คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 190
การสืบค้นข้อมูล (Search) เป็นการหาขอ้ มลู หรือขอ้ สนเทศท่ีมีผรู้ วบรวมไวแ้ ลว้ จากแหล่ง
ต่าง ๆ เช่น หอ้ งสมุด เครือข่ายอินเทอร์เนต็ และภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน
ตวั อย่าง สรุป
แบบประเมนิ รายงานการสืบค้นข้อมูล
เร่ือง...............................................................................................กล่มุ ท่ี...........
ภาคเรียนท่ี.......................ช้ัน...................................................
รายการประเมิน
เ ้ืนอหาครบถ้วนตรงตามประเด็น
เลข ช่ือ–สกลุ ความถูกต้องของเ ้ืนอหาสาระ ผา่ น ไม่
ท่ี ภาษาถูกต้องเหมาะสม ผา่ น
ค้นคว้าจากแห ่ลงการเ ีรยน ู้ร ่ีท
หลากหลาย
ูรปแบบการนาเสนอ ่นาสนใจ
ประเ ิมนป ัรบป ุรงและแสดง
ความ ู้ร ึสก ่ตอ ิ้ชนงาน
รวมจานวนรายการ ่ีทผ่านเกณฑ์ ้ขัน ่ตา
1
2
3
4
5
เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 6 ด้าน
1. เนอื้ หาสาระครบถ้วนตรงตามประเดน็
4 หมายถึง มีเน้ือหาสาระครบถว้ นตามประเดน็ ที่กาหนดท้งั หมด
3 หมายถึง มีเน้ือหาสาระค่อนขา้ งครบถว้ นตามประเดน็ ท่ีกาหนดท้งั หมด
2 หมายถึง มีเน้ือหาสาระไมค่ รบถว้ นตามประเดน็ แต่ภาพรวมของสาระท้งั หมดอยใู่ นเกณฑพ์ อใช้
1 หมายถึง มีเน้ือหาสาระไม่ครบถว้ น ภาพรวมของสาระท้งั หมดอยใู่ นเกณฑต์ อ้ งปรับปรุง
2. ความถูกต้องของเนือ้ หาสาระ
4 หมายถึง เน้ือหาสาระท้งั หมดถกู ตอ้ งตามขอ้ เทจ็ จริงและหลกั วชิ า
3 หมายถึง เน้ือหาสาระเกือบท้งั หมดถกู ตอ้ งตามขอ้ เทจ็ จริงและหลกั วชิ า
2 หมายถึง เน้ือหาสาระบางส่วนถกู ตอ้ งตามขอ้ เทจ็ จริง หลกั วชิ าตอ้ งแกไ้ ขบางส่วน
1 หมายถึง เน้ือหาสาระส่วนใหญ่ไม่ถกู ตอ้ งตามขอ้ เท็จจริง หลกั วิชาตอ้ งแกไ้ ขเป็นส่วนใหญ่
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 191
3. ภาษาถูกต้องเหมาะสม
4 หมายถึง สะกดการันตถ์ ูกตอ้ ง ถอ้ ยคาสานวนเหมาะสมดีมาก ลาดบั ความไดช้ ดั เจน เขา้ ใจง่าย
3 หมายถึง สะกดการันตถ์ ูกตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ ถอ้ ยคาสานวนเหมาะสมดี ลาดบั ความไดด้ ีพอใช้
2 หมายถึง สะกดการันตม์ ีผิดอยบู่ า้ ง ถอ้ ยคาสานวนเหมาะสมพอใช้ ลาดบั ความพอเขา้ ใจ
1 หมายถึง สะกดการันตผ์ ดิ มาก ถอ้ ยคาสานวนไมเ่ หมาะสม ลาดบั ความไดไ้ มช่ ดั เจน
4. ค้นคว้าจากแหล่งการเรียนรู้ทหี่ ลากหลาย
4 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายต้งั แต่ 4 แหล่งข้ึนไป
3 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหล่งการเรียนรู้ 3 แหล่ง
2 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหล่งการเรียนรู้ 2 แหล่ง
1 หมายถึง คน้ ควา้ จากแหล่งการเรียนรู้เพียงแหล่งการเรียนรู้เดียว
5. รูปแบบการนาเสนอน่าสนใจ
4 หมายถึง รูปแบบการนาเสนองานแปลกใหม่ น่าสนใจดี ลาดบั เรื่องราวไดด้ ีมาก
3 หมายถึง รูปแบบการนาเสนองานน่าสนใจ ลาดบั เร่ืองราวไดด้ ี
2 หมายถึง รูปแบบการนาเสนองานน่าสนใจพอใช้ ลาดบั เร่ืองราวไดพ้ อใช้
1 หมายถึง รูปแบบการนาเสนอผลงานไมน่ ่าสนใจ ลาดบั เรื่องราวไดไ้ มด่ ี
