คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 140
บันทึกผลการสารวจระบบนิเวศแหล่งนา้
รายการสารวจ องค์ประกอบที่ไม่มชี ีวติ องค์ประกอบท่ีมชี ีวติ
สิ่งมชี ีวติ ลกั ษณะ ปริมาณ
สี กลนิ่ ความ สภาพอนื่ ๆ อณุ ห- ความ ค่าการ แหล่ง
ทีอ่ ยู่
ข่นุ ใส โดยรวม ภูมิ เป็ น ส่อง
( ◦c ) กรด – ผ่าน
เบส ของ
แสง
ไม่ ไม่มี ค่อนข้าง มีแสงแดดส่อง 28 7.5 0.5 จอก ใบเป็น มาก พบท่ี
รูปพัด บริเวณ
มีสี กล่ิน เลก็ น้อย ที่ผิวนา้ พบ มีขน ผิวนา้
ปกคลมุ
สิ่งมีชีวิต เช่น ท่ัวไป
กบและแมงมมุ
อย่บู ริเวณขอบ
บ่อ
แหน ใบมีสี มาก พบที่
เขียว บริ เวณ
อ่อน ผิวนา้
รากเป็ น
เส้ นยาว
ลกู อ๊อด หัวกลม 7 – 10 ตัว พบที่
โต บริเวณ
มีลาตวั ผิวนา้
สีดา
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 141
บันทกึ ผลการสารวจระบบนเิ วศบนบก
องค์ประกอบท่ีไม่มชี ีวติ องค์ประกอบทีม่ ชี ีวติ
รายการ ลกั ษณะ อณุ หภูมิ ค่า pH ความ ชนิด ชื่อสิ่งมี ลกั ษณะ ความ ความ ความ
สารวจ ทพี่ บ ดนิ ที่ 5 ของดนิ ชื้น ส่ิงมี ชีวติ สูง หนาแน่น หนา
ซม. ช้ันบน (%) ชีวติ ของ ของเรือน แน่น
( ◦C ) ต้นไม้ ยอด (%) (ต้น/ตร.
ใหญ่ ม.)
(ม.)
สี สีนา้ ตาล พชื คูน ไม้ยืนต้น 5 40 0.3
เข้ม ลาต้นใหญ่
32 7.0 7 ใบเลก็ สี
เหลือง
กลน่ิ ไม่มีกลิ่น มะม่วง ไม้ยืนต้น 3 45 0.5
ใบเรี ยว
และใหญ่
ความชืน้ ชืน้ อณุ หภูมิ ค่า pH สัตว์ มด มีลาตวั ยาว ความหนาแน่น (ตวั /ตร.ม.)
เลก็ น้อย ดนิ ที่ ของดนิ สีแดง
20 ซม. ช้ันล่าง มีขา 6 ขา 0.6
( ◦C )
ลกั ษณะ นกเอีย้ ง ขนสีนา้ ตาล
เนอื้ ดนิ ละเอียด 29 7.5 เข้ม จะงอย 0.1
ปากยาว
ความหนาแน่นของประชากรสิ่งมีชีวติ ที่พบ (ระบุช่ือ) คูน มะม่วง มด และนกเอีย้ ง
สรุปผล
ในแต่ละท้องถ่ินจะมีระบบนิเวศท่ีหลากหลายทั้งระบบนิเวศแหล่งนา้ และระบบนิเวศบนบก
โดยแต่ละระบบนิเวศจะประกอบไปด้วยองค์ประกอบที่มีชีวิตและองค์ประกอบที่ไม่มีชีวิต ท่ีมีความ
เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่ภู ายในระบบนิเวศนั้น
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 142
คาถาม
1. ในระบบนิเวศท่ีศึกษาพบส่ิงมีชีวติ ชนิดใดบา้ ง อาศยั อยทู่ ่ีบริเวณใด
สิ่งมีชีวิตที่พบขึน้ อย่กู ับระบบนิเวศท่ีศึกษา เช่น การสารวจระบบนิเวศแหล่งนา้ จะพบ จอก แหน
และบัวลอยอย่ทู ี่ผิวนา้ พบลูกอ๊อดว่ายนา้ เป็นกล่มุ ๆ อย่ใู กล้กล่มุ จอก และพบปลาว่ายไปมาในนา้
2. สภาพของดินและแสงในบริเวณที่มีเรือนยอดหนาแน่น แตกต่างจากบริเวณท่ีมีเรือนยอดไม่หนาแน่น
ในลกั ษณะใด
บริเวณท่ีมีความหนาแน่นของเรือนยอดมากจะมีปริมาณแสงน้อย ดินมีความชื้นมาก ส่วน
บริเวณที่มีเรือนยอดไม่หนาแน่นจะมีปริมาณแสงมาก ดินอาจแห้งเน่ืองจากได้รับความร้อนจาก
แสงอาทิตย์โดยตรง
3. องคป์ ระกอบทางกายภาพและองคป์ ระกอบชีวภาพในระบบนิเวศที่ศึกษามีความสมั พนั ธ์กนั ใน
ลกั ษณะใด
ระบบนิเวศท่ีศึกษา เช่น ระบบนิเวศแหล่งนา้ องค์ประกอบทางกายภาพมีความสัมพันธ์กับ
องค์ประกอบทางชีวภาพ เช่น บริเวณที่ผิวนา้ มีแสงแดดส่องถึง จะพบจอกและแหนเจริญเติบโตได้ดี
เพราะจอกและแหนใช้ แสงแดดในกระบวนการสังเคราะห์ ด้ วยแสง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 143
ใบกจิ กรรมท่ี 3
สืบค้นข้อมูล ระบบนเิ วศชุมชนเมอื ง
จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
1. สารวจและรวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั องคป์ ระกอบทางกายภาพและองคป์ ระกอบทางชีวภาพของระบบ
นิเวศชุมชนเมือง
2. อธิบายความสมั พนั ธ์ขององคป์ ระกอบต่าง ๆ ในระบบนิเวศ
ปัญหา องค์ประกอบภายในระบบนิเวศชุมชนเมืองมีอะไรบ้าง และมีความสัมพันธ์กันในลักษณะใด
ข้ันตอน
1. ศึกษาสภาพทางกายภาพของชุมชนเมือง เช่น ความ ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่
หนาแน่นของอาคารบา้ นเรือน พ้ืนท่ีท่ีเป็นสวนสาธารณะ
การจราจร การประกอบอาชีพ สาธารณูปโภค การจดั การมลพิษ คงทน
และของเสียในชุมชน 1. การสงั เกต
2. การจดั กระทาและสื่อ
2. คาดคะเนจานวนประชากรในชุมชน สารวจชนิดของ ความหมายขอ้ มลู
พืชและสตั วใ์ นชุมชนน้นั 3. การตีความหมายขอ้ มลู และการ
ลงขอ้ สรุป
3. รวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั การเปล่ียนแปลงของ
สภาพนิเวศธรรมชาติในทอ้ งถ่ิน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพ
แหล่งน้า เสน้ ทางของลาน้า หรือการเปลี่ยนสภาพแวดลอ้ มของ แหล่งการเรียนรู้
ชุมชนเมืองจากอดีตจนถึงปัจจุบนั 1. หนงั สือเรียน หนงั สืออา้ งอิง
4. บนั ทึกขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการสารวจระบบนิเวศ นาเสนอ หนงั สืออา่ นประกอบ และวารสาร
ขอ้ มลู แลว้ อภิปรายในประเดน็ ต่าง ๆ ดงั น้ี ที่เกี่ยวขอ้ ง
– สภาพทว่ั ไปของระบบนิเวศท่ีศึกษามี 2. เวบ็ ไซตท์ ี่เกี่ยวขอ้ งทาง
ลกั ษณะเป็นแบบใด อินเทอร์เนต็
– พบสิ่งมีชีวิตใดบา้ ง อาศยั อยทู่ ่ีบริเวณใด ใน
แต่ละบริเวณมีสิ่งมีชีวติ แตกต่างหลากหลายหรือไม่ อะไรบา้ ง
– สิ่งมีชีวิตชนิดใดบา้ งที่พบเหมือนกนั ทุกกลุม่ ส่ิงมีชีวติ ชนิดใดบา้ งที่พบเฉพาะบาง
บริเวณเท่าน้นั เพราะเหตุใด
– จากขอ้ มลู เก่ียวกบั ลกั ษณะของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดในแต่ละแหล่งที่อยทู่ ่ีนกั เรียน
สารวจได้ จะอธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งส่ิงมีชีวิตน้นั กบั แหลง่ ท่ีอยไู่ ดอ้ ยา่ งไร
– ชุมชนท่ีนกั เรียนอาศยั อยู่ ใชป้ ระโยชนจ์ ากระบบนิเวศในทอ้ งถ่ินในเร่ืองใดบา้ ง
และในขณะเดียวกนั การดารงชีวิตและการประกอบอาชีพของคนในชุมชน ส่งผลต่อระบบนิเวศน้นั บา้ ง
หรือไม่ เพราะอะไร
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 144
– ในระบบนิเวศท่ีสารวจ พบอะไรบา้ งที่เป็นปัญหา นกั เรียนมีแนวคิดที่จะแกป้ ัญหา
น้นั อยา่ งไร
5. สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งส่ิงมีชีวติ กบั สิ่งมีชีวติ และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง
ส่ิงมีชีวิตกบั แหลง่ ท่ีอย่ทู ี่พบและไมพ่ บในบริเวณที่สารวจ
6. สรุปและนาเสนอผลการศึกษาระบบนิเวศที่ไดจ้ ากการสารวจและสืบคน้ ขอ้ มลู
บนั ทกึ ผลการสืบค้นข้อมลู
องค์ประกอบภายในระบบนิเวศ ลกั ษณะทางกายภาพ
ความหนาแน่น สภาพทั่วไป
อาคารบ้ านเรื อน หนาแน่นมาก ประกอบไปด้วยอาคารที่อย่อู าศัย
สวนสาธารณะ หนาแน่นน้อย สถานที่ราชการ และโรงงาน
หนาแน่นมาก มีต้นไม้หลายชนิด ร่มรื่น ใช้เป็น
การจราจร สถานท่ีพักผ่อน และออกกาลงั กาย
มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์จานวน
มากปล่อยควนั พิษ และเสียงดัง
ประชากร หนาแน่นมาก มีความเป็นอย่ปู านกลาง ประกอบ
อาชีพหลากหลาย
สรุปผล
องค์ประกอบภายในระบบนิเวศชุมชนเมือง เช่น อาคารบ้านเรือน สวนสาธารณะ การจราจร
และประชากร ซึ่งองค์ประกอบเหล่านีจ้ ะมีความสัมพันธ์กนั และอย่กู ันอย่างหนาแน่น ทาให้การทา
กิจกรรมต่าง ๆ ของคนในชุมชนเมืองท้ังการดารงชีวิตและการประกอบอาชีพส่งผลกระทบต่อระบบ
นิเวศที่อาศัยอยู่ เช่น การปล่อยนา้ เสียลงสู่แหล่งนา้ และการปล่อยควนั พิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงออกสู่
บรรยากาศ
คาถาม
1. ในระบบนิเวศที่ศึกษาพบสิ่งมีชีวิตชนิดใดบา้ ง อาศยั อยทู่ ี่บริเวณใด
ส่ิงมีชีวิตที่พบขึน้ อย่กู ับระบบนิเวศที่ศึกษา เช่น การสารวจระบบนิเวศบริเวณสวนสาธารณะ
พบต้นหูกวาง ต้นลน่ั ทม จอก และบัวลอยอย่บู นผิวนา้ พบนกพิราบ นกกระจอก นกกระจิบ และกระรอก
อย่บู นต้นไม้
2. องคป์ ระกอบภายในระบบนิเวศที่ศึกษามีความสมั พนั ธ์กนั ในลกั ษณะใด
องค์ประกอบทางกายภาพของระบบนิเวศชุมชนเมือง มีความสัมพันธ์กับองค์ประกอบทาง
ชีวภาพ เช่น จานวนตึกอาคาร บ้านเรือน และจานวนรถบนท้องถนนในชุมชนเมืองจะมีปริมาณมาก และ
อย่กู นั อย่างหนาแน่น เพราะมีประชากรอาศัยอย่จู านวนมาก
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 145
ใบกจิ กรรมท่ี 4
สร้าง ระบบนเิ วศนา้ จาลอง
จุดประสงค์ของกจิ กรรม
1. วางแผน ออกแบบ และสร้างระบบนิเวศน้าจาลอง
2. รวบรวมขอ้ มูลและอธิบายความสมั พนั ธใ์ นระบบนิเวศน้าจาลอง
ปัญหา สิ่งมีชีวิตมีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในระบบ ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
นิเวศนา้ จาลองหรือไม่ 1. การสงั เกต
2. การจดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มลู
ข้ันตอน 3. การตีความหมายขอ้ มลู และการลง
1. แบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มวางแผน ขอ้ สรุป
ออกแบบสร้างระบบนิเวศน้าจาลอง โดยใหแ้ ต่ละกลุม่ ร่วมกนั
อภิปรายในประเดน็ ต่อไปน้ี
– จะสร้างระบบนิเวศน้าจาลองใหม้ ีขนาด อุปกรณ์
เท่าไร ใชภ้ าชนะและวสั ดุหรือส่วนประกอบอะไรบา้ งแทน
องคป์ ระกอบทางกายภาพ 1. ภาชนะใสปริมาตร
– มีองคป์ ระกอบทางชีวภาพเป็นสิ่งมีชีวิต ประมาณ 2,000 ลบ.ซม. 1 ใบ
ชนิดใดบา้ ง และมีจานวนเท่าไร
2. น้าสะอาด 500 ลบ.ซม.
