The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปกนอก ปกใน บทคัดย่อ 15-08-64 ใหม่ล่าสุด 11111

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kusol57210, 2022-09-02 22:10:45

ปกนอก ปกใน บทคัดย่อ 15-08-64 ใหม่ล่าสุด 11111

ปกนอก ปกใน บทคัดย่อ 15-08-64 ใหม่ล่าสุด 11111

๓๙

ทำให้เห็นการเชื่อมจารีตประเพณีและความสัมพันธ์ ในความสามัคคีของชุมชนคือ
การรักษาจารีตดั้งเดิม ของชุมชนในล้านนาการรักษารูปแบบของ การจัดเตรียมเครื่องสืบชะตา
การร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน เนื่องจากการพิธีสืบชะตาเป็นพิธีใหญ่ จะต้องใช้คนจำนวนมาก
ในการจัดเตรียมและการสร้างความสามัคคี ในชุมชนในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลง ไปตามบริบท
ของสังคมในแตล่ ะพ้นื ท่ี จากการศกึ ษาเชงิ เอกสาร กระบวนการเสริมสรา้ งความสัมพนั ธท์ างสงั คมและ
จิตวิญญาณ ของประเพณีสืบชะตาที่มีต่อชุมชนในล้านนา พบว่าหลักธรรมคัมภีร์ธรรมที่เสริมสร้าง
ความสัมพนั ธ์ทางสงั คมและจิตวิญญาณ ตามวตั ถปุ ระสงค์ข้อท่ี ๒ คอื บทสวดมหาทิพย์มนต์ บทสวด
อุณหัสสวิไชย บทสวดอินทชะตา บทสวดสักกัตวาและบทสวดสรากริวิชาสูตร โดยมีสาระสำคัญของ
แต่ละบทดังนี้๘๔

๑) บทสวดมหาทิพย์มนต์ พบว่า มีส่วนเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมและจิตวิญญาณ
ของชุมชนในล้านนาในประเด็น ของการสร้างความสามัคคีและสร้างพลังความเข้มแข็ง ทางใจโดย
ยึดหลักศาสนาและการสร้างศรัทธาความเชื่อ ผ่านการประกอบพิธีกรรมของท้องถิ่น ที่ทำแล้วเกิด
ความเป็นสิริมงคล คือ ใจสุข กายสุข ทำให้มีพลังต่อไปในการประกอบอาชีพการทำงาน ที่ประสบ
ความสำเร็จรุ่งเรืองของชีวิตและครอบครัว ยังเป็นการแสดงถึงความเคารพ ต่อบรรพบุรุษแสดงถึง
ความกตัญญู ความกตัญญูจงึ เป็นคุณสมบตั ิอย่างหน่งึ ท่แี ทรกซมึ อยู่ในกระบวนการขดั เกลา ทางสงั คม
คือศาสนาทกุ ศาสนาโดยผา่ นพิธกี รรมต่างๆ เชน่ พธิ ีสบื ชะตาเป็นการแสดงความเคารพ ต่อพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆแ์ ละการแสดงความเคารพนี้ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถงึ ความออ่ นน้อมถ่อมตน มี
สัมมาคารวะต่อคุณงามความดีหรือพลังอำนาจ ที่ยิ่งใหญ่เป็นการลดทิฏฐิ กาย วาจา ใจ คิดดี ทำดี
ดว้ ยหลกั ไตรสกิ ขา คือ ศลี สมาธิ ปัญญา เกดิ คุณงามความดสี ่งผลตอ่ การปฏิบัตใิ นชวี ติ ประจำวัน๘๕

๒) บทอุณหัสสะวิไชย พบว่าเป็นบทสวดทำให้ผู้สืบชะตาพ้นจากเคราะห์กรรมต่างๆ
และสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวในบทสวดเป็นการน้อมรับบูชา พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์
อุณหัสส คือความร้อนที่เกิดแก่ตนเองทั้งภายในและภายนอก ภายใน คือ กิเลส วิชัยหรือวิไชย คือ
ความชนะทั้งปวง ส่วนภายนอก คือ บริบทรอบๆ ตัวตนของมนุษย์ซึ่งเป็นฐาน ของความกลัวของ
มนษุ ย์จากสรรพสิง่ ทัง้ หลายและสงิ่ ทีม่ องไม่เหน็ เม่อื ยึดเอาพระพทุ ธ พระธรรมและพระสงฆ์ เปน็ ที่พึ่ง

๘๔ เร่ืองเดยี วกนั , หนา้ ๓๗-๓๘.
๘๕ รองศาสตราจารยพ์ ูนทรพั ย์ เกตวุ รี ะพงศ์, “สืบชะตาล้านนา: แนวคดิ และการเสรมิ สรา้ งความสัมพันธ์”,
รายงานการวิจยั ฉบบั ร่างสมบรู ณ์, (สำนักบริหารโครงการวจิ ยั อุดมศกึ ษาและพัฒนามหาวิทยาลัยแหง่ ชาติสำนักงาน
คณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา,๒๕๕๗),หนา้ ๖๙.

๔๐

แล้วอยู่ในสถานภาพใดๆ ก็ตามผู้ประพฤติปฏิบัติ ก็จะแคล้วคลาดจากภัยทั้งหลาย เพราะเมื่อเข้าถงึ
และน้อมรับหลกั ธรรมทง้ั ๓ แล้วก็จะบงั เกดิ แต่ความสขุ สบายใจ ๘๖

๓) บทสวดอินทะชะตา พบว่าเป็นการประมวล ของพระมหาเถระในล้านนา
ซึ่งมีหลักธรรมเพื่อใช้ใน พิธีกรรมสืบชะตาล้านนาเมืองเหนือสาระ ของหลักธรรมเน้นในเรื่อง
การเสรมิ สร้าง “จติ ” ใหเ้ กิดความเข้มแขง็ สง่ ผลตอ่ การพฒั นาพฤติกรรมทางกาย ใน ๓ ประการ คือ
สัจจะ คือ ความจริงใจ พูดจริง ทำจริง มีความซื่อตรง มีความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นในสิ่งที่ตนปรารถนา
สะสมความดีอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายอย่างสูงสุด เรียกว่าสัจจะ ส่วนอธิษฐานเป็นการ
ตั้งกัลยาณจิตความเป็นบุญกุศล แผ่ขยายไปสู่ผู้ที่เข้าร่วมพิธี การอธิษฐานจิตการนั่งสมาธิที่เรียกว่า
สมถกัมมัฏฐานหรือวิปัสสนากัมมัฏฐาน เป็นกระบวนการขัดเกลาจิตใจ ให้สงบมุ่งสู่เอกัคคตารมณ์
และเอกัคคตารมณ์และวิริยะ คือความเพียรพยายาม ที่จะพัฒนากายและจิตไปพร้อมกันการ
ทจี่ ะทำอะไรให้ประสบความสำเรจ็ อยากเป็นอะไรกเ็ ปน็ ไดน้ ้ัน “จติ ” จะต้องมน่ั อยู่ในหลกั วริ ิยะธรรม
การต้งั มนั่ อยู่ในความเพียรชีวิต กจ็ ะบรรลุความดสี งู สุด คือ มรรค ผลและนิพพาน ตามลำดับ

๔) บทสวดสกั กัตวา พบว่า เปน็ พระคาถาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไดท้ รงแสดงไว้
และเปน็ การแสดงความเคารพนอบน้อม ในพระพทุ ธ,พระธรรม,พระสงฆ์ ผู้ใดหม่นั สวดพระคาถาบทน้ี
จะระงับความทุกข์ที่เกิดขึ้นในกายและใจ ให้บังเกิดความสงบสุขรวมทั้งปราศจากโรคภัยไข้เจ็บภัย
พิบัติต่างๆ ก็ไม่เข้ามากล้ำกลายและจะอายุยืนยาว ถ้าผู้ใดสวดเจริญอยู่เป็นประจำ นอกจากจะ
ปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บแลว้ ยงั แคล้วคลาดจากภัยต่างๆ เช่น ราชภยั โจรภยั เปน็ ตน้

๕) บทสวดคาถาสลาการวิชาสูตร พบว่า เมื่อผู้สืบชะตาได้ฟังแล้วเกิดความซาบซ้งึ และ
นำไปปฏิบัตอิ ย่างจรงิ และเขา้ ถึงคำสอน ก็จะบังเกิดความสุขปิติอิ่มใจ คือทำให้จิตใจทีว่ ุ่นวายฟุ้งซ่าน
มีความสงบเข้มแข็งมีพลัง ที่จะต่อสู้กับชีวิตและโรคภัยไข้เจ็บ ที่เป็นอยู่ก็จะบรรเทาเบาบางลง
เมื่อจติ นง่ิ กายสงบแล้วสรรพส่ิงในกาย ทรี่ ุ่มรอ้ นอยู่ก็จะพลันหายไปแลหลุดพ้น จากอาการทั้งปวงเกิด
กศุ ลกรรมบถ คอื สจุ รติ ทางกาย ทางวาจาและทางใจ รวมทงั้ เป็นประโยชน์ตอ่ สตั วโ์ ลกท้ังหลาย มภี กิ ษุ
ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา อินทร์พรหม ยมราชและเทวดาและการสอนให้คนรู้จักการให้ ทาน บุญ
กริยาวัตถุ ๓ ด้วยอานิสงค์แห่งธรรมและได้รบั การคุ้มครอง จากสิ่งท่ีอยู่เหนือธรรมชาติ ที่มองไมเ่ ห็น
อนั เป็นความเช่ือท่ียึดถือมายาวนานดังแผนภูมิ๘๗

๘๖ เร่ืองเดยี วกนั , หนา้ ๖๙-๗๒.
๘๗ อา้ งแลว้ . หนา้ ๗๓-๘๔.

๔๑

พิธพี ลีกรรมบูชาสะเดาะนพเคราะห์ทง้ั ๙
ตามแบบโบราณาจารย์จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเคยปฏิบัติมาถึงปัจจุบัน กิจเบื้องต้นเมื่อบุคคล

หรือคณะใดมไิ ด้รบั ความผาสกุ เท่าท่ีควร มักประสบภยันตรายเพราะเหตุตา่ งๆ มีเจ็บไข้ไดป้ ่วยเป็นต้น
เพื่อที่ใครจะให้ได้รับความสุข ความเจริญต่อไปทางเจ้าภาพมักจัดให้มี พิธีกรรมปูชาสะเดาะ
นพเคราะห์ทงั้ ๙ กอ่ น แลว้ จึงจัดให้มพี ธิ ีสืบชะตา บางรายนิยมจัดพธิ ีสะเดาะนพเคราะห์ ในตอนเย็น
วันก่อนเพื่อเบาแรงในการจัดพิธีแล้ว จึงจัดให้มีพิธีสืบชะตาในวันรุ่ง จะเป็นเวลาก่อนฉันเช้าหรือ
ฉนั เชา้ แล้วกแ็ ลว้ แตค่ วามประสงค์ ของเจา้ ภาพ แตบ่ างรายกน็ ิยมทำพธิ ีทงั้ ๒ นี้ รวมกนั ในวนั เดียวกัน
คือทำพิธีสะเดาะนพเคราะห์แล้ว ก็ทำพิธีสืบชะตาต่อกันไปเลย เพื่อประหยัดเวลาและสะดวก
แก่พระสงฆ์ ตลอดญาติพนี่ อ้ งที่มาร่วมงานดว้ ย คอื ทำคราวเดียวเสร็จทง้ั ๒ พิธี ซึ่งสุดแต่ทางเจ้าภาพ
จะพอใจแบบใด ๆ ก่อนที่จะจัดให้มีพิธีพลีกรรมปูชาสะเดาะนพเคราะห์ นั้นจำต้องจัดสะตวงกาบ
กล้วยดบิ (สด) สะอาด ขาวงามขึน้ ๙ สะตวง เปน็ รปู ๔ เหล่ียม กว้าง-ยาว เท่าศอกของผูป้ ชู าใช้ไม้ซีก
แทงกาบกลว้ ยสะตวง ทำเป็นตุงระยะถี่ห่างพอสมควรแล้วใช้ใบกลว้ ยปูเรียบร้อย ใช้กาบกล้วยดิบขั้น
เป็นตา ๙ ตา หรือ ๙ ห้อง ๆ ละเท่า ๆ กันทบั ในสะตวงการประดบั ตกแต่งสะตวง เพ่ือสวยงามแล้วแต่
ทางเจ้าภาพจะมีศิลปะ จัดทำแล้วจัดให้มีเครื่องปชู า มีช่อ เทียน อาหาร ๆ แต่ละอย่างเท่ากำลังดาว
พระเคราะห์ ต้งั แต่ดาวพระอาทติ ยเ์ ป็นตน้ ไป ตามแบบสะตวงตัวอย่างดังนี้๘๘

๘๘ พระธรรมราชานวุ ตั ร (สทุ ศั น์ สทุ สฺสโน), แนวปฏิบตั ิ ศาสนพิธี คณะสงฆจ์ ังหวัดเชยี งราย,พิมพค์ รงั้ ที่
๓, (เชียงราย : เชยี งรายไพศาลการพมิ พ์, ๒๕๕๒), หน้า ๙๙-๑๐๐.

๔๒

ทิศตะวันออก

๑. พระอาทิตย์ กำลัง ๖ รูป ๒.พระจันทร์ กำลัง ๑๕ รูป ๓. พระอังคาร กำลัง ๘ รูป

ครฑุ ๑ รูปงวั ๑ ชอ่ แดงออ่ น เสือ ๑ รปู รุ้ง ๑ ชอ่ เหลอื ง สงิ ห์ ๑ รูปแมว ๑ชอ่ แดงเข็ม

สวด อเุ ทตยญั จกั ขมุ เอก สวด ยนั ทุนนิมิตตงั สวด ยัสสานุภาวโต

ราชา ๑๕ จบ ๘ จบ

๖ จบ

๖. พระศกุ ร์ กำลัง ๒๑ ๙. พระเกตุ กำลงั ๙ ๔. พระพุธ กำลงั ๑๗
รปู แพะ ๑ รูปช้าง ช่อสีฟา้ รูปไกเ่ หลือง ๑ รูปเจดยี ์ รูปหมา ๑ รูปราชสหี ์ ๑
สวด ยสั สานสุ สรเนนาปิ ช่อสีขาว ชอ่ สเี ขียว
๒๑ จบ สวด ชยันโตโพธยิ ามูเล สวด สัพพาสีวสิ ะชา-ตนี งั
๑ จบ ๑๗ จบ

๘. พระราหู กำลงั ๑๒ ๕.พระพฤหสั บดีกำลัง ๑๙ ๗.พระเสาร์ กำลัง ๑๐

รปู ช้าง ๑ รูปหนู ชอ่ หม่น รูปหนู ๑ รูปเสือ ๑ ช่อขาว รูปนาค ๑ รปู เสอื ๑ ชอ่ ดำ

สวด กินนุ สนั ตะระมาโนวะ ลาย สวด ยโตหงั ภคินิ

๑๒ จบ สวด ปูเรนตมั โพธสิ ัมภาเร ๑๐ จบ

๖ จบ

ทศิ ตะวนั ตก

เมื่อจัดทำสะตวงพร้อม ทั้งเครื่องปูชาเรียบร้อยแล้ว ให้นำสะตวงไปตั้งไว้ที่กลางห้อง
ซึ่งจะจัดทำพิธีสวดสะเดาะนพเคราะหท์ ั้ง ๙ ที่ โดยจัดตั้งเรียงกันเปน็ รปู ๔ เหลี่ยมเหมือนรูปสะตวง
ควรหาขันโตกหรือถาดมา เป็นฐานรองสะตวงทั้ง ๙ ท่ี ได้ก็จะเหมาะสมดีแล้วนำครัวเสื้อผ้า
(เคร่ืองนงุ่ ห่ม) เจ้าของพิธมี ารองใต้สะตวงกลาง คือสะตวงพระเกตแุ ล้วโยงสายสญิ จน์ จากพระพทุ ธรูป
มาอ้อมรอบสะตวงทง้ั หมดโดนเวียนขวา ๓ รอบ เจ้าภาพถือเง่อื นด้ายไวแ้ ละ อกี เง่ือนหนง่ึ พระสงฆ์ถือ
เพื่อสวดสะเดาะนพเคราะห์ตอ่ ไป๘๙

การนิมนต์พระสงฆ์ การนิมนต์พระสงฆ์มาในพธิ ี ทางเจ้าภาพมักนิยมนิมนต์พระและชื่อวดั
ซงึ่ เหน็ วา่ จะเป็นมงคล เชน่ วัดดับภัย วัดลอยเคราะห์ วดั ชยั มงคล วดั เชียงมนั่ วดั เชียงยนื เป็นต้น

๘๙ เร่อื งเดยี วกนั , หน้า ๑๐๐.

๔๓

โดยปกตนิ ิยมนิมนต์เจ้าอาวาส ผู้อาวุโสเถระหรือพระชำนาญในพิธี ๙ รูป เพราะพิธีพลีกรรม
บูชา สะเดาะนพเคราะห์ เป็นพิธีค่อนข้างยากสักหนอ่ ยและไม่สู้มีบ่อยครั้ง ต้องอาศัยกำลังกันหลาย
ท่าน และหลายฝ่ายร่วมมือกันจัดทำ บางกรณีก็ต้องอาศัยพระสงฆ์ เป็นที่ปรึกษาหารือในกิจกรรม
ฉะนั้นพิธีนี้จึงมักมีบางท่านเท่านั้น ที่สามารถทำได้และนานๆ จะมีสักครั้งโดยเหตุที่ไม่เข้าใจบ้าง
หรือเพราะเหตุไม่มีกำลังสามารถที่จะทำบ้าง โดยอาศัยเหตุดังกล่าว จึงมักจัดพิธีสะเดาะนพเคราะห์
ออกเสยี โดยมากคงเหลอื แต่ พธิ สี บื ชาตาเพยี งอย่างเดียว ถงึ กระนน้ั กย็ งั มีกจิ กรรม ที่จำตอ้ งจัดทำมาก
อย่างดังจะได้กล่าวใน พิธีสืบชาตาต่อไปภายหลังอนึ่งในพิธีสะเดาะนพเคราะห์ ก็ดีพิธีสืบชาตาก็ดี
รวมความว่ามีกิจจำต้องทำ ๒ วิธี คือพิธีพลีกรรมวิธี อันเป็นพิธีฝ่ายโลก ๑ ศาสนพิธี อันเป็นพิธี
ทางศาสนา ๑ ฉะนั้นทัง้ ฝ่ายบา้ นและฝ่ายวัดจำต้องปฏิบัติรว่ มกนั อย่างใกล้ชิด กจิ กรรมทั้ง ๒ อย่างน้ี
จึงจะเป็นผลสำเรจ็ เรียบร้อยดงี ามและถูกต้องด้วย๙๐

พิธสี ะเดาะนพเคราะหท์ ้งั ๙ วัดหม้อแกงตอง

วัดหม้อแกงตอง หมู่ ๑ ตำบลแมก่ า อำเภอเมอื ง จงั หวัดพะเยา นำโดยพระมหาราชครูหลวง
พระสาธุเจ้าปุณฺณสิริภิกขุ (พระครูปลัดสมบูรณ์ ปุณฺณสิริ) ได้จัดพิธีสวดสะเดาะนพเคราะห์
ทั้ง ๙ และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อต้อนรับปีใหม่ มีพิธีสะเดาะนพเคราะห์ทั้ง ๙
ในคืน วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ และในช่วงเช้าของวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ มีพิธีทำบุญตักบาตร
เจรญิ จิตภาวนา เพ่อื ความเปน็ สิรมิ งคลตอ้ นรับปีใหม่ ๙๑

พิธีสะเดาะนพเคราะห์ ทั้ง ๙ เป็นพิธีหลวงแบบล้านนา มีการสวดสะเดาะนพเคราะห์ทั้ง ๙
ตั้งแต่พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พ ระราหู
พระเกตุ เมื่อคณะหรือบุคคลใด ร้อนเนื้อ ร้อนใจ มักประสบเหตุเภทภัยต่างๆ นานา มีเจ็บไข้ได้ป่วย
เป็นต้น เพื่อให้ได้รับความสุขวุฒิจำเริญต่อไปภายหน้า เจ้าภาพมักจัดพิธีพลีกรรม บูชาสะเดาะ
นพเคราะห์ทงั้ ๙ ตามความเชื่อพิธีแต่ก่อน แลว้ จงึ ค่อยจัดให้มีพิธีสืบชะตาทีหลงั ซึ่งเป็นพิธีแบบพุทธ
สำหรบั ธรรมเนยี มปฏิบตั ิของโบราณล้านนา นยิ มจัดพธิ ีสะเดาะนพเคราะห์ทง้ั ๙ ในตอนเย็นหรือตอน
ค่ำก่อนแลว้ จึงค่อยมี พิธสี ืบชะตาตอ่ ไป เพ่ือสะดวกแกค่ ณะสงฆ์และเจ้าภาพ ตลอดจนผู้ที่มาร่วมงาน
ด้วย สูตรบูชาตุงชาตาราศีพื้นเมืองนี้ พระมหาราชครูหลวงพระสาธุเจ้าปุณฺณสิริภิกขุ (พระครูปลัด
สมบูรณ์ ปุณณฺ สิริ) วดั หม้อแกงทอง ต.แมก่ า อ.เมือง จ.พะเยา ไดป้ ระยกุ ตต์ ามตำราปับ๊ เดมิ ของ

๙๐ เรอื่ งเดยี วกนั , หน้า ๑๐๑.
๙๑ พระครูปลัดสมบูรณ์ ปุณฺณสิริ, พิธีสะเดาะนพเคราะห์ทั้ง ๙ วัดหม้อแกงตอง : ฐานข้อมูลท้องถ่ิน
จังหวัดพะเยา, {ออนไลน์], แหล่งที่มา:http://www.clm.up.ac.th › project › local_database › read [๓๐
กรกฎาคม ๒๕๖๔].

๔๔

พระครูสิริรัตนสุนทร อดีตเจ้าอาวาส วัดนันทารามนพบุรีศรีนครพิงค์เวียงเชียงใหม่และ
ตำราจากภาคกลาง บางส่วนตามแบบโบราณจารย์ เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัยที่เน้นประหยัดเวลา
โดยไม่ให้เสียสาระสำคัญแห่ง พิธีกรรมดั้งเดิมและพิธีสืบชะตา เป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของ
ชาวล้านนาที่เชื่อกันว่าเป็น การต่ออายุหรือต่อชีวิตของบ้านเมืองหรือของคน ให้ยืนยาวมีความสุข
ความเจริญ ตลอดจนเป็นการขจัดภัยอันตรายต่างๆ ที่จะบังเกิดขึ้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย
พิธีสืบชะตาหลวงชาวล้านนา ได้ยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน ชาวล้านนาในทุกหมู่บ้าน
ทกุ ตำบล ต่างรู้จกั และยึดม่ันปฏิบตั ิกนั อยู่ เพราะเชอ่ื วา่ ทกุ ขภ์ ยั ๙๒

ทั้งหลายที่จะเกิดขึ้น กับตัวเองและญาติพี่น้องจะหมดหายไป ชีวิตก็จะยืนยาวยิ่งขึ้นอีกท้ัง
เชื่อว่าก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่การงานพร้อมที่ จะสู้กับชะตาชีวิตต่อไปเพ่ือ
ความไม่ประมาทต่อชีวติ ปีหนึ่งเรามาเข้าพิธีสะเดาะเคราะห์และสืบชะตาแบบล้านนา ครั้งหนึ่งก็จะ
เป็นมงคลแก่ชีวิต การจัดเตรียมเครื่องบูชาประกอบด้วย สะตวงกาบกล้วยดิบสด สะอาด ขาวงาม
๙ สะตวง ทำเป็นรปู สี่เหล่ยี ม ใช้ไมไ้ ผผ่ า่ ซกี แทงกาบกลว้ ยสะตวงทำเปน็ ไมฐ้ านรองใบกลว้ ย ขั้นระยะถี่
ห่างพอสมควรแล้วใช้ใบกล้วยปูรองพื้น ใช้กาบกล้วยดิบกั้นแบ่งเป็น ๙ ห้อง ห้องละเท่าๆ กันทับ
ในสะตวง การประดับตกแต่งขึ้นอยู่กับ เจ้าภาพจะมีศิลปะจัดทำและจดั ใส่เครื่องบูชา มีช่อแดงอ่อน
ช่อเหลือง ช่อแดงเข้ม ช่อฟ้า ช่อขาว ช่อเขียว ช่อหม่น (เทา) ช่อขาวลาย ช่อดำ เทียน อาหารต่างๆ
อันประณตี ได้แก่ ขา้ ว อาหาร ผลไม้ พริก เกลอื ขนม นำ้ หมาก เหม้ยี ง บุหร่ี ดอกไม้ ธูป เทียนหรือ
ตามสมควรแต่อย่าใหข้ าด ๙ ชนิด แต่ละอย่างเท่ากำลังของดาวพระเคราะห์ เมื่อจัดทำสะตวงพร้อม
ท้งั เครอ่ื งบชู าเรียบรอ้ ยแลว้ นำสะตวงไปตั้งไวท้ ก่ี ลางมณฑลพธิ ี โดยจัดต้ังเรยี งกันเปน็ รปู สเ่ี หลี่ยม วาง
ตามรูปและทศิ ทางทีก่ ำหนดไว้ควรหาขันโตกหรือพานมารองใหส้ ูง จากพื้นแล้วนำเสื้อผ้าหรือรายช่อื
เจ้าของพิธีมารองใต้สะตวงกลาง คือสะตวงพระเกตุแล้วโยงด้ายสายสิญจน์ จากพระประธานหรือ
พระพุทธรูป มารอบสะตวงทั้งหมด ๙ สะตวง โดยเวียนขวา ๓ รอบ เจ้าภาพถือเงื่อนด้ายไว้ ๑ ด้าน
และอีกด้านหนึ่งพันรอบบาตรน้ำมนต์ พระสงฆ์และให้พระสงฆ์ถือเงื่อนด้ายไว้ ในบาตรน้ำมนต์
จะมนี ้ำขมน้ิ ส้มป่อย เทยี นขาวเล่มบาท ๑ เล่ม ในพิธีหลวงไม่ควรละเว้นการต้ังบาตรนำ้ มนต์ ๙๓

ขนั้ ตอนและพธิ ีการ
๑. เชิญเจ้าภาพจดุ ธปู เทยี นบชู าพระรตั นตรยั
๒. อาจารยว์ ดั นำไหว้พระ อาราธนาศีล รับศลี อาราธนาพระปรติ ร
๓. พระสงฆร์ ูปท่ี ๓ ขึน้ ชุมนมุ เทวดา
๔. ประธานสงฆข์ ึน้ นะโมฯ ตรัยสรณคมณ์ โยจักขมุ าฯ นะโม ๘ จบ แลว้ หยดุ

๙๒ เร่ืองเดียวกนั , หน้า ๑.
๙๓ เรือ่ งเดยี วกนั , หน้า ๒.

๔๕

๕. อาจารย์วดั ขึน้ คำโอกาสหลวงและคำโอกาสพระอาทิตย์ จบ หยุด
๖. เชิญเจ้าภาพจุดเทียนในสะตวงพระอาทิตย์
๗. พระสงฆส์ วดสะเดาะนพเคราะหว์ นั อาทิตย์ จบ หยุด
๘. อาจารย์วดั ข้ึนคำโอกาสหลวงและคำโอกาสพระจันทร์ จบ หยุด
๙. พระสงฆ์สวดสะเดาะนพเคราะห์วนั จนั ทร์ จบ หยดุ
๑๐. ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ตามลำดับวันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เสาร์ พฤหัส ฯ ราหู ศุกร์
เกตุ
๑๑. เมื่อถึงบทพระเกตุจบแล้ว พระสงฆ์สวดปิดท้ายด้วยสักกัตวา นัตถิเม ภะวะตุสัพ
หิรโิ อตปั ปะ
๑๒. อาจารย์วดั กล่าวคำโอกาสอวยพรต่อท้าย
๑๓. กลา่ วคำถวายไทยทาน พระสงฆอ์ นุโมทนา ประพรมน้ำมนต์
๑๔. หลังจากพระสงฆ์สวดครบทุกปริตรแล้ว ให้มีการผูกดวงเจ้าภาพ พระสงฆ์ขัดบท
สงั สาเร ฯ และสวดบทโพชฌังโค ต่อทา้ ยด้วยทกุ ขัปปัตตา สกั กตั วา ภะวะตสุ พั
๑๕. อาจารยว์ ดั กล่าวคำปดั เคราะห์ ใหแ้ ก่เจา้ ภาพและรับประพรมนำ้ มนต์อีกรอบ
๑๖. เสร็จพิธีทั้งนี้พิธีสะเดาะนพเคราะห์ทั้ง ๙ บูชานพเคราะห์นั้น มีหลายนัยหลายตำรา
ดงั นัน้ พระมหาราชครูหลวงพระสาธเุ จา้ ปุณณฺ สิรภิ กิ ขุ (พระครปู ลัดสมบูรณ์ ปณุ ฺณสิริ) เลอื กมาเฉพาะท่ี
นิยมใช้ในลา้ นนาไทยและในพิธีหลวงเท่านน้ั ๙๔

ความรู้เร่อื งการประกอบพธิ ีสบื ชะตา
๑. ความมุ่งหมายของการประกอบพิธีสืบชะตาคน ความมุ่งหมายสำคัญของการประกอบ
พิธีสืบชะตามีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น ขึ้นอยู่กับโอกาสและเวลา ในการประกอบพิธีกรรมและ
การประกอบพธิ กี รรมแตล่ ะคร้งั นน้ั อาจมีจดุ มุง่ หมายทแ่ี ตกต่างกันดงั นี้

๑) เพื่อใหเ้ จ้าชะตาหายป่วยและมอี ายุยนื ยาว
๒) เพ่ือให้เจ้าชะตาพบแตส่ ิง่ ที่ดีๆ ผา่ นเข้ามาในชวี ิต
๓) เพื่อให้เจ้าชะตาได้ใชช้ วี ิตในสถานภาพใหม่ไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจและมคี วามสุข๙๕
๒. โอกาสในการประกอบพิธีกรรมสบื ชะตา โอกาสในการประกอบพิธีสบื ชะตาคน สามารถ
จำแนกได้ใน ๒ กรณี คอื

๙๔เรอ่ื งเดียวกัน, หน้า ๒-๓.
๙๕.อนุชา ม่วงใหญ่, “แนวทางการส่งเสริมวัฒนธรรมการสืบชะตาเพื่อการพัฒนาสขุ ภาวะชุมชนอยา่ ง
ยง่ั ยนื ”, การสง่ เสริม, การสืบชะตา, การมสี ่วนรวม,ปที ่ี ๑ ฉบบั ท่ี ๑ (มกราคม – มถิ นุ ายน ๒๕๖๐),หนา้ ๓.