6. ประเมนิ ปรับปรุงและแสดงความรู้สึกต่อชิน้ งาน
4 หมายถึง วิเคราะห์ขอ้ เด่น ขอ้ ดอ้ ยของงานไดช้ ดั เจน ปรับปรุงพฒั นางานไดเ้ หมาะสม และแสดง
ความรู้สึกต่องานท้งั กระบวนการทางานและผลงานไดอ้ ยา่ งชดั เจน
3 หมายถึง วเิ คราะห์ขอ้ เด่น ขอ้ ดอ้ ยของงานไดบ้ างส่วน ปรับปรุงพฒั นางานไดบ้ า้ ง แสดงความรู้สึก
ต่องานไดแ้ ต่ไม่ครบถว้ น
2 หมายถึง วเิ คราะห์ขอ้ เด่น ขอ้ ดอ้ ยของงานไดเ้ ลก็ นอ้ ย ปรับปรุงพฒั นางานดว้ ยตนเองไม่ไดต้ อ้ ง
ไดร้ ับคาแนะนาจากผอู้ ื่น แสดงความรู้สึกต่องานไดแ้ ต่ไม่ครบถว้ น
1 หมายถึง วเิ คราะห์ขอ้ เด่น ขอ้ ดอ้ ยของงานไมไ่ ด้ ไมป่ รับปรุงพฒั นางาน แสดงความรู้สึกต่องานได้
เลก็ นอ้ ยหรือไม่แสดงความรู้สึกต่องาน
เกณฑ์การตดั สินผลการประเมนิ
นกั เรียนตอ้ งมีพฤติกรรมในแต่ละรายการอยา่ งนอ้ ยระดบั 2 ข้ึนไป จานวน 4 ใน 6 รายการ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 192
เกณฑ์การประเมนิ รายงานการสืบค้นข้อมลู โดยภาพรวม
ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ
4 – บนั ทึกผลงานไดถ้ กู ตอ้ งตามจุดประสงค์ เขียนบนั ทึกไดช้ ดั เจน แนวคิดหลกั
ถกู ตอ้ ง มีประเดน็ สาคญั ครบถว้ น
– ใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ศพั ทว์ ทิ ยาศาสตร์ถกู ตอ้ ง
3 – บนั ทึกผลงานไดต้ รงตามจุดประสงค์ เขียนบนั ทึกท่ีมีบางส่วนยงั ไม่ชดั เจน
แนวคิดหลกั ถกู ตอ้ ง มีประเดน็ สาคญั ครบถว้ น
– ใชภ้ าษา ศพั ทว์ ิทยาศาสตร์ไมถ่ กู ตอ้ งในบางส่วน
2 – บนั ทึกผลงานยดึ ตามจุดประสงค์ เขียนบนั ทึกไม่ชดั เจน แนวคิดหลกั บางส่วน
ไมถ่ กู ตอ้ ง ส่วนท่ีเป็นประเดน็ สาคญั มีไมค่ รบถว้ น
– ใชภ้ าษา ศพั ทว์ ทิ ยาศาสตร์ไมถ่ กู ตอ้ งในบางส่วน
1 – บนั ทึกผลงานไม่สอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ เขียนบนั ทึกไมช่ ดั เจน และแนวคิด
หลกั ส่วนใหญ่ไม่ถกู ตอ้ ง
– ใชภ้ าษา ศพั ทว์ ิทยาศาสตร์ไมถ่ กู ตอ้ ง
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 193
โครงงานวทิ ยาศาสตร์ (Scientific Project) เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมีการสืบเสาะหาความรู้ การ
ปฏิบตั ิจริง และการสร้างความรู้ดว้ ยตนเอง โดยผทู้ าโครงงานมีอิสระในการนาความรู้ ความสามารถ
ประสบการณ์เดิม และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใชใ้ นการแกป้ ัญหา โครงงานวิทยาศาสตร์จาแนก
เป็น 4 ประเภท คือ โครงงานประเภทสารวจ โครงงานประเภททดลอง โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ และ
โครงงานประเภททฤษฎี
การประเมนิ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้กาหนดเป้ าหมายการเรียนรู้และจดุ ประสงค์ของการประเมนิ ไว้ ดงั นี้
เป้ าหมายการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. ความรู้ความคิด 1.1 มีความเขา้ ใจหลกั การ แนวคิดหลกั ทางวิทยาศาสตร์
1.2 ใชศ้ พั ทเ์ ฉพาะทางวทิ ยาศาสตร์ไดถ้ กู ตอ้ ง
1.3 มีความรู้เกิดข้ึนใหมแ่ ละสร้างความรู้ดว้ ยตนเอง
ฯลฯ
2. กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจาก
การทาโครงงาน
2.1 โครงงานประเภทสารวจและ 1) สามารถกาหนดปัญหาและสมมตุ ิฐานที่สอดคลอ้ งกนั
