95
ตงุ ครา่ ว (ตงุ ค่าว) หรือภาพพระบฎวดั นาคตหลวง อ�ำเภอแม่ทะ จงั หวัดลำ� ปาง
เรอ่ื งเวสสันดรชาดก สร้างเมื่อ จ.ศ.๑๒๖๑ (พ.ศ.๒๔๔๒)
มพี ระญาศรวี ไิ ชยพร้อมบตุ รภรรยาเป็นเจา้ ศรทั ธา วาดโดยนายคำ� มา บา้ นป่าตนั
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวดั ลำ� ปาง
96
ตงุ คร่าว (ตงุ ค่าว) หรอื ภาพพระบฎ วดั นาคตหลวง อำ� เภอแม่ทะ จังหวัดลำ� ปาง ภาพทหาร
ถือธงช้างเผอิ ก เป็นส่งิ แสดงเหตุการณร์ ่วมสมยั ท่ีมกี ารใช้ธงช้างเผือกสมยั รชั กาลที่ ๕
จติ รกรรมฝาผนังบนแผงคอสอง
วิหารหลวง วดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวง
จากการศกึ ษารูปแบบศลิ ปะและ
ลักษณะเหตุการณ์ทางสงั คมในภาพ
ปรากฏรูปธงชา้ งเผือก เชน่ เดยี วกบั
ภาพพระบฏหรอื ตงุ ครา่ ว วดั นาคตหลวง
แสดงวา่ เป็นจติ รกรรมทวี่ าด
ในช่วงเวลาใกลเ้ คียงกับจิตรกรรม
ตงุ คร่าว (ภาพพระบฏ) วดั นาคตหลวง
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง
97
จิตรกรรมฝาผนังบนแผงคอสอง วหิ ารวดั สบลี ตำ� บลแจ้ซ้อน อำ� เภอเมืองปาน จังหวัดลำ� ปาง
เขียนช่ือบวั ระวงศ์-หงส์อำ� มาตย์ โดยสล่าคำ� ตาล ชาวไทยใหญ่ ประมาณปี พ.ศ.๒๔๔๒
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
98
จติ รกรรมฝาผนงั เขยี นบนแผ่นไม้แผงคอสอง วหิ ารวัดสชุ าดาราม
อำ� เภอเมืองล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง วาดเมอ่ื พ.ศ.๒๔๖๕ โดยนายปวน สวุ รรณสงิ ห์
จิตรกรรมฝาผนงั เขียนบนแผ่นไม้แผงคอสอง อโุ บสถวดั แสงเมืองมา
อ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดล�ำปาง ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๕
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
99
จิตรกรรมฝาผนัง วดั อมุ ลอง อำ� เภอเถิน จงั หวดั ล�ำปาง วาดโดยนายปวน สุวรรณสงิ ห์
ประมาณกลางพทุ ธศตวรรษที่ ๒๕ เปน็ จิตรกรรมแนวราชส�ำนักกรุงรตั น์โกสนิ ทร์
ฝมี อื ประณีตมากแตช่ �ำรุดเสยี หายมาก
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จงั หวัดลำ� ปาง
100
จิตรกรรมฝาผนงั บน
แผงคอสองวิหาร วัดนาแส่ง
เรอื่ งราวเวสสันดรชาดก
ลักษณะที่ทรงคุณค่าของจิตรกรรมวัดนาแส่ง คือการสอดแทรกเร่ืองราวชวี ิตความเปน็ อยู่
การแตง่ กาย การประกอบอาชพี สถาปตั ยกรรมของบา้ นเมืองสงั คมในยคุ นน้ั
ฝาผนงั ตรงประตูทางเข้า
วิหารวัดนาแส่งตรงข้าม
พระประธานเป็นภาพไตรภมู ิ
และจักรวาล
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
101
วิหารวัดนาแส่ง อำ� เภอเกาะคา จงั หวัดลำ� ปาง สร้างเม่อื ปีพ.ศ.๒๔๔๓ จติ รกรรมฝาผนงั
ในวหิ ารวาดเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๑ โดยสล่าน้อยซาว ชาวบ้านวังแควง้
จิตรกรรมฝาผนังบนแผงคอสอง ศาลาน้ําแตม้ หนา้ วดั พระธาตลุ �ำปางหลวง
อ�ำเภอเกาะคา จงั หวัดล�ำปาง วาดโดยสล่านอ้ ยซาว เช่นเดียวกบั วหิ ารวดั นาแสง่
แตน่ ่าเสียดายท่ภี าพลบเลอื นเสยี หายจนหมดสนิ้
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
102
จติ รกรรมตุงครา่ วธรรม หรอื ตงุ คา่ วเวสสนั ดร
(ภาพพระบฎ) วดั ปงสนกุ เหนือ อ�ำเภอเมอื ง
จงั หวัดลำ� ปาง เขยี นบนผนื ผ้าและกระดาษสา
จ�ำนวน ๕๙ ภาพ เขียนขน้ึ หลัง พ.ศ.๒๔๕๕
กัณฑ์หิมพานต์ (กัณฑ์ที่ ๒) พระเวสสนั ดร
พระราชทานชา้ งเผอื กปจั จยั นาเคนทรแ์ ก่
พราหมณ์ชาวกลิงคราษฎร์
กณั ฑท์ ี่๕ กัณฑช์ ชู ก นางอมติ ดาภรรยาชูชก
ปรนนบิ ตั ิสามีดี เป็นทีอ่ จิ ฉาแกภ่ รรยาชายชาว
บ้านจงึ ถกู รมุ ทำ� รา้ ย เปน็ เหตุใหช้ ูชกไปขอ
พระราชทานกณั หาชาลี ธดิ าโอรส
พระเวสสนั ดรเพอ่ื ให้มาเปน็ คนรบั ใช้ทำ� งาน
แทนนางอมิตดา
กณั ฑท์ ี่ ๑๓ นครกณั ฑพ์ ระเวสสันดร
พร้อมนางมัทรี และโอรส-ธดิ า เสด็จคนื เมือง
พระเวสสันดรเสวยราชย์ดงั เดิม
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
103
จติ รกรรมฝาผนังในวหิ ารวัดพระธาตจุ อมปงิ ตำ� บลนาแสง่ อ�ำเภอเกาะคา จังหวัดล�ำปางนน้ั
ความนา่ สนใจของจติ รกรรมสะท้อนคา่ นิยมสมยั ใหม่ เปน็ ภาพแนวสมจรงิ เขียนข้ึนตามความเขา้ ใจ
ของจติ รกรตอ่ สภาพสงั คมในขณะนน้ั ผวู้ าดภาพนำ� เรอื่ งราวพทุ ธประวตั ทิ เี่ กดิ ขน้ึ กวา่ สองพนั ปที แี่ ลว้
มาตีความใหม่ให้สัมพันธ์กับความจริงในเวลาน้ัน รูปแบบของภาพเสมือนหน่ึงเป็นส่ิงที่ปรากฏใน
ส่ือมวลชนประเภทหนงั สอื พิมพ์รว่ มยุคสมยั ๓๑ เช่นพระเจา้ สทุ โธทนะและ เสนาอำ� มาตย์ แตง่ กาย
ดว้ ยชดุ ขา้ ราชการไทย ประดบั เหรยี ญตรามแี ถบธงชาติ พระเจา้ สทุ โธทนะจรดพระนงั คลั แรกนาขวญั
แต่งชุดตรวจการสีกากีกางเกงขาสั้นสวมรองเท้าใส่ถุงน่องยาว ข้าราชบริพารแต่งชุดราชการ
สีกากีสวมหมวกหนีบบ้างหมวกปีกบ้างนางก�ำนัลใส่เสื้อแขนสั้นจีบนุ่งกระโปรงยาว ภาพเจ้าชาย
สทิ ธตั ถะเจรญิ พระกรรมฐานไดป้ ฐมฌาน นางกำ� นลั ในชดุ กระโปรงยาวไปกราบทลู พระเจา้ สทุ โธทนะ
ในชุดสีกากขี าสนั้ หวผี มเรยี บมาถวายวนั ทาพระโอรส ภาพนางรำ� แต่งชดุ แบบร�ำไทยราชสำ� นักบ้าง
แต่งชุดนักเต้นร�ำสวมกระโปรงแบบฝรั่งบ้าง แสดงในปราสาทสามฤดูของเจ้าชายสิทธัตถะ ซ่ึงผู้
เขยี นภาพอาจจะมโี อกาสพบเหน็ จากหนงั สอื พมิ พห์ รอื ภาพยนตใ์ นยคุ นน้ั รวมทง้ั ภาพงานเลย้ี งมคี น
เสริ ์ฟอาหารน่ังโต๊ะเก้าอี้ เปน็ ตน้
หากมองในแงข่ องการบนั ทกึ ภาพประวตั ศิ าสตรส์ งั คมแลว้ ภาพจติ รกรรมฝาผนงั วดั พระธาตุ
จอมปงิ ไชยอาจจะสะทอ้ นใหเ้ หน็ ปรากฏการณท์ างสงั คมของจงั หวดั ลำ� ปางในระยะนนั้ เรม่ิ จากการท่ี
ทางรถไฟสายเหนอื มาถงึ นครลำ� ปางเมอ่ื พ.ศ.๒๔๕๙ และใชเ้ วลาอกี หลายปกี วา่ ทจี่ ะไปถงึ เชยี งใหม่
ซ่ึงเป็นเมืองศูนย์กลางของภาคเหนือตอนบน ในห้วงเวลานั้นจังหวัดล�ำปางได้กลายเป็นจุดรับ
ความเจรญิ และวฒั นธรรมสมยั ใหมอ่ ยา่ งเตม็ ทกี่ อ่ นจงั หวดั อนื่ ใดในภาคเหนอื นอกเหนอื จากการเปน็ จดุ
