Page |a
a | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่อื งผๆี | b
Page |c
c | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่อื งผๆี | d
Page |e
e | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่อื งผๆี | f
๑
ผโี ยมแมส่ ิงร่างสามเณร
มารดาพาลกู น้อยไปบวชเณรทว่ี ดั
เป็นการยากมากท่ีครอบครวั ซ่งึ มีบตุ รนอ้ ยเพียงคนเดียว จะยอม
พรากจากลกู รกั ใหไ้ ปอยใู่ นการดแู ลของผอู้ ่นื แต่ดว้ ยความเลอ่ื มใสศรทั ธา
ท่ีมีต่อหลวงพ่ออย่างเต็มเป่ียม และลูกน้อยของเธอเองก็มีใจฝักใฝ่ ใน
ธรรมะชอบทาบญุ กศุ ลอย่ดู ว้ ย ทาใหค้ ณุ แม่วยั สาวตดั สินใจพาลกู นอ้ ยวยั
๑ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
เยาวน์ ามว่าสานุ ไปหาหลวงพ่อท่ีวัดเพ่ือใหบ้ วชเป็นสามเณรศึกษาเล่า
เรยี นธรรมะอบรมบ่มนิสยั และคอยทาหนา้ ท่ีอปุ ัฏฐากพระสงฆใ์ นวดั นนั้
หนนู อ้ ยสานุ หลงั จากบวชเป็นสามเณรแลว้ กท็ าหนา้ ท่ขี องตนได้
อย่างครบถว้ นสมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง ขยันศึกษาเล่าเรียนธรรมะ
หม่นั เจริญภาวนา เป็นสามเณรท่ีมีกิริยามารยาทงดงาม มีสมั มาคารวะ
คอยรบั ใชพ้ ระอปุ ัชฌายแ์ ละพระอาจารยเ์ สมอ งานต่าง ๆ ภายในวดั ไม่
ว่าจะเป็นการลุกขึน้ แต่เชา้ ตรู่ไปท่ีแม่นา้ เพ่ือตักนา้ มาฉันมาใช้ การปัด
กวาดบริเวณวดั การปอู าสนะในโรงฉนั และโรงฟังธรรม การก่อไฟใหแ้ สง
สว่างภายในวัด ฯลฯ ลว้ นตกเป็นภาระของสามเณรแทบทั้งสิน้ และ
สามเณรเองก็ทาหนา้ ท่ีเหล่านีด้ ว้ ยความเต็มใจ ทาให้เป็นท่ีรกั ใคร่เอ็นดู
ของพระสงฆภ์ ายในวดั เป็นอยา่ งมาก
นอกจากคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว สามเณรยังมีความสามารถ
พิเศษเป็นท่ีกล่าวขานร่าลือกันของคนในละแวกนัน้ อีกอย่างคือ เป็นผูท้ ่ี
แสดงธรรมไดอ้ ย่างไพเราะจบั ใจ ใครไดฟ้ ังแลว้ เป็นตอ้ งติดอกติดใจอยาก
ฟังซา้ เม่อื ถงึ วนั พระวนั ธัมมัสสวนะ หลวงพอ่ หลวงพ่ีต่างขอรอ้ งสามเณร
แสดงธรรมใหฟ้ ัง ก็ได้รับการตอบสนองจากสามเณรอย่างเต็มใจ ไม่มี
ปฏเิ สธ และกอ่ นจบการแสดงธรรม สามเณรผมู้ คี วามกตญั ญกู ตเวทีก็จะ
ชาดกวา่ ดว้ ยเรอ่ื งผีๆ | ๒
ตงั้ จติ อธิษฐานกล่าวอทุ ิศส่วนบุญจากการแสดงธรรมแต่ละครง้ั แก่บุพการี
ของตนเสมอดว้ ยคาวา่
“มัยหงั มาตาปิ ตูนัง อิมัสมงิ ภญั เญ ปัตติง ทัมมิ”
“ข้าพเจ้าขอให้ส่วนบุญในเพราะการกล่าว(ธรรม)นี้
แก่มารดาและบดิ าของข้าพเจ้า”
เช่ือกนั ว่า คนท่ีดารงเพศบรรพชิต ถา้ หากทาดีก็จะดีเป็นสองเท่า
แตถ่ า้ ทาช่วั กช็ ่วั ทวีคณู เชน่ กนั ดว้ ยเหตนุ ี้ สามเณรผปู้ ระพฤตดิ ีปฏิบตั ิชอบ
รกั ษาศีลอย่างเคร่งครดั เม่ืออธิษฐานเช่นนี้ ทาใหผ้ ลบุญท่ีแผ่ออกไปนั้น
ตกถึงมารดาทงั้ ในอดีตชาติและปัจจุบนั ชาติ ต่างไดร้ บั อานิสงสใ์ นภพภมู ิ
ท่ตี นดารงอยู่
มารดาในปัจจุบันชาติ ได้รับความช่ืนชมจากชาวบ้านว่า
“แม่คุ๊ณ! ช่างมีลูกท่ีดีเหลือเกิน เป็นอภิชาตบุตรเกิดมาทาให้พ่อแม่
ภาคภมู ใิ จ อยากมีลกู อย่างสามเณรสานนุ จี้ รงิ ๆ” เวลาเดินไปไหนมาไหน
มีแต่คนนบั หนา้ ถือตา
ส่วนมารดาในอดีตชาติของสามเณร ชาตินั้นไปเกิดเป็นนาง
ยักษิณี(เทวดาจาพวกหนึ่ง)ก็พลอยไดร้ ับอานิสงสน์ ีไ้ ปดว้ ย นางมาฟัง
๓ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ธรรมกบั เพ่ือนเทวดาดว้ ยกนั พอทราบว่าสามเณรอทุ ิศสว่ นบุญให้ ก็กล่าว
อนโุ มทนาบญุ ว่า
“ตาตะ อะนุโมทาม”ิ
“ฉนั ขออนโุ มทนาบญุ จ๊ะ พอ่ เณร”
ตามหลกั พระพทุ ธศาสนา เช่ือว่า ผเู้ สียชีวิตไปแลว้ ไม่ว่าเกิดอยู่
ในภพภูมิใด จะไดร้ บั ผลบญุ ท่ีญาติพ่ีนอ้ งทาบญุ อทุ ิศไปใหห้ รือไม่ ก็ขึน้ อยู่
กับว่าผูน้ นั้ สามารถรบั รูแ้ ละไดอ้ นุโมทนาบุญนนั้ ไหม ถา้ ผูเ้ สียชีวิตอยู่ใน
คติวิสยั ท่ีสามารถรบั รูแ้ ละอนุโมทนาบุญได้ ก็จะไดร้ บั ส่วนบุญท่ีญาติพ่ี
นอ้ งส่งไปให้ ท่ียงั ประสบทกุ ขเวทนาอย่กู ็จะพน้ ท่ีเป่ียมลน้ ดว้ ยสขุ เวทนา
อยู่แล้วก็จะได้รบั อานิสงสย์ ่ิงๆ ขึน้ ไป ในประเด็นนี้ มีเรื่องปรากฏใน
คมั ภีรท์ างพระพทุ ธศาสนาหลายเรื่อง เช่น เร่ืองเปรตท่ีเป็นญาติของพระ
เจา้ พิมพิสารท่ีโผล่มาขอส่วนบุญเน่ืองจากไดร้ บั ผลกรรมช่วั ท่ีทาไว้ เสวย
ทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส เม่ือพระเจา้ พิมพิสารผูเ้ ป็นญาติทาบุญอุทิศ
ไปให้ เปรตเหลา่ นนั้ กพ็ น้ จากทกุ ขเวทนา เป็นตน้
สาหรบั มารดาในอดีตชาติของสามเณรนีจ้ ัดอยู่ในประเภทพวกท่ี
ไดเ้ สวยสขุ เวทนาอยู่แลว้ เม่ือเธอรบั รูว้ ่าสามเณรอทุ ิศส่วนบุญไปใหแ้ ลว้
กล่าวอนุโมทนาบุญ ก็ทาให้ได้รับอานิสงสผ์ ลบุญทันทีเช่นกัน ท่ีเห็น
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่อื งผีๆ | ๔
ชดั เจนคอื บรรดาเพ่อื นเทวดาทงั้ หลายท่เี ป็นสมั มาทฏิ ฐิ มคี วามเคารพ
รกั ยาเกรงในภิกษุสามเณรผูม้ ีศีลาจารวัตรงดงามประพฤติดีปฏิบัติชอบ
พอทราบว่าเธอคือแม่ในอดีตชาติของสามเณรต่างก็เคารพนับถือเกรงใจ
ใหเ้ กียรติเธอ เวลามีการประชมุ สนั นบิ าตกนั ในหมเู่ ทวดา กจ็ ดั หาท่นี ่งั ดีๆ
ให้ หานา้ รสเลิศมาบรกิ าร หาอาหารอรอ่ ยๆ มาใหก้ นิ แมแ้ ตย่ กั ษท์ ่ีมีศกั ดิ์
ใหญ่กว่า เม่ือเห็นเธอผ่านมาก็ยังหลีกทางใหห้ รือลุกขึน้ ตอ้ นรบั นีค้ ือ
อานิสงสผ์ ลบุญท่ีแม่ในอดีตชาติไดร้ บั จากการอุทิศส่วนบุญไปใหข้ องลกู
เณรผปู้ ระพฤตดิ ปี ฏิบตั ิชอบ ชา่ งเป็นสิ่งท่นี ่าช่นื ชมจรงิ ๆ
แตกเนือ้ หนุ่ม ถูกรุมเร้าดว้ ยกิเลส เกอื บสละเพศบรรพชติ
วนั เวลาผ่านไปไม่ย้อนกลับ
สลับเปลย่ี นความคิดจติ ผกผัน
เรื่องต่างๆ ในชวี ติ ประจาวัน
เหตุผลักดนั ให้จติ แปรเปล่ียนไป
จากวยั เยาวย์ ่างเขา้ ส่วู ยั หน่มุ โครงสรา้ งทางร่างกายแปรเปลี่ยน
ความกระเหีย้ นกระหือรือเร่มิ ปรากฏภายในใจ ไม่สามารถปัดเป่ าบรรเทา
ลงได้ ฮอรโ์ มนในร่างกายพลุกพล่าน สามเณรสะทา้ นหวาดหว่ันอยู่บน
เตยี งนอนทอดถอนหายใจคิดคานงึ อย่วู ่า
๕ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
“ตวั เราเองอายุยงั นอ้ ยกาลงั หน่มุ แน่น สกึ ไปตงั้ ครอบครวั มีเมียมี
ลูกสรา้ งทายาทสืบสกลุ ก่อนดไี หม พอถงึ วยั ชราค่อยกลบั มาบวชอกี ครงั้ ก็
ยงั ไม่สาย บวชช่วงนนั้ จติ ใจนา่ จะสงบมากกว่านี้ การปฏิบตั ธิ รรมก็นา่ จะ
บรรลสุ จั ธรรมไดเ้ รว็ ขนึ้ เพราะผา่ นประสบการณท์ างโลกมาแลว้ แต่...ถา้
เราสกึ ไป โยมแม่และญาตพิ นี่ อ้ งจะวา่ ยงั ไง โยมทใี่ สบ่ าตรใหฉ้ นั ใหค้ วาม
เคารพกราบไหว้ จะรูส้ ึกอย่างไร แถมเราเองก็เป็นสามเณรมีชือ่ เสยี งดา้ น
การกล่าวธรรมแสดงธรรม สอนคนอื่นใหร้ ู้จักละความโลภ ความโกรธ
และความหลง ใหร้ ูจ้ กั บรรเทาเบาบางในกามารมณ์ ดนั สกึ ไปเสยี นี่ เขา
จะมองเราอย่างไร”
แต่ขณะอยู่คนเดียว หลบั ตาลงทีไร มองเห็นแต่หนา้ ขาวๆ ของ
สาวเจา้ เขา้ มาวนเวียนรบกวนอย่ใู นใจตลอดเวลา พยายามข่มใจแลว้ กไ็ ม่
สามารถระงับยับยัง้ ความรูส้ ึกนีล้ งได้ จะเอายังไงกับชีวิตดี สามเณร
วยั รุน่ หาทางออกไมไ่ ด้ ครน้ั จะไปกราบเรยี นพระอปุ ัชฌายเ์ พ่อื ขอลาสึกไป
มีครอบครวั ก็ไม่กลา้ กลวั ท่านจะหา้ มปรามไว้ แถมอาจโดนตาหนิติติง
กลบั มาอีก แต่ครน้ั จะสละเพศบรรพชิตเองโดยถอดผา้ จีวรสบงออกแลว้ หา
เสือ้ ผ้าคฤหัสถ์มาใส่ซะเลย ก็ยังละอายต่อบาปไม่กล้าทา คิดดูแล้วก็
กลมุ้ ใจแทนสามเณรจรงิ ๆ
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่อื งผๆี | ๖
เพราะจิตใจถูกรุมเรา้ ด้วยกิเลส จึงเป็นสาเหตุทาใหส้ ามเณร
เปลี่ยนแปลงไป งานตา่ ง ๆ ภายในวดั ท่เี คยทามาก็ละเวน้ เชา้ จรดเย็นอยู่
แต่ในหอ้ งไม่สุงสิงกับใคร วันพระวันโกนไม่รบั รู้ ผมไม่ยอมโกน หนวด
เครารกรุงรงั เล็บมือเล็บเทา้ ยาวก็ไม่ยอมตดั ทิง้ นา้ ไม่อาบ ผา้ สบงจวี รไม่
ซกั บาตรไม่ยอมบิน วันๆ คิดคานึงแต่เรื่องสึกอย่างเดียว แต่ว่า...ยัง
หาทางออกท่เี หมาะสมไมไ่ ด้ เฮอ้ !