โครงงานประเภททดลอง 2) สามารถออกแบบการสารวจหรือทดลอง การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
และการควบคุมตวั แปร
3) สามารถจดั กระทาและนาเสนอขอ้ มูลที่เขา้ ใจง่าย
4) สามารถแปลผลสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้
5) สามารถบนั ทึกการทางานอยา่ งมีเหตุผล
ฯลฯ
2.2 โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ 1) สามารถเลือกวสั ดุที่นามาใชป้ ระดิษฐ์
2) สามารถออกแบบตรงตามวตั ถุประสงค์ การใชป้ ระโยชน์ ความ
คงทน ความประณีต และน่าสนใจ
ฯลฯ
2.3 โครงงานประเภททฤษฎี 1) สามารถเสนอแนวคิดท่ีมีเหตุผล
2) สามารถอธิบายและสรุปแนวคิดหลกั บนพ้ืนฐานของขอ้ ตกลง
เบ้ืองตน้
ฯลฯ
3. ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ 3.1 มีความแปลกใหม่ ก่อใหเ้ กิดประโยชน์
3.2 มีความแปลกใหมใ่ นการออกแบบ
ฯลฯ
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 194
เป้ าหมายการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้
4. การเขียนรายงานหรือการแสดง 4.1 ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ศพั ทว์ ิทยาศาสตร์ การเรียบเรียงขอ้ ความ
ผลงาน
และรูปแบบการนาเสนอตาราง แผนภมู ิ กราฟ รูปภาพ
4.2 ส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งชดั เจน เหมาะสม น่าสนใจ
ฯลฯ
เกณฑ์การประเมนิ โครงงานวทิ ยาศาสตร์โดยภาพรวม
ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ
4 มีการแสดงออกถึงความเขา้ ใจปัญหา การวางแผนวิธีการทาโครงงาน โดยออกแบบ
หรือคิดคน้ ข้ึนเอง ลงมือปฏิบตั ิจนทาโครงงานไดเ้ สร็จและประสบความสาเร็จ เขียน
รายงานเป็นลาดบั ไดช้ ดั เจนและครบถว้ น
3 มีหลกั ฐาน ร่องรอยท่ีแสดงถึงความเขา้ ใจปัญหา การวางแผนวิธีการทาโครงงานได้
ถกู ตอ้ ง ลงมือปฏิบตั ิจนเสร็จและประสบความสาเร็จ และเขียนรายงานไดช้ ดั เจน
2 มีหลกั ฐาน ร่องรอยที่แสดงถึงความเขา้ ใจปัญหา การวางแผนวิธีการทาโครงงาน
ถกู ตอ้ งบางส่วน ลงมือปฏิบตั ิประสบความสาเร็จบางส่วน และเขียนรายงานยงั ไม่
ชดั เจน
1 ใชเ้ วลานานมากในการทาความเขา้ ใจปัญหา ตอ้ งอาศยั การแนะนาเกี่ยวกบั การวางแผน
วธิ ีการทาโครงงาน มีความยากลาบากในการลงมือปฏิบตั ิและเขียนรายงานสบั สนไม่
ชดั เจน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 195
แบบบันทกึ ผลการประเมนิ โครงงานวทิ ยาศาสตร์
รายการประเมนิ คะแนนท่ไี ด้ หมายเหตุ
4321
1. การกาหนดปัญหาและการต้งั สมมุติฐาน
2. ขอ้ มลู หรือขอ้ เทจ็ จริงประกอบการทาโครงงาน
3. การออกแบบการทดลอง
4. อุปกรณ์และเครื่องมือในการทดลอง
5. การดาเนินการทดลอง
6. การบนั ทึกขอ้ มูล
7. การจดั กระทาขอ้ มลู
8. การแปลความหมายขอ้ มูลและการสรุปผลของขอ้ มูล
9. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
10. การเขียนรายงานหรือการแสดงผลงาน
รวม
หมายเหตุ การประเมินโครงงานวทิ ยาศาสตร์ทาไดโ้ ดยการสงั เกต การสมั ภาษณ์ และการบนั ทึกการ
ปฏิบตั ิงานหรือบนั ทึกพฤติกรรมของนกั เรียนเป็นรายบุคคลและเป็นรายกลุ่มอยา่ งต่อเนื่อง
และผปู้ ระเมินหลายคน รวมท้งั การประเมินตนเองของนกั เรียน