กระจายสนิ คา้ ไปสภู่ าคเหนอื ตอนบนแลว้ จงั หวดั ลำ� ปางไดเ้ ปน็ จดุ กระจายความเจรญิ แบบใหมไ่ ปดว้ ย
มีค�ำกล่าวว่า “ คนงามล�ำพูน คนบุญเชียงใหม่ ไวไฟล�ำปาง ”๓๒ หมายถึงคนจังหวัดล�ำปาง
รับความเจริญ แฟชนั่ ความคิดอา่ นแบบใหม่ คา่ นยิ มแบบใหม่เรว็ กวา่ ใคร ทั้งการแต่งกาย ทรงผม
แฟช่นั ความนิยมความเจริญแบบใหม่ท่ีมาจากกรุงเทพฯ เป็นต้น
จิตรกรรมฝาผนังวัดพระธาตุจอมปิง น่าจะวาดขึ้นประมาณปี ๒๔๗๕ หรือในระยะเวลา
ใกล้เคยี ง๓๓ อาจจะเป็นช่วงระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๑ – ๒๔๘๗ ซง่ึ เป็นสมัยทจี่ อมพล ป.พบิ ูลสงคราม
เป็นนายกรัฐมนตรี สะท้อนค่านิยมยุคชาตินิยมและความเจรญิ ทเี่ ขา้ มาในยคุ นัน้
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั พทุ ธประวตั ใิ นวหิ ารวดั พระธาตจุ อมปงิ ชดุ นว้ี าดโดยนายเสาร์ ทองคำ� ฟู
โดยใชส้ ฝี นุ่ มีทง้ั หมดรวม ๑๕ ห้อง๓๔
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง
104
พระเจา้ สุทโธทนะ จรดพระนังคัลแรกนาขวัญแตง่ ชดุ ตรวจการกางเกงขาสั้นสวมถุงน่อง
รองเท้า สวมกบุ (งอบ) ข้าราชบรพิ าร แต่งชุดขา้ ราชการสกี ากสี วมหมวกหนบี
และหมวกปีก นางก�ำนัลใสเ่ สือ้ แขนหมูแฮม นงุ่ กระโปรงยาว
พระเจ้าสุทโธทนะสวมชุดตรวจการสีกากี สวมถงุ น่องรองเท้า ตดิ เหรียญตราแถบธงชาติ
ข้าราชบรหิ ารชายแต่งชุดสีกากีสวมหมวกหนบี
สะพายปนื สวมบทู แขวนกระบี่ นางกำ� นัลสวมเส้อื กระโปรง แบบฝร่งั
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ล�ำปาง
105
เจ้าชายสทิ ธตั ถะ ประทบั ในปราสาทสามฤดู เพลดิ เพลนิ กบั การละเล่น
เช่นการรำ� ไทย การเต้นระบำ� แบบตะวันตก
งานเลี้ยงมีผูร้ ่วมงานแต่งกายแบบโบราณบา้ ง แบบสมยั ใหมบ่ ้าง ทรงผมแบบสมยั ใหม่
ผูห้ ญิงแต่งกายแบบฝรัง่ มกี ารเสิรฟ์ เหลา้ นงั่ โตะ๊ เก้าอ้ี มผี า้ ปูโตะ๊
จติ รกรรมฝาหนังวิหารวัดพระธาตุจอมปงิ ไชย อำ� เภอเกาะคา จังหวัดลำ� ปาง วาดโดย
นายเสาร์ ทองคำ� ฟู ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๑-๒๔๘๗
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ลำ� ปาง
106
ภาพจติ รกรรมฝาผนังวัดบ้านก่อ ตำ� บลวงั ทรายค�ำ อำ� เภอวังเหนอื จงั หวดั ลำ� ปาง เปน็ ภาพ
จิตรกรรมฝีมือช่างพื้นบ้านที่สะท้อนภาพชีวิตสังคมที่พบเห็นในเวลาน้ัน วัดบ้านก่อสร้างเม่ือ
พ.ศ.๒๔๔๒ นายตะ๊ จนั ตะมะเปน็ ผบู้ รจิ าคทดี่ นิ มพี ระภกิ ษยุ าวชิ ยั เปน็ เจา้ อาวาสรปู แรก ตอ่ มาวหิ าร
ทรดุ โทรมลงจงึ บรู ณะขนึ้ ใหม่ แลว้ เสรจ็ ปี พ.ศ.๒๔๗๙ แลว้ จงึ มกี ารวาดภาพจติ รกรรมฝาผนงั ภายใน
วหิ าร เปน็ เรอ่ื งราวพทุ ธประวัติ เวสสนั ดรชาดก ชาดกนอกนิบาต หรือ นิทานพน้ื บ้านองิ ชาดก เร่อื ง
พรหมจักร ทศชาติเร่ืองพระเตมีย์ เป็นต้น มีภาพพระมาลัยไปเมืองสวรรค์เมืองนรก ท่ีโถงกว้าง
ดา้ นหนา้ บนฝาผนงั กอ่ นเขา้ สภู่ ายในวหิ ารมภี าพจติ รกรรมเขยี นดว้ ยสฝี นุ่ เรอื่ งหงสห์ นิ ภาพจติ รกรรม
ทัง้ หมดนว้ี าดโดยหลวงพอ่ ค�ำป้อ ทเุ สนะ หรอื คำ� ป้อ อดุ หนุน๓๕
สำ� หรับหลวงพ่อค�ำป้อ อุดหนุนน้ัน เดิมบวชเป็นพระ ตอ่ มาได้ลาสิกขาบท เรียกว่าพ่อหนาน
คำ� ปอ้ เปน็ ผมู้ คี วามรทู้ างพระพทุ ธศาสนา วาดภาพออกมาจากจนิ ตนาการของตนเองโดยใช้สจี าก
ธรรมชาติ และพู่กันท�ำจากเปลือกไม้ สีท่ีปรากฏในภาพจึงคงทน หลังจากวาดภาพท่ีวิหาร
วดั บา้ นกอ่ แลว้ พอ่ หนานคำ� ปอ้ อดุ หนนุ ไดอ้ ปุ สมบทเปน็ พระภกิ ษอุ กี ครงั้ หนงึ่ และจำ� พรรษาทวี่ ดั ทงุ่ ฝงู
ต�ำบลร่องเคาะ อำ� เภอวังเหนอื จงั หวดั ล�ำปาง๓๖
จติ รกรรมฝาหนงั วดั บา้ นก่อ ต�ำบลวงั ทรายคำ� อำ� เภอวงั เหนือ จงั หวัดลำ� ปาง เรือ่ งพทุ ธประวัติ
เวสสนั ดรชาดก และชาดกนอกนิบาต นทิ านพืน้ บา้ นเรือ่ งพรหมจกั ร ทศชาติเรื่องพระเตมีย์
วาดโดยหลวงพ่อคำ� ปอ้ ทุเสนะ ประมาณ พ.ศ.๒๔๗๙ สอดแทรกวถิ ชี วี ติ ชาวบ้าน
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวัดลำ� ปาง
107
จิตรกรรมฝาผนงั วิหารวดั บา้ นก่อ
วาดโดยหลวงพ่อคำ� ปอ้ ทุเสนะ
ภายหลังสึกออกมา คือ พ่อหนานคำ� ปอ้
อุดหนุน วาดภาพออกมาจาก
จินตนาการโดยใช้สีจากธรรามชาติ
พกู่ นั ทำ� จากเปลอื กไมส้ ีจงึ คงทน
จติ รกรรมฝาผนงั วหิ ารวดั บ้านก่อ บูรณะใหม่เมอื่ ปี พ.ศ.๒๔๗๙ วาดภาพโดย
หลวงพอ่ ค�ำปอ้ ทุเสนะ (คำ� ปอ้ อดุ หนนุ ) เรื่องพุทธประวตั ิเวสสนั ดรชาดก ชาดกนอกนิบาต
เรื่องพรหมจักร พระเตมยี ์ ภาพพระมาลยั หอ้ งโถงกอ่ นเขา้ สวู้ หิ ารวาดภาพนิทานพืน้ บา้ น
เรือ่ งหงส์หิน ลกั ษณะเด่นของจติ รกรรมคือผวู้ าดสอดแทรกภาพวถิ ีชีวติ ของคนในทอ้ งถ่ิน
ในลักษณะตา่ งๆ เปน็ เสมอื นดงั่ การบนั ทึกประวัตศิ าสตร์สงั คม ลงในแผ่นภาพ
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
108
จิตรกรรมผ้าพระบฏวัดทุ่งคา ต�ำบลวิเชตนคร อ�ำเภอแจ้ห่ม จังหวัดล�ำปาง จ�ำนวนท้ังส้ิน
๒๘ ผืนเป็นเร่ืองเวสสันดรชาดก วาดข้ึนประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๕๓๗ โดยหลวงพ่อ
ค�ำปอ้ อุดหนนุ
จิตรกรรมผ้าพระบฏ(ตุงเครือ)เป็นภาพเวสสันดรชาดก ต้ังแต่กัณฑ์ทศพร ถึง นครกัณฑ์
๒ ผืนยาว ( ตุงเครอื ) วดั ศรีดอนมลู (วัดทงุ่ ฮ้าง) ตำ� บลทุง่ ผง้ึ อ�ำเภอแจ้ห่ม จังหวัดล�ำปาง สรา้ งเมื่อปี
พ.ศ.๒๕๐๐๓๘ วาดภาพโดยหลวงพ่อค�ำปอ้ อุดหนนุ เชน่ เดยี วกัน
พระวิหารวัดทุ่งฝูง ต�ำบลร่องเคาะ อ�ำเภอวังเหนือ จังหวัดล�ำปาง เป็นวิหารขนาดเล็ก
สร้างเสรจ็ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐๓๙ ต่อมา ระหวา่ งปี พ.ศ.๒๕๐๕-๒๕๐๗ มีการวาดภาพจติ รกรรมฝาผนัง
โดยหลวงพอ่ คำ� ปอ้ อดุ หนนุ เรอื่ งพทุ ธประวตั ปิ ระกอบภาพนรกสวรรค์เวสสนั ดรชาดกและเรอื่ งหงสห์ นิ ๔๐
ใช้เทคนิคสีฝุ่นที่ได้จากธรรมชาติ เป็นเทคนิคเดียวกับการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดบ้านก่อ
สที ่ีใช้ในการวาดเป็นสที ี่ได้จากธรรมชาติ สีแดงใชล้ กู มะก่ำ� หรือ หนิ สแี ดงมาฝนผสมกับน้�ำ สนี ำ้� เงิน