ตดั สินใจกลับไปหาโยมแมท่ บี่ า้ น
มนุษยเ์ ราแมจ้ ะมีอุปนิสัยท่ีดีงามอย่างไร ตราบใดท่ียังไม่บรรลุ
เป็นพระอรหันต์ เม่ือถูกกิเลสย่ัวเยา้ ถา้ ตัง้ สติไม่ไดข้ ่มใจไม่ทันหรือไม่มี
กลั ยาณมิตรท่ีเขา้ ใจคอยแนะนาหาทางออกท่ีเหมาะสมให้ ก็อาจตกอยู่
ภายใตอ้ านาจของกิเลสไดด้ ว้ ยกันทงั้ นั้นไม่ว่าเป็นบรรพชิตหรือฆราวาส
แมแ้ ต่สามเณรสานซุ ่งึ เป็นผปู้ ระพฤติดีปฏิบตั ิชอบรกั ษาศีลอย่างเครง่ ครดั
มาโดยตลอด แต่เม่ือถูกอานาจแห่งกิเลสตามวิถีแห่งธรรมชาติทาง
ร่างกายเขา้ เล่นงาน ก็ยังออกอาการเป๋ โซซัดโซเซไปเช่นกัน น่ีคือพลัง
อานาจของกิเลส ถา้ จติ ใจไม่เขม้ แข็งพอ ก็ยากท่จี ะเอาชนะได้
เม่ือปัญหาไม่มีทางออกให้ สภาพจิตใจย่าแย่ ท่ีพ่ึงท่ีดีท่ีสดุ ก็คือ
แม่บงั เกิดเกลา้ สามเณรตัดสินใจกลบั ไปหาโยมแม่ท่ีบา้ น โดยเลือกเอา
๗ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ชว่ งท่ปี ลอดคนหลวงพ่อหลวงพ่ไี ปกิจนมิ นตน์ อกวดั อยคู่ นเดยี วไม่บอกลา
ใครใหท้ ราบ ย่องออกจากวัดตรงด่ิงไปยงั บา้ นเกิดซ่งึ ห่างจากวัดไปหลาย
กิโลเมตร
พอไปถงึ บา้ น โยมแมจ่ าลกู ตวั เองแทบไมไ่ ด้ เพราะสภาพสามเณร
ดไู ม่เหมือนเดิม รา่ งกายซบู ผอมลงไป เนอื้ ตวั มอมแมม หนวดเคราและผม
ยาวรกรุงรงั สบงจีวรท่ีสวมใส่ก็สกปรกมาก เม่ือสามเณรเดินเขา้ มาใกลๆ้
แลว้ กลา่ วทกั วา่
“เจรญิ พรจ๊ะ โยมแม”่
เธอจึงแน่ใจว่าน่ีคือลูกเณรสานนุ ่นั เอง โยมแม่ไหวส้ ามเณรแลว้
ถามขนึ้ ดว้ ยความแปลกใจวา่
“พ่อเณร ทกุ ครงั้ ท่ีพ่อเณรมาบา้ นจะมากบั หลวงพ่อพระอปุ ัชฌาย์
พระอาจารยห์ รือไม่ก็มากบั หลวงพ่ีและเพ่ือนเณรดว้ ยกันมิใช่หรือ ทาไม
วนั นีถ้ งึ มาบา้ นรูปเดยี วหละจะ๊ ”
สามเณรสานุจึงเล่าเรื่องท่ีตนกระสันอยากจะสึกให้โยมแ ม่ ฟั ง
ทงั้ หมดอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบงั อาพราง
โยมแม่ผูเ้ ป็นอุบาสิกามีศรทั ธาม่ันคงในพระพุทธศาสนา พอได้
ทราบสาเหตทุ ่ีสามเณรอยากจะสึก ก็พยายามเกลีย้ กลอ่ มสามเณร แสดง
ชาดกวา่ ดว้ ยเรื่องผๆี | ๘
โทษในการอยู่เป็นฆราวาส ยกเหตุผลต่าง ๆ นานา มาชีแ้ จงเพ่ือให้
สามเณรเปลี่ยนใจ แต่ก็ไม่สามารถทาใหส้ ามเณรเห็นคลอ้ ยตามได้ ถึง
กระนนั้ เธอกไ็ มแ่ สดงอาการผดิ หวงั หรืออารมณเ์ สยี โกรธเกรีย้ วดา่ ทอหรือ
ผลกั ไสไล่ส่งสามเณรแต่อย่างใด ดว้ ยคิดในใจว่า “ลูกเณรของเรา บวช
ตงั้ แต่ยงั เป็นเด็ก ศกึ ษาอบรมธรรมะมานาน ปลอ่ ยเวลาไวส้ กั พกั คงคิดได้
เองแหละ”
เม่อื คดิ เช่นนี้ เธอจึงจดั หาท่นี ่งั มาถวายพรอ้ มกบั กลา่ วว่า “พ่อเณร
น่งั อย่ตู รงนีใ้ หส้ บายใจก่อนนะ เด่ยี วโยมแม่จะไปทาอาหารมาถวาย เม่อื
พ่อเณรฉันเสร็จแลว้ ก็จะหาผา้ ใหม่มาให้ผลดั เปล่ียนดว้ ย” พดู เสร็จก็เดิน
เขา้ ไปในครวั สกั ครู่ก็เดินออกมาพรอ้ มกบั นา้ ปานะและของเคีย้ วเล็ก ๆ
นอ้ ย ๆ เพ่ือใหส้ ามเณรฉันรองทอ้ งไปก่อน จากนนั้ ก็เขา้ ไปในครวั อีกครง้ั
เพ่อื จดั เตรียมอาหารมือ้ หลกั ตอ่ ไป
ผโี ยมแม่สิงร่างสามเณร
ขณะท่ีแม่บังเกิดเกล้าในโลกปัจจุบันกาลังซาวข้าวจัดเตรียม
อาหารอยู่นนั้ นางยกั ษิณีแม่ในอดีตชาติก็กาลงั คิดถึงสามเณรสานุดว้ ย
ความเป็นห่วงอยู่เช่นกันว่า “ตอนนี้สามเณรอยู่ท่ีไหน มีอาหารฉัน
เพียงพอหรือเปล่าหนอ” แต่เม่ือทราบว่า ขณะนีส้ ามเณรน่งั อย่ทู ่ีบา้ นโยม
๙ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
แม่ท่ีเป็นอบุ าสิกาและกระสันอยากจะสึกออกมาใชช้ ีวิตอย่างฆราวาสมี
เมียมีลูกเช่นคนท่วั ไป นางถึงกับตกใจและคิดกงั วลว่า “ถา้ สามเณรสึก
ออกไปจรงิ ๆ เราจะเอาหนา้ ไปไวไ้ หน เวลาอย่กู บั เพ่อื นเทวดาดว้ ยกนั ถา้
พวกเขาถามถึงสามเณร เราจะตอบพวกเขาอย่างไรดี ถา้ จะใหต้ อบตาม
ตรงว่า สามเณรสกึ ออกไปมีเมียมีลกู แลว้ เพราะความกระสนั ไมส่ ามารถ
หกั หา้ มใจจากกามตณั หา เอาชนะกิเลสภายในไม่ได้ เราจะรูส้ ึกอับอาย
แค่ไหน ความเคารพนับถือท่ีพวกเขาเคยมีใหจ้ ะตอ้ งมลายหายสิน้ ไป
อย่างแน่นอน ไม่ได้การแล้วงานนี้ เราจะตอ้ งไปหยุดยั้งการสึกของ
สามเณรใหไ้ ด”้
นางยกั ษิณีคิดดงั นนั้ จึงเหาะตรงด่ิงมาท่ีบา้ นอบุ าสิกาแลว้ เขา้ สิง
รา่ งสามเณรทนั ที ขณะนนั้ สามเณรกาลงั น่งั ดื่มยาคทู ่ีโยมแม่ถวายอยู่บน
ต่งั ก็แสดงอาการเหมือนกบั คนถกู บิดคออย่างแรงลม้ กลิง้ ลงบนพนื้ ดินดนิ้
ทุรนทุรายไปมา ตาทงั้ สองขา้ งเหลือกถลนแดงกล่าไม่กะพริบ ดูน่ากลวั
มาก นา้ ลายไหลฟูมปาก ส่งเสียงรอ้ งคร่าครวญออกมาคลา้ ยคนไดร้ บั
ความเจ็บปวดอยา่ งแสนสาหสั
อุบาสิกาเห็นลูกเณรแสดงอาการแปลกๆ เช่นนัน้ ก็รีบว่ิงเขา้ มา
ชอ้ นร่างลกู เณรใหน้ อนบนตกั ดว้ ยความตกใจ โดยไม่ทนั ยงั้ คิดว่า ผทู้ ่ีนอน
ชาดกวา่ ดว้ ยเรอ่ื งผีๆ | ๑๐
บนตกั ของตนขณะนีค้ ือสามเณร เพ่ือนบา้ นใกลเ้ คียงไดย้ ินเสียงดงั เอะอะ
โวยวายก็เขา้ มามงุ ดูว่าเกิดอะไรขึน้ และใหค้ วามช่วยเหลือเท่าท่ีสามารถ
ทาได้ ชาวบา้ นหลายคนเช่ือว่า อาการเช่นนีเ้ ป็นลกั ษณะของคนถูกผีเขา้
สิง ก็พากนั ทาพลีกรรมบูชาดว้ ยเครื่องเซ่นสงั เวยต่าง ๆ เพ่ือใหผ้ ีพอใจจะ
ไดอ้ อกจากร่างสามเณร แต่ไม่ว่าจะใชว้ ิธีไหนก็ยังไม่สามารถไลผ่ ีออกไป
ได้
เวลาผ่านไปไดส้ กั พัก อบุ าสิกาโยมแม่ของสามเณร ผูเ้ ขา้ วดั ฟัง
ธรรมรกั ษาอโุ บสถศีลมาโดยตลอด และเป็นผมู้ ีความรูใ้ นหลกั คาสอนทาง
พระพทุ ธศาสนาดีคนหนึง่ ตอนนที้ ราบแลว้ วา่ ผทู้ ่สี ิงรา่ งสามเณรอย่ขู ณะนี้
คือนางยกั ษิณีน่นั เอง จึงกลา่ วทานองตดั พอ้ ตอ่ วา่ ต่อขานนางยกั ษิณีว่า
