ต าราและแนวการสอน วิชา อาวุธศึกษาอากาศโยธิน พ.ศ.๒๕๖๕
๒
ค าน า เอกสารประกอบการศึกษา “ต าราและแนวการสอน วิชาอาวุธศึกษาอากาศโยธิน พ.ศ.๒๕๖๕” เลํมนี้จัดท าขึ้นโดยการพิจารณาของ คณก.จัดท า ปรับปรุงต ารา และแนวการสอน ของ อย. มีวัตถุประสงค์ เพื่อใช๎เป็นแนวทางในการฝึกอบรมข๎าราชการ เหลํา อย.และทหารกองประจ าการ ตามหลักสูตรโครงการศึกษา ของ ทอ. รวมทั้งใช๎ในการสอบคัดเลือกเลื่อนวิทยะฐานะจาก น.ประทวน เป็น น.สัญญาบัตร เหลํา อย. โดยเนื้อหาจะอธิบายเกี่ยวกับข๎อมูลเบื้องต๎นของอาวุธแตํละชนิด เหมาะส าหรับข๎าราชการ เหลํา อย. จ าพวกทหารอากาศโยธิน จ าพวกทหารตํอสู๎อากาศยาน และจ าพวกทหารปฏิบัติการพิเศษ และ ทหารกองประจ าการ สามารถน าความรู๎และเอกสารข๎อมูลนี้ไปประกอบเพื่ออ านวยประโยชน์แกํผู๎มีหน๎าที่ เกี่ยวข๎องในการฝึกศึกษาหรือปฎิบัติงาน หากมีถ๎อยค าข๎อความบางตอน อาจจะยังไมํถูกต๎องหรือครบถ๎วนชัดเจนเพียงพอประการใดแล๎ว กรุณาโปรดแจ๎งให๎ทราบได๎ที่ กวก.ศทย.อย. โทร.๒ - ๘๘๓๙ เพื่อจะได๎พิจารณาปรับปรุงแก๎ไขให๎ถูกต๎อง ครบถ๎วนสมบูรณ์ตํอไป กองวิทยาการ ศูนย์การทหารอากาศโยธิน หนํวยบัญชาการอากาศโยธิน
วิชา อาวุธศึกษา วัตถุประสงค์เพื่อให๎ผู๎เข๎ารับการศึกษาแตํละคนมีความเข๎าใจระบบอาวุธแตํละชนิด เพื่อเป็นแนวทางใน การใช๎อาวุธได๎อยํางเหมาะสมถูกต๎อง วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ๑. บอกลักษณะโดยทั่วไปของอาวุธแตํละชนิดได๎ถูกต๎อง ๒. บอกคุณลักษณะและสมรรถนะของอาวุธแตํละชนิดได๎ถูกต๎อง ๓. สามารถถอดประกอบอาวุธแบบปกติ(หนํวยระดับผู๎ใช๎) ของอาวุธแตํละชนิดได๎อยํางถูกต๎อง ๔. สามารถเรียกชื่อชิ้นสํวนของอาวุธแตํละชนิดได๎ถูกต๎อง ๕. สามารถอธิบายหลักการท างานของอาวุธแตํละชนิดได๎อยํางถูกต๎อง ๖. สามารถบรรจุ-เลิกบรรจุกระสุนของอาวุธแตํละชนิดได๎ถูกต๎อง ๗. สามารถใช๎อาวุธแตํละชนิดได๎อยํางถูกต๎องมีประสิทธิภาพ ๘. สามารถเข๎าใจและแก๎ไขเบื้องต๎นเหตุติดขัดของอาวุธได๎ ๙. สามารถปรนนิบัติบ ารุงรักษาอาวุธแตํละชนิดได๎อยํางถูกวิธี เรื่องที่ศึกษา ๑. ลักษณะโดยทั่วไป ๒. คุณลักษณะและสมรรถนะขีดความสามารถของอาวุธ ๓. การถอดประกอบอาวุธประจ ากาย ๔. หลักการท างานของระบบอาวุธ ๕. การบรรจุ - เลิกบรรจุกระสุน ๖. เหตุติดขัดและวิธีแก๎ไขเบื้องต๎น ๗. การปรนนิบัติบ ารุงรักษาอาวุธยุทโธปกรณ์ กิจกรรมการเรียนการสอน ๑. กิจกรรมการบรรยาย - บรรยาย - สาธิตและปฏิบัติ - ตอบข๎อซักถาม ๒. กิจกรรมของผู๎เข๎ารับการศึกษา - ฟังบรรยาย - ปฏิบัติ - ซักถาม การวัดผล - ใช๎แบบทดสอบชนิดอัตนัย
สารบัญ หน้า บทที่ ๑ ปืนพกรีวอลเวอร์ ขนาด .๓๘ นิ้ว คอมแบสมาสเตอร์พีช ๔ นิ้ว (ปพ.ร. .๓๘ – ๓) ๑ REVOLVER CAL. .38 SMITH & WESSON MASTERPIECE 4 IN. บทที่ ๒ ปืนพกอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม. เอฟเอ็น.ไฮเพาเวอร์(ปพ.อ. ๙ – ๑) ๔ PISTOL AUTOMATIC FN. 9 MM. BROWNING HIGH POWER บทที่ ๓ ปืนพกอัตโนมัติขนาด .๔๕ นิ้ว เอ็ม. ๑๙๑๑ (ปพ.อ.๔๕-๑) ๑๒ M 1911 /M1911A1 .45 Automatic Colt Pistol บทที่ ๔ ปืนกลมือ ขนาด ๙ มม. (ปกม.๙ – ๒, ปกม.๙ – ๒ ก และ ปกม.๙ – ๒ ข) ๑๕ Gun, Submachine, Cal. 9 mm.Parabellum บทที่ ๕ ปืนกลมือ ขนาด ๙ มม.เอ็มพี ๕ (ปกม.๙-๔ ก., ปกม.๙-๔ ค. และ ปกม.๙-๔ ง.) ๒๖ MP 5 (Maschinen pistole 5) บทที่ ๖ ปืนเล็กสั้นบรรจุเอง แบบ ๘๗ เอ็ม ๑ และ เอ็ม ๒ (ปสบ.๘๗) ๒๘ US M1 carbine, Us M2 Carbine บทที่ ๗ ปืนเล็กสั้นบรรจุเอง แบบ ๘๘ ขนาด .๓๐ นิ้ว เอ็ม ๑ (ปลยบ.๘๘ เอ็ม๑) ๓๐ United States Rifle, Caliber .30 M1 บทที่ ๘ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ขนาด ๕.๕๖ – ๑ยอ.๕.๕๖ – ๑) ๓๒ AR 18 บทที่ ๙ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ขนาด ๕.๕๖ – ๒ (ปลยอ.๕.๕๖ – ๒) ๓๔ AUTOMATIC RIFLE CAL.5.56 MM. M16 บทที่ ๑๐ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติขนาด ๕.๕๖ – ๒ ก. (ปลยอ.๕.๕๖ – ๒ก) ๓๖ AUTOMATIC RIFLE CAL.5.56 MM. M16A1 บทที่ ๑๑ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติขนาด ๕.๕๖ – ๓ (ปลยอ.๕.๕๖ – ๓) ๔๓ AUTOMATIC RIFLE CAL. 5.56 MM. HK 33 บทที่ ๑๒ ปืนเล็กสั้นอัตโนมัติ ขนาด ๕.๕๖ มม. (ปลสอ.๕.๕๖ มม.) ๕๑ M4 Series บทที่ ๑๓ ปืนเล็กยาว ขนาด ๗.๖๒ มม.เอฟ เอ็น สไนเปอร์ เมาเซอร์(ปลย.๗.๖๒-๑) ๖๘ FN 30-11 บทที่ ๑๔ ปืนเล็กยาว ขนาด ๗.๖๒ มม. เอ็ม๒๔ (.......................) ๗๐ M24 SWS บทที่ ๑๕ ปืนเล็กยาว ขนาด ๗.๖๒ มม. เอ็ม ๒๔ เอ ๒ (.......................) ๗๑ M24 A2 บทที่ ๑๖ ปืนเล็กยาว ขนาด .๓๓๘ นิ้ว (.......................) ๗๒ Accuracy international AXMC .338 Lapua Magnum บทที่ ๑๗ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ขนาด ๗.๖๒ มม. (ปลยอ.๗.๖๒ มม.) ๗๓ PSG - 1 บทที่ ๑๘ ปืนซุ่มยิง ขนาด .๕๐ นิ้ว เอ็ม ๑๐๗ (......................) ๗๔ Barrett M107
๒ บทที่ ๑๙ ปืนซุ่มยิง ขนาด ๑๒.๗ มม. (......................) ๗๕ Truvelo SR 12.7 x99 MM บทที่ ๒๐ ปืนลูกซอง ๑๒ เกจ วินเชสเตอร์ ๑๘๙๗ (ปซ. ๑๒ เกจ ...............) ๗๖ Winchester Model 1897 Trench Gun บทที่ ๒๑ ปืนลูกซอง ๑๒ เกจ โมเดล ๑๒ (ปซ. ๑๒ เกจ โมเดล ๑๒) ๗๗ Winchester Model 12 บทที่ ๒๒ ปืนลูกซอง ๑๒ เกจ โมเดล ๑๒๐๐ (ปซ. ๑๒ เกจ โมเดล ๑๒๐๐) ๗๘ Winchester Model 1200 บทที่ ๒๓ ปืนลูกซอง ๑๒ เกจ โมเดล ๘๗๐ (ปซ. ๑๒ เกจ โมเดล ๘๗๐) ๗๙ Remington Model 870 บทที่ ๒๔ เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๔๐ มม.แบบ เอ็ม.๗๙ (คบ.๔๐ – ๑) ๘๓ 40 MM. GRENADE LAUNCHER M. 79 บทที่ ๒๕ เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๔๐ มม.แบบ เอ็กซ์เอ็ม.๑๔๘ (คบ.๔๐ – ๒) ๘๗ 40 MM. GRENADE LAUNCHER XM .148 บทที่ ๒๖ เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๔๐ มม.แบบ เอ็ม.๒๐๓ (คบ.๔๐ – ๓) ๙๒ 40 MM. GRENADE LAUNCHER M. 203 บทที่ ๒๖ เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๘๑ มม.แบบ เอ็ม. ๑ และ เอ็ม. ๒๙ ๙๗ บทที่ ๒๗ ปืนกล เอ็ม. ๖๐ ขนาด ๗.๖๒ มม. (ปก. ๗.๖๒ – ๑) ๑๐๕ FM 23 – 67 MACHINE GUN 7.62 MM. (M 60 – 1994) บทที่ ๒๘ ปืนกล ๐๒ ขนาด .๕๐ นิ้ว (ปก.๐๒) ๑๑๔ BROWNING MACHINE GUN CALIBER .50 บทที่ ๒๙ ลูกระเบิดขว้าง ๑๒๗ บทที่ ๓๐ วัตถุระเบิดและการท าลาย ๑๓๘ บทที่ ๓๑ รถเกราะ Commando V-150 ๑๔๕ บทที่ ๓๒ รถเกราะ CONDOR Commando ๑๔๖ บทที่ ๓๓ จรวดต่อสู้อากาศยาน RBS-70 (Robotsystem 70) ๑๔๗ บทที่ ๓๔ จรวดต่อสู้อากาศยานบุคคล QW-2 (QianWei2) ๑๕๔ บทที่ ๓๕ ปืนต่อสู้อากาศยาน ๓๗ มม. แบบ .๗๔ ๑๖๓ บทที่ ๓๖ ปืนต่อสู้อากาศยาน ๓๐ มม. ๑๖๕ บทที่ ๓๗ เรดาร์ค้นหาควบคุมการยิง SKYGUARD ๑๖๗ บทที่ ๓๘ เรดาร์ค้นหาแจ้งเตือน Giraffe 40 ๑๖๘ บทที่ ๓๙ ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง ๑๐๕ มม. ลากจูงขนาด ๑๐๕ มิลลิเมตร เอ็ม ๖๑๘ เอ ๒ ๑๖๙ บทที่ ๔๐ อาวุธ นิวเคลียร์ ชีวะ เคมี ๑๗๐ บทที่ ๔๑ อาวุธสงครามไซเบอร์ ๑๗๕ บทที่ ๔๒ อากาศยานไร้คนขับ UAV ๑๘๕ บทที่ ๔๓ ระบบควบคุมและสั่งการหน่วยยิงอาวุธต่อสู้อากาศยาน SAMCOS ๑๘๙ บทที่ ๔๔ ระบบอาวุธต่อสู้อากาศยาน ระยะปานกลาง KS-1C ๑๙๐ - กระสุนปืนเล็กยาวที่ประจ าการในกองทัพอากาศไทย ๑๙๒ - บรรณานุกรม ๑๙๓
๓
๑ บทที่ ๑ ปืนพกรีวอลเวอร์ขนาด .๓๘ นิ้ว คอมแบสมาสเตอร์พีช ๔ นิ้ว (REVOLVER CAL. .38 SMITH & WESSON MASTERPIECE 4 IN.) (ปพ.ร. .๓๘ – ๓) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ปพ.ร. .๓๘ – ๓ ของบริษัทสมิธแอดเวสสัน เป็นปืนที่บรรจุกระสุนด๎วยลูกโมํ บรรจุ ๖ นัด โครงท าด๎วยเหล็กกล๎า ลูกโมํออกได๎ทางข๎างเมื่อผลักแกนเหล็กคัดปลอกกระสุน ซึ่งสอดอยูํในแกนของ ชุดลูกโมํไปข๎างหลัง จะท าให๎ปลอกกระสุนหรือกระสุนที่บรรจุอยูํหลุดออกจากลูกโมํ และเมื่อปลํอยแกนหลักคัด ปลอกกระสุน แหนบซึ่งติดรวมกับแกนเหล็กรั้งปลอกกระสุนจะเคลื่อนที่เข๎าที่เดิม การยิง ปพ.ร. .๓๘ – ๓ นี้ สามารถท าการยิงได๎ทั้งง๎าง และแบบเหนี่ยวไกได๎โดยไมํต๎องง๎างนก ไมํวําจะยิงในแบบใดก็ตาม เมื่อนกปืนหงายไปข๎าง หลังลูกโมํจะหมุนตัวน าเอากระสุนในลูกโมํตํอไป มาตรงกับรูล ากล๎องปืน ปืนชนิดนี้มีอุปกรณ์เพื่อปูองกันมิให๎ปืนลั่นเมื่อ มิได๎เหนี่ยวไกปืน คือเหล็กกั้นนกปืน และสามารถปรับศูนย์หลังได๎การหมุนของลูกโมํเวียนซ๎าย ๒. ขนาดและน้ าหนัก ๒.๑ ความยาวของล ากล๎องปืน ๔ นิ้ว ๒.๒ ความยาวของปืนทั้งกระบอก ๙ ๑/๒ นิ้ว ๒.๓ ความกว๎างปากล ากล๎อง ๙ มม. ๐.๓๘ นิ้ว ๒.๔ ศูนย์หน๎าเป็นแบบศูนย์ลาดมีความกว๎าง ๑/๘ นิ้ว ๒.๕ น้ าหนักของปืนเมื่อบรรจุกระสุนเต็ม ๖ นัด ๓๔ ออนซ์ ๒.๖ มีเกลียวเวียนขวาในล ากล๎องจ านวน ๕ เกลียว ๒.๗ น้ าหนักแรงเหนี่ยวไก ๒๑/๒–๓๑/๒ปอนด์(แบบง๎างนก) ๒.๘ น้ าหนักแรงเหนี่ยวไก ๑๒ – ๑๔ ปอนด์(แบบไมํง๎างนก) ๓. สมรรถนะ ๓.๑ ความเร็วต๎น ๑๗๖.๕๗ เมตร/วินาที ๓.๒ ความเร็วในการยิงแบบ SINGLE ACTION ๒๐ - ๒๔ นัด/นาที ๓.๓ ความเร็วในการยิงแบบ DOUBLE ACTION ๓๖ นัด/นาที ๓.๔ ระยะยิงไกลสุด ๑,๗๐๐ เมตร ๓.๕ ระยะยิงหวังผล ๕๐ เมตร ๓.๖ กระสุนใช๎กระสุนจริง และกระสุนซ๎อมยิง
