ก
คู่มอื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
ฉบับปรับปรุงใหม่ 2559
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ชีวติ กบั สิ่งแวดล้อม ม. 4–6
ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
ค่มู อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ ผ้เู รียบเรียง
ออกแบบการจดั การเรียนรู้ม่งุ เน้น ดร.บญั ชา แสนทวี กศ.บ., ค.ม., กศ.ด.
• ยดึ หลกั ว่าผ้เู รียนมีความสาคญั ทสี่ ุด
• ใช้แนวคดิ Backward Design ผสมผสานกบั แนวคดิ ชนิกานต์ นุ่มมีชยั กศ. บ., กศ.ม.
ทฤษฎกี ารเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย นริสรา ศรีเคลือบ วท.บ., วท.ม.
• ใช้มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ช้ีวดั ช่วงช้ันเป็ นเป้ าหมาย
• เสริมสร้างสมรรถนะสาคญั ของนักเรียนในการสื่อสาร บรรณาธิการ
การคดิ การแก้ปัญหา การใช้ทกั ษะชีวติ และการใช้เทคโนโลยี สุระ ดามาพงษ์ กศ.บ., กศ.ม.
• เสริมสร้างพหปุ ัญญาและความเข้าใจทค่ี งทนต่อนกั เรียน วรี ะพงษ์ ก๋าอินตา วท.บ., วท.ม.
• สร้างเสริมทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
• แบ่งแผนการจดั การเรียนรู้เป็ นรายช่ัวโมง สะดวก วารี โตพนั ธ์ วท.บ.
ในการใช้
• ตามแนวทางการจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา
ทม่ี ีองค์ประกอบครบถ้วน
• นาไปพฒั นาเป็ นผลงานทางวชิ าการเพอื่ เลอื่ นวทิ ยฐานะได้
ผลิตและจดั จาหน่ายโดย บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
วฒั นาพานิช สาราญราษฎร์
216–220 ถนนบารุงเมือง แขวงสาราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
โทร. 02 222 9394 • 02 222 5371–2 FAX 02 225 6556 • 02 225 6557
email: [email protected]
ข
คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์
ฉบบั ปรับปรุงใหม่ 2559
ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม ม. 4–6
ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4–6
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
ห้ามละเมิด ทาซา้ ดัดแปลง เผยแพร่
ส่วนหนึ่งส่วนใด เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
ผ้เู รียบเรียง
ดร.บญั ชา แสนทวี ชนิกานต์ นุ่มมีชยั นริสรา ศรีเคลือบ
บรรณาธิการ
สุระ ดามาพงษ์ วรี ะพงษ์ ก๋าอินตา วารี โตพนั ธ์
ISBN 978–974–18–6151–4
พมิ พ์ที่ บริษทั โรงพมิ พ์วฒั นาพานิช จากดั นายเริงชยั จงพิพฒั นสุข กรรมการผจู้ ดั การ
ส่ือการเรียนรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551
หนังสือเรียน รายวิชาเพม่ิ เติม ประกันคุณภาพสื่อการเรียนรู้รายวิชาเพม่ิ เตมิ
หนงั สือเรียน–แบบฝึกทกั ษะ–แผนฯ (CD) ชีววทิ ยา เล่ม 1–4 ม. 4–6 ............................................................................................. ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
หนงั สือเรียน–แบบฝึกทกั ษะ–แผนฯ (CD) เคมี เล่ม 1–3 ม. 4–6..................................................................................................... ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
หนงั สือเรียน–แบบฝึกทกั ษะ–แผนฯ (CD) ฟิ สิกส์ เล่ม 1–2 ม. 4–6 ................................................................................................ ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
หนังสือเรียน รายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ฉบับ ศธ. อนุญาตให้ใช้ในสถานศึกษา
หนงั สือเรียน–แบบฝึกทกั ษะ–แผนฯ (CD) –คู่มือการสอน–PowerPoint ส่ิงมชี ีวิตกบั กระบวนการดารงชีวิต ม. 4–6 ……………. ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
หนงั สือเรียน–แบบฝึกทกั ษะ–แผนฯ (CD) –คูม่ ือการสอน–PowerPoint ชีวิตกับส่ิงแวดล้อม ม. 4–6 …………………..……..…. ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
หนงั สือเรียน–แบบฝึกทกั ษะ–แผนฯ (CD) –คูม่ ือการสอน–PowerPoint สารและสมบัตขิ องสาร ม. 4–6....................................... ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
หนงั สือเรียน–แบบฝึกทกั ษะ–แผนฯ (CD) –คู่มือการสอน–PowerPoint โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม. 4–6............................... ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
แบบฝึ กหัดตรงตามหนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พนื้ ฐาน ของ สสวท.
แบบฝึกหดั สาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน สารและสมบัติของสาร ม. 4 ................................................................................................... ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
แบบฝึกหัดสาระการเรียนรู้พ้นื ฐาน การเคลือ่ นที่และพลังงาน ม. 4 ................................................................................................ ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
แบบฝึกหดั สาระการเรียนรู้พ้นื ฐาน โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม. 5 ........................................................................................... ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
แบบฝึกหัดสาระการเรียนรู้พ้ืนฐาน ชีวิตกับส่ิงแวดล้อม สิ่งมีชีวิตกบั กระบวนการดารงชีวิต ม. 6 ….……….………………....... ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
สื่อการเรียนรู้สาหรับการประเมนิ ผลคุณภาพการศึกษา
เตรียมสอบ สารและสมบัติของสาร ม. 4–6 ..................................................................................................................................... ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
เตรียมสอบ แรงและการเคลือ่ นที่ พลงั งาน ม. 4–6.......................................................................................................................... ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
เตรียมสอบ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม. 4–6............................................................................................................................ ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
เตรียมสอบ ชีวิตกบั สิ่งแวดล้อม สิ่งมชี ีวิตกับกระบวนการดารงชีวติ ม. 4–6.................................................................................. ดร.บญั ชา แสนทวี และคณะ
ค
คานา
คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดล้อม ม. 4–6 เล่มน้ีเป็นส่ือการเรียนรู้ที่จดั ทา
ข้ึนโดยยดึ แนวการจดั การเรียนรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช2551 โดยออกแบบการ
จดั การเรียนรู้ที่เนน้ นกั เรียนเป็นศูนยก์ ลางผสมผสานกบั แนวคิดของ Backward Design(BwD)โดยถือวา่ นกั เรียน
สาคญั ท่ีสุด คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม เล่มน้ีส่งเสริมใหน้ กั เรียนมีส่วนร่วมใน
กิจกรรมการเรียนรู้ท้งั เป็นรายบุคคลและรายกลุ่มเนน้ กระบวนการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และสามารถสร้างองค์
ความรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง ส่งเสริมใหน้ กั เรียนเช่ือมโยงความรู้ท้งั ในและต่างกลมุ่ สาระการเรียนรู้ในเชิงบรู ณาการดว้ ย
วธิ ีการที่หลากหลาย สร้างสถานการณ์การเรียนรู้ท้งั ในและนอกหอ้ งเรียน โดยครูมีบทบาทหนา้ ที่ในการเอ้ืออานวย
ความสะดวกใหแ้ ก่นกั เรียนเพ่ือใหน้ กั เรียนมีคุณภาพตามสาระมาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั รวมท้งั
พฒั นานกั เรียนใหม้ ีสมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามท่ีหลกั สูตรกาหนด เพ่ือใหน้ กั เรียนสามารถ
ดารงชีวติ อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่นในสงั คมไทยและสงั คมโลกไดอ้ ยา่ งมีความสุข
การจดั ทาค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 เลม่ น้ี ไดจ้ ดั ทา
ตรงตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ซ่ึงครอบคลมุ ทุกสาระการเรียนรู้ ภายใน
เลม่ ไดน้ าเสนอแผนการจดั การเรียนรู้เป็นรายชวั่ โมงตามหน่วยการเรียนรู้ เพ่ือครูนาไปใชใ้ นการจดั การ
เรียนรู้ไดส้ ะดวก นอกจากน้ีแต่ละหน่วยการเรียนรู้ยงั มีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น ไดแ้ ก่
ดา้ นความรู้ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ และดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ทาใหท้ ราบ
ผลสมั ฤทธ์ิของนกั เรียนแต่ละหน่วยการเรียนรู้ไดท้ นั ที
ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 เลม่ น้ีนาเสนอเน้ือหาแบ่งเป็น
3 ตอน คือ
ตอนท่ี 1 แนวทางการจัดแผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม
ประกอบดว้ ย แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้แนวคิด หลกั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ
Backward Design (BwD) แนวทางการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตารางวเิ คราะหค์ วาม
สอดคลอ้ งของเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้กบั สาระ มาตรฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั และ
โครงสร้างการแบ่งเวลารายชวั่ โมงในการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ตอนท่ี 2 แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 46 ได้
เสนอแนะแนวทางการจดั การเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ในหนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน ซ่ึงแบ่งเป็นแผน
ยอ่ ยรายชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้แต่ละแผนมีองคป์ ระกอบครบถว้ นตามแนวทางการจดั ทาแผนการ
จดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา
ตอนท่ี 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู ประกอบดว้ ยแบบทดสอบต่าง ๆ และความรู้เสริมสาหรับครู
ซ่ึงบนั ทึกลงในซีดีรอม (CD-ROM)
หวงั เป็นอยา่ งยิง่ วา่ ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 เล่มน้ี
จะเป็นประโยชนต์ ่อการนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มของนกั เรียน
ต่อไป คณะผู้จดั ทา
ง
สารบญั
ตอนที่ 1 แนวทางการจัดแผนการจัดการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม................................................................................................................... 1
1. แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ ............................................................................................ 2
2. แนวคิด หลกั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design (BwD).................................. 8
3. แนวทางการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551.................................................. 21
4. ตารางวิเคราะห์ความสอดคลอ้ งของเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้กบั สาระ
มาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6............................................................................... 28
5. โครงสร้างการแบ่งเวลารายชว่ั โมงในการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6................................................................................. 29
ตอนท่ี 2 แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6........................33
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ส่ิงมชี ีวิตกบั สิ่งแวดล้อม..............................................................................................34
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน........................................................34
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ส่ิงมีชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม..............................35
ตอนที่ 1 ระบบนิเวศ .......................................................................................................................39
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 ระบบนิเวศในธรรมชาติ.........................................................................39
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 ระบบนิเวศบนบกและแหล่งน้า..............................................................45
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 ระบบนิเวศที่มนุษยส์ ร้างข้ึน...................................................................53
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 องคป์ ระกอบของระบบนิเวศ..................................................................58
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 ความสมั พนั ธ์ในระบบนิเวศ...................................................................63
ตอนที่ 2 ประชากรและการเปลย่ี นแปลงในระบบนเิ วศ....................................................................69
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 การเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศ..............................................................69
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ปัญหาสิ่งแวดล้อม........................................................................................................78
ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน.......................................................77
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม.....................................79
จ
ตอนที่ 1 ปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ.......................................................................84
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ
ระดบั ทอ้ งถิ่น........................................................................................84
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ
ระดบั ประเทศ ..................................................................................... 89
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ
ระดบั โลก ............................................................................................96
ตอนที่ 2 การพฒั นาท่ียั่งยนื ..........................................................................................................103
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 10 การพฒั นาท่ียงั่ ยืน ..............................................................................103