“ขา้ พเจา้ ไดฟ้ ังคาของพระอรหันต์ทงั้ หลายกล่าวว่า พวกยกั ษ์
ย่อมไม่เล่นหยอกลอ้ กบั คนผูร้ กั ษาศีลอโุ บสถ ผูป้ ระพฤตพิ รหมจรรย์ แต่
ทาไมวนั นี้ จงึ เหน็ ยกั ษ์มาเลน่ หยอกลอ้ กบั สานสุ ามเณรเลา่ ”
นางยกั ษิณีท่สี งิ รา่ งสามเณรอย่กู ลา่ วตอบวา่
“ท่ไี ดฟ้ ังมานนั้ ถกู ตอ้ งแลว้ ท่านอบุ าสิกา”
พรอ้ มกบั กลา่ วฝากเตอื นสามเณรว่า
๑๑ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
“ท่านอบุ าสิกา เม่ือสามเณรรูส้ ึกตวั ขึน้ มา ขอใหท้ ่านช่วยบอกคา
ของยกั ษใ์ หส้ ามเณรทราบดว้ ยวา่
“คนทที่ าบาปกรรมไม่ว่าในทลี่ ับหรอื ในที่แจ้ง แม้ว่าจะเหาะเหิน
เดินอากาศไปได้เหมอื นนก กไ็ ม่สามารถทีจ่ ะหลุดพ้นจากทุกขไ์ ด้
ขอให้สามเณรตระหนักในเรื่องนีใ้ ห้ดี”
กลา่ วเสรจ็ นางยกั ษิณีก็ออกจากรา่ งสามเณรเหาะขนึ้ ไปในอากาศ
หายตวั ไปทนั ที
ฝ่ ายสามเณรเร่ิมรูส้ ึกตัว ลืมตาขึน้ มาเห็นโยมแม่กาลังรอ้ งให้
สะอึกสะอืน้ นา้ ตาไหลพรากอยู่ มีชาวบา้ นมงุ ดูอย่รู อบ ๆ เต็มไปหมด ยงั
ไมร่ ูว้ า่ ตวั เองถกู ผเี ขา้ สงิ นกึ เอะใจวา่
“เอะ๊ ! กอ่ นหนา้ นนั้ ไม่นาน เราน่งั ดมื่ ยาคอู ย่บู นต่งั โยมแมก่ ็กาลงั
ซาวขา้ วไม่ห่างไกลจากเรานกั แต่ทาไมตอนนีเ้ ราลงมานอนอย่บู นพืน้ ดิน
หวั หนุนตกั โยมแม่อยู่ แถมยงั มีชาวบา้ นมามงุ ดกู นั มากมาย เกิดอะไรขนึ้
หรอื น่”ี จึงถามโยมแมท่ ่กี าลงั รอ้ งใหอ้ ยดู่ ว้ ยความสงสยั ว่า
“โยม ปกตคิ นมกั จะรอ้ งใหถ้ งึ คนรกั ทตี่ ายไปแลว้ หรือมชี ีวิตอยู่แต่
หาตวั ไม่พบเท่านนั้ แต่ทาไมโยมแม่จึงรอ้ งใหถ้ งึ อาตมา ทงั้ ๆ ทอี่ าตมาก็
ยงั มีชวี ติ และอยตู่ รงหนา้ น”ี้
ชาดกวา่ ดว้ ยเรือ่ งผๆี | ๑๒
หลงั จากเลา่ เหตกุ ารณท์ ่ีเกิดขึน้ ใหฟ้ ังแลว้ โยมแม่เห็นเป็นโอกาส
เหมาะท่ีจะชีใ้ หส้ ามเณรเห็นโทษในการกลับมาสึกของคนผูอ้ อกบวชละ
วตั ถกุ ามและกเิ ลสกามไดแ้ ลว้ จึงกลา่ วว่า
“พ่อเณรพูดถูกแลว้ ที่ว่า คนมกั จะรอ้ งใหถ้ ึงคนรักที่ตายไปแลว้
หรือมีชีวิตอยู่แต่หาตวั ไม่พบ แต่มีคนอกี ประเภทหน่ึงทนี่ ่ารอ้ งใหต้ าม น่นั
คือคนทีล่ ะกามทงั้ หลายไดแ้ ลว้ แต่ยงั กลบั เวียนมาหากามอีก เพราะคน
เช่นนมี้ ชี วี ติ อย่กู ็เหมอื นคนตายแลว้ น่นั เอง”
เธอยกตวั อย่างเปรียบเทียบแสดงใหส้ ามเณรเห็นโทษในการอยู่
ครองเรอื นเพมิ่ อีกวา่
“พอ่ เณร การอยคู่ รองเรือนกเ็ หมือนกบั เถา้ รึงและเหวน่นั เอง พอ่
เณรละการอยู่ครองเรือนซ่ึงเป็นเหมือนเถา้ รงึ และเหวไดแ้ ลว้ ยงั ปรารถนา
จะกลับมาตกเถา้ รึงและเหวอีกหรือ? โยมแม่พาพ่อเณรไปบวชใน
พระพทุ ธศาสนาตงั้ แต่เด็ก ก็เพอื่ ใหศ้ ึกษาอบรมธรรมะจะไดเ้ ขา้ ใจถึง
สจั ธรรมของชวี ติ สามารถหลดุ พน้ จากทกุ ข์ได้ พอ่ เณรรูต้ วั ไหมว่า พอ่ เณร
ก็เป็ นเหมือนส่ิงของที่โยมแม่ยกออกจากเรือนที่ถูกไฟไหม้แล้ว ยัง
ปรารถนาทจี่ ะกลบั มาเร่ารอ้ นในเพศฆราวาสอกี หรือ”
๑๓ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
สามเณรสานึกได้ กลบั ใจไมส่ ึก
อุบาสิกาพูดไปรอ้ งใหไ้ ปดว้ ยเสียงคร่าครวญ สามเณรมองเห็น
หยดนา้ ตาของแม่บงั เกิดเกลา้ ไหลพรากออกมาจากนัยนต์ า รูส้ กึ สะเทือน
ใจเป็นอย่างยิง่ ไม่นกึ วา่ ตนเองจะทาใหแ้ มเ่ สียใจขนาดนี้ ความสานกึ ฝ่าย
ดเี ร่มิ มีพลงั ขึน้ มาขบั ไลค่ วามรูส้ ึกฝ่ายต่า พิจารณาคาพดู ของแม่ดว้ ยจิตใจ
ท่สี งบแลว้ กาหนดไดว้ ่า “ทกุ อย่างท่ีโยมแมพ่ ดู มาลว้ นเป็นจรงิ ทงั้ นนั้ ท่เี รา
มีความกระสนั อยากสึกก็เพราะตกอย่ภู ายใตอ้ านาจของกิเลสตณั หา ถกู
พญามารเขา้ ครอบงา ไม่รูจ้ ักควบคมุ จิตใจตนเองใหด้ ี ปล่อยใหล้ ่องลอย
ไปตามอารมณท์ ่ีเขา้ มากระทบ จึงมีสภาพเป็นเช่นนี้ ตอนนีเ้ ราตงั้ สติได้
แลว้ จะไม่ยอมตกอย่ภู ายใตอ้ านาจของกิเลสอีกต่อไป เราจะตอ้ งเอาชนะ
มนั ใหไ้ ด”้
สามเณรกาหนดไดเ้ ช่นนนั้ จงึ เอ่ยปากพดู กบั โยมมารดาวา่
“โยมแมจ่ ๊ะ อาตมาไม่มคี วามตอ้ งการจะสึกไปเป็ น
ฆราวาสแล้ว”
นางอบุ าสิกาไดย้ ินลกู เณรพดู เช่นนนั้ เหมือนกบั ยกภูเขาออกจาก
อก เธอถึงกับหล่งั นา้ ตาออกมาโดยไม่รูส้ ึกตัว แต่คราวนีเ้ ป็นนา้ ตาแห่ง
ความปลาบปลืม้ ใจท่ีมีต่อลูกเณร พรอ้ มกับเปล่งอุทานขึน้ มาดังๆ ดว้ ย
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่อื งผีๆ | ๑๔
ความดีใจว่า “สาธุจ๊ะ พ่อเณร” แลว้ เขา้ ไปในครวั จัดหาอาหารรสประณีต
มาใหส้ ามเณรฉนั อยา่ งสบายใจ
เม่ือสามเณรฉันเสร็จแลว้ เธอเอ่ยปากถามว่า “ตอนนี้พ่อเณร
อายุครบ ๒๐ ปีหรือยัง” ทราบว่าสามเณรมีอายุครบ ๒๐ ปีแล้ว จึง
จดั เตรียมอฏั ฐบรขิ ารพาสามเณรไปอปุ สมบทเป็นพระภกิ ษุต่อไป
หลงั จากอปุ สมบทเป็นภิกษุไดไ้ ม่นาน พระสานุไดเ้ ดินทางไปเขา้
เฝา้ พระพทุ ธเจา้ พระองคไ์ ดป้ ระทานโอวาทในการขม่ ใจแก่ทา่ นว่า
“ธรรมดาจติ ของคนเรานมี้ กั จะเท่ียวไปในอารมณต์ ่าง ๆ
ตลอดกาลนาน คนท่ไี ม่รูจ้ กั ข่มใจยอ่ มหาความสวสั ดไี มไ่ ด้
เพราะฉะนนั้ จงึ ควรทาความเพียรในการข่มใจ เหมือนนายควาญ
ชา้ งพยายามขม่ ชา้ งท่ีตกมนั ดว้ ยขอฉะนนั้ ”
พระคาถาสาหรับข่มใจ
อิทงั ปเุ ร จิตตะมะจาริ จารกิ งั
เยนิจฉะกงั ยตั ถะกามงั ยะถาสขุ งั
ตะทชั ชะหงั นิคคะเหสสามิ โยนโิ ส
หตั ถิปปะภินนงั วยิ ะ องั กสุ คั คะโห ฯ
“เม่อื ก่อน จติ นไี้ ดเ้ ท่ยี วจารกิ ไป ตามอาการท่ีปรารถนา
๑๕ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ตามอารมณท์ ่ใี คร่ (และ) ตามสบาย วนั นี้ เราจกั ขม่ มนั
ดว้ ยโยนิโสมนสิการ ประหนงึ่ นายควาญชา้ งใชข้ อข่มชา้ งท่ีตกมนั
ฉะนนั้ ”
ขอประพันธเ์ ป็ นคากลอนว่า:-
