จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง
พิมพ์คร้ังแรก : จำ� นวน ๒๐๐ เลม่
ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๕๔๓-๗๘๐-๖
ศลิ ปกรรม
ภาพหนา้ ปก : จิตรกรรมฝาผนงั วดั นำ�้ ลอ้ ม
วาดโดยนายปวน สุวรรณสิงห์ (ป. สุวรรณสิงห์)
ประมาณกลางพทุ ธศวรรษท่ี ๒๕
ซอ่ มแซมสีใหมโ่ ดย นายสมดลุ ย์ ศนู ยกลาง พ.ศ.๒๕๖๔
ออกแบบปกหน้า - ปกหลังโดย ผศ.นิจจงั พนั ธะพจน์ (มหาวทิ ยาลยั กรุงเทพ)
เรยี บเรียงโดย : อนุกรรมการผทู้ รงคณุ วุฒิ
คณะกรรมการอนุรักษแ์ ละพฒั นาเมอื งลำ� ปาง
1
คำ� ปรารภ
การสบื ตอ่ อายขุ องพระพทุ ธศาสนาจำ� ตอ้ งอาศยั องคป์ ระกอบ ๔ อยา่ ง คอื บคุ คล หลกั ธรรม
ค�ำสอน พิธีกรรม และ อาคารสถานที่ ประกอบรวมเข้าด้วยกัน เมื่อศาสนบุคคลมีความรู้
ความสามารถประพฤดปี ฏบิ ตั ชิ อบรกั ษาพธิ กี รรมทางพทุ ธศาสนาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งดงี ามมกี ารปฏบิ ตั ธิ รรม
ไดบ้ รรลตุ ามบญุ บารมขี องแตล่ ะบคุ คล แตใ่ นขณะเดยี วกนั กส็ รา้ งและบรู ณะซอ่ มแซมอาคารสถานท่ี
ปฏสิ ังขรณส์ ว่ นประกอบภายในอโุ บสถ และ วหิ าร อาทเิ ช่น เครอื่ งสักการะตา่ งๆใหค้ งทน สง่างาม
แข็งแรง สะอาด งดงาม รวมท้ังสร้างและซ่อมแซมจิตรกรรมฝาผนัง ส่ิงทั้งหลายเหล่าน้ีจะเป็น
แรงบันดาลใจให้พุทธศาสนิกชน และ เยาวชนเข้าไปศึกษา และ มีศรัทธาที่จะช่วยค�้ำจุนผดุงให้
พทุ ธศาสนาเจรญิ รงุ่ เรือง ม่ันคงย่ิงขนึ้
จังหวัดล�ำปางพิจารณาเห็นว่า หากภาคราชการมีส่วนสนับสนุนเผยแพร่ความรู้ ท่ีมา
และความเป็นไป ส่งเสริมให้มีการดูแลวัดวาอาราม ดูแลงานพุทธศิลป์และจิตรกรรมฝาผนัง
ทจี่ ดั พมิ พข์ นึ้ มาในเอกสารนปี้ รากฏใหค้ งอยสู่ บื ไปยอ่ มจะทำ� ใหผ้ อู้ า่ นไดเ้ ขา้ ใจถงึ จนิ ตนาการของสลา่ ชา่ ง
ผรู้ งั สรรค์งาน เข้าใจถึงจนิ ตนาการ ความศรัทธา และ ความซาบซ้ึงใจในการถา่ ยทอดฝมี ือเชงิ ช่าง
ตลอดถึงการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณี มโนภาพ คณุ ธรรม จริยธรรม ที่ปรากฏในทศชาตชิ าดก
ผศู้ กึ ษาจะเกดิ ความความสขุ ในสนุ ทรยี ศาสตร์และชว่ ยกนั ทำ� นบุ ำ� รงุ พระพทุ ธศาสนาสง่ เสรมิ การเขา้ วดั
ช่วยใหว้ ัดเป็นแหล่งเผยแพรค่ �ำสอน ชว่ ยให้วดั เปน็ แหลง่ ท่องเทย่ี วของพทุ ธศาสนิกชน และผู้สนใจ
มากยง่ิ ข้ึน สมดงั เปน็ “ นครแหง่ ความสขุ ” อย่างแท้จรงิ
( นายสิธิชยั จนิ ดาหลวง )
ผวู้ ่าราชการจงั หวัดล�ำปาง
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ล�ำปาง
2
ความนำ�
จงั หวดั ลำ� ปางมปี ระวตั ศิ าสตรค์ วามเปน็ มายาวนานนบั พนั ปี เปน็ ทตี่ ง้ั ของถนิ่ ฐานของมนษุ ย์
และเปน็ แหลง่ กำ� เนดิ วฒั นธรรมหลายยคุ หลายสมยั มพี ฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรส์ บื เนอ่ื งตอ่ กนั มา
ซงึ่ เปน็ สง่ิ ทบ่ี ง่ บอกวา่ นครลำ� ปางเปน็ เมอื งศนู ยก์ ลางการบรหิ ารการปกครอง ศาสนา เศรษฐกจิ สงั คม
และวัฒนธรรม มีการอพยพย้ายถิ่นของผู้คนหลายเช้ือชาติเข้ามาอยู่อาศัยในอาณาเขตนครล�ำปาง
ท�ำให้นครล�ำปางเป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรมหลากหลาย อันประกอบไปด้วยโบราณสถาน
โบราณวตั ถุ และวสั ดสุ งิ่ ของทเ่ี กย่ี วเนอื่ งกบั พระพทุ ธศาสนา ขา้ วของเครอ่ื งใชใ้ นวถิ ชี วี ติ งานจติ รกรรม
งานหัตถศิลป์ และสถาปัตยกรรม นอกเหนือไปจากมรดกทางธรรมชาติ ซ่ึงปรากฏอยู่ใน
จังหวัดล�ำปางจ�ำนวนมากอยู่แล้ว จึงเห็นสมควรที่จะท�ำการรวบรวมและจัดหมวดหมู่ในลักษณะ
การประมวลภาพงานทางดา้ นจติ รกรรม และศลิ ปกรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ศาสนาบางสว่ นทรี่ วบรวมได้
เพ่ือให้เป็นหลักฐานสืบไปในภายหน้า อันจะเป็นประโยชน์ทางการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา
สว่ นราชการ หนว่ ยงานทกุ ภาคสว่ น และประชาชนท่วั ไป
เพ่ือเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดล�ำปาง คณะอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ในคณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ ลำ� ปางไดส้ ำ� รวจเกบ็ ขอ้ มลู และลงพนื้ ทภี่ าคสนาม รวบรวม
เรยี บเรยี งองคค์ วามรเู้ กยี่ วกบั จติ รกรรมฝาฝนงั รวมทง้ั งานพทุ ธวจิ ติ รศลิ ปใ์ นเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง
จงั หวดั ลำ� ปางและทา่ นผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ลำ� ปางไดม้ อบหมายใหส้ ำ� นกั งานจงั หวดั ลำ� ปางประสานงาน
กับส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดล�ำปาง ให้เป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการจัดพิมพ์และเผยแพร่
หนังสือจิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง ทั้งนี้เพ่ือเป็นประโยชน์ต่อ
นักเรียน นักศึกษา ส่วนราชการ/หน่วยงาน ทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนท่ัวไปใช้ในการศึกษา
ค้นควา้ ประวตั ศิ าสตรเ์ มอื งนครล�ำปางต่อไป
ส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดล�ำปางมีความยินดีให้ความสนับสนุนการจัดพิมพ์และเผยแพร่
หนังสือจิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวัดล�ำปางในคร้ังน้ี เพ่ือเป็นการส่งเสริม
งานด้านศาสนา ศิลปะ และวฒั นธรรม ในการสืบสาน รักษา ตอ่ ยอด ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของ
บรรพชนชาวนครล�ำปางสบื ไป
( นางลัษมา ธารีเกษ )
วฒั นธรรมจังหวดั ลำ� ปาง
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดล�ำปาง
ค�ำ3น�ำ
อนุกรรมการผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ ในคณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพัฒนาเมอื งเก่าล�ำปาง มคี วามดำ� ริ
เห็นพ้องกันว่า วัดในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปางหลายวัดปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังท่ีทรงคุณค่า
ทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และโดยเฉพาะทางด้านจิตรกรรมนั้น เป็นการสืบทอดงานจิตรกรรม
ตามรปู แบบประเพณีรวมทง้ั เปน็ บนั ทกึ ปรากฏการณท์ างสงั คมทปี่ รากฏขน้ึ ในขณะทมี่ กี ารเขยี นภาพนน้ั
ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์สังคมท่ีปรากฏในลักษณะภาพที่สามารถสัมผัสได้ด้วยการมองเห็น
ดงั นนั้ จงึ ไดม้ กี ารดำ� เนนิ การศกึ ษา สำ� รวจ รวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั ภาพจติ รกรรม และ ศาสนวตั ถตุ า่ งๆ
ของวัดในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปางจ�ำนวนหลายวัดด้วยกัน ทั้งนี้ วัดที่ปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปางทค่ี ณะทำ� งานไดล้ งพน้ื ทเ่ี กบ็ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ภาพจติ รกรรมฝาผนงั มจี ำ� นวน
๘วดั ไดแ้ ก่ วดั แสงเมอื งมา วดั พระแกว้ ดอนเตา้ สชุ าดาราม วดั นางเหลยี ว วดั นำ�้ ลอ้ ม วดั เกาะวาลกุ าราม
วดั ช่างแตม้ วัดม่อนปยู่ กั ษ์ (วัดม่อนสณั ฐาน) และวัดชา้ งเผือก ซึง่ นอกจากการเกบ็ ข้อมูลทางด้าน
งานจติ รกรรมแลว้ ยงั ไดถ้ อื โอกาสนสี้ ำ� รวจและเกบ็ ขอ้ มลู ทางดา้ นอนื่ ๆ เชน่ ศาสนวตั ถตุ า่ งๆ ตลอดจน
งานวจิ ิตรศลิ ปท์ างด้านศาสนาที่ปรากฏในวดั เหล่าน้ี เชน่ ในพพิ ธิ ภัณฑ์วัดพระแกว้ ดอนเต้า รวมทงั้
พพิ ธิ ภณั ฑว์ ดั พระธาตเุ สดจ็ ตลอดจนวดั อน่ื ๆ เชน่ วดั ศรลี อ้ ม วดั เมอื งสาด เปน็ ตน้ ทงั้ นข้ี อ้ มลู เหลา่ นี้
ได้น�ำเสนอในส่วนที่เกี่ยวกับพุทธวิจิตรศิลป์ซ่ึงนอกเหนือไปจากการน�ำเสนอภาพจิตรกรรมฝาผนัง
วัดในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปางจำ� นวน ๘ วดั ทเี่ ป็นจดุ ประสงคห์ ลกั ของเอกสารฉบับน้ี
อน่ึงเพื่อเป็นการให้ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับภาพจิตรกรรมทางพุทธศาสนาในภาคเหนือของ
ประเทศไทย เอกสารนไี้ ดน้ ำ� เสนอขอ้ มลู อยา่ งกวา้ งๆ เกย่ี วกบั งานจติ รกรรมทางพทุ ธศาสนาในลา้ นนา
และภาพของงานจิตรกรรมพุทธศาสนาที่ปรากฏในจังหวัดล�ำปางโดยภาพรวม และเจาะลึก
