บทนาํ
บทความชน้ิ นเี้ ปน สว นหนงึ่ ของรายงานวจิ ยั ฉบบั สมบรู ณเ รอ่ื งภาวะหนส้ี นิ กบั
การสูญเสียที่ดินของเกษตรกร กรณีศึกษากลุมสงเสริมการเกษตรครบวงจร อําเภอ
สรรคบุรี จังหวัดชัยนาท งานวิจัยมีเปาหมายหลักเพื่อรวบรวมขอมูลปญหาหน้ีสินที่
เชื่อมโยงกับการสูญเสียที่ดินของเกษตรกร และเผยแพรสถานการณการสูญเสียท่ีดิน
ของเกษตรกรรายยอยสสู าธารณะ
“กลมุ สง เสรมิ การเกษตรครบวงจร จังหวดั ชัยนาท” เปนกลมุ เกษตรกรท่ี
รวมตัวกันในป พ.ศ. 2542 เพ่ือผลักดันใหรัฐบาลแกไขปญหาของเกษตรกรในระดับ
โครงสราง โดยเฉพาะปญหาหน้ีสินและท่ีดินทํากิน กลุมสงเสิรมการเกษตรครบวงจร
เปน หนง่ึ ในองคก รสมาชกิ ของสภาเครอื ขา ยองคก รเกษตรกรแหง ประเทศไทย(สค.ปท.)
ปจจุบันมีสมาชิก 230 ครอบครัว งานศึกษาชิ้นนี้เก็บขอมูลกรณีตัวอยางจากสมาชิก
จํานวน 64 ครอบครัว
เศรษฐกจิ ชาวนาสรรคบุรี
กลุมชาวนาตัวอยางจํานวน 64 ครอบครัว มีอายุเฉล่ีย 57 ป อาชีพหลัก
คืออาชีพเกษตรกรรม เกษตรกรรอยละ 68.75 ทํานาเปนอาชีพหลัก ซ่ึงในทีนี้รวม
“หน้ชี าวนา เดิมพนั การสูญเสียท่ีดิน” 99
à¡ÉμáÃã¹¾×¹é ·ÁèÕ ÃÕ ÒÂä´Œμ´Ô ź
38,605 ºÒ· μ‹Í»‚μÍ‹ ¤Ãͺ¤ÃÑÇ
ชาวนาท่ีมีท่ีนาเปนของตนเอง ชาวนาเชาซ่ึงไมมีที่ทํากิน และชาวนาที่มีที่นาบางแต
ไมพอ ตอ งเชาที่นาเพิ่ม
อาชีพรองของเกษตรกรคืออาชีพรบั จาง เกษตรกรรอ ยละ 12.5 มอี าชีพรอง
คือรับจางในแปลงนา รับจางในแปลงขาวโพด รับจางในแปลงผัก รับจางการเกษตร
อยางอนื่ และรับจางนอกภาคเกษตร
เกษตรกรมีรายไดเฉล่ียครอบครัวละ 216,544 บาทตอป หรือประมาณ
18,045 บาทตอเดือน มรี ายไดห ลักจาก 4 แหลง คือ จากการทําเกษตร จากการ
รบั จา ง (ท้ังในและนอกภาคเกษตร) จากลูกหลานหรือญาตสิ ง ให และจากเงนิ ชวย
เหลอื สงเคราะหข องรฐั ในภาพรวมรายไดท ม่ี าจากภาคเกษตร คดิ เปน รอ ยละ 79.25
หรือมากกวา 3 ใน 4 ของรายไดทั้งหมด
เกษตรกรมคี า ใชจ า ยหลกั คอื คา เลา เรยี นลกู คา รกั ษาพยาบาล คา นาํ้ ประปา/
คา ไฟฟา คา เครื่องอปุ โภค คา ภาษีสงั คม คา ประกันสังคม/ประกันชีวิต และคา อาหาร
ผลการสํารวจขอมูลคาใชจายท้ัง 7 ประเภทพบวา คาใชจายตอครัวเรือนเฉลี่ยอยูท่ี
9,713 บาทตอเดือน หรือ 116,556 บาทตอ ป ซึ่งเม่อื พจิ ารณาขอ มลู สัดสวนคาใชจาย
ของครอบครัวจะพบวา คา ใชจายเกือบครึง่ หนง่ึ คือรอ ยละ 48.72 เปนคาอาหาร
“หนีช้ าวนา เดิมพันการสูญเสียทดี่ นิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 101
เม่ือนํารายไดหักดวยคาใชจายตอป จะพบวาเกษตรกรมีเงินสวนตาง
99,988 บาทตอ ป แตต วั เลขสว นตา งนี้ ยงั ไมไ ดถ กู หกั ดว ยคา ใชจ า ยตน ทนุ การเกษตร
ซ่งึ เมอ่ื หกั แลวเกษตรกรในพนื้ ท่จี ะมีรายไดต ิดลบ 38,605 บาท ตอ ปต อ ครอบครวั
ขา ว ปลา อาหาร และการพึง่ ตนเอง
แมจะเปนชุมชนเกษตรกรรมก็ตาม แตเกษตรกรในพื้นที่กลับพ่ึงตนเอง
ดานอาหารไดนอย อาหารรายวันของเกษตรกรยังมาจากแหลงอาหารนอกชุมชน
ชาวนารอยละ 89 ตองซื้อขาวกินในระดับปานกลางถึงระดับที่มาก ชาวนากลุมน้ี
นําขาวทั้งหมดไปขาย และนําเงินท่ีไดมาซื้อขาวบริโภคในภายหลัง มีชาวนาเพียง
รอยละ 11 เทาน้ันท่ีเก็บขาวไวบริโภคในครัวเรือนอยางเพียงพอ จนกระท่ังถึง
ฤดูการเก็บเก่ียวรอบถัดไป
“หนีช้ าวนา เดมิ พนั การสูญเสียท่ดี นิ ”
“·Õ´è Ô¹” ¤×Í»˜¨¨Ñ¡ÒüÅÔμ
·ÊèÕ íÒ¤ÞÑ ·ÕèÊ´Ø ÊÒí ËÃѺªÒǹÒ
จากการสอบถามถึงสาเหตุท่ีชาวนาขายขาวเปลีอกทั้งหมดโดยไมเก็บขาวไว
บรโิ ภค เหตผุ ลสาํ คญั ลาํ ดบั ตน คอื การจดั การผลผลติ ขา วหลงั การเกบ็ เกย่ี วทย่ี งุ ยาก โดย
เฉพาะการหาลานตากใหข า วแหง กอ นนาํ ไปเกบ็ สว นอกี เหตผุ ลสาํ คญั คอื ชาวนาตอ งการ
นาํ เงนิ ไปชาํ ระหน้ี
สวนการพ่ึงตนเองดานอาหารประเภทอ่ืน เชน จําพวกเนื้อสัตว ผัก ผลไม
หรอื เครอ่ื งปรงุ เกษตรกรรอ ยละ 65 พงึ่ ตวั เองไดน อ ยถงึ นอ ยมาก อยา งไรกด็ เี กษตรกร
ยงั นิยมปรงุ อาหารบรโิ ภคเอง ไมนิยมซื้อกบั ขาวปรงุ สําเรจ็ มาบริโภค
วิถีการทํานาที่เปลี่ยนไป
ชาวนาสว นใหญท าํ นาในลกั ษณะของการบรหิ ารจดั การ โดยใชร ะบบการจา ง
งานในทุกข้ันตอนของการทํานา ทําใหชาวนามีคาใชจายตนทุนการผลิตเฉล่ียตอป
138,593 บาท หรอื เฉลีย่ ตอเดือน 11,550 บาท ตอ ครอบครวั
ชาวนาในพื้นที่ทํานาปละ 2 ครั้ง ผลผลิตขาวท่ีไดเฉลี่ยอยูที่ 776 กิโลกรัม
ตอ ไร ราคาขา วทขี่ ายไดใ นชว งทมี่ โี ครงการรบั จาํ นาํ ขา วคอื 11,280 บาทตอ ตนั สว นใน
ชว งที่ไมม ีโครงการรับจาํ นาํ ขาว จะขายขาวไดเ ฉลี่ย 6,000-7,000 บาทตอตนั
“หน้ชี าวนา เดิมพันการสญู เสียที่ดิน” 103
ตน ทนุ การทาํ นาตอ ไร ฤดกู ารผลิตป 2556/2557
ลําดบั ที่ ชนดิ ของปจจยั การผลิต รวมเปนเงิน คิดเปน
บาท/ไร รอ ยละ
1 คา เชา ทด่ี นิ
2 คาปยุ 978 23
3 คายากาํ จดั ศัตรูพชื / ยากาํ จัดวชั พชื 1,157 27
4 คา เมลด็ พันธุ
5 คาจางฉดี พนยา 356 8
6 คา จางรถไถ 487 11
7 คาจางแรงงานสาํ หรบั หวาน/ ปลูกขาว 148 3
8 คา จา งแรงงานสําหรบั ใสปุย 347 8
9 คาจา งแรงงานสาํ หรบั ตัดขาวดีด 54 1
10 คา จา งรถเก็บเกย่ี ว 125 3
11 คาจางขนผลผลิตไปขาย 92 2
12 อน่ื ๆ (ระบุ) 409 10
69 2
รวม 66 2
4,288 100
“หนีช้ าวนา เดิมพนั การสญู เสียทด่ี ิน”
ตนทุนการทํานาของชาวนาเฉล่ียอยูที่ 4,288 บาท ตอไรตอรอบการผลิต
คา ปยุ และสารกาํ จดั ศตั รพู ชื เปน ตน ทนุ การทาํ นาทสี่ งู ทส่ี ดุ คอื 1,513 บาทตอ ไร คดิ เปน
รอ ยละ 35 รองลงมาเปน คา จา งแรงงานและเคร่อื งจกั ร (คาจา งรถไถ คา จา งหวานขา ว
คาจางรถเกี่ยวขาว และอ่ืนๆ) 1,244 บาทตอไร คิดเปนรอยละ 29 สวนคาเชาที่ดิน
คิดเปนรอยละ 23 คาเมล็ดพันธุ รอยละ 11 ท่ีเหลืออีกรอยละ 2 เปนคาใชจายอ่ืนๆ
เชน คา อาหารและเคร่ืองด่มื สําหรบั เลย้ี งคนงานรบั จา ง
ชาวนาเกอื บคร่ึง เชา ท่ีดินทํานา
“ทดี่ ิน” คือปจจัยการผลติ ท่ีสําคญั ท่ีสดุ สําหรับชาวนา จากการสาํ รวจพบวา
ชาวนามที ท่ี าํ กนิ เฉล่ียเพยี งครอบครัวละ 6 ไร เทานน้ั โดยชาวนารอยละ 28 มีทท่ี ํากนิ
