The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ นางสาวจิดาภรณ์ ถิ่นตองโขบ สาระฯ ศาสนา ม.2 2.63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jidaporn11, 2020-12-23 05:06:17

แผนการจัดการเรียนรู้ นางสาวจิดาภรณ์ ถิ่นตองโขบ สาระฯ ศาสนา ม.2 2.63

แผนการจัดการเรียนรู้ นางสาวจิดาภรณ์ ถิ่นตองโขบ สาระฯ ศาสนา ม.2 2.63

98

ใบงำนที่ 2.4 นำงขุชชตุ ตรำ
คำช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้

1. นางขชุ ชตุ ตรา มีหนา้ ท่ีอยา่ งไรในบา้ นของโฆษกเศรษฐี

2. เพราะเหตุใด นางขุชชตุ ตราจึงซือ้ ดอกไม้ถวายพระนางสามาวดีมากกว่าปกติ

3. พระนางสามาวดมี อบหมายหนา้ ทพี่ เิ ศษแก่นางขุชชตุ ตราด้านการฟงั ธรรมอยา่ งไร มีผลดีตอ่ นาง
อยา่ งไร

4. พระพุทธเจา้ ยกย่องนางขุชชุตตราในเรื่องใด

5. นางขชุ ชุตตรามีคุณธรรมอันควรถอื เป็นแบบอย่างในดา้ นใด จงอธบิ าย พรอ้ มยกตัวอย่างประกอบ

คำช้ีแจง ใบงำนท่ี 2.4 นำงขชุ ชตุ ตรำ 99
ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปน้ี
เฉลย

1.นางขุชชุตตรา มหี นา้ ที่อยา่ งไรในบ้านของโฆษกเศรษฐี
เป็นสาวใช้ในบ้านของโฆษกเศรษฐี มีหนา้ ท่ีซอ้ื ดอกไม้ถวายแกพ่ ระนางสามาวดี

2. เพราะเหตุใด นางขุชชตุ ตราจึงซ้อื ดอกไมถ้ วายพระนางสามาวดมี ากกว่าปกติ
เพราะนางได้ฟงั พระธรรมเทศนาของพระพทุ ธเจ้าในงานทาบุญถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ซง่ึ มี
พระพทุ ธเจา้ เป็นประธาน เมอื่ นางได้ฟังธรรมแล้วไดบ้ รรลโุ สดาปัตติผล จงึ ทาให้ไม่อยากได้ทรัพย์
ของคนอน่ื

3. พระนางสามาวดมี อบหมายหนา้ ทีพ่ ิเศษแก่นางขุชชุตตราด้านการฟงั ธรรมอย่างไร มีผลดีต่อนาง
อยา่ งไร

ใหน้ างขุชชตุ ตราไปฟังธรรมแลว้ นามาแสดงใหพ้ ระนางสามาวดี พร้อมด้วยบรวิ ารฟังเป็นประจา
มีผลดีทาใหน้ างขุชชุตตรามีความแตกฉานในธรรม

4. พระพุทธเจา้ ยกย่องนางขชุ ชุตตราในเรอ่ื งใด
เป็นเลิศกวา่ อุบาสิกาทง้ั หลาย ในทางเป็นธรรมกถึก

5. นางขุชชตุ ตรามคี ุณธรรมอันควรถือเปน็ แบบอย่างในด้านใด จงอธิบาย พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
1) เป็นผฝู้ ึกตนเองเสมอ ตัวอย่างเชน่ ฝกึ ตนจากความไม่ซื่อสตั ยใ์ นการแอบยักยอกเงนิ ค่าซ้อื
ดอกไม้ แล้วกลับตน เป็นคนซ่ือสตั ย์
2) เอาใจใส่ในหน้าทีท่ ่ีไดร้ ับมอบหมาย สามารถปฏิบตั หิ นา้ ท่ใี นการฟังธรรมแล้วนามาถ่ายทอด
แกพ่ ระนางสามาวดีและบรวิ ารเป็นประจาด้วยความเอาใจใส่ จนนางมีความแตกฉานในธรรม
ยิ่งข้ึนตามลาดบั

ใบงานท่ี 2.5พระเจ้าพิมพสิ าร 100
คาชี้แจง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้

1. เพราะเหตุใด พระเจ้าพิมพสิ ารจงึ มคี วามเล่ือมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้า

2. การกระทาใดท่ีแสดงว่า พระเจ้าพิมพิสารมคี วามเล่ือมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้า

3. พระเจา้ พิมพิสารมคี วามเกย่ี วข้องกับการกรวดน้าอุทิศส่วนกศุ ลอยา่ งไร

4. คุณธรรมท่ีควรถือเปน็ แบบอย่าง ไดแ้ ก่อะไรบ้าง จงอธิบาย พรอ้ มยกตวั อยา่ ง

ใบงำนท่ี 2.5 พระเจำ้ พิมพสิ ำร 101
คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี
เฉลย

1.เพราะเหตุใด พระเจ้าพิมพสิ ารจงึ มีความเลอื่ มใสศรัทธาในพระพุทธเจ้า
เพราะมีความเล่ือมใสตามอาจารย์ชฎลิ สามพ่นี อ้ งดงั ท่ีปูรณะกัสสปะได้กลา่ วตอบพระพุทธเจา้ วา่

“ใจของข้าพระองค์ยินดใี นการส้นิ อุปธิ (กิเลส) ทั้งหลาย ไมเ่ วียนว่ายตายเกดิ อีกต่อไป”

2. การกระทาใดทแี่ สดงว่า พระเจ้าพิมพิสารมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้า
ถวายสวนไผน่ อกเมืองให้เปน็ วัดแห่งแรกในพระพทุ ธศาสนา เรียกว่า เวฬุวนั

3. พระเจา้ พมิ พสิ ารมีความเกยี่ วข้องกับการกรวดนา้ อุทิศสว่ นกุศลอย่างไร
พระเจา้ พมิ พสิ ารทรงฝันร้ายเหน็ เปรตมาร้องขอส่วนบุญ พระพทุ ธเจา้ ทรงแนะนาให้ทาบุญแล้ว
กรวดน้าอุทศิ ส่วนกุศลให้เปรต ซึง่ เป็นญาตมิ ติ รในอดตี และเมื่อทาแล้วกลายเปน็ ฝันดี คอื พวก
บรรดาญาตมิ ติ รท่ลี ่วงลับไปแล้ว มาปรากฏดว้ ยใบหนา้ ยม้ิ แยม้ ขอบพระทัยที่แบง่ ส่วนบญุ ให้

4. คณุ ธรรมทคี่ วรถือเป็นแบบอย่าง ได้แกอ่ ะไรบา้ ง จงอธิบาย พร้อมยกตวั อย่าง
1) เป็นพ่อทีด่ ี เม่ือพระมเหสีแพท้ ้องอยากเสวยพระโลหิตจากพระองค์ ก็กรดี พระโลหติ จากพระ
พาหาใหพ้ ระมเหสดี ื่ม และเมื่อพระราชโอรสตอ้ งการราชสมบตั ิกย็ กให้ แมพ้ ระราชโอรสจับ
ขงั คกุ และทรมานก็ไม่โกรธเคือง
2) ทรงมั่นคงในพระรตั นตรัย คอื สรา้ งวัดแหง่ แรกถวายไวใ้ นพระพทุ ธศาสนา เมื่อถูกพระราช
โอรสจับขงั และทรมานกย็ ดึ ม่ันในพระธรรม เจริญพุทธานสุ สติธมั มานสุ สติ เปน็ เครื่องยึด
เหน่ยี วจติ ใจ
3) ทรงเปน็ ผู้นาทด่ี ี ปฏบิ ัตติ นเปน็ แบบอยา่ งท่ีดีของประชาชน และนาประชาชนเข้าหา
พระพุทธศาสนา

102

ใบงำนท่ี 2.6 กำรวเิ ครำะหแ์ ละประเมนิ ค่ำควำมรู้

คำชี้แจง ให้นักเรียนวเิ คราะห์และประเมินคา่ คุณธรรมอันเปน็ แบบอย่างของพุทธสาวก พทุ ธสาวิกา
ตามหวั ข้อท่กี าหนด

พุทธสำวก พุทธ คุณธรรมอันเป็นแบบอยำ่ ง ผลดีของกำรนำไปปฏิบตั ิ
สำวิกำ

พระสำรบี ตุ ร

พระโมคคลั ลำนะ

พทุ ธสำวก พุทธ คุณธรรมอันเปน็ แบบอย่ำง 103
สำวิกำ
ผลดขี องกำรนำไปปฏบิ ตั ิ
นำงขชุ ชตุ ตรำ

พระเจำ้ พมิ พสิ ำร

104

ใบงำนท่ี 2.6 กำรวิเครำะหแ์ ละประเมนิ คำ่ ควำมรู้ เฉลย

คำชี้แจง ให้นกั เรียนวิเคราะหแ์ ละประเมินค่าคุณธรรมอนั เป็นแบบอยา่ งของพุทธสาวก พุทธสาวิกา (ตวั อย่าง)
ตามหวั ขอ้ ทีก่ าหนด

พทุ ธสำวก พุทธ คุณธรรมอนั เปน็ แบบอย่ำง ผลดีของกำรนำไปปฏิบัติ
สำวกิ ำ

พระสำรบี ตุ ร มปี ัญญาหลักแหลม

มีความกตัญญูกตเวที

มคี วามมัน่ คงและปรารถนาดี
ตอ่ พระพุทธศาสนา

พระโมคคลั ลำนะ มีความอดทนยงิ่

มคี วามถ่อมตนย่ิง

มคี วามใฝ่ร้อู ย่างย่ิง

(พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครูผู้สอน)

พุทธสำวก พุทธ คณุ ธรรมอนั เป็นแบบอยำ่ ง 105
สำวกิ ำ ฝึกฝนตนเองอยูเ่ สมอ
ผลดีของกำรนำไปปฏิบตั ิ
นำงขชุ ชตุ ตรำ

เอาใจใสใ่ นหน้าท่ีท่ีไดร้ ับ
มอบหมาย

พระเจำ้ พมิ พิสำร เปน็ พอ่ ทดี่ ี
ม่ันคงในพระรตั นตรัย
เป็นผนู้ าที่ดี

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินิจของครผู ู้สอน)

106

ใบงำนท่ี การวางแผนปฏิบตั ิตนตามคณุ ธรรม
2.7 อนั เป็นแบบอย่างของพทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา

คำชแ้ี จง 1. ให้นกั เรียนช่วยกันยกตัวอย่างแนวทางการปฏิบตั ติ นตามคุณธรรมอนั เป็นแบบอย่างของ
พุทธสาวก พุทธสาวิกา

2. ใหน้ ักเรยี นนาไปปฏบิ ตั จิ รงิ แล้วรายงานผลต่อครูภายในเวลาท่ีกาหนดรว่ มกนั

ข้อคุณธรรม ผลดีของกำรนำไปปฏิบตั ิ

107

ใบงำนที่ การวางแผนปฏิบตั ิตนตามคณุ ธรรม เฉลย
2.7 อนั เป็นแบบอย่างของพทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา

คำชีแ้ จง 1. ให้นักเรยี นชว่ ยกันยกตัวอย่างแนวทางการปฏิบัติตนตามคุณธรรมอันเปน็ แบบอย่างของ
พทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ า
(ตวั อยา่ ง)
2. ให้นกั เรียนนาไปปฏบิ ตั จิ ริง แล้วรายงานผลตอ่ ครูภายในเวลาท่กี าหนดรว่ มกนั

ขอ้ คุณธรรม ผลดขี องกำรนำไปปฏิบัติ

1. มคี วามถ่อมตนยง่ิ 1. เปน็ ที่รกั ใคร่เอ็นดูของผู้ใหญ่
2. มคี วามใฝร่ ู้อยา่ งยงิ่ 2. ผลการเรียนดีข้ึน มคี วามรู้ในด้านต่างๆ เพ่ิม
มากขึ้น

(พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยให้อย่ใู นดลุ ยพินจิ ของครผู ู้สอน)

108

บนั ทึกหลังกำรสอน

1.ผลกำรจัดกำรเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปัญหำและอุปสรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ.................................................ผู้บันทกึ
(ครูผู้สอน นางสาวจิดาภรณ์ ถ่ินตองโขบ)
ตาแหน่ง ครูผู้สอน

109

แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี 6

กลุม่ สำระกำรเรียนรสู้ ังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 2

หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง พุทธประวตั ิ พระสำวก ศำสนิกชนตวั อย่ำง และชำดก ภำคเรยี นท่ี 2

แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ 6 ศำสนิกชนตวั อย่ำง เวลำ 2 ช่ัวโมง

ผ้สู อน นำงสำวจดิ ำภรณ์ ถิน่ ตองโขบ

1. ตวั ช้ีวัด/จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้
1.1 ตัวชีว้ ัด
ส 1.1 ม.2/6 วิเคราะห์และประพฤตติ นตามแบบอยา่ งการดาเนนิ ชวี ิตและข้อคิดจากประวัติ

สาวก ชาดก เร่อื งเล่า และศาสนกิ ชนตัวอย่างตามท่ีกาหนด
1.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1) อธิบายประวตั ิของพระมหาธรรมราชาลิไทย และสมเด็จพระมหาสมณเจา้

กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสได้
2) วเิ คราะห์ข้อคิดที่ได้จากประวตั ิของพระมหาธรรมราชาลิไทย และสมเด็จพระสมณเจ้า

กรมพระยาวชริ ญารณวโรรสได้
3) นาหลักคุณธรรมอนั เป็นแบบอย่างจากการศึกษาศาสนิกชนตวั อย่างไปประยุกต์ปฏิบัตใิ น

การดาเนินชีวติ ได้

2.สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด
การศึกษาประวตั ิของศาสนกิ ชนตวั อย่าง ย่อมทาให้ไดข้ ้อคิดและคุณธรรมอันเปน็ แบบอย่างในการ

นาไปปฏบิ ตั ใิ นการดาเนินชวี ิตอยา่ งถูกต้อง

3. สำระกำรเรยี นรู้
3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
• ศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง

- พระมหาธรรมราชาลไิ ทย
- สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการตคี วาม 3) ทักษะการวเิ คราะห์
2) ทกั ษะการแปลความ 4) ทักษะการประยุกตใ์ ชค้ วามรู้
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

110

5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 3. ม่งุ มั่นในการทางาน 5. มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
1. มวี นิ ัย 4. มีความกตญั ญู
2. ใฝเ่ รยี นรู้

6. กจิ กรรมกำรเรียนรู้
วิธสี อนแบบ ธรรมสำกัจฉำ

ข้นั นำเขำ้ สู่บทเรียน
1. ครใู ห้นกั เรียนผลดั กันเลา่ การกระทาของนกั เรยี นทป่ี ฏบิ ตั ติ นตามหลักคุณธรรมอันเป็นแบบอย่าง

ของพุทธสาวก พุทธสาวิกาท่นี ักเรียนได้ศกึ ษาไป (จากแผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 5) ซึ่งนักเรียนแต่ละคนอาจ
ปฏบิ ตั ิแตกต่างกันไปตามแนวคดิ ของแต่ละกลมุ่ และให้ช่วยกนั แสดงความคิดเหน็ ถึง ผลของการกระทา
ดังกลา่ ว

2. ครูชมเชยนกั เรยี นทีไ่ ด้ปฏบิ ัติจริง เพอื่ เปน็ การเสริมกาลงั ใจ ใหไ้ ปพฒั นาตนต่อไป และเปน็ การ
กระตุน้ หรือปลกุ เรา้ คุณธรรมให้นกั เรียนคนอืน่ ๆ คดิ อยากจะปฏบิ ตั ติ ามต่อไป
ข้นั สอน
สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ :

1. หนงั สอื เรยี น พระพทุ ธศาสนา ม.2
2. ใบงานท่ี 2.8-2.9
ขน้ั สอน
1. แสวงหำควำมรู้

3. ครูให้นักเรยี นกลมุ่ เดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 4) ร่วมกันศึกษาความรเู้ รื่อง ประวตั ิ
ของศาสนิกชนตวั อยา่ ง จากหนังสือเรียน หนงั สอื คน้ คว้าเพิ่มเตมิ หอ้ งสมุด และแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ แลว้
บนั ทึกความรู้ท่ไี ด้จากการศึกษาลงในแบบบันทึกการอา่ น

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มแบง่ ออกเปน็ 2 กลุ่มย่อย กลมุ่ ละ 4 คน ให้แตล่ ะกลมุ่ ย่อยช่วยกันทา
ใบงาน ดังนี้

- กล่มุ ยอ่ ยที่ 1 ทาใบงานท่ี 2.8 เร่อื ง พระมหาธรรม-ราชาลไิ ทย
- กลมุ่ ย่อยที่ 2 ทาใบงานท่ี 2.9 เร่ือง สมเดจ็ พระมหา-สมณเจ้า กรมพระ
ยาวชริ ญาณวโรรส
2.คน้ พบควำมรู้/สนทนำแลกเปลี่ยนควำมรู้
5. สมาชิกแต่ละกลุ่มยอ่ ยชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ต้องของใบงานที่กล่มุ รบั ผิดชอบ แลว้ ให้
กลุ่มย่อยรวมกนั เป็น กลมุ่ ใหญ่ 8 คน จากนั้นใหส้ มาชิกกลมุ่ ย่อยอธบิ ายความรู้ จากใบงานท่ีกล่มุ ตน
รบั ผดิ ชอบให้สมาชกิ กลุ่มย่อยอกี กล่มุ หนึง่ ฟัง

111

6. ครูสุ่มนกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมาเฉลยคาตอบในใบงานท่ี 2.8-2.9 หน้าช้ันเรียน กลุ่มละ 1-
2 หวั ขอ้ ตามความเหมาะสม แลว้ ให้กลมุ่ อ่นื ที่มีคาตอบทแี่ ตกต่างกนั ไดเ้ สนอเพ่ิมเตมิ ครูตรวจสอบความ
ถูกต้อง

7. นักเรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ ข้อ 1-2
1. นกั เรยี นสามารถนาคุณธรรมอันเปน็ แบบอย่างของสมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชิรญาณ-
วโรรส ไปปฏิบัติในเรื่องใดได้บ้าง (ใฝ่รู้ ใฝศ่ กึ ษา ออ่ นน้อมถอ่ มตน มีหริ โิ อตตัปปะ เปน็ ตน้ )
2. เพราะเหตใุ ด พุทธศาสนิกชนทุกคนจึงต้องศึกษาเก่ยี วกับประวตั ิของศาสนิกชนตวั อย่าง

(พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ น ดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน)
ช่ัวโมงท่ี 2

3. วเิ ครำะหแ์ ละประเมนิ ค่ำควำมรู้
8 .ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั วเิ คราะหข์ ้อคดิ ท่ีได้จากการศกึ ษาความรู้เรือ่ ง พุทธประวัติ ประวัติ

พทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ า ศาสนิกชนตัวอย่าง และชาดก พร้อมกบั แนวทางการนาหลักคุณธรรมอันเป็น
แบบอยา่ งของทา่ นไปประยุกตป์ ฏบิ ัติ และผลทคี่ าดวา่ จะได้รับ

9. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด ข้อ 3
3. นกั เรียนได้ข้อคดิ จากการศึกษาประวัตขิ องศาสนิกชนตวั อยา่ งในเรื่องใดบ้าง อธิบายพรอ้ ม
ยกตัวอย่างประกอบ (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ น ดลุ ยพนิ จิ ของครูผ้สู อน)

4.พสิ ูจนค์ วำมรู้หรอื ปฏบิ ตั ิ
ครูมอบหมำยใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันเขียนแผนผังควำมคิด เรอ่ื ง ข้อคิดที่ได้จำก

กำรศึกษำพุทธประวตั ิ ประวัตพิ ทุ ธสำวก พุทธสำวกิ ำ ศำสนกิ ชนตัวอยำ่ ง และชำดก (ชน้ิ งานที่ 1)
โดยให้ครอบคลุมประเดน็ ตามทีก่ าหนด ดังนี้