ให้รายละเอยี ดเฉพาะภาพจิตรกรรมฝาผนงั วดั ในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จ�ำนวน ๘ วัด
นอกจากนี้แล้วยังมีบทความท่ีเกี่ยวข้องกับงานวิจิตรศิลป์แขนงอ่ืน เช่น การสัก จิตรกรรม
และงานวิจิตรแบบพม่าท่ีปรากฏในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง รวมทั้งข้อมูลเก่ียวกับการอนุรักษ์
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ตลอดจนรายละเอียดเกี่ยวกับทศชาติชาดก ซ่ึงเป็นข้อมูลทางพุทธศาสนา
ท่เี ก่ียวข้องโดยตรงกับจิตรกรรมฝาผนงั วดั ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง
ในนามของคณะอนกุ รรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ิในคณะกรรมการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาเมอื งเกา่ นครลำ� ปาง
ซึ่งเป็นคณะท�ำงานท่ีท�ำการส�ำรวจ เก็บข้อมูล ลงพื้นท่ีภาคสนาม และรวบรวมเรียบเรียง
องค์ความรู้ เกี่ยวกับจิตรกรรมฝาผนัง ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง ขอกราบขอบพระคุณ
ทา่ นผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ลำ� ปางเปน็ อยา่ งสงู ทใ่ี หก้ ารอนเุ คราะห์และสนบั สนนุ การจดั ทำ� และขอพระคณุ
ส�ำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดล�ำปาง ซ่ึงเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบการจัดพิมพ์และเผยแพร่หนังสือ
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง มา ณ โอกาสนี้
จนั ทร์สม เสยี งดี
บรรณาธกิ าร
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวัดลำ� ปาง
4 หนา้
๑
สารบญั ๓๗
๔๘
เรื่อง ๕๓
วัด : แหลง่ พทุ ธศลิ ปะวิจติ ร ๕๘
การเข้ามาของศิลปกรรมแบบพม่า(เจาง์)ในตัวเมอื งล�ำปาง ๗๘
ความเปน็ มา ปญั หา และอปุ สรรคการอนรุ กั ษภ์ าพจิตรกรรมฝาผนงั ๑๑๓
จิตรกรรมบนผวิ กาย ๑๑๙
ทศชาตชิ าดก ( พระเจ้าสิบชาติ ) ๑๒๙
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง ๑๓๘
วดั แสงเมอื งมา ๑๔๕
วัดเกาะวาลุการาม ๑๕๙
วดั ช้างเผือก ๑๖๘
วัดสุชาดาราม ๑๗๓
วัดน�้ำลอ้ ม ก-จ
วดั ช่างแตม้
วดั นางเหลยี ว
วดั ม่อนปูย่ ักษ์ ( วดั ม่อนสณั ฐาน )
ภาคผนวก
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
1
วัด: แหลง่ พทุ ธศิลปวิจิตร
โดย นางจันทร์สม เสียงดี
วดั ถกู สรา้ งขน้ึ มาดว้ ยความเชอื่ เรอื่ งของคตไิ ตรภมู จิ กั รวาล เมอ่ื พระพทุ ธโคดมทรงบำ� เพญ็ เพยี ร
จนสามารถบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จข้ึนไปแสดงธรรมโปรดพระราชมารดา
บนสวรรคช์ นั้ ดาวดงึ ส์การเสดจ็ ไปนนั้ ทรงผา่ นปา่ หมิ พานต์ทม่ี สี ตั วด์ กึ ดำ� บรรพ์สตั วป์ ระหลาดมากมาย
ผ่านมหาสมุทรสีทนั ดร เขาอิสินธร เขาสตั ตบรภิ ัณฑ์ แวดลอ้ มดว้ ยสตั ตมหาสถานของชมพูทวปี
ดังนั้นวัดที่สร้างด้วยคติความเช่ือดังกล่าวในล้านนาจึงสร้างบนเนินสูง ซุ้มโขงจะปั้นรูป
สตั วป์ ระหลาดในปา่ หมิ พานต์ อาทิ ตวั กนิ นร นาค ครฑุ เทพ เทวดา หงส์ มกร ฯลฯ ตวั ซมุ้ ยอ่ เกจ็ มมุ เสา
ทกุ เสาประดบั บวั ลายประจำ� ยามปลายยอดนยิ มตกแตง่ ปนู ปน้ั ตวั หงส์และหางมกรและมเี ทวดารกั ษา
รปู ปนู ปน้ั เทวดาทงี่ ดงามสมบรู ณม์ ใี หเ้ หน็ ทซ่ี มุ้ โคง้ วดั กากแกว้ (วดั รา้ งเจา้ ยา่ สตุ า) ถนนสายวฒั นธรรม
ตำ� บลเวยี งเหนอื จงั หวัดลำ� ปาง
เจดีย์ หรอื พระธาตใุ นวดั เป็นศนู ย์กลางจักรวาลเปรยี บเสมอื นดังเขาพระสเุ มรุ
วหิ ารหลวง แสดงความหมายของสวรรค์ช้ันดาวดงึ ส์
ลานประทกั ษณิ คอื ลานทรายรอบวหิ าร แทนมหาสมทุ รสที นั ดร (ทรายเมอ่ื ตอ้ งกบั แสงอาทติ ย์
จะระยบิ ระยับคล้ายพน้ื น้�ำมหาสมุทร)
วหิ ารโถง เป็นความหมายของจตโุ ลกบาล ๔
ก�ำแพงแกว้ ของลานประทกั ษณิ ช้นั ๑ หมายถึง เขาอสิ นิ ธร
ระเบยี งคต หมายถึง เขาสตั ตบรภิ ณั ฑ์
ศาลาราย หมายถึงของสตั ตมหาสถาน
พระอโุ บสถ หมายถึง ชมพูทวีป
(วัดที่สร้างถูกต้องตามคติไตรภูมิ ในจังหวัดล�ำปาง คือ วัดพระธาตุล�ำปางหลวง ซ่ึงมีค�ำกล่าวว่า
ใครเปน็ พุทธแทต้ ้องมากราบไหว้ ทวี่ ัดพระธาตุลำ� ปางหลวงให้ได)้
ไตรภมู ิ หมายถงึ สภาวะชวี ติ แหง่ สรรพสตั วใ์ น ๓ โลก คอื พรหมโลก เทวโลก และมนษุ ยโลก
ไตรภมู อิ ีกมติ หิ น่งึ คอื กามภมู ิ รูปภมู ิ และอรูปภูมิ
สรรพสตั วท์ ง้ั หลายจะไปเกดิ ในสภาวะชวี ติ ระดบั ใดยอ่ มขนึ้ แตก่ รรมดี กรรมชว่ั ของชนั้ ทกี่ ระทำ�
นิพพานภูมิเป็นสภาวะชีวิตที่พุทธศาสนิกชนแสวงหาและพยายามให้ตนเองห่างไกลจากกิเลส
ตัดกรรมไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด และได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในนิพพานภมู ิ
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
2
ซมุ้ ประตโู ขงเขา้ สเู่ ขตพทุ ธาวาสวดั พระธาตุ
ล� ำ ป า ง ห ล ว ง ป ร ะ ดั บ ต ก แ ต ่ ง ด ้ ว ย รู ป สั ต ว ์
หิมพานต์ เชน่ กนิ นร นาค ครฑุ รวมทง้ั หงส์
มกร เทพเทวดา มมุ ยอ่ เกจ็ มมุ เสาประดบั บวั ลาย
ประจ�ำยาม ปลายยอดแต่งด้วยหงส์นูนและ
หางมกร มรี ปู เทวดาปนู ปน้ั ทง้ั หมดนแี้ สดงความ
หมายถึง การไปนมัสการพระเกศแก้วจุฬามณี
ทอ่ี ยบู่ นสวรรคช์ น้ั ดาวดงึ ส์ซง่ึ หมายถงึ พระธาตเุ จดยี ์
ซ่ึงเสมือนหนึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลน้ัน
จะต้องผ่านป่าหมิ พานต์กอ่ น
ทางขึ้นสู่วิหารวัดศรีหลวงแจ้ซ้อน
อ�ำเภอเมืองปาน จังหวัดล�ำปาง เสมือนด่ังผ่าน
ป่าหิมพานต์มสี ัตว์หมิ พานต์และนรสิงห์ เปน็ ต้น
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
3
พระธาตุเจดยี ์วัดพระธาตุเสดจ็ อ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ลำ� ปาง
พระธาตุเจดีย์ หมายถงึ เขาพระสุเมรุศนู ยก์ ลางจกั รวาล
วดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวง อำ� เภอเกาะคา จงั หวดั ลำ� ปาง สรา้ งตามคตไิ ตรภมู ทิ ส่ี มบรู ณแ์ บบ ลานทรายรอบ
วหิ ารแทนมหาสมทุ รสที นั ดร วหิ ารหลวงหมายถงึ สวรรคช์ นั้ ดาวดงึ ส์ ระเบยี งคดคอื เขาสตั ตบรภิ ณั ฑ์
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จังหวัดลำ� ปาง
4
พ ร ะ ธ า ตุ เ จ ดี ย ์ ใ น วั ด
เป็นศูนย์กลางจักรวาลเปรียบดังเขา
พระสุเมรุ (วัดพระธาตุล�ำปางหลวง
อ�ำเภอเกาะคา จงั หวดั ลำ� ปาง)
วิหารโถงหมายถึง ท้าว
จตโุ ลกบาลทงั้ ๔ พระอโุ บสถทอี่ ยทู่ าง
ทิศใต้พระธาตุเจดีย์คือชมพูทวีป
(วดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวงอำ� เภอเกาะคา
จงั หวัดลำ� ปาง)
วหิ ารหลงั เลก็ ยกพนื้ สงู เลก็ นอ้ ย
เดิมเป็นวิหารโล่ง (วิหารป๋วย) มี
หลังคาสูงลดหลั่น ตอนหน้าเป็น
วิหารเปิด ด้านหลังพระประธานเป็น
วิ ห า ร ป ิ ด ( วั ด ค ะ ตึ ก เ ชี ย ง ม่ั น
อ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง)
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
5
แผนผังวัดในล้านนาดังกล่าวที่มีครบตามคติไตรภูมิมักเป็นวัดท่ีเจ้าเมืองเป็นผู้สร้างหรือ
อุปถัมภ์ท�ำนุบ�ำรุง อาทิ วัดพระธาตุล�ำปางหลวง นอกจากนี้มีวัดที่มีเจ้าเมืองเป็นผู้อุปถัมภ์ เช่น
วัดแสงเมืองมา (วัดหน้าคุ้มหลวง) วัดหัวข่วง วัดคะตึกเชียงม่ัน วัดพระธาตุเสด็จ วัดประตูป่อง
วดั บญุ วาทยว์ ิหาร เปน็ ต้น
วดั ในเขตเทศบาลและวดั ในอำ� เภอเมอื งซง่ึ สรา้ งโดยสลา่ ลา้ นนา จะเปน็ วดั ทมี่ วี หิ ารหลงั เลก็ ๆ
ยกพน้ื ไมส่ งู วิหารเดิมน่าจะเปน็ วหิ ารโลง่ ทเี่ รยี กว่าวิหารป๋วย หลังคาทรงสูงลดหลัน่ องคป์ ระกอบ
ของวหิ ารเปน็ ๒ ตอน คือ ตอนหนา้ เป็นวิหารเปดิ ด้านหลังท่ปี ระดษิ ฐานองคพ์ ระประธานจะเป็น
วิหารปดิ
วิหารเปิด เป็นวิหารโถง สร้างด้วยเคร่ืองไม้ทั้งหลัง มีโครงสร้างหลังคาแบบข่ือม้าต่างไหม
แผนผังมีลักษณะยกเก็จด้านหน้าและด้านหลัง จากห้องพระประธาน ลักษณะหลังคามีการลดขั้น
ตามผังอาคารปิด จะปิด ๓ ด้าน ณ จุดประดิษฐานพระประธาน เนื่องจากเป็นวิหารโถงจึงต้อง
ท�ำชายคาให้เต้ียลงเพ่ือป้องกันแดดและฝน เม่ือวิหารเหล่าน้ีถูกบูรณะจะก่อผนึกปิดทุกด้าน
เปดิ ชอ่ งแสงหรอื หนา้ ตา่ ง แตม่ วี ดั คะตกึ เชยี งมนั่ ทดี่ า้ นโถงหนา้ ใชซ้ ล่ี กู กรงกนั้ ไมป่ ดิ ทบึ ทง้ั หลงั ดา้ นหนา้
วิหารเป็นมุขโล่งประดับฝาย้อย มีหน้าแหนบและโก่งคิ้ว บันไดทางขึ้นด้านหน้านิยมสร้างบันได
