The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ นางสาวจิดาภรณ์ ถิ่นตองโขบ สาระฯ ศาสนา ม.2 2.63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jidaporn11, 2020-12-23 05:06:17

แผนการจัดการเรียนรู้ นางสาวจิดาภรณ์ ถิ่นตองโขบ สาระฯ ศาสนา ม.2 2.63

แผนการจัดการเรียนรู้ นางสาวจิดาภรณ์ ถิ่นตองโขบ สาระฯ ศาสนา ม.2 2.63

148

6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้

วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนกำร : กระบวนกำรเรียนควำมรู้ควำมเข้ำใจ

นักเรียนสวดมนตบ์ ูชาพระรตั นตรยั และทาสมาธิก่อนเรียน

ข้ันท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั

สื่อการเรียนรู้ : บตั รภาพ

1. ครนู าภาพบคุ คลทีก่ ระทากรรมชวั่ หรอื ประพฤติตนไปสู่ทางแหง่ ความชัว่ มาให้นักเรียนดู แล้วให้
นกั เรยี นร่วมกนั วิเคราะหแ์ ละตอบคาถามว่า ภาพดังกลา่ วมีสาเหตจุ ากอะไร และเกิด ผลเสยี ตอ่ ตนเองและ
สังคมอย่างไร

2. ครูอธบิ ายให้นักเรียนเขา้ ใจว่า การกระทาในภาพทีค่ รูนามาให้นักเรียนดูนนั้ จดั ว่าเปน็ กรรมช่ัว เปน็
ทางแหง่ ความชัว่ แล้วครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมเกี่ยวกับหลักธรรมอกศุ ลกรรมบถ 10 และอบายมุข 6

ขน้ั ท่ี 2 วำงแผนปฏิบัติ

3. ครูมอบหมายให้นกั เรยี นกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7) ศกึ ษาความรู้เร่ือง
อกศุ ลกรรมบถ 10 และอบายมุข 6 จากหนงั สือเรยี น หนงั สอื คน้ ควา้ เพิม่ เติม ห้องสมุด และแหลง่ ข้อมลู
สารสนเทศ โดยวางแผนสืบค้นกนั เปน็ คู่ คลู่ ะ 1 หัวขอ้ ตามความเหมาะสม

ข้ันท่ี 3 ลงมือปฏิบัติ

4. สมาชิกแตล่ ะกลุ่มลงมอื ศึกษาความรู้ตามแผนที่กาหนดไว้ในขัน้ ท่ี 2 แล้วบนั ทกึ ความรู้ท่ีได้จาก
การศึกษาลงในแบบบนั ทึกการอา่ น จากนั้นนาความรู้ที่ไดศ้ ึกษามาเล่าสู่กนั ฟัง โดยผลดั กนั เลา่ ทลี ะคน พรอ้ ม
ยกตวั อย่างประกอบ

ขั้นที่ 4 พฒั นำควำมรู้ ควำมเข้ำใจ

สอ่ื การเรียนรู้ : ใบงานท่ี 3.3

5. สมาชกิ แต่ละกลุ่มช่วยกนั ทาใบงานที่ 3.3 เรื่อง ทางแห่งความชวั่ และทางแหง่ ความเส่ือม แล้ว
ช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง

6. ครูสุ่มตัวแทนกล่มุ 2-3 กลมุ่ ออกมานาเสนอผลงาน หนา้ ช้นั เรยี น แลว้ ให้กลุ่มอ่ืนทมี่ ีผลงาน
แตกตา่ งกันนาเสนอเพม่ิ เตมิ

149

ขนั้ ที่ 5 สรุป

7. ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันสรุปสาระสาคัญเกย่ี วกบั อกศุ ลกรรมบถ 10 และอบายมุข 6 แล้วให้นกั เรียน
ช่วยกันแสดงความคิดเห็นถงึ แนวทางการหลีกเลย่ี งการกระทาทเี่ ปน็ ทางแห่งความชัว่ และทางแหง่ ความ
เส่อื ม

7. กำรวดั และประเมินผล

วิธกี ำร เครื่องมอื เกณฑ์

ตรวจใบงานที่ 3.3 ใบงานที่ 3.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ตรวจแบบบันทกึ การอา่ น แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ในการ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ทางาน

8. สอ่ื /แหล่งกำรเรยี นรู้
8.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี น พระพทุ ธศาสนา ม.2
2) บัตรภาพ
3) ใบงานที่ 3.3 เร่ือง ทางแห่งความชว่ั และทางแหง่ ความเสอื่ ม
8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ

- http://www.aksorn.com/LC/REI/M2/09

150

บตั รภาพ



ภำพคนยงิ นก ภำพคนถกู ตำรวจจบั

ภำพคนเมำสรุ ำ ภำพคนทะเลำะกนั

ที่มา : ภาพท่ี 1 http://www.siamfishing.com/board/view.php?tid=635708

1 2 ภาพท่ี 2 http://www.rd1677.com/branch.php?id=58975
3 4 ภาพท่ี 3 http://board.postjung.com/634777.html

ภาพท่ี 4 http://www.talkystory.com/?p=30427

151

ใบงำนที่ 3.3 ทำงแห่งควำมชั่วและทำงแห่งควำมเส่ือม
คำชแ้ี จง ให้นักเรียนอา่ นกรณีศกึ ษา แล้วตอบคาถาม

กรณศี ึกษำที่ 1
จ้อน เดย่ี ว และตน้ เปน็ นักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 ของโรงเรยี นทีม่ ชี ือ่ เสียงแห่งหนึง่ พวกเขา
เป็นเพอ่ื นสนิทกัน ชอบไปเท่ยี วดว้ ยกนั เสมอ ทงั้ สามคนพากันไปยิงนกดว้ ยหนังสต๊ิก และตกปลา เป็น
ประจาในวนั เสาร์-อาทิตย์ และกลับถึงบา้ นมืดค่า เม่ือพ่อแม่ถามเหตผุ ลของการกลบั บ้านมืดก็จะบอก
กบั พ่อแม่ว่าชวนกนั ไปทาการบา้ นท่บี ้านเพื่อน แตเ่ ม่อื ไปโรงเรียนทัง้ สามคนกไ็ ม่มีการบ้านไปสง่ ครู มี
เพอื่ นบางคนไปเลา่ ให้ครูฟังถึงพฤติกรรมของทั้งสามคน
เม่ือท้ังสามคนรเู้ ขา้ ก็พูดจากระทบกระเทยี บเพื่อนคนน้ัน บางครั้งก็พูดด่าพวกเพ่ือนด้วยคาหยาบ
คาย สาหรับจ้อนนั้นมักจะมีความพยาบาทคิดรา้ ยต่อเพ่ือนทไ่ี ปบอกความจริงแก่คุณครู และคิดจะขโมย
เงินของเพื่อน เป็นการแกแ้ ค้นดว้ ย จ้อน เด่ียว และตน้ จะพูดจาสอ่ เสยี ดพวกเพ่อื นอย่างหยาบคาย
เสมอ
จนในที่สดุ กไ็ ม่มีใครคบกบั จอ้ น เดยี่ ว และต้น ครูทุกคนกเ็ บื่อ ระอาต่อความประพฤตขิ องท้งั สาม
คน ต่อมาท้งั สามคนคบคดิ กนั ขโมยโทรศพั ท์มือถือของแก้วตา เมอ่ื ฝา่ ยปกครองของโรงเรียนทราบเรอ่ื ง
จงึ เรียกทงั้ สามคนพร้อมพ่อแม่ ไปทาทัณฑ์บน และตดั คะแนนความประพฤติ

คำถำม
 จอ้ น เดีย่ ว และต้น ทากรรมชว่ั ในเรือ่ งใด และผลทไี่ ด้รับคอื อะไร จงอธิบาย พรอ้ มยกตวั อยา่ ง

ประกอบ

152

กรณศี กึ ษำที่ 2
ในอดตี โสภณเคยเป็นผูจ้ ดั การบรษิ ัทขายรถจกั รยานยนต์ เขามภี รรยาและลกู ชายคนหน่งึ ชีวติ
ครอบครัวของเขามีความสขุ มาก ต่อมาเขาตดิ ต่อกบั ลกู ค้าหลายคนท่ีพาเขาไปดื่มเหล้าอยู่เสมอ ทาให้
เขาเรมิ่ ติดเหลา้ บางครงั้ เพือ่ นบางคนก็พาเขาไปน่งั ดม่ื เหล้าที่ไนต์คลบั บา้ ง ไปชมคอนเสริ ์ตบา้ ง อยมู่ า
วันหนงึ่ เกรกิ ซง่ึ เป็นเพ่ือนสมัยเรียนอยู่ช้ันมธั ยมศึกษา มาหาเขาและชวนไปธรุ ะแถวๆ บอ่ นการพนนั
และใหโ้ สภณลองเล่นบ้าง ระยะแรกๆ โสภณไม่ค่อยสนใจสักเทา่ ไรนัก แตเ่ มื่อเลน่ แล้วไดเ้ งินมา
มากมายอย่างรวดเรว็ กเ็ ลยทาใหเ้ ขาติดใจ
วันต่อๆ มา โสภณก็ไปเล่นการพนนั จนดึกเสมอ โสภณเสียการพนันมากมาย ทาใหเ้ ขาต้องเอา
ทรพั ยส์ นิ เงินทอง ท่ีสะสมไวไ้ ปใชห้ น้ีการพนัน การทเ่ี ขาอดนอนจนดกึ อยูเ่ สมอกเ็ ลยทาให้เขาไม่อยาก
ไปทางาน ผลงานการขายรถจักรยานยนตม์ ียอดขายต่าลงทุกเดือน
นอกจากนั้นเขายงั เอาเงินของบริษทั มาใชจ้ า่ ยในการเล่นการพนนั ดว้ ย ในทสี่ ดุ เมื่อความจริงถูก
เปดิ เผยทาใหเ้ ขาต้องถกู ไล่ออกจากงาน และถูกดาเนินคดฐี านยักยอกทรัพยข์ องบริษัทอีกด้วย ภรรยา
และลกู ชายของเขาเสียใจมาก ฐานะของครอบครัวก็ทรดุ ลง ภรรยาของโสภณต้องรับภาระหารายได้มา
เลยี้ งครอบครวั ตามลาพัง ซ่ึงทาใหส้ ภาพการดาเนนิ ชีวิตของภรรยาและลกู ค่อนขา้ งลาบากมาก
คำถำม
1. เพราะเหตุใด โสภณจึงมีฐานะยากจน และมีการดาเนนิ ชวี ิตลาบากกว่าเดิม