ก่อนหนา้ นจี้ ิตเท่ยี วไปตามใจชอบ
เราก็หมอบยอมสยบไมข่ ดั ขืน
ปลอ่ ยใหจ้ ิตเท่ียวไปไรจ้ ดุ ยนื
จิตจงึ ลนื่ ไหลไปตามตอ้ งการ
มาวนั นจี้ กั ข่มใจใหต้ รงจดุ
ไมใ่ หห้ ลดุ ลอ่ งลอยไปทางไหน
ใชโ้ ยนโิ สมนสิการควบคมุ ใจ
ใหห้ ่างไกลกิเลสเหตวุ นุ่ วาย
ประหน่ึงนายควาญชา้ งใชข้ อสบั
บงั คบั ชา้ งทาตามท่ปี ระสงค์
แมต้ กมนั พลกุ พลา่ นก็ข่มลง
เจตจานงสาเรจ็ ตามหมายปอง
ชาดกวา่ ดว้ ยเรอ่ื งผๆี | ๑๖
ท่านพระสานไุ ดป้ ฏบิ ตั ติ ามพระพทุ ธโอวาทนอี้ ย่างเครง่ ครดั หม่นั
เจริญกรรมฐานภาวนา ต่อมาไม่นานก็ไดบ้ รรลเุ ป็นพระอรหนั ต์ ในคมั ภีร์
ระบวุ ่า ท่านเป็นผแู้ ตกฉานในพระธรรมวินยั เป็นพระธรรมกถกึ ผเู้ ช่ียวชาญ
และเป็นกาลงั สาคัญในการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา มีอายยุ ืนยาวถึง ๑๒๐
ปี กอ่ นจะปรนิ พิ พาน
๑๗ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
๒.
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่ืองผีๆ | ๑๘
๑๙ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่อื งผๆี | ๒๐
๒
ลูกชายตายไปเป็ นเทพบตุ ร
สุดยอดกตัญญู กลับมาชสู ัจธรรมใหพ้ ่อไดค้ ดิ
ความเจ็บไขไ้ ดป้ ่ วยเป็นสิ่งท่ีไม่มีใครปรารถนาตอ้ งการ แต่เป็นส่ิง
ท่ีหลีกเล่ียง ไ ด้ยาก สามารถท่ีจะเกิดขึ้นไ ด้แก่ทุกๆ คน ทาง
พระพทุ ธศาสนาถือว่าความเจ็บไขไ้ ดป้ ่วยนเี้ ป็นสงิ่ ธรรมดาของชีวิต คอื ทกุ
ชีวิตท่ีเกิดมาบนโลกใบนีล้ ้วนต้องเผชิญกับสภาพความเจ็บไข้ได้ป่ วย
ดว้ ยกนั ทงั้ นนั้ ไม่มากก็นอ้ ย สิ่งท่ีมาพรอ้ มกบั ความเจ็บไขไ้ ดป้ ่ วยก็คือการ
รกั ษาพยาบาล แน่นอนว่าการรกั ษาพยาบาลนนั้ จะตอ้ งมีค่าใชจ้ ่าย มาก
๒๑ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
บา้ งนอ้ ยบา้ งตามอาการของโรค ถา้ เป็นหนกั รกั ษายาก ค่ารกั ษาก็แพง
ถา้ เป็นเบารกั ษางา่ ย ค่ารกั ษาก็ถกู
โรคท่ีทาใหค้ นเราเจ็บไขไ้ ดป้ ่ วยจนตอ้ งรกั ษาพยาบาลนั้น อาจ
แบ่งไดเ้ ป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆ คอื
๑. โรคบางอย่าง จะรกั ษาหรือไมร่ กั ษากห็ าย
๒. โรคบางอยา่ ง รกั ษาจึงหาย ไม่รกั ษาไมห่ าย
๓. โรคบางอยา่ ง จะรกั ษาหรอื ไมร่ กั ษาก็ไม่หาย
เม่อื โรคภยั ไขเ้ จบ็ เกิดขนึ้ แก่ตวั เราหรอื บุคคลท่เี รารกั ไม่วา่ จะตอ้ ง
เสียค่าใชจ้ ่ายแพงขนาดไหน เราก็พรอ้ มท่ีจะจ่าย เพราะชีวิตย่อมสาคัญ
กว่าทรพั ยส์ ินเงนิ ทองหรือสง่ิ อ่นื ใดทงั้ หมด ถา้ อาการของโรคเป็นหนกั ตอ้ ง
เสียค่าใชจ้ ่ายแพงมาก เงินท่ีมีอยู่ไม่เพียงพอ บางคนถึงขนาดตอ้ งขายท่ี
หรือส่ิงของลา้ ค่าท่ีมีอยู่เพ่ือนามาเป็นค่ารักษาก็ยอม เพ่ือรกั ษาชีวิตไว้
แต่ความคิดดังกล่าวนีไ้ ม่สามารถใชไ้ ดก้ ับคณุ ลงุ พราหมณ์ท่ีจะกล่าวถึง
ต่อไปนี้
ชาดกวา่ ดว้ ยเรอ่ื งผๆี | ๒๒
ทงั้ พอ่ ทงั้ ลูกถูกต้งั ฉายา
คณุ ลุงพราหมณท์ ่านนี้ ไม่มีช่ือปรากฏในคมั ภีรเ์ ป็นท่ีแน่นอนว่า
ช่ืออะไร มีแตฉ่ ายานามท่ชี าวบา้ นตงั้ ใหว้ า่ “อทนิ นะปุพพกะ” แปลว่า “ผู้
ไม่เคยให้อะไรแก่ใคร” ฉายานีไ้ ม่ไดม้ าเพราะโชคช่วย แต่ชาวบ้าน
พิจารณาจากคณุ สมบตั ิท่ีคณุ ลงุ แกมีอย่นู ่นั เอง เพราะแกเป็นคนประหยดั
มัธยัสถ์เอามากๆ ไม่เคยบริจาคส่ิงของอะไรให้แก่ผู้อ่ืนเลย เวลามี
ชาวบา้ นมาบอกบญุ หรือขอความช่วยเหลือ แกก็จะบอกปฏิเสธหรือหาวิธี
หลีกเลยี่ งไดต้ ลอด อย่าวา่ แต่ใหค้ นอ่นื เลย แมแ้ ตจ่ ะใชจ้ ่ายเพ่ือตนเองหรือ
ครอบครวั แกก็คิดแลว้ คิดอีก ไม่ยอมเสียเงินซือ้ อะไรง่ายๆ เรียกว่าเงิน
เขา้ มาหาคณุ ลุงแลว้ ออกไปไดย้ าก เพราะความประหยดั ขนั้ สดุ ยอดของ
แกน่เี อง จงึ ทาใหแ้ กมฐี านะคอ่ นขา้ งรา่ รวยคนหน่งึ ทีเดยี วในหมบู่ า้ นนนั้
ครอบครวั ของคณุ ลงุ มีอย่ดู ว้ ยกนั สามชีวิตคือ คณุ ลงุ ภรรยาคณุ
ลงุ และบุตรชาย แมว้ ่าคณุ ลงุ จะเป็นคนประหยดั มธั ยสั ถอ์ ย่างนี้ แกก็เป็น
คนรกั ครอบครวั แต่เป็นความรกั แบบประหยดั ๆ ครง้ั หนึ่ง ลูกชายของ
แกไปเลน่ กบั เพ่ือนๆ ท่เี ป็นเดก็ ดว้ ยกนั เหน็ เด็กเหลา่ นนั้ มเี ครื่องประดบั ใส่
กนั ในสว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย ท่มี อื บา้ ง ท่เี ทา้ บาง ท่คี อบา้ ง มองดสู วยงาม
ดีก็อยากจะมีใส่บา้ ง จึงกลบั มาบอกพ่อ ดว้ ยความรกั ท่ีมีต่อลูก คณุ ลงุ
๒๓ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
จึงคิดจะทาตมุ้ หูทองคาใหล้ กู ชายใส่บา้ ง แต่แทนท่ีจะไปจา้ งช่างทองทา
เพ่อื ใหต้ มุ้ หอู อกมาดสู วยงาม แกกลบั เป็นผทู้ าเสียเอง เพราะไม่อยากเสีย
เงินค่าจา้ งทาใหแ้ ก่ช่างทอง ผลงานออกมาจึงกลายเป็นแค่ตมุ้ หูเกลีย้ งๆ
ไม่มีลวดลายอะไรมาก ถึงกระนนั้ ลกู ชายของแกก็ใส่ตมุ้ หูนนั้ ดว้ ยความ
ภาคภมู ใิ จ เพราะเป็นส่ิงท่พี ่อเป็นคนทาให้
เพ่ือนๆ เห็นตมุ้ หูเกลีย้ งๆ ท่ีลกู ชายแกใส่มาเล่น ดแู ปลกตาดี ก็
เขา้ มาถามดว้ ยความสนใจว่า “นายซอื้ ตมุ้ หนู มี้ าจากไหนวะ” ลกู ชายแกก็
ตอบดว้ ยความภาคภมู ิใจว่า “ไม่ไดซ้ ือ้ มาจากไหนหรอก น่ีคือ Made by
my dad (คุณพ่อทาให้ข้าเองจ้า)” และด้วยเคร่ืองประดับอันเป็น
เอกลักษณเ์ ฉพาะตัวไม่เหมือนใครน่ีเอง ลูกชายแกจึงปรากฏช่ือในหมู่
เพ่อื นๆ วา่ “มฏั ฐกุณฑล”ี แปลว่า “นายตุ้มหูเกลยี้ ง”
ประหยดั เกนิ ไป เป็ นเหตใุ ห้ลกู ชายตอ้ งเสยี ชีวิต
เดก็ ชายมฏั ฐกณุ ฑลเี จรญิ เติบโตมาตามลาดบั ดว้ ยการเลีย้ งดขู อง
ลงุ พราหมณแ์ ละภรรยา สขุ บา้ งทุกขบ์ า้ งตามอตั ภาพ จนกระท่งั อายุ ๑๖