ตวั พญานาคหรอื ตวั มกร หรอื ขดหางวนั เสมอื นเปน็ สะพานรงุ้ เชอื่ มตอ่ มนษุ ยโลกและสวรรค์ (เหน็ ชดั
ทว่ี ดั ประตปู อ่ ง และวดั แสงเมอื งมา ซงึ่ วดั แตล่ ะวดั นยิ มสรา้ งตวั สงิ หไ์ วห้ นา้ ประตทู างเขา้ โดยเชอื่ วา่
จะใหส้ ิงหซ์ ่ึงเป็นเจ้าป่าปอ้ งกันเภทภยั )
เสาไม้ในวหิ าร บางวดั วหิ ารเปน็ ทรงกลม หรอื บางวดั เป็นเสาเหล่ียม เขียนลวดลายตา่ งกัน
อาทิ ลายดอกไม้ประจ�ำยาม ลายขดนาค ลายหม้อน้�ำ ลายดอกบัว บางวัดประดับกระจกจีน
หรอื กระจกตะกว่ั สี บางวดั เขยี นลวดลายรดนำ�้ ปดิ ทอง หวั เสาประดบั ไมแ้ กะสลกั รปู กลบี บวั ทง้ั บวั ควำ�่
และบัวหงาย การสรา้ งหลงั คาให้ต่ำ� ลงมาน้ัน นอกอาคารจะมีไมค้ �้ำยนั รองรบั ปลายเต้า รบั น้ำ� หนัก
ปลายไม้เครือ่ งบน และรบั นำ้� หนักของชายคาดว้ ยค้�ำยันทเี่ รยี กวา่ “นาคทัณท”์ หรือ หูช้าง หรือ
คันทวย นิยมแกะสลักเป็น รูปพญานาค หนุมาน ลายไส้หมู เมฆ ตัวลวง หรือลายพันธุ์พฤกษา
แตล่ ะนาคฑณั ท์หรือหูชา้ งจะมีลายไมซ่ �ำ้ กนั เพื่ออวดฝมี ือเชิงชา่ งของสล่าล้านนาแตล่ ะคน
รปู แบบทแี่ สดงถงึ ศลิ ปกรรมลา้ นนา คอื “ชอ่ ฟา้ ” ทำ� เปน็ แนวตรงตงั้ ขนึ้ รปู ลกั ษณะเสมอื นนาค
หรือมกรที่มีหงอนและเครา มีช่อฟ้าท่ีท�ำด้วยเคร่ืองเคลือบแบบกังไสงดงาม สร้างในปี
พ.ศ.๒๑๘๗ ของวหิ ารโคมคำ� วดั พระธาตเุ สดจ็ (ปจั จบุ นั เหลอื อยใู่ นวดั ๑ ตวั อกี ๑ ตวั อยทู่ พ่ี พิ ธิ ภณั ฑ์
หรภิ ุญชยั จังหวดั ลำ� พนู )
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง
6
วหิ ารโถง เปน็ วหิ ารเปดิ สรา้ งดว้ ยเครอื่ งไม้
ยกเก็จด้านหน้าและด้านหลัง หลังคาเต้ียเพื่อ
กันแดดและฝน (วิหารจามเทวี วัดปงยางคก
อำ� เภอหา้ งฉัตร จังหวัดลำ� ปาง)
วหิ ารโถงสรา้ งดว้ ยเครอื่ งไม้ยกเกจ็ ดา้ นหนา้
และด้านหลัง หลังการบูรณะครั้งล่าสุด
ไดก้ ่อผนังปิดทึบ(วิหารวัดพระธาตเุ สด็จ อำ� เภอ
เมืองลำ� ปาง จังหวดั ล�ำปาง)
วหิ ารโถง(วหิ ารปว๋ ย)วหิ ารหลวงวดั พระธาตุ
ล�ำปางหลวง อ�ำเภอเกาะคา จังหวัดล�ำปาง
ยกเกจ็ ด้านหน้าและดา้ นหลัง
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
7
โครงหลงั คาขอ่ื ม้าตา่ งไหม โครงหลังคาข่ือม้าต่างไหม
วหิ ารพระเจา้ พนั องค์ วัดปงสนุก วิหารวัดพระธาตุเสดจ็
อ�ำเภอเมืองล�ำปาง จงั หวดั ล�ำปาง อำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวดั ลำ� ปาง
โครงหลงั คาขอ่ื ม้าตา่ งไหมวดั สุชาดาราม อ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวัดลำ� ปาง
8
หนา้ แหนบ(หน้าบนั )และสงิ ห์ หนา้ แหนบวัดประตปู อ่ ง
ประตทู างเข้าส่พู ระวิหารวัดสชุ าดาราม อ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดลำ� ปาง
อ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
หนา้ แหนบ และโกง่ ค้ิวซึง่ เปน็ อัตลักษณว์ หิ ารลา้ นนา
(วดั หวั ข่วง อ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ล�ำปาง)
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง
9
รูปสงิ ห์ปนู ปน้ั หน้าบนั ไดทางข้ึนสู่วหิ ารหลวง บันไดทางขนึ้ วิหารวดั ประตปู อ่ ง
วดั พระธาตุลำ� ปางหลวง อำ� เภอเกาะคา รปู มกรคายนาค
จังหวัดล�ำปาง
บนั ไดทางขึน้ ส่วู ิหารวดั ศรีหลวงแจ้ซอ้ น อ�ำเภอเมืองปาน
จังหวัดล�ำปาง รูปมกรคายนาค ประกอบรปู สัตวห์ ิมพานต์ นรสิงห์
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
10
หางวนั ราวบันได วัดสุชาดาราม
เสาไม้วหิ ารวัดประตูปอ่ ง
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
11
เสาวิหารทรงมณฑปปราสาท เสาวิหารวัดสุชาดาราม เป็นลายค�ำ หรอื
วดั พระแก้วดอนเต้าสชุ าดาราม ลายรดน้�ำปดิ ทอง ฐานเสาประดบั กระจก
เสาวิหารวัดพระธาตุเสด็จ เสาวหิ ารวดั พระธาตุเสด็จ
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
12
ไมค้ ้�ำยันรองรับน้ำ� หนกั ปลายไมช้ ายคา คอื นาคฑัณฑ์ (หชู า้ งหรือคนั ทวย)
ผนังเป็นไม้กลึงเพ่อื มชี อ่ งลม (ลกู ต่ิงหรือซีก่ รงลูกมะหวด) วดั สุชาดาราม
นาคฑัณฑ์ มักแกะสลักไมเ้ ปน็ รปู พญานาค ช่อฟ้าแนวตรงรูปลักษณ์พญานาคหรือมกร
หนมุ าน ลายไสห้ มู ลายเมฆ มหี งอนและเครา ชอ่ ฟา้ ในรปู นเ้ี ปน็ เครอื่ งเคลอื บดนิ
เผาแบบกงั ไส สรา้ งเม่อื พ.ศ. ๒๑๘๗ วิหารโคมค�ำ
หรือรูปพญาลวง (วดั สชุ าดาราม) วดั พระธาตเุ สด็จ ปัจจุบนั อยทู่ ี่พพิ ธิ ภณั ฑห์ รภิ ญุ ชยั
จังหวดั ลำ� พูน
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
13
พระพุทธรูป (พระประธานในวิหาร) ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดปานกลาง
เปน็ งานกอ่ อฐิ ถอื ปนู ปน้ั ปนู ลงรกั ปดิ ทอง พระพกั ตรค์ อ่ นขา้ งใหญอ่ วบอว้ น ปลายพระนาสกิ ตดั ตรง
ขมวดพระเกศาเล็ก น่ังขัดสมาธิราบ (พระประธานในวัดคะตึกเชียงมั่นและวัดแสงเมืองมา
คล้ายกันมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตระกูลช่างล้านนาเดียวกัน แต่ท่ีวัดแสงเมืองมา ชายผ้าสังฆาฏิ
ประดบั กระจกจีน หม่ จีวรเปน็ รว้ิ และชายผา้ สังฆาฏิยาวเลยพระนาภี)
แท่นพระประธาน ในวัดบางวัดจะเพ่ิมพระอัครสาวก คือ พระโมคคัลลา พระสารีบุตร
(แต่ท่ีวัดศิลปพม่า เช่น วัดม่อนปูยักษ์ หรือ วัดศรีรองเมืองจะมีรูปปั้นพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์
คือ พระเจ้ากกุสันโธ พระโกนาคม พระกัลสปะ พระศรีศากยมุณี และพระศรีอริยเมตไตรย)
แท่นพระประธานมักประดบั ลวดลายปูนป้นั หรือติดกระจกสี หรือกระจกจืน
ดา้ นหลังพระประธาน นิยมเขียนลายทองรูปโพธ์พิ ฤกษ์ มรี ปู เทพเทวดา ลายหมอ้ ดอก หรือ
หม้อน้�ำแห่งความอุดมสมบูรณ์ที่เรียกว่า “หม้อปูรณฆฏะ” บนเพดานเหนือองค์พระนิยมติดดาว
เพดาน เปน็ การจำ� หลกั ไมก้ บั ลายฉลทุ องเปน็ ชอ่ งๆ รปู ดอกบวั เปน็ กลบี ยอ้ ยลงมา มรี ปู ดาวลอ้ มเดอื น
ลายมมุ วิจิตรงดงาม
ในโถงวิหารยังมีพทุ ธศิลป์ที่งดงามวิจิตรอกี จำ� นวนมาก อาทิ
จองอาสนา หรอื ชองอาสนา ทเี่ ปน็ เสมอื นทป่ี ระทบั ของพระพทุ ธเจา้ ถอื เปน็ เครอ่ื งสกั การะ
เคร่ืองสงู หรอื เครอื่ งราชูปโภคของพระมหากษัตรยิ ์ และของพระพุทธองค์ มลี กั ษณะคล้ายเตยี ง
ทำ� จากไม้ท่ปี ระกอบอยา่ งประณีต มีฐานเตียง ในผงั สี่เหลย่ี มผืนผ้ายาวมีเสา ๔ เสา ตอ่ ข้ึนจากมุม
ของเตยี งดา้ นบนมเี พดานปดิ แกะสลกั ลวดลายปดิ ทองประดบั รอบอาสนะ (งดงามมากทวี่ ดั พระธาตุ
เสด็จ)
เครอื่ งสงู หรอื ราชกกธุ ภณั ฑ์เปน็ เครอื่ งราชปู โภคนบั เปน็ เครอื่ งสกั การะทถี่ วายพระมหากษตั รยิ ์
คือพระพุทธเจ้าก่อนออกบวช มักตั้งไว้ข้างฐานชุกชีหรือแทนแก้วขององค์พระประธาน
เครอ่ื งอสิ รยิ ยศนป้ี ระกอบดว้ ย จอ้ งคำ� หรอื สปั ทน จามร หรอื ไมแ้ ส้ วี หรอื วาลวชิ นี ละแอ หรอื ชฎา
มงกฎุ บังวัน บังสูรย์ ปดั ป้าว หรอื บงั แทรก ดาบสะหรีกัญไจย หรอื ง้าว เครอ่ื งสงู เหล่าน้เี ป็นเครือ่ ง
เกียรติยศจะใชป้ ระกอบกับอาสนา บัลลงั ก์ ของใชอ้ ่ืนในพิธสี วดเบกิ หรืออบรมสมโภชพระพทุ ธรูป
หรอื โอกาสสำ� คัญทางศาสนา
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
14
ลายทองรปู โพธพิ ฤกษ์
ด้านหลังพระประธานอโุ บสถ วัดแสงเมอื งมา
ลายหม้อน�้ำดอกปูรณฆฏะ นยิ มท�ำเปน็
ลายคำ� ประดับบนฝาผนงั บานหน้าตา่ ง
บานประตู ประดับธรรมาสน์ หีบพระธรรม
หรอื ฝาผนงั ดา้ นหลงั พระประธาน ฯลฯ
(บานหน้าต่าง วิหารวัดศรลี อ้ ม
อ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง)
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จังหวดั ล�ำปาง
15
พระประธานบนแทน่ แก้ว (ฐานชกุ ชี) วิหารวัดหวั ข่วง อ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง
พระประธานวหิ ารวดั สบลี อำ� เภอเมืองปาน พระประธานวิหารวดั สุชาดาราม
จงั หวดั ลำ� ปาง มเี ชงิ เทยี นสัตตภัณฑ์ และสตั ตภัณฑ์
อยดู่ า้ นหน้า
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
16
พระพุทธเจา้ ทง้ั ๕ พระองค์ คอื อดตี พระพุทธเจ้า คือ พระกกสุ นั ธะ พระโกนาคมนะ
พระกัสสปะ องค์ท่ี ๔ คอื พระโคตมะ (ปัจจุบนั พทุ ธเจ้า) และ พระอนาคตพุทธเจ้า
(พระศรอี ารยิ ะเมตตรัย) วิหารวดั มอ่ นปยู่ กั ษ์ อ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดลำ� ปาง