๒ ๔. สํวนประกอบของปืน ปพ.ร. .๓๘ – ๓ แบํงชิ้นสํวนออกเป็นสํวนใหญํๆ ได๎๓ ชิ้นสํวน ๔.๑ ชุดโครงปืน ซึ่งประกอบด๎วย ๔.๑.๑ ศูนย์หน๎า ๔.๑.๒ ศูนย์หลัง ๔.๑.๓ ล ากล๎องปืน ๔.๑.๔ ด๎ามปืน ๔.๑.๕ แผํนประกับโครงปืน ๔.๑.๖ แผํนประกับด๎ามปืน ๔.๑.๗ ปุุมล๏อคลูกโมํ ๔.๒ ชุดเครื่องลั่นไก ซึ่งประกอบด๎วย ๔.๒.๑ ไกปืน ๔.๒.๒ นกปืน ๔.๒.๓ คันนกปืน ๔.๒.๔ เข็มแทงชนวน ๔.๓ ชุดลูกโมํและแกนลูกโมํซึ่งประกอบด๎วย ๔.๓.๑ ลูกโมํ ๔.๓.๒ แกนเหล็กคัดปลอกกระสุน ๔.๓.๓ เหล็กคัดปลอกกระสุน การถอดประกอบ ๕. ตามปกติแล๎ว การถอดประกอบ ปพ.ร. .๓๘ – ๓ สามารถถอดออกเป็น ๔ สํวน ใหญํๆ คือ ๕.๑ ชุดลูกโมํ โดยท าการถอดดังนี้คือ คลายเกลียวปุุมล๏อคลูกโมํแล๎วดึงออก สลักยึดลูกโมํจะ หลุดออกมา ผลักกลอนลูกโมํไปทางหลังจนสุด พลิกลูกโมํมาทางซ๎ายแล๎วดึงออกทางหน๎า คลายหัวแกนเหล็ก คัดปลอกกระสุนออก ๕.๒ ไม๎ประกับด๎ามปืน ท าการถอดได๎โดยการคลายหมุดเกลียวยึดไม๎ประกับด๎ามปืนออกแล๎ว ใช๎เครื่องมือที่มีปลายแบน ๆ คํอย ๆ แซะรอบ ๆ ระหวํางไม๎ประกับด๎ามปืนกับโครงปืนจนหลุดออก ๕.๓ แผํนประกับโครงปืน ท าการถอดได๎โดยการคลายหมุดเกลียวยึดแผํนประกับโครงปืนออก ง๎างนกปืนไปทางหลังเล็กน๎อย เพื่อให๎สํวนลํางของขอที่เหล็กบังคับกลอนลูกโมํ เสมอกับชํองบนของชํองเดือยกลอน ลูกโมํแล๎วจับด๎ามกลอนลูกโมํดึงออกมาทางด๎านหลัง หลังจากนั้นให๎แคะแหนบและแกนแหนบแกนลูกโมํออกทางเดียวกัน ๕.๔ เครื่องลั่นไก ท าการถอดโดยการอัดขาช๎างยาวของแหนบนกปืนให๎ปลายบนพ๎นจาก กระเดื่องผลักนกปืน แล๎วขยับให๎กระเดื่องผลักนกปืนพ๎นจากบาก คํอย ๆ ดึงแหนบกลับออกทางซ๎ายจนสุด แล๎วดัน กระเดื่องบังคับไกให๎หลุดออกมาทางซ๎าย จับหงายขึ้น ดึงนกปืนออกทางข๎าง ดึงไกและกระเดื่องเหล็กบังคับลูกโมํ ออกทางซ๎าย (ถ๎าไมํติดออกมากับไก) ดึงเหล็กบังคับเดือยกลอนลูกโมํออกทางหลัง แคะแหนบเหล็กขัดลูกโมํออก ทางข๎าง แล๎วคลายหมุดเกลียวยึดเหล็กขัดลูกโมํ ดึงเหล็กขัดลูกโมํออกทางหลัง ๕.๕ การประกอบให๎กระท าย๎อนกลับไปตามล าดับ
๓ การท างานของเครื่องกลไก เหตุติดขัดและการแก๎ไข ๖. ดังที่ได๎กลําวมาแล๎วตั้งแตํตอนต๎นวํา ปพ.ร. .๓๘ – ๓ สามารถท าการยิงได๎ทั้งแบบง๎างนกกํอน และเหนี่ยวไกเลยโดยไมํต๎องง๎างนก ซึ่งการยิงทั้ง ๒ แบบนี้ก็จะมีข๎อแตกตํางของการท างานดังนี้คือ ๖.๑ การท างานแบบง๎างนกกํอน หรือมักที่เรียกกันวํา การยิงจังหวะเดียว เมื่อเราง๎างนกปืนมา ข๎างหลังจนสุด จนนกปืนค๎างอยูํในสภาพที่พร๎อมจะฟาดตัวไปข๎างหน๎าแล๎ว เมื่อเหนี่ยวไกปืนนกปืนก็จะฟาดตัวไป ข๎างหน๎าโดยแรง ท าให๎เข็มแทงขนวนไปตีตํอจานท๎ายปลอกกระสุน กระสุนจะเริ่มท างานแก๏สในปลอกกระสุน จะขับให๎หัวกระสุนวิ่งออกไปทางปากล ากล๎อง ตอนนี้เข็มแทงชนวนก็จะยังคงติดอยูํกับจานท๎ายปลอกกระสุน จนกวําเมื่อปลํอยนิ้วออกจากไก เข็มแทงชนวนก็จะถอนตัวออก ๖.๒ การท างานแบบไมํต๎องง๎างนกกํอน หรือที่มักเรียกกันวําการยิงสองจังหวะการยิงแบบนี้ เราไมํต๎องง๎างนกปืนไปค๎างอยูํข๎างหลังเสียกํอน แตํให๎เริ่มโดยการเหนี่ยวไกปืนเลย เมื่อเริ่มเหนี่ยวไกกระเดื่องไก จะไปดันให๎นกปืนหงายตัวไปข๎างหลังจนสุด พอเพิ่มน้ าหนักการเหนี่ยวไกตํอไปอีกกระเดื่องไกจะหลุดออกจากแงํ ของนกปืน นกปืนก็จะเป็นอิสระฟาดตัวมาข๎างหน๎าทันทีขั้นตํอไปก็เป็นเชํนเดียวกับการยิงจังหวะเดียวเชํนกัน ๗. เหตุติดขัด ส าหรับ ปพ.ร. .๓๘ – ๓ นี้เมื่อเกิดเหตุติดขัดขึ้น ก็อาจเกิดจากการบกพรํองหรือ ช ารุดของชิ้นสํวนของปืน และอาจมีสาเหตุก็ได๎เชํน กระสุนด๎าน ท าให๎ปืนยิงไมํลั่นอาจเกิดจากเครื่องลั่นไกช ารุด หรือมี ฝุุนผง หรือชนวนท๎ายปลอกกระสุนมีชนวนท๎ายน๎อยกวําปกติชนวนท๎ายจึงไมํจุดตัว การแก๎ไขข๎อขัดข๎อง อาการ สาเหตุ วิธีแก๎ไข ๗.๑ บรรจุกระสุนเข๎าลูกโมํไมํได๎ ๑. รังเพลิงหรือลูกโมํสกปรก ๒. กระสุนช ารุด ๑. ท าความสะอาด ๒. เอากระสุนออก,เปลี่ยน ๗.๒ ลูกโมํหมุนไมํได๎ ๑. ปุุมปลดล๏อคลูกโมํช ารุด ๒. เหล็กกันลูกโมํช ารุด ๑. เอากระสุนออกแล๎วสํงปืนให๎ จนท.สพ.แก๎ไข ๗.๓ ปืนยิงไมํลั่น ๑. ชนวนท๎ายกระสุนเสื่อม ๒. แหนบนกปืนหัก ๓. นกปืนหัก ๑. เอากระสุนออก,เปลี่ยน ๒. สํงปืนให๎จนท.สพ.แก๎ไข ๓. สํงปืนให๎จนท.สพ.แก๎ไข
๔ บทที่ ๒ ปืนพกอัตโนมัติขนาด ๙ มม. เอฟเอ็น.ไฮเพาเวอร์ (PISTOL AUTOMATIC FN. 9 MM. BROWNING HIGH POWER) (ปพ.อ. ๙ – ๑) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ๑.๑ ปืนพกอัตโนมัติแบบนี้เหมาะส าหรับใช๎ในราชการทหาร เพราะมีคุณสมบัติที่ดีเดํนอยูํ หลายประการ เชํน ซองกระสุนสามารถบรรจุกระสุนได๎มาก มีความแมํนย าสูงแข็งแรงทนทานกะทัดรัด งํายตํอการ บ ารุงรักษาและพกพา ผู๎ออกแบบปืนพกแบบนี้คือ จอห์น เบรานิง ผู๎ซึ่งเป็นนักออกแบบปืนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก ได๎จดลิขสิทธิ์ไว๎เมื่อปีค.ศ.๑๙๒๗ ตํอมาในปีค.ศ. ๑๙๓๕ บริษัท F.N. (FABRIQUE NATIONALE) ได๎ท าการผลิตปืน แบบนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกให๎กับประเทศบริวารของฝรั่งเศส หลังจากนั้นก็ได๎ผลิตให๎กับรัฐบาลเบลเยี่ยม และอีกหลาย ประเทศ เชํน แคนนาดา จีน อังกฤษ ๑.๒ กองทัพอากาศไทยได๎พิจารณาแล๎วเห็นวํา ปืนพกอัตโนมัติแบบนี้มีคุณสมบัติที่เหมาะ ส าหรับใช๎ในราชการทหารหลายข๎อด๎วยกัน จึงได๎ท าการจัดหามาใช๎ในราชการ ปืนพกรุํนแรกจะมีน้ าหนักของปืน น๎อยกวําปืนพกรุํนตํอมา นอกจากนี้ยังมีข๎อแตกตํางอีก ๑.๓ ปืนพกแบบนี้เป็นปืนพกอัตโนมัติ ขนาด ๙ มม.ท าการยิงได๎ทีละนัดปูอนกระสุน ด๎วย ซองกระสุน ที่บรรจุกระสุนได๎๑๓ นัด การท างานของเครื่องกลไกของปืนท างานด๎วยการสะท๎อนถอยหลังชนิดถอยน๎อย (SHOT RECOIL – OPERATED) มีการขัดกลอนโดยแงํของล ากล๎องสํวนบนฝังตัวเข๎าไปในรํองของชุดเลื่อนปืน มีเครื่องนิรภัย ศูนย์หน๎าซึ่งเป็นใบศูนย์ปรับไมํได๎ ศูนย์หลังเป็นศูนย์บากสามารถปรับแก๎ต าบล กระสุนตกในทาง ซ๎าย – ขวาได๎แตํแก๎ต าบลกระสุนตก สูง – ต่ า ไมํได๎ ๒. รายการขนาดน้ าหนัก ๒.๑ ขนาดล ากล๎อง ๒.๑.๑ ความกว๎างปากล ากล๎อง ๙ มม. ๒.๑.๒ จ านวนเกลียวในล ากล๎อง ๖ เกลียว – เวียนขวา ๒.๑.๓ ระยะเกลียวเวียนครบ ๑ รอบ ๑๐ นิ้ว ๒.๑.๔ ความยาวของล ากล๎อง ๔ ๓/๔ นิ้ว ๒.๑.๕ สํวนยาวของล ากล๎องเฉพาะที่มีระยะเกลียว ๔ นิ้ว
๕ ๒.๒ ตัวปืน ๒.๒.๑ ปืนทั้งกระบอกยาว ๘ นิ้ว ๒.๒.๒ สํวนสูง (ไมํติดศูนย์หลังและซองกระสุน) ๕ นิ้ว ๒.๒.๓ สํวนกว๎าง (รวมทั้งแผํนประกับด๎ามปืน) ๑ ๑/๒ นิ้ว ๒.๒.๔ สํวนกว๎าง (ไมํรวมแผํนประกับด๎ามปืน) ๑ นิ้ว ๒.๓ น้ าหนัก ๒.๓.๑ น้ าหนักของปืน (รวมทั้งซองกระสุนเปลํา) ๓๒ ๑/๒ ออนซ์ปืนรุํนใหมํ ๒.๓.๒ น้ าหนักของปืน (บรรจุกระสุนเต็มซอง) ๓๘ ออนซ์ปืนรุํนใหมํ ๒.๓.๓ น้ าหนักของปืน (รวมทั้งซองกระสุนเปลํา) ๓๑ ออนซ์ปืนรุํนเกํา ๒.๓.๔ น้ าหนักของปืน (บรรจุกระสุนเต็มซอง) ๓๗ ออนซ์ปืนรุํนเกํา ๒.๔ สมรรถนะ ๒.๔.๑ ความเร็วของลูกกระสุนที่ปากล ากล๎อง ๑,๑๔๘ ฟุต/วินาที ๒.๔.๒ ความเร็วของกระสุนที่ระยะ ๑๓.๖๗ หลา ๑,๑๑๔ ฟุต/วินาที ๒.๔.๓ ความดันสูงสุด ต่ ากวํา ๑๖ ตัน/ตารางนิ้ว ๒.๔.๔ แรงปะทะ ๕๐ กก. – เมตร ๒.๔.๕ ระยะยิงหวังผล ๗๔ หลา ๒.๔.๖ ระยะยิงไกลสุด ๑,๒๐๐ หลา ๓. กระสุนปืนพกอัตโนมัติแบบนี้ใช๎กระสุน ขนาด ๙ มม. ลูเกอร์หรือพาราเบลลั่ม ซึ่งมีคุณลักษณะใน ด๎านตํางๆดังนี้ ๓.๑ คุณลักษณะเฉพาะกระสุนจริง ๓.๑.๑ น้ าหนักของกระสุนทั้งนัด ๑๘๒.๗๕ เกรน ๓.๑.๒ ความยาวของกระสุน ๑.๑๔ นิ้ว ๓.๑.๓ ความยาวของลูกกระสุน (หัวกระสุนยาว) ๐.๖๐๐๔ นิ้ว ๓.๑.๔ น้ าหนักของลูกกระสุน (หัวกระสุน) ๑๒๓.๔๕ เกรน ๓.๑.๕ น้ าหนักของดินสํงกระสุน ๒๑.๗๒๘ เกรน ๓.๑.๖ ชนวนท๎ายปลอกกระสุน OXYLESS – NON MURCURIC DENSITY OF THE SECTION ๐.๐๗๙ ปอนด์/ตารางนิ้ว ๓.๒ ชนิดของกระสุน ๓.๒.๑ กระสุนจริง ใช๎ยิงคนและที่หมายที่ไมํแข็งแรง ๓.๒.๒ กระสุนฝึกบรรจุกระสุนแบบนี้ไมํมีดินสํงกระสุน และชนวนท๎ายกระสุนบรรจุ อยูํใช๎ในการฝึกบรรจุและใช๎ตรวจการท างานของปืน