บรรณานุกรม..............................................................................................................................................110
ตอนท่ี 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู.....................................................................................................111
– มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั และสาระเรียนรู้แกนกลาง
กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6..................................................112
– กระบวนการจดั การเรียนรู้ท่ีใชใ้ นกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์.........................................115
– แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) ...................................................................................................127
– ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design.........................................................131
– รูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายชวั่ โมง...................................................................................132
– ใบกิจกรรม ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6.....................................................................................133
– แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนประจาหน่วยการเรียนรู้....................................................165
– เคร่ืองมือวดั และประเมินผลดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวทิ ยาศาสตร์................................173
– เคร่ืองมือวดั และประเมินผลดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ................................................................176
– เคร่ืองมือวดั และประเมินผลดา้ นสมรรถนะสาคญั ของนกั เรียน..................................................179
– เคร่ืองมือวดั และประเมินสมรรถนะทางวทิ ยาศาสตร์และภาระงานของนกั เรียน
โดยใชม้ ิติคุณภาพ (Rubrics) ......................................................................................................181
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 1
ตอนท่ี 1
แนวทางการจัดแผนการจัดการเรียนรู้
กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ชีวติ กบั สิ่งแวดล้อม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 2
1. แนวทางการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
1.1 องค์ประกอบของคู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 เลม่ น้ี จดั ทาข้ึนเพ่ือเป็น
แนวทางใหค้ รูใชป้ ระกอบการจดั การเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ในค่มู ือครู
แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ีแบ่งเน้ือหาเป็น 2 หน่วย 4 ตอน ซ่ึงแต่ละหน่วยจดั แบ่งการจดั การเรียนรู้เป็น
รายชว่ั โมง สามารถใชค้ วบค่กู บั หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ช้นั
มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4–6 ประกอบดว้ ยหน่วยการเรียนรู้ ดงั น้ี
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ส่ิงมชี ีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม
ตอนท่ี 1 ระบบนิเวศ
ตอนที่ 2 ประชากรและการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ปัญหาส่ิงแวดล้อม
ตอนที่ 1 ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ
ตอนที่ 2 การพฒั นาท่ียง่ั ยืน
รูปแบบของคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 เลม่ น้ี แบ่ง
เน้ือหาเป็น 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 แนวทางการจัดแผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั
ส่ิงแวดล้อม
ตอนน้ีเป็นส่วนท่ีนาเสนอภาพกวา้ ง ๆ ของค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ท้งั เล่ม ซ่ึง
ประกอบดว้ ย
1) แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้
2) แนวคิด หลกั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design (BwD)
3) แนวทางการจดั การเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551
4) ตารางวเิ คราะหค์ วามสอดคลอ้ งของเน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้กบั สาระ มาตรฐานการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ และตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ช้นั มธั ยมศึกษาปี
ที่ 4–6
5) โครงสร้างการแบ่งเวลารายชว่ั โมงในการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4–6
ตอนที่ 2 แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6
ตอนน้ีเป็นส่วนที่นาเสนอแผนการจดั การเรียนรู้รายหน่วยการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นแนวทางการจดั การ
เรียนรู้อยา่ งละเอียดตามเน้ือหาของแต่ละหน่วยการเรียนรู้ ซ่ึงแผนการจดั การเรียนรู้แต่ละแผนมี
องคป์ ระกอบครบถว้ นตามแนวทางการจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 3
หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยมีรายละเอียด ซ่ึงประกอบดว้ ย
1. ผงั มโนทศั น์เป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
2. ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design (Backward Design Template)
เป็นกรอบแนวคิดของการจดั การเรียนรู้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ แบ่งเป็น 3 ข้นั ไดแ้ ก่
ข้นั ท่ี 1 ผลลพั ธป์ ลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน
ข้นั ที่ 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นหลกั ฐานท่ีแสดงวา่ นกั เรียนมีผลการ
เรียนรู้ตามท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริง
ข้นั ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงใชแ้ นวคิดการจดั การเรียนรู้แบบ WHERETO ผสมผสาน
กบั การจดั การเรียนรู้ที่สอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ท้งั น้ีไดร้ ะบุวา่ ใน
หน่วยการเรียนรู้น้ีแบ่งแผนการจดั การเรียนรู้ไวก้ ่ีแผน และแต่ละแผนใชเ้ วลาในการจดั กิจกรรมกี่ชว่ั โมง
3. แผนการจดั การเรียนรู้รายช่ัวโมง เป็นแผนการจดั การเรียนรู้แบบเรียงหวั ขอ้ ซ่ึงประกอบดว้ ย
3.1 ช่ือแผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบดว้ ยลาดบั ท่ีของแผน ช่ือแผน เวลาเรียน สาระท่ี ช้นั
และหน่วยการเรียนรู้ เช่น แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ระบบนิเวศในธรรมชาติ เวลา 2 ชวั่ โมง สาระที่
2 ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4–6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ระบบนิเวศ
3.2 สาระสาคญั เป็นความคิดรวบยอดของเน้ือหาท่ีนามาใชจ้ ดั การเรียนรู้ในแต่ละแผนการ
จดั การเรียนรู้
3.3 ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน เป็นตวั ช้ีวดั ที่ใชต้ รวจสอบนกั เรียนหลงั จากเรียนจบเน้ือหาท่ีนาเสนอใน
แต่ละแผนการจดั การเรียนรู้น้นั ๆ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตร
3.4 จุดประสงค์การเรียนรู้ เป็นส่วนที่บอกจุดม่งุ หมายท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนแก่นกั เรียนภาย
หลงั จากการเรียนจบในแต่ละแผน ท้งั ในดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์
(A) ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) ซ่ึงสอดคลอ้ งสมั พนั ธ์กบั ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และเน้ือหาในแผนการจดั การ
เรียนรู้น้นั ๆ
3.5 การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เป็นการตรวจสอบผลการจดั การเรียนรู้วา่ หลงั จาก
จดั การเรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้แลว้ นกั เรียนมีพฒั นาการ มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตาม
เป้ าหมายท่ีคาดหวงั ไวห้ รือไม่ และมีส่ิงท่ีจะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาปรับปรุงส่งเสริมในดา้ นใดบา้ ง ดงั น้นั
ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้จึงไดอ้ อกแบบวิธีการและเคร่ืองมือในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้
ดา้ นต่าง ๆ ของนกั เรียนไวอ้ ยา่ งหลากหลาย เช่น การทาแบบทดสอบ การตอบคาถามส้นั ๆ การตรวจ
ผลงาน การสงั เกตพฤติกรรมท้งั ท่ีเป็นรายบุคคลและกลมุ่ โดยเนน้ การปฏิบตั ิใหส้ อดคลอ้ งและเหมาะสม
กบั ตวั ช้ีวดั และมาตรฐานการเรียนรู้
วธิ ีการและเครื่องมือในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้เหลา่ น้ี ครูสามารถนาไปใช้
ประเมินนกั เรียนไดท้ ้งั ในระหว่างการจดั การเรียนรู้และการทากิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการนาความรู้ไป
ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 4
3.6 สาระการเรียนรู้ เป็นหวั ขอ้ ยอ่ ยที่นามาจดั การเรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้ ซ่ึง
สอดคลอ้ งกบั สาระการเรียนรู้แกนกลาง
3.7 แนวทางการบูรณาการ เป็นการเสนอแนะแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในเร่ืองท่ี
เรียนรู้ของแต่ละแผนใหเ้ ช่ือมโยงสมั พนั ธก์ บั สาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์
สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และ
ภาษาต่างประเทศ ท้งั น้ีเพ่ือใหน้ กั เรียนไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ อยา่ งกวา้ งขวางและสร้างองคค์ วามรู้ไดเ้ ตม็ ตาม
ศกั ยภาพของแต่ละคน
3.8 กระบวนการจดั การเรียนรู้ กระบวนการจดั การเรียนรู้เป็นการเสนอแนวทางการจดั
กิจกรรมการเรียนรู้แต่ละเรื่อง มีข้นั ตอนหลกั 3 ข้นั ไดแ้ ก่ 1. ข้นั นาเขา้ สู่บทเรียน 2. ข้นั จดั กิจกรรมการ
เรียนรู้ และ 3. ข้นั สรุป โดยข้นั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ใชก้ ารจดั การเรียนรู้โดยการสืบเสาะหาความรู้
(Inquiry Process) ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน (Flipped Classroom) แต่จะเนน้ การจดั การเรียนรู้โดย
การสืบเสาะหาความรู้ที่ประกอบดว้ ยข้นั ตอนหลกั 5 ข้นั ตอน ไดแ้ ก่ ข้นั สร้างความสนใจ ข้นั สารวจและ
คน้ หา ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป ข้นั ขยายความรู้ และข้นั ประเมิน ซ่ึงรายละเอียดของการจดั การเรียนรู้
ดงั กลา่ ว ครูสามารถศึกษาไดจ้ ากแนวทางการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ สารและสมบตั ิของสาร ช้นั
มธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6 ในตอนต่อไป
3.9 กจิ กรรมเสนอแนะ เป็นกิจกรรมเสนอแนะสาหรับใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาเพิ่มเติมในดา้ น
ต่าง ๆ นอกเหนือจากท่ีไดจ้ ดั การเรียนรู้มาแลว้ ในชว่ั โมงเรียน กิจกรรมเสนอแนะมี 2 ลกั ษณะ คือ
กิจกรรมสาหรับผทู้ ี่มีความสามารถพิเศษและตอ้ งการศึกษาคน้ ควา้ ในเน้ือหาน้นั ๆ ใหล้ ึกซ้ึงกวา้ งขวาง
ยง่ิ ข้ึน และกิจกรรมสาหรับผทู้ ่ียงั ไมเ่ ขา้ ใจเน้ือหาหรือยงั ไม่เกิดการเรียนรู้ตามเป้ าหมาย ซ่ึงมีลกั ษณะเป็น
การเรียนซ้าหรือซ่อมเสริม
3.10 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ เป็นรายชื่อสื่อการเรียนรู้ทุกประเภทที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ซ่ึง
มีท้งั สื่อธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และสื่อบุคคล เช่น หนงั สือ เอกสารความรู้ รูปภาพ เครือข่าย
อินเทอร์เน็ต วดี ิทศั น์ และปราชญช์ าวบา้ น
3.11 บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ เป็นส่วนท่ีใหค้ รูบนั ทึกผลการจดั การเรียนรู้วา่ ประสบ
ความสาเร็จหรือไม่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคอะไรเกิดข้ึนบา้ ง ไดแ้ กไ้ ขปัญหาและอุปสรรคน้นั อยา่ งไร และ
ขอ้ เสนอแนะสาหรับการจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป
ตอนท่ี 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู
ประกอบดว้ ยแบบทดสอบต่าง ๆ และความรู้เสริมสาหรับครูไดบ้ นั ทึกลงในซีดีรอม โดยมิได้
พิมพไ์ วใ้ นเล่มคู่มือครู เพื่อความสะดวกของครูในการนาไปใชป้ ระกอบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึง
ประกอบดว้ ย
1) มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กล่มุ สาระการเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6 ประกอบดว้ ย
(1) มาตรฐานการเรียนรู้ เป็นขอ้ กาหนดคุณภาพของนกั เรียนดา้ นความรู้ ความคิด ทกั ษะ/
กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ เม่ือจบการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 5
(2) ตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั เป็นตวั ระบุสิ่งท่ีนกั เรียนพึงรู้และสามารถปฏิบตั ิได้ รวมถึงคุณลกั ษณะ
ของนกั เรียนในแต่ละระดบั ช้นั ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตร
(3) สาระการเรียนรู้ ประกอบดว้ ย องคค์ วามรู้ ทกั ษะ/กระบวนการเรียนรู้และคุณลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์ ซ่ึงกาหนดใหน้ กั เรียนทุกคนในระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐานจาเป็นตอ้ งเรียนรู้ ซ่ึงกลุ่มสาระ
การเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์แบ่งเป็น 8 สาระ
2) กระบวนการจดั การเรียนรู้ท่ีใช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เป็นวธิ ีการหรือเทคนิคท่ี
นามาใชใ้ นกระบวนการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
3) แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) เป็นการเกบ็ รวบรวมผลงานของนกั เรียน โดยแสดงข้นั ตอนใน
การจดั ทาแฟ้ มสะสมผลงาน และวธิ ีการคดั เลือกผลงานเพื่อเก็บในแฟ้ มสะสมผลงาน
4) ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design เป็นแบบฟอร์มเพ่ือใหค้ รูสามารถ
ปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพความพร้อมของนกั เรียนและสถานการณ์เฉพาะ
หนา้ รวมท้งั ใชเ้ ป็นผลงานเพื่อเล่ือนวิทยฐานะได้ แผนการจดั การเรียนรู้น้ีไดอ้ านวยความสะดวกใหค้ รู
โดยไดพ้ ิมพโ์ ครงสร้างแผนการจดั การเรียนรู้ที่ออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design ใหค้ รู
เพ่ิมเติมเฉพาะส่วนที่ครูปรับปรุงเองไวด้ ว้ ยแลว้
5) รูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายช่ัวโมง เป็นรูปแบบการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้ที่บอก
รายละเอียดในแต่ละหวั ขอ้ ท่ีปรากฏอยใู่ นแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้รายชว่ั โมง
6) ใบกจิ กรรม ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4–6 เป็นกิจกรรมที่ฝึ กใหน้ กั เรียนได้
ปฏิบตั ิจริง เพื่อใหเ้ กิดการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ซ่ึงแบ่งเป็น กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมสงั เกต กิจกรรม
สารวจ กิจกรรมสืบคน้ ขอ้ มลู กิจกรรมสร้างแบบจาลอง และกิจกรรมวิเคราะหข์ อ้ มลู
7) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนประจาหน่วยการเรียนรู้ เป็นแบบทดสอบแบบปรนยั
เพ่ือใชว้ ดั ความรู้ของนกั เรียนก่อนเรียนและหลงั เรียน
8) เคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรม จริยธรรม และจติ วทิ ยาศาสตร์ เป็น
เคร่ืองมือท่ีใชป้ ระเมินดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ มีลกั ษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ
และแบบมาตรประมาณค่า โดยใชว้ ธิ ีสงั เกต สอบถาม หรือสมั ภาษณ์ ซ่ึงครูสามารถนาไปใชป้ ระเมิน
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนกั เรียนได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ
ซ่ึงไดใ้ ชต้ วั บ่งช้ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องจิตวิทยาศาสตร์
9) เคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้านทักษะ/กระบวนการ เป็นเคร่ืองมือท่ีใชป้ ระเมิน
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ มีลกั ษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการและแบบมาตรประมาณค่า โดยใชว้ ธิ ีการ
สงั เกต สอบถาม หรือสมั ภาษณ์ ซ่ึงครูสามารถนาไปใชป้ ระเมินทกั ษะ/กระบวนการของนกั เรียนได้ ท้งั ใน
ระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงไดใ้ ชต้ วั บ่งช้ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ อง
จิตวิทยาศาสตร์
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 6
10) เครื่องมอื วดั และประเมนิ ผลด้านสมรรถนะสาคัญของนักเรียน เนน้ การวดั สมรรถนะสาคญั
ของนกั เรียนท้งั 5 ประการ ท่ีเกิดจากการเรียนรู้หลงั จบหน่วยการเรียนรู้ ใชเ้ ครื่องมือประเภทมาตร
ประมาณค่า โดยใหน้ กั เรียนประเมินตนเอง
11) เครื่องมอื วดั และประเมนิ สมรรถนะทางวทิ ยาศาสตร์และภาระงานของนักเรียนโดยใช้มติ ิ
คุณภาพ (Rubrics) เป็นเคร่ืองมือในการประเมินผลตามสภาพจริง ท่ีประกอบดว้ ยรายการที่ใชใ้ นการ
ประเมินหรือเกณฑใ์ นการพิจารณาและคาอธิบายระดบั คณุ ภาพ มีตวั อยา่ งเคร่ืองมือหลายประเภท เช่น
แบบประเมินการสงั เกต แบบประเมินการสารวจ แบบประเมินการทดลอง แบบประเมินการสืบคน้ ขอ้ มลู
แบบประเมินโครงงานวทิ ยาศาสตร์ (โครงงานทวั่ ไป) และแบบประเมินแฟ้ มสะสมผลงาน
1.2 วธิ ีการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
การจดั การเรียนรู้ครูควรศึกษาค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม
ม. 4–6 และศึกษาส่ือการเรียนรู้ที่จะใชป้ ระกอบการจดั การเรียนรู้ หลงั จากน้นั จึงวางแผนเตรียมจดั
กิจกรรมการเรียนรู้กจ็ ะช่วยใหก้ ารจดั การจดั การเรียนรู้ของครูเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ
การจดั การเรียนรู้ตามแนวทางของค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั
สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 เล่มน้ี จะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอยา่ งสูงสุดกต็ ่อเม่ือครูไดเ้ ตรียมการลว่ งหนา้
และเลือกวธิ ีการจดั การเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั นกั เรียน ท่ีสาคญั สถานศึกษาแต่ละแห่งมีสภาพแวดลอ้ ม
การเรียนรู้และสภาพนกั เรียนท่ีแตกต่างกนั จึงเป็นไปไม่ไดท้ ี่คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มใด ๆ จะ
เหมาะสมและดีเยี่ยมสาหรับสถานศึกษา ครู และนกั เรียนทุกคน ดงั น้นั จึงเป็นหนา้ ท่ีของครูท่ีจะตอ้ ง
เตรียมการจดั การเรียนรู้ พิจารณาปรับและเลือกสรรแผนการจดั การเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการ
เรียนรู้จริงของนกั เรียนและสถานศึกษา
1.3 สัญลกั ษณ์กระบวนการเรียนรู้
สญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ ที่กาหนดไวท้ ่ีกิจกรรมน้นั มีจุดมุ่งหมายและจุดเนน้ ที่แตกต่างกนั ตามลกั ษณะ
ของกระบวนการเรียนรู้ท่ีตอ้ งการใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนรู้ ซ่ึงมีความสอดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลุ่มสาระ
การเรียนรู้และจุดเนน้ ของหลกั สูตร ดงั น้นั สญั ลกั ษณ์จึงเป็นแนวทางท่ีเอ้ือประโยชนต์ ่อนกั เรียนที่จะ
ศึกษาหาความรู้ตามรายละเอียดของกิจกรรม ในค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั
สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 เลม่ น้ีไดก้ าหนดสญั ลกั ษณ์ไวเ้ ป็น 2 กลุ่ม ดงั น้ี
สัญลกั ษณ์หลกั ของกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
การสืบค้นข้อมลู เป็นกิจกรรมที่กาหนดใหน้ กั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้
ต่าง ๆ แลว้ ใชท้ กั ษะ/กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การลงสรุปขอ้ มลู เพื่อใหเ้ กิด
องคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 7
การสารวจ เป็นกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนสารวจปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามความคิด
รวบยอดของแต่ละหวั เรื่อง แลว้ ใชท้ กั ษะ/กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การสงั เกต
การจดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มลู การลงสรุปขอ้ มูล เพื่อใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง
การทดลอง เป็นกิจกรรมที่กาหนดใหน้ กั เรียนไดป้ ฏิบตั ิการทดลองเพ่ือพิสูจนค์ วามคิด
รวบยอดที่เรียนรู้ โดยการออกแบบการทดลอง ดาเนินการทดลอง และสรุปผลการ
ทดลอง แลว้ ใชท้ กั ษะ/กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสงั เกต การพยากรณ์ การ
จดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มลู การลงสรุปขอ้ มลู เพ่ือใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง
การสังเกต เป็นกิจกรรมที่กาหนดใหน้ กั เรียนสงั เกตปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามความคิด
รวบยอดของแต่ละหวั เร่ือง แลว้ ใชท้ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การจาแนก
การลงสรุปขอ้ มูล เพื่อใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง
สัญลกั ษณ์เสริมของกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
โครงงาน เป็นกิจกรรมโครงงานคดั สรรที่นาหลกั การ แนวคิดของความคิดรวบยอดใน
หวั เรื่องที่เรียนรู้มาใชแ้ กป้ ัญหา
การพฒั นากระบวนการคดิ เป็นกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนไดใ้ ชก้ ระบวนการคิดเพ่ือ
เพิ่มพนู ทกั ษะการคิดของตนเอง
การประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน เป็นกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนตอ้ งนาหลกั การ
แนวคิดของความคิดรวบยอดในหวั เรื่องท่ีเรียนรู้มาใชแ้ กป้ ัญหาในสถานการณ์จริงของ
ชีวติ ประจาวนั
การทาประโยชน์ให้สังคม เป็นกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนนาความรู้ท่ีไดจ้ ากการเรียนรู้
ไปปฏิบตั ิเพื่อใหต้ ระหนกั ในการทาประโยชนใ์ หส้ งั คม
การปฏบิ ตั จิ ริง/ฝึ กทกั ษะ เป็นกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนไดฝ้ ึ กปฏิบตั ิเพื่อใหเ้ กิดและ
เพ่ิมพนู ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 8
ความคิดสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่กาหนดใหน้ กั เรียนไดใ้ ชค้ วามคิดสร้างสรรคใ์ น
การสร้างสรรคภ์ าระงาน เพื่อเพ่ิมพนู ทกั ษะการคิดของตนเอง
2. แนวคดิ หลกั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design (BwD)
การจดั การเรียนรู้หรือการสอนเป็นงานท่ีครูทุกคนตอ้ งใชก้ ลวิธีต่าง ๆ มากมาย เพื่อใหน้ กั เรียน
สนใจที่จะเรียนรู้และเกิดผลตามท่ีครูคาดหวงั การจดั การเรียนรู้จดั เป็นศาสตร์ที่ตอ้ งใชค้ วามรู้
ความสามารถตลอดจนประสบการณ์อยา่ งมาก ครูบางคนอาจจะละเลยเรื่องของการออกแบบการจดั การ
เรียนรู้หรือการออกแบบการสอน ซ่ึงเป็นงานท่ีครูจะตอ้ งทาก่อนการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้
การออกแบบการจัดการเรียนรู้ทาอย่างไร ทาไมจึงต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้
ครูทุกคนผา่ นการศึกษาและไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั การออกแบบการจดั การเรียนรู้มาแลว้ ในอดีตการ
ออกแบบการจดั การเรียนรู้จะเร่ิมตน้ จากการกาหนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวางแผนการจดั การเรียนรู้
การดาเนินการจดั การเรียนรู้ และการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ปัจจุบนั การเรียนรู้ไดม้ ีการเปลี่ยนแปลง
ไปตามสภาพแวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และสงั คม รวมท้งั การเปลี่ยนแปลงดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยที ี่
เขา้ มามีบทบาทต่อการเรียนรู้ของนกั เรียน ซ่ึงนกั เรียนสามารถเรียนรู้ไดจ้ ากส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ต่าง ๆ
ท่ีมีอยรู่ อบตวั ดงั น้นั การออกแบบการจดั การเรียนรู้จึงเป็นกระบวนการสาคญั ท่ีครูจาเป็นตอ้ งดาเนินการ
ใหเ้ หมาะสมกบั ศกั ยภาพของนกั เรียนแต่ละบุคคล
วกิ กินส์และแมกไท นกั การศึกษาชาวอเมริกนั ไดเ้ สนอแนวคิดเกี่ยวกบั การออกแบบการจดั การ
เรียนรู้ ซ่ึงเขาเรียกวา่ Backward Design ซ่ึงเป็นการออกแบบการจดั การเรียนรู้ที่ครูจะตอ้ งกาหนดผลลพั ธ์
ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนก่อน โดยเขาท้งั สองใหช้ ื่อวา่ ความเขา้ ใจที่คงทน (Enduring
Understandings) เม่ือกาหนดความเขา้ ใจที่คงทนไดแ้ ลว้ ครูจะตอ้ งบอกใหไ้ ดว้ า่ ความเขา้ ใจท่ีคงทนของ
นกั เรียนน้ีเกิดจากอะไร นกั เรียนจะตอ้ งมีหรือแสดงพฤติกรรมอะไรบา้ ง ครูมีหรือใชว้ ธิ ีการวดั อะไรบา้ งท่ี
จะบอกวา่ นกั เรียนมีหรือแสดงพฤติกรรมเหลา่ น้นั แลว้ จากน้นั ครูจึงนึกถึงวิธีการจดั การเรียนรู้ที่จะทาให้
นกั เรียนเกิดความเขา้ ใจท่ีคงทนต่อไป
แนวคดิ ของ Backward Design
Backward Design เป็นการออกแบบการจดั การเรียนรู้ที่ใชผ้ ลลพั ธ์ปลายทางเป็นหลกั ซ่ึงผลลพั ธ์
ปลายทางน้ีจะเกิดข้ึนกบั นกั เรียนกต็ ่อเมื่อจบหน่วยการเรียนรู้ ท้งั น้ีครูจะตอ้ งออกแบบการจดั การเรียนรู้
โดยใชก้ รอบความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล มีความสมั พนั ธก์ นั จากน้นั จึงจะลงมือเขียนแผนการจดั การเรียนรู้
ขยายรายละเอียดเพ่ิมเติมใหม้ ีคุณภาพและประสิทธิภาพต่อไป
กรอบความคิดหลกั ของการออกแบบการจดั การเรียนรู้โดย Backward Design มีข้นั ตอนหลกั ท่ี
สาคญั 3 ข้นั ตอน คือ
ข้นั ที่ 1 กาหนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน
ข้นั ที่ 2 กาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นหลกั ฐานที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผล
การเรียนรู้ตามท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 9
ข้นั ท่ี 3 วางแผนการจดั การเรียนรู้
ข้นั ที่ 1 กาหนดผลลพั ธ์ปลายทางทตี่ ้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นกั เรียน
ก่อนท่ีจะกาหนดผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนน้นั ครูควรตอบคาถามสาคญั
ต่อไปน้ี
– นกั เรียนควรจะมีความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถทาสิ่งใดไดบ้ า้ ง
– เน้ือหาสาระใดบา้ งท่ีมีความสาคญั ต่อการสร้างความเขา้ ใจของนกั เรียน และความเขา้ ใจท่ี
คงทน (Enduring Understandings) ที่ครูตอ้ งการจดั การเรียนรู้ใหแ้ ก่นกั เรียนมีอะไรบา้ ง
เมื่อจะตอบคาถามสาคญั ดงั กล่าวขา้ งตน้ ใหค้ รูนึกถึงเป้ าหมายของการศึกษา มาตรฐานการ
เรียนรู้ดา้ นเน้ือหาระดบั ชาติท่ีปรากฏอยใู่ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551
รวมท้งั มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั เขตพ้ืนท่ีการศึกษาหรือทอ้ งถ่ิน
การทบทวนความคาดหวงั ของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551
เนื่องจากมาตรฐานแต่ละระดบั จะมีความสมั พนั ธ์กบั เน้ือหาสาระต่าง ๆ ซ่ึงมีความแตกต่างลดหลน่ั กนั ไป
ดว้ ยเหตุน้ีข้นั ที่ 1 ของ Backward Design ครูจึงตอ้ งจดั ลาดบั ความสาคญั และเลือกผลลพั ธ์ปลายทางของ
นกั เรียน ซ่ึงเป็นผลการเรียนรู้ที่เกิดจากความเขา้ ใจท่ีคงทนต่อไป
ความเข้าใจท่ีคงทนของนักเรียน
ความเขา้ ใจท่ีคงทนคืออะไร ความเขา้ ใจที่คงทนเป็นความรู้ที่ลึกซ้ึง ไดแ้ ก่ ความคิดรวบยอด
ความสมั พนั ธ์ และหลกั การของเน้ือหาและวิชาท่ีนกั เรียนเรียนรู้ หรือกลา่ วอีกนยั หน่ึงเป็นความรู้ที่อิง
เน้ือหา ความรู้น้ีเกิดจากการสะสมขอ้ มูลต่าง ๆ ของนกั เรียน และเป็นองคค์ วามรู้ที่นกั เรียนสร้างข้ึนดว้ ยตนเอง
การเขียนความเข้าใจท่คี งทนในการออกแบบการจัดการเรียนรู้
ถา้ ความเขา้ ใจที่คงทนหมายถึงสาระสาคญั ของส่ิงท่ีจะเรียนรู้แลว้ ครูควรจะรู้วา่ สาระสาคญั
หมายถึงอะไรคาวา่ สาระสาคัญ มาจากคาวา่ Concept ซ่ึงนกั การศึกษาของไทยแปลเป็นภาษาไทยวา่
สาระสาคญั ความคิดรวบยอด มโนทศั น์ มโนมติ และสงั กปั ซ่ึงการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้นิยมใชค้ า
วา่ สาระสาคญั
สาระสาคญั เป็นขอ้ ความท่ีแสดงแก่นหรือเป้ าหมายเก่ียวกบั เร่ืองใดเร่ืองหน่ึง เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ สรุป
รวมและขอ้ แตกต่างเกี่ยวกบั เร่ืองใดเรื่องหน่ึง โดยอาจครอบคลุมขอ้ เทจ็ จริง กฎ ทฤษฎี ประเดน็ และการ
สรุปสาระสาคญั และขอ้ ความที่มีลกั ษณะรวบยอดอยา่ งอื่น
ประเภทของสาระสาคัญ
1. ระดบั กวา้ ง (Broad Concept)
2. ระดบั การนาไปใช้ (Operative Concept หรือ Functional Concept)
ตัวอย่างสาระสาคัญระดับกว้าง
– สุขภาพของตวั อ่อนในครรภข์ ้ึนอยกู่ บั การปฏิบตั ิตนของมารดา
– พืชมีหลายชนิด มีประโยชนต์ ่างกนั
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 10
ตวั อย่างสาระสาคัญระดับการนาไปใช้
– สุขภาพของตวั ออ่ นในครรภข์ ้ึนอยกู่ บั การปฏิบตั ิตนของมารดาในดา้ นการรับประทาน
อาหาร การเคล่ือนไหว และการรักษาสุขภาพจิต
– พืชมี 2 ประเภท คือ พืชลม้ ลุก และพืชยืนตน้ พืชมีประโยชนใ์ นการทาใหม้ ีความสมดุล
ทางธรรมชาติ เป็นที่อยอู่ าศยั เป็นยารักษาโรค เป็นเคร่ืองนุ่งห่ม และทาใหโ้ ลกสวยงาม
แนวทางการเขยี นสาระสาคัญ
1. ใหเ้ ขียนสาระสาคญั ของทุกเร่ือง โดยแยกเป็นขอ้ ๆ (จานวนขอ้ ของสาระสาคญั จะเท่ากบั
จานวนเร่ือง)
2. การเขียนสาระสาคญั ท่ีดีควรเป็นสาระสาคญั ระดบั การนาไปใช้
3. สาระสาคญั ตอ้ งครอบคลมุ ประเดน็ สาคญั ครบถว้ น เพราะหากขาดส่วนใดไปแลว้ จะทาให้
นกั เรียนรับสาระสาคญั ท่ีผิดไปทนั ที
4. การเขียนสาระสาคญั ท่ีจะใหค้ รอบคลมุ ประเดน็ สาคญั วธิ ีการหน่ึงคือ การเขียนแผนผงั
สาระสาคญั
ตวั อย่างการเขียนแผนผงั สาระสาคัญ
ลกั ษณะของสตั วท์ ี่
ดา้ นการใชแ้ รงงาน นามาใชแ้ รงงาน
ตวั อยา่ งสตั วท์ ี่
นามาใชแ้ รงงานแต่ละดา้ น
ประโยชนข์ องสตั ว์ ดา้ นการใชเ้ ป็นอาหาร ส่วนต่าง ๆ ของสตั วท์ ี่
นามาใชเ้ ป็นอาหาร
คุณค่าของอาหารท่ี
ไดจ้ ากการบริโภค
เน้ือสตั ว์
ดา้ นการเล้ียงไวด้ เู ล่น ลกั ษณะของสตั วท์ ี่
เล้ียงไวด้ ูเล่น
ตวั อยา่ งของสตั วท์ ่ี
เล้ียงไวด้ เู ล่น
สาระสาคัญของประโยชน์ของสัตว์: ประโยชนข์ องสตั วแ์ บ่งเป็น 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นการใช้
แรงงาน ดา้ นการใชเ้ ป็นอาหาร และดา้ นการเล้ียงไวด้ เู ล่น