ปี ย่างเขา้ สวู่ ยั รุ่น สิ่งท่ีไม่อยากใหเ้ กิดก็เกิดขึน้ กบั ครอบครวั ของคณุ ลุง
จนได้ น่นั คือนายมฏั ฐกณุ ฑลปี ่ วยเป็นโรคผอมเหลอื ง (คลา้ ยดีซ่าน) คือมี
ชาดกวา่ ดว้ ยเรือ่ งผีๆ | ๒๔
รา่ งกายผ่ายผอม ซูบซดี ตวั เหลือง ออ่ นเพลยี ไม่มกี าลงั และอาการก็แยล่ ง
ทกุ วนั
ภรรยาแกเห็นอาการของลกู ชายแลว้ รูส้ ึกสงสารจบั ใจ จึงปรกึ ษา
กบั ลงุ พราหมณว์ า่
“พ่อ ลูกชายของเราป่ วย น่ีผ่านมาหลายวันแลว้ อาการยังไม่ดี
ขนึ้ เลย เรานา่ จะหาหมอมารกั ษาลกู นะ”
ดว้ ยอุปนิสยั ประหยัดมธั ยสั ถ์ คณุ ลงุ จึงตอบภรรยาว่า “แม่ ถา้
เรานาหมอมารกั ษาท่ีบา้ น ตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่ายเยอะนะ แบบนีส้ ิน้ เปลือง
มากไป”
ภรรยา “ แลว้ เราจะทายงั ไงดหี ละ พ่อ”
ลงุ พราหมณ์ “เอาอย่างนี้ ฉันจะไปหาหมอแลว้ ถามวิธีการรกั ษา
กับพวกเขาว่า ถ้าเป็นโรคชนิดนี้ต้องใช้ยาสมุนไพรอะไร แล้วนามา
ประกอบเอง อย่างนนี้ ่าจะลดคา่ ใชจ้ ่ายไดเ้ ยอะทีเดยี ว”
ทัง้ สองผัวเมียตกลงกันไดด้ ังนัน้ ก็ใหล้ ุงพราหมณไ์ ปตามสานกั
หมอตา่ ง ๆ เพ่อื ถามวิธีการปรุงยารกั ษาโรคผอมเหลือง คณุ หมอเหลา่ นนั้
ก็ใจดีเหลือเกินบอกสมนุ ไพรแก่ลงุ พราหมณโ์ ดยไม่ปิดบงั อาพราง พอได้
สตู รมา ลงุ ก็ลงมือประกอบยาตามท่ีหมอบอกทุกอย่าง แต่ดว้ ยความไม่
๒๕ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ชานาญ อาจจะใสส่ ว่ นประกอบปรุงยาเกินขนาดหรือขาดอะไรไปสกั อย่าง
กไ็ ม่อาจทราบได้ ปรากฏวา่ เม่อื นาไปใหล้ กู ชายกิน แทนท่จี ะดขี นึ้ อาการ
กลบั ทรุดหนกั ลงเรอื่ ย ๆ จนกระท่งั ไมส่ ามารถเยียวยาใหห้ ายได้
มาถึงช่วงนี้ นายมฏั ฐกณุ ฑลีนอนแผ่อยู่บนท่ีนอน หายใจโรยริน
แผ่วเบา ไม่มีเรี่ยวแรง ขยับตัวแทบไม่ได้ วาระสุดทา้ ยแห่งชีวิตเร่ิมย่าง
กรายเขา้ มาแลว้ มารดามองดูลูกชายดว้ ยความรูส้ ึกเศรา้ สรอ้ ยห่อเห่ียว
หยดนา้ ตาแห่งความสงสารไหลออกมาเองโดยอัตโนมัติ แมจ้ ะรูช้ ะตา
กรรมขา้ งหนา้ ดีว่าจะเกิดอะไรขึน้ แต่ตราบใดท่ีลกู ยงั หายใจอย่เู ธอก็ยังมี
ความหวงั ไม่อาจทนเห็นลกู ตายไปต่อหนา้ ต่อตาโดยท่ีไม่ไดท้ าอะไรเลย
จึงพดู ขอรอ้ งใหล้ ุงพราหมณ์ไปตามหมอผูเ้ ช่ียวชาญดา้ นโรคผอมเหลือง
มารกั ษาลกู ชายอีกครง้ั
ลุงพราหมณอ์ ทินนะปพุ พกะ แมจ้ ะประหยดั มธั ยสั ถอ์ ย่างไร แต่
ไม่อาจขดั ใจภรรยาได้ จึงไปตามหมอมาคนหนึ่งเพ่ือรกั ษาลูกชาย แต่...
อนิจจา! ชา้ ไปเสียแลว้ หมอมองดูอาการ ทราบทันทีว่า โรคกาเริบ
ขนาดนี้ คงไม่สามารถท่ีจะรกั ษาใหห้ ายไดแ้ ลว้ แต่ไม่อยากจะบอกแก่ลุง
พราหมณ์ตามตรง จึงพูดทานองบ่ายเบี่ยงว่ามีธุระสาคัญบางอย่างท่ี
ชาดกวา่ ดว้ ยเรื่องผีๆ | ๒๖
จะต้องทาอย่างรีบด่วน ไม่มีเวลารกั ษา ขอใหล้ ุงพราหมณ์ไปหาหมอ
ผเู้ ช่ียวชาญทา่ นอ่นื มารกั ษาแทนเถอะ แลว้ กบ็ อกลาลงุ พราหมณก์ ลบั ไป
ดว้ ยท่าทขี องหมอท่แี สดงออก ลงุ พราหมณอ์ ทินนะปพุ พกะทราบ
ทันทีว่าอาการของโรคไม่สามารถรกั ษาไดแ้ ลว้ อีกไม่นานลกู ชายก็คงจะ
เสียชีวิตลง แมจ้ ะอยู่ในสถานการณแ์ ห่งความหดหู่ใจเช่นนี้ แต่ความคิด
บางอยา่ งก็เกดิ ขนึ้ กบั แกวา่
“เรามีทรพั ยส์ มบตั ิมากมายซ่อนอยู่ภายในตวั บา้ น ลูกชายเราก็
ป่ วยหนักจวนจะเสียชีวิตแลว้ ถ้าญาติพ่ีนอ้ งหรือเพ่ือนบา้ นมาเย่ียมลูก
ชายเราขา้ งในตวั บา้ น ก็จะเห็นทรพั ยส์ มบตั ิท่ีเราเก็บไว้ ถา้ คนพวกนีเ้ ห็น
แลว้ คงจะตอ้ งขอหยบิ ยมื ไปใชแ้ น่นอน เราจะตอบปฏิเสธอยา่ งไรด”ี
ฉะนั้น เพ่ือป้องกันไม่ใหใ้ ครเห็นทรพั ย์สมบัติมากมายท่ีเก็บอยู่
ภายในตัวบา้ น คุณลุงก็เลยนาร่างลูกชายท่ีกาลังป่ วยหนักออกมาไว้ท่ี
ระเบียงนอกบา้ น คนเดนิ ผ่านไปผา่ นมา กส็ ามารถท่จี ะมองเหน็ ได้
ทาจติ เลือ่ มใสในองคพ์ ระพทุ ธ ตายไปเป็ นเทพบตุ รในสวรรค์
ในแต่ละวนั พระพทุ ธองค์จะทรงดาเนนิ พทุ ธกิจเพือ่ ประโยชน์แก่
ผอู้ นื่ เป็นประจา ๕ อย่าง คอื
๑. เวลาเชา้ เสดจ็ บณิ ฑบาตโปรดสตั ว์
๒๗ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
๒. เวลาเยน็ แสดงธรรมแกป่ ระชาชน
๓. เวลาพลบค่า ประทานโอวาทแกพ่ ระภกิ ษุ
๔. เวลากลางคนื ตอบปญั หาเทวดาทมี่ าเขา้ เฝา้
๕. เวลาใกลส้ วา่ ง ตรวจดูเวไนยสตั วผ์ มู้ ีคณุ สมบตั ิ
เหมาะสมทพี่ ระองคจ์ ะเสดจ็ ไปโปรด
ใกล้สว่างของวันนั้น พระพุทธองค์ทรงตรวจดูผู้มีคุณสมบัติ
เหมาะสมท่ีจะเสด็จไปโปรด หนุ่มน้อยมัฏฐกุณลีเขา้ ไปในข่ายแห่งพระ
ญาณ ทรงพจิ ารณาเหน็ วา่ “มฏั ฐกณุ ฑลนี ีเ้ ป็นผไู้ ดส้ ่งั สมบญุ บารมแี ละตงั้
ความปรารถนาไว้ ถงึ คราวท่จี ะไดร้ บั ผลวเิ ศษบางอย่างก่อนเสียชวี ิต ตอน
นีม้ ัฏฐกุณฑลีนอนป่ วยหนักอยู่ท่ีระเบียงภายนอกบา้ น เม่ือเราไปท่ีน่ัน
เขาจะทาจิตใหเ้ ลื่อมใสในเราก่อนตายไปบงั เกิดเป็นเทพบุตรเสวยสุขใน
สวรรคช์ ั้นดาวดึงส์ และจะกลับมาชูสัจธรรมใหพ้ ่อไดค้ ิดเปลี่ยนจิตจาก
มิจฉาทิฏฐิเป็นสมั มาทิฏฐิ นบั ถือพระรตั นตรยั เป็นท่พี ง่ึ ”
หลงั จากทรงพิจารณาเห็นเชน่ นี้ รุง่ เชา้ วนั นนั้ พระองคก์ ็เสด็จเขา้
ไปบณิ ฑบาตตามเสน้ ทางท่ีผ่านหนา้ บา้ นของลงุ พราหมณอ์ ทินนะปพุ พกะ
ซ่งึ ตงั้ อย่ทู ่ีตวั เมอื งสาวตั ถี ขณะนนั้ มฏั ฐกณุ ฑลีนอนหนั หนา้ เขา้ ไปขา้ งใน
ตัวบา้ น จึงมองไม่เห็นพระพุทธเจา้ เสด็จมา พระองคท์ รงเปล่งพระรัศมี
ชาดกวา่ ดว้ ยเรอ่ื งผๆี | ๒๘
วาบหน่ึงเขา้ ไปภายในตวั บา้ นเพ่ือใหม้ ฏั ฐกณุ ฑลีสามารถมองเห็นได้ เขา
สงสยั ว่า “น่ีแสงสว่างอะไรหนอ” ดว้ ยความอยากรู้ จึงพยายามรวบรวม
เร่ียวแรงทงั้ หมดท่ีมีค่อยๆ พลิกกายหันหนา้ กลบั มาดนู อกบา้ น ทราบว่า