๖ การถอดประกอบ ๔. การถอดประกอบ ปืนชนิดนี้การถอดประกอบแบํงออกเป็น ๓ ขั้น ดังนี้คือ ๔.๑ การถอดประกอบขั้นที่ ๑ กระท าได๎โดยผู๎ใช๎หรือเจ๎าหน๎าที่สรรพาวุธประจ าหนํวยโดย การถอดประกอบเฉพาะชิ้นสํวนใหญํ ๆ เพื่อท าความสะอาดหรือศึกษาการท างานของเครื่องกลไกของปืนเทํานั้น ๔.๒ การถอดประกอบขั้นที่ ๒ คือการถอดแยกชิ้นสํวนใหญํๆ ของปืนออกเป็นชิ้นยํอย และ การประกอบชิ้นสํวนยํอยเหลํานั้นเข๎าด๎วยกัน กระท าได๎โดยเจ๎าหน๎าที่ของแผนกตรวจทดลอง กองวิทยาการ สพ.ทอ. และเจ๎าหน๎าที่ของกองโรงงานสรรพาวุธที่ ๑ สพ.ทอ. เทํานั้น ความมุํงหมายเพื่อการตรวจซํอมและการศึกษา ๔.๓ การถอดประกอบขั้นพิเศษ กระท าได๎เฉพาะในกองโรงงานสรรพาวุธที่ ๑ สพ.ทอ. โดยเจ๎าหน๎าที่ ท าการซํอมปืนนี้และเจ๎าหน๎าที่แผนกตรวจทดลอง กองวิทยาการ สพ.ทอ. เทํานั้น ความมุํงหมายเพื่อการตรวจซํอม ๕. การถอดชิ้นสํวนที่ส าคัญ และการประกอบ ๕.๑ การถอดประกอบ ๕.๑.๑ ถอดซองกระสุน โดยกดปุุมเหล็กยึดของกระสุน แล๎วดึงเอาซองกระสุนออกจากตัวปืน ๕.๑.๒ ดึงเลื่อนปืนไปข๎างหลังสุดแล๎วผลักห๎ามไกเข๎าไปในชํองที่เลื่อนปืน จะท าให๎เลื่อน ปืนค๎างอยูํข๎างหลัง ๕.๑.๓ ถอดสลักล ากล๎องปืน โดยกดหัวสลักที่ยื่นออกมาทางขวามือของเลื่อนปืนเข๎า ไปข๎างในแล๎วดึงสลักล ากล๎องปืนให๎หลุดออกมา ๕.๑.๔ ลดห๎ามไก เอามือซ๎ายจับเลื่อนปืนผลักไปข๎างหน๎าจนหลุดออกมา ๕.๑.๕ จับหงายเลื่อนปืนให๎อยูํในอุ๎งมือซ๎าย เอามือขวาจับที่หัวครอบแหนบรับแรง ถอยดันแหนบหลุดออกมาทิ้งแหนบรับแรงถอยและแกนแหนบรับแรงถอย ๕.๒ การประกอบ ๕.๒.๑ ใสํล ากล๎องเข๎ากับเลื่อนปืน ๕.๒.๒ ใสํแหนบรับแรงถอยและแกนแหนบรับแรงถอยเข๎าที่ โดยหัวของแกนแหนบ รับแรงถอยเข๎าไปในรํองของหํวงข๎อตํอล ากล๎อง ๕.๒.๓ ใสํเลื่อนปืนให๎อยูํในต าแหนํงเลื่อนมาข๎างหลังโดยผลักห๎ามไกเข๎าไปในชํองอันหน๎า ของเลื่อนปืน ๕.๒.๔ ใสํสลักล ากล๎องปืนเข๎าที่ ๕.๒.๕ ลดห๎ามไกลงจะท าให๎เลื่อนปืนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าด๎วยก าลังดันของแหนบรับแรงถอย ๕.๒.๖ ใสํซองกระสุนเข๎าที่ ๕.๒.๗ ลดนกปืนลง ๖. การถอดหมด ทุกชิ้นและการประกอบ ด าเนินการถอดชิ้นสํวนที่ส าคัญตามวิธีในข๎อ ๓ แล๎ว ท าตํอไปดังนี้ ๖.๑ ถอดเลื่อนปืน ๖.๑.๑ ถอดแผํนประคองเข็มแทงชนวน โดยใช๎หัวสลักล ากล๎องปืนกลที่หัวเข็มแทง ชนวนถอดเอาแผํนประคองเข็มแทงชนวนออกมา เข็มแทงชนวนและแหนบเข็มแทงชนวนจะหลุดออกมา ๖.๑.๒ ถอดขอรั้งปลอกกระสุนออก โดยใช๎ปลายเข็มแทงชนวนดึงออกมาข๎างหลัง
๗ ๖.๑.๓ ถอดสลักเดือยของสะพานกระเดื่องนกปืน โดยใช๎ปลายเข็มแทงชนวนกดที่สลัก เดือยสะพานกระเดื่องนกปืน ๖.๑.๔ ถอดสลักกระเดื่องนกปืน โดยใช๎ปลายเข็มแทงชนวนดันสลักกระเดื่องนกปืน ออกมา กระเดื่องนกปืนจะหลุดออกมาเอง ๖.๑.๕ หมุนเหล็กคัดปลอกกระสุนลงข๎างลําง กดสลักห๎ามไกตามแนวแกนแล๎วดึงห๎ามไก ออกมา จะท าให๎เหล็กคัดปลอกกระสุน นกปืน แหนบนกปืน คันผลักนกปืน และแหนบกระเดื่องนกปืนออกมาด๎วย ใช๎นิ้วของมือซ๎ายกดเหล็กยึดของกระสุนลงไปครึ่งระยะ ใช๎สะพานกระเดื่องนกปืนเป็นไขควงหมุนสลักเดือยยึดของ กระสุนไปทางซ๎าย เหล็กยึดของกระสุนจะหลุดออก ๖.๑.๖ ถอดแหนบประกับด๎ามปืนออก ๖.๒ การประกอบเครื่องลั่นไก ๖.๒.๑ ใสํเหล็กยึดซองกระสุนเข๎าที่ โดยใช๎นิ้วหัวแมํมือซ๎ายกดไว๎ที่ครึ่งระยะแล๎วใช๎ สะพานกระเดื่องนกปืนเป็นไขควงหมุนสลักเดือยแหนบเหล็กยึดซองกระสุนไปทางขวา ๑/๘ รอบ ๖.๒.๒ ใสํแหนบกระเดื่องนกปืนเข๎าที่ ให๎เหล็กบังคับนกปืนเข๎าที่เฉพาะของมันในด๎ามปืน ๖.๒.๓ ใสํเหล็กคัดปลอกกระสุนแล๎วหมุนลงลําง ใสํห๎ามไกเข๎าที่ในรูของแกนนกปืนแล๎ว ดันเข๎าไปจะท าให๎เหล็กคัดปลอกกระสุนเข๎าที่ ๖.๒.๔ ใสํกระเดื่องนกปืนและสลักกระเดื่องนกปืนโดยกดที่แหนบกระเดื่องนกปืนซึ่งอยูํในด๎ามปืน ๖.๓ ประกอบเลื่อนปืน ๖.๓.๑ ใสํสะพานกระเดื่องนกปืนและสลักเดือยเข๎าที่ ๖.๓.๒ ใสํขอรั้งปลอกกระสุนเข๎าที่ ๖.๓.๓ ใสํเข็มแทงชนวนและแหนบเข็มแทงชนวน โดยการใช๎แกนสลักล ากล๎องกดหัว เข็มแทงชนวนลงไปเต็มที่ แล๎วใสํแผํนประคองเข็มแทงชนวนเข๎าที่ ๖.๓.๔ ขึ้นนกปืน ๖.๓.๕ ประกอบแผํนประกับด๎ามปืนเข๎าที่แล๎วประกอบเลื่อนปืนเข๎ากับโครงปืนดังกลําว ๖.๔ การถอดและการประกอบซองกระสุน ๖.๔.๑ การถอด ๖.๔.๑.๑ ถอดแผํนปิดท๎ายซองกระสุนออก ๖.๔.๑.๒ ถอดแผํนแหนบและเหล็กรองกระสุนออก ๖.๔.๒ การประกอบ ๖.๔.๒.๑ ใสํแหนบและเหล็กรองกระสุนเข๎าไปในซองกระสุน ๖.๔.๒.๒ ประกอบแผํนปิดท๎ายซองกระสุนโดยจับด๎วยมือขวาและเอาหัวแมํมือซ๎าย ชํวยดันแหนบเข๎าไปในซองกระสุน การท างานของเครื่องกลไก
๘ ๗. วงรอบการท างานของเครื่องกลไก ๗.๑ ลั่นไก ๗.๒ ปลดกลอน ๗.๓ รั้วปลอกกระสุน ๗.๔ คัดปลอกกระสุน ๗.๕ ขึ้นนก ๗.๖ ปูอนกระสุน ๗.๗ บรรจุกระสุนเข๎ารังเพลิง ๗.๘ ขัดกลอน ๘. การท างานของเครื่องกลไก ๘.๑ การลั่นไก ภายหลังที่บรรจุกระสุนจากซองกระสุนที่บรรจุเต็มเข๎ารังเพลิงเรียบร๎อยแล๎ว ผู๎ยิงเริ่มท าการเล็งปืนและเหนี่ยวไกปืน การเหนี่ยวไกท าให๎กระเดื่องไกปืนยกตัวสูงขึ้น สะพานกระเดื่องนกปืนสํวน หน๎าก็จะถูกยกตัวสูงขึ้นด๎วย เป็นเหตุให๎สะพานกระเดื่องนกปืนสํวนหลังลดตัวต่ าลงและกดสํวนหน๎าของกระเดื่อง นกปืนให๎ยุบตัวลงด๎วย ดังนั้นสํวนหลังของกระเดื่องนกปืนจะถูกท าให๎ยกตัวสูงขึ้นและหลุดพ๎นออกจากบากลํางของ นกปืน นกปืนก็จะเป็นอิสระฟาดตัวไปข๎างหน๎าด๎วยแรงขยายตัวของแหนบนกปืนตีเข็มแทงชนวน ท าให๎เข็มแทง ชนวนวิ่งไปข๎างหน๎าและกระแทกตํอชนวนท๎ายปลอกกระสุน ท าให๎เกิดประกายไฟไปจุดดินสํงกระสุน เกิดการเผา ไหม๎กลายเป็นแก๏สที่มีความดันสูงมาก ดันลูกกระสุนให๎วิ่งออกไปทางปากล ากล๎องปืน ๘.๒ การปลดกลอน เมื่อลูกกระสุนเริ่มผํานพ๎นปากล ากล๎อง ชุดเลื่อนปืนจะเริ่มถอยไปข๎าง หลังพร๎อมกันทั้งชุด จนกระทั่งลาดใต๎สํวนยื่นของท๎ายล ากล๎องเคลื่อนที่ไปชนเหล็กบังคับในชุดเครื่องลั่นจะท าให๎ ท๎ายล ากล๎องเคลื่อนที่ต่ าลงตามลาด เป็นผลให๎สันของล ากล๎องสํวนบนหลุดพ๎นจากรํองในเลื่อนปืน ท าให๎เกิดการ ปลดกลอนขึ้น ในขณะนี้แหนบรับแรงถอยเริ่มถูกอัดตัว ๘.๓ การรั้งปลอก เมื่อชุดเลื่อนปืนเคลื่อนที่ตํอไปอีก ล ากล๎องจะหยุดเคลื่อนที่ทั้งนี้ก็เพราะ สํวนลึกที่สุดของลาดใต๎สํวนยื่นของท๎ายล ากล๎องเคลื่อนที่ไปชนเหล็กบังคับในชุดเลื่อนไก แตํเลื่อนปืนยังคงเคลื่อนที่ ตํอไปอีก ขอรั้งปลอกกระสุนจะเริ่มรั้งปลอกกระสุนออกจากรังเพลิง ๘.๔ การคัดปลอกเลื่อนปืนจะเคลื่อนที่ตํอไปและพาปลอกกระสุนเคลื่อนที่ตํอไปด๎วย จนกระทั่ง จานท๎ายปลอกกระสุนไปชนกับเหล็กคัดปลอกกระสุนที่อยูํในชุดเครื่องลั่นไก ท าให๎ปลอกกระสุนเสียทิศทางในการ เคลื่อนตัว หลุดกระเด็นออกมานอกตัวปืนทางชํองคัดปลอกกระสุน ๘.๕ การขึ้นนก สํวนลํางของเลื่อนปืนจะไปดันให๎นกหงายตัวไปข๎างหลัง บากลํางของนกปืน จะขัดตัวอยูํกับแงํของกระเดื่องนกปืน พร๎อมกันนั้นแหนบนกปืนจะถูกอัดตัวเกิดการขึ้นนก เมื่อเลื่อนปืนถอยไปจน สุดจะท าให๎แหนบรับแรงถอยถอยถูกอัดตัวมากที่สุด ๘.๖ การปูอนกระสุน ในขณะที่เลื่อนปืนถอยหลังไปจนสุดนั้นแรงดันของแหนบในซองกระสุน จะดันกระสุนนัดใหมํขึ้นมาขวางหน๎าเลื่อนปืนไว๎พร๎อมกันนั้นแหนบรับแรงถอยเริ่มขยายตัวท าให๎เลื่อนปืนเคลื่อนที่ ไปข๎างหน๎า หน๎าชุดเลื่อนปืนก็จะพากระสุนนัดที่มาขวางทางเลื่อนปืนถูกพาไปข๎างหน๎าด๎วย ๘.๗ การบรรจุกระสุนเข๎ารังเพลิง เมื่อหมดแรงดันของแก๏สในตอนที่เลื่อนปืนถอยมาจนสุด กํอนการปูอนกระสุนนั้น แหนบรับแรงถอยก็จะขยายตัวกลับที่หลังจากถูกอัดตัวเต็มที่แล๎ว และขยายตัวกลับเข๎าที่ ไปข๎างที่ไปข๎างหน๎าเรื่อย ๆ พร๎อมกันนั้นจะพากระสุนนัดใหมํเข๎าสูํรังเพลิง
๙ ๘.๘ การขัดกลอน เลื่อนปืนจะเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าตํอไปอีก จนกระทั่งหน๎าของเลื่อนปืนไป ชนท๎ายล ากล๎อง ท าให๎ล ากล๎องเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า และในขณะเดียวกันลาดใต๎สํวนยื่นท๎ายล ากล๎องซึ่งสัมผัส กับเหล็กบังคับอยูํจะท าให๎ท๎ายล ากล๎องเริ่มยกตัวสูงขึ้น เมื่อเลื่อนปืนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าตํอไป สันของล ากล๎องจะเข๎าไป ฝังตัวในรํองของเลื่อนปืน ท าให๎เกิดการขัดกลอนขึ้น พร๎อมกันนี้สะพานกระเดื่องนกปืนสํวนหน๎าจะไปยันกับ กระเดื่องไกปืนให๎โน๎มตัวไปข๎างหน๎า และผู๎ยิงยังคงเหนี่ยวไกไว๎แตํปืนจะไมํลั่น จะลั่นได๎ก็ตํอเมื่อผู๎ยิงปลํอยไก เสียกํอน แล๎วจึงเริ่มเหนี่ยวไกอีกครั้งปืนจึงจะลั่น ๙. เครื่องนิรภัย ๙.๑ ใบห๎ามไก อยูํทางด๎านซ๎ายที่สํวนท๎ายของเครื่องลั่นไก เมื่อขึ้นนกแล๎วผลักใบห๎ามไกขึ้น เพื่อให๎แงํของใบห๎ามไกฝังตัวลงในรํองหลังของชุดเลื่อนปืน ถ๎าผู๎ยิงเหนี่ยวไกปืน ปืนจะไมํลั่นทั้งนี้ก็เพราะแกนของใบ ห๎ามไกจะไปกันมิให๎กระเดื่องนกปืนกระดกตัว แงํของกระเดื่องนกปืนจึงไมํหลุดออกจากบากของนกปืน ๙.๒ นกปืน บากบนของนกปืนมีความลึกมากกวําบากลําง ถ๎าต๎องการน าปืนที่มีกระสุนบรรจุไว๎ ในรังเพลิงไปใช๎งาน และเพื่อความปลอดภัยให๎ลดนกปืนลง โดยใช๎นิ้วประคองนกปืนไว๎แล๎วเหนี่ยวไกและคํอยๆ ผํอนให๎ บากบนของนกปืนไปขัดกับกระเดื่องนกปืน เมื่อต๎องการยิงให๎ง๎างนกปืนมาข๎างหลังจนสุดแล๎วยิงได๎ทันทีโดยไมํต๎อง เสียเวลา นอกจากนี้แล๎วยังบอกให๎ผู๎ทราบวําปืนนั้นขึ้นนกไว๎หรือไมํ ๙.๓ เหล็กนิรภัยซองกระสุน ชํวยปูองกันปืนที่มีกระสุนบรรจุไว๎ในรังเพลิงแล๎ว มิให๎ลั่นเมื่อถอด ซองกระสุนออกจากปืนแล๎ว นอกจากนี้ยังปูองกันมิให๎ปืนลั่นในขณะใสํซองกระสุนเข๎าตัวปืนด๎วย การบ ารุงรักษาและการท าความสะอาด ๑๐. กลําวทั่วไป ๑๐.๑ การระวังรักษา ต๎องปฏิบัติด๎วยความพินิจพิเคราะห์ระมัดระวังเป็นสิ่งที่จ าเป็นเพราะ จะท าให๎เครื่องกลไกของปืนอยูํในสภาพที่ท างานได๎ผลสมบูรณ์ และล ากล๎องปืนจะอยูํในสภาพปกติไมํช ารุด สิ่งจ าเป็นอยํางยิ่งอีกอันหนึ่งก็คือ จะต๎องเก็บรักษาท าความสะอาดและชโลมน้ ามันเครื่องกลไกทุกขึ้นอยูํเสมอ ๑๐.๒ การถอดปืนพกเพื่อท าความสะอาดและชโลมน้ ามันกระท าได๎โดยงําย ฉะนั้นชิ้นสํวน ตําง ๆ ของปืนจะต๎องได๎รับการสอดสํองดูแล และเพื่อมิให๎เกิดสนิมหรือมีทรายและสิ่งสกปรกอยูํภายในได๎ ๑๑. การระวังรักษาและการท าความสะอาด ๑๑.๑ การระวังรักษาและการท าความสะอาดปืนพกในที่นี้ กลําวรวมถึงการระวังรักษา ตามปกติเพื่อให๎ปืนทรงสภาพและลักษณะที่ใช๎การได๎อยูํเสมอ ทั้งในคลังสรรพาวุธ หนํวยยํอยและทดลองหนํวย รักษาการณ์หนํวยรักษาความปลอดภัย ขณะพกประจ าภายในคํายพักและสนามรบ ๑๑.๒ ความชื้นในบรรยากาศและมือที่มีเหงื่อเป็นสิ่งที่เรํงให๎เกิดสนิมเร็วขึ้น ภายหลังการฝึก หรือน าปืนไปใช๎ทุกครั้ง ควรท าความสะอาดและชโลมน้ ามัน เพื่อปูองกันสนิมเสมอเมื่อน าปืนไปใช๎ในวันฝนตก และ ภายหลังเดินทางไปท าหน๎าที่รักษาการณ์ยิ่งจ าเป็นจะต๎องให๎ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ๑๑.๓ การท าความสะอาดปืน ให๎ใช๎ผ๎าชุบนน้ ามันพอหมาก ๆ เช็ดให๎ทั่วที่เป็นโลหะ แล๎วจึง ใช๎ผ๎าแห๎งที่สะอาดเช็ดอีกครั้งหนึ่ง แยงล ากล๎องด๎วยเศษผ๎าที่สะอาด ชุบน้ ามันติดปลายแส๎แล๎วแยงซ้ าด๎วยผ๎าแห๎ง ที่สะอาดอีกครั้ง ใช๎แปรงเล็กๆ หรือเศษผ๎าพันไม๎ที่สะอาดปัดฝุุนตามรูตามซอกและรํองตํางๆของปืนออกให๎หมด ๑๑.๔ เมื่อท าความสะอาดดีแล๎ว ให๎ใช๎เศษผ๎าสะอาดชุบน้ ามันใส น้ ามันข๎น น้ ามันกันสนิม หรือน้ ามันพิเศษอยํางใดอยํางหนึ่งแยงล ากล๎องให๎ทั่วแล๎วเช็ดสํวนที่เป็นโลหะด๎วยผ๎าชุบนน้ ามัน ส าหรับตามรํองและ ผิวของชิ้นสํวนที่ถูกเสียดสีอยูํเสมอ ให๎หยอดน้ ามันอีกสัก ๒ – ๓ หยด เวลาใช๎ยิงจะได๎ไมํเกิดการสึกหรอ