พระประธานวิหารวดั หวั ข่วง ปูนปั้นลงรกั ปดิ ทอง
พระพักตรค์ อ่ นขา้ งใหญอ่ วบอว้ น
ปลายพระนาสิกตรง
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวดั ลำ� ปาง
17
จองอาสนา (ทป่ี ระทับของพระพทุ ธเจ้า) เครือ่ งราชกกธุ ภัณฑ์ (เครอ่ื งสูง)
พร้อมด้วยเครอ่ื งราชกกธุ ภณั ฑ์ (เครื่องสูง) ประดบั ขา้ งแทน่ แกว้ วดั ประตตู ้นผง้ึ
(วิหารวัดสบลี อ�ำเภอเมืองปาน จังหวัดล�ำปาง) อ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง
สัตตภัณฑ์ (มวิ เซยี มลำ� ปาง)
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
18
สตั ตภณั ฑ์ (เชงิ เทยี นหนา้ พระประธาน) มคี วามหมายถงึ ภเู ขาทง้ั ๗ ทลี่ อ้ มรอบเขาพระสเุ มรุ
ตามคตจิ กั รวาล ประกอบดว้ ย ยคุ นธร อสิ นิ ธร กรวกิ เนมนิ ทระ สทุ ศั นะ วนิ นั ตกะ อศั กณั ฑ์ รปู แบบ
ของสัตตภัณฑ์ในวัดศิลปล้านนานิยมใช้พญานาคเป็นสัญลักษณ์ประกอบ ซึ่งอาจมีความหมาย
เชอ่ื มโยงถงึ เรอื่ งการกวนเกษยี รสมทุ รในศาสนาพราหมท์ ใี่ ชพ้ ญานาคพนั รอบเขาพระสเุ มรุ เพอ่ื ใหไ้ ด้
นำ�้ อมฤต *(อา้ งองิ จากเอกสารวดั เสดจ็ วดั ชมุ ชน คน พพิ ธิ ภณั ฑ)์ สตั ตภณั ฑใ์ นวหิ ารวดั พระธาตเุ สดจ็
เป็นฝีมือการแกะสลักของท่านเจ้าอาวาสวัดพระธาตุล�ำปางหลวง ท่ีมอบให้วัดพระธาตุเสด็จ
โดยแกะสลกั เป็นลายพญานาคในวิหารโคมค�ำ
สัตตภัณฑ์บางวัดเป็นรูปนาค หรือ ที่ฐานของสัตตภัณฑ์เป็นรูปช้างหนุน รูปช้างสามเศียร
หรอื รปู นกหสั ดีลิงค์ ความหมายอกี นยั หนึง่ ของสัตตภณั ฑ์เพื่อเปน็ เครื่องสักกาะบูชาพระรัตนตรัย
คือ โพธิปักขิยธรรม ธรรมที่เป็นแนวทางแห่งการรู้แจ้ง ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔
อิทธบิ าท ๔ อนิ ทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรคมอี งค์ ๘
ธรรมมาสน์ วัดสกุลช่างล้านนาจะสร้างธรรมมาสน์เป็นไม้แกะสลักเป็นเรือนชั้นสูง
แบบปราสาทยอ่ มุม ตกแตง่ รอบธรรมมาสน์ดว้ ยรูปแกะสลักเทพเทวดา นาค ลายพนั ธ์ุไม้ ดอกไม้
ฐานของธรรมมาสนบ์ างอนั เปน็ รปู ชา้ งตวั มอมทนู หรอื ประคองธรรมมาสนท์ ง้ั ๔ดา้ นธรรมมาสนบ์ างวดั
สรา้ งสูงจรดหลังคา
หบี ธรรม หบี ธรรมเปน็ ทเี่ กบ็ ปบ๊ั สาหรอื คมั ภรี ใ์ บลานทจ่ี ารกึ พระธรรมคำ� สอนของพระพทุ ธองค์
คอื พระไตรปฎิ ก ทำ� ขนึ้ ถวายเพอื่ เปน็ อานสิ งสผ์ ลบญุ นำ� สง่ ใหผ้ ถู้ วายไดพ้ น้ กรรม และไดไ้ ปเฝา้ พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าในสขุ คตสิ มั ปรายภพ
หีบธรรมจะท�ำด้วยไม้สักรูปทรงส่ีเหลี่ยมมีฝาปิด หรือ ทรงสี่เหล่ียมปากบานมีฝาปิด
กันความชื้นและ มด ปลวก ด้านนอกจะเขียนลวดลายลงรักปิดทองรูปเทพเทวดา รูปโพธ์ิพฤกษ์
ลายหงส์ หม้อปรู ณฆฏะ ฯลฯ
ปั๊บธรรม ประกอบด้วบปั๊บสาและใบลานที่จารค�ำสอนหรือพระไตรปิฎก ใบลานท่ีจารค�ำ
สอนมักร้อยติดกันเรียกว่าผูก ส�ำหรับให้พระภิกษุสงฆ์ใช้ในการเทศนาสั่งสอนและศึกษาเล่าเรียน
ประกอบดว้ ย พระสตู ร พระอภธิ รรม พระวนิ ยั ชาดกตา่ งๆ หรอื เปน็ เรอื่ งราวนทิ านพนื้ บา้ นบางครงั้
ใช้จาร ตำ� รายา โหราศาสตร์ คาถาอาคม การเก็บรกั ษานั้นนยิ มห่อผ้าดว้ ยผ้าทีท่ อสวยงามหรือเป็น
ผา้ ดบิ ทต่ี อ้ งซกั เอานำ�้ แปง้ ออก แลว้ นำ� ไปตม้ รว่ มกบั สมนุ ไพร อาทิ กานพลู พรกิ ไทยเพอื่ ความคงทน
สว่ นคมั ภรี โ์ บราณนนั้ นำ� ออกมาชำ� ระโดยการใชส้ ำ� ลชี บุ แอลกอฮอลเ์ ชด็ ไปในแนวเดยี วกนั แลว้ ผงึ่ (ดร.
อนกุ ลู ศริ พิ นั ธ)์ุ มปี ระเพณกี ารตากธรรมของชาวเมอื งแพร่ ปหี นงึ่ เขาจะนำ� คมั ภรี โ์ บราณออกมาจาก
หีบธรรมหรอื ในหอ้ งเก็บใบลาน นำ� ป๊บั ธรรมออกมาใส่พานให้คนในหมูบ่ า้ นจดั ขบวนแห่เปน็ การผึ่ง
ป๊บั ธรรมไม่ใหเ้ ป็นรา เป็นวธิ กี ารเก็บรกั ษาอีกทางหน่งึ ใบลานในวัดเก่าของจงั หวัดล�ำปางที่ยงั เกบ็
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จังหวัดลำ� ปาง
19
รักษาเปน็ ๑๐๐๐ – ๒,๐๐๐ ผูก ยังมีอยู่ อาทิ วดั ปงสนุก วดั บา้ นแม่กึยไชย วัดชมพู วดั ม่อนกระทงิ
วดั พระธาตลุ �ำปางหลวง วดั ไหลห่ ิน วัดคะตกึ เชยี งมัน่ วัดแม่วะหลวง วดั บา้ นหลุก วัดลำ� ปางกลาง
วัดนาคตหลวง วัดศาลาหลวง วัดศรีหมวดเกล้า วัดทุ่งคา วัดอุ้มลอง วัดเวียง วัดบ้านเอ้ือม
วดั ลอ้ มแรด วัดเหลา่ หลวง วดั ปา่ ตันหลวง วดั แม่ต๋ัง วัดหา้ งฉตั ร คมั ภรี ใ์ บลานรวมท้งั ป๊ับสาเกา่ แก่
เหลา่ น้ี ลว้ นเกดิ จากจติ ศรทั ธาในคำ� สอนของสมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ เปน็ องคค์ วามรู้ ภมู ปิ ญั ญา ของคน
รุ่นก่อนในแต่ละท้องถิ่น
ผา้ หอ่ ธรรม เกิดจากศรทั ธาของผสู้ ร้างถวาย จะทอผ้าเปน็ ลวดลาย หรอื ทอจก อย่างงดงาม
ประณตี ตามความคิดสรา้ งสรรค์ ของผ้ทู อนั้นๆ
ตงุ (ธง) เปน็ เครอ่ื งสกั การะชนดิ หนง่ึ ทำ� ขน้ึ เพอ่ื เปน็ พทุ ธบชู าของชาวเหนอื ปรากฏเฉพาะถนิ่
ล้านนาไทยเป็นงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน มีการใช้ตุงในพิธีกรรมต่างๆ หลายประการ ตัวอย่าง
ตุงทพี่ บเห็นบอ่ ยคือ
ตงุ คำ� (ตงุ กระด้าง) มักแกะสลักด้วยไม้แผ่นยาวใหญ่ แกะสลักเป็นรปู พญานาคลงรกั ปดิ ทอง
สวยงาม มักตง้ั ไวห้ นา้ พระประธาน เพ่อื ปกปักษ์รักษาพระพุทธเจา้ และเปน็ บนั ไดน�ำทางผู้ปฏบิ ตั ดิ ี
ไดข้ ึ้นไปเฝ้าพระสัมมาสมั พทุ ธเจ้าบนนิพพานภพ
นอกจากนี้ยังมตี งุ ทีใ่ ชใ้ นพธิ ีกรรมต่างๆ อาทิเช่น ตุงรปู ตวั นกั ษตั ร, ตุงใย, ตงุ ผ้า, ตุงกระดาษ,
ตงุ พญายอ, ตุงเหลก็ , ตงุ ทอง(เหลือง), ตุงสามหาง, ตุงดนิ , ตงุ ทราย, ตุงขา้ งเปลือก, ตุงขา้ วสาร ฯลฯ
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวัดลำ� ปาง
20
ธรรมาสนท์ รงปราสาท วดั แสงเมอื งมา ธรรมาสนท์ รงปราสาท วดั หวั ขว่ ง
ธรรมาสน์ทรงปากกะบาน (หลงั คาตัด)
วัดศรลี ้อม
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวัดลำ� ปาง
21
หบี ธรรม วดั ในอ�ำเภอแมท่ ะ จงั หวดั ลำ� ปาง
หีบธรรมพพิ ธิ ภณั ฑ์วัดพระธาตุเสดจ็
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวัดลำ� ปาง
22
ป๊บั ธรรมและผ้าหอ่
กปั ปธ์ รรม ไมป้ ระกบั ดา้ นนอกสดุ ของปบ๊ั ธรรม พระธรรมใบลานพร้อมด้วยผา้ ห่อช้นั ใน
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
23
ตุงกระด้างเครื่องสักการะและ โขงปราสาท ตงุ กระดา้ งไมแ้ กะสลักรปู นาคเกี้ยว
พระเจา้ ลา้ นทอง วดั พระธาตลุ �ำปางหลวง หน้าพระประธาน วิหารวัดสชุ าดาราม
ตงุ ใยและตุงถกั ทอ เครอื่ งสกั การะพระพทุ ธรปู วหิ ารวัดสบลี
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
24
เพดานลายค�ำ วิหารวดั น้ำ� ล้อม อ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดล�ำปาง
เพดานประดับ ดว้ ยรูปกลุ่มดาวฤกษ์
วหิ ารวดั ประตูตน้ ผึง้
อำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
25
จองเบกิ ส�ำหรบั พระสงฆส์ วดเบิก วิหารหลวง วดั พระธาตลุ �ำปางหลวง
หอสรงน�้ำพระสงฆ์ วดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวง เวจกฏุ ี (สว้ มพระ) วัดศรีรองเมอื ง
อ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
26
การตกแตง่ ฐานธรรมาสน์ บันไดธรรมาสน์
การตกแตง่ ตุงกระด้าง แกะสลักรูปนาคเกย้ี ว งานวิจติ รศิลป์บานประตูแกะสลกั ไม้
ลายไสห้ มแู บบงานชา่ งทอ้ งถนิ่ นครล�ำปาง วหิ ารวัดประตปู อ่ ง
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง
27
ฐานเสาตงุ พิพธิ ภณั ฑ์วัดพระแก้วดอนเตา้ สชุ าดาราม
ราหอู มจันทร์ นกหสั ดลี งิ คแ์ บกฐานสตั ตภณั ฑ์
พิพธิ ภัณฑ์วัดพระธาตุเสด็จ พิพธิ ภณั ฑว์ ดั พระแกว้ ดอนเตา้ สุชาดาราม
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
28
ชชู กจงู มอื นางอมติ ดา ห่นุ ตุ๊กตา เทวดานงั่ พกั ผ่อน ห่นุ ตกุ๊ ตา
วิหารวดั สชุ าดาราม วิหารวดั คะตึกเชยี งมั่น
ขันแก้วท้งั สาม สัตตภัณฑ์ พพิ ธิ ภัณฑว์ ัดพระแก้วดอนเต้าสชุ าดาราม
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จงั หวดั ล�ำปาง
29
บนั ไดมกรคายนาค วัดประตปู ่อง เศยี รพญานาคปนู ปน้ั วัดสุชาดาราม
ฐานเสาอโุ บสถ วดั เกาะวาลกุ าราม หัวบนั ไดรปู นกหัสดลี งิ ค์ วดั ประตปู อ่ ง