5. การเขียนสาระสาคญั เก่ียวกบั เร่ืองใดควรเขียนลกั ษณะเด่นท่ีมองเห็นไดห้ รือนึกไดอ้ อกมาเป็น
ขอ้ ๆ แลว้ จาแนกลกั ษณะเหลา่ น้นั เป็นลกั ษณะจาเพาะและลกั ษณะประกอบ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 11
6. การเขียนขอ้ ความท่ีเป็นสาระสาคญั ควรใชภ้ าษาท่ีมีการขดั เกลาอยา่ งดี เล่ียงคาที่มีความหมาย
กากวมหรือฟ่ มุ เฟื อย
ตวั อย่างการเขียนสาระสาคัญเรื่อง แมลง
แมลง ลกั ษณะจาเพาะ ลกั ษณะประกอบ
มีสี –
มี 6 ขา –
มีพิษ –
ร้องได้ –
มีปี ก –
ลาตวั เป็นปลอ้ ง –
มีหนวดคลาทาง 2 เสน้ –
เป็ นอาหารได้ –
ไมม่ ีกระดกู สันหลงั –
สาระสาคัญของแมลง: แมลงเป็นสตั วไ์ ม่มีกระดกู สนั หลงั ลาตวั เป็น 3 ปลอ้ ง มี 6 ขา มีหนวด
คลาทาง 2 เสน้ มีปี ก 2 ปี ก ตวั มีสีต่างกนั บางชนิดร้องได้ บางชนิดมีพิษ และบางชนิดเป็นอาหารได้
ข้นั ท่ี 2 กาหนดภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานท่ีแสดงว่านกั เรียนมผี ล
การเรียนรู้ตามท่ีกาหนดไว้อย่างแท้จริง
เมื่อครูกาหนดผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนแลว้ ก่อนท่ีจะดาเนินการข้นั
ต่อไปขอใหค้ รูตอบคาถามสาคญั ต่อไปน้ี
– นกั เรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกในลกั ษณะใด จึงทาใหค้ รูทราบวา่ นกั เรียนบรรลผุ ลลพั ธ์
ปลายทางตามท่ีกาหนดไวแ้ ลว้
– ครูมีหลกั ฐานหรือใชว้ ิธีการใดที่สามารถระบุไดว้ า่ นกั เรียนมีพฤติกรรมหรือแสดงออกตาม
ผลลพั ธ์ปลายทางที่กาหนดไว้
การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามหลกั การของ Backward Design เนน้ ใหค้ รูรวบรวมหลกั ฐาน
การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ที่จาเป็นและมีหลกั ฐานเพียงพอท่ีจะกลา่ วไดว้ า่ การจดั การเรียนรู้ทาให้
นกั เรียนเกิดผลสมั ฤทธ์ิแลว้ ไม่ใช่เรียนแค่ใหจ้ บตามหลกั สูตรหรือเรียนตามชุดของกิจกรรมการเรียนรู้ที่
ครูกาหนดไวเ้ ท่าน้นั วิธีการของ Backward Design ตอ้ งการกระตุน้ ใหค้ รูคิดล่วงหนา้ วา่ ครูควรกาหนด
และรวบรวมหลกั ฐานเชิงประจกั ษอ์ ะไรบา้ งก่อนท่ีจะออกแบบหน่วยการเรียนรู้ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่ง
หลกั ฐานดงั กลา่ วควรเป็นหลกั ฐานที่สามารถใชเ้ ป็นขอ้ มลู ยอ้ นกลบั ที่มีประโยชนส์ าหรับนกั เรียนและครู
ไดเ้ ป็นอยา่ งดีนอกจากน้ีครูควรใชว้ ธิ ีการวดั และประเมินผลแบบต่อเนื่องอยา่ งไมเ่ ป็นทางการและเป็น
ทางการ ตลอดระยะเวลาที่ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ใหแ้ ก่นกั เรียน ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั แนวคิดท่ีตอ้ งการให้
ครูทาการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่เรียกวา่ สอนไปวดั ผลไป
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 12
จึงกล่าวไดว้ า่ ข้นั น้ี ครูควรนึกถึงพฤติกรรมหรือการแสดงออกของนกั เรียน โดยพิจารณาจาก
ผลงานหรือชิ้นงานท่ีเป็นหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั เรียนเกิดผลลพั ธป์ ลายทางตาม
เกณฑท์ ่ีกาหนดไวแ้ ลว้ และเกณฑท์ ่ีใชป้ ระเมินควรเป็นเกณฑค์ ุณภาพในรูปของมิติคุณภาพ (Rubrics)
อยา่ งไรกต็ าม ครูอาจจะมีหลกั ฐานหรือใชว้ ิธีการอื่น ๆ เช่น การทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน การ
สมั ภาษณ์ การศึกษาคน้ ควา้ การฝึ กปฏิบตั ิขณะเรียนรู้ประกอบดว้ ยกไ็ ด้
การกาหนดภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานที่แสดงว่านกั เรียนมผี ลการ
เรียนรู้ตามผลลพั ธ์ปลายทางที่กาหนดไว้แล้ว
หลงั จากท่ีครูไดก้ าหนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนแลว้ ครูควรกาหนด
ภาระงานและวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็นหลกั ฐานท่ีแสดงวา่ นกั เรียนมีผลการเรียนรู้ตามผลลพั ธ์
ปลายทางท่ีกาหนดไวแ้ ลว้
ภาระงาน หมายถึง งานหรือกิจกรรมท่ีกาหนดใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ เพื่อใหบ้ รรลุตามจุดประสงค์
การเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั /มาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ ลกั ษณะสาคญั ของงานจะตอ้ งเป็นงานที่สอดคลอ้ ง
กบั ชีวิตจริงในชีวติ ประจาวนั เป็นเหตุการณ์จริงมากกวา่ กิจกรรมท่ีจาลองข้ึนเพ่ือใชใ้ นการทดสอบ ซ่ึง
เรียกวา่ งานที่ปฏิบตั ิเป็นงานที่มีความหมายต่อนกั เรียน (Meaningful Task) นอกจากน้ี งานและกิจกรรม
จะตอ้ งมีขอบเขตท่ีชดั เจน สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั /มาตรฐานการเรียนรู้ท่ีตอ้ งการให้
เกิดข้ึนกบั นกั เรียน
ท้งั น้ีเมื่อไดภ้ าระงานครบถว้ นตามท่ีตอ้ งการแลว้ ครูจะตอ้ งนึกถึงวิธีการและเครื่องมือที่จะใชว้ ดั
และประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียนซ่ึงมีอยมู่ ากมายหลายประเภท ครูจะตอ้ งเลือกใหเ้ หมาะสมกบั
ภาระงานที่นกั เรียนปฏิบตั ิ
ตวั อยา่ งภาระงานเร่ือง อาหารหลกั 5 หมู่ และสารอาหารในอาหารหลกั 5 หมู่ รวมท้งั การ
กาหนดวิธีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียน ดงั ตาราง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม
ตวั อย่าง ภาระงาน/ผลงาน แผนการจดั การเรียนรู้เรื่อง อาหารหลกั 5 หมู่และสารอาหารในอ
สาระที่ 1: สิ่งมชี ีวติ กบั กระบวนการดารงชีวติ
มาตรฐาน ว 1.1: เขา้ ใจหน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ท
ความรู้ สื่อสารส่ิงที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวติ ของตนเองและดูแลสิ่งมีชีว
ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี สาระ ภาระงาน/ การวดั และการประเม
การเรียนรู้ ผลงาน/ วธิ ีการ เคร่ืองมอื
ชิ้นงาน
วิเคราะห์ อาหารหลกั 5 หมู่ รายงานเรื่อง – ซกั ถาม – แบบสมั ภาษณ์
สารอาหารและ ความหมายและ อาหารหลกั 5 หมู่ ความรู้
อภิปรายความ ประเภทของ และสารอาหารใน – ตรวจ – แบบตรวจ
จาเป็นท่ีร่างกาย สารอาหาร อาหารหลกั 5 หมู่ ผลงาน สอบผลงาน
ตอ้ งไดร้ ับ – สงั เกตการ – แบบสงั เกต
สารอาหารใน รายงาน การทางานกลุ่ม
สดั ส่วนที่ – สงั เกตการ – แบบประเมิน
เหมาะสมกบั ทางาน พฤติกรรม
เพศและวยั กลุ่ม การปฏิบตั ิ
กิจกรรมเป็ น
รายบุคคล
และเป็ นกลุ่ม
ม ม. 4–6 13
อาหารหลกั 5 หมู่
ที่ของระบบต่าง ๆ ของส่ิงมีชีวติ ท่ีทางานสมั พนั ธ์กนั มีกระบวนการสืบเสาะหา
วติ
มนิ ผล กจิ กรรม สื่อการเรียนรู้
เกณฑ์ การเรียนรู้
– เกณฑค์ ุณภาพ การสารวจ 1. ภาพอาหารตา่ ง ๆ
4 ระดบั สารอาหารที่ 2. ภาพเดก็ ท่ีมีสุขภาพร่างกายแขง็ แรงและไม่แขง็ แรง
– เกณฑค์ ุณภาพ ไดใ้ นแต่ละวนั 3. แผนภมู ิพีระมิดอาหาร
4 ระดบั 4. แบบบนั ทึกขอ้ มูลการสร้างคาถามของนกั เรียนจาก
– เกณฑค์ ุณภาพ ประเดน็ ปัญหาที่ศึกษา
4 ระดบั 5. แบบบนั ทึกขอ้ มูลการอภิปรายจากประเดน็ ปัญหาที่
– เกณฑค์ ุณภาพ
4 ระดบั ศึกษา
6. แบบบนั ทึกความรู้
7. ใบงานท่ี 1 สารวจสารอาหารท่ีไดใ้ นแต่ละวนั
8. ใบกิจกรรมที่ 1 เรื่อง สารอาหารในอาหารหลกั 5 หมู่
9. ใบกิจกรรมที่ 2 การสารวจสารอาหารในอาหารหลกั
5 หมู่
10. แบบทดสอบ เร่ือง สารอาหารในอาหารหลกั 5 หมู่
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 14
ความเขา้ ใจที่คงทนจะเกิดข้ึนได้ นกั เรียนจะตอ้ งมีความสามารถ 6 ประการ ไดแ้ ก่
1. การอธิบาย ชีแ้ จง เป็นความสามารถท่ีนกั เรียนแสดงออกโดยการอธิบายหรือช้ีแจงในส่ิงท่ี
เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง สอดคลอ้ ง มีเหตุมีผล และเป็นระบบ
2. การแปลความและตคี วาม เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการแปลความและ
ตีความไดอ้ ยา่ งมีความหมาย ตรงประเดน็ กระจ่างชดั และทะลุปรุโปร่ง
3. การประยุกต์ ดดั แปลง และนาไปใช้ เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการนาสิ่งที่ได้
เรียนรู้ไปสู่การปฏิบตั ิไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิผล มีประสิทธิภาพ และคล่องแคลว่
4. การมมี ุมมองท่หี ลากหลาย เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการมีมมุ มองท่ี
น่าเช่ือถือ เป็นไปได้ มีความลึกซ้ึง แจ่มชดั และแปลกใหม่
5. การให้ความสาคัญใส่ใจในความรู้สึกของผู้อน่ื เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการ
มีความละเอียดรอบคอบ เปิ ดเผย รับฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่น ระมดั ระวงั ท่ีจะไมใ่ หเ้ กิดความ
กระทบกระเทือนต่อผอู้ ื่น
6. การรู้จกั ตนเอง เป็นความสามารถท่ีนกั เรียนแสดงออกโดยการมีความตระหนกั รู้ สามารถ
ประมวลผลขอ้ มลู จากแหล่งที่หลากหลาย ปรับตวั ได้ รู้จกั ใคร่ครวญ และมีความเฉลียวฉลาด
นอกจากน้ีหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดก้ าหนดสมรรถนะ
สาคญั ของนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรไว้ 5 ประการ ดงั น้ี
1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถของนกั เรียนในการถา่ ยทอดความคิด ความรู้
ความเขา้ ใจ ความรู้สึก และทศั นะของตนเอง เพ่ือแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสารและประสบการณ์ อนั จะเป็น
ประโยชนต์ ่อการพฒั นาตนเองและสงั คม รวมท้งั การเจรจาต่อรองเพื่อประนีประนอม การเลือกท่ีจะรับ
และไมร่ ับขอ้ มูลข่าวสารดว้ ยหลกั เหตุผลและความถูกตอ้ ง ตลอดจนการเลือกใชว้ ิธีการสื่อสารที่มี
ประสิทธิภาพ โดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและสงั คม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถของนกั เรียนในการคิดวเิ คราะห์ การคิดสงั เคราะห์
การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การคิดอยา่ งสร้างสรรค์ การคิดเชิงคุณธรรม และการคิดอยา่ งเป็นระบบ เพ่ือ
นาไปสู่การสร้างองคค์ วามรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตดั สินใจเกี่ยวกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถของนกั เรียนในการแกป้ ัญหาและอปุ สรรค
ต่าง ๆ ที่เผชิญไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและขอ้ มูลสารสนเทศ เขา้ ใจ
ความสมั พนั ธแ์ ละการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสงั คม ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชใ้ นการป้ องกนั
และแกไ้ ขปัญหา และมีการตดั สินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกิดข้ึนต่อตนเอง สงั คม
และสิ่งแวดลอ้ ม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 15
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะ/กระบวนการและทักษะในการดาเนนิ ชีวติ เป็นความสามารถ
ของนกั เรียนในดา้ นการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใชใ้ นการดาเนินชีวิตประจาวนั การทางานและการอยู่
ร่วมกนั ในสงั คมดว้ ยการสร้างเสริมความสมั พนั ธอ์ นั ดีระหวา่ งบุคคล การจดั การและหาทางออกท่ี
เหมาะสมดา้ นความขดั แยง้ และความแตกต่างระหวา่ งบุคคล การปรับตวั ใหท้ นั กบั การเปลี่ยนแปลงของ
สงั คมและสภาพแวดลอ้ ม การสืบเสาะหาความรู้ และการรู้จกั หลีกเล่ียงพฤติกรรมที่ไมพ่ ึงประสงคซ์ ่ึงจะ
ส่งผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ่ืน
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถของนกั เรียนในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยี
ดา้ นต่าง ๆ ท้งั ดา้ นวตั ถุ แนวคิด และวิธีการในการพฒั นาตนเองและสงั คมดา้ นการเรียนรู้ การสื่อสาร การ
ทางาน การแกป้ ัญหา และการอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมและมีคุณธรรม
นอกจากสมรรถนะสาคญั ของนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรท่ีกล่าวแลว้ ขา้ งตน้
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดก้ าหนดคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ อง
นกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรไว้ 8 ประการ ดงั น้ี
1. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ เป็นคุณลกั ษณะในฐานะพลเมืองไทย ตอ้ งรู้คุณค่า หวงแหน และ
เทิดทนู สถาบนั สูงสุดของชาติ
2. ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคุณลกั ษณะท่ีนกั เรียนมีจิตสานึก ค่านิยม และมีคุณธรรม จริยธรรมในการ
อยรู่ ่วมกนั กบั ผอู้ ื่นในสงั คมอยา่ งมีความสุข
3. มวี นิ ยั เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนดา้ นการประพฤติปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของสังคมอยา่ งมี
ความรับผิดชอบและความซ่ือสัตยต์ ่อตนเองและผอู้ ื่น
4. ใฝ่ เรียนรู้ เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนดา้ นความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ อยากรู้
อยากเรียน รักการอา่ น การเขียน การฟัง รู้จกั ต้งั คาถามเพ่ือหาเหตุผล ท้งั ดว้ ยตนเองและร่วมกบั ผอู้ ื่นดว้ ย
ความขยนั หมนั่ เพียร และอดทน และเปิ ดรับความคิดใหม่ ๆ
5. อยู่อย่างพอเพยี ง เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนในการดารงชีวติ อยา่ งมีความพอประมาณ ใช้
ส่ิงของอยา่ งประหยดั พอใจในสิ่งที่ตนมีอยบู่ นหลกั เหตุผล และมีภูมิคุม้ กนั ท่ีดี
6. มุ่งม่ันในการทางาน เป็ นคุณลกั ษณะของนกั เรียนท่ีมีจิตสานึกในการใช้ บริหารงานและ
ทรัพยากรอยา่ งคุม้ ค่าและยง่ั ยนื ในการทางานตามความคิดสร้างสรรค์ มีทกั ษะและมุง่ มนั่ ต่อความสาเร็จ
ของงาน
7. รักความเป็ นไทย เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนที่รู้จกั หวงแหน อนุรักษพ์ ฒั นาวิถีชีวิตของคน
ไทย ประพฤติตามวฒั นธรรมไทยใหค้ งอยคู่ ่ไู ทย
8. มจี ติ สาธารณะ เป็นคุณลกั ษณะที่นกั เรียนไดท้ าประโยชนต์ ามความสามารถ ความถนดั และ
ความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพ่ือแสดงความรับผดิ ชอบ ความเสียสละ มีจิตมุ่งทาประโยชนต์ ่อ
ครอบครัว ชุมชน และสงั คม
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 16
ดงั น้นั การกาหนดภาระงานใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ รวมท้งั การเลือกวธิ ีการและเครื่องมือประเมินผล
การเรียนรู้น้นั ครูควรคานึงถึงความสามารถของนกั เรียน 6 ประการ ตามแนวคิดของ Backward Design
สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรที่ได้
กล่าวไวข้ า้ งตน้ เพื่อใหภ้ าระงาน วิธีการ และเคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ครอบคลมุ สิ่งท่ี
สะทอ้ นผลลพั ธป์ ลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนอยา่ งแทจ้ ริง
นอกจากน้ี การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design ในข้นั ที่ 2 น้ี ครู
จะตอ้ งคานึงถึงภาระงาน วิธีการ เคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ที่มีความเท่ียงตรง เชื่อถือได้ มี
ประสิทธิภาพ ตรงกบั สภาพจริง มีความยดื หยนุ่ และใหค้ วามสบายใจแก่นกั เรียนเป็นสาคญั
ข้ันที่ 3 วางแผนการจดั การเรียนรู้
เมื่อครูมีความรู้ความเขา้ ใจท่ีชดั เจนเกี่ยวกบั การกาหนดผลลพั ธ์ปลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั
นกั เรียน รวมท้งั กาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็นหลกั ฐานท่ีแสดงวา่ นกั เรียนเกิด
การเรียนรู้ตามท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริงแลว้ ข้นั ต่อไปครูควรนึกถึงกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่จะจดั ใหแ้ ก่
