1 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ความเป็นมาของการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พุทธศักราช 2550 และพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 ที่ต้องการจัดการศึกษาให้ทั่วถึง และ พัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มีความรู้คู่คุณธรรม มีจริยธรรมและ วัฒนธรรม รวมถึงการเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ สามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจึงได้ดำเนินการจัดหลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ขึ้น และกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2551 แล้ว เพื่อให้ใช้ แทนหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียนตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ซึ่ง เป็นหลักสูตรที่เป็นไปตามหลักการและปรัชญาการศึกษานอกโรงเรียน นโยบายของรัฐบาล แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 พระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.2551 และ สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มผู้เรียนที่อยู่นอกระบบ เพื่อให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีสติปัญญา มีศักยภาพ ในการประกอบอาชีพ การศึกษาตลอดชีวิต ดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัว ชุมชน สังคม ได้อย่างมีความสุข โดย สถานศึกษาต้องนำสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดในหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ไปพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพ ปัญหา ความต้องการของ ผู้เรียน ชุมชน สังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษานั้นๆ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (สำนักงาน กศน.) ได้ดำเนินการนำ ร่องการใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในทุกภาคของประเทศ ภาคละ 2 จังหวัด (กระบี่ นครศรีธรรมราช เชียงราย พิจิตร มหาสารคาม อุบลราชธานี ชลบุรี ระยอง ราชบุรี และพระนครศรีอยุธยา) และกรุงเทพมหานคร ในเขตปทุมวันและเขตพระโขนง ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2552 กับผู้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาของสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน กศน. สถานศึกษาในกำกับ สำนักงาน กศน. และสถานศึกษาภาคีเครือข่ายที่จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ได้มีการวิจัยติดตามผลการนำร่องการใช้ หลักสูตรดังกล่าวด้วย ซึ่งจากผลการติดตามในระยะแรกได้พบปัญหาและอุปสรรคที่เกี่ยวข้อง ได้มีการปรับปรุง แก้ไขเพื่อให้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สอดคล้องกับ กลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบให้มากที่สุด และในปีการศึกษา 2553 สำนักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ทั่วประเทศ กับผู้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาของสถานศึกษาสังกัดสำนักงาน กศน. สถานศึกษาในกำกับสำนักงาน กศน. และสถานศึกษาภาคีเครือข่ายที่จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน
2 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standards-based curriculum) คือ เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานเป็นเป้าหมายหรือสิ่งที่คาดหวังในการพัฒนา ผู้เรียน โดยกำหนดโครงสร้าง เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ที่สะท้อนถึงสิ่งที่ต้องการ พัฒนาผู้เรียนที่ระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาจะต้องเชื่อมโยงมาตรฐานการ เรียนรู้ ดังนั้น เพื่อให้การใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 บรรลุ ถึงหลักการและจุดหมายที่กำหนดไว้ตามหลักสูตรดังกล่าว รวมทั้งสาระสำคัญที่กำหนดในพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 ที่นำไปสู่การประกาศใช้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 บริบทของสถานศึกษาซึ่ง สถานศึกษาแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันจึงจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ที่ กำหนดในหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และสถานศึกษาพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษาจากส่วนที่เกี่ยวกับสภาพ ปัญหา ความต้องการของผู้เรียน ชุมชน สังคม นอกจากนี้ หลักสูตรสถานศึกษาต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อเตรียมคนให้สามารถปรับตัว และดำรงชีวิตอยู่ ในสังคมได้อย่างมีความสุข กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้มาตรฐานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2553 เพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยใช้เป็นเป้าหมายในการจัดการศึกษาให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน อันเป็น หลักประกันให้กับผู้เรียนและผู้รับบริการมีความมั่นใจว่า การศึกษาที่ได้รับนั้นมีมาตรฐานตามที่ สถานศึกษาได้ประกันคุณภาพไว้ ซึ่งมาตรฐานที่ 2 การจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามตัวบ่งชี้ สถานศึกษา จะต้องพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาด้วย
3 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรสถานศึกษา การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School-Based Management : SBM) การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน คืออะไร นักวิชาการได้ให้ความหมายของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ดังนี้ Cheng (1996 : 4) กล่าวว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่ง ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ตัวแทนคณะครู ผู้ปกครอง ชุมชน ฯลฯ ซึ่งมารวมตัวเป็นคณะกรรมการ สถานศึกษา ได้มีโอกาสจัดการศึกษาให้เป็นไปตามความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ส่งผลให้ สถานศึกษามีประสิทธิผลสูงขึ้น และได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน David (1996 : 4-5) กล่าวว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน เป็นแนวทางหนึ่งของการปฏิรูป การศึกษาโดยการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาไปยังสถานศึกษาให้มากขึ้น โดยมีความเชื่อว่า การให้ สถานศึกษามีอำนาจหน้าที่มากขึ้นจะทำให้ประสิทธิภาพของสถานศึกษาสูงขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และมี ผลผลิตดีขึ้น อุทัย บุญประเสริฐ (2543 : ข-ค) กล่าวว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานเป็นกลยุทธ์ในการ ปรับปรุงการศึกษาโดยเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจจากส่วนกลางไปยังแต่ละโรงเรียน โดยให้ คณะกรรมการโรงเรียนซึ่งประกอบด้วย ผู้ปกครอง ครู สมาชิกในชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ศิษย์เก่า และผู้บริหาร โรงเรียนได้มีอำนาจในการบริหารจัดการศึกษาในโรงเรียนมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการตัดสินใจที่ เกี่ยวข้องกับงบประมาณ บุคลากร และวิชาการ โดยให้เป็นไปตามความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และ ชุมชน จากความหมายของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานดังกล่าว สรุปได้ว่า การบริหารโดยใช้โรงเรียน เป็นฐาน เป็นการกระจายอำนาจการจัดการศึกษาจากส่วนกลางไปยังสถานศึกษาโดยตรง ให้สถานศึกษามี หน้าที่มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ บุคลากร และวิชาการ โดย ให้เป็นไปตามความต้องการของผู้เรียน องค์กร และชุมชน อันจะส่งผลให้การดำเนินงานจัดการศึกษาของ สถานศึกษามีประสิทธิผลสูงขึ้น การบริหารงานโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานมีหลักการสำคัญอย่างไร อุทัย บุญประเสริฐ (2545 : 189-191) ได้กล่าวถึงหลักการสำคัญของการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็น ฐานของไทย ดังนี้คือ 1. หลักการกระจายอำนาจ เป็นการกระจายอำนาจการบริหารและจัดการศึกษาไปยังสถานศึกษาให้ มากที่สุด โดยมีความเชื่อว่าโรงเรียนเป็นหน่วยสำคัญในการจัดการศึกษา ในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา การศึกษาของเด็ก 2. หลักการมีส่วนร่วม เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้มีส่วนร่วมในการ บริหาร ร่วมตัดสินใจและร่วมตัดสินใจและร่วมจัดการศึกษา ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วยเสียที่สำคัญ ได้แก่
4 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ครู ผู้บริหาร ผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตัวแทนศิษย์เก่า และตัวแทนนักเรียน ฯลฯ ที่บุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา จะเกิดความรู้สึกเป็น เจ้าของและจะเต็มใจและยินดีร่วมรับผิดชอบในการจัดการศึกษามากขึ้น 3. หลักการคืนอำนาจจัดการศึกษาให้ประชาชน ในอดีตตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการจัดการศึกษาจะ เป็นแบบมีการรวมการจัดการศึกษาไปไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อให้เกิดเอกภาพและมาตรฐานทางการศึกษา แต่เมื่อ ความเจริญก้าวหน้าต่างๆรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว คนมีการศึกษามากขึ้น สังคมเปลี่ยนแปลงไปมากและค่อนข้าง รวดเร็ว การจัดการศึกษาโดยส่วนกลางเริ่มมีข้อจำกัด เกิดความล่าช้าและไม่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และชุมชนอย่างแท้จริง จึงต้องให้อำนาจคืนสู่ท้องถิ่น สู่ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนให้ได้มี บทบาทจัดการศึกษามากขึ้น 4. หลักการบริหารจัดการตนเอง เนื่องจากระบบการจัดการศึกษาโดยทั่วไปนั้น มักจะกำหนดให้ โรงเรียนเป็นหน่วยปฏิบัติตามนโยบายของส่วนกลางเป็นหลักในแทบทุกเรื่อง โรงเรียนไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง ในการบริหารจัดการด้วยตนเองเลย การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานนั้นมีความเชื่อว่าวิธีการทำงานให้บรรลุ เป้าหมายนั้นทำได้หลายวิธี และถ้าส่วนกลางทำหน้าที่เพียงกำหนดนโยบายและเป้าหมายแล้วปล่อยให้โรงเรียน มีระบบการบริหารด้วยตนเอง โดยให้โรงเรียนมีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบในการดำเนินงานได้ สามารถดำเนินการได้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันได้แล้วแต่ความพร้อมและสถานการณ์ของโรงเรียน ผลที่ได้น่าจะ มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม ที่ทุกอย่างถูกกำหนดมาจากส่วนกลาง ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม การบริหารที่ใช้โรงเรียนเป็นฐานมีรูปแบบอย่างไร อุทัย บุญประเสริฐ (2543 : จ) ได้กล่าวถึง รูปแบบการบริหารที่ใช้โรงเรียนเป็นฐาน ดังนี้คือ 1. รูป แบ บ ที่ มี ผู้บ ริห ารเป็ น ห ลัก (administration control SBM) ผู้บ ริห ารเป็ น ป ระธาน คณะกรรมการส่วนกรรมการอื่นๆ ได้มาจากการเลือกตั้งหรือคัดมาจากกลุ่มผู้ปกครอง ครู และชุมชน คณะกรรมการมีบทบาทให้คำปรึกษา แต่อำนาจการตัดสินใจยังคงอยู่ที่ผู้บริหารโรงเรียน 2. รูปแบบที่มีครูเป็นหลัก (professional control SBM) เกิดแนวคิดว่าครูเป็นผู้ใกล้ชิดนักเรียนมาก ที่สุด ย่อมรู้ปัญหาได้ดีกว่าและสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ตัวแทนคณะครูมีบทบาทที่มากที่สุด ใน คณะกรรมการโรงเรียน ผู้บริหารยังคงเป็นประธานคณะกรรมการโรงเรียน บทบาทของคระกรรมการโรงเรียน เป็นคณะกรรมการบริหาร 3. รูปแบบที่ชุมชนมีบทบาทหลัก (community control SBM) แนวคิดสำคัญคือ การจัดการศึกษา ควรตอบสนองความต้องการและค่านิยมของผู้ปกครองและชุมชนมากที่สุด ตัวแทนของผู้ปกครองและชุมชน เป็นประธานคณะกรรมการ โดยมีผู้บริหารเป็นกรรมการและเลขานุการ บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ โรงเรียนเป็นคณะกรรมการบริหาร 4. รูปแบบที่ครูและชุมชนมีบทบาทหลัก (professional-community control SBM) แนวคิดเรื่องนี้ เชื่อว่า ทั้งครูและผู้ปกครองต่างมีความสำคัญในการจัดการศึกษาให้แก่เด็ก เนื่องจากทั้ง 2 กลุ่มต่างอยู่ใกล้ชิด กันมากที่สุด รับรู้ปัญหาและความต้องการได้ดีที่สุด สัดส่วนของครูและผู้ปกครองในคณะกรรมการโรงเรียนจะมี