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จงั หวัดลำ� ปาง
30
รปู เทวดาปนู ป้นั ซุ้มประตูโขงกเู่ จ้าย่าสตุ า
(วัดกากแก้ว) เปน็ เทวดาปูนป้นั ที่มพี ระพกั ตร์
ทีง่ ดงามแบบล้านนายากทจี่ ะหาที่ใด
เสมอเหมือน
(ศ.นายแพทย์เฉลียว ปิยะชน ๒๕๔๐)
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
31
ทก่ี ลา่ ววา่ “วดั ” เปน็ แหลง่ พทุ ธศลิ ปวจิ ติ รนน้ั โดยเฉพาะเขตพทุ ธาวาส เปน็ แหลง่ เรยี นรขู้ อง
พุทธศาสนิกชน โดยมีพระสงฆ์เป็นผ้ถู า่ ยทอด ทั้งพระธรรมคำ� สอน พระไตรปฎิ ก ถา่ ยทอดงานชา่ ง
งานศิลปะ งานก่อสร้าง การเรียนภาษาบาลี อักษรไทยวน ไทยเหนือ ผูท้ ไ่ี ดบ้ วชเรียนเปน็ สามเณร
เรียกว่า “พระ” (ถ้าลาสิกขาบทแล้ว ทางเหนือเรียกว่า “น้อย”) แต่ถ้าบวชเรียนนานจนเป็น
พระภิกษุจะเรยี กว่า “ทุ” (ตุ๊ มาจากคำ� วา่ สาธุ) ถ้า “ตุ๊” ลาสกิ ขาจะเรยี กว่า “ขนาน หรอื หนาน”
ผูท้ ี่บวชเรยี นมานานจนเป็น “ตุ”๊ บางรูปมฝี มี ือด้านชา่ งจะเรียกวา่ ครบู าสลา่ (มาจากภาษาพม่าวา่
“สะหยา่ ” ซ่งึ แผลงมาจากคำ� ศัพทบ์ าลี “(อา)จาร” หรอื วัฒกี ซงึ่ หมายถงึ ชา่ ง หรอื ผชู้ ำ� นาญระดบั
อาจารย)์
ครูบาสล่า จะเป็นผู้ถ่ายทอดการอ่านการเขียนภาษาบาลี ภาษาไทยโยน (ไทยวน หรือ
ตัวเมือง) และงานชา่ งตา่ งๆ ดังนั้น ผูท้ ่ีผา่ นการบวชเรยี นทงั้ นอ้ ยหรือหนานหรอื ครูบาสล่า จะเปน็ ผู้
เช่ียวชาญในเรอ่ื งตา่ งๆ อาทิ
๑. การรจู้ กั เขยี นธรรมจารลงในใบลานหรอื ปบ๊ั สา เพอื่ เปน็ การถวายใหเ้ ปน็ อานสิ งสแ์ กต่ นเอง
และครอบครัว อย่างน้อยคนละ ๑ ผูก แต่พระเถระล้านนาผู้แตกฉานภาษาบาลีบางรูป อาทิ
ครบู าเกสระปญั โญภกิ ขุหรอื เรยี กทา่ นวา่ พระมหาปา่ เกสระปญั โญวดั ไหลห่ นิ อำ� เภอเกาะคาจงั หวดั ลำ� ปาง
และพระมหาปัญโญ วัดพระธาตุล�ำปางหลวง ได้จารึกคัมภีร์โบราณไว้เป็นจ�ำนวนมาก อันเป็น
ประโยชนต์ อ่ พระสงฆร์ นุ่ หลงั สบื มา จนปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ครบู ามหาปา่ เกสรปญั โญ ได้รบั การยกยอ่ ง
จากองคก์ ารยูเนสโก (UNESCO) โดยคณะกรรมการแหง่ ชาตวิ ่าดว้ ยแผนงานความทรงจ�ำแหง่ โลก
ของคณะกรรมการว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์แห่งสหประชาชาติ ประกาศให้ “บันทึกครูบา
มหาปา่ เกสรปญั โญ” ขน้ึ ทะเบยี นเอกสารมรดกความทรงจำ� ของประชาชาตไิ ทยระดบั ทอ้ งถนิ่ ณ วนั ที่
๒๘ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (ประกาศโดย นายประทีป เพ็งตะโก อธบิ ดีกรมศิลปากร) พระมหาปา่
เกสรปัญญา เป็นผู้ท่ีศึกษาภาษาบาลีและเล่าธรรมมหาชาติได้แตกฉานและเป็นผู้สืบทอดชาดก
นอกนิบาตหรือพาหิรชาดกจนสามารถน�ำมาเป็นนิทานพื้นบ้านสอนธรรมะแก่พุทธศาสนิกชน
คนล้านนา
๒. ครูบาสล่า จะมีความรู้เร่ืองโหราศาสตร์ ดูฤกษ์ยาม เชี่ยวชาญการศึกษา จันทรคติ
ภูมิสถาปตั ย์ ดูทิศทางลมในการก่อสรา้ งให้บา้ นเรือนอย่สู ุขสบายมมี งคลกบั ผู้อยู่อาศัย รเู้ รอ่ื ง วันดี
วนั เสยี วนั หวั เรยี งหมอน ฯลฯ และครูบาสล่าบางคน เป็นเจา้ ตำ� รบั ยาสมุนไพรด้วย
๓. ครูบาสล่าจะเป็นผู้มีความรู้และเช่ียวชาญงานช่างทั้งงานไม้ งานปูน งานสี ท�ำให้งาน
แกะสลกั งานปูนป้ันที่ผลติ ออกมางดงามวิจติ รยงิ่
๔. สล่าล้านนามีความคิดสร้างสรรค์งาน มีความคิดริเร่ิมและมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา
พระธรรมคำ� สงั่ สอนฯ จงึ ถา่ ยทอดแนวคดิ ออกมาในงานชา่ งศลิ ปโ์ ดยละเอยี ด ประณตี และวจิ ติ รยง่ิ
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
32
๕. สล่า ชา่ งศลิ ปแ์ หง่ การวาดภาพ ยังต้องมีความรเู้ ร่ืองของการใชท้ รพั ยากรในสง่ิ แวดลอ้ ม
ใกล้ตวั มาผสมใหเ้ กดิ สธี รรมชาติทค่ี งทนถาวร อาทิ สฝี ุน่ ทีใ่ ช้วาดภาพจติ รกรรมฝาผนังในวดั
สีด�ำ ไดม้ าจากผงถ่าน หรือ เขมา่ กน้ หมอ้ ผสมยางไม้
สีแดง ไดม้ าจากลูกมะก่�ำ (ลูกมะกาย) หรอื หนิ สีแดงน�ำมาฝน
สีน�้ำเงิน ไดม้ าจากลูกครามทใ่ี ช้ย้อมผ้า
สเี หลือง ได้มาจากเปลอื กไมเ้ ตง็ (ไมแ้ งะ) ขมิ้น หรอื หินสเี หลอื งน�ำมาฝน
ยาง ท่ีนำ� มาผสมสธี รรมชาติคอื ยางจากไมก้ ุก ทีถ่ ากเปลือกนอกออก เอาเฉพาะเปลอื กใน
มาต้มในหม้อดนิ คนจนเปน็ ยางเหนียว
วรรณะของสีเปน็ เอกรงค์ มีสแี ดง เหลอื ง ด�ำ ขาว
พู่กัน ทำ� มาจากเปลือกปอ ทุบทำ� เป็นแปรงทาสี
สล่าล้านนาอีกท่านหน่ึงที่มีบทบาทในการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัดและรับงาน
ซ่อมแซมการเขียนภาพโบราณ คือ นายปวน สุวรรณสิงห์ (ป.สุวรรณสิงห์) (บิดาของ ดร.เขียน
สวุ รรณสงิ ห์ อดตี อธบิ ดี กรมอาชวี ศึกษา อดตี ผตู้ รวจราชการกระทรวงศึกษา)
เดิม นายปวน สุวรรณสิงห์ เป็นช่างผู้ช่วยงานศิลปะ นายจันทร์ ซ่ึงเป็นจิตรกรช่างหลวง
จากกรงุ เทพมหานคร พ.ศ. ๒๔๕๓ ช่วงปลายรัชกาลที่ ๕ ตน้ รัชกาลที่ ๖ เจ้าบญุ วาทย์วงษ์มานติ
เจ้าหลวงนครล�ำปางได้ถวายช้างเผือก ซ่ึงเล้ียงไว้ท่ีบ้านไฮ่หัวฝายบนท่ีนาหลวง เจ้าบุญวาทย์
ไดส้ รา้ งวดั ชอ่ื วา่ วดั ชา้ งเผอื ก เพอ่ื เปน็ อนสุ รณว์ า่ มชี า้ งเผอื ก ณ แหง่ นแ้ี ละไดใ้ หน้ ายปวน สวุ รรณสงิ ห์
เปน็ จติ รกรวาดภาพฝาผนงั ในวดั แหง่ นแี้ ละมภี าพหนงึ่ ท่ี นายปวนเขยี น คอื ภาพจากสภุ าษติ คำ� พงั เพยวา่
“รกั ดหี ามจ่ัว รกั ชวั่ หามเสา” (* อา้ งอิงจาก “ลมุ่ น้ำ� วัง” ประวัติศาสตร์วฒั นธรรม)
สล่าช่างล้านนาที่เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังยังมีอีกหลายคนท่ีรังสรรค์สร้างงานเขียน
จิตรกรรมฝาผนังในวัดเก่าศิลปะล้านนา ท้ังในเขตอ�ำเภอเมืองและต่างอ�ำเภอ จิตรกรรมฝาผนัง
ส่วนใหญ่เป็นเร่ืองราวของไตรภูมิ พุทธประวัติ การบ�ำเพ็ญเพียรของพระพุทธโคดม ค�ำสอนของ
พระพทุ ธองคม์ งุ่ ใหค้ นทำ� แตค่ วามดี มคี วามเพยี รทจี่ ะทำ� ความดี ละเวน้ ความชว่ั ทเี่ กดิ จากกเิ ลส โลภ
โกรธ หลง ค�ำสอนของพระพทุ ธองค์ที่ชาวพุทธในแผน่ ดนิ ไดร้ บั การถา่ ยทอดมาตัง้ แตค่ ร้งั แผน่ ดิน
สุโขทัย ท่ีมีการรับเอาศาสนาพุทธนิกายเถรวาทแบบลังกาวงค์ เจริญขึ้นคร้ังแรกในแผ่นดินของ
พ่อขุนรามค�ำแหงมหาราช ส่งผลให้งานศิลปกรรมอันเน่ืองมาจากค�ำสอนในลัทธิเถรวาทกลับมา
อนง่ึ เมอ่ื สถาบนั พระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ องคอ์ ปุ ถมั ภแ์ ละสนบั สนนุ ศาสนาพทุ ธจงึ รงุ่ เรอื งมาตามลำ� ดบั
ในสมยั ของพระมหาธรรมราชาลไิ ท กษตั รยิ ์องคท์ ี่ ๕ แห่งสุโขทยั ทรงผนวชเปน็ พระสงฆ์ในขณะที่
ทรงครองแผน่ ดนิ และทรงพระราชนพิ นธว์ รรณคดเี ลม่ แรกในประวตั ศิ าสตรว์ รรณกรรมทางศาสนา
ชื่อว่า “เตภูมิกถา” หรือ ไตรภูมิพระร่วง ซ่ึงมีเน้ือหาเป็นค�ำสั่งสอนเกี่ยวกับการละเว้นความชั่ว
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง
33
ทำ� แตค่ วามดี โดยบรรยายถงึ ภพภมู ติ า่ งๆโดยละเอยี ด กลา่ วถงึ คตคิ วามเชอ่ื เรอื่ งราวของพระโพธสิ ตั ว์
ในฐานะพระอดตี ชาตขิ องพระพทุ ธองคใ์ นรปู ของชาดก พรรณนาถงึ การบำ� เพญ็ บารมดี ว้ ยความอดทน
ไมย่ อ่ ทอ้ ในอดตี ชาติ ตลอดจนแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความเสยี สละเพอื่ ผอู้ น่ื มาโดยตลอดโดยบรรยายไวใ้ น
สตุ ตันตปิฎก หมวดขทุ ทกนกิ าย ชาดกทพ่ี บในประเทศสยามแบง่ เปน็ ๒ ลักษณะ คอื
๑.นบิ าตชาดก ๒. ชาดกนอกนบิ าต
๑. นบิ าตชาดก คือ ชาดกทป่ี รากฏในพระไตรปิฎก พระสตุ ตนั ตปฎิ ก หมวดขทุ ทกนกิ าย
มีท้ังหมด ๕๔๗ เร่ืองท่ีมีการกล่าวถึงอดีตชาติของสมเด็จพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้เป็นพระสัมมา
สัมพุทธเจ้า ทั้งการเสวยพระชาตเิ ปน็ สัตว์ หรือมนุษย์ต่างๆกนั ออกไป
ชาดกดังกล่าวแบง่ เป็น ๒๒ นิบาต แตล่ ะนิบาตมชี าดกไม่เท่ากัน โดยเนน้ เฉพาะนบิ าตที่ ๒๒
รวมเรียกกันว่า “มหานิบาตชาดก” หรือ “ทศชาติชาดก” คือ ๑๐ ชาติสุดท้ายของพระสัมมา
สัมพทุ ธเจ้าองค์ปจั จุบัน ซึง่ พระโพธสิ ัตวบ์ �ำเพญ็ บารมที ย่ี ง่ิ ใหญ่ ๑๐ ประการ คอื
๑ พระเตมยี ์ บำ� เพ็ญ เนกขมั บารมี
๒ พระมหาชนก บำ� เพญ็ วิริยะบารมี
๓ พระสวุ รรณสาม บ�ำเพ็ญ เมตตาบารมี
๔ พระเนมริ าช บ�ำเพ็ญ อธษิ ฐานบารมี
๕ พระมโหสถ บ�ำเพ็ญ ปัญญาบารมี
๖ พระภรู ิทัต บ�ำเพญ็ ศีลบารมี