นกั เรียน การที่ครูจะนึกถึงกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีจะจดั ใหน้ กั เรียนไดน้ ้นั ครูควรตอบคาถามสาคญั ต่อไปน้ี
– ถา้ ครูตอ้ งการจะจดั การเรียนรู้ใหน้ กั เรียนเกิดความรู้เก่ียวกบั ขอ้ เทจ็ จริง ความคิดรวบยอด
หลกั การ และทกั ษะ/กระบวนการต่าง ๆ ที่จาเป็นสาหรับนกั เรียน ซ่ึงจะทาใหน้ กั เรียนเกิดผลลพั ธ์
ปลายทางตามที่กาหนดไว้ รวมท้งั เกิดเป็นความเขา้ ใจที่คงทนต่อไปน้นั ครูสามารถจะใชว้ ิธีการง่าย ๆ
อะไรบา้ ง
– กิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยเป็นส่ือนาใหน้ กั เรียนเกิดความรู้และทกั ษะท่ีจาเป็นมีอะไรบา้ ง
– ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมและดีที่สุด ซ่ึงจะทาใหน้ กั เรียนบรรลุตามมาตรฐานของ
หลกั สูตรมีอะไรบา้ ง
– กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีกาหนดไวค้ วรจดั กิจกรรมใดก่อน และควรจดั กิจกรรมใดภายหลงั
– กิจกรรมต่าง ๆ ออกแบบไวเ้ พื่อตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของนกั เรียนหรือไม่
เพราะเหตุใด
การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่ือใหน้ กั เรียนเกิดผลลพั ธ์ปลายทางตามแนวคิดของ Backward
Design น้นั วกิ กินส์และแมกไทไดเ้ สนอแนะใหค้ รูเขียนแผนการจดั การเรียนรู้โดยใชแ้ นวคิดของ
WHERETO (ไปท่ีไหน) ซ่ึงมีรายละเอียด ดงั น้ี
W แทน กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีจดั ใหน้ ้นั จะตอ้ งช่วยใหน้ กั เรียนรู้วา่ หน่วยการเรียนรู้น้ีจะดาเนินไป
ในทิศทางใด (Where) และสิ่งท่ีคาดหวงั คืออะไร (What) มีอะไรบา้ ง ช่วยใหค้ รูทราบวา่ นกั เรียนมีความรู้
พ้ืนฐานและความสนใจอะไรบา้ ง
H แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรดึงดดู ความสนใจนกั เรียนทุกคน (Hook) ทาใหน้ กั เรียนเกิดความ
สนใจในสิ่งท่ีจะเรียนรู้ (Hold) และใชส้ ่ิงท่ีนกั เรียนสนใจเป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 17
E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรส่งเสริม และจดั ให้ (Equip) นกั เรียนไดม้ ีประสบการณ์
(Experience) ในแนวคิดหลกั /ความคิดรวบยอด และสารวจ รวมท้งั วินิจฉยั (Explore) ในประเดน็ ต่าง ๆ ที่
น่าสนใจ
R แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดค้ ิดทบทวน (Rethink) ปรับ (Revise)
ความเขา้ ใจในความรู้และงานท่ีปฏิบตั ิ
E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดป้ ระเมิน (Evaluate) ผลงานและสิ่งท่ี
เกี่ยวขอ้ งกบั การเรียนรู้
T แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรออกแบบ (Tailored) สาหรับนกั เรียนเป็นรายบุคคลเพ่ือให้
สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ ความสนใจ และความสามารถที่แตกต่างกนั ของนกั เรียน
O แทน การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นระบบ (Organized) ตามลาดบั การเรียนรู้ของ
นกั เรียน และกระตุน้ ใหน้ กั เรียนมีส่วนร่วมในการสร้างองคค์ วามรู้ต้งั แต่เริ่มแรกและตลอดไป ท้งั น้ีเพื่อ
การเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิผล
อยา่ งไรกต็ าม มีขอ้ สงั เกตวา่ การวางแผนการจดั การเรียนรู้ที่มีการกาหนดวิธีการจดั การเรียนรู้
การลาดบั บทเรียน รวมท้งั สื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจงน้นั จะประสบผลสาเร็จไดก้ ต็ ่อเม่ือครู
ไดม้ ีการกาหนดผลลพั ธป์ ลายทาง หลกั ฐานและวธิ ีการวดั และประเมินผลที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผลการ
เรียนรู้ตามท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริงแลว้ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้เป็นเพียงสื่อท่ีจะนาไปสู่เป้ าหมาย
ความสาเร็จที่ตอ้ งการเท่าน้นั ดว้ ยเหตุน้ีถา้ ครูมีเป้ าหมายที่ชดั เจนกจ็ ะช่วยทาใหก้ ารวางแผนการจดั การ
เรียนรู้และการจดั กิจกรรมการเรียนรู้สามารถทาใหน้ กั เรียนเกิดผลสมั ฤทธ์ิตามที่กาหนดไวไ้ ด้
โดยสรุปจึงกล่าวไดว้ า่ ข้นั น้ีเป็นการคน้ หาสื่อการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ และกิจกรรมการ
เรียนรู้ท่ีสอดคลอ้ งเหมาะสมกบั นกั เรียน กิจกรรมท่ีกาหนดข้ึนควรเป็นกิจกรรมที่จะส่งเสริมใหน้ กั เรียน
สามารถสร้างและสรุปเป็นความคิดรวบยอดและหลกั การท่ีสาคญั ของสาระที่เรียนรู้ ก่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจ
ที่คงทนรวมท้งั ความรู้สึกและค่านิยมที่ดีไปพร้อม ๆ กบั ทกั ษะความชานาญ
เม่ือครูไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั กระบวนการและข้นั ตอนตามแนวคิดแบบ Backward Design แลว้ วธิ ีการ
ที่จะช่วยใหค้ รูสามารถตรวจสอบความคิดโดยภาพรวมของตนเองเกี่ยวกบั ข้นั ตอนต่าง ๆ ตามแนวคิดแบบ
Backward Design ไดก้ ค็ ือ การกาหนดผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดแบบ Backward
Design (Backward Design Template) ครูจะใชผ้ งั น้ีในการออกแบบการจดั การเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ที่จะ
เนน้ ความเขา้ ใจที่คงทนของนกั เรียนได้
ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ 1 หนา้ ประกอบดว้ ยคาถามสาคญั ที่แยกแยะตามข้นั ตอนตาม
แนวคิดแบบ Backward Design ผงั น้ีจะแนะนาใหค้ รูทราบถึงองคป์ ระกอบท่ีสาคญั ของการออกแบบการ
จดั การเรียนรู้เพื่อความเขา้ ใจท่ีคงทนของนกั เรียน ถึงแมว้ า่ ผงั 1 หนา้ น้ี จะไมไ่ ดแ้ สดงรายละเอียดท้งั หมด
ของการจดั การเรียนรู้ แต่ผงั น้ีก็มีความสาคญั หลายประการ คือ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 18
1. บรรยายภาพรวมข้นั ตอนท้งั หมดตามแนวคิดแบบ Backward Design
2. ครูสามารถตรวจสอบไดอ้ ยา่ งรวดเร็วเกี่ยวกบั ขอบเขตการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้
ประจาหน่วยการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน และเป้ าหมายการเรียนรู้ที่ตอ้ งการ
3. ครูสามารถใชผ้ งั น้ีทบทวนส่ิงต่าง ๆ ท่ีปรากฏในหน่วยการเรียนรู้ ซ่ึงครูและหน่วยงานใน
ทอ้ งถิ่นสามารถนาไปปรับปรุงและพฒั นาได้
4. ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ 1 หนา้ เป็นเพียงขอบเขตเร่ิมตน้ ของการออกแบบการ
จดั การเรียนรู้เท่าน้นั ครูสามารถขยายรายละเอียดของการวางแผนการจดั การเรียนรู้ใหม้ ากข้ึนหลาย ๆ
หนา้ ได้
จุดประสงคข์ องการสร้างแบบฟอร์มของผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้กเ็ พ่ือนาเสนอการ
ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ท่ีกะทดั รัด เพราะส่วนประกอบของผงั แต่ละส่วนจะเป็นแนวทางการออกแบบ
การจดั การเรียนรู้ใหค้ รู เมื่อครูออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามผงั น้ีเสร็จเรียบร้อยแลว้ ครูสามารถนาผงั ไป
ใชส้ าหรับการประเมินตนเองหรือใหเ้ พื่อนครูประเมินเก่ียวกบั การจดั การเรียนรู้ รวมท้งั ครูสามารถนาผงั
การจดั การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้ท่ีออกแบบไวอ้ ยา่ งสมบูรณ์แลว้ ไปแลกเปลี่ยนเพื่อเรียนรู้กบั คน
อื่น ๆ ไดอ้ ีกดว้ ย
วิกกินส์และแมกไทไดน้ าเสนอผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ (Backward Design Template)
และคาถามสาคญั สาหรับครูท่ีจะทาการออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยใช้ผงั น้ีไวเ้ ป็นตวั อยา่ ง ดงั น้ี
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 19
ตวั อย่างผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design
หน่วยการเรียนรู้ท_่ี ____________________
ข้นั ท่ี 1 ผลลพั ธ์ปลายทางทต่ี ้องการให้เกดิ ขนึ้ กบั นกั เรียน
ตวั ชีว้ ดั ช่วงช้ัน
1. __________________________________________________________________________
2. __________________________________________________________________________
ความเข้าใจท่คี งทนของนกั เรียน คาถามสาคญั ท่ที าให้เกดิ ความเข้าใจทีค่ งทน
นกั เรียนจะเข้าใจว่า... 1. ____________________________________
1. ____________________________________ 2. ____________________________________
2. ____________________________________
ความรู้ของนักเรียนทน่ี าไปสู่ความเข้าใจทค่ี งทน ทกั ษะ/ความสามารถของนกั เรียนทน่ี าไปสู่ความ
นักเรียนจะรู้ว่า... เข้าใจท่คี งทน นกั เรียนจะสามารถ...
1. ____________________________________ 1. ____________________________________
2. ____________________________________ 2. ____________________________________
3. ____________________________________ 3. ____________________________________
ข้ันท่ี 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานทีแ่ สดงว่านกั เรียนมผี ลการเรียนรู้
ตามท่กี าหนดไว้อย่างแท้จริง
1. ภาระงานทน่ี กั เรียนต้องปฏิบตั ิ
– ____________________________________________________________________________
– ____________________________________________________________________________
2. วธิ ีการและเคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
– ___________________________________ – ___________________________________
– ___________________________________ – ___________________________________
3. ส่ิงทม่ี ุ่งประเมนิ
– ___________________________________________________________________________
– ____________________________________________________________________________
ข้ันที่ 3 แผนการจดั การเรียนรู้
– ____________________________________________________________________________
– ____________________________________________________________________________
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 20
เม่ือครูออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design
แลว้ ครูสามารถเขียนแผนการจดั การเรียนรู้เป็นรายชว่ั โมงไดโ้ ดยใชร้ ูปแบบของแผนการจดั การเรียนรู้
แบบเรียงหวั ขอ้ ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี
ชื่อแผน...(ระบุชื่อและลาดบั ที่ของแผนการจดั การเรียนรู้)
ชื่อเรื่อง...(ระบุช่ือเร่ืองท่ีจะทาการจดั การเรียนรู้)
สาระที่...(ระบุสาระท่ีใชจ้ ดั การเรียนรู้)
เวลา...(ระบุระยะเวลาท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ต่อ 1 แผน)
ช้ัน...(ระบุช้นั ที่จดั การเรียนรู้)
หน่วยการเรียนรู้ท.ี่ ..(ระบุช่ือและลาดบั ท่ีของหน่วยการเรียนรู้)
สาระสาคัญ...(เขียนความคิดรวบยอดหรือมโนทศั นข์ องหวั เร่ืองที่จะจดั การเรียนรู้)
ตวั ชีว้ ดั ช่วงช้ัน...(ระบุตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั ที่ใชเ้ ป็นเป้ าหมายของแผนการจดั การเรียนรู้)
จดุ ประสงค์การเรียนรู้...(กาหนดใหส้ อดคลอ้ งกบั สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึง
ประสงคข์ องนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช
2551 ซ่ึงประกอบดว้ ย
ดา้ นความรู้ (Knowledge: K)
ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และจิตวิทยาศาสตร์ (Affective: A)
ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Performance: P))
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้...(ระบุวิธีการและเคร่ืองมือวดั และประเมินผลท่ีสอดคลอ้ งกบั
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น)
สาระการเรียนรู้...(ระบุสาระและเน้ือหาที่ใชจ้ ดั การเรียนรู้ อาจเขียนเฉพาะหวั เรื่องกไ็ ด)้
แนวทางการบูรณาการ...(เสนอแนะและระบุกิจกรรมของกลุ่มสาระอ่ืนที่บูรณาการร่วมกนั )
กระบวนการจดั การเรียนรู้...(กาหนดใหส้ อดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลุ่มสาระและการบรู ณา
การขา้ มสาระ)
กจิ กรรมเสนอแนะ...(ระบุรายละเอียดของกิจกรรมท่ีนกั เรียนควรปฏิบตั ิเพิ่มเติม)
สื่อ/แหล่งการเรียนรู้...(ระบุสื่อ อปุ กรณ์ และแหล่งเรียนรู้ท่ีใชใ้ นการจดั การเรียนรู้)
บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้...(ระบุรายละเอียดของผลการจดั การเรียนรู้ตามแผนท่ีกาหนดไว้
อาจนาเสนอขอ้ เด่นและขอ้ ดอ้ ยใหเ้ ป็นขอ้ มลู ที่สามารถใชเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการทาวจิ ยั ในช้นั เรียนได)้
ในส่วนของการเขียนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้น้นั ใหค้ รูเขียนโดยนาข้นั ตอนหลกั ของเทคนิค
วิธีการของการจดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นศนู ยก์ ลาง เช่น การเรียนแบบแกป้ ัญหา การศึกษาเป็น
รายบุคคล การอภิปรายกลมุ่ ยอ่ ย/กลุ่มใหญ่ การฝึ กปฏิบตั ิการ การสืบคน้ ขอ้ มลู ฯลฯ มาเขียนในข้นั การ
จดั การเรียนรู้ โดยใหค้ านึงถึงธรรมชาติของกล่มุ สาระการเรียนรู้
การใชแ้ นวคิดของการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design จะช่วยให้
ครูมีความมน่ั ใจในการจดั การเรียนรู้และใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ของ ในการจดั การเรียนรู้
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพต่อไป
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 21
3. แนวทางการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
วิทยาศาสตร์ทาใหค้ นไดพ้ ฒั นาชีวติ ท้งั ความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์
วจิ ารณ์ มีทกั ษะท่ีสาคญั ในการคน้ ควา้ หาความรู้ มีความสามารถในการแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบ สามารถ
ตดั สินใจโดยใชข้ อ้ มลู หลากหลายและประจกั ษพ์ ยานที่ตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวฒั นธรรมของ
โลกสมยั ใหม่ ซ่ึงเป็นสงั คมแห่งความรู้ (knowledge based society) ทุกคนจึงจาเป็นตอ้ งไดร้ ับการพฒั นา
ใหร้ ู้วิทยาศาสตร์ (scientific literacy for all) เพื่อท่ีจะมีความรู้ความเขา้ ใจโลกธรรมชาติและเทคโนโลยีที่
มนุษยส์ ร้างสรรคข์ ้ึน และนาความรู้ไปใชอ้ ยา่ งมีเหตุผล สร้างสรรค์ มีคุณธรรม ความรู้วทิ ยาศาสตร์ไม่
เพียงแต่นามาใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ยงั ช่วยใหค้ นมีความรู้ความเขา้ ใจธรรมชาติอยา่ งสมดุล
และยงั่ ยนื และที่สาคญั อยา่ งย่งิ คือ ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยเพ่ิมขีดความสามารถในการพฒั นาเศรษฐกิจ
สามารถแข่งขนั กบั นานาประเทศและดาเนินชีวติ อยรู่ ่วมกนั ในสงั คมโลกไดอ้ ยา่ งมีความสุข การท่ีจะสร้าง
ความเขม้ แขง็ ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์น้นั องคป์ ระกอบท่ีสาคญั ประการหน่ึงคือ การจดั การศึกษาเพ่ือเตรียม
คนใหอ้ ยใู่ นสงั คมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นท้งั ผผู้ ลิตและผบู้ ริโภคที่มีประสิทธิภาพ
วทิ ยาศาสตร์เป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้หลกั ในโครงสร้างหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
พุทธศกั ราช 2551 หลกั สูตรและการจดั การเรียนรู้ ตลอดจนการวดั และประเมินผลการเรียนรู้มี
ความสาคญั อยา่ งยิง่ ในการวางรากฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ของนกั เรียนแต่ละระดบั ช้นั ใหต้ ่อเน่ือง