5 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี เท่ากันแต่มากกว่าตัวแทนกลุ่มอื่น ผู้บริหารโรงเรียนเป็นประธาน บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการโรงเรียนเป็น คณะกรรมการการบริหาร การพัฒนาหลักสูตร (Curriculum Development) หลักสูตรคืออะไร คำว่า “curriculum” มาจากภาษาลาติน หมายถึง “race course” หรือสนามแข่ง เพราะใน การศึกษามีการแข่งขันไปสู่หลักชัย และได้รับวุฒิบัตรหรือปริญญาบัตรเป็นรางวัล (เสาวพร เมืองแก้ว,2538: 21) นักการศึกษาได้ให้ความหมายของหลักสูตรต่างๆ กันดังนี้ ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์ (2539: 3) กล่าวว่า หลักสูตร คือ รายวิชาหรือเนื้อหาที่เรียน จุดมุ่งหมายที่ ผู้เรียนพึงบรรลุ แผนสำหรับจัดโอกาสการเรียนรู้ หรือประสบการณ์ที่คาดหวังแก่ผู้เรียน ประสบการณ์ทั้งปวง ของผู้เรียนที่จัดโดยโรงเรียน และกิจกรรมทางการศึกษาที่จัดให้กับผู้เรียน Good (1973: 522) ได้ให้ความหมายหลักสูตรไว้ 3 ความหมายดังนี้ (1) เนื้อหาวิชาที่จัดไว้เป็นระบบ ให้ผู้เรียนได้ศึกษา เพื่อให้สำเร็จหรือรับประกาศนียบัตรในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง (2) เค้าโครงทั่วไปหรือเค้าโครง เฉพาะ ซึ่งทางโรงเรียนจัดให้ผู้เรียนได้เรียนเพื่อรับประกาศนียบัตร หรือสามารถเรียนต่อในทางอาชีพต่อไป และ (3) กลุ่มวิชาและประสบการณ์ต่างๆ ที่กำหนดไว้ให้ผู้เรียนได้เรียนภายใต้การแนะนำของโรงเรียนหรือ สถาบันการศึกษาคอยแนะแนวทางให้คำปรึกษา ความหมายของหลักสูตร ในข้อนี้ หมายถึง หลักสูตรทั้งฉบับ ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาวิชาส่วนหนึ่งและการจัดประสบการณ์ให้อีกส่วนหนึ่ง จากความหมายดังกล่าวสรุปได้ว่า หลักสูตร หมายถึง ประสบการณ์ในการเรียนรู้ และกิจกรรมทางการ ศึกษาที่จัดให้กับผู้เรียนที่จัดโดยสถาบัน เพื่อให้ผู้เรียนได้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ ตามความสามารถของ ผู้เรียน หลักสูตรมีความสำคัญอย่างไร หลักสูตรมีความสำคัญต่อกระบวนการจัดการเรียนรู้ ดังที่ นักการศึกษาและนักวิชาการได้ให้ ความสำคัญของหลักสูตรไว้ ดังนี้ ใจทิพย์ เชื้อรัตนพงษ์ (2539: 11) กล่าวถึงความสำคัญของหลักสูตรว่า หลักสูตรเป็นเครื่องมือในการ แปลจุดมุ่งหมายและนโยบายทางการศึกษาของชาติสู่การปฏิบัติในสถาบันการศึกษาในระดับต่างๆ หลักสูตรจะ เป็นเสมือนหางเสือที่จะคอยกำหนดทิศทางให้การเรียนการสอนเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของการศึกษาหรือกล่าว อีกนัยหนึ่งคือ หลักสูตรเป็นเครื่องชี้นำทางในการจัดความรู้ และประสบการณ์แก่ผู้เรียนซึ่งครูจะต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่มุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน หลักสูตรจึงเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาและเป็นเครื่องชี้ ความเจริญของชาติ ถ้าประเทศใดมีหลักสูตรที่เหมาะสม ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ คนในประเทศนั้นก็ย่อมมี ความรู้และศักยภาพในการพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่
6 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี อำภา บุญช่วย (2537: 17-18) ได้สรุปความสำคัญของหลักสูตรไว้ดังนี้ 1. เป็นเอกสารของทางราชการ หรือเป็นบัญญัติของทางรัฐบาล เพื่อให้บุคคลที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับ การศึกษาปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษาของรัฐบาลหรือเอกชน ดังนั้น หลักสูตรจึงเปรียบเสมือน “คำสั่ง” หรือ “ข้อบังคับ” ของทางราชการชนิดหนึ่งนั่นเอง 2. เป็นเกณฑ์มาตรฐานทางการศึกษาเพื่อควบคุมการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาในระดับต่างๆ รวมทั้งเป็นเกณฑ์มาตรฐานอย่างหนึ่งในการที่จะจัดสรรงบประมาณ บุคลากร อาคารสถานที่ และวัสดุอุปกรณ์ ทางการศึกษาของรัฐบาลให้แก่โรงเรียน 3. เป็นแผนการดำเนินงานของนักบริหารการศึกษา ที่จะต้องอำนวยการควบคุมดูแลและติดตาม ประเมินผลให้เป็นไปตามนโยบายการจัดการศึกษาของรัฐบาล 4. เป็นแผนการปฏิบัติงาน หรือเครื่องชี้นำทางในการปฏิบัติงานของครู เพราะหลักสูตรจะเสนอแนะ จุดมุ่งหมายการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการประเมินผลการเรียนการสอน ซึ่งครูควรจะปฏิบัติอย่าง จริงจัง 5. เป็นเครื่องมือของรัฐ ในอันที่จะพัฒนาคนและพัฒนากำลังคน ซึ่งจะเป็นตัวจักรสำคัญในการพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามแผนของรัฐบาล 6. เป็นเครื่องชี้ถึงความเจริญของชาติ เพื่อการศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน ถ้าประเทศชาติใดมี หลักสูตรที่เหมาะสม ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้คนในประเทศของตนมีคุณภาพ จากความสำคัญของหลักสูตรดังกล่าวสรุปได้ว่า หลักสูตรมีความสำคัญต่อการจัดการศึกษา เป็นสิ่งที่ กำหนดจุดมุ่งหมาย เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อใช้เป็นแนวทางการ จัดการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยมุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ ประเทศชาติ หลักสูตรมีกี่ประเภท สมนึก ธาตุทอง และ นุชนารถ ธาตุทอง (2545: 12-13) ได้อธิบายลักษณะของหลักสูตรแบบต่างๆ ดังนี้ 1. หลักสูต รเนื้ อหาวิชา(subject surriculum or subject centered Curriculum) เป็ น หลักสูตรที่เน้นเนื้อหาความรู้เป็นหลัก ประกอบด้วยเนื้อหาที่สาระสำคัญ ได้แก่ ความคิดรวบยอด ทักษะ กฎ และหลักเกณฑ์ต่างๆ เน้นที่ผลการเรียนจากเนื้อหาสาระอย่างเดียว ผู้เรียนทุกคนต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกันไม่คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ไม่ได้เน้นที่ความสนใจหรือความต้องการของผู้เรียน แต่เน้นที่ ทฤษฎีและการถ่ายทอดเนื้อหาวิชามากกว่าการนำไปใช้ การทำข้อสอบจึงมีความสำคัญมากกว่าการนำไปใช้ใน ชีวิตจริง 2. หลักสูตรหมวดวิชา (broad-field curriculum) เป็นหลักสูตรรวบรวมศาสตร์และวิชาต่างๆ ที่มี เนื้อหาสาระใกล้เคียงกันเข้าไว้ในหมวดวิชาใหม่ เช่น หมวดวิชาภาษาจะรวมภาษาไทย และภาษาต่างประเทศ
7 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี เข้าด้วยกันประกอบด้วย วรรณคดี การอ่าน การสื่อสาร การใช้ภาษา หลักภาษา ตัวอย่างของหลักสูตรรวมวิชา จะเห็นได้ชัดเจนในหลักสูตรการศึกษาปี 2530 ทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา 3. หลักสูตรสัมพันธ์(core curriculum) เป็นหลักสูตรที่ผสมผสานเนื้อหาวิชาต่างๆ ที่ใกล้เคียงกันอยู่ กับหมวดหมู่เดียวกันเน้นวิธีการแก้ปัญหา ซึ่งจะเป็นปัญหาของบุคคลหรือส่วนรวมก็ได้ จะใช้เวลาเรียนติดต่อกัน ในแต่ละครั้งประมาณ 2-3 ชั่วโมง โดยครูเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งการเรียนการสอนแบบหน่วย และมีการจัดทำหน่วยการเรียนรู้หลายๆ หน่วย เน้นการบูรณาการ 4. หลักสูตรสหสัมพันธ์(correlated curriculum) เป็นหลักสูตรที่มีความสัมพันธ์กันในหมวดวิชา หรือระหว่างวิชา มีความสอดคล้องต่อเนื่อง เชื่อมโยงกันไม่ขาดตอน เช่น วรรณคดีกับประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ เป็นต้น 5. หลักสูตรประสบการณ์(experience curriculum) หรือ หลักสูตรที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ (childcentered curriculum) หรือหลักสูตรยึดการดำรงชีวิต (area of living design) มีลักษณะที่คล้ายกัน กล่าวคือ การจัดเนื้อหาสาสระกิจกรรมการเรียนรู้ หรือประสบการณ์ใดๆ ก็ตาม ต้องจัดขึ้นเพื่อสนองความ ต้องการของผู้เรียน เพื่อให้มีความเจริญงอกงามในทุกๆด้าน มีความสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของการ ดำรงชีวิตโดยผู้เรียนมีบทบาทมีส่วนร่วมในการเลือกหากิจกรรมการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ และตรงกับจุดหมาย ในหลักสูตร ลักษณะการร่วมกิจกรรมจะต้องอยู่บนพื้นฐานความถนัด ความสนใจของผู้เรียน เรียนรู้ด้วยการ แก้ปัญหาและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ 6. หลักสูตรบูรณาการ (integrated curriculum) เป็นหลักสูตรที่รวมประสบการณ์การเรียนรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งคัดเลือกมาจากหลายวิชา แล้วจัดเป็นกลุ่มหรือหมวดหมู่ของประสบการณ์ เป็นการบูรณาการเข้า ด้วยกัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์สัมพันธ์และต่อเนื่อง มีคุณค่าต่อการดำเนินชีวิต จะเห็นได้ชัดเจน ในหลักสูตรประถมศึกษา พุทธศักราช 2551 ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ให้ความสำคัญกับผู้เรียน โดยนำวิชาหรือ เรื่องราวต่างๆที่เรียกว่า “มวลประสบการณ์” มาจัดกลุ่มเพื่อสร้างเสริมให้ผู้เรียนมีความเจริยงอกงามได้แก่ กลุ่มทักษะที่เป็นเครื่องมือการเรียนรู้ กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต กลุ่มสร้างเสริมลักษณะนิสัย กลุ่มการ งานและพื้นฐานอาชีพ และกลุ่มประสบการพิเศษ 7. หลักสูตรแบบอิงมาตรฐาน (standard-based curriculum) หลักสูตรแบบอิงมาตรฐานเป็น หลักสูตรที่มีการกำหนดมาตรฐานเชิงเนื้อหา (content standard) อย่างชัดเจน จากผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา jons S. Kendall and Robert J. Marzano (1996 อ้างอิงใน สมนึก ธาตุทอง และนุชนารถ ธาตุทอง,2545: 13) ได้อธิบายไว้ว่า มาตรฐานเนื้อหาแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรและมีความสามารถที่จะกระทำได้ โดย ที่มาตรฐานการปฏิบัติได้ (performance standard) ทำให้มีความชัดเจน คือ ระดับของประสิทธิภาพที่ คาดหวังตามมาตรฐานเนื้อหา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตร แบบอิงมาตรฐาน ที่แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนได้เรียนรู้อะไรและมี ความสามารถที่จะกระทำได้
8 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี หลักสูตรมีองค์ประกอบอย่างไร นักการศึกษา ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของหลักสูตร ดังนี้ ธำรง บัวศรี (2531:7-8 )กล่าวว่า หลักสูตรนั้นมีองค์ประกอบที่สำคัญและขาดไม่ได้อย่างน้อย 6 อย่าง คือ จุดมุ่งหมายของหลักสูตร จุดประสงค์ของการเรียนการสอน เนื้อหาสาระ และประสบการณ์ ยุทธศาสตร์ การเรียนการสอน วัสดุอุปกรณ์และสื่อการเรียนกาสอน วิชัย ดิสสระ ( 2535:11) หลักสูตรประกอบด้วย 1. หลักสูตรแม่บท ได้แก่ ข้อกำหนดของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งประกอบด้วยจุดหมายและแนวทางของ การศึกษา โครงสร้างของเนื้อหาสาระ ประกอบด้วยหมวดวิชาหรือกลุ่มวิชาเนื้อหาวิชาเป็นหัวข้อสำคัญๆอัตรา เวลาเรียน และแนวทางการสอน ตลอดจนการประเมินผลการเรียน 2. เอกสารและวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน ได้แก่ เอกสารและอุปกรณ์ต่างๆที่ครูใช้สอนและผู้เรียนใช้ เรียน เช่น คู่มือครู แผนการสอน โครงการสอน หนังสืออ่านเพิ่มเติม แบบฝึกหัด ฯลฯและวัสดุอุปกรณ์การเรียน ต่างๆสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร 3. กิจกรรมการเรียน ได้แก่ การดำเนินการต่างๆในโรงเรียน ทั้งของครูและผู้เรียน เช่นการสอนให้ผู้เรียน ค้นคว้า อภิปราย การอบรม การบรรยาย การสาธิต การปฏิบัติ ฯลฯ ตลอดทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆที่ครูและ ผู้บริหารการศึกษา เป็นผู้ปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวทางและจุดหมายในหลักสูตรแม่บท 4. การประเมินผล ได้แก่ หลักการของการประเมิน กระบวนการวัดต่างๆพร้อมทั้งเครื่องวัดและแบบฟอร์ม ในการประเมินผลการศึกษาเพื่อที่จะรู้ว่าผู้เรียนคนใดมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีความเจริญงอกงามในด้านต่างๆ ขึ้นหรือไม่เพียงใด เมื่อทราบแล้วจะได้พิจารณาถึงเกณฑ์ที่ต้องการหรือไม่ ถ้าไม่ถึงจะได้หาทางปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้นักเรียนผู้นั้นบรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ Beauchamp (1975:107-109) กล่าวว่า องค์ประกอบสำคัญ ซึ่งจะต้องเขียนไว้ในเอกสารหลักสูตรมี4 ประการ คือ เนื้อหาสาระและวิธีการจัด จุดมุ่งหมายทั่วไปและจุดมุ่งหมายเพาะ แนวการนำหลักสูตรไปใช้สอน และการประเมินผล Saylor and Alexander (1974 :189) กล่าวว่า องค์ประกอบของหลักสูตร ได้แก่ ความมุ่งหมายของ การศึกษา การจัดเนื้อหาวิชา กิจกรรมการเรียนการสอน และการประเมิน Taba (1962:1) ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของหลักสูตรว่า หลักสูตรไม่ว่าจะมีรูปแบบใด จะมีองค์ประกอบ อย่างน้อยที่สุด 4 อย่างคือ วัตถุประสงค์ทั่วไปและวัตถุประสงค์เพาะวิชา เนื้อหาวิชาและจำนวนชั่วโมงสำหรับ การเรียนแต่ละวิชา กระบวนการเรียนการสอนหรือการนำหลักสูตรไปใช้และโครงการประเมินผลตามหลักสูตร จากแนวคิดขององค์ประกอบของหลักสูตรที่กล่าวมาข้างต้น สรุปได้ว่า องค์ประกอบของหลักสูตรควร ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญคือ วัตถุประสงค์ เนื้อหา การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล หลักสูตร ควรประกอบด้วย วัตถุประสงค์ เนื้อหา การจัดการเรียนรู้ และ การวัดและประเมินผล
9 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรสถานศึกษา (School-Based Curriculum) คืออะไร สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (2551: 1) ได้ให้ความหมายของ หลักสูตรสถานศึกษาไว้ว่า หลักสูตรสถานศึกษา หมายถึง แผนหรือแนวทางหรือข้อกำหนดของการจัด การศึกษาที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ ซึ่งจัดทำโดยคณะบุคคลของสถานศึกษาและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาผู้เรียน และชุมชน สังคม ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ และส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักตนเองมี ชีวิตอยู่ในชุมชน สังคม อย่างมีความสุขซึ่งต้องไม่ขัดต่อความมั่นคงของชาติ และสิทธิมนุษยชน การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษามีรูปแบบอย่างไร ในการพัฒนาหลักสูตร มีรูปแบบและกระบวนการที่คล้ายคลึงกัน นักการศึกษาได้เสนอรูปแบบการ พัฒนาหลักสูตร ดังนี้ Tyler (1949: 2) ได้เสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตร โดยตั้งคำถามไว้ 4 ข้อ คือ 1. วัตถุประสงค์ทางการศึกษาอะไรบ้างที่โรงเรียนต้องจัดให้ผู้เรียนได้รับ 2. มีประสบการณ์ทางการศึกษาอะไรบ้างที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์เหล่านี้ 3. จะจัดประสบการณ์ทางการศึกษาเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร 4. จะพิจารณาได้อย่างไรว่าวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้นั้นได้บรรลุแล้ว Taba (1962: 345-399) ได้เสนอแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรไว้ ดังนี้ 1. จำแนกความต้องการ (diagnosis of need) เป็นการวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องโดยการ สำรวจปัญหาและความต้องการ รวมทั้งความจำเป็นต่างๆ ของสังคมเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการกำหนด จุดมุ่งหมาย 2. การกำหนดจุดมุ่งหมาย (formulation of objectives) โดยพิจารณาข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ สภาพปัญหาและความต้องการ เพื่อนำมาพิจารณาจัดการศึกษาให้เป็นไปตามความต้องการ และเป็นการ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยใช้คำว่า เป้าหมาย (goal) และจุดมุ่งหมาย (objectives) 3. การคัดเลือกเนื้อหาวิชา (selection of content) โดยคัดเลือกเนื้อหาความรู้ที่จะต้องนำมา กำหนดให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามความต้องการ และความจำเป็นของสังคมโดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมาย ซึ่ง สอดคล้องกันระหว่างเนื้อหา และจุดมุ่งหมาย 4. การจัดรวบรวมเนื้อหา (organization of content) โดยพิจารณาจากความยากง่ายของสาระวิชา วุฒิภาวะ ความพร้อมของผู้เรียน 5. การคัดเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ (selection of learning experience) เพื่อนำมาเสริม เนื้อหาวิชาที่ต้องนำมาสอนและกระบวนการเรียนรู้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมาย 6. การจัดรวบรวมกระบวนการเรียนรู้ (organization of learning activities) โดยพิจารณาว่าในการ ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียน ตลอดจนความเชื่อมโยงและจัดลำดับกิจกรรมให้มีความสอดคล้องกัน
10 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี 7. การพิจารณาถึงวิธีการและแนวทาง (determination of what to evaluate and of the ways and means of doing it) การประเมินผลเป็นการประเมินขั้นสุดท้าย เป็นการประเมินผลประสิทธิภาพของ หลักสูตรว่าผู้เรียนมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปตามจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ และมีความเหมาะสมเพียงใด และกำหนดด้วยว่า จะใช้วิธีประเมินผลอย่างไร มีอะไรช่วยในการประเมิน Saylor and Alexander (1974 :27) ได้เสนอแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรไว้ดังนี้ 1. การศึกษาตัวแปรต่าง ๆ จากภายนอก ได้แก่ ภูมิหลังของผู้เรียน สังคม ธรรมชาติของการเรียนรู้ แผนการศึกษาชาติทรัพยากรและคามสะดวกสบายในการพัฒนาหลักสูตร และคำแนะนำจากผู้ประกอบอาชีพ 2. การกำหนดความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ 3. การนำหลักสูตรไปใช้ 4. การประเมินผล จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า รูปแบบการพัฒนาหลักสูตรมี 6 ขั้นตอนคือ 1) การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ ผู้เรียน สังคม และปรัชญาการศึกษา 2.) การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร 3) การกำหนดเนื้อหาสาระและ ประสบการณ์การเรียนรู้ 4) การนำหลักสูตรไปใช้ 5) การประเมินผลหลักสูตร 6) การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง หลักสูตร ผู้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาคือใคร ในการดำเนินการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สถานศึกษาทุกแห่งจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร หลักสูตรและงานวิชาการขึ้น ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าว ควรจะประกอบด้วย 1. ผู้บริหารสถานศึกษา 7. ครูผู้สอน ศึกษานิเทศก์ 2. หัวหน้าหมวดวิชาหรือกลุ่มวิชา 8. ผู้แทนผู้ปกครอง 3. หัวหน้างานแนะแนว 9. ผู้แทนองค์กรชุมชน 4. หัวหน้างานวัดผลและประเมินผล 10. ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5. ผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายวิชาการ 11. ผู้แทนศิษย์เก่า 6. ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา ผู้ทรงคุณวุฒิ ภูมิปัญญาท้องถิ่น บทบาทของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ ควรมีดังนี้ 1. ร่วมกันกำหนดนโยบายและวางแผนดำเนินงานฝ่ายวิชาการ 2. ร่วมกันกำหนดรูปแบบและขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา 3. ร่วมกันศึกษาสภาพ ปัญหา และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา 4. ร่วมกันกำหนดจุดหมาย หลักการ โครงสร้าง สาระการเรียนรู้ของหลักสูตรสถานศึกษา ซึ่งจะต้อง สอดคล้องและเป็นไปตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียน 5. จัดทำคู่มือการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสถานศึกษา 6. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่างๆและชุมชน เพื่อให้การใช้หลักสูตรเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ
11 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี 7. นิเทศ ติดตามผล ตรวจสอบผลสำเร็จหรือปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา เมื่อคณะกรรมการการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการได้พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาเสร็จ เรียบร้อยแล้วจะต้องนำเสนอ ขออนุมัติหลักสูตรกับคณะกรรมการสถานศึกษาก่อนนำไปใช้(กรมการศึกษา นอกโรงเรียน, 2546: 7-8) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วย หลักการ จุดหมาย โครงสร้างหลักสูตร การจัดหลักสูตร การจัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สาระและ มาตรฐานการเรียนรู้ วิธีจัดการเรียนรู้การจัดกระบวนการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การเทียบโอน การวัดและ ประเมินผลการเรียน การจบหลักสูตร เอกสารหลักฐานการศึกษา และการบริหารหลักสูตร ในการดำเนินงาน จัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ภารกิจที่สำคัญ ของสถานศึกษา คือ การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาโดยกำหนดสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพ ชีวิตให้เป็นไปตามที่กำหนดโครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ สาระการเรียนรู้ จำนวนหน่วยกิต ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย วิชาบังคับ วิชาเลือก วิชาบังคับ วิชาเลือก วิชาบังคับ วิชาเลือก 1 ทักษะการเรียนรู้ 5 5 5 2 ความรู้พื้นฐาน 12 16 20 3 การประกอบอาชีพ 8 8 8 4 ทักษะการดำเนินชีวิต 5 5 5 5 การพัฒนาสังคม 6 6 6 รวม 36 12 40 16 44 32 48 หน่วยกิต 56 หน่วยกิต 76 หน่วยกิต กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต 200 ชั่วโมง 200 ชั่วโมง 200 ชั่วโมง หมายเหตุวิชาเลือกในแต่ละระดับ สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียน เรียนรู้จากการทำโครงงาน จำนวนอย่างน้อย 3 หน่วยกิต เมื่อสถานศึกษาโดยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการพัฒนา หลักสูตรสถานศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนนำไปใช้สถานศึกษาจะต้อง ขออนุมัติหลักสูตรกับคณะกรรมการสถานศึกษา
12 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบการระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นการดำเนินงานร่วมกันระหว่างสถานศึกษา ชุมชน และภาคีเครือข่าย โดยยึดหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มี ความสามารถในการเรียนรู้ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาขอจังหวัด อำเภอ และชุมชน ให้เป็นไปตาม ปรัชญา “คิดเป็น”และวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา ด้วยการวิเคราะห์สภาพปัญหา ความต้องการการพัฒนา ระดับจังหวัด อำเภอและชุมชน เพื่อกำหนดทิศทางการจัดการศึกษาที่จะนำไปสู่การจัดทำแผนการเรียนรู้ที่ เหมาะสมต่อไป ทิศทางการจัดการศึกษา ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา สถานศึกษาควรกำหนดทิศทางการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียน ตามที่ต้องการ และสอดคล้องกับความต้องการพัฒนาจังหวัด อำเภอ และชุมชน โดยสถานศึกษาจะต้องศึกษา จะต้องศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง 1. หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 2. เอกสารสาระการเรียนรู้ จำนวน 5 สาระ 2.1 สาระทักษะการเรียนรู้ 2.2 สาระความรู้พื้นฐาน (ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) 2.3 สาระการประกอบอาชีพ 2.4 สาระทักษะการดำเนินชีวิต 2.5 สาระการพัฒนาสังคม 3. เอกสารการดำเนินงาน จำนวน 4 เล่ม ดังนี้ 3.1 แนวทางการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา 3.2 แนวทางการเทียบโอนผลการเรียน 3.3 คู่มือดำเนินงาน (การบริหารจัดการ แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) การ วัดและประเมินผลการเรียน) 3.4 แนวทางการจัดการเรียนรู้ 4. ข้อมูลความต้องการพัฒนาของจังหวัด อำเภอ และชุมชนจากที่ได้ศึกษาเอกสารและข้อมูลที่ กล่าวไว้ข้างต้นแล้วนั้น สถานศึกษากำหนดทิศทางการจัดการศึกษา โดยการพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษาที่ตอบสนองเป้าหมายผู้เรียน การพัฒนาของจังหวัด อำเภอ และชุมชน ให้สอดคล้องกับ ปรัชญา “คิดเป็น”
13 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี องค์ประกอบของหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรสถานศึกษา เป็นการกำหนดกรอบการจัดการศึกษาเพื่อเป็นทิศทางในการพัฒนาผู้เรียนและ ชุมชน สังคม ดังนั้น หลักสูตรสถานศึกษาประกอบด้วยองค์ประกอบ ดังนี้ 1. บริบทพื้นฐาน 2. ปรัชญา “คิดเป็น” 3. วิสัยทัศน์ 4. พันธกิจ 5. หลักสูตร จุดหมายของหลักสูตร 6..กลุ่มเป้าหมาย 7.กรอบโครงสร้าง 7..1 ระดับการศึกษา 7..2 สาระการเรียนรู้ 7.3 กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต 7.4 มาตรฐานการเรียนรู้ 7.5 เวลาเรียน 7.6 เวลาเรียน 7.7 โครงสร้างหลักสูตร 8.สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 8.1 ทักษะการเรียนรู้ 8.2 ความรู้พื้นฐาน (ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ 8.3การประกอบอาชีพ 8.4ทักษะการดำเนินชีวิต 8.5การพัฒนาสังคม 9. แผนการลงทะเบียนเรียนของสถานศึกษาตลอดหลักสูตร 10. วิธีการจัดการเรียนรู้ 10.1 การเรียนรู้ด้วยตนเอง 10.2 การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม 10.3 การเรียนรู้แบบทางไกล 10.4การเรียนรู้แบบชั้นเรียน 10.5 การเรียนรู้ในรูปแบบอื่นๆ 11. การจัดกระบวนการเรียนรู้ 11.1 สภาพปัญหาความต้องการ 11.2 แสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้
14 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี 11.3 นำไปประยุกต์ใช้ 11.4 ประเมินผลการเรียนรู้ 12. สื่อการเรียนรู้ 13. การเทียบโอน 14. การวัดและประเมินผล 15. การจบหลักสูตร 16. เอกสารหลักฐานการศึกษา
15 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี หลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 “ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย”
16 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี บริบทพื้นฐาน สภาพทั่วไปของจังหวัดอุทัยธานี ประวัติความเป็นมาของจังหวัดอุทัยธานี เมืองอุทัยธานี มีหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากรยืนยันไว้ว่า เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 3,000 ปี มาแล้ว โดยพบหลักฐานยืนยันในหลายพื้นที่ เช่น โครงกระดูก เครื่องมือหินกะเทาะจากหินกรวดและภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์เขาปลาร้าตำนานเก่าเล่าว่า ในสมัย สุโขทัยเจริญรุ่งเรืองนั้น "ท้าวมหาพรหม" ได้เข้ามาสร้างเมืองที่บ้านอุทัยเก่า คือ อำเภอหนองฉางในปัจจุบันนี้ แล้วพาคนไทยเข้ามาอยู่ท่ามกลางหมู่บ้านคนมอญ และคนกะเหรี่ยง จึงเรียกว่า "เมืองไทย" เรียกชื่อตามกลุ่ม หรือที่อยู่ของคนไทย ซึ่งพากันตั้งบ้านเรือนอยู่อย่างหนาแน่น มีพืชพันธุ์ และอาหาร ที่อุดมสมบูรณ์กว่าแห่งอื่น ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินและเกิดกันดารน้ำ เมืองอู่ไทยจึงถูกทิ้งร้าง จนในที่สุด "พะตะเบิด" ได้เข้ามา ปรับปรุงเมืองอู่ไทยโดยขุดที่เก็บกักน้ำไว้ใกล้เมืองและพะตะเบิดได้เป็นผู้ปกครองเมืองอู่ไทยเป็นคนแรกในสมัย กรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เรียกกันเป็น "เมืองอุไทย" คาดว่าเพี้ยนไปตามสำเนียงชาวพื้นเมืองเดิม ได้มีฐานะเป็นหัว เมืองด่านชั้นนอกมีพระพลสงครามเป็นนายด่านแม่กลองและ พระอินทรเดช เป็นนายด่านหนองหลวง (ปัจจุบัน แม่กลอง คือ อำเภออุ้มผาง และหนองหลวง คือ ตำบลหนองหลวง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก) คอย ดูแลพม่าที่จะยกทัพมาตามเส้นทางชายแดนด่านแม่ละเมา ต่อมาในสมัยพระเอกาทศรถ (พ.ศ. 2148-2163) ได้ โปรดให้บัญญัติอำนาจการใช้ตราประจำตำแหน่ง มีบัญชาการตามหัวเมืองนั้น ได้ระบุในกฎหมายเก่าลักษณะ พระธรรมนูญว่า "เมืองอุไทยธานี เป็นหัวเมืองขึ้นแก่มหาดไทย" เมืองอุไทยธานีเป็นเมืองที่อยู่บนที่ดอนและลึก เข้าไป ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ และไม่สามารถติดต่อทางเรือได้ ดังนั้นชาวเมืองอุไทยธานีจึงต้องขนข้าวบรรทุก เกวียนมาลงที่แม่น้ำ จึงทำให้พ่อค้าพากันไปตั้งยังฉางรับซื้อข้าวที่ริมแม่น้ำจนเป็นหมู่บ้านใหญ่ เรียกว่าหมู่บ้าน "สะแกกรัง"เนื่องจากเป็นพื้นที่มีป่าสะแกขึ้นเต็มริมน้ำและมีต้นสะแกใหญ่อยู่กลางหมู่บ้านบ้านสะแกกรัง ชาว จีนเรียกเพี้ยนเป็น "ซิเกี๋ยกั้ง" เป็นตลาดซื้อข้าวที่มีพ่อค้าคนจีนนิยมไปตั้งบ้านเรือนและ ยุ้งฉาง ต่อมาในระยะ หลังได้มีเจ้านายและขุนนางมาตั้งบ้านเรือนอยู่ เพราะความสะดวกในการกะเกณฑ์สิ่งของส่งเมืองหลวง ซึ่งเป็น จำพวก มูลค้างคาว ไม้ซุง กระวาน และช้างป่า อีกทั้งยังมีช่องทางในการค้าข้าวอีกด้วย พ.ศ. 2376 ข้าราชการชาวกรุงเทพฯ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระยาอุไทยธานี เจ้าเมืองอุไทยธานี ในสมัยนั้น ได้เห็นว่าบ้านสะแกกรังเป็นตลาดใหญ่ มีผู้คนอพยพเข้ามาอยู่กันอย่างหนาแน่น อีกทั้งเป็นสถานที่ที่ ชาว อุไทยธานีติดต่อค้าขายข้าว และไม้ซุง กับพ่อค้าที่นั่นมานานแล้ว จึงคิดตั้งบ้านเรือนเพื่อค้าขายประจวบ กับเวลานั้นเจ้าเมืองไชยนาทเป็นเพื่อนกัน จึงขอตั้งบ้านเรือนที่ริมแม่น้ำสะแกกรัง เนื่องจากผู้คนมาติดต่อ ราชการและมาค้าขายกันมาก ทั้งนี้ เนื่องจากเจ้าเมืองไม่กล้าขึ้นไปเมืองอุไทยธานีเก่า อ้างว่ากลัวไข้ป่าจึงเป็น เหตุให้พากันอพยพมาอยู่กันมากขึ้น พ.ศ. 2391 ได้มีการแบ่งเขตดินแดนเมืองอุไทยธานี และเมืองไชยนาทโดยตัดเขตบ้านสะแกกรังทางฝั่ง คลองฟากใต้ ตั้งแต่ท้ายบ้านสะแกกรังไปจดเมืองอุไทยธานีเก่า โอนที่นั่นจากเมืองไชยนาท เป็นของเมืองอุไทย
17 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ธานี ดังนั้นเมืองอุไทยธานี จึงตั้งอยู่ที่ปลายสุดเขตแดนเมืองมโนรมย์ ข้างใต้บ้านลงมาสักคุ้งน้ำหนึ่งก็เป็นแดน เมืองไชยนาท พ.ศ. 2441 เมืองอุไทยธานี ขึ้นกับมณฑลนครสวรรค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เปลี่ยน เป็นขึ้นกับ มณฑลอยุธยา สุดท้ายมีการประกาศเลิกมณฑลปี พ.ศ. 2476 และกำหนดให้จังหวัดเป็นหน่วยปกครองส่วน ภูมิภาค อุทัยธานีเมืองพระชนกจักรี พระชนกจักรี มีพระนามเดิมว่า นายทองดี เป็นบุตรคนโตของ หมื่นมหาสนิท (ทองคำ) ต่อมาได้พระ ราชนิกูล ปลัดทูลฉลองมหาดไทย ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ กรุงศรีอยุธยา สืบเชื้อสายมาจาก เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ถือกำเนิดที่บ้านอุไทธานี เมืองอุไทธานี หรือจังหวัดอุทัยธานีในปัจจุบัน ภายหลัง ย้ายไปอยู่กรุงศรีอยุธยารับราชการจนได้ตำแหน่งเป็นพระอักษรสุนทรศาสตร์ เสมียนตรากรมมหาดไทยมีหน้าที่ ร่าง พระราชสาสน์ตราและรักษาพระราชลัญจกร (ตราประจำพระเจ้าแผ่นดิน)พระอักษรสุนทรศาสตร์ แต่งาน กับคุณดาวเรือง หลานสาวพระยาอภัยราชา สมุหนายก 5 คน คนแรกเป็นหญิง ชื่อ สา คนรองเป็นชายชื่อ ราม คนที่สามเป็นหญิง ชื่อ แก้ว คนที่สี่แลเป็นชาย ชื่อ ทองด้วง และบุญมา ต่อมาพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) ได้ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราช รามาธิบดี (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้นำบรรดาศักดิ์สุดท้าย คือ พระบิดา "พระยา จักรีศรีองค์รักษ์" มาใช้เป็นชื่อราชวงศ์จักรี และได้สถาปนา พระอัฐิพระบิดาขึ้นเป็น "สมเด็จพระชนกาธิบดี" ใน พ.ศ. 2338 จังหวัดอุทัยธานีได้สร้างพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมชนกนาถบนยอดเขาแก้ว (เขาสะแก กรัง) บ้านสะแกกรัง ซึ่งเป็นสถานที่เกิดไว้เป็นอนุสรณ์ แล้วเสร็จในปี 2522 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระวิสูตรพระอนุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2522 ปัจจุบัน รูปพลับพลาจัตุรมุข หน้าบรรณศาลาตราจักรี ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกนาถ บนยอดเขา แก้ว ใช้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดอุทัยธานี ขนาดและที่ตั้ง จังหวัดอุทัยธานี ตั้งอยู่ตอนล่างสุดของภาคเหนือ อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 14 องศา 56 ลิปดาเหนือถึง 14 องศา 47 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 89 องศา 59 ลิปดาตะวันออก ถึง 100 องศา 7 ลิปดาตะวันออก บริเวณ ลุ่มน้ำสะแกกรังทางฝั่งตะวันตก มีพื้นที่ทั้งหมด 6.770 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4,206,404 ไร่ มีพื้นที่ ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 29 ของประเทศ โดยห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือถนนสายเอเชีย ประมาณ 206 กิโลเมตร แยกเข้าจังหวัดอุทัยธานีด้านทางหลวงแผ่นดินหมายเลขบ้านท่าน้ำอ้อย ประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงจังหวัดอุทัยธานี รวมระยะทาง 222 กิโลเมตร จังหวัดอุทัยธานี มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่างๆ หลาย จังหวัด ดังนี้
18 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ทิศเหนือ ติดอำเภอชุมตาบง อำเภอลาดยาว อำเภอโกรกพระ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ทิศใต้ ติดอำเภอวัดสิงห์ อำเภอหนองมะโมง อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี และ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ทิศตะวันออก ติดอำเภอพยุหะคีรีจังหวัดนครสวรรค์ และอำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ทิศตะวันตก ติดอำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ระยะทางระหว่างอำเภอกับจังหวัดอุทัยธานี แบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ แต่ละอำเภอมีระยะทางห่าง จากจังหวัด/อำเภอเมืองอุทัยธานี ดังนี้ อำเภอหนองขาหย่าง 10 กิโลเมตร อำเภอทัพทัน 19 กิโลเมตร อำเภอหนองฉาง 22 กิโลเมตร อำเภอสว่างอารมณ์ 33 กิโลเมตร อำเภอห้วยคต 45 กิโลเมตร อำเภอลานสัก 54 กิโลเมตร อำเภอบ้านไร 80 กิโลเมตร
19 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี นโยบายพัฒนาของจังหวัดอุทัยธานี “เกษตรปลอดภัย รายได้มั่นคง แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และมรดกโลกห้วยขาแข้ง สู่สากล” วิสัยทัศน์ “เมืองท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เกษตรปลอดภัย สังคมอุทัยผาสุก” พันธกิจ 1. จัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับการศึกษาและ พัฒนาสมรรถนะ ทักษะการเรียนรู้ของประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยให้พร้อมรับการ เปลี่ยนแปลงและการปรับตัวในการดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสม ก้าวสู่การเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างยั่งยืน 2. พัฒนาหลักสูตรรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการศึกษา การวัด และประเมินผลในทุกรูปแบบให้มีคุณภาพและมาตรฐานสอดคล้องกับรูปแบบการจัดการเรียนรู้และบริบทใน ปัจจุบัน 3. ส่งเสริมและพัฒนาเทคโนโลยีทางการศึกษา และนําเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาส การเรียนรู้ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดและให้บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตาม อัธยาศัยให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง 4. ส่งเสริมสนับสนุน แสวงหา และประสานความร่วมมือเชิงรุกกับภาคีเครือข่าย ให้เข้ามามีส่วนร่วมใน การสนับสนุนและจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในรูปแบบต่าง ๆ ให้กับประชาชน 5. พัฒนาระบบการบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีเอกภาพ เพื่อการบริหารราชการที่ดี บนหลัก ของธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น 6. ยกระดับการบริหารและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะ สมรรถนะ คุณธรรม และ จริยธรรมที่ดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการทางการศึกษาและการเรียนรู้ที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ประเด็นยุทธศาสตร์ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ควบคู่วิถีชีวิตเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของจังหวัดสู่ สากล เป้าประสงค์ สถานที่/แหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดมีเอกลักษณ์ คุณค่า และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย
20 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี 1. ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เยี่ยมเยือน (เพิ่มขึ้นปีละ 15%) 2. ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของรายได้จากการท่องเที่ยว (เพิ่มขึ้นปีละ 15%) 3. รายได้จากการจำหน่ายสินค่า OTOP เพิ่มขึ้น (ปีละ 12%) กลยุทธ์ 1. พัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชน และส่งเสริมผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพ สามารถบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2. พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว ให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และเหมาะสม 3. ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมเอกลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงผู้ประกอบการและจัดหาตลาดด้าน การท่องเที่ยว ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 ส่งเสริม พัฒนาผลิตภัณฑ์การเกษตร เกษตรแปรรูปให้มีคุณภาพ เป้าประสงค์ 1. ผลผลิตการเกษตรมีความปลอดภัยได้มาตรฐาน GAP 2. มูลค่าผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น 3. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย 1. จำนวนแปลง/ฟาร์มที่ได้รับรองมาตรฐาน GAP (แปลงต่อปี) 2. ร้อยละปริมาณผลผลิตทางการเกษตรเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มสูงขึ้น (อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง) (เพิ่มขึ้น) 3. ร้อยละมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้น (โคเนื้อ ไก่พื้นเมือง) (เพิ่มขึ้น) 4. จำนวนผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่ได้รับการส่งเสริม/พัฒนา 5. ปริมาณของพื้นที่กักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร (เพิ่มขึ้นจากแผนบริหารการจัดการน้ำ) กลยุทธ์ 1. ส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ลดการใช้สารเคมี ในการควบคุมป้องกัน กำจัดโรค และศัตรูผลผลิตทางการเกษตร 2. ส่งเสริมระบบการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรทั้งระบบชุมชนและระบบอุตสาหกรรมให้เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม 3. สร้างการเชื่อมโยงเครือข่ายการรวมกลุ่มของเกษตรกรให้เข้มแข็งและเพิ่มอำนาจการต้อรองใน ตลาดสินค้าเกษตร 4. พัฒนาแหล่งน้ำ อย่างมีแบบแผนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด 5. การพัฒนาสายพันธุ์ พืช ปศุสัตว์ ประมง รวมถึงปัจจัยการผลิตที่ได้คุณภาพและผ่านการ รับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
21 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ความมั่นคง การดำรงชีวิตตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง เป้าประสงค์ 1. ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความมั่นคงและปลอดภัย 2. ประชาชนมีรายได้จากการประกอบอาชีพอย่างพอเพียงและยั่งยืน 3. ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการของภาครัฐอย่างมีคุณภาพและทั่วถึง ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย 1. จำนวนผู้ติดยาเสพติดไม่เกิน 3 คน ต่อ ประชากร 1,000 คน (ลดลง) 2. ร้อยละจำนวนคดีที่จับกุมได้ต่อคดีที่รับแจ้ง (คดีอาญา 3 กลุ่ม : คดีอุฉกรรจ์และสะเทือนขวัญ, คดี ชีวิต ร่างกาย และเพศ, คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์) 3. สถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรทางบก (ไม่เกิน 30 รายต่อปี) 4. จำนวนศูนย์เรียนรู้ชุมชน/ปราชญ์หรือเกษตรกรต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียง (เพิ่มขึ้นต่อปี) 5. ร้อยละจำนวนครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ จปฐ. ลดลง 6. ร้อยละ 80 ของผู้สูงอายุเข้าถึงสิทธิบริการทางสังคม และสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ 7. ระดับคะแนนเฉลี่ย O-Net (ป.6, ม.3, ม.6) กลยุทธ์ 1. เสริมสร้างการอำนวยความยุติธรรม สิทธิมนุษยชนความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและความ มั่นคง 2. เสริมสร้างการน าทุนทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม มาสร้างคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทาง เศรษฐกิจ 3. สร้างเสริมสุขภาวะของประชาชน 4. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเสริมความปลอดภัยทางถนนและระบบการขนส่งสาธารณะให้ได้มาตรฐาน รวมถึงจิตสำนึกในการลดอุบัติเหตุอุบัติภัยให้กับประชาชน 5. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคให้มีคุณภาพ 6. ส่งเสริมการมีงานท า การคุ้มครองแรงงานนอกระบบและพัฒนาฝีมือแรงงานในสาขาที่ขาดแคลน 7. พัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต 8. การพัฒนาศูนย์เรียนรู้ชุมชน/ปราชญ์หรือเกษตรกรต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียงแผนพัฒนา จังหวัดอุทัยธานี (พ.ศ. 2561 – 2564)
22 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบบน พื้นฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เป้าประสงค์ 1. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสมบูรณ์และยั่งยืน 2. ประชาชนมีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษา ฟื้นฟู ป้องกัน และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย 1. สัดส่วนจำนวนพื้นที่ป่าไม้ต่อพื้นที่จังหวัดเพิ่มขึ้น 2. คุณภาพสิ่งแวดล้อม (น้ำขยะ) อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กรมควบคุมมลพิษ กำหนดกลยุทธ์ 1. พัฒนาระบบเฝ้าระวังรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และระบบแจ้งเตือนภัยให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง 2. พัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มพื้นที่สีเขียว และอนุรักษ์ เพื่อรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติของ จังหวัด 3. ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วน 4. ส่งเสริมการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย รวมถึงการลดปริมาณขยะมูลฝอยและการนำ กลับมาใช้ตามหลัก 3R (Reduce Reuse Recycle) ข้อมูลอำเภอเมืองอุทัยธานี สภาพภูมิศาสตร์ อำเภอเมืองอุทัยธานีมีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบลุ่มมีภูเขาเล็กน้อย เหมาะกับทำการเกษตร พื้นที่ มีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีแม่น้ำทั้ง 3 สายไหลผ่าน โดยทิศเหนือติดต่อกับอำเภอโกรกพระ จังหวัด นครสวรรค์ ทิศใต้ติดต่อกับอำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี ทิศตะวันออกติดต่อกับ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ทิศตะวันตกติดต่อกับ อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี มีแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลผ่าน ตำบลหาดทนง ตำบลเกาะเทโพ ตำบลท่าซุง แม่น้ำสะแกกรัง ไหลผ่านตำบลสะแกกรัง ตำบลอุทัยใหม่ และไป สิ้นสุดตำบลท่าซุง และแม่น้ำแควตากแดด ไหลผ่านตำบลทุ่งใหญ่ ตำบลหนองไผ่แบน ตำบลเนินแจง ไปสิ้นสุด ที่ ตำบลสะแกกรังบรรจบกับแม่น้ำสะแกกรัง ประวัติความเป็นมาอำเภอ อำเภอเมืองอุทัยธานี แต่เดิมเรียกว่า “อำเภอน้ำซึม” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำสะแกกรังบนฝั่ง แม่น้ำด้านที่มีตลาดใหญ่เรียกว่า “ตลาดสะแกกรัง” ขึ้นอยู่กับจังหวัดชัยนาถ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระ นั่งแกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าแต่งตั้งให้ พระยาอุไทธานี (เสือ พยัคฆ์วิเชียร) ซึ่งเป็น ชาวกรุงเทพ
23 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ฯ มาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองอุทัยธานี ในปี พ.ศ. 2376 แต่กลัวไข้ป่า ไม่กล้าขึ้นไปว่าราชการ ที่เมืองอุทัยเก่า (ปัจจุบันเป็นตำบลอุทัยเก่า อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุทัยธานี 21 กิโลเมตร ) ประกอบกับการเดินทางไปมาติดต่อกับนครหลวงไม่สะดวก เพราะกันดาร ต่างกับบ้านสะแกกรัง (ขณะนั้นอยู่ ในเขตเมืองชัยนาท) เป็นชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการคมนาคมสะดวก เพราะมี แม่น้ำสะแกกรังไหลผ่าน จึงขอพระบรมราชาอนุญาตว่าราชการและตั้งบ้านเรือนสะแกกรัง ตำบลสะแกกรัง จนถึงพุทธศักราช 2435 และในปี พ.ศ. 2464 กระทรวงมหาดไทยจึงได้โอนตำบลสะแกกรังที่ขึ้นอยู่กับจังหวัดชัยนาทมาขึ้นกับอำเภอ น้ำซึม ต่อมาขุนปาลวัฒน์วิไชย (เหมือน ปาลวัฒน์วิไชย) นายอำเภอน้ำซึม ได้เสนอขอเปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภ อเมืองอุทัยธานี” เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อเมืองอันเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี และกระทรวงมหาดไทยเปลี่ยนชื่อ “ อำเภอน้ำซึม” เป็น “อำเภอเมืองอุทัยธานี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 เป็นต้น มา และผู้ดำรงตำแหน่ง นายอำเภอเมืองอุทัยธานีมาแล้ว จำนวน 31 คน คนแรกคือ หลวงทิพย์รักษา อำเภอ เมืองอุทัยธานี ตั้งอยู่ท้องที่ ตำบลอุทัยใหม่ อยู่ทางทิศตะวันตก ของแม่น้ำสะแกกรัง ห่างจากกรุงเทพมหานคร 222 กิโลเมตร มีพื้นที่ โดยประมาณ 251 ตารางกิโลเมตร หรือ 156,250 ไร่ อาณาเขตติดต่อ ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอโกรกพระ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัด นครสวรรค์ ทิศใต้ ติดต่อกับ อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี และอำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอหนองขาหย่าง อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี
24 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ลักษณะภูมิประเทศ สภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มมีภูเขาเล็กน้อย มีลักษณะลาดเทจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออกและ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล โดยเฉลี่ย 20 เมตร ภูเขา อำเภอเมืองอุทัยธานีมีภูเขาแต่ละลูกไม่ใหญ่โตมากนัก ภูเขา ที่สำคัญ ๆ ได้แก่ เขาสะแกกรัง เขาจักษา เขาพะแวง และเขานาค แม่น้ำ มีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่าน จำนวน 3 สาย คือ 1. แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลผ่านตำบลหาดทนง ตำบลเกาะเทโพ ตำบลท่าซุง 2. แม่น้ำสะแกกรัง ไหลผ่านตำบลสะแกกรัง ตำบลอุทัยใหม่ และไปสิ้นสุดตำบลท่าซุง 3. แม่น้ำแควตากแดด ไหลผ่านตำบลทุ่งใหญ่ ตำบลหนองไผ่แบน ตำบลเนินแจง ไปสิ้นสุดที่ ตำบลสะแกกรังบรรจบกับแม่น้ำสะแกกรัง ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะทางภูมิอากาศเป็นแบบมรสุม มี 3 ฤดู คือ - ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ – เดือน พฤษภาคม - ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือน มิถุนายน – เดือน กันยายน - ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือน ตุลาคม – เดือน มกราคม การปกครอง อำเภอเมืองอุทัยธานี แบ่งเขตการปกครองเป็น 14 ตำบล อยู่ในเขตเทศบาล 2 ตำบล คือตำบลอุทัย ใหม่ (มีชุมชน 15 ชุมชน) และตำบลหาดทนง อยู่นอกเขตเทศบาล 12 ตำบล มีหมู่บ้าน 86 หมู่บ้าน แยกเป็น 1) ตำบลเนินแจง มี 9 หมู่บ้าน 2) ตำบลท่าซุง มี 8 หมู่บ้าน 3) ตำบลสะแกกรัง มี 8 หมู่บ้าน 4) ตำบลดอนขวาง มี 7 หมู่บ้าน 5) ตำบลน้ำซึม มี 7 หมู่บ้าน 6) ตำบลเกาะเทโพ มี 6 หมู่บ้าน 7) ตำบลหาดทนง มี 6 หมู่บ้าน 8) ตำบลหนองพังค่า มี 6 หมู่บ้าน 9) ตำบลหนองเต่า มี 6 หมู่บ้าน 10) ตำบลโนนเหล็ก มี 6 หมู่บ้าน 11) ตำบลหนองแก มี 6 หมู่บ้าน 12) ตำบลหนองไผ่แบน มี 6 หมู่บ้าน 13) ตำบลทุ่งใหญ่ มี 5 หมู่บ้าน
25 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี การปกครองท้องถิ่น มีองค์กรปกครองท้องถิ่น 10 แห่ง ประกอบด้วย 1. มีเทศบาล 2 แห่ง คือ 1.1 เทศบาลเมืองอุทัยธานี 1.2 เทศบาลตำบลหาดทนง 2. องค์การบริหารส่วนตำบล มี 8 แห่ง ประกอบด้วย 2.1 องค์การบริหารส่วนตำบลสะแกกรัง 2.2 องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำซึม 2.3 องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเทโพ 2.4 องค์การบริหารส่วนตำบลท่าซุง 2.5 องค์การบริหารส่วนตำบลดอนขวาง 2.6 องค์การบริหารส่วนตำบลเนินแจง 2.7 องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแก 2.8 องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไผ่แบน ลักษณะประชากร จำนวนประชากรจำแนกตามเพศและเขตพื้นที่อำเภอเมืองอุทัยธานี อำเภอเมืองอุทัยธานี มีประชากร ทั้งสิ้น 51,740 คน แยกเป็น ชาย 24,791 คน หญิง 26,949 คน ที่ ตำบล จำนวน ครัวเรือน จำนวนประชากร(คน) จำนวนครัวเรือนในพื้นที่ ชาย หญิง รวม เขต อบต. เขตเทศบาล 1 อุทัยใหม่ 8,666 7,598 8,666 16,264 - / 2 น้ำซึม 2,371 3,143 3,389 6,532 / - 3 สะแกกรัง 1,758 2,342 2,539 4,881 / - 4 หาดทนง 555 928 1,086 2,014 - / 5 เกาะเทโพ 741 1,230 1,301 2,531 / - 6 ท่าซุง 1,231 1,922 2,018 3,940 / - 7 หนองแก 606 1,006 1,081 2,087 / - 8 โนนเหล็ก 366 686 720 1,406 / - 9 หนองเต่า 508 825 894 1,719 / - 10 หนองไผ่แบน 661 1,153 1,165 2,318 / - 11 หนองพังค่า 496 799 870 1,669 / - 12 ทุ่งใหญ่ 252 455 472 927 / - 13 ดอนขวาง 842 1,526 1,580 3,106 / - 14 เนินแจง 618 1,178 1,168 2,346 / - รวม 19,895 24,791 26,949 51,740 / /
26 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ด้านการเกษตร อำเภอมีพื้นที่การเกษตรทั้งสิ้น 106,411 ไร่ ครอบครัวเกษตร จำนวน 7,495 ครอบครัว สภาพ การผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ แยกได้ดังนี้ ทำนา, ทำไร่, ทำสวนปลูกผัก,เลี้ยงสัตว์,เลี้ยงปลา ด้านอุตสาหกรรม มีอุตสาหกรรมที่ได้รับอนุญาตดำเนินการประกอบการ เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก จำนวน 73 แห่ง ดังนี้ ที่ ตำบล จำนวน (แห่ง) น้ำซึม 9 หนองแก 1 ท่าซุง 2 หนองเต่า 2 สะแกกรัง 10 โนนเหล็ก 1 เนินแจง 11 อุทัยใหม่ 37 ด้านการพาณิชย์ - มีสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ จำนวน 7 แห่ง - มีธนาคาร จำนวน 10 แห่ง - มีสหกรณ์ จำนวน 11 แห่ง - สถานธนานุบาล จำนวน 1 แห่ง - กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต จำนวน 43 กลุ่ม ด้านการบริการ - มีโรงแรม จำนวน 7 แห่ง - สถานบริการ จำนวน 10 แห่ง
27 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี สภาพสังคมและวัฒนธรรม วัฒนธรรมประเพณี ประเพณีตักบาตรเทโว พุทธตำนานได้กล่าวถึง วันออกพรรษาไว้ว่าเป็นวันที่พระพุทธองค์เสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมา สู่ โลกมนุษย์ หลังจากเสด็จยังดาวดึงส์พิภพ เทศนาพระธรรมโปรดพุทธมารดาตลอดพรรษา วันออกพรรษาจึง เสมือนพิธีจำลองวันเปิดโลก หรือ “วันเทโวโรหณะ” จังหวัดอุทัยธานีกำหนดจัดงานตักบาตรเทโว ตรงกับวัน แรม 1 ค่ำ เดือน 11 โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ บริเวณวัดสังกัสรัตนคีรี การท่องเที่ยว 1. เขาสะแกกรัง สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองอุทัยธานี จากบริเวณลานวัดสังกัสรัตนคีรีมีบันไดขึ้นไปสู่ยอดเขาสะแกกรัง หรือใช้ทางหลวงหมายเลข 3220 จะพบทางแยกขึ้นเขาเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวบริเวณสนามกีฬาจังหวัดไปตามทางขึ้นสู่ยอดเขา จากบนยอดเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองอุทัยธานีได้กว้างขวาง เป็นที่ตั้งของมณฑปประดิษฐานรอยพระ พุทธบาทจำลอง ซึ่งย้ายมาจากวัดจันทาราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2448 ด้านหน้ามีระฆังใบใหญ่ที่พระปลัดใจและ ชาวอุทัยธานีร่วมกันสร้างเมื่อ พ.ศ. 2443 ถือกันว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ ใครที่ไปเที่ยวอุทัยธานีแล้วไม่ได้ขึ้นไปตี ระฆังใบนี้ก็เท่ากับไม่ได้ไปเที่ยวอุทัยธานี ใกล้กับมณฑปบนยอดเขาสะแกกรังมีพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระ ปฐมบรมมหาชนกนาถ แห่งรัชกาลที่ 1 ซึ่งมีพระนามเดิมว่านายทองดี รับราชการตำแหน่งพระอักษรสุนทร ศาสตร์ เสมียนตรากรมมหาดไทย และต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ ครั้นในสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี (พระนามเดิมนายทองด้วง) ได้ สถาปนาพระอัฐิพระบิดาเป็นสมเด็จพระชนกาธิบดี เมื่อปี พ.ศ. 2338 พระบรมรูปของสมเด็จพระปฐมบรมมหา ชนกนาถ เป็นรูปหล่อขนาดสองเท่าขององค์จริง ประทับนั่งบนแท่นพระหัตถ์ซ้ายถือดาบประจำตำแหน่ง เจ้าพระยาจักรี ทั้งฝักวางบนพระเพลาซ้าย และทรงวางพระหัตถ์ขวาบนพระเพลาขวา ด้านขวามือมีพานวาง พระมาลาเส้าสูง ไม่มียี่ก่า (ขนนก) สวมพระบาทด้วยรองเท้าแตะไม่หุ้มส้นพระบาท มีพิธีถวายสักการะ พระราชานุสาวรีย์แห่งนี้ ในวันที่ 6 เมษายน ของทุกปี ซึ่งตรงกับช่วงที่ดอกสุพรรณิการ์ หรือฝ้ายคำ ดอกไม้ ประจำจังหวัดอุทัยธานีบานสะพรั่งอยู่ทั่วไปบนเขาสะแกกรัง เลยพระราชานุสาวรีย์ไปทางป่าหลังเขาประมาณ 200 เมตร จะพบหมุดแผนที่โลก ซึ่งใช้ในการสำรวจแผนที่ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 2. พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองอุทัยธานี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย วัสดุสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 3 ศอก หรือ 150 เซนติเมตร ศิลปะสมัย สุโขทัย เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวอุทัยธานี ตั้งอยู่ที่วัดสังกัสรัตนคีรี ประชาชนชาวอุทัยธานีจะร่วมกันจัด งานไหว้พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ประจำทุกปี คือ ประเพณีตักบาตรเทโว
28 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี 3. วัดท่าซุง หรือ วัดจันทาราม สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองอุทัยธานี วัดท่าซุง ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลน้ำซึม เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัด "จัน" ซึ่งเป็นชื่อของเจ้า อาวาสองค์หนึ่ง ต่อมาวัดจันทารามได้กลายเป็นวัดร้างไปจนถึงปี พ.ศ. 2332 หลวงพ่อใหญ่ได้มาปักกลดที่วัดนี้ ชาวบ้านจึงขอให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสและได้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่ เดิมบริเวณวัดคือ ธรรมาสน์ ที่หลวงพ่อ ใหญ่สร้างขึ้นอยู่ด้านตรงข้ามวัด ต่อมาภายหลังมีการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ มากมาย โดยพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พระเถระที่มีชื่อเสียงเป็นบริเวณพุทธาวาสที่น่าชมมาก พระอุโบสถใหม่สร้างสวยงาม ภายในประดับและตกแต่งอย่างวิจิตร บานหน้าต่างและประตูด้านในเขียนภาพเทวดาโดยจิตรกรฝีมือดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินมาตัดลูกนิมิตพระอุโบสถแห่งนี้ บริเวณโดยรอบสร้าง กำแพงแก้วและมีรูปหล่อหลวงพ่อปาน และหลวงพ่อใหญ่ขนาด 3 เท่า อยู่มุมกำแพงด้านหน้า ยังมีศาลาอยู่ หลายหลังสำหรับใช้เป็นสถานที่ฝึกสมาธิและมีที่พักให้ด้วยการเดินทาง : จากเมืองไปตามทางสาย 3265 มุ่งตรง ไปทางแพข้ามฟาก อำเภอมโนรมย์ ประมาณ 12 กิโลเมตร เปิดให้เข้าชม: ช่วงระหว่าง 09.00 - 11.45 น. และ 14.00 - 16.00 น. 4. สวนน้ำเฉลิมพระเกียรติ (บึงพระชนก) สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองอุทัยธานี ตั้งอยู่ในเขต ตำบลเกาะเทโพ อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานีเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีสัตว์น้ำ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมากทั้ง กุ้ง หอย ปูปลา และยังเป็นสถานทีท่องเที่ยวพักผ่อนของชาวเกาะเทโพ เนื่องจาก ที่มีบรรยากาศโดยรอบสวยงามและมีอากาศบริสุทธิ์ 5. ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ ตำบลหนองเต่า สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองอุทัยธานี เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่ยืดเหนี่ยว จิตใจทางศาสนาเชื้อสายจีน และเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมทาง ศาสนา ประชาชนที่มีเชื้อสายจีน และมีการกราบไหว้จำเป็นประจำทุกปี 6. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชเศรษฐกิจปลอดสารพิษบ้านหนองเต่า สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองอุทัยธานี กลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชเศรษฐกิจปลอดสารพิษบ้านหนองเต่า รวมตัวปลูกกัญชาทางการแพทย์ นำร่อง เป็นแห่งแรกของอำเภอเมืองอุทัยธานีวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่จังหวัดอุทัยธานี นายแพทย์ปารถนา ประสงค์ดี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี และ นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอเมืองอุทัยธานี พร้อมสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพืชเศรษฐกิจปลอดสารพิษบ้านหนองเต่า ตำบลหนองเต่า อำเภอเมือง จังหวัด อุทัยธานี ร่วมกันลงมือปลูกต้นกัญชา 50 ต้นแรกของทางกลุ่มฯ ในโรงเรือนที่สมาชิกในกลุ่มร่วมกันสร้างไว้ สำหรับการปลูกกัญนำร่องชุดแรก โรงเรือนนี้มีการควบคุมแสง ระบบน้ำ และระบบความปลอดภัยจำกัดการ เข้าออก ตลอดจนมีระบบกล้องวงจรปิดบันทึก เพื่อควบคุมไม่ให้มีการลักลอบนำกัญหาออกจากโรงเรือน โดย ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากกัญชา ยังถือว่าเป็นพืชที่ต้องมีการควบคุมการใช้ตามกฎหมาย ทั้งนี้การปลูกอยู่ใน การควบคุมของทางราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดด้วยนายแพทย์ปารถนา ประสงค์ดี กล่าวว่า สรรพคุณกัญชาในทางการแพทย์มีสารที่สามารถรักษาได้กลายโรค อีกทั้ง จังหวัดอุทัยธานีมีโรงพยาบาลหนอง ฉาง ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการผลิตยาสมันไพรรองรับผลผลิตของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ปลูกพืชกัญชาอยู่แล้ว
29 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี แต่การปลูกต้องได้คุณภาพ มาตรฐานภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด ส่วนที่จะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นเป็นเรื่อง ในอนาคต ข้อมูลสถานศึกษา กศน. อำเภออุทัยธานี ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองอุทัยธานีตั้ง เลขที่ 71 ถนนศรีอุทัย ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี รหัสไปรษณีย์ 61000 โทรศัพท์ 056-514525 โทรสาร 056-514525 E-mail : [email protected] สังกัด สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี ประวัติความเป็นมาของ กศน.อำเภออุทัยธานี ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองอุทัยธานี ปัจจุบันใช้อาคารแนะแนว ของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดอุทัยธานีเดิม เป็นอาคารสำนักงาน 2 หลัง และมีการปรับปรุงเรื่อยมา จนเป็นอาคารที่ใช้ในปัจจุบันนี้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 ได้มีการปรับเปลี่ยนสถานะของสถานศึกษาและเปลี่ยนชื่อใหม่จากศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน อำเภอเมืองอุทัยธานี เป็นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองอุทัยธานี หรือใช้ชื่อ ย่อว่า กศน.อำเภอเมืองอุทัยธานี ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2551 จนถึงปัจจุบัน สังกัด ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองอุทัยธานี สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุทัยธานี สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ บุคลากร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองอุทัยธานี เป็นสถานศึกษาในราชการ ส่วนกลางระดับอำเภอ สังกัดสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักปลัดกระทรวง ศึกษาธิการ ใช้ชื่อย่อว่า " กศน.อำเภอเมืองอุทัยธานี" โดยมีบุคลากรดังนี้ ประเภท รายละเอียด 1) ผู้บริหาร ชื่อ นางศิริพร สุดเล็ก ตำแหน่ง ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอเมืองอุทัยธานี วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศึกษาศาสตรบัณฑิต เอก การบริหารการศึกษา ๒) ครู 1) ชื่อ นายสวรรค์ จันทร์อุไร ตำแหน่ง ครู คศ. 2 วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิทยาศาสตรบัณฑิต เอกวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ 2) ชื่อ นางณัฐฐิณี ดีทองงาม ตำแหน่ง ครู วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ เอกการบัญชี
30 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี 3) พนักงานราชการ 1) ชื่อนายธนัญชัย ชาญเชิงค้า ตำแหน่งครู อาสาสมัครฯ วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอก ดนตรีศึกษา 2) ชื่อนางวราภรณ์ สุคง ตำแหน่ง ครูอาสาสมัครฯ วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตรบัณฑิต เอก การตลาด 3) ชื่อนางสาวธาราภรณ์ บุญพันธ์ ตำแหน่ง ครูอาสาสมัครฯ วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตรบัณฑิต เอก การตลาด 4) ชื่อนางรุ่งนภา กลัดเฟื่อง ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป 5) ชื่อนางปุญนุช ขยันการนาวี ตำแหน่ง ครู กศน. ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอก ประถมศึกษา 6) ชื่อนางสาวศรีรัก ขำคม ตำแหน่ง ครู กศน. ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอก ประถมศึกษา 7) ชื่อนางพิชญา จันทร์อุไร ตำแหน่ง ครู กศน. ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอก คหกรรมศาสตร์ 8) ชื่อนางสาวกมลชนก สมานกสิกรรม ตำแหน่ง ครู กศน. ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอกคอมพิวเตอร์ศึกษา 9) ชื่อนายพิเชษฐ์พูลสาริกิจ ตำแหน่ง ครู กศน. ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตรบัณฑิต เอก การพัฒนาชุมชน 10) ชื่อนางสาวพรปวีณ์ พุทธคุณ ตำแหน่ง ครู กศน. ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอก คหกรรมศาสตร์ 11) ชื่อนายนายบุญธรรม ภู่ชม ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอก นิเทศศาสตร์ 12) ชื่อนายทรรศนะ ยศนันท์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตรบัณฑิต เอก การพัฒนาชุมชน 13) ชื่อนายนิรุตต์ แสงจันทร์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี ครุศาสตร์บัณฑิต ดนตรีศึกษา 14) ชื่อ นางสาวธีร์จุฑาภรณ์ สุขสุวรรณ์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตรบัณฑิต เอกการตลาด 15) ชื่อนายนโรดม แสงทอง ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาครุศาสตรบัณฑิต เอกพลศึกษา 16) นายอิสระพงษ์ ปั้นทอง ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี ศิลปศึกษาบัณฑิต เอกดนตรีคีตศิลป์ไทย 17)นางสาวตรียกุล แว่นแก้ว ตำแหน่ง ครูศูนย์การเรียนชุมชน
31 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจบัณฑิต เอกการตลาด 18) นางเพียรพัก อิ่มโอษฐ์ ตำแหน่ง บรรณารักษ์ วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต เอกบรรณารักษศาสตร์เทศ ศาสตร์ 4) บรรณารักษ์ อัตราจ้าง 1) ชื่อ นางสาวนภษร ชวดเปีย ตำแหน่ง บรรณารักษ์ วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศึกษาศาสตรบัณฑิต เอกเทคโนโลยี การศึกษา 2) ชื่อ นางสาวพัชชา ทองทุ่งโปร่ง ตำแหน่ง บรรณารักษ์ วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศึกษาศาสตรบัณฑิต เอกการจัดการโรงแรม 3) ชื่อ นงสาวพนัชกร ปาลวัฒน์ ตำแหน่ง บรรณารักษ์ วุฒิการศึกษา ปริญญาโท บริหารธุรกิจ การจัดการ 5) พนักงานบริการ 1) นายขจร โชคชัย ตำแหน่ง พนักงานบริการทั่วไป วุฒิการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 6 2) นางสาวมณฑ์สิริ บุญมา ตำแหน่ง พนักงานบริการทั่วไป วุฒิการศึกษา มัธยมศึกษาปีที่ 6 6) ยามรักษาความ ปลอดภัย 1) นายเศรษฐพงษ์ สัจจวาทีกุล ตำแหน่ง ยามรักษาความปลอดภัย วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาพุทธศาสตรบัณฑิต เอกเศรษฐศาสตร์ 7) นัก ประชาสัมพันธ์ 1) นายชัยรัตน์ คงเพ็ชรศักดิ์ ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขาศิลปบัณฑิต สหวิทยาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น 8) เจ้าหน้าที่บันทึก ข้อมูล 1) นางสาวชุติมา สายเพ็ชร ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ เอกรัฐประศาสนศาสตร์ คณะกรรมการสถานศึกษา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองอุทัยธานีเป็นสถานศึกษาตามที่ กำหนดในมาตรา 23 และมีบทบาทหน้าที่ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 ให้ทำหน้าที่ ส่งเสริม สนับสนุน ประสานงาน และจัดการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยร่วมกับภาคีเครือข่ายซึ่งอาจจะจัดให้มีศูนย์การเรียนชุมชนเป็นหน่วยจัดกิจกรรม และสร้างกระบวนการเรียนรู้ชุมชนก็ได้โดยมีคณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 9 คน ประกอบด้วย ประธาน กรรมการและกรรมการ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถ หรือมีความชำนาญการอันเป็นประโยชน์ ต่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในด้านการศึกษา ด้านศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม ด้าน พัฒนาสังคมและชุมชนและสิ่งแวดล้อม ด้านการเมืองการปกครอง ด้านความมั่นคง ด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีและสารสนเทศ ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น และด้านสาธารณสุข รวมแปดคน และให้ผู้อำนวยการ สถานศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการ ประกอบด้วย
32 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ที่ ชื่อ – สุกล ผู้ทรงคุณวุฒิด้าน ตำแหน่ง 1. นายประเมิน ปรีชพันธ์ การศึกษา ประธานกรรมการ 2. นายศราวุฒิ จันทรัตนันท์ การเมืองการปกครอง กรรมการ 3. พระครูอุทัยปริยัติโสภณ ศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม กรรมการ 4. ร.ต.อ.เกษม ตระกูลมีทรัพย์ ความมั่นคง กรรมการ 5. นายศิวะ วุฑฒิรักษ์ พัฒนาสังคมและชุมชนและ สิ่งแวดล้อม กรรมการ 6. นายไพศาล จงจัดกลาง วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและ สารสนเทศ กรรมการ 7. นายสำเภา สมถะธัญกรณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น กรรมการ 8. นายชาติชาย อุทาน สาธารณสุข กรรมการ 9. นางศิริพร สุดเล็ก ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อำเภอเมืองอุทัยธานี กรรมการและเลขานุการ กศน.ตำบลในสังกัด ที่ ชื่อ กศน.ตำบล สถานที่ตั้ง ผู้รับผิดชอบ 1 กศน.ตำบลอุทัยใหม่ ถ.ศรีอุทัย ตำบลอุทัยใหม่ นายทรรศนะ ยศนันท์ 2 กศน.ตำบลดอนขวาง หมู่ 6 ตำบลดอนขวาง นางสาวพรปวีณ์ พุทธคุณ 3 กศน.ตำบลหนองไผ่แบน หมู่ 5 ตำบลหนองไผ่แบน นางรุ่งนภา กลัดเฟื่อง 4 ครู กศน.ตำบลหาดทนง หมู่ 2 ตำบลหาดทนง นางปุญนุช ขยันการนาวี 5 กศน.ตำบลน้ำซึม หมู่ 1 ตำบลน้ำซึม นายนโรดม แสงทอง 6 กศน.ตำบลหนองเต่า หมู่ 2 ตำบลหนองเต่า นางสาวศรีรัก ขำคม 7 กศน.ตำบลเนินแจง หมู่ 3 ตำบลเนินแจง นางพิชญา จันทร์อุไร 8 กศน.ตำบลสะแกกรัง หมู่ 3 ตำบลสะแกกรัง นายนิรุตต์ แสงจันทร์ 9 กศน.ตำบลโนนเหล็ก หมู่ 4 ตำบลโนนเหล็ก นางสาวกมลชนก สมานกสิกรรม 10 กศน.ตำบลหนองแก หมู่ 3 ตำบลหนองแก นางสาวตรียกุล แว่นแก้ว 11 กศน.ตำบลท่าซุง หมู่ 3 ตำบลท่าซุง นางสาวธีร์จุฑาภรณ์ สุขสุวรรณ์ 12 กศน.ตำบลหนองพังค่า หมู่ 3 หนองพังค่า นายพิเชษฐ์ พูลสาริกิจ 13 กศน.ตำบลทุ่งใหญ่ หมู่ 5 ตำบลทุ่งใหญ่ นายบุญธรรม ภู่ชม 14 กศน.ตำบลเกาะเทโพ หมู่ 3 ตำบลเกาะเทโพ นายอิสระพงษ์ ปั้นทอง
33 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี แหล่งเรียนรู้ชุมชน 1. วัดสังกัสรัตนคีรี เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่เชิงเขาสะแกกรังในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี เป็นวัดที่มี ชื่อเสียงของจังหวัดอุทัยธานี ในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปาง มารวิชัย หล่อด้วยทองสำริด ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัด จากบริเวณวัดเบื้องล่างมีบันได ทอดขึ้น สู่ยอดเขาสะแกกรัง หรือจะใช้ถนนขึ้นสู่ยอดเขาก็ได้ ระยะทางรวม 4 กิโลเมตร บนยอดเขามีมณฑปประดิษฐาน พระพุทธบาทจำลอง ซึ่งย้ายมาจากวัดจันทาราม สร้างขึ้นเมื่อ พุทธศักราช 2448 บูรณะใหม่เสร็จสิ้นเมื่อ พุทธศักราช 2511 มีงานนมัสการรอยพระพุทธบาทในวันขึ้น 3 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี 2. เขาสะแกกรัง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอเมืองอุทัยธานีสามารถเดินทางจากวัดสังกัส รัต นคีรี โดยขึ้นทางบันไดสู่มณฑปพระพุทธบาทบนเขาสะแกกรังหรือขึ้นจากถนนริมสนามกีฬาประจำจังหวัดเป็น เขาขนาดเล็กสูงประมาณ 140 เมตรจากระดับน้ำทะเล บริเวณยอดเขามีอนุสาวรีย์พระปฐมบรมมหาชนกฯ พระองค์ทรงเป็นพระชนกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระนามเดิมว่า ทองดี ประสูติที่ เมืองสะแกกรังนี้เอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จไปเปิด อนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2522 และจะมีพิธีถวายสักการะอนุสาวรีย์แห่งนี้ในวันที่ 6 เมษายนของทุกปี นอกจากนี้บริเวณยอดเขาได้รับการพัฒนาให้เป็นที่จอดรถมีม้าหินสำหรับนั่งพักผ่อนมีจุดชมวิวและร้านค้าขาย อาหาร เครื่องดื่ม 3. ลำน้ำสะแกกรัง เป็นแม่น้ำไหลผ่านตัวจังหวัด เฉพาะส่วนที่ในเขตเทศบาลจะมีเรือนแพจอดอยู่ เรียงรายฝั่งแม่น้ำด้านทิศตะวันออกเป็นตำบลสะแกกรัง และตำบลเกาะเทโพมีสวนผลไม้และป่าไผ่ธรรมชาติ สามารถนั่งเรือชมรอบเกาะได้ นอกจากนี้เรือนแพริมน้ำยังมีกระชังเลี้ยงปลาสวาย ปลาเทโพ ปลาแรด ปลา ทับทิมอยู่ตลอดสองฝั่ง นักท่องเที่ยวสามารถร่องเรือชมวิววิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของเรือนแพริมน้ำซึ่งมี จำนวนประมาณ 200 หลัง 4. วัดอุโบสถาราม วัดนี้ตั้งอยู่บนเกาะเทโพตรงข้ามกับตลาดจังหวัดอุทัยธานี ชาวบ้านเรียกกันสั้น ว่า “วัดโบสถ์” มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนไว้บนผนังโบสถ์ เป็นฝีมือช่างสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น นับเป็น ภาพจิตรกรรมที่สวยงามมาก ด้านบนเป็นภาพเทวดาส่วนด้านล่างเป็นภาพพุทธประวัติ มีศาลาหกเหลี่ยมซึ่ง เป็นโบราณสถาน แพโบสถ์น้ำ สร้างเพื่อรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เมื่อ ครั้งเสด็จประภาสต้นมณฑลภาคเหนือ ในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2449 และมีพระพุทธรูปเงินและสิ่งของ พระราชทานของพระครูจัน 5. วัดมณีสถิตย์กปิฎฐาราม ชาวเมืองเรียกว่า “วัดทุ่งแก้ว” ในวัดนี้มีพระปรางค์ใหญ่อยู่องค์หนึ่งมี ขนาดฐานกว้าง 8 เมตร ยอดสูง 16 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อ หลวงพ่อแย้ม ผู้สร้างวัดนี้ภายในบริเวณวัดยังมีสระน้ำขนาดใหญ่ กลางสระมีแผ่นศิลาลงยันต์และคาถาอาคม ของหลวงพ่อแย้ม ซึ่งได้สร้างไว้ก่อนสร้างวัด น้ำในสระแห่งนี้เคยใช้เป็นสรงมูรธาภิเษก ในพระราชพิธีบรม ราชาภิเษกรัชกาลที่ 6 และ ที่ 7 นับเป็นวัดที่มีความสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดอุทัยธานี
34 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี 6. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองอุทัยธานี ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นวัดที่ สร้าง ในสมัยกรุงศรีอยุธยาบริเวณวัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเป็นที่ตั้งวัดเก่า มีโบสถ์ขนาดเล็ก มี ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระพุทธประวัติ โดยฝีมือช่างพื้นบ้านและบริเวณหน้าวัดมีอุทยานมัจฉาในแม่น้ำ สะแกกรัง ส่วนที่สองเป็นปูชนียสถานแห่งใหม่อยู่ฝั่งตรงข้ามสร้างโดยพระราชพรหมญาณเถระ (หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ) เป็นอาคารขนาดใหญ่ ที่ตกแต่งประดับประดาลวดลายด้วยกระจกอย่างวิจิตรตระการตายิ่ง และในแต่ ละวันจะมีพุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธาเดินทางไปปฏิบัติธรรมและวิปัสนากรรมฐานตามสายของหลวงพ่อปานกัน เป็น จำนวนมาก 7. เรือนแพริมน้ำสะแกกรัง สะท้อนให้เห็นภาพวิถีชีวิตของชาวอุทัยธานี ซึ่งผูกพันกับสายน้ำใช้ความ อุดมสมบูรณ์ของสายน้ำในการเลี้ยงปลาในกระชัง โดยเฉพาะปลาแรดซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ และชื่อเสียง ให้กับ จังหวัดเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมวิถีชีวิตชาวแพสะแกกรังได้ โดยลงเรือบริเวณท่า น้ำ ลานสะแก ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณตลาดสดเทศบาลหรือลงเรือที่ลานสุพรรณิการ์บริเวณหน้าศาลากลางเส้นทาง การล่องเรือจะผ่านวัดท่าซุง และสิ้นสุดการเดินทางที่ตำบลท่าซุงซึ่งเป็นบริเวณที่แม่น้ำสะแกกรังและแม่น้ำ เจ้าพระยาไหลมาบรรจบกัน การวิเคราะห์ SWOT ของสถานศึกษา บุคลากรของสถานศึกษาได้ร่วมกัน ประเมินสถานการณ์ของสถานศึกษา โดยใช้การวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมและศักยภาพ (SWOT Analysis) ในการกำหนดจุดแข็งและจุดอ่อนจากการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมภายในสถานศึกษา การกำหนดโอกาสและอุปสรรคจากการรวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก สถานศึกษา อันเป็นปัจจัยต่อการจัดการศึกษาของสถานศึกษา เพื่อนำผลไปใช้ในการกำหนดทิศทางการ ดำเนินงานของสถานศึกษา ซึ่งได้ผลการประเมินสถานการณ์ของสถานศึกษา ดังนี้ จุดแข็ง (Strengths) จุดแข็งของ กศน.อำเภอ (Strengths - S) 1. ผู้บริหารมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการและสนับสนุนส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ 2. โครงสร้างการบริหารมีความยืดหยุ่น 3. อาคาร สถานที่ มีความมั่นคง แข็งแรง สภาพแวดล้อมดี ตั้งอยู่ในชุมชน 4. หลักสูตรด้านอาชีพ มีความหลากหลาย สอดคล้อง ตามความต้องการของประชาชนในชุมชน 5. บุคลากรมีความรู้ความสามารถในการจัดกิจกรรมและมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 6. บุคลากรมีความสามัคคีและทำงานเป็นทีม
35 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี จุดอ่อน (Weaknesses) จุดอ่อนของ กศน.อำเภอ (Weaknesses - W) 1. ผู้บริหารดำรงตำแหน่งในระยะเวลาสั้นทำให้การทำงานขาดความต่อเนื่อง 2. ครูไม่สามารถจัดกิจกรรมการเรียน การสอน ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีนโยบายเร่งด่วน 3. ประชาชนวัยแรงงานมีการย้ายถิ่นฐานในการทำงานทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โอกาส (Opportunities) 1. ภาคีเครือข่ายในชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 2. มีแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาที่หลากหลาย เช่น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น จังหวัดอุทัยธานี ห้องสมุดประชาชนจังหวัดอุทัยธานี ห้องสมุดเฉลิมราชกุมารีอำเภอเมืองอุทัยธานี 3. มีจิตอาสา กศน.มาช่วยในการจัดกิจกรรม 4. กระทรวงดิจิทัลสนับสนุนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ อุปสรรค (Threats) 1. ประชาชนย้ายถิ่นฐานเนื่องจากภัยแล้งทำให้ผู้เข่าร่วมโครงการลดน้อยลง 2. สถาณการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ทำให้นโยบายของสถานศึกษามีการเปลี่ยนแปลงจึง ไม่สามารถดำเนินการกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการได้ เป้าหมายการจัดการศึกษา 1. ผู้เรียนมีความรู้พื้นฐาน เพื่อการศึกษาต่อ พัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต 2. ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการคิด ทักษะการแสวงหาความรู้ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และสามารถนำไป ประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต 3. ผู้เรียนมีสมรรถนะและทักษะในการดำรงชีวิตที่เหมาะสมกับช่วงวัย สอดคล้องกับหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 4. ผู้เรียนหรือผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความสามารถ และทักษะในการประกอบอาชีพ สามารถนำ ความรู้ไปใช้ในการลดรายจ่าย หรือเพิ่มรายได้ หรือประกอบอาชีพ หรือพัฒนาต่อยอดอาชีพ หรือเพิ่มมูลค่าของ สินค้าหรือบริการ 5. ผู้เรียนหรือผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้ในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม และสามารถนำความรู้ มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาการดำรงชีวิต หรือการประกอบอาชีพได้ 6. ระบบบริหารจัดการมีประสิทธิภาพเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล 7. ภาคีเครือข่าย ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัด ส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรมการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างต่อเนื่อง
36 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงและคิดเป็นนำสู่การพัฒนาคุณภาพผู้เรียน วิสัยทัศน์ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเมืองอุทัยธานี มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษา มีทักษะการคิด การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้คู่คุณธรรม สามารถชี้นำตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พันธกิจ เพื่อให้การดำเนินงานการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นไปตามวิสัยทัศน์ สอดคล้องกับปรัชญา “คิดเป็น” และ“เศรษฐกิจพอเพียง” มีพันธกิจ ดังนี้ 1. จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้กับผู้เรียนสามารถชี้นำตนเองในการเรียนรู้เข้า สู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงได้ ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพการคิด การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ 2. จัดการเรียนรู้พัฒนาประสิทธิภาพการคิด การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ ของผู้เรียนด้วยการ แสวงหาความรู้ การเรียนรู้ร่วมกันของคนในชุมชนและตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สนับสนุน ส่งเสริมให้ภาคีเครือข่ายร่วมจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อ ตอบสนองความต้องการเรียนรู้ของภาคีเครือข่าย ด้วยการใช้องค์ความรู้และปัจจัยดำเนินการของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ 4. พัฒนาประสิทธิภาพของสถานศึกษา ให้สามารถจัดการศึกษาได้ตามปรัชญาและวิสัยทัศน์ของ สถานศึกษาด้วยการประกันคุณภาพการศึกษา
37 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี หลักสูตรสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลักการ 1. เป็นหลักสูตรที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นด้านสาระการเรียนรู้ เวลาเรียน และการจัดการเรียนรู้ โดยเน้น การบูรณาการเนื้อหาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ความแตกต่างของบุคคล และชุมชน สังคม 2. ส่งเสริมให้มีการเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย 3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยตระหนักว่าผู้เรียนมีความสำคัญ สามารถพัฒนาตนเองได้ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ 4. ส่งเสริมให้ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา จุดหมายของหลักสูตร หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมี คุณธรรม จริยธรรม มีสติปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีศักยภาพในการประกอบอาชีพและการเรียนรู้อย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ต้องการ จึงกำหนดจุดหมายดังต่อไปนี้ 1. มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติสุข 2. มีความรู้พื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิต และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง 3. มีความสามารถในการประกอบสัมมาอาชีพ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและตามทันความ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง 4. มีทักษะการดำเนินชีวิตที่ดี และสามารถจัดการกับชีวิต ชุมชน สังคม ได้อย่างมีความสุขตามปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง 5. มีความเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี กีฬา ภูมิปัญญาไทย ความเป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนา 6. มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7. เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และบูรณาการ ความรู้มาใช้ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ กลุ่มเป้าหมาย ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบโรงเรียน
38 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี กรอบโครงสร้างหลักสูตร ระดับการศึกษา มัธยมศึกษาตอนปลาย สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ประกอบด้วย 5 สาระ ดังนี้ 1. สาระทักษะการเรียนรู้เป็นสาระเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง การใช้แหล่งเรียนรู้ การจัดการ ความรู้ การคิดเป็น และการวิจัยอย่างง่าย 2. สาระความรู้พื้นฐาน เป็นสาระเกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี 3. สาระการประกอบอาชีพ เป็นสาระเกี่ยวกับการมองเห็นช่องทาง และการตัดสินใจประกอบอาชีพ ทักษะในอาชีพ การจัดการอาชีพอย่างมีคุณธรรม และการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง 4. สาระทักษะการดำเนินชีวิต เป็นสาระเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สุขภาพอนามัยและ ความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต ศิลปะและสุนทรียภาพ 5. สาระการพัฒนาสังคม เป็นสาระที่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การ ปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี หน้าที่พลเมืองและการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม มาตรฐานการเรียนรู้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดมาตรฐานการ เรียนรู้ ตามสาระการเรียนรู้ทั้ง 5 สาระ ที่เป็นข้อกำหนดคุณภาพของผู้เรียนดังนี้ 1. มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นมาตรฐานการเรียนรู้ใน แต่ละสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนเรียนจบหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 2. มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ เป็นมาตรฐานการเรียนรู้ในแต่ละสาระการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนเรียนจบใน แต่ละระดับ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เวลาเรียน ในแต่ละระดับใช้เวลาเรียน 4 ภาคเรียน ยกเว้นกรณีที่มีการเทียบโอนผลการเรียน ทังนี้ผู้เรียนต้อง ลงทะเบียนเรียนในสถานศึกษาอย่างน้อย 1 ภาคเรียน หน่วยกิต ใช้เวลาเรียน 40 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 1 หน่วยกิต
39 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี โครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่ สาระการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หมายเหตุ วิชาบังคับ วิชาเลือก 1 ทักษะการเรียนรู้ 5 2 ความรู้พื้นฐาน 20 3 การประกอบอาชีพ 8 4 ทักษะการดำเนินชีวิต 5 5 การพัฒนาสังคม 6 รวม 44 32 76 หน่วยกิต กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต 200 ชั่วโมง หมายเหตุ วิชาเลือกในแต่ละระดับ สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียน เรียนรู้จากการทำโครงงาน จำนวนอย่างน้อย 3 หน่วยกิต
40 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 1. สาระทักษะการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง มาตรฐานที่ 1.2 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการใช้แหล่งเรียนรู้ มาตรฐานที่ 1.3 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการจัดการความรู้ มาตรฐานที่ 1.4 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการคิดเป็น มาตรฐานที่ 1.5 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการวิจัยอย่างง่าย 2. สาระความรู้พื้นฐาน ประกอบด้วย 2 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ 2.2 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร มาตรฐานที่ 2.2 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี 3. สาระการประกอบอาชีพ ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ 3.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติที่ดีในงานอาชีพ มองเห็นช่องทางและตัดสินใจ ประกอบอาชีพ ได้ตามความต้องการและศักยภาพของตนเอง มาตรฐานที่ 3.2 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะในอาชีพที่ตัดสินใจเลือก มาตรฐานที่ 3.3 มีความรู้ ความเข้าใจ ในการจัดการอาชีพอย่างมีคุณธรรม มาตรฐานที่ 3.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง 4. สาระทักษะการดำเนินชีวิต ประกอบด้วย 3 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู้ ความเข้าใจ เจตคติที่ดีเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถ ประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม มาตรฐานที่ 4.2 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแล ส่งเสริมสุขภาพ อนามัย และ ความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต มาตรฐานที่ 4.3 มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติที่ดีเกี่ยวกับศิลปะและสุนทรียภาพ 5. สาระการพัฒนาสังคม ประกอบด้วย 4 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานที่ 5.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนำมาปรับใช้ในการดำรงชีวิต มาตรฐานที่ 5.2 มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรมประเพณี เพื่อการ อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มาตรฐานที่ 5.3 ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย มีจิตสาธารณะเพื่อความสงบสุขของ สังคม มาตรฐานที่ 5.4 มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นความสำคัญของหลักการพัฒนาและสามารถพัฒนา ตนเอง
41 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี สาระทักษะการเรียนรู้
42 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี สาระทักษะการเรียนรู้ รายวิชาบังคับ รายวิชาเลือกเสรี มาตรฐานที่ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สาระ รหัสรายวิชา รายวิชาบังคับ หน่วยกิต 1.1-1.5 ทักษะการเรียนรู้ ทร31001 ทักษะการเรียนรู้ 5 รวม 5 มาตรฐานที่ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สาระ รหัสรายวิชา รายวิชาบังคับ หน่วยกิต 1.1 ทักษะการเรียนรู้ ทร03011 ทักษะการคิด ตัดสินใจและการ แก้ปัญหา 3 รวม 3
43 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี มาตรฐานการเรียนรู้ระดับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง มาตรฐาน 1.1 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง สามารถประมวลความรู้ ทำงานบนฐานข้อมูล และมี ความชำนาญ ในการอ่าน ฟัง จดบันทึก เป็น สารสนเทศอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว 1. ประมวลความรู้ และสรุปเป็นสารสนเทศ 2. ทำงานบนฐานข้อมูลด้วยการแสวงหาความรู้ จนเป็นลักษณะนิสัย 3. มีความชำนาญในทักษะการอ่าน ทักษะ การฟัง และทักษะการจดบันทึก อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว 4. สามารถนำความรู้ความเข้าใจในเรื่อง 5. ศักยภาพของพื้นที่และหลักการพื้นฐานตาม ยุทธศาสตร์ตามกระทรวงศึกษาธิการ 2555 ไปเพิ่ม ขีดกระทรวงศึกษาธิการไปเพิ่มขีดความสามารถ การประกอบอาชีพโดยเน้นที่กลุ่มอาชีพใหม่ ให้ แข่งขันได้ในระดับท้องถิ่น มาตรฐาน 1.2 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการใช้แหล่งเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง สามารถวางแผนและใช้แหล่งเรียนรู้ได้อย่าง คล่องแคล่วจนเป็นลักษณะนิสัย 1. วางแผนการใช้แหล่งเรียนรู้ตามความต้องการ จำเป็นของ แต่ละบุคคล 2. ใช้แหล่งเรียนรู้จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมตาม ความต้องการจำเป็น 3. ใช้แหล่งเรียนรู้อย่างแคล่วคล่องจนเป็น ลักษณะนิสัย 4. สามารถวางแผนและเลือกใช้แหล่งเรียนรู้เพื่อ พัฒนาอาชีพของตนเองและท้องถิ่นได้อย่าง รวดเร็วเหมาะสมกับความสามารถ เช่น การ หาตำแหน่งงานว่างจากอินเทอร์เน็ต ฯลฯ
44 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี มาตรฐาน 1.3 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการจัดการความรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง สามารถสรุป องค์ความรู้ใหม่ นำไปสร้างสรรค์สังคม อุดมปัญญา 1. ออกแบบผลิตภัณฑ์สร้างสูตร สรุปองค์ความรู้ ใหม่ของขอบเขตความรู้ 2. ประพฤติตนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ 3. สามารถจัดทำแผนที่ความคิดเกี่ยวกับอาชีพ ในด้านต่างๆ ของชุมชน เช่น เกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การบริหารจัดการ ได้อย่างถูกต้อง 4. สร้างสรรค์สังคมอุดมปัญญา มาตรฐาน 1.4 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการคิดเป็น ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ความสามารถในการฝึกทักษะการคิดเป็นที่ซับซ้อน เชื่อมโยงกับคุณธรรม จริยธรรม ที่เกี่ยวข้องกับ ปรัชญา คิดเป็นและสามารถระบุถึงปัญหาอุปสรรค การพัฒนากระบวนการคิดเป็น และการแก้ไข 1. อธิบายหรือทบทวนปรัชญาคิดเป็น และการใช้ ระบบข้อมูลทางวิชาการ ตนเอง และสังคม สิ่งแวดล้อม มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อประกอบ กระบวนการคิด การตัดสินใจ ในการแก้ปัญหา 2. อธิบายและปฏิบัติการใช้เทคนิควิธีการฝึกทักษะ การคิดเป็นที่ซับซ้อนและนำคุณธรรม จริยธรรม ที่ เกี่ยวข้องมาส่งเสริมกระบวนการคิดเป็นให้มากขึ้น 3. อภิปราย ถกแถลงถึงปัญหาและอุปสรรค ในการ ใช้กระบวนการคิดเป็น ประกอบการแก้ปัญหา 4. เชื่อมโยงปรัชญา คิดเป็น กระบวนการเรียนรู้ การศึกษานอกระบบได้ 5. บอกลักษณะของ คนคิดเป็น ได้อย่างน้อย 8 ประการ 6. สามารถนำความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง 5 ศักยภาพของพื้นที่และหลักการพื้นฐานตาม ยุทธศาสตร์ตามกระทรวงศึกษาธิการ 2555 ไปเพิ่ม ขีดความสามารถการประกอบอาชีพโดยเน้นที่กลุ่ม อาชีพใหม่ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล
45 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี มาตรฐาน 1.5 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดีต่อการวิจัยอย่างง่าย ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง สามารถวางแผนการวิจัย ดำเนินการตามแบบแผน อย่างถูกต้อง 1. ออกแบบการวิจัย เพื่อค้นหาความรู้ ความจริงที่ ต้องการคำตอบ 2. ดำเนินการตามแบบแผนการวิจัย และวิเคราะห์ ข้อมูล สรุปสารสนเทศความรู้ ความจริงที่ต้องการ คำตอบ 3. ใช้กระบวนการวิจัยอย่างง่ายเพื่อเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการประกอบอาชีพสร้าง รายได้ที่มั่งคั่ง และมั่นคง
46 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี คำอธิบายรายวิชา และรายละเอียดคำอธิบายรายวิชาบังคับ
47 หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอเมืองอุทัยธานี คำอธิบายรายวิชา ทร31001 ทักษะการเรียนรู้ จำนวน 5 หน่วยกิต ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ สาระทักษะการเรียนรู้เป็นสาระเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในด้านการเรียนรู้ ด้วยตนเอง การใช้แหล่งเรียนรู้การจัดการความรู้การคิดเป็น และการวิจัยอย่างง่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียน สามารถกำหนดเป้าหมาย วางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง เข้าถึงและเลือกใช้แหล่งเรียนรู้จัดการความรู้กระบวนการ แก้ปัญหา และตัดสินใจอย่างมีเหตุผล ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการชีพนำตนเองในการเรียนรู้และการประกอบ อาชีพให้สอดคล้องกับหลักการพื้นฐาน และการพัฒนา ศักยภาพหลักของพื้นที่ใน กลุ่มอาชีพใหม่ คือ กลุ่มอาชีพด้าน เกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิด สร้างสรรค์การบริหารจัดการและการบริการตามยุทธศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตดังนั้น สาระทักษะการเรียนรู้ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจึงมี มาตรฐานการเรียนรู้ระดับดังนั้น 1. สามารถประมวลความรู้ ทำงานบนฐานข้อมูล และมีความชำนาญในการอ่าน ฟัง จดบันทึก เป็นสารสนเทศอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว 2. สามารถวางแผนและใช้แหล่งเรียนรู้ได้อย่างคล่องแคล่วจนเป็นลักษณะนิสัย 3. สามารถสรุปองค์ความรู้ใหม่ นำไปสร้างสรรค์สังคมอุดมปัญญา 4. ความสามารถในการฝึกทักษะ การคิดเป็นที่ซับซ้อนเชื่อมโยงกับคุณธรรม จริยธรรม ที่เกี่ยวข้องกับ ปรัชญาคิดเป็น และสามารถระบุถึงปัญหาอุปสรรคการพัฒนากระบวนการคิดเป็น และการแก้ไข 5. สามารถวางแผนการวิจัย ดำเนินการตามแบบแผนอย่างถูกต้อง 6. สามารถวางแผนประยุกต์ใช้ทักษะการเรียนรู้และศักยภาพหลักของพื้นที่เป็นเครื่องมือในการ เพิ่มศักยภาพและขีดความสารมารถในการแข่งขัน 5 กลุ่มอาชีรพใหม่ ศึกษาและฝึกทักษะเกี่ยวกับเรื่องดังต่อไปนี้ 1. การเรียนรู้ด้วยตนเอง 1.1 ทบทวนความหมาย ความสำคัญ และกระบวนการของการเรียนรู้ด้วยตนเอง 1.2 ฝึกทักษะพื้นฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปัญหาและเทคนิคในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้านการอ่าน การฟัง การสังเกต การจำ และการจดบันทึก 1.3 ทบทวนการวางแผนการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีทักษะพื้นฐานและ เทคนิคในการเรียนรู้ด้วยตนเองในเรื่องการวางแผน การประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง การวิเคราะห์วิจารณ์ 1.4 ฝึกทักษะความรู้ ทักษะการพูด และการทำแผนผังความคิด เจตคติ/ปัจจัย ที่ทำให้การเรียนรู้ด้วย ตนเองประสบความสำเร็จ การเปิดรับโอกาสการเรียนรู้ การคิดริเริ่มและเรียนรู้ด้วยตนเองการสร้างแรงจูงใจ การสร้าง วินัยในตนเอง การคิดเชิงบวก ความคิดสร้างสรรค์ ความรักในการเรียน การใฝ่รู้ใฝ่เรียน และความรับผิดชอบ