ใช้เมด็ ลกู คราม(ต้นครามทใี่ ช้ย้อมผ้า หรือ ต้นห้อม ) สเี หลืองใช้เปลอื กไม้เต็ง ( ไมแ้ งะ ) หรอื ขมิน้
หรอื หนิ สเี หลอื งนำ� มาฝนในนำ�้ สดี ำ� ใชห้ มนิ่ หมอ้ ( เขมา่ กน้ หมอ้ ดนิ ) บางทใี่ ชไ้ สถ้ า่ นไฟฉาย สว่ นกาวนน้ั
ใช้เปลือกไม้ดูกต้มในหม้อดินคนตลอดเวลาท้ังวันจนเหนียว แล้วน�ำมาผสมกับสีแต่ละอย่าง พู่กัน
ใชเ้ ปลอื กไมป้ อทบุ ๔๑ ผวู้ าดไดส้ อดแทรกวถิ ชี วี ติ ความเปน็ อยขู่ องคนในทอ้ งถน่ิ เชน่ การกนิ ขา้ วดว้ ย
ขันโตก ลักษณะบา้ นเรือนในท้องถน่ิ การแตง่ กายในยุคนัน้ เปน็ ต้น๔๒ งานจติ รกรรมฝาผนงั วดั ทงุ่ ฝูง
เปน็ จติ รกรรมพน้ื ถน่ิ ทสี่ มบรู ณแ์ บบ แสดงใหเ้ หน็ พฒั นา การทางสงั คมในชมุ ชนตอนเหนอื ของทอ้ งถนิ่
จังหวัดล�ำปางได้อย่างชัดเจน หลวงพ่อค�ำป้อ อุดหนุน ได้จ�ำพรรษาท่ีวัดทุ่งฝูงมาโดยตลอด และ
มรณภาพทวี่ ัดนี้ เมือ่ พ.ศ.๒๕๑๖
ส�ำหรับวัดสุดท้ายที่ปรากฏจิตรกรรมฝาผนังในเขตจังหวัดล�ำปางคือวัดเวียง อ�ำเภอเถิน
ตามประวตั ขิ องวดั กลา่ ววา่ วดั นสี้ รา้ งโดยครบู าอาทติ ย์ ( มหาเถรสงั ฆทติ ย์ ตามพงศาวดารเมอื งเถนิ )
ทีธ่ ดุ งคม์ าปักกลดบริเวณวดั ร้างจงึ บูรณะซ่อมแซมเมอ่ื พ.ศ.๒๑๙๒
วัดนี้มีการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง และขยายวิหารให้ใหญ่ข้ึนประมาณสมัยรัชกาลท่ี ๕
( ภาพจิตรกรรมอาจจะวาดในคร้ังน้ี ) มีการร้ืออุโบสถเก่าและสร้างใหม่เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘-๒๕๑๙
และมีด�ำริท่ีจะซ่อมแซมภาพจิตรกรรม เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔ โดยช่างจากเชียงใหม่ แต่กรมศิลปากร
ไมอ่ นญุ าตภาพจติ รกรรมปรากฏในวหิ ารและศาลาพพิ ฒั นกจิ วธิ านสหราษฎร์ และในสว่ นอโุ บสถมภี าพ
จติ รกรรมบรเิ วณโถงดา้ นนอกหนา้ ประตทู างเขา้ สว่ นวหิ ารมภี าพจติ รกรรมบรเิ วณขอื่ คาน เสา และ
ผนงั สว่ นลา่ งตกแตง่ ดว้ ยลายค�ำเป็นรูปสตั วห์ มิ พานต์ เทวดา และ อดตี พทุ ธเจ้า บรเิ วณคอสองเปน็
ภาพจิตรกรรม ดา้ นในสดุ สองด้านเขียนภาพพทุ ธประวัติตามที่ปรากฏในชยั มงคลคาถา ( คาถาพา
หงุ ฯ ) ทเี่ ลา่ ถึงชัยชนะของพระพุทธเจ้าต่อสง่ิ ต่างๆท่มี าผจญ นอกจากน้นั เป็นเรื่องเวสสันดรชาดก
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
109
๓ ห้อง แต่ไม่เรียงกัณฑ์ มีภาพพระมาลัย ๑ ห้อง ส่วนท่ีศาลาเขียนภาพประเพณี และ วิถีชีวิต
ชาวเหนือบรเิ วณคอสองและผนังส่วนบน
จิตรกรรมผ้าพระบฎ (ตุงเครือ) เรือ่ งเวสสันดรชาดก ตงั้ แตก่ ณั ฑท์ ศพรถึงนครกัณฑ์
ผืนยาว ๒ ผนื วดั ศรีดอนมลู (วัดท่งุ ฮ้าง) ตำ� บลท่งุ ผง้ึ อ�ำเภอแจห้ ่ม จงั หวดั ล�ำปาง
สร้างเมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ วาดโดยหลวงพ่อคำ� ป้อ อดุ หนุน
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
110
จิตรกรรมฝาผนังวัดทงุ่ ฝงู ตำ� บลรอ่ งเคาะ อำ� เภอวังเหนอื จงั หวัดลำ� ปาง วาดโดยหลวงพ่อ
ค�ำป้อ อุดหนุน ระหว่าง พ.ศ.๒๕๐๕ - ๒๕๐๗ เร่อื งพทุ ธประวัติ ประกอบภาพนรก
สวรรค์ เวสสันดรชาดก และหงสห์ ิน สอดแทรกวถิ ชี ีวติ ความเปน็ อยู่ของคนในท้องถิ่น
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวัดลำ� ปาง
111
ภาพจิตรกรรมเรอ่ื งหงสห์ ินในวหิ ารวดั ทุ่งฝูง
ต�ำบลรอ่ งเคาะ อำ� เภอวงั เหนอื จงั หวดั ล�ำปาง
วาดโดยหลวงพอ่ คำ� ปอ้ อดุ หนนุ ระหว่าง
พ.ศ.๒๕๐๕-๒๕๐๗ สอดแทรกวิถีชีวิตท้องถ่นิ
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดล�ำปาง
112
จิตรกรรมวดั เวียง อำ� เภอเถิน จงั หวัดล�ำปาง เรือ่ งเวสสันดรชาดกรวมหลายกณั ฑ์
จติ รกรรมวดั เวยี ง อำ� เภอเถนิ จงั หวัดลำ� ปาง เร่ืองชนกชาดก
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ล�ำปาง
113
ภาพจิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองจังหวัดล�ำปาง
จิตรกรรมฝาผนังวัดแสงเมืองมา
วัดแสงเมืองมาต้ังอยู่ในต�ำบลเวียงเหนืออ�ำเภอเมืองจังหวัดล�ำปาง มีประวัติความเป็นมา
ยาวนาน หลักฐานจากต�ำนานมูลศาสนาญาณคัมภีร์ กล่าวว่าเมื่อพระมหาญาณคัมภีร์ได้รับ
ราชนมิ นตจ์ ากพระญาหลวงเมอื งละคอร(เมอื งนคร)ใหม้ าเผยแพรพ่ ทุ ธศาสนานกิ ายลงั กาวงศส์ หี ลปกั ขะ
ในเมอื งนครได้มาจ�ำพรรษาที่วัดแสงเมืองมาต้งั แตป่ ี พ.ศ.๑๙๙๒ ถงึ ปี พ.ศ.๑๙๙๕ เปน็ เวลา ๓ ปี
ในชว่ งเวลานน้ั พระมหาญาณคมั ภรี ไ์ ดบ้ วชพระภกิ ษตุ ามคตลิ งั กาวงศส์ หี ลปกั ขะในเมอื งนคร มวี ดั ใน
อาณาเขตเมืองนครมาอยู่ในสังกัดถึง ๒๑๗ วัด๔๓ นอกจากนี้วัดแสงเมืองมายังปรากฏชื่อเป็น
สถานทๆ่ี คณะสงฆซ์ ง่ึ นำ� โดยสมเดจ็ เจา้ ญาณสมทุ รวดั ชมพู พรอ้ มกบั ขนุ แตง่ เมอื งนคร ประชาราษฎร
ทั้งหลาย มาประชมุ พรอ้ มกันและเชญิ ตัวหนานทิพยช์ า้ ง มาเปน็ ผู้น�ำไพรพ่ ล ๓๐๐ คน ยกไปปราบ
กองกำ� ลงั ทา้ วมหายศทวี่ ดั พระธาตลุ ำ� ปางหลวง เมอื่ พ.ศ.๒๒๗๕ ในวหิ ารวดั แสงเมอื งมายงั ปรากฏ
ก้อนหินเส่ยี งทายทหี่ นานทพิ ยช์ า้ งอธิษฐานก่อนยกไพร่พลออกไปสูร้ บจนไดช้ ยั ชนะ๔๔
วิหารวัดแสงเมืองมาหลังปัจจุบันบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ โดยเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต
เจา้ นครลำ� ปางเมอื่ พ.ศ.๒๔๕๔โดยเหตทุ เี่ จา้ บญุ วาทยว์ งษม์ านติ ทรงดำ� รวิ า่ วดั แสงเมอื งมาเปน็ วดั โบราณ
มคี วามสำ� คญั ตอ่ บา้ นเมอื งจงึ มจี ติ ศรทั ธาบรจิ าคทรพั ยใ์ หด้ ำ� เนนิ การบรู ณะปฏสิ งั ขรณ์ มรี ายละเอยี ด
คอื
๑. สรา้ งวิหาร ๑ หลัง กวา้ ง ๔ วา ๒ ศอก ยาว ๑๐ วา ๑ ศอก เสา พ้นื และ เคร่ืองบนท�ำดว้ ย
ไม้สัก ฝาผนังก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบ้ือง สร้างพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย
เขยี นภาพจติ รกรรมฝาผนงั บนพนื้ คอสองซงึ่ เปน็ แผน่ ไม้ เปน็ ภาพสฝี นุ่ เรอ่ื งราวพทุ ธประวตั แิ ละ