เชื่อมโยงต้งั แต่ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 ถึงมธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 ดงั น้นั จึงจาเป็นที่จะตอ้ งจดั หลกั สูตรแกนกลาง
ท่ีมีการเรียงลาดบั ความยากง่ายของเน้ือหาสาระในแต่ละระดบั ช้นั การเชื่อมโยงความรู้กบั กระบวนการ
การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่จะทาใหน้ กั เรียนพฒั นาความคิด ท้งั ความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์
คิดวเิ คราะหว์ ิจารณ์ มีทกั ษะท่ีสาคญั ในการคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ สามารถแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบ สามารถตดั สินใจโดยใชข้ อ้ มลู หลากหลายและประจกั ษพ์ ยานที่
ตรวจสอบได้ มีทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มลู และการจดั การ รวมถึงมีการพฒั นาทกั ษะ
สาหรับการดารงชีวิตในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 ที่เรียกวา่ ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 โดยเนน้ การคิดวิเคราะห์
การแกป้ ัญหา การร่วมมือ และการส่ือสาร ซ่ึงนกั เรียนจะไดฝ้ ึ กฝนและเรียนรู้การลงมือทางานเป็นทีม
มากกวา่ การท่องจาขอ้ มูล และยงั ไดฝ้ ึ กฝนเก่ียวกบั การสื่อสารโดยการรับฟังผอู้ ่ืนและถา่ ยทอดความคิดให้
ผอู้ ่ืนเขา้ ใจไดอ้ ยา่ งชดั เจน การอ่านขอ้ มลู จากแหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ รวมท้งั การเขียนหรืออธิบายผา่ นวธิ ีการ
ต่าง ๆ ที่หลากหลายไดอ้ ยา่ งชดั เจน ซ่ึงเป็นทกั ษะที่นกั เรียนจาเป็นตอ้ งมีสาหรับการทางานใหป้ ระสบ
ความสาเร็จ
การจดั การเรียนรู้กลุม่ สาระวิทยาศาสตร์ เนน้ กระบวนการท่ีนกั เรียนเป็นผคู้ ิดลงมือปฏิบตั ิ ศึกษา
คน้ ควา้ อยา่ งมีระบบดว้ ยกิจกรรมท่ีหลากหลาย ท้งั การปฏิบตั ิกิจกรรมภาคสนาม การสงั เกต การสารวจ
ตรวจสอบ การทดลองในหอ้ งปฏิบตั ิการ การสืบคน้ ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มลู ปฐมภูมิและทุติยภูมิ การทา
โครงงานวิทยาศาสตร์ การศึกษาจากแหลง่ การเรียนรู้ในทอ้ งถิ่น โดยคานึงถึงวฒุ ิภาวะ ประสบการณ์เดิม
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 22
สิ่งแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมท่ีต่างกนั ที่นกั เรียนรับรู้มาแลว้ ก่อนเขา้ สู่หอ้ งเรียน การเรียนรู้ของนกั เรียนจะ
เกิดข้ึนระหวา่ งท่ีนกั เรียนมีส่วนร่วมโดยตรงในการทากิจกรรมการเรียนเหลา่ น้นั จึงจะมีความสามารถใน
การสืบเสาะหาความรู้ มีความสามารถในการแกป้ ัญหาดว้ ยวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ ไดพ้ ฒั นา
กระบวนการคิดข้นั สูง และคาดหวงั วา่ กระบวนการเรียนรู้ดงั กลา่ วจะทาใหน้ กั เรียนไดร้ ับการพฒั นา
เจตคติทางวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรมในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์อยา่ งสร้างสรรค์ มีเจตคติและค่านิยม
ที่เหมาะสมต่อวิทยาศาสตร์ รวมท้งั สามารถสื่อสารและทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
การจดั การเรียนรู้ครูตอ้ งศึกษาเป้ าหมายและปรัชญาของการจดั การเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจอยา่ งถอ่ งแท้
ทาความเขา้ ใจหลกั การ ทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ตลอดจนกระบวนการเรียนรู้ท่ีเนน้ กระบวนการและถือวา่
นกั เรียนมีความสาคญั ท่ีสุด แลว้ พิจารณาเลือกนาไปใช้ ออกแบบกิจกรรมที่หลากหลายใหเ้ หมาะสมกบั
เน้ือหาสาระ เหมาะกบั สภาพแวดลอ้ มของโรงเรียน แหล่งการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน และที่สาคญั คือศกั ยภาพของ
นกั เรียนดว้ ย ดงั น้นั ในเน้ือหาสาระเดียวกนั ครูแต่ละโรงเรียนยอ่ มจดั การเรียนการสอนและใชส้ ่ือการ
เรียนการสอนท่ีแตกต่างกนั ไดด้ ว้ ยเหตุผลที่กลา่ วขา้ งตน้
วธิ ีการหรือเทคนคิ การจดั การเรียนรู้ทใี่ ช้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
วิธีการหรือเทคนิคท่ีนามาใชใ้ นกระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มีอยมู่ ากมายหลายวิธี ซ่ึงแต่ละ
วธิ ีจะมีประสิทธิผลในการสร้างความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ และการใหโ้ อกาสนกั เรียนไดแ้ สดงบทบาท
แตกต่างกนั ออกไป ดงั น้นั ในการพิจารณาเลือกวิธีการใดมาใชค้ รูตอ้ งวเิ คราะหผ์ ลการเรียนรู้ก่อนวา่
ตอ้ งการใหน้ กั เรียนเกิดพฤติกรรมใด ในระดบั ใด จึงจะนามาปรับใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั นกั เรียน ท้งั น้ีเพ่ือให้
การเรียนรู้ของนกั เรียนบรรลตุ ามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ที่กาหนด
ในค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้เลม่ น้ี เป็นการจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการความรู้กบั เทคนิค
การจดั การเรียนรู้ที่หลากหลายเขา้ ดว้ ยกนั ซ่ึงมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี
การจดั การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็ นฐาน (Brain-based Learning: BBL)
การจดั การเรียนรู้โดยใชส้ มองเป็นฐานเป็นการจดั การเรียนรู้ที่อิงผลการวิจยั ทางประสาทวิทยา
ซ่ึงไดเ้ สนอแนะวา่ ตามธรรมชาติน้นั สมองเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งไร โดยไดก้ ลา่ วถึงโครงสร้างที่แทจ้ ริงของ
สมองและการทางานของสมองมนุษยท์ ่ีมีการเปลี่ยนแปลงไปตามข้นั ของการพฒั นา การจดั การเรียนรู้
แบบน้ีจึงเนน้ การเรียนรู้ท่ีตอ้ งใชท้ ุกส่วนของร่างกายไปพร้อม ๆ กนั ท้งั การคิด ความรู้สึก และการลง
มือปฏิบตั ิ ซ่ึงการจดั การเรียนรู้สามารถออกแบบใหอ้ ยใู่ นรูปของคาถามหรือกิจกรรมที่นาไปใชเ้ ป็น
กิจกรรมนาเขา้ สู่บทเรียนหรือระหวา่ งการจดั การเรียนรู้ เพ่ือใหน้ กั เรียนเกิดการเชื่อมโยงความรู้สู่การ
ปฏิบตั ิจริง โดยมงุ่ พฒั นาศกั ยภาพสูงสุดในการเรียนรู้ของนกั เรียน
การจดั การเรียนรู้แบบกลบั ด้านช้ันเรียน (Flipped Classroom)
การจดั การเรียนรู้แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียนเป็นการปรับรูปแบบการเรียนการสอนซ่ึงจากเดิมครูเป็น
ผบู้ รรยายเน้ือหาในช้นั เรียน แลว้ ใหน้ กั เรียนกลบั ไปทาสิ่งที่ครูมอบหมายท่ีบา้ น เปล่ียนมาเป็นนกั เรียน
กลบั ไปคน้ ควา้ ความรู้ดว้ ยตนเองท่ีบา้ น แลว้ นาขอ้ สงสยั ต่าง ๆ มาซกั ถามพร้อมกบั นาส่ิงที่ไดร้ ับ
มอบหมายใหไ้ ปทาที่บา้ นมาทาท่ีช้นั เรียนโดยมีครูคอยแนะนาแทน การจดั การเรียนการสอนแบบกลบั
ดา้ นช้นั เรียนน้ี การบรรยายของครูจะถกู บนั ทึกเป็นวดิ ีโอเพ่ือให้นกั เรียนนาไปศึกษาล่วงหนา้ ท่ีบา้ น เมื่อ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 23
เขา้ ช้นั เรียนในวนั รุ่งข้ึนนกั เรียนจะซกั ถามขอ้ สงสยั ต่าง ๆ จากการดวู ิดีโอกบั ครู แลว้ จึงใหน้ กั เรียน
ทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายและปฏิบตั ิกิจกรรมโดยมีครูคอยตอบขอ้ สงสยั และแนะนาช่วยเหลือ ซ่ึงการ
จดั การเรียนการสอนแบบน้ี เป็นการปรับบทบาทและความสาคญั ในช้นั เรียนจากครูไปใหค้ วามสาคญั ที่
ตวั นกั เรียนมากข้ึน และทาใหค้ รูไดใ้ ชเ้ วลาในการมีปฏิสัมพนั ธ์กบั นกั เรียนแทนการบรรยายหนา้ ช้นั เรียน
เพียงอยา่ งเดียวอีกดว้ ย
จากหลกั การดงั กล่าว เพื่อเป็นการช่วยใหค้ รูไดน้ าหลกั การจดั การเรียนการสอนแบบกลบั ดา้ น
ช้นั เรียนไปใชไ้ ดส้ ะดวกยงิ่ ข้ึน และเป็นการสนองนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ในคู่มือครู แผนการ
จดั การเรียนรู้เล่มน้ี จึงไดม้ ีการประยกุ ตก์ ารจดั การเรียนการสอนแบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน โดยไดป้ รับการ
บรรยายของครูโดยการบนั ทึกเป็นวดิ ีโอ มาเป็นการมอบหมายงานใหน้ กั เรียนไปอ่านและศึกษาคน้ ควา้
หรือปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ดว้ ยตนเองลว่ งหนา้ ที่บา้ นแทน แลว้ ในวนั รุ่งข้ึนจึงใหน้ กั เรียนนาขอ้ สงสยั ที่
ไดจ้ ากการอา่ น ศึกษาคน้ ควา้ หรือจากการปฏิบตั ิกิจกรรมมาซกั ถาม อภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้กนั ในช้นั
เรียน จากน้นั จึงใหน้ กั เรียนทางานที่ไดร้ ับมอบหมายและปฏิบตั ิกิจกรรมในช้นั เรียน เพื่อใหเ้ กิดการ
เรียนรู้ร่วมกนั อยา่ งยงั่ ยนื ต่อไป
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process)
นอกจากการจดั การเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ท่ีกลา่ วมาแลว้ ในค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ เล่มน้ี
ยงั เนน้ วิธีการหรือเทคนิคท่ีนามาใชใ้ นกระบวนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยมีการจดั การเรียนรู้ที่เนน้
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ที่สอดคลอ้ งกบั แนวทางของสถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ ซ่ึงกระบวนการสืบเสาะหาความรู้เป็นเทคนิคการจดั การเรียนรู้
ที่กระตุน้ ใหน้ กั เรียนไดส้ ืบคน้ หรือคน้ หาคาตอบในเร่ืองหรือประเดน็ ท่ีกาหนดข้ึน เนน้ ใหน้ กั เรียนรู้จกั
รับผดิ ชอบกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง โดยท่ีครูมีบทบาทในการใหค้ วามกระจ่างและเป็นผอู้ านวยความ
สะดวก ซ่ึงจะช่วยใหน้ กั เรียนสามารถคน้ พบขอ้ มลู และจดั ระบบความหมายของขอ้ มลู ของตนเอง นกั เรียน
ตอ้ งผา่ นการฝึ กทกั ษะและกระบวนการสืบเสาะหาความรู้จากครู ก่อนท่ีจะทาการสืบคน้ ขอ้ ความรู้ หวั ขอ้
หรือประเดน็ ที่นกั เรียนศึกษาน้นั ควรสมั พนั ธก์ บั หลกั สูตรและสอดคลอ้ งกบั พฒั นาการของนกั เรียน ครูตอ้ ง
ตระหนกั เสมอวา่ ตอ้ งเนน้ กระบวนการมากกวา่ “ผลที่ได้จากกระบวนการ” และตอ้ งตรวจสอบวา่ ไดจ้ ดั
สิ่งอานวยความสะดวก ส่ือ และแหลง่ การเรียนรู้ที่เหมาะสมที่จะเอ้ืออานวยใหน้ กั เรียนประสบความสาเร็จ
ในการเรียน
ขัน้ ตอนกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ประกอบด้วย 5 ขัน้ ตอนหลกั ดังนี้
1) สร้างความสนใจ
การสร้างความสนใจเป็นการนาเขา้ สู่บทเรียนหรือเรื่องท่ีสนใจ โดยที่ครูจดั สถานการณ์หรือ
เรื่องราวท่ีน่าสนใจเพ่ือกระตุน้ ใหน้ กั เรียนสงั เกต สงสยั ในเหตุการณ์หรือเรื่องราว หรืออาจเร่ิมจากความ
สนใจของตวั นกั เรียนเอง เร่ืองท่ีน่าสนใจอาจมาจากขอ้ สงสยั ที่ไดจ้ ากการอ่าน ศึกษาคน้ ควา้ หรือจากการ
ปฏิบตั ิกิจกรรมที่นกั เรียนไปปฏิบตั ิลว่ งหนา้ จากการจดั การเรียนรู้แบบกลบั ดา้ นช้นั เรียน หรือเหตุการณ์ที่
กาลงั เกิดข้ึนในช่วงเวลาน้นั หรือเป็นเร่ืองท่ีเช่ือมโยงกบั ความรู้เดิมท่ีเพิ่งเรียนรู้มาแลว้ จะเป็นตวั กระตุน้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 24
ใหน้ กั เรียนสร้างคาถาม กาหนดประเดน็ ที่จะศึกษา เมื่อไดป้ ระเดน็ ที่ตอ้ งการศึกษา ท้งั ครูและนกั เรียน
ร่วมกนั กาหนดขอบเขตและแจกแจงรายละเอียดของเรื่องท่ีจะศึกษาใหม้ ีความชดั เจนยงิ่ ข้ึน
2) สารวจและค้นหา
หลงั จากทาความเขา้ ใจในประเดน็ หรือคาถามท่ีสนใจจะศึกษาแลว้ นกั เรียนวางแผนกาหนด
แนวทางการสารวจตรวจสอบ ต้งั สมมุติฐาน และกาหนดทางเลือกที่เป็นไปไดแ้ ลว้ ลงมือปฏิบตั ิเพื่อเกบ็
รวบรวมขอ้ มูล ขอ้ สนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ วธิ ีการตรวจสอบอาจทาไดห้ ลายวิธี เช่น การทดลอง
การทากิจกรรมภาคสนาม การศึกษาหาขอ้ มลู จากเอกสารอา้ งอิงหรือแหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มลู
อยา่ งเพียงพอ สรุปส่ิงท่ีคาดวา่ จะเป็นคาตอบของปัญหาหรือสมมุติฐานน้นั
3) อธิบายและลงข้อสรุป
นกั เรียนนาขอ้ มลู ขอ้ สนเทศท่ีไดว้ ิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนาเสนอผลในรูปแบบ
ต่าง ๆ เช่น การบรรยายสรุป การสร้างตาราง ซ่ึงการคน้ พบในข้นั น้ีอาจสนบั สนุนหรือโตแ้ ยง้ กบั
สมมุติฐานท่ีต้งั ไว้ หรือไมเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ประเดน็ ที่กาหนดไว้ แต่ไม่วา่ ผลจะอยใู่ นรูปใดกต็ าม กส็ ามารถ
สร้างความรู้และช่วยใหเ้ กิดความรู้ไดเ้ ช่นกนั
4) ขยายความรู้
เป็นข้นั ตอนท่ีนกั เรียนนาความรู้ท่ีสร้างข้ึนไปเชื่อมโยงกบั ความรู้เดิม หรือแนวคิดท่ีได้
คน้ ควา้ เพ่ิมเติม หรือขอ้ สรุปท่ีไดไ้ ปอธิบายเหตุการณ์อื่น ๆ
5) ประเมิน
ครูประเมินการเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการต่าง ๆ วา่ นกั เรียนมีความรู้อะไรบา้ ง อยา่ งไร และ
มากนอ้ ยเพียงใด จากข้นั น้ีจะนาไปสู่การนาความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นเร่ืองหรือสถานการณ์อ่ืน ๆ
ข้นั การจดั การเรียนรู้ ในค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้เลม่ น้ี ไดบ้ ูรณาการกระบวนการสืบ
เสาะหาความรู้กบั เทคนิควธิ ีการจดั การเรียนรู้อ่ืน ๆ ที่นิยมใชส้ าหรับจดั การเรียนรู้ตามธรรมชาติของกล่มุ
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เช่น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Process) การทดลอง
(Experiment) การฝึ กปฏิบตั ิการ (Practice) การอภิปรายกลุ่มยอ่ ย (Small Group Discussion) กระบวนการ
แกป้ ัญหา (Problem solving process) กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจ (Cooperative Learning)
และโครงงาน (Project Work) ซ่ึงไดร้ วบรวมรายละเอียดบนั ทึกไวใ้ นแผน่ ซีดีรอม
อยา่ งไรกต็ าม ครูควรศึกษาธรรมชาติของวชิ าวิทยาศาสตร์ ความยากง่ายของเน้ือหาสาระ ความรู้
ความสามารถนกั เรียน สภาพความพร้อมดา้ นสื่ออุปกรณ์และแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ของโรงเรียน
เพ่ือที่จะไดน้ าวิธีการจดั การเรียนรู้และเทคนิคต่าง ๆ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ครูสามารถใช้
หลาย ๆ วิธีผสมผสานกนั เพื่อสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ และท่ีสาคญั ครูควรประเมินผลการจดั การ
เรียนรู้และบนั ทึกขอ้ มลู ไวเ้ พื่อนาไปปรับปรุง และพฒั นาแผนการจดั การเรียนรู้หรือทาวิจยั ในช้นั เรียน
ต่อไป
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 25
การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้
การวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ เป็นข้นั ตอนของการตรวจสอบผลการจดั กิจกรรมการ
เรียนรู้วา่ ก่อนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ และหลงั จากจดั กิจกรรมการ
เรียนรู้แลว้ นกั เรียนมีพฒั นาการ มีความสามารถ มีความสาเร็จทางการเรียนหรือบรรลผุ ลการเรียนตามท่ี
คาดหวงั หรือไม่ และมีผลการเรียนรู้อยใู่ นระดบั ใด ในคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ี ไดอ้ อกแบบ
วิธีการและเคร่ืองมือสาหรับการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียนไว้ ดงั น้ี
1. กจิ กรรมฝึ กทักษะ ไดอ้ อกแบบไวท้ ้งั ท่ีเป็นแบบทดสอบแบบปรนยั และอตั นยั เพื่อพฒั นา
ทกั ษะดา้ นการคิดวิเคราะห์ การเขียน การอา่ น การแสดงความคิดเห็น ซ่ึงครูสามารถเลือกกิจกรรมที่เห็น
วา่ สาคญั มาเป็นเครื่องมือในการประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียนได้
2. กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษา (STEM Education) ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นกิจกรรมเสนอแนะ ครูสามารถ
นาไปใชจ้ ดั กิจกรรมเสริมนอกเวลาเรียนได้ สะเตม็ ศึกษาเป็นแนวทางใหมใ่ นการจดั การเรียนรู้ท่ีบรู ณาการ
วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์เขา้ ดว้ ยกนั เพื่อนาความรู้เหลา่ น้ีไปใชแ้ กป้ ัญหา พฒั นา
นวตั กรรม และสร้างสรรคช์ ิ้นงานท่ีเป็นประโยชนใ์ นชีวติ จริง ช่วยใหน้ กั เรียนไดใ้ ชก้ ระบวนการคิด การ
แกป้ ัญหา การเชื่อมโยงความสมั พนั ธ์กบั สิ่งต่าง ๆ รอบตวั และส่งเสริมการพฒั นาทกั ษะในศตวรรษที่ 21
3. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นแบบทดสอบแบบปรนยั เพ่ือความ
สะดวกของครูในการตรวจสอบความกา้ วหนา้ ทางการเรียนรู้ของนกั เรียน อน่ึงแบบทดสอบก่อนเรียน
และหลงั เรียนน้ี ครูอาจนาไปใชส้ าหรับการวิจยั ในช้นั เรียนได้
4. การวดั และการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ไดอ้ อกแบบการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ไว้ 4
ดา้ น ดงั น้ี
4.1 ด้านความรู้ ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นแบบทดสอบแบบปรนยั ตามตวั ช้ีวดั ช่วงช้นั ของแต่ละ
หน่วยการเรียนรู้ที่สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้และสาระแกนกลาง ท้งั น้ีเพื่อเป็นการตรวจสอบ
ความรู้ ความคิดของนกั เรียนเกี่ยวกบั เร่ืองที่ไดเ้ รียนรู้ไปแลว้
4.2 ด้านคุณธรรม จริยธรรม และจติ วทิ ยาศาสตร์ ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นแบบตรวจสอบ
รายการและแบบมาตรประมาณค่า โดยใชว้ ิธีการสงั เกต สอบถาม หรือสมั ภาษณ์ ซ่ึงครูสามารถนาไปใช้
ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนกั เรียนได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการปฏิบตั ิ
กิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงไดใ้ ชต้ วั บ่งช้ีคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องจิตวทิ ยาศาสตร์ ซ่ึงแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์
1) เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ เป็นลกั ษณะนิสยั ของนกั เรียนท่ีคาดหวงั วา่ จะไดร้ ับการพฒั นา
ในตวั นกั เรียนโดยผา่ นกระบวนการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ คุณลกั ษณะของเจตคติทางวิทยาศาสตร์
ประกอบดว้ ย
(1) ความสนใจใฝ่ รู้หรือความอยากรู้อยากเห็น
(2) ความมุง่ มนั่ อดทน รอบคอบ
(3) ความซ่ือสตั ย์
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 26
(4) ความประหยดั
(5) ความใจกวา้ ง ร่วมแสดงความคิดเห็นและรับฟังความคิดของผอู้ ื่น
(6) ความมีเหตุผล
(7) การทางานร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์
2) เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ เป็นความรู้สึกที่นกั เรียนมีต่อการทากิจกรรมการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ดว้ ยกิจกรรมท่ีหลากหลาย คุณลกั ษณะของเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย
(1) พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ียวกบั วทิ ยาศาสตร์
(2) ศรัทธาและซาบซ้ึงในผลงานทางวทิ ยาศาสตร์
(3) เห็นคุณค่าและประโยชนข์ องวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(4) ตระหนกั ในคุณและโทษของการใชเ้ ทคโนโลยี
(5) เรียนหรือเขา้ ร่วมกิจกรรมทางวทิ ยาศาสตร์อยา่ งสนุกสนาน
(6) เลือกใชว้ ิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการคิดและปฏิบตั ิ
(7) ต้งั ใจเรียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์
(8) ใชค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ งมีคุณธรรม
(9) ใชค้ วามรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยโี ดยใคร่ครวญ ไตร่ตรองถึงผลดีและ
ผลเสีย
4.3 ด้านทักษะ/กระบวนการ ไดอ้ อกแบบไวเ้ ป็นแบบตรวจสอบรายการ และแบบมาตรประมาณ
ค่า โดยใชว้ ิธีการสงั เกต สอบถาม หรือสมั ภาษณ์ ซ่ึงครูสามารถนาไปใชป้ ระเมินทกั ษะ/กระบวนการของ
นกั เรียนได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการนาความรู้ไปใชใ้ น
ชีวติ ประจาวนั ซ่ึงไดใ้ ชต้ วั บ่งช้ีท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะการคิด ทกั ษะ
การเรียนรู้ ทกั ษะการแกป้ ัญหา และทกั ษะกระบวนการทางานกลุ่ม ดงั น้ี
1) พฤตกิ รรมในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม (เป็นรายบุคคลหรือรายกลุ่ม) เช่น ความรับผิดชอบ ความ
รอบคอบ ความมีระเบียบวินยั ความขยนั หมนั่ เพียร ความซ่ือสตั ย์ ความสนใจ ความต้งั ใจ เป็นตน้
2) ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ทกั ษะการสงั เกต การลงความเห็นจากขอ้ มลู
การจาแนกประเภท การวดั การใชต้ วั เลข การส่ือความหมาย การพยากรณ์ การต้งั สมมตุ ิฐาน การกาหนด
และควบคุมตวั แปร การทดลอง การกาหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการของตวั แปร การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
สเปซกบั เวลาและการตีความหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป
3) ทักษะการคิด ไดแ้ ก่ ความสามารถในการสรุปความคิด การแปลความ การวิเคราะห์
หลกั การ การนาไปใช้ และการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ
4) ทกั ษะการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการแสวงหาขอ้ มูลความรู้โดยการอ่าน การฟังและ
การสงั เกต ความสามารถในการส่ือสารโดยการพดู การเขียนและการนาเสนอ ความสามารถในการ
ตีความ การสร้างแผนภูมิ แผนที่ ตาราง เวลา และการจดบนั ทึก ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีและ
สารสนเทศต่าง ๆ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 27
5) ทกั ษะกระบวนการกล่มุ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการเป็นผนู้ าและผตู้ ามในการปฏิบตั ิงานกลุ่ม
การมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางานกลุ่ม การปฏิบตั ิหนา้ ที่ตามท่ีไดร้ ับมอบหมายจาก
กลุ่มดว้ ยความรับผดิ ชอบ ความสามารถในการสร้างสรรคผ์ ลงานกลุ่มไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และความ
ภาคภูมิใจในผลงานของกลุ่ม
6) ทักษะการแก้ปัญหา ไดแ้ ก่ ความสามารถในการต้งั คาถามและการต้งั สมมุติฐานอยา่ งมีระบบ
การรวบรวมขอ้ มลู การวเิ คราะหข์ อ้ มลู การทดสอบสมมุติฐาน การแปลความหมายของขอ้ มลู การ
นาเสนอขอ้ มูล และการสรุปผล
4.4 ด้านสมรรถนะสาคัญของนักเรียน เนน้ การวดั สมรรถนะที่สาคญั ของนกั เรียนที่เกิดจากการ
เรียนรู้ หลงั จากจบหน่วยการเรียนรู้ ใชเ้ ครื่องมือประเภทมาตรประมาณค่า โดยใหน้ กั เรียนประเมินตนเอง
สมรรถนะสาคญั ของนกั เรียมมี 5 ดา้ น ดงั น้ี
(1) การส่ือสาร
(2) การคิด
(3) การแกป้ ัญหา
(4) การใชท้ กั ษะกระบวนการและทกั ษะในการดาเนินชีวติ
(5) การใชเ้ ทคโนโลยี
อยา่ งไรกต็ าม การจดั การเรียนรู้และการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้จะเกิดประสิทธิผลและ
มีประสิทธิภาพไดก้ ต็ ่อเมื่อครูไดเ้ ตรียมการสอนล่วงหนา้ การฝึ กทกั ษะในกิจกรรมต่าง ๆ ครูควรเปิ ด
โอกาสใหน้ กั เรียนไดส้ ืบคน้ ขอ้ มลู ดว้ ยตนเอง ดาเนินการวดั และการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง
ท้งั น้ีเน่ืองจากโรงเรียนแต่ละแห่งมีสภาพแวดลอ้ มทางการเรียนรู้และสภาพนกั เรียนท่ีแตกต่างกนั ดว้ ยเหตุ
น้ีครูจึงตอ้ งเตรียมการจดั การเรียนรู้และเคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพของ
นกั เรียนและสภาพแวดลอ้ มของโรงเรียนของตน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดล
4. ตารางวเิ คราะห์ความสอดคล้องของเนือ้ หาในหน่วยการเรียนรู้กบั สาระ
กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดล้อม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี
2
เนอื้ หา 2.1 2.2
1 2 3 1 2 31
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ส่ิงมชี ีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม
ตอนท่ี 1 ระบบนิเวศ
ตอนท่ี 2 ประชากรและการเปลี่ยนแปลงใน
ระบบนิเวศ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ปัญหาส่ิงแวดล้อม
ตอนท่ี 1 ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและ
ทรัพยากรธรรมชาติ
ตอนที่ 2 การพฒั นาที่ยง่ั ยนื
หมายเหตุ สาระท่ี 2 ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม สาระท่ี 8 ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์และเทค
ลอ้ ม ม. 4–6 28
ะ มาตรฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และตัวชี้วดั ช่วงช้ัน 12
4–6
สาระที่
8
มฐ. ว
8.1
ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11
คโนโลยี
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม
5. โครงสร้างการแบ่งเวลารายชั่วโมงในการจัดการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรีย
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ ชวั่ โมงท
แผนที่ 1 ระบบนิเวศในธรรมชาติ ปฐมนิเท
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 (2 ชว่ั โมง) 1. ระบบ
สิ่งมชี ีวติ กบั สิ่งแวดล้อม
ตอนท่ี 1 ระบบนิเวศ แผนที่ 2 ระบบนิเวศบนดินและแหลง่ น้า ชว่ั โมงท
(5 แผน) (2 ชวั่ โมง) 1.1 ระ
1.2 ระ
แผนท่ี 3 ระบบนิเวศท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน
(2 ชว่ั โมง) ชว่ั โมงท
2. ระบบ
แผนที่ 4 องคป์ ระกอบในระบบนิเวศ
(2 ชว่ั โมง) ชว่ั โมงท
3. องคป์
3.1 อง
3.2 อง
ม ม. 4–6 29
ยนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดล้อม ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6
ช่ัวโมงท่ี หมายเหตุ
ท่ี 1–2 ระบบนิเวศในธรรมชาติ
ทศและขอ้ ตกลงในการเรียน
บนิเวศธรรมชาติ
ท่ี 3–4 ระบบนิเวศบนดินและแหลง่ น้า
ะบบนิเวศบนบก
ะบบนิเวศแหลง่ น้า
ท่ี 5–6 ระบบนิเวศท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน
บนิเวศที่มนุษยส์ ร้างข้ึน
ที่ 7–8 องคป์ ระกอบในระบบนิเวศ
ประกอบของระบบนิเวศ
งคป์ ระกอบทางชีวภาพ
งคป์ ระกอบทางกายภาพ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้
แผนที่ 5 ความสัมพนั ธ์ในระบบนิเวศ ชว่ั โมงท
(1 ชวั่ โมง) 4. ความส
5. ความส
ตอนที่ 2 ประชากรและการ แผนท่ี 6 การเปล่ียนแปลงในระบบนิเวศ
เปล่ียนแปลงในระบบนิเวศ (2 ชวั่ โมง) 5.1 คว
(1 แผน) 5.2 คว
ร่วมกนั
ทดสอบกลางภาค
(1 ชว่ั โมง) ชวั่ โมงท
1. ประช
2. กระบ
2.1 กา
2.2 กา
ชวั่ โมงท
ม ม. 4–6 30
ชั่วโมงที่ หมายเหตุ
ท่ี 9 ความสมั พนั ธ์ในระบบนิเวศ
สมั พนั ธ์ระหวา่ งสภาพแวดลอ้ มกบั สิ่งมีชีวติ
สมั พนั ธข์ องสิ่งมีชีวิตท่ีอาศยั ร่วมกนั ในระบบนิเวศ
วามสมั พนั ธ์ของส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกนั
วามสมั พนั ธข์ องสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกนั ท่ีอาศยั อยู่
ท่ี 10–11 การเปล่ียนแปลงในระบบนิเวศ ปรับเปล่ียนชว่ั โมง
ชากรและการเปลี่ยนแปลงขนาดประชากร ทดสอบตามความ
บวนการเปลี่ยนแปลงแทนท่ี เหมาะสม
ารเปลี่ยนแปลงแทนท่ีข้นั ปฐมภูมิ
ารเปล่ียนแปลงแทนที่ข้นั ทุติยภมู ิ
ที่ 12 ทดสอบกลางภาค
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แผนที่ 7 ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและ ชวั่ โมงท
ทอ้ งถิ่น
ปัญหาสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติระดบั ทอ้ งถิ่น 1. ปัญหา
ตอนที่ 1 ปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม (1 ชวั่ โมง) 1.1 ปัญ
และทรัพยากรธรรมชาติ 1.2 ปัญ
1.3 ปัญ
(3 แผน)
ชว่ั โมงท
แผนที่ 8 ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มและ ระดบั ปร
ทรัพยากรธรรมชาติระดบั ประเทศ 2. ปัญหา
(2 ชวั่ โมง)
2.1 ปัญ
แผนท่ี 9 ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและ 2.2 ปัญ
ทรัพยากรธรรมชาติระดบั โลก 2.3 ปัญ
(2 ชวั่ โมง)
ชว่ั โมงท
ระดบั โล
3. ปัญหา
3.1 กา
3.2 ปร
ม ม. 4–6 31
ช่ัวโมงที่ หมายเหตุ
ที่ 13 หาส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติระดบั
าส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติระดบั ทอ้ งถิ่น
ญหามลพิษทางน้า
ญหามลพิษทางดิน
ญหามลพิษจากขยะมลู ฝอย
ท่ี 14–15 ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ
ระเทศ
าส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติระดบั ประเทศ
ญหามลพิษทางอากาศ
ญหาการทาลายป่ าไม้
ญหาจากการใชพ้ ลงั งาน
ท่ี 16–17 ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ
ลก
าสิ่งแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติระดบั โลก
ารทาลายช้นั โอโซนของบรรยากาศ
รากฏการณ์เรือนกระจก
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม
หน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้
ตอนท่ี 2 การพฒั นาที่ยง่ั ยืน แผนท่ี 10 การพฒั นาท่ียงั่ ยนื ชวั่ โมงท
1. ความห
(1 แผน) (2 ชวั่ โมง) 2. หลกั ก
ชว่ั โมงท
ทดสอบปลายภาค
(1 ชวั่ โมง)
ม ม. 4–6 32
ช่ัวโมงท่ี หมายเหตุ
ที่ 18–19 การพฒั นาที่ยง่ั ยืน ปรับเปลี่ยนชว่ั โมง
หมายของการพฒั นาที่ยงั่ ยนื ทดสอบตามความ
การและแนวทางปฏิบตั ิที่นาไปสู่การพฒั นาท่ียง่ั ยืน เหมาะสม
ที่ 20 ทดสอบปลายภาค
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 33
ตอนที่ 2
แผนการจดั การเรียนรู้
วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม
ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4–6
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 34
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สิ่งมชี ีวติ กบั สิ่งแวดล้อม เวลา 11 ช่ัวโมง
ผงั มโนทศั น์เป้ าหมายการจดั การเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน
ความรู้
1. ระบบนิเวศธรรมชาติ
2. ระบบนิเวศท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน
3. องคป์ ระกอบของระบบนิเวศ
4. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสภาพแวดลอ้ มกบั สิ่งมีชีวติ
5. ความสมั พนั ธข์ องสิ่งมีชีวิตท่ีอาศยั ร่วมกนั ในระบบนิเวศ
6. ประชากรและการเปล่ียนแปลงขนาดประชากร
7. กระบวนการเปลี่ยนแปลงแทนที่
ทกั ษะ/กระบวนการ ส่ิงมีชีวติ กบั คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. การสงั เกต ส่ิงแวดล้อม 1. ใฝ่ เรียนรู้
2. การสืบคน้ ขอ้ มลู 2. มุง่ มนั่ ในการทางาน
3. การอภิปราย 3. มีเจตคติต่อวิทยาศาสตร์
4. การนาความรู้ไปใชใ้ น 4. มีเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์
5. เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้
ชีวติ ประจาวนั
ในชีวติ ประจาวนั
ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. สืบคน้ ขอ้ มลู ระบบนิเวศธรรมชาติของโลก
2. สารวจระบบนิเวศในทอ้ งถ่ิน
3. สืบคน้ ขอ้ มลู ระบบนิเวศชุมชนเมือง
4. สร้างระบบนิเวศจาลอง
5. สืบคน้ ขอ้ มลู แนวโนม้ การเพิ่มจานวนประชากรมนุษย์
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 35
ผงั การออกแบบการจัดการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 สิ่งมชี ีวติ กบั สิ่งแวดล้อม
ข้ันท่ี 1 ผลลพั ธ์ปลายทางทต่ี ้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นักเรียน
ตวั ชี้วดั ช่วงช้ัน
1. อธิบายดุลยภาพของระบบนิเวศ (ว 2.1 ม. 4–6/1)
2. อภิปรายกระบวนการเปลี่ยนแปลงแทนที่ของส่ิงมีชีวติ (ว 2.1 ม. 4–6/2)
ความเข้าใจทค่ี งทนของนักเรียน คาถามสาคญั ท่ีทาให้เกดิ ความเข้าใจทีค่ งทน
นกั เรียนจะเข้าใจว่า...