๔๖

๑) การสบื ชะตาให้กับผู้ป่วย ซ่ึงถือว่าเปน็ การรักษาและ เปน็ การเยียวยาทางจิตใจเป็นโอสถ
ทางใจให้ ผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรังรักษาไม่หาย เป็นความเชื่อของชาวล้านนา ว่าการสืบชะตาจะเป็นการ
ตอ่ อายุใหย้ ืนยาว ทำใหเ้ กิดพลงั ใจอาจชว่ ยให้หายจากอาการเจ็บปว่ ยได้

๒) การสบื ชะตาใหก้ ับผูก้ ำลังเลื่อนชน้ั เล่อื นตำแหน่ง ซ่งึ เปน็ การเปล่ียนสถานภาพหนึง่ ไปสู่อีก
สถานภาพหน่งึ และสามารถทำไดห้ ลายกรณีดว้ ยกนั อันได้แก่

การเลอื่ นตำแหนง่ เช่น การเลื่อนขึ้นเปน็ ผบู้ รหิ ารระดบั สงู เป็นการเปล่ียนสถานะภาพ
จากธรรมดาใหส้ ูงข้ึนบทบาทก็เปลี่ยนไป ทำให้วิถีชีวิตประจำวันบางอย่างเปลี่ยนไป จากเดิมมักจะมี
การประกอบพิธีสบื ชะตา รับเพ่อื ความเปน็ สริ มิ งคล

การขน้ึ บา้ นใหม่ เป็นการเปล่ียนสภาพแวดลอ้ ม ทเ่ี คยอยูบ่ ้านหลังเก่าเปล่ยี นแปลงไป
อยู่บ้านหลงั ใหมส่ ภาพแวดล้อมต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปอาจจะยงั ไม่คุ้นเคย เพื่อความสุขความเจริญของผู้
อยู่อาศยั กป็ ระกอบพธิ ีสืบชะตา รบั เพอ่ื ความเป็นสิริมงคล

การยา่ งเข้าอายุใหม่หรอื ครบรอบอายคุ ลา้ ยวนั เกดิ มกั จะเป็นการประกอบพิธีใหก้ ับ
พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ มคี ณะศรัทธาลกู ศิษย์ที่เคารพเลอ่ื มใสเปน็ จำนวนมากเปน็ ผปู้ ระกอบพิธีให้ซึ่ง
มีความพร้อมและ สามารถประกอบพิธีได้ทุกปี เพื่อความเป็นสิรมิ งคล (รศ.พูนทรัพย์ เกตุวีระพงศ์ :
ออนไลน)์ ๙๖

๓. เคร่ืองบชู าพธิ ีสืบชะตา
๑. ไมค้ ้ำมีลกั ษณะเป็นไม้ง่าม ๓ อนั สำหรับนำมาประกอบกนั เป็นซมุ้ เรียกวา่ ไม้ค้ำชะตาแต่
ด้วยลกั ษณะไมค้ ำ้ ท่มี ีขนาดใหญแ่ ละยาวพอประมาณ จงึ เรียกว่าไม้คำ้ หลวงบางแห่ง ก็มขี นาดยาวบาง
แหง่ ก็มีขนาดสั้นพอประมาณ แล้วแต่ความนยิ มของแต่ละท้องถ่นิ แตส่ ว่ นมากนยิ มใช้ขนาดยาวเท่ากับ
วาแขนหรือความสูงของเจ้า ของชะตาไม้ค้ำมีความหมายว่า เพื่อให้เป็นสิ่งค้ำจุนชีวิตให้มีความ
เจริญรุ่งเรือง มีอายุยืนยาวเปรียบเสมือนต้นไม้ที่ใกล้จะล้ม หากมีไม้มาค้ำไวก้ จ็ ะทำใหเ้ จริญ งอกงาม
ตอ่ ไปเหมือนชีวิตคนเราท่ีไดร้ ับการคำ้ ชู ยอ่ มจะมคี วามสขุ ความเจริญต่อไปฉนั ใดกฉ็ ันนัน้ สมัยก่อนไม้
คำ้ เป็นช่ือของต้นไม้ประเภทหน่งึ หากนำมาตัดกงิ่ ออกแล้ว ขุดดนิ ฝังสำหรับใช้เป็นไม้ค้ำต้นไม้ ประจำ
หมู่บา้ นหรอื ไมห้ มายเมือง ไมค้ ้ำนจ้ี ะไมเ่ ห่ียวแหง้ เพราะจะมรี ากออกมาปัจจุบนั ยังมตี ้นไม้คำ้ อยู่ท่ีบ้าน
แม่ไทย อำเภอแมท่ ะ จงั หวัดลำปาง ซ่งึ ชาวบ้านที่น้นั กย็ ังนิยมเอาต้นไม้ค้ำมาใช้ในพิธีสืบชะตาอยู่คน
ปจั จุบนั ไม่ค่อยรู้จักต้นไมช้ นิดน้แี ล้ว จึงเอาตน้ ไม้ชนดิ อื่นทมี่ ีคณุ สมบัติใกลเ้ คยี งมาทำเป็นไมค้ ำ้ แทน ๙๗

๙๖ เรือ่ งเดียวกัน, หนา้ ๓-๔.
๙๗ เรือ่ งเดยี วกัน, หนา้ ๓-๔.

๔๗

๒. กระบอกน้ำ กระบอกทราย กระบอกข้าวเปลือก กระบอกข้าวสาร หมายถึง ธาตุ ๔ ดิน
นำ้ ลม ไฟ ซงึ่ เป็นส่วนประกอบสำคัญ ท่ีจะทำให้คนเรามคี วามแข็งแรงยิ่งขน้ึ

๓. สะพาน (ขัว) หมายถึง สะพานแห่งชีวิตทีท่ อดให้เดินขา้ ม จากฝั่งที่เลวร้ายไปสู่ฝ่ังท่ีดงี าม
กวา่

๔. บันได (ข้นั ได) หมายถึง บันไดแห่งชีวิต สำหรับพาดใหเ้ ราปีนป่ายขน้ึ ส่ทู ี่สงู เสมือนคนเรา
ตกบ่อน้ำแล้วตอ้ งปนี ป่ายด้วยบันไดออกจากบอ่ นำ้

๕. ลวดเงิน ลวดคำ ลวดหมาก ลวดเหมี้ยง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองของชีวิตที่อุดม
สมบูรณ์ ไปดว้ ยทรพั ยส์ ินเงนิ ทองและอาหารการกิน

๖. ไม้คำ้ ขนาดเล็ก ไมค้ ้ำขนาดเล็กยาวเท่าศอกของเจ้าของชะตา ต่างกับไมค้ ำ้ หลวงท่ีมีขนาด
เท่าวาหรือความสูง ไม้ค้ำเล็กมีจำนวนเท่าอายุของเจ้าของชะตา แต่นิยมให้มีจำนวนเกินอายุไป
ประมาณ ๒-๓ อนั เพอ่ื ให้มีอายยุ นื ยาวข้นึ ไปอีก

๗. ช่อ ทำจากกระดาษสีขาวจำนวน ๑๐๘ อนั
๘. ตงุ คา่ คงิ หรือตุงชะตา มขี นาดความยาวเทา่ ความสงู ของเจ้าของชะตา
๙. เทยี นค่าคงิ หรอื เทยี นชะตา มีขนาดความยาวเท่ากับความสูงของเจ้าของชะตาเหมอื นกนั
แต่ต่อมาภายหลังเหน็ ว่า เทยี นมีขนาดยาวเมื่อจดุ ไฟ จะทำให้งอก็เลยสีดว้ ยขี้ผ้ึงประมาณคบื หนงึ่ สว่ น
ฝ้ายทเี่ ป็นไสเ้ ทยี นนั้น ยงั มีขนาดยาวเท่าความสูงผู้สบื ชะตาอยู่
๑๐. พระเจ้าไม้ หรือพระพุทธรูปท่ีแกะสลักด้วยไม้ สำหรับนำมาประดิษฐานที่ยอดไม้ค้ำแต่
เดิม ไม่มพี ระพุทธรูปคร้นั ต่อมา เมอื่ พุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาสู่ลา้ นนา จนมคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งก็มกี าร
ผสมผสานระหว่าง พิธีพทุ ธและพิธีพราหมณจ์ ึงนำพระพทุ ธรปู ไม้ มาประดษิ ฐานบนยอดไม้ค้ำเพื่อเป็น
สญั ลักษณแ์ ห่งพุทธศาสนา
๑๑. หน่อกลว้ ย หนอ่ ออ้ ย หน่อหมาก หน่อมะพรา้ ว มคี วามหมายวา่ คนทไี่ ดร้ บั การสืบชะตา
จะมีชีวิตท่เี หมือนกับได้เกดิ ใหมแ่ ล้วจะมีความหอมหวาน มคี วามเจริญงอกงามเหมือนตน้ กล้วย ต้น
อ้อย ต้นหมาก ต้นมะพร้าวทพ่ี รอ้ มจะเจรญิ เติบโตต่อไป
๑๒. เสื่อใหม่ (สาด) หมอนใหม่มีความหมายว่า ผู้ที่สืบชะตาแล้วจะมีความสุขสบายและ
นอนหลับฝันดี เครื่องสืบชะตาทั้งหมดนี้ เมื่อนำมาประกอบกันจัดให้ เป็นระเบียบตามแบบโบราณ
พิธีเรียกว่าโขงชะตา ถือเป็นบริเวณพิธีหรือเขตศักดิ์สิทธิ์ สำหรับสืบชะตาให้มีความสุขความเจริญ
ต่อไปทั้งนี้เจ้าภาพต้องจัดเตรียม เครื่องบูชามารวมกันไว้กลางห้องทำพิธี ทำเป็นกระโจม ๓ ขา ให้
กว้างพอทีผ่ ู้เข้าพิธีสามารถเข้าน่ังตรงกลางได้ ใช้ด้ายสายสิญจน์โยงศีรษะติดกับขากระโจมทั้ง ๓ ขา
นำเงื่อนไปไว้ที่ตรงหน้า พระพุทธมนต์หน้าพระพุทธรูป การนิมนต์พระสงฆ์นิยมจำนวนคี่ คืออย่าง
น้อย ๕ รูป ๗ รูป ๙ รูป หรือมากกว่านี้ จากนั้นเจ้าภาพจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ปู่อาจารย์
(พธิ กี รถวายถาวรวัตถุ มหี น้าท่ีกลา่ วคำ “เวนทาน” คือ อ่านรายงานการก่อสรา้ งแกพ่ ระสงฆ์

๔๘

พร้อมกับกล่าวคำถวายและคำอุทิศสว่ นบญุ ด้วย) อาราธนาศีล พระสงฆผ์ ู้เป็นประธานให้ศีล
แล้วปู่อาจารย์อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์รูปที่ ๓ ชุมนุมเทวดาแล้ว ประธานนำสวดมนต์สืบชะตา
แบบล้านนา มีคำสวดโดยเฉพาะหลายบท มีชินบัญชร สวดสืบชะตา มงคลจักรวาลน้อยและคำสวด
ทั่วไป ขณะที่พระสวดนั้นผู้สืบชะตาและลูกหลานจะเข้าไป นั่งในซุ้มเครื่องสืบชะตาซึ่งตั้งไว้หน้า
พระสงฆ์ นำด้ายสายสญิ จนเ์ วยี นรอบศีรษะ ของผู้เข้าพธิ ีสืบชะตานั่งประนมมอื ฟงั พระเจรญิ พทุ ธมนต์
จนจบตอนถงึ “อเสวนา จะพาลานัง” ผู้สืบชะตาจะต้องจุดเทียนชยั หรือเทียนน้ำมนต์ด้วยขณะท่ีสวด
จะต้องนำด้ายค่าคิงและเทียนสืบชะตาจุดด้วย หลังจากสวดจบเจ้าภาพจะจัดให้มีเทศน์ ๑ กัณฑ์
หลังจากเทศน์จบจะมีการผูกมือให้ผู้สืบชะตา พระสงฆ์จะประพรมน้ำมนต์ ให้จากนั้นเจ้าภาพถวาย
ภัตตาหารและไทยทาน ที่เตรียมไว้แด่พระสงฆ์เป็นอันเสร็จพิธี ส่วนเครื่องบูชาต่างๆ เจ้าภาพนิยม
ถวายไว้ในวัดที่ตนทำบุญ หรือวัดที่จัดพิธีกรรมให้ โดยทางวัดจะนำไม้ค้ำโพธิ์ไปค้ำต้นโพธิ์ นำไม้ขัว
ไปพาดไว้ตามทางเดิน ที่เป็นน้ำและโคลนที่ชื้นแฉะ นำหน่อกล้วย อ้อย หมาก มะพร้าวไปปลูก
เพื่อหน่อเหล่านี้เจริญเติบโตขึ้น ก็จะเป็นศุภนิมิตของเจ้าชาตาส่วนข้าวของอื่นๆ ถวายแด่วัดเพื่อใช้
ประโยชน์๙๘

๒.๓ แนวคิดเก่ยี วกบั เรื่องวฒั นธรรมประเพณีลา้ นนา

ประเพณีความเชื่อ เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความ เป็นเอกลักษณ์ความโดดเด่นของภาคนั้นๆ
และประเพณคี วามเชอ่ื เปน็ รากฐานความมัน่ คงของชาติ เพือ่ เป็นสิ่งทจ่ี ะแสดงออกถึงความเป็นสังคม
ที่มีการอยู่ร่วมกันและการอยู่ร่วมกัน โดยมีวัฒนธรรมประเพณี เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและ
การปฏิบตั ิตนในสังคมและสงั คมสามารถ ปฏบิ ัติยดึ ถือปฏบิ ัตติ ามประเพณีในภาคนัน้ ๆ เปน็ ส่ิงท่ีแสดง
ถึงขนบธรรมเนียมที่ดีท่ีคนไทยต้องปฏิบัติสืบต่อกันไป สืบเนื่องมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และ
ประเพณีในภาคเหนือของชาวล้านนานั้น มักมีประเพณีที่หลากหลาย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ
ภาคเหนือที่มีความภาคภูมิใจในภาคที่มีวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาน มีสืบทอดความเป็นชาติ
อันยาวนาน จึงมีศิลปะวัฒนธรรมประเพณี ความเชื่ออันมากมายที่ต้องอนุรักษ์ฟื้นฟูและสืบทอด
ให้คงความเป็นมรดกคู่ ภาคเหนือวัฒนธรรมความเชื่อประเพณี จะมีส่วนประกอบของความเชื่อและ
เป็นความเกี่ยวเนื่องกัน อย่างแยกออกจากกันไม่ได้ ประเพณีความเชื่อของชาวล้านนา ที่สำคัญและ
เป็นเอกลกั ษณข์ องชาวล้านนา คือประเพณีงานปอย ประเพณสี ่งเคราะห์ ประเพณสี บื ชะตาและความ
เชื่อในเรื่อง การปลูกบ้านความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ความเชื่อทาง
โหราศาสตร์และยังมีประเพณีความเชื่อ อีกมากมายที่โดดเด่น ของชาวล้านนาที่ประชาชน

๙๘ เรือ่ งเดียวกนั , หน้า ๔-๖.

๔๙

ในภาคเหนือจะต้องสบื ทอด ประเพณีและอนรุ กั ษ์ประเพณนี ีใ้ ห้ คงความเป็นเอกลกั ษณ์ของภาคเหนือ
ชาวลา้ นนาสืบต่อไป๙๙

ประเพณีความเชื่อ เป็นสิ่งที่เกี่ยวพันธุ์กับมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ซึ่งในแต่ละพื้นท่ี
จะมีประเพณีความเช่ือที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยกู่ บั สภาพแวดล้อมและการดำรงชวี ิต ของประชาชน
ในพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ ของภาคเหนือของชาวล้านนา มีประเพณีความเชื่อที่มีการสืบทอดตอ่ กนั
มาแต่ช้านาน คอื ประเพณีความเช่ือของชาวล้านนา ประเพณขี องชาวล้านนา เชน่ ประเพณงี านปอย
ประเพณีส่งเคราะห์ ประเพณีสบื ชะตาเปน็ ตน้ ซึ่งทกุ ประเพณลี ว้ นเกยี่ วข้องกับการดำรงชวี ิตประจำวนั
ของมนุษย์ในส่วนของความเชื่อ ก็ได้ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ เช่น การปลูกบ้าน ความเชื่อทาง
พระพุทธศาสนา ความเชอ่ื เร่อื งไสยศาสตร์ ความเชือ่ ทางโหราศาสตร์เป็นตน้ ๑๐๐

จะเห็นได้ประเพณี หมายถงึ ระเบียบแบบแผนทกี่ ำหนด พฤตกิ รรมในสถานการณต์ ่างๆ ที่คน
ในสงั คมยดึ ถอื ปฏิบัติสบื กันมา ลักษณะประเพณีในสงั คมระดบั ประเทศชาติ มที ัง้ ประสมกลมกลืนเป็น
อยา่ งเดยี วกนั และมผี ิดแผกกันไปบ้าง ตามความนิยมเฉพาะท้องถนิ่ แตโ่ ดยมากย่อมมีจดุ ประสงค์และ
วิธีการปฏิบัติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีเฉพาะส่วนปลีกย่อยที่เสริมเติมแต่งหรือตัดทอนไปในแต่
ละท้องถน่ิ สำหรบั ประเพณไี ทย มักมคี วามเก่ยี วข้องกับความเชือ่ ในคตพิ ระพทุ ธศาสนาและพราหมณ์
มาแต่โบราณ๑๐๑

วัฒนธรรม หมายถึง วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคม คนส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติสืบต่อกันมา
วฒั นธรรมยอ่ มเปลี่ยนแปลงไป ตามเงือ่ นไขและกาลเวลาเมื่อมีการประดิษฐ์ หรอื ค้นพบสิ่งใหม่วิธีใหม่
ที่ใช้แก้ปัญหาและตอบสนอง ความต้องการของสังคมได้ดีกว่า ซึ่งอาจทำให้สมาชิกของสังคม
เกิดความนิยมและในท่ีสดุ อาจเลิกใช้วฒั นธรรมเดิม ดังนั้นการรกั ษาหรือธำรงไว้ซ่ึงวัฒนธรรมเดิม จึง
ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาวัฒนธรรม ให้เหมาะสมมีประสิทธิภาพ ตามยุคสมัย
วฒั นธรรมอาจแบ่งอย่างกว้างๆ ได้ ๒ ประเภท คือ วฒั นธรรมทางวัตถุ ได้แก่เร่ืองเกย่ี วกับปจั จัยสี่และ
วัฒนธรรมทางจิตใจ ได้แก่ เรื่องศาสนา ศิลปะ วรรณคดี กฎระเบียบต่างๆ ที่ส่งเสริมในเรื่องจิตใจ
ประเพณแี ละวฒั นธรรม โดยเน้อื ความแล้วก็เป็นสง่ิ อย่างเดียวกัน คือ เป็นสงิ่ ทไ่ี ม่ใช่มีอยู่ในธรรมชาติ
โดยตรง แต่เป็นสิ่งที่สังคม หรือคนในส่วนรวมร่วมกันสร้างให้มีขึ้นแล้ว ถ่ายทอดให้แก่กันได้ด้วย
ลักษณะและ วิธีการต่างๆ ว่าโดยเนื้อหาของประเพณีและวัฒนธรรม ที่อยู่ในจิตใจของประชาชน

๙๙ จรญู แดนนาเลิศ, “ประเพณี ความเช่ือ ของวิถีชุมชนล้านนา”,วิทยานพิ นธม์ หาบัณฑติ โปรแกรมวิชา
รัฐประศาสนศาสตร์ สำนกั วิชาบริหารรฐั กิจ, (บัณฑติ วทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลยั าชภัฏเชยี งราย,๒๕๖๒).

๑๐๐ เรอื่ งเดยี วกนั , หน้า ๑-๒.
๑๐๑ รองศาสตราจารย์ลปิ ิกร มาแกว้ , “ประเพณีและวัฒนธรรมลา้ นนา” เอกสารประกอบการบรรยาย
หลักสูตรทัศนศิลป์คณะศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ บัณฑติ วิทยาลัย: มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
ล้านนาภาคพายพั เชยี งใหม่, ๒๕๖๑. (อัดสำเนา).

๕๐

เกี่ยวกับเรื่องความคิดเห็นความรู้สึก ความเชื่อซึ่งสะสมและสืบตอ่ ร่วมกัน มานานในส่วนรวมจนเกิด
ความเคยชนิ เรียกวา่ นิสยั สังคมหรอื ประเพณี๑๐๒

อาณาจักรล้านนา ในอดีตมีความเจริญรุ่งเรือง ผู้คนสงบสุขร่มเย็นนับตั้งแต่โบราณกาล
อีกทั้งความศรัทธา ในพระพุทธศาสนาได้หยั่งรากฝังลึก หล่อหลอมก่อให้เกิดศิลปะและวัฒนธรรม
ประเพณีอันดีงามสืบ เนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชนชาวล้านนาได้ยึดถือหลักธรรมและปรัชญา
คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสมั พุทธเจ้า มาเป็นแนวทางในการดำเนินชวี ิต ทำให้มีความสงบสุข
ตลอดมาล้านนามีผู้คนอาศัยอยู่หลากหลายชาติพันธุ์ มีความคล้ายคลึงกันทั้งรูปร่างหน้าตาและ
จารีตตา่ งๆ ดงั มผี กู้ ล่าววา่ ความหลากหลาย ทางชาติพันธ์นุ เ้ี องก่อเกิดความเปน็ ล้านนา กล่มุ ชาตพิ ันธุ์
กลมุ่ แรกๆ ท่ีอาศยั อยูค่ อื ลว๊ั ะ คือชาวพน้ื เมืองในกล่มุ มอญเขมร ตัง้ ถิ่นฐานกระจายท่ัวไป ในภาคเหนอื
เลยไปถึงเมืองเชียงตุง เมืองยองและหุบเขาต่างๆ ชนเผ่าล๊ัวะมีหลายเผ่าและมีระดับ ความเจริญ
แตกต่างกนั มาก เมง็ ชาติพนั ธม์ุ อญโบราณท่ีต้งั ถ่ินฐานในภาคเหนือมาช้านานแล้ว ไทยวน เปน็ คนกลุ่ม
ใหญ่ใช้ภาษาคำเมือง ไทลื้อ ไทยอง เชื่อกันว่าติดต่อกับกลุ่มชนในพื้นที่มานานแล้วก่อนที่จะอพยพ
เคลือ่ นย้ายมา เพม่ิ อีกตามหลักฐานท่ปี รากฏในยุค เก็บผักใสซ่ ้า เก็บขา้ ใส่เมือง (สมัยพระเจ้ากาวิละ)
ไทขึน กลุ่มชนแห่งลุ่มน้ำขืนหรือชนต่างกลุ่มเรียก เขิน อยู่ในจังหวัดเชียงตุง ประเทศพม่า ไทใหญ่
ส่วนมากจะอาศยั อยใู่ นจังหวดั แม่ฮ่องสอนและกล่มุ ชาติพันธ์อุ ืน่ ๆ รวมทัง้ ไทภูเขาอีกหลายเผา่ ล้านนา
ปัจจุบันถ้านับตามแผนที่ประเทศไทยประกอบด้วย ๘ จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ เชียงราย
พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูนและแม่ฮ่องสอน หากนับตามที่ปรากฏในตำนานหรือด้านวัฒนธรรม
ล้านนายงั รวมไปถึง เชยี งตุงในพม่า สบิ สองพันนาในประเทศจนี และบางสว่ นในประเทศลาวอีกด้วย

พระพุทธศาสนาบ่อเกิดแห่งความเชื่อ ความศรัทธา สร้างค่านิยมทางวัฒนธรรมด้านต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปกรรม ด้านการปกครอง ด้านภาษา ตัวอักษร ด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่อาศัย
ปัจจัยส่ี คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรค แม้ว่าชาวล้านนาจะมีศรัทธาแรงกล้า
ในพุทธศาสนาแต่ความเชื่อดั้งเดิม เรื่องการนับถือผีก็ยังปรากฏอยู่ ในสังคมชาวล้านนาความเช่ือ
ทั้งสองอย่างนี้อยู่คู่เคียงกัน พระพุทธศาสนาในล้านนา จึงมีความโดดเด่นในการผสมผสาน ความ
ศรัทธาและความเชอื่ การนบั ถอื ผี คติในศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธเข้าดว้ ยกัน๑๐๓

๑๐๒ เรอ่ื งเดยี วกนั , หน้า ๑.
๑๐๓ อา้ งแล้ว หนา้ ๒.

๕๑

๒.๕ แนวคดิ เกยี่ วกับเรอ่ื ง ภูมิปญั ญาทอ้ งถิน่

ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตที่ สร้างเสริมคุณธรรมและจริยธรรม ส่วนตัวบทสวดในพิธีกรรม
ที่ศักดิ์สิทธิ์ได้เสริมสร้างพลังทางใจ แก่ชุมชนเกิดความสามัคคีความเอื้ออาทร การเกื้อกูลพึ่งพา
อาศยั กนั มีความปรารถนาดตี ่อกัน กอ่ ให้เกิดบุญกริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ตามหลักของพระพุทธศาสนา
การสืบชะตาตามจารีตล้านนามีสามแบบ คือ การสืบชะตาคน สืบชะตาบ้านและสืบชะตาเมือง
ส่วนการสืบชะตาแม่น้ำและป่า เกิดขึ้นตามบริบทของสังคม ปัจจุบันเน้นการอนุรัก ษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความยั่งยืนให้กับชีวิตสู่พัฒนาการทางจิตวิญญาณ ในระดับที่สูงข้ึน
มีความสมดุลประสานสอดคล้องกันอย่างลงตัว ในการดำเนินชีวิตโดยรวม ของชุมชนล้านนา
รูปแบบกระบวนการสืบชะตา พบว่ายังคงยึดรูปแบบดั้งเดิม ที่ปฏิบัติตามจารีตประเพณีของ
ล้านนาสะท้อนภาพของ การดำรงชีวิตในเชิงพหุลักษณ์ คือ การอยู่ร่วมกันของ “คนกับสังคม”
“คนกบั สิง่ แวดล้อมธรรมชาต”ิ และ “คนกบั ส่งิ เหนอื ธรรมชาต”ิ เป็นสิง่ ท่ีชุมชนลา้ นนาดำเนนิ มาอยา่ ง
ต่อเนื่อง จากอดีตถึงปัจจุบันในกระบวนการ ของประเพณีสืบชะตา บทสวดและคัมภีร์ธรรม
เมื่อวิเคราะห์โดยรวมของพิธีแล้ว พบว่าเกิดการเสริมสร้าง ความเข้มแข็งทางใจเกิดกุศลกรรมบถ
ความสุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจ การคิดดีทำดีด้วยหลักไตรสิกขา ปลูกฝังการเสียสละและ
การบริจาค เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ ทางสังคมและจิตวิญญาณสำหรับคุณค่าความสัมพันธ์
ในเชิงพหุลักษณ์ พบว่ามีความสัมพันธ์ด้านพระพุทธศาสนา จิตวิทยา สังคมวิทยา มนุษย์วิทยา
จารีตประเพณีและพิธีกรรม สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาจิตใจ พิธีสืบชะตา
พื้นเมืองเหนือ เป็นการบูรณาการระหว่างพิธีกรรมจารีตประเพณี ศาสนา ความเชื่อวิถีปฏิบตั ิดั้งเดมิ
ของล้านนาและบริบทของสังคมสมัยใหม่ เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ สร้างความเข้มแข็งที่เป็น
รปู ธรรมในสงั คมล้านนาโดยรวมอยา่ งยง้ั ยนื ตอ่ ไป๑๐๔

ความเป็นมาของคำว่า “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” ในการรับรู้ทั่วไปมักมองภูมิปัญญาเป็นภาพ
ที่เกี่ยวกับชาวบ้าน ชาวชนบทเป็นสิ่งท่ีมีรากเหงา้ ยาวนาน แสดงความเป็นไทยและเป็นสิ่งที่มีคุณค่า
งดงาม ในอีกมุมหนึ่งก็มองเป็นเรื่องพื้น ๆ หรือเรื่องโบราณความเป็นมาเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น ใน
ประเทศไทยไม่สามารถระบุแน่นอนได้ว่า มีจุดเริ่มต้นเมื่อใดแต่ความสนใจเกี่ยวกับ แนวคิดแบบ
ชาวบา้ นมปี ระวัตยิ ้อนไปได้ ถึงช่วงปลายครสิ ต์ศตวรรษท่ี ๑๙ ภายหลงั ทชี่ าตสิ ยามมีขอบเขตดินแดน
อย่างชัดเจน คนชั้นสูงในสังคมมีความตื่นตัวและกระหายใคร่รู้ ในการทำความรู้จักกับกลุ่มคนอื่นๆ

๑๐๔ รองศาสตราจารย์พูนทรัพย์ เกตุวีระพงศ์, “สืบชะตาล้านนา : แนวคิดและการเสริมสร้าง
ความสัมพันธ์”,รายงานการวิจัยฉบบั ร่างสมบูรณ์, (สำนักบริหารโครงการวิจยั อุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลัย
แห่งชาติสำนกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา,๒๕๕๗).