ชาดกตา่ งๆ เช่น เวสสันดรชาดก สุวรรณสาม พระมหาชนก ภูริทัต จันทกมุ าร พระมโหสถ
๒. สร้างโรงนาคหน้าพระวิหาร กว้าง ๒ วา ยาว ๓ วา ๒ ศอก ปนั้ ตวั นาค ๒ ตัว แตล่ ะตัว
ยาว ๒ วา ๑ ศอก
๓. สรา้ งกุฏิ ๒ หลัง หลงั แรกกว้าง ๕ วา ๑ คืบ ยาว ๕ วา ๒ ศอก อกี หลังกว้าง ๒ วา ๑ ศอก
ยาว ๒ วา ๒ ศอก เสาพ้นื ฝา และเครอ่ื งบน ทำ� ดว้ ยไม้สัก หลังคามุงกระเบอ้ื ง มรี ะเบยี งหนา้ กุฏิ
กว้าง ๔ วา ยาว ๕ วา
๔. สร้างศาลาบาตร ๑ หลัง กว้าง ๑ วา ๒ ศอก ยาว ๙ วา ๑ ศอก เสาท�ำดว้ ยไม้เตง็ รงั
พนื้ ก่ออิฐถือปูน เครอ่ื งบนเป็นไมส้ ัก หลังคามงุ กระเบือ้ ง
๕. ปฏิสังขรณ์ เจดยี ์ ๑ องค์ ฐานกวา้ ง ๒ วา สงู ๖ วา
๖. สร้างก�ำแพงรอบวัดสงู ๓ ศอก๔๕
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
114
จิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดแสงเมืองมาเขียนลงบนแผ่นไม้ด้านบนของผนังท้ังด้านที่ติดกับ
ชายคา สที ่ใี ช้เปน็ สฝี ุ่นส่วนใหญเ่ ป็นสคี ราม สีนำ้� ตาล สเี ขยี ว และ สเี หลือง โดยใชส้ ขี าวและสีดำ�
ผสมกับสีต่างๆเพ่ือให้เกิดน้�ำหนักของสีที่แตกต่างกัน จิตรกรสร้างความลึกของภาพโดยอาศัย
ส่วนประกอบภาพ เช่น พ้นื ตน้ ไม้ ท้องฟ้า และ ภูเขา
จิตรกรรมฝาผนังวัดแสงเมืองมาเป็นจิตรกรรมที่สร้างขึ้นตามคติโบราณ เพ่ือใช้เป็นเคร่ือง
สกั การะ หรอื เปน็ พทุ ธบชู ารวมทง้ั เปน็ การเรยี นรพู้ ทุ ธจรยิ าทที่ รงบำ� เพญ็ ความดตี า่ งๆ จากการศกึ ษา
ภาพจติ รกรรมพออนมุ านไดว้ า่ เปน็ ภาพแสดงทศบารมขี องพระพทุ ธเจา้ ทเ่ี รยี กวา่ ทศชาติ กอ่ นทจ่ี ะ
มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในรายละเอียดบางอย่าง เช่นการแต่งกายของบุคคลในภาพ และส่วน
ประกอบอนื่ ๆ แสดงใหเ้ หน็ วา่ จติ รกรผวู้ าดไดร้ บั แนวคดิ วธิ วี าดแบบรตั นโกสนิ ทร์ ผสมผสานกบั แนวคดิ
ท้องถิ่นท่ีได้รับอิทธิพลของไทยใหญ่ และ พม่าผสมผสานอยู่ เช่นการแต่งกายของกษัตริย์
และนางในราชสำ� นัก เปน็ ต้น ๔๖
ลกั ษณะเดน่ ของจติ รกรรมฝาผนงั วหิ ารวดั แสงเมอื งมาคอื การอทุ ศิ พน้ื ทฝ่ี าผนงั เกอื บทงั้ หมด
ใหก้ บั ภาพจติ รกรรมมหานบิ าตชาดก หรอื ทศชาตชิ าดกทงั้ ๑๐ ชาติ คอื การบำ� เพญ็ บารมี ทเี่ รยี กวา่
ทศบารมีของพระโพธิสัตว์ให้เต็มบริบูรณ์ก่อนการตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ล�ำดับต้ังแต่
๑.เตมยี ช์ าดก (เนกขมั มบารม)ี ๒.มหาชนกชาดก (วริ ยิ บารม)ี ๓.สวุ รรณสามชาดก (เมตตาบารม)ี
๔.เนมริ าชชาดก (อธิษฐานบารมี) ๕.มโหสถชาดก (ปัญญาบารมี) ๖.ภูริทัตชาดก (ศีลบารมี)
๗.จันทชาดก (ขันติบารมี) ๘.นารทชาดก (อุเบกขาบารมี) ๙.วิทูรชาดก (สัจจบารมี)
๑๐.เวสสันดรชาดก (ทานบารม)ี
ทศชาตชิ าดก ชาติท่ี ๑ เตมยี ์ชาดก (เนกขมั มบารมี)
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ลำ� ปาง
115
ทศชาตชิ าดกชาตทิ ี่ ๒ มหาชนกชาดก (วิรยิ บารมี)
ทศชาตชิ าดกชาตทิ ่ี ๓
สุวรรณสามชาดก
(เมตตาบารมี)
ทศชาตชิ าดกชาติที่ ๔
เนมริ าชชาดก
(อธิษฐานบารม)ี
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จังหวัดลำ� ปาง
116
ทศชาตชิ าดก ชาตทิ ่ี ๕ มโหสถชาดก (ปัญญาบารม)ี
ทศชาติชาดกชาติที่ ๖ ภรู ิทตั ชาดก (ศีลบารมี)
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมืองล�ำปาง จงั หวัดลำ� ปาง
117
ทศชาตชิ าดกชาตทิ ่ี ๗ จันทชาดก (ขันตบิ ารม)ี
ทศชาตชิ าดกชาตทิ ่ี ๘ นาราทชาดก (อเุ บกขาบารมี)
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
118
ทศชาติชาดกชาตทิ ี่ ๙ วิฑูรชาดก (สัจจบารม)ี
ทศชาตชิ าดกชาตทิ ่ี ๑๐ เวสสนั ดรชาดก (ทานบารม)ี
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวัดลำ� ปาง
119
จิตรกรรมฝาผนงั วัดเกาะวาลุการาม
วดั เกาะวาลกุ ารามตง้ั อยใู่ นยา่ นกาดกองตา้ หรอื ตลาดจนี ตำ� บลสวนดอก อำ� เภอเมอื งลำ� ปาง
จงั หวดั ลำ� ปาง ซง่ึ เป็นยา่ นค้าขายเก่าแกข่ องนครล�ำปาง บรรดาผู้อยูอ่ าศยั ในยา่ นนี้ซ่งึ เปน็ ชาวบา้ น
พ่อค้าแม่ค้า คหบดี ข้าราชการจ�ำนวนมากได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นบริเวณเกาะกลางแม่น้�ำวังท่ีแยก
แมน่ ำ้� ออกเปน็ สองแคว สามารถขา้ มไปมาไดส้ ะดวกและไมป่ ะปนกบั ชมุ ชนในยา่ นคา้ ขาย ใหเ้ ปน็ วดั
และนมิ นตพ์ ระสงฆจ์ ากภาคกลางมาจำ� พรรษาเพอื่ ใหม้ พี ธิ กี รรมและธรรมเนยี มปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ แบบ
ภาคกลางเหมอื นกบั วดั ดำ� รงธรรมทอี่ ยใู่ นยา่ นบา้ นดงวดั แหง่ นส้ี รา้ งเมอื่ ประมาณพ.ศ.๒๔๒๗–๒๔๓๐
ตอ่ มาภายหลงั นำ�้ ในแมน่ ำ้� วงั ไดพ้ ดั พาตะกอนดนิ ทรายมาทบั ถมแควทตี่ ดิ กบั ตลาดจนตนื้ เขนิ ไมเ่ ปน็
สภาพเกาะกลางแมน่ ้ำ� วงั เหมอื นแต่ก่อน
เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดคือหลวงพ่อกร่ิม จันทะวังโส ซึ่งได้ธุดงค์ผ่านมาถึงจังหวัดล�ำปาง
พกั อยู่ทว่ี ัดเมืองสาด และวดั ดำ� รงธรรม อยู่ระยะหนึ่ง ตอ่ มาคณะผอู้ ุปถมั ภว์ ดั เกาะไดน้ ิมนตใ์ ห้มา
จ�ำพรรษาและเป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะวาลุการาม หลวงพ่อกร่ิม ได้สร้างเสนาสนะในวัด คือ เจดีย์
แบบพม่า มณฑปจตุรทิศศิลปะพม่าครอบพระพุทธบาทจ�ำลอง ๔ รอย ซ่ึงแกะสลักจากหินอ่อน
น�ำมาจากเมืองมัณฑเลย์ นอกจากน้ีได้สร้างพระอุโบสถ เม่ือ พ.ศ.๒๔๖๙ โดยหลวงวานิชก�ำจร
บรจิ าคเงนิ ๘๐๐บาทเปน็ สถาปตั ยกรรมแบบภาคกลางโดยชา่ งคอื สลา่ เมยี วขน่ิ ภายในอโุ บสถมจี ติ รกรรม
ฝาผนงั วาดโดย ปวน สุวรรณสิงห์ ( ๒๔๔๐ – ๒๕๐๓ )๔๗ ช่างเขยี นชาวลำ� ปางผู้ผ่านการฝึกฝนฝมี อื
ในฐานะผู้ช่วยจิตรกรจากกรุงเทพฯ คือ ครูจันทร์ จิตรกร ท่ีถูกว่าจ้างให้มาเขียนภาพในอุโบสถ
วัดบุญวาทย์วิหารซึ่งต้ังอยู่ไม่ไกลจากวัดเกาะวาลุการาม๔๘ ดังน้ันจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถ
วดั เกาะวาลกุ ารามจงึ มรี ปู แบบงานจติ รกรรมแบบราชสำ� นกั กรงุ เทพฯ ใกลเ้ คยี งกบั จติ รกรรมฝาผนงั