ไมเ กิน 10 ไร ชาวนารอ ยละ 17 มีที่ทาํ กินอยูระหวาง 11-20 ไร และมีชาวนารอยละ
5 เทา นัน้ ที่มที ดี่ นิ 21-30 ไร
ชาวนาในพนื้ ทท่ี ม่ี ที ด่ี นิ มากทสี่ ดุ คอื 27 ไร ชาวนาสว นใหญม ที ดี่ นิ เพยี งแปลง
เดียว และใชเปนทั้งท่ีอยูอาศัยและที่ทําการเกษตร โดยสวนใหญคือรอยละ 96 ถือ
เอกสารสทิ ธ์ทิ ดี่ นิ ประเภทโฉนด
ดว ยความทม่ี ที ดี่ นิ ทาํ กนิ ไมเ พยี งพอ ทาํ ใหช าวนารอ ยละ 45 ตอ งเชา ทดี่ นิ
คนอ่ืนทํานาเพิ่ม ซึ่งหมายถึงตนทุนคาเชานาท่ีเพ่ิมข้ึนดวย ชาวนาเชาที่ดินเพ่ิม
เฉล่ียครอบครวั ละ 16 ไร รายทต่ี องเชา มากท่สี ดุ คอื 40 ไร เชา มาแลว ตอเนอ่ื งเฉลี่ย
10 ป และรายทีเ่ ชา ยาวนานท่ีสดุ คือ 20 ป บงชวี้ า ชาวนาในพ้นื ท่นี ข้ี าดแคลนท่ดี ิน
ทํากินมาแลว ถึง 20 ป และเกอื บครงึ่ หนงึ่ ในปจ จุบนั มที ด่ี ินทาํ กนิ ไมเพียงพอ
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสูญเสยี ทด่ี นิ ” 105
ภาระหน้ีสนิ ชาวนา
ปรมิ าณผลผลติ ทไ่ี มแ นน อน และราคาผลผลติ ทกี่ าํ หนดเองไมไ ด ทาํ ใหช าวนา
ในพื้นทมี่ ปี ญ หาหนสี้ ิน ซง่ึ ชาวนาสว นใหญใ ชว ธิ กี ารขายที่ดนิ เพอ่ื ปลดหนใี้ หก บั ตวั เอง
มีชาวนาในพน้ื ท่รี อยละ 32 สูญเสยี ทดี่ ินในชว งเวลาท่ีผานมา โดยสาเหตหุ ลกั ของการ
ขายท่ีดินคือเพ่ือปลดหนี้ ชาวนาบางรายตองขายท่ีดินถึง 3 แปลง เพ่ือปลดหน้ีของ
ครอบครัว ที่นาท่ขี ายเฉลย่ี มขี นาด 8 ไร รายท่ีขายทด่ี ินเพอ่ื ปลดหนีม้ ากทสี่ ดุ คือ 43 ไร
สถาบนั การเงนิ หรอื แหลง เงนิ กขู องชาวนามหี ลายแหลง อาทเิ ชน ธนาคารเพอื่ การเกษตร
และสหกรณการเกษตร (ธ.ก.ส.) สหกรณการเกษตร กองทุนหมูบาน สหกรณเครดิต
ยเู น่ียน ธนาคารพาณิชยอ ่นื ๆ และรา นคา ปยุ และยา
ชาวนารอยละ 29 กเู งินจากกองทนุ หมบู าน ชาวนารอ ยละ 23 กูเงินจาก
สหกรณก ารเกษตร และ ธ.ก.ส. สวนชาวนารอ ยละ 11 กูเงินจากธนาคารพาณชิ ย
และรอ ยละ 8 กูเงนิ จากรานคา ปุย และวัสดุอปุ กรณ
ธนาคารเอกชนจะเปนแหลงเงินกูท่ีชาวนามียอดหนี้สูงท่ีสุด คือ 205,778
บาทตอครัวเรือน รองลงมาคอื ธ.ก.ส. ชาวนามหี นส้ี นิ เฉล่ยี กับ ธ.ก.ส. 182,856 บาท
ตอครัวเรือน และมีหน้ีสินเฉล่ียกับสหกรณการเกษตร 116,955 บาทตอครัวเรือน
มีหนี้สินกับญาตหิ รอื เพอ่ื นบา นเฉลยี่ 58,333 บาทตอครวั เรือน
ปจ จุบันโฉนดที่ดนิ ของชาวนา 64 ราย ในพ้นื ทีต่ ิดจํานองกับสถาบันการเงนิ
ตา งๆ รวม 254 ไร เปน โฉนดทด่ี นิ ทจี่ าํ นองไวก บั ธ.ก.ส. 91 ไร จาํ นองไวก บั สหกรณก ารเกษตร
105 ไร จาํ นองไวก บั ธนาคารพาณชิ ย 48 ไร และจาํ นองไวก บั แหลง เงนิ กนู อกระบบ 10 ไร
ชาวนาในพื้นท่ีมีหน้ีสินเฉล่ีย 314,863 บาท ตอครอบครัว ยอดรวมหนี้สิน
ของชาวนาทงั้ 64 ราย จากทกุ แหลง เงนิ กแู ละสถาบนั การเงินมีทง้ั สน้ิ 20.1 ลา นบาท
โดยแบงเปนเงินตน 15.2 ลานบาท และดอกเบ้ียรวม 4.9 ลานบาท หรือดอกเบ้ีย
คดิ เปน 1 ใน 3 ของเงนิ ตน ท้งั หมด
“หนี้ชาวนา เดมิ พันการสูญเสยี ท่ดี ิน”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 107
ความหวงั จากกองทุนฟน ฟแู ละพฒั นาเกษตรกร
กองทุนฟนฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) กอตั้งข้ึนมาดวยวัตถุประสงค
4 ประการ คอื 1.สง เสรมิ และสนบั สนนุ การรวมกลมุ ของเกษตรกร ในการพฒั นาคณุ ภาพ
ชีวิตและการแกไขปญหาของเกษตรกร 2.สงเสริมและสนับสนุนการฟนฟูและพัฒนา
อาชีพเกษตรกรรมของเกษตรกร 3.พัฒนาความรูในดานเกษตรกรรมหรือกิจกรรมที่
เกยี่ วเนอื่ งกบั เกษตรกรรม เพอ่ื สรา งความเขม แขง็ ใหแ กอ งคก รเกษตรกร และ 4.พฒั นา
ศกั ยภาพในการพึ่งพาตนเองและเกอื้ กูลซง่ึ กันและกันระหวา งเกษตรกร
ขอ มลู จากกองทนุ ฟน ฟฯู จงั หวดั ชยั นาทพบวา มอี งคก รเกษตรกรขนึ้ ทะเบยี น
กับกองทุนฟนฟูฯ 250 องคกร ในจํานวนนี้มีองคกรเกษตรกรที่กองทุนฯ ยังติดตาม
งานไดราว 50 องคกร และมีองคกรเกษตรกรที่มีกิจกรรมตอเน่ือง และประสานงาน
กบั กองทุนฟน ฟูฯ ตอ เนอ่ื งประมาณ 20 องคกร
ในจังหวัดชัยนาทมีชาวนาที่ไดรับการซื้อหนี้จากกองทุนฟนฟูฯ แลว
รอ ยละ 22 ชาวนาที่ไดร ับการซ้ือหน้แี ลว บางสวน รอยละ 16 ชาวนาทย่ี งั ไมไ ดร ับ
การซื้อหนี้แตไดรับสิทธิ์แลวรอยละ 26 และชาวนาที่ยังไมไดรับสิทธิ์การซ้อหน้ี
อีกรอยละ 36 โดยในจํานวนผูไดรับการซื้อหนี้แลว มีสมาชิกของกลุมสงเสริม
การเกษตรครบวงจร จาํ นวน 78 ราย หรือ 218 สัญญาเงินกู
“หนีช้ าวนา เดมิ พันการสญู เสยี ทด่ี ิน”
บทสรปุ วิถกี ารทาํ นา กับการสูญเสยี ทดี่ ิน
กรณีศกึ ษาชาวนาในพนื้ ทีอ่ ําเภอสรรคบรุ ี จงั หวัดชยั นาท ชใ้ี หเหน็ วา ชาวนา
ปจ จบุ นั สว นใหญเ ปน ผสู งู อายเุ นอ่ื งจากมอี ายเุ ฉลย่ี ถงึ 57 ป อยา งไรกต็ ามแมจ ะสงู อายุ
ชาวนากลุมนี้ยังคงยึดอาชีพทํานาและทําการเกษตรเปนอาชีพหลัก มีชาวนาในพ้ืนท่ี
ถึงรอยละ 86 ยงั คงประกอบอาชพี เกษตรกรรมอยางตอเนอ่ื ง
วิถีการทํานาของชาวนาในยุคสมัยปจจุบัน แมเปลี่ยนมาทํานาปละ 2 คร้ัง
เปลี่ยนระบบการทํานามาเปนนาหวานเพื่อใหไดผลผลิตขาวมากข้ึน ใชแรงงานรับจาง
และเครอ่ื งจกั รในการชว ยทาํ นา แตเ มอื่ หกั คา ใชจ า ยจากตน ทนุ การทาํ นาและการบรโิ ภค
ในครัวเรือน พบวาชาวนามีรายไดไมเพียงพอ มีรายไดสุทธิติดลบ และมีภาระหนี้สิน
ทกุ ครัวเรือน โดยในพ้ืนทศ่ี กึ ษาชาวนามีหนีส้ ินเฉลยี่ ถึงครัวเรือนละ 314,863 บาท
“หนช้ี าวนา เดิมพนั การสญู เสยี ทดี่ ิน” 109
การขาดแคลนท่ีดินทํากิน เปนปญหาใหญอันดับตนของชาวนาในพ้ืนท่ี
เน่ืองจากชาวนามีทด่ี ินถอื ครองเฉลยี่ เพยี ง 6 ไร ตอครอบครัว และมชี าวนาถงึ รอยละ
45 ตองเชาท่ีดนิ ทาํ กินเพ่ิม โดยเชา เฉลี่ย 16 ไร ตอ ครอบครวั และเชา มาแลว เปน เวลา
ยาวนานถงึ 20 ป
ปญ หาความไมม ่ันคงในทีท่ าํ กนิ ทาํ ใหชาวนามีตนทุนการผลติ สงู โดยตน ทุน
คาเชานาคิดเปนรอ ยละ 23 ของตน ทนุ การผลิตทง้ั หมด สวนตน ทุนคา ปยุ เคมี คิดเปน