๗ พระจันทกมุ าร บ�ำเพญ็ ขนั ติบารมี
๘ พระนารท บ�ำเพ็ญ อุเบกขาบารมี
๙ พระวฑิ ูร บำ� เพ็ญ สัจจะบารมี
๑๐ พระเวสสันดร บำ� เพ็ญ ทานบารมี
สามารถย่อเปน็ หวั ใจพระเจ้าสิบชาตคิ ือ
เต ช ส ุ เน ม ภู จ นา ว ิ เว
พระชาติสุดท้ายคือ พระเวสสันดรชาดกนั้นได้รับการยกย่องมาแต่สมัยโบราณว่าเป็น
มหาชาตชิ าดกเนอ่ื งจากพระโพธสิ ตั ว์ไดบ้ �ำเพ็ญบารมีครบ ๑๐ ประการ
๒ ชาดกนอกนิบาต หรือ พาหริ ชาดก
ชาดกนอกนิบาตเกิดข้ึนในอาณาจักรล้านนาไทย โดยเมื่อพุทธศาสนานิกายเถรวาทเข้ามา
เป็นศาสนาประจ�ำอาณาจักรล้านนา พระเถระในล้านนาแตกฉานในภาษาบาลี ได้น�ำเอาความรู้
ในคมั ภรี พ์ ระไตรปฎิ กมาพฒั นาในลกั ษณะของทอ้ งถน่ิ แสดงออกมาในรปู ของวรรณกรรมภาษาบาลี
วรรณกรรมตำ� รา วรรณกรรมชาดก โดยนกั ปราชญห์ รอื ครบู าเจา้ ผบู้ วชเรยี นเปน็ พระไดแ้ ตง่ ตำ� ราปบ๊ั สา
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดล�ำปาง
34
จารกึ ในใบลานเคา้ โครงเรอ่ื งเปน็ นทิ านพนื้ บา้ นเปน็ ทร่ี จู้ กั กนั แพรห่ ลายวา่ ปญั ญาสชาดกโดยเลยี นแบบ
การแต่งจากคัมภีร์ในพระไตรปิฎก เช่น วรรณกถาชาดก วิบูลราชชาดก สิรัจฎามณีชาดก
จันทราชชาดก สุวรรณกุมารชาดก กนกวรรณราชชาดก ทุกัมมานิกชาดก มหาสุรเสนชาดก
วริ ิยบณั ฑิตชาดก ฯลฯ และชาดกอ่นื ๆอีกนับ ๕๐ ชาดก
“ปญั ญาสชาดก” ไดร้ บั การแปลเปน็ ภาษาไทยและนำ� ไปแตง่ เปน็ วรรณกรรม ซงึ่ ตอ่ มากลาย
เปน็ วรรณกรรมท่สี ำ� คัญของไทยหลายเรอ่ื งเชน่
สมทุ รโฆษชาดก ถกู นำ� ไปแตง่ เปน็ สมทุ รโฆษคำ� ฉนั ทใ์ นสมยั ของสมเดจ็ พระนารายณแ์ หง่ กรงุ
ศรอี ยธุ ยา
สวุ รรณสงั ขช์ าดก สมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั นำ� ไปเปน็ เคา้ โครงเรอ่ื งของละครนอกเรอ่ื ง
สงั ข์ทอง
พหลคาวชี าดก พระมหาราชครู (สมยั สมเดจ็ พระนารายณ)์ นำ� ไปแตง่ เปน็ เรอื่ ง เสอื โคคำ� ฉนั ท์
และสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลัยทรงนำ� ไปแตง่ เปน็ เคา้ โครงละครนอกเรอื่ ง คาวี
สุธนชาดก นำ� ไปแต่งเปน็ บทละครนอกเรื่องพระสุธนมโนราห์
สรรพสทิ ธชิ์ าดก สมเดจ็ กรมพระปรมานชุ ติ ชโิ นรส นำ� ไปแตง่ พระนพิ นธเ์ รอ่ื งสรรพสทิ ธค์ิ าํ ฉนั ท์
และสริ ิวิบูลยก์ ิติ
หลวงปรชี า (เซง่ ) ในสมยั รชั กาลสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ไดน้ ำ� เอาชาดกนอกนบิ าตของ
ปราชญล์ า้ นนาไปเป็นเค้าโครงของกลบทชนดิ ต่างๆที่เรยี กว่า กลบทสิรวิ บิ ุลกิติ
ปญั ญาสชาดก เปน็ ทรี่ จู้ กั และแพรห่ ลายในดนิ แดนสวุ รรณภมู ิ อาทิ พมา่ เขมร ลาว ซงึ่ มชี อ่ื เรอ่ื ง
แตกต่างกันออกไปเนื่องจากความศรัทธาความเช่ือในเรื่องของพระโพธิสัตว์จึงท�ำให้ศิลปกรรม
วรรณกรรม จิตรกรรมได้เกดิ ขนึ้ อย่างมากมายและไดร้ บั การยอมรบั มาก
ดงั ปรากฏเปน็ ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ในวดั วาอารามตา่ งๆ แตเ่ ปน็ ทเ่ี สยี ดายทวี่ ดั ลา้ นนาบางวดั
ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ ภาพจิตรกรรมดั้งเดิมถูกลบไป แต่ก็มีบางวัดท่ีเปลี่ยนภาพจิตรกรรม
ไตรภมู ิให้กลายเปน็ ภาพจิตรกรรมวิถชี าวบ้าน หรอื ประเพณี ๑๒ เดอื นของภาคเหนือแทน (มีให้
เหน็ ทว่ี ดั ประตูปอ่ ง)
วัด คือ แหล่งพุทธศิลป์วิจิตรที่ยังปรากฏให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปกราบไหว้และช่ืนชม
ศรทั ธาน้อมกาย ใจ ให้เข้าถงึ พระธรรมค�ำสง่ั สอน และความลึกซง้ึ ในฝมี ือช่างสลา่ ครบู าสลา่ ทไ่ี ด้
บรรจงสร้างศิลปวิจิตรฝากไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้เข้าไปศึกษาและชื่นชม กราบน้อมระลึกถึงคุณพ่อ
ครูบาสลา่ ทกุ ทา่ นผู้ไดเ้ ขา้ ไปเฝา้ สมเด็จพระสมั มาสมั พทุ ธเจ้าบนภพภูมสิ วรรค์น้ันแลว้
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ล�ำปาง
35
ปัจจุบันวัดบางวัดอาจรักษาสภาพให้คงสภาพเดิมท่ีก่อตั้งมานับกว่า ๑๐๐ ปี เพราะมี
คณะศรทั ธาทเ่ี ลอ่ื มใสในพทุ ธศาสนาเขา้ มาอปุ ถมั ภแ์ ละรว่ มบรู ณะ หรอื มภี าครฐั เชน่ สำ� นกั ศลิ ปากร
กรมศิลปากร มาช่วยบูรณะ
แต่บางวัดท่ีพบ คือ
๑. เส่ือมสภาพโดยอายุขัย
๒. เสื่อมเพราะบรู ณะโดยสล่าชา่ งท่ที �ำ หรือ ซอ่ มไมไ่ ดเ้ ท่าของเกา่
๓. เสื่อมเพราะบรู ณะไมถ่ กู ต้อง อาทิ ก่ออฐิ ปิดผนงั และลบภาพทง้ั หมด
๔. เส่อื มสภาพเพราะถูกธรรมชาติทำ� ลาย เชน่ ฝนรว่ั ซึมลบลายเขยี น
๕. เส่ือมเพราะภัยสงคราม (อาจมี)
“การอนรุ กั ษ”์ คอื การดแู ล รกั ษาไวต้ ามสภาพเดมิ ทม่ี อี ยแู่ ลว้ หรอื ปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ สยี หายไปกวา่ ทมี่ อี ยู่
เรียกว่าสงวนรักษาแล้วบรู ณะซ่อมแซมให้กลบั มาเหมือนเดิมใหม้ ากทสี่ ดุ เท่าท่ีจะมากได้
๖. ภาครัฐหรอื เอกชนเผยแพรค่ วามรู้ รณรงค์ให้อนชุ นรุ่นหลงั หรือคณะศรทั ธา เจ้าอาวาส
หรอื ผทู้ รี่ กั ในพทุ ธศลิ ป์ ชว่ ยเหลอื ในการปฏสิ งั ขรณ์ เฝา้ ระวงั ปฏสิ งั ขรณ์ หรอื ทำ� ใหก้ ลบั คนื สภาพเดมิ
อย่างทีเ่ คยมีมา
๗. สง่ เสรมิ ใหว้ ดั เปน็ แหลง่ เรยี นรดู้ า้ นการถา่ ยทอดพระธรรมคำ� สอน และเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว
เชิงศึกษาพุทธศิลป์ เป็นวัดเสริม วัดสร้าง วัดสอน ความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างที่เคยเป็นศูนย์กลาง
ดา้ นการศึกษาเล่าเรยี นของครบู าสล่า ทีเ่ คยทำ� มาแตเ่ กา่ กอ่ น
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
36
เอกสารอ้างองิ
- คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามรอยพระโพธสิ ตั ว์ จดั พมิ พเ์ ฉลมิ พระเกยี รต.ิ .บดิ าแหง่ การอนรุ กั ษ์
ของไทย
- สภาพสิง่ แวดลอ้ ม แหลง่ ศลิ ปกรรมในจังหวัดล�ำปาง
- ศลิ ปะกรมวัดหลวงราชสณั ฐานบันทกึ การบูรณะวิหาร...กรมศิลปากร
- รายงานการบูรณะโบราณสถานวหิ ารวดั คะตกึ เชียงม่นั ต.หวั เวยี ง ล�ำปาง
- รายงานการบรู ณะและพฒั นาโบราณสถานวัดมอ่ นสัณฐาน (ม่อนปยู่ ักษ)์
- มรดกวัฒนธรรม ศลิ ปกรรมวัดปงสนกุ
- เอกสารแผน่ พบั วัดประตูปอ่ ง
- ลมุ่ แม่น�้ำวงั ประวตั ิศาสตรว์ ฒั นธรรม สมโชติ ออ๋ งสกุลและเครือข่ายผู้ศึกษาลมุ่ แมน่ �ำ้ วงั
- วดั ชมุ ชน คนพพิ ธิ ภณั ฑ์ วดั พระธาตเุ สดจ็ สถาบนั ไทย...มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ๒๕๕๕
- เก็บเกา่ สถาปัตยกรรมที่ควรค่าแห่งการอนรุ กั ษ์ในภาคเหนือ ๒๕๕๒ – ๒๕๕๙
ฝ่ายอนุรักษศ์ ิลปะสถาปตั ยกรรม กรรมาธกิ ารสถาปนิกลา้ นนา สมาคมสถาปนกิ สยาม
ในพระบรมราชูปถัมภ์
- ประวัติต�ำนานลำ� ปางในช่อื เขลางคน์ คร ลมั ภากปั ปะนคร กกุ กฎุ นคร นครลำ� ปาง
ในหนงั สอื ตา่ งๆ ทีพ่ อหาได้ “พระเทพมงคลมุน”ี ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๕๓
- คมู่ อื มนุษย์ ฉลอง ๑๐๘ ปี ชาตกาลพุทธทาส ภิกขุ (พ.ศ.๒๔๔๙ – ๒๕๕๗)
- วารสารพืน้ บา้ นล้านนา ปีที่ ๑ ฉบบั ประจำ� ปพี ุทธศกั ราช ๒๕๕๕ ชมรมพ้ืนบา้ นลา้ นนา
สโมสรนักศกึ ษา มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่
- ศพั ทานุกรม โบราณคดี ส�ำนกั โบราณคดี กรมศลิ ปากร
- ประวัติและผลงานพระเถระในจังหวัดล�ำปาง โดย ศกั ดิ์ รัตนชยั ในเอกสารอนสุ รณ์
แจกงานพระราชทานเพลิงศพ พระราชสุธรรมาภรณ์ อดีตเจา้ คณะจังหวัดล�ำปาง
เจ้าอาวาสวัดคะตกึ เชียงมัน่
- เอกสาร วฒั นธรรม พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์ เอกลกั ษณแ์ ละภมู ปิ ญั ญาจงั หวดั ลำ� ปาง
- วิถี พานิชพันธ์ ร้อยลายสายละกอน
- ศาสตราจารย์นายแพทยเ์ ฉลียว ปิยะชน - ประตมิ ากรรม เทวดา และกนิ นร แหง่ ล้านนา
พิมพ์คร้ังที่ ๑ (๒๕๔๐)
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จังหวดั ลำ� ปาง
37
การเข้ามาของศลิ ปกรรมแบบพมา่ (เจาง์)
ในตัวเมอื งนครลำ� ปาง
รวบรวมโดย นายประสงค์ แกว้ บุญปัน
ชาวพม่าเริ่มมีบทบาทในเมืองนครล�ำปางมากขึ้นในฐานะผู้เช่ียวชาญการท�ำไม้ โดยเข้ามา
ในอาณัติของอังกฤษที่ได้ขยายพื้นที่ท�ำไม้จากพม่าเข้ามาสู่เมืองเชียงใหม่ ล�ำพูน และนครล�ำปาง
บริษทั ทำ� ไม้ขององั กฤษทไ่ี ด้รบั สมั ปทานเขา้ มาท�ำไมใ้ นนครลำ� ปางมี ๔ บริษัทไดแ้ ก่
๑. บริษทั บรติ ชิ บอรเ์ นยี ว จำ� กัด (BRITISH BORNEO LTD.)
