุ า 1413 เป็นศนู ยป์ รึกษาปัญหาสุราโดยใชเ้ ทคโนโลยีโทรศพั ท์
(Alcohol Helpline Center) ในการใหค้ าปรกึ ษากบั ผทู้ ตี่ อ้ งการเลกิ ดม่ื สรุ า
3.การใช้แอปพลิเคชน่ั การสอ่ื สาร เช่น ไลนก์ ลมุ่ สาหรบั แจ้งเบาะแสการใชย้ าเสพตดิ ใน
ชมุ ชนหรือท้องถนิ่ เพอ่ื ใหเ้ ฝา้ ระวงั และแกป้ ญั หายาเสพติดในชุมชนหรอื ทอ้ งถนิ่
4.การเปดิ ศนู ยป์ ฏบิ ตั ิการการตอบโต้ภาวะฉกุ เฉนิ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข
กรณีการระบาดของโรคไขเ้ ลือดออก เพอ่ื เตรยี มพรอ้ มรบั มอื ในชว่ งทกี่ าลังเขา้ สฤู่ ดรู ะบาด
เทคโนโลยที ช่ี ว่ ยในการแกป้ ญั หาดา้ นวฒั นธรรมภายในชุมชนหรือท้องถน่ิ
1.การใชก้ ระบวนการทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยใี นการพฒั นางานหตั ถกรรม หรือ
ใช้กระบวนการทางวศิ วกรรมเทคโนโลยวี สั ดเุ พอ่ื ใหส้ ามารถเก็บรกั ษางานศลิ ปะ หรอื งาน
หตั ถกรรมได้ยาวนานมากยิง่ ขึ้น
2.การพฒั นาวธิ ีการรักษาโรคดว้ ยการแพทยแ์ ผนไทยใหถ้ ูกคุ้มครองดว้ ยกระบวนการทาง
ทรัพย์สนิ ทางปัญญา
3.ฐานขอ้ มูลสมนุ ไพรทรี่ วบรวมข้อมูลสมนุ ไพร สรรพคณุ และรายละเอยี ดในการใช้ เปน็
สว่ นประกอบของตารบั ยาไทย ซึ่งอนุรกั ษ์และเผยแพรภ่ มู ปิ ัญญาไทย รวมถึงการใชป้ ระโยชน์
อย่างย่งั ยนื
เทคโนโลยีทช่ี ่วยในการแกป้ ัญหาดา้ นสิง่ แวดลอ้ มภายในชุมชนหรือทอ้ งถ่ิน
1.การใช้เทคโนโลยใี นการแกป้ ัญหาจากภยั ธรรมชาติ เชน่ ดารติดตัง้ ระบบเตือนภัยสึนามิ
ให้กบั ชุมชนหรอื ทอ้ งถนิ่ ท่อี ยใู่ กลช้ ายฝงั่ ทะเลทม่ี คี วามเส่ยี งในการเกดิ คลน่ื สนึ ามิ การวางแผน
การปลกู พชื โดยใชข้ ้อมลู ทางอตุ นุ ยิ มวทิ ยาและสถติ ิจากการพยากรณอ์ ากาศเพื่อปอ้ งกนั ภัยจาก
ความแห้งแลง้ ภัยพิบตั ิธรรมชาตทิ ไี่ ดร้ บั จากการพยากรณอ์ ากาศจากเครง่ื มอื และกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ รวมถงึ ไดร้ บั การเฝ้าระวงั อย่างต่อเนอื่ งจะช่วยลดความเสยี หายท่เี กดิ ขนึ้ ไดจ้ าก
การเตรียมพรอ้ มต่อสถานการณ์ฉกุ เฉนิ ดังกลา่ ว
2.การใชเ้ ทคโนโลยใี นการแกป้ ญั หาการขาดแคลนทรัพยาการณ์ทางธรรมชาติ เชน่ การ
เพาะพันธพ์ุ ืชด้วยวิธกี ารทางชีววิทยา การปอ้ งกันน้าเสียโดยใช้ระบบบาบดั น้าเสีย การใช้
เคร่ืองกลเติมอากาศเพือ่ เพมิ่ คณุ ภาพนา้ การสรา้ งเขอ่ื นเพ่ือกกั เกบ็ นา้
3.การใช้เทคโนโลยใี นการแก้ปัญหามลพษิ สิง่ แวดลอ้ ม เช่น การใชก้ ระบวนการรไี ซเคลิ ขยะ
การคดิ คน้ วสั ดทุ างธรรมชาตมิ าทาภาชนะท่สี ามารถย่อยสลายไดเ้ พ่ือทดแทนการใชพ้ ลาสติก
6. ผสู้ อนแจกใบงานที่ 4.2 ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อแกป้ ญั หาในชุมชน พร้อมอธบิ ายวิธกี ารทาใบงาน
คอื ใหผ้ ู้เรียนแตล่ ะกลุม่ สรปุ ปัญหาทไี่ ด้จากกจิ กรรมสารวจชมุ ชน และนาปญั หาน้นั มาแก้ไขด้วย
เทคโนโลยี โดยการออกแบบเทคโนโลยี ซึง่ อาจจะเป็นชนิ้ งาน หรือวิธกี ารกไ็ ด้ หากเปน็ ชิ้นงานใหว้ าด
ภาพพร้อมอธบิ ายอยา่ งละเอียด หากเป็นวิธีการใหเ้ ขียนแผนผงั วธิ ีการ พร้อมอธบิ ายอย่างละเอียด