๑๐ ๑๑.๕ ภายหลังที่ท าความสะอาดและจัดการปูองกันสนิมเสร็จแล๎วให๎น าปืนเข๎าที่เก็บ การเก็บนี้ ห๎ามใช๎สิ่งใดปกคลุมอยํางเด็ดขาด เพราะการใช๎ผ๎าใบหรือสิ่งใดปกคลุมปืน สิ่งนั้นก็จะรวมเอาความชื้นจากอากาศไว๎ ท าให๎ปืนเกิดสนิมได๎งํายมาก เฉพาะเวลาปัดกวาดอาคารหรือเช็ดถูเทํานั้นเพื่อปูองกันมิให๎ฝุุนละอองปลิวไปจับปืน เพราะปืนมีน้ ามันที่ชโลมท าความสะอาดไว๎ท าให๎ติดฝุุนละอองได๎งําย ๑๒. การระวังรักษาและท าความสะอาดภายหลังการยิง ๑๒.๑ เมื่อยิงเสร็จแล๎ว ให๎รีบท าความสะอาดทันทีโดยเฉพาะในล ากล๎องและรังเพลิงให๎หมด จดไมํควรปลํอยทิ้งไว๎จนข๎ามวัน ตํอจากนั้นให๎ท าความสะอาดและชโลมน้ ามันทุกวัน อยํางน๎อยเป็นเวลาติดตํอกันถึง ๓ วัน ๑๒.๒ การท าความสะอาดภายในล ากล๎องภายหลังยิงนั้น ครั้งแรกต๎องถอดเลื่อนปืนและ ล ากล๎องปืนออก ใช๎เศษผ๎าที่สะอาดชุบน้ ามันล๎างล ากล๎องให๎สะอาด ถ๎าไมํมีน้ ามันล๎างล ากล๎องให๎ใช๎น้ ามันส าหรับ ท าความสะอาดหรือน้ าแทนก็ได๎แตํถ๎าใช๎น้ าก็ควรเป็นน้ าอุํนและถ๎าเป็นน้ าสบูํร๎อน ๆ ก็ยิ่งดีเอาเศษผ๎าสะอาดติด ปลายแส๎ชุบน้ ามันช าระล ากล๎องโดยการแยงไปในล ากล๎องแล๎วชักไปมาหลายๆครั้ง จนแนํใจวําในล ากล๎องสะอาดดีแล๎ว ใช๎ผ๎าแห๎งติดปลายแส๎แยงไปมาเพื่อภายในอีกครั้งหนึ่ง เมื่อล ากล๎องสะอาดดีแล๎วให๎ใช๎เศษผ๎าที่สะอาดชุบน้ ามันใส ที่ท าขึ้นเป็นพิเศษ ติดปลายแส๎แยงล ากล๎องเพื่อชโลมภายในอีกครั้งหนึ่ง ข๎อควรระวัง ภายหลังท าการยิงห๎ามชโลมน้ ามันภายในล ากล๎อง นอกเสียจากได๎ท าความสะอาดภายในล ากล๎อง ด๎วยวิธีการที่กลําวมาแล๎วข๎างต๎น ๑๒.๓ เช็ดเลื่อนปืนและโครงปืนให๎ทั่วด๎วยเศษผ๎าที่ชุบน้ ามันเสียกํอนแล๎ว จึงใช๎ผ๎าแห๎งเช็ด ตํอไป จนปราศจากฝุุนผง สิ่งที่ต๎องตรวจและระวังเป็นพิเศษก็คือ ตามรูรํองตําง ๆ และรางเดินของเลื่อนปืนนั้นต๎อง เช็ดให๎สะอาดจริง ๆ เมื่อสํวนตําง ๆ สะอาดดีแล๎วจึงชโลมน้ ามันไว๎บาง ๆ ๑๓. แนวทางปฏิบัติส าหรับการระวังรักษาปืนพก ๑๓.๑ ท าความสะอาดทุกครั้งเมื่อเสร็จสิ้นการยิงแตํละวันไมํควรปลํอยทิ้งไว๎ให๎ข๎ามวัน ๑๓.๒ อยําใช๎ปืนที่มีฝุุน ผง โคลน ทราย หรือน้ าอยูํในล ากล๎อง ท าการยิงโดยเด็ดขาด ๑๓.๓ กํอนที่บรรจุกระสุนเข๎ารังเพลิง จะต๎องตรวจดูให๎แนํใจวําสะอาด ไมํมีสิ่งแปลกปลอม หรือสิ่งสกปรกติดค๎างอยูํในล ากล๎อง เพราะสิ่งเหลํานั้นจะท าให๎ล ากล๎องบวมหรืออาจแตกได๎เมื่อท าการยิง ๑๔. การระวังรักษาและการท าความสะอาดในท๎องถิ่นที่มีสภาพอากาศผิดปกติ ๑๔.๑ ในเขตที่มีอากาศหนาวจัด ๑๔.๑.๑ เมื่ออุณหภูมิของอากาศลดลงต่ ากวําจุดน้ าแข็ง จ าเป็นจะต๎องปูองกันไมํให๎ ชิ้นสํวนเคลื่อนที่ของปืนพกชนิดนี้ถูกความชื้น อยําชโลมน้ ามันให๎มากเกินไปเพราะน้ ามันจะแข็งตัวจะท าให๎ เครื่องกลไกท างานไมํสะดวก ปืนอาจติดขัดได๎ ๑๔.๑.๒ กํอนที่จะใช๎ในเขตที่มีอากาศหนาว ซึ่งมีอุณหภูมิตํากวํา ๐ องศาฟาเรนไฮด์ ควรถอดปืนออกท าความสะอาดด๎วยน้ ามันท าความสะอาด ส าหรับชิ้นสํวนที่ต๎องถูกเสียดสีอยูํเสมอจนมีรอยปรากฏนั้น ให๎ใช๎เศษผ๎าที่สะอาดชุบน้ ามันพิเศษชโลมไว๎บาง ๆ ๑๔.๒ ในเขตอากาศร๎อน ๑๔.๒.๑ ในเขตที่มีอากาศร๎อนและมีความชื้นในอากาศสูงหรือที่ ๆ มีไอน้ าทะเล และในฤดูฝน ให๎ตรวจปืนทุกวัน ถ๎าปืนนั้นมิได๎น าออกมาใช๎ให๎ชโลมน้ ามันไว๎บาง ๆ ความเป็นจริงนั้นควรจะถอดปืน ออกท าความสะอาด และเช็ดให๎แห๎ง แล๎วจึงชโลมน้ ามันใหมํ
๑๑ ๑๔.๒.๒ ในเขตที่มีอากาศร๎อนและแห๎งแล๎งซึ่งมีทรายฝุุนผงปลิวอยูํในอากาศซึ่งอาจจะ เข๎าไปจับเกาะอยูํในเครื่องกลไก และภายในล ากล๎องปืนได๎นั้น ให๎เช็ดน้ ามันออกจากปืนให๎หมดเพราะถ๎ามีน้ ามันอยูํ จะท าให๎ทรายและฝุุนผงไปเกาะรวมตัวกันอยูํมาก ๆ ฉะนั้นจึงต๎องเช็ดปืนให๎แห๎งจริง ๆ และควรจะถอดปืนออกท า ความสะอาดจริง ๆ ให๎ทั่วทุกวัน ๑๔.๒.๓ มือผู๎จับถือที่มีเหงื่อ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ท าให๎ปืนเป็นสนิม เพราะเหงื่อมีกรด และเกลือ จึงจ าเป็นจะต๎องเช็ดสํวนที่เป็นโลหะให๎สะอาดอยูํเสมอ ๑๕. ข๎อควรสังเกตเกี่ยวกับการท าความสะอาดปืน ๑๕.๑ กํอนท าการยิงจะต๎องเช็ดน้ ามันและสิ่งสกปรกออกจากล ากล๎องและรังเพลิงให๎หมด ๑๕.๒ หลังจากท าการยิงไมํควรทิ้งปืนไว๎ข๎ามคืน โดยไมํท าความสะอาดเพราะเมื่อเกิดการ ช ารุดหรือสนิมแล๎วก็ยากที่จะแก๎ไขได๎ ๑๕.๓ ทาน้ ามันเพียงบาง ๆ อยําให๎ปืนชุํมโชกไปด๎วยน้ ามัน ๑๕.๔ อยําวางปืนลงบนพื้นดิน เพราะจะท าให๎ดิน ทราย สิ่งสกปรกและความชื้นเข๎าจับอยูํ ในล ากล๎องและเครื่องลั่นไกได๎ ๑๕.๕ อยําใช๎เศษผ๎าหรือจุกไม๎อุดที่ปากล ากล๎อง เพราะอาจลืมเอาออกกํอนที่จะท าการยิง ซึ่งจะท าให๎ล ากล๎องปืนแตกหรือบวมได๎ ๑๕.๖ การเก็บปืนไว๎ในซองปืนที่เป็นหนัง จะท าให๎ปืนเกิดเป็นสนิมได๎งํายจากความชื้นของ หนังฉะนั้นจึงควรใช๎ซองหนังที่แห๎งสนิทจริง ๆแตํถ๎าจ าเป็นจะเก็บปืนไว๎ในซองหนังที่เปียกชื้นให๎ชโลมด๎วยน้ ามันให๎หนา ๑๕.๗ ไมํควรลั่นไกปืนเลํนในขณะถอดปืน เพราะจะท าให๎ชิ้นสํวนของปืนกระเด็นหายได๎ โดยเฉพาะเครื่องลั่นไก
๑๒ บทที่ ๓ ปืนพกอัตโนมัติขนาด .๔๕ นิ้ว เอ็ม. ๑๙๑๑ M 1911/ M1911A1 .45 Automatic Colt Pistol (ปพ.อ.๔๕-๑) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ปพ.อ. .๔๕ – ๑ หรือที่รู๎จักกันทั่วไปวํา ยู.เอล,อาร์มี่ นั้นเป็นปืนที่มีชื่อเสียงมากใน สมัยสงครามโลกที่ผํานมา เป็นปืนที่มีขนาดกว๎างปากล ากล๎อง ๑๑ มม. หรือ .๔๕ นิ้ว จัดให๎เป็นอาวุธประจ ามือใน ระดับผู๎บังคับบัญชาและพลยิง หรือพลยิงผู๎ชํวยของอาวุธประจ าหนํวย เพื่อใช๎ปูองกันตัวในระยะประชิด ปืนชนิดนี้ มีชิ้นสํวนไมํมากนัก ท าให๎สะดวกตํอการบ ารุงรักษาและการใช๎งานอยํางสมบุกสมบัน การท างานของปืน ท างานด๎วย แรงสะท๎อนถอยหลังของล ากล๎องระบายความร๎อนด๎วยอากาศ ปูอนกระสุนด๎วยซองกระสุนสามารถบรรจุกระสุน ได๎๗ นัด มีเกลียวเวียนซ๎าย (แตํละรอบเกลียวมีความยาว ๑.๖ นิ้ว) ใช๎ระบบนิรภัย ทั้งห๎ามไกและห๎ามไกชํวย ใน ปัจจุบันนี้ปืนนี้ได๎มีการผลิตออกมา ๒ แบบ คือ แบบ M 1991 A และแบบ M 1911 A1 ซึ่งการท างานของปืนทั้ง ๒ แบบนี้เหมือนกันทุกประการ ผิดกันที่ลักษณะของตัวปืน แบบ M 1911 A1 ซึ่งดัดแปลงให๎แตกตํางออกไปจาก แบบ M 1911 A ดังนี้คือ ๑.๑ เสริมหางห๎ามไกชํวยให๎ยื่นออกมา เพื่อให๎รับกับมือยิ่งขึ้น ๑.๒ ดัดแปลงรอยตัดที่โครงปืนให๎สอดนิ้วเข๎าไปได๎สะดวก ท าให๎สามารถสวมถุงมือยิงได๎ในสภาพ อากาศหนาว ๑.๓ ดัดแปลงเหล็กปิดท๎ายโครงปืนให๎โค๎งออกมา และมีลายกันลื่น เพื่อชํวยให๎จับได๎กระชับขึ้น ๑.๔ ขยายยอดศูนย์หน๎าให๎ใหญํขึ้นกวําเดิม ๑.๕ ดัดแปลงไกปืนให๎เว๎า และมีลายกันลื่น ๒. ขนาดและน้ าหนัก ๒.๑ ความยาวของปืนทั้งกระบอก ๘.๕๙๓ นิ้ว ๒.๒ ระยะหํางระหวํางศูนย์หน๎ากับศูนย์หลัง ๖.๔๘๑ นิ้ว ๒.๓ ความยาวของล ากล๎อง ๕.๐๓ นิ้ว ๒.๔ น้ าหนักของปืนพร๎อมซองกระสุนเปลํา ๒.๔๓๗ ปอนด์ ๒.๕ น้ าหนักของปืนพร๎อมซองบรรจุกระสุนเต็ม ๒.๗๖๒ ปอนด์ ๒.๖ น้ าหนักของกระสุนเปลํา ๐.๑๕๖ ปอนด์ ๒.๗ แรงเหนี่ยวไก (ปืนใหมํ) ๕ ๑/๒ – ๖ ๑/๒ ปอนด์ ๒.๘ แรงเหนี่ยวไก (ปืนเกํา) ๕ – ๖ ๑/๒ ปอนด์ ๒.๙ น้ าหนักซองกระสุนพร๎อมกระสุนเต็ม (๗ นัด) ๐.๔๘๑ ปอนด์