“แสงสว่างท่ีเจิดจรสั เขา้ มาภายในตวั บา้ น คอื พระพทุ ธรศั มีน่ีเอง”
มัฏฐกุณฑลีมีทั้งอารมณด์ ีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน คิดว่า
“ตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมา เราไม่เคยไดเ้ ขา้ เฝ้าพระพทุ ธเจา้ ไม่เคยฟัง
ธรรม ไม่เคยทาบญุ อะไรเลย เพราะมีพ่อเป็นมิจฉาทฏิ ฐิ เขลาเบาปัญญา
เป็นโชคดีของเราแทท้ ่ีตอนนีพ้ ระพุทธองคเ์ สด็จมาประทับอยู่ตรงหน้าเรา
แต่เรากาลงั ป่วยหนกั ไม่สามารถทาอะไรท่คี วรทาอย่างอ่นื ไดเ้ ลย สง่ิ เดียว
ท่เี ราสามารถทาไดข้ ณะนีค้ ือการทาจิตใหเ้ ลื่อมใสในพระพทุ ธองคเ์ ท่านนั้ ”
จงึ ค่อยๆ ประคองอญั ชลขี นึ้ พนมตงั้ จติ อธิษฐานว่า
“นัตถิ เม สะระณัง อญั ญัง พทุ โธ เม สะระณัง วะรัง,
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ”
“ท่พี ง่ึ อ่นื ของขา้ พเจา้ ไมม่ ี พระพทุ ธเจา้ เป็นท่พี ่งึ อนั ประเสรฐิ ของขา้ พเจา้ ,
ขา้ พเจา้ ขอถงึ พระพทุ ธเจา้ วา่ เป็นท่พี ่งึ ”
พระบรมศาสดา เม่ือทรงทราบว่ามฏั ฐกณุ ฑลีไดท้ าจิตใหเ้ ลื่อมใส
ในพระองคแ์ ลว้ ก็เสด็จหลีกไป พอลับสายตาเท่านัน้ มัฏฐกุณฑลีก็ได้
๒๙ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
เสยี ชีวติ ไปพรอ้ มกบั การทาจิตเล่ือมใสในพระพทุ ธคณุ น่นั เอง ไดไ้ ปบงั เกิด
เป็นเทวดาเสวยทพิ ยสมบตั ิในภพดาวดงึ ส์
พ่อทาใจไม่ได้กบั การจากไปของลูกชาย
ทุกข์ใดจะทุกข์เท่าการพลัดพราก
เม่ือลกู รักจากไปไม่คนื หวน
แสนอาลัยเพ้อหาสุดรัญจวน
ใจป่ันป่ วนครวญถงึ ทุกเวลา
พระบาลที ่วี ่า
“ปิ เยหิ วิปปะโยโค ทุกโข”
“การพลัดพรากจากบคุ คลผู้เป็ นทร่ี ักเป็ นทกุ ข”์
ยงั คงเป็นสจั ธรรมอย่ตู ลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลง หลงั จากจดั งาน
ศพเผารา่ งลกู ชายท่ปี ่าชา้ เสรจ็ แลว้ คณุ ลงุ พราหมณอ์ ทนิ นะปพุ พกะยงั ทา
ใจไม่ไดต้ ่อการจากไปของลูกชายสุดท่ีรกั ในวัยอนั ไม่สมควร ความเศรา้
โศกเสียใจอาลัยอาวรณ์ยังฝังแน่นอยู่ภายในใจ เฝ้าคิดคานึงอยู่แต่ว่า
ทาไมเรื่องรา้ ยๆ อย่างนีต้ อ้ งมาเกิดกับครอบครวั ของแกดว้ ย ยิ่งแกมีลกู
ชายแค่คนเดียว ก็มาด่วนจากไปเสียก่อน คงไม่มีทายาทสืบสกุลแน่ คิด
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่ืองผๆี | ๓๐
แลว้ ก็กลมุ้ ถึงขนาดกินไม่ไดน้ อนไม่หลับ กระส่ายกระสบั อยู่ตลอดเวลา
ทกุ ๆ วนั แกจะรอ้ งใหค้ ร่าครวญไปท่ปี ่าชา้ บ่นเพอ้ ถงึ ลกู ชายว่า
“เจ้าลกู รักคนเดียวของพ่อ เจ้าอย่ทู ไี่ หนตอนนี,้
เจ้าลกู รักคนเดียวของพ่อ เจ้าอย่ทู ีไ่ หนตอนนี้ ....”
คนเดินผ่านไปผ่านมามองเห็นแกพร่าเพอ้ อย่อู ย่างนนั้ นึกว่าเป็น
คนบา้ เสียสติไปแลว้ เป็นท่นี ่าเวทนายงิ่ นกั
ลกู ชายตายไปเป็ นเทพบตุ ร
สุดยอดกตญั ญู กลบั มาชูสจั ธรรมใหพ้ ่อไดค้ ดิ
ตามหลักพระพุทธศาสนาถือว่า มนุษย์ตายไปแล้วเกิดทันที
สว่ นจะเกิดเป็นอะไรก็ขึน้ อยู่กบั กรรมทที่ าไวแ้ ละขณะเสียชีวติ ใจไปผูกพนั
อยู่กบั อะไร เช่น พระติสสะแมจ้ ะเคยไดท้ ากรรมดีมา แต่ขณะมรณภาพ
ใจท่านไปผูกพนั อยู่กบั จีวรจึงไปเกิดเป็นเล็นเกาะติดจีวรของตนก่อน ๗
วนั ในวนั ที่ ๘ จึงไดไ้ ปบงั เกิดในสวรรค์ หรอื แมแ้ ตเ่ รอื่ งพระนางมลั ลกิ าเทวี
ก็มีลกั ษณะเดยี วกนั คอื ไปเสวยผลกรรมช่วั ทที่ าไวใ้ นนรกก่อนไปบงั เกิดใน
สวรรค์ ในกรณขี องมฏั ฐกณุ ฑลีนี้ ทา่ นใชศ้ พั ทบ์ าลีว่า “สตุ ฺตปฺปพทุ โธ วยิ ”
คือเป็นเหมือนหลบั แลว้ ตนื่ ขึน้ ตายไปบงั เกิดเป็นเทพบตุ รเสวยสขุ สมบตั ิ
ในสวรรคช์ นั้ ดาวดงึ สท์ นั ที
๓๑ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
เม่ือไดเ้ สวยสขุ สมบตั ิในสวรรคแ์ บบกะทนั หันเช่นนี้ มฏั ฐกณุ ฑลี
เทพบตุ รนึกแปลกใจว่าตนเองไดส้ มบตั ิเหลา่ นีม้ าไดอ้ ย่างไร เพราะไม่เคย
ทาบุญอะไรเลย พิจารณาดกู ็ทราบว่า ไดส้ มบตั ิเหล่านีม้ าเพราะทาจิตให้
เลื่อมใสในพระพุทธองค์ก่อนเสียชีวิต และคิดว่า “พ่อของเราเป็น
มจิ ฉาทฏิ ฐิประหยดั มธั ยสั ถเ์ กินไป ไม่ยอมเสียเงินจา้ งหมอมาประกอบยา
รักษาเรา จนเราตอ้ งเสียชีวิต แต่พอเราตายจากไป กลับรอ้ งให้คร่า
ครวญถึง เห็นทีเราตอ้ งแกล้งทาใหพ้ ่อเห็นสัจธรรมอะไรบางอย่าง” จึง
จาแลงกายเป็นเหมือนหน่มุ นอ้ ยมฏั ฐกุณฑลีมายืนกอดแขนรอ้ งใหบ้ รเิ วณ
ป่าชา้ ใกลจ้ ดุ ท่ลี งุ พราหมณย์ นื อยู่ เพ่ือใหแ้ กสามารถมองเหน็ ได้
ท่ีป่ าชา้ ตอนนั้น บรรยากาศยามพลบค่า พระอาทิตยเ์ ร่ิมอัสดง
แสงสว่างกาลังจะลาลบั กลับคืนสู่ความมืด บริเวณรอบๆ ป่ าชา้ ดูเงียบ
สงัด ไม่มีคนสญั จรไปมา มีแต่เสียงหมาเห่าหอนรบั กันเป็นทอดๆ ยิ่ง
สรา้ งบรรยากาศให้ดูวังเวงน่ากลัวยิ่งขึน้ ถ้าเป็นยามปกติคงไม่มีใคร
ปรารถนาท่ีจะมาอยู่ในบรรยากาศเช่นนี้ แต่ความเศรา้ โศกเสียใจอาลยั
อาวรณต์ ่อลกู รกั ท่เี พงิ่ จากไป ทาใหค้ ณุ ลงุ ลมื ความกลวั ผีไปเสียสนิทใจ
ขณะท่ีคณุ ลงุ กาลงั รอ้ งใหบ้ น่ เพอ้ หาบตุ รอย่วู ่า
“เจา้ ลกู รักคนเดียวของพ่อ เจา้ อยู่ทไี่ หนตอนนี้ ๆ”
ชาดกวา่ ดว้ ยเรื่องผีๆ | ๓๒
ทนั ใดนนั้ ก็ไดป้ รากฏเงาร่างตะค่มุ ๆ อย่ไู ม่ห่างจากจดุ ท่ีคณุ ลงุ
ยืนอย่มู ากนกั ดลู กั ษณะอาการแลว้ เป็นคนท่กี าลงั อยใู่ นอารมณเ์ ศรา้ โศก
เป็นทุกขเ์ พราะเห็นยืนรอ้ งใหค้ ร่าครวญหาอะไรสักอย่าง คุณลุงใจชืน้
ขนึ้ มานดิ หนึ่ง เจอคนหวั อกเดยี วกนั คงจะปรบั ทกุ ขก์ นั ได้ คดิ ในใจวา่ “เรา
รอ้ งใหถ้ ึงบตุ รท่เี พิง่ ตายจากไป แต่เจา้ คนนนั้ รอ้ งใหห้ าอะไรนะ”
ดว้ ยความสงสยั แกจึงเดินเขา้ ไปหาเพ่ือสอบถาม พอเดินเขา้ มา