สดั สวนรอ ยละ 27 เมอ่ื รวมตนทุนคา เชา นาและคา ปุยเคมีเขาดวยกัน เฉพาะสองปจ จยั
การผลิตหลกั นี้ คิดเปนสัดสว นถงึ รอยละ 50 ของตน ทนุ การผลิตทั้งหมด
การพึ่งตนเองดานอาหารของชาวนา พบวามชี าวนาเพยี งรอ ยละ 11 เทา นั้น
ทยี่ งั คงเกบ็ ขา วไวบ รโิ ภคเองตลอดป สว นชาวนาอกี รอ ยละ 89 ตอ งซอ้ื ขา วกนิ ในปรมิ าณ
ปานกลางถงึ มาก ทง้ั นเี้ พราะวถิ กี ารทาํ นาเปลยี่ นแปลงไป ชาวนาไมส ะดวกทจ่ี ะเกบ็ ขา ว
ไวก นิ เอง เนอ่ื งจากพนั ธขุ า วและการใชร ถเกยี่ วขา วทเ่ี ปน อยปู จ จบุ นั ทาํ ใหข า วมคี วามชน้ื
สงู และตอ งใชลานตากขา วใหแหงซ่งึ ชาวนาไมม ี กอปรกับเหตผุ ลอื่นๆ เชน การเรง รีบ
นําเงนิ ไปชาํ ระหนี้ ทาํ ใหชาวนาไมเ ก็บขา วทป่ี ลูกไวบริโภคอกี ตอ ไป
การทํานาท่ีเปลี่ยนไปสูระบบที่ตองการผลผลิตมาก ใชปจจัยการผลิตจาก
ภายนอกและการจางแรงงานในทุกข้ันตอน ทําใหชาวนามีตนทุนการผลิตสูงและ
ไมสามารถพ่ึงตนเองได เมื่อชาวนามีรายไดไมสมดุลกับรายจาย ประสบปญหาหน้ีสิน
และมแี นวโนม ไมส ามารถชาํ ระหนส้ี นิ คนื ได ทางออกสดุ ทา ยทชี่ าวนาเลอื ก คอื การขาย
ทดี่ ินที่ตนเองและครอบครวั มีอยนู ั่นเอง
“หนชี้ าวนา เดมิ พันการสญู เสียที่ดนิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 111
ความหวงั
ของการปลดเปลี้องหนสี้ นิ
กรณีศกึ ษาชาวนาอาํ เภอหันคา
จงั หวัดชยั นาท
เมธี สงิ หส ูถาํ้
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ทีด่ นิ ”
บทนาํ
บทความชน้ิ นเี้ ปน สว นหนงึ่ ของรายงานวจิ ยั ฉบบั สมบรู ณเ รอ่ื งภาวะหนสี้ นิ กบั
การสญู เสยี ทดี่ นิ ของเกษตรกร กรณศี กึ ษากลุมองคกรเกษตรกรบา นคลองใหญ อําเภอ
หันคา จังหวัดชัยนาท งานวิจัยมีเปาหมายหลักเพื่อรวบรวมขอมูลปญหาหนี้สินท่ี
เชื่อมโยงกับการสูญเสียท่ีดินของเกษตรกร และเพื่อเผยแพรสถานการณการสูญเสีย
ท่ดี นิ ของเกษตรกรรายยอยสสู าธารณะ
กลุมองคกรเกษตรกรบานคลองใหญ เปนองคกรสมาชิกของสภาเครือขาย
องคกรเกษตรกรแหงประเทศไทย (สค.ปท.) ปจจุบันมีสมาชิก 400 ราย งานศึกษา
ชิ้นนี้เก็บขอมูลกรณตี วั อยา งจากสมาชกิ จาํ นวน 100 ราย
จังหวัดชัยนาทเปนจังหวัดหน่ึงในเขตภาคกลางตอนบน ตัวเมืองเดิมตั้ง
อยทู างฝงขวาของลํานาํ้ เจาพระยา ทปี่ ากคลองแพรกศรรี าชาใตปากน้ําเกา ตอมาไดมี
การยา ยตวั เมอื งจากทเี่ ดมิ มาตง้ั ยงั บรเิ วณฝง ซา ยของลาํ นาํ้ เจา พระยาในชว งสมยั รชั กาล
ท่ี 5 ตัวเมืองชัยนาทในปจจุบันอยูหางจากกรุงเทพฯ 195 กิโลเมตร มีการแบงเขต
การปกครองเปน 8 อําเภอ คือ อําเภอเมืองชัยนาท อําเภอมโนรมย อําเภอวัดสิงห
อําเภอสรรพยา อําเภอสรรคบรุ ี อําเภอหันคา อาํ เภอเนนิ ขาม และอําเภอหนองมะโมง
“หน้ชี าวนา เดมิ พันการสูญเสยี ท่ีดนิ ” 113
ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดชัยนาทโดยทั่วไปเปนที่ราบลุมเกือบท้ังหมด
หรอื คิดเปนรอ ยละ 99 ของพื้นท่ี มแี มนา้ํ สําคัญ 3 สายไหลผาน คือแมนํา้ เจา พระยา
แมนํ้าทาจีนหรือแมนํ้ามะขามเฒา และแมน้ํานอย ทั้งน้ีมีการสรางเข่ือนขนาดใหญ
กั้นแมน ํ้าเจา พระยา คือเขื่อนชัยนาทหรอื เขื่อนเจา พระยา
จังหวัดชัยนาทมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,469 ตารางกิโลเมตร หรือราว
1,590,643 ไร แบงเปน พืน้ ท่อี ยอู าศยั 92,968 ไร ท่ีสาธารณะ 42,028 ไร และพนื้ ท่ี
อนื่ ๆ 189,466 ไร สว นพนื้ ทกี่ ารเกษตรมที งั้ หมด 1,266,170 ไร หรอื คดิ เปน รอ ยละ 80
ของพน้ื ทีจ่ งั หวดั
พ้ืนท่ีเกษตรสวนใหญถูกใชประโยชนสําหรับการทํานาและปลูกพืชไร เชน
ออย มันสําปะหลัง และขาวโพดเล้ียงสัตว นอกเหนือจากน้ีจะใชประโยชนสําหรับ
การทําสวน ปลูกผักและไมดอกไมประดับ โดยอาศัยแหลงนํ้าจากธรรมชาติ และ
แหลงนา้ํ ชลประทานซึ่งครอบคลมุ พ้นื ท่ถี ึง 777,991 ไร หรอื ประมาณรอยละ 62 ของ
พ้นื ทีเ่ กษตร
ในพื้นที่การเกษตรท้ังหมด 1,266,170 ไร จําแนกตามลักษณะการใช
ประโยชน เปน พื้นทีป่ ลูกขา ว จาํ นวน 891,945 ไร พืชไร จาํ นวน 294,691 ไร ไมผล
38,299 ไร ไมดอกไมป ระดับ 1,057 ไร และพืชผกั จาํ นวน 4,525 ไร
ชาวนาจงั หวดั ชัยนาทสวนใหญท าํ นาปล ะ 2 ครง้ั มีตนทุนสําหรบั การทํานา
ประมาณ 4,500-5,000 บาทตอ ไร ในรายทมี่ กี ารเชา ทดี่ นิ ทาํ นา เจา ของนาจะคดิ คา เชา
ทดี่ นิ ไรล ะ 15-20 ถงั (ขา วเปลอื ก) หรอื ประมาณ 1,950 – 2,600 บาทตอ ไร1 ราคาขา ว
ทข่ี ายได ณ เดอื นมีนาคม พ.ศ.25572 เฉลย่ี อยทู ่ี 13,000 บาทตอ ตัน
1 คาํ นวณจากนํ้าหนกั ขา วเปลือก 1 ถงั = 10 กโิ ลกรัม X ราคาขาวเปลอื ก ณ เดอื นมีนาคม 2557
กโิ ลกรมั ละ 13 บาท
2 เวที Focus Group
“หนี้ชาวนา เดิมพนั การสูญเสยี ทด่ี นิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 115
สบื สานอาชีพเกษตรกรรม
ชาวนา “กลุมองคกรเกษตรกรบานคลองใหญ” มีอายุเฉลี่ย 57 ป อาชีพ
หลกั การทาํ นาไดร บั การสบื ทอดมาจากรนุ พอ แม แมจ ะเปลย่ี นไปปลกู พชื ไรช นดิ อนื่ บา ง
เชน ออ ย มนั สําปะหลัง แตอ าชีพหลักยงั คงเปนอาชพี เกษตรกรรม
เมื่อแยกประเภทของอาชีพหลัก พบวารอยละ 50 ทํานาเปนอาชีพหลัก
รอยละ 30 ทําการเกษตรอื่นท่ีไมใชการทํานา ท่ีเหลืออีกรอยละ 20 มีอาชีพรับจาง
แมบ า น และรบั ราชการ
แมอาชีพการทํานาจะลดลงจากรุนพอแม จากเคยทํานาเปนอาชีพหลัก
รอยละ 70 มาเหลือรอ ยละ 50 ในรุนลูกก็ตาม แตผทู ีป่ รบั เปล่ียนไปทาํ การเกษตร
อยางอื่น ยังคงกันพ้ืนที่บางสวนไวสําหรับการทํานา ปลูกขาวไวบริโภคเองใน
ครัวเรือน
“หน้ีชาวนา เดิมพันการสญู เสียทดี่ นิ ”
เศรษฐกิจของชาวนา
แมการสํารวจช้ีใหเห็นวา รายไดเฉลี่ยของเกษตรกรยังมาจากภาคเกษตร
ซึ่งมีสัดสวนท่ีสูงเกือบรอยละ 80 ของรายไดทั้งหมด แตความอยูรอดของเกษตรกร
ไมไดมาจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเพียงอยางเดียว เกษตรกรรอยละ 70
ตองประกอบอาชีพเสริม เพ่ือใหมีรายไดสมดุลกับรายจายของครอบครัว อาชีพเสริม