7. ผสู้ อนให้เวลาผเู้ รียนแตล่ ะกลุ่มในการทาใบงาน โดยทผี่ สู้ อนคอยดูแลความเรียบร้อยและคอยให้
คาแนะนาเพิ่มเติม
ชว่ั โมงที่ 2
ขน้ั สอน (ตอ่ )
1. ผ้สู อนใหแ้ ต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอใบงาน โดยใหน้ กั เรียนกลุ่มอ่นื ๆ รว่ มเสนอแนะ แสดงความคดิ เหน็
2. ผู้สอนอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ ปัญหาของแตล่ ะชมุ ชนหรือทอ้ งถิ่นมีความแตกต่างกัน การนาเทคโนโลยีมา
ใช้ ในการแก้ปัญหาหรือการตัดสนิ ใจควรเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ความต้องการของชุมชนหรอื ทอ้ งถิ่น
ที่แตกต่างกนั นอกจากนยี้ ังต้องอาศยั การรวมตวั ของคนในชุมชนหรือทอ้ งถนิ่ ร่วมกนั คิดและแกป้ ญั หา
เพื่อชว่ ยเสรมิ สรา้ งความเข้มแขง็ ในการจดั การตนเอง และสรา้ งรายได้ให้กับชมุ ชนหรอื ท้องถิน่ ได้อย่าง
ทั่วถงึ และยง่ั ยืน ในการออกแบบเทคโนโลยี เพอื่ แก้ปัญหาในชุมชน จาเปน็ ตอ้ งใชก้ ระบวนการ
ออกแบบเชิงวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย
ขน้ั ที่ 1 ระบุปญั หา (Problem Identification)
ขัน้ ที่ 2 รวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่เี กย่ี วข้องกับปญั หา (Related Information Search)
ขัน้ ที่ 3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution Design)
ขน้ั ที่ 4 วางแผนและดาเนนิ การแก้ปัญหา (Planning and Development)
ขน้ั ท่ี 5 ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แก้ไขวธิ ีการแกป้ ัญหาหรอื ชน้ิ งาน (Testing,
Evaluation and Design Improvement)
ขนั้ ท่ี 6 นาเสนอวธิ ีการแกป้ ญั หา ผลการแก้ปญั หาหรือชน้ิ งาน (Presentation)
ข้นั สรปุ
3. ผ้สู อนและผ้เู รียนร่วมกนั สรุปวา่ การออกแบบเทคโนโลยเี พ่ือชว่ ยแก้ปญั หาในชุมชน จาเป็นต้องใช้
กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ กรรม เพอ่ื ให้ได้ผลลัพธ์ทดี่ ีทส่ี ดุ ไม่วา่ จะเป็น
การใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาในชมุ ชนด้านเศรษฐกจิ
การใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาในชมุ ชนด้านสงั คม
การใช้เทคโนโลยีในการแกป้ ัญหาในชุมชนด้านวัฒนธรรม
การใชเ้ ทคโนโลยีในการแก้ปัญหาในชมุ ชนด้านสิง่ แวดล้อม
4. ผ้สู อนเปิดโอกาสให้ผูเ้ รยี นสอบถามเพม่ิ เตมิ
9. สือ่ การเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=ATfM-ROBnow
2. https://www.youtube.com/watch?v=cvuIcn2sPvc
3. SLIDE สอื่ การสอน ตวั อย่างเทคโนโลยที ใี่ ชแ้ ก้ปัญหาในชมุ ชน
4. ใบงานที่ 4.2 ออกแบบเทคโนโลยเี พือ่ แกป้ ญั หาในชุมชน
0
10. การวดั และประเมินผล
วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์
แบบประเมนิ ผลงาน คุณภาพอยู่ในระดับ ดี
ตรวจ ใบงานที่ 4.2 ออกแบบ
เทคโนโลยีเพอ่ื แกป้ ัญหาใน แบบประเมนิ พฤติกรรมกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
ชุมชน
คุณภาพอยูใ่ นระดับ ดี
ประเมนิ พฤติกรรมกล่มุ ผา่ นเกณฑ์
จากการทาใบงานท่ี 4.2
ออกแบบเทคโนโลยีเพอ่ื
แก้ปัญหาในชุมชน