ใกลๆ้ แกถึงกับตกตะลึง เพราะคนท่ีกาลงั รอ้ งใหเ้ ศรา้ โศกอยู่ตรงหนา้ นี้
เป็นหน่มุ นอ้ ยรูปรา่ งหนา้ ตาเหมือนมฏั ฐกณุ ฑลีลกู ชายแกท่ีเพ่ิงจากไปทุก
อย่าง ทงั้ เคร่ืองประดบั เครื่องแต่งตัวเสือ้ ผา้ อาภรณท์ ่ีใส่ก็เหมือนกัน ใช้
นา้ หอมกลิ่นจันทนเ์ หลืองท่ีลกู ชายแกชอบใชซ้ ะดว้ ย อะไรจะเหมือนปาน
นนั้ ใจหน่ึงอยากจะโผเขา้ ไปกอดใหห้ ายคิดถึง แต่พอคิดขึน้ ไดว้ ่า “ลกู
ชายของเราตายไปแลว้ น่ี จะมายนื อย่ตู รงนไี้ ดไ้ ง น่าจะเป็นแค่คนหนา้ ตา
เหมือนกนั มากกว่า” จึงไดแ้ ต่เอ่ยถามหนุ่มน้อยท่ียืนกอดแขนรอ้ งให้อยู่
ตรงหนา้ ว่า
“เจา้ ดูเหมือนมฏั ฐกุณฑลีลกู ของฉัน
เครื่องประดับคลา้ ยกันกลิ่นจันทรเ์ หลือง
ดเู ศร้าโศกมีอะไรให้ขุ่นเคือง
โปรดเล่าเรือ่ งทงั้ หมดใหฉ้ ันฟัง”
๓๓ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
หน่มุ นอ้ ยนนั้ ตอบถึงสาเหตทุ ่ตี อ้ งมายนื รอ้ งใหอ้ ย่ทู ่ปี ่ าชา้ วา่
“เพราะเรือนรถทองคาอันสุดสวย
ไม่มีคลู่ อ้ สารวยทเ่ี หมาะสม
ขา้ พเจา้ จงึ เศร้าทกุ ขร์ ะทม
ตรอมตรมขนาดหนักจกั ขาดใจ”
ตอนนี้ ไม่รูอ้ ะไรเขา้ สิงร่างคุณลงุ ใจปลา้ ขึน้ มาทนั ทีจะยอมสละ
เงินซือ้ ค่ลู อ้ รถใหก้ บั หน่มุ นอ้ ยท่ีเพ่ิงพบเห็น คงเห็นว่ารูปรา่ งหนา้ ตาคลา้ ย
มฏั ฐกณุ ฑลีลกู ชายของแกน่นั เอง เกิดความรกั เอ็นดู จงึ ตอบไปว่า
“เครอ่ื งประดับอนั ใดในโลกนี้
บรรดามีทเี่ จ้านั้นแสวงหา
เป็ นทองคาโลหะหรือจินดา
จงบอกมาข้าจะหาให้เอง”
เจอคนใจปลา้ ขนาดนี้ หนุ่มนอ้ ยถึงกับคาดไม่ถึง หวนราลึกถึง
ความหลงั ครงั้ ก่อนว่า ลงุ พราหมณน์ ี้ ไม่ยอมเสียเงินจา้ งหมอมาประกอบ
ยารกั ษาบุตร จนตอ้ งเสียชีวิต แต่ตอนนี้ พอมาเห็นเรารูปร่างหน้าตา
ชาดกวา่ ดว้ ยเรอื่ งผีๆ | ๓๔
เหมอื นมฏั ฐกณุ ฑลเี ขา้ ทามาเป็นใจปลา้ จะยอมควกั เงินออกมาซอื้ ของให้
ง่ายๆ เห็นทตี อ้ งแกลง้ แกใหห้ นกั กวา่ เดิม จงึ กลา่ วว่า
“พระอาทติ ยพ์ ระจันทรน์ ่ันไงเลา่
นามาเข้าคูก่ ันจงึ เหมาะสม
คนทงั้ หลายเห็นแลว้ คงชน่ื ชม
ความตรอมตรมของขา้ จะหมดไป”
เจอประโยคนีเ้ ขา้ ไป คณุ ลงุ ถึงกบั สะอกึ ไม่นึกว่าไอห้ น่มุ นอ้ ยคน
นีจ้ ะขออะไรท่ีแปลกประหลาดเกินคาดและเป็นไปไม่ไดข้ นาดนี้ แกจึงพดู
สวนกลบั หนมุ่ นอ้ ยไปในทานองส่งั สอนว่า
“เหน็ ทวี ่าเจา้ นั้นจะตายเปลา่
เพราะโงเ่ ขลาขอสิง่ ไมค่ วรขอ
แมเ้ จ้าจะร้องให้นา้ ตาคลอ
กไ็ มไ่ ดส้ ง่ิ ทขี่ ออยา่ งแน่นอน”
เทพบุตรในร่างจาแลงของหนุ่มนอ้ ยมฏั ฐกุณฑลี ไดโ้ อกาสท่ีจะชี้
ให้ลุงพราหมณ์เห็นสัจธรรมบางอย่าง จึงกล่าวว่า “ท่านลุง ท่านลอง
พิจารณาดสู ิวา่ ระหวา่ งคนท่รี อ้ งใหถ้ ึงส่งิ ท่ปี รากฏมองเห็นอย่กู บั คนท่ีรอ้ ง
๓๕ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ให้ถึงส่ิงท่ีไม่ปรากฏมองไม่เห็น คนทั้งสองนี้ ใครโง่เขลากว่ากัน” แลว้
กลา่ วเสรมิ ว่า
“พระอาทติ ยพ์ ระจันทรน์ ั้นโดดเดน่
คนมองเหน็ ไม่วา่ อยู่ทไ่ี หน
แต่ลกู ชายของทา่ นทจ่ี ากไป
ไมม่ ีใครมองเห็นเป็ นตัวตน”
ลงุ พราหมณฟ์ ังคาพดู ของหน่มุ นอ้ ยแลว้ เห็นคลอ้ ยตามว่า หน่มุ
นอ้ ยคนนพี้ ดู ไดถ้ กู ตอ้ ง เรารอ้ งใหห้ าบตุ รท่ตี ายไปแลว้ และไมร่ ูว้ ่าอย่ทู ่ีไหน
ไมป่ รากฏรูปรา่ งใหเ้ หน็ ดว้ ยซา้ ไป ช่างโงเ่ ขลาแท้ เราทาตวั เหมอื นเดก็ นอ้ ย
ท่รี อ้ งใหอ้ ยากไดพ้ ระจนั ทรท์ ่เี ออื้ มไม่ถงึ ฉะนนั้
ดว้ ยคาพดู ของหน่มุ นอ้ ยน่นั เอง ทาใหค้ ณุ ลงุ คลายความเศรา้ โศก
ลงได้ แกจึงกลา่ วช่นื ชมหนมุ่ นอ้ ยวา่
“พ่อหนมุ่ คาพดู ของท่านเป็นเหมือนกบั นา้ ท่มี ารดดบั ไฟท่รี ุ่มรอ้ น
อยู่ภายในใจขา้ พเจา้ ตอนนี้ ความกระวนกระวายใจเพราะเศรา้ โศกถึง
บุตรของขา้ พเจา้ ดับหายแลว้ ท่านเป็นผูถ้ อนลูกศรคือความโศกท่ีเสียด
แทงใจของขา้ พเจา้ มาหลายวนั ออกได้ ตอนนี้ ขา้ พเจา้ หายเศรา้ โศกเสียใจ
สงบเยน็ แลว้ คาพดู ของท่านช่างใหข้ อ้ คดิ ดีแท”้
ชาดกวา่ ดว้ ยเรือ่ งผีๆ | ๓๖
เพ่อื ทาความรูจ้ กั กนั มากขนึ้ คณุ ลงุ จงึ ถามหนมุ่ นอ้ ยวา่ “พอ่ หนมุ่
ทา่ นเป็นลกู เตา้ เหลา่ ใครหรือ หรอื วา่ เป็นเทพเจา้ มาจากสรวงสวรรค”์
เทพบตุ รในรา่ งจาแลงหน่มุ นอ้ ยตอบว่า
“ท่านเผาบุตรคนใดในป่ าช้า ท่านร้องให้คร่าครวญถึงบุตรคนใด
บตุ รคนนั้นก็คือข้าพเจ้านีเ่ อง ข้าพเจ้าได้ทากุศลกรรมก่อนตาย จึง
ได้ไปบังเกิดเป็ นเทพบุตรในสวรรค”์
ลุงพราหมณ์ “เป็นไปไดย้ ังไง ขา้ พเจา้ ไม่เคยเห็นท่านทากุศล
กรรมอะไรเลย ไมว่ า่ จะเป็นการใหท้ าน รกั ษาศีล หรือฟังธรรม แลว้ จะไป
สวรรคไ์ ดย้ งั ไง”
เทพบุตรจึงเล่าเร่ืองให้ฟังว่า “ขณะท่ีข้าพเจ้านอนป่ วยหนักท่ี
ระเบียงนอกบา้ น ไดเ้ ห็นพระพุทธเจา้ เสด็จมา มีจิตเบิกบานเลื่อมใสว่า
‘พระพุทธองคท์ รงเป็นท่ีพ่ึงของชาวโลก ทรงปราศจากกิเลสธุลีทงั้ หลาย
ทรงขา้ มพน้ ความสงสยั ทงั้ มวล ทรงประกอบดว้ ยพระปัญญาธิคณุ พระ
บรสิ ทุ ธิคณุ และพระมหากรุณาธิคณุ ช่างเป็นโชคดีของเราแทท้ ่ีพระองค์
เสด็จมา’ แลว้ ไดป้ ระคองอญั ชลีตงั้ จิตอธิษฐานถึงพระพทุ ธเจา้ เป็นท่ีพง่ึ ท่ี
ยดึ เหน่ยี วทางใจก่อนเสียชีวิต ดว้ ยกศุ ลกรรมนี้ ทาใหข้ า้ พเจา้ ไดไ้ ปบงั เกิด
เป็นเทพบตุ รในสวรรค”์
๓๗ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
ขณะท่ีเทพบุตรกาลงั พูดถึงสาเหตุท่ีไดไ้ ปบงั เกิดในสวรรคเ์ พราะ
ทาจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธองค์อยู่นั้น ความปลาบปลืม้ ปีติยินดีได้
แผ่ซ่านไปท่วั สรรพางคก์ ายของลงุ พราหมณถ์ ึงขนาดอทุ านขึน้ มาว่า “โอ!