1. โลกของส่ิงมีชีวิตประกอบไปดว้ ยระบบนิเวศ 1. เพราะเหตุใดสภาพภูมิประเทศและสภาพ
หลายชนิด ท้งั ที่เป็นระบบนิเวศธรรมชาติ และ ภูมิอากาศที่แตกต่างกนั จึงทาใหส้ ิ่งมีชีวติ มีลกั ษณะ
ระบบนิเวศที่มนุษยส์ ร้างข้ึน ส่งผลใหม้ ีสิ่งมีชีวติ แตกต่างกนั
ท่ีอาศยั อยใู่ นระบบนิเวศแต่ละบริเวณแตกต่างกนั 2. ระบบนิเวศแบ่งไดก้ ่ีประเภท อะไรบา้ ง และ
2. สิ่งมีชีวิตจะมีความสมั พนั ธ์กบั ส่ิงมีชีวติ อีกชนิด แต่ละประเภทมีองคป์ ระกอบอะไร
หน่ึง และมีความสมั พนั ธ์กบั สภาพแวดลอ้ ม 3. สิ่งมีชีวติ ที่อาศยั อยใู่ นระบบนิเวศจะมี
เรียกความสมั พนั ธด์ งั กลา่ ววา่ ระบบนิเวศ ใน ความสมั พนั ธ์กบั ส่ิงมีชีวติ ชนิดอื่น และมี
ระบบนิเวศประกอบดว้ ยองค์ประกอบทางชีวภาพ ความสมั พนั ธก์ บั สภาพแวดลอ้ มในลกั ษณะใด
และองค์ประกอบทางกายภาพท่ีมีความสัมพันธ์ 4. การหมนุ เวียนพลงั งาน สารอาหาร และแร่ใน
เกี่ยวขอ้ งกนั ระบบนิเวศมีลกั ษณะใด
3. ในระบบนิเวศมีการหมุนเวยี นพลงั งาน 5. การเปล่ียนแปลงขนาดของประชากรในระบบ
สารอาหาร และแร่ ตามกฎ 10 เปอร์เซ็นต์ ท่ี นิเวศข้ึนอยกู่ บั ส่ิงใด
สิ่งมีชีวิตท่ีเป็นผบู้ ริโภคจะไดพ้ ลงั งานโดยการกิน 6. การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของส่ิงมีชีวิตแบ่งได้
ส่ิงมีชีวิตชนิดอ่ืน แลว้ มีพลงั งานเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ กี่ประเภท อะไรบา้ ง
ที่ผบู้ ริโภคเกบ็ สะสมไว้ ซ่ึงจะถ่ายทอดไปเมื่อ
สิ่งมีชีวิตถูกกิน
4. ประชากรเป็นส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกนั อาศยั อยู่
ในแหล่งท่ีอยเู่ ดียวกนั อาจมีขนาดแตกต่างกนั
ข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ทางกายภาพ เช่น อาหาร น้า
แก๊สออกซิเจน โรคระบาด และปัจจยั ทางชีวภาพ
เช่น ผลู้ า่
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 36
5. ระบบนิเวศธรรมชาติมีการเปล่ียนแปลงแทนท่ี ทกั ษะ/ความสามารถของนกั เรียนท่นี าไปสู่
ของประชากรสิ่งมีชีวิต โดยอาจเกิดข้ึนในพ้ืนที่ที่
ไมเ่ คยมีส่ิงมีชีวติ อาศยั อยมู่ าก่อน เรียกวา่ การ ความเข้าใจท่ีคงทน นักเรียนจะสามารถ...
เปลี่ยนแปลงแทนที่ข้นั ปฐมภูมิ และการ 1. สืบคน้ ขอ้ มลู ระบบนิเวศธรรมชาติของโลก
เปลี่ยนแปลงแทนที่ที่เกิดข้ึนในพ้ืนที่ท่ีเคยมีการ 2. สารวจระบบนิเวศในทอ้ งถ่ิน
ดารงชีวติ ของส่ิงมีชีวติ อยู่ แลว้ เกิดการทาลาย 3. สืบคน้ ขอ้ มลู ระบบนิเวศชุมชนเมือง
โดยมนุษยห์ รือโดยธรรมชาติ เรียกวา่ การ 4. สร้างระบบนิเวศจาลอง
เปล่ียนแปลงแทนที่ข้นั ทุติยภูมิ 5. สืบคน้ ขอ้ มลู แนวโนม้ การเพ่ิมจานวนประชากร
ความรู้ของนักเรียนทน่ี าไปสู่ความเข้าใจทค่ี งทน มนุษย์
นักเรียนจะรู้ว่า...
1. คาสาคญั ไดแ้ ก่ ระบบนิเวศ ชีวภาค
2. โลกของส่ิงมีชีวติ ประกอบไปดว้ ยระบบนิเวศ
หลายชนิด ท้งั ที่เป็นระบบนิเวศธรรมชาติ ไดแ้ ก่
ระบบนิเวศบนบก และระบบนิเวศแหล่งน้า
ส่วนระบบนิเวศท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน เป็นระบบนิเวศที่
มนุษยเ์ ขา้ ไปมีส่วนร่วมในกระบวนการต่าง ๆ
ไดแ้ ก่ ระบบนิเวศก่ึงธรรมชาติหรือระบบนิเวศ
ชนบท–เกษตรกรรม ระบบนิเวศเมืองและ
อุตสาหกรรม ส่งผลใหม้ ีสิ่งมีชีวิตท่ีอาศยั อยใู่ น
ระบบนิเวศแต่ละบริเวณแตกต่างกนั
3. ระบบนิเวศมีองคป์ ระกอบที่สาคญั 2 ส่วน คือ
องคป์ ระกอบทางกายภาพ และองคป์ ระกอบทาง
ชีวภาพ โดยส่ิงมีชีวิตจะมีความสมั พนั ธก์ บั
องคป์ ระกอบต่าง ๆ ในระบบนิเวศน้นั
4. ในระบบนิเวศจะมีการหมุนเวยี นพลงั งาน
สารอาหาร และแร่ ตามกฎ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่
สิ่งมีชีวิตที่เป็นผบู้ ริโภคจะไดพ้ ลงั งานโดยการกิน
สิ่งมีชีวติ ชนิดอื่น แลว้ มีพลงั งานเพียง 10
เปอร์เซ็นตท์ ี่ผบู้ ริโภคเกบ็ สะสมไว้ ซ่ึงจะถ่ายทอด
ไปเม่ือสิ่งมีชีวิตถกู กิน ส่วนพลงั งานอีก 90
เปอร์เซ็นตส์ ่ิงมีชีวิตจะใชไ้ ปในกระบวนการ
ดารงชีวิต
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 37
5. การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ สามารถ
แสดงไดด้ ว้ ยพีระมิดพลงั งานของสิ่งมีชีวิต ซ่ึง
เป็นพีระมิดที่แสดงปริมาณพลงั งานของแต่ละลาดบั
ข้นั ของการกิน จะมีค่าลดลงตามลาดบั ข้นั ของการ
กินจากลาดบั ที่ 1 ไปลาดบั ที่ 2 จนถึงข้นั สูงสุด
6. ประชากรเป็นสิ่งมีชีวติ ชนิดเดียวกนั อาศยั อยู่
ในแหล่งท่ีอย่เู ดียวกนั ภายในช่วงระยะเวลาใดเวลา
หน่ึง การเปลี่ยนแปลงขนาดของประชากรเกิดได้
จากสาเหตุหลกั คือ การเกิด การตาย การอพยพเขา้
และการอพยพออก
7. ระบบนิเวศธรรมชาติมีการเปล่ียนแปลงแทนท่ี
ของประชากรสิ่งมีชีวติ โดยอาจเกิดข้ึนในพ้ืนท่ีท่ี
ไมเ่ คยมีส่ิงมีชีวติ อาศยั อยมู่ าก่อน เรียกวา่ การ
เปลี่ยนแปลงแทนท่ีข้นั ปฐมภูมิ โดยมีกล่มุ
สิ่งมีชีวติ เบิกนา เป็นกลมุ่ สิ่งมีชีวติ กลุ่มแรกที่เจริญ
เติบโตในพ้ืนที่ได้ แลว้ เกิดการแทนท่ีโดยกลุ่ม
ส่ิงมีชีวติ ลาดบั ต่อมาจนทาใหร้ ะบบนิเวศมีความ
สมดุล เกิดเป็นสงั คมส่ิงมีชีวิตข้นั สุด
8. การเปลี่ยนแปลงแทนที่ที่เกิดข้ึนในพ้ืนท่ีที่เคย
มีการดารงชีวติ ของสิ่งมีชีวติ อยู่ แลว้ เกิดการ
ทาลายโดยมนุษยห์ รือโดยธรรมชาติ เรียกวา่ การ
เปล่ียนแปลงแทนท่ีข้นั ทุติยภูมิ โดยจะมีการ
เริ่มตน้ ของกลมุ่ ส่ิงมีชีวิตใหมใ่ นลกั ษณะทุ่งหญา้
หรือวชั พืช แลว้ มีการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีของกลุ่ม
ส่ิงมีชีวิต จนกระทงั่ เกิดกลมุ่ สิ่งมีชีวติ ข้นั สุดอีกคร้ัง
ข้ันท่ี 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็ นหลกั ฐานทแ่ี สดงว่านักเรียนมผี ลการเรียนรู้
ตามทีก่ าหนดไว้อย่างแท้จริง
1. ภาระงานทีน่ กั เรียนต้องปฏิบัติ
– สืบคน้ ขอ้ มลู ระบบนิเวศธรรมชาติของโลก
– สารวจระบบนิเวศในทอ้ งถ่ิน
– สืบคน้ ขอ้ มลู ระบบนิเวศชุมชนเมือง
– สร้างระบบนิเวศจาลอง
– สืบคน้ ขอ้ มลู แนวโนม้ การเพ่ิมจานวนประชากรมนุษย์
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 38
2. วธิ ีการและเคร่ืองมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
วธิ ีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เครื่องมอื ประเมนิ ผลการเรียนรู้
– การทดสอบ – แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
– การสนทนาซกั ถาม – แบบบนั ทึกการสนทนา
– การวดั เจตคติ – แบบวดั เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์และ
เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์
– การวดั ทกั ษะ – แบบวดั ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
– การประเมินตนเอง – แบบประเมินตนเองของนกั เรียน
3. ส่ิงทม่ี ุ่งประเมนิ
– ความสามารถในการส่ือสาร การคิด การแกป้ ัญหา การใชท้ กั ษะ/กระบวนการ เช่น ทกั ษะ
กระบวนการวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะในการดาเนินชีวิต และการใชเ้ ทคโนโลยี
– เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์และเจตคติต่อวิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล
– พฤติกรรมการปฏิบตั ิงานเป็นรายบุคคลหรือรายกลุม่
ข้ันท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้
ตอนที่ 1 ระบบนเิ วศ 9 ช่ัวโมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 ระบบนิเวศในธรรมชาติ 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 ระบบนิเวศบนบกและแหล่งน้า 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 ระบบนิเวศที่มนุษยส์ ร้างข้ึน 2 ชวั่ โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 องคป์ ระกอบของระบบนิเวศ 2 ชว่ั โมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 ความสมั พนั ธใ์ นระบบนิเวศ 1 ชว่ั โมง
ตอนที่ 2 ประชากรและการเปลยี่ นแปลงในระบบนิเวศ 2 ชั่วโมง
– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 การเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศ 2 ชวั่ โมง
ตอนท่ี 1 ระบบนิเวศ คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 39
เวลา 9 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ระบบนิเวศในธรรมชาติ เวลา 2 ชั่วโมง
สาระท่ี 2 ชีวติ กบั สิ่งแวดล้อม
ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 4–6
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ระบบนิเวศ
1. สาระสาคัญ
การจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ เพอื่ ให้บรรยากาศการเรียนการสอนช่ัวโมงท่ี 1 มี
ประสิทธิภาพ ครูสามารถจดั การเรียนการสอนโดยให้มกี ารปฐมนิเทศ เพอ่ื ช่วยสร้างความเข้าใจอนั ดตี ่อ
กนั ระหว่างครูกบั นักเรียน เป็ นการตกลงกนั ในเบือ้ งต้นก่อนที่จะเร่ิมการเรียนการสอน ครูได้รู้จกั นกั เรียน
ดยี ง่ิ ขึน้ ในขณะเดยี วกนั นกั เรียนได้ทราบความต้องการของครู แนวทางในการจดั การเรียนการสอนและ
การวดั และประเมนิ ผล ส่ิงต่าง ๆ ดงั กล่าวจะนาไปสู่การเรียนการสอนทม่ี ปี ระสิทธิภาพ และครูสามารถ
จดั กจิ กรรมการเรียนการสอนตามเนอื้ หาได้อย่างต่อเนื่องและเหมาะสมต่อไปได้
ระบบนิเวศ คือ ระบบท่ีกลมุ่ ส่ิงมีชีวติ อาศยั ในแหลง่ ที่อยเู่ ดียวกนั มีความสมั พนั ธซ์ ่ึงกนั และกนั
และมีความสมั พนั ธ์กบั สิ่งแวดลอ้ มแหล่งท่ีอยนู่ ้นั ดว้ ย โดยระบบนิเวศท่ีใหญ่ท่ีสุด เรียกวา่ ชีวภาคหรือ
โลกของสิ่งมีชีวิต
2. ตัวชี้วดั ช่วงช้ัน
อธิบายดุลยภาพของระบบนิเวศ (ว 2.1 ม. 4–6/1)
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. อธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งส่ิงมีชีวิตกบั สิ่งมีชีวติ และส่ิงมีชีวติ กบั สภาพแวดลอ้ มในระบบ
นิเวศได้ (K)
2. สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายลกั ษณะของระบบนิเวศในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกได้ (K)
3. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A)
4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีเกี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A)
5. ทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A)
6. สื่อสารและนาความรู้เร่ืองระบบนิเวศในธรรมชาติไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ (P)