ในอุโบสถวดั บญุ วาทยว์ ิหาร นอกจากนยี้ งั มหี อพระนอน ศาลาการเปรียญสถาปตั ยกรรมแบบไทย
ภาคกลาง และศาลาต่างๆ ตอ่ มาในสมยั หลวงพ่อบุญชุบ ทนิ นะโก เป็นเจา้ อาวาสได้สรา้ งกุฏิรวม
หลังใหญ่ข้นึ อกี หลังหน่งึ ๔๙
จิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถวัดเกาะวาลุการาม ประกอบด้วย ภาพพระพุทธเจ้าผจญมาร
และชนะมารกอ่ นและหลงั การตรสั รบู้ รเิ วณฝาผนงั ดา้ นหลงั พระประธานในอโุ บสถ ฝาผนงั ดา้ นหนา้
ตรงกนั ขา้ มพระประธานจำ� ลองลกั ษณะของวดั เกาะวาลกุ ารามมรี ายละเอยี ดสงิ่ กอ่ สรา้ งตา่ งๆภายในวดั
เชน่ โบสถ์ วหิ าร ศาลา กฏุ ิ เจดีย์ รวมทัง้ ภาพเหตุการณ์เม่อื ไฟไหม้หอสวดมนต์วัดเกาะวาลุการาม
(ก่อน พ.ศ.๒๔๖๙ ) ทนี่ ่าสนใจคือมภี าพสะพานไม้ไผ่( ขัวแตะ ทีใ่ นภาพเขยี นว่าสะพานเลือก คอื
สะพานเรอื ก ) ทเี่ ชอ่ื มระหวา่ งฝง่ั วดั เกาะวาลกุ ารามกบั ฝง่ั แมน่ ำ้� วงั ดา้ นตำ� บลเวยี งเหนอื สะพานไมไ้ ผ่
ขดั แตะนมี้ ธี รรมเนยี มการสรา้ งมาตง้ั แตโ่ บราณเชอื่ มสองฝง่ั แมน่ ำ�้ วงั พอถงึ หนา้ นำ�้ จะถกู นำ�้ พดั พงั ไป
พอหน้าแล้งชาวบา้ นทง้ั สองฝงั่ แมน่ ้ำ� วังจะรว่ มกันสร้างใหมท่ ุกปี เมอื่ สร้างเสร็จจะมีประเพณฉี ลอง
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง
120
และถวายเปน็ สาธารณะกศุ ลมกี ารปกั ตงุ ทำ� ราชวตั รประดบั ประดาดงั ปรากฏในภาพ สะพานชว่ั คราว
หรอื ขวั แตะนส้ี รา้ งตดิ ตอ่ กนั มาทกุ ปจี นกระทง่ั ประมาณ พ.ศ.๒๕๒๕ เทศบาลนครลำ� ปางไดส้ รา้ งเปน็
สะพานคอนกรีตถาวรส�ำหรับคนเดินข้าม ให้รถจักรยานและจักรยานยนต์เดินทางผ่านได้สะดวก
ฝาผนงั ดา้ นทเ่ี หลอื เขยี นภาพพทุ ธประวตั คิ อ่ นขา้ งละเอยี ด เนน้ เหตกุ ารณเ์ ดน่ ๆทส่ี ำ� คญั ตง้ั แต่
ประสตู ิ เสดจ็ ออกบวช เสาะแสวงสถานศกึ ษาปฏบิ ตั ธิ รรม บำ� เพญ็ ทกุ รกริ ยิ า ตรสั รู้ ฯลฯ นอกจากนี้
จะเปน็ ภาพทศชาติชาดก ซึ่งเขียนภาพครบท้ัง ๑๐ ชาติ ซึ่งหาดไู ดย้ าก เนือ่ งจากเรอ่ื งทศชาตทิ พี่ บ
ในแหล่งอน่ื ๆหลายแหง่ มกั จะเขยี นภาพไมค่ รบท้งั ๑๐ ชาติ
ลักษณะเด่นของจิตรกรรมฝาผนังวัดเกาะวาลุการามคือ เป็นภาพจิตรกรรมที่เขียนตาม
แนวทางแบบจิตรกรรมแบบราชส�ำนักกรุงเทพท่ีค่อนข้างจะเคร่งครัดกับระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆที่
ต้องวาดตามแบบแผนท่ีก�ำหนดไว้และยึดถือสืบต่อกันมา ลักษณะที่เห็นได้ชัดอีกประการหน่ึงคือ
ภาพจติ รกรรมแหลง่ นไี้ มม่ กี ารแบง่ ภาพเปน็ หอ้ งดงั เชน่ ปรากฏในแหลง่ อนื่ แตใ่ ชว้ ธิ คี น่ั ภาพเหตกุ ารณ์
โดยใช้ภูเขา แม่น้�ำ ต้นไม้ ก�ำแพง อาคารปราสาทราชวัง เป็นต้น ท�ำให้เห็นเป็นภาพเขียนติดต่อ
เปน็ ผืนเดียวกันตลอดผนงั
ลักษณะท่ีไม่พบในภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังในแหล่งอื่นๆคือ การวาดภาพพระภิกษุ
พจิ ารณาอสภุ กรรมฐานในลกั ษณะตา่ งๆ รวมทง้ั การวาดภาพเหตกุ ารณท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ในเวลานน้ั ซงึ่ จติ รกร
สามารถหลบเล่ียงกฎเกณฑ์ของการวาดภาพแบบราชส�ำนักโดยการสอดแทรกลักษณะสภาพชีวิต
และสังคมแบบท้องถิ่นเข้าไปในภาพได้ ที่ส�ำคัญคือจิตรกร นายปวน สุวรรณสิงห์ ได้อุทิศ
พื้นท่ีผนังฝั่งตรงกันข้ามพระประธานวาดภาพแสดงรายละเอียดของศาสนสถาน และเสนาสนะ
ในวดั เกาะวาลกุ ารามเชน่ โบสถ์วหิ ารเจดยี ์กฏุ ิศาลาภาพการถวายสงิ่ ของเปน็ ทานแกพ่ ระสงฆ์เปน็ ตน้
เพอื่ เปน็ การฉลองศรทั ธาของเจา้ ภาพผเู้ ปน็ กำ� ลงั ทรพั ยใ์ นการสรา้ งภาพจติ รกรรมและปฏสิ งั ขรณว์ ดั
ดงั มีข้อความเขยี นบันทกึ ไวบ้ นผนงั ว่า
“ ขา้ พเจา้ หลวงวานชิ กำ� จรพรอ้ มดว้ ยบตุ รหลานไดบ้ รจิ าคทรพั ยส์ รา้ งของทานทเ่ี ปน็ วตั ถถุ าวร
และวัตถุชั่วครั้งคราวและปฏิสังขรณ์ก็มี จึงได้เขียนภาพไว้ข้างบนน้ี ด้วยเชื่อเรื่องบุญธรรมบารมี
เปน็ เทยี่ งแท้ อมิ นิ าปญุ ญะกาเมนะ ดว้ ยเดชะผลบญุ แหง่ ขา้ พเจา้ ไดส้ รา้ ง ขอกศุ ลอนั นจ้ี งไดช้ ว่ ยคำ้� ชแู ก่
บดิ ามารดา ญาตกิ าครูอุปชั ฌาย์อาจารย์ และ พระมหากษตั ริย์ หรอื มติ ร์ทีร่ ักกบั เพ่ือนศาลาและ
สตั วน์ อ้ ยใหญ่ พระภูมเิ จ้าทเ่ี จา้ กรุงภาษี พระนางธรณแี ละนางคงคา พระยามัชจุจราช นายริยบาล
ท้ังท้าวจะตุโลกะบาลศิริพุทธอ�ำมาตย์ ชั้นจตุมหาราชิกาเบ้ืองบนจนถึงท่ีสุดพรหมาเบ้ืองต�่ำอเวจี
มาถึงมนุษย์โลกโดยรอบขอบจักรวาล อนันตจักรวาล ท่านทั้งหลายที่ต้องทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์
ท่านผู้ที่ได้ศุขขอให้ได้ศุขยิ่งข้ึนไป ด้วยเดชะผลแห่งข้าอุทิศให้ไปนี้ ขอจงเปนอุปปัจนิสสัยปัจจัย
แกพ่ ระนิพพานในอนาคตกาลเบอ้ื งหน้าโนน้ เทอญ.....ข้าพเจ้านายปวน สุวรรณสงิ ห์ ”
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
121
ฝาผนงั อุโบสถดา้ นหนา้ ตรงกันขา้ มพระประธานจำ� ลองสง่ิ ก่อสรา้ งต่างๆ
ภายในวัดเกาะวาลกุ าราม เช่น โบสถ์ วหิ าร ศาลาต่างๆ กุฏิ เจดีย์ รวมทัง้
ภาพเหตกุ ารณไ์ ฟไหมห้ อสวดมนต์ (กอ่ น พ.ศ.๒๔๖๙)
ภาพสะพานไมไ้ ผ่ (สะพานเรือก หรอื ขวั แตะ) ข้ามแมน่ ํา้ วงั เชอื่ มฝง่ั
วดั เกาะวาลกุ ารามทางดา้ นทศิ ใตก้ บั ฝง่ั ตำ� บลเวยี งเหนอื ยา่ นวดั ปงสนกุ สะพานไมไ้ ผ่
ขัดแตะนี้ มธี รรมเนยี มการสร้างมาแต่โบราณเช่อื มสองฝงั่ แม่นา้ํ พอถึงหน้า
นา้ํ จะถกู นา้ํ พดั พงั ไป พอหนา้ แลง้ ชาวบา้ นทง้ั สองฝง่ั จะรว่ มกนั สรา้ งใหมท่ กุ ปี
เมอ่ื สร้างเสรจ็ มีพธิ ีถวายทานเป็นสาธารณะกุศลและมีพธิ ีฉลองประดบั
ตกแตง่ ดว้ ยราชวัตรและตุง
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวัดลำ� ปาง
122
เจ้าชายสิทธัตถะเสดจ็ ประพาสอุทยานเห็นเทวทตู ๔ คอื คนเกิด แก่ เจบ็
ตาย จึงเสดจ็ หนอี อกบวช นายฉนั นะนำ� มา้ กัณฐกะมารับ เจา้ ชายสิทธัตถะ
ทรงม้าเสด็จออกบวช
หลงั จากผนวชแล้วเสดจ็ ไปศึกษาธรรมกับอาฬารดาบส