๕๒

ที่อยู่ในเขตการปกครอง ของสยามดังทีป่ รากฏ เป็นงานเขียนเกี่ยวกับชาวปา่ หรือชาวบ้านในรูปแบบ
บันทึก ขนบธรรมเนยี มของกลุม่ ชนต่างๆ ในชว่ งระยะเวลาไลเ่ ลยี่ กัน กลุ่มนักเดนิ ทางหมอสอนศาสนา

นักสำรวจและปัญญาชน กไ็ ดเ้ รมิ่ บนั ทึกการสำรวจสภาพชวี ิต ภาษาขนบธรรมเนยี มประเพณี
ของผู้คนในเขตประทศไทยและประเทศใกล้เคียงเขียนเป็นรายงาน ทางวิชาการหรือบทความลง
วารสาร เช่น วารสารของสยามสมาคม วารสารของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศเป็นต้น ต่อมา
ในช่วงปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๕ พระยาอนมุ านราชธนปราชญ์ ดา้ นวฒั นธรรมไทยไดน้ ำเรอื่ งราวเก่ียว
ปับประเพณีและวิถีชีวิตของชาวบ้าน นำมาบันทึกไว้เพื่อการศึกษา รวมทั้งได้นำแนวคิดคติชนวิทยา
และมานุษยวิทยา มาสอนและเผยแพร่ในสถาบันการศึกษา เป็นท่านแรก จนกระทั่งภายหลัง
สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ นักมานษุ ยวิทยาสมยั ใหม่ ไดเ้ ร่มิ ศึกษาวถิ ีชีวิตของชาวบ้าน อย่างจริงจังเรื่อยมา
แมว้ า่ ความสนใจเกีย่ วกบั การศกึ ษาวิถีชีวิตและความคดิ ของชาวบ้านทอ้ งถน่ิ

ในสังคมไทยจะมีมาอย่างยาวนาน แต่กระแสภูมิปัญญาเพิ่งเริ่มต้น อย่างชัดเจนในช่วง
ภายหลังเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ซึ่งมีการรณรงค์ประชาธิปไตยและส่งเสริม การเรียนรู้
สภาพปัญหาของชาวชนบท มีความตื่นตัวต่อการศึกษาประวัติศาสตร์และ วัฒนธรรมท้องถิ่นเห็นได้
จากในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ มกี ารจัดสมั มนาประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถน่ิ ทจี่ งั หวดั นครศรีธรรมราช มหาสารคาม
พระนครศรีอยุธยา พิษณุโลก ลพบุรี นครราชสีมา ฯลฯ มีความกระต้ือร้ือล้นในการศึกษาเรื่องราว
เกี่ยวกับท้องถิ่น โดยสถาบันราชภฏั ซึ่งมบี ทบาทสำคัญ ในการจัดสัมมนาเหล่าน้ี คำว่า “ภูมิปัญญา”
นั้นคาดว่าเริ่มมีการใช้คร้ังแรกในระหว่าง การอภิปรายแนวคิดวัฒนธรรมชุมชน ในการสัมมนาเรื่อง
วัฒนธรรมไทย กับงานพัฒนาชนบทที่สวางคนิวาส จังหวัดสมุทรปราการในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ซึ่งมีการ
เสนอว่าชาวบ้านที่อยู่กันเป็นชุมชน ล้วนมีวัฒนธรรมที่สั่งสมมายาวนาน เป็นของตนเองเป็นสิ่ง
ที่มีคุณค่าและสามารถ นำมาพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ โดยไม่ต้องมุ่งพัฒนาชุมชนไปสู่ความทันสมัย
หรือมงุ่ เข้าสูร่ ะบบตลาดอย่างเต็มตัว แนวคดิ วัฒนธรรมชุมชนจึงควรมองชาวบา้ น

ในฐานะที่เป็น Think subject และมองบทบาทของนักพัฒนาเป็นผู้ศึกษา ทำความเข้าใจ
วัฒนธรรมและกระตุ้นให้ชาวบ้าน เกิดความตระหนักในความรู้ความคิด ความสามารถของเขาเอง
และรว่ มกนั หาวิธนี ามาใช้ เพ่อื นำไปสู่การเปลยี่ นแปลงซ่ึงแนวคิด ในเรอ่ื งดังกลา่ วส่งผลให้มีการจัดตั้ง
องค์กรพฒั นาของเอกชน ในรูปแบบมลู นธิ เิ พ่อื สนับสนนุ สง่ เสริม การพฒั นาชนบทที่สำคญั ได้แก่มูลนิธิ
หมอชาวบา้ น กอ่ ต้ังในปี ๒๕๒๓ เกดิ จากการรวมตัวของแพทย์ชนบท โดยมศี าสตราจารย์ นายแพทย์
ประเวศ วะสี เป็นผู้ริเริ่มมูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา ก่อตั้งในปี ๒๕๓๒ ซ่ึงได้รับการสนับสนุนจาก
องคก์ ร CIDA๑๐๕

๑๐๕ นางสาวสุธดิ า บุณยาดิศัย, “ภูมิปัญญาการทานาในทะเลสาบของชมุ ชนบา้ นปากประ”,วิทยานิพนธ์
ศิลปะศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร,
๒๕๕๘).

๕๓

ประเทศแคนาดา โดยมีศาสตราจารย์เสน่ห์ จามริก เป็นประธานมูลนิธิหมู่บ้านก่อต้ัง
ในปี ๒๕๓๓ โดยมี ดร.เสรี พงศ์พิศ เป็นประธานมูลนธิ ภิ มู ิปัญญา กอ่ ตง้ั ในปี ๒๕๓๓ โดย ดร.เอกวิทย์
ณ ถลาง เมื่อแนวทางการพัฒนา ที่เน้นการให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือพื้นเพความรู้
ของชาวบา้ นได้ขยายตวั ออกไป ก็ไดร้ บั การตอบรบั จากนกั วิชาการทัว่ ไป โดยเฉพาะในกลุ่มนกั วิชาการ
ท้องถิ่นซึ่งมีความสนใจและมักมีภูมิหลัง ทางด้านภาษา วรรณกรรมและขนบธรรมเนียม ประเพณี
ของทอ้ งถ่นิ ประกอบกบั ประสบการณ์ การใช้ชีวติ ในทอ้ งถ่นิ ทำใหเ้ ห็นว่าภูมปิ ญั ญา เปน็ โจทย์ของการ
ค้นคว้าวิจัยที่สำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาและการพัฒนาท้องถิ่น มีการใช้คำว่า “ภูมิปัญญา”
ในงานวิจัยเกี่ยวกับท้องถิ่นอย่างแพร่หลาย กระแสภูมิปัญญาได้รับการ กล่าวถึงอย่างคึกคักอีกคร้ัง
ในช่วงหลังปี พ.ศ. ๒๕๓๐ จนกระทั่งถงึ ปัจจุบัน เนื่องจากการที่กระแสโลกาภิวัตน์ เข้ามามีบทบาท
สำคัญในสังคมไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่นจึงเปรียบเสมือนปราการด่านสำคัญ ในการตั้งรับกระแสโลก
ที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง จากเริ่มแรกที่องคก์ รพัฒนา ของเอกชนมีบทบาทสำคญั ในการสร้างและ
ขยายแนวคิดภูมิปัญญาท้องถิ่น องค์กรรัฐหลายแห่งได้เข้ามา สนับสนุนและนำคำว่าภูมิปัญญา
ไปผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่ง ของบทบาทหน้าที่ของงานราชการ หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญคือ
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) มีการสนับสนุนการวิจัย ของนักวิจัยท้องถิ่น
จำนวนมาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมกิจกรรม
การเรยี นรู้ครูภูมิปัญญาไทยในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อยกย่องบุคคลในท้องถนิ่ ท่เี ปน็ ปราชญ์ในด้านต่างๆ
สำนกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวจิ ัย (สกว.) ตั้งข้ึนใน ปพี .ศ. ๒๕๓๖ มีหน้าท่สี นับสนนุ ใหเ้ กิดการวิจัย
เพอื่ สรา้ งองค์ความรู้ท้องถ่ิน ท่ีเปน็ ประโยชนต์ ่อการวางนโยบายภาครัฐ เนน้ การให้ชาวบ้านในชุมชน
สร้างความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั องคค์ วามรู้ ที่มีอยูเ่ ดมิ และสร้างกลไก ในการแกไ้ ขปัญหาของตนเอง
เน้นกระบวนการมากกว่าผลผลิต ซึ่งผลจากการสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้เกิดงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
กบั ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ จำนวนมากจนคำวา่ ภมู ิปญั ญา๑๐๖

กลายมาเป็นที่ยอมรับ ในวงกว้างและใช้เป็นภาษาของทางราชการ ๑ ดังเห็นได้จาก
ยุทธศาสตรแ์ ละภารกจิ ของกระทรวงวัฒนธรรม ท่เี นน้ การอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญา กำหนดให้
นักวิชาการวัฒนธรรม มีหน้าที่รวบรวมภูมิปัญญา ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม และเมื่อวันที่
๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญา
ทางวัฒนธรรม ๒ เพื่อคุ้มครองและสืบทอดรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ให้มีความสืบเนื่อง
ย่ังยนื ตอ่ ไป

๑๐๖ เรื่องเดยี วกัน หน้า ๑๙.

๕๔

๒.๖ แนวคิดการประยกุ ตใ์ ช้หลกั ธรรมสืบชะตาในล้านนา

กระบวนการเสรมิ สรา้ งความสมั พนั ธ์ ทางสังคมและจติ วิญญาณ ของประเพณีสบื ชะตาที่มีต่อ
ชุมชนพบว่า กระบวนการขนั้ ตอนของพิธกี รรมสบื ชะตาลา้ นนา ยังคงความสำคญั อย่ทู ่ีรปู แบบข้ันตอน
ของพธิ กี รรม บทสวดมนตแ์ ละผูท้ ี่เก่ียวข้อง รปู แบบการสบื ชะตานัน้ ยงั คงปฏิบัติตามจารีตดั้งเดิมของ
ลา้ นนาและองค์ประกอบสำคญั อยู่ที่การเตรียมเคร่อื งสบื ชะตา ตามประเภทของการสืบชะตาน้ันๆ ซึ่ง
มีเคร่อื งประกอบหลายอย่าง แต่ละอย่างต้องเตรียมไว้จำนวนมาก ในขณะท่ีเตรยี มสืบชะตาน้ันต้องใช้
คนจำนวนมากช่วยกัน ส่วนใหญ่จะเปน็ ผู้เฒ่าผูแ้ กใ่ นท้องถิน่ ที่มีความรู้เกี่ยวกับการเตรียมเคร่อื งพิธี
สืบชะตาจากการรวมตัวกัน จึงเป็นบ่อเกิดของความสามัคคีในชุมชน ที่ต่างให้ความช่วยเหลือซึ่งกัน
และกันอยู่มากจากประเด็นนี้ ทำให้เห็นการเชื่อมจารีตประเพณี และความสัมพันธ์ในความสามัคคี
ของชมุ ชน คอื การรกั ษาจารีตดงั้ เดิมของชุมชน ในล้านนาการรักษารูปแบบของการจัดเตรียม เคร่ือง
สืบชะตาการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน เนื่องจากการพิธีสืบชะตา เป็นพิธีใหญ่จะต้องใช้คน
จำนวนมาก ในการจัดเตรียมและการสรา้ งความสามัคคี ในชมุ ชนในปัจจุบนั มกี ารเปล่ยี นแปลง ไปตาม
บรบิ ทของสังคมในแตล่ ะพ้นื ท่ี๑๐๗

แนวทางการพฒั นาเพ่อื ส่งเสรมิ การสืบชะตา ของสังคมไทยควรส่งเสริมให้เกดิ การ มีส่วนร่วม
ของคนในสงั คมให้ผู้คนหันมาสนใจ ในการสบื ชะตาเพ่ิมมากขนึ้ โดยการสร้างการมีสว่ นร่วมตลอดจน
การสร้างจิตสำนึกและการพัฒนารูปแบบ ในการส่งเสริมดังนี้ ๑. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมเป็นวิธีการ
เยียวยาให้คนในสังคม สามารถเผชิญกับปัญหาในการดำเนินชีวิตและ แก้ปัญหาร่วมกันด้วยความ
สามัคคีกลมเกลียว ของคนในสังคมคือการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในหมู่บ้านหรือผู้ที่มาเข้าร่วม
กจิ กรรม คอื แตล่ ะฝา่ ยต้องมีการช่วยกันเตรียมงาน เพราะแต่ละบคุ คลเขา้ ร่วมพธิ ีด้วยความสมัครใจ
ไม่ได้มุ่งหวงั คา่ ตอบแทน ในรูปเงนิ ทองแตเ่ ป็นความเชื่อในสง่ิ ศกั ดสิ์ ิทธ์ิ การชว่ ยงานของชมุ ชนจะทำให้
พวกเขาอยู่เยน็ เป็นสุข ๒. สรา้ งจิตสำนึกทีด่ ีแก่สงั คมคือ ประเพณสี บื ชะตาส่งเสรมิ ให้คนทำความดี ซึ่ง
ประเพณีการสืบชะตานน้ั แฝงคตธิ รรมทางพระพทุ ธศาสนาอยอู่ ยา่ งเหน็ ได้ชัด ทำใหผ้ คู้ นมจี ิตเมตตา มี
คุณธรรมและมีจิตสำนกึ อันดีงาม ก่อให้เกิดประโยชนห์ ลายด้าน ท้ังด้านศีลธรรม ดา้ นสุขภาพจติ ด้าน
สังคม ด้านการเมืองและมีแนวทางพัฒนา ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมสร้างจิตสำนึกที่ดี ๓. รักษา
วัฒนธรรมประเพณีพิธีสืบชะตานั้นเป็นพิธีมงคล คำว่า “สืบ”ความหมายคือต่อให้ยาวขึ้น “ชะตา”
หรอื ชาตาชวี ิตของแตล่ ะคน ดังนัน้ พิธนี ีจ้ ึงเสมอื นเปน็ พิธีกรรม ในการตอ่ อายใุ หย้ ืนยาวข้ึนหรือท่ีเรียก

๑๐๗ อนุชา มว่ งใหญ่, “แนวทางการส่งเสรมิ วฒั นธรรมการสืบชะตาเพื่อการพฒั นาสขุ ภาวะชุมชนอย่าง
ยั่งยนื ”, การส่งเสริม, การสบื ชะตา, การมีส่วนรวม,ปที ี่ ๑ ฉบับที่ ๑ (มกราคม – มถิ ุนายน ๒๕๖๐),หนา้ ๖.

๕๕

เปน็ ภาษาภาคกลางวา่ “พธิ ีอายุวัฒนมงคล” ซงึ่ วธิ ีการสืบชะตาเป็นพธิ ีกรรมทมี่ ีมานาน เปน็ การสร้าง
ความสัมพันธ์ ในวิถชี วี ิตเปน็ การแสดงออก ท่มี ีแบบแผนและเปน็ เอกลกั ษณ์ของคนในชุมชน๑๐๘

พิธีกรรมการสบื ชะตาอย่ภู ายใตก้ รอบ โครงสรา้ งทางความเชอื่ ผสมผสานกันระหวา่ งความเชื่อ
ที่เป็นศาสนากับไสยศาสตร์ กล่าวคือพิธีกรรมการสืบชะตา เป็นกุศโลบายเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ
พิธีกรรมการสืบชะตาอยู่ภายใต้กรอบ โครงสร้างทางความเชื่อผสมผสานกันระหว่างความเชือ่ ที่เป็น
ศาสนากบั ไสยศาสตร์ กล่าวคือพธิ กี รรมการสืบชะตา เป็นกศุ โลบายเพ่ือสร้างขวญั กำลงั ใจแก่ผู้เข้าร่วม
พิธีเพราะโดยสัญชาตญาณ พื้นฐานของมนุษย์ลึกๆ แล้วมีความรู้สึกไม่มั่นคงต่อชีวิตเพราะจาก
ประสบการณท์ ีผ่ า่ นมามนษุ ย์ ประสบกบั สง่ิ ทผี่ ดิ หวังความกลัวหรอื ผิดพลาดหวงั กบั สิ่งท่ีปรารถนาอยู่
บ่อยๆ จึงสูญเสียความมั่นใจในการดำเนินชีวิต รวมถึงการต้องการให้ชีวิตมีความมั่นคงสูงขึ้น ขวัญ
และกำลังใจจากญาติพี่น้องและคนที่รู้จัก เป็นปัจจัยสำคัญท่ีสนบั สนุนให้ชีวติ ได้ก้าวเดินต่อไปดงั นั้น
พธิ กี รรมการสบื ชะตา จงึ มบี ทบาทต่อการเร่มิ ต้นความรู้สกึ ใหม่ เพ่อื เสริมสรา้ งความมนั่ คง

ความปลอดภัยอันเป็นสาระด้านจิตวิทยา ในพิธีสืบชะตาของคนล้านนาโดยแยกเป็น
พิธีสืบชะตาคนเน้นเรื่องจิตใจเป็นสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือทำขึ้น เพื่อให้เกิดความสบายใจ
เกิดกำลังใจเมื่อผ่าน พิธีสืบชะตาแล้วจะรู้สึกมั่นใจในการใช้ชีวิต สามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส
มีกำลังใจและเชื่อมัน่ ในการดำเนนิ ชีวิตตอ่ ไปได้ ส่วนพิธีสืบชะตาบ้านมีบทบาทในการโน้มนา้ วจติ ใจ
ของผ้อู ยอู่ าศยั เพือ่ ใหเ้ กิดความเชอื่ มัน่ วา่ เมอ่ื อยอู่ าศัยบ้านหลงั นแ้ี ล้ว จะทำให้เกิดความสุขใจ สมหวัง
และเกิดสิริมงคลต่าง ๆ ในชีวิตพิธีสืบชะตาบ้านหรือหมู่บา้ น เป็นพิธีกรรมระดบั ชุมชน โดยชาวบ้าน
ทุกคนมสี ว่ นร่วม ในการประกอบพิธโี ดยความเหน็ พ้องตอ้ งกัน ในเหตุทีเ่ กิดข้ึนเมื่อมีการอย่รู ว่ มกันเป็น
หมคู่ ณะ จึงตอ้ งพึง่ พาอาศัยซ่งึ กนั และกัน ดงั นัน้ ในการประกอบพธิ ีกรรมแต่ละคร้ัง จงึ ต้องอาศัยความ
ร่วมมือ ของคนในชุมชนอาศัยความสามัคคีกลมเกลียว โดยมีความศรัทธา เป็นสื่อกลางและการสืบ
ชะตาเมือง จัดเปน็ พิธีการที่สำคญั และย่ิงใหญ่ เพราะเกยี่ วขอ้ งกับบา้ นเมอื งส่งผลทางจิตวทิ ยาประสาน
ใจเป็นหนึ่งเดยี ว ของคนในบา้ นเมือง

๑. แนวทางความสมั พันธ์ด้านสังคมวิทยา กระบวนการเยยี วยาให้คนในสังคม สามารถเผชิญ
กับปัญหาในการดำเนินชีวิต ได้ด้วยกำลังใจที่เข้มแข็งกล่าวคือการสืบชะตา ได้เป็นพิธีพิธีกรรมทาง
สงั คมอยา่ งหนงึ่ และจดั วา่ เปน็ พธิ กี รรมทมี่ สี ่วนชว่ ยเสริมสร้างความเขม้ แขง็ ทางจิตใจ ของคนในสังคม
โดยเฉพาะในแง่จิตวิทยา เพือ่ การปกครองนอกจากความหมายเพอื่ เรียกขวัญกำลงั ใจของคนในสังคม
แล้วยังเป็นการเปิดโอกาส ให้ฝ่ายปกครองและผู้อยู่ภายใต้การปกครอง ตลอดทั้งประชาชนทั่วไปมา
พบปะสงั สรรค์กัน ปฏิบตั ิกิจกรรมร่วมกนั และมีนโยบายเพ่อื ใหบ้ รรลุเปา้ หมายอย่างเดยี วกนั อกี

๑๐๘ พระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน, แนวคิดในการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการสืบชะตาของสังคมไทย,
[อ อ น ไ ล น์ ], แ ห ล ่ ง ท ี ่ ม า : https://culturalscience.msu.ac.th/th/download๒ /๒ /pataveesak/
bibliography.pdf [๑๕ กนั ยายน ๒๕๖๐].

๕๖

๒. แนวทางความสัมพนั ธด์ ้านมานุษยวิทยา มีความสัมพันธ์ในแงก่ ารหลอมรวมคติ ความเช่ือ
ค่านิยม พฤติกรรม ก่อให้เกิดเป็นพิธีสืบชะตา จนกลายเป็นที่ยอมรับของสังคมล้านนา การศึกษา
วิชามานุษยวิทยา ในพิธีสืบชะตาเปรียบเสมือนกระจกเงา ที่ส่องให้เห็นตัวเองในแง่มุมต่างๆ พิธีสืบ
ชะตาของลา้ นนา เป็นภาพรวมทัง้ หมดท่เี กีย่ วขอ้ ง กับสภาพของสงั คมธรรมชาติ เอกลักษณ์ ความเชื่อ
ค่านยิ มและเจตคติของคนในล้านนา๑๐๙

๓. แนวทางความสัมพันธ์ ด้านจารีตประเพณีและพิธีกรรม ประเพณีและพิธีกรรมการสืบ
ชะตา ในลา้ นนาดำเนนิ ภายใต้กรอบแหง่ “โลกทัศน์” ของผูค้ นในสังคมวัฒนธรรมดั้งเดมิ กลา่ วคือบน
พื้นฐานหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา เป็นหลักสำคัญแม้วา่ พิธีกรรมบางอย่าง จะได้รับอทิ ธิพลมา
จากสังคมวัฒนธรรมอ่นื แต่ก็ได้ปรับตัวเขา้ มาอยใู่ นการรับรขู้ องผู้ทอี่ ยู่ ในระบบความเช่อื และพิธีกรรม
นัน้ อย่างประสานกลมกลนื และลงตัว

๔. แนวทางความสัมพันธ์ด้านสังคม การสืบชะตานั้นถือเอาการ มีส่วนร่วมของคนในสังคม
ในการเกือ้ กูลกนั เป็นการร่วมมอื ร่วมปฏบิ ัตแิ ละร่วมรับผิดชอบดว้ ยกัน ไม่วา่ จะเปน็ ของปัจเจกบุคคล
หรือของกลุ่มทั้งนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนา และการเปลี่ยนแปลงในทิศทาง ที่ต้องการและเพื่อบรรลุ
เป้าหมาย ที่กำหนดไว้ก่อให้เกิดความสมานฉันท์ ในกลุ่มคนและองค์กรต่างๆ ของคนในชุมชน
ทำใหช้ ุมชนเกิดความตระหนกั ความรักความหว่ งแหนประเพณีวฒั นธรรมของชมุ ชน

๕. แนวทางความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ สังคมล้านนาส่วนใหญ่ จะมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
ไม่ฟุ้งเฟ้อมีความเป็นอยู่ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล
อดุลยเดช ทุกคนมีความขยันและมีความอดทน ในการประกอบอาชีพ ตามหลักธรรมมรรคมีองค์ ๘
จึงทำให้ทุกคน มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี มีความสมบูรณ์และมีความสุขในการดำรงชีพดังนั้น
จึงทำให้ประชาชนในชุมชนมีความพร้อม ที่จะเข้าร่วมพิธีกรรมสืบชะตาแบบล้านนา และสามารถ
บริจาคทรพั ย์หรือเสียสละกำลงั กายดว้ ยความเตม็ ใจสมั พนั ธ์กบั เศรษฐกจิ ชุมชน

๖. แนวทางความสมั พันธ์ด้านสิ่งแวดล้อม การทำพิธสี ืบชะตาในล้านนานั้น นับเป็นพิธกี รรม
ที่เนื่องด้วยสภาพความเป็นอยู่ คือเกี่ยวเนื่องกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะพืชพรรณต่างๆ ที่นำมาใช้ใน
การประกอบพธิ ีกรรม เพราะเปน็ การส่งเสรมิ ให้เกิดการดแู ลรักษาสงิ่ แวดลอ้ ม ท้งั ทอี่ ยู่อาศัยตลอดจน
ในบา้ นเมอื งโดยมีความรบั ผิดชอบ ตอ่ สิง่ แวดลอ้ มและเครือ่ งประกอบพิธีกรรมตา่ งๆ ล้วนแล้วอิงอาศัย
กับธรรมชาติแทบทั้งสิ้นนอกจากนั้น นอกจากสืบชะตาคนที่มีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกันในวิถีชุมชน
สังคมสิ่งแวดล้อมแล้วยังมีพิธีกรรมสำคัญ ที่สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมโดยตรง ล้านนาเป็นแก่นของการ

๑๐๙ พูนทรพั ย์ เกตุวีระพงศ์, สืบชะตาล้านนา: แนวคิดและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมและจิต

วิญญาณของชุมชนในล้านนา, [ออนไลน์], แหล่งที่มา : file:///C:/Users/admin/Downloads/๓๘.pdf [๒๔
กนั ยายน ๒๕๖๐].

๕๗

ดำเนินชีวิต การเข้ามามีส่วนร่วมของคนในสังคม พิธีสืบชะตาตามท้องถิ่นและชุมชนไม่ว่าจะเป็น
ขั้นตอนการคิดการ ดำเนินงานซึง่ จะเปน็ ไปโดยอัตโนมัต๑ิ ๑๐

๗. แนวทางความสมั พันธ์ด้านการพฒั นาจิตใจ ในวถิ ชี วี ติ ของคนลา้ นนาไทย ตัง้ แตอ่ ดีตจนถึง
ปัจจุบันพิธีกรรมต่างๆ ยังคงมีความสำคัญกับวิถีชีวิตการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิธีสืบ
ชะตา ถือได้ว่าเป็นประเพณี ที่ปฏิบัติมาตั้งแต่บรรพกาลเป็นพิธีกรรม ที่มีผลต่อชีวิตจิตใจของคน
ลา้ นนาเป็นแก่นของการดำเนนิ ชีวิต การเขา้ มามีสว่ นร่วมของคนในสงั คม พธิ สี ืบชะตาตามทอ้ งถน่ิ และ
ชมุ ชนไมว่ า่ จะเปน็ ขัน้ ตอนการคิดการ ดำเนนิ งานซง่ึ จะเปน็ ไปโดยอตั โนมตั ิ๑๑๑

มนษุ ยท์ ุกคนมกี รรม เป็นของตนเองและขึน้ อยกู่ ับการกระทำของ แต่ละคนมากบ้างน้อยบ้าง
เป็นสำคัญการที่ประสบกับภัยพบิ ัติและเคราะห์กรรม ที่เป็นความทุกข์ความเดือดรอ้ นตา่ งๆ นั้นล้วน
แต่เกิดจากกรรมที่เคยกระทำไว้และส่งผล ในภพปัจจุบันจึงนำไปสู่กระบวนการ แก้ไขโดยแสวงหา
แนวทางทจ่ี ะทำให้ชีวิตดีขึ้น โดยใช้พธิ ีกรรมเปน็ ส่ือตามคติความเช่ือเร่ือง “กรรม” อันเกิดขึ้นต่ออายุ
วัฒนกุมารที่ประสบเคราะห์กรรม เกือบถึงขั้นชะตาขาดในการประกอบพิธีกรรม การสืบชะตาของ
ล้านนาจึงได้รับอทิ ธพิ ลความเชอื่ ในเรือ่ งของกรรม ชาวลา้ นนาเชื่อวา่ การทำดีย่อมได้รับผลดีตอบแทน
เช่น การทำบุญทำนุบำรุงพุทธศาสนา ก็จะทำให้ผู้ทำบุญพบแต่สิ่งที่ดีงาม คิดสิ่งใดก็สมปรารถนา
ทกุ ประการเชอื่ ในเรือ่ งนิพพาน จงึ มงุ่ ทำบญุ ใหต้ นเองหลดุ พน้ จากการเกดิ แก่ เจบ็ ตาย ทงั้ ปวง๑๑๒

๒.๗ แนวคิดหลักธรรมในพระพุทธศาสนา

๑) บทสวดมหาทิพย์มนต์ พบว่า มีส่วนเสริมสร้างความสัมพันธ์ ทางสังคมและจิตวิญญาณ
ของชุมชนในล้านนาในประเด็น ของการสร้างความสามัคคีและสร้างพลัง ความเข้มแข็งทางใจโดย
ยึดหลักศาสนาและการสร้างศรัทธา ความเชื่อผ่านการประกอบพิธีกรรม ของท้องถิ่นที่ทำแล้ว
เกิดความเปน็ สริ ิมงคล คือ ใจสุข กายสุข ทำให้มพี ลงั ตอ่ ไปในการประกอบอาชพี การทำงานทป่ี ระสบ
ความสำเร็จรุ่งเรืองของชีวิตและครอบครัว ยังเป็นการแสดงถึงความเคารพต่อ บรรพบุรุษแสดงถึง
ความกตญั ญู ความกตญั ญูจงึ เปน็ คณุ สมบตั ิอย่างหนง่ึ ที่แทรกซมึ อยู่ในกระบวนการขดั เกลาทางสังคม
คือ ศาสนา ทกุ ศาสนาโดยผา่ นพธิ ีกรรมตา่ งๆ เช่น พิธีสบื ชะตาเป็นการแสดงความเคารพตอ่ พระพทุ ธ

๑๑๐ อนุชา ม่วงใหญ่, “แนวทางการส่งเสริมวัฒนธรรมการสืบชะตาเพื่อการพัฒนาสุขภาวะชุมชนอย่าง
ย่ังยนื ”, การสง่ เสริม, การสบื ชะตา, การมีสว่ นรวม,ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑ (มกราคม – มิถุนายน ๒๕๖๐), หนา้ ๘.