2. การปฏบิ ตั ิตนของโสภณในข้อ 1 นน้ั มผี ลตอ่ ตนเอง และครอบครัวอย่างไร

ใบงานที่ 3.3 ทางแหง่ ความชัว่ และทางแหง่ ความเส่ือม 153
คาช้ีแจง ให้นกั เรยี นอา่ นกรณีศึกษา แล้วตอบคาถาม
เฉลย

กรณศี กึ ษำท่ี 1
จอ้ น เดย่ี ว และตน้ เปน็ นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ของโรงเรยี นที่มชี ื่อเสยี งแห่งหนงึ่ พวกเขา
เปน็ เพ่ือนสนิทกนั ชอบไปเท่ียวด้วยกนั เสมอ ทง้ั สามคนพากันไปยงิ นกด้วยหนังสติ๊ก และตกปลา เป็น
ประจาในวนั เสาร์-อาทิตย์ และกลับถึงบา้ นมดื ค่า เมื่อพ่อแม่ถามเหตุผลของการกลบั บ้านมืดกจ็ ะบอก
กับพ่อแม่วา่ ชวนกนั ไปทาการบา้ นท่บี ้านเพ่ือน แตเ่ มื่อไปโรงเรียนทัง้ สามคนกไ็ มม่ ีการบ้านไปสง่ ครู มี
เพอื่ นบางคนไปเล่าใหค้ รูฟงั ถึงพฤติกรรมของทั้งสามคน
เมื่อท้ังสามคนร้เู ขา้ ก็พดู จากระทบกระเทยี บเพ่ือนคนนนั้ บางคร้ังก็พูดด่าพวกเพอ่ื นด้วยคาหยาบ
คาย สาหรับจ้อนนั้นมักจะมีความพยาบาทคิดร้ายต่อเพ่ือนท่ีไปบอกความจรงิ แก่คุณครู และคดิ จะขโมย
เงินของเพื่อน เปน็ การแกแ้ ค้นดว้ ย จ้อน เด่ยี ว และตน้ จะพดู จาส่อเสยี ดพวกเพ่ือนอย่างหยาบคาย
เสมอ
จนในทส่ี ุดก็ไมม่ ีใครคบกับจ้อน เดยี่ ว และตน้ ครทู กุ คนกเ็ บ่ือ ระอาตอ่ ความประพฤตขิ องทั้งสาม
คน ตอ่ มาทั้งสามคนคบคิดกันขโมยโทรศัพท์มือถือของแก้วตา เม่อื ฝ่ายปกครองของโรงเรียนทราบเรือ่ ง
จึงเรยี กท้งั สามคนพร้อมพ่อแม่ ไปทาทัณฑ์บน และตดั คะแนนความประพฤติ

คำถำม
 จ้อน เด่ียว และตน้ ทากรรมช่วั ในเรื่องใด และผลทไ่ี ดร้ บั คอื อะไร จงอธบิ าย พรอ้ มยกตวั อยา่ ง

ประกอบ
จอ้ น เด่ียว และตน้ ทากรรมช่ัวดังตอ่ ไปน้ี
1) ทากรรมชวั่ ทางกาย ในเรือ่ ง ปาณาตบิ าต คือ ฆา่ สตั ว์ ได้แก่ ยงิ นก ตกปลา และทาชว่ั ในเรอ่ื ง
อทินนาทาน คอื ไปขโมยโทรศัพทม์ ือถือของแกว้ ตา
2) ทากรรมช่ัวทางวาจา ในเรื่อง มุสาวาท การพูดเทจ็ คือ โกหกพ่อแมว่ า่ ไปทาการบา้ นทีบ่ ้าน
เพือ่ น และปิสุณวาจา คอื พดู จาส่อเสียด กระทบกระเทยี บเหนบ็ แนมเพื่อนทไี่ ปบอกความจริง
ในความประพฤตทิ ี่ไม่ดีของตนใหค้ รูฟงั นอกจากนัน้ ยงั พูดจาผรุสวาจา คือ พูดคาหยาบ ด่า
เพื่อน
3) ทากรรมชวั่ ทางใจ คอื อภชิ ฌา จอ้ นมีความคิดขโมยเงินเพื่อนทไี่ ปฟ้องครู และมีความ
ไม่คบคา้ ดว้ ย และทางฝ่ายปกครองทาโทษดว้ ยการเรยี กทัง้ สามคน พร้อมพ่อแม่ไปทาทัณฑ์
บนและตดั คะแนนความประพฤติ

154

กรณศี ึกษำท่ี 2
ในอดีตโสภณเคยเปน็ ผ้จู ดั การบริษัทขายรถจกั รยานยนต์ เขามภี รรยาและลกู ชายคนหน่งึ ชีวติ
ครอบครวั ของเขามีความสุขมาก ต่อมาเขาติดตอ่ กับลกู ค้าหลายคนทพี่ าเขาไปดื่มเหลา้ อยู่เสมอ ทาให้
เขาเร่ิมติดเหล้า บางคร้งั เพ่ือนบางคนก็พาเขาไปนง่ั ดื่มเหล้าที่ไนตค์ ลับบ้าง ไปชมคอนเสริ ์ตบ้าง อยมู่ า
วันหนงึ่ เกริกซงึ่ เปน็ เพ่ือนสมยั เรยี นอยูช่ ้นั มธั ยมศึกษา มาหาเขาและชวนไปธรุ ะแถวๆ บอ่ นการพนัน
และใหโ้ สภณลองเล่นบ้าง ระยะแรกๆ โสภณไมค่ ่อยสนใจสักเท่าไรนัก แต่เม่ือเลน่ แลว้ ไดเ้ งินมา
มากมายอย่างรวดเรว็ กเ็ ลยทาให้เขาตดิ ใจ
วนั ต่อๆ มา โสภณกไ็ ปเลน่ การพนันจนดึกเสมอ โสภณเสียการพนนั มากมาย ทาใหเ้ ขาต้องเอา
ทรพั ยส์ นิ เงินทอง ทสี่ ะสมไว้ไปใช้หนี้การพนนั การทเี่ ขาอดนอนจนดึกอยเู่ สมอก็เลยทาใหเ้ ขาไม่อยาก
ไปทางาน ผลงานการขายรถจักรยานยนตม์ ยี อดขายต่าลงทุกเดือน
นอกจากนั้นเขายังเอาเงนิ ของบริษัทมาใชจ้ า่ ยในการเลน่ การพนันด้วย ในทีส่ ุดเมื่อความจรงิ ถกู
เปดิ เผยทาใหเ้ ขาต้องถูกไล่ออกจากงาน และถูกดาเนนิ คดฐี านยักยอกทรัพยข์ องบรษิ ัทอีกด้วย ภรรยา
และลกู ชายของเขาเสียใจมาก ฐานะของครอบครวั กท็ รุดลง ภรรยาของโสภณต้องรับภาระหารายได้มา
เล้ียงครอบครวั ตามลาพงั ซึ่งทาให้สภาพการดาเนนิ ชวี ิตของภรรยาและลูกค่อนขา้ งลาบากมาก

คำถำม
1. เพราะเหตุใด โสภณจงึ มฐี านะยากจน และมีการดาเนนิ ชีวติ ลาบากกวา่ เดิม
เพราะโสภณติดอบายมุข 6 คือ
1. ตดิ สุรา โสภณดมื่ สรุ ากับเพ่ือนเป็นประจา
2. ชอบเทีย่ วกลางคืน คือ เทีย่ วตามไนต์คลบั
3. ชอบไปเท่ยี วดูคอนเสริ ต์ อยเู่ สมอ
4. ติดการพนัน โสภณติดการพนันทาใหต้ อ้ งเสียทรพั ย์สนิ เงินทองจานวนมาก แลว้ ยงั ยักยอกเงิน
ของบรษิ ทั มาใช้หนีก้ ารพนัน เป็นส่วนหน่ึงท่ีทาให้เขาตอ้ งถกู ไล่ออกจากงาน
5. คบคนชั่วเปน็ มิตร เขามเี พื่อนและลกู ค้า ซึ่งเปน็ คนไม่ดีชวนเขาไปเทยี่ วเตร่ ด่มื สุรา
เลน่ การพนนั
6. เกียจครา้ นในการทางาน ทาใหผ้ ลงานตกต่าในท่ีสดุ ต้องถูกไล่ออกจากงาน

2. การปฏิบัติตนของโสภณในข้อ 1 นน้ั มีผลตอ่ ตนเอง และครอบครัวอยา่ งไร
มผี ลเสยี ตอ่ ตนเอง คอื ทาใหถ้ ูกไลอ่ อกจากงาน และถูกดาเนนิ คดฐี านยกั ยอกทรัพยข์ องบรษิ ทั
และมีผลเสยี ต่อครอบครัว คือ ทาให้ครอบครัวมฐี านะยากจน ภรรยาและลูกได้รบั ความทุกขย์ าก

155

บันทึกหลังกำรสอน

1.ผลกำรจัดกำรเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปญั หำและอุปสรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื .................................................ผบู้ ันทึก
(ครูผูส้ อน นางสาวจิดาภรณ์ ถิ่นตองโขบ)
ตาแหน่ง ครูผู้สอน

156

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี 11

กลุ่มสำระกำรเรียนรสู้ งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ช้ันมธั ยมศกึ ษำปที ี่ 2

หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ 3 เรื่อง หลักธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำ ภำคเรียนท่ี 2

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 11 สขุ 2 (สำมิสสขุ และนิรำมิสสุข) เวลำ 2 ชัว่ โมง

ผสู้ อน นำงสำวจดิ ำภรณ์ ถ่นิ ตองโขบ

1. ตัวชี้วดั /จุดประสงค์กำรเรียนรู้
1.1 ตัวชีว้ ดั
ส 1.1 ม.2/8 อธบิ ายธรรมคณุ และข้อธรรมสาคญั ในกรอบอรยิ สจั 4 หรือหลักธรรมของ