1) การวิเคราะหข์ ้อคดิ ที่ไดจ้ ากพุทธประวัติ
2) การวเิ คราะห์ข้อคดิ ทไ่ี ด้จากประวัติพุทธสาวก พทุ ธสาวิกา
3) การวิเคราะห์ข้อคดิ ท่ไี ด้จากประวัตศิ าสนิกชนตัวอยา่ ง
4) การวิเคราะห์ข้อคิดทไ่ี ด้จากชาดก
ครูมอบหมำยให้นกั เรยี นแต่ละคนนำคณุ ธรรมอันเป็นแบบอยำ่ งของพุทธสำวก พทุ ธสำวิกำ ศำ
สนิกชนตัวอยำ่ ง และชำดก ไปเปน็ แนวทำงหรือหลักกำรปฏบิ ตั ิตน ตำมข้อตกลงกันระหวำ่ งครูและ
นักเรยี น อยำ่ งน้อย 5 คุณธรรม แล้วรำยงำนผลกำรปฏบิ ัติในระยะเวลำตำมข้อตกลงของครแู ละ
นกั เรยี น (ชนิ้ งานท่ี 2) โดยให้ครอบคลุมประเด็นตามที่กาหนด ดังน้ี
1) การปฏบิ ตั ิตนตามคณุ ธรรมอนั เป็นแบบอยา่ ง
2) การวิเคราะหผ์ ลของการปฏบิ ตั ิตนตามคุณธรรมอนั เปน็ แบบอย่าง
3) หลักฐานการปฏิบตั ติ นตามหลักคณุ ธรรมอันเป็นแบบอย่าง

112

ข้นั สรุป
10. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันสรปุ ข้อคิดท่ีไดจ้ ากการศึกษาพุทธประวตั ิ ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา ศา

สนกิ ชนตวั อยา่ ง และชาดก พรอ้ มกบั แนวทางการนาหลักคุณธรรมอนั เปน็ แบบอยา่ ง ของทา่ นไปประยกุ ต์
ปฏบิ ัติ และผลที่ได้รบั

11. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด
ถ้านักเรยี นปฏิบตั ิตามคุณธรรมอันเปน็ แบบอยา่ งของศาสนิกชนตัวอยา่ ง คาดวา่ จะเกดิ ผลดีอย่างไร

(พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อยู่ใน ดลุ ยพินิจของครูผ้สู อน)
7. กำรวัดและประเมนิ ผล

วธิ กี ำร เครอ่ื งมอื เกณฑ์
ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 2.8 ใบงานท่ี 2.8 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ตรวจใบงานท่ี 2.9 ใบงานท่ี 2.9 ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน
รายบคุ คล รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมนั่ ในการ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ทางาน มคี วามกตัญญู และมีความอ่อนนอ้ ม
ถ่อมตน

ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้
ท่ี 2 ท่ี 2

8. ส่ือ/แหลง่ กำรเรยี นรู้

8.1ส่ือกำรเรียนรู้

1) หนงั สอื เรยี น พระพุทธศาสนา ม.2
2) ใบงานที่ 2.8 เรอ่ื ง พระมหาธรรมราชาลิไทย
3) ใบงานท่ี 2.9 เรื่อง สมเด็จพระสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
8.2แหลง่ กำรเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ

-http://www.aksorn.com/LC/REI/M2/07

113

ใบงานที่

2.8 พระมหาธรรมราชาลิไทย

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี
เป็นพระราชโอรสของใคร

1. พระราชประวตั ิ ศกึ ษาวชิ าชนั้ ต้นจากใคร

เมอ่ื ขน้ึ ครองราชยไ์ ดก้ ป่ี ี
กท็ รงอุปสมบทเป็นพระภกิ ษุ

2. ผลงานของพระมหาธรรมราชาลไิ ทย
ดา้ นศาสนา มอี ะไรบา้ ง
ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ

3. ผลงานของพระมหาธรรมราชาลไิ ทย
ดา้ นการปกครอง ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ

4. ผลงานของพระมหาธรรมราชาลไิ ทย
ดา้ นอกั ษรศาสตร์ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ

5. คณุ ธรรมทค่ี วรยดึ ถอื เป็นแบบอยา่ ง
ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ

ใบงานท่ี 114

2.8 พระมหาธรรมราชาลิไทย เฉลย

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี พระยาเลอไทย
เป็นพระราชโอรสของใคร

1. พระราชประวตั ิ ศกึ ษาวชิ าชนั้ ตน้ จากใคร พระเถระชาวลงั กา

เมอ่ื ขน้ึ ครองราชยไ์ ดก้ ป่ี ี 5 ปี
กท็ รงอุปสมบทเป็นพระภกิ ษุ

2. ผลงานของพระมหาธรรมราชาลไิ ทย 1) เชยี่ วชาญดา้ นพระไตรปิฎก
ดา้ นศาสนา มอี ะไรบา้ ง 2) ทรงสง่ เสรมิ อปุ ถมั ภด์ า้ นการศกึ ษาพระพทุ ธศาสนา
ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ 3) ทรงขอพระบรมสารรี กิ ธาตุจากลงั กาทวปี มาบรรจไุ วใ้ น

พระมหาธาตุ เมอื งนครชมุ
4) ทรงผนวชในพระพทุ ธศาสนา และทรงสรา้ งพระพุทธรปู

ไวห้ ลายองค์

3. ผลงานของพระมหาธรรมราชาลไิ ทย 1) โปรดใหส้ รา้ งประสาทราชมณเฑยี ร
ดา้ นการปกครอง ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 2) โปรดใหย้ กผนงั กนั้ น้าตงั้ แต่สองแคว จนถงึ สโุ ขทยั
ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ 3) ทรงปกครองดว้ ยทศพธิ ราชธรรม

4. ผลงานของพระมหาธรรมราชาลไิ ทย 1) ทรงพระราชนพิ นธเ์ รอื่ ง ไตรภมู พิ ระรว่ ง
ดา้ นอกั ษรศาสตร์ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 2) โปรดใหม้ กี ารสรา้ งศลิ าจารกึ ไวห้ ลายหลกั
ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ
1) ทรงมคี วามกตญั ญตู ่อพระมารดา
5. คณุ ธรรมทค่ี วรยดึ ถอื เป็นแบบอยา่ ง 2) ทรงมคี วามสามารถในการถ่ายทอดสงิ่ ทเี่ ป็นนามธรรม
ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ
ใหเ้ ป็นรปู ธรรม เชน่ เรอื่ งไตรภมู พิ ระรว่ ง
3) ทรงมคี วามคดิ รเิ รมิ่ เป็นยอด เชน่ แนวคดิ ใหม่ๆ ในการ

บรรยายธรรมในไตรภมู พิ ระรว่ ง

115

ใบงานที่

2.9 สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี

เป็นพระราชโอรสของใคร

พระนามเดมิ คอื อะไร

1. พระราชประวตั ิ ครสู อนภาษาองั กฤษ คอื ใคร

ใครคอื ครผู สู้ อนหนงั สอื ขอม
และภาษามคธ

ทรงผนวชเป็นสามเณรทว่ี ดั ใด
และเสดจ็ ไปประทบั ทว่ี ดั ใด

2. สาเหตุสาคญั ทท่ี าใหส้ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสผนวชเป็นภกิ ษุ

116

3. งานดา้ นจดั การทางพระพุทธศาสนาทส่ี าคญั ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ

4. งานพระนิพนธท์ างพระพทุ ธศาสนาทส่ี าคญั ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง
5. คุณธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอยา่ งไดแ้ ก่อะไรบา้ ง

117

ใบงานท่ี เฉลย

2.9 สมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี

เป็นพระราชโอรสของใคร พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั
พระองคเ์ จา้ มนุษยนาคมาณพ
พระนามเดมิ คอื อะไร มสิ เตอรฟ์ รานซสิ แพตเตอรส์ นั

1. พระราชประวตั ิ ครสู อนภาษาองั กฤษ คอื ใคร พระยาปรยิ ตั ธิ รรมธาดา (เปีย่ ม)

ใครคอื ครผู สู้ อนหนงั สอื ขอม วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม
และภาษามคธ วดั บวรนิเวศวหิ าร

ทรงผนวชเป็นสามเณรทว่ี ดั ใด
และเสดจ็ ไปประทบั ทว่ี ดั ใด

2. สาเหตุสาคญั ทท่ี าใหส้ มเดจ็ พระมหาสมณเจา้ กรมพระยาวชริ ญาณวโรรสผนวชเป็นภกิ ษุ

1) ไดก้ ลั ยาณมติ รผแู้ นะนาในทางทดี่ ี คอื หมอปีเตอร์ เคาวนั จงึ ทาใหส้ นใจศกึ ษาธรรม
ในพระพุทธศาสนา

2) มพี ระอาจารยด์ ี เชน่ พระจนั ทรโคจรคณุ พระธรรมรกั ขติ และพระอุปชั ฌาจารยค์ อยเตอื น
3) พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั มกี ระแสพระราชดารสั ชกั ชวนใหผ้ นวช

118

3. งานดา้ นจดั การทางพระพุทธศาสนาทส่ี าคญั ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ งสนั้ ๆ

1) ทรงจดั สอนภกิ ษุสามเณรผบู้ วชใหมใ่ หเ้ รยี นพระธรรมวนิ ยั
2) ทรงจดั ใหส้ วดมนตใ์ นพรรษาทุกวนั และออกเสยี งใหถ้ ูกตอ้ ง
3) ทรงจดั ใหภ้ กิ ษุทพี่ รรษาตา่ กว่า 5 ทจี่ บนกั ธรรมมาเรยี นบาลที งั้ หมด
4) ทรงจดั ตงั้ มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั
5) ทรงจดั การเรยี นการสอนทงั้ หนงั สอื ไทยและความรใู้ นศาสตรอ์ นื่ ควบคกู่ นั ไป
6) ทรงฝึกพระธรรมกถกึ จนสามารถแสดงธรรมปากเปล่าได้
7) ทรงจดั ตงั้ การฟงั ธรรมสาหรบั เดก็ วดั ในวนั ธรรมสวนะ

4. งานพระนิพนธท์ างพระพทุ ธศาสนาทส่ี าคญั ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง

- นวโกวาท
- ธรรมวจิ ารณ์
- พทุ ธประวตั ิ
- วนิ ยั มขุ เล่ม 1-3
- ธรรมวภิ าค
- แบบเรยี นบาลไี วยากรณ์

5. คุณธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอยา่ งไดแ้ ก่อะไรบา้ ง

1) ทรงมคี วามใฝร่ ใู้ ฝศ่ กึ ษา พยายามเอาแบบอย่างทดี่ จี ากผทู้ ปี่ ระทบั ใจ
2) ทรงมคี วามอ่อนน้อมถ่อมตน ทรงกราบไหวพ้ ระภกิ ษะทอี่ ายุพรรษามากกว่าสมยั เป็นคฤหสั ถ์

ทาความเคารพครอู าจารยผ์ ถู้ วายความรู้
3) ทรงมหี ริ โิ อตตปั ปะ สมยั ยงั เป็นคฤหสั ถเ์ คยประพฤตติ นสรุ ุ่ยสรุ ่าย ไมเ่ หมาะสม