ของชาวนา ไดแ ก การรบั จางในแปลงเกษตรคนอื่น การเปนแรงงานรบั จางในโรงงาน
และคา ขาย
ชาวนามีรายไดเฉล่ียตอครอบครัว 210,139 บาทตอป หรือประมาณ
17,511 บาทตอเดือน มีแหลงที่มาของรายได 4 แหลง คือรายไดจากภาคเกษตร
รายไดจากการรับจาง รายไดที่ลูกหลานสงมาให และเงินชวยเหลือสงเคราะห
ของรัฐ โดยรายไดจากภาคเกษตรมสี ดั สวนรอยละ 77 ของรายไดท ้งั หมด
ชาวนามีคาใชจายในครอบครัวเฉล่ีย 123,309 บาทตอป เมื่อนําคาใชจาย
ตนทุนการผลิตเฉลี่ย 110,396 บาทตอป มารวมดวย จะทําใหครอบครัวชาวนามี
รายจา ยเฉลี่ย 233,706 บาทตอ ป
คาใชจายในครอบครัวประกอบดวย คาเลาเรียนบุตร คารักษาพยาบาล
คาเครื่องอุปโภคบริโภค คานํ้าประปา/คาไฟฟา คาภาษีสังคม และคาอาหารของ
ครอบครวั ซ่ึงมีสดั สวนรอยละ 42 ของคาใชจ ายท้งั หมด
เมอื่ นาํ ตวั เลขรายไดเ ฉลยี่ 210,139 บาทตอ ป หกั ดว ยคา ใชจ า ย 233,706
บาทตอ ป พบวาชาวนามีรายไดส ทุ ธติ ดิ ลบ 23,567 บาทตอ ป
“หนีช้ าวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ทีด่ ิน” 117
ทาํ นาตามกระแส ตน ทนุ การผลติ สงู
ชาวนาในพน้ื ทมี่ ตี น ทนุ การทาํ นาเฉลย่ี ครอบครวั ละ 149,648 บาทตอ ป หรอื
74,824 บาท ตอ รอบการผลติ และมีตนทุนการทํานาหนึ่งไรเ ทา กับ 5,174 บาท
ตน ทุนการทํานาตอ 1 ไร ฤดกู ารผลติ ป 2556/2557
ลําดบั ที่ ประเภทของตนทุน คา ใชจ าย คดิ เปน
ตอ 1 ไร (บาท) รอยละ
1 คา เชา ท่ีดนิ 2,101 40.6
2 คา ปุย 769 14.8
3 คา สารกําจัดศัตรูพืช 322 6.2
4 คาเมล็ดพนั ธุ 484 9.3
5 คาจางไถดะ (ไถครัง้ แรก) 241 4.6
6 คาจางไถพรวน (ไถครั้งท่ี 2) 205 3.9
7 คาจางฉดี พน ยา 139 2.7
8 คา จางหวาน/คาจา งปลกู 72 1.4
9 คาจา งใสป ุย 93 1.8
10 คาจา งตัดขาวดดี 123 2.3
11 คา จา งรถเก่ียวขา ว 401 7.7
12 คา ขนผลผลติ ไปขาย 117 2.2
13 อ่ืน ๆ 107
2
รวม 5,174
100
“หนีช้ าวนา เดมิ พนั การสูญเสยี ที่ดนิ ”
ตนทุนการทํานาท่ีมีสัดสวนสูงสุดคือคาเชาที่ดิน มีสัดสวนสูงถึงรอยละ
40.6 ของตนทุนการผลิตทั้งหมด รองลงมาเปนคาปุยและคาสารกําจัดศัตรูพืช
คดิ เปน สดั สว นรอ ยละ 21 คา จา งเทคโนโลยเี ครอื งจกั ร รอ ยละ 16.2 คา จา งแรงงาน
รอยละ 10.4 คา เมล็ดพนั ธรุ อ ยละ 9.3 และสุดทายคาใชจ า ยอ่นื ๆ จําพวกคานาํ้ มันรถ
คาอาหารเลี้ยงคนงาน มีสดั สว นรอยละ 2
ปริมาณผลผลิตขาวท่ีได เฉล่ียอยทู ไ่ี รละ 725 กิโลกรมั ขาวท่ผี ลติ ไดทั้งหมด
จะถกู แบง เปน 2 สวน สว นที่หนงึ่ คอื ขา วท่แี บง ไวบ รโิ ภค มีชาวนาทเ่ี กบ็ ขาวไวบริโภค
ในครัวเรอื นทั้งหมด 35 ราย จากผปู ลูกขาวท้งั หมด 59 ราย โดยจะเกบ็ ขา วไวบ รโิ ภค
ครอบครัวละประมาณ 1.2 ตัน สวนท่ีสองคือสวนที่นําไปขาย ซึ่งราคาขาวท่ีขายได
ในชว งทมี่ โี ครงการรบั จาํ นาํ ขาว เฉลี่ยอยูท่ี 12,370 บาทตอตัน สว นขาวทข่ี ายในชว งท่ี
ไมม ีโครงการรับจํานํา จะอยทู ี่ประมาณ 6,000 – 7,000 บาทตอ ตัน
“หนีช้ าวนา เดิมพันการสูญเสยี ท่ดี ิน” 119
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสญู เสียท่ดี นิ ”
»¨˜ ¨ØºÑ¹ÁàÕ ¡ÉμáÃÃÍŒ ÂÅÐ 28
μŒÍ§àª‹Ò·´Õè Ô¹¤¹Í×è¹·íÒ¹Ò
»Å¡Ù ÍÍŒ  ËÃÍ× »ÅÙ¡ÁѹÊíÒ»ÐËÅѧ
การถือครองที่ดนิ ของชาวนา
ชาวนาในพน้ื ทีร่ อ ยละ 90 มที ี่ดินเปน ของตนเอง ทีเ่ หลืออกี รอ ยละ 10 เปน
กลุมคนท่ีไมมีท่ีดิน ชาวนาสวนใหญในชุมชนถือครองที่ดินครอบครัวละไมเกิน 10 ไร
การใชประโยชนท่ีดินแบงเปน 2 ลักษณะ คือที่ดินสําหรับอยูอาศัย และท่ีดินสําหรับ
ทําการเกษตร
ครอบครัวชาวนารอยละ 85 มีท่ีอยูอาศัยของตนเอง ท่ีเหลืออีกรอยละ 15
อาศยั อยูกับญาติ (พอ แม พ่ี นอง ลูก หลาน ) สว นที่ดนิ ทาํ การเกษตร พบวา ชาวนา
รอยละ 29 ไมม ที ท่ี ํากนิ และชาวนารอ ยละ 71 มีทท่ี าํ กนิ เปนของตนเอง ในกลุมหลงั นี้
มที ่ีดนิ ของตนเองเฉลีย่ 27 ไร ตอ ครอบครวั
จากขอมูลการสูญเสียท่ีดิน พบวามีชาวนาท่ีเคยขายหรือสูญเสียท่ีดินท้ังส้ิน
20 ราย คิดเปน รอยละ 30 ของกลุมตัวอยาง ที่ดินที่เคยถูกขายเฉล่ียครอบครัวละ
24 ไร รวมที่ดินท่ีถูกขายไปแลวประมาณ 492 ไร รอยละ 90 ในจํานวนนี้ คือพ้ืนท่ี
ทาํ นา เหตุผลของการขายทีด่ นิ สว นใหญ รอ ยละ 88 คอื เพอื่ ปลดหนี้
“หนช้ี าวนา เดิมพนั การสญู เสยี ท่ดี นิ ” 121
ปจจุบันมีเกษตรกรรอยละ 28 ตองเชาท่ีดินคนอ่ืนทํานา ปลูกออย หรือ
ปลกู มนั สาํ ปะหลงั ขนาดพนื้ ทเ่ี ชา เฉลยี่ ครอบครวั ละ 22 ไร โดยสว นใหญเ ชา มาแลว
14 ป ผูที่เชาที่ดินยาวนานท่ีสุดคือ 43 ป โดยผูใหเชาที่ดินสวนใหญเปนนายทุน
ทีอ่ ยใู นพืน้ ท่ี มเี พียง 4 ราย เทาน้ันทีเ่ ปนนายทนุ จากตา งถิน่
หน้สี นิ และสถาบันเงินกู
การสาํ รวจขอ มลู แหลง เงนิ กขู องชาวนา พบวา มที ง้ั หมด 7 แหลง ไดแ ก ธนาคาร
เพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร (ธ.ก.ส.) กองทุนหมูบาน สหกรณการเกษตร
ธนาคารเอกชน เจาหน้ีนอกระบบ รานคาปุยและสารเคมีทางการเกษตร และญาติ/
เพ่ือนบา น
ชาวนามีหนี้สินเฉลี่ยตอครอบครัว 508,601 บาท โดยชาวนาทั้ง 100
ราย มหี นสี้ นิ รวมกนั 32,352,802 บาท มดี อกเบย้ี ทเี่ กดิ จากเงนิ กู 18,507,327 บาท
รวมเปน หนค้ี า งชําระ ทั้งส้ิน 50,860,130 บาท
โดยยอดเงนิ กสู งู สดุ อนั ดบั หนงึ่ คอื ธ.ก.ส. มยี อดเงนิ กู 14,127,678 บาท หรอื
รอ ยละ 43 ของยอดเงนิ กทู กุ แหลง รวมกนั อนั ดบั สองคอื ธนาคารพาณชิ ย มยี อดเงนิ ตน
รวม 11,144,015 บาท หรือรอยละ 34 อนั ดับสามคอื เจาหนนี้ อกระบบ ยอดเงนิ ตน
รวม 2,303,000 บาท คดิ เปน รอยละ 7 อันดบั สี่คอื กองทนุ หมบู า น มยี อดเงนิ ตนรวม
1,444,200 บาท อนั ดับหาคอื สหกรณก ารเกษตร มียอดเงนิ ตนรวม 1,349,800 บาท
อันดับหกคอื รานคา ปยุ และสารเคมี มียอดเงนิ ตนรวม 1,268,108 บาท และอนั ดับเจ็ด
อันดบั สดุ ทา ยคือญาตหิ รือเพอ่ื น มยี อดเงนิ ตนรวม 716,000 บาท
“หนช้ี าวนา เดมิ พนั การสูญเสยี ทด่ี นิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 123