และอุทกดาบสตอ่ จากนนั้ ทรงบำ� เพ็ญทกุ รกิรยิ า
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
123
ต่อมาทรงเลิกบำ� เพ็ญทกุ รกิริยา แลว้ ทรงบ�ำเพญ็ เพียรดว้ ยพระองค์เอง ธิดามาร
ทง้ั ๓ มายวั่ ยวน ทรงชนะมารตรสั รเู้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ หลงั จากนนั้ ทรงเสวยวมิ ตุ สิ ขุ
๔๙ วนั ทา้ วสหมั บดพี รหมอาราธนาใหเ้ ทศนาสั่งสอนคนทงั้ หลาย
พระเจ้าพมิ พิสารทำ� บุญถวายพระพุทธเจ้าและสาวกเปรตญาติ
พระเจ้าพิมพสิ ารมาขอสว่ นบญุ
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดลำ� ปาง
124
พระพุทธเจ้าเสด็จนวิ ัติกรงุ กบิลพัสดแุ์ ล้วเสดจ็ ไปโปรดพระนางพมิ พา
พระพทุ ธเจา้ เสด็จดบั ขันธปรนิ พิ านทีเ่ มอื งกุสินารา
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
125
ภาพพระภิกษพุ ิจารณาอสุภกรรมฐาน ไม่พบภาพจติ รกรรมในลกั ษณะนี้
ในเเหล่งอ่นื นอกจากทว่ี ัดเกาะวาลกุ าราม อ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง
วาดโดย ปวน สวุ รรณสิงห์
พระภิกษพุ ิจารณาอสุภกรรมฐาน
ในลักษณะตา่ งๆ
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
126
ชาตทิ ี่ ๑ เตมยี ์ชาดก (เนกขมั ม
บารมี) การบ�ำเพ็ญตนให้พ้นจาก
กามคณุ ๕ เตมยี ราชกมุ าร ทรงระลกึ
ถงึ อดีตชาตวิ า่ เมือ่ เปน็ พระราชา
ได้พิพากษาลงโทษคน เมือ่ ส้ินชวี ิต
ได้เสวยกรรมในนรก จงึ ไม่ตอ้ งการ
เป็นพระราชาอกี จึงเเสร้งทำ� เป็น
คนใบเ้ พ่อื จะไมไ่ ดค้ รองราชสมบัติ
พระบดิ าใหส้ ารถนี ำ� ไปฝงั พระเตมยี
ราชกมุ ารได้สงั่ สอนสารถี
แลว้ เสดจ็ ไปบวช
ชาติที่ ๒ มหาชนกชาดก
(วริ ยิ บารม)ี พระโพธสิ ัตวเ์ สวยชาติ
เป็นชนกกมุ าร เสด็จไปค้าสำ� เภา
เกดิ พายุส�ำเภาล่ม พระมหาชนก
ทรงวา่ ยนํา้ โต้คล่นื ๗ วัน
นางมณีเมขลา เลื่อมใสในความ
เพียรพยายามจงึ อมุ้ พระองค์เหาะ
ขึน้ ฝัง่
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง
127
ชาติที่ ๓ สุวรรณสามชาดก
(เมตตาบารม)ี พระโพธ์สิ ตั วเ์ สวย
ชาติเปน็ สวุ รรณสามฤาษรี บั ภาระ
เล้ยี งบิดามารดาตาบอด กบิลยกั ษ์
เจ้าเมอื งพาราณสแี ผลงศรมาตอ้ ง
สุวรรณสามบาดเจ็บสาหสั แตไ่ ม่
ทรงโกรธเคอื งกลบั แสดงเมตตา
เทศนาทศพิธราชธรรมใหฟ้ งั ด้วย
อำ� นาจเมตตาธรรมท�ำให้สุวรรรณ
สามฤาษีรอดชีวิต บดิ ามารดากลบั
มามตี าดีดัง้ เดมิ
ชาตทิ ่ี ๔ เนมิราชชาดก (อธิษฐาน
บารม)ี พระโพธ์ิสัตว์เสวยชาติ
เปน็ พระเนมริ าชโอรสเจ้าเมืองมถิ ิลา
โปรดการบรจิ าคทานรักษาศีล ๕
ศลี ๘ เป็นนิตย์ รกั ษาพรหมจรรย์
พระอนิ ทรพ์ อพระทัยใหม้ าตุลีเทพ
บุตรนำ� รถทพิ ยม์ ารบั ไปเทยี่ วชม
เมืองนรก-สวรรค์
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวดั ลำ� ปาง
128
ชาติท่ี ๖ ภรู ทิ ัตชาดก (ศีลบารม)ี
พระโพธิ์สตั วเ์ สวยชาตเิ ปน็ นาคราช
ช่อื ภรู ทิ ตั เพียรรกั ษาศลี ให้
บรสิ ุทธเ์ิ พื่อจะไดเ้ กิดในเทวโลก
พราหมณท์ ่ีรู้มนตอ์ าลมั พายน์จับ
นาคภรู ทิ ศั บังคบั ใหท้ ำ� ส่ิงตา่ งๆ
ภูรทิ ัต สามารถทำ� รา้ ยพราหมณ์ได้
แต่ไม่ทำ� เพราะเกรงศลี ขาด
ชาติที่ ๗ จันทกมุ ารชาดก (ขนั ติ
บารมี) พระโพธ์สิ ตั วเ์ สวยชาติ
เป็นพระจันทกุมารโอรสพระเจ้า
เอกราช พระเจ้าเอกราชหลงผดิ
เช่ือค�ำพราหมณก์ ณั ฑหาละจะทำ�
พิธบี ูชายญั พระโอรสพระธดิ า ว่า
เป็นหนทางไปส่เู ทวโลก พระอนิ ทร์
เสดจ็ ลงมาขม่ ขทู่ �ำลายพธิ ี
พระจันทกมุ ารบำ� เพ็ญขนั ติบารมี
อดทนตอ่ การผูกพยาบาทจองเวร
ของศตั รคู อื พราหมณก์ ัณฑหาละ
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
129
จิตรกรรมฝาผนังวดั ช้างเผือก
วัดชา้ งเผือกตั้งอยู่ท่ีหมู่ ๒ ตำ� บลทุ่งฝาย อำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวัดล�ำปาง เดมิ เปน็ อาราม
สำ� นกั สงฆ์ เรยี กวา่ “ วดั บา้ นไร่ ” ตามชอ่ื ของหมบู่ า้ นทมี่ รี าษฎรจากทตี่ า่ งๆอพยพมาอาศยั ตอ่ มามผี นู้ ำ�
เรยี กวา่ “ ป่ลู ้านเปาะ ” ชกั ชวนให้ราษฎรร่วมกนั สร้างฝายกั้นแมน่ ำ�้ วงั เพ่ือนำ� นำ้� มาใช้ในการท�ำไร่
ทำ� นา เพาะปลกู พชื ผล บา้ นไรท่ อ่ี ยเู่ หนอื ฝายทสี่ รา้ งขนึ้ จงึ เรยี กวา่ บา้ นหวั ฝาย ตอ่ มาเรยี กวา่ บา้ นทงุ่ ฝาย
ส�ำนักสงฆ์วัดบ้านไร่สร้างขึ้นเป็นวัดเม่ือ พ.ศ.๒๔๔๐ เรียกชื่อในขณะนั้นว่าวัดทุ่งฝาย เจ้าอาวาส
องคแ์ รกคอื พระบญุ มา ตอ่ มาเจา้ บญุ วาทยว์ งษม์ านติ เจา้ นครลำ� ปางไดส้ รา้ งพลบั พลาทพ่ี กั บรเิ วณ
บา้ นทงุ่ ฝายได้น�ำไพร่พลบริวารและช้างจ�ำนวน ๑๐๐ เชือกมาเล้ียงบริเวณรอบๆหมู่บ้านทุ่งฝาย
โดยชาวบา้ นเปน็ ผเู้ ลยี้ งชา้ ง ครนั้ ถงึ พ.ศ.๒๔๕๓ ชา้ งพงั เชอื กหนงึ่ ของเจา้ บญุ วาทยฯ์ ตกลกู ออกมาเปน็
ช้างเผือก เจ้าบุญวาทย์ฯ จึงน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชทานนามชา้ งเผอื กเชอื กนี้ว่า “ พระเศวตอุดมวารณ์ ”
เจา้ บญุ วาทยว์ งษม์ านติ ทรงอนสุ รณค์ ำ� นงึ วา่ บา้ นทงุ่ ฝายเปน็ สถานทตี่ กลกู ชา้ งเผอื ก จงึ มดี ำ� ริ
ให้สร้างพระอุโบสถขึ้นท่ีวัดทุ่งฝายเม่ือ พ.ศ.๒๔๖๒ รูปทรงเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา
อยา่ งวจิ ติ รงดงามโดยชา่ งพมา่ คอื หมอ่ งผวิ่ ชา่ งไทยคอื เจา้ แกว้ ณลำ� ปางและจติ รกรไทยคอื ครจู นั ทร๕์ ๐
ครู ปวน สุวรรณสิงห์๕๑ ด�ำเนินการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ การก่อสร้าง
พระอโุ บสถสำ� เรจ็ ลงเมอ่ื พ.ศ.๒๔๖๔ พรอ้ มกบั การสรา้ งศาลาทรงปน้ั หยา ๑ หลงั กวา้ ง ๕ วา ยาว ๖ วา
ระเบียงและเสาใช้ไม้เต็งรัง พื้นและเครื่องบนท�ำด้วยไม้กระยาเลย หลังคามุงกระเบ้ือง ขุดบ่อน�้ำ
สำ� หรับผู้เดินทางสญั จรไปมาไดใ้ ชด้ มื่ กิน ๑ บอ่ ต่อมาภายหลงั วดั ทุ่งฝายจงึ เรียกชือ่ ว่าวดั ช้างเผอื ก
มาจนปจั จุบนั น๕้ี ๒
ลักษณะจติ รกรรมวัดชา้ งเผือกเป็นจติ รกรรมประเพณีแบบไทยราชสำ� นกั ในสมยั รัชกาลท่ี ๖
เป็นภาพจิตรกรรมร่วมสมัยกับจิตรกรรมฝาผนังวัดบุญวาทย์วิหาร รูปแบบการวาดเป็นไปใน