๑๓ ๓. ลักษณะสมรรถนะน าวิถี ๓.๑ ความเร็วต๎น ๘๓๐ ฟุต/วินาที ๓.๒ ความเร็วในการยิง ๒๑ – ๒๘ นัด/นาที ๓.๓ ความเร็วในการยิงหวังผล ๑๐ นัด/นาที ๓.๔ ระยะยิงไกลสุด ประมาณ ๑,๖๔๐ หลา ๓.๕ ระยะยิงหวังผล ๕๐ หลา ๓.๖ ความดันในรังเพลิง ๑,๗๐๐ ปอนด์/ตารางนิ้ว ๔. สํวนประกอบของปืนและกระสุน ของ ปพ.อ. .๔๕ – ๑ ๔.๑ สํวนประกอบ ๔.๑.๑ ชุดเลื่อนปืน ๔.๑.๒ ชุดโครงปืน ๔.๑.๓ ชุดเครื่องปูอนกระสุน ๔.๒ กระสุน ๔.๒.๑ กระสุนจริง M1911 ๔.๒.๒ กระสุนซ๎อมรบ M9 ๔.๒.๓ กระสุนฝึกบรรจุM 1921 ๔.๒.๔ กระสุนลูกปราย M 15 ๔.๒.๕ กระสุนสํองวิถีT30 การถอดประกอบ ๕. ส าหรับ ปพ.อ. .๔๕ นิ้ว มีความมุํงหมายในการถอดประกอบอยูํ ๓ ประการคือ เพื่อท าความ สะอาด เพื่อแก๎ไขเหตุติดขัด และเพื่อการศึกษา โดยกระท าได๎๒ ขั้น คือ ๕.๑ การถอดประกอบปกติคือการถอดชิ้นสํวนใหญํของปืนออกมา การถอดประกอบในขั้น นี้ผู๎ใช๎สามารถกระท าได๎ ๕.๒ การถอดประกอบพิเศษ คือการถอดชิ้นสํวนที่ละเอียดปลีกยํอย ไปจากการถอดประกอบ ปกติการถอดประกอบในขั้นนี้เป็นหน๎าที่ของเจ๎าหน๎าที่สรรพาวุธเทํานั้น ๖. การถอดประกอบ ๖.๑ การถอดคุมปกติ ๖.๑.๑ ถอดซองกระสุน ใช๎นิ้วหัวแมํมือขวากดเหล็กยึดซองกระสุน แล๎วใช๎มือซ๎ายดึง ซองกระสุนออก ๖.๑.๒ คลายแหนบรับแรงถอย กดครอบแหนบรับแรงถอยให๎ยุบตัวลงไปจนต่ ากวํา ปลอกบังคับแหนบรับแรงถอย แล๎วหมุนปลอกบังคับแหนบรับแรงถอยตามเข็มนาฬิกาจนพ๎นจากครอบแหนบรับ แรงถอย คํอย ๆ ผํอนให๎แหนบรับแรงถอยคลายจนตัวสุด แล๎วถอดครอบแหนบรับแรงถอยออกมา ๖.๑.๓ ถอดเลื่อนปืนออกจากโครงปืน ดึงเลื่อนปืนไปข๎างหลังจนรํองเล็กด๎านซ๎ายของ เลื่อนปืน ตรงกับปลายของเหล็กหยุดเลื่อนปืน ใช๎นิ้วชี้มือขวากดสลักเหล็กหยุดเลื่อนปืนที่โผลํออกไปทางขวาให๎ หลุดออกมาทางซ๎ายแล๎วดึงออก หลังจากนั้นก็ดึงเลื่อนปืนออกมาทางปากล ากล๎องจนหลุดออกจากโครงปืน
๑๔ ๖.๑.๔ ถอดแกนแหนบและแหนบรับแรงถอย หงายเลื่อนปืนขึ้นแกนแหนบและ แหนบรับแรงถอยออกมาทางท๎ายล ากล๎อง แล๎วแยกออกจากกัน ๖.๑.๕ ถอดปลอกบังคับแหนบรับแรงถอย ปิดปลอกบังคับแหนบรับแรงถอย ทวน เข็มนาฬิกาไปจนสุดแล๎วดึงออก ๖.๑.๖ ถอดล ากล๎อง หงายเลื่อนปืนขึ้นผลักหํวงข๎อตํอล ากล๎องลงไปข๎างหน๎าจนสุด แล๎วดึงล ากล๎องออกไปทางด๎านหน๎าจนหลุดจากเลื่อนปืน ๖.๒ การประกอบ ให๎กระท าย๎อนขึ้นไปจากข๎อสุดท๎ายไปหาข๎อแรก การท างานของเครื่องกลไก เหตุติดขัดและการแก๎ไข ๗. การท างานของเครื่องกลไก ๗.๑ เมื่อน าซองกระสุนที่บรรจุกระสุนเต็ม สอดเข๎าไปในชํองรับซองบรรจุกระสุนจนสนิท แล๎วดึงเลื่อนปืนมาทางหลัง จะท าให๎นกปืนถูกผลักให๎หงายไปอยูํในลักษณะขึ้นนก และแหนบรับแรงถอยอัดตัว เมื่อเลื่อนปืนถอยตํอไป จนพ๎นชํองบรรจุกระสุน เหล็กรองกระสุนจะดันกระสุนนัดบนขึ้นมารออยูํในทางผําน ของเลื่อนปืน เมื่อปลํอยเลื่อนปืน แหนบรับแรงถอยที่อัดตัวอยูํจะขยายตัวดันให๎เลื่อนปืนวิ่งไปข๎างหน๎า พากระสุน นัดบนเข๎าสูํรังเพลิงและเมื่อเลื่อนปืนวิ่งไปข๎างหน๎า ตํอไปก็จะกระแทกกับสํวนท๎ายล ากล๎อง ท าให๎ล ากล๎องวิ่งไป ข๎างหน๎าด๎วย เมื่อเลื่อนปืนและล ากล๎องวิ่งกลับเข๎าที่เดิมก็จะยึดกันแนํนสนิท โดยมีสันบนของล ากล๎องเข๎าไปขัดตัว ในรํองของเลื่อนปืน ในขณะนี้ปืนก็พร๎อมที่จะท าการยิงได๎แล๎ว ๗.๒ เมื่อนกปืนอยูํในทําขึ้นนก จะท าให๎คันผลักนกปืนโค๎งต่ าลงมา ดันแหนบคันผลักนกปืน ให๎อัดตัวและแหนบกระเดื่องนกปืน ซึ่งปลายแหนบอันยาวขดอยูํกับรํองบากนกปืน จะบังคับกระเดื่องนกปืนไว๎ นกปืนจะค๎างอยูํข๎างหลัง ในโอกาสนี้ปืนก็พร๎อมที่จะยิงตามอาการดังนี้ ๗.๒.๑ บีบห๎ามไกชํวย (เป็นการบีบโดยอุ๎งมือเมื่อจับปืน) ท าให๎ไกปืนเป็นอิสระในการ เคลื่อนที่ได๎ ๗.๒.๒ เลื่อนปืนต๎องอยูํข๎างหน๎า กํอนที่ล ากล๎องปืนจะเข๎าไปขัดกลอนรวมกันได๎เหล็ก ปลดสะพานไกจะถูกยึดอยูํในชํองด๎านลํางของเลื่อนปืน ภายใต๎การบังคับของแหนบกระเดื่องนกปืนด๎วยอาการ ดังกลําวนี้เมื่อไกปืนเคลื่อนที่กระเดื่องนกปืนก็จะเคลื่อนที่ด๎วย ๗.๒.๓ ปลดห๎ามไกเพื่อให๎กระเดื่องนกปืนเป็นอิสระในการที่จะปลํอยนกปืน และ เลื่อนปืนก็จะถอยมาข๎างหลังได๎สะดวก ๗.๓ เมื่อเหนี่ยวไก กระเดื่องนกปืนจะเคลื่อนที่หลุดจากนกปืน นกปืนจะตีท๎ายเข็มแทง ชนวนจนท าให๎เข็มแทงชนวนไปกระแทกชนวนท๎ายปลอกกระสุน แรงดันสํวนที่ไปข๎างหน๎าของแก๏สจะดันลูกกระสุน ให๎วิ่งออกไปจากล ากล๎องปืน แรงดันสํวนที่ไปข๎างหลังจะดันตํอหน๎าของเลื่อนปืน ท าให๎เลื่อนปืนและล ากล๎องแยก จากกัน (ปลดกลอน) แล๎วล ากล๎องจะถูกบังคับให๎หยุดในขณะที่อยูํในต าแหนํงลดต่ าลง เลื่อนปืนคงถอยตํอไป และท าให๎ท๎ายล ากล๎องปืนเปิด ในขณะนี้ปืนจะขึ้นนก/รั้ง และกัดปลอกกระสุน และอัดแหนบรับแรงถอยไปใน โอกาสเดียวกันด๎วย เลื่อนปืนจะถอยตํอไปจนสุดกระสุนนัดใหมํจะถูกดันขึ้นมาเมื่อปืนวิ่งกลับด๎วยแรงสํงของแหนบ รับแรงถอย ก็จะพาให๎กระสุนนั้นเข๎าไปในรังเพลิงด๎วย ๗.๔ น้ าหนักและแรงเฉื่อยซึ่งเพิ่มขึ้นตามล าดับของเลื่อนปืน และล ากล๎องปืนมีอยูํมาก และ นานกวําน้ ามันและแรงเฉื่อยของลูกกระสุน เพราะวํากระสุนมีความเร็วสูง พ๎นจากปากล ากล๎องไปกํอนที่เลื่อนปืน และล ากล๎องจะถอยหลังมาถึงต าบลที่ปลดกลอน การที่สร๎างปืนให๎เป็นเชํนนี้ท าให๎มีเวลานานพอที่จะถํวงเวลามิให๎ ท๎ายล ากล๎องเปิดเสียกํอนที่ลูกกระสุนจะพ๎นจากปากล ากล๎องไปแล๎ว เพื่อปูองกันมิให๎แก๏สรั่วไหลออกมาทางท๎าย ล ากล๎อง เหล็กรองกระสุนซึ่งถูกแหนบสํงกระสุนดันให๎ขยายตัวขึ้นมา จะผลักให๎สลักล ากล๎องปืนกระดกตัวขึ้นมาขัดอยูํ ในรํองด๎านซ๎ายของเลื่อนปืน ท าให๎เลื่อนปืนค๎างอยูํทางหลัง เมื่อจะปลํอย
๑๕ บทที่ ๔ ปืนกลมือ ขนาด ๙ มม. Gun, Submachine, Cal. 9 mm.Parabellum (ปกม.๙ – ๒, ปกม.๙ – ๒ ก และ ปกม.๙ – ๒ ข) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ๑.๑ ปืนกลมือ ขนาด ๙ มม.นี้เรียกโดยทั่วไปวํา UZI สร๎างจากประเทศเบลเยี่ยม แตํ ทอ. ไทย ได๎น าแบบมาสร๎างเป็น ปกม.๐๗ บ. ๑ (จันทรุเบกษา) พานท๎ายเป็นไม๎ตํอมาทางราชการได๎สั่งปืนชนิดนี้เข๎ามาใช๎ใน ทอ. จริง เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๑๒ และเรียกชื่อวํา ปกม.๐๗ บ.๒ (พานท๎ายเป็นเหล็กพับได๎) ๑.๒ ปืนชนิดนี้เป็นของ อิสราเอล ซึ่งได๎แผนแบบมาจากของเยอรมันอีกทอดหนึ่ง แตํ อิสราเอลได๎มอบให๎บริษัท FARIQUE NATIONNAL DIARMS DE GUERRE S.A.HERSTAL (FN.) ของเบลเยี่ยมสร๎าง ๑.๓ ปืนกลมือ ขนาด ๙ มม. มีขนาดกว๎างปากล ากล๎อง ๙ มม. ใช๎กระสุนขนาด ๙ มม. พารา เบลลั่ม หรือ ลูเกอร์ใช๎ในการรบประชิด หรือใช๎ในหนํวยจูํโจม เป็นปืนที่สามารถท าการยิงได๎ทั้งแบบอัตโนมัติและ กึ่งอัตโนมัติการท างานเป็นแบบท างานด๎วยแรงสะท๎อนถอยหลังของลูกเลื่อน (BLOW BACK OPERATED) มีแหนบ สํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่ไปดันให๎ลูกเลื่อนเปิดท๎ายด๎วยน้ าหนักของลูกเลื่อน ระบายความร๎อนด๎วยอากาศ มีเครื่องนิรภัย และคันบังคับการยิง ปูอนกระสุนด๎วยซองกระสุน ศูนย์หน๎าเป็นศูนย์แทํง และศูนย์หลังเป็นศูนย์รูชนิดปรับระยะได๎ ๑.๔ ส าหรับการใช๎งานปืนกลมือ Uzi ในหนํวยงานอื่นๆของประเทศไทยนั้น มีใช๎งานใน กองทัพบก และกองทัพเรือด๎วย นอกจากนั้น กองทัพบกได๎มีการจัดหา ปืนกลมือแบบ Mini Uzi มาใช๎งานจ านวนหนึ่ง ๑.๕ ชํวงเวลาในการประจ าการ ปี พ.ศ.๒๕๐๗ – ปัจจุบัน ๑.๖ การใช๎งานในสงครามหรือข๎อพิพาทตํางๆ ปืนกลมือ Uzi มีสํวนรํวมในการสร๎างวีรกรรม ในเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารสายการบินการูด๎าของประเทศอินโดนีเซีย ถูกปล๎นยึดมาลงที่ทําอากาศยานดอนเมือง เมื่อ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๔ ในการเข๎าปฏิบัติการในคืนวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๔ คอมมานโดฝุายไทยจากกองร๎อย ปฏิบัติการพิเศษได๎รับมอบหมายให๎อยูํใต๎เครื่องบินเป็นสํวนระวังปูองกัน สํวนการเข๎าโจมตีบนเครื่องบินจะเป็น หน๎าที่ของคอมมานโดอินโดนีเซียโดยจะใช๎เจ๎าหน๎าที่ฝุายไทยเปิดประตูท๎ายเครื่องสองคนสํวนที่เหลือจะอยูํบริเวณ ชํองทางด๎านลํางของประตูเครื่องบิน คอมมานโดฝุายไทยมี ปืนพก FN ขนาด ๙ มิลลิเมตรและปืนกลมือ ยูซี่ เป็นอาวุธ เมื่อถึง เวลา ๑ นาฬิกา ชุดของคอมมานโดอินโดนีเซียและไทย อาศัยความมืดเดินเข๎าทางท๎ายของเครื่องบิน และ เข๎าชาร์จเครื่องบินอยํางรวดเร็ว เจ๎าหน๎าที่ฝุายไทยเปิดประตูท๎ายเครื่องให๎เจ๎าหน๎าที่อินโดนีเซียคนแรกวิ่งเข๎าไป แตํเจ๎าหน๎าที่อินโดนีเซียถูกกระสุนของคนร๎ายตกลงจากเครื่องบินเจ๎าหน๎าที่คอมมานโดไทยซึ่งเฝูาระวังอยูํ จึงใช๎ อาวุธปืนยิงคนร๎ายเสียชีวิตทันที เปิดทางให๎เจ๎าหน๎าที่คอมมานโดของอินโดนีเซียเข๎าไปในเครื่องบินและชํวยเหลือ ผู๎โดยสารได๎เป็นผลส าเร็จ จากปฏิบัติการดังกลําวท าให๎เจ๎าหน๎าที่ปฏิบัติการพิเศษของกองทัพอากาศ ได๎รับพระราชทาน เหรียญกล๎าหาญ ๕ นาย การใช๎งานในกองทัพอากาศ เดิมใช๎ในภารกิจปูองกันประเทศ ตํอต๎านการกํอการร๎าย อารักขาบุคคลส าคัญและ ยามรักษาการณ์ ปัจจุบันใช๎เป็นอาวุธประจ าการของสารวัตรทหารอากาศ
๑๖ ๒. รุํนของปืน และการก าหนดชื่อ ค ายํอ ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ กองทัพอากาศได๎เปลี่ยนชื่อเรียกตามค าสั่ง ทอ.(เฉพาะ) ที่๔๓๗/๑๘ เรื่องการ ก าหนดชื่อราชการ และค ายํออาวุธกระสุนวัตถุระเบิดและอุปกรณ์สรรพาวุธของกองทัพอากาศ เป็นชื่อเรียกดังนี้ ๒.๑ ปืนที่ ซื้อจากตํางประเทศ ชนิดพานท๎ายเหล็กพับได๎ ๒.๑.๑ ชื่อภาษาอังกฤษ : Gun, Submachine, Cal. 9 mm.Parabellum ๒.๑.๒ ชื่อราชการกองทัพอากาศ : ปืนกลมือขนาด ๙ มม.ยูซี่ พาราเบลลั่ม ๒.๑.๓ ค ายํอกองทัพอากาศ : ปกม. ๙-๒ ๒.๒ ปืนที่ กรมสรรพาวุธทหารอากาศสร๎าง ชนิดพานท๎ายไม๎ ๒.๒.๑ ชื่อภาษาอังกฤษ : Gun, Submachine, Cal. 9 mm.Chantarubegsa ๒.๒.๒ ชื่อราชการกองทัพอากาศ : ปืนกลมือขนาด ๙ มม. จันทรุเบกษา ๒.๒.๓ ค ายํอกองทัพอากาศ : ปกม. ๙-๒ ก ๒.๓ ปืนที่ กรมสรรพาวุธทหารอากาศสร๎าง ชนิดพานท๎ายเหล็กพับได๎ ๒.๓.๑ ชื่อภาษาอังกฤษ : Gun, Submachine, Cal. 9 mm.Changtarubegsa ๒.๓.๒ ชื่อราชการกองทัพอากาศ : ปืนกลมือขนาด ๙ มม. จันทรุเบกษา ๒ ๒.๓.๓ ค ายํอกองทัพอากาศ : ปกม.๙-๒ ข (รูปภาพ : ปกม. ๙-๒) (รูปภาพ : ปกม. ๙-๒ ก) (รูปภาพ : ปกม.๙-๒ ข)