ช่างน่าอัศจรรย์แท้ การทาจิตให้เบิกบานเลื่อมใสในพระพุทธคุณมี
ผลานิสงสม์ ากมายถึงเพียงนีเ้ ชียวหรือ แมข้ า้ พเจา้ เองก็จักทาจิตใหเ้ บิก
บานเลอื่ มใสในพระพทุ ธคณุ ขอถึงพระพทุ ธเจา้ วา่ เป็นท่พี ่งึ ในวนั นแี้ หละ”
เทพบุตรกล่าวใหก้ าลงั ใจว่า “อนุโมทนาดว้ ย ท่านพราหมณ์ ขอ
ท่านจงทาจิตใหเ้ บิกบานเลอ่ื มใสในพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ จง
ถึงพระรตั นตรยั ว่าเป็นท่ีพ่ึงเถิด จงสมาทานรกั ษาศีล ๕ อย่างเคร่งครดั
เถิด”
ลุงพราหมณ์กล่าวยกย่องเทพบุตรพร้อมกับรับปากว่า “ท่าน
เทพบตุ ร ท่านเป็นผมู้ ีอปุ การคณุ ไดท้ าสิ่งท่ีเป็นประโยชนแ์ ก่ขา้ พเจา้ เป็น
อาจารย์ผู้ชี้ทางสว่าง สามารถเปล่ียนความคิดเห็นของข้าพเจ้าจาก
มิจฉาทิฏฐิใหเ้ ป็นสมั มาทิฏฐิ ขา้ พเจา้ จกั ทาตามถอ้ ยคาของท่านทกุ อย่าง
จกั ถงึ พระรตั นตรยั เป็นท่พี ่งึ จกั สมาทานรกั ษาศีล ๕”
เทพบุตรกล่าวเสรมิ ว่า “ท่านพราหมณ์ ทรพั ยส์ ินในเรือนของท่าน
มีมาก จงสละความตระหน่ี นาทรพั ยส์ ินเหลา่ นนั้ มาบรจิ าคทานบา้ ง จงทลู
ชาดกวา่ ดว้ ยเรอื่ งผีๆ | ๓๘
นิมนตพ์ ระศาสดาพรอ้ มทงั้ พระภิกษุสงฆม์ าเรือนแลว้ ถวายทาน ฟังธรรม
ถามปัญหากบั พระพทุ ธองคเ์ ถดิ ” พอพดู เสรจ็ ก็หายตวั ไปทนั ที
ลุงพราหมณเ์ ปล่ยี นไปเป็ นคนละคน
หลังกลบั จากป่ าชา้ มาถึงบา้ น ลุงพราหมณ์เปลี่ยนเป็นคนใหม่
ดว้ ยจิตใจท่ีสว่างไสวเอิบอิ่มดว้ ยธรรมะ ตกลงกบั ภรรยากราบทูลนิมนต์
พระพุทธเจ้าพรอ้ มทั้งพระสาวกมาถวายภัตตาหารท่ีบา้ น สรา้ งความ
แปลกประหลาดใจใหก้ ับชาวบา้ นท่ีพบเห็นเป็นอย่างมาก พากันคิดไป
ตา่ งๆ นาๆ บางคนกค็ ดิ แบบขาๆ ว่า “แกกนิ ยาผิดซองหรือเปลา่ น่ี เป็นไป
ไดไ้ งลงุ พราหมณท์ ่ีแสนตระหน่ีถี่เหนียวขนาดนีจ้ ะทาบญุ ทาทาน” บางคน
คิดหนักไปถึงขนาดว่า “แกคงเสียสติไปแลว้ แหละ เพราะเห็นรอ้ งใหบ้ ่น
เพอ้ ถึงบุตรชายปานจะขาดใจตายมาหลายวนั แลว้ ” บางคนคิดในแง่ไม่ดี
ว่า “แกคงไปรบั งานใครมา เพ่ือแกลง้ ใหเ้ กิดความเส่ือมเสียช่ือเสียงแก่
พระพทุ ธเจา้ เหมือนกบั ท่ีนางจิญจมาณวิการบั งานเดียรถียม์ าแกลง้ ว่ามี
ทอ้ งกับพระพุทธเจา้ แน่เลย” แต่คนท่ีคิดในแง่ดีก็มี คือคิดว่า “แกคงจะ
เห็นสัจธรรมอะไรบาง อย่างท่ีเ ป็ นแรง ผลักดันให้แกเปลี่ยนจิ ตใจ จ าก
มิจฉาทิฏฐิเป็นสัมมาทิฏฐิกระมัง” ต่างก็พากันเฝ้าดูการกระทาของลุง
พราหมณก์ บั ภรรยาอย่หู า่ งๆ
๓๙ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
พอพระพุทธเจา้ พรอ้ มพระสาวกเสด็จมาถึง ลุงพราหมณ์กับ
ภรรยากถ็ วายภตั ตาหารอยา่ งดีและองั คาสดว้ ยความเคารพ เม่อื พระองค์
ทรงทาภตั กิจเสรจ็ แลว้ แกก็เขา้ ไปน่งั ใกลๆ้ แลว้ ทลู ถามปัญหาว่า
“ขา้ แต่พระโคดมผูเ้ จริญ จริงหรือไม่ ท่ีคนไม่ไดท้ าบุญอย่างอ่ืน
เลย ไมว่ ่าจะเป็นการใหท้ าน รกั ษาศลี หรอื ฟังธรรม แตส่ ามารถไปสวรรค์
ไดด้ ว้ ยเหตสุ กั วา่ ทาจติ ใหเ้ ลื่อมใสในพระพทุ ธคณุ เทา่ นนั้ ”
พระพุทธเจา้ ผูท้ รงมีทิพพจกั ขุญาณหย่งั รูค้ วามเป็นไปของสรรพ
สัตว์ ตรสั ว่า “ทาไมท่านจึงถามเราตถาคตอีกเล่า เรื่องนี้ มัฏฐกุณฑลี
เทพบตุ รไดบ้ อกแกท่ ่านแลว้ มิใช่หรือ”
ลงุ พราหมณร์ ูส้ กึ แปลกใจเป็นอย่างย่ิงว่า พระพทุ ธองคท์ รงทราบ
ไดอ้ ย่างไร แต่เพ่ือความแน่ใจ แกจึงถามเพิ่มอีกว่า “บอกเม่ือไหร่ พระ
เจา้ ขา้ ”
พระพทุ ธเจา้ จึงตรสั เล่าเร่ืองทงั้ หมด ตงั้ แต่ลงุ พราหมณไ์ ปป่ าชา้
และสนทนากบั มฏั ฐกณุ ฑลีเทพบตุ รอยา่ งไรตามท่ีกลา่ วแลว้ พรอ้ มกบั ตรสั
ยา้ ว่า “ท่านพราหมณ์ ไม่ใช่แค่รอ้ ยหรือสองรอ้ ยคนเท่านั้น ท่ีทาจิตให้
เล่อื มใสในเราตถาคตแลว้ ไดไ้ ปสวรรค์ แต่มีจานวนนบั ไมไ่ ดเ้ ลยทีเดียว”
ชาดกวา่ ดว้ ยเร่ืองผๆี | ๔๐
เ พ่ื อ ใ ห้เ กิ ด ค ว า ม แ น่ ใ จ แ ก่ ป ร ะ ช า ช น ท่ี เ ฝ้ า ม อ ง ดู ด้ ว ย ค ว า ม
คลางแคลงใจ พระพุทธองคจ์ ึงทรงอธิษฐานใหม้ ัฏฐกุณฑลีเทพบุตรมา
พรอ้ มวิมานทอง พร่งั พรอ้ มดว้ ยเครื่องประดบั ตกแต่งและสขุ สมบตั ิทงั้ ปวง
ท่ีไดเ้ สวยหลงั จากเสียชีวิตมาเขา้ เฝ้า มฏั ฐกุณฑลีเทพบุตรก็ไดท้ าตามท่ี
ทรงอธิษฐานนนั้
พระพุทธองคต์ รสั ถามเทพบุตรท่ีมาเขา้ เฝ้าพรอ้ มเคร่ืองทรงอัน
งดงามเป็นพระคาถาว่า
“เทพบตุ รกายผุดผ่องเรืองอร่าม
สงา่ งามสอ่ งทศิ ทางสวา่ งไสว
สมบตั นิ ีเ้ น่ืองด้วยบญุ อะไร
จงขานไขให้กระจา่ งแก่ผู้คน”
เทพบตุ รกราบทลู ถึงสาเหตทุ ่ที าใหต้ นเองไดเ้ สวยสขุ สมบตั ใิ นสวรรคว์ า่
“เพราะทาจติ เล่ือมใสในพระองค์
ใจม่ันคงศรัทธาไมห่ ว่นั ไหว
กอ่ ให้เกิดพลานุภาพใจ
ทสี่ ว่างสดใสในขณะทา”
เม่ือเทพบุตรกราบทูลสาเหตุของการไดเ้ สวยสุขสมบตั ิในสวรรค์
จบลง พระพทุ ธองคไ์ ดต้ รสั ยา้ ใหเ้ หน็ ความสาคญั ของจิตใจว่า
๔๑ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
“ในการทากรรมทงั้ ทีเ่ ป็นกุศลและอกศุ ล ใจเป็นหวั หนา้ ใจเป็น
ใหญ่ เพราะกรรมทที่ าดว้ ยจติ ใจทผี่ อ่ งใสเบิกบาน ย่อมไม่ละเลยบคุ คลผู้
ไปสูเ่ ทวโลกหรอื มนษุ ยโลก เหมอื นเงาตามตวั ฉะนนั้ ”
พระคาถาใจเป็ นใหญ่ในกจิ ทัง้ ปวง(ฝ่ ายดี)
มะโนปพุ พงั คะมา ธมั มา มะโนเสฏฐา มะโนมะยา
มะนะสา เจ ปะสนั เนนะ ภาสะติ วา กะโรติ วา
ตะโต นงั สขุ ะมนั นะเวติ ฉายา วะ อะนปุ ายินีติ
“ธรรมทงั้ หลายมีใจมาก่อน มใี จประเสรฐิ สดุ สาเรจ็ ไดด้ ว้ ยใจ
ถา้ บคุ คลพดู และทากรรมดว้ ยจิตใจท่ีผ่องใสเบกิ บาน
เพราะการกระทานนั้ ความสขุ ยอ่ มติดตามเขาเหมือนเงาตามตวั
ไปทกุ ท่ฉี ะนนั้ ”
เม่ือพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจบลง มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร
และอทินนะปุพพกะพราหมณไ์ ดส้ าเร็จเป็นโสดาบนั มีดวงตาเห็นธรรม
ประชาชนท่ีรบั ฟังธรรมในคราวนนั้ ไดป้ ระจกั ษ์แจง้ ในธรรมท่ีพระองคท์ รง
แสดง หลงั จากนนั้ มา ลงุ พราหมณไ์ ดก้ ลายเป็นคนใจบญุ สนุ ทาน บรจิ าค
ทรพั ยส์ มบตั ิทานบุ ารุงพระพทุ ธศาสนาอย่เู ป็นประจา จนกระท่งั เสียชีวิต
ชาดกวา่ ดว้ ยเรือ่ งผีๆ | ๔๒
๔๓ | วิ ญ ญ า ณ ช า ด ก
๓.
ชาดกวา่ ดว้ ยเรอ่ื งผๆี | ๔๔