๑๑๑ อนุชา ม่วงใหญ่, “แนวทางการส่งเสริมวัฒนธรรมการสืบชะตาเพื่อการพัฒนาสุขภาวะชุมชนอย่าง
ยัง่ ยืน”, การส่งเสริม, การสืบชะตา, การมสี ว่ นรวม,ปีที่ ๑ ฉบับท่ี ๑ (มกราคม – มิถุนายน ๒๕๖๐), หน้า ๘.

๑๑๒ พระธรรมปิฏก (ป.อ.ปยุตฺโต), ความสำคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติ ,
กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์บริษัทสหธรรมิกจำกดั , ๒๕๓๙,หน้า ๗.

๕๘

พระธรรม พระสงฆ์และการแสดงความเคารพนี้ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน
มีสัมมาคารวะต่อคุณงามความดีหรือพลังอำนาจ ที่ยิ่งใหญ่เป็นการลดทิฏฐิ กาย วาจา ใจ คิดดีทำดี
ด้วยหลักไตรสิกขา คอื ศีล สมาธิ ปัญญาเกิดคุณงามความดี ส่งผลต่อการปฏิบตั ใิ นชวี ติ ประจำวัน

๒) บทอุณหัสสะวิไชย พบว่า เป็นบทสวดทำให้ผู้สืบชะตาพน้ จากเคราะห์กรรมต่าง ๆ และ
สรรพสง่ิ ท่ีอยู่รอบๆ ตวั ในบทสวดเป็นการนอ้ มรับบูชา พระพุทธเจา้ พระธรรมและพระสงฆ์ อุณหัสส
คือ ความรอ้ นทเ่ี กดิ แกต่ นเองทง้ั ภายในและภายนอก ภายใน คือ กเิ ลส วชิ ัยหรือ วิไชย คือ ความชนะ
ทั้งปวง ส่วนภายนอก คือ บริบทรอบๆ ตัวตนของมนุษย์ซึ่งเป็นฐาน ของความกลัวของมนุษย์จาก
สรรพสงิ่ ทั้งหลาย และสง่ิ ท่มี องไมเ่ หน็ เมื่อยึดเอาพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นท่ีพึงแล้วอยู่ใน
สถานภาพใดๆ ก็ตามผ้ปู ระพฤตปิ ฏบิ ตั ิ กจ็ ะแคลว้ คลาดจากภยั ทงั้ หลาย เพราะเมอื่ เขา้ ถึงและน้อมรับ
หลักธรรมทง้ั ๓ แล้วก็จะบงั เกดิ แตค่ วามสขุ สบายใจ๑๑๓

๓) บทสวดอินทชะตา พบว่า เป็นการประมวลของพระมหาเถระในล้านนา ซึ่งมีหลักธรรม
เพื่อใช้ในพิธีกรรมสืบชะตาล้านนาเมืองเหนือ สาระของหลักธรรมเน้นในเรื่องการเสริมสร้าง “จิต”
ให้เกิดความเขม้ แขง็ ส่งผลต่อการพฒั นาพฤติกรรมทางกาย ใน ๓ ประการ คอื สจั จะ คอื ความจริงใจ
พดู จรงิ ทำจริง มคี วามซอ่ื ตรง มีความตั้งใจอยา่ งมุ่งมนั่ ในสง่ิ ทตี่ นปรารถนา สะสมความดอี ย่างพเิ ศษ

เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายอย่างสูงสุด เรียกว่าสัจจะ ส่วนอธิษฐานเป็นการตั้งกัลยาณจิต
ความเป็นบุญกุศล แผ่ขยายไปสู่ผู้ที่เข้าร่วมพิธีการอธษิ ฐานจิตการนั่งสมาธิทีเ่ รียกว่า สมถกัมมัฏฐาน
หรอื วปิ สั สนากมั มัฏฐาน เปน็ กระบวนการขดั เกลาจิตใจใหส้ งบ มุ่งส่เู อกคั คตารมณแ์ ละเอกัคคตารมณ์
และวิริยะ คือ ความเพียรพยายามที่จะพัฒนากายและจิตไปพร้อมๆ กันการที่จะทำอะไรให้ประสบ
ความสำเร็จ อยากเป็นอะไรก็เป็นได้นั้น “จิต” จะต้องมั่นอยู่ในหลักวิริยะธรรม การตั้งมั่นอยู่
ในความเพียรชีวิตกจ็ ะบรรลุความดีสงู สุด คอื มรรค ผล และนพิ พานตามลำดบั

๔) บทสวดสักกัตวา พบว่า เป็นพระคาถาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงไว้
และเปน็ การแสดงความเคารพนอบน้อม ในพระพุทธ,พระธรรม,พระสงฆ์ ผ้ใู ดหมน่ั สวดพระคาถาบทนี้
จะระงับความทุกข์ ที่เกิดขึ้นในกายและใจให้บังเกิดความสงบสุข รวมทั้งปราศจากโรคภัยไข้เจ็บภัย
พิบัติต่างๆ ก็ไม่เข้ามากล้ำกลายและจะอายุยืนยาว ถ้าผู้ใดสวดเจริญอยู่เป็นประจำ นอกจากจะ
ปราศจากโรคภยั ไขเ้ จ็บแลว้ ยงั แคล้วคลาดจากภัยต่างๆ เช่น ราชภยั โจรภยั เป็นต้น๑๑๔

๑๑๓ รองศาสตราจารย์พูนทรพั ย์ เกตวุ รี ะพงศ์, “สืบชะตาลา้ นนา: แนวคิดและการเสริมสรา้ งความสัมพันธ์
ทางสังคมและจิตวิญญาณของชุมชนในล้านนา”,รายงานการวิจัยฉบับร่างสมบูรณ์, (สำนักบริหารโครงการวิจัย
อุดมศกึ ษาและพฒั นามหาวิทยาลัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา, ๒๕๕๗).

๑๑๔ เรอื่ งเดียวกัน, หนา้ ๗๖-๗๙.

๕๙

ก. สบื ชะตาท่ีมตี อ่ ชมุ ชนในล้านนา
“พิธีสืบชะตา” เป็นพิธีกรรมส่วนหนึ่งที่อยู่คู่กับ วิถีชีวิตคนเมืองหรือคนล้านนามาอย่าง
แน่นแฟ้นยาวนานและสืบทอดกันมา แต่โบราณกาลเนื่องจากคนสมัยก่อน มีความศรัทธาต่อ
พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแตกฉาน
ลึกซึ้งก็เลยมีความคิด ที่จะมาทำให้บ้านเมืองและคนในสังคม อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขดำรงตนอยูใ่ น
ศีลธรรมอันดี ซงึ่ พธิ ีสบื ชะตาเปน็ ประเพณีที่ไดร้ ับอิทธพิ ล จากธรรมเนยี มของพราหมณ์ ไดม้ ีการนำมา
ผสมผสานกับพิธีกรรมของพุทธศาสนาได้อย่างกลมกลืน พิธีสืบชะตานั้นเป็นพิธีมงคล คำว่า “สืบ”
ความหมายคือ ตอ่ ใหย้ าวขึ้น “ชะตา” หรือ ชาตาชีวิตของแต่ละคน ดงั น้ันพิธนี ้จี งึ เสมอื นเป็นพธิ ีกรรม
ในการตอ่ อายใุ ห้ยืนยาวข้นึ โดยมพี ระสงฆเ์ ป็นผู้ประกอบพธิ ีกรรม หรือที่เรียกเปน็ ภาษาภาคกลางว่า
“พธิ อี ายวุ ฒั นมงคล” นน่ั เอง พธิ กี รรมในการสืบชะตานน้ั จะมีลักษณะ ทแ่ี ตกต่างกนั ออกไปมี
ทัง้ การสบื ชะตาแบบเด่ียว หรอื คนเดียวและการสืบชะตาแบบกลุ่มใหญๆ่ หรอื คนหมมู่ ากที่เรียกว่าสืบ
ชะตาหลวง ซึ่งการสืบชะตาจะจัดทำในโอกาสที่ต่างกัน เช่น ขึ้นบ้านใหม่ ภายหลังจากการเจ็บป่วย
หรือทำในโอกาส ท่หี มอดูทำนายทายทกั ว่าดวงชะตาไมด่ ี บางครัง้ ทำเพื่อสะเดาเคราะห์ ภายหลังจาก
ประสบเคราะห์กรรม เมื่อสืบชะตาแล้วเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างดวงชะตาให้ดีขึ้น เป็นการบำรุงขวญั
และกำลังใจ ของผู้ที่ประสบจากเคราะห์กรรมหรือผู้เจ็บป่วยให้กลับคืนสภาพปกติ จากแนวคิด
ดงั กล่าวผ้เู ขยี นต้องการที่จะสะท้อนถึง พธิ ีกรรมความเช่ือดังกล่าวในการ ที่จะสืบสานความเช่ือของ
คนในชมุ ชน อนั สอดคลอ้ งกับพระธรรมคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการดูแลสุขภาพทั้งด้าน
ร่างกายและจติ ใจ ของคนอยรู่ ่วมกันอยา่ งสงบสุข ดำรงตนอยใู่ นศลี ธรรมอนั ดี ในชมุ ชนอย่างยงั่ ยนื ๑๑๕

ข. พธิ กี รรมสืบชะตาล้านนาเมอื งเหนือ
สาระของหลักธรรมเนน้ ใน เรอ่ื งการเสริมสร้าง“จติ ” ใหเ้ กิดความเขม้ แข็งส่งผลต่อการพัฒนา
พฤติกรรมทางกาย ใน ๓ ประการ คือ ๑ สัจจะ คือ ความจริงใจ พูดจริง ทำจริง มีความซื่อตรง
มีความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นในสิ่งที่ ตนปรารถนาสะสมความดีอย่างพิเศษ เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย
อย่างสูงสุดเรียกว่าสัจจะบารมี มี ๒ ประเภท ในใจและพูดออกเสียง มีประโยชน์ต่อการเสริมสร้าง
ความสัมพันธ์ทางสังคมในชีวิตประจำวันคือ ทำให้เป็นคนหนักแน่นมั่นคง มีความเจริญก้าวหน้า
ในหน้าท่ีการมีคนยอมรบั นับถือยำเกรงและครอบครวั มีความสุข ๒ อธษิ ฐาน เป็นการตั้งกัลยาณจิต
ความเป็นบุญกุศลแผ่ขยายไปสู่ ผู้ที่เข้าร่วมพิธี การอธิษฐานจิตการนั่งสมาธิ ที่เรียกว่า
สมถกมั มัฏฐานหรอื วิปัสสนากัมมัฏฐาน เปน็ กระบวนการขดั เกลาจิตใจ ใหส้ งบมุ่งสู่เอกคั คตารมณ์และ
เอกัคคตารมณ์คือการมีอารมณ์อันเป็นเลิศ ความที่จิตมีอารมณ์เดียวไม่ฟุ้งซ่าน เป็นลักษณะของจิต

๑๑๕ พิสิฎฐ์ โคตรสุโพธิ์.ดร., การสบื ชะตาที่ปรากฏในพระพทุ ธศาสนาเนอื่ งในโอกาสฉลองสถาปนา ๔๐
ปมี หาวิทยาลยั เชียงใหม่, เชียงใหม่ : คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่, หน้า ๒๕๔.

๖๐

ที่จดจ่อกับอารมณ์กรรมฐาน เมื่อได้ฟังบทสวดอินทชะตาจนจบแล้ว ความสุขที่เกิดขึ้น คือ จิตสงบ
ตั้งมั่นอยู่ในความดีงามสามารถ ที่จะปฏิบัติงานดำรงอยู่ในสังคมได้ อย่างมีความสุขอันเกิดจากจิต
ที่สงบและไม่ฟุ้งซ่านตั้งมั่นอยู่ ในความดีงาม ๓ วิริยะ คือ ความเพียรพยายามที่จะพัฒนากายและ
จิตไปพร้อมๆ กัน การที่จะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ อยากเป็นอะไรกเ็ ป็นไดน้ ั้น “จิต” จะต้อง
มั่นอยู่ในหลักวิริยะธรรม การตั้งมั่นอยู่ในความเพียร ชีวิตก็จะบรรลุความดีสูงสุด คือ มรรค ผล
และนพิ พาน ตามลำดบั ดงั บทพระบาลีในบทสวดอินทชะตาที่ว่า “เอเตนะ สจั จะวัชเชนะ ตุยหัง สวุ ัตถุ
โหนตุ ตยุ หัง สวา่ หยะฯ” ขอความสำเรจ็ ผลโดยสวสั ดีและชวี ิตก็จะ ประสบความสำเรจ็ โชตชิ ่วงชัชวาล
อนั เกิดแตผ่ ้ปู ฏิบัตคิ วามเพียรตลอดไป๑๑๖

บทสวดสักกัตวากับการ เสริมสร้างความสัมพันธ์ ทางสังคมและจิตวิญญาณของประเพณี
สืบชะตาที่มีต่อชุมชนในล้านนา ในบทสวดสักกัตวาพบว่า เป็นพระคาถาที่สมเด็จพระสัมมา
สัมพทุ ธเจ้า ไดท้ รงแสดงไว้และเป็นการแสดง ความเคารพนอบนอ้ มใน พระพทุ ธ,พระธรรม,พระสงฆ์
ผู้ใดหมั่นสวดพระคาถาบทนี้ จะระงับความทุกข์ที่เกิดขึ้นในกายและใจ ให้บังเกิดความสงบสุขรวม
ทง้ั ปราศจากโรคภัยไข้เจบ็ ภัยพิบัติต่างๆ ก็ไมเ่ ข้ามากลำ้ กลายและจะอายุยนื ยาว ถ้าผู้ใดสวดเจริญอยู่
เปน็ ประจำนอกจาก จะปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บแล้วยงั แคลว้ คลาดจากภัยต่างๆ เชน่ ราชภยั โจรภยั

บทสวดสรากริวิชชาสูตรกับ การเสริมสร้างความสัมพันธ์ ทางสังคมและจิตวิญญาณ
ของประเพณีสืบชะตา ที่มีต่อชุมชนในล้านนา ในพระคาถาสลาการวิชาสูตร พบว่า เมื่อผู้สืบชะตา
ได้ฟงั แล้วเกิดความซาบซ้งึ และ นำไปปฏบิ ัติอย่างจรงิ และเข้าถึงคำสอน ก็จะบังเกดิ ความสุขปิติอ่ิมใจ
คอื ทำให้จติ ใจท่วี นุ่ วายฟงุ้ ซ่าน มคี วามสงบเข้มแข็งมีพลัง ทีจ่ ะตอ่ สกู้ บั ชีวติ และโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่
ก็จะบรรเทาเบาบางลง เมื่อจิตนิ่งกายสงบแล้วสรรพสิ่งในกาย ที่รุ่มร้อนอยู่ก็จะพลันหายไปและ
หลุดพน้ จากอาการทงั้ ปวง ดว้ ยอานิสงคแ์ หง่ ธรรมและไดร้ ับการคุม้ ครอง จากสิ่งท่ีอยู่เหนือธรรมชาติ
ที่มองไม่เห็นอันเป็นความเชื่อ ที่ยึดถือมายาวนาน เช่น เทวดาอารักษ์ทั้งหลายสอดคล้องกับ
บทสวดมหาทิพย์มนต์ อณุ หสั สวไิ ชยและอนิ ทชะตา คอื การเสรมิ สร้างความเข้มแขง็ ทางใจเป็นสำคัญ
แล้วพัฒนาสู่กระบวนการ พฤติกรรมเกิดกุศลกรรมบถ คือ สุจริต ทางกาย ทางวาจาและทางใจ
รวมทั้งเป็นประโยชน์ ต่อสัตว์โลกทั้งหลายมีภิกษุภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา อินทร์พรหม ยมราชและ
เทวดาและการสอนให้คนรู้จักการให้ ทาน บุญกรยิ าวตั ถุ ๓ คือ การใหก้ ารเสียสละการบริจาคโดยไม่
คิด เอากลับคืนรวมไปถึงการให้อภัยด้วย เป็นการแบ่งปันสิ่งของแก่บุคคล ที่สมควรให้รักษาศีลการ
เจริญเมตตาภาวนาหมนั่ รักษาศีล เจรญิ เมตตาภาวนาไม่ประมาทในการใช้ชีวติ จนถึงทีส่ ดุ ของชีวิตไปสู่
สุคติและมรรค ผล นิพพาน

๑๑๖ พระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน,อิทธิพลของธัมมปทัฏฐกถาเรื่องอายุวัฒนกมุ ารต่อประเพณีสืบชะตาของ
ล้านนา,วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราช
วิทยาลยั , ๒๕๕๐.

๖๑

แนวทางการพฒั นาเพื่อสง่ เสริม การสบื ชะตาของสังคมไทยควรสง่ เสริมให้ เกดิ การมีสว่ นร่วม
ของคนในสงั คมให้ผู้คนหันมาสนใจ ในการสบื ชะตาเพิ่มมากข้นึ โดยการสร้างการมีสว่ นร่วมตลอดจน
การสร้างจิตสำนึกและการพัฒนารปู แบบในการส่งเสรมิ ดงั น้ี

๑. ส่งเสริมการมีส่วนร่วม เป็นวิธีการเยียวยาให้คนในสังคมสามารถเผชิญกับปัญหา ในการ
ดำเนินชวี ติ และแกป้ ัญหาร่วมกนั ดว้ ยความสามัคคกี ลมเกลยี วของคนในสังคม คือการช่วยเหลอื ซึ่งกัน
และกนั ในหม่บู ้านหรอื ผทู้ ีม่ าเข้ารว่ มกจิ กรรม คือ แต่ละฝา่ ยตอ้ งมกี ารช่วยกันเตรียมงาน เพราะแต่ละ
บุคคลเข้าร่วมพิธีด้วยความสมัครใจ ไม่ได้มุ่งหวังค่าตอบแทนในรูปเงินทอง แต่เป็นความเชื่อในส่ิง
ศักดิ์สทิ ธ์กิ ารชว่ ยงานของชมุ ชน จะทำให้พวกเขาอยเู่ ยน็ เปน็ สุข

๒. สร้างจติ สำนึกท่ีดีแก่สงั คมคอื ประเพณีสบื ชะตาสง่ เสริมให้คนทำความดี ซ่ึงประเพณีการ
สบื ชะตาน้นั แฝงคติธรรมทางพระพทุ ธศาสนาอยู่ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ทำใหผ้ ู้คนมจี ติ เมตตา มคี ุณธรรมและ
มีจิตสำนึกอันดีงาม ก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้านทั้ง ด้านศีลธรรม ด้านสุขภาพจิต ด้านสังคม
ดา้ นการเมอื งและมีแนวทางพฒั นา ก่อให้เกดิ การมสี ่วนร่วมสรา้ งจติ สำนกึ ท่ีดี

๓. รักษาวัฒนธรรมประเพณพี ิธสี บื ช ะตานนั้ เปน็ พธิ มี งคล คำว่า “สบื ” ความหมายคอื ต่อให้
ยาวข้นึ “ชะตา” หรอื ชาตาชวี ิตของแต่ละคน ดังนนั้ พิธีน้จี ึงเสมอื นเปน็ พธิ กี รรม ในการต่ออายุให้ยืน
ยาวขึ้นหรือที่เรียกเป็นภาษาภาคกลางว่า “พิธอี ายวุ ัฒนมงคล” ซ่งึ วิธีการสืบชะตาเปน็ พิธีกรรมท่ีมีมา
นานเปน็ การสร้างความสัมพนั ธ์ในวิถีชวี ิต เป็นการแสดงออกที่มแี บบแผนและ เป็นเอกลักษณ์ของคน
ในชมุ ชน๑๑๗

๒.๘ ทฤษฎเี กีย่ วกบั จติ วิทยาด้านสงั คม

จิตวิทยาสังคม ทำให้การปรับพฤติกรรมการรับรู้ ในการดำรงชีวิตของมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์
ในสังคมภายใต้สิ่งแวดล้อมทางสังคม ที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อค่านยิ ม อุดมคติ เจตคติและปทัสถาน
ของสังคม การเปลี่ยนทัศนคติการโน้มน้าวและชักชวน การร่วมมือแข่งขันระหว่างบุคคล ภาวะผู้นำ
และการตัดสินใจของกลุ่มอิทธิพล ของกลุ่มชนในสังคมที่มีต่อพฤติกรรม ของสมาชิกกลุ่มและ
พฤติกรรมของบุคคลที่แสดงต่อกันในสังคมโดยพฤติกรรม ของบุคคลหนึ่งสามารถส่งผลต่อความคิด
ความรู้สึก รวมถึงพฤติกรรมของอกี บุคคลหนึ่งได้ เมื่อบุคคลนั้นๆ เกิดการปฏิสัมพันธ์กันทั้งโดยตรง
และโดยออ้ ม น่ันคอื พฤตกิ รรมทางสงั คมเป็นการศกึ ษาถึงอิทธพิ ล ของบุคคลและสงั คมท่มี ผี ลกระทบ
ต่อพฤติกรรมระหว่างบุคคล ในสังคมเดียวกันพฤติกรรมทางสังคม จึงมีความสำคัญที่ครอบคลุม
พฤติกรรม ทุกด้านที่มนุษย์แสดงออกต่อสังคมการรับรู้ทางสังคม ที่มีต่อพฤติกรรมทางสังคม
การปฏสิ มั พันธ์ของบุคคลน้ัน อาจจะมีการรับรถู้ ึงพฤติกรรมและความรู้สึกนึกคิด ของบุคคลหรือกลุ่ม

๑๑๗ อนุชา ม่วงใหญ่, “แนวทางการส่งเสริมวัฒนธรรมการสืบชะตาเพื่อการพัฒนาสุขภาวะชุมชนอย่าง
ยัง่ ยืน”, การสง่ เสริม, การสืบชะตา, การมีส่วนรวม,ปีที่ ๑ ฉบบั ที่ ๑ (มกราคม – มิถนุ ายน ๒๕๖๐) : หน้า ๖-๗.

๖๒

คนในสถานการณ์ต่างๆ เสมอการรับรู้ดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัย การตีความหมายและผลจาก
การตคี วามนก้ี ็จะมีอิทธิพลต่อการ แสดงพฤตกิ รรมตอบสนองบคุ คลแตล่ ะคนในสังคมด้วย๑๑๘

มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกัน กับบุคคลอื่นในสังคมไม่มีการแยกตัว ออกไปอยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง
ประสบการณ์ต่างๆ ที่บุคคลได้รับเป็นประสบการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับการมีปฏิสัมพันธ์หรือ
มคี วามสัมพันธ์กบั บุคคลอน่ื ในสังคม ความสมั พันธข์ องคนในสังคมจะเกดิ ขึน้ ต่อเม่ือ บคุ คล ๒ คน หรอื
มากกว่าติดต่อสื่อสารกันและมีความสัมพันธ์ต่อกัน เช่น พูดคุย วางแผนงานร่วมกัน ร่วมงานกัน
ต่อต้านหรือแข่งขันกนั หรือแม้แต่ ขณะอยู่คนเดียวยังนำเอาความคิดและการปฏิบตั ิ ของสังคมมาใช้
เชน่ การรบั ประทานอาหาร การแตง่ กาย สังคมรอบตวั จะมีอทิ ธพิ ล ต่อพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งในดา้ น
ความรู้สึกนึกคิด การรับรูแ้ ละการแสดงออกต่างๆ (พวงเพชร สุรัตนกวีกุล, ๒๕๔๕ : ๒๓) พฤติกรรม
ทางสงั คมทเี่ กดิ ข้ึนระหว่างบคุ คล ในสังคมคือการศกึ ษาเกย่ี วกับอิทธิพลของบุคคลอื่น ที่มีต่อความคิด
ความรู้สึกและพฤติกรรมของบุคคล หรือที่เราเรียกว่าปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น พฤติกรรม
ของอาจารย์มีอทิ ธิพลต่อพฤตกิ รรม ของนักเรียนถ้าอาจารย์มองนสิ ิต นิสิตจะตั้งใจและสนใจมากขึ้น
ในขณะเดียวกันพฤติกรรม ของอาจารย์ด้วยถ้านิสิตทำท่าเบื่อหน่ายไม่สนใจอาจารย์ อาจารย์ก็เกิด
ความรู้สึกท้อถอยที่จะสอนต่อไป ถ้าศึกษาทางด้านปฏิสัมพันธ์ทางสังคมคือ การศึกษาทางด้าน
จติ วิทยาสังคมมคี วามแตกต่าง จากจิตวทิ ยาสาขาอื่นๆ๑๑๙

นักจิตวิทยาสังคม สนใจศึกษาปฏิกิริยาการตอบสนอง ของบุคคลทั่วไปที่มีต่อสถานการณ์
ที่กำหนดขณะที่จิตวิทยาสาขาอื่น เช่น จิตวิทยาบุคลิกภาพหรือจิตวิทยาพัฒนาการ สนใจการ
ตอบสนองของปัจเจกบุคคลหรือประเภทของปัจเจกบุคคล ที่มีต่อสถานการณ์ต่างๆ กันอาจ
ยกตวั อยา่ งได้ดังนี้ นกั จติ วิทยาสังคมจะศึกษาว่า คนท้งั หลายมีการตอบสนองอย่างไร เมื่อเกิดไฟไหม้
แตจ่ ติ วิทยาบคุ ลิกภาพ จะศึกษาวา่ คนทชี่ อบเกบ็ ตวั จะมพี ฤติกรรมอยา่ งไรเม่อื อยูค่ นเดยี ว และเมอ่ื อยู่
ต่อหน้าผู้อื่น จิตวิทยาสังคมเน้นโลก ตามการรับรู้ซึ้งมีผลต่อการตอบสนอง ของบุคคลถ้าเรารับรู้ว่า
บุคคลอ่ืนๆ เป็นคนโกง ดรุ ้าย ไมม่ ีความคดิ หรอื เปน็ มิตร สง่ิ นี้จะมผี ลต่อการตอบสนองหรอื พฤตกิ รรม

ของเราที่มีต่อบุคคลนั้นๆ ด้วยโลกตามการรับรู้ของบุคคล มักลำเอียงและบิดเบือน ไปตาม
ความต้องการและความปรารถนาของผู้รับรู้ เช่น ถ้าเราดูการแข่งฟุตบอล ระหว่างทีมไทยกับเกาหลี
โดยเราเชยี ร์ทมี ไทยเรามกั รสู้ ึกวา่ กรรมการลงโทษทีมไทย ดว้ ยความลำเอยี งแต่ลงโทษทีมเกาหลี ด้วย
ความยตุ ิธรรมหรอื น่าจะลงโทษมากกว่านี้ด้วยซ้ำไปและมักจะเห็นว่า ผ้ทู มี เกาหลีเล่นแรงกว่าผู้เล่นทีม

๑๑๘ พระใบฎีกากิตติพงษ์ สีลสุทฺโธ, “จิตวิทยาสังคมกับการปรับพฤติกรรมการรับรู้ของบุคคลในการ
ดำรงชวี ิต”, มนษุ ยศาสตรป์ รทิ รรศน์, ปีที่ ๑ ฉบับท่ี ๒ (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘),หนา้ ๑๑.

๑๑๘ เรอื่ งเดียวกัน, หน้า ๑๒.