เกณฑ์การประเมนิ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ แยกตามองค์ประกอบย่อย 10 ด้าน โครงงานประเภททดลอง
ระดบั คุณภาพ รายการประเมนิ
1. การกาหนดปัญหาและการต้ังสมมุตฐิ าน
4 สมมุติฐานสอดคลอ้ งกบั ปัญหาและแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเหตุและผลอยา่ งชดั เจน
3 สมมตุ ิฐานสอดคลอ้ งกบั ปัญหาและแสดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเหตุและผลแต่ยงั ไมช่ ดั เจน
2 สมมุติฐานสอดคลอ้ งกบั ปัญหา แต่ไมแ่ สดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเหตุและผล
1 สมมตุ ิฐานไมส่ อดคลอ้ งกบั ปัญหา
2. ข้อมลู หรือข้อเท็จจริงประกอบการทาโครงงาน
4 มีการศึกษาคน้ หาขอ้ มลู หรือขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั ปัญหาอยา่ งชดั เจนครอบคลุม
3 มีการศึกษาคน้ หาขอ้ มลู หรือขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ปัญหา แต่ยงั ไม่ครอบคลุม
2 มีการศึกษาคน้ หาขอ้ มลู หรือขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ปัญหาเพียงบางส่วน
1 มีการศึกษาหาขอ้ มลู หรือขอ้ เท็จจริงท่ีไม่เก่ียวขอ้ งกบั ปัญหา
3. การออกแบบการทดลอง
4 สอดคลอ้ งกบั สมมุติฐาน ควบคุมตวั แปรไดถ้ กู ตอ้ งสมบูรณ์ และมีแนวทางการเกบ็ รวบรวม
ขอ้ มลู
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 196
3 สอดคลอ้ งกบั สมมุติฐานและควบคุมตวั แปรไดค้ รบถว้ นสมบูรณ์
2 สอดคลอ้ งกบั สมมตุ ิฐานและควบคุมตวั แปรไดบ้ างส่วน
1 สอดคลอ้ งกบั สมมุติฐานแต่ไม่มีการควบคุมตวั แปร
4. อปุ กรณ์และเครื่องมอื ในการทดลอง
4 เลือกใชอ้ ุปกรณ์และเครื่องมือไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสม
3 เลือกใชอ้ ุปกรณ์และเคร่ืองมือไดถ้ กู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่
2 เลือกใชอ้ ุปกรณ์และเคร่ืองมือไดถ้ กู ตอ้ งเป็นบางส่วน
1 เลือกใชอ้ ุปกรณ์และเคร่ืองมือไมเ่ หมาะสม
5. การดาเนนิ การทดลอง
4 ดาเนินการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งครบสมบูรณ์
3 ดาเนินการทดลองไดถ้ กู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่
2 ดาเนินการทดลองไดถ้ ูกตอ้ งเป็นบางส่วน
1 ดาเนินการทดลองไมเ่ หมาะสม
6. การบนั ทกึ ข้อมลู
4 บนั ทึกขอ้ มลู ตรงจุดประสงคท์ ี่ตอ้ งการศึกษาถกู ตอ้ งและครบสมบรู ณ์
3 บนั ทึกขอ้ มลู ตรงจุดประสงคท์ ่ีตอ้ งการศึกษาและถกู ตอ้ ง
2 บนั ทึกขอ้ มลู ตรงจุดประสงคท์ ่ีตอ้ งการศึกษา
1 บนั ทึกขอ้ มลู ไม่ตรงจุดประสงคท์ ี่ตอ้ งการศึกษา
7. การจดั กระทาข้อมูล
4 มีการจดั กระทาขอ้ มลู ถกู ตอ้ ง ชดั เจน ละเอียด และครบสมบูรณ์
3 มีการจดั กระทาขอ้ มลู ถกู ตอ้ ง ชดั เจน แต่ยงั ไม่ครบสมบรู ณ์
2 มีการจดั กระทาขอ้ มลู ถกู ตอ้ ง แต่ไม่ชดั เจนเพียงพอ
1 มีการจดั กระทาขอ้ มลู ไมถ่ กู ตอ้ งเป็นส่วนมาก
8. การแปลความหมายข้อมลู และการสรุปผลของข้อมูล
4 แปลความหมายถกู ตอ้ งและสรุปผลสอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู
3 แปลความหมายถกู ตอ้ ง แต่สรุปผลไม่สอดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู บางส่วน
2 แปลความหมายถกู ตอ้ งเป็นส่วนใหญ่ แต่สรุปผลไมส่ อดคลอ้ งกบั ขอ้ มลู