แนวเดยี วกบั จติ รกรรมฝาผนงั วดั บญุ วาทยว์ หิ าร ภาพจติ รกรรมวดั ชา้ งเผอื กนว้ี าดบนผนงั ทง้ั ๔ ดา้ น
โดยส่วนบนติดกับชายคาวาดภาพทศชาติชาดก ด้านล่างระหว่างหน้าต่างวาดภาพพันธุ์พฤกษา
และรปู ดอกบวั ทพี่ เิ ศษคอื พน้ื ทตี่ รงหนา้ ตา่ งไม้ มภี าพวาดอธบิ ายคำ� พงั เพยตา่ งๆของไทยภาคกลาง
สว่ นพนื้ ทดี่ า้ นขา้ งขอบหนา้ ตา่ งวาดภาพพระมาลยั นอกจากนแ้ี ผน่ ไมก้ ระดานแผงคอสองทงั้ สองดา้ น
เป็นภาพจิตรกรรมเวสสันดรชาดก ผนังด้านหน้าจะเป็นภาพพระมาลัยโปรดโลก ด้านซ้ายมือ
เป็นภาพพระมาลัยเทศน์โปรดมนุษย์ ตรงกลางเป็นภาพพระมาลัยเทศน์โปรดเทวดาบนสวรรค์
ซ่ึงส่วนนี้จะมีอักษรข้อความระบุเจ้าศรัทธาผู้สร้างอุโบสถ คือ เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต พร้อมด้วย
โอรสและนัดดา ระบุปีท่ีวาดและฉลองอุโบสถคือ พ.ศ.๒๔๖๔ ส่วนภาพทางด้านขวามือเป็นภาพ
พระมาลัยโปรดสัตว์นรก๕๓
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จังหวดั ล�ำปาง
130
จติ รกรรมฝาผนงั วดั ชา้ งเผอื กในปจั จบุ ันอยูใ่ นสภาพชำ� รดุ เสยี หายเนอ่ื งจากความชืน้ น�ำ้ ฝน
และ การหลุดกะเทาะร่วงของผนัง และ อาจจะรวมทั้งการเสื่อมคุณภาพของสี สมควรจะได้มี
การอนรุ กั ษ์ให้อยใู่ นสภาพดโี ดยเร็ว
เตมยี ์ชาดก ชาติท่ี ๑ (เนกขมั มบารมี)
เตมีย์ราชกมุ าร ทรงระลกึ ถงึ อดีตชาติวา่
เมอื่ เปน็ พระราชา ไดพ้ พิ ากษาลงโทษคน
คร้ันตายไปได้เสวยกรรมในนรกจงึ
แสรง้ ท�ำเปน็ คนใบ้ เพื่อจะไม่ไดค้ รอง
ราชสมบตั ิ
มโหสถชาดก ชาตทิ ่ี ๕ (ปัญญาบารมี)
พระเจา้ จุลนสี ง่ เกวฏั พราหมณป์ ระลอง
ปญั ญาท�ำสงครามธรรมกับพระมโหสถ
พระมโหสถทำ� อุบายทำ� ให้เกวัฏ
พราหมณแ์ ละกองทพั พระเจา้ จลุ นพี า่ ยแพ้
(ภาพจิตรกรรมนี้ ถา่ ยเม่ือเดอื น
มกราคม ๒๕๖๕ ภาพเสียหายเพม่ิ มาก
ขึ้นเปรยี บเทียบกับภาพล่าง)
ภาพนีถ้ า่ ยประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๕ –
๒๕๓๘ จะเห็นไดว้ ่าส่วนลา่ งของภาพ
ยังไม่เสยี หายเทา่ กับภาพด้านบน
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จังหวัดล�ำปาง
131
จันทกมุ ารชาดก ชาตทิ ี่ ๗ (ขันติบารมี)
พระโพธสิ ตั วเ์ สวยชาตเิ ปน็ พระจนั ทกมุ าร
ไมผ่ กู โกรธพระราชบดิ าพระเจา้ เอกราช
ท่ที รงเชอื่ ค�ำของกัณฑหาละทใี่ หจ้ ับ
พระจันทกมุ ารและคนอื่น ๆ ไปบชู ายัญ
เพอ่ื พระองคจ์ ะไดข้ ึน้ ไปสูเ่ ทวโลกได้
พระอนิ ทรไ์ ดเ้ สดจ็ มาท�ำลายพธิ ี
ช่วยชีวิตพระจนั ทกมุ ารและคนอน่ื ๆ
แต่พระจนั ทกุมารก็ไม่ยงั ความโกรธใน
พระราชบิดาและกณั ฑหาละปโุ รหิต
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
132
นารทชาดก ชาติท่ี ๘
พระโพธิสัตวเ์ สวยชาติเป็นพระพรหม
ชอ่ื นารทะ แปลงกายเปน็ นกั บวชมา
แสดงธรรมส่งั สอนพระเจา้ องั คตกิ ษัตรยิ ์
เมืองมถิ ลิ านครท่ีเช่ือคำ� ของนกั บวชชี
เปลือยชอื่ คณุ าชีวกะ ท�ำใหห้ ลงผดิ ใน
การปกครองบา้ นเมอื ง พระเจา้ อังคติ
เชอื่ ตามคำ� สอนของพระนารทะ หนั มา
ประพฤตชิ อบดงั เดิม (ภาพด้านบน
ถ่ายเม่ือเดอื นมกราคม ๒๕๖๕
เปรยี บเทยี บกบั ภาพขา้ งลา่ ง
ซึ่งถา่ ยเม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ – ๒๕๓๘)
ภาพน้ีถ่ายเมอื่ ปพี .ศ.๒๕๓๕ – ๒๕๓๘
(สว่ นล่างของภาพยงั ไมเ่ สียหายเท่ากับภาพดา้ นบน)
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
133
ขอบหน้าต่างด้านขา้ งวาดรูปดอกบัว
ตรงบานหนา้ ต่างเขียนภาพประกอบ
คำ� พงั เพยไทยภาคกลาง
ขอบหน้าตา่ งด้านขา้ งบานหนา้ ตา่ ง
เขยี นภาพดอกบวั ตรงบานหนา้ ต่าง
เขียนภาพประกอบค�ำพงั เพยไทย
ภาคกลาง
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งล�ำปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
134
ผนงั กำ� แพงประกอบสว่ นของหนา้ ต่างอโุ บสถวัดชา้ งเผือก อ�ำเภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง
วาดภาพพระมาลยั ตรงสว่ นบานหนา้ ตา่ งวาดภาพประกอบค�ำพงั เพยไทยภาคกลาง
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
135
ภาพจิตรกรรมบนบานหนา้ ต่างอุโบสถวัดช้างเผอื ก อำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง
เปน็ ภาพวาดประกอบคำ� พงั เพยไทยภาคกลาง
ยาจกตนื่ มี ขีก้ ้อนใหญใ่ ห้เด็กเหน็
ชา้ งตายเอาใบบัวปดิ ตาบอดไดแ้ วน่
ววั ชนกนั มีคนมาหา้ ม หวั ล้านไดห้ วี มือด้วนไดแ้ หวน
ววั ไม่กนิ หญา้ อย่าขม่ เขา
นำ�้ เชี่ยวอยา่ ขวางเรือ
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ล�ำปาง
136
“เจ้าบญุ วาทย์วงษม์ านิต เจ้าผู้ครอง
นครลำ� ปาง พรอ้ มดว้ ยโอรสและนดั ดา
มพี ระทยั เลือ่ มใสไดท้ รงบริจาคทรัพย์
สว่ นพระองค์ ทรงสรา้ งพระอารามพระ
อโุ บสถ วัดชา้ งเผอื ก ไว้ในพระพุทธ
ศาสนา เพ่ือให้พระสงฆ์จากจตรุ ทศิ ได้
อาศรยั ลงอโุ บสถสังฆกรรม ขอพระพทุ ธ
ภมู ิใจในอนาคตกาล เบอื้ งหนา้ โนน้
เทอญ สร้างส�ำเรจ็ เม่อื วันท่ี ๑๒ มนี าคม
พระพุทธศกั ราช ๒๔๖๔ ตรงกับวัน
อาทิตย์ เดอื น ๖ เหนอื ขึน้ ๑๕ ค�ำ่
ปีระกา จลุ ศักราช ๑๒๘๓”
ภาพพระมาลยั โปรดสตั วน์ รก องค์ประกอบภาพจติ รกรรมฝาผนัง
วดั ชา้ งเผอื ก ดา้ นซา้ ยเปน็ ภาพทศชาตชิ าดก
ตรงก�ำแพงสว่ นกรอบหน้าต่าง
เปน็ ภาพพระมาลยั ตรงบานหน้าต่าง
เป็นภาพจิตรกรรมประกอบค�ำพงั เพย
ไทยภาคกลาง
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดลำ� ปาง
137
ภาพจิตรกรรมบนแผงไม้คอสอง วัดช้างเผอื ก
อำ� เภอเมอื งล�ำปาง จังหวดั ลำ� ปาง เรือ่ งเวสสนั ดรชาดก
กัณฑท์ ่ี ๒ หมิ พานต์ พระเวสสนั ดรพระราชทานชา้ งเผือก
ปัจจัยนาเคนทรแ์ กพ่ ราหมณ์ ชาวกลิงคราษฎร์
กัณฑ์ท่ี ๑๐ สักกบรรพ์ พระอนิ ทร์แปลงกายเป็น
พราหมณ์มาขอพระราชทานพระนางมทั รี
กณั ฑท์ ่ี ๑๑ มหาราช ชชู กพากณั หาชาลี เดินดงหลงไป
กรุงสีพี พระเจ้ากรงุ สพี ีไถต่ ัว ๒ กุมาร
จติ รกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดล�ำปาง