๑๗ ๓. ข๎อมูลทางเทคนิค รายการ ปืนกลมือ Uzi และปืนกลมือจันทรุเบกษา ปืนกลมือ Mini Uzi ระบบการท างาน ท าง านด๎ วยแ รงส ะท๎อนถอยหลังของ ลูกเลื่อน (Blowback Operated) ลั่นไก จากต าแหนํงลูกเลื่อนเปิด เข็มแทงชนวน ติดตั้งตายตัวที่หน๎าลูกเลื่อน ท างานด๎ายแรงสะท๎อนถอยหลังของ ลูกเลื่อน (Blowback Operated) มี ผลิตสองแบบ คือ ลั่นไกจากต าแหนํง ลูกเลื่อนเปิด (OBP) และ ลั่นไกจาก ต าแหนํงลูกเลื่อนปิด (CBP) น้ าหนัก พานท๎ายไม๎ ๓.๖ กิโลกรัม พานท๎ายเหล็ก ๓.๕ กิโลกรัม ๒.๖๕ กิโลกรัม ความยาว เมื่อกางพานท๎าย ๖๕ เซนติเมตร ๕๘.๘ เซนติเมตร ความยาว เมื่อพับพานท๎าย ๔๖.๕ เซนติเมตร ๓๖ เซนติเมตร ความยาวล ากล๎อง ๒๖ เซนติเมตร ๑๙.๗ เซนติเมตร ศูนย์เล็ง ศูนย์หน๎าแบบแทํง ศูนย์หลังเป็นศูนย์รู ตัวศูนย์รูปตัว “L” พับได๎ ตั้งระยะส าหรับ ๑๐๐ และ ๒๐๐ เมตร ศูนย์หน๎าแบบแทํงปรับได๎ ศูนย์หลัง เป็นศูนย์รู ตัวศูนย์รูปตัว “L” พับได๎ ตั้งระยะส าหรับ ๕๐ และ ๑๐๐ เมตร การบรรจุกระสุน ซองกระสุน บรรจุ ๒๕ นัด และ ๓๒ นัด ซองกระสุน บรรจุ ๒๐ นัด ๒๕ นัด และ ๓๒ นัด ห๎ามไก ห๎ามไกอยูํที่คันบังคับการยิงด๎านซ๎ายของปืน เหนือด๎ามจับ ห๎ามไกเมื่อคันบังคับการยิงอยูํที่ต าแหนํง S (ต าแหนํง ห ส าหรับปืนกลมือจันทรุเบกษา บางหมายเลขงานการผลิต) ห๎ามไกอยูํที่คันบังคับการยิงด๎านซ๎าย ของปืนเหนือด๎ามจับ ห๎ามไกเมื่อคันบังคับการยิงอยูํที่ ต าแหนํง S ระยะยิงหวังผลไกลสุด ๒๐๐ เมตร ๑๕๐ เมตร อัตราการยิง ๗๐๐ นัดตํอนาที OBP ๑,๕๐๐ นัดตํอนาที CBP ๑,๐๕๐ นัดตํอนาที กระสุน ๙ x ๑๙ มิลลิเมตร พาราเบลลั่ม ๙ x ๑๙ มิลลิเมตร พาราเบลลั่ม
๑๘ ๔. เหตุติดขัดและการแก๎ไข ๕. การถอดประกอบ ๕.๑ ปกม.๐๗ นี้มีชิ้นสํวนใหญํๆชิ้นสํวน คือ ๕.๑.๑ พานท๎ายปืน ๕.๑.๒ ห๎องลูกเลื่อน ๕.๑.๓ ฝาปิดห๎องลูกเลื่อน ๕.๑.๔ ลูกเลื่อน ๕.๑.๕ ชุดล ากล๎อง ๕.๑.๖ ชุดเครื่องลั่นไกกับเรือนยึดของกระสุน ๕.๑.๗ ซองกระสุน ข๎อขัดข๎อง สาเหตุ การแก๎ไข ๔.๑ ปืนไมํปูอนกระสุน ๔.๒ ปืนไมํบรรจุกระสุน เข๎ารังเพลิง ๔.๓ ปืนไมํลั่น ๔.๔ ปืนไมํคัดปลอกกระสุน ๑. ซองกระสุน ๒. แหนบสํงกระสุนอํอน ๓. เหล็กรองกระสุนช ารุด ๔. เหล็กยึดซองกระสุนช ารุด ๑. แหนบรับแรงถอยอํอนหรือช ารุด ๒. ปากซองกระสุนผิดรูป ๑. เข็มแทงชนวนหักหรือสั้น ๒. แหนบเข็มแทงชนวนอํอนหรือโกํง ๓. แหนบนกปืนอํอนหรือช ารุด ๔. แหนบกระเดื่องนกปืนอํอนหรือช ารุด ๕. นกปืนช ารุด ๖. คันรั้งนกปืนช ารุด ๗. สะพานกระเดื่องนกปืนช ารุด ๘. แหนบไกอํอนหรือหัก ๙. คันไกช ารุด ๑๐. กระสุนด๎าน ๑. ขอรั้งปลอกกระสุนหัก ๒. รังเพลิงสกปรก ๑. เปลี่ยนซองกระสุน ๒. เปลี่ยนซองกระสุน ๓. เปลี่ยนซองกระสุน ๔. เปลี่ยนเหล็กยึดซองกระสุน ๑. เปลี่ยนแหนบรับแรงถอย ๒. เปลี่ยนซองกระสุน ๑. เปลี่ยนเข็มแทงชนวน ๒. เปลี่ยนแหนบเข็มแทงชนวน ๓. เปลี่ยนแหนบนกปืน ๔. เปลี่ยนแหนบกระเดื่องนกปืน ๕. เปลี่ยนนกปืน ๖. เปลี่ยนคันรั้งนกปืน ๗. เปลี่ยนใหมํ ๘. เปลี่ยนแหนบไก ๙. เปลี่ยนใหมํ ๑๐. เปลี่ยนกระสุนใหมํ ๑. เปลี่ยนใหมํ ๒. ท าความสะอาด
๑๙ การถอดคุม แบํงออกเป็น ๓ ชั้น คือขั้นผู๎ใช๎(ขั้นที่ ๑) ขั้นเจ๎าหน๎าที่สรรพาวุธประจ าหนํวย(ขั้นที่ ๒) และขั้นพิเศษ (ขั้นที่ ๓) ๖. การถอดคุมขั้นผู๎ใช๎(ขั้นที่ ๑) เริ่มล าดับการถอดกระท าดังนี้เพื่อท าความสะอาดและตรวจดูการช ารุดเสียหายของปืน ๖.๑ ถอดซองกระสุน ให๎ใช๎มือขวาจับด๎ามปืนและใช๎มือซ๎ายจับซองกระสุน โดยใช๎หัวแมํมือกด เหล็กยึดซองกระสุน แล๎วดึงซองกระสุนออก ๖.๒ ถอยชุดฝาปิดห๎องลูกเลื่อน ให๎กดกระเดื่องยึดฝาปิดปูองลูกเลื่อนมาข๎างหลัง แล๎วยกฝาปิด ห๎องลูกเลื่อนออก ๖.๓ ถอดชุดลูกเลื่อน ให๎คันหน๎าลูกเลื่อนมาข๎างหลังเล็กน๎อย พร๎อมกับยกหัวลูกเลื่อนขึ้นลูกเลื่อน และแหนบสํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่จะหลุดออกมาด๎วยกัน ๖.๔ ถอดชุดล ากล๎อง ให๎กดกระเดื่องยึดปลอกเกลียวยึดล ากล๎อง ให๎ยุบไปข๎างหลังให๎พอคลาย ปลอกเกลียวยึดล ากล๎องออก แล๎วดึงล ากล๎องออกไปข๎างหน๎า ๖.๕ การคุมให๎กระท ากลับกับการถอด หมายเหตุส าหรับ ปกม.๐๗ บ.๑ ในการถอดคุมขั้นที่ ๑ ให๎ถอดคลุมพานท๎ายไม๎โดย ดันกระเดื่องยึดพานท๎ายซึ่งอยูํด๎านหลังของชุดเรือนเครื่องลั่นไกไปข๎างหน๎า แล๎วดึงพานท๎ายออกสํวน ปกม.๐๗ บ.๑ ห๎ามถอดชุดพานท๎ายเหล็กพับได๎ ๗. การถอดคุมขั้นเจ๎าหน๎าที่สรรพาวุธประจ าหนํวย (ขั้นที่ ๒)การถอดให๎ถอดขั้นผู๎ใช๎(ขั้นที่ ๑) กํอน ๗.๑ ถอดชุดเรือนเครื่องลั่นไก ให๎ใช๎เหล็กสํงออกเอาสลักยึดเรือนเครื่องลั่นไกซึ่งอยูํ ด๎านหลังของเรือนเครื่องลั่นไกออก แล๎วถอดเรือนเครื่องลั่นไกกับเรือนยึดซองกระสุน ซึ่งติดอยูํด๎วยกันออก ๗.๒ ชุดห๎องเลื่อน เมื่อถอดชิ้นสํวนตํางๆออกหมดแล๎วถ๎าเป็น ปกม.๐๗ บ.๑ จะเหลืออยูํแตํ ชุดห๎องลูกเลื่อน แตํถ๎าเป็น ปกม.๐๗ บ.๒ จะเหลือชุดห๎องลูกเลื่อนติดกับพานท๎าย เหล็กพับได๎นี้จะมีรอยย้ าห๎ามถอด ๗.๓ การคุม ให๎กระท ากลับกับการถอด ๘. การถอดคุมขั้นพิเศษ (ขั้นที่ ๓) ส าหรับการถอดคุมขั้นนี้กระท าได๎ทุกชิ้นสํวน และให๎กระท าได๎เฉพาะเจ๎าหน๎าที่สรรพาวุธของกองโรงงานสรรพาวุธ สพ.ทอ. และเจ๎าหน๎าที่สรรพาวุธของ กองวิทยาการ สพ.ทอ.เทํานั้น ๙. รายชื่อชิ้นสํวนตําง ๆ ของปืน ๙.๑ ห๎องลูกเลื่อนประกอบด๎วย ๙.๑.๑ สลักยึดไม๎ประกับปืน ๙.๑.๒ กระเดื่องยึดปลอกเกลียวยึดล ากล๎อง ๙.๑.๓ แหนบกระเดื่องยึดปลอกเกลียวยึดล ากล๎อง ๙.๑.๔ แหวนรองแปูนเกลียวยึดศูนย์หน๎า ๙.๑.๕ แปูนเกลียวยึดศูนย์หน๎า ๙.๑.๖ ศูนย์หน๎า ๙.๑.๗ ไม๎ประกับปืนด๎านขวา ๙.๑.๘ แปูนเกลียวยึดสลักยึดไม๎ประกับปืน ๙.๑.๙ แหนบศูนย์หลัง ๙.๑.๑๐ ใบศูนย์หลัง
๒๐ ๙.๑.๑๑ แปูนยึดสลักยึดศูนย์หลัง ๙.๑.๑๒ แหนบกลอนฝาปิดห๎องลูกเลื่อน ๙.๑.๑๓ กลอนฝาปิดห๎องลูกเลื่อน ๙.๑.๑๔ ห๎องลูกเลื่อน ๙.๑.๑๕ สลักเกลียวยึดศูนย์หลัง ๙.๑.๑๖ หูกระวินหน๎า ๙.๑.๑๗ ไม๎ประกับปืนด๎านซ๎าย ๙.๒ เรือนเครื่องลั่นไก ประกอบด๎วย ๙.๒.๑ สลักกระเดื่องไก ๙.๒.๒ กระเดื่องไก ๙.๒.๓ แหนบกระเดื่องไก ๙.๒.๔ แหนบไกปืน ๙.๒.๕ เรือนเครื่องลั่นไก ๙.๒.๖ เหล็กบังคับการยิง ๙.๒.๗ แหนบเหล็กบังคับการยิง ๙.๒.๘ ฐานห๎ามไกชํวย ๙.๒.๙ สลักยึดเรือนเครื่องลั่นไก ๙.๒.๑๐ คันบังคับการยิง ๙.๒.๑๑ แหนบห๎ามไกชํวย ๙.๒.๑๒ ไม๎ประกับด๎ามปืนด๎านขวา ๙.๒.๑๓ โกรํงไก ๙.๒.๑๔ สลักไก ๙.๒.๑๕ สลักสะพานไก ๙.๒.๑๖ สะพานไก ๙.๒.๑๗ ไกปืน ๙.๒.๑๘ สลักเหล็กยึดซองกระสุน ๙.๒.๑๙ แหนบเหล็กยึดซองกระสุน ๙.๒.๒๐ เหล็กยึดซองกระสุน ๙.๒.๒๑ สลักยึดไม๎ประกับด๎ามปืน ๙.๓ ชุดลูกเลื่อน ประกอบด๎วย ๙.๓.๑ สลักยึดคันรั้งลูกเลื่อน ๙.๓.๒ แหวนสลักยึดคันรั้งลูกเลื่อน ๙.๓.๓ คันรั้งลูกเลื่อน ๙.๓.๔ รางนาคันรั้งลูกเลื่อน ๙.๓.๕ ฝาปิดห๎องลูกเลื่อน ๙.๓.๖ แหนบคันรั้งลูกเลื่อน
๒๑ ๙.๓.๗ เหล็กรั้งลูกเลื่อน ๙.๓.๘ โครงลูกเลื่อน ๙.๓.๙ ขอรั้งปลอกกระสุน ๙.๓.๑๐ สลักยึดขอรั้งปลอกกระสุน ๙.๓.๑๑ ชุดแหนบสํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่ ๙.๔ ล ากล๎องและปลอกยึดล ากล๎อง ประกอบด๎วย ๙.๔.๑ ปลอกเกลียวยึดล ากล๎อง ๙.๔.๒ ล ากล๎อง ๙.๕ ซองกระสุน ๙.๕.๑ เหล็กรองกระสุน ๙.๕.๒ เรือนซองกระสุน ๙.๕.๓ แหนบสํงกระสุน ๙.๕.๔ เหล็กยึดแหนบสํงกระสุน ๙.๕.๕ แผํนปิดท๎ายซองกระสุน ๙.๖ ดาบปลายปืน ประกอบด๎วย ๙.๖.๑ ฝักดาบ ๙.๖.๒ สลักยึดปลอกแหนบฝักดาบ ๙.๖.๓ ปลอกแหนบฝักดาบ ๙.๖.๔ ใบดาบ ๙.๖.๕ หํวงดาบ ๙.๖.๖ ไม๎ประกับด๎ามดาบด๎านขวา ๙.๖.๗ สลักยึดไม๎ประกับด๎ามดาบ ๙.๖.๘ แปูนยึดสลักยึดด๎ามดาบ ๙.๖.๙ แหนบสลักยึดดาบ ๙.๖.๑๐ สลักยึดดาบ ๙.๖.๑๑ ไม๎ประกับด๎ามดาบด๎านซ๎าย ๙.๖.๑๒ แปูนยึดสลักยึดไม๎ประกับด๎ามดาบ ๙.๗ พานท๎าย ประกอบด๎วย ๙.๗.๑ แหนบรับสลักยึดพานท๎าย ๙.๗.๒ สลักยึดพานท๎าย ๙.๗.๓ กระเดื่องยึดพานท๎าย ๙.๗.๔ กระเดื่องยึดก๎านตํอพานท๎ายทํอนหน๎า ๙.๗.๕ หูกระวินหลัง ๙.๗.๖ ก๎านตํอพานท๎ายทํอนหน๎า ๙.๗.๗ ก๎านตํอพานท๎ายทํอนหลัง ๙.๗.๘ พานท๎าย