1 แปลความหมายไมถ่ กู ตอ้ งบางส่วน และไม่สรุปผล
9. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
4 โครงงานแสดงใหเ้ ห็นถึงความคิดริเร่ิมสร้างสรรคแ์ ละสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้
3 โครงงานแสดงใหเ้ ห็นถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
2 โครงงานบางส่วนมีความแปลกใหมจ่ ากโครงงานที่มีผทู้ าแลว้
1 โครงงานคลา้ ยคลึงกบั ส่ิงท่ีเคยทาแลว้
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 197
10. การเขยี นรายงานหรือการแสดงผลงาน
4 มีการนาเสนอเป็นข้นั ตอนสมบูรณ์และชดั เจน
3 มีการนาเสนอเป็นข้นั ตอนแต่ยงั ไม่ชดั เจน
2 มีการนาเสนอบางส่วนเป็นข้นั ตอนแต่ยงั ไมช่ ดั เจน
1 มีการนาเสนอไมช่ ดั เจน ไมเ่ ป็นข้นั ตอน
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 198
ตวั อย่าง
แบบประเมนิ โครงงาน (ทว่ั ไป)
ช่ือโครงงาน...............................................................................กล่มุ ท.่ี ..........
ภาคเรียนที่.......................ช้ัน...................................................
รายการประเมนิ รวม สรุป
จานวน
เลขที่ ชื่อ–สกลุ กาหนดประเด็น ัปญหา รายการ ผ่าน ไม่
ัชดเจน ทผ่ี ่าน ผ่าน
1 วางแผนกาหนด ้ขันตอน เกณฑ์
2 การแ ้ก ัปญหาไ ้ดเหมาะสม ข้ันตา่
3 ลงมือปฏิ ับติตามแผน
4 สามารถนาไปใ ้ชแ ้ก ัปญหา
5 ใน ีชวิตประจาวัน
เขียนรายงานนาเสนอ
เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 5 ด้าน
1. กาหนดประเดน็ ปัญหาชัดเจน
4 หมายถึง กาหนดประเดน็ ปัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง ปัญหาท่ีกาหนดมีความเฉพาะเจาะจงชดั เจนดี
มาก
3 หมายถึง กาหนดประเดน็ ปัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง ปัญหาท่ีกาหนดมีความเฉพาะเจาะจงชดั เจนดี
2 หมายถึง กาหนดประเดน็ ปัญหาไดด้ ว้ ยตนเองเป็นบางส่วน ปัญหาที่กาหนดมีความ
เฉพาะเจาะจงชดั เจนพอใช้
1 หมายถึง กาหนดประเดน็ ปัญหาดว้ ยตนเองไม่ได้
2. วางแผนกาหนดข้ันตอนการแก้ปัญหาได้เหมาะสม
4 หมายถึง ออกแบบวธิ ีการ ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ระบุควบคุมตวั แปรไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม
3 หมายถึง ออกแบบวิธีการ ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ระบุควบคุมตวั แปรไดค้ ่อนขา้ งเหมาะสม
2 หมายถึง ออกแบบวิธีการ ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ระบุควบคุมตวั แปรไดเ้ หมาะสมพอใช้
1 หมายถึง ออกแบบวิธีการ ข้นั ตอนการแกป้ ัญหา ระบุควบคุมตวั แปรไดไ้ ม่เหมาะสม
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 199
3. ลงมอื ปฏบิ ัตติ ามแผน
4 หมายถึง ลงมือแกป้ ัญหาตามข้นั ตอนท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งครบถว้ นจริงจงั สามารถคน้ พบความรู้
ขอ้ คิด แนวทางการปฏิบตั ิตามประเดน็ ปัญหาที่ต้งั ไวด้ ว้ ยตนเองท้งั หมด
3 หมายถึง ลงมือแกป้ ัญหาตามข้นั ตอนท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งครบถว้ นจริงจงั สามารถคน้ พบความรู้
ขอ้ คิด แนวทางการปฏิบตั ิตามประเดน็ ปัญหาที่ต้งั ไวด้ ว้ ยตนเองเป็นส่วนใหญ่