๒. บริษทั บอมเบย์เบอรม์ า จำ� กดั (Bombay Burmah Trading Corporation)
๓. บริษัท สยามฟอเรสต์ จ�ำกัด (Siam FOREST Ltd.)
๔. บริษัท แอล.ที.เลียวโนเวนส์ จ�ำกัด (L.T Leonowens Ltd.)
บรรดาชาวพมา่ ไทใหญ่ ทมี่ าทำ� หนา้ ทหี่ วั หนา้ ในการทำ� ไมใ้ หก้ บั องั กฤษ เรมิ่ มบี ทบาทมากขน้ึ
โดยการรับสัมปทานท�ำไม้ต่อจากบริษัทอังกฤษอีกทอดหนึ่ง จนท�ำให้กลุ่มคนเหล่านี้กลายเป็น
ผู้มฐี านะ เปน็ คนชนชนั้ กลางในสงั คมเมอื งนครลำ� ปาง เป็นเหตุให้มีการยึดเหนยี่ วในกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ
ของตนเองมากขน้ึ ในขณะเดยี วกนั กอ็ ปุ ถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนาในทอ้ งทเ่ี ชน่ กนั ดว้ ยเหตทุ ว่ี า่ มคี วามเชอื่
ในเรื่องผีสาง รุกขเทวดา นางไม้ เม่อื โคน่ ป่าไม้มากๆ เกรงว่าผีสาง รุกขเทวดา นางไม้ทเี่ ปน็ อารักษ์
อยตู่ ามตน้ ไมใ้ หญ่ ไรซ้ งึ่ ทสี่ ถติ จะพากนั เกดิ ความโกรธแคน้ และใหโ้ ทษทำ� ความเดอื ดรอ้ นให้ จงึ เกดิ
ประเพณสี รา้ ง หรอื บรู ณะปฏสิ งั ขรณว์ ดั วาอารามเปน็ ประจำ� ปี และอทุ ศิ สว่ นกศุ ลใหแ้ กผ่ สี าง เทวดา
เหลา่ น้ันพร้อมกบั อัญเชิญให้คุม้ ครองตนเองและครอบครัวดว้ ย เนื่องจากความยึดม่ันในวัฒนธรรม
พุทธศาสนาของกลุ่มชนเหล่านี้ จึงเป็นเหตุให้กลุ่มชนเหล่านี้เข้ามามีบทบาททางด้านพุทธศาสนา
ในสงั คมเมอื งนครลำ� ปางดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการบรู ณปฏสิ งั ขรณว์ ดั ในทอ้ งถน่ิ และมกี ารสรา้ งศาสนสถาน
ขึ้นใหม่บนพื้นท่ีวัดร้างหรือพื้นที่ป่า คหบดีชาวพม่า ชาวไทยใหญ่ ชาวต่องสู้ และชาวมอญน้ี
เมื่อสรา้ งศาสนสถาน โดยชา่ งจากเมอื งมณั ฑะเลยแ์ ล้ว ไดน้ ิมนตพ์ ระภกิ ษุจากพม่าเขา้ มาจำ� พรรษา
ในศาสนสถานของตน จึงปรากฏวดั รูปแบบศลิ ปะพม่าในนครล�ำปางมากถึง ๙ วัด เช่น วัดศรีชุม
วัดป่าฝาง วัดจองคา (ไชยมงคล) วัดม่อนปู่ยักษ์ วัดศรีรองเมือง เป็นต้น ด้วยเหตุน้ีเอง จึงท�ำให้
กลมุ่ งานศลิ ปกรรมแบบพมา่ -ไทใหญ่ไดเ้ ขา้ มามบี ทบาทในเมอื งนครลำ� ปางและตกทอดมาจนถงึ ทกุ วนั น้ี
วัดพทุ ธศลิ ปะพมา่ เหล่านี้ การออกแบบ การก่อสรา้ ง มพี ุทธศลิ ป์วจิ ิตรศลิ ป์ หลายกลมุ่ ตามทส่ี ลา่
ชาวพมา่ มาสรา้ ง คือ
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
38
วัดศรีชุม - เปน็ ศลิ ปะสายพมา่
วดั ศรีรองเมือง - เปน็ ศิลปกรรมสายตอ่ งสู้ (Pao)
วัดป่าฝาง - เปน็ ศิลปะสายพม่า
วัดป่ารวก - เปน็ ศลิ ปกรรมสายตอ่ งสู้ (Pao)
วดั ม่อนปยู่ ักษ ์ - เปน็ ศิลปกรรมสายตอ่ งสู้ (Pao)
วดั ม่อนจำ� ศีล - เป็นศลิ ปะสายไทใหญ่
วดั จองคา (วัดไชยมงคล) - ศิลปกรรมสายพม่า
วดั ทา่ มะโอ - เปน็ ศลิ ปกรรมสายมอญ
ยงั มวี ดั ไทยพทุ ธทมี่ ี เจาง์ หรอื จอง คือ ศลิ ปะสถาปตั ยกรรมประเภทวหิ ารทรงพระยาธาตุ
(วหิ ารทรงปราสาท) ศลิ ปะพมา่ อยใู่ นวดั คอื เจาง์ (จอง) ๘ ชน้ั ทวี่ ดั พระแกว้ ดอนเตา้ สชุ าดาอกี ๑ จอง
รวมวดั ศลิ ปะพม่าในเมืองล�ำปาง ๙ วดั
แรงจงู ใจทที่ มี งานศกึ ษาคน้ ควา้ และอยากเกบ็ รกั ษาจติ รกรรมฝาผนงั ตามวดั วาอารามแบบลา้ นนา
ก็เพ่ือด�ำรงรักษาและเป็นแรงจูงใจให้พุทธศาสนิกชนสนใจในหลักธรรมค�ำสอนของพระพุทธองค์
อย่างไรก็ดีวัดพม่าในล�ำปางก็เป็นแรงจูงใจส�ำคัญอันหนึ่งให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจถึงประวัติศาสตร์
ชาติพันธุ์ของชาวพุทธจากพม่าที่เข้ามาอาศัยอยู่ในดินแดนล้านนา โดยเฉพาะอย่างย่ิงชาวพม่า
รวมท้งั กลมุ่ ชนท่ีไดร้ บั อทิ ธพิ ลพมา่ ทางวฒั นธรรมที่เข้ามาอาศัยอยใู่ นจังหวัดล�ำปางในยคุ สร้างบ้าน
แปงเมอื งบางวดั อาจมมี าตง้ั แตพ่ มา่ เคยครอบครองดนิ แดนแหง่ นี้แตบ่ างวดั เกดิ จากศรทั ธาของชาวพมา่
ทีเ่ ข้ามาในชว่ งทีร่ ัฐบาลสยามยอมใหฝ้ รงั่ ชาติอังกฤษเขา้ มาท�ำสัมปทานไม้สักในลำ� ปางยคุ นั้น
จากการศึกษารูปแบบศิลปกรรมแบบพม่าที่พบในจังหวัดล�ำปาง ท�ำให้เราทราบว่า มีกลุ่ม
ชาตพิ นั ธ์ุ จากสหภาพพม่า ๓ กลุม่ ไดแ้ ก่
- กลุ่มพม่า เปน็ กล่มุ ชาติพันธท์ุ ี่ตั้งถ่นิ ฐานบริเวณตอนบนของสหภาพพมา่
- กลมุ่ มอญ เปน็ กลุ่มทมี่ ีถ่นิ ฐานอยูบ่ รเิ วณตอนใต้สหภาพพมา่
- กลุ่มไทใหญ่ เปน็ กล่มุ ชาตพิ ันธท์ุ ี่มีถ่ินฐานอย่ทู างด้านตะวนั ออกของสหภาพพม่า
พทุ ธศลิ ป์แบบ “เจาง”์ (Kyaung หรือ จอง)
เจาง์ หรอื จอง เป็นสงั ฆวหิ ารในรปู แบบของศลิ ปะพมา่ ซ่ึงเป็นทงั้ กฏุ พิ ระสงฆ์ พระวหิ าร
หอพระไตรปิฎก ศาลาการเปรียญ และหอฉัน เป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบหนึ่งในพุทธศาสนา
ฝ่ายเถรวาทของสหภาพพม่า มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ เป็นอาคารอเนกประสงค์สร้างด้วยไม้สัก
เปน็ วสั ดุหลกั มีการจัดการพน้ื ที่ใช้สอยทีร่ วมเขตพุทธาวาสและสังฆาวาสไว้ในอาคารเดยี วกัน
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ลำ� ปาง
39
วหิ ารทรงปราสาทซึง่ เปน็ กุฏิทีอ่ ยขู่ องพระสงฆ์ดว้ ย เรียกว่า เจาง์ หรอื จอง
วัดศรชี มุ อำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
เจาง์ หรอื จอง วัดศรีรองเมือง อ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
40
เจาง์ ท่ีพบในจังหวัดล�ำปางถูกสร้างข้ึนหรือได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยคหบดีชาวพม่า
ที่อพยพเข้ามาท�ำกิจการป่าไม้และค้าขายในจังหวัดล�ำปางราวต้นพุทธศตวรรษท่ี ๒๕ ตรงกับ
รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๔) และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจา้ อยูห่ วั (ร.๕)
เจาง์ในจังหวัดล�ำปางมีการออกแบบภายในและการตกแต่งลวดลายประดับตัวอาคาร
ล้วนเก่ียวข้องสัมพันธ์กับด้านความเชื่อของท้องถ่ิน ทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะภูมิประเทศ
สถานภาพของผสู้ ร้าง และปัจจัยอื่นซึ่งก่อใหเ้ กิดความคิดสรา้ งสรรคใ์ หม่ปรากฎในเจาง์หลายแหง่
ชาวพมา่ ทเี่ ขา้ มาอาศยั อยทู่ างภาคเหนอื ของประเทศไทยไดท้ ำ� กจิ การปา่ ไมแ้ ละคา้ ขาย ซง่ึ นำ� มา
ซงึ่ ความมงั่ คงั่ รำ่� รวย เมอ่ื ตอ้ งการใหไ้ ดร้ บั การยอมรบั จากสงั คม กอรป์ กบั เปน็ ชาวพทุ ธ ยงั มคี วามเชอื่
เร่ืองเหนือธรรมชาตเิ ช่นเดยี วกบั ชาวล้านนายุคน้ัน คอื เช่ือเรื่อง ภตู ิ ผี และเทพ ที่สามารถใหค้ ณุ
และโทษตอ่ มนษุ ยไ์ ดจ้ งึ มงุ่ สรา้ งศาสนสถาน คอื เจาง์ (จอง) หรอื คนั ธกฎุ ี แบบพมา่ ขนึ้ มา กลา่ วโดยรวม
อาคารในวัดพม่ามักจะประกอบด้วยอาคารหลังคาเคร่ืองยอดทรงปราสาท การตกแต่งภายใน
นิยมประดับด้วยลายปูนปั้นลายพันธุ์พฤกษา ประดับกระจกสีท่ีประณีตงดงาม ฝ้าเพดานบางวัด
จะปน้ั เปน็ รูปมงั กร ยกั ษ์ (ตวั เล็กๆ) ตัวคิวปดิ เทวดา ครฑุ พญานาค หนู กระต่าย เป็นตน้
สว่ นบนเพดานเหนอื พระประธานมกั เปน็ เพดานไมจ้ ำ� หลกั แบง่ เปน็ ชอ่ งๆ ประดบั ดาวเพดาน