แต่ต่อมาละอายกป็ รบั ปรงุ ตน

119

แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ี่ 2

คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1.การศกึ ษามิตตวินทุกชาดก จะทาให้ได้ข้อคดิ ถงึ ค. มีความกลา้ หาญ มีความเสียสละ

ผลเสียของเร่ืองใด ง. มคี วามกตัญญูกตเวที มีฤทธ์ิมาก

ก. ความตระหน่ี ข. ความคดโกง 7.ถา้ นกั เรียนอ่านหนงั สือแล้วงว่ งนอน นกั เรียนจะ

ค. ความโลภ ง. ความโกรธ คิดถึงแนวทางการปฏบิ ัติของผู้ใด

2.การศึกษาราโชวาทชาดก ทาให้ได้ข้อคิด ดังคากล่าว ก. นางขุชชุตตรา

ข้อใด ข. พระสารบี ุตร

ก. ความกตญั ญูกตเวทเี ปน็ เคร่อื งหมายของคนดี ค. พระเจา้ พมิ พสิ าร

ข. การทาดีย่อมไดร้ บั สง่ิ ทดี่ ีตอบแทน ง. พระโมคคลั ลานะ

ค. ความพยายามนาไปส่คู วามสาเร็จ 8.นางขุชชุตตรา ไดร้ ับการยกย่องจากพระพุทธเจา้

ง. อย่าเห็นกงจักรเปน็ ดอกบวั ว่าเป็นเลิศกว่าอบุ าสิกาทัง้ หลายในด้านใด

3.พระราชกรณียกิจของพระมหาธรรมราชาลไิ ทยข้อ ก. ความใฝ่รู้

ใดทแ่ี สดงว่ามีสว่ นสาคัญในการเผยแผ่ ข. เป็นแบบอยา่ ง

พระพุทธศาสนา ค. เป็นธรรมกถกึ

ก. โปรดให้สรา้ งปราสาทราชมณเฑียร ง. ความซ่ือสัตย์

ข. ทรงสรา้ งวัดป่ามะมว่ ง และวดั เวฬุวนั 9.พระสารบี ุตร เป็นเอตทัคคะในด้านใด

ค. ทรงพระราชนพิ นธเ์ ร่ือง ไตรภูมพิ ระรว่ ง ก. การจาพระวินัย

ง. โปรดใหย้ กผนังกัน้ นา้ ต้งั แต่สุโขทยั ถึง ข. ปญั ญา

พษิ ณโุ ลก ค. ฤทธมิ์ าก

4.คุณธรรมอนั เปน็ แบบอย่างของพระมหาธรรมราชาลิ ง. แสดงธรรม

ไทย คือข้อใด 10. ขอ้ ใดจดั เปน็ คุณธรรมอนั เป็นแบบอย่างของนาง

ก. เป็นผใู้ ฝ่หาความรู้อยูเ่ สมอ มีปัญญาเป็นเลศิ ขชุ ชตุ ตรา

ข. เปน็ ผมู้ คี วามอดทนอยา่ งยิง่ ก. มีความกตัญญู และมีความเสียสละ

ค. มีความเสยี สละ กล้าหาญ ข. มีความซ่ือสัตย์ และมีความกตญั ญู

ง. มีความกตัญญูอย่างยิ่ง ค. เปน็ ผ้ฝู ึกตนเองอยเู่ สมอ และเอาใจใสใ่ น

5.สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณว หนา้ ที่

โรรสทรงมคี ณุ ธรรมอนั เป็นแบบอยา่ งหลายประการ ง. มีความเสยี สละ และเอาใจใสใ่ นการทานุ

ยกเว้น ข้อใด บารุงพระพุทธศาสนา

ก. ทรงมคี วามใฝ่รูใ้ ฝ่ศึกษา 11. เพราะเหตุใด พระพุทธเจ้าจึงทรงแตง่ ต้งั พระสารี

ข. ทรงมีหิริโอตตัปปะเป็นเลศิ บตุ รและพระโมคคลั ลานะ เป็นอัครสาวก

ค. ทรงมคี วามเปน็ ผูน้ าเปน็ เลิศ ก. เพราะเคยเป็นศิษยร์ ุ่นแรกของพระพทุ ธเจ้า

ง. ทรงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเลิศ ข. เพราะเปน็ ผู้ท่ีอยู่ในตระกลู สงู และมีอาวโุ ส

6.คณุ ธรรมอนั เป็นแบบอย่างของพระเจ้าพิมพิสาร คือ กวา่ พระภกิ ษุอื่น

ขอ้ ใด ค. เพราะเปน็ ผู้ทจี่ ัดได้วา่ เป็นทีย่ อมรบั ของหมู่

ก. เป็นผู้นาทีด่ ี มั่นคงในพระรตั นตรยั สงฆ์สาวกของพระพุทธเจา้

ข. มีความใฝ่รูอ้ ย่างย่งิ เปน็ ผนู้ าท่ีดี

120

ง.เพราะรูเ้ ร่ืองพระพุทธศาสนาเปน็ อย่างดี 17. เพราะเหตุใด พระพุทธเจา้ ทรงตง้ั พระทัยม่นั คง

สามารถเปน็ กาลงั สาคัญช่วยพระพุทธองค์ ว่าจะตอ้ งสอนปญั จวัคคยี ์ หลังจากตรัสรู้แล้ว

ทางานดา้ นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ก. ตอ้ งการให้ปัญจวคั คยี เ์ ปน็ สักขีพยานแห่งการ

12.ข้อใดจัดเป็นคุณธรรมอนั เปน็ แบบอย่างของ ตรัสรขู้ องพระองค์

พระสารบี ตุ ร ข. ปัญจวัคคยี ์เคยรบั ใชเ้ มือ่ ครัง้ ท่ีพระพุทธเจ้า

ก. เปน็ ผนู้ าท่ีดี และมีความออ่ นนอ้ มถ่อมตน ทรงบาเพ็ญเพียร

ข. เปน็ ผ้มู ีความใฝร่ ู้อยา่ งยิ่ง และเป็นผ้ฝู ึกฝน ค. ช่วยเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาไปยงั ดินแดน

ตนเองเสมอ ตา่ งๆ

ค. เปน็ ผู้มีปัญญาหลักแหลม และมีความกตัญญู ง. ปัญจวัคคีย์สามารถบรรลพุ ระอรหันตไ์ ด้เรว็

เป็นเลิศ 18. เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษาวชิ าในข้อใด กบั อาฬา

ง. เป็นผมู้ คี วามอดทนเป็นอย่างย่ิง และมีความ รดาบส กาลามโคตร และอทุ ทกดาบส รามบุตร

ออ่ นนอ้ มถอ่ มตน ก. ฝึกปฏบิ ตั ิโยคะ ข. บาเพญ็ ทุกกรกิรยิ า

13. ใครเป็นผทู้ ่ีอุปตสิ สะมีความศรัทธาจนกระทั่งเขา้ ค. ฝึกจิต บาเพ็ญตบะ ง. ความรู้ทางศิลป

ไปอปุ สมบทในพระพทุ ธศาสนา ศาสตร์

ก. พระโกณฑญั ญะ ข. พระอัสสชิ 19. ใหเ้ รียงลาดบั การค้นคว้าทางพ้นทกุ ข์ของ

ค. พระมหานามะ ง. พระวปั ปะ พระพุทธเจา้ จากก่อนไปหลงั

14. ข้อใดจัดเป็นคุณธรรมอันเปน็ แบบอย่างของ ก. บาเพญ็ ตบะ  ฝกึ ปฏิบัตโิ ยคะ

พระโมคคัลลานะ  บาเพ็ญทกุ กรกิรยิ า  บาเพญ็ เพียร
ก. เป็นผู้นาท่ดี ี และมีความกตญั ญู ทางจติ
ข. มีความอดทนย่ิง และเป็นผถู้ ่อมตน
ค. มีความกตัญญู และมีปญั ญาเปน็ เลศิ ข. ฝึกปฏิบตั โิ ยคะ  บาเพ็ญตบะ
ง. เปน็ ผูม้ ีปัญญาเปน็ เลศิ และเป็นผนู้ าทด่ี ี
 บาเพ็ญเพียรทางจติ  บาเพญ็ ทุกกร
15. อุปสรรคสาคญั ในการบาเพญ็ เพียรทางจิตของ กริ ิยา
พระโมคคลั ลานะ คืออะไร
ค. บาเพญ็ ทุกกรกริ ิยา  บาเพ็ญตบะ
ก. มีความท้อถอย ข. มีความเบ่ือหน่าย
ค. เกิดความง่วง ง. เป็นผู้มีฤทธ์ิ  ฝกึ ปฏิบัติโยคะ  บาเพญ็ เพียรทางจิต

ง. ฝกึ ปฏบิ ตั ิโยคะ  บาเพ็ญตบะ

16. เหตกุ ารณ์ในพุทธประวตั ิตอนผจญมารนน้ั ภาษา  บาเพ็ญทุกกรกิริยา  บาเพญ็ เพียร

ธรรม คาว่า “มาร” หมายถงึ อะไร ทางจิต

ก. ความเชอื่ ข. ตัณหา 20. เหตุการณ์กอ่ นพระพทุ ธเจา้ ตรสั รู้ ขอ้ ใดถูกตอ้ ง

ค. กิเลส ง. ศัตรู ก. ประทับนัง่ ขัดสมาธิ ณ โคนต้นโพธิ์ ผินพระ

พกั ตรไ์ ปทางทิศตะวนั ออก

ข. พระองคเ์ สด็จขา้ มแมน่ ้าเนรญั ชราไปทางฝั่ง

ตะวนั ออก

ค. ทรงรับขา้ วมธุปายาสจากนายโสตถยิ ะ

ง. ทรงรบั หญ้ากุสะจากนางสชุ าดา

เฉลย 121

1. ค 2.ข 3. ค 4. ง 5. ค 6. ก 7. ง 8. ค 9. ข 10.ค
11. ง 12. ค 13. ข 14. ข 15. ค 16. ค 17. ก 18. ก 19. ง 20. ก

122

บันทกึ หลังกำรสอน

1.ผลกำรจัดกำรเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปญั หำและอปุ สรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ.................................................ผบู้ ันทกึ
(ครผู ู้สอน นางสาวจิดาภรณ์ ถ่นิ ตองโขบ)
ตาแหน่ง ครูผสู้ อน

123

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 3
เร่ือง หลกั ธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำ

124

แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี 7

กลมุ่ สำระกำรเรียนร้สู งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 2

หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี 3 เร่อื ง หลักธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำ ภำคเรียนที่ 2