2 หมายถึง ลงมือปฏิบตั ิตามข้นั ตอนท่ีกาหนดบา้ ง แต่ไมค่ รบถว้ น สามารถคน้ พบความรู้
ขอ้ คิด แนวทางการปฏิบตั ิตามประเดน็ ปัญหาที่ต้งั ไวด้ ว้ ยตนเองเป็นบางส่วน
1 หมายถึง ลงมือปฏิบตั ิตามข้นั ตอนที่กาหนดไดน้ อ้ ยมาก ไม่สามารถคน้ พบความรู้ ขอ้ คิด
แนวทางการปฏิบตั ิตามประเดน็ ปัญหาที่ต้งั ไว้
4. สามารถนาไปใช้แก้ปัญหาในชีวติ ประจาวนั
4 หมายถึง นาขอ้ คน้ พบ วธิ ีปฏิบตั ิไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั ไดค้ รบถว้ น ถกู ตอ้ งและ
ต่อเน่ือง
3 หมายถึง นาขอ้ คน้ พบ วธิ ีปฏิบตั ิไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวิตประจาวนั ไดค้ รบถว้ น ถกู ตอ้ งแต่ขาด
ความต่อเน่ือง
2 หมายถึง นาขอ้ คน้ พบ วธิ ีปฏิบตั ิไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั ไดเ้ ป็นบางส่วน และตอ้ ง
กระตุน้ เตือนใหป้ ฏิบตั ิอยา่ งต่อเนื่อง
1 หมายถึง นาขอ้ คน้ พบ วิธีปฏิบตั ิไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั ไดน้ อ้ ยมาก หรือไม่นาไปใชเ้ ลย
5. เขียนรายงานนาเสนอ
4 หมายถึง บนั ทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มลู ไดถ้ กู ตอ้ งชดั เจน แสดงใหเ้ ห็นถึง
ข้นั ตอนการวางแผน การลงมือแกป้ ัญหาและขอ้ คน้ พบท่ีไดค้ รบถว้ น
3 หมายถึง บนั ทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มลู ไดถ้ กู ตอ้ งชดั เจน แสดงใหเ้ ห็นถึง
ข้นั ตอนการวางแผน การลงมือแกป้ ัญหา และขอ้ คน้ พบท่ีไดค้ ่อนขา้ งครบถว้ น
2 หมายถึง บนั ทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มลู ไดบ้ า้ ง แสดงใหเ้ ห็นถึงข้นั ตอนการ
วางแผน การลงมือแกป้ ัญหา และขอ้ คน้ พบท่ีไดเ้ พียงบางส่วน
1 หมายถึง บนั ทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ และนาเสนอขอ้ มลู ไดน้ อ้ ยมาก เห็นข้นั ตอนการวางแผน
การลงมือแกป้ ัญหา และขอ้ คน้ พบที่ไดไ้ มช่ ดั เจน
เกณฑ์การตดั สินผลการประเมนิ
นกั เรียนตอ้ งมีพฤติกรรมในแต่ละรายการอยา่ งนอ้ ยระดบั 2 ข้ึนไป จานวน 3 ใน 5 รายการ
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวติ กบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 200
แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) เป็นแหลง่ รวบรวมผลงานของนกั เรียนอยา่ งเป็นระบบ ที่นามาใช้
ประเมินสมรรถภาพของนกั เรียน เพ่ือช่วยใหน้ กั เรียน ครู ผปู้ กครองหรือผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งเกิดความเขา้ ใจและ
มองเห็นอยา่ งเป็นรูปธรรมไดว้ า่ การปฏิบตั ิงานและผลงานของนกั เรียนมีคุณภาพมาตรฐานอยใู่ นระดบั ใด
แฟ้ มสะสมผลงานเป็นเคร่ืองมือประเมินผลตามสภาพจริงที่ใหโ้ อกาสนกั เรียนไดใ้ ชผ้ ลงานจากที่
ไดป้ ฏิบตั ิจริงสื่อสารใหผ้ อู้ ื่นเขา้ ใจถึงความสามารถท่ีแทจ้ ริงของตน ซ่ึงผลงานท่ีเกบ็ สะสมในแฟ้ มสะสม
ผลงานมีหลายลกั ษณะ เช่น การเขียนรายงาน บทความ การศึกษาคน้ ควา้ ส่ิงประดิษฐ์ การทาโครงงาน
บนั ทึกการบรรยาย บนั ทึกการทดลอง บนั ทึกการอภิปราย บนั ทึกประจาวนั แบบทดสอบ
แบบบันทึกความคดิ เห็นเกย่ี วกับการประเมนิ ชิ้นงานในแฟ้ มสะสมผลงาน