138
จิตรกรรมฝาผนังวัดสชุ าดาราม
วัดสุชาดารามเดิมเป็นวัดเอกเทศตั้งติดอยู่กับวัดล่ามช้าง และ วัดพระแก้วชมพู(ภายหลัง
เรียกว่าวัดพระแก้วดอนเต้า) ต่อมาวัดพระแก้วชมพูหรือวัดพระแก้วได้ขยายพ้ืนที่ครอบคลุมถึง
วดั ลา่ มชา้ งซงึ่ เปน็ วดั รา้ งยงั เหลอื ซากเจดยี ป์ รากฎอยเู่ รยี กวา่ เจดยี ว์ ดั ลา่ มชา้ ง ครนั้ ภายหลงั กระทรวง
ศึกษาธกิ ารได้ประกาศรวมวัดพระแกว้ ดอนเต้ากับวัดสชุ าดารามให้เปน็ วดั เดียวกนั
วิหารวัดสุชาดารามเป็นวิหารที่สร้างโดยช่างชาวเชียงแสนซึ่งถูกกวาดต้อนให้มาตั้งถ่ินฐาน
ในย่านเมืองเขลางค์เก่าเขตต�ำบลเวียงเหนือเมืองนครล�ำปางหลังจากเมืองเชียงแสนแตกเม่ือ
พ.ศ.๒๓๔๗ลกั ษณะของวหิ ารเปน็ อาคารทรงสเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ หลงั คาจวั่ ซอ้ นชน้ั ดา้ นหนา้ ๓ชน้ั ดา้ นหลงั
๒ ช้ัน มุมเอียงลาดของหลังคาน้อยกว่าวิหารท่ัวไป เป็นวิหารแบบปิดมีช่องระบายอากาศซีกรง
ลูกมะหวดทำ� ดว้ ยไม้สักสวยงามมาก
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ในวหิ ารวัดสุชาดารามจ�ำแนกออกเปน็ สองสว่ น คือ
๑.สว่ นทว่ี าดตรงดา้ นหลงั ลายฉลรุ วงผงึ้ ซง่ึ เปน็ องคป์ ระกอบของหนา้ บนั วหิ าร ภาพจติ รกรรม
ส่วนน้ีเป็นภาพวาดแสดงบาปกรรมอันเกิดจากการท�ำผิดท�ำช่ัวตามความเช่ือของคนท่ัวไป เช่น
การฆ่าสตั ว์ การเห็นผดิ เปน็ ชอบ ฯลฯ มีภาพวาดสตั ว์นรกที่ถูกลงโทษในอเวจนี รก ในลักษณะตา่ งๆ
โครงสีเปน็ สีเทา น้�ำเงิน ให้ความรสู้ กึ นา่ กลวั ลกึ ลับ
๒.สว่ นแผงคอสองทำ� ดว้ ยไมก้ ระดานตอ่ จากชอ่ งระบายอากาศขนึ้ ไปถงึ หลงั คา ตามความยาว
ของวิหารด้านซ้ายและด้านขวาวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังเร่ืองพุทธประวัติและเวสสันดรชาดก
โดยแบง่ เปน็ ห้องๆ แตล่ ะห้องมกี รอบสเี หลอื งตกแต่งด้วยลวดลายพรรณพฤกษา สแี ดง ขาว คราม
เหลอื ง และ เขียว สวยงาม
อย่างไรก็ดีภาพจิตรกรรมภายในวิหารแห่งนี้มีการช�ำรุดเสียหายจากน้�ำฝน และความชื้น
ประกอบกับความร้อนความเย็นของอากาศในฤดูกาลต่างๆ สมควรท่ีจะมีการซ่อมแซมปรับปรุง
แกไ้ ขใหอ้ ยู่ในสภาพทดี่ ีกว่าปจั จุบนั นโี้ ดยเรว็
จติ รกรผวู้ าดภาพในวหิ ารวดั สชุ าดาราม คอื ครปู วน หรอื นายปวน สวุ รรณสงิ ห์ ภาพจติ รกรรม
เปน็ ไปในแนวประเพณีแบบรตั นโกสินทร๕์ ๔ ซึ่งครปู วน สวุ รรณสิงห์มีความช�ำนาญในการวาดภาพ
แนวนจ้ี ากการไดร้ บั การถา่ ยทอดความรจู้ ากครจู นั ทร์จติ รกรจติ รกรราชสำ� นกั ทเี่ จา้ บญุ วาทยว์ งษม์ านติ
ได้ว่าจ้างใหม้ าเปน็ ผวู้ าดจติ รกรรมฝาผนังทว่ี ดั บุญวาทย์วหิ าร
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
139
กณั ฑ์ท่ี ๑ ทศพร นางผุสดีขอพร ๑๐ ประการจากพระอนิ ทร์
กอ่ นลงมาเกิดเป็นพระราชมารดาพระเวสสนั ดร
กณั ฑท์ ่ี ๒ หมิ พานต์ พราหมณช์ าวกลงิ คราษฎร์ ๘ คน มาทลู ขอชา้ งปจั จยั นาเคนทร์ พระเวสสนั ดร
พระราชทานให้ ชาวเมืองสีพไี ม่พอใจขอให้เนรเทศพระเวสสันดรไปอยู่เขาวงกตปา่ หิมพานต์
กัณฑ์ท่ี ๔ วนปเวศน์ พระเวสสันดร นางมัทรี กณั หา ชาลี เดนิ ทางสู่เขาวงกต
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
140
กัณฑ์ท่ี ๕ ชชู ก ชูชกเดนิ ทางเรร่ ่อนขอทาน เอาเงนิ ไปฝากเพอ่ื น เพื่อนนำ� เงิน
ไปใชจ้ นหมดจงึ ยกนางอมิตตาลกู สาวให้แกช่ ูชก นางอมิตตาปรนบัติ
สามดี ี พราหมณ์เพ่อื นบา้ นอิจฉา มาตบตีภรรยา นางพราหมณท์ ง้ั หลาย
แกแ้ ค้นโดยพากนั ตบตีนางอมิตตาเวลาไปท�ำงานนอกบ้าน นางอมติ ตาขอให้
ชชู กไปขอกัณหาชาลีจากพระเวสสันดร เพอื่ มาเปน็ คนรับใช้
กณั ฑท์ ี่ ๖ จุลพน กณั ฑ์ที่ ๗ มหาพน ชชู กเดนิ ทางไปเขาวงกตพบพรานเจตบุตร
ใชก้ ลอุบายว่าเปน็ ทตู พระเจ้ากรุงสพี มี าเชญิ เสดจ็ พระเวสสันดร
กลบั เมือง พรานเจตบตุ รหลงเช่อื ชีท้ างให้ไปพบอัจจุกะฤาษซี ง่ึ เป็นผบู้ อกทาง
ไปพบพระเวสสันดร
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวดั ลำ� ปาง
141
กณั ฑท์ ่ี ๑๐ สกั กบรรพ์ กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช พระอนิ ทรแ์ ปลงกายเปน็
พราหมณม์ าขอนางมัทรีเพ่ือใหท้ านของพระเวสสันดรครบบรบิ รู ณ์
ส่วนชูชกพาสองกุมารกัณหาชาลเี ดนิ ป่าหลงทางไปกรงุ สีพี
พระเจ้าสญั ชัยไถต่ ัวสองกุมารไว้
กัณฑ์ที่ ๑๒ ฉกษตั รยิ ์ พระเจา้ สัญไชยและพระมเหสพี รอ้ มทง้ั กัณหาชาลี
มารบั พระเวสสนั ดรและพระนางมัทรี เสด็จกลบั กรงุ สีพี ขอ้ ความใต้ภาพมดี งั น้ี
“วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๕ จุลศกั ราช ๑๒๘๔ ตรงกับปจี อ
เดอื น ๑๑ ข้นึ ๗ ค่�ำวนั อาทิตย์ ศรทั ธาพระธรรมไชยเจ้าอาวาส
พรอ้ มดว้ ยพ่อเลีย้ งส่างอะริยะ แม่ค�ำศขุ ได้สละทรพั ย์สรา้ ง จ้างนายปวน
เขียนรูปภาพท่ีในวิหารรวมเป็น ๑๖ ห้อง ไดส้ ละทรัพย์จา้ งเปน็ เงนิ ๑๓๘ บาท
ขอจงเป็นผลสำ� เร็จแกพ่ ระนพิ พานในอนาคตกาล เบื้องหน้าโน้นเทอญ”
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอำ� เภอเมืองลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
142
กณั ฑท์ ี่ ๑๓ นครกัณฑ์ ขบวนแหอ่ ัญเชิญพระเวสสันดร และพระนางมทั รีเสด็จกลับคืนกรุงสพี ี
ภาพพุทธประวัติ จติ รกรรมฝาผนงั วหิ ารวดั สุชาดาราม
ตอนเจา้ ชายสิตธตั ถะ เสดจ็ ประพาสอุทยานพบเทวทูต
เจ้าชายสิทธัตถะทรงมา้ กณั ฐกะพรอ้ มด้วยนายฉนั นะ
เสด็จถงึ แม่น้ำ� อโนมาทรงตัดพระเกษาออกบวช
จิตรกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จงั หวัดล�ำปาง
143
ภาพจติ รกรรมดา้ นหลังลายฉลุรวงผงึ้ หน้าบนั วหิ ารวัดสุชาดาราม
เป็นรปู สตั วน์ รกในอเวจี ทถ่ี ูกนายนิรยิ บาลลงโทษในลกั ษณะต่าง ๆ
จติ รกรรมฝาผนังในเขตอ�ำเภอเมอื งล�ำปาง จงั หวัดล�ำปาง
144
สตั วน์ รกในอเวจีนรก ทรี่ บั การลงโทษ
สัตวน์ รกท่ีรับโทษทณั ฑท์ ี่ตนเองได้ก่อไวเ้ มอ่ื คร้งั ยังเปน็ มนษุ ย์
จิตรกรรมฝาผนงั ในเขตอ�ำเภอเมอื งลำ� ปาง จังหวัดลำ� ปาง