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 7 พระรตั นตรยั เวลำ 2 ชั่วโมง

ผสู้ อน นำงสำวจิดำภรณ์ ถน่ิ ตองโขบ

1.ตัวช้ีวดั /จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
1.1ตวั ชว้ี ัด
ส 1.1 ม.2/8 อธบิ ายธรรมคุณและข้อธรรมสาคัญในกรอบอรยิ สัจ 4 หรอื หลักธรรมของ

ศาสนาท่ีตนนับถือตามที่กาหนด เหน็ คณุ คา่ และนาไปพฒั นาแก้ปัญหาของชุมชนและสังคม
1.2จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1) อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของพระรัตนตรัยได้
2) ปฏิบตั ิตนต่อพระรตั นตรยั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

2.สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด
พระรตั นตรยั มคี วามสาคญั ต่อพทุ ธศาสนกิ ชนและชาวโลก ดงั นนั้ ทุกคนจึงควรแสดงความเคารพต่อ

พระรัตนตรยั อยา่ งเหมาะสม
3.สำระกำรเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• พระรตั นตรยั
- ธรรมคณุ 6

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทักษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสร้างความรู้ 3) ทกั ษะการประยุกต์ใช้ความรู้
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทางาน

6 กจิ กรรมกำรเรียนรู้
วิธสี อนแบบ สืบเสำะหำควำมรู้ (Inquiry Method : 5E)

ขั้นท่ี 1 กระต้นุ ควำมสนใจ
1. ครใู หน้ ักเรียนผลัดกันเลา่ ความรู้สึกขณะสวดมนตบ์ ูชาพระรัตนตรัย ซึ่งนักเรียนอาจตอบได้

หลากหลายตามความรสู้ ึกของแตล่ ะคน เชน่
- รูส้ ึกว่า จติ ใจแนว่ แน่อยกู่ บั การสวดมนต์

125

- ศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา
- พระพุทธเจ้ามพี ระคุณต่อมวลมนษุ ย์
- จิตใจสงบไม่ว้าวนุ่

2 .ครูอธบิ ายให้นักเรยี นเขา้ ใจถงึ องคป์ ระกอบของพระรตั นตรยั ซึ่งลว้ นมพี ระคณุ ต่อชาวโลก ดงั น้นั
ชาวพุทธทุกคนควรราลึก ถงึ พระคณุ ของพระรัตนตรยั อยู่เสมอ และประพฤตติ นอยา่ งเหมาะสมเปน็ การตอบ
แทนคุณปู การ ซงึ่ นักเรียนควรทาความเข้าใจกับพระธรรมคณุ คือ คณุ ธรรมของพระธรรม มี 6 ประการ
ข้ันท่ี 2 สำรวจค้นหำ

3. นักเรียนรวมกลุ่มกนั กลุ่มละ 8 คน ตามความสมคั รใจ ให้แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศึกษาความรูเ้ รือ่ ง

ธรรมคณุ หรอื คุณของพระธรรม 6 ประการ ดังนี้
1) สวากขาโต ภควตา ธัมโม
2) สันทิฏฐโิ ก
3) อกาลิโก
4) เอหิปสั สิโก
5) โอปนยิโก
6) ปจั จตั ตัง เวทติ พั โพ วิญญูหิ

4. สมาชิกแต่ละกลุ่มรว่ มกันศึกษาความรจู้ ากหนงั สือเรยี น หนังสอื คน้ ควา้ เพมิ่ เติม ห้องสมดุ และ
แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ แลว้ บันทึกความรู้ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาลงในแบบแบบบันทึกการอ่าน
ข้ันที่ 3 อธบิ ำยควำมรู้
สอ่ื การเรียนรู้ : ใบงานท่ี 3.1

5. สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอธิบายความรู้เร่อื ง ธรรมคุณหรือคุณของพระธรรม 6 ประการ พร้อม
ยกตัวอย่างประกอบคาอธบิ าย แลว้ ชว่ ยกนั ทาใบงานท่ี 3.1 เรื่อง พระรัตนตรยั (ธรรมคุณ) ตอนที่ 1

6. ครเู ฉลยคาตอบในใบงานท่ี 3.1 ตอนท่ี 1 โดยให้สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นท่ี 4 ขยำยควำมเข้ำใจ
สือ่ การเรียนรู้ : ใบงานท่ี 3.1

7. ครูให้นกั เรยี นแต่ละคนแสดงความคิดเหน็ วา่ จะปฏิบตั ติ นตามพระธรรมคาสอนของพระพทุ ธเจ้าได้
อย่างไรบ้าง ซ่งึ นักเรียนแต่ละคนสามารถตอบได้อย่างหลากหลายตามประสบการณข์ องนักเรียน

8. สมาชกิ แต่ละกลุ่มชว่ ยกันทาใบงานที่ 3.1 ตอนที่ 2
ขัน้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล
สอ่ื การเรียนรู้ : ใบงานท่ี 3.1

8. ตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลงานจากใบงานที่ 3.1 ตอนที่ 2 หน้าชน้ั เรยี น ครใู ห้คาแนะนาเพิม่ เติม
9. ครูตรวจสอบผลนกั เรยี นจากการทาใบงานท่ี 3.1
10. นกั เรยี นช่วยกันสรุปความสาคญั ของพระธรรมคุณ ครเู น้นยา้ ให้นกั เรยี นปฏิบตั ิตนตามหลักคาสอน
ของพระพทุ ธศาสนา

126

7. กำรวัดและประเมนิ ผล

วธิ ีกำร เคร่ืองมอื เกณฑ์

ตรวจใบงานที่ 3.1 ใบงานท่ี 3.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ตรวจแบบบันทกึ การอ่าน แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

รายบคุ คล

สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สังเกตความมวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ทางาน

8.สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สอ่ื การเรียนรู้

1) หนังสือเรียน พระพุทธศาสนา ม.2
2) ใบงานที่ 3.1 เรื่อง พระรัตนตรัย (ธรรมคุณ)
8.2แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมุด
2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ
- http://www.bp-smakon.org/BP_School/Social/Tam-ma.htm

127

ใบงำนที่ 3.1 พระรัตนตรัย (ธรรมคณุ )

ตอนที่ 1
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายขอ้ ความคุณของพระธรรม ตามความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น

ข้อความ ความหมาย

1. สวากขาโต ภควตา ธมั
โม

2. สนั ทฏิ ฐโิ ก

3. อกาลโิ ก

4. เอหปิ สั สโิ ก

5. โอปนยโิ ก

6. ปจั จตั ตงั เวทติ พั โพ
วญิ ญหู ิ

128

ตอนท่ี 2
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี

1. นกั เรยี นไดป้ ฏบิ ตั ติ ามพระธรรมคาสอนของพระพุทธเจา้ ในเรอ่ื งใดบา้ ง และผลทไ่ี ดร้ บั จากการ
ปฏบิ ตั เิ ป็นอยา่ งไร

2. นกั เรยี นคดิ วา่ จะชว่ ยใหผ้ อู้ ่นื ปฏบิ ตั ธิ รรมไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง จงอธบิ าย

129

ใบงำนท่ี 3.1 พระรตั นตรัย (คณุ ธรรม)

ตอนที่ 1
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายขอ้ ความคณุ ของพระธรรม ตามความคดิ เหน็ ของนกั เรยี น

ข้อความ ความหมาย

1. สวากขาโต ภควตา ธมั พระธรรม ซงึ่ เป็นคาสอนของพระผมู้ พี ระภาคเจา้ ตรสั ไวด้ แี ลว้ เป็นหลกั
โม ความจรงิ อนั ประเสรฐิ

2. สนั ทฏิ ฐโิ ก พระธรรมน้ี ผปู้ ฏบิ ตั ยิ ่อมจะเหน็ ไดด้ ้วยตนเอง

3. อกาลโิ ก พระธรรมเป็นจรงิ อย่เู สมอ ไม่เกยี่ วกบั เวลา ปฏบิ ตั ติ ามเมอื่ ใดกย็ อ่ มเหน็ ผล
4. เอหปิ สั สโิ ก เมอื่ นนั้ ไม่มกี ารเปลยี่ นแปลง

พระธรรม เป็นคาสอนทสี่ ามารถตรวจสอบและพสิ จู น์ได้ เพราะเป็นจรงิ
ตลอดเวลา

5. โอปนยโิ ก ควรน้อมพระธรรมเขา้ มาไวย้ ดึ ถอื เป็นหลกั ปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ จะไดบ้ รรลถุ งึ
ความหลุดพน้

6. ปจั จตั ตงั เวทติ พั โพ การรพู้ ระธรรมนนั้ เป็นของเฉพาะตนทปี่ ฏบิ ตั ติ ามเทา่ นนั้ ทาแทนกนั ไมไ่ ด้
วญิ ญหู ิ แบ่งปนั กนั ไม่ได้ ตอ้ งรดู้ ว้ ยตนเอง

130

ตอนที่ 2
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี

1. นกั เรยี นไดป้ ฏบิ ตั ติ ามพระธรรมคาสอนของพระพุทธเจา้ ในเรอ่ื งใดบา้ ง และผลท่ไี ดร้ บั จากการ
ปฏบิ ตั เิ ป็นอยา่ งไร

2. นกั เรยี นคดิ วา่ จะช่วยใหผ้ อู้ ่นื ปฏบิ ตั ธิ รรมไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง จงอธบิ าย

(พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)

131

บนั ทกึ หลังกำรสอน

1.ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปญั หำและอปุ สรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแกไ้ ข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ.................................................ผูบ้ นั ทึก
(ครผู ้สู อน นางสาวจดิ าภรณ์ ถ่ินตองโขบ)
ตาแหน่ง ครผู ูส้ อน

132

แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี 8

กลุ่มสำระกำรเรียนรสู้ งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 2

หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี 3 เรอื่ ง หลักธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำ ภำคเรียนที่ 2

แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ 8 ขันธ์ 5 เวลำ 2 ช่ัวโมง

ผูส้ อน นำงสำวจิดำภรณ์ ถนิ่ ตองโขบ

1. ตวั ช้ีวัด/จุดประสงค์กำรเรียนรู้

1.1 ตัวชีว้ ดั

ส 1.1 ม.2/8 อธบิ ายธรรมคุณและข้อธรรมสาคัญในกรอบอริยสัจ 4 หรือหลักธรรมของ

ศาสนาทตี่ นนบั ถือตามทีก่ าหนด เหน็ คณุ ค่าและนาไปพฒั นาแกป้ ัญหาของชุมชนและสังคม