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสญู เสียท่ดี นิ ”
การซ้อื หนี้จากกองทนุ ฟน ฟู
เน่ืองจากชาวนาในพ้ืนท่ีเปนสมาชิกของกองทุนฟนฟูและพัฒนาเกษตรกร
เม่ือชาวนาประสบปญหาไมสามารถชําระหนี้คืน ถูกแหลงเงินกูปรับสถานะเปนหน้ี
ผิดนัดชาํ ระ หรอื หน้ี NPL มโี อกาสถกู ฟอ งรอ ง ดาํ เนนิ คดคี วาม และถกู ยดึ ทด่ี นิ ขาย
ทอดตลาด ชาวนาสามารถทาํ เรอื่ งรองเรยี นไปยงั กองทนุ ฟนฟูฯ เพือ่ ใหชวยซื้อหนจ้ี าก
สถาบนั เงนิ กู และโอนมาเปน หนข้ี องกองทนุ ฟน ฟฯู เพอื่ ใหเ กษตรกรผอ นชาํ ระกบั กองทนุ
ฟน ฟูฯ แทนในอตั ราดอกเบ้ยี รอยละ 1 ได
ปจจุบันมีชาวนารอยละ 27 ไดรับการชวยเหลือดวยการซื้อหน้ีจากกองทุน
ฟน ฟูฯแลว ชาวนารอ ยละ 20 ไดรบั การซ้ือหนี้แลว บางสวน ชาวนารอยละ 10 ไดร บั
สิทธ์ิแลว อยรู ะหวางรอการซอ้ื หนี้ และชาวนารอ ยละ 43 ยงั ไมไดร ับสิทธ์ใิ นการซ้อื หน้ี
การรวมกลมุ เพ่อื หาทางออกรว มกัน
”กลมุ องคกรเกษตรกรบา นคลองใหญ” รวมตวั กนั ครงั้ แรกใน ป พ.ศ. 2542
เปนองคกรที่เคลื่อนไหวเรียกรองใหมีการแกไขปญหาของเกษตรกร โดยเฉพาะปญหา
หน้ีสิน อันเน่ืองมาจากความลม เหลวในการทาํ การเกษตร โดยการสงเสรมิ ของรฐั
ในระยะแรกน้ัน กลุมใหความสําคัญกับการสรางเครือขายรวมกับเกษตรกร
ในจังหวัดอื่นที่ประสบปญหาคลายคลึงกัน เพ่ือเคล่ือนไหวเรียกรองใหมีการแกไข
ปญหาในระดับนโยบาย แตต อ มาเม่ือกลมุ มปี ระสบการณม ากขน้ึ นอกจากการทาํ งาน
ขับเคลื่อนในระดับนโยบาย กลุมยังผลักดันงานสรางรูปธรรมในพ้ืนท่ีเพิ่มมากขึ้นดวย
เพอื่ ใหส มาชกิ สามารถพ่งึ ตนเองได เชน การลดการใชส ารเคมใี นแปลงเกษตร การเพ่มิ
การใชปยุ อินทรยี ในแปลงนา เปนตน
“หนชี้ าวนา เดมิ พันการสูญเสยี ที่ดนิ ” 125
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสญู เสียท่ดี นิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 127
μŒÍ§·íÒãËŒÊÁÒª¡Ô àË¹ç ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÞÑ
áÅÐ»ÃºÑ à»ÅÕè¹û٠Ẻ¡ÒüÅμÔ
ä»Ê¤Ù‹ ÇÒÁÂèѧ¹×
แตเนื่องดวยสมาชิกในกลุมยังคุนชินกับการทําเกษตรเชิงเด่ียวท่ีใชสารเคมี
ดังนั้นการปรับเปลี่ยนความคิด ความเขาใจของสมาชิก เพ่ือนําไปสูระบบเกษตรท่ี
เหมาะสมกับพนื้ ที่จงึ ทาํ แบบคอ ยเปนคอ ยไป
ขณะนี้กลุมไดพยายามนําระบบเกษตรอินทรียเขาไปทดลองปฏิบัติ โดยให
สมาชิกเรียนรูการทํางานเปน ทีม มีกจิ กรรมรวมกนั เชน การทํานํา้ หมักชวี ภาพ การทาํ
ปุยหมัก การทําปยุ อัดเม็ด การยอ ยสลายอนิ ทรยี วัตถุดวยเคร่อื งจักรขนาดเลก็
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมกลุมออมทรัพย การจัดประชุมติดตามสถานการณ
ของสมาชิกทุกเดือน และจัดใหสมาชิกไดมีโอกาสศึกษาดูงานนอกพ้ืนที่ เพ่ือนํา
ประสบการณม าประยกุ ตใชในกลุม
กลุมองคกรเกษตรกรบานคลองใหญ จึงทํางานโดยมีเปาหมายสองประการ
ประการแรกคือแกไขปญหาหนี้สินของสมาชกิ และประการที่สองคอื ทาํ ใหสมาชกิ เห็น
ความสาํ คัญและปรบั เปลย่ี นรูปแบบการผลติ ไปสคู วามยัง่ ยืน
ทผี่ า นมาแมป ญ หาการผลติ และปญ หาเศรษฐกจิ ทร่ี ายไดไ มส มดลุ กบั รายจา ย
จะทาํ ใหช าวนากลมุ นป้ี ระสบปญ หาหนส้ี นิ และอยใู นภาวะสมุ เสยี่ งตอ การสญู เสยี ทดี่ นิ
แตการรวมกลุมกันเพื่อแกไขปญหาและเรียนรูท่ีจะปรับวิถีการทํานา ไมเดินตาม
การผลิตกระแสหลักที่เปนอยู แนวโนมในวันขางหนา ชาวนากลุมนี้อาจจะมีฐานะ
ทางเศรษฐกจิ ดขี ้ึนไดต ามลาํ ดับ
“หนี้ชาวนา เดมิ พันการสูญเสยี ท่ดี นิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 129
สวนทส่ี าม
การถอื ครองและการแยงยึด
ทด่ี ินในสังคมไทย
“หนชี้ าวนา เดิมพนั การสญู เสยี ท่ดี นิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 131
ประวัตศิ าสตรก ารสญู เสียท่ีดิน
ของเกษตรกร
ปยาพร อรณุ พงษ
“หนชี้ าวนา เดิมพันการสญู เสยี ทด่ี นิ ”
การสูญเสียที่ดิน เปนปรากฏการณสวนหน่ึงของประวัติศาสตรสังคม
เกษตรกรรมไทย เปน ปญ หาการสญู เสยี ทรพั ยากรทจ่ี าํ เปน ตอ การดาํ รงชวี ติ ของเกษตรกร
จากการถูกคนในชุมชนและนอกชุมชนเขามาแยงชิงทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งดิน น้ํา
ปา จนเกิดเปนปญหาท่ีซับซอนมากข้ึน ปญหาการสูญเสียที่ดินยังสัมพันธกับปญหา
ความยากจน เน่ืองจากที่ดินถือเปนทุนของชีวิตเกษตรกร เมื่อคนจนไมมีที่ดินทํากิน
จงึ สง ผลใหเกดิ ปญ หาตา งๆ ติดตามมา ทั้งดา นเศรษฐกจิ และสังคม เชน ปญหาหนีส้ นิ
ท่ีเกิดจากการทําเกษตรกรรม ปญหาความไมมั่นคงในชีวิต และการอพยพจากชนบท
เขาสูเมอื ง
ระบบการจดั การท่ีดนิ ในโครงสรา งสงั คมไทย
ในอดีตเม่ือคร้ังท่ีระบบกรรมสิทธิ์ยังไมถูกนํามาใช วิถีการผลิตสวนใหญเปน
ไปเพอื่ การยงั ชพี การจดั การทด่ี นิ ยงั อยบู นพน้ื ฐานของความสมั พนั ธใ นระบบเครอื ญาติ
และแบบแผนทางจารีตประเพณีเปนหลัก ความสัมพันธในลักษณะดังกลาวทําให
การขยายการใชป ระโยชนท ดี่ นิ ขน้ึ อยกู บั ความสามารถทาํ กนิ ของแตล ะกลมุ ตระกลู เปน
สาํ คญั สว นการถอื ครองทดี่ นิ ยงั อยภู ายใตห ลกั “สทิ ธกิ ารใช” ไมใ ช “สทิ ธกิ ารถอื ครอง”
“หนช้ี าวนา เดมิ พันการสญู เสียท่ีดิน” 133
¾¹×é ·ãèÕ ¹ª¹º·¶Ù¡à¨ÒŒ ·´èÕ Ô¹
¤Ãͺ§íÒáÅТ´Ù ÃÕ´ áÅоé×¹·Õèã¹àÁ×ͧËÃÍ×
¾¹é× ·èÕÍμØ ÊÒË¡ÃÃÁ¶Ù¡¹Ò·عÂÖ´¤Ãͧ
แตเม่ือกา วเขา สยู คุ ทุนนยิ ม ‘การถือครองท่ดี นิ ’ ไดก ลายมามีความหมาย
และมีความสําคัญตอระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม ในฐานะท่ี “ที่ดิน” คือทรัพยากรที่
สําคัญยิ่งเพ่ือตอบสนองระบบทุนนิยม ท้ังระบบเกษตรและอุตสาหกรรม เชน การ
เพาะปลกู พืชเศรษฐกิจ การพฒั นาอตุ สาหกรรมหรือบรกิ าร (ทตี่ ้งั โรงงานอุตสาหกรรม
สถานประกอบการทางการคา โรงแรมและรสี อรท )
“การวิเคราะหลกั ษณะชนชัน้ ในประเทศไทย”1 ของ พฒั นา รัมยะสุต ท่ี
วเิ คราะหส ภาพสงั คมไทย ในป พ.ศ. 2500 วา เปน “สงั คมกงึ่ ศกั ดนิ า กง่ึ นายทนุ ” สรปุ