๖๓

ไทย จิตวิทยาสังคมมุง่ ศึกษา บุคคลอิทธิพลของบุคคล ที่มีการแสดงพฤติกรรมต่อกันและกนั รวม ท้ัง
การรับรูแ้ ละการตอบสนองของบคุ คลทั่ว ๆ ไปที่มีต่อสถานการณ์หน่ึงๆ ได้แก่อทิ ธพิ ลของสังคมและ
การปฏิสมั พันธ์ ต่อพฤติกรรม และทศั นคตขิ องบุคคลอ่นื ในลกั ษณะทางเดียว ส่วนการปฏิสมั พันธท์ าง
สงั คมเป็นพฤตกิ รรมของบคุ คล มที ศั นคติซง่ึ กนั และกนั ในลกั ษณะ ทม่ี กี ารโต้ตอบและมปี ฏกิ ิรยิ าตอ่ กัน
และกันอทิ ธพิ ลทางสังคม ที่มีตอ่ พฤตกิ รรมของมนุษย์๑๒๐

๒.๙ งานวิจยั ที่เกย่ี วข้อง

จากการศึกษางานวิจัยเรื่องสืบชะตา : คติธรรม ความเชื่อและอิทธิพลต่อสังคมล้านนา
จังหวัดเชียงรายมีเอกสารและงานวิจัยทเ่ี กี่ยวขอ้ งดังตอ่ ไปน้ี

๒.๘.๑ พระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน (กิจประภานนท์) ได้กล่าวไว้ในบทคัดย่อวิทยานิพนธ์
เรอ่ื งอทิ ธพิ ลของธมั มปทัฏฐกถา เร่ืองอายวุ ัฒนกุมารต่อประเพณีสืบชะตาของล้านนาว่า พธิ กี รรมการ
สบื ชะตายงั ไร้สาระสำคัญในด้านจิตวิทยา คือ ใหเ้ กดิ ความสบายใจ เกิดกำลังใจ มคี วามรูส้ ึกอบอนุ่ และ
ปลอดภัยจากความกลัวต่างๆ มีความเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตต่อไปได้ ด้านสังคมวิทยา คือ
เป็นวิธีการเยียวยาใหค้ นในสังคม สามารถเผชิญกับปัญหา ในการดำเนินชีวิตและแกป้ ัญหาร่วมด้วย
ความสามัคคีกลมเกลียว ของคนในสังคมด้านมานุษยวิทยา คือการหล่อหลอมคติความเชื่อ ค่านิยม
การแสดงออกจนกลาย เป็นพลังของสังคมและด้านประเพณีพิธีกรรม เป็นการสร้างความสัมพันธ์
ในวิถชี ีวิตเป็นการแสดงออก ทม่ี แี บบแผนและเป็นเอกลักษณข์ องชาวลา้ นนา๑๒๑

๒.๘.๒ พระมหาชลทิช จันทร์หอม ได้กล่าว ไว้ในหนังสืองานวิจัยเรื่องการศึกษาวิเคราะห์
พิธีสวดมนต์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท เปรียบเทียบความเชื่อ ของนักศึกษาปริญญาโ ท
มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าการสวดมนต์ในพระพุทธศาสนาเถรวาทในเบื้องต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษา
คำส่งั สอนของพระพทุ ธเจ้าและเผยแผ่ไป เพอ่ื ประโยชนแ์ ก่ชนท้งั หลาย หลงั พุทธปรนิ พิ พานพระเถระ
ทัง้ หลายในประเทศศรีลังกา ได้รวบรวมพระสูตรในพระไตรปฎิ ก นำมาสวดเพื่อแสดงลำดับการศึกษา
ตามไตรสิกขา ดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในคณกโมคัลลานสูตร มีชื่อว่า อนุปุพพปฎิปทามีการ
รักษาศีลเป็นลำดับต้นและพิธีการ ขจัดอกุศลจนบรรลุเป้าหมาย ของศาสนาเป็นลำดับสุดท้าย
โดยรวบรวมไว้ในคัมภีร์ชื่อว่าจตุภาณวาร ต่อมากลายเป็นพิธีกรรมที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อการป้องกัน

๑๒๐ อ้างแล้ว, หนา้ ๑๓.
๑๒๑ พระมหาดวงรัตน์ ตรตโน (กิจประภานนท์), “อิทธิพลของธัมมปทัฏฐกถาเรื่องอายุวัฒนกุมารต่อ
ประเพณีสบื ชะตาของลา้ นนา”, วิทยานิพนธพ์ ทุ ธศาสตรมหาบัณฑติ , (บัณฑติ วทิ ยาลยั : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลง
กรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๕๐).

๖๔

รักษาบุคคลให้พ้นจากภัยอันตราย ให้ประสบความสำเร็จความดีงาม ในชีวิตตามที่พระพทุ ธเจ้าทรง
อนุญาตไว้ โดยคัมภรี ์อรรถกถาได้อธบิ ายไว้ว่า อานภุ าพของมนตเ์ กดิ จากตัวผู้ฟังและผสู้ วดท่ีต้งั อยู่
ในความเมตตามีความชื่อสัตย์ มีความศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เป็นเบื้องต้นแล้วยึดถือปฏิบัติ
ดว้ ยความเพยี รอยา่ งมสี ติ๑๒๒

๒.๘.๓ พระมหาอรุณ อรุณธมฺโม ได้เสนอผลการศึกษาวิจัยอิทธิพลของอรรถกถาธรรมบท
ต่อประเพณีและพิธีกรรมของชาวอีสาน เรื่องอายุวัฒนกุมาร มีคติธรรมคือสิ่งทีท่ ำให้อายุยนื คือการ
อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่และผู้มีพระคุณ เรื่องบุรพกรรมของโพธิราชกุมาร มีคติธรรมคือความ
ไม่ประมาทมีอิทธิพลต่อ พิธีสะเดาะเคราะห์มีสารธรรม คือถ้าทำพิธีด้วยความศรัทธาและมีปัญญา
กำกับยอ่ มเป็นการสะเดาะกิเลสด้วย การเจรญิ พุทธมนตเ์ องหรอื การฟังสวดถือ เปน็ อนสุ ตทิ ำใหใ้ จสงบ
การศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรมในบทสวด เป็นการสเดาะเคราะห์โดยไม่ต้องเข้าพิธี๑๒๓
เรื่องบุรพกรรมของพระพุทธเจ้า มีคติธรรมคืออานุภาพของพระปริตร การสละความสุขเล็กน้อย
เพื่อเห็นและความสุขยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลต่อประเพณีซำฮะ มีสารธรรมคือการชำระระดับสูงสุดคือ
การชำระจิตใจให้ผ่องแผ้ว จากอาสวะกิเลสการศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรม ในรัตนสูตร
การร่วมมือกันของผู้นำชุมชน ชาวบ้าน พระสงฆ์ ในการชำระสิ่งที่ไม่ดีที่เกิดแล้วหรือเกิดในชุมชน
เป็นความสามัคคที ี่ก่อให้เกิดความสขุ แกช่ มุ ชนได้

๒.๘.๔ พระคำผาย ปสนฺโน (วงศ์ละคร) ได้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้อายุสั้นและอายุยาว
๕ ไว้ในวิทยานิพนธ์ว่า พระพุทธศาสนาสอนหลักความจริงว่า สิ่งทั้งหลายท้ังปวงไม่ว่าจะเป็นคนสตั ว์
หรือสิ่งของเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ย่อมเป็นไปตามกฎธรรมชาติ
ตามเหตุปจั จยั หรือเรียกว่า นยิ าม ๕ ประการคือ๑๒๔

๑๒๒ พระมหาชลทิช จันทร์หอม,การศึกษาวิเคราะห์พิธีสวดมนต์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท :ศึกษา
เปรียบเทียบความเชื่อของนักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหิดล,วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรบัณฑิต, (บัณฑิต
วิทยาลยั : มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย,๒๕๔๗),

๑๒๓ พระมหาอรุณ อรุณธมฺโม,“อิทธิพลของอรรถกถาธรรมบทต่อประเพณแี ละพิธีกรรมของชาวอีสาน”,
วทิ ยานิพนธ์พทุ ธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลกรณราช
วิทยาลัย, กรุงเทพ, ๒๕๔๔.

๑๒๔ พระคำผาย ปสนฺโน (วงศ์ละคร), “ศึกษาจริยธรรมของหมอพ้ืนบ้านในการรักษาโรคด้วยสมุนไพรใน
ทัศนะของหมอพื้นบ้านเขตเทศบาลนครอุดรธานี”, วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย :
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๕๐).

๖๕

๑) อุตุนิยาม คือ กฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับ ปรากฏการณ์ด้านวัตถุที่เป็นไปตาม
สภาพแวดล้อม เชน่ เรอื่ งของลมฟา้ อากาศ ฤดูกาล สิง่ เหล่านีเ้ กิดการผันแปรเน่อื งด้วยความร้อนหรือ
อณุ หภมู ิเป็นเหตใุ หส้ รรพสตั ว์ท้งั หลาย เกดิ การแปรเปลยี่ นไดใ้ นทสี่ ุด

๒) พีชนิยาม คอื กฎธรรมชาติเกย่ี วกับการสบื พนั ธ์ หรือเรียกอีกอยา่ งหนึง่ ว่า พันธุกรรม
เช่น ชนเผ่านี้มีอายุสั้น ซึ่งอีกเผ่าหนึ่งโดยเฉลี่ยแล้วมีอายุยืนยาว จะให้ชนสองเผ่าอายุเท่ากันน้ัน
เป็นไปไม่ไดเ้ พราะมคี วามแตกตา่ งกัน ด้วยกฎของธรรมชาตเิ ป็นต้น

๓) จติ ตนยิ าม คอื กฎธรรมชาติเกีย่ วกับการทำงานของจิต เชน่ เมื่อมสี ิ่งต่างๆ มากระทบ
ประสาทจะมีความรู้สึกเกิดขึ้น ถ้าเป็นเรื่องดีจติ ใจก็ดีแต่ตรงกันข้าม ถ้าเป็นเรื่องไม่ดจี ะส่งผลทำให้จิตใจ
หดหู่ เครียดทำให้เกิดโรคส่งผลกระทบไปยังอวยั วะส่วนอ่ืนๆ ในทสี่ ุดก็เกดิ การขาดความสมดุลทางรา่ งกาย
ทำให้อายุสัน้ ได้

๔) กรรมนิยาม คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ ในการดำรงชีวิตประจำวัน
คือการกระทำกรรมชวั่ มาตัดลอนชวี ิตให้ส้ัน

๕) ธรรมนิยาม คือ กฎธรรมชาติเก่ยี วกับความสัมพนั ธแ์ ละอาการ ท่เี ป็นเหตุปัจจัยส่งผล
แก่กันและกันความเป็นไปตามธรรมชาติ เช่น สิ่งทั้งหลายมีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา
คนย่อมมคี วามเกิดแกเ่ จบ็ ตายเปน็ ธรรมดา

ธรรมทั้ง ๕ ประการนี้ เป็นเหตุให้อายุยืน คือ รู้จักทำความสบายแก่ตนเอง และรู้จัก
ประมาณในความสบายในอริยบถทั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน แต่พอดี รับประทานแต่สิ่งที่เป็น
ประโยชนต์ ่อร่างกาย รกั ษาศีล และมีกัลยาณมติ รท่ดี ี

๒.๘.๕ พระมหาสุนันท์ จนฺทโสภโณ (ดิษฐ์สุนนท์) ได้สรุปเรื่องไตรลักษณ์ในงานวิจัย
“การศึกษาคำสอนเรื่องไตรลกั ษณ์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท” ทำใหท้ ราบว่า สง่ิ ท้งั ปวงทง้ั ที่เป็นรูปธรรม
และนามธรรมน้ัน ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ คือ อนจิ จัง ทุกขัง อนตั ตา เพราะมกี ารเกิดขึ้น
(อุปาทะ) ฐิติ (ตั้งอยู่) ภังคะ (ดับไป) แต่สาเหตุที่ทำให้บุคคลยังไม่เข้าใจ ในเรื่องของไตรลักษณอ์ ย่าง
แทจ้ รงิ เพราะมีอวชิ ชาและสิง่ ท่ีมาปิดบงั ไตรลักษณ์เอาไว้จนทำให้ยังไม่เห็น หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
ในเรื่องไตรลกั ษณ์ท้งั ๓ อย่างตอ่ ไปนี้ คอื ๑) สันตติ ปิดบงั อนจิ จลกั ษณะ ๒) อิรยิ าบถ ปิดบังทุกขลักษณะ
๓) ฆนสัญญา ปดิ บงั อนตั ตลกั ษณะ ที่เปน็ ความจริงของสังขารคอื ขนั ธ์ ๕ ซึ่งได้แก่ รูป เวทนาสัญญา
สังขาร วิญญาณ เมื่อบุคคลได้ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานวิปัสสนาหรือปัญญา ก็จะเจริญขึ้นและเม่อื
ปัญญาเกิดขึ้นอวิชชาก็จะดับไปจากนั้น เราก็สามารถมองเห็นธรรมชาติที่แท้จริง ของสิ่งทั้งหลาย
ด้วยเหตุนี้ การรู้แจ้งในไตรลักษณ์จึงนำไปสู่ความหลุดพ้น (วิมุตฺติ) ความบริสุทธิ์ (สุทฺธิ) ปัญญา
(ปญฺญา) สันติ (สนฺติ) และความดับทุกข์ (นิพฺพาน) ซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนานี้ เป็น

๖๖

เหตุผลสำคัญที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสเรียกคำสอนเรื่องไตรลักษณ์ว่า “พหุลานุสานี” คือ
คำสงั่ สอนท่พี ระพุทธองค์ทรงสงั่ สอนมากที่สดุ ๑๒๕

๒.๘.๖ พระครูไพศาลปริยัติกิจ (พระมหาจิตรกร ตาทลา นาถปุญฺโ )๑๒๖ กลาวไวใน
งานวิจัยเรื่อง ศึกษาการเจริญอายุในพระพุทธศาสนา ผลการศึกษาวิจัยพบว่าพระพุทธศาสนา
มีอิทธิพลและมีบทบาทต่อชีวิตของมนษุ ย์ ตั้งแต่เกิดจนถึงเวลาตายชีวิตในทัศนะ ของพระพุทธศาสนา
เป็นองค์ประชุมของขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ช่วงเวลาที่ดำรงอยู่ของชีวิต
เรียกว่าอายุขัยหากหมดสิ้นอายุขัยหมายถึง การสิ้นสุดของการดำเนินชีวิต ซึ่งสาเหตุการสิ้นอายุขยั
ในทางพระพุทธศาสนา คือ สิ้นอายุขัยเนื่องมาจากผลบุญกรรมกำหนด สิ้นอายุขัยเนื่องจากทำกรรม
แล้วกรรมมาตัดรอนและสิ้นอายุขัยเนื่องจากอุบัติเหตุ ช่วงเวลาของอายุมนุษย์ ต้องประสบกับภัย
ของชีวิตคือสุขภาพและโรคต่างๆ พุทธศาสนาจำแนกโรคออก เป็นโรคทางกายและโรคทางใจ
ภัยของชีวิตนี้ส่งผลให้มนุษย์เกิดความกลัว ในภัยจึงเสาะแสวงหาสิ่งเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจสถาบัน
พุทธศาสนาจึงทำหน้าที่ตอบสนองตอ่ ความต้องการของสังคมแที่เกิดจากความกลัวของมนุษย์ในมติ
ตา่ งๆ

แนวทางการเจริญอายุในพระพุทธศาสนา เป็นการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ ของพระพุทธเจ้า
เพราะพระพุทธองค์ทรง เป็นผู้มีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ด้วยการบำเพ็ญพุทธกิจ ซึ่งรูปแบบการ
ดำเนินชีวิตจากการใช้พุทธจริยาวัตรของพระพุทธองค์ สามารถป้องกันโรคต่างๆ ที่มาเบียดเบียน
สุขภาพทางกายได้ในอดีตกาลพระพุทธองค์ทรงใช้ พุทธวิธีบำบัดรักษาโรคต่างๆ ด้วยเภสัช ๕ ชนิด
ส่วนการรักษาโรคทางใจคือตัดกิเลส พร้อมทั้งอนุสัยอันได้แก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลงและ
ความมัวเมาพุทธองค์ ทรงแสดงธรรมะโอสถในการรักษา โดยพิจารณาเลือกธรรมะโอสถ ที่ตรงตาม
ภาวะของโรคเมื่อฟังแล้วพิจารณาตาม ทำให้จิตใจสงบระงับผ่อนคลาย เป็นสมาธิส่งผลไปถึงกายให้
หายจากโรคทางกายและโรคทางใจ ได้ธรรมะโอสถท่ีพระพุทธองคไ์ ดท้ รงใช้ คือหลกั ธรรมทีส่ ามารถนำ
มนษุ ยเ์ ขา้ ถงึ ความดีงามและการคงความดงี าม ใหด้ ำรงอยู่ในสงั คมหลักธรรม ในพระพทุ ธศาสนาที่สำคัญ
ต่อการเจริญอายุประกอบด้วย การเจริญอานาปานสติ อิทธิบาท ๔ พรหมวิหาร ศีล ๕ อายุสฺสธรรม ๕
หรืออายุวัฒนธรรม ๕ และโพชฌงค์ ๗ หากบุคคลใดยึดถือการปฏิบัติ ตามหลักธรรมเหล่านี้ย่อมได้รับ
อานิสงค์คือการเจริญอายุทำให้จิตใจ มีความสุขนำพาให้มีอายุท่ียืนยาว อีกทั้งมีส่วนช่วยทำให้สังคม
มีแตค่ วามสงบสุข

๑๒๕ พระมหาสนุ ันท์ จนฺทโสภโณ (ดษิ ฐ์สุนนท์), “การศึกษาคำสอนเร่อื งไตรลักษณ์ในพระพุทธศาสนาเถรวาท”,
วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑติ , (บัณฑิตวทิ ยาลัย : มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๔๙).

๑๒๖ พระครูไพศาลปริยัติกิจ (พระมหาจิตรกร ตาทลา นาถปุญฺโ ),“ศึกษาการเจริญอายุใน
พระพุทธศาสนา”, วทิ ยานพิ นธพ์ ทุ ธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา บณั ฑิตวิทยาลยั , ๒๕๕๘.

๖๗

๒.๘.๗ นิตยา จันโทภาสกร๑๒๗ กลาวไวในงานวิจัยเรื่อง สืบชะตา : การศึกษาเชิงวิจารณ
ไววาคัมภีรสืบชะตาเปนวรรณกรรม ที่สะทอนเรื่องที่เปนความรูที่มีคุณคา ของยุคสมัยราวปลาย
พุทธศตวรรษที่ ๒๔ ถึงตนพุทธศตวรรษที่ ๒๕ และจากการศึกษาทําใหทราบวาการสืบชะตา
เมืองเชียงใหมมีมาตั้งแต สมัยพระเจาสามฝงแกน ซึ่งเปนพระราชบิดาของพระเจาติโลกราช
จึงอาจสันนิษฐานไดวาพิธีน้ี นาจะมีมาตั้งแตรัชกาลกอนหนานั้น ก็ไดและยังสะทอนใหเห็นคุณคา
ในดานคานิยมคติธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งจําแนกออกไดเปนการ ใหทานการสอน
ใหตั้งม่นั อยูในศลี ธรรม สภุ าษิตคําพังเพยสาํ นวนตาง ๆ อันแสดงคุณธรรมและคติธรรมและประเพณี

๒.๘.๘ พระครูปทุมสังฆการ (สุพรรณ ฐิตปญฺโญ บุญยอม)๑๒๘ กลาวไวในงานวิจัยเรื่อง
ศึกษาวิเคราะห์แนวคิด เรื่องการต่ออายุในทางพระพุทธศาสนา ที่มีอิทธิพลต่อพิธีกรรมการสะเดาะ
เคราะห์ต่ออายุในจังหวัดสุรินทร์ พบว่า พระพุทธศาสนามีแนวคิดว่ามนุษย์นั้นมีกรรมเป็นของตน
และการเกิดหรือการตายของมนุษย์ ย่อมมีสาเหตุอยู่ ๔ ประการ คือ (๑) อายุกขยมรณะ ตายเพราะ
ส้นิ อายุ (๒) กมั มักขยมรณะ ตายเพราะส้ินกรรม (๓) อุภยักขยมรณะ ตายเพราะสนิ้ อายแุ ละส้ินกรรม
ทั้งสอง (๔) อุปัจเฉทกมรณะ ตายเพราะอุบตั ิเหตุแต่ถึงอย่างนั้น ในบางกรณีมนุษย์ก็สามารถที่จะต่อ
ชีวิตหรือต่ออายุไปได้ด้วยการกระทำท่ีเรยี กว่าการตอ่ อายดุ ว้ ยเหตดุ ังตอ่ ไปนี้คือ (๑) การต่ออายุด้วย
การให้ทาน (๒) การต่ออายุดว้ ยกำลังแห่งฤทธิ์ (๓) การต่ออายุเพราะการรู้จักหลักในการดำเนินชีวิต
(๔) การต่ออายุด้วยอำนาจกรรม (๕) การต่ออายุด้วยการสาธยายมนต์ (พระปริตร) (๖) การต่ออายุ
ด้วยการปฏบิ ัติธรรมตามหลักอิทธิบาท ๔ (๗) การต่ออายุด้วยความไม่ประมาท (๘) การต่ออายดุ ้วย
การตั้งสัจจะอธิษฐาน (๙) การต่ออายุด้วยการแผ่เมตตา (๑๐) การต่ออายุด้วยการรู้จักประมาณ
ในการบรโิ ภค

ผลการวิเคราะห์แนวคิด เรื่องการสะเดาะเคราะห์ต่ออายุในคัมภีร์พระพุทธศาสนา
ที่มีอิทธิพลต่อพิธีกรรม การสะเดาะเคราะห์ต่ออายุในจังหวัดสุรินทร์ พบว่าการสะเดาะเคราะห์
ต่ออายุมีพัฒนาการมาจากความเชื่อดั้งเดิม คือความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาก็
พัฒนามาเปน็ ความเชอ่ื ทีเ่ กิดจากอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และในระยะตอ่ มาก็พัฒนามาจาก
ความเชื่อของพระพุทธศาสนา กล่าวเฉพาะในปัจจุบนั นนั้ พบว่าชาวบ้านเห็นวา่ พระเปน็ ผมู้ ีความรู้และ
มีศีลกว่าจะนิยมท่ีจะเข้าหาพระภกิ ษุเพือ่ ประกอบพิธกี รรมากกว่าการเข้าหาฆราวาส และในปัจจุบนั
ชาวบา้ นนิยมเข้ารว่ มพธิ กี รรมสะเดาะเคราะห์ ต่ออายุกับพระภกิ ษุมากกวา่ นอกจากน้ัน ในการ

๑๒๗ นิตยา จันโทภาสกร,“สืบชะตา : การศึกษาเชิงวิจารณ”, วิทยานิพนธศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, ๒๕๒๖.

๑๒๘พระครูปทุมสังฆการ (สุพรรณ ฐิตปญฺโญ บุญยอม),“ศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องการต่ออายุในทาง
พระพุทธศาสนาที่มีอทิ ธิพลต่อพธิ ีกรรมการสะเดาะเคราะห์ต่ออายุในจังหวัดสุรินทร์ ”, วิทยานิพนธ์พุทธศาสตร
มหาบัณฑติ สาขาวชิ าพระพทุ ธศาสนา บัณฑิตวิทยาลยั , ๒๕๕๔.

๖๘

ประกอบพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ ต่ออายุในจังหวัดสุรินทร์นั้น จะปรากฏหลักธรรม
ทางพระพุทธศาสนาหลายประการ เชน่ กรรม กตัญญกู ตเวทคี วามไมป่ ระมาท ซ่ึงจากการศกึ ษาพบว่า
การประกอบพธิ ีกรรม การสะเดาะเคราะห์ต่ออายุในจังหวัดสุรนิ ทร์นั้น มีคุณค่าหลายประการได้แก่
คุณค่าต่อตนเอง คือผู้เข้าร่วมพิธีกรรมนั้นเมื่อผ่านพิธีกรรมนี้แล้ว ย่อมได้รับความสุขและความ
สบายใจจากการได้ให้ ทาน รักษาศีลและเจรญิ ภาวนาคุณค่าต่อสังคม คือการทำให้เกดิ ความสามคั คี
ในชุมชน เป็นตน้

๒.๘.๙ พระเดชา สีลเตโช (ศรีภูงา )๑๒๙ ได้ศึกษางานวิจัยเรื่อง ความเชื่อของชาวบ้าน
โคกมอนที่มีต่อคณะสงฆ์วัดโคกมอน ในพิธีสวดพระปริตรเพื่อต่ออายุ พบว่าการสวดพระปริตรเพื่อ
ต่ออายุเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ของชาวบ้านโคกมอนนับถือสืบทอดกันมานาน บนพื้นฐานแห่ง
ความเชื่อในอำนาจอันลึกลับและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ออกจากร่างกายคือ
ช่วยป้องกันมิให้เหตุร้ายเกิดขึ้นและ แก้ไขเคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นให้หายไป สำคัญสามารถดลบันดาล
ให้คนประสบความสุขและมีความเจริญในชีวิตได้ การประกอบพิธีกรรม สวดพระปริตรเพื่อต่ออายุ
ของคณะสงฆ์วัดบ้านโคกมอน ประกอบด้วยการตั้งโต๊ะหมู่บูชา โดยหันพระพักตร์ของพระพุทธรูป
ไปแนวเดียวกับพระสงฆ์ การถวายน้ำร้อนน้ำเย็น การจัดอาสนะพระสงฆ์พระภิกษุ ผู้สวดงดอาหาร
ที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ ฆราวาสผู้เขา้ ร่วมพิธีรักษาศลี ๕ บทสวดประกอบด้วย เมตตาสูตร รัตนสูตร
และธชคั สูตร เป็นตน้ ผลของชาวบ้านโคกมอน ทไ่ี ด้จากคณะสงฆ์วัดบา้ นโคกมอน ในพธิ สี วดพระปริตร
เพื่อต่ออายุนอกจากจะเป็น พิธีสร้างขวัญกำลังใจการมีชีวิตรอดปลอดภัย ดำเนินชีวิตอยู่อย่าง
ปรกติสุขและทำให้คนได้สำนึก อยู่ในความไม่ประมาทแล้วการสวดพระปรติ ร เพื่อต่ออายุยังถือได้ว่า
มีผลหรือประโยชน์ ในทางการรักษาสภาวะด้านจิตใจและโรคทางกายเรื้อรัง ที่ต้องใช้เวลาใน
การรกั ษาทีย่ าวนาน โรคที่ตอ้ งอาศยั การฟืน้ ฟทู ำใหจ้ ิตใจเขม้ แขง็ มีกำลงั ใจพร้อมท่จี ะต่อสกู้ บั อุปสรรค
ตา่ งๆ เพอื่ การมีชีวติ รอดจนสามารถฟืน้ ฟู สภาพร่างกายของตนเองสู่สภาพปรกตไิ ด้การสวดพระปริตร
ตามที่นิยมกัน ในสังคมพระสงฆ์ครั้งพุทธกาลปัจจุบัน จะมีการสวดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะ
ของท้องถ่ินสามารถแยกการสวดออกเปน็ ๒ ตำนาน คือ ๑ เจด็ ตานาน คอื การสวดเฉพาะสูตรสำคัญ
เจด็ สูตร ซง่ึ แบ่งออกไดอ้ ีกเปน็ ๒ แบบ คอื

(๑) แบบยอ่ ประกอบดว้ ย
๑. มงคลสตู ร ว่าด้วยเหตทุ ่จี ะทำให้เกิดสริ ิมงคล
๒. รัตนะสูตรวา่ ด้วยรัตนะทงั้ ๓ คอื พระพทุ ธ พระธรรมและพระสงฆ์ สวดเพอื่ ปัด

เป่าอุปัทวันตรายให้หมดไป

๑๒๙ พระเดชา สีลเตโช (ศรีภูงา ) ไดศ้ กึ ษางานวจิ ัยเร่ือง ความเช่ือของชาวบ้านโคกมอนที่มีต่อคณะสงฆ์
วัดโคกมอน ในพิธีสวดพระปริตรเพื่อต่ออายุ”, วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา
บณั ฑติ วทิ ยาลยั , ๒๕๕๔.

๖๙

๓. กรณียเมตตะสูตร วา่ ดว้ ยการเจริญเมตตาไปไหนมาไหน ให้คนเทวดารักใคร
เมตตา

๔. ขันธะปรติ ร ว่าด้วยพระพทุ ธมนตส์ ำหรับป้องกันสตั ว์รา้ ยพวกอสรพิษ
๕. ธชคั คะสูตร ว่าด้วยการเคารพธงคอื คุณพระรตั นตรัยเพ่อื ขจัดความสะดุ้งกลัว
๖. อาฏานาฏิยะปริตร วา่ ด้วยพระพุทธมนต์ ทส่ี ามารถปอ้ งกันอปุ ทั วันตรายทง้ั ปวง
๗. องั คลุ มิ าละปริตรวา่ ด้วยมนต์ขององคุลมิ าล ใช้ในงานมงคลหรอื ทำใหค้ ลอด
ลูกง่าย
(๒) แบบพิสดาร ประกอบดว้ ย
๑. มงคลสตู รเกดิ จากชาวชมพทู วีป ต่างถกเถยี งและตกลงกนั ไม่ไดว้ ่ามงคล คอื อะไรจงึ พา
กันไปทูลถามพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้ให้คำตอบว่าสิ่งอัน เป็นมงคลในชีวิตมี ๓๘ ประการ
เชน่ ไมค่ บคนพาล คบบณั ฑิต วาจาเป็นสุภาษติ ซง่ึ ธรรมอนั เป็นมงคลน้ี พระพุทธเจา้ ตรสั ว่าไม่วา่ มนุษย์
หรอื เทวดาเมื่อปฏบิ ัติตามแล้ว กล็ ้วนเปน็ สริ มิ งคลแก่ตัวทง้ั สน้ิ ๑๓๐
๒. รัตนะปรติ ร เล่ากันว่าครั้งหนึง่ เมืองไพสาลี เกิดทุพภิกขภยั ฝนแล้งขา้ วยากหมากแพง
คนล้มตายเป็นอันมาก เพราะความอดอยากพระเจ้าแผ่นดินและประชาชน จึงพากันไปอาราธนา
พระพุทธเจ้าเมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึง ก็มีฝนตกมาห่าใหญ่ครั้งนั้น พระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้
พระอานนท์เรยี นรตนสูตร อนั มีเน้ือความสรรเสริญแก้ววเิ ศษ ๓ ประการ ท่ีไมม่ แี ก้วอน่ื ใดเสมอเหมือน
คือ พุทธรัตนะ ธัมมรัตนะและสังฆรัตนะ และทำให้ผู้สวด ผู้ฟัง ผู้บูชาและผู้ระลึกถึงประสบแต่ความ
สวัสดี เมื่อพระอานนท์เรียนและสาธยาย พร้อมทั้งได้นำบาตรนำ้ มนต์ จากพระพุทธเจ้าไปประพรม
รอบกำแพงเมือง ๓ ชั้นตลอดสามยามตามรับสั่ง เมื่อน้ำพระพุทธมนต์ไปถูกพวกปีศาจๆ ก็หนีไปถกู
มนุษยท์ เ่ี จบ็ ปว่ ยความเจ็บปว่ ย ๆ กห็ ายสิน้ พระอินทร์ก็ดำริว่าแม้เรา ก็ควรอา้ งคุณพระรัตนตรัยทำให้
ชาวเมืองประสบสุขจงึ ไดต้ รสั ๓ บททา้ ย แม้ปริตรนีก้ ม็ กี ารสวดย่อดงั ทีน่ ำมาลงไว้ เพอ่ื ความเหมาะสม
ตอ่ เวล๑๓๑
๓. กรณียเมตตะปริตร เป็นพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงสอนภิกษุ ๕๐๐ รูป ที่ได้เรียน
กัมมัฏฐานแล้วหาสถานที่ เพื่อบำเพ็ญธรรมถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่เหมาะและชาวบ้านเลื่อมใสยินดี
อุปัฏฐากด้วยปัจจยั ส่ี พร้อมทั้งสร้างกุฏิถวายหลังละรูป เมื่อฝนไมต่ กก็จะปฏิบัติธรรมท่ีโคนตน้ ไม้จน
เทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้ เดือดร้อนเพราะผู้ทรงศีลอยู่ใต้วิมานของตน จึงหลอกหลอนด้วยแสดง
อาการนา่ กลวั ต่างๆ เชน่ ปรากฏตัวให้เห็น ส่งเสยี งกรีดรอ้ ง ส่งกลิ่นเหม็นเนา่ จนภกิ ษุไม่อาจทำจิตใจ
ให้เป็นสมาธิได้ เมื่อภิกษุนำกลับไปสวดสาธยาย เหล่าเทวดาก็เกิดความรักใคร่ เลื่อมใสในภิกษุ

๑๓๐. ขุ.ข.ุ (บาล)ี ๒๕/๕/๓.
๑๓๑ ขุ.ข.ุ (ไทย) ๒๕/๔/๗.

๗๐

เหลา่ น้นั จงึ มไิ ดส้ ำแดงอาการอย่างใดอีก ทำให้ภิกษบุ ำเพ็ญธรรมได้เตม็ ท่ี ปัจจบุ ันจะนยิ มสวดสาธยาย
เริม่ ต้นท่เี มตตัญจะ เพ่ือความเหมาะสมกับเวลาและสถานการณ์๑๓๒

๔. ขันธะปรติ ร ภิกษุรูปหนึ่งถูกงูกัดที่เท้าเพราะไม่ได้แผเ่ มตตา พระพทุ ธองค์ทรงทราบเรือ่ ง
ที่เหล่าภิกษุกราบทูล จึงตรัสสอนให้ภิกษุรูจ้ ักแผ่เมตตาแก่ ตระกูลพญางูทั้ง ๔ คือ พญางูชื่อวิรูปักข์
พญางูชื่อเอราบถ พญางูชื่อฉัพยาบุตรและพญางูชื่อกัณหาโคดม ตลอดทั้งสัตว์สองเท้า สี่เท้า
สัตว์ทั้งหลาย เช่น งู แมลงป่อง ตะขาบ เป็นต้น มีประมาณไม่มากเหมือนคุณพระรัตนตรัย
เราทำการนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ ขอสัตว์ร้ายจงหลีกไป ในทางความเชื่อพระพุทธมนต์
บทนี้ใช้ภาวนาป้องกันอสรพิษทุกชนิดได้ แต่เพื่อเป็นการกระชับเวลา พระสงฆ์มักจะสวดขึ้นต้นท่ี
อปั ปฺ มาโณ๑๓๓

๕. โมระปริตร มเี รอ่ื งเกิดขึน้ ในครัง้ ทส่ี มเดจ็ พระผมู้ พี ระภาค เสวยชาตเิ ป็นนกยูงทอาศัยอยู่ใน
ถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชัน ณ ป่าหิมพานต์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย เป็นชัยภูมิที่เหมาะสมและ
ปลอดภัยจากสัตวร์ ้ายทั้งหลาย ทต่ี ดิ ชายแดนเมอื งพาราณสี กอ่ นออกหากินกจ็ ะบนิ ไปจับบนยอดเขา
หันหน้าไปสู่ทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) แล้วเพ่งมองดวงสุริยะ เมื่อยามเช้าสาธยายมนต์ ขึ้นต้นว่า
อุเทตะยัญ จักขุมา เอกะราชา เป็นต้น เวลาเย็น เมื่อจะบนิ กลับเข้าที่อยู่ก็ไม่ลืมทีจ่ ะบินข้ึนไป จับอยู่
บนยอดเขาหันหน้าสู่ทิศตะวันตก แล้วสาธยายมนต์ว่า อะเปตะยัญจักขุมาเอกะราชา เป็นต้น
เพื่อที่จะป้องกันภัยรักษาตน พญายูงทองทำดังนี้ทุกวันมิได้ขาด พร้อมได้สถิตสถาพรตั้งมั่นอยู่
ในความสุขสำราญตลอดมาโดยมิมีทุกขภ์ ยั ใดๆ มากล้ำกรายไดเ้ ลยกาลตอ่ มา มพี รานป่าผู้หน่ึงเดินทาง
มาพบเหน็ พญายูงทอง ทเ่ี กาะอยบู่ นยอดขนุ เขานัน้ โดยบงั เอญิ จึงได้บอกเร่ืองนั้นแก่บตุ รของตนทราบ
ในขณะที่พระนางเขมาเทวีมเหสีพระเจ้าพาราณสี มีพระประสงค์จะทรงสดับธรรม ของนกยูงทอง
ตามที่ทรงสุบิน บุตรของพรานจึงได้เข้ากราบทูลความ ที่มีนกยูงทองอยู่ที่ทัณฑกหิรัญบรรพต
ใหท้ รงทราบพระเจา้ พาราณสี กท็ รงมอบหมายให้เขาไปดำเนนิ การจับจนสน้ิ เวลาถงึ ๗ ปี แต่เขาก็ทำ
ไม่สำเร็จถึงกบั ตายอยใู่ นปา่ พระนางเขมาเทวีก็ส้ินพระชนม์ เรอื่ งเป็นมาอยู่อยา่ งนี้๑๓๔

๖. ธชัคคะปริตร มาจากที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าให้พระสงฆ์ฟังว่า เมื่อเทวดากับอสูรรบกัน
ท้าวสักกะซึ่งเป็นใหญ่ในหมู่เทวดา ได้แนะนำให้เหล่าเทวดาที่เกิดความกลัว ความหวาดสะดุ้งหรือ
ความขนพองสยองเกล้าให้แลดชู ายธง ของเทวราชทัง้ หลายเพื่อให้คลายจากอาการนัน้ พระพุทธองค์
ตรัสการดูธงของเหล่าเทวราช ว่าอาจจะทำให้หายหรือไม่หายกลัวก็ได้ เพราะเหล่าเทวราชน้ัน
ยังมีกิเลสยังกลัว ยังสะดุ้ง ยังต้องหลบหนีอยู่เลย ดังนั้นจึงตรัสสอนให้ภิกษุเชื่อและยึดถือ
พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแห่งจิตใจ เมื่ออยู่ในป่า อยู่ในเรือนว่างหรือที่โคนไม้ จะทำให้คลายจาก

๑๓๒. ข.ุ ขุ. (ไทย) ๒๕/๑๐/๑๑-๑๒.
๑๓๓ อง.ฺ จตกุ กฺ (ไทย) ๒๑/๖๗/๘๓-๘๔.
๑๓๔ ขุ.ชา. (ไทย) ๒๗/๕๔/๑๖๗-๑๖๘.

๗๑

ความกลัวและรู้สึกปลอดภัย ไม่หวั่นไหวเพราะตถาคตเป็นผู้ปราศจาก ราคะ โทสะ โมหะ
ไม่มีความสะดุ้งกลัว ไม่มีความหวาดหวั่นทั้งยังไม่คิดจะหลบหนี ซึ่งในประเทศไทยบทนี้มักจะใช้
สวดในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ ต่อหน้าธงไชยเฉลิมพลและที่นำมาลงไว้ ในที่นี้จะเป็นบทย่อเพื่อ
ความสะดวกและเหมาะแก่เวลา โดยจะเร่มิ ต้นท่อี ิติปิโสโลกัสสาติ ๑๓๕ฯ

๗. อาฏานาฏิยะปรติ ร สมัยที่ท้าวมหาราชทง้ั ๔ คอื ทา้ วธตรฐ ทา้ ววริ ฬุ หก ท้าววิรูปักข์และ
ท้าวกุเวร พากันเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พร้อมบริวารเป็นจำนวนมาก แต่ปรากฏว่าบริวารของท้าว
มหาราชเหล่านี้ ต่างก็มีปฏิกิริยาต่อพระพทุ ธองค์ตา่ งๆ กันเพราะบ้างก็นบั ถอื บ้างก็ไม่เช่ือถือ จนเปน็
เหตุให้บรรดาสาวกของพระพุทธเจ้า ที่ไปบำเพ็ญธรรมตามที่ต่างๆ ต้องถูกภูตผี ปีศาจ ยักษ์ที่ไม่
เลื่อมใสเหล่านี้รบกวน จนเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเป็นอันตรายต่างๆ นานาท้าวกุเวรจึงได้กราบทูล ขอให้
พระพุทธองค์รับอาฏานาฏิยปริตรไว้ประทานแก่สาวกของพระองค์ เพื่อป้องกันมิให้ยักษ์และภูตผี
ปีศาจรบกวน ซึ่งเนื้อความเป็นการสรรเสรญิ พระพุทธคุณ ของพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์และขอนอบ
น้อมพระพุทธเจ้าเหล่านั้น ด้วยกาย วาจา ใจ (ไม่ว่าเวลานอน เดิน นั่งหรือยืน ขอให้พระพุทธเจ้า
เหล่านั้นไดค้ ้มุ ครองรกั ษาใหพ้ ้นภัย และความเดอื ดรอ้ นต่างๆ ปรติ รบทนใ้ี ครเจรญิ ภาวนาอยู่เป็นนิตย์
เชอ่ื ว่ายกั ษ์ ผี ปศี าจกจ็ ะชว่ ยคมุ้ ครองใหม้ คี วามสุขความเจริญ) ๑๓๖

๒ สบิ สองตำนาน คอื การสวดเฉพาะสตู รสำคัญ สบิ สองสูตรซ่ึงแยกออกไปอีก ๒ แบบ
(๑) แบบยอ่ ประกอบด้วย

๑. มงคลสตู ร วา่ ด้วยเหตุท่ีจะทำให้เกิดสิริมงคล
๒. รตั นะสูตรว่าดว้ ยรัตนะทง้ั ๓ คือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ สวดเพอื่ ปัดเป่า
อปุ ัทวันตรายให้หมดไป
๓. กรณียเมตตะสูตร วา่ ดว้ ยการเจรญิ เมตตา ไปไหนมาไหนใหค้ น เทวดารักใคร่เมตตา
๔. ขนั ธะปรติ ร ว่าด้วยพระพุทธมนตส์ ำหรบั ปอ้ งกนั สัตวร์ ้ายพวกอสรพิษ
๕. ธชัคคะสตู ร วา่ ด้วยการเคารพธงคือคุณพระรัตนตรยั เพอื่ ขจัดความสะดงุ้ กลวั
๖. อาฏานาฏยิ ะปริตร ว่าดว้ ยพระพุทธมนตท์ สี่ ามารถปอ้ งกนั อุปัทวนั ตรายท้ังปวง
๗. องั คลุ มิ าละปริตร วา่ ดว้ ยมนต์ขององคุลมิ าล ใชใ้ นงานมงคลหรอื ทำใหค้ ลอดลูกงา่ ย
๘. วฏั ฏกะปริตร หรอื พระปริตรของนกคุ่ม
๙. องั คลุ มิ าลปรติ ร คือ คลอดลูกงา่ ย
๑๐. โพชฌงค์ปริตร คอื รักษาความเจบ็ ป่วยไข้
๑๑. อภยะปรติ ร คอื วิธีป้องกันอันตรายต่าง ๆ
๑๒. ชยะปรติ ร คอื ทรงบำเพ็ญพระบารมีจนมชี ัยชนะมารและเสนามาร

๑๓๕ ส.ํ ส. (ไทย) ๑๕/๓๐๔-๓๐๗/๘๖๓-๘๖๖.
๑๓๖ ท.ี ปา.(ไทย) ๑๑/๑๗๓-๑๘๕/๒๐๗-๒๒๐.

๗๒

สิบสองตำนานซึง่ ถือกันว่าศักด์ิสิทธิ์ สามารถคุ้มครองรักษาป้องกันอันตรายต่างๆ และกำจัดทุกข์ภยั
โรคไดเ้ รยี กเตม็ วา่ พระปริตรคำว่า ปริตร ยังใชเ้ รยี กของมงคลท่ีผ่านวิธีการ สวดพระพุทธมนต์มาแล้ว
ด้วย เช่น ดา้ ยสายสิญจน์ เรยี กวา่ ดา้ ยพระปรติ ร น้ำพระพุทธมนต์ เรยี กว่าน้ำพระปริตร๑๓๗

๘. วัฏฏกะปริตร หรือ พระปริตรของนกคุ่ม เป็นเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า
มีกล่าวเอาไว้ในคัมภีร์จริยาปิฎก ที่เรียกว่า วัฏฏกโปตกจริยาและมีกล่าวไว้ ในคัมภีร์ชาดกอรรกถา
เรื่องมีอยู่ว่าคร้ังเมื่อพระพทุ ธเจ้า เสด็จจาริกอยู่ในแคว้นมคธกับพวกภิกษุ ขณะนั้นเกดิ ไฟป่าลุกลาม
ล้อมอยู่โดยบังเอิญเมื่อลุกลาม จนใกล้ถึงบริเวณที่พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ห่าง ๒,๐๐๐ ศอก
โดยประมาณไฟก็ดับลง ประหนึ่งดุจดังคบไฟจุ่มลงในน้ำท่ีเหลือๆ ซึ่งไฟไม่ไหม้เป็นวงกลมที่มีรัศมี
ประมาณ ๒,๐๐๐ ศอก เหล่าภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น จึงพากันพดู ว่าพระพุทธคุณนี้ช่างอศั จรรยจ์ รงิ
หนอไฟที่ไม่มีชีวิตจิตใจ ยังมิอาจลุกลามมาถึงที่ซึ่งพุทธองค์ ประทับยืนพุทธานุภาพนี้น่ามหัศจรรย์
จริงๆ พระพุทธเจ้าทรงสดับคำ ที่ภิกษุทั้งหลายสนทนากันจึงตรัสว่า ที่ไฟไหม้มาถึงที่นี่แล้วดับลง
หาใชแ่ ต่เพียงอานภุ าพ ของเราตถาคตในบัดนไ้ี มก่ ารทไ่ี ฟดับลงนี้ ก็เป็นอานุภาพของสจั จะในคร้ังอดีต
ของเราและไฟจะไม่ลกุ ไหม้ ในภูมิประเทศนีอ้ กี เลยตลอดกปั พระอานนท์จึงจดั ปูผา้ สังฆาฏิหนา ๔ ช้ัน
ถวายเป็นที่ประทบั นั่งครนั้ พระพุทธเจ้า ทรงประทบั น่ังแล้วภิกษุท้ังหลาย จงึ ถวายบงั คมแลว้ นั่งล้อม

พระพุทธองค์ ทูลถามถึงเรื่องในอดีตจึงทรงนำวัฏฏกชาดก มาตรัสเล่าให้ฟังดังนี้เมื่อครั้งท่ี
พระพทุ ธเจ้าทรงถอื กำเนิดเปน็ ลกู นกคุ่ม พอ่ แมท่ ำรงั อย่ใู นป่าแหง่ หน่ึงปล่อย ให้ลูกน้อยนอนอยู่ในรัง
ส่วนตนพากันออกไปหาอาหารมาป้อน พอเกิดไฟไหม้ป่าซึ่งเกิดขึ้นในภมู ิประเทศนี้ เป็นประจำทุกปี
ขณะที่ไฟป่าลกุ ลามมาเสียงสน่ันหวัน่ ไหวนั้น บรรดาฝูงนกทัง้ หลายบินหนอี อกไปจากรังของตน พระ
โพธิสัตวท์ รงนอนอยูใ่ นรังยืดคอดู ไฟปา่ ไหม้ลุกลามมาจึงรำพงึ ว่า ถ้าขา้ พเจ้ามกี ำลังกางปีกบินออกไป
ในอากาศได้ข้าพเจ้าก็จะบินไปที่อื่น ถ้าข้าพเจ้ามีแรงยกขาเดินไป บนพื้นดินได้ข้าพเจ้าก็จะก้าวขา
ไปที่อื่นทั้งพ่อและแม่ของข้าพเจ้า ก็กลัวตายพาบินหนีทิ้งข้าพเจ้าไว้ แต่ผู้เดียวบัดนี้ข้าพเจ้าไม่มี
ท่ีพงึ่ อ่นื นอกจากสัจจะคือความจริง แมใ้ นตัวข้าพเจ้าเองกม็ ีสัจจะ ๓ ประการ ปรากฏอยู่เพราะฉะน้ัน
ขา้ พเจ้าควรจะรำลกึ ถงึ พระพุทธเจ้าท้ังหลายพรอ้ มทง้ั พระธรรมที่พระพุทธเจา้ ทั้งหลายบรรลุแล้วน้ัน
ขอยึดเอาสัจจะที่มีอยู่มาทำสัจจกิริยา ขอให้ไฟป่าถอยกลับไปทาความสวัสดี ให้แก่ตนและฝูงนก
ทั้งหลายด้วย ครั้นแล้วลูกนกคุ่มก็ทาสัจจกิริยา ซึ่งพระธรรมสังคาหกาจารย์เรียกว่า วัฏฏกปริตร
ไฟดบั ไปดจุ ด่ังเอาคบเพลงิ จมุ่ ลงน้ำฉะนั้น พระปริตรนจี้ ะมเี ดชหรือความขลงั ตง้ั อยู่ชั่วกัปป์ในบริเวณ
นั้นไฟจะไม่ลุกไหม้หรือแม้แตจ่ ุดไฟ ก็ไม่ติดไปตลอดชั่วกัปป์ด้วยเช่นกัน พระโบราณาจารย์ได้นำเอา

๑๓๗ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช), พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด ค้าวัด,
(กรงุ เทพมหานคร : วดั ราชโอรสาราม, ๒๕๔๘), หนา้ ๒๒๕

๗๓

วัฏฏกปริตรนั้น มาใช้เป็นบทสวดสำหรับคุ้มครองป้องกันไฟ และภยันตรายต่างรวมเอาไว้
ใน ๑๒ ตำนาน๑๓๘

๙. องั คุลมิ าลปริตร มี ๒ ปรติ ร รวมกันคือ อังคลุ มิ าลปริตรและโพชฌงคปริตร โดยไดเ้ ล่าเรอื่ ง
ขององคุลีมาล ซึ่งมีนามเดิมวา่ อหิงสกกุมารเปน็ บุตรปโุ รหิต ไปร่ำเรียนวิชากับอาจารย์ ทิศาปาโมกข์
ดว้ ยความเกง่ และปัญญาดี เลยเปน็ ทีอ่ ิจฉารษิ ยาของศษิ ยอ์ ืน่ ทยี่ ุยงอาจารยจ์ นหลงเช่ือใหห้ าทางกำจัด
อหิงสกโดยหลอกใหไ้ ปฆ่าคนเอานิ้วมาพนั น้ิว แล้วจะบอกวิชาให้ อหิงสก เที่ยวไล่ฆา่ คนไปทั่วฆ่าเสร็จ
ก็ตัดนิ้วมาร้อยหอ้ ยเปน็ พวงมาลัย จนเป็นที่หว่ันกลัวของมหาชน จนถูกขนานนามใหม่ว่า องคุลิมาล
อันหมายถึงโจรที่ตัดนิ้วนั่นเอง องคุลิมาล ฆ่าคนไปได้ถึง ๙๙๙ คน จนพบพระพุทธองค์มุ่งประสงค์
จะฆ่าเอานิ้วให้ครบพัน แต่เมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เกิดปัญญาและศรัทธาตลอดจนได้บวช
แตเ่ นื่องจากกรรมเก่าทีฆ่ ่าคนไว้มาก เมือ่ ออกไปบณิ ฑบาตผู้คนพบเห็น กว็ ่ิงหนีเพราะหวาดกลัวจึงทำ
ให้ไมไ่ ดข้ า้ วแม้ทัพพีเดียว พอดีพบหญิงท้องใกล้คลอดว่ิงลอดรั้วหนแี ละเป็นทกุ ข์มาก คลอดบุตรไม่ได้
เพราะความกลัวก็เกิดความสงสาร จึงตั้งสัตย์อธิษฐานว่าตนเองเกิดมา ไม่เคยคิดฆ่าสัตว์โดยเจตนา
ด้วยความสัตย์น้ี ขอให้ความสวัสดิ์จงมีแก่ครรภ์หญงิ นั้นและท่านก็ได้ สวดสาธยายพระปริตรที่เรียน
เอาจากพระพุทธเจ้าก็ปรากฏว่า ทำให้นางคลอดลูกได้โดยสะดวก พระปริตรบทนีถ้ ือว่าสวดแลว้ จะมี
ความสวสั ดีและคลอดลูกง่ายนยิ มสวดในพิธมี งคลสมรสด้วย ๑๓๙

๑๐. โพชฌงค์ปริตร สมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหารใกล้กรุงรา
ชคฤหน์ น้ั พระมหากสั สปะอาศยั อยใู่ นปิปผลิคูหา บังเกดิ โรคาพาธแรงกล้า อาการหนกั ขึน้ ทุกวันขณะ
ทพ่ี ระผู้มีพระภาคทรงสถิตอย่ใู นสมาบัติ เมอื่ ทรงออกจากสมาบัติแลว้ เสดจ็ ไปเยยี่ มอาการไข้ของท่าน
ทรงแสดงโพชฌงค์ทั้ง ๗ ประการ จบพระธรรมเทศนานั้น ท่านมีจิตโสมนัสยินดีรื่นเริงในธรรมและ
หายจากอาการไข้โดยพลนั คราน้นั ถึงพระมหาโมคคลั ลานะอาศยั อยู่ ณ เขาคชิ ฌกูฎเกิดอาการอาพาธ
หนักเหมือนกันก็เสด็จไปเยี่ยมแล้วทรงแสดงแก่ท่านๆ ก็หายจากอาการป่วยโดยพลัน แม้พระบรม
ศาสดาเอง เมื่อครั้งท่ีพระองค์ทรงพระประชวรหนัก ด้วยโรคปวดทอ้ งมิมยี าใดๆ รักษาให้หายได้จึงมี
พระพุทธฎีการบั สัง่ ให้พระจุนทะเถระ แสดงโพชฌงคท์ ัง้ ๗ ให้พระองค์ทรงสดับ เมื่อพระจุนทะเถระ
แสดงโพชฌงค์ทงั้ ๗ ประการจบลง พระบรมศาสดาก็ทรงหายจากอาการประชวรโดยพลนั ทรงเสด็จ
ลุกข้นึ จากพระบรรทมได้ในทันที ๑๔๐

๑๑. อภยะปริตร เรื่องมีอยู่ว่าครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงรับสั่งให้ระงับบัญญัติวิธี
คือการเอาสตั ว์อยา่ งละ ๔ มาฆ่าบูชายัญ ที่ปุโรหิตน้ันได้ทูลแนะวิธีป้องกันอันตราย หลังทรงเลา่ พระ
สุบนิ นมิ ติ ถงึ อาเพศ ๑๖ อยา่ ง แล้วใหเ้ กิดความหวาดหว่ันต่อมรณภยั ทม่ี องไมเ่ ห็น จึงเสด็จพร้อมมเหสี

๑๓๘ ข.ุ ชา. (ไทย) ๒๗/๑๙/๓๕-๓๙/๑๑๘.
๑๓๙ ขุ.เถร. (ไทย) ๒๖/๓๓๔-๓๓๗/๓๙๒.
๑๔๐ ส.ํ ม. (ไทย) ๑๙/๓๑๙/๑๓๐๘.

๗๔

และบริวารไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ เชตวันมหาวิหารทูลถามถึงสุบินนิมิตทั้ง ๑๖ ข้อนั้น
พระผ้มู พี ระภาคทรงตรสั บอกเหตุ ทีจ่ ะเกิดขน้ึ ในอนาคตหลงั จากตถาคตนพิ พานไปแล้ว และทรงขอให้
พระเจา้ ปเสนทิโกศล ล้มเลกิ ยญั พิธที งั้ ปวงเสยี บัดนี้และตลอดไป ๑๔๑

๑๒.ชยะปริตร สำหรับ ชยะปริตร ซึ่งเป็นพระปริตรบทสุดท้ายใน ๑๒ ตำนาน ไม่ปรากฏว่า
มีที่มาในพระไตรปิฎก ๔๕ มีข้อสันนิษฐานว่าพระเถระจากประเทศลาวรูปหนึ่ง แต่งขึ้นมาหรือไม่ก็
อาจจะเป็นพระเถระชาวอาณาจักรล้านนา แต่งก็ได้แต่ได้พบในหนังสือสวดมนต์ ที่พระชาวลังกา
รวบรวมขึ้นมาไว้ เรียกว่า มหาชยมงฺคลคาถา โดยในตอนต้นของพระปริตรนี้ เป็นคำอวยชัยให้
พรมงคลโดยทำสัจจกิริยา ด้วยการกล่าวอ้างถึงเรื่องพระพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมีจน
มีชัยชนะมารและเสนามารแล้วบรรลุ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เหนืออปราชิตบัลลังก์
(บัลลังก์ที่นั่งแล้วไมพ่ ่ายแพ้หรือบัลลังก์ชนะ) ณ ควงไม้พระศรีมหาโพธิแ์ ละตอนท้าย ท่านได้นำเอา
คาถาท้ายสุปุพพัณหสูตร คัมภัร์อังคุตตรนิกายติกนิบาต เข้ามาต่อแต่ประพันธ์คาถาอำนวยพร
เฉพาะตัวแก่บุคคลชายและหญิงเพิ่มเข้ามาอีก ๒ บท คือ โส อตฺถลทฺโธ.และ สา อตฺถลทฺธา ซึ่งอาจ
เป็นเพราะนำเอาคาถาจาก สุปุพพัณหสูตรมาต่อท้ายเช่นนี้ ในหนังสือสวดมนต์ของพม่า จึงเรียก
รวมกนั ต้งั แต่ อภยะปรติ ร จนถงึ เต อตฺถลทฺธา.สห สพเฺ พหิ ญาติภิ ว่าปพุ พัณหสตู ร ๑๔๒

๑๔๑ ส .ม. (ไทย) ๑๙/๓๒๐/๑๓๐๙.
๑๔๒ พระเดชา สีลเตโช (ศรภี งู า ) ไดศ้ กึ ษางานวจิ ัยเรื่อง ความเชื่อของชาวบา้ นโคกมอนที่มตี ่อคณะสงฆ์วัด
โคกมอน ในพิธีสวดพระปริตรเพื่อต่ออายุ”, วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา
บัณฑติ วิทยาลยั , ๒๕๕๔.

บทที่ ๓

ระเบยี บวธิ ีวิจยั

การวิจัยเรื่อง ประเพณีสืบชะตา : คติธรรม ความเชื่อ และอิทธิพลต่อสังคมล้านนา
ในจังหวัดเชียงราย โดยมวี ธิ ดี ำเนินการวิจัยตามลำดบั ขน้ั ตอนดังน้ี

๓.๑ รปู แบบการวิจัย

ในวิจัยเรื่องนี้เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าและ
ภาคสนาม ภาคเอกสารเปน็ การเก็บ รวบรวมขอ้ มลู จากเอกสารและงานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง เก็บรวบรวม
ขอ้ มลู โดยการใชแ้ บบสัมภาษณ์.(In-derth Intetview)

๓.๒ ขอ้ มูล

ผวู้ จิ ยั ได้กำหนดพนื้ ทใ่ี นจงั หวดั เชียงราย

๓.๓ ผใู้ หข้ ้อมูลทีส่ ำคัญ

๓.๓.๑ พระสงค์ จำนวน ๑๐ รูป
๓.๓.๒ ปราชญ์ทอ้ งถ่ิน ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน จำนวน ๒๐ คน
รวมทง้ั หมดจำนวน ๓๐ รูป/คน

๓.๔ เครอ่ื งมอื ในการวิจัย

ในการวิจายครั้งนี้ผู้วิจัยใช้เครื่องมือในการวิจัยคือ การสัมภาษณ์ (In-depth Interview)
แบบเจาะลึก การสมั ภาษณ์ มจี ำนวน ๖ ประเดน็

สว่ นที่ ๑ ข้อมลู พ้ืนฐาน
สว่ นที่ ๒ สมั ภาษณเ์ จาะลกึ (In depth Inerview) ความเป็นมาของประเพณสี ืบชะตา
สว่ นท่ี ๓ สมั ภาษณเ์ จาะลกึ (In depth Inerview) คตธิ รรมประเพณีสืบชะตา
ส่วนที่ ๔ สมั ภาษณเ์ จาะลึก (In depth Inerview) ความเช่อื ประเพณีสบื ชะตา
ส่วนท่ี ๕ สมั ภาษณเ์ จาะลกึ (In depth Inerview) อิทธิพลของประเพณีสบื ชะตาที่มตี ่อสังคม
ลา้ นนาในจงั หวัดเชียงราย

๗๖

ส่วนที่ ๖ ข้อเสนอแนะส่วนที่ ๕ สัมภาษณ์เจาะลึก (In depth Interview) อิทธิพลของ
ประเพณีสืบชะตาท่ี

๓.๕ การเกบ็ รวมรวมข้อมูล

สำหรับการเก็บรวมรวมข้อมูลในการศึกษาเรื่อง ประเพณีสืบชะตา คติธรรม ความเช่ือ
และอิทธิพลต่อสังคมล้านนาในจังหวัดเชียงราย เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
รวบรวมขอ้ มลู ทำเอกสารและภาคสนาม ผู้วิจยั ไดร้ วบรวมขอ้ มูลตามขั้นตอนดงั น้ี
. ๑. ศึกษารวบรวมเอกสารแนวคิดทฤษฎเี ก่ียวกับแนวคิดเกี่ยวกบั แนวคิดเกย่ี วกับวฒั นธรรม
ความเชื่อ และพธิ ีกรรม แนวคดิ เกย่ี วกบั ความเช่อื ดง้ั เดิมของชาวล้านนา แนวคดิ และความเป็นมาของ
พิธกี รรมสืบชะตาในล้านนา การประยกุ ตใ์ ช้สบื ชะตาในลา้ นนา การเสรมิ สรา้ งพลงั จติ วญิ ญาณ คุณค่า
เชิงจริยธรรมของพิธีสืบชะตาในล้านนา การประยุกต์ใช้สืบชะตาในล้านนาและเสริมสร้างพลังจิต
วิญญาณ หลกั ธรรมในคมั ภรี ธ์ รรมของพิธกี รรมสบื ชะตาทีม่ ีตอ่ การ เสริมสรา้ งความสัมพันธ์ทางสังคม
และจิตวิญญาณของประเพณี

๒) เก็บรวบรวมข้อมูล จากเอกสาร แบบสัมภาษณ์และสนทนากลุ่มโดยผู้เชี่ยวชาญ
ทางด้านพระพุทธศาสนา ผู้เชี่ยวชาญทางด้านประเพณแี ละวฒั นธรรม ปราชญ์ท้องถิน่ ผู้นำชุมชนซง่ึ
เก็บรวมรวมจากแบบสอบถาม แลว้ นำมาวิเคราะห์
.

บทท่ี ๔
ผลการศกึ ษา

วิจัยเรื่อง ประเพณีสืบชะตา:คติธรรม ความเชื่อและอิทธิพลต่อสังคมล้าน ในจังหวัด
เชียงราย ผู้วิจัยตั้งวัตถุประสงค์ไว้ ๓ ประการคอื ๑. เพื่อศึกษาประวัติ ความเป็นมาของประเพณีสบื
ชะตาที่ปรากฏในพระพทุ ธศาสนา ๒. เพื่อศึกษาอิทธพิ ลของประเพณีสืบชะตาที่มีต่อสังคมล้านนาใน
จงั หวัดเชียงราย ๓. เพอื่ วิเคราะห์คติธรรม ความเชื่อและของพิธีสืบชะตาท่ีมอี ิทธิพลต่อสังคมล้านนา
ของจังหวัดเชียงราย โดยเทียบเคียงผลการศึกษาด้วยแนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผล
การศกึ ษามผี ลดัง้ นี้

๔.๑ ขอ้ มูลพนื้ ฐานของผใู้ ห้ขอ้ มลู ท่สี ำคัญ
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลทั้งหมดจำนวน 30 คน/รูปมีผลการ

วเิ คราะหค์ อื ท่ีสำคัญเกือบทั้งหมดเปน็ เพศชาย (๒๐ คน/รปู ) ผู้ใหข้ อ้ มลู ท่ีสำคัญเกอื บท้ังหมดอายุเกิน
๖๐ ปี ( ๒๐ คน ) ผใู้ หข้ ้อมูลทสี่ ำคัญส่วนหนง่ึ เป็นพระมหาเถระเกอื บทั้งหมดมีพรรษา ๒๐ พรรษาข้ึน
ไปดำรงตำแหน่งเจา้ อาวาส มวี ุฒิการศกึ ษาปรยิ ตั ธิ รรมนกั ธรรมชั้นเอก ผใู้ ห้ข้อมลู สว่ นหนง่ึ เป็นปราชญ์
ทอ้ งถนิ่ เปน็ ผู้นำชมุ ชนและชาวบ้านเป็นผู้เคยเขา้ ร่วมทำพธิ ีสบื ชาตา และพระสงฆ์ท่ีให้ข้อมูลท่ีสำคัญ
ทัง้ หมดสงั กัดวดั ในมหานิกาย
๔.๒ ความเปน็ มาของประเพณีสบื ชะตา

๔.๒.๑.พระสงฆ์ผ้ปู ระกอบพิธี
การสืบชะตาในสมัยพุทธกาลมีหลักฐานกล่าวถึงการสืบชะตาไว้อยู่หลายแห่ง ผู้ให้ข้อมูล
สำคัญ พระพุทธญิ าณมนุ ี๑๔๓ พระรัตนมุนี๑๔๔ ได้อธิบายว่า มีปรากฏในคัมภีรช์ ะตากล่าวถึง พระสารี
บุตรเถระ ได้บอกสามเณรติสสะว่าจะถึงแก่ความตายในอีก ๗ วัน สามเณรติสสะได้โปรดสัตว์ทำให

๑๔๓ สมั ภาษณ์ พระพทุ ธญิ าณมุนี, เจา้ อาวาสวัดพระธาตุผาเงา เจ้าคณะจงั หวดั เชยี งราย, ๒๔ มกราคม
๒๕๖๕.

๑๔๔สมั ภาษณ์ พระรัตนมนุ ี, ผศ.ดร., ทป่ี รกึ ษาเจา้ คณะจงั หวัดเชียงราย, ๒๓ มกราคม ๒๕๖๕.

๗๘

รอดพ้นจากความตาย พระครขู ันตพิ ลาธร๑๔๕ พระครูสิริธรรมนวิ ิฐ๑๔๖พระครสู ริ กิ จิ จาทร๑๔๗ ได้อธบิ าย
วา่ มหี ลักฐานคืออายวุ ฒั นกมุ ารนมิ นต์พระสงฆม์ าสวด ๗ วนั และเรื่องสามเณรติสสะ เปน็ ลูกศิษย์ของ
พระสารบี ตุ ร ไดช้ ว่ ยปล่อยปลาให้พน้ จากความตาย ทา่ นกพ็ ้นจากความตายและมปี รากฏในอรรถกถา
ธรรมบท ยมกวรรคเล่มที่ ๑๗ หน้า ๖๙๔-๖๙๘ พระอรรถกถาจารย์ได้เล่าเรอื่ งทารกแรกเกิดคนหนึ่ง
ชะตาขาดจะต้องตายภายใน ๗ วัน พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์๑๔๘พระภาวนาโกศลเถรวิ๑๔๙ ได้อธิบายว่า
นบั ตงั้ แต่โบราณมาชาวอนิ เดียมีความเชอื่ หรอื ความเหน็ เก่ียวกับชะตาคนอยู่ ๓ อยา่ ง คือ จากกรรม
เก่า พระเจ้ากำหนดและเกิดโดยบังเอิญ แต่ในหลักพระพุทธศาสนาเชื่อว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
พระครูปริยัติโกวิท๑๕๐พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์๑๕๑พระครูประยุทธ์เจติยานุการ๑๕๒ ได้อธิบายว่า
เกีย่ วกับลกู ศษิ ย์ของพระสารบี ตุ รชื่อสามเณรติสสะ เรือ่ งอายุวฒั นกุมารทีป่ รากฏ

หลักฐานการสืบชะตาผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญ พระพุทธิญาณมุนี๑๕๓ ได้อธิบายว่า มาจาก
เอกสารตำราล้านนา (ปั๊ปสา) บทสวดแต่ละบทที่ใช้ในพิธีสืบชะตา พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ พระภาวนา
โกศลเถร วิ. พระครูขันติพลาธร พระครูสิริธรรมนิวิฐ พระครูปริยัตโิ กวิท๑๕๔ ได้อธิบายว่ามาจากเรือ่ ง
อายุวัฒนกุมารมีปรากฏในอรรถกถา ธรรมบท ยมกวรรค พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ หน้า ๖๙๔-
๖๙๘ และมาใน มัชฌมิ นิกาย มูลปณั ณาสก์ เลม่ ๑๓ ขอ้ ๗๐๗ หน้า ๖๔๘ พระครสู ริ กิ ิจจาทร พระครู
ประยทุ ธเ์ จตยิ านุการและพระครูบณั ฑิตวราภิมณฑ์๑๕๕ ไดอ้ ธิบายวา่ หลักฐานดงั กล่าวไม่ปรากฏชัดเจน
ว่ามีปรากฏอยทู่ ี่ใดบ้าง เพยี งแต่เป็นเร่อื งเล่าระหว่างพระสารีบตุ รเถรกับสามเณรติสสะ มีเพียงคัมภีร์

๑๔๕ สัมภาษณ์ พระครูขันติพลาธร, เจ้าอาวาสวัดฝั่งหมิ่น เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงราย, ๒๕ มกราคม
๒๕๖๕.

๑๔๖ สัมภาษณ์ พระครูสิริธรรมนิวิฐ, เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงราย, ๒๖
มกราคม๒๕๖๕.

๑๔๗ สัมภาษณ์ พระครสู ริ กิ ิจจาทร, เจ้าอาวาสวัดศรเี กิด รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงราย, ๓๐ มกราคม
๒๕๖๕.

๑๔๘ สัมภาษณ์ พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์พระอารามหลวงที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด
เชียงราย, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๕.

๑๔๙ สัมภาษณ์ พระภาวนาโกศลเถร วิ, เจ้าอาวาสวัดมงคลกายาราม รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย, ๒๘
มกราคม ๒๕๖๕.

๑๕๐ พระครูปริยัตโิ กวิท, เจา้ อาวาสวัดเจ็ดยอดพระอารามหลวง, ๒๙ มกราคม ๒๕๖๕.
๑๕๑ พระครูบณั ฑิตวราภิมณฑ์, เจ้าอาวาสวดั ดงหนองเปด็ , ๒๗ มกราคม ๒๕๖๕.
๑๕๒ สัมภาษณ์ พระครปู ระยทุ ธเ์ จตยิ านุการ, เจา้ อาวาสวัดพระธาตุดอยเวา, ๓๑ มกราคม ๒๕๖๕.
๑๕๓ พระพทุ ธิญาณมุนี, ๒๕๖๕.
๑๕๔ พระครปู รยิ ตั ิโกวิท, ๒๕๖๕.
๑๕๕ พระครูบัณฑติ วราภิมณฑ์, ๒๕๖๕.

๗๙

สืบชะตาและการเล่าต่อสืบกันมาจากสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกน กษัตริย์ล้านนาในราชวงศ์มังราย
สว่ นพระรัตนมุนี๑๕๖ ได้อธิบายว่า เร่ืองสบื ชาตาแบบลา้ นนาน้นั นา่ จะมาจากเรอื่ งอายุวัฒนกุมาร

สรุปได้ว่าความเป็นมาของประเพณีสืบชาตาผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญเห็นว่ามีหลักฐานที่มา ๓
แห่งคือ ๑. จากเรื่องในธรรมชาดก ๒. จากเรื่องทีฆายุกุมารและ ๓. หลักฐานเรื่องอายุวัฒนกุมาร ซึ่ง
สอดคล้องกับงานวิจัยของพระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน (กิจประภานนท์), เรื่องอิทธิพลของธัมมปทัฏฐ
กถาเรื่องอายวุ ฒั นกมุ ารตอ่ ประเพณีสืบชะตา๑๕๗

พิธีการการสืบชะตาในสมัยพระพุทธกาลผู้ให้ข้อมูลท่ีสำคัญมีพระพุทธิญาณมุนี พระรัตน
มุนี พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์ พระครูประยุทธ์เจติยานุการและพระครูปริยัติโกวิท๑๕๘ ได้อธิบายว่า
ในสมัยพุทธกาลมิไดบ้ อกไว้ว่าพธิ ีการสืบชะตามพี ิธกี ารอย่างไร แต่ว่าสมยั หนง่ึ พระพุทธเจ้าทรงทราบ
ว่า พระมหากัสสปเถระและพระมหาโมคคัลลานเถระ เกิดอาพาธ พระองค์ได้ทรงมีพระมหากรุณา
ตรัสโพชฌังคปริตตัง (โพชฌังโค) แก่พระเถรทัง้ ๒ เป็นพุทธโอสถด้วยอำนาจคาถาน้ี สูตรนี้หายจาก
อาพาธ เป็นหลักธรรมที่ชว่ ยให้ความเจ็บปวดทุเลาลงบา้ ง เพื่อระงับอาพาธต่างๆ และให้พระสงฆ์ทำ
พิธีโดยสวดพระปริตร พระพุทธวิ งศ์วิวัฒน์ พระภาวนาโกศลเถร วิ. พระครูสิริกิจจาทร พระครูขนั ติพ
ลาธรและพระครูสิริธรรมนิวิฐ๑๕๙ ได้อธิบายว่าในสมัยพุทธกาลมีพิธีการสืบชาตา คือให้พราหมณ์
ต้งั มณฑปพิธไี วต้ รงหน้าประตู้บ้านวางตัง่ ไวใ้ นทา่ มกลางมณฑปใหท้ ารกนอ้ ยนอนท่ตี ่งั นน้ั แล้วปูอาสนะ
ไว้ ๘ ทิศ หรอื ๑๖ ทิศให้แวดล้อมท่เี ดก็ นอน นิมนตพ์ ระสงฆ์มาเจรญิ (สาธยาย) พระปริตรและตั้งจิต
ภาวนาจนกวา่ จะแลว้ เสร็จ

สรุปพิธีการการสืบชะตาในสมัยพระพุทธกาล ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญเห็นว่ามีหลักฐานที่มา
๑. อิทธพิ ลของอรรถกถาธรรมบทต่อประเพณีและพธิ ีกรรม ของเรื่องอายวุ ฒั นกมุ าร ๒. มีคตธิ รรมคือ
พระองค์ได้ทรงพระมหากรุณา ตรัสโพชฌังคะปะริตตัง (โพชฌังโค) แก่พระเถรทั้ง ๒ เป็นพุทธโอสถ
ด้วยอำนาจคาถาสิ่งที่ทำให้อายุยืน ๓. เรื่องบุรพกรรมของโพธิราชกุมาร มีคติธรรมคือ ความไม่
ประมาท มกี ารเจริญพุทธมนต์เองหรือเข้าพธิ ีเรอ่ื งบุรพกรรมของพระพทุ ธเจา้ มคี ตธิ รรมคอื อานุภาพ

๑๕๖ พระรตั นมนุ ี, ผศ.ดร., ๒๕๖๕.
๑๕๗ พระมหาดวงรัตน์ ฐิตรตโน (กจิ ประภานนท์), “อทิ ธพิ ลของธมั มปทัฏฐกถาเร่ืองอายวุ ัฒนกมุ ารตอ่
ประเพณีสบื ชะตา”, ๒๕๕๐.
๑๕๘ พระครปู รยิ ตั ิโกวทิ , ๒๕๖๕.
๑๕๙ พระครูสริ ธิ รรมนิวฐิ , ๒๕๖๕.

๘๐

ของพระปริตร ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยของพระมหาอรุณ อรณุ ธมฺโม, อทิ ธิพลของอรรถกถาธรรมบท
ต่อประเพณีและพธิ ีกรรมของชาวอสี าน๑๖๐

บทสวดที่ใช้สาธยายในสมัยพทุ ธกาล ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญพระเถระจำนวนทัง้ ๑๐ รูป มีความ
คิดเห็นสอดคล้องกัน๑๖๑ ได้อธิบายว่าเป็นบทสวดสืบชะตา อัตถิ อุณหัสสะวิชัย บทเภสัชชัง ซึ่งเปน็
คาถาปฐั ยาวัตรลว้ นและคงเปน็ บทสวดถวายพรพระ (พาหุง) รตนสตู รและมงคลสูตร บทสวดโมรปรติ ร
บทสวดขันธปริต บทสวดโพชฌงั คปริตรหรือบทสวด ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนาน

สรุปการสวดพระปรติ รตามท่ีนยิ มกันในสังคม พระสงฆค์ ร้งั พทุ ธกาล ปัจจุบันจะมีการสวดท่ี
แตกตา่ งกนั ขึ้นอยู่กับลักษณะของท้องถ่ิน สามารถแยกการสวดออกเปน็ ๒ ตำนาน คอื เจด็ ตำนาน
และสิบสองตำนานคอื การสวดเฉพาะสูตรสำคัญ เจด็ สูตร ซง่ึ แบง่ ออกได้อกี เปน็ ๒ แบบ คือ

(๑) แบบย่อ ประกอบด้วย มงคลสูตร รตั นะสูตร กรณยี เมตตะสตู ร ขันธะปริตร ธชคั คะสูตร
อาฏานาฏยิ ะปรติ ร องั คุลมิ าละปริตร

(๒) แบบพิสดาร ประกอบด้วย มงคลสูตรเกิดจากชาวชมพูทวีป รัตนะปริตร กรณียเมตตะ
ปริตร ขนั ธะปรติ ร โมระปริตร ธชัคคะปริตร อาฏานาฏยิ ะปริตร ๑๖๒

ผลของการสืบชะตาในคร้งั นน้ั พุทธกาลนน้ั มีผู้ใหข้ ้อมูลท่ีสำคญั พระพทุ ธิญาณมนุ ี พระพุทธิ
วงศ์วิวัฒน์ พระครูขันติพลาธร และพระครูสิริธรรมนิวิฐ๑๖๓ ได้อธิบายว่ามีผลทำให้สามเณรติสสะ
รอดพ้นจากความตายได้ ทำให้อายยุ นื ๑๒๐ ปี ดงั นิทานธรรมบทเรื่องอายวุ ฒั นกุมารชาดกและทำให้
อวรุทธกยักษ์ไม่สามารถจะจบั เด็กไปกนิ ได้ ทำใหเ้ ด็กรอดจนอายยุ นื ๑๒๐ ปี พระรัตนมนุ ี พระภาวนา
โกศลเถร วิ พระครปู ระยทุ ธเ์ จตยิ านกุ าร และพระครบู ัณฑิตวราภิมณฑ์๑๖๔ ได้อธบิ ายว่าก่อให้เกิดการ
ตระหนกั รใู้ นทางปัญญา เปน็ การสรา้ งขวญั กำลงั ใจมุง่ เยยี วยาใจและทำให้สบายใจ เมอื่ ไดท้ ำแล้วมีผล
ทางจิตใจ ของผู้ที่ได้ประกอบพิธีและมีความเชื่อ ที่สืบทอดต่อกันมาตามความเชื่อประเพณีล้านนา
ตั้งแตโ่ บราณ สว่ นพระครสู ิรกิ ิจจาทรและพระครูปริยัติโกวิท๑๖๕ ได้อธิบายวา่ ทำให้เกิดความเช่ือและ
ศรัทธา ในการทำพิธีสืบชะตามีการแพร่หลายไปสู่บ้านเมืองอื่น ๆ มากขึ้นและผู้สืบชะตา มีสุขภาพ
ความเปน็ อย่ทู ่ีดีขึ้น

๑๖๐ พระมหาอรุณ อรุณธมฺโม,“อิทธิพลของอรรถกถาธรรมบทต่อประเพณีและพิธีกรรมของชาวอสี าน”,
วทิ ยานพิ นธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลกรณราช
วทิ ยาลัย, กรุงเทพ, ๒๕๔๔.

๑๖๑ ผู้ให้ขอ้ มูลท่สี ำคัญพระเถระจำนวนท้งั ๑๐ รปู ,๒๕๖๕.
๑๖๒. ขุ.ขุ. (บาล)ี ๒๕/๕/๓.
๑๖๓ พระครูสริ ธิ รรมนวิ ิฐ, ๒๕๖๕.
๑๖๔ พระครบู ณั ฑิตวราภิมณฑ์, ๒๕๖๕.
๑๖๕ พระครปู ริยัตโิ กวิท, ๒๕๖๕.

๘๑

สรุปผลของการสืบชะตาในครั้งนั้นพุทธกาลนั้น มีหลักฐานดังกล่าวว่ามีหลักฐานที่มา ๑.
อิทธิพลของอรรถกถาธรรมบทต่อประเพณีและพิธีกรรมของเรื่องอายุวัฒนกุมาร ๒.เป็นเรื่องของ
ศรัทธาความเชื่อตั้งแต่โบราณ จนถึงปัจจุบันชาวล้านนา มีความเชื่อในคำสอนของพุทธศาสนา เป็น
หลักผสมผสานกับหลักการของศาสนาพราหมณ์ ใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตและโหราศาสตร์ ซึ่ง
เป็นความเช่ือด้ังเดิมของคนล้านนา สามารถอธบิ ายพฤติกรรมต่าง ๆ ทเ่ี กิดขนึ้ ขณะปฏิบัติพิธีกรรมสืบ
ชะตา สอดคล้องกบั งานเขยี นของพระเทพรตั นมุนี (สุทัศน์ สทุ สฺสโน ป.ธ.๖) เร่ืองแนวปฏิบัติศาสนพิธี
คณะสงฆ์จงั หวัดเชียงราย เอกสารประกอบการวนั สำคญั ของภาคเหนือ๑๖๖

การสืบชะตาครั้งพุทธกาลนั้น ส่งผลต่อพิธีการสืบชะตาในสังคมล้านนามากน้อยเพียงใด
ผู้ให้ข้อมลู ที่สำคัญ พระพุทธิญาณมุนี พระรตั นมุนี พระครบู ณั ฑติ วราภมิ ณฑ์ พระครปู ระยทุ ธ์เจติยานุ
การ พระครูสิริกิจจาทร พระครูปริยตั ิโกวิทและพระครูขันติพลาธร๑๖๗ มีความคิดเห็นว่า เป็นการสบื
สานความเชื่อของคนที่สอดคล้องกับธรรมคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ดูแลทั้งด้านร่างกาย
และจิตใจ เป็นความเชื่อของชาวพุทธทำให้เพิ่มบุญกุศลบุญบารมี มีความสุขความเจริญในการทำดี
เป็นมรดกตกทอดมาจนถึงปัจจุบันในด้านความเชื่อ เกิดความแพร่หลายไปทุกชนชั้น ไม่ว่าจะเป็น
ประชาชน ข้าราชการ ชุมชนและเกิดความศรทั ธาในพระพุทธศาสนา ว่าบทสวดมีความศกั ดส์ิ ิทธ์ิทำให้
เกิดกำลังใจ สามารถรักษาภายในจิตใจและสืบทอดมาตามความเชื่อ ตั้งแต่โบราณนานมาเป็น
ประเพณีล้านนา พระครูสิริธรรมนิวิฐและพระพุทธิวงศ์วิวฒั น์๑๖๘ มีความคิดเห็นว่า มีรูปแบบการทำ
มณฑปมาจากธรรมบท เรื่องอายุวัฒนกุมารและเรื่องติสสะลูกศิษย์พระสารีบุตรเถระ ทำให้มีผลต่อ
การสืบชะตาในล้านนา ในการตัง้ ไม้ค้ำ ๓ ขา ๔ ขา เป็นซุ้มโขงชะตาแลว้ เอาด้ายล้อม ให้พระสงฆ์ถือ
ด้ายเจริญพุทธมนต์ ส่วนพระภาวนาโกศลเถร วิ๑๖๙ มีความคิดเห็นว่า เพื่อปกป้องคุ้มครองจาก
อันตรายตา่ ง ๆ อยูเ่ ยน็ เป็นสุข

การสืบชะตาในล้านนา ๘ จังหวัดภาคเหนือมีประวัติเป็นมาเหมือนกันหรือมีหลักฐาน
สืบค้นมาจากไหน ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญพระเถระจำนวนทั้ง ๑๐ รูป มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า
พระพทุ ธิญาณมนุ ี พระพุทธวิ งศ์ววิ ัฒน์ พระรตั นมนุ ี พระครูขันตพิ ลาธร พระครสู ริ ิกิจจาทร พระครูสิริ
ธรรมนิวิฐ พระครูปริยัติโกวิท พระภาวนาโกศลเถร วิ พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์และพระครูประยทุ ธ์
เจติยานุการ๑๗๐ มีความคิดเห็นว่า สืบทอดมาแต่อดีตจากตำนานสามเณรติสสะรอดพ้นความตาย

๑๖๖ พระเทพรัตนมุนี (สุทัศน์ สุทสฺสโน ป.ธ.๖), “แนวปฏิบัติศาสนพิธีคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย”.
เอกสารประกอบการวันสำคัญของภาคเหนอื , เชียงราย : เชียงรายไพศาลการพมิ พ์, ๒๕๔๖., หนา้ ๓๒

๑๖๗ พระครูขันติพลาธร, ๒๕๖๕.
๑๖๘ พระพุทธิวงศว์ ิวัฒน์, ๒๕๖๕.
๑๖๙ พระภาวนาโกศลเถร วิ, ๒๕๖๕.
๑๗๐ พระครปู ระยุทธ์เจตยิ านุการ, ๒๕๖๕.

๘๒

ทำให้คนล้านนานิยมการสืบชะตาและคงมีประวัติเหมือนสมัยพุทธกาล ยึดถือวันสืบๆ มามีความ
คลา้ ยคลึงกนั ในด้านพธิ กี รรม ต่างกนั ทร่ี ายละเอียดและแต่ละท้องถ่ิน พิธกี ารอาจไม่เหมือนกันแต่การ
กระทำ ตามขนบธรรมเนียม เป็นประเพณีสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษและสันนิษฐานว่า ในสมัย
พระเมอื งแก้วแหง่ ราชวงศม์ ังราย (พ.ศ.๒๐๓๘-๒๐๖๘) พระมหากษตั รยิ แ์ หง่ นครเชยี งใหม่ จะทรงเปน็
ประธานในพิธีสืบชะตาเมือง เพื่อให้เกิดความสุขสวัสดิ์ แก่บ้านเมืองประชาชนและเป็นประเพณีท่ี
อนุรักษ์ สบื ทอดหลายชัว่ อายคุ น

หากการสืบชะตาในล้านนาได้รับสืบทอดมาจากพุทธกาล มีหลักฐานปรากฏที่สืบค้นได้จาก
ผู้ให้ข้อมูลท่ีสำคัญ พระครูประยุทธ์เจติยานุการ พระรัตนมุนีและพระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์๑๗๑
มีความคิดเห็นว่า มาจากคัมภีร์ใบลานที่บันทึกเรื่องราวเก่ียวกับ ประเพณีสืบชะตาและแบบมุขปาฐะ
ผ่านคัมภีร์ตำราการสาธยายมนต์ เพื่อชวนให้คิดเป็นการสานหลักธรรมมุ่งเน้นการเยียวยาใจ
พระครขู ันตพิ ลาธร พระภาวนาโกศลเถร วิ และพระครูปรยิ ตั โิ กวิท๑๗๒ มีความคดิ เหน็ วา่ เป็นเรื่องของ
การสวดมนต์พระพุทธมนต์ และผ่านพิธีกรรมการต่างๆ ความเชื่อ ความศรัทธาเป็นที่ตั้ง พระพุทธิ
ญาณมุนีและพระครูสิริกิจจาทร๑๗๓ มีความคิดเห็นว่า เครื่องมือสืบชะตา ที่นิยมทำกันมาตั้งแต่อดตี
มีการบันทึกวา่ ต้องจัดเตรียมสิ่งใดบ้าง และมีการรับอิทธิพลสืบต่อกันมา อาจมีการเปล่ียนแปลงตาม
ความเป็นอยู่ไปตามพื้นที่นั้นๆ เพื่อการสะดวกต่อการจัดทำพิธี พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์และพระครูสิริ
ธรรมนิวิฐ๑๗๔ มีความคดิ เห็นวา่ เป็นการรับอิทธิพลสืบต่อกันมา หรือจากพระไตรปฎิ ก ธรรมบทอรรถ
กถาโดยใช้หลกั การใชไ้ มค้ ำ้ เหมือนกนั

สรุปว่า มาจากคัมภีร์ใบลานที่บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ ประเพณีสืบชะตาและแบบมุขปาฐะ
ผ่านคัมภีร์ตำราการสาธยายมนต์ เพื่อชวนให้คิดเป็นการสานหลักธรรม มุ่งเน้นการเยียวยาใจและ
เป็นเร่ืองของการสวดมนต์ พระพทุ ธมนต์และผ่านพิธกี รรมการต่างๆ ความเชื่อ ความศรัทธาเป็นท่ีต้ัง
เป็นการรับอิทธิพลสืบต่อกันมา หรือจากพระไตรปิฎกธรรมบทอรรถกถา โดยใช้หลักการใช้ไม้ค้ำ
เหมือนกนั สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ัยของรองศาสตราจารยพ์ นู ทรัพย์ เกตุวรี ะพงศ์, เรอ่ื งสบื ชะตาล้านนา:
แนวคิดและการเสริมสรา้ งความสัมพนั ธ์๑๗๕

๑๗๑ พระครูบณั ฑติ วราภิมณฑ์, ๒๕๖๕.
๑๗๒ พระครูปริยตั โิ กวทิ , ๒๕๖๕.
๑๗๓ พระครสู ริ ิกจิ จาทร, ๒๕๖๕.
๑๗๔ พระครสู ริ ธิ รรมนิวิฐ, ๒๕๖๕.
๑๗๕ รองศาสตราจารย์พูนทรัพย์ เกตุวีระพงศ์, “สืบชะตาล้านนา: แนวคิดและการเสริมสร้าง
ความสัมพันธ์”,รายงานการวิจัยฉบบั รา่ งสมบูรณ์, (สำนักบรหิ ารโครงการวิจยั อุดมศึกษาและพัฒนามหาวิทยาลยั
แห่งชาติสำนักงานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา,๒๕๕๗), หนา้ ๓๔

๘๓

วิธีการสืบชะตาในล้านนา ๘ จังหวัด มีวิธีการเหมือนกันหรือแตกต่างกัน สามารถสืบหา
ข้อมูลได้ ผู้ให้ข้อมลู ทีส่ ำคัญพระเถระจำนวนทัง้ ๙ รูป มีความคิดเห็นสอดคล้องกนั ว่าพระพุทธิญาณ
มุนี พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ พระครูขันติพลาธร พระภาวนาโกศลเถร วิ พระครูปริยัติโกวิท พระครูสิริ
กิจจาทร พระครูบัณฑิตวราภมิ ณฑ์ พระครูประยุทธ์เจติยานกุ ารและพระครูสิริธรรมนิวิฐ๑๗๖ มีความ
คิดเห็นว่า คงมีวิธีการเหมือนกัน อาจมีวิธีแตกต่างกันตามความเชื่อ บางแห่งเครื่องสืบชะตาหายาก
กห็ าส่งิ อืน่ ทใี่ กลเ้ คียงมาทดแทนกันบา้ ง ไปตามแตส่ ถานทเี่ พราะมีความผสมผสาน ของพิธกี รรมความ
เชื่อของศาสนาพทุ ธ ฮนิ ดู พราหมณ์และเร่ืองผสี างเทวดา แต่มีจดุ ประสงคเ์ หมือนกันในการทำความดี
มกี ารปล่อยสัตว์เหมือนกัน สว่ นพระรัตนมุนี๑๗๗ ความคิดเหน็ ว่า วธิ ีการสบื ชะตาในลา้ นนา ๘ จังหวัด
เกยี่ วกบั บทสวดใกลเ้ คยี งกนั และแตกตา่ งกันบา้ ง ตรงรายละเอียด

สรุปคงมีวิธีการเหมือนกัน อาจมีวิธีแตกต่างกันตามความเชือ่ บางแห่งเครื่องสืบชะตาหา
ยากก็หาสิ่งอืน่ ที่ใกล้เคียงมาทดแทนกันบ้าง ไปตามแต่สถานท่ี เพราะมีความผสมผสานของพธิ กี รรม
ความเชื่อของศาสนาพุทธ ฮินดู พราหมณ์และเรื่องผีสางเทวดา แต่มีจุดประสงค์เหมอื นกนั ในการทำ
วิธกี ารสืบชะตาในลา้ นนา ๘ จงั หวัด เกี่ยวกบั บทสวดใกลเ้ คยี งกันและแตกต่างกนั บ้าง ตรงรายละเอยี ด
สอดคล้องกับงานวจิ ัยของพิสิฎฐ์ โคตรสุโพธิ.์ ดร, เรื่องการสืบชะตาที่ปรากฏในพระพุทธศาสนาเนื่อง
ในโอกาสฉลองสถาปนา ๔๐ ปมี หาวิทยาลัยเชยี งใหม๑่ ๗๘

หากมีความแตกต่างกันแตกตา่ งกนั ตรงไหน ผู้ให้ข้อมูลท่ีสำคัญ พระครูบัณฑิตวราภมิ ณฑ์
พระพทุ ธิญาณมนุ ีและพระรตั นมนุ ี๑๗๙ มีความคิดเห็นว่า ความแตกตา่ งบทสวดในของแต่ละภาคพ้ืนที่
อาจจะเปน็ บทสวดที่ไม่เหมือนกนั สักเท่าไหร่ ทำนองบทสวดกอ่ นหลงั และบางแหง่ มี การจุดฝ้ายสีสาย
ตามอายุของเจ้าชะตา บ้างแห่งก็ไมม่ ีและการจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องประกอบพิธีกรรมอาจมีความ
แตกต่างกันบ้าง พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ พระครูสิริกิจจาทรและพระครปู ระยุทธ์เจติยานกุ าร๑๘๐ มีความ
คดิ เหน็ ว่า ด้านอปุ กรณ์เครื่องใช้ บางท่ีมีการนำเอาสิ่งของมาใช้นับ ในเวลาสวดสาธยายมนต์ บางที่ไม่
มีการนับตามอายุใช้เม็ดข้าวโพดเป็นตน้ พระครูขนั ตพิ ลาธรและพระครูปรยิ ัติโกวิท มีความคิดเห็นว่า
แตกต่างเรอื่ งจำนวนพระสงฆ์ทำพิธี บางพื้นทใ่ี ช้ ๑ รูป ๓ รูป ๕ รปู ๗ รปู ๙ รปู และบทสวดสาธยาย
มนต์ที่สำคัญเท่านั้น พระภาวนาโกศลเถร วิและพระครูสิริธรรมนิวิฐ๑๘๑ มีความคิดเห็นว่า เป็นเรื่อง

๑๗๖ พระครูสริ ิธรรมนิวฐิ , ๒๕๖๕.
๑๗๗ พระรัตนมนุ ี, ผศ.ดร., ๒๕๖๕.
๑๗๘ พิสิฎฐ์ โคตรสโุ พธ.์ิ ดร., การสืบชะตาท่ีปรากฏในพระพุทธศาสนาเน่อื งในโอกาสฉลองสถาปนา ๔๐
ปมี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่, เชยี งใหม่ : คณะมนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่, หนา้ ๒๕๔.
๑๗๙ พระรัตนมนุ ี, ผศ.ดร., ๒๕๖๕.
๑๘๐ พระครปู ระยทุ ธเ์ จติยานกุ าร, ๒๕๖๕.
๑๘๑ พระครูสริ ธิ รรมนิวฐิ , ๒๕๖๕.

๘๔

ของเครอ่ื งสบื ชะตาทห่ี าได้ยาก หรือปราชญ์ประจำหมบู่ ้านที่มีความชำนาญในการจัดเคร่ืองสืบชะตา
ที่ครบชุดตามแบบโบราณและดา้ นศาสนพธิ เี ป็นตน้

สรุปได้ว่าวิธีการสืบชะตาในล้านนา ๘ จังหวัด มีวิธีการเหมือนกันหรือแตกต่างกันนั้น มี
ประเดน็ หลกั อยู่ ๓ ประการ ๑. อปุ กรณ์เครอ่ื งสืบชะตา ๒. เรอ่ื งจำนวนพระสงฆท์ ำพธิ ี บางพน้ื ทใ่ี ช้ ๑
รูป ๓ รูป ๕ รูป ๗ รูป ๙ รูป ๓. เรื่องบทสวดต่างๆ ที่ใช้ทำพิธีสืบชะตาแตกต่างกนั บ้าง ตามท้องถ่ิน
สอดคล้องกับงานวจิ ัยของพิสฎิ ฐ์ โคตรสุโพธ.์ิ ดร., เร่อื งการสืบชะตาทปี่ รากฏในพระพุทธศาสนาเน่ือง
ในโอกาสฉลองสถาปนา ๔๐ ปมี หาวทิ ยาลัยเชยี งใหม๑่ ๘๒

การสืบชะตาในล้านนา จะมีพิธีสืบชะตาปรารถเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านไหน ผู้ให้ข้อมูลท่ี
สำคัญ พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ พระครูสิริกิจจาทร พระครูขันติพลาธร พระครูปริยัติโกวิท พระภาวนา
โกศลเถร วิและพระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์๑๘๓ มีความคิดเห็นว่า มาจากเหตุปัจจัยหลายอย่าง เช่น
สืบชะตาคน ทำบุญวันเกิด รับราชการ หายจากอาการเจ็บป่วย ขึ้นบ้านใหม่และสืบชะตาบ้าน
(ใจบ๋ ้าน) สืบชะตาเมือง (โควดิ ) ใหห้ าย ส่งเคราะห์ รบั โชค อบุ ัติเหตุอนั ตรายต่างๆ ดวงตก มีเคราะห์
ได้รับตำแหน่งหนา้ ท่ีการงานใหม่ ได้เลื่อนยศตำแหน่ง เป็นการต่ออายุหรอื ตอ่ ชวี ติ ของคนใหย้ ืนยาว มี
ความสุขความเจริญเปน็ ตน้ พระพุทธิญาณมุนี พระรัตนมนุ ี พระครูสริ ธิ รรมนวิ ฐิ และพระครูประยทุ ธ์เจ
ติยานุการ๑๘๔ มีความคิดเห็นว่า ในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์เกิดอาพาธ จึงรับสั่งให้พระเถระ
มาสาธยายมนต์ใหร้ ับฟัง จงึ หายจากอาการอาพาธและมาจากเรอื่ งอายวุ ัฒนกุมาร จะเสียชีวิตจึงสวด
สาธยายมนต์ให้และ มีเหตุการณ์ล้มป่วยตายอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทราบสาเหตุหรือเกิดอุบัติเหตุ
ฉับพลันเป็นตน้

พิธีสืบชะตาทำไมจึงต้องมีการเทศน์ธรรมประกอบพิธีสวดสืบชะตา ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญ
พระรัตนมุนี พระครูสิริธรรมนิวิฐ พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์ พระครูสิริกิจจาทร พระครูขันติพลาธร
พระครูปริยตั ิโกวทิ และพระภาวนาโกศลเถร ว๑ิ ๘๕ มีความคดิ เห็นวา่ เชื่อวา่ ฟังธรรมมงคลประกอบการ
สวดสืบชะตา จะทำให้พิธีกรรมดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นและ บางเรื่องเป็นคำสอนประกอบไปด้วย ให้ผู้สืบ
ชะตาได้ฟังธรรมมศี รัทธาเพิ่มมากข้นึ ในการทำบญุ กศุ ลความดแี ละนำไปปฏบิ ตั ิ เพ่ือให้เพม่ิ บุญมากข้นึ
ทำให้เข้าใจวัฒนธรรมสืบทอดต่อกันมา ให้ความเป็นสิริมงคลในชีวิต ด้วยอานิสงส์แห่งการฟังธรรม
เพ่ือใหเ้ กดิ การสรา้ งขวญั และกำลังใจใหก้ ับเจา้ ภาพ นำไปประพฤตติ ามหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา

๑๘๒ พสิ ิฎฐ์ โคตรสุโพธ์.ิ ดร., การสบื ชะตาท่ีปรากฏในพระพุทธศาสนาเนื่องในโอกาสฉลองสถาปนา ๔๐
ปีมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่, เชียงใหม่ : คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม,่ หน้า ๒๕๔.

๑๘๓ พระครูบณั ฑติ วราภิมณฑ์, ๒๕๖๕.
๑๘๔ พระครูประยทุ ธ์เจติยานุการ, ๒๕๖๕.
๑๘๕ พระภาวนาโกศลเถร วิ, ๒๕๖๕.

๘๕

พระพุทธิญาณมุนีและพระครูประยุทธ์เจติยานุการ๑๘๖ มีความคิดเห็นว่า เป็นการเสริมสิริมงคล
ในบทความในการเทศน์ ซึ่งไม่มีในพระสตู รในการสาธยายมนต์ เช่น ธรรมสารากวิกาสูตรเทศนธ์ รรม
สืบชะตาคนเมอื งเหนอื ลา้ นนา เปน็ การเทศนเ์ ร่ืองตา่ งๆ เกย่ี วกบั สบื ชะตาและคณุ ต่างๆ ในแตล่ ะกัณฑ์
ส่วนพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์๑๘๗ มีความคิดเห็นว่า เป็นคาถาที่พระพุทธองค์ทรงประทานพรให้ในสมัย
พทุ ธกาล เรือ่ งเทวดาจะหมดบุญลงมาเกิดจึงสวดคาถาบท อุณหสิ สะวชิ โย ทำใหม้ ีอานภุ าพเป็นเทวดา
ต่อไป

ธรรมแต่ละผูก (กัณฑ์) ทใ่ี ชเ้ ทศน์ประกอบพิธีสืบชะตาแต่ละคร้ังแตกต่างกนั บ้างหรือเปล่า
ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญพระเถระจำนวนทั้ง ๑๐ รูป มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า พระพุทธิญาณมุนี
พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ พระรัตนมุนี พระครูสิริธรรมนิวิฐ พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์ พระครูสิริกิจจาทร
พระครูขันติพลาธร พระครูปริยัติโกวิท พระภาวนาโกศลเถร วิและพระครูประยุทธ์เจติยานุการ๑๘๘
มีความคิดเห็นวา่ ต่างกัน เช่น ธรรมโลกาวุฒิ ๒. ธรรมไชยน้อย ๓. ธรรมไชยสงั คหะ ๔. ธรรมสังคหะ
โลก ๕. ธรรมสารากริ หากทำพธิ สี ืบชะตาบา้ นแบบขับไลอ่ ุบาทว์จะตอ้ งเทศนค์ มั ภีรอ์ รินทมุ คมั ภีรม์ หา
ตันติงและธรรมอณุ หัสสวิชยั เทศน์เพ่ือสืบชะตาเหมือนกันจะมีท่ีมาของคาถานั้นๆ และอภิบายถึงการ
ได้ฟังได้สวดจะทำใหอ้ ายยุ ืน เจริญมัง่ คัง่ แคล้วคลาดเปน็ มงคล บา้ งเรื่องมธี รรมคำสอนเนน้ ให้ทำความ
ดี เช่น การให้ทาน บ้างเรื่องมีธรรมคำสอนเน้นการปัดเป่าเคราะห์ ล้วนแล้วเป็นงานมงคลแหง่ ธรรม
ต่างๆ เหมือนกัน

สรุปประเพณีความเชื่อ เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความ เป็นเอกลักษณ์ความโดดเด่นของ
ภาคเหนือและประเพณีความเชื่อการอยู่ร่วมกัน โดยมีวัฒนธรรมประเพณีเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
ประเพณีในภาคเหนือของชาวล้านนานั้น มักมีประเพณีที่หลากหลายเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะของ
ภาคเหนือที่มีความภาคภูมิใจในภาคที่มี วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาน มีสืบทอดความเป็นชาติอัน
ยาวนาน จงึ มีศิลปะวฒั นธรรมประเพณี ความเช่ืออนั มากมายที่ตอ้ งอนรุ กั ษ์ฟน้ื ฟู ในภาคเหนือจะต้อง
สืบทอด ประเพณีและอนรุ ักษป์ ระเพณีน้ใี ห้ คงความเปน็ เอกลักษณ์ของภาคเหนอื ชาวลา้ นนาสืบต่อไป
สอดคล้องกับงานวจิ ยั ของจรูญ แดนนาเลิศ, เร่อื งประเพณี ความเช่ือ ของวถิ ชี มุ ชนลา้ นนา๑๘๙

บทสวด (พระปรติ ร/พระสูตร) ทีใ่ ช้สวดในล้านนานอกจาก ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนาน มีบทสวด
อื่นเพิ่มอีกหรือเปล่า ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญพระเถระจำนวนทั้ง ๑๐ รูป มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า
พระพุทธิญาณมุนี พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ พระรัตนมุนี พระครูสิริธรรมนิวิฐ พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์

๑๘๖ พระครปู ระยุทธ์เจตยิ านุการ, ๒๕๖๕.
๑๘๗ พระพทุ ธิวงศ์วิวัฒน์, ๒๕๖๕.
๑๘๘ พระครูประยทุ ธ์เจติยานุการ, ๒๕๖๕.
๑๘๙ จรูญ แดนนาเลิศ, “ประเพณี ความเชื่อ ของวิถีชุมชนล้านนา”,วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต โปรแกรม
วชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์ สำนักวชิ าบริหารรฐั กจิ , (บัณฑติ วทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลยั าชภฏั เชียงราย,๒๕๖๒).

๘๖

พระครสู ิรกิ ิจจาทร พระครขู นั ตพิ ลาธร พระครูปริยตั โิ กวทิ พระภาวนาโกศลเถร วิและพระครูประยุทธ์
เจติยานุการ๑๙๐ มคี วามคดิ เห็นวา่ ทางล้านนาพระสงฆ์นิยมสวดบท นะโมการะอฐั กะ บทสวดมงั คะละ
สูตร บทสวดระตะนะสูตร บทสวดกรณยี เมตตสตู ร บทสวดขันธปริต บทสวดโมรปริตร บทสวดอาฏา
นิฏิยะปรติ บทสวดอุณหิสสวชิ ัย บทสวดอนิ ทชาตา บทสวดหิรโิ อตตปั ปะ บทสวดเภสชั ชงั บทสวดพุท
โธมังคละ บทสวดยันทุน บทสวดสักกัตวา บทสวดนพเคราะห์ บทสวดนะโมเมและบทสวดสามเถระ
มะหากสั สะปะโพชฌังคะสูตร มะหาโมคคลั ลานะโพชฌังคะสูตร มะหาจุนทะโพชฌงั คะสตู ร เปน็ ต้น

สรุปหลักธรรมในคมั ภีรธ์ รรมของพธิ กี รรมสืบชะตาท่ีมีตอ่ การ เสริมสร้างความสัมพันธ์ทาง
สังคมและจิตวิญญาณของประเพณีและบทสวดต่างๆ ที่ใช้สวดในล้านนานอกจาก ๗ ตำนาน ๑๒
ตำนาน ยังมีบทสวดอื่นๆ มาเสริมเพิ่มเติมตามครูอาจารย์ล้านนา ที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นจนถึง
ปัจจุบัน สอดคล้องกับงานวิจัยของรองศาสตราจารย์พูนทรัพย์ เกตุวีระพงศ์, เรื่องสืบชะตาล้านนา:
แนวคดิ และการเสริมสร้างความสมั พนั ธ์ทางสงั คมและจิตวิญญาณของชุมชนในล้านนา๑๙๑

วิเคราะหอ์ นภุ าพพระปริตร ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนาน และบทสวดลา้ นนา

ช่ือ พระปรติ ร อนภุ าพพระปรติ ร

๑ เมตตปริตร อนุภาพเมตตา
๒ ขันธปริตร อนุภาพเจรญิ เมตตาแก่สรรพสัตว์
๓ โมรปรติ ร อนุภาพคุณของพระพทุ ธเจา้
๔ อาฏานาฏิยปรติ ร อนภุ าพคมุ้ ครองตนจากอมนุษย์
๕ โพชฌังคปริตร อนุภาพสจั วาจา
๖ ชยั ปรติ ร อนภุ าพสจั วาจา
๗ รัตนปรติ ร อนุภาพคุณของพระรตั นตรัย
๘ วฏั ฏกปริตร อนุภาพสัจวาจา
๙ มงคลปริตร อนภุ าพมงคล ๓๘
๑๐ ธชัคคปรติ ร อนุภาพคุ้มครองภยนั อนั ตราย
๑๑ องั คลุ มิ าลปรติ ร อานภุ าพของสัจจะท่ีชัดเจน

๑๙๐ พระครปู ระยุทธเ์ จตยิ านกุ าร, ๒๕๖๕.
๑๙๑ รองศาสตราจารยพ์ นู ทรัพย์ เกตวุ รี ะพงศ์, “สบื ชะตาลา้ นนา: แนวคดิ และการเสรมิ สร้างความสัมพันธ์
ทางสังคมและจิตวิญญาณของชุมชนในล้านนา”,รายงานการวิจัยฉบับร่างสมบูรณ์, (สำนักบริหารโครงการวิจัย
อุดมศกึ ษาและพัฒนามหาวิทยาลยั แห่งชาติ สำนกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา, ๒๕๕๗).

๘๗

๑๒ อภยปรติ ร อนุภาพคุณของพระรตั นตรัย
๑๓ อุณหัสสะวชิ ยั อานภุ าพตอ่ อายยุ นื ยาว
๑๔ ปาระมีสบิ ทัศ อานุภาพการสรา้ งปาระมี ๑๐ ทศั
๑๕ นพฆาตทงั้ เกา้ อนภุ าพแหง่ ดวงดาว

บทสวดของล้านนาทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณส์ ำหรับสวดในพธิ ีสบื ชะตา ขาดไม่ได้เลยเปน็ หวั ใจหลัก
ในพิธีสืบชะตา ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญพระเถระจำนวนทั้ง ๑๐ รูป มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า
พระพุทธิญาณมุนี พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ พระรัตนมุนี พระครูสิริธรรมนิวิฐ พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์
พระครสู ริ กิ จิ จาทร พระครูขนั ตพิ ลาธร พระครปู ริยัตโิ กวทิ พระภาวนาโกศลเถร วิและพระครูประยุทธ์
เจติยานุการ๑๙๒ มีความคิดเห็นว่า บทสวดอินทะชาตา บทสวดกรณียเมตตสูตร บทสวดอภยปริตตงั
บทสวด ๗ ตำนาน บทสวดอณุ หัสสะวิชัย บทสวดนพเคราะห์ บทสวดนะโมเม บทสวดมงคลจักรวาล
ใหญ่ บทสวดสักกัตวา บทสวดพุทโธมังคะละ บทสวดเภสัชชัง บทสวดรตนสูตร บทสวดมงคลสูตร
(มงคล ๓๘)

แต่ละบทสวดของลา้ นนาทีใ่ ช้สวดท่ีขาดไมไ่ ดเ้ ลย บทสวดนัน้ มีความสำคัญมากนอ้ ยแค่ไหน
ผู้ให้ข้อมูลท่ีสำคัญ พระพุทธิญาณมุนี พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์ พระครูปริยัติโกวิท พระรัตนมุนี
และพระครูประยุทธเ์ จติยานุการ๑๙๓ มีความคิดเห็นว่า เป็นบทสวดที่เป็นของพิธีการสืบชะตา ทำให้
ขาดไม่ได้ในการประกอบพิธีกรรม เพราะบทสวดอินทะชาตาเป็นบทต่ออายุ เป็นการเสริมให้เกิด
กำลังใจให้กับผู้เข้าสืบชะตา เป็นบทที่ช่วยสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ให้มีอายุยืนยาวหายจากโรคภัย
และเปน็ การเสรมิ ชะตาชีวติ เปน็ บทพิเศษทีช่ าวล้านนาประพันธ์ขึน้ สาธยายเกย่ี วกบั ตอ่ อายุ พระพุทธิ
วงศ์วิวฒั น์ พระครูขันตพิ ลาธร พระภาวนาโกศลเถร วิและพระครูสิริธรรมนิวิฐ๑๙๔ มีความคิดเห็นว่า
เป็นบทสวดต่อชะตามีความสำคัญ ในการเสริมสร้างชะตาราศีมีอายุ หายเจ็บไข้ มีพลังด้านจิตใจ
เสริมสร้างศรัทธา ได้กุศลและเป็นบทสวดเพื่อต่ออายุให้ยืนยาว โดยอาศัยเหล่าเทวดามาช่วย
ปกปักรักษา ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ส่วนพระครูสิริกิจจาทร๑๙๕
มีความคิดเห็นว่า บทสวดอินทะชาตานี้คงเป็นการอ้อนวอน ให้เทพเทวาปกปักรักษาดวงชะตา
บทสวดอุณหัสสวิชัย เป็นบททชี่ นะตอ่ ศัตรหู มมู่ ารมอี ายุยืนนาน

๑๙๒ พระครปู ระยทุ ธ์เจติยานกุ าร, ๒๕๖๕.
๑๙๓ พระครปู ระยทุ ธ์เจตยิ านุการ, ๒๕๖๕.
๑๙๔ พระครสู ริ ิธรรมนิวฐิ , ๒๕๖๕.
๑๙๕ พระครูสริ ิกจิ จาทร, ๒๕๖๕.

๘๘

บทสวดของลา้ นนาทว่ี ่าขาดไมไ่ ด้เลย มคี วามสำคัญมากน้อยต่อล้านนาแบบไหน ผใู้ หข้ อ้ มูล
ที่สำคัญ ผู้ให้ข้อมูลที่สำคัญพระเถระจำนวนทั้ง ๘ รูป มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า มีความสำคัญ
มาก พระพุทธิญาณมุนี พระครูสิริธรรมนิวิฐ พระครูบัณฑิตวราภิมณฑ์ พระครูสิริกิจจาทร
พระครูขันติพลาธร พระครูปริยัติโกวิท พระภาวนาโกศลเถร วิและพระครูประยุทธ์เจติยานุการ๑๙๖
มีความคิดเห็นว่า เป็นบทสวดเกี่ยวกับการสืบชะตาโดยตรงและเป็นบทสวดที่มคี วามหมายใกล้เคียง
กัน คือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ทำให้ครบองค์พระรัตนตรัยและเป็นบทสวด ที่นักปราชญ์รจนา
เพื่อเสริมดวงชะตาต่ออายุใหก้ ับผู้ทำพธิ ีสืบทอดกันมายาวนาน เปน็ บทสวดท่ีสำคญั ในการสืบชะตาท่ี
ขาดไม่ได้ เพ่อื ให้คนปว่ ยหายจากความเจ็บไข้ ให้มอี ายุยืนยาวสืบต่อไป สว่ นพระพุทธิวงศว์ ิวัฒน์๑๙๗ มี
ความคดิ เห็นวา่ เปน็ เรือ่ งย่อของอุษณยี ค์ มั ภรี ์ อุณหัสสวชิ ยั มีเรือ่ งเลา่ วา่ อุณหัสสวิชัยเทพบุตรนี้กำลัง
จะหมดบุญ เพื่อนเทวดาจึงให้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแสดงธรรมจบเทพองค์นั้น ก็บรรลุ
ธรรมแล้วมอี ายุตอ่ บนสวรรค์ ส่วนพระรัตนมุนี๑๙๘ มีความคิดเหน็ ว่าเปน็ บทสวดอินทะชาตา บทสวด
มงคลสตู ร บทสวดรัตนสูตร ช่วยปดั เป่าโรคภยั ไขเ้ จ็บ เสริมสริ มิ งคลต่อชะตาชีวิตใหย้ นื ยาวต่อไป

สรปุ เป็นบทสวดเกี่ยวกบั การสืบชะตาโดยตรงและเปน็ บทสวด ที่มคี วามหมายใกล้เคยี งกัน
คือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ทำให้ครบองค์พระรัตนตรัยและเป็นบทสวด ที่นักปราชญ์รจนา
เพื่อเสริมดวงชะตาต่ออายุให้กับ ผู้ทำพิธีสืบทอดกันมายาวนาน เป็นบทสวดที่สำคัญในการสืบชะตา
ทข่ี าดไม่ได้คือหลักธรรมในคัมภรี ์ ธรรมของพธิ ีกรรมสืบชะตาที่มีตอ่ การ เสริมสร้างความสัมพันธ์ทาง
สงั คมและจิตวญิ ญาณของประเพณีและบทสวดตา่ งๆ สอดคล้องกับงานวิจัยของรองศาสตราจารย์พูน
ทรพั ย์ เกตวุ ีระพงศ์, เรือ่ งสบื ชะตาล้านนา: แนวคดิ และการเสรมิ สร้างความสัมพันธ์ทางสังคมและจิต
วญิ ญาณของชุมชนในล้านนา๑๙๙

๑๙๖ พระครปู ระยทุ ธ์เจตยิ านกุ าร, ๒๕๖๕.
๑๙๗ พระพุทธิวงศว์ ิวฒั น์, ๒๕๖๕.
๑๙๘ พระรตั นมุนี, ผศ.ดร., ๒๕๖๕.
๑๙๙ รองศาสตราจารย์พนู ทรพั ย์ เกตวุ ีระพงศ์, “สืบชะตาลา้ นนา: แนวคิดและการเสรมิ สร้างความสัมพันธ์
ทางสังคมและจิตวิญญาณของชุมชนในล้านนา”,รายงานการวิจัยฉบับร่างสมบูรณ์, (สำนักบริหารโครงการวิจัย
อดุ มศึกษาและพฒั นามหาวทิ ยาลยั แหง่ ชาติ สำนกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา, ๒๕๕๗).


Click to View FlipBook Version