1.2 จดุ ประสงค์การเรียนรู้

- อธิบายความหมายและการกระทาตามหลักขนั ธ์ 5 (อายตนะ) และนาไปประยกุ ตป์ ฏิบัตไิ ด้

2. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด

ขันธ์ 5 (อายตนะ) เปน็ ธรรมท่ีควรรู้ (ทกุ ข์) และนาไปประยุกต์ปฏิบตั ิในการดาเนินชวี ติ

3. สำระกำรเรยี นรู้

3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

• อรยิ สจั 4

- ทกุ ข์ (ธรรมที่ควรรู้)

:ขนั ธ์ 5 (อายตนะ)

4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน

4.1 ความสามารถในการสื่อสาร

4.2 ความสามารถในการคิด

1) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสร้างความรู้ 3) ทักษะการประยกุ ตใ์ ช้ความรู้

4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ม่งุ มัน่ ในการทางาน

6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้

วิธสี อนแบบ บรรยำย

นกั เรยี นสวดมนต์บชู าพระรัตนตรัยและทาสมาธกิ อ่ นเรยี น

ขัน้ นำเข้ำสู่บทเรยี น

สื่อการเรียนรู้ : บัตรภาพ

1. ครูนาภาพของคนในวัยต่างๆ และมีอริ ยิ าบถหลากหลาย มาใหน้ ักเรยี นดู ตัวอย่างเชน่

- ภาพดาราสาว

133

-ภาพนักกีฬาหนมุ่
-ภาพเดก็ ชายและเดก็ หญิง วัยประมาณ 2-3 ปี
-ภาพคนชราชาย-หญิง
-ภาพผู้ปว่ ย
ขนั้ สอน
สื่อการเรยี นรู้ : บัตรภาพ
2. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนเข้าใจถงึ องคป์ ระกอบของชวี ติ มี 5 ประการ เรยี กว่า ขนั ธ์ 5 คือ “รปู ” สว่ นท่ี
เป็นรา่ งกาย “เวทนา” ได้แก่ความรูส้ ึก เชน่
- มองเห็นภาพดาราสาวสวย มองดูแล้วรูส้ ึกสบายใจ เรียกว่า สุขเวทนา
- มองดภู าพนักกีฬาหนุม่ ดูแล้วรู้สึกเฉยๆ เรยี กวา่ อุเบกขาเวทนา
- มองดูภาพคนป่วยแลว้ มคี วามรสู้ กึ ไมส่ บายใจ เรียกวา่ ทุกขเวทนา
จากนั้นสามารถแยกแยะได้ จัดวา่ เป็น “สญั ญา” เชน่ ดภู าพดาราสาวก็แยกแยะไดว้ ่า ดารา
สาวนั้นมสี ว่ นประกอบของร่างกายอะไรบา้ ง “สังขาร” คือ สงิ่ ทปี่ รุงแต่ง คือ มองภาพดาราว่า สวยอยากเอามือ
ไปสัมผัส “วิญญาณ” คือ การรบั ร้ผู า่ นประสาทสมั ผัสทั้ง 5 และใจ
3. ครนู าภาพเดก็ ผู้ปว่ ย แพทย์ และนักธุรกจิ มาใหน้ กั เรยี นลองยกตัวอย่างให้สอดคล้องกับขันธ์ 5 ครู
ตรวจสอบความถูกต้อง และใหค้ าแนะนาเพมิ่ เตมิ

4.“เกเ๋ ห็นภาพเด็กน่ารัก จึงเอ้ือมมือไปหยบิ ภาพน้ัน” ขอ้ ความนสี้ อดคล้องกับขันธ์ 5 อย่างไร

1. รูป ส่วนที่เป็นภาพเด็ก

2. เวทนา รู้สึกวา่ สบายใจ เมือ่ ดภู าพ

3. สญั ญา แยกแยะได้วา่ เปน็ ภาพเด็กนา่ รัก

4. สงั ขาร แรงจูงใจใหเ้ ออื้ มไปหยบิ รปู ภาพเด็ก

5. วญิ ญาณ การรับรผู้ า่ นประสาทสัมผสั ทัง้ 5)

5. ครูอธบิ ายให้นักเรยี นเขา้ ใจว่า อายตนะ คือ จุดเชื่อมต่อระหวา่ งขันธ์ 5 กับสิ่งทีอ่ ยู่ภายนอกตวั เรา
อายตนะจัดเปน็ องค์ประกอบของวิญญาณ คือ การรับรู้ ในการรับรู้จะต้องมผี ู้รแู้ ละส่งิ ที่ถูกรู้ ขนั ธ์ 5 คอื ผรู้ ู้ ซงึ่
รับรผู้ า่ นอายตนะภายใน ไดแ้ ก่ ตา หู จมกู ล้นิ กาย และใจ ส่วนสง่ิ ทถ่ี ูกรู้ คอื รปู เสยี ง กลิน่ รส การสัมผัส
และการนึกคดิ (ธรรมารมณ์) เรียกว่า อายตนะภายนอก อายตนะภายในเปน็ เคร่ืองเช่ือมต่อใจกบั โลกภายนอก

6. ครูและนักเรยี นชว่ ยกนั ยกตวั อย่างการรบั รู้ ซง่ึ ประกอบด้วย ผรู้ ู้ และสงิ่ ท่ถี กู รู้

ขัน้ สรปุ ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปสาระสาคญั ของขนั ธ์ 5 เก่ยี วกบั อายตนะ

134

7. กำรวัดและประเมนิ ผล

วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์
ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางาน
รายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์

สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ มนั่ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ในการทางาน

8. สอ่ื /แหล่งกำรเรยี นรู้
8.1 สื่อกำรเรยี นรู้

- บัตรภาพ

135

บตั รภาพ



ภาพดาราสาว ภาพนักกีฬาหนุ่ม

ภาพเดก็ หญิงและเดก็ ชาย ภาพคนชราชาย-หญิง

ภาพคนไข้

ท่ีมา : ภาพท่ี 1 http://www.dodeden.com/fkikwmp-20-อนั ดบั -สดุ ฮอตในเวบ็ บอรด์ จนี /
1 2 ภาพท่ี 2 http://www.tlcthai.com/sports/clip-vdo/906/danai-udomchoke.thml
3 4 ภาพท่ี 3 http://fwmail.teenee.com/cute/34056.html
5 ภาพท่ี 4 http://www.obtnongkung.net/main/หน้าแรก/เบย้ี ยงั ชพี ผสู้ งู อายุ.aspx

ภาพท่ี 5 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1282869571&grpid=03&catid=

136 

ภาพเดก็ ภาพผปู้ ่ วย
ภาพแพทย์ ภาพนักธรุ กิจ

ท่ีมา : ภาพท่ี 6 http://world.kapook.com/pin/500e992e38217a420a000000
6 7 ภาพท่ี 7 http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=lovetheory&month=10-05-2007&group=8&gblog=20
8 9 ภาพท่ี 8 http://campus.sanook.com/938299/นกั ศกึ ษาแพทย-์ สดุ หล่อ-แหง่ วงการบนั เทงิ /

ภาพท่ี 9 http://www.mxphone.net/4638-E-Commerce/

137

บนั ทกึ หลังกำรสอน

1.ผลกำรจดั กำรเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปัญหำและอปุ สรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ.................................................ผูบ้ ันทกึ
(ครผู ้สู อน นางสาวจดิ าภรณ์ ถิน่ ตองโขบ)
ตาแหนง่ ครูผสู้ อน

138

แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 9

กลุม่ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีที่ 2

หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ่ี 3 เร่อื ง หลักธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำ ภำคเรยี นท่ี 2

แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 9 สมบตั ิ 4 และวิบตั ิ 4 เวลำ 2 ช่ัวโมง

ผูส้ อน นำงสำวจดิ ำภรณ์ ถิ่นตองโขบ

1.ตัวช้ีวดั /จุดประสงค์กำรเรียนรู้
1.1 ตวั ช้วี ัด
ส 1.1 ม.2/8 อธิบายธรรมคุณและข้อธรรมสาคัญในกรอบอรยิ สัจ 4 หรอื หลักธรรมของ

ศาสนาที่ตนนบั ถือตามทก่ี าหนด เหน็ คณุ คา่ และนาไปพัฒนาแก้ปัญหาของชมุ ชนและสงั คม
1.2 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
- อธบิ ายความหมายและการกระทาตามหลักสมบัติ 4 และวบิ ัติ 4 พรอ้ มกับหลีกเล่ียงการ

ปฏบิ ัตไิ ด้
2. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด

สมบตั ิ 4 เปน็ หลกั ธรรมทสี่ นับสนนุ กรรมดใี หเ้ กิดผล ส่วนวบิ ตั ิ 4 เป็นสง่ิ สนบั สนุนใหก้ รรมช่ัวให้ผล ซง่ึ
บุคคลควรหลกี เล่ียง เพราะจะนาไปสู่ความทุกข์
3. สำระกำรเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• อรยิ สจั 4
- สมทุ ัย (ธรรมทค่ี วรละ)
:หลกั กรรม สมบตั ิ 4 วบิ ตั ิ 4

4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการวิเคราะห์ 2) ทกั ษะการสร้างความรู้ 3) ทักษะการประยกุ ตใ์ ช้ความรู้
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุง่ ม่ันในการทางาน

6. กิจกรรมกำรเรยี นรู้
วิธสี อนโดยเนน้ กระบวนกำร : กระบวนกำรสรำ้ งควำมตระหนัก

นกั เรียนสวดมนตบ์ ชู าพระรตั นตรยั และทาสมาธิก่อนเรยี นทุกชวั่ โมง

139

ขัน้ ที่ 1 สังเกต

สื่อการเรียนรู้ : ตวั อย่างบทกลอน

1. ครนู าบทกลอนมาแจกให้นักเรยี นแตล่ ะคนอา่ น ซึ่งเป็น บทกลอนทใี่ ห้ข้อคิดเกี่ยวกบั การทา
กรรมดี กรรมชัว่ 3 บท คือ

-บุญกรรม - ทาความดี - ทาการใหญ่

2. ครใู ห้นักเรียนแสดงความคิดเหน็ ถึงข้อคดิ ท่ไี ด้จากบทกลอน ซง่ึ นักเรยี นสามารถตอบไดห้ ลากหลาย
เชน่