โดยเบื้องตนไดวา สังคมไทยน้ันมีลักษณะท่ีเผชิญปญหาท่ีสําคัญอยูสองดาน น่ันก็คือ
พื้นที่ในชนบทถูกเจาท่ีดินครอบงําและขูดรีด และพ้ืนที่ในเมืองหรือพ้ืนที่อุตสาหกรรม
ถูกนายทุนยดึ ครอง
งานวิจัยของกนกศักด์ิ แกวเทพ (2529) วิเคราะหและสังเคราะหใหเห็นถึง
พลวัตการตอสูเพ่ือที่ดินทํากินของชาวนาชาวไร ซึ่งเปนผูผลิตอาหารเล้ียงสังคมจนได
สมญานามวา “กระดกู สนั หลังของชาต”ิ
1 เปนหนังสือตองหาม สมัยจอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต กระทํารัฐประหาร เม่ือเดือนตุลาคม 2501
ใชอํานาจเผด็จการโดยเบ็ดเสร็จ กวาดลางจับกุมนักเขียน, นักหนังสือพิมพเขาคุกเปนจํานวนมาก
ปด หนงั สอื พมิ พ ประกาศรายชอ่ื เชน “แม” แปลโดย ศรบี รู พา “นติ ศิ าสตร 2500” ทต่ี พี มิ พง านอยา ง
“โฉมหนา ศกั ดนิ าไทย” ของสมสมยั ศรศี ทู รพรรณ (จติ ร ภมู ศิ กั ด)์ิ “การวเิ คราะหล กั ษณะทางชนชนั้
ในประเทศไทย” ของ พัฒนา รัมยะสตุ “โฉมหนาจกั รพรรดนิ ิยม” ของ มณี ศทู รวรรณ
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสูญเสยี ทดี่ นิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 135
“หนา ทขี่ องชาวนาชาวไร คอื ตงั้ ใจทาํ มาหากนิ การเมอื งเปน เรอื่ งสกปรกทไ่ี ม
ควรเขา ไปยงุ เกยี่ ว การปรบั ปรงุ ระบบบรหิ ารราชการแผน ดนิ ในสมยั รชั กาลที่ 5 เปน ไป
เพ่ือกระชับอํานาจการปกครองมารวมไวท่ีศูนยกลาง เปนความพยายามปรับตัวของ
สถาบันกษัตริยเพื่อรองรับการขยายตัวของทุนนิยมโลกในขณะน้ัน ในดานเศรษฐกิจ
ชนชั้นสูงไดเขายึดครองที่ดินสวนใหญที่เหมาะกับการเพาะปลูกไวเปนกรรมสิทธิ์ และ
ใชท ี่ดนิ เปน ปจจยั ที่สรางความมั่งคง่ั ”
ดงั คํากลา วของกรมหมน่ื นราธิปประพันธพงศ ท่ีวา “....กิจกรรมทเ่ี หมาะ
ทีส่ ดุ สําหรับขนุ นางที่ตอ งการยดึ เปน อาชพี มาเลยี้ งชีวิตหรือเพ่อื ลงทนุ น้ัน ยากทจี่ ะ
หาอะไรดีไปกวากิจการดา นที่ดิน และผลประโยชนจากทดี่ นิ นั้นจะหาอะไรดีไปกวา
การใหเ ชา ท่ดี นิ แกชาวนาเปน ไมม .ี ...”
“หนช้ี าวนา เดิมพนั การสูญเสยี ทด่ี ิน”
การสูญเสียที่ดินของเกษตรกรยุคอดตี
การจับจองท่ีดนิ ในสมยั อยุธยายงั ไมค อยมีระเบยี บมากนกั กฎหมายในขณะ
นนั้ เพยี งใหผ จู บั จองบอกแกเ จา พนกั งานกอ นลงมอื แผว ถาง เพอื่ ออกหนงั สอื รบั รองสทิ ธ์ิ
ในที่ดินผืนน้ันให “ระบบกรรมสิทธิ์ท่ีดิน” ที่มีความสมบูรณ เพ่ิงเร่ิมตนขึ้นในสมัย
รัชกาลท่ี 5 ใน ป พ.ศ. 2444 ภายใต “ระบบโฉนดแผนที”่
กรณกี ารจดั สรรทด่ี นิ ในเขตคลองรงั สติ ในสมยั รชั กาลที่ 5 พบวา มกี ารจดั สรร
ท่ีดินใน 2 ลักษณะ คือ การจัดสรรที่ดินโดยรัฐ และการจัดสรรที่ดินขายโดยบริษัท
เอกชนขุดคลองแลคูนาสยาม โดยบริษัทขุดคลองไดรับสิทธ์ิจับจองท่ีดินริมฝงคลองฝง
ละ 40 เสน เพอ่ื ทีบ่ รษิ ทั จะไดจ ัดสรรทีด่ นิ นนั้ ขายใหแกราษฎรตอไป
การจัดสรรท่ีดินโดยรัฐในยุคอดีต ไดนําไปสูการสูญเสียที่ดินของเกษตรกร
เนื่องมาจากเหตุผลสําคัญ 3 ประการ ประการแรก การออกหนังสือสําคัญสําหรับ
ที่ดินคือ “ตราจอง” ซ่ึงรัฐบาลจะออกใหเฉพาะคราว ปละ 1 คร้ัง โดยขาหลวงจะ
ออกเดินประเมินนาเพื่อเรียกเก็บภาษี เมื่อการเก็บภาษีส้ินสุดลงก็หยุดออกตราจอง
การออกตราจองจึงทําไดไมทั่วถึง ราษฎรท่ีออกใบตราจองไมทันจึงทําไดเพียงขอ
“ใบเหยียบยํ่า” จากกํานัน ซึ่งมอี ายเุ พยี ง 1 ป หรือไมก ็ทาํ กนิ ในทด่ี ินโดยไมมเี อกสาร
การออกตราจองโดยรัฐบาลที่ทําไดไมท่ัวถึงเชนนี้ ทําใหราษฎรจํานวนไมนอยขาด
หลกั ฐานอางสิทธข์ิ องตนในทดี่ นิ และทาํ ใหสญู เสียที่ดนิ ในเวลาตอมา
ประการที่สอง พบวาการจัดสรรท่ีดินโดยรัฐกอนออกโฉนดที่ดิน ไมไดมี
การเก็บหลักฐานทะเบียนที่ดินไว โดยเมื่อขาหลวงออกตราจองไปแลวก็เปนอันแลว
กันไป ไมไดเก็บหลักฐานไวท่ีสวนกลาง เมื่อถึงคร้ังใหมในการออกสํารวจ รัฐบาลก็สง
ขาหลวงคนใหมออกไปทํางานจึงมีการออกตราจองซํ้ากับที่ดินเดิม อีกท้ังใบตราจองท่ี
ขา หลวงออกให กไ็ มม หี ลกั ฐานทส่ี ามารถตรวจสอบความถกู ตอ งและความนา เชอ่ื ถอื ได
“หน้ชี าวนา เดิมพันการสูญเสยี ท่ีดนิ ” 137
นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุประการสุดทายจากความไมซื่อสัตยของขาราชการ
ท่ีเกิดข้ึนตลอดเวลา เชน การฉอโกงในการทําตราจองปลอม การฉอโกงทําใหเกิด
ความสับสนในระบบกรรมสิทธ์ิโดยเฉพาะเขตคลองรังสิต เมื่อบริษัทขุดคลองแลวไดมี
ผปู ลอมตราจองจาํ นวนมาก ขณะเดยี วกนั การจดั สรรทดี่ นิ ขายของบรษิ ทั ขดุ คลองทาํ ให
ชาวนาตองกลายเปน “ผูเชา” โดยเฉพาะท่ีดินท่ีไมมีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์แนชัด
และมีกรณีพิพาท บริษัทจะใชวิธีขายที่ดินใหแกผูมีอํานาจแทน ทําใหราษฎรท่ีใชท่ีดิน
อยูเดมิ ตองสูญเสยี ทด่ี ินและกลายเปน ผเู ชา ในท่ีสดุ 2
รัฐบาลในยุคอดีตไมมีมาตรการควบคุมการถือครองท่ีดินแตอยางใด
เนื่องจากรัฐไดประโยชนจากการเก็บภาษีที่ดิน ประเด็นสําคัญของความไมสนใจ
ในการควบคุมการถือครองที่ดิน ทําให “ไมมีการแยกผูจับจองท่ีดินขนาดใหญ
กับชาวนาออกจากกัน” ทงั้ ทส่ี ามารถแยกออกจากกันได เพราะในความเปนจรงิ แลว
ผูจับจองที่ดินขนาดใหญไมไดทํานาเอง จะมีบางก็สวนนอย แตสวนมากแลวจะเปน
การเอาท่ีดินไปใหชาวนาเชา
นอกจากนี้ ในสวนของชนช้ันสูง หรือผูมีฐานะดีมีกําลังทรัพยมาก สามารถ
กวา นซอื้ ทดี่ นิ ขนาดใหญไ ด ซงึ่ ไมไ ดม วี ตั ถปุ ระสงคจ ะใชป ระโยชนท ดี่ นิ หากแตเ พอื่ การ
เกง็ กาํ ไร หรอื ใหเ ชา ตอ ดงั ทกี่ รมหลวงราชบรุ ไี ดท รงวจิ ารณไ วว า เปน การ “เลน ซอ้ื เลน
ขาย” ซึ่งก็ประสบความสําเร็จอยางมาก ดังเชนวา “หากําไรไดคนละต้ังพันช่ังก็มี
จึงเล่ืองฤากันวา ผูที่มีนาในทุงหลวงบริเวณคลองรังสิตม่ังมีเปนเศรษฐีกันโดยมาก”3
โดยเฉพาะชวงเวลาท่ีการคา ขาวกําลังรงุ เรอื ง การเก็งกําไรทดี่ ินเกดิ ขึน้ อยา งมหาศาล
2 กองจดหมายเหตแุ หง ชาติ. เอกสาร ร.6 กษ. 5/10 เลม1แอปเปนดิกส บันทึกเร่ืองบริษัทขุดคลอง
แลคูนาสยาม.