แสดงลวดลายพฤกษาพันธุ์ ในกรอบสี่เหล่ียมย่อมุมแสดงกลุ่มดาวตามความเช่ือทางโหราศาสตร์
เปน็ ตน้
วดั ไชยมงคล (วดั จองคา) มวี หิ ารไมซ้ ง่ึ เปน็ อาคารประเภทเจาง ์ โถงพระประธานเปน็ ระเบยี งไม้
หลงั คาเป็นไมแ้ กะสลกั ตกแตง่ ดว้ ยงานประดับกระจก แสดงลวดลายและรูปร่างต่างๆ หน้าบนั ของ
หลังคาท่ีคลุมบันไดและโถงพระประธานประดับด้วยรูปเทพพนม เสาท่ีรองรับหลังคาเหนือบันได
ประดบั ดว้ ยงานปน้ั รกั ประดบั กระจกลวดลายทวี่ จิ ติ รและละเอยี ดออ่ นพลวิ้ อยา่ งงดงามเปน็ ลวดลาย
พนั ธพ์ุ ฤกษา ดอกไม้ และ เทพพนม สว่ นเพดานกป็ ระดบั ดว้ ยดาวเพดาน ซง่ึ ใชก้ ระบวนวธิ ฉี ลสุ งั กะสี
และประดับกระจก ฝ้าเพดานประดับด้วยรูปหงส์และรูปกระต่ายแสดงถึงกลางวันและกลางคืน
ตรงกลางประดับดว้ ยลกู แก้วอังวะ
วัดไชยมงคลมีโบราณวัตถุศิลปะพม่าที่มีค่าย่ิงคือพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศลิ ปะพมา่ ประทบั บนฐานชกุ ชไี มศ้ ลิ ปะพมา่ แสดงฝมี อื เชงิ ชา่ งดา้ นงานฉลไุ มท้ ล่ี ะเอยี ดประณตี อยา่ งยงิ่
ด้านหลงั พระประธานติดกระจกสีลวดลายเทพเทวดาอย่างประณตี
จิตรกรรมฝาผนังของวัดพม่าในล�ำปางเดิมใช้ช่างจากพม่าซ่ึงน่าจะมาเขียนภาพพร้อมกับ
การสร้างวัดแต่ต่อมากรมศิลปากรได้ซ่อมบูรณะแต่ยังรักษาภาพเก่าไว้ไม่วาดทับ แต่ที่น่าสังเกต
ประการหนึ่งของวัดพม่าในล�ำปางคือ นอกจากนิยมศิลปะปูนปั้นลายพันธุ์พฤกษาประดับประจก
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
41
และลายปนู ปน้ั รปู สตั วห์ มิ พานตแ์ ลว้ ยงั นยิ มตกแตง่ ผนงั ดว้ ยกระจกเปน็ ๓ มติ ดิ า้ นหลงั พระประธาน
และมกั ตกแตง่ เปน็ รปู เทพบตุ รและเทพธดิ า เชน่ วหิ ารไมว้ ดั จองคา นอกจากมรี ปู เทวดาบนเพดานแลว้
ยังมีการใช้ภาพของกระต่ายแทนพระจันทร์และใช้ภาพหงส์เป็นสัญญลักษณ์แทนพระอาทิตย์
วัดน้ียังมีไม้แกะสลักเป็นหุ่นเล็กๆ เล่าเร่ืองของการออกบวชการบ�ำเพ็ญทุกรกิริยา การผจญมาร
และพระแมธ่ รณีบีบมวยผม เป็นตน้ วดั จองคาตง้ั แตย่ อดจองและรอบวิหารเปน็ ไมฉ้ ลุ ศิลปะแบบ
ขนมปังขิงที่ละเอียดอ่อนงดงาม เสาทางข้ึนบันไดวิหารน้ัน วิจิตรบรรจงด้วยลวดลายขด
แทรกดว้ ยปนู ปน้ั รปู เทวดาและประดบั กระจก หวั เสาบนั ไดยงั มเี สาสแี ดงทมี่ รี ปู ครฑุ ตราแผน่ ดนิ ของ
พระมหากษัตริยไ์ ทยท้ัง ๒ เสา
บนเพดานในวิหารไม้ของทุกวัดพม่าในล�ำปาง นับเป็นศิลปะวิเศษเป็นพุทธศิลป์ที่สวยงาม
เกนิ คำ� บรรยายเพราะจะนยิ มแกะสลกั ไมย้ อ่ มมุ ผสมกบั ลายฉลทุ องเปน็ ชอ่ งๆประดบั รปู ดาวทล่ี อ้ มดว้ ย
กลีบดอกบัวเป็นกลีบย้อย รูปดาวล้อมเดือนกับประดับไม้แกะสลักติดไว้แต่ละกรอบ เป็นรูปยักษ์
รปู เทพเปน็ สดุ ยอดงานศลิ ปะอนั ยงิ่ ใหญข่ องงานชา่ งพมา่ สมยั นน้ั โดยเฉพาะลายขดไมต้ ามเสาวหิ าร
บนเพดาน (ทีจ่ อง ๘ ชน้ั ในวดั พระแกว้ ดอนเตา้ ทส่ี ร้างโดยบรษิ ทั ทำ� ไมข้ องฝรง่ั ชาวองั กฤษ)มีการติด
กระจกตราของบริษัทและมีการปั้นรูปเทพแห่งความรักคือคิวปิด วัดพม่านั้นนิยมตั้งพระประธาน
และพระเจ้า ๕ พระองค์ คอื พระกกสุ ันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตมะ และพระศรี
อริยเมตไตรย พระประธานจะเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ท่ีสุดเสมอ พระประธานอาจจะสร้างด้วย
หินอ่อนสีขาวส่วนมากเป็นศิลปะแบบมัณฑเลย์ คือ การครองจีวรที่มีริ้วแบบซ้อนทบกันหลายช้ัน
ปลายจวี รเปน็ รว้ิ และมกั โคง้ ไปมา ไมม่ สี งั ฆาฎิ แตจ่ ะเปน็ รวิ้ ของชายจวี รแทน มคี รอบพระพกั ตรเ์ ปน็
แถบหนาระหวา่ งพระพกั ตรก์ บั ขมวดพระเกศา คลา้ ยเทรดิ (กระบงั หนา้ ) เตย้ี ๆ และนยิ มประดบั ดว้ ย
กระจกเลก็ ๆ ลายดอกไมย้ อดพระเกศาไมม่ พี ระรศั มี พระเนตรดำ� นยิ มตกแตง่ ดว้ ยนลิ พระเนตรขาว
แตง่ ดว้ ยมกุ จงึ มองคลา้ ยมชี วี ติ พระโอษฐบ์ างพระกณั ฐย์ าวมากจนจรดไหล่พระประธานนงั่ ขดั สมาธเิ พชร
คือ ขาทับซ้อนซ้ายขวาปางมารวิชัย นว้ิ พระหตั ถ์ ท้ัง ๔ นวิ้ ยาวเสมอกนั
จิตรกรรมฝาผนังของวัดพม่าที่น่าสนใจ คือ จิตรกรรมในอุโบสถทรงยุโรปแบบโคโลเนียล
วดั มอ่ นปยู่ กั ษ(์ วดั มอ่ นสณั ฐาน)เปน็ ภาพจติ กรรมแบบพมา่ สมยั ราชวงศค์ องบองซง่ึ ใชเ้ ทคนคิ การวาดภาพ
เปน็ ๓ มติ ิ (Perspective) เรือ่ งของพระเจา้ สิบชาติ นับเป็นเร่อื งใหมข่ องการวาดภาพจติ รกรรม
ฝาผนงั ยคุ น้ัน มีภาพหนง่ึ ทง่ี ดงามของปลาอานนท์หนนุ ปราสาทของพระอนิ ทร์ใต้ภาพปลาอานนท์
เป็นภาพใต้เมืองของพระเนมิราชเป็นฉากนรก มีผู้ตกนรกก�ำลังชดใช้กรรม ท่ีน่าสนใจของภาพ
จิตรกรรมฝาผนงั ในวหิ ารวดั แหง่ น้ี นยิ มเขยี นภาพท้องฟ้าด้วยสนี ้ำ� เงนิ เข้มหรอื สีคราม ยคุ น้ีเป็นยุค
ทคี่ น้ พบแรโ่ คบอลต์ และไดน้ ำ� มาผสมสใี ชใ้ นงานจติ รกรรม การเขยี นภาพสะทอ้ นวฒั นธรรม และวถิ ี
ชาวพมา่ เชน่ ปราสาทราชวงั ทรงพระยาธาต(ุ ทรงปราสาท) มอี าคารแบบยโุ รปแทรกอยู่ การแตง่ กาย
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
42
ของบคุ คล เชน่ สตรี นงุ่ ผา้ ซน่ิ ยาวกรอมขอ้ เทา้ ชกั ชายผา้ มาดา้ นหนา้ ลกั ษณะผา้ เปน็ ลายคลนื่ เหมอื น
ซิน่ ลุนตยา หรอื ซ่นิ ไหมของพม่า ไวผ้ มเกลา้ มวย
กลา่ วโดยสรปุ วัดพม่าเป็นวดั ทม่ี ีศลิ ปวิจิตร งดงามด้วยจติ รกรรม มีปนู ปัน้ ตดิ กระจกหลากสี
มอี าสนสงฆเ์ กา่ แก่ เสาวหิ ารทกุ ตน้ งดงาม ละเอยี ดออ่ น และประณตี ยง่ิ นกั ปจั จบุ นั วดั พมา่ ในลำ� ปาง
ทมี่ เี จา้ อาวาสเปน็ ชาวพมา่ คงเหลอื นอ้ ยวดั สว่ นใหญเ่ ปน็ พระชาวไทยทไ่ี ดร้ บั การแตง่ ตงั้ จากเจา้ คณะ
จังหวัดไปประจ�ำอยู่ ส่วนการดูแลบูรณะและบริหารจัดการยังมีทายาทของตระกูลที่สร้างวัดเหล่า
นน้ั ดแู ลอปุ ถมั ภ์ และมชี มุ ชนรอบขา้ งตลอดจนสถานศกึ ษาใกลเ้ คยี งชว่ ยดแู ลและสง่ เสรมิ งานศลิ ปะ
ขนบธรรมเนียมประเพณี และการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนทางส�ำนักศิลปากร เขต ๗
เชยี งใหม่ ไดเ้ ขา้ มาดแู ลสนบั สนนุ งบประมาณในการบรู ณะเพอื่ ใหม้ ศี กั ยภาพดา้ นการทอ่ งเทย่ี วของ
จังหวดั ล�ำปาง อีกทางหนง่ึ
เจาง์ (จอง) วดั ชยั มงคล (จองคา) อำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดลำ� ปาง
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
43
เจาง์ (จอง) วดั ม่อนป่ยู ักษ์ (วัดมอ่ นสัณฐาน) อำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ล�ำปาง
ฐานชกุ ชไี ม้ศลิ ปะพม่า วดั ไชยมงคล (จองคา) ศลิ ปะประดบั กระจกรปู เทวดา วดั ไชยมงคล (จองคา)
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จังหวดั ล�ำปาง
44
สงิ ห์ปากทางเข้าสู่วดั พมา่ มณฑปปราสาทวดั พระแกว้ ดอนเตา้ สชุ าดาราม
การตกแต่งภายในมณฑปปราสาทศลิ ปะพมา่ วัดพระแกว้ ดอนเต้าสุชาดาราม
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวัดลำ� ปาง