- คนทาดยี ่อมไดด้ ี
- การทากรรมดีย่อมไดผ้ ลทีเ่ ป็นกศุ ล
- จะทาสง่ิ ใดก็ใหย้ ดึ หลักธรรมเปน็ ท่ีพงึ่
- ธรรมะเป็นอาวธุ ทสี่ ามารถปราบศตั รูได้
- ให้ทกุ ขแ์ ก่ผู้อ่นื ทุกขย์ ่อมตอบสนองตนเอง
ขัน้ ที่ 2 วิเครำะห์วจิ ำรณ์

ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ : 1. หนงั สอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.2 2. ใบงานท่ี 3.2

3. ครอู ธิบายให้นักเรียนเขา้ ใจวา่ เหตทุ ีท่ าให้เกิดทกุ ขน์ ัน้ มีหลายประการ ซ่ึงจดั อยู่ในหลกั ธรรมที่ควร
ละ เพ่อื ไม่ให้เกิดทุกข์ ไดแ้ ก่ หลักกรรม (สมบตั ิ 4 และวบิ ัติ 4) แลว้ ครอู ธิบายเพ่ิมเติมถึงความหมายของหลัก
กรรม ผลของกรรม ซึง่ มีท้งั ผลช้ันในและผลชนั้ นอก

4. สมาชกิ แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรือ่ ง หลักกรรม (สมบัติ 4 และวิบัติ 4) จากหนังสือเรียน
หนงั สือคน้ ควา้ เพมิ่ เติม ห้องสมุด และแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ แลว้ บันทึกความรู้ทไ่ี ด้จากการศึกษาลงในแบบ
บนั ทกึ การอ่าน เพือ่ เปน็ ความรปู้ ระกอบการวเิ คราะห์กรณีศึกษาในใบงานที่ 3.2 เรือ่ ง สมบตั ิ 4 วบิ ัติ 4 เสร็จ
แล้วรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง

5. ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยคาตอบในใบงานท่ี 3.2

ขั้นที่ 3 สรุป

6. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภปิ รายสรปุ โดยหาเหตผุ ลประกอบผลของการปฏบิ ตั ิตนตามสมบัติ 4 และ
วิบตั ิ 4

140

7. กำรวัดและประเมนิ ผล

วิธกี ำร เครื่องมือ เกณฑ์

ตรวจใบงานที่ 3.2 ใบงานท่ี 3.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ตรวจแบบบันทกึ การอ่าน แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์

สังเกตความมวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มน่ั ในการ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์
ทางาน

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
8.1ส่อื การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียน พระพุทธศาสนา ม.2
2) ตัวอย่างบทกลอน
3) ใบงานที่ 3.2 เรอื่ ง สมบัติ 4 วบิ ัติ 4
8.2แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมดุ
2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ
- http://www.84000.org/tipitaka/dicid_item.php?i=176
- http://www.84000.org/tipitaka/dicid_item.php?i=177

141

เอกสารประกอบการสอน

ตวั อยำ่ งบทกลอน

บุญกรรม ทำควำมดี

บุญเอ๋ย บญุ กรรม ทาความดีพาลแกลง้ แสร้งกล่าวหา
ใครทาย่อมดลผลสนอง ปราชญไ์ มน่ กึ นาพาหรือแยแส
ให้ทกุ ข์แก่ท่านเวรจอง ดว้ ยความดโี ชตชิ ว่ งในดวงแด
ทกุ ข์น้ันคงต้องถึงตน เกดิ ผลแก่สังคมนิยมธรรม
ใหส้ ุขแกท่ ่านหมนั่ กอบ ดุจหิ่งหอ้ ยนินทาดวงอาทิตย์
สขุ ตอบดเี ดน่ เป็นผล หากลองคิดก็จะแลเห็นแง่ขา
กฎกรรมธรรมชาตสิ ากล ไม่สะเทือนผู้เปน็ ปราชญ์ฉลาดล้า
พึงยลย้ังคดิ เตอื นจติ เอย. ซึ่งจะนาแต่ประโยชนส์ ขุ โสตถิ์เอย.

ทำกำรใหญ่
ทาการใหญ่แมซ้ ่ือถือสจั จะ
มีธรรมะเป็นอาวธุ สุดแขง็ ขนั
ย่อมสามารถปราบไพรที ีป่ ระจัน
ใหห้ วาดหวนั่ แพ้ไปไม่รอรา
อนั กรรมดีทาไว้ย่อมให้ผล
สร้างกุศลธรรมจักเฝา้ รกั ษา
เกดิ ชาติหน่งึ ถึงจะตายวายชวี า
ให้ลือชาวา่ ซ่อื ถือสัตย์เอย.

ท่ีมำ : ฐาปะนีย์ นาครทรรพ. 2534. ศึกษำภำษติ และร้อยกรอง. กรงุ เทพมหานคร : แสงศลิ ปก์ าร
พมิ พ.์

142

ใบงำนที่ 3.2 สมบัติ 4 วิบตั ิ 4
คำชแ้ี จง ให้นักเรียนอำ่ นกรณศี กึ ษำ แลว้ ตอบคำถำม

กรณศี ึกษำท่ี 1
ดนัยเป็นบตุ รชายคนเดยี วของพอ่ แม่ ซ่ึงเปน็ นักธรุ กิจชน้ั นาของประเทศไทย พ่อบอกกับดนัยว่า
ดนยั โชคดีทเี่ กิดมาในยคุ ที่เมอื งไทยมีความเจรญิ รงุ่ เรือง ไมเ่ หมอื นสมยั ที่พ่อยังเปน็ เด็ก บ้านเมืองเพิ่งมี
การเปลยี่ นแปลงมาเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตยไมน่ าน ตอนน้ันประเทศกาลังพัฒนา ประชาชนก็ยงั มีวิถี
ชวี ติ ไมส่ ะดวกสบายเหมือนปัจจบุ ัน
เมื่อดนยั เรียนจบปริญญาเอก เขาได้ทางานทีเ่ ขาชอบ โดยเข้ารับราชการใน
กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เขามีผลงานการค้นคว้าทดลอง การนาพืชสมุนไพรไทยไปทายา
รกั ษาโรค จนเปน็ ท่ีรจู้ กั กนั อย่างแพร่หลาย หวั หน้างานของดนัยสนับสนนุ งานของเขาทุกดา้ น ดนยั จงึ มี
กาลงั ใจทางานและอทุ ิศเวลาใหก้ ับการพฒั นาคุณภาพสมนุ ไพรไทย และทดลองนาพชื สมุนไพรไปใช้
รักษาโรคได้หลายโรค จากนน้ั เขามีโอกาสไปศกึ ษาดงู านต่างประเทศหลายประเทศ เนอื่ งจากเขาเปน็ คน
ทม่ี ีรปู ร่างหนา้ ตาสงู ใหญ่ บคุ ลิกดี ทาให้เขาสามารถเข้าสังคมกับคนไดท้ ุกชาติทุกชนชัน้ และไดร้ บั ความ
ร่วมมอื จากเพ่ือนรว่ มงานทุกคน ปจั จุบันน้เี ขาได้รับรางวลั ดเี ด่นทางดา้ นวิทยาศาสตรห์ ลายรางวลั ซง่ึ
เป็นรางวลั ระดับประเทศเปน็ สว่ นใหญ่ และยงั ได้รบั รางวลั ระดับนานาชาติอกี ดว้ ย

คำถำม
 ดนยั ประสบผลสาเรจ็ ในชวี ิตเนอ่ื งจากมหี ลกั กรรมในข้อใด จงอธิบาย พร้อมยกตวั อย่างประกอบ

143

กรณีศกึ ษำที่ 2
นพเปน็ ชายหนมุ่ ที่มขี าพิการลีบไป 1 ข้าง เขาต้องเดินลากขาดแู ล้วนา่ สงสาร เขาอยใู่ นหมู่บา้ น
เลก็ ๆ ไกลจากเสน้ ทางการคมนาคม ทางเขา้ หมบู่ า้ นเปน็ ถนนดิน เขาขจี่ ักรยานไปโรงเรียน บางวันฝนตก
ดนิ เปียกเละไมส่ ามารถข่ีจักรยานได้ เขาต้องแบกจักรยานขา้ มทางดินท่ีเปียกและลื่น ถึงจะลาบาก
อย่างไรนพก็ไม่ทอ้ ถอย
เมื่อคร้ังท่นี พเรยี นอยู่ในระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษานน้ั เขาจดั ไดว้ ่า เปน็ นักเรยี นท่เี รยี นเก่งมาก เขา
สอบไดท้ ่ี 1 เป็นประจา เขามีความสามารถพเิ ศษทางดา้ นการวาดภาพ เมอ่ื เขาเรยี นอยู่ในมหาวทิ ยาลัย
เขากส็ ามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ กบั เพื่อนนักศึกษาอยูเ่ สมอ เปน็ การสรา้ งเสริมประสบการณ์ชวี ติ ใหก้ บั
เขา
เมือ่ เขาเรียนจบระดบั ปริญญาตรแี ลว้ เขาก็ไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับการออกแบบ
ตกแตง่ ภายในอาคารตามท่ีเขาถนัด แตป่ รากฏวา่ เมื่อฝ่ายรับสมคั รงานเห็นบคุ ลิกรูปร่างหนา้ ตาของเขา
แล้วตา่ งกป็ ฏิเสธท่ีจะรบั เขาเข้าทางาน โดยมากบริษทั เหล่านั้นจะรบั พนักงานที่มีผูใ้ หญ่ฝากเข้าทางาน
แตใ่ นทส่ี ุดนพก็ได้เข้าทางานในบริษัทแห่งหนึ่งทเี่ ขาขาดพนักงานฝ่ายธรุ การทาหนา้ ทร่ี บั -ส่งหนังสือ
ลงทะเบยี นหนังสือ
นพไม่มีโอกาสทางานด้านการออกแบบที่เขาถนัดและมีความสามารถเป็นพิเศษ เพื่อนๆ ของนพ
ทีเ่ รียนมาดว้ ยกนั ทางด้านการออกแบบตา่ งก็ไดง้ านตามทีต่ นเองถนัด จึงมผี ลงานและมีความก้าวหนา้ ใน
การทางานซงึ่ ตรงข้ามกับนพ

คำถำม
 นพไม่ประสบผลสาเรจ็ ในการทางานและการดาเนินชีวติ เนื่องจากขาดสงิ่ สนับสนุนซ่งึ สอดคลอ้ ง
กบั หลกั กรรมในเร่ืองใด