3 กองจดหมายเหตุแหงชาติ. เอกสาร ร.6 กษ.1/6 เจาของนาคลองรังสิตรองทุกขเร่ืองคานาตอเจา
พระยาวงษานุประพทั ธ. วนั ท่ี 29 ตลุ าคม พ.ศ.2453.
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสญู เสียทด่ี ิน”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 139
ระบบกรรมสิทธ์ิ จุดเร่ิมตน การสญู เสยี ทด่ี นิ
“การเปนเจาของท่ีดิน” หมายถึง การเปนเจาของกรรมสิทธ์ิที่ดินในทาง
กฎหมาย กรณีประเทศไทยการเปนเจาของกรรมสิทธิ์สวนบุคคลเหนือท่ีดินเปนเรื่อง
คอ นขางใหม ในชวงท่เี ร่มิ มีการยอมรบั กรรมสิทธท์ิ ด่ี ินน้ัน จํานวนทด่ี นิ มีมากในขณะที่
ประชากรมีนอย ชาวบานจึงสามารถเขาครอบครองท่ดี ินดวยการหักรา งถางปา เพ่ือทํา
กิน แตก ระนน้ั ก็ตองใชเ วลานานสําหรับการไดรับการยอมรบั วา เปน เจา ของทดี่ ินโดยมี
โฉนดทีด่ นิ เปน หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์
การเขา ไปจบั จองทาํ ประโยชน และอา งความเปน เจา ของในระบบกรรมสทิ ธิ์
นัน้ มหี ลายลกั ษณะ เชน 1) ใบเหยียบยาํ่ (ส.ค.1) ซึง่ เปนหลกั ฐานชั้นตน ทแี่ สดงวาที่ดนิ
นนั้ มผี จู บั จองใชท าํ ประโยชน ซง่ึ ทางการใชเ ปน หลกั ฐานในการเกบ็ ภาษี 2) ใบจอง เปน
หลักฐานชวั่ คราวแสดงสิทธิของผูท เ่ี ขา ไปจบั จองในขอบเขตจํากดั 3) ใบ น.ส. 3 หรือ
หนงั สือรบั รองการทําประโยชน เปน หลักฐานทส่ี ํานักงานทดี่ นิ ออกใหแ กผูครอบครอง
ทท่ี าํ ประโยชนบ นทดี่ นิ ผนื นนั้ แลว กวา รอ ยละ 75 และทดี่ นิ นไี้ ดร บั การรงั วดั สาํ รวจจาก
ทางอาํ เภอแลว ใบ น.ส. 3 นับเปน หลักฐานท่ีมีความมัน่ คงในกรรมสิทธิข์ องผถู ือครอง
มากกวา 2 ลักษณะแรก โดยสามารถเปลี่ยนมือและสบื ทอดใหก นั ได
จากการสํารวจสํามะโนเกษตรป พ.ศ. 2493 พบวาปญหาสําคัญของ
เกษตรกร คือปญหาการไรที่ดินทํากิน โดยเฉพาะในภาคกลางท่ีพบวา มีครัวเรือน
ผูเชาที่ดินถึงรอยละ 24.5 ของครัวเรือนเกษตรทั้งหมด โดยการสํารวจในชวง
หลังจากน้ัน แสดงใหเห็นแนวโนมที่สําคัญวาสัดสวนผูเชานาในภาคกลางเพ่ิมขึ้น
เชน ผลสํารวจการถอื ครองที่ดนิ ของชาวนาภาคกลาง 26 จังหวัด พ.ศ. 2510 – 2511
พบวาเปนชาวนาเชา และผูเชาบางสวนรอยละ 38.3 นอกจากนี้สถิติของกระทรวง
เกษตรฯ ในป พ.ศ.2519 พบวา เกษตรกรภาคกลางเปนผูเชานาและเชาบางสวน
คิดเปนรอ ยละ 41.51 หรอื 352,632 ครวั เรอื น
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ท่ดี ิน”
ปจจัยสนับสนุนใหภาคกลางมีสัดสวนผูเชานาสูงกวาภาคอื่น ลักษณะ
ท่ีดินในภาคกลางเปนท่ีราบลุมเหมาะแกการต้ังถิ่นฐานและทําการเกษตร ที่ดินใน
ภาคกลางจึงถูกจับจองโดยกลุมชนช้ันสูงขุนนางในอดีต อีกท้ังเมื่อมีความตองการ
ใชป ระโยชนท ดี่ ิน กลุมคนเหลา นีก้ ส็ ามารถหารายไดจากคา เชาที่ดินได
รวมทง้ั การขยายตวั ของเศรษฐกจิ ทนุ นยิ ม โดยเฉพาะชว งตน ของทศวรรษ
2500 เปนตนมา สงผลอยางมีนัยสําคัญ ทําใหเกษตรกรตองพ่ึงพาระบบตลาด
เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตจากการผลิตเพ่ือยังชีพเปนการผลิตเพื่อ
ขายและสงออก
รวมถึงการเขาสูระบบเงินกูและสินเช่ือเพื่อการเกษตร การเผชิญความเสี่ยง
จากภยั ธรรมชาติและโรคระบาด ซ่ึงทาํ ใหผ ลผลติ ในแตละปไมมีความแนนอน เมื่อเกิด
ภาวะราคาผลผลิตตกต่ํา ทําใหไมสามารถนํารายไดจากการขายผลผลิตไปชําระหน้ีได
จนตองสูญเสียที่ดินท่ีจาํ นอง หรอื อาจถกู สถานการณอ น่ื บีบบงั คับใหจ าํ ตอ งขายทด่ี ิน
หลักฐานท่ีแสดงใหเห็นถึงการสูญเสียท่ีดิน ดูไดจากตัวเลขการสูญเสีย
กรรมสิทธ์ิท่ีดินเน่ืองจากการจํานอง สถิติการสูญเสียที่ดินชวงป พ.ศ. 2502 – 2509
พบวา มีการสญู เสียทด่ี ินจากการจํานองในภาคกลาง เฉล่ียปละ 15,000 – 28,000 ไร
โดยหากรวมจํานวนการสูญเสียท่ีดินเน่ืองจากการจํานองของภาคกลาง ต้ังแตป
พ.ศ. 2502 – 2518 จะมที ่ีดินทส่ี ญู เสียไปท้ังสน้ิ 260,000 ไร4่ อยางไรกต็ าม สถติ ิท่ี
พบน้ีเปนเพียงการสูญเสียที่ดินที่มีโฉนดเทานั้น ยังไมนับการสูญเสียท่ีดินทีมีเพียง
ใบรับรองกรรมสิทธิ์ท่ีดินอ่ืน (ใบ น.ส.3 ใบ ส.ค.1 ใบจอง) ซึ่งนาจะทําใหตัวเลขการ
สญู เสียทีด่ นิ มีสูงกวาน้ี
4 สํานักงานสถิตแิ หง ชาต.ิ สมุดสถิตปิ ระจาํ ป ปต า งๆ.