– จะศึกษาความสมั พนั ธ์ใดบา้ งจากระบบ
นิเวศน้าจาลองน้นั และใชเ้ วลาศึกษานานเท่าไร 3. ตน้ ไมข้ นาดเลก็
2. แต่ละกลุ่มปฏิบตั ิตามแผนที่วางไว้ แลว้ บนั ทึกขอ้ มลู เช่น สาหร่าย จอก 2–3 ชนิด
4. ปลาขนาดเลก็ 7–10 ตวั
5. วสั ดุต่าง ๆ ท่ีใชเ้ ป็นองคป์ ระกอบ
ในระบบนิเวศน้าจาลอง เช่น
หมายเหตุ กอ้ นหิน กอ้ นกรวด
1. ควรลา้ งวสั ดุต่าง ๆ ที่จะจดั ลงในระบบนิเวศน้าจาลอง เช่น กอ้ นหิน กอ้ นกรวด สาหร่ายให้
สะอาด ปราศจากฝ่ นุ ดิน และโคลน เพ่ือไม่ใหน้ ้าในระบบนิเวศน้าจาลองข่นุ
2. ถา้ น้าท่ีใชเ้ ป็นน้าประปา ควรนาน้าใส่ภาชนะต้งั ทิ้งไว้ 1–2 วนั เพ่ือใหค้ ลอรีนระเหยออกก่อน
3. การนาส่ิงมีชีวติ ขนาดเลก็ เช่น ปลา หอย ลงในระบบนิเวศน้าจาลอง ตอ้ งระวงั อยา่ ใหม้ ีการ
เปล่ียนสภาพแวดลอ้ มอยา่ งรวดเร็วจะทาใหส้ ิ่งมีชีวิตตายได้ และควรต้งั ระบบนิเวศน้าจาลองไวใ้ นที่ท่ีมี
แสงส่องถึง เพ่ือใหพ้ ืชในระบบนิเวศน้าจาลองสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 146
บันทกึ ผลการศึกษาข้อมูล
องค์ประกอบภายในระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ภายในระบบนเิ วศ
ทางกายภาพ ทางชีวภาพ อณุ หภูมิของนา้ ในระบบนิเวศนา้ จาลอง มีความเหมาะสมต่อ
การดารงชีวิตของปลาและหอย ทาให้ปลาและหอยดารงชีวิตอยู่
ก้อนหิน หอย ได้
ก้อนกรวด ปลา
อณุ หภูมิของนา้ สาหร่าย
สรุปผล
องค์ประกอบภายในระบบนิเวศนา้ จาลองประกอบด้วย องค์ประกอบทางกายภาพ ได้แก่ ก้อน
หิน ก้อนกรวด และอุณหภูมิของนา้ องค์ประกอบทางชีวภาพ ได้แก่ หอย ปลา และสาหร่าย โดย
องค์ประกอบทางกายภาพจะมีความสัมพันธ์กบั องค์ประกอบทางชีวภาพ เช่น อุณหภูมิท่ีเหมาะสมของ
ระบบนิเวศนา้ จาลอง จะทาให้ปลาและหอยดารงชีวิตอย่ไู ด้
คาถาม
1. ยกตวั อยา่ งองคป์ ระกอบทางกายภาพที่ส่งผลต่อการดารงชีวิตของส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศน้าจาลอง
แสงช่วยให้พืชเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง พืชจึงใช้อาหารที่สร้ างขึน้ ในการดารงชีวิต ส่วนหอย
และปลาบางชนิดจะกินพืชเป็ นอาหาร
2. ส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศน้าจาลองมีความสมั พนั ธ์กนั แบบใดบา้ ง
ส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศนา้ จาลองมีความสัมพันธ์กันหลายแบบ เช่น การเป็นอาหาร การได้
ประโยชน์ร่ วมกนั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 147
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ส่ิงมชี ีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม
ตอนท่ี 2 ประชากรและการเปลยี่ นแปลงในระบบนิเวศ
ใบกจิ กรรมท่ี 5
สืบค้นข้อมลู แนวโน้มการเพมิ่ จานวนประชากรมนุษย์
ตอนที่ 1 ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่
คงทน
จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม 1. การสงั เกต
สืบคน้ ขอ้ มลู และรวบรวมขอ้ มลู ประชากรมนุษยข์ อง 2. การจดั กระทาและส่ือ
ความหมายขอ้ มลู
โลก 3. การตีความหมายขอ้ มลู และการ
ปัญหา การศึกษาจานวนประชากรมนษุ ย์ทาได้ด้วยวิธีการใด ลงขอ้ สรุป
และแนวโน้มการเพ่ิมจานวนประชากรมนษุ ย์ในอนาคตมี
ลกั ษณะเป็นแบบใด แหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียน หนงั สืออา้ งอิง
ข้ันตอน หนงั สืออ่านประกอบ และวารสาร
1. สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั จานวนประชากรมนุษยข์ อง วทิ ยาศาสตร์
2. เวบ็ ไซตท์ ่ีเก่ียวขอ้ งทาง
โลกจากเครือข่ายขอ้ มลู เช่น อินเทอร์เนต็
– http://www.overpopulation.org
– http://geography.about.com/od/populationgeography/
Population_Geography.htm/
– http://www.census.gov หรือเอกสารอ่ืน ๆ
2. วเิ คราะหแ์ นวโนม้ การเพ่ิมจานวนประชากรมนุษย์
ของโลกจากรูปต่อไปน้ี
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 148
แผนภูมิแสดงตวั อย่างการคาดคะเนแนวโน้มจานวนประชากรมนษุ ย์ของโลกในช่วง พ.ศ. 2493–2593
ท่ีมา: สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย,ี กระทรวงศึกษาธิการ. ชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม ส่ิงมีชีวติ กบั กระบวนการ
ดารงชีวติ . (กรุงเทพมหานคร: ครุ ุสภาลาดพร้าว, 2547), หนา้ 27.
3. นาขอ้ มลู ท่ีไดม้ าอภิปรายร่วมกนั ในหวั ขอ้ จานวนประชากรมนุษยข์ องโลกมีแนวโนม้
เป็นแบบใด และจะส่งผลต่อสภาพแวดลอ้ มและการดารงชีวิตของประชากรมนุษยใ์ นลกั ษณะใด
แลว้ นาเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรม
บันทกึ ผลการสืบค้นข้อมูล
รายการบนั ทกึ ผลการสืบค้นข้อมูล
วนั ท่ี 27 เดือน ธนั วาคม พ.ศ. 2559
พิจารณาจากคาตอบนักเรี ยน
แนวคาตอบ
จากการศึกษาแนวโน้มจานวนประชากรมนุษย์ พบว่าจานวนประชากรมนษุ ย์ของโลกมีแนวโน้ม
เพิ่มขึน้ ซ่ึงการเพิ่มขึน้ ของประชากรมนุษย์จะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและการดารงชีวิต เน่ืองจาก
การมีปริมาณทรัพยากรท่ีใช้ในการดารงชีวิต เช่น พืน้ ที่อาศัย และปริมาณอาหารอย่างจากดั มนษุ ย์จึงต้อง
ดิน้ รน แก่งแย่ง และเอาเปรียบกนั มากขึน้ ซ่ึงการแก่งแย่งแข่งขันท่ีเกิดขึน้ จะส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบ
ด้านบวก เช่น เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ ส่วนด้านลบ คือ เกิด
การเอารัดเอาเปรียบในสังคม จนชีวิตความเป็นอย่ขู าดความสงบสุข วิธีการท่ีดีท่ีสุดในปัจจุบนั เพื่อช่วย
แก้ไขปัญหาดังกล่าวที่อาจเกิดขึน้ คือทุกคนช่วยกันปกป้ อง ดูแล รักษาสภาพแวดล้อมและใช้
ทรั พยากรธรรมชาติเท่ าที่จาเป็ นเพื่อให้ มีทรั พยากรธรรมชาติใช้ ยาวนานขึน้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 149
สรุปผล
จากการศึกษาแนวโน้มจานวนประชากรมนษุ ย์ พบว่าจานวนประชากรมนุษย์ของโลกมี
แนวโน้มเพิ่มขึน้ มนุษย์จึงต้องดิน้ รน แก่งแย่ง และเอาเปรียบกนั มากขึน้ ซ่ึงส่งผลท้ังด้านบวกและด้านลบ
ทุกคนจึงควรช่วยกนั ปกป้ อง ดูแล รักษาสภาพแวดล้อมและใช้ทรัพยากรธรรมชาติเท่าท่ีจาเป็นเพื่อให้มี
ทรัพยากรธรรมชาติใช้ยาวนานขึน้
คาถาม
1. การเพิ่มจานวนประชากรมนุษยส์ ่งผลกระทบต่อสภาพแวดลอ้ มในเร่ืองใด
เมื่อจานวนประชากรมนษุ ย์เพิ่มขึน้ จะทาให้ขาดแคลนปัจจัยต่าง ๆ ในการดารงชีวิต เช่น
พืน้ ท่ีอาศัย ปริมาณอาหาร มนษุ ย์จึงต้องขยายชุมชนเมืองไปยังแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เปล่ียน
สภาพแวดล้อมให้ตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ เช่น ตดั ต้นไม้เพื่อเพ่ิมพืน้ ที่อาศัย
2. ในปัจจุบนั ปริมาณแหล่งอาหารและพ้ืนที่อาศยั มีเพียงพอต่อจานวนประชากรมนุษยท์ ่ีเพิ่มข้ึนหรือไม่
เพราะเหตุใด
ไม่เพียงพอ เพราะพืน้ ผิวโลกมีลกั ษณะและขอบเขตจากดั บางบริเวณเป็นนา้ หรือเป็นบริเวณ
ท่ีแห้งแล้ง ไม่สามารถเปล่ียนเป็นที่อย่อู าศัยหรือทาการเพาะปลกู ได้
3. ยกตวั อยา่ งสาเหตุท่ีทาใหแ้ นวโนม้ จานวนประชากรมนุษยโ์ ลกเพิ่มข้ึน
ความเจริญก้าวหน้าทางด้านการแพทย์และสาธารณูปโภคทาให้อัตราการเจบ็ ป่ วยและการตาย
ของประชากรลดน้อยลง
ตอนท่ี 2 ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ี
คงทน
จุดประสงค์ของกจิ กรรม 1. การสงั เกต
1. สืบคน้ ขอ้ มลู และรวบรวมขอ้ มลู ประชากรไทย 2. การจดั กระทาและส่ือ
2. วเิ คราะหแ์ นวโนม้ การเพ่ิมข้ึนของประชากรไทย ความหมายขอ้ มลู
3. การตีความหมายขอ้ มลู และการ
เปรียบเทียบกบั การใชท้ รัพยากรธรรมชาติ ลงขอ้ สรุป
ปัญหา แนวโน้มจานวนประชากรไทยในช่วง พ.ศ. 2545–2558 มี
ลกั ษณะเป็นแบบใด แหล่งการเรียนรู้
ข้นั ตอน 1. หนงั สือเรียน หนงั สืออา้ งอิง
หนงั สืออ่านประกอบ และวารสาร
1. ใหน้ าขอ้ มลู แสดงจานวนประชากรไทยที่กาหนดให้ วิทยาศาสตร์
มาเขียนกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งจานวนประชากรไทย 2. เวบ็ ไซตท์ ่ีเก่ียวขอ้ งทาง
กบั พ.ศ. อินเทอร์เน็ต
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 150
ตารางแสดงจานวนประชากรไทยระหว่างปี พ.ศ. 2545–2558
พ.ศ. จานวนประชากร พ.ศ. จานวนประชากร
(ล้านคน) (ล้านคน)
2545 62.80 2552 63.53
2546 63.19 2553 63.89
2547 61.98 2554 64.08
2548 62.42 2555 64.46
2549 62.83 2556 64.79
2550 63.09 2557 65.12
2551 63.39 2558 65.13
ทม่ี า: กรมการปกครอง, กระทรวงมหาดไทย. รายงานสถิตจิ านวนประชากรและบ้านท่ัวประเทศและรายจังหวดั ณ เดอื น
ธนั วาคม พ.ศ. 2558. {ออนไลน์}, 2559. แหล่งที่มา: http://www.dopa.go.th
2. ใหส้ ืบคน้ ขอ้ มลู จากเอกสาร หรือการสมั ภาษณ์คนในชุมชนเก่ียวกบั จานวนประชากร
ในชุมชนของตนเอง และสภาพชุมชนท่ีเปลี่ยนแปลงไปในช่วง 10 ปี แลว้ วิเคราะหข์ อ้ มลู และอภิปรายใน
ประเดน็ ต่อไปน้ี
– จากกราฟในขอ้ 1 การเพิ่มจานวนประชากรไทยในช่วง 10 ปี ท่ีผา่ นมา มีแนวโนม้
เป็ นแบบใด
– ถา้ การเพ่ิมจานวนประชากรยงั เป็นไปในแนวเดียวกบั ท่ีปรากฏในกราฟใน
พ.ศ. 2559–2562 ประเทศไทยจะมีประชากรเท่าไร
– การเพิ่มจานวนประชากรไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกบั การเพ่ิมจานวนประชากร
มนุษยข์ องโลกที่วเิ คราะห์ในกิจกรรมตอนที่ 1 หรือไม่ ลกั ษณะใด
– จากการวเิ คราะหส์ ภาพชุมชนของตนเองในอดีตกบั ปัจจุบนั เปรียบเทียบกบั ขอ้ มลู
การเพิ่มจานวนประชากร การเปลี่ยนแปลงจานวนประชากรมีผลต่อการขยายตวั ของชุมชนในลกั ษณะใด
และส่งผลต่ออะไรอีกบา้ ง
3. นาเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 151
บันทึกผลการสืบค้นข้อมูล
รายการบันทกึ ผลการสืบค้นข้อมูล
วนั ที่ 27 เดือน ธนั วาคม พ.ศ. 2559
พจิ ารณาจากคาตอบนกั เรียน
แนวคาตอบ
กราฟแสดงจานวนประชากรไทยระหว่างปี 2545–2558
จานวนประชากร (ล้านคน)
พ. ศ.
จากกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจานวนประชากรไทยกับปี พ.ศ. พบว่า การเพ่ิมจานวน
ประชากรไทยในช่วง 13 ปี ท่ีผ่านมามีแนวโน้มเพิ่มขึน้ ซึ่งการเพิ่มของประชากรไทยจะเป็นไปในทิศทาง
เดียวกบั การเพิ่มจานวนประชากรมนุษย์ของโลก และถ้าประชากรไทยยังคงมีแนวโน้มเพ่ิมขึน้ เรื่อย ๆ ดังท่ี
ปรากฏในกราฟ จะทาให้ในปี พ.ศ. 2558–2562 ประเทศไทยจะมีประชากรประมาณ 65.6 ล้านคน
จากการวิเคราะห์สภาพชุมชนในอดีตกับปัจจุบนั เปรียบเทียบกบั ข้อมลู การเพิ่มจานวนประชากร
พบว่า การเพ่ิมขึน้ ของจานวนประชากร ทาให้ชุมชนขยายออกไป การประกอบอตุ สาหกรรมและ
สาธารณูปโภคเพิ่มมากขึน้ มีการขยายชุมชนเมืองออกไปสู่พืน้ ท่ีที่เป็นแหล่งทรัพยากร เกิดการบกุ รุก
และเปล่ียนสภาพระบบนิเวศธรรมชาติ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 152
สรุปผล
การเพิ่มจานวนประชากรไทยมีแนวโน้มเพ่ิมขึน้ ซึ่งการเพ่ิมของประชากรไทยเป็นไปในทิศทาง
เดียวกบั การเพ่ิมจานวนประชากรมนุษย์ของโลก ซ่ึงการเพิ่มขึน้ ของจานวนประชากร ทาให้มีการขยาย
ชุมชนเมืองออกไปสู่พืน้ ท่ีท่ีเป็นแหล่งทรัพยากร เกิดการบกุ รุกและเปลี่ยนสภาพระบบนิเวศธรรมชาติ
คาถาม
แนวโนม้ จานวนประชากรไทยในอนาคตมีลกั ษณะใด และมีทิศทางเดียวกบั การเพ่ิมจานวน
ประชากรมนุษยข์ องโลกหรือไม่ เพราะอะไร
แนวโน้มจานวนประชากรไทยในอนาคตจะมีเพิ่มขึน้ ซึ่งมีทิศทางเดียวกับการเพ่ิมจานวน
ประชากรมนษุ ย์ของโลก เพราะในอนาคตการแพทย์ของไทยจะมีเทคโนโลยีท่ีทันสมยั ขึน้ สามารถช่วย
ลดอัตราการตายของประชากรไทยได้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 153
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ตอนท่ี 1 ปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
ใบกจิ กรรมท่ี 6
ทดลอง ผลกระทบจากฝนกรด
จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
1. บอกผลกระทบที่เกิดข้ึนกบั ตน้ ไมท้ ี่ไดร้ ับฝนกรดได้
2. ทดลองเปรียบเทียบการงอกและการเจริญเติบโตของพืชท่ีไดร้ ับฝนกรดกบั ท่ีไมไ่ ดร้ ับฝนกรด
ได้
ข้นั ตอนการทดลอง ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
1. การสงั เกต
ปัญหา ฝนกรดมีผลกระทบต่อการงอกและการเจริญเติบโต 2. การต้งั สมมตุ ิฐาน
ของเมลด็ ถว่ั เขียวหรือไม่ 3. การทดลอง
กาหนดสมมุตฐิ าน เมลด็ ถวั่ เขียวในกระถางที่รดด้วยนา้ เปล่า 4. การจดั กระทาและสื่อความหมาย
จะงอกและเจริญเติบโตได้ดีกว่าเมลด็ ถวั่ เขียวท่ีรดด้วยนา้ ท่ีมี ขอ้ มลู
ฤทธ์ิเป็ นกรด 5. การตีความหมายขอ้ มลู และการ
ลงขอ้ สรุป
ทดสอบสมมุติฐาน
1. ผสมน้า 150 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร กบั น้าสม้ สายชู
50 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร โดยใชก้ ระบอกตวง นากระดาษ
ยนู ิเวอร์ซลั อินดิเคเตอร์วดั ค่า pH ของสารละลายท่ีไดใ้ หม้ ี อุปกรณ์
ค่าประมาณ 4 1. น้าเปลา่ 150 ลบ.ซม.
2. น้าสม้ สายชู 50 ลบ.ซม.
2. ใส่ดินลงในกระถางท้งั 2 ใบ ประมาณ 3 ของ 3. กระดาษยนู ิเวอร์ซลั –
4
กระถาง ติดป้ ายบอกรายละเอียดวา่ เป็นตน้ ถวั่ เขียวรดดว้ ย
น้าเปลา่ และตน้ ถว่ั เขียวท่ีรดดว้ ยน้าที่มีฤทธ์ิเป็นกรด อินดิเคเตอร์ 1 กลอ่ ง
3. นาเมลด็ ถว่ั เขียวลงปลกู ในกระถางท้งั 2 ใบ 4. กระถางตน้ ไม้
จานวนกระถางละ 10 เมลด็ พร้อมดินสาหรับปลกู 2 ใบ
4. รดน้าในกระถางแต่ละใบใหช้ ุ่มดว้ ยน้าเปลา่ หรือ 5. เมลด็ ถวั่ เขียว 20 เมลด็
น้าท่ีมีฤทธ์ิเป็นกรดตามป้ ายท่ีกาหนด 6. กระบอกตวง 2 ใบ
5. นากระถางท้งั 2 ใบ วางในบริเวณท่ีมีแสงแดดส่อง 7. บวั รดน้า 2 อนั
อยา่ งเพียงพอ สงั เกตการเจริญเติบโตของตน้ ถวั่ เขียวในแต่ละ 8. บีกเกอร์ขนาด 500 ลบ. ซม. 1 ใบ
กระถางทุกวนั นาน 5 วนั 9. ป้ าย 2 อนั
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 154
บันทึกผลการทดลอง
วนั ท่ี ผลการสังเกตการเจริญเตบิ โต
กระถางที่ 1 รดด้วยนา้ เปล่า กระถางที่ 2 รดด้วยนา้ ทม่ี ฤี ทธ์ิเป็ นกรด
1 มีรากงอกออกจากเมลด็ ถว่ั เขียว ไม่มีการเปล่ียนแปลง
2 รากยาวขึน้ มีรากงอกออกจากเมลด็ ถว่ั เขียว
3 รากยาวขึน้ รากยาวขึน้ เลก็ น้อย
4 ต้นอ่อนเริ่มเจริญเติบโต รากยาวเท่าเดิม
5 ต้นอ่อนเจริญเติบโตมากขึน้ รากยาวขึน้ เลก็ น้อย
สรุปผล
เมลด็ ถวั่ เขียวส่วนใหญ่ในกระถางท่ีรดด้วยนา้ ที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะไม่งอกออกมา ส่วนที่งอก
ออกมา ลาต้นเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ ลาต้นแคระแกร็น ส่วนเมลด็ ถวั่ เขียวท่ีรดด้วยนา้ เปล่าจะมีการงอก
ออกจากเมลด็ และเจริญเติบโตปกติ
คาถาม
ก่อนการทดลอง
1. การทดลองน้ีตอ้ งการใหน้ กั เรียนทราบเรื่องใด
ผลกระทบของฝนกรดที่มีต่อการงอกและการเจริญเติบโตของเมลด็ ถว่ั เขียว
2. ในการทดลองน้ีมีตวั แปรใดเป็นตวั แปรควบคุม
จานวนเมลด็ พืช ปริมาณแสงแดด อุณหภูมิ ชนิดของดิน และปริมาณนา้
ระหว่างการทดลอง
3. ในขณะทดลองมีปัญหาและอปุ สรรคหรือไม่ อะไรคือปัญหาและอปุ สรรค
พิจารณาจากคาตอบนักเรี ยน
4. นกั เรียนแกไ้ ขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดข้ึนในขณะทดลองดว้ ยวธิ ีใด
พิจารณาจากคาตอบนักเรี ยน
หลงั การทดลอง
5. ในสภาพปกติน้าฝนมีสมบตั ิเป็นกรด กลาง หรือเบส เพราะอะไร
ในสภาพปกตินา้ ฝนจะมีฤทธิ์เป็นกรด เพราะนา้ ฝนจะรวมตวั กับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
กลายเป็ นกรดคาร์ บอนิกที่มีฤทธิ์เป็ นกรด
6. เมลด็ ถว่ั เขียวท่ีไดร้ ับน้าที่มีฤทธ์ิเป็นกรดจะมีลกั ษณะใด
เมลด็ ส่วนใหญ่ไม่งอกออกมา ส่วนเมลด็ ท่ีงอกออกมาจะมีลาต้นแคระแกร็น
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 155
7. นอกจากพืชจะไดร้ ับผลกระทบจากฝนกรดแลว้ นกั เรียนคิดวา่ สิ่งแวดลอ้ มอื่น ๆ จะไดร้ ับผลกระทบ
จากฝนกรดดว้ ยหรือไม่ ในลกั ษณะใด
ได้รับผลกระทบ คือ สิ่งแวดล้อมอ่ืน ๆ เช่น อาคารบ้านเรือน รูปปั้น อนสุ าวรีย์ จะสึกกร่อนและ
ผพุ ังเร็ว
8. ผลสรุปของการทดลองน้ีคืออะไร
นา้ ฝนที่มีฤทธิ์เป็นกรดทาให้ต้นไม้ไม่เจริญเติบโต ลาต้นแคระแกร็น หรือทาให้เมลด็ ไม่งอก
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 156
ใบกจิ กรรมท่ี 7
ทดลอง ปรากฏการณ์เรือนกระจก
จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
1. อธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกได้
2. ทดลองเปรียบเทียบอณุ หภมู ิของอากาศในสภาวะเรือนกระจกกบั สภาวะปกติได้
ข้ันตอนการทดลอง ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ีคงทน
ปัญหา ปรากฏการณ์เรือนกระจกมีผลให้อุณหภูมิ 1. การสงั เกต
เปลี่ยนแปลงไปได้ในลกั ษณะใด 2. การต้งั สมมตุ ิฐาน
กาหนดสมมุตฐิ าน อณุ หภูมิของอากาศภายในขวดแก้วที่ 3. การทดลอง
ปิ ดฝาจะสูงกว่าอณุ หภูมิของอากาศภายในขวดแก้วที่ 4. การจดั กระทาและส่ือความหมาย
เปิ ดฝา ขอ้ มลู
ทดสอบสมมตุ ฐิ าน 5. การตีความหมายขอ้ มลู และการลง
ขอ้ สรุป
1. ใชก้ ระดาษแขง็ เป็นแผน่ สี่เหล่ียมขนาด
4 × 4 × 2 เซนติเมตร จานวน 2 กล่อง เจาะรูตรงกลางเพื่อ
ใส่เทอร์มอมิเตอร์ ใชก้ ระดาษกาว 2 หนา้ ติดท่ีดา้ นล่าง อปุ กรณ์
กล่องกระดาษแต่ละใบ
1. ขวดแกว้ ใสใบใหญ่ 2 ใบ
2. วางเทอร์มอมิเตอร์พร้อมกล่องกระดาษลงใน
ขวดแต่ละใบ ใหก้ ระดาษกาวติดกบั ขวดเพื่อไม่ใหเ้ ทอร์ 2. เทอร์มอมิเตอร์ 2 อนั
มอมิเตอร์สมั ผสั กบั กน้ ขวดโดยตรง
3. แผน่ กระดาษแขง็
3. กาหนดใหข้ วดใบท่ี 1 เปิ ดฝา ส่วนขวดใบท่ี 2
ปิ ดฝาขวดดว้ ยพลาสติกใส และรัดดว้ ยยางรัด บนั ทึก ขนาด A4 2 แผน่
อณุ หภูมิในแต่ละขวดก่อนนาออกวางกลางแดด
4. พลาสติกใสสาหรับห่อของ 1 มว้ น
4. นาขวดแกว้ ท้งั 2 ใบ ออกไปวางในบริเวณที่มี
แสงแดด อ่านอุณหภมู ิทุก ๆ 2 นาที บนั ทึกอุณหภมู ิใน 5. ยางรัด 1 เสน้
ตารางต่อเนื่องกนั เป็นเวลา 10 นาที หรือมากกวา่ น้นั
6. นาฬิกาจบั เวลา 1 เรือน
7. กระดาษกาว 1 มว้ น
8. กรรไกร 1 เล่ม
จนกระทงั่ สงั เกตเห็นอุณหภมู ิเพ่ิมข้ึน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 157
อปุ กรณ์แสดงการทดลองการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก
บันทึกผลการทดลอง อณุ หภูมิ (องศาเซลเซียส)
เวลา ขวดแก้วทเ่ี ปิ ดฝา ขวดแก้วทป่ี ิ ดฝา
ก่อนวางกลางแดด 26 26
2 นาที
4 นาที 26 27
6 นาที
8 นาที 27 28
10 นาที
27 30
28 31
28 32
สรุปผล
ในขวดแก้วที่เปิ ดฝา มีอณุ หภูมิของอากาศขณะนาไปวางกลางแดดเพิ่มขึน้ เรื่อย ๆ ส่วนขวดแก้ว
ท่ีปิ ดฝาเป็นสภาวะเรือนกระจก เมื่อนาไปวางกลางแดด อุณหภูมิจะเพิ่มขึน้ เร่ือย ๆ และมีอุณหภูมิของ
อากาศสูงกว่าขวดแก้วที่เปิ ดฝาอยู่
คาถาม
ก่อนการทดลอง
1. การทดลองน้ีตอ้ งการใหน้ กั เรียนทราบเรื่องใด
การเปลี่ยนแปลงของอณุ หภูมิเม่ือเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก
2. การทดลองน้ีนกั เรียนกาหนดสมมตุ ิฐานการทดลองวา่ อะไร
อุณหภูมิของอากาศภายในขวดแก้วท่ีปิ ดฝาจะสูงกว่าอณุ หภูมิของอากาศภายในขวดแก้วท่ีเปิ ด
ฝา
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 158
ระหว่างการทดลอง
3. ในขณะทดลองมีปัญหาและอุปสรรคหรือไม่ อะไรคือปัญหาและอปุ สรรค
พิจารณาจากคาตอบนักเรี ยน
4. นกั เรียนแกไ้ ขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดข้ึนในขณะทดลองดว้ ยวธิ ีใด
พิจารณาจากคาตอบนักเรี ยน
หลงั การทดลอง
5. เพราะเหตุใดจึงตอ้ งป้ องกนั เพ่ือไม่ใหเ้ ทอร์มอมิเตอร์สมั ผสั กบั กน้ ขวดแกว้
เพราะถ้าเทอร์มอมิเตอร์สัมผัสกบั ก้นขวดแก้ว อณุ หภูมิที่วดั ได้จะเป็นอุณหภูมิของขวดแก้วแทน
6. ปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดข้ึนจากสาเหตุใด
เกิดจากการท่ีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มีการสะสมอย่ใู นช้ันบรรยากาศ และกั้นไม่ให้ความร้ อน
จากพืน้ โลกผ่านขึน้ ไปในชั้นบรรยากาศ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 159
ใบกจิ กรรมที่ 8
สืบค้นข้อมูล ปัญหาส่ิงแวดล้อมระดบั โลก
จุดประสงค์ของกจิ กรรม
1. บอกปัญหาสิ่งแวดลอ้ มระดบั โลกได้
2. อธิบายสาเหตุของปัญหา ผลกระทบ และแนวทางในการแกไ้ ขปัญหาส่ิงแวดลอ้ มระดบั โลก
ได้
ปัญหา การทาลายทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของ ทกั ษะสร้างเสริมความเข้าใจที่คงทน
มนษุ ย์ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมระดบั โลกอะไรบ้าง 1. การสงั เกต
2. การจดั กระทาและส่ือความหมาย
ข้ันตอน
1. แบ่งกลุ่มนกั เรียน สืบคน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ปัญหา ขอ้ มลู
3. การตีความหมายขอ้ มลู และการ
ผลกระทบที่เกิดจากปัญหา และแนวทางการแกไ้ ขปัญหา
ส่ิงแวดลอ้ มระดบั โลก จากหนงั สือสารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ ลงขอ้ สรุป
วารสารวิทยาศาสตร์ เอกสารดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม และอินเทอร์เน็ต
2. นาขอ้ มลู ท่ีไดม้ าอภิปรายร่วมกนั แลว้ นาเสนอผลการ แหล่งการเรียนรู้
ทากิจกรรม 1. หนงั สือเรียน หนงั สืออา้ งอิง
หนงั สืออ่านประกอบ และวารสารท่ี
เก่ียวขอ้ ง
2. เวบ็ ไซตท์ ่ีเก่ียวขอ้ งทาง
อินเทอร์เน็ต
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 160
บันทึกผลการสืบค้นข้อมูล
รายการบันทกึ ผลการสืบค้นข้อมลู
วนั ท่ี 24 เดือน มกราคม พ.ศ. 2560
พิจารณาจากคาตอบนักเรี ยน
แนวคาตอบ
ปัญหาส่ิงแวดล้อมระดบั โลก เช่น ปัญหาปรากฏการณ์เรือนกระจก มีผลทาให้เกิดภาวะโลก
ร้อน โดยมีสาเหตมุ าจากการทากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ท่ีมีการปล่อยแก๊สเรือนกระจก เช่น แก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สมีเทน แก๊สคลอโรฟลอู อโรคาร์บอน และแก๊สไนตรัสออกไซด์ ที่มี
คุณสมบัติสามารถดูดกลืนและคายรังสีคล่ืนยาวช่วงอินฟราเรดได้ดีมาก ทาให้เม่ือพืน้ ผิวโลกคายรังสี
อินฟราเรดขึน้ สู่ชั้นบรรยากาศ แก๊สเหล่านีจ้ ะดูดกลืนรังสีอินฟราเรดเอาไว้ แล้วคายความร้อน ทาให้
พืน้ ผิวโลกและชั้นบรรยากาศมีอุณหภูมิเพ่ิมมากขึน้
ผลกระทบของปรากฏการณ์ เรื อนกระจก
1) ทาให้อุณหภูมิโลกสูงขึน้ ซ่ึงเป็นสาเหตใุ ห้เกิดการละลายของธารนา้ แขง็ ขว้ั โลก นา้ ทะเล
อ่นุ ขึน้ และเกิดการขยายตวั เกิดนา้ ท่วมบริเวณต่าง ๆ มากขึน้
2) ฤดูกาลและสภาพภมู ิอากาศเปล่ียนแปลง เกิดพายุ มีฤดูร้อนยาวนาน และมีฤดูหนาว
ที่สั้นลง
3) ผลผลิตทางการเกษตรลดลง เน่ืองจากสภาพดินฟ้ าอากาศและพืน้ ท่ีไม่เหมาะสม มีการ
ระบาดของแมลงที่เป็ นศัตรู พืชมากขึน้
4) ระบบนิเวศของโลกถูกทาลาย
แนวทางการแก้ ไขปัญหาปรากฏการณ์ เรื อนกระจก
1) ช่วยกนั ประหยดั พลงั งานเชื้อเพลิง ใช้เชือ้ เพลิงอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์
สูงสุด เพื่อลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกออกสู่บรรยากาศ
2) ไม่ตัดไม้ทาลายป่ า ส่งเสริมการปลกู ต้นไม้
3) ลดการใช้สารเคมีในบ้านและในการทาการเกษตร
4) ใช้พลงั งานทดแทนที่ไม่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลงั งานลม
และพลงั งานคลื่น
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 161
สรุปผล
ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก เช่น ปัญหาปรากฏการณ์เรือนกระจก มีผลทาให้เกิดภาวะโลกร้ อน
โดยมีสาเหตมุ าจากการทากิจกรรมต่าง ๆ ของมนษุ ย์ที่มีการปล่อยแก๊สเรือนกระจก ซ่ึงส่งผลกระทบต่อ
โลก เช่น ทาให้อณุ หภูมิโลกสูงขึน้ ฤดกู าลและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ผลผลิตทางการเกษตรลดลง
และ ระบบนิเวศของโลกถกู ทาลาย
แนวทางการแก้ไขปัญหาปรากฏการณ์เรือนกระจก เช่น ช่วยกันประหยดั พลงั งานเชือ้ เพลิง ไม่
ตดั ไม้ทาลายป่ า ลดการใช้สารเคมีในบ้านและในการทาการเกษตร และใช้พลงั งานทดแทน
คาถาม
1. ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มระดบั โลกส่วนใหญม่ ีสาเหตุมาจากอะไร
ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดบั โลกส่วนใหญ่มีสาเหตมุ าจากการทากิจกรรมต่าง ๆ ของมนษุ ย์ รวมท้ัง
การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
2. ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มระดบั โลกมีผลกระทบกบั มนุษยใ์ นลกั ษณะใด
ทาให้สุขภาพของมนุษย์แย่ลง มนษุ ย์ต้องเจอกบั การเปล่ียนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เกิดภัย
ธรรมชาติบ่อยขึน้ และผลผลิตทางการเกษตรลดลง
3. นกั เรียนจะมีวธิ ีการแกป้ ัญหาส่ิงแวดลอ้ มระดบั โลกดว้ ยวิธีการใด
แนวคาตอบ
ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คณุ ค่าและคานึงถึงผลกระทบท่ีจะเกิดขึน้ ต่อโลก และปลกู ฝังให้
เยาวชนเห็นความสาคัญของส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ บนโลก
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 162
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ตอนที่ 2 การพฒั นาทย่ี งั่ ยนื
ใบกจิ กรรมท่ี 9
สืบค้นข้อมลู และจดั ทาโครงงาน เสริมสร้างคุณภาพส่ิงแวดล้อมในชุมชน
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกสาเหตุของปัญหา และผลกระทบที่เกิดจากปัญหาสิ่งแวดลอ้ มในชุมชนได้
2. เลือกวิเคราะห์ปัญหาและจดั ทาโครงงาน เพื่อแกไ้ ขปัญหาสิ่งแวดลอ้ มในชุมชนได้
ปัญหา ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนมีอะไรบ้าง และมีวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีใดเพื่อให้เกิดการ
พัฒนาสิ่งแวดล้อมท่ีย่ังยืน ทักษะสร้างเสริมความเข้าใจท่ี
ข้นั ตอน คงทน
1. แบ่งกลุ่มนกั เรียน สืบคน้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ปัญหา 1. การสงั เกต
2. การจดั กระทาและสื่อ
สิ่งแวดลอ้ มในชุมชน เช่น ปัญหาขยะมลู ฝอย หรือปัญหาการเน่า ความหมายขอ้ มลู
เสียของแหล่งน้า จากเอกสาร วารสารต่าง ๆ อินเทอร์เนต็ และ 3. การตีความหมายขอ้ มลู และการ
จากการสมั ภาษณ์บุคคลในชุมชน ลงขอ้ สรุป
2. ระดมความคิดในกลุ่มเกี่ยวกบั แนวคิดในการแกไ้ ข
ปัญหาสิ่งแวดลอ้ มที่กลุ่มสนใจ เพ่ือใหเ้ กิดการพฒั นา
ส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งยง่ั ยืน แลว้ นาขอ้ มลู ท่ีรวบรวมไดจ้ ดั ทาเป็น แหล่งการเรียนรู้
โครงงาน 1. หนงั สือเรียน หนงั สืออา้ งอิง
หนงั สืออา่ นประกอบ และวารสาร
3. กลุม่ ลงมือปฏิบตั ิตามแผนงานท่ีกาหนดไวใ้ น ที่เกี่ยวขอ้ ง
โครงงาน พร้อมท้งั บนั ทึกผลการปฏิบตั ิ ประเมินผลการปฏิบตั ิ 2. เวบ็ ไซตท์ ่ีเกี่ยวขอ้ งทาง
และสรุปผลการทาโครงงาน อินเทอร์เน็ต
4. นาขอ้ มลู ท่ีไดม้ าอภิปรายร่วมกนั แลว้ นาเสนอผล
การทากิจกรรม
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 163
บันทึกผลการศึกษาข้อมลู
รายการบันทกึ ผลการศึกษาข้อมูล
วนั ท่ี 8 เดือน กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2560
พิจารณาจากคาตอบนักเรี ยน
แนวคาตอบ
โครงงานเรื่อง ปัญหาขยะมลู ฝอย
– ปัญหา ขยะในบริเวณโรงเรียนถกู ทิง้ อย่างกระจัดกระจาย ขยะในบริเวณโรง
อาหารส่ งกล่ินเหมน็
– ทีม่ าของปัญหา ไม่มีถงั ขยะตามจุดต่าง ๆ มากเพียงพอ ไม่มีการคัดแยกขยะก่อน
ทิง้
– ข้อมลู ทีใ่ ช้แก้ปัญหา ขยะบางชนิดสามารถคัดแยกประเภท เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์
ใหม่ได้ เช่น ขยะเปี ยกจากโรงอาหาร สามารถนาไปทาป๋ ุยหมกั ได้
– แนวทางการแก้ปัญหา เพ่ิมจานวนถงั ขยะวางตามจุดต่าง ๆ ให้มากขึน้ เช่น หน้า
ห้องนา้ และทางเดินระหว่างอาคารเรียน
– การแก้ปัญหา ขยะท่ีวางตามจุดต่าง ๆ ควรแบ่งประเภทเป็นถังขยะเปี ยก ถงั ขยะ
แห้ง และถงั ขยะรีไซเคิล เพื่อนาขยะที่แยกได้ไปใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมต่อไป
– ผลการแก้ปัญหาและข้อเสนอแนะ ขยะไม่ถกู ทิง้ กระจัดกระจาย กล่ินเหมน็ ของ
ขยะลดลง สามารถนาขยะบางประเภทกลบั มาใช้ประโยชน์ได้อีก ควรทาแผ่นป้ ายรณรงค์การ
แยกประเภทของขยะก่อนทิง้ และป้ ายแสดงผลกระทบท่ีเกิดขึน้ จากปัญหาขยะมลู ฝอยติดตาม
สถานท่ีต่าง ๆ ภายในโรงเรียน
สรุปผล
แต่ละชุมชนมีปัญหาส่ิงแวดล้อมท่ีแตกต่างกันตามสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของคนใน
ชุมชน ซึ่งการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยงั่ ยืนต้องมีการปฏิบัติตามแผนงานท่ี
กาหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพ่ือให้ผลลพั ธ์ออกมาดีท่ีสุด
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 164
คาถาม
1. ปัญหาส่ิงแวดลอ้ มในชุมชนที่กลุ่มของนกั เรียนสนใจคือปัญหาใด และมีแนวทางแกไ้ ขอยา่ งไร
พิจารณาจากคาตอบนักเรี ยน
แนวคาตอบ
ปัญหาขยะมลู ฝอย โดยมีแนวทางการแก้ปัญหา คือ เพ่ิมจานวนถงั ขยะวางตามจุดต่าง ๆ ให้มาก
ขึน้ เช่น หน้าห้องนา้ และทางเดินระหว่างอาคารเรียน
2. เพราะเหตุใดการพฒั นาจึงตอ้ งดาเนินการไปพร้อมกบั การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดลอ้ ม
การพัฒนาแต่ด้านวตั ถเุ พียงอย่างเดียวไม่สามารถทาให้มนษุ ย์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึน้ ได้ เพราะ
มนษุ ย์ต้องอย่ใู นสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ เช่น นา้ เน่าเสีย อากาศเสีย และดินเสื่อมคุณภาพ ดังนั้นการ
พัฒนาที่ดีจึงต้องดาเนินการไปพร้อมกบั การอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างถกู ต้อง
รอบคอบ และมีการจัดการท่ีดี เพ่ือให้มนุษย์มีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึน้ ไปพร้อมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่
ดีขึน้
3. เพราะเหตุใดกระบวนการนากลบั มาใชใ้ หม่ (recycle) จึงมีความสาคญั อยา่ งมากต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอ้ ม
กระบวนการนากลบั มาใช้ใหม่ (recycle) เป็นการนาขยะมาแปรรูปตามกระบวนการของแต่ละ
ประเภท เพื่อนากลบั มาใช้ประโยชน์ใหม่ ซ่ึงกระบวนการดงั กล่าวเป็นการลดปริมาณขยะ ลดการใช้
พลงั งาน และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ทาให้เรามีทรัพยากรธรรมชาติไว้ใช้ได้นานขึน้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 46 165
แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนประจาหน่วยการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 สิ่งมชี ีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม
ตอนท่ี 1 ระบบนเิ วศ
แบบทดสอบก่อนเรียน
คาชี้แจง เลอื กคาตอบท่ถี ูกที่สุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. ข้อความใดไม่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง พจิ ารณาข้อความต่อไปนีแ้ ล้วตอบคาถาม ข้อ 3–4
ส่ิงมีชีวติ กบั แหล่งท่อี ยู่ กาหนดให้ + = ได้ประโยชน์
ก งอู ยใู่ นรูใตต้ น้ ไม้
ข กบวางไข่ในบ่อน้า 0 = ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์
ค หมอู อกลูกเป็นตวั
ง นกทารังบนตน้ ไมใ้ หญ่ – = เสียประโยชน์
2. ข้อความใดไม่ใช่องค์ประกอบทางกายภาพที่มผี ล
3. ภาวะปรสิตตรงกบั ลกั ษณะใด
ต่อสิ่งมชี ีวติ
ก หนอนกินยอดใบไมเ้ ป็นอาหาร ก +, –
ข กหุ ลาบตายเพราะดินเส่ือมสภาพ
ค หมีข้วั โลกมีไขมนั หนาเพราะอยใู่ นเขตหนาว ข 0, 0
ง ปลาวา่ ยน้าไปอยใู่ นที่แห่งใหมเ่ พราะน้าเน่าเสีย
ค +, 0
ง +, +
4. ภาวะองิ อาศัยตรงกบั ลกั ษณะใด
ก –, +
ข +, 0
ค +, +
ง 0, 0
5. ใบไม้ → → นก → งู
จากโซ่อาหาร ลาดบั ข้นั ของการกนิ ใน
สามารถเป็ นส่ิงมชี ีวติ ใดได้
ก คน
ข กบ
ค หนู
ง หนอน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 46 166
แบบทดสอบหลงั เรียน
คาชีแ้ จง เลอื กคาตอบทถี่ ูกทส่ี ุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. สิ่งมีชีวติ ชนิดใดมคี วามสัมพนั ธ์กนั แบบภาวะการ พจิ ารณาแผนภาพต่อไปนีแ้ ล้วตอบคาถาม ข้อ 3–5
ได้ประโยชน์ร่วมกัน
3. จากแผนภาพ A คอื อะไร
ก กลว้ ยไมบ้ นตน้ ไมใ้ หญ่ ก สร้างอาหารไดเ้ อง
ข ปูเสฉวนกบั ดอกไมท้ ะเล ข เป็นผบู้ ริโภคข้นั ปฐมภูมิ
ค โพรโทซวั ท่ีอาศยั อยใู่ นลาไสป้ ลวก ค กินสิ่งมีชีวติ อื่นเป็นอาหาร
ง แบคทีเรียไรโซเบียมในปมรากถวั่ ง ใชแ้ สงอาทิตยช์ ่วยยอ่ ยสลายสารอินทรีย์
2. พรี ะมดิ แสดงจานวนของส่ิงมชี ีวติ 4. จากแผนภาพ D คอื อะไร
ก พืช
จากรูป พรี ะมดิ นคี้ วรเป็ นโซ่อาหารแบบใด ข สตั ว์
ก หญา้ → กระต่าย → งู ค รา, แบคทีเรีย
ข ตน้ ไม้ → หนอน → นก ง สารอาหารของพืช
ค ตน้ ไม้ → เพล้ีย → ปรสิต 5. จากแผนภาพ ถ้า C ได้รับการถ่ายทอดสารจากท้ัง
ง ตน้ ไม้ → เพล้ีย → เต่าทอง
A B และ E แสดงว่า C เป็ นสิ่งมชี ีวติ ชนิดใด
ก producer
ข herbivore
ค omnivore
ง decomposer
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 46 167
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ส่ิงมีชีวติ กบั ส่ิงแวดล้อม
ตอนที่ 2 ประชากรและการเปลยี่ นแปลงในระบบนิเวศ
แบบทดสอบก่อนเรียน
คาชี้แจง เลอื กคาตอบท่ีถูกท่สี ุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. ปัจจยั ท่สี ่งผลต่อการเปลย่ี นแปลงขนาดประชากร 3. เมอื่ เกดิ กระบวนการเปลย่ี นแปลงแทนทใ่ี นสระนา้
อย่างรวดเร็วทส่ี ุด ทีต่ นื้ เขิน จะพบว่าพชื ชนิดใดเพมิ่ จานวนมากขึน้
ก การเกิด ก จอกและแหน
ข โรคระบาด ข บวั และสาหร่ายชนิดต่าง ๆ
ค การอพยพเขา้ ค มอสส์และสาหร่ายหางกระรอก
ง การสะสมสารพิษ ง กกและพืชท่ีชอบข้ึนตามขอบบ่อ
2. พนื้ ท่ีแห่งหน่ึงถูกนา้ ท่วมขังเป็ นเวลาหลายปี จน 4. สถานท่ีแห่งหนึ่งมอี ตั ราการระเหยของนา้ มากกว่า
พชื ชนิดเดมิ ตายหมด เมอ่ื เวลาผ่านไปน้าลดลง อตั ราการกลนั่ ตวั ของนา้ สถานทีแ่ ห่งนคี้ วรจะ
พบว่ามพี ชื ชนิดใหม่เจริญเตบิ โตได้ นกั เรียนคดิ ว่า เป็ นสถานทีใ่ ด
สิ่งใดทเี่ ปลย่ี นแปลงไปจนทาให้เกดิ เหตกุ ารณ์ ก พ้ืนท่ีราบลมุ่
เช่นน้ัน ข พ้ืนท่ีแหง้ แลง้
ก ความเขม้ ของแสง ค พ้ืนที่ชายฝั่งทะเล
ข ความเป็นกรด–เบสของดิน ง ทอ้ งทะเลและมหาสมุทร
ค ความช้ืนและอุณหภมู ิของอากาศ
ง ธาตุอาหารท่ีจาเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช 5. การเพม่ิ ขึน้ ของประชากรมนุษย์เกดิ ขนึ้ ควบคู่กบั
ส่ิงใด
ก มลพิษที่เพิ่มข้ึน
ข คุณภาพชีวติ ท่ีดีข้ึน
ค เทคโนโลยีท่ีทนั สมยั ข้ึน
ง สดั ส่วนระหวา่ งประชากรต่อหน่วยพ้ืนที่ลดลง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 46 168
แบบทดสอบหลงั เรียน
คาชี้แจง เลอื กคาตอบท่ีถูกที่สุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. สิ่งใดไม่ใช่สาเหตุของการเปลย่ี นแปลงขนาด 3. ป่ าไม้บนภูเขาทางภาคเหนอื ของไทยถูกทาลาย
ประชากร โดยพวกชาวเขาและทาให้เกดิ การเปลย่ี นแปลง
แทนท่ีขึน้ โดยต่อมาจะมพี ชื เกดิ ขึน้ แทน พชื พวก
ก การเกิด ใดทไี่ ม่มโี อกาสจะเกดิ ขึน้ แทนทไี่ ด้
ข การตาย
ค การปรับตวั ก หญา้
ง การอพยพเขา้ –การอพยพออก ข ไมเ้ ถา
2. ข้อความใดอธิบายความหมายของประชากรได้ ค ไมพ้ ุ่ม
ง โกงกาง
ชัดเจนท่สี ุด 4. จากการสารวจพบว่า ในพนื้ ท่แี ห่งหนงึ่ มคี วาม
ก ในป่ าแห่งหน่ึงมีพืชและสตั วอ์ าศยั อยหู่ ลายชนิด
ข กรุงเทพมหานครมีคนอาศยั อยปู่ ระมาณ 6 ลา้ นคน หนาแน่นของประชากรสูงขนึ้ แสดงว่าประชากร
ค สุนขั ในกรุงเทพมหานครในช่วง พ.ศ. 2556 มี ในพนื้ ที่น้ันมลี กั ษณะใด
ก อตั ราการเกิดต่า อตั ราการตายสูง
จานวน 2,000 ตวั ข อตั ราการตายและอตั ราการยา้ ยออกสูง
ง สตั วช์ นิดต่าง ๆ ท่ีอยใู่ นเขาดินเมื่อ พ.ศ. 2555 มี ค อตั ราการยา้ ยเขา้ เท่ากบั อตั ราการยา้ ยออก
ง อตั ราการเกิดและยา้ ยเขา้ สูงกวา่ อตั ราการตายและ
มากกวา่ 100 ชนิด ยา้ ยออก
5. “มนุษย์เป็นตัวการสาคัญอย่างหน่ึงที่ทาให้
สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป” จากข้อความ
ดงั กล่าว นักเรียนคิดว่าสาเหตใุ ดที่ทาให้มนุษย์
ต้องเข้าไปดดั แปลงธรรมชาติ
ก กา้ วทนั การพฒั นาประเทศ
ข เพ่ือใหม้ ีชีวติ ท่ีดีข้ึน
ค สร้างสมดุลธรรมชาติใหเ้ กิดเร็วข้ึน
ง ตอ้ งการใชท้ รัพยากรธรรมชาติในการดารงชีวติ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 46 169
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ตอนท่ี 1 ปัญหาส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
แบบทดสอบก่อนเรียน
คาชี้แจง เลอื กคาตอบที่ถูกทสี่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. สาเหตสุ าคญั ทท่ี าให้แหล่งนา้ บนดนิ ใน 4. การกระทาใดช่วยลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก
กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่เน่าเสียเกอื บหมดคอื ได้มากที่สุด
อะไร
ก ปลกู ผกั สวนครัว
ก การทิ้งสิ่งปฏิกลู ลงในแหลง่ น้า ข ลดการใชเ้ ช้ือเพลิง
ข การปลกู สร้างบา้ นเรือนเพ่ิมข้ึน ค ฟังรายการวิทยใุ หน้ อ้ ยลง
ค แหล่งน้าเหล่าน้นั ต้ืนเขินทาใหไ้ มม่ ีการระบาย ง งดเดินทางท่องเท่ียวป่ าเพ่ือป้ องกนั ธรรมชาติถกู
ง การปลอ่ ยควนั พิษของรถยนตล์ งในแหลง่ น้า
2. การกาจดั ขยะวธิ ีใดทาให้สิ่งแวดล้อมเสียหายน้อย ทาลาย
5. จากการสารวจพบว่าประเทศสหรัฐอเมริกา
ท่สี ุด
ก ฝังดิน แคนาดา เยอรมนี และองั กฤษปล่อย CO2 ขนึ้ สู่
ข เผาไฟ บรรยากาศมากกว่าประเทศอนื่ ๆ เน่ืองจาก
ค ตากแดด ประเทศเหล่านมี้ ปี ริมาณสิ่งใดมาก
ง ขนไปกองไวน้ อกเมือง ก ประชากร
ข เทคโนโลยี
3. การปฏิบตั ใิ นเรื่องใดทาให้แก๊ส ค เกษตรกรรม
ง อตุ สาหกรรมหนกั
คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศลดลง
ก ใชพ้ ลงั งานไฟฟ้ าแทนแก๊สธรรมชาติ
ข ปลกู ไมย้ ืนตน้ ตามบริเวณท่ีวา่ งเปลา่
ค ทาน้าพจุ าลองตามบริเวณสวนสาธารณะ
ง กาจดั วชั พืชดว้ ยวิธีการฝังแทนการเผาวชั พืช
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 46 170
แบบทดสอบหลงั เรียน
คาชีแ้ จง เลอื กคาตอบทถ่ี ูกท่สี ุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. วธิ ีการใดช่วยแก้ปัญหามลพษิ ทางน้าได้ดที ่ีสุด 4. ถ้าต้องการฟื้ นฟูสภาพป่ าในพนื้ ท่ีทถ่ี ูกทาลาย
ก ขดุ บ่อไวส้ าหรับเกบ็ น้าทิ้ง เพอ่ื ให้มรี ะบบนเิ วศใกล้เคียงกบั สภาพเดิม
ข ขยายคคู ลองและแหลง่ น้า นักเรียนคดิ ว่าวธิ ีการใดต่อไปนีเ้ หมาะสมทสี่ ุด
ค แสวงหาแหลง่ น้าใหม่ท่ีสะอาด
ง บาบดั น้าเสียก่อนระบายลงสู่แหลง่ น้า ก ปลกู พืชโตเร็วทดแทน
2. วธิ ีใดช่วยลดปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ใน ข ปลกู พืชเศรษฐกิจท่ีสาคญั
ค คดั เลือกแต่พืชสาคญั ท่ีเคยมีอย่แู ลว้ นามาปลกู
บรรยากาศได้ผลยงั่ ยืนท่ีสุด ง ปลอ่ ยทิ้งไวใ้ หเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีจนเกิด
ก หยดุ การตดั ไมท้ าลายป่ า
ข ใชย้ านพาหนะเท่าท่ีจาเป็น เป็นพ้ืนที่ป่ าเอง
ค ใชส้ าร CFC ในปริมาณท่ีลดลง 5. เมอ่ื ฝนตก ณ หมู่บ้านแห่งหน่งึ ปรากฏว่านา้ ฝน
ง หมนั่ ตรวจคุณภาพเคร่ืองยนตอ์ ยา่ งสม่าเสมอ
3. สิ่งใดไม่ใช่ผลกระทบท่ีเกดิ จากปรากฏการณ์เรือน ได้กดั กร่อนหลงั คาสังกะสีและทาให้ใบไม้มจี ุดสี
เหลอื งนา้ ตาล ชาวบ้านได้ให้เจ้าหน้าท่มี า
กระจก ตรวจสอบพบว่านา้ ฝนมฤี ทธ์ิเป็ นกรด แสดงว่า
ก อณุ หภูมิของโลกต่าลง หม่บู ้านนมี้ สี ารพษิ ชนดิ ใด
ข ผลผลิตทางการเกษตรลดลง ก ไฮโดรคาร์บอน
ค ระบบนิเวศของโลกถกู ทาลาย ข ซลั เฟอร์ไดออกไซด์
ง ฤดูกาลและสภาพภมู ิอากาศเปลี่ยนแปลง ค คาร์บอนมอนอกไซด์
ง คลอโรฟลอู อโรคาร์บอน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 46 171
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ตอนที่ 2 การพฒั นาทยี่ ง่ั ยนื
แบบทดสอบก่อนเรียน
คาชีแ้ จง เลอื กคาตอบที่ถูกที่สุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. การกระทาใดเป็ นการปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมการ 4. วธิ ีการใดช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลน
บริโภคทรัพยากรธรรมชาตโิ ดยใช้วธิ ีการลดการ ทรัพยากรธรรมชาตไิ ด้ดที ่ีสุด
ใช้ (reduce)
ก การรณรงคป์ ลกู ป่ า
ก ใชถ้ ุงผา้ ใส่ของแทนถุงพลาสติก ข การบงั คบั ดว้ ยกฎหมาย
ข นาขวดกาแฟท่ีหมดแลว้ มาใส่น้าตาล ค การทาความสะอาดแหล่งน้า
ค ซ่อมแซมเบาะเกา้ อ้ีหรือเส้ือผา้ ที่ขาด ง การควบคุมจานวนประชากร
ง นาแกว้ แตกมาหลอมใหม่เป็นกระจก 5. การสร้างจติ สานกึ แก่ประชาชนให้มีส่วน
2. วธิ ีการใดไม่ช่วยลดการใช้นา้ มนั เชือ้ เพลงิ ใน
รับผดิ ชอบและเห็นคุณค่าของทรัพยากร-
ยานพาหนะ ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมต้องอาศัยกลไกใด
ก ศึกษาเสน้ ทางก่อนออกเดินทาง ก กฎหมาย
ข ติดเครื่องยนตท์ ิ้งไวข้ ณะจอดรถ ข ความสมคั รใจ
ค ไม่บรรทุกส่ิงของหนกั จนเกินไป ค กาหนดมาตรฐานการใชป้ ระโยชนจ์ าก
ง ขบั รถดว้ ยความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกาหนด ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มภายในชุมชน
3. พจิ ารณาข้อความต่อไปนี้ ง ใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจในการอนุรักษแ์ ละการใช้
ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาติและ
1 การพฒั นาท่ีทาให้มนุษย์มอี ายุยนื ขึน้ ส่ิงแวดลอ้ ม
2 การพฒั นาท่ีนาเอาพลงั งานทดแทนมาใช้
3 การพฒั นาท่คี านึงถึงผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม
4 การพฒั นาที่นาเอาทรัพยากรมาใช้ให้เกดิ
ประโยชน์มากท่ีสุด
วธิ ีการใดเป็ นแนวทางปฏบิ ัตขิ องการพฒั นาท่ยี ง่ั ยนื
ก 1 และ 2
ข 1 และ 4
ค 2 และ 3
ง 3 และ 4
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 46 172
แบบทดสอบหลงั เรียน
คาชี้แจง เลอื กคาตอบท่ถี ูกท่สี ุดเพยี งคาตอบเดยี ว
1. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการใช้ซ้า (reuse) 4. วธิ ีใดไม่ใช่มาตรการทางเศรษฐศาสตร์ท่ีใช้ในการ
ก ลดการใชพ้ ลงั งาน จดั การส่ิงแวดล้อม
ข ลดการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ
ค ช่วยพฒั นาเทคโนโลยกี ารใชท้ รัพยากร ก เกบ็ ภาษีรถยนต์
ง ลดปริมาณขยะตลอดจนภาระในการทาลายขยะ ข ออกกฎหมายสิ่งแวดลอ้ มพ้ืนฐาน
ค เกบ็ ค่าบริการในการกาจดั หรือบาบดั ของเสีย
2. ข้อปฏบิ ัตใิ ดจดั เป็ นการอนุรักษ์ ง เกบ็ ค่าธรรมเนียมมลพิษจากการปล่อยลงในแหลง่
ทรัพยากรธรรมชาตทิ ดี่ ที ่ีสุด น้าและอากาศ
ก นากระดาษที่ใชแ้ ลว้ ไปชง่ั กิโลขาย 5. การกาหนดบทบาทของประชาชนในสังคม
ข นากระดาษท่ีใชแ้ ลว้ มาพบั เป็นถุงขาย
ค นากระดาษที่ใชแ้ ลว้ มาแช่น้าใหย้ ยุ่ เพื่อผสมทา เกย่ี วกบั ส่ิงท่ีต้องปฏิบตั เิ พอื่ ป้ องกนั รักษา และ
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตใิ ห้คงอย่ตู ลอดไป
เป็นป๋ ุย เป็ นการจดั การสิ่งแวดล้อมโดยใช้มาตรการใน
ง นากระดาษที่ใชแ้ ลว้ มาบดละเอียดเพ่ือทาเป็น ด้านใด
ก สงั คม
กระดาษแผน่ ใหม่ ข กฎหมาย
3. สิ่งใดไม่ใช่หลกั ในการพฒั นาท่ียงั่ ยนื ค เทคโนโลยี
ก การพฒั นาเศรษฐกิจใหม้ นั่ คง ง เศรษฐศาสตร์
ข การส่งเสริมใหป้ ระชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ค การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติใหม้ ีใชไ้ ปนาน ๆ
ง การใชเ้ ทคโนโลยขี ้นั สูงในการแกป้ ัญหา
สิ่งแวดลอ้ ม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 173
เคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผลด้านคุณธรรม จริยธรรม และจิตวทิ ยาศาสตร์
การประเมินด้านคุณธรรม จริยธรรม และจิตวทิ ยาศาสตร์
สาหรับนักเรียนประเมนิ ตนเอง
คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนเครื่องหมาย ลงในช่องวา่ งท่ีตรงกบั ความเป็นจริง
รายการประเมนิ พฤตกิ รรมท่ีแสดงออก ระดบั คะแนน
321
1. ความสนใจใฝ่ รู้ 1. มีความใส่ใจท่ีจะสืบเสาะแสวงหาความรู้ในสถานการณ์และปัญหา
หรืออยากรู้ ใหม่ ๆ อยเู่ สมอ
อยากเห็น 2. มคี วามกระตือรือร้นต่อกิจกรรมและเร่ืองต่าง ๆ
3. ชอบทดลองคน้ ควา้
4. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟัง อ่าน เพอ่ื ใหไ้ ดร้ ับความรู้เพิ่มเติม
2. ความรับผดิ ชอบ 5. ไม่ทอ้ ถอยในการทางานเมอ่ื มีอุปสรรคหรือลม้ เหลว
มุ่งม่นั และอดทน 6. เวน้ การกระทาอนั เป็นผลเสียหายต่อส่วนรวม
7. ทางานที่ไดร้ ับมอบหมายใหส้ มบูรณ์ตามกาหนดและตรงต่อเวลา
8. ยอมรับในคาอธิบายเม่ือมีหลกั ฐานหรือขอ้ มลู มาสนบั สนุนอยา่ งเพียงพอ
3. ความมีเหตุผล 9. พยายามอธิบายสิ่งต่าง ๆ ในแง่เหตุและผล ไม่เช่ือโชคลางหรือคาทานาย
ที่ไมส่ ามารถอธิบายตามวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ได้
10. อธิบายหรือแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผล
11. ตรวจสอบความถกู ตอ้ งหรือความสมเหตุสมผลของแนวคิดต่าง ๆ
กบั แหล่งขอ้ มลู ท่ีเชื่อถือได้
4. ความมรี ะเบียบ 12. นาวธิ ีการหลาย ๆ วธิ ีมาตรวจสอบผลหรือวธิ ีการทดลอง
เรียบร้อย 13. มคี วามละเอียดถ่ีถว้ นในการทางาน
14. ทางานอยา่ งมรี ะเบียบเรียบร้อย
15. เสนอความจริง ถึงแมว้ า่ ผลการทดลองจะแตกต่างจากผอู้ ่ืน
5. ความซื่อสัตย์ 16. บนั ทึกขอ้ มลู ตามความเป็นจริงและไม่ใชค้ วามคิดเห็นของตนเองเขา้ ไป
เก่ียวขอ้ ง
17. ไมแ่ อบอา้ งผลงานของผอู้ ่ืนวา่ เป็นผลงานของตนเอง
6. ความใจกว้าง 18. รับฟังคาวพิ ากษว์ จิ ารณ์ ขอ้ โตแ้ ยง้ หรือขอ้ คิดเห็นท่ีมีเหตุผลของผอู้ ่ืน
ร่วมแสดงความ 19. ไมย่ ึดมน่ั ในความคิดของตนเองและยอมรับการเปลี่ยนแปลง
คดิ เห็นและรับ 20. ยอมพจิ ารณาขอ้ มลู หรือความคิดเห็นท่ียงั สรุปแน่นอนไมไ่ ด้ และพร้อม
ฟังความคดิ เห็น ท่ีจะหาขอ้ มลู เพ่ิมเติม
ของผู้อน่ื
คะแนนรวม
คะแนนเฉลยี่ =
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 174
สรุปผลการประเมนิ เขียนเครื่องหมาย ลงในวงกลม
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
O ควรปรับปรุง (1.00–1.66) หมายเหตุ การหาระดบั คุณภาพหาไดจ้ ากการนาคะแนน
O พอใช้ (1.67–2.33) รวมในแต่ละช่องมาบวกกนั แลว้ หารดว้ ย
O ดมี าก (2.34–3.00) จานวนขอ้ จะไดค้ ะแนนเฉล่ีย แลว้ นามาเทียบ
กบั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ตวั อย่าง เดก็ ชายเอ ไดค้ ะแนนรวมเท่ากบั 30 + 14 + 3 = 47
คะแนนเฉล่ียเท่ากบั = 47 = 2.35
20
จากคะแนนเฉล่ียเม่ือเทียบกบั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพจะอยใู่ นระดบั ดมี าก
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 175
แบบวดั เจตคตทิ ม่ี ีต่อวชิ าวทิ ยาศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ท…ี่ ……………………….
คาชีแ้ จง ลกั ษณะของแบบวดั ประกอบดว้ ยคาแสดงคุณลกั ษณะเป็นคู่ ๆ ท่ีมีความหมายตรงกนั
ขา้ ม ใหพ้ ิจารณาวา่ “นักเรียนมีความรู้สึกเช่นน้ันมากน้อยเพียงใด” เมื่อพิจารณาแลว้
ตอบโดยทาเครื่องหมาย X ทบั ในช่องตวั เลขที่นกั เรียนมีความรู้สึกน้นั
ตวั อย่าง นกั เรียนมีความรู้สึกอยา่ งไรต่อวชิ าวิทยาศาสตร์
ไม่ชอบ 1 2 3 4 5 ×6 7 ชอบ
ถา้ นกั เรียนตอบช่อง 6 แสดงวา่ นกั เรียนรู้สึกชอบวิชาวทิ ยาศาสตร์ค่อนขา้ งมาก
ไม่สบายใจ 1 ×2 3 4 5 6 7 สบายใจ
ถา้ นกั เรียนตอบช่อง 2 แสดงวา่ นกั เรียนรู้สึกไมค่ ่อยสบายใจเมื่อเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
นกั เรียนมคี วามรู้สึกอย่างไรต่อหน่วยการเรียนรู้ท่ี.................................................
1. ยาก 1234 5 67 ง่าย
2. ไมเ่ ขา้ ใจ 1234 5 67 เขา้ ใจ
3. น่าเบ่ือ 1234 5 67 น่าสนใจ
4. ไม่มีประโยชน์ 1234 5 67 มีประโยชน์
5. สาคญั นอ้ ย 1234 5 67 สาคญั มาก
6. เฉย ๆ 1234 5 67 ตื่นเตน้
7. ธรรมดา 1234 5 67 ซบั ซอ้ น
8. เหนื่อยลา้ 1234 5 67 สดชื่น
9. เคร่งขรึม 1234 5 67 ยินดี
10. ทุกข์ 1234 5 67 สุข
11. ไมจ่ าเป็น 1234 5 67 จาเป็ น
12. จริงจงั 1234 5 67 ตามสบาย
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
นาคะแนนจากช่องตวั เลขที่นกั เรียนตอบแต่ละรายการมารวมกนั แลว้ หาค่าเฉลี่ย
ถา้ นกั เรียนไดค้ ะแนนเฉล่ียเขา้ ใกล้ 7 แสดงวา่ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่.......
ถา้ นกั เรียนไดค้ ะแนนเฉล่ียเขา้ ใกล้ 1 แสดงวา่ มีเจตคติท่ีไม่ดีต่อการเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่......
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 176
เครื่องมือวดั และประเมินผลด้านทกั ษะ/กระบวนการ
การประเมนิ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ
สาหรับนกั เรียนประเมนิ ตนเอง
คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขียนเคร่ืองหมาย ลงในช่องวา่ งที่ตรงกบั ความเป็นจริง
รายการ พฤติกรรมทแ่ี สดงออก ปฏบิ ัติ นาน ๆ คร้ัง ไม่เคยปฏบิ ตั ิ
ประเมนิ เป็ นประจา (2คะแนน) (1 คะแนน)
1. ซกั ถามครูเมื่อสงสยั ในบทเรียนหรือมีขอ้ สงสยั ในเรื่องอ่ืน ๆ (3 คะแนน)
1. ทักษะ 2. ใชค้ าถามวา่ “ทาไม” “เพราะอะไร” เพือ่ หาเหตผุ ล
กระบวนการ 3. คน้ ควา้ หาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยที างสื่อ
เรียนรู้ ตา่ ง ๆ เช่น หนงั สือพมิ พ์ โทรทศั น์ และอินเทอร์เน็ต
วทิ ยาศาสตร์
4. ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้เร่ืองตา่ ง ๆ นอกเหนือจากบทเรียน
2. ทักษะ 5. แสดงความคิดเห็นหรือแลกเปล่ียนความรู้กบั ผอู้ ่ืน
กระบวนการ 6. สรุปขอ้ ความท่ีไดร้ ับจากการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยคาพดู เป็น
กล่มุ ภาษาของตนเองใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย
7. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ครบถว้ นของขอ้ ความรู้ที่ศึกษา
คน้ ควา้
8. นาความรู้ที่ไดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ ไปใชใ้ นการสร้าง
ความรู้ใหม่ เช่น สร้างโครงงาน
9. นาความรู้ท่ีไดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
10. จดั เวลาสาหรับการอา่ นหนงั สือทกุ วนั
11. ร่วมกนั วางแผนและแบ่งหนา้ ที่การทางานกบั เพ่ือนในกลุ่ม
12. จดั เตรียมวสั ดุ/อปุ กรณ์ใหพ้ ร้อมก่อนทดลอง
13. ปฏิบตั ิงานหรือทาการทดลองตามข้นั ตอนท่ีไดต้ กลงกนั
14. ทางานท่ีไดร้ ับมอบหมายอยา่ งเตม็ ความสามารถ
15. เป็นผนู้ าและผตู้ ามท่ีเหมาะสม
16. ยอมรับขอ้ ผิดพลาดร่วมกนั
17. นาเสนอผลงานไดช้ ดั เจนและเขา้ ใจงา่ ย
18. เกบ็ ลา้ งวสั ดุ/อปุ กรณ์ ใหส้ ะอาดเป็นระเบียบหลงั การ
ปฏิบตั ิงาน
19. งานเสร็จทนั เวลาและมีคุณภาพ
20. ภมู ิใจในผลงาน/การทางานกลุ่ม
คะแนนรวม
คะแนนเฉลยี่ =
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 177
สรุปผลการประเมนิ เขียนเครื่องหมาย ลงในวงกลม
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
O ควรปรับปรุง (1.00–1.66) หมายเหตุ การหาระดบั คุณภาพหาไดจ้ ากการนาคะแนน
O พอใช้ (1.67–2.33) รวมในแต่ละช่องมาบวกกนั แลว้ หารดว้ ย
O ดมี าก (2.34–3.00) จานวนขอ้ จะไดค้ ะแนนเฉล่ีย แลว้ นามาเทียบ
กบั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ตวั อย่าง เดก็ ชายเอ ไดค้ ะแนนรวมเท่ากบั 30 + 12 + 3 = 45
คะแนนเฉล่ียเท่ากบั = 45 = 2.25
20
จากคะแนนเฉล่ียเม่ือเทียบกบั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพจะอยใู่ นระดบั พอใช้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 178
แบบวดั เจตคตทิ ่ีมตี ่อการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม/การทดลองวทิ ยาศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ ..............................................
คาชี้แจง ลกั ษณะของแบบวดั ประกอบดว้ ยคาแสดงคุณลกั ษณะเป็นคู่ ๆ ที่มีความหมายตรงกนั
ขา้ ม ใหพ้ ิจารณาวา่ “นักเรียนมีความรู้สึกเช่นน้ันมากน้อยเพียงใด” เมื่อพิจารณาแลว้
ตอบโดยทาเครื่องหมาย X ทบั ในช่องตวั เลขที่นกั เรียนมีความรู้สึกน้นั
นกั เรียนมคี วามรู้สึกอย่างไรต่อการปฏิบัตกิ จิ กรรม/การทดลองวทิ ยาศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ .......................................
1. น่าเบื่อ 1234 5 67 น่าสนใจ
2. อนั ตราย 1234 5 67 ปลอดภยั
3. พยากรณ์ไมไ่ ด้ 1234 5 67 พยากรณ์ได้
4. ยาก 1234 5 67 ง่าย
5. เฉื่อยชา 1234 5 67 คลอ่ งแคลว่
6. ไม่มีประโยชน์ 1234 5 67 มีประโยชน์
7. ยงุ่ เหยิง 1234 5 67 เรียบร้อย
8. ไม่จาเป็น 1234 5 67 จาเป็ น
9. บงั คบั 1234 5 67 อิสระ
10. ลม้ เหลว 1234 5 67 สาเร็จ
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
นาคะแนนจากช่องตวั เลขที่นกั เรียนตอบแต่ละรายการมารวมกนั แลว้ หาค่าเฉลี่ย
ถา้ นกั เรียนไดค้ ะแนนเฉลี่ยเขา้ ใกล้ 7 แสดงวา่ มีเจตคติท่ีดีต่อการปฏิบตั ิกิจกรรม/การทดลองวิทยาศาสตร์
ถา้ นกั เรียนไดค้ ะแนนเฉลี่ยเขา้ ใกล้ 1 แสดงวา่ มีเจตคติท่ีไมด่ ีต่อการปฏิบตั ิกิจกรรม/การทดลอง
วทิ ยาศาสตร์
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 179
เคร่ืองมอื วดั และประเมินผลด้านสมรรถนะสาคัญของนักเรียน
การประเมนิ สมรรถนะสาคัญของนกั เรียน
สาหรับนกั เรียนประเมนิ ตนเอง
คาชี้แจง ให้นักเรียนเขยี นเคร่ืองหมาย ลงในช่องว่างทต่ี รงกบั ความเป็ นจริง
ความสามารถ พฤตกิ รรมที่แสดงออก ปฏบิ ัติ นาน ๆ คร้ัง ไม่เคยปฏบิ ัติ
ด้าน เป็ นประจา (2 คะแนน) (1 คะแนน)
(3 คะแนน)
1. การสื่อสาร 1. พดู บอกความคิด ความรู้สึกของตนกบั ผอู้ ื่นเกี่ยวกบั ขอ้ มลู และ
ประสบการณ์ของตนเอง
2. อธิบายเหตุผลของการเลือกที่จะรับและไม่รับขอ้ มลู ข่าวสาร
3. เลือกใชว้ ธิ ีการสื่อสารท่ีมีประสิทธิภาพและคานึงถึงผลกระทบที่
มตี ่อตนเองและสังคม
2. การคิด 4. ใชก้ ารคิดวเิ คราะห์เพอ่ื นาไปสู่การสร้างองคค์ วามรู้หรือ
สารสนเทศ
5. ใชก้ ารคิดสังเคราะหเ์ พื่อนาไปสู่การสร้างองคค์ วามรู้หรือ
สารสนเทศ
6. ใชก้ ารคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณเพื่อนาไปสู่การสร้างองคค์ วามรู้หรือ
สารสนเทศ
7. ใชก้ ารคิดอยา่ งเป็นระบบเพอ่ื นาไปสู่การสร้างองคค์ วามรู้หรือ
สารสนเทศ
3. การ 8. ใชข้ อ้ มลู หลกั การ เหตุผล และคุณธรรมในการแกป้ ัญหาและ
แก้ปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ
9. เขา้ ใจความสัมพนั ธแ์ ละการเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ใน
สังคม
10. นาความรู้ที่มีอยมู่ าใชใ้ นการแกไ้ ขและป้ องกนั ปัญหา
11. ตดั สินใจเร่ืองต่าง ๆ โดยคานึงถึงผลกระทบท่ีเกิดข้ึนต่อตนเอง
สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม
4. การใช้ 12. รู้จกั ใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้
ทกั ษะ 13. รู้จกั นากระบวนการต่าง ๆ ไปใชใ้ นการดาเนินชีวติ ประจาวนั
กระบวนการ 14. มคี วามสัมพนั ธ์ที่ดีกบั ผอู้ ่ืนในการทางานและการอยรู่ ่วมกนั ใน
และทักษะใน สังคม
การดาเนิน 15. รู้จกั การปรับตวั ใหท้ นั กบั การเปลี่ยนแปลงของสังคมและ
ชีวติ สภาพแวดลอ้ ม
16. รู้จกั หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พงึ ประสงคซ์ ่ึงจะส่งผลกระทบต่อ
ตนเองและผอู้ ื่น
17. รู้จกั การจดั การและหาทางออกที่เหมาะสมดา้ นความขดั แยง้ และ
ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 180
ความสามารถ พฤตกิ รรมที่แสดงออก ปฏบิ ัติ นาน ๆ คร้ัง ไม่เคยปฏิบัติ
ด้าน เป็ นประจา (2 คะแนน) (1 คะแนน)
18. รู้จกั เลือกใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ ประเภทซอฟตแ์ วร์และฮาร์ดแวร์ใน (3 คะแนน)
5. การใช้ การพฒั นาตนเองและสังคมเพอ่ื การเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน
เทคโนโลยี การแกป้ ัญหา และการอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่น =
19. รู้จกั เลือกใชแ้ นวคิดทางเทคโนโลยใี นการพฒั นาตนเองและ
สังคมเพอ่ื การเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแกป้ ัญหา และการ
อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่น
20. รู้จกั เลือกใชว้ ธิ ีการทางเทคโนโลยใี นการพฒั นาตนเองและ
สังคมเพื่อการเรียนรู้ การสื่อสาร การทางาน การแกป้ ัญหา และการ
อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่น
คะแนนรวม
คะแนนเฉลยี่
สรุปผลการประเมนิ เขียนเครื่องหมาย ลงในวงกลม
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
O ควรปรับปรุง (1.00–1.66) หมายเหตุ การหาระดบั คุณภาพหาไดจ้ ากการนาคะแนน
O พอใช้ (1.67–2.33) รวมในแต่ละช่องมาบวกกนั แลว้ หารดว้ ยจานวนขอ้
O ดมี าก (2.34–3.00) จะไดค้ ะแนนเฉล่ีย แลว้ นามาเทียบกบั เกณฑก์ ารตดั สิน
คุณภาพ
ตวั อย่าง เดก็ ชายเอ ไดค้ ะแนนรวมเท่ากบั 30 + 12 + 4 = 46
คะแนนเฉล่ียเท่ากบั = 46 = 2.30
20
จากคะแนนเฉล่ียเมื่อเทียบกบั เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพจะอยใู่ นระดบั พอใช้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 181
เครื่องมอื วดั และประเมินสมรรถนะทางวทิ ยาศาสตร์และภาระงานของนักเรียน
โดยใช้มิติคุณภาพ (Rubrics)
การสังเกต (Observation) เป็นวิธีการหาขอ้ มลู โดยตรงโดยใชป้ ระสาทสมั ผสั ท้งั หา้ ไดแ้ ก่ การดู
การดม การฟัง การชิม และการสมั ผสั
ตวั อย่าง
แบบประเมนิ กจิ กรรมการสังเกต
เรื่อง...............................................................................................กลุ่มท่ี...........
ภาคเรียนที่.......................ช้ัน...................................................
รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ
1234
1. การดาเนินการสงั เกต
2. การใชป้ ระสาทสมั ผสั
3. การบอกรายละเอียดของสิ่งที่สงั เกต
4. บนั ทึกผลการสงั เกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง
5. ความปลอดภยั ขณะสงั เกต
เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 5 ด้าน
1. การดาเนนิ การสังเกต
4 หมายถึง ดาเนินการสงั เกตตามลาดบั ข้นั ตอนไดด้ ีและทนั ตามเวลาท่ีกาหนด
3 หมายถึง ดาเนินการสงั เกตไดต้ ามลาดบั ข้นั ตอน ตอ้ งการความช่วยเหลือจากครูเป็นบางคร้ัง
2 หมายถึง ดาเนินการสงั เกตค่อนขา้ งจะผดิ พลาด ไมส่ ามารถปฏิบตั ิไดบ้ างข้นั ตอน ทาให้
ดาเนินการเสร็จไม่ทนั เวลา
1 หมายถึง ดาเนินการสงั เกตผิดพลาด ตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือตลอดเวลา
2. การใช้ประสาทสัมผสั
4 หมายถึง การใชป้ ระสาทสมั ผสั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ งรวมกนั ไดเ้ หมาะสมกบั สิ่งท่ี
สงั เกต ทาใหไ้ ดข้ อ้ มลู มากที่สุด
3 หมายถึง การใชป้ ระสาทสมั ผสั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ งรวมกนั ไดค้ ่อนขา้ งเหมาะสม
กบั สิ่งท่ีสงั เกต แต่ตอ้ งไดร้ ับคาแนะนาจากครูเป็นบางคร้ัง
2 หมายถึง การใชป้ ระสาทสมั ผสั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอยา่ งรวมกนั ไม่เหมาะสมกบั ส่ิงท่ี
สงั เกต ทาใหไ้ ดข้ อ้ มูลท่ีไม่ถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่
1 หมายถึง ใชก้ ารคาดเดามากกวา่ ใชป้ ระสาทสมั ผสั
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 182
3. การบอกรายละเอยี ดของสิ่งทีส่ ังเกต
4 หมายถึง บอกหรืออธิบายลกั ษณะของส่ิงที่สงั เกตไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์และครบถว้ น
3 หมายถึง บอกหรืออธิบายองคป์ ระกอบหลกั ของสิ่งท่ีสงั เกตได้
2 หมายถึง บอกหรืออธิบายองคป์ ระกอบหลกั ของส่ิงที่สงั เกตไดเ้ พียงบางส่วน
1 หมายถึง บอกหรืออธิบายส่ิงที่สงั เกตไดน้ อ้ ยมาก
4. บันทึกผลการสังเกตอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็ นจริง
4 หมายถึง มีการบนั ทึกผลการสงั เกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง ไมแ่ สดงความ
คิดเห็นหรือใชเ้ หตุผลประกอบ
3 หมายถึง มีการบนั ทึกผลการสงั เกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจริงและแสดงความ
คิดเห็นหรือใชเ้ หตุผลประกอบบา้ งเลก็ นอ้ ย
2 หมายถึง มีการบนั ทึกผลการสงั เกตตามความเป็นจริงบางส่วนและแสดงความคิดเห็นหรือให้
เหตุผลประกอบเป็ นส่วนใหญ่
1 หมายถึง มีการบนั ทึกผลการสงั เกตตามความคิดเห็นของตนเอง
5. ความปลอดภัยขณะสังเกต
4 หมายถึง สงั เกตดว้ ยความระมดั ระวงั และสามารถแนะนาเพ่ือนเพื่อใหเ้ กิดความปลอดภยั ได้
3 หมายถึง สงั เกตดว้ ยความระมดั ระวงั ครูตอ้ งดแู ลและช้ีแนะเป็นบางคร้ัง
2 หมายถึง สงั เกตดว้ ยความระมดั ระวงั ครูตอ้ งดูแลและช้ีแนะบ่อยคร้ัง
1 หมายถึง ขาดความระมดั ระวงั ทาใหเ้ กิดอนั ตรายขณะที่สงั เกต
เกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรมการสังเกตโดยภาพรวม
ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ
4 ดาเนินการสงั เกตตามลาดบั ข้นั ตอนไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ใชป้ ระสาทสมั ผสั ไดเ้ หมาะสมกบั ส่ิงที่
สงั เกต คานึงถึงความปลอดภยั ขณะที่สงั เกต บอกรายละเอียดของส่ิงท่ีสงั เกตไดส้ มบูรณ์
ครบถว้ น และบนั ทึกผลการสงั เกตอยา่ งตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง
3 ดาเนินการสงั เกตไดต้ ามลาดบั ข้นั ตอน ใชป้ ระสาทสมั ผสั ไดค้ ่อนขา้ งเหมาะสมกบั สิ่งที่สงั เกต
สงั เกตดว้ ยความระมดั ระวงั เพ่ือความปลอดภยั บอกรายละเอียดของสิ่งที่สงั เกตไดเ้ พียง
องคป์ ระกอบหลกั และบนั ทึกผลการสงั เกตตามความเป็นจริง แสดงความคิดเห็นบา้ งเลก็ นอ้ ย
2 ดาเนินการสงั เกตไดบ้ างข้นั ตอน ใชป้ ระสาทสมั ผสั ไม่เหมาะสมกบั สิ่งที่สงั เกต ตอ้ งการความ
ช่วยเหลือ แนะนาเพ่ือใหเ้ กิดความปลอดภยั บอกรายละเอียดของส่ิงท่ีสังเกตไดเ้ พียง
องคป์ ระกอบหลกั บางส่วน และบนั ทึกผลการสงั เกตตามความเป็นจริงบางส่วน รวมท้งั ใส่
ความคิดเห็นเพ่ิมเติม
1 ดาเนินการสงั เกตผิดพลาด ใชก้ ารคาดเดามากกวา่ ใชป้ ระสาทสมั ผสั ตอ้ งคอยดูแลเพ่ือใหเ้ กิด
ความปลอดภยั บอกรายละเอียดของส่ิงที่สงั เกตไดน้ อ้ ยมาก และบนั ทึกผลการสงั เกตตาม
ความคิดเห็นของตนเอง ขาดการสงั เกตท่ีน่าเชื่อถือ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 183
การสารวจ (Exploration) เป็นวิธีการหาขอ้ มลู เกี่ยวกบั สิ่งต่าง ๆ โดยใชว้ ิธีการและเทคนิคต่าง ๆ
เช่น การสงั เกต การสมั ภาษณ์ และการเกบ็ ตวั อยา่ งเพ่ือนามาวิเคราะห์ จาแนกหรือหาความสัมพนั ธ์
ตวั อย่าง
แบบประเมนิ กจิ กรรมการสารวจ
เร่ือง...............................................................................................กลุ่มท่ี...........
ภาคเรียนท่ี.......................ช้ัน...................................................
รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ
1234
1. การเลือกใชอ้ ปุ กรณ์/เครื่องมือในการสารวจ
2. การดาเนินการสารวจ
3. การจดั จาแนกประเภทขอ้ มลู
4. การบนั ทึกผลการสารวจตามขอ้ เทจ็ จริง
5. ความปลอดภยั ขณะทาการสารวจ
เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 5 ด้าน
1. การเลอื กใช้อปุ กรณ์/เคร่ืองมอื ในการสารวจ
4 หมายถึง เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม และสอดคลอ้ งกบั วิธีการสารวจทุกข้นั ตอน
3 หมายถึง เลือกใชอ้ ปุ กรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งและสอดคลอ้ งกบั วิธีการสารวจเป็นส่วนใหญ่
2 หมายถึง เลือกใชอ้ ปุ กรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งบางส่วนและสอดคลอ้ งกบั วิธีการสารวจเป็นบางข้นั ตอน
1 หมายถึง เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไม่ถกู ตอ้ งและไมส่ อดคลอ้ งกบั วิธีการสารวจ
2. การดาเนินการสารวจ
4 หมายถึง สามารถดาเนินการสารวจตามลาดบั ข้นั ตอนไดใ้ นเวลาท่ีกาหนด รวมท้งั ใชเ้ ทคนิค
หรือวธิ ีการท่ีเหมาะสมทาการสารวจ
3 หมายถึง สามารถดาเนินการสารวจตามลาดบั ข้นั ตอนและนาเทคนิคหรือวธิ ีการมาใชท้ าการ
สารวจ แต่ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือแนะนาจากครูเป็นบางคร้ัง
2 หมายถึง การดาเนินการไม่เป็นไปตามลาดบั ข้นั ตอน ใชเ้ วลามาก และครูตอ้ งใหค้ วาม
ช่วยเหลือหรือแนะนาบ่อยคร้ัง
1 หมายถึง การดาเนินการผิดพลาด ใชเ้ วลาเกินท่ีกาหนดไว้ และครูตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือหรือ
แนะนาตลอดเวลา
3. การจดั จาแนกประเภทข้อมลู
4 หมายถึง สามารถจดั จาแนกประเภทของสิ่งท่ีทาการสารวจเป็นหมวดหมู่ ทาใหง้ ่ายต่อการทา
ความเขา้ ใจ รวมท้งั ระบุเกณฑก์ ารจาแนกได้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 184
3 หมายถึง สามารถจดั จาแนกประเภทของสิ่งท่ีทาการสารวจเป็นหมวดหมไู่ ดต้ ามเกณฑท์ ี่ครู
แนะนา
2 หมายถึง สามารถจดั จาแนกประเภทของสิ่งท่ีทาการสารวจเป็นหมวดหม่ไู ดบ้ างส่วน โดยที่ครู
และเพื่อนตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือหรือแนะนาเก่ียวกบั เกณฑก์ ารจาแนก
1 หมายถึง สามารถจดั จาแนกประเภทของส่ิงที่ทาการสารวจไดน้ อ้ ยมาก โดยท่ีครูและเพ่ือน
ตอ้ งใหค้ วามช่วยเหลือหรือแนะนาเก่ียวกบั เกณฑก์ ารจาแนก
4. การบนั ทกึ ผลการสารวจตามข้อเทจ็ จริง
4 หมายถึง บนั ทึกขอ้ มลู ตามขอ้ เทจ็ จริง ทุกข้นั ตอน มีรายละเอียดครบถว้ น
3 หมายถึง บนั ทึกขอ้ มลู ตามขอ้ เทจ็ จริง แต่ขาดการอธิบายรายละเอียดบางข้นั ตอน
2 หมายถึง บนั ทึกขอ้ มลู ตามขอ้ เทจ็ จริงเป็นบางส่วนและใส่ความคิดเห็นของตนเอง รวมท้งั
รายละเอียดบางส่วนขาดหายไป
1 หมายถึง บนั ทึกขอ้ มลู ไดน้ อ้ ยมาก ขาดความน่าเชื่อถือ
5. ความปลอดภยั ขณะทาการสารวจ
4 หมายถึง สารวจดว้ ยความระมดั ระวงั และสามารถแนะนาเพื่อนเพ่ือใหเ้ กิดความปลอดภยั ได้
3 หมายถึง สารวจดว้ ยความระมดั ระวงั ครูตอ้ งดูแลและช้ีแนะเป็นบางคร้ัง
2 หมายถึง สารวจดว้ ยความระมดั ระวงั ครูตอ้ งดแู ลและช้ีแนะบ่อยคร้ัง
1 หมายถึง ขาดความระมดั ระวงั ทาใหเ้ กิดอนั ตรายขณะที่สารวจ
เกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรมการสารวจโดยภาพรวม
ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ
4 เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม ดาเนินการสารวจไดร้ วดเร็ว ใชเ้ ทคนิคหรือ
วิธีการไดเ้ หมาะสม คานึงถึงความปลอดภยั ขณะที่ทาการสารวจ จดั จาแนกประเภท
ของสิ่งท่ีทาการสารวจเป็นหมวดหมู่ รวมท้งั บอกเกณฑก์ ารจาแนกได้ และบนั ทึกผล
การสารวจตามขอ้ เทจ็ จริง มีรายละเอียดครบถว้ น
3 เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ดาเนินการสารวจตามลาดบั ข้นั ตอน สารวจ
ดว้ ยความระมดั ระวงั เพ่ือใหเ้ กิดความปลอดภยั สามารถจดั จาแนกประเภทของสิ่งที่
สารวจเป็นหมวดหม่ไู ด้ บนั ทึกผลการสารวจตามขอ้ เทจ็ จริง
2 เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งเป็นบางส่วน การดาเนินการสารวจตอ้ งใชเ้ วลามาก ไม่
สามารถปฏิบตั ิไดบ้ างข้นั ตอน ตอ้ งคอยช่วยเหลือแนะนาเพ่ือใหเ้ กิดความปลอดภยั
ขณะที่สารวจ จดั จาแนกประเภทของขอ้ มลู ไดเ้ พียงบางส่วน บนั ทึกผลการสารวจ
ตามขอ้ เทจ็ จริงบางส่วน รายละเอียดบางส่วนหายไป
1 เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไมส่ อดคลอ้ งกบั วิธีการสารวจ การดาเนินการสารวจผิดพลาด ตอ้ ง
คอยดูแลเพ่ือใหเ้ กิดความปลอดภยั ขณะท่ีทาการสารวจ ไม่สามารถจดั จาแนก
ประเภทของส่ิงที่สารวจไดแ้ ละบนั ทึกผลการสารวจนอ้ ยมาก ขาดความน่าเช่ือถือ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 185
การทดลอง (Experiment) เป็นกระบวนการเรียนรู้เพ่ือคน้ หาคาตอบหรือตรวจสอบสมมุติฐาน
ที่ต้งั ไวด้ ว้ ยการใชท้ กั ษะ/กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ยการออกแบบวิธีการทดลอง กาหนด
ตวั แปร ต้งั สมมตุ ิฐาน เลือกและใชเ้ ครื่องมือการทดลองหรือวสั ดุอุปกรณ์ ปฏิบตั ิการทดลอง บนั ทึกผลการ
ทดลองและสรุปผลการทดลอง
ตวั อย่าง
แบบประเมนิ กจิ กรรมการทดลอง
เร่ือง...............................................................................................กล่มุ ท่ี...........
ภาคเรียนท่ี.......................ช้ัน...................................................
การวางแผนและการออกแบบการทดลอง การดาเนินการ ผลการทดลอง
ทดลอง และสรุปผล
เลขที่ ช่ือ–สกลุ ื่ชอเ ื่รอง
ัปญหา
การ ้ตังสม ุมติฐาน
ตัวแปร ้ตน
ตัวแปรตาม
ตัวแปรควบ ุคม
วิ ีธการทดลอง
การทดลอง
วิ ีธการใ ้ชอุปกร ์ณ
การเก็บ ัรกษาอุปกร ์ณ
การจัดกระทา ้ขอ ูมล
ความ ูถก ้ตองของ
้ขอ ูมล
การแปลความหมาย ้ขอ ูมล
และส ุรปผลการทดลอง
รวม
22311141132 2 2 25
1
2
3
4
5
หมายเหตุ อาจลดประเดน็ ในการประเมินหรือลดคะแนนในแต่ละประเดน็ ไดต้ ามความเหมาะสม
เกณฑ์การให้คะแนน
1. การวางแผนและการออกแบบการทดลอง
1.1 ชื่อเร่ือง
– สอดคลอ้ งกบั ปัญหา ให้ 1 คะแนน
– ไมส่ อดคลอ้ งกบั ปัญหา ให้ 0 คะแนน
– ช่ือเร่ืองมีความชดั เจน ให้ 1 คะแนน
– ช่ือเรื่องไมช่ ดั เจน ให้ 0 คะแนน
1.2 ปัญหา
– สอดคลอ้ งกบั ชื่อเรื่อง ให้ 1 คะแนน
– ไมส่ อดคลอ้ งกบั ช่ือเร่ือง ให้ 0 คะแนน
– ครอบคลุมเร่ือง ให้ 1 คะแนน
– ไมค่ รอบคลุมเร่ือง ให้ 0 คะแนน
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 186
1.3 การต้งั สมมุติฐาน
– ต้งั สมมุติฐานไดส้ อดคลอ้ งกบั ปัญหา ให้ 2 คะแนน
0 คะแนน
– ต้งั สมมตุ ิฐานไมส่ อดคลอ้ งกบั ปัญหา ให้ 1 คะแนน
0 คะแนน
– ต้งั สมมุติฐานไดอ้ ยา่ งมีเหตุผล ให้
1 คะแนน
– ต้งั สมมุติฐานไม่มีเหตุผล ให้ 0 คะแนน
1.4 ตวั แปรต่าง ๆ ท้งั 3 ตวั แปร 1 คะแนน
0 คะแนน
– มีตวั แปรต่าง ๆ และถูกตอ้ งใหค้ ะแนนตวั แปรละ 1 คะแนน
0 คะแนน
– มีตวั แปรต่าง ๆ แต่ไม่ถกู ตอ้ ง หรือไม่มีตวั แปร ให้ 2 คะแนน
1 คะแนน
1.5 วิธีการทดลอง 0 คะแนน
– ระบุอปุ กรณ์การทดลองครบถว้ น ให้ 1 คะแนน
0 คะแนน
– ระบุอปุ กรณ์การทดลองไมค่ รบถว้ น ให้
1 คะแนน
– ระบุอปุ กรณ์การทดลองเหมาะสม ให้ 0 คะแนน
– ระบุอุปกรณ์การทดลองไมเ่ หมาะสม ให้ 1 คะแนน
0 คะแนน
– มีวธิ ีการทดลองเหมาะสม ให้ 1 คะแนน
0 คะแนน
– วธิ ีการทดลองขา้ มข้นั ตอนหรือสลบั ซบั ซอ้ น ให้ 1 คะแนน
0 คะแนน
– มีวธิ ีการทดลองไม่เหมาะสม ให้
2. การดาเนินการทดลอง
2.1 การทดลอง
– ดาเนินการทดลองสอดคลอ้ งกบั แผนการทดลอง ให้
– ดาเนินการทดลองไมส่ อดคลอ้ งกบั แผนการทดลอง ให้
2.2 วิธีการใชอ้ ุปกรณ์
– มีวิธีการใชอ้ ปุ กรณ์ถกู ตอ้ ง ให้
– มีวธิ ีการใชอ้ ปุ กรณ์ไมถ่ กู ตอ้ ง ให้
2.3 การเกบ็ รักษาอปุ กรณ์
– อุปกรณ์มีความสะอาด ให้
– อุปกรณ์ไม่มีความสะอาด ให้
– จดั เกบ็ อุปกรณ์เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้
– จดั เกบ็ อุปกรณ์ไมเ่ ป็นระเบียบเรียบร้อย ให้
– อุปกรณ์ไม่ชารุด ให้
– อปุ กรณ์ชารุด ให้
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 187
3. ผลการทดลองและสรุปผล ให้ 1 คะแนน
3.1 การจดั กระทาขอ้ มลู ให้ 0 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
– นาเสนอขอ้ มลู เขา้ ใจง่าย ให้ 0 คะแนน
– นาเสนอขอ้ มูลไมเ่ หมาะสม
– นาเสนอขอ้ มูลเป็นลาดบั ข้นั ตอน ให้ 2 คะแนน
– นาเสนอขอ้ มูลไม่เป็นลาดบั ข้นั ตอน ให้ 1 คะแนน
3.2 ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ให้ 0 คะแนน
– ขอ้ มลู ท่ีนาเสนอมีความถกู ตอ้ ง
– ขอ้ มลู ที่นาเสนอมีความเป็นไปได้ ให้ 1 คะแนน
– ขอ้ มลู ที่นาเสนอไม่ถกู ตอ้ ง ให้ 0 คะแนน
3.3 การแปลความหมายขอ้ มูลและสรุปผลการทดลอง ให้ 1 คะแนน
– แปลความหมายขอ้ มลู ไดถ้ กู ตอ้ ง ให้ 0 คะแนน
– แปลความหมายขอ้ มลู ไมถ่ กู ตอ้ ง
– สรุปผลขอ้ มลู ไดส้ อดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารทดลอง
– สรุปผลการทดลองไม่สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารทดลอง
เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 4 ด้าน
ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ
1. การวางแผนวธิ ีดาเนินการทดลอง
4 – วางแผนการทดลองและออกแบบการทดลองไดถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสมกบั เวลา
สามารถเลือกใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ในการทดลองไดถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสม
และครบถว้ น
3 – วางแผนการทดลองและออกแบบการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสมกบั เวลา แต่
การเลือกใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอปุ กรณ์ยงั ไม่เหมาะสมหรือไม่ครบถว้ น
2 – วางแผนการทดลองและออกแบบการทดลองไม่ถกู ตอ้ งและไมเ่ หมาะสมกบั เวลา
ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือในการเลือกใชเ้ ครื่องมือและวสั ดุอปุ กรณ์
1 – ไม่สามารถวางแผนและออกแบบการทดลองไดเ้ อง ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลืออยา่ ง
มากในการวางแผนการทดลองการออกแบบการทดลอง และการเลือกใช้
เครื่องมือและวสั ดุอุปกรณ์
2. การปฏิบตั กิ ารทดลอง
4 – ดาเนินการทดลองเป็นข้นั ตอนและใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
3 – ดาเนินการทดลองไดเ้ อง แต่ตอ้ งการคาแนะนาการใชเ้ ครื่องมือและวสั ดุอุปกรณ์
เป็ นบางคร้ ัง
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 188
ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ
2 – ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือเป็นบางคร้ังในการดาเนินการทดลองและการใช้
1
เคร่ืองมือและวสั ดุอปุ กรณ์
4 – ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลือตลอดเวลาในการดาเนินการทดลองและการใชเ้ คร่ืองมือ
3
2 และวสั ดุอปุ กรณ์
1
3. ความคล่องแคล่วในการทาการทดลอง
4
3 – ดาเนินการทดลองและใชอ้ ปุ กรณ์ทาการทดลองไดเ้ หมาะสม มีความปลอดภยั และ
2 ทาไดเ้ สร็จทนั เวลา
1 – ทาการทดลองและใชอ้ ุปกรณ์ไดท้ นั เวลาท่ีกาหนด แต่ยงั ตอ้ งการคาแนะนาการใช้
อปุ กรณ์บา้ งเป็นคร้ังคราว
– ทาการทดลองไม่ทนั เวลาท่ีกาหนด แต่ใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ไดถ้ กู ตอ้ ง
และไม่เกิดความเสียหาย
– ทาการทดลองไม่ทนั เวลาท่ีกาหนดและทาเครื่องมือและวสั ดุอปุ กรณ์เครื่องใชบ้ าง
ชิ้นชารุดเสียหาย
4. การนาเสนอ (บนั ทึกผลการทดลองและเขียนรายงานการทดลอง)
– บนั ทึกผลการทดลองและสรุปผลการทดลองถกู ตอ้ ง รัดกุม เขียนรายงานการ
ทดลองไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์เป็นข้นั ตอนท่ีชดั เจน
– บนั ทึกผลการทดลองและสรุปผลการทดลองไดเ้ อง เขียนรายงานการทดลอง
ยงั ไม่เป็นข้นั ตอนที่สมบูรณ์
– ตอ้ งไดร้ ับคาแนะนาเป็นบางคร้ังในการบนั ทึกผลการทดลอง การสรุปผลการ
ทดลอง รวมท้งั การเขียนรายงานการทดลอง
– ตอ้ งไดร้ ับความช่วยเหลืออยา่ งมากในการบนั ทึกผลการทดลอง การสรุปผล
การทดลอง รวมท้งั การเขียนรายงานการทดลอง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 189
เกณฑ์การประเมนิ กจิ กรรมการทดลองโดยภาพรวม
ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ
4 วางแผนวิธีการทดลองและปฏิบตั ิการทดลองไดค้ ล่องแคล่ว ใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุ
อปุ กรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม ผลการทดลองท่ีไดถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณ์
3 วางแผนวธิ ีการทดลองและปฏิบตั ิการทดลองไดค้ ลอ่ งแคล่ว ใชเ้ ครื่องมือและวสั ดุ
อปุ กรณ์ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม ผลการทดลองท่ีไดถ้ กู ตอ้ งแต่ยงั ไมค่ รบถว้ น
2 วางแผนวิธีการทดลองและปฏิบตั ิการทดลองไดบ้ า้ ง แต่ไมค่ ล่องแคล่ว ตอ้ งการ
ความช่วยเหลือแนะนาการใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ใหถ้ กู ตอ้ งและปลอดภยั
1 ไม่สามารถวางแผนวิธีการทดลองและปฏิบตั ิการทดลองไดเ้ อง