ใบงำนท่ี 3.2 สมบตั ิ 4 วิบัติ 4 144
คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนอา่ นกรณีศกึ ษา แล้วตอบคาถาม
เฉลย

กรณศี ึกษำท่ี 1
ดนยั เป็นบตุ รชายคนเดยี วของพอ่ แม่ ซึ่งเปน็ นักธุรกจิ ชัน้ นาของประเทศไทย พ่อบอกกบั ดนัยวา่
ดนยั โชคดีทเ่ี กิดมาในยคุ ที่เมืองไทยมีความเจรญิ รุ่งเรือง ไม่เหมือนสมัยที่พ่อยังเปน็ เด็ก บ้านเมืองเพง่ิ มี
การเปล่ียนแปลงมาเปน็ ระบอบประชาธิปไตยไมน่ าน ตอนนั้นประเทศกาลงั พฒั นา ประชาชนก็ยงั มีวถิ ี
ชวี ติ ไม่สะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน
เมือ่ ดนยั เรยี นจบปรญิ ญาเอก เขาได้ทางานที่เขาชอบ โดยเข้ารับราชการใน
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เขามผี ลงานการคน้ ควา้ ทดลอง การนาพืชสมนุ ไพรไทยไปทายา
รักษาโรค จนเปน็ ทรี่ ู้จักกนั อย่างแพรห่ ลาย หวั หนา้ งานของดนัยสนับสนนุ งานของเขาทุกด้าน ดนยั จงึ มี
กาลังใจทางานและอุทิศเวลาให้กับการพัฒนาคุณภาพสมุนไพรไทย และทดลองนาพืชสมุนไพรไปใช้
รกั ษาโรคได้หลายโรค จากนนั้ เขามีโอกาสไปศึกษาดูงานตา่ งประเทศหลายประเทศ เน่อื งจากเขาเปน็ คน
ท่ีมีรปู รา่ งหน้าตาสงู ใหญ่ บุคลิกดี ทาใหเ้ ขาสามารถเข้าสังคมกับคนได้ทุกชาตทิ ุกชนชนั้ และไดร้ ับความ
ร่วมมอื จากเพื่อนร่วมงานทุกคน ปัจจบุ นั น้เี ขาได้รับรางวัลดเี ด่นทางดา้ นวิทยาศาสตรห์ ลายรางวลั ซ่ึง
เป็นรางวลั ระดับประเทศเปน็ ส่วนใหญ่ และยงั ไดร้ ับรางวัลระดบั นานาชาติอีกด้วย

คำถำม

 ดนัยประสบผลสาเรจ็ ในชีวิตเนอ่ื งจากมีหลักกรรมในข้อใด จงอธบิ าย พร้อมยกตวั อย่างประกอบ
ดนยั มหี ลักกรรมในเรื่อง สมบัติ 4 คอื
1. คติสมบัติ ดนยั เกดิ ในประเทศทเ่ี จริญ
2. อุปธสิ มบตั ิ ดนัยเป็นผูม้ ีรปู ร่างสง่างาม บุคลิกดี เป็นทีช่ ืน่ ชมของคนที่คบหาสมาคมดว้ ย
3. กาลสมบตั ิ ดนยั อย่ใู นสมัยที่ประเทศไทยมคี วามเจริญ และสังคมยกยอ่ งคนดี มผี ู้ปกครองดี
คือ หัวหน้างาของเขาสนับสนุนดนัยในการค้นคว้าทดลองการนาพชื สมนุ ไพรไปใชใ้ นการทายา
รักษาโรคจนกระทั่งมีผลงานออกมาหลายอยา่ ง
4. ปโยคสมบตั ิ ดนยั มคี วามตงั้ ใจจรงิ ในการทดลองนาพืชสมนุ ไพรไทยไปใช้ในการทายารักษา
โรคไดห้ ลายชนดิ จนกระท่ังผลงานเปน็ ทย่ี อมรับท้งั ในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ทาให้
เขาไดร้ ับรางวัลดเี ด่นทางด้านวิทยาศาสตร์หลายรางวลั

145

กรณศี ึกษำที่ 2
นพเปน็ ชายหนมุ่ ท่ีมขี าพกิ ารลีบไป 1 ขา้ ง เขาตอ้ งเดินลากขาดูแล้วน่าสงสาร เขาอยใู่ นหมู่บา้ น
เลก็ ๆ ไกลจากเส้นทางการคมนาคม ทางเขา้ หม่บู ้านเป็นถนนดนิ เขาขจ่ี กั รยานไปโรงเรียน บางวนั ฝนตก
ดินเปียกเละไม่สามารถข่จี ักรยานได้ เขาต้องแบกจกั รยานข้ามทางดินทเ่ี ปียกและล่นื ถึงจะลาบาก
อย่างไรนพก็ไม่ทอ้ ถอย
เม่ือคร้ังทีน่ พเรียนอย่ใู นระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาน้ัน เขาจดั ได้วา่ เปน็ นักเรียนทีเ่ รียนเก่งมาก เขา
สอบได้ท่ี 1 เป็นประจา เขามีความสามารถพิเศษทางด้านการวาดภาพ เมอื่ เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย
เขาก็สามารถรว่ มกิจกรรมตา่ งๆ กบั เพื่อนนกั ศกึ ษาอยูเ่ สมอ เปน็ การสรา้ งเสริมประสบการณช์ วี ิตให้กบั
เขา
เมอ่ื เขาเรียนจบระดับปริญญาตรีแล้ว เขาก็ไปสมัครงานตามบริษทั ตา่ งๆ เกี่ยวกับการออกแบบ
ตกแต่งภายในอาคารตามที่เขาถนดั แต่ปรากฏว่าเม่ือฝา่ ยรับสมคั รงานเห็นบคุ ลิกรูปร่างหนา้ ตาของเขา
แล้วต่างก็ปฏิเสธท่จี ะรบั เขาเข้าทางาน โดยมากบรษิ ัทเหล่านั้นจะรับพนักงานที่มผี ้ใู หญฝ่ ากเข้าทางาน
แต่ในทสี่ ดุ นพก็ได้เขา้ ทางานในบรษิ ัทแหง่ หนงึ่ ทเ่ี ขาขาดพนักงานฝ่ายธุรการทาหนา้ ทีร่ ับ-สง่ หนงั สือ
ลงทะเบียนหนงั สือ
นพไม่มีโอกาสทางานด้านการออกแบบทเ่ี ขาถนัดและมีความสามารถเปน็ พิเศษ เพ่ือนๆ ของนพ
ทเี่ รียนมาดว้ ยกันทางดา้ นการออกแบบต่างก็ได้งานตามทีต่ นเองถนัด จึงมีผลงานและมคี วามก้าวหนา้ ใน
การทางานซง่ึ ตรงข้ามกบั นพ

คำถำม
 นพไม่ประสบผลสาเรจ็ ในการทางานและการดาเนินชวี ติ เน่ืองจากขาดส่งิ สนับสนุนซ่ึงสอดคล้อง
กับหลักกรรมในเรื่องใด
สอดคล้องกับหลักกรรมในเร่ือง วบิ ัติ 4 คือ
1. คติวิบตั ิ นพเกิดในดินแดนที่ไม่เจรญิ การดาเนนิ ชีวติ ของเขาจงึ คอ่ นขา้ งลาบาก ขาดสงิ่ อานวย
ความสะดวก ……………………………………………………………………………………………………………
2. อปุ ธิวบิ ัติ นพเกิดมารูปร่างพิการ ขาลีบ บคุ ลิกไมส่ ง่างาม ทาใหผ้ ูท้ ี่ได้พบเหน็ มีความรงั เกียจ
เพ่ือนชอบล้อเลยี น เวลาสมคั รงานบรษิ ทั ต่างๆ กม็ ักปฏเิ สธ
3. กาลวิบัติ สภาพสังคมทเี่ ขาอยูใ่ นยคุ น้ันขาดคุณธรรม โดยเฉพาะบริษัทท่เี ขาสมัครงานกไ็ มร่ ับ
เขาไม่ไดด้ ูคนท่ผี ลงานหรอื ความสามารถ
4. ปโยควิบตั ิ นพไม่ได้ทางานตามความสามารถของเขา หรือไม่ไดท้ างานตามความถนัดจึงขาด
โอกาสท่ีจะแสดงฝีมอื หรือความสามารถให้เป็นทป่ี รากฎ

146

บันทกึ หลังกำรสอน

1.ผลกำรจัดกำรเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ปญั หำและอปุ สรรค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ .................................................ผ้บู นั ทกึ
(ครูผู้สอน นางสาวจิดาภรณ์ ถ่นิ ตองโขบ)
ตาแหน่ง ครผู ้สู อน

147

แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 10

กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูส้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม ชนั้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี 2

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่ือง หลักธรรมทำงพระพทุ ธศำสนำ ภำคเรยี นที่ 2

แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี 10 อกศุ ลกรรมบถ 10 และอบำยมุข 6 เวลำ 2 ช่วั โมง

ผูส้ อน นำงสำวจิดำภรณ์ ถิ่นตองโขบ

1. ตวั ช้ีวดั /จุดประสงค์กำรเรยี นรู้
1.1 ตัวช้วี ัด
ส 1.1 ม.2/8 อธบิ ายธรรมคณุ และข้อธรรมสาคัญในกรอบอรยิ สจั 4 หรอื หลักธรรมของศาสนาท่ี

ตนนับถอื ตามท่ีกาหนด เห็นคุณค่าและนาไปพัฒนาแก้ปัญหาของชุมชนและสงั คม
1.2 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

- อธบิ ายความหมายและการกระทาตามหลักอกุศลกรรมบถ 10 และอบายมุข 6 และบอก
วธิ ีการหลกี เล่ียงการกระทาอันเป็นหนทางไปสู่ความทุกข์ได้
2. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด

อกุศลกรรมบถ 10 และอบายมขุ 6 เป็นธรรมที่ควรละ (สมุทยั ) ซ่งึ บคุ คลควรหลกี เลย่ี ง เพราะเปน็ ทาง
นาไปสูค่ วามทุกข์
3. สำระกำรเรียนรู้

3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• อรยิ สจั 4
- สมุทัย (ธรรมทค่ี วรละ)
: อกุศลกรรมบถ 10 : อบายมุข 6

4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
1) ทกั ษะการวิเคราะห์
2) ทกั ษะการสร้างความรู้
3) ทกั ษะการประยุกตใ์ ชค้ วามรู้
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1. มีวนิ ยั 2.ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ มั่นในการทางาน


Click to View FlipBook Version