กรมพัฒนาท่ีดิน. สถิติการใชโฉนดท่ีดินเปนหลักประกันเงินกูและการสูญเสียท่ีดินเพ่ือการเกษตร
พ.ศ.2520
“หน้ชี าวนา เดมิ พันการสญู เสียท่ดี นิ ” 141
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสญู เสียท่ดี นิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 143
ภายใตห ลกั กรรมสทิ ธทิ์ ดี่ นิ ไดน าํ ไปสกู ารสญู เสยี ทด่ี นิ ของเกษตรกรรายยอ ย
ใน 2 เงอ่ื นไข ประการแรก คือความเขาใจตอ “หลักกรรมสิทธิ”์ ท่ีไมช ดั เจน กรรมสทิ ธ์ิ
ประเภท สค. สทก. แมวาโดยหลกั การจะหา มเปลยี่ นมือ ยกเวน การถา ยทอดเปน มรดก
แตก ารเขา ใจวา เอกสารสทิ ธด์ิ งั กลา วไมม นั่ คง อาจนาํ ไปสกู ารยกเลิกสิทธ์ิหรือรัฐอาจเอา
ทดี่ นิ กลบั คนื ไปไดน นั้ ทาํ ใหเ กษตรกรหลายรายตดั สนิ ใจขายหรอื เปลย่ี นมอื ใหแ กบ คุ คล
อนื่ ในท่ีสุด
ประการทส่ี อง การให “กรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ ” แกป จ เจกบคุ คล ใหม อี าํ นาจเบด็ เสรจ็
ในการถอื ครองทดี่ นิ ดงั กลา ว เปน เงอ่ื นไขทงี่ า ยตอ การตดั สนิ ใจขายทดี่ นิ โดยเฉพาะเมอ่ื
ราคาที่ดินเพ่ิมสูงข้ึน หรือมีการขยายตัวของการใชท่ีดิน ทําใหความตองการท่ีดินเพ่ิม
สูงขึ้น ท้ังหมดน้ีไดกลายเปนปจจัยกระตุนที่สําคัญในการตัดสินใจซื้อขาย แลกเปล่ียน
ทด่ี นิ ในตลาด
การเปลยี่ น “วธิ คี ดิ ” และ “ความเขา ใจตอ หลกั กรรมสทิ ธ”์ิ จงึ ไมส อดคลอ ง
กับการจัดการท่ีดินตามหลักสิทธิและวัฒนธรรมประเพณีที่ชุมชนเคยปฏิบัติกันมา
การจดั การทดี่ นิ ในระบบใหมท แี่ ยกขาดระหวา งการถอื ครองกบั การใชป ระโยชนท ดี่ นิ
ออกจากกนั โดยผถู อื ครองมอี าํ นาจจดั การทด่ี นิ เดด็ ขาด ภายใตห ลกั กฎหมายทใี่ หก าร
รบั รอง วธิ คี ิดตอ ที่ดินในฐานะ “ทุนหรอื สินทรัพย” จึงเขา มาแทนท่วี ธิ ีคิดทเ่ี คยมอง
เหน็ ทด่ี ินเปนปจ จยั เพอื่ ใชประโยชนท างการผลิตอยา งในอดตี
ท่ีดินในปจจุบันจึงมีสถานภาพเปน “สินคา” “สินทรัพย” ในระบบกลไก
ตลาดทส่ี ามารถซอื้ ขาย แลกเปลยี่ น และสรา งหลกั ประกนั แกผ เู ปน เจา ของทดี่ นิ ได เชน
การนาํ ทด่ี นิ ไปเปน หลกั ทรพั ยค าํ้ ประกนั เงนิ กกู บั สถาบนั การเงนิ หรอื การเกง็ กาํ ไรราคา
ท่ดี นิ ใหเพ่ิมมลู คามากขึ้นตามความตอ งการของตลาด
“ระบบกรรมสิทธิ์ท่ีดนิ ” ไมไดน ําพาทดี่ ินไปสกู ารผูกโยงกบั ตลาดในฐานะ
“ทรพั ยส นิ ” เพยี งอยา งเดยี วเทา นน้ั แตย งั ไดน าํ ไปสู “วถิ กี ารผลติ ในระบบทนุ นยิ ม”
ที่เชื่อมรอ ยการใชป ระโยชนท ี่ดนิ ไวกบั การตอบสนองตลาด ในฐานะปจ จยั การผลิต
เพอื่ การขยายตวั ของพืชพาณิชยน ั่นเอง
“หนีช้ าวนา เดิมพันการสญู เสียท่ดี นิ ”
Ãкº¡ÃÃÁÊ·Ô ¸·Ôì Õ´è Ô¹äÁä‹ ´Œ¹íÒ¾Ò·èÕ´Ô¹
ä»ÊÙ‹¡Òü¡Ù ⧡ѺμÅÒ´ã¹°Ò¹Ð·Ã¾Ñ ÂÊ Ô¹
à¾Õ§Í‹ҧà´ÂÕ Çà·‹Ò¹¹éÑ áμ‹ §Ñ ä´¹Œ Òí ¾Òà¡ÉμáÃ
ä»Ê‹ÇÙ Ô¶Õ¡ÒüÅμÔ ã¹Ãкº·¹Ø ¹ÔÂÁ
วถิ เี กษตรกร..ภายใตอ ุง มือเศรษฐกจิ ทนุ นิยม
ชว งเวลาหลงั การทาํ สนธสิ ญั ญาบาวรง่ิ ใน ป พ.ศ. 2398 นบั เปน ชว งทท่ี นุ นยิ ม
โลกไดแผอิทธิพลเขามาในสังคมไทยอยางเปนทางการ “โครงการพัฒนาการของรัฐ
สําหรับประเทศไทย”5 ซ่ึงมีทีมท่ีปรึกษาจากธนาคารโลกเขามาทําการศึกษาในชวง
ป พ.ศ. 2500-2501 ไดกลายมาเปนแนวทางสําหรับจัดทํา “แผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแหงชาติ ฉบับที่ 1” (พ.ศ. 2504-2509) การริเรม่ิ แผนพฒั นาในครงั้ น้ันได
ทําใหประเทศไทยถูกผนวกเขาเปนสวนหนึ่งของระบบทุนนิยมโลกอยางรวดเร็วย่ิงข้ึน
กลา วคอื ยทุ ธศาสตรก ารพฒั นาทม่ี งุ เนน การผลติ สว นเกนิ เพอื่ การสง ออก และนาํ รายได
มาพฒั นาภาคอตุ สาหกรรมเพ่ือทดแทนการนําเขา 6
สําหรับ “วิถีการผลิตภาคเกษตร” ไดนําไปสูการเปล่ียนแปลงที่สําคัญ
2 ประการ คือ ประการแรก วิถีการผลิตเปลี่ยนจาก “การผลิตเพ่ือยังชีพ” ไปเปน
“การผลิตเพ่ือขายและสงออก” พรอมกับการใชเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทีม
ท่ีปรึกษาธนาคารโลกแนะนําใหรัฐบาลไทยสงเสริมการปลูกพืชพาณิชย เชน ขาวโพด
มันสําปะหลัง และออยเพ่ิมขึ้น ขณะเดียวกันก็สรางเงื่อนไขใหเกษตรกรใชปจจัย
การผลิตสมัยใหม เชน เครอื่ งจกั รขนาดใหญ ปยุ เคมี และยาปราบศตั รูพชื
5 สาํ นกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ แหง ชาต.ิ 2503. โครงการพฒั นาการของรฐั สาํ หรบั ประเทศไทย
(คาํ แปล). รายงานของคณะสาํ รวจเศรษฐกจิ ของธนาคารระหวา งประเทศเพอื่ การบรู ณะและววิ ฒั นาการ.
กรงุ เทพฯ, .
6 K Griffin. 1974. The Political Economy of Agrarian Change. London. Macmillan.
“หนชี้ าวนา เดมิ พันการสญู เสียท่ดี ิน” 145
ประการทสี่ อง นกั ลงทนุ ตา งชาตทิ ม่ี สี ว นรว มในการกาํ หนดนโยบายภาคเกษตร
และอุตสาหกรรมการเกษตร ไดรับผลประโยชนจาก “มาตรการทางภาษี” และ
“นโยบายสินคาเกษตรราคาต่ํา” เพ่ือท่ีนักลงทุนจะไดกําไรมากข้ึนและสะสมทุน
มากขึ้น
อกี ท้ังยงั ไดป ระโยชนจ ากราคาอาหารที่ตํ่า ทําใหสามารถจา ยคา จา งแรงงาน
ในระดับตํ่าได นอกจากนี้การวางกติกา “ระบบเกษตรพันธะสัญญา” ที่บริษัทมักจะ
เสนอใหค วามชว ยเหลอื เกษตรกรในรปู แบบสนิ เชอื่ เมลด็ พนั ธุ ปยุ เคมี ยาฆา แมลง หรอื
เทคโนโลยีทางเกษตรตางๆ และรับประกันวาจะรับซื้อผลผลิตเหลาน้ัน แทท่ีจริงแลว
ปลายทางหรือผลตอบแทนท่ีเกษตรกรจะไดรับ ไดถูกกําหนดโดยบริษัทหรือตัวแทนท่ี
ใหส ินเชื่อไวแ ลวนน่ั เอง
เกษตรกรภาคกลางคอื บรบิ ททสี่ ะทอ นใหเ หน็ ถงึ การเปลย่ี นแปลงของภาค
เกษตร สูวิถีทุนนิยมไดอยางเดนชัดที่สุด พิจารณาจากสัดสวนการขอสินเชื่อจาก
สถาบนั การเงนิ ของภาคกลาง ซงึ่ มสี ดั สว นทส่ี งู ทสี่ ดุ เมอื่ เทยี บกบั ภาคอนื่ ๆ กลา วคอื
ในขณะทจี่ าํ นวนครวั เรอื นของเกษตรกรภาคกลางมรี าวรอ ยละ 20.3 ของครอบครวั
เกษตรกรทง้ั ประเทศ แตภ าคกลางมสี ดั สว นของการไดร บั สนิ เชอื่ จากสถาบนั การเงนิ
ถึงรอยละ 53.1 ของสนิ เชอื่ จากสถาบันการเงินทงั้ ประเทศ
กลา วไดว า กลมุ นายทนุ ใหญ โดยเฉพาะธรุ กจิ ธนาคารมบี ทบาทสาํ คญั ใน
การผนวกภาคเกษตรเขาเปนสว นหนงึ่ ของกระแสเศรษฐกิจและทุนนิยมโลก
“หน้ีชาวนา เดิมพนั การสญู เสียที่ดนิ ”
“หนี้ชาวนา เดมิ พนั การสญู เสยี ที่ดนิ ” 147
“หน้ชี าวนา เดมิ พนั การสญู เสียท่ดี นิ ”