ช่ือชิน้ งาน...........................................................................วนั ที่.......... เดอื น................... พ.ศ..............
หน่วยการเรียนรู้ท่ี.............เร่ือง................................................................
รายการประเมนิ บนั ทกึ ความคิดเห็นของนกั เรียน
1. เหตุผลที่เลือกชิ้นงานน้ีไวใ้ นแฟ้ มสะสมผลงาน .............................................................
.............................................................
2. จุดเด่นและจุดดอ้ ยของงานชิ้นน้ีมีอะไรบา้ ง .............................................................
.............................................................
3. ถา้ จะปรับปรุงงานชิ้นน้ีใหด้ ีข้ึนควรปรับปรุง .............................................................
อยา่ งไร .............................................................
.............................................................
4. งานชิ้นน้ีควรไดค้ ะแนนเท่าใด เพราะเหตุใด .............................................................
(ถา้ กาหนดใหค้ ะแนนเตม็ 10 คะแนน) .............................................................
.............................................................
..............................................................
ความเห็นของครูหรือที่ปรึกษา ความเห็นของผ้ปู กครอง
............................................... .............................................
............................................... .............................................
............................................... .............................................
............................................... .............................................
....................................ผ........ล........ก....า....ร........ป....ร........ะ....เ....ม........นิ ....ข........อ.......ง.....ค....ร.....ูห......ร...ือ......ท...ปี่......ร...ึ.ก.....ษ..า...........................................................................................................................................................................
............................................................................
............................................................................
............................................................................
............................................................................
คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั ส่ิงแวดลอ้ ม ม. 4–6 201
ตวั อย่าง
แบบประเมนิ แฟ้ มสะสมผลงาน
เรื่อง...............................................................................................กลุ่มท่ี...........
ภาคเรียนท่ี.......................ช้ัน...................................................
รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ
1234
1. โครงสร้างและองคป์ ระกอบ
2. แนวความคิดหลกั
3. การประเมินผล
4. การนาเสนอ
เกณฑ์การประเมนิ แยกตามองค์ประกอบย่อย 4 ด้าน
ระดบั รายการประเมนิ
คุณภาพ
1. โครงสร้างและองค์ประกอบ
4 ผลงานมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั ครบถว้ นและจดั เกบ็ ไดอ้ ยา่ งเป็นระบบ
3 ผลงานมีองคป์ ระกอบที่สาคญั เกือบครบถว้ นและส่วนใหญจ่ ดั เกบ็ อยา่ งเป็นระบบ
2 ผลงานมีองคป์ ระกอบท่ีสาคญั เป็นส่วนนอ้ ย แต่บางชิ้นงานมีการจดั เกบ็ ท่ีเป็นระบบ
1 ผลงานขาดองคป์ ระกอบท่ีสาคญั และการจดั เกบ็ ไม่มีระบบ
2. แนวความคิดหลกั
4 ผลงานสะทอ้ นแนวความคิดหลกั ของนกั เรียนที่ไดค้ วามรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ มีหลกั ฐานแสดง
วา่ มีการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดม้ าก
3 ผลงานสะทอ้ นแนวความคิดหลกั ของนกั เรียนท่ีไดค้ วามรู้ทางวิทยาศาสตร์ มีหลกั ฐานแสดง
วา่ สามารถนาความรู้ไปใชใ้ นสถานการณ์ตวั อยา่ งได้
2 ผลงานสะทอ้ นแนวความคิดหลกั ของนกั เรียนวา่ ไดค้ วามรู้ทางวิทยาศาสตร์บา้ ง มีหลกั ฐาน
แสดงถึงความพยายามท่ีจะนาไปใชป้ ระโยชน์
1 ผลงานจดั ไม่เป็นระบบ มีหลกั ฐานแสดงวา่ มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์นอ้ ยมาก
3. การประเมนิ ผล
4 มีการประเมินความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานและผลงาน รวมท้งั มีการ
เสนอแนะโครงการท่ีเป็นไปไดท้ ี่จะจดั ทาต่อไปไวอ้ ยา่ งชดั เจนหลายโครงการ
3 มีการประเมินความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานและผลงาน รวมท้งั การ
เสนอแนะโครงการที่ควรจดั ทาต่อไป
คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชีวิตกบั สิ่งแวดลอ้ ม ม. 4–6 202
ระดบั รายการประเมนิ
คุณภาพ
มีการประเมินความสามารถและประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานและผลงานบา้ ง รวมท้งั มีการ
2 เสนอแนะโครงการที่จะทาต่อไปแต่ไมช่ ดั เจน
มีการประเมินประสิทธิภาพการปฏิบตั ิงานและผลงานนอ้ ยมากและไม่มีขอ้ เสนอแนะใด ๆ
1 4. การนาเสนอ
เขียนบทสรุปและรายงานที่มีระบบดี มีข้นั ตอน มีขอ้ มลู ครบถว้ น มีการประเมินผล
4 ครบถว้ น แสดงออกถึงความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์
เขียนบทสรุปและรายงานแสดงใหเ้ ห็นวา่ มีข้นั ตอนการจดั เกบ็ ผลงาน มีการประเมินผลงาน
3 เป็ นส่วนมาก
เขียนบทสรุปและรายงานแสดงใหเ้ ห็นวา่ มีข้นั ตอนการจดั เกบ็ ผลงาน มีการประเมินผลเป็น
2 บางส่วน
เขียนบทสรุปและรายงานแสดงใหเ้ ห็นวา่ มีข้นั ตอนการจดั เกบ็ ผลงาน แต่ไม่มีการ
1 ประเมินผล
เกณฑ์การประเมนิ แฟ้ มสะสมผลงานโดยภาพรวม
ระดบั รายการประเมนิ
คุณภาพ
4 ผลงานมีรายละเอียดมากเพียงพอ ไมม่ ีขอ้ ผิดพลาดหรือแสดงถึงความไม่เขา้ ใจ มีความเขา้ ใจ
ในเร่ืองท่ีศึกษาโดยมีการบูรณาการหรือเชื่อมโยงแนวความคิดหลกั ต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั
3 ผลงานมีรายละเอียดมากเพียงพอและไมม่ ีขอ้ ผิดพลาดหรือแสดงถึงความไมเ่ ขา้ ใจ แต่ขอ้ มลู
ต่าง ๆ เป็นลกั ษณะของการนาเสนอที่ไมไ่ ดบ้ รู ณาการระหวา่ งขอ้ มลู กบั แนวความคิดหลกั
ของเร่ืองท่ีศึกษา
2 ผลงานมีรายละเอียดที่บนั ทึกไว้ แต่พบวา่ บางส่วนมีความผดิ พลาดหรือไมช่ ดั เจน หรือ
แสดงถึงความไมเ่ ขา้ ใจเร่ืองท่ีศึกษา
1 ผลงานมีขอ้ มลู นอ้ ย ไมม่ ีรายละเอียดบนั ทึกไว้