ศาสนาท่ีตนนับถือตามทีก่ าหนด เห็นคุณค่าและนาไปพัฒนาแก้ปญั หาของชมุ ชนและสังคม
1.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
1) อธบิ ายความหมายและการกระทาตามหลักสามสิ สขุ และนริ ามิสสขุ ได้
2) ปฏิบัตติ นตามหลักธรรมสามิสสขุ และนริ ามิสสุขได้อย่างเหมาะสม

2. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด
สุข 2 ซ่งึ ประกอบด้วย สามสิ สุข นริ ามสิ สุข เปน็ ธรรมท่ีอยใู่ นหมวดนิโรธ เปน็ ข้อธรรมที่เราควรบรรลุ

เพ่อื เป็นการดบั ทุกข์
3. สำระกำรเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• อรยิ สัจ 4

- นโิ รธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) : สุข 2 (สามสิ นิรามสิ )
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคิด

1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสรา้ งความรู้ 3). ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน

6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้

วธิ ีสอนโดยเน้นกระบวนกำร : กระบวนกำรสรำ้ งเจตคติ

นกั เรยี นสวดมนตบ์ ูชาพระรัตนตรยั และทาสมาธกิ ่อนเรียน

157

ขน้ั ที่ 1 สงั เกต

1. ครูใหน้ กั เรยี นผลดั กนั เล่าว่า นักเรยี นเคยมีความสุขในเร่ืองใดบ้าง เพราะเหตใุ ดจงึ มีความสขุ ซึง่

นกั เรียนจะตอบตา่ งกนั เชน่

- กนิ อาหารอร่อย - ใส่เส้อื ผ้าสวยๆ

- ได้เงนิ รางวัลจากพ่อแม่ - ไดข้ องขวัญวนั เกดิ มากมาย

- ไดไ้ ปเท่ยี วดหู นัง ฟงั เพลง ฯลฯ

2. ครใู หน้ ักเรยี นร่วมกนั วิเคราะหต์ ัวอยา่ งทน่ี ักเรยี นนาเสนอในข้อ 1 ว่าการกระทาใดท่ีจัดวา่ เปน็

ความสุขตลอดไป พร้อมอธบิ ายเหตุผล

3. ครอู ธิบายเชือ่ มโยงใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า การแบ่งประเภทของความสุขน้นั แบ่งได้หลายวิธี แตว่ ิธีหนง่ึ

อาจแบง่ ออกเป็น สามสิ สุข คือ ความสขุ ทางวัตถุ กบั นิรามิสสขุ คือ ความสุขทางใจ สามสิ สขุ หรอื กามสุข

เปน็ ความสขุ ทเี่ ปน็ ของธรรมดาสาหรบั คนทั่วไป และคิหสิ ขุ เป็นความสุขของชาวบ้าน

4. ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันยกตวั อยา่ งการกระทาทสี่ อดคล้องกับหลักธรรมสามสิ สขุ และนริ ามิสสุข

5.นักเรยี นตอบคาถามกระต้นุ ความคิด

การที่นักเรียนไปเดินซ้ือสงิ่ ของเคร่อื งใชต้ ่างๆ กบั เพ่ือนอยา่ งมีความสุขนน้ั สอดคล้องกัสามิสสุขอย่างไร
(ความสุขที่เกิดจากการมีทรพั ย์ ความสขุ ทเ่ี กิดจากการใช้ทรัพย์)

ข้ันที่ 2 วเิ ครำะห์

สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ : 1. หนงั สือเรยี น พระพุทธศาสนา ม.2 2. ใบงานที่ 3.4

6. ครใู ห้นักเรียนกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 7) รว่ มกนั ศกึ ษาความรูเ้ ร่ือง สามิสสขุ และ
นริ ามิสสุข จากหนังสือเรยี น หนังสือค้นคว้าเพิม่ เติม หอ้ งสมดุ และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ แลว้ นามาเป็นพ้นื
ฐานความรใู้ นการวิเคราะหต์ ามหวั ข้อใน ใบงานที่ 3.4 เรือ่ ง ความสขุ

7. ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 3.4 สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มร่วมมอื กันตรวจผลงานของ
ตนเอง

ข้ันที่ 3 สรุป

8. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้เกี่ยวกับลักษณะสาคัญของการปฏิบัตติ ามสามิสสขุ และนิรา
มสิ สขุ และผลทไ่ี ด้รับ

9. นกั เรียนช่วยกนั เสนอแนวทางการปฏิบตั ติ น เพื่อให้เกิดความสขุ ทัง้ ทางกาย และทางใจอยา่ ง
ถูกต้องและเหมาะสม กบั วัยของนกั เรยี น

158

7. กำรวดั และประเมนิ ผล

วิธีกำร เครอื่ งมอื เกณฑ์

ตรวจใบงานท่ี 3.4 ใบงานท่ี 3.4 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

ทางาน

8. สอ่ื /แหล่งกำรเรยี นรู้
8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียน พระพทุ ธศาสนา ม.2
2) ใบงานท่ี 3.4 เรือ่ ง ความสุข
8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ
-http://www.aksorn.com/LC/REI/M2/10

159

ใบงานที่

3.4 ความสขุ

ตอนที่ 1
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นนาหมายเลขใตภ้ าพมาใส่ในกรอบขอ้ ความเกย่ี วกบั สขุ 2

อตั ถสิ ุข โภคสขุ อนณสุข อนวชั ชสขุ นิรามสิ สุข

123
456
789

160

ตอนท่ี 2
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามจากภาพในตอนท่ี 1

1. ความสุขในภาพใด จดั วา่ เป็นความสขุ ของคนธรรมดาทวั่ ไป พรอ้ มอธบิ ายเหตุผล

2. ภาพใดเป็นความสขุ ทางใจ พรอ้ มอธบิ ายเหตุผล

ใบงานท่ี 161

3.4 ความสขุ นริ ามสิ สุข

ตอนที่ 1 7, 9
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นนาหมายเลขใตภ้ าพมาใส่ในกรอบขอ้ ความเกย่ี วกบั สุข 2

อตั ถสิ ขุ โภคสขุ อนณสขุ อนวชั ชสขุ

1, 6, 8 2, 4 3 5

123
456
789

162

ตอนที่ 2
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามจากภาพในตอนท่ี 1

1. ความสขุ ในภาพใด จดั ว่าเป็นความสุขของคนธรรมดาทวั่ ไป พรอ้ มอธบิ ายเหตุผล

ภาพที่2, 3, 4, 5, 6, 8 จดั ว่าเป็นความสขุ ของคนทวั่ ไป เพราะเป็นความสขุ ทางวตั ถุ เรยี กว่า กามสขุ เป็น
ความสขุ ทผี่ า่ นประสาทสมั ผสั ทงั้ 5 คอื ตา หู จมกู ล้นิ กาย

2. ภาพใดเป็นความสุขทางใจ พรอ้ มอธบิ ายเหตุผล

ภาพที่7, 9 จดั วา่ เป็นความสขุ ทางใจ เพราะเป็นการปฏบิ ตั ใิ หจ้ ติ ใจมคี วามสงบ เป็นหนทางนาไปสู่
ความสขุ สงู สดุ คอื นิพพาน

163

บนั ทกึ หลังกำรสอน

1.ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปญั หำและอุปสรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ.................................................ผูบ้ นั ทกึ
(ครผู สู้ อน นางสาวจิดาภรณ์ ถิน่ ตองโขบ)
ตาแหน่ง ครผู สู้ อน

164

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 12

กลุ่มสำระกำรเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศึกษำปีท่ี 2

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่ือง หลกั ธรรมทำงพระพุทธศำสนำ ภำคเรยี นที่ 2

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 12 สตปิ ัฏฐำน 4 และมงคล 38 เวลำ 2 ชวั่ โมง

ผูส้ อน นำงสำวจดิ ำภรณ์ ถิ่นตองโขบ

1. ตัวช้ีวัด/จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้
1.1 ตวั ชี้วดั
ส 1.1 ม.2/8 อธิบายธรรมคุณและข้อธรรมสาคัญในกรอบอริยสจั 4 หรือหลักธรรมของ

ศาสนาท่ตี นนบั ถือตามท่ีกาหนด เหน็ คณุ ค่าและนาไปพฒั นาแกป้ ัญหาของชมุ ชนและสังคม
1.2 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
- อธบิ ายความหมาย วิเคราะห์การกระทาตามหลกั ธรรมสตปิ ฏั ฐาน 4 และมงคล 38 ใน

หวั ขอ้ ประพฤติธรรม เว้นจากความชวั่ เว้นจากการด่มื น้าเมา และปฏิบตั ิตนได้อย่างถกู ต้อง
2. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด

การท่บี ุคคลปฏบิ ัติตามหลักธรรม สตปิ ฏั ฐาน 4 และมงคลในหวั ข้อ ประพฤตธิ รรม เวน้ จากความชว่ั
เว้นจากการดม่ื นา้ เมา ย่อมเป็นทางท่จี ะนาไปสู่ความดบั ทุกข์
3. สำระกำรเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• อรยิ สัจ 4
- มรรค (ธรรมทีค่ วรเจรญิ )
: สตปิ ฏั ฐาน 4

: มงคล 38 ประพฤตธิ รรม เว้นจากความช่วั เวน้ จากการดื่มน้าเมา

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 2) ทกั ษะการคดิ ตามแนวพุทธธรรม
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 4) ทักษะการประยุกต์ใชค้ วามรู้
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการวิเคราะห์
3) ทกั ษะการสร้างความรู้

4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

5.คุณลักษณะอันพึงประสงค์

1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุง่ ม่นั ในการทางาน

165

6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้

วิธีสอนแบบ ธรรมสำกัจฉำ

ขัน้ นำเขำ้ สบู่ ทเรยี น

สื่อการเรียนรู้ : บตั รภาพ

1. ครูนาภาพมาใหน้ ักเรียนดู แล้วให้นกั เรยี นร่วมกันวิเคราะห์และตอบคาถามวา่ ภาพดงั กลา่ วมี

สาเหตมุ าจากอะไร และเกดิ ผลเสียตอ่ ตนเองและสังคมอย่างไร เช่น

-ภาพคนตกปลา -ภาพคนค้ายาเสพติด

-ภาพคนเมาสุรา - ภาพคนทะเลาะกัน

2. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ การกระทาในภาพท่คี รูนามาใหน้ ักเรียนดนู ้ัน จดั ว่าเปน็ กรรมชั่ว เปน็

ทางแหง่ ความชั่ว

ข้นั สอน

3. คาถามกระตนุ้ ความคิด

“เม่ือมผี มู้ าชวนเราใหท้ าในสง่ิ ท่ีไมด่ ี แต่เรารู้จกั ยบั ยงั้ ใจไม่ทาตาม” สอดคล้องกบั สตปิ ฏั ฐาน 4 อย่างไร

(มีสัมมาสติ (สตทิ ี่ชอบ) คอยเตือนตนเองไม่ให้หลงไปในทางทีผ่ ดิ )

1.แสวงหำควำมรู้

4. สมาชกิ กลุม่ เดิม (จากแผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 7) รว่ มกันศกึ ษาความรเู้ ร่ือง สติปัฏฐาน 4 และมงคล

38 จาก หนังสือเรียน หนังสอื คน้ คว้าเพม่ิ เติม และห้องสมุด แลว้ บนั ทึกความรู้ทไ่ี ด้จากการศกึ ษาลงใน

แบบบนั ทกึ การอ่าน

2. คน้ พบควำมรู้/สนทนำแลกเปล่ยี นควำมรู้

5. สมาชิกแต่ละกลุ่มรว่ มกันสนทนาแลกเปลย่ี นความรเู้ กี่ยวกับหลักธรรมทศี่ ึกษา ในหัวข้อต่อไปนี้

1) ความหมาย ความสาคญั

2) ตวั อย่างการปฏิบตั ติ นตามหลักธรรม

6. สมาชิกแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั ทาใบงานที่ 3.9 เรื่อง สติปัฏฐาน 4

7. ครูเฉลยคำตอบในใบงำนท่ี 3.9 นกั เรยี นตรวจสอบควำมถูกตอ้ งตำมทคี่ รูเฉลย

3. วิเครำะห์และประเมินคำ่ ควำมรู้

8. สมาชกิ แต่ละกลุ่มรว่ มกันวิเคราะห์และประเมนิ คา่ ความร้ทู ี่ไดศ้ ึกษา โดยนาข่าว กรณีตวั อยา่ ง หรือ

นิทานท่เี ตรยี มมาลว่ งหนา้ มาเปน็ ขอ้ มูลในการทาใบงาน โดยเลอื กทากลมุ่ ละ 1 ใบงาน ดงั นี้

- ใบงานท่ี 3.10 เรือ่ ง ประพฤติธรรม

- ใบงานที่ 3.11 เรอ่ื ง เว้นความชว่ั

- ใบงานที่ 3.12 เรอ่ื ง เวน้ จากการดม่ื น้าเมา

9.ตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น ครเู สนอแนะเพิ่มเติม

4.พิสจู น์ควำมรหู้ รือปฏิบตั ิ

166

10.ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกนั วางแผนการปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรม สติปัฏฐาน 4 และมงคล 38 ในหวั ขอ้

ประพฤตธิ รรม เว้นความชวั่ และเวน้ จากการดื่มน้าเมา

11. สมาชิกแต่ละคนปฏบิ ัตติ นตามแผนท่ีได้ร่วมกนั กาหนดและรายงานผลต่อครูตามกาหนดเวลาทต่ี ก

ลงกัน

ขนั้ สรุป

12. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปข้อคิดท่ไี ดแ้ ละแนวทางการปฏบิ ัติตนตามมงคล 38 ในเรื่อง ประพฤติ

ธรรม เวน้ ความชว่ั เว้นจากการด่ืมน้าเมา

 ครมู อบหมำยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันวำงแผนกำรปฏิบตั ิตนตำมขอ้ ธรรมในกรอบอริยสัจ 4
ตำมท่ีกำหนด เพ่ือใหส้ มำชกิ ในกลุ่มนำไปปฏิบตั ิ แล้วรำยงำนผลกำรปฏิบตั ิตนตำมแบบบันทึกกำร
ปฏบิ ตั ติ นตำมหลักธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำ โดยให้ครอบคลุมประเดน็ ตามท่ีกาหนด ดงั น้ี
1) การปฏบิ ัติตนตามหลักดรุณธรรม 6
2) การปฏบิ ัติตนตามหลกั กลุ จิรฏั ฐิติธรรม 4
3) การปฏิบัตติ นตามหลักกุศลกรรมบถ 10
4) การปฏบิ ตั ติ นตามหลักสติปฏั ฐาน 4

5) การปฏบิ ตั ติ นตามหลักประพฤตธิ รรม เว้นจากความช่วั

7. กำรวัดและประเมินผล

วธิ ีกำร เคร่อื งมือ เกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 3.9 ใบงานท่ี 3.9 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 3.10 ใบงานท่ี 3.10 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 3.11 ใบงานที่ 3.11 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 3.12 ใบงานท่ี 3.12 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
รายบุคคล
สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

8. สอ่ื /แหล่งกำรเรียนรู้
8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.2
2) บตั รภาพ
3) ใบงานท่ี 3.9 เรื่อง สติปัฏฐาน 4
4) ใบงานที่ 3.10 เรอื่ ง ประพฤตธิ รรม
5) ใบงานที่ 3.11 เรือ่ ง เว้นความชั่ว
6) ใบงานท่ี 3.12 เรื่อง เวน้ จากการดื่มน้าเมา

167

บตั รภาพ



ภาพคนตกปลา ภาพคนคา้ ยาเสพติด

ภาพคนเมาสุรา ภาพคนทะเลาะกนั

ที่มา : ภาพท่ี 1 http://www.pla-game.com/pla/index.php?topic=4090.0

1 2 ภาพท่ี 2 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1329466064
3 4 ภาพท่ี 3 http://www.banmuang.co.th/2012/05/ความหวงั จดั ระเบยี บพน้ื /

ภาพท่ี 4 http://construction-site-accident.blogspot.com/2009/01/2-1.html

168

ใบงำนที 3.9 สตปิ ัฏฐำน 4

คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นยกตัวอย่างการพจิ ารณาตามหลกั สติปฏั ฐาน 4
สติปัฏฐาน 4

พิจารณาเหน็ พิจารณาเหน็ พิจารณาเหน็ พิจารณาเหน็
ภายในกาย เวทนาในเวทนา ในจิต ธรรมในธรรม

169

ใบงำนที 3.9 สตปิ ฏั ฐำน 4

คำช้แี จง ให้นักเรยี นยกตัวอย่างการพิจารณาตามหลักสติปฏั ฐาน 4
สติปัฏฐาน 4

พิจารณาเหน็ พิจารณาเหน็ พิจารณาเหน็ พิจารณาเหน็
ภายในกาย เวทนาในเวทนา ในจิต ธรรมในธรรม

การตงั้ สตพิ จิ ารณากายใหร้ เู้ หน็ การตงั้ สตพิ จิ ารณาธรรมใหร้ ู้
ตามความเป็นจรงิ ว่าเป็นเพยี งแต่ เหน็ ตามความเป็นจรงิ ว่า เป็นเพยี ง
กายไมใ่ ชส่ ตั ว์ ไมใ่ ชบ่ ุคคล ไมใ่ ช่ ธรรมไม่ใชส่ ตั ว์ บุคคล ตวั เรา ตวั เขา
ตวั ตนของเรา ตวั ตนของเขา มสี ตริ จู้ กั ธรรมทงั้ หลายว่าคอื อะไร
ใชว้ ธิ กี ารกาหนดลมหายใจเขา้ ออก
(อานาปานสต)ิ

การตงั้ สตกิ าหนดพจิ ารณา การตงั้ สตกิ าหนดพจิ ารณาจติ
เวทนา ใหร้ เู้ หน็ ความเป็นจรงิ ใหเ้ หน็ ตามความเป็นจรงิ ว่า เป็นแต่
ว่าเป็นแต่เพยี งเวทนา ไมใ่ ชส่ ตั ว์ เพยี งจติ ไมใ่ ช่สตั ว์ บคุ คล ตวั เรา
บุคคล ตวั ตนของเรา ของเขา ตวั เขา เมอื่ จติ มรี าคะ กร็ วู้ า่ จติ มรี าคะ
จติ ปราศจากราคะ กร็ วู้ ่าจติ
ปราศจากราคะ

170

ใบงำนที่ 3.10 ประพฤตธิ รรม

คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นหาขา่ ว กรณตี ัวอย่าง หรือนิทานท่ีแสดงถึงการประพฤตธิ รรม นามาวิเคราะห์
แลว้ ตอบคาถาม

ข่ำว กรณีตวั อย่ำง หรือนิทำน เรือ่ ง

(สาระสาคัญโดยย่อ)

ทีม่ า :
คำถำม

1. บุคคลใดเปน็ ผูป้ ระพฤตธิ รรม

2. การกระทาที่แสดงวา่ ประพฤติธรรมของเขา คืออะไร ยกตัวอยา่ งประกอบ

3. ผลของการกระทาเป็นอยา่ งไร

4. นกั เรียนสามารถนาส่วนทีด่ ีของบคุ คลในเรอ่ื งนไ้ี ปประยกุ ต์ปฏบิ ตั ติ นได้อย่างไรบ้าง

171

ใบงำนที่ 3.10 ประพฤตธิ รรม

คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นหาขา่ ว กรณีตวั อย่าง หรอื นิทานที่แสดงถงึ การประพฤตธิ รรม นามาวิเคราะห์
แลว้ ตอบคาถาม

ข่ำว กรณตี ัวอยำ่ ง หรอื นทิ ำน เรอื่ ง

(สาระสาคญั โดยย่อ)

ท่ีมา :
คำถำม

1. บคุ คลใดเปน็ ผ้ปู ระพฤติธรรม

2. การกระทาท่ีแสดงว่า ประพฤตธิ รรมของเขา คืออะไร ยกตัวอย่างประกอบ

3. ผลของการกระทาเป็นอย่างไร

4. นักเรียนสามารถนาสว่ นที่ดีของบุคคลในเรื่องน้ีไปประยกุ ต์ปฏบิ ัติตนได้อย่างไรบ้าง

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน)

172

ใบงำนที่ 3.11 เว้นควำมชั่ว

คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนหาขา่ ว กรณีตวั อย่าง หรอื นิทานที่แสดงถึงการละเว้นความชัว่ แล้วไดร้ ับผลดตี อบแทน
นามาวเิ คราะห์แลว้ ตอบคาถาม

ข่ำว กรณตี วั อย่ำง หรอื นทิ ำน เรื่อง

(สาระสาคญั โดยย่อ)

ทีม่ า :
คำถำม

1. บุคคลใดประพฤติตนที่แสดงว่า เว้นจากความชั่ว

2. การกระทาของบุคคลในข้อ 1 ทีแ่ สดงวา่ เวน้ จากความช่วั คอื อะไร ยกตวั อย่างประกอบ

3. ผลของการกระทาเป็นอยา่ งไร

4. นักเรยี นสามารถนาสว่ นทด่ี ีของบุคคลในข้อ 2 ไปประยกุ ต์ปฏิบตั ิตนได้อย่างไรบ้าง

173

ใบงำนท่ี 3.11 เว้นควำมชั่ว

คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนหาข่าว กรณตี ัวอย่าง หรอื นิทานท่ีแสดงถงึ การละเว้นความชวั่ แล้วไดร้ ับผลดตี อบแทน
นามาวเิ คราะห์แล้วตอบคาถาม

ขำ่ ว กรณตี ัวอยำ่ ง หรือนิทำน เร่ือง

(สาระสาคัญโดยย่อ)

ทม่ี า :
คำถำม

1. บคุ คลใดประพฤติตนที่แสดงวา่ เวน้ จากความช่วั

2. การกระทาของบุคคลในข้อ 1 ทแ่ี สดงวา่ เว้นจากความช่วั คอื อะไร ยกตัวอย่างประกอบ

3. ผลของการกระทาเป็นอยา่ งไร

4. นกั เรยี นสามารถนาสว่ นท่ีดีของบคุ คลในข้อ 2 ไปประยุกต์ปฏิบัติตนได้อย่างไรบ้าง

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของครผู ้สู อน)

174

ใบงำนท่ี 3.12 เวน้ จำกกำรด่มื นำ้ เมำ

คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนหาข่าว กรณตี ัวอย่าง หรือนิทานที่แสดงถงึ การเว้นจากการดื่มนา้ เมา นามาวเิ คราะห์
แล้วตอบคาถาม

ข่ำว กรณตี วั อย่ำง หรือนิทำน เรอ่ื ง

(สาระสาคัญโดยย่อ)

ท่ีมา :
คำถำม

1. บุคคลใดเป็นผทู้ ี่เวน้ จากการดื่มนา้ เมา

2. การกระทาของบุคคลในขอ้ 1 ท่ีแสดงว่า เว้นจากการดม่ื น้าเมา คอื อะไร

3. ผลของการกระทาเป็นอย่างไร

4. นกั เรียนสามารถนาแบบอย่างทด่ี ขี องบุคคลในข้อ 1 ไปประยุกตป์ ฏบิ ัตติ นได้อยา่ งไรบ้าง

175

ใบงำนท่ี 3.12 เวน้ จำกกำรดมื่ นำ้ เมำ

คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นหาข่าว กรณีตัวอย่าง หรือนทิ านที่แสดงถึงการเว้นจากการด่ืมน้าเมา นามาวิเคราะห์
แล้วตอบคาถาม

ข่ำว กรณีตัวอย่ำง หรือนทิ ำน เร่ือง

(สาระสาคญั โดยย่อ)

ท่ีมา :
คำถำม

1. บคุ คลใดเปน็ ผูท้ ี่เวน้ จากการด่ืมนา้ เมา

2. การกระทาของบุคคลในข้อ 1 ทีแ่ สดงวา่ เว้นจากการดื่มน้าเมา คอื อะไร

3. ผลของการกระทาเปน็ อย่างไร

4. นักเรียนสามารถนาแบบอย่างทดี่ ขี องบุคคลในข้อ 1 ไปประยกุ ต์ปฏิบตั ิตนได้อยา่ งไรบา้ ง
(พิจารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน)

176

บนั ทกึ หลังกำรสอน

1.ผลกำรจัดกำรเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปัญหำและอปุ สรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ.................................................ผู้บันทกึ
(ครผู สู้ อน นางสาวจดิ าภรณ์ ถ่นิ ตองโขบ)
ตาแหน่ง ครูผสู้ อน

177

หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี 4
เรื่อง พระไตรปฎิ กและพทุ ธศำสนสภุ ำษติ

178

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 13

กลุ่มสำระกำรเรียนรสู้ งั คมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ช้ันมธั ยมศึกษำปที ี่ 2

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ 4 เรือ่ ง พระไตรปิฎกและพทุ ธศำสนสุภำษติ ภำคเรยี นท่ี 2

แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 13 พระไตรปฎิ ก เวลำ 2 ชวั่ โมง

ผู้สอน นำงสำวจดิ ำภรณ์ ถน่ิ ตองโขบ

1. ตวั ช้ีวดั /จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้

1.1 ตวั ชว้ี ัด

ส 1.1 ม.2/7 อธิบายโครงสรา้ งและสาระโดยสังเขปของพระไตรปฎิ ก หรือคมั ภีรข์ อง

ศาสนาที่ตนนบั ถือ

1.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1 อธบิ ายความหมายและความสาคัญของพระไตรปิฎกได้

2) อธบิ ายโครงสรา้ งของพระไตรปฎิ กได้

2. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด

พระไตรปิฎก เปน็ คัมภีร์ทบี่ รรจหุ ลักธรรมคาสอนของพระพุทธเจา้ ซึง่ ประกอบดว้ ย พระวินยั ปฎิ ก

พระสุตตันตปิฎก และพระอภธิ รรมปฎิ ก

3. สำระกำรเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

- โครงสรา้ ง และสาระสังเขปของพระวินัยปฎิ ก พระสตุ ตนั ตปิฎก และพระอภธิ รรมปฎิ ก

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน

4.1 ความสามารถในการส่ือสาร

4.2 ความสามารถในการคิด

1) ทกั ษะการวิเคราะห์

2) ทกั ษะการสรุปย่อ

4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

5คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1.ซอื่ สัตย์ สุจริต 3. ใฝเ่ รยี นรู้

2.มีวนิ ยั 4. มงุ่ ม่นั ในการทางาน

179

6. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
วิธีสอนแบบ สืบเสำะหำควำมรู้ (Inquiry Method : 5E)

ขน้ั ที่ 1 กระตุน้ ควำมสนใจ
1. ครอู ่านข้อความในพระไตรปิฎกให้นักเรยี นฟัง ประมาณ 2-3 ขอ้ ความ ซ่ึงมีความยาวตามความ

เหมาะสม แลว้ ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั วเิ คราะห์ ตามหัวข้อต่อไปนี้
1) ความหมาย
2) ข้อคดิ สาคัญ
3)การนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ ชีวิต

2. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรียนเขา้ ใจวา่ ขอ้ ความดังกลา่ วน้ันเป็น สว่ นหนึง่ ของพระไตรปฎิ ก แลว้ ครูอธิบาย
ให้นักเรียนเข้าใจความหมาย ความสาคญั และโครงสรา้ งของพระไตรปิฎก
ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหำ

3. นกั เรยี นแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ 5-7 คน ตามความสมคั รใจ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มร่วมกันศึกษา
ความรเู้ รอ่ื ง พระไตรปิฎก จากหนังสือเรียน หนังสือคน้ ควา้ เพ่มิ เติม หอ้ งสมดุ และแหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
ตามหัวขอ้ ท่ีกาหนดให้ ดังน้ี

1) พระวนิ ยั ปฎิ ก
2) พระสตุ ตนั ตปิฎก
3)พระอภธิ รรมปิฎก
แล้วบนั ทึกความร้ทู ่ีได้จากการศึกษาลงในแบบบนั ทึกการอ่าน
ข้ันที่ 3 อธบิ ำยควำมรู้
4. สมาชิกแต่ละกลุ่มผลัดกนั อธบิ ายประเดน็ สาคัญของพระวนิ ยั -ปฎิ ก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรม
ปฎิ ก ในประเด็นต่อไปน้ี
1) ความหมาย ความสาคญั
2) หมวดยอ่ ยของพระไตรปิฎกแต่ละประเภท
5. นักเรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกันทาใบงานที่ 4.1 เร่อื ง พระไตรปฎิ ก
6. ครแู ละนักเรียนช่วยกันเฉลยคาตอบในใบงานที่ 4.1 และช่วยกนั สรปุ สาระสาคญั จากการเรียนเร่ือง
พระไตรปฎิ ก
ข้นั ท่ี 4 ขยำยควำมเขำ้ ใจ
7. ครใู ห้นกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ความแตกต่างระหว่างพระไตรปิฎก พระ
สุตตันตปฎิ ก และ พระอภธิ รรมปฎิ ก
8. นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาขอ้ ความนา่ รจู้ ากพระไตรปฎิ ก แลว้ ให้สมาชกิ ในกลุม่ ร่วมกันเลือก
ข้อความท่ีสมาชกิ สว่ นใหญ่มีความสนใจ มาประมาณ 5-15 บรรทัด
9. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั วเิ คราะห์ข้อความในพระไตรปิฎกทก่ี ลุ่มของตนเลือกมา แล้วตอบคาถาม
ในใบงานท่ี 4.2 เรอ่ื ง แสวงหาธรรมะในพระไตรปิฎก จากน้ันช่วยกันทบทวนความถูกตอ้ งของใบงาน

180

ขัน้ ที่ 5 ตรวจสอบผล
10. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลงานในใบงานท่ี 4.2 และใหน้ กั เรยี นกล่มุ อนื่ ทเ่ี ปน็

ผฟู้ งั ชว่ ยกนั เสนอแนะความคิดเห็นเพ่มิ เติม
11. นักเรยี นช่วยกันสรุปข้อคิดท่ีไดจ้ ากการฟังข้อความในพระไตรปฎิ ก และแนวทางการนาขอ้ คิดไป

ประยกุ ต์ปฏบิ ตั ิ ในการดาเนินชีวติ ครูตรวจสอบความถูกต้องและเสนอแนะเพิ่มเติม

7. กำรวัดและประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
ใบงานที่ 4.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ ีกำร ใบงานที่ 4.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 4.1 แบบบนั ทึกการอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 4.2 แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจแบบบนั ทกึ การอา่ น แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ประเมินการนาเสนอผลงาน
สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

8. สอ่ื /แหล่งกำรเรยี นรู้
8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.2
2) ตัวอยา่ งขอ้ ความในพระไตรปฎิ ก
3) ใบงานท่ี 4.1 เร่ือง พระไตรปฎิ ก
4) ใบงานที่ 4.2 เร่ือง แสวงหาธรรมะในพระไตรปฎิ ก
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมดุ
2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

- http://th.wikipedia.org/wiki/พระไตรปฎิ ก
- http://www.larndham.net/tipitaka.html

181

เอกสารประกอบการสอน

ตวั อยา่ งขอ้ ความในพระไตรปิ ฎก

สุตรที ี่บุรษุ ไมช่ อบใจเลย

“ดกู ่อนภกิ ษุทงั้ หลาย! สตรี (มาตุคาม) ทป่ี ระกอบดว้ ยองค์ 5 ยอ่ มไมเ่ ป็นทพ่ี อใจ โดยสว่ นเดยี วของบุรษุ

องค์ 5 คอื

1. ไม่มรี ปู (รปู ไม่งาม) 3. ไม่มศี ลี 5. ไม่มบี ตุ รกบั บรุ ษุ นนั้

2. ไมม่ ที รพั ย์ 4. เกยี จครา้ น

สตรผี ปู้ ระกอบดว้ ยองค์ 5 เหล่าน้แี ลย่อมไม่เป็นทพ่ี อใจโดยสว่ นเดยี วของบรุ ษุ ”

สตรีท่ีบุรษุ ชอบใจแท้

“ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย! สตรที ป่ี ระกอบดว้ ยองค์ 5 ย่อมเป็นทพ่ี อใจ โดยสว่ นเดยี วของบุรษุ องค์ 5 คอื

1. มรี ปู (รปู งาม) 3. มศี ลี 5. มบี ตุ รกบั บุรุษนนั้

2. มที รพั ย์ 4. ขยนั ไม่เกยี จครา้ น

สตรผี ปู้ ระกอบดว้ ยองค์ 5 เหลา่ น้แี ลย่อมไม่เป็นทพ่ี อใจโดยสว่ นเดยี วของบรุ ษุ ”

สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค 18/296

บรุ ษุ ท่ีสตรไี มช่ อบใจเลย

“ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย! บรุ ุษทป่ี ระกอบดว้ ยองค์ 5 ย่อมไมเ่ ป็นทพ่ี อใจ โดยสว่ นเดยี วของสตรี องค์ 5 คอื

1. ไม่มรี ปู (รปู ไมง่ าม) 3. ไม่มศี ลี 5. ไม่มบี ุตรกบั สตรนี นั้

2. ไมม่ ที รพั ย์ 4. เกยี จครา้ น

บุรุษผปู้ ระกอบดว้ ยองค์ 5 เหลา่ น้แี ลย่อมไม่เป็นทพ่ี อใจโดยสว่ นเดยี วของสตร”ี

บรษุ ท่ีสตรชี อบใจแท้

“ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย! บุรุษทป่ี ระกอบดว้ ยองค์ 5 ยอ่ มเป็นทพ่ี อใจ โดยสว่ นเดยี วของสตรี องค์ 5 คอื

1. มรี ปู (รปู งาม) 3. มศี ลี 5. มบี ตุ รกบั สตรนี นั้

2. มที รพั ย์ 4. ขยนั ไม่เกยี จครา้ น

บุรุษผปู้ ระกอบดว้ ยองค์ 5 เหล่าน้แี ลยอ่ มเป็นทพ่ี อใจโดยสว่ นเดยี วของบรุ ษุ ”

สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค 18/296

ที่มา : การศาสนา, กรม. 2548. พระไตรปิ ฎก ฉบบั สาหรบั ประชาชน ตอน วา่ ด้วยพระสตู ร.
กรุงเทพมหานคร : กรมการศาสนา กระทรวงวฒั นธรรม.

182

ใบงานท่ี 4.1 พระไตรปิ ฎก

ตอนที่ 1
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเขยี นโครงสรา้ งพระไตรปิฎกในกรอบทเ่ี วน้ วา่ งไว้

พระไตรปิ ฎก

พระวินัยปิ ฎก พระสตุ ตนั ตปิ ฎก พระอภิธรรมปิ ฎก

183

ตอนท่ี 2
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอ่านกรณศี กึ ษา แลว้ ตอบคาถาม

กรณีศึกษา
เก๋ กลอย กงุ้ โก้ ไดร้ บั งานจากกล่มุ ใหไ้ ปศกึ ษาขอ้ มลู ความรตู้ ่างๆ ในพระไตรปิฎก
เก๋ : หาความรเู้ กย่ี วกบั พระธรรมเทศนาของพระพุทธเจา้ และพระสาวก
กลอย : หาความรเู้ กย่ี วกบั ศลี สาคญั ของภกิ ษุและภกิ ษุณี
ก้งุ : หาความรเู้ กย่ี วกบั สงั ฆกรรมของสงฆ์
โก้ : หาความรเู้ กย่ี วกบั ขนั ธ์ 5 ธาตุ 4 และอายตนะ

คาถาม
 เก๋ กลอย กุง้ และโก้ ตอ้ งไปศกึ ษาความรใู้ นพระไตรปิฎก หมวดใดบา้ ง

184

ใบงำนท่ี 4.1 พระไตรปิฎก

ตอนที่ 1
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเขยี นโครงสรา้ งพระไตรปิฎกในกรอบทเ่ี วน้ วา่ งไว้

พระไตรปิ ฎก

พระวินัยปิ ฎก พระสุตตนั ตปิ ฎก พระอภิธรรมปิ ฎก
สตุ ตวภิ งั ค์
ขนั ธกะ ทฆี นกิ าย ธมั มสงั คณี
ปรวิ าร มชั ฌมิ นกิ าย วภิ งั ค์
สงั ยตุ ตนกิ าย ธาตุกถา
องั คุตตรนกิ าย ปคุ คลบญั ญตั ิ
ขทุ ทกนิกาย กถาวตั ถุ
ยมก
ปฏั ฐาน

185

ตอนที่ 2
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอ่านกรณศี กึ ษา แลว้ ตอบคาถาม

กรณีศกึ ษา
เก๋ กลอย กงุ้ โก้ ไดร้ บั งานจากกลุ่มใหไ้ ปศกึ ษาขอ้ มลู ความรูต้ ่างๆ ในพระไตรปิฎก
เก๋ : หาความรเู้ กย่ี วกบั พระธรรมเทศนาของพระพทุ ธเจา้ และพระสาวก
กลอย : หาความรเู้ กย่ี วกบั ศลี สาคญั ของภกิ ษุและภกิ ษุณี
ก้งุ : หาความรเู้ กย่ี วกบั สงั ฆกรรมของสงฆ์
โก้ : หาความรเู้ กย่ี วกบั ขนั ธ์ 5 ธาตุ 4 และอายตนะ

คาถาม
 เก๋ กลอย กุง้ และโก้ ตอ้ งไปศกึ ษาความรใู้ นพระไตรปิฎก หมวดใดบา้ ง

1. เก๋ ตอ้ ง ไปหาความรใู้ นพระสตุ ตนั ตปิฎก
2. กลอย ตอ้ งไปหาความรใู้ นพระวนิ ยั ปิฎก ในหมวดย่อยสตุ ตวภิ งั ค์
3. กงุ้ ตอ้ งไปหาความรใู้ นพระวนิ ยั ปิฎก ในหมวดย่อยขนั ธกะ
4. โก้ ตอ้ งไปหาความรใู้ นพระอภธิ รรมปิฎก ในหมวดย่อยธาตุกถา

186

ใบงำนท่ี 4.2

แสวงหำธรรมะในพระไตรปฎิ ก

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กขอ้ ความในพระไตรปิฎกทน่ี กั เรยี นสนใจมา 1 ขอ้ ความ โดยมคี วามยาว
ประมาณ 5-15 บรรทดั นามาวเิ คราะห์ แลว้ ตอบคาถาม

(ขอ้ ความในพระไตรปิฎก)

ทม่ี า :

คาถาม
1. ขอ้ ความในพระไตรปิฎก มปี ระเดน็ สาคญั ในเรอ่ื งใด

2. นกั เรยี นไดข้ อ้ คดิ เตอื นใจจากขอ้ ความในพระไตรปิฎกอยา่ งไร

187

ใบงำนที่ 4.2

แสวงหำธรรมะในพระไตรปิฎก

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กขอ้ ความในพระไตรปิฎกทน่ี กั เรยี นสนใจมา 1 ขอ้ ความ โดยมคี วามยาว
ประมาณ 5-15 บรรทดั นามาวเิ คราะห์ แลว้ ตอบคาถาม

(ขอ้ ความในพระไตรปิฎก)

ทม่ี า :

คาถาม
1. ขอ้ ความในพระไตรปิฎก มปี ระเดน็ สาคญั ในเรอ่ื งใด

2. นกั เรยี นไดข้ อ้ คดิ เตอื นใจจากขอ้ ความในพระไตรปิฎกอยา่ งไร

(พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)

188

บันทึกหลังกำรสอน

1.ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปัญหำและอปุ สรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่อื .................................................ผูบ้ ันทกึ
(ครผู ู้สอน นางสาวจดิ าภรณ์ ถิน่ ตองโขบ)
ตาแหนง่ ครผู ูส้ อน

189

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 14

กลมุ่ สำระกำรเรียนร้สู งั คมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ช้ันมัธยมศกึ ษำปีท่ี 2

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี 4 เรอื่ ง พระไตรปฎิ กและพทุ ธศำสนสภุ ำษิต ภำคเรยี นท่ี 2

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 14 พทุ ธศำสนสภุ ำษติ เวลำ 2 ชว่ั โมง

ผู้สอน นำงสำวจิดำภรณ์ ถ่นิ ตองโขบ

1. ตัวช้ีวดั /จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
1.1 ตัวชว้ี ัด
ส 1.1 ม.2/8 อธิบายธรรมคณุ และข้อธรรมสาคญั ในกรอบอริยสจั 4 หรอื หลักธรรมของ

ศาสนาท่ีตนนบั ถือตามทีก่ าหนด เหน็ คุณคา่ และนาไปพัฒนาแก้ปัญหาของชมุ ชนและสงั คม
1.2 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) อธิบายความหมายและวิเคราะหค์ วามสาคัญของพุทธศาสนสุภาษิต กมมฺ นุ า วตฺตตี โลโก

ได้
2) อธบิ ายความหมายและวเิ คราะหค์ วามสาคัญของพุทธศาสนสุภาษติ กลฺยาณการี กลยฺ าณ

ปาปการี จ ปาปก ได้
3) อธบิ ายความหมายและวเิ คราะหค์ วามสาคัญของพุทธศาสนสุภาษติ สุโข ปุญฺญสฺส อจุ ฺจโย

ได้
4) อธบิ ายความหมายและวเิ คราะห์ความสาคัญของพุทธศาสนสุภาษติ ปชู โก ลภเต ปชู วนทฺ

โก ปฏิวนทฺ น ได้
2. สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด

พทุ ธศาสนสุภาษติ เป็นข้อธรรมสาคญั ทีม่ ีขอ้ คดิ เตือนใจบุคคลให้นาไปเป็นหลักในการปฏิบัตติ นในการ
ดาเนนิ ชวี ติ อยา่ งถูกต้อง
3. สำระกำรเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
• พทุ ธศาสนสภุ าษิต

- กมฺมุนา วตตฺ ตี โลโก : สตั วโ์ ลกยอ่ มเป็นไปตามกรรม
- กลยฺ าณการี กลฺยาณ ปาปการี จ ปาปก : ทาดไี ดด้ ี ทาช่ัวไดช้ ว่ั
- สโุ ข ปญุ ฺญสฺส อจุ ฺจโย : การสงั่ สมบุญนาสขุ มาให้
- ปชู โก ลภเต ปูช วนทฺ โก ปฏวิ นทฺ น : ผบู้ ูชาเขาย่อมไดร้ ับการบูชาตอบ ผูไ้ หวเ้ ขา
ยอ่ มได้รับการไหวต้ อบ

190

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการวเิ คราะห์
2) ทักษะการสร้างความรู้
3) ทกั ษะการประยุกตใ์ ช้ความรู้
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ซื่อสัตย์ สุจริต 2. มีวินัย 3. ใฝ่เรียนรู้ 4. ม่งุ มน่ั ในการทางาน

6 กิจกรรมกำรเรียนรู้

วธิ ีสอนแบบ ธรรมสำกจั ฉำ

ขัน้ นำเข้ำสู่บทเรียน
1.ครใู หน้ ักเรียนในห้องแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย แลว้ ให้แตล่ ะฝา่ ยเลือกตัวแทน มาฝา่ ยละ 7 คน เป็น

ตัวแทนในการแขง่ ขันกันตอบปัญหาเก่ยี วกับความหมาย และตวั อยา่ งการกระทาตามแนวพทุ ธศาสนสุภาษติ
ซ่งึ นกั เรียนเคยมีความรู้มาแล้ว เชน่

1) อตตฺ า หิ อตฺตโน นาโถ
2) มาตา มติ ฺต สเก ฆเร
3) นมิ ติ ตฺ สาธุรปู าน กตญฺญู กตเวทิตา
4) พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร
5) ททมาโน ปิโย โหติ
6 )โมกโฺ ข กลยฺ าณยิ า สาธุ
7) สุขา สงฆฺ สฺส สามคฺคี
8) โลโกปตฺถมภฺ กิ า เมตฺตา
9) วิริเยน ทกุ ขฺ มจเฺ จติ
10) ปญญฺ า โลกสฺมิ ปชฺโชโต
11) สจฺเจน กติ ฺตึ ปปโฺ ปติ
12) ยถาวาที ตถากาธี
13) ย เว เสวติ ตาทิโส
14) อตฺตนา โจทยตตฺ าน
15) นสิ มฺม กรณ เสยโฺ ย

191

16) ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา
2. นักเรยี นชว่ ยกนั แสดงความคดิ เห็นถึงการกระทาของนักเรยี นทีไ่ ดน้ าพทุ ธศาสนสภุ าษิตท่ีเคยได้
ศึกษาไปเป็นหลกั ในการดาเนินชวี ติ หรือนาไปปฏบิ ัติจริง พร้อมทง้ั ผลที่ได้รบั จากการปฏิบัติ
ข้ันสอน
1. แสวงหำควำมรู้
3.ครอู ธิบายความรเู้ กีย่ วกบั ความหมาย ความสาคัญ และการกระทาตามพทุ ธศาสนสภุ าษติ ต่อไปน้ี ให้
นักเรียนฟงั

-กมฺมุนา วตตฺ ตี โลโก : สตั ว์โลกยอ่ มเปน็ ไปตามกรรม
-กลยฺ าณการี กลฺยาณ ปาปการี จ ปาปก : ทาดีได้ดี ทาช่ัวได้ชัว่
-สุโข ปุญญฺ สสฺ อุจฺจโย : การสง่ั สมบุญนาสุขมาให้
-ปูชโก ลภเต ปชู วนทฺ โก ปฏวิ นฺทน : ผู้บูชาเขาย่อมได้ รบั การบูชาตอบ ผู้ไหวเ้ ขา
ยอ่ มได้รับการไหว้ตอบ
4. นกั เรียนแตล่ ะคนในกลมุ่ ศึกษาความรูเ้ รอื่ ง พทุ ธศาสน-สภุ าษติ จากหนังสอื เรียน หนังสือคน้ ควา้
เพิ่มเติม หอ้ งสมุด และแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ แล้วบันทึกความรู้ที่ได้จากการศกึ ษาลงในแบบบันทึกการอ่าน
2. ค้นพบควำมรู้/สนทนำแลกเปลย่ี นควำมรู้
4. สมาชิกในกล่มุ รว่ มกนั สนทนาแลกเปลย่ี นความรทู้ ี่ได้ค้นพบมาในประเดน็ ต่อไปน้ี
1) ความหมาย
2) ตวั อย่างการกระทา
5. สมาชิกแต่ละกลุ่มนาความรู้เก่ียวกับพุทธศาสนสุภาษิต ทไี่ ดศ้ ึกษามาเปน็ พ้นื ฐานในการทาใบงานที่
4.3 เรอ่ื ง พุทธศาสนสุภาษิต
6. ครเู ฉลยคาตอบในใบงานที่ 4.3 นักเรียนแต่ละกลมุ่ ตรวจสอบความถูกต้อง
7. ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มสบื ค้นข้อมลู ขา่ ว นทิ าน บคุ คลตัวอย่าง กรณีศึกษา ที่
สอดคล้องกบั พุทธศาสนสภุ าษิต โดยส่งตัวแทนออกมาจบั สลาก กลมุ่ ละ 1 พทุ ธศาสนสุภาษติ ซ่ึงบางกลุม่
อาจไดห้ วั ข้อ ซา้ กันขนึ้ อยกู่ ับจานวนนกั เรียนในหอ้ งเรียน

3. วเิ ครำะหแ์ ละประเมินคำ่ ควำมรู้
8. ครูสนทนากบั นกั เรียนถงึ ความพรอ้ มในการหาข้อมลู ตามที่ครูได้มอบหมาย
9. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันทาใบงานที่ 4.4 เรือ่ ง ผูป้ ฏิบัติตนตามพุทธศาสนสุภาษติ
10. กเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ งของ ใบงานที่ 4.4 ปรับปรงุ แก้ไขและเตรยี มสง่

ตวั แทนออกมานาเสนอผลงานหน้าชนั้ เรียน
11. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงาน หน้าชัน้ เรียน และใหก้ ลมุ่ อ่ืนซ่งึ เป็นผู้ฟงั

ช่วยเสนอแนะเพ่ิมเติม ครูตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม ดังน้ี
- กล่มุ ท่ี 1 นาเสนอผลงาน กลุ่มที่ 2 แสดงความคิดเหน็ เพิม่ เตมิ
- กล่มุ ที่ 2 นาเสนอผลงาน กลุ่มที่ 3 แสดงความคิดเห็นเพ่มิ เตมิ

192

- กลมุ่ ท่ี 3 นาเสนอผลงาน กลุ่มที่ 4 แสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติม
- กลมุ่ ที่ 4 นาเสนอผลงาน กลุ่มที่ 5 แสดงความคดิ เห็นเพ่ิมเติม
- กล่มุ ที่ 5 นาเสนอผลงาน กลุ่มที่ 1 แสดงความคิดเหน็ เพ่ิมเตมิ
4. พิสูจนค์ วำมรู้หรอื ปฏิบัติ

12. ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนปฏบิ ัติตนตามพุทธ-ศาสนสุภาษติ ท่ไี ดศ้ ึกษามา แลว้ รายงานผล
การปฏิบัติตนต่อครูผูส้ อนตามกาหนดเวลาทตี่ กลงกัน

ขัน้ สรุป
13. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปผลที่ไดจ้ ากการปฏิบตั ติ นตามพทุ ธศาสนสุภาษติ

 ครมู อบหมำยให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ทำแผ่นพบั เรอ่ื ง พระไตรปิฎกและพุทธศำสนสภุ ำษติ
โดยให้ ครอบคลมุ ประเดน็ ตามที่กาหนด ดังน้ี

1) การอธิบายโครงสรา้ งและสาระสาคัญของพระไตรปฎิ ก
2) การอธิบายความสาคัญของพุทธศาสนสุภาษิต
3) การวิเคราะห์การกระทาของบุคคลตามหลักพุทธศาสนสภุ าษิต

7. กำรวัดและประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์
ใบงานที่ 4.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ ีกำร ใบงานท่ี 4.4 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานที่ 4.3 แบบบนั ทึกการอ่าน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 4.4 แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบบันทึกการอา่ น แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การนาเสนอผลงาน รายบุคคล
สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

8. สอ่ื /แหล่งกำรเรียนรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.2
2) ใบงานท่ี 4.3 เรื่อง พุทธศาสนสภุ าษิต
3) ใบงานที่ 4.4 เรื่อง ผู้ปฏบิ ตั ติ นตามพุทธศาสนสภุ าษติ
8.2แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

- http://www.aksorn.com/LC/REI/M2/12

193

ใบงำนท่ี 4.3 พุทธศำสนสุภำษิต

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนนาหมายเลขหน้าข้อความที่มคี วามสอดคล้องกับพุทธศาสนสภุ าษิตไปใส่ใต้กรอบ
พทุ ธศาสนสุภาษิต

กมฺมุนำ วตตฺ ตี โลโก : กลยฺ ำณกำรี กลฺยำณ ปำปกำรี จ ปำปก :
สตั วโ์ ลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทาดีได้ดี ทาชวั่ ได้ชัว่

สโุ ข ปุญญฺ สฺส อจุ จฺ โย : ปูชโก ลภเต ปชู วนฺทโก ปฏิวนทฺ น :
การสงั่ สมบุญนาสุขมาให้ ผู้บูชาเขาย่อมได้รบั การบชู าตอบ ผูไ้ หว้เขาย่อมได้รับการไหว้ตอบ

1. พวกเดก็ ๆ คุยกันว่า ลงุ ม่นั เป็นคนท่ีมบี ุคลกิ ท่าทางใจดี แสดงวา่ เป็นคนมีเมตตา
2. เม่ือโฉมสุดาส่งบัตรอวยพรปีใหม่ไปให้ดาวใจ เธอกร็ บี ตอบกลบั ทันที
3. เพอ่ื นๆ ไมช่ อบทา่ ทางของจอ้ นท่ีมองดแู ล้วเป็นคนก้าวร้าว
4. อ้นชอบหยุดงานอยเู่ สมอ เพราะเขาเกยี จคร้าน นายจ้างจึงไล่เขาออกจากงาน
5. ตอ้ มอจิ ฉาดาวท่ีได้รับรางวลั คนดีศรีหอ้ งเรียน จงึ มีอารมณ์หงดุ หงิด
6. ชมชว่ ยเหลอื เด็กตกนา้ รอดชวี ติ ได้ เขามคี วามรู้สึกสบายใจและดใี จ
7. ถึงแม้ว่าครจู ะไม่รูว้ า่ แต้มโกหกคุณครูถึงเหตผุ ลทีเ่ ขาไม่ส่งการบ้าน เพราะเขาป่วย แต่แต้มกไ็ ม่สบายใจ
8. นักเรยี นในหอ้ งต่างกล็ งมติวา่ มะลิเปน็ คนดีในดวงใจ เพราะมะลิเปน็ คนทีพ่ ูดจาไพเราะ สุภาพ
9. ผลจากความขยันหมน่ั เพยี รในการทางานของสงิ ห์อยา่ งสม่าเสมอ ทาใหเ้ ขาได้รับเงินเดือนเพิ่มมากกวา่

คนอืน่ ๆ
10. ชาวบ้านหนองสาหร่ายเคารพนับถือลุงมว้ น เพราะตลอดชีวติ ของเขาตงั้ แตห่ นมุ่ จนแก่ ลงุ มว้ นทา

ประโยชนต์ อ่ สงั คมอยู่เสมอ
11. เมื่อทะนงชมเชยวา่ กล้าเปน็ คนทมี่ ีสัมมาคารวะ กลา้ ก็ชมเชยวา่ ทะนงเป็นคนมีความซื่อสัตย์
12. ชวี ินฟงั เทปธรรมะเปน็ ประจา จึงทาให้เขามสี ติ รูจ้ ักตนเอง จิตใจผ่องใส
13. คุณครผู ูท้ าหน้าที่เวรประจาหนา้ ประตโู รงเรียน จะรบั ไหวน้ ักเรยี นทกุ คน
14. อานพจะยม้ิ ทักทายเพื่อนๆ อยเู่ สมอ ทาให้เพื่อนตอ้ งยม้ิ ตอบอานพ
15. เอ๋รักษาศีลอยู่ตลอดเวลา ทาใหค้ นท่ัวไปยอมรับวา่ เขาเป็นคนดมี ศี ีลธรรม

194

ใบงำนท่ี 4.3 พุทธศำสนสภุ ำษิต

คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นนาหมายเลขหน้าข้อความท่ีมีความสอดคล้องกบั พทุ ธศาสนสภุ าษิตไปใส่ใต้กรอบ
พุทธศาสนสุภาษติ

กมมฺ นุ ำ วตฺตตี โลโก : กลฺยำณกำรี กลยฺ ำณ ปำปกำรี จ ปำปก :
สัตว์โลกยอ่ มเปน็ ไปตามกรรม ทาดีได้ดี ทาชวั่ ไดช้ ั่ว

4, 5 1, 3, 6, 7, 8

สโุ ข ปุญฺญสฺส อุจจฺ โย : ปูชโก ลภเต ปชู วนฺทโก ปฏิวนฺทน :
การสั่งสมบญุ นาสขุ มาให้ ผู้บูชาเขาย่อมได้รับการบชู าตอบ ผไู้ หว้เขาย่อมได้รับการไหว้ตอบ

9, 10, 12, 15 2, 11, 13, 14

1. พวกเดก็ ๆ คุยกนั ว่า ลงุ ม่นั เป็นคนท่มี ีบุคลิกทา่ ทางใจดี แสดงวา่ เปน็ คนมีเมตตา
2. เมื่อโฉมสดุ าสง่ บัตรอวยพรปีใหมไ่ ปใหด้ าวใจ เธอกร็ ีบตอบกลบั ทนั ที
3. เพื่อนๆ ไม่ชอบทา่ ทางของจ้อนท่มี องดแู ล้วเปน็ คนก้าวรา้ ว
4. อน้ ชอบหยุดงานอยู่เสมอ เพราะเขาเกยี จคร้าน นายจ้างจึงไล่เขาออกจากงาน
5. ต้อมอจิ ฉาดาวที่ได้รับรางวัลคนดีศรหี ้องเรยี น จึงมีอารมณ์หงดุ หงิด
6. ชมชว่ ยเหลอื เดก็ ตกนา้ รอดชวี ติ ได้ เขามีความรสู้ กึ สบายใจและดใี จ
7. ถึงแม้ว่าครูจะไม่รูว้ า่ แตม้ โกหกคุณครถู ึงเหตผุ ลทเี่ ขาไม่สง่ การบา้ น เพราะเขาป่วย แตแ่ ต้มก็ไมส่ บายใจ
8. นกั เรยี นในห้องตา่ งก็ลงมติวา่ มะลิเปน็ คนดีในดวงใจ เพราะมะลิเป็นคนทพ่ี ูดจาไพเราะ สุภาพ
9. ผลจากความขยนั หมนั่ เพยี รในการทางานของสงิ ห์อย่างสม่าเสมอ ทาใหเ้ ขาได้รับเงินเดือนเพ่ิมมากกวา่

คนอื่นๆ
10. ชาวบ้านหนองสาหร่ายเคารพนับถอื ลงุ ม้วน เพราะตลอดชีวิตของเขาตงั้ แตห่ นุ่มจนแก่ ลุงม้วนทา

ประโยชนต์ ่อสงั คมอยเู่ สมอ
11. เมื่อทะนงชมเชยวา่ กล้าเปน็ คนท่มี สี มั มาคารวะ กลา้ ก็ชมเชยวา่ ทะนงเปน็ คนมีความซื่อสัตย์
12. ชีวนิ ฟงั เทปธรรมะเป็นประจา จงึ ทาใหเ้ ขามีสติ รู้จกั ตนเอง จิตใจผ่องใส
13. คุณครผู ทู้ าหนา้ ทีเ่ วรประจาหน้าประตโู รงเรยี น จะรบั ไหว้นกั เรยี นทกุ คน
14. อานพจะย้ิมทกั ทายเพ่ือนๆ อย่เู สมอ ทาให้เพ่ือนต้องยม้ิ ตอบอานพ
15. เอร๋ ักษาศลี อยู่ตลอดเวลา ทาใหค้ นทว่ั ไปยอมรับว่า เขาเป็นคนดมี ศี ีลธรรม

195

ใบงำนที่ 4.4
4.4ผู้ปฏิบัติตนตำมพุทธศำสนสุภำษิต
คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นนา ภาพข่าว กรณีศึกษา หรือขา่ วเก่ยี วกับการกระทาท่สี อดคล้องกบั พทุ ธศาสน
สุภาษติ มาวิเคราะห์ แลว้ ตอบคาถาม
เร่ือง

(สาระสาคญั )

ทมี่ า :
คำถำม

1. ข้อมลู ที่นาเสนอ คือเรื่องอะไร

2. บุคคลในข้อมลู มีการกระทาท่ีสอดคลอ้ งกบั พทุ ธศาสนสภุ าษิตเรอ่ื งอะไร

3. ผลของการกระทาเปน็ อย่างไร ยกตัวอยา่ งประกอบ

4. นักเรยี นสามารถนาไปเป็นแนวทางในการปฏิบตั ติ นอย่างไร

196

ใบงำนท่ี 4.4
4.4ผปู้ ฏบิ ตั ิตนตำมพทุ ธศำสนสุภำษติ
คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นนา ภาพข่าว กรณีศกึ ษา หรือขา่ วเก่ยี วกับการกระทาทีส่ อดคล้องกบั พทุ ธศาสน
สภุ าษติ มาวิเคราะห์ แลว้ ตอบคาถาม
เรอ่ื ง

(สาระสาคัญ)

ที่มา :
คำถำม

1. ขอ้ มูลท่นี าเสนอ คือเร่ืองอะไร

2. บคุ คลในข้อมูลมีการกระทาท่ีสอดคลอ้ งกับพุทธศาสนสุภาษติ เรอ่ื งอะไร

3. ผลของการกระทาเปน็ อยา่ งไร ยกตัวอยา่ งประกอบ

4. นักเรียนสามารถนาไปเป็นแนวทางในการปฏบิ ัติตนอยา่ งไร

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยูใ่ นดลุ ยพินิจของครูผู้สอน)

197

บันทกึ หลังกำรสอน

1.ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปัญหำและอปุ สรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชือ่ .................................................ผบู้ ันทกึ
(ครูผสู้ อน นางสาวจดิ าภรณ์ ถนิ่ ตองโขบ)
ตาแหน่ง ครผู สู้ อน


Click to View FlipBook Version