๒๒ การท างานของเครื่องกลไก ๑๐. การท างาน ๑๐.๑ ต าแหนํงหน๎าลูกเลื่อน (A) ปืนกลมือแบบนี้ ถ๎าตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่อัตโนมัติ เมื่อหยุดยิงในขณะที่กระสุนยังไมํหมดซอง หน๎าลูกเลื่อนเปิด เมื่อขึ้นนกหน๎าลูกเลื่อนเปิด เมื่อกระสุนหมดซองหน๎า ลูกเลื่อนปิด ถ๎าตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่กึ่งอัตโนมัติ(R) เมื่อขึ้นนกหน๎าลูกเลื่อนเปิด เมื่อกระสุนนัดแรกไปแล๎วหน๎า ลูกเลื่อนเปิด เมื่อกระสุนหมดซองหน๎าลูกเลื่อนปิด ๑๐.๒ รอบของการท างาน ปืนนี้ไมํมีการขัดกลอน แตํมีแหนบสํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่ เป็น เครื่องหนํวงเวลา รอบของการท างาน คือ ขึ้นนก บรรจุกระสุน ปิดท๎าย ลั่นไก รั้งปลอก คัดปลอก รอบของการท างาน จะมี๖ ขั้น ตามล าดับดังกลําวแล๎ว ๑๐.๓ การท างานแบบกึ่งอัตโนมัติเมื่อบรรจุซองกระสุนเข๎าปืนขึ้นนก และตั้งคันบังคับ การยิงไว๎ที่ต าแหนํงเรียบร๎อยแล๎ว แงํหน๎าของคันบังคับการยิง จะไปรองรับด๎านหน๎าของสะพานไกสํวนหน๎าไว๎ ในขณะนี้กระเดื่องไกจะไปขัดกับบากของสะพานไก เมื่อเหนี่ยวไกและบีบห๎ามไกชํวยแล๎วสะพานไกจะยุบตัวต่ าลง แงํที่ขัดอยูํกับกระเดื่องไกจะท าให๎กระเดื่องไกยุบตัวต่ าลงได๎เล็กน๎อยด๎วย ท าให๎แงํของกระเดื่องไกที่ขัดอยูํกับบากใต๎ ห๎องลูกเลื่อนต่ าลงลูกเลื่อนจะเป็นอิสระ แหนบสํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่จะขยายตัวท าหน๎าที่สํงลูกเลื่อนกลับไปข๎างหน๎า ในขณะเดียวกันลูกเลื่อนก็จะพากระสุนเข๎ารังเพลิง ระยะนี้สะพานไกจะพลิกตัวมาข๎างหลังท าให๎แงํของสะพานไก หลุดออกจากแงํของกระเดื่องไก กระเดื่องไกก็จะเป็นอิสระ แหนบกระเดื่องไกจะไปดันให๎กระเดื่องไกยกตัวสูงขึ้น เพื่อไปขัดบากกลางใต๎ห๎องลูกเลื่อนไว๎ในขณะนี้หน๎าลูกเลื่อนก็จะไปกระแทกจานท๎ายปลอกกระสุน ท าให๎เกิดการ ปิดท๎ายและยิงกระสุนนัดที่พาไปเข๎ารังเพลิง เมื่อกระสุนนัดที่อยูํในรังเพลิงจุดตัวแล๎ว แรงดันของแก๏สสํวนหนึ่งจะ ดันปลอกกระสุนให๎ไปดันหน๎าลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลัง และขอรั้งปลอกกระสุนที่ติดอยูํหน๎าลูกเลื่อนด๎านขวาซึ่งจับ จานท๎ายปลอกกระสุนไว๎แล๎ว ในขณะที่ลูกเลื่อนผลักกระสุนเข๎ารังเพลิงและยิงกระสุนก็จะรั้งปลอกกระสุนออกจาก รังเพลิง เมื่อแรงดันของแก๏สไปดันปลอกกระสุนให๎ไปด๎านหน๎าลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลังนี้จะท าให๎บากกลางห๎องลูก เลื่อนไปกดแงํกระเดื่องไก ท าให๎กระเดื่องลดต่ าลงระหวํางที่ลูกเลื่อนถอยหลังมาเรื่อย ๆ และรั้งปลอกกระสุนมา จนถึงต าแหนํงเหล็กคัดปลอก ซึ่งอยูํในห๎องลูกเลื่อนด๎านลํางแงํของเหล็กคัดปลอกก็จะกระเด็นออกทางชํองคัดปลอก ซึ่งอยูํด๎านขวามือของปืน ขณะที่ลูกเลื่อนถอยหลังมานั้นก็จะท าการอัดแหนบสํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่ และลูกเลื่อนจะ เคลื่อนถอยหลังมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งบากใต๎ห๎องลูกเลื่อนพ๎นจากแงํกระเดื่องไก และเมื่อพ๎นแล๎วเมื่อแรงดันของแก๏ส น๎อยกวําแรงดันของแหนบสํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่ก็จะดันให๎ลูกเลื่อนวิ่งไปข๎างหน๎า ไปขัดกับแงํของกระเดื่องไกไว๎เมื่อ ปลํอยไกก็จะท าให๎แงํของกระเดื่องไกไปขัดกับสะพานไก ปืนก็อยูํในลักษณะขึ้นนกและเมื่อปลํอยห๎ามไกชํวยแงํของ ฐานห๎ามไกชํวยจะเลื่อนถอยหลังไปขัดกับกระเดื่องไกไว๎เป็นการครบรอบการยิงแบบกึ่งอัตโนมัติหากจะยิงกระสุน นัดตํอไปบีบห๎ามไกชํวยจนสุด พร๎อมทั้งเหนี่ยวไกปืนก็จะท างานตามล าดับขั้นตอนที่ได๎กลําวมาแล๎ว ๑๐.๔ การท างานแบบอัตโนมัติเมื่อบรรจุซองกระสุนขึ้นนก และตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ ต าแหนํง “A” แล๎วจะท าให๎สํวนหน๎าของเหล็กบังคับการยิงเลื่อนพ๎นสะพานไก สะพานไกจะพลิกตัวไปข๎างหน๎าอยูํ ตลอดเวลาด๎วยแหนบไกท าให๎สะพานไกขัดตัวอยูํกับสะพานไกอยูํตลอดเวลา เมื่อบีบห๎ามไกชํวยและเหนี่ยวไกจะท า ให๎กระเดื่องไกต่ าลง (และไมํหลุดจากสะพานไก) จึงท าให๎ลูกเลื่อนเป็นอิสระวิ่งไปข๎างหน๎าด๎วยแรงแหนบสํงลูกเลื่อน กลับเข๎าที่ และพากระสุนเข๎ารังเพลิง หน๎าลูกเลื่อนจะกระแทกจานท๎ายปลอกกระสุนทาให๎เกิดการปิดปูาย และยิง กระสุนที่พาเข๎าไปในรังเพลิง เมื่อกระสุนนัดที่อยูํในรังเพลิงอัดตัวแล๎วแรงดันของแก๏สสํวนหนึ่งจะดันปลอกกระสุน ให๎ไปดันหน๎าลูกเลื่อนถอยไปข๎างหลัง และขอรั้งปลอกกระสุนที่ติดอยูํหน๎าลูกเลื่อนด๎านขวาซึ่งจับจานท๎ายปลอก
๒๓ กระสุนไว๎แล๎ว ในขณะที่ลูกเลื่อนพากระสุนเข๎ารังเพลิงและยิงกระสุนก็จะรั้งปลอกกระสุนออกจากรังเพลิง เมื่อ เคลื่อนถอยมาจนถึงเหล็กคัดปลอก เหล็กคัดปลอกก็จะคัดปลอกกระสุนให๎กระเด็นออกทางชํองคัดปลอกและ อัดแหนบสํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่ เมื่อหมดแรงดันของแก๏สและยังไมํปลํอยไกลูกเลื่อนจะเคลื่อนไปข๎างหน๎าด๎วยแรง แหนบสํงลูกเลื่อนที่ขยายตัว และพากระสุนนัดตํอไปเข๎ารังเพลิงเกิดการยิงกระสุนนัด ตํอๆไป และจะเป็นอยูํดังนี้ ตลอดไปจนกระทั่งกระสุนหมดซองหรือปลํอยไก เมื่อปลํอยไกและห๎ามไกชํวยจะท าให๎แหนบไกที่อัดตัวอยูํในขณะที่ เหนี่ยวไกและบีบห๎ามไกชํวยไว๎จะขยายตัวดันให๎สะพานไกยกตัวสูงขึ้น ท าให๎กระเดื่องไกยกตัวสูงขึ้นด๎วยและไปขัด บากด๎านหน๎าซึ่งอยูํใต๎ห๎องลูกเลื่อนไว๎ในกรณีที่ปลํอยไกและห๎ามไกชํวยกํอนกระสุนหมดซองกระสุนลูกเลื่อนจะค๎าง อยูํข๎างหลัง ในกรณีที่ยิงกระสุนหมดซองกระสุน ลูกเลื่อนจะอยูํข๎างหน๎าทุกครั้งเมื่อยิงแบบอัตโนมัติ ๑๐.๕ การตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ห๎ามไก เมื่อขึ้นนกแล๎วไมํประสงค์จะท าการยิง ให๎ห๎าม ไกไว๎โดยตั้งคันบังคับการยิงไปไว๎ในต าแหนํงห๎ามไก (S) ทั้งนี้เพื่อปูองกันการพลั้งเผลอ เพราะถ๎าใช๎นิ้วไปแตะต๎องไก แล๎วปืนอาจจะลั่นได๎ เมื่อตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ห๎ามไก เหล็กบังคับการยิงจะเลื่อนมาข๎างหลังแงํหน๎าของเหล็ก บังคับการยิง จะเข๎าไปขัดกับหัวไกไว๎ท าให๎เหนี่ยวไกไมํได๎ ๑๑. การปฏิบัติเกี่ยวกับการใช๎ ๑๑.๑ การบรรจุกระสุนเข๎าซองให๎บรรจุกระสุนเข๎าซองด๎วยมือ โดยบรรจุทีละนัด เรียงลง ไปจนเต็มซองกระสุน ส าหรับซองกระสุนนั้นมี๒ ชนิด คือชนิดจุ ๒๕ นัด และชนิดจุ ๓๒ นัด ๑๑.๒ การตั้งคันบังคับการยิง คันบังคับการยิงสามารถตั้งได๎๓ ต าแหนํง คือต าแหนํงห๎าม ไก (S = SAFE) ต าแหนํงกึ่งอัตโนมัติ(R = REPETITION) และต าแหนํงอัตโนมัติ(A = AUTOMATIC) ๑๑.๓ การบรรจุซองกระสุน ให๎ตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ต าแหนํงห๎ามไก ใช๎มือขวาจับด๎าม ปืนให๎อยูํในลักษณะตั้งฉากกับพื้น หันปากกระบอกปืนไปในทิศทางที่ปลอดภัย ใช๎มือซ๎ายจับซองกระสุนสอดเข๎าที่ เรือนยึดซองกระสุนโดยให๎ด๎านปลายซองกระสุนหันไปข๎างหน๎าแล๎วดันขึ้นข๎างบนจนสุด และเมื่อได๎ยินเสียงดังกริ๊ก แสดงวําเหล็กยึดซองกระสุนได๎ยึดซองกระสุนไว๎แล๎ว ระหวํางประกอบซองกระสุนเข๎ากับปืนห๎ามสอดนิ้วเข๎าในโกรํงไก ๑๑.๔ การปลดซองกระสุน ให๎ตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ต าแหนํงห๎ามไก ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย แล๎วใช๎มือขวาจับด๎ามปืนให๎ตั้งฉากกับพื้นดิน และหันปากกระบอกปืนไปในทิศทางที่ปลอดภัย แล๎วใช๎มือซ๎ายกดเหล็ก ยึดซองกระสุนให๎สุด แล๎วปลดซองกระสุนออก ๑๑.๕ การขึ้นนก เมื่อบรรจุซองกระสุนเข๎ากับซองเรียบร๎อย ให๎ตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ ต าแหนํงที่ต๎องการคือต าแหนํงอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ แล๎วใช๎อุ๎งมือขวาบีบห๎ามไกชํวยให๎สุด ห๎ามสอดนิ้วชี้เข๎า โกรํงไก และใช๎มือซ๎ายดึงคันรั้งลูกเลื่อน (ซึ่งอยูํด๎านบนของห๎องลูกเลื่อน) มาข๎างหลังจนสุด แล๎วปลํอยกลับ ถ๎าดึงไมํ สุดคันรั้งลูกเลื่อนจะไมํกลับไปข๎างหน๎า ในขณะนี้ปืนจะอยูํในลักษณะขึ้นนกหน๎าลูกเลื่อนจะเปิด ปืนบางชนิดถ๎าตั้ง คันบังคับการยิงไว๎ที่ต าแหนํงห๎ามไก จะดึงคันรั้งลูกเลื่อนเพื่อขึ้นนกไมํได๎แตํส าหรับ ปกม.๐๗ นั้น สามารถดึงคันรั้ง ลูกเลื่อนเพื่อขึ้นนกได๎ทุกต าแหนํงที่ตั้งคันบังคับการยิงแตํเวลาจะขึ้นนกจะต๎องใช๎อุ๎งมือบีบห๎ามไกชํวยไว๎ ในกรณีที่ขึ้นนกแล๎วยังไมํประสงค์จะท าการยิงให๎ตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ห๎ามไกเสมอ
๒๔ ๑๑.๖ การยิง เมื่อบรรจุซองกระสุนขึ้นนกและห๎ามไกไว๎ตามที่กลําวในข๎อ ๑๔.๔ และ ๑๔.๕ ให๎เปลี่ยนคันบังคับการยิงไว๎ที่ต าแหนํงเลือกที่ต๎องการ คือต าแหนํงยิงแบบกึ่งอัตโนมัติหรือต าแหนํงยิงแบบ อัตโนมัติแล๎วท าการเหนี่ยวไกยิง ๑๑.๖.๑ การยิงแบบกึ่งอัตโนมัติให๎ตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ต าแหนํงกึ่งอัตโนมัติ คือต าแหนํง “R” ท าการเล็งแล๎วใช๎อุ๎งมือขวาบีบห๎ามไกชํวยให๎แนํนแล๎วใช๎นิ้วชี้เหนี่ยวไก ก็จะยิงกระสุนได๎ทีละนัด หากประสงค์จะยิงกระสุนนัดตํอ ๆ ไป ต๎องปลํอยไกทุกครั้งแล๎วเหนี่ยวไก ก็จะยิงกระสุนได๎ทีละนัด หากประสงค์จะ ยิงกระสุนนัดตํอ ๆ ไป ต๎องปลํอยไกทุกครั้งแล๎วเหนี่ยวไกใหมํ (เมื่อเหนี่ยวไกทุกครั้งต๎องบีบห๎ามไกชํวยให๎แนํน จึงจะ ท าการยิงได๎) ส าหรับการยิงแบบกึ่งอัตโนมัติถ๎ายิงกระสุนหมดซองหน๎าลูกเลื่อนจะปิด ทั้งนี้เนื่องจากเหนี่ยวไกไป เรื่อย ๆ และเหนี่ยวไกครั้งสุดท๎ายเมื่อกระสุนไมํมีในซองกระสุนแล๎ว “หน๎าลูกเลื่อนจึงปิด” ๑๑.๖.๒ การยิงแบบอัตโนมัติ ให๎ตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ต าแหนํงอัตโนมัติ คือ ต าแหนํง “A” ท าการเล็งแล๎ว ใช๎อุ๎งมือขวาบีบห๎ามไกชํวยให๎แนํนและใช๎นิ้วเหนี่ยวไก ปืนก็ยิงได๎ตลอดเวลา จวบ จนกระทั่งปลํอยมือหรือกระสุนหมดซอง เมื่อยิงแบบอัตโนมัติถ๎ากระสุนหมดซองหน๎าลูกเลื่อนจะปิด ถ๎าหยุดยิงเมื่อ กระสุนยังไมํหมดซองหน๎าลูกเลื่อนจะเปิด ๑๑.๗ การเลิกบรรจุให๎ตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ห๎ามไก แล๎วปลดซองกระสุนออกโดยด าเนิน ตามข๎อ ๔.๔ ตรวจรังเพลิงดูวําไมํมีกระสุนเหลือโดยดึงปุุมคันรั้งมาข๎างหลังเมื่อจ าเป็น ตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ ต าแหนํงอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติแล๎วเหนี่ยวไก เพื่อปลดลูกเลื่อนให๎เคลื่อนไปข๎างหน๎า ๑๑.๘ การตรวจกระสุนค๎างในรังเพลิง การหยิบปืนทุกครั้งให๎ถือวําปืนมีกระสุนบรรจุอยูํ เมื่อจับปืนครั้งแรกห๎ามแตะต๎องไกปืน เพราะยังไมํทราบแนํวําปืนนั้น ๆ มีกระสุนบรรจุอยูํหรือไมํ และให๎ใช๎นิ้วจับ ทาบไปกับโกรํงไกปืนตลอดเวลา แล๎วปลดซองกระสุนออก ตามข๎อ ๔.๔ แล๎ว ปลดห๎ามไก บีบห๎ามไกชํวยแล๎วดึงปุุม คันรั้งลูกเลื่อนมาข๎างหลัง เป็นการขึ้นนกในกรณีเชํนนี้ถ๎ามีกระสุนค๎างอยูํในรังเพลิง ขอรั้งปลอกกระสุนและเหล็กคัด ปลอกกระสุนไมํช ารุด กระสุนจะกระเด็นออกทางชํองคัดปลอกกระสุน ถ๎าไมํมีกระสุนกระเด็นออกทางชํองคัด ปลอกให๎ตรวจให๎แนํใจวําในรังเพลิงไมํมีกระสุนค๎างอยูํแล๎ว จึงท าการลั่นไกปืน ๑๑.๙ การทดสอบการท างานของเครื่องกลไก ในการทดสอบการท างานของเครื่องกลไกนี้ ให๎ใช๎กระสุนฝึกบรรจุส าหรับการทดสอบโดยให๎ทดสอบ การปูอนกระสุน การบรรจุกระสุน การรั้งปลอกกระสุน การคัดปลอกกระสุน นอกจากนี้แล๎วให๎ท าการทดสอบ การเปิดปิดของหน๎าลูกเลื่อน การตั้งคันบังคับการยิงใน ต าแหนํงตําง ๆ การห๎ามไกและห๎ามไกชํวย ๑๑.๑๐ การพับและการกางพานท๎ายเหล็กพับได๎ปกม.๐๗ บ.๒ เมื่อประสงค์จะกางพาน ท๎ายออกให๎ใช๎ฝุามือกางพานท๎ายที่พับอยูํลงข๎างลําง แล๎วดึงพานท๎ายออกมาข๎างหลังให๎ตรงด๎านพานท๎ายทํอนหลัง และทํอนหน๎า จะขัดกันเป็นแนวตรงและเมื่อขัดกลอนทันทีแล๎ว ให๎ดันพานท๎ายขึ้นข๎างบน กระเดื่องยึดก๎านตํอพาน ท๎ายทํอนหน๎าก็ยึดพานท๎ายไว๎ ให๎อยูํในแนวตรง เมื่อประสงค์จะพับพานท๎ายให๎กดกระเดื่องยึดก๎านตํอพานท๎าย ด๎านหน๎าให๎หลบเข๎าข๎างในพานท๎ายจะเป็นอิสระและกดตํอลงได๎ให๎บีบก๎านตํอพานท๎ายทํอนหลังเพื่ออัดแหนบ เมื่อ รอก๎านตํอพานท๎ายด๎านหลังได๎แล๎ว ให๎กระแทกก๎านตํอพานท๎ายทํอนหน๎าให๎เข๎าไปติดกับห๎องลูกเลื่อนตอนท๎ายแล๎ว ตบพานท๎ายขึ้นข๎างบน พานท๎ายก็อยูํในต าแหนํงพับได๎ที่สมบูรณ์
๒๕ ๑๒. เหตุขัดข๎องและวิธีแก๎ไข ***ให๎ถอดเอาซองกระสุนออกกํอนเพื่อมิให๎เกิดการยิงขึ้นเอง*** การขัดข๎อง สาเหตุ วิธีแก๎ไข ๑๒.๑ ปืนลั่นไมํได๎ในเมื่อปืน อยูํในลักษณะขึ้นนก ๑๒.๒ ปืนไมํลั่นเมื่อยิงกระสุน นัดแรกในเมื่อลูกเลื่อนปิดท๎ายรัง เพลิงเรียบร๎อยและมีกระสุนอยูํใน รังเพลิง ๑๒.๓ ปืนไมํลั่นเมื่อยิงกระสุน นัดแรกในเมื่อลูกเลื่อนปิดท๎ายรัง เพลิงเรียบร๎อย แตํไมํมีกระสุนใน รังเพลิง ๑๒.๔ ปืนไมํลั่นเมื่อยิงกระสุน นัดแรกเนื่องจากลูกเลื่อนปิดไมํถึง ที่และมีกระสุนอยูํในรังเพลิง ๑๒.๕ ปืนหยุดยิงเองลูกเลื่อน ปิดรังเพลิงเรียบร๎อยและมีกระสุน ในรังเพลิง ๑๒.๖ ปืนหยุดยิงเองลูกเลื่อน ปิด รังเพลิงเ รียบ ร๎อยแตํไมํมี กระสุนในรังเพลิง ๑๒.๗ ปืนยิงเป็นชุดได๎แตํยิง ทีละนัดไมํได๎ ๑๒.๘ ปืนไมํหยุดยิง เมื่อ ปลํอยไก และท าการยิงไปเรื่อยๆ ๑. อาจตั้งคันบังคับการยิงไว๎ที่ “ห๎ามไก” หรือไมํได๎บีบห๎ามไกชํวย ๒. สํวนหนึ่งสํวนใดของเครื่องลั่นไกช ารุด ๑. กระสุนด๎าน ๒. เข็มแทงชนวนหักหรือสึก ๑. ซองกระสุนเข๎าไมํถึงที่ ๒. ซองกระสุนช ารุดหรือกระสุนขัด ในซอง ๑. แหนบสํงเลื่อนกลับเข๎าที่อํอน ๒. ทางเดินลูกเลื่อนไมํสะดวก ๑. กระสุนด๎าน ๒. เข็มแทงชนวนหักหรือสึก ๓. ทางเดินของลูกเลื่อนไมํสะดวก ๑. ปืนถอยน๎อยและถอยไปเพียงคัดปลอก ได๎เทํานั้น ๒. กระสุนขัดตัวในซองกระสุน ๑. แหนบกระเดื่องไกหรือกระเดื่องไกช ารุด ๑. เครื่องลั่นไกช ารุด ๑. ตั้งคันบังคับการยิงเสียใหมํและเมื่อ จะยิงให๎บีบห๎ามไกชํวยให๎แนํนแล๎ว เหนี่ยวไก ๒. สํงปืนซํอม ๑. บรรจุกระสุนใหมํ ๒. สํงปืนซํอม ๑. ดันซองกระสุนให๎สุด ๒. เปลี่ยนซองกระสุนใหมํ ๑. เปลี่ยนแหนบสํงลูกเลื่อนกลับเข๎าที่ ใหมํ ๒. ให๎ท าความสะอาดห๎องลูกเลื่อนและ ตรวจเหล็กคัดปลอกกระสุนเพราะ อาจจะคดได๎ ๑. บรรจุกระสุนใหมํ ๒. สํงปืนซํอม ๓. ท าความสะอาด ๑. เปลี่ยนกระสุนใหมํ ๒.เปลี่ยนซองกระสุนใหมํหรือจัด กระสุนในซองให๎เข๎ารูป ๑. สํงปืนซํอม ๑. สํงปืนซํอม
๒๖ บทที่ ๕ ปืนกลมือ ขนาด ๙ มม.เอ็มพี ๕ MP 5 (Maschinen pistole 5) (ปกม.๙-๔ ก., ปกม.๙-๔ ค. และ ปกม.๙-๔ ง.) ๑. กลําวทั่วไป ในปัจจุบันเมื่อกลําวถึงหนํวยปฏิบัติการพิเศษที่ต๎องเข๎าเผชิญเหตุการณ์จี้ตัวประกัน หรือปล๎นยึดอากาศยานอาวุธประจ ากายของสมาชิกในหนํวยที่ต๎องนึกถึงเป็นประการแรกคือปืนกลมือขนาด 9 มม HK MP5 ซึ่งเป็นอาวุธที่หนํวยปฏิบัติการพิเศษแทบทุกหนํวยทั่วโลกเลือกใช๎สาเหตุประการส าคัญคือเป็นปืนกลมือ ซึ่งถือก าเนิดมาจากปืนเล็กยาวจูํโจม จึงลั่นไกจากต าแหนํงลูกเลื่อนปิดมีความปลอดภัยมีความไว๎วางใจได๎สูง และ สามารถยิงแบบทีละนัดได๎อยํางแมํนย าเหมือนปืนเล็กยาว แม๎ท าการยิงเป็นชุดนัดแรกที่ยิงซึ่งมีความส าคัญสูงสุดก็มี ความแมํนย าเชํนเดียวกับการยิงทีละนัด ๒. ประวัติการประจ าการและการใช๎งานในกองทัพไทย มีการน าปืนกลมือขนาด ๙ มิลลิเมตร MP5 รุํนตําง ๆ มาใช๎งานในกรมปฏิบัติการพิเศษหนํวยบัญชาการอากาศโยธินในชํวงเวลาที่ตํางกัน ดังนี้ ๒.๑ ปืนกลมือขนาด ๙ มม. MP5SD3 ชื่อยํอ“ปกม. ๙.๔ ค.”เริ่มใช๎งาน ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๖ ๒.๒ ปืนกลมือขนาด ๙ มม. MP5A3 ชื่อยํอ“ปกม. ๙.๔ ก.”เริ่มใช๎งาน ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ๒.๓ ปืนกลมือขนาด ๙ มม. MP5K ชื่อยํอ“ปกม. ๙.๔ ง.” เริ่มใช๎งาน ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๗ ๒.๔ ปืนกลมือขนาด ๙ มม. MP5A5 เริ่มใช๎งาน ๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๒ ๒.๕ ปืนกลมือขนาด ๙ มม. MP5SD6 เริ่มใช๎งาน ๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๓ ๒.๖ ปืนกลมือขนาด ๙ มม. MP5K-PDW / MP5KN เริ่มใช๎งาน ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๙ (รูปภาพ : MP5SD3, MP5A3และ MP5K) (รูปภาพ : MP5A5, MP5SD6และ MP5K-PDW / MP5KN)
๒๗ ๓. ชํวงเวลาในการประจ าการ พ.ศ.๒๕๒๖ - ปัจจุบัน ๔. การใช๎งานในสงครามหรือข๎อพิพาทตํางๆ เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๐ และวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๖ เกิดความไมํสงบในประเทศกัมพูชา หนํวยบัญชาการอากาศโยธินได๎จัดชุดปฏิบัติการพิเศษ จากกรมปฏิบัติการพิเศษรํวมกับกองบิน ๖ อพยพคนไทยออกจากพื้นที่ไมํปลอดภัยปฏิบัติการทั้งสองครั้งประสบ ความส าเร็จ สามารถน าคนไทยกลับมาได๎โดยไมํเสียเลือดเนื้อจนได๎รับความชื่นชมจากคนไทยทั้งประเทศและยัง ได๎รับการกลําวขวัญถึงจนกระทั่งปัจจุบัน ในการปฏิบัติการทั้งสองครั้งเจ๎าหน๎าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษใช๎ปืนกลมือ ขนาด ๙ มม. MP5 เป็นอาวุธประจ ากาย ๕. การใช๎งานในกองทัพอากาศ ใช๎ในภารกิจตํอต๎านการกํอการร๎ายและภารกิจอารักขาบุคคลส าคัญ ๖. คุณลักษณะของปืน และรายละเอียดทางเทคนิค รายการ MP5SD3 MP5A3 MP5K MP5A5 MP5SD6 MP5K-PDW / MP5KN ระบบการท างาน กลไกการท างานด๎วยแรงสะท๎อนถอยหลังของลูกเลื่อนที่หนํวงเวลา (Delayed Blowback) ใช๎การขัดกลอนด๎วยลูกกลิ้งเพื่อหนํวงเวลาในการเปิดรังเพลิง น้ าหนักปืน (รวมซองกระสุน) ๓ กิโลกรัม ๓.๑ กิโลกรัม ๒ กิโลกรัม ๓.๑ กิโลกรัม ๓.๔ กิโลกรัม ๒.๕ กิโลกรัม ความยาว (หดพาน ท๎าย /ยึดพานท๎าย) ๖๗/๙๕.๗ เซนติเมตร ๕๕/ ๖๙ เซนติเมตร ๓๒ เซนติเมตร ๕๕/ ๖๙ เซนติเมตร ๖๖/ ๘๐ เซนติเมตร พับพานท๎าย / กางพานท๎าย ๓๓/ ๕๗ เซนติเมตร ความยาวล ากล๎อง ๑๔.๖ เซนติเมตร ๒๒.๕ เซนติเมตร ๑๑.๕ เซนติเมตร ๒๒.๕ เซนติเมตร ๑๔.๖ เซนติเมตร ๑๔.๘ เซนติเมตร ศูนย์เล็ง (ศูนย์หน๎า เป็นศูนย์ประจ าที่อยูํ ภายในวงแหวนปูองกัน ใบศูนย์ ศูนย์หลังเป็น ศูนย์แบบหมุน) รูชํองเล็ง ๔ ชํอง รูชํองเล็ง ๔ ชํอง บากเล็ง ๔ ชํอง รูชํองเล็ง ๔ ชํอง รูชํองเล็ง ๔ ชํอง บากเล็ง ๔ ชํอง การบรรจุกระสุน ซองกระสุนชนิดบรรจุได๎ ๑๕, ๓๐ และ ๔๐ นัด ห๎ามไก (อยูํที่คันบังคับการยิง ด๎านซ๎ายของโครงปืน เหนือโกรํงไก) ห๎ามไกเมื่อตั้ง คันบังคับการยิง ที่ต าแหนํง S ห๎ามไกเมื่อตั้ง คันบังคับการยิง ที่ต าแหนํง S ห๎ามไกเมื่อตั้ง คันบังคับการยิง ที่ต าแหนํง S ห๎ามไกเมื่อตั้ง คันบังคับการยิง ที่เครื่องหมาย หัวกระสุนสีขาว ในกลํองขาวมี กากบาททับ ห๎ามไกเมื่อตั้ง คันบังคับการยิง ที่เครื่องหมาย หัวกระสุนสีขาว ในกลํองขาวมี กากบาททับ ห๎ามไกเมื่อตั้งคันบังคับการ ยิงที่เครื่องหมายหัวกระสุน สีขาวในกลํองขาวมี กากบาททับ ระยะยิงหวังผลไกลสุด ๑๕๐ เมตร ๒๐๐ เมตร ๑๐๐ เมตร ๒๐๐ เมตร ๑๕๐ เมตร ๑๐๐ เมตร อัตราการยิง (ตํอเนื่อง) ๘๐๐ นัด /นาที ๘๐๐ นัด /นาที ๙๐๐ นัด /นาที ๘๐๐ นัด /นาที ๘๐๐ นัด /นาที ๙๐๐ นัด / นาที กระสุน ๙ x ๑๙ มิลลิเมตรพาราเบลลั่ม
๒๘ บทที่ ๖ ปืนเล็กสั้นบรรจุเอง แบบ ๘๗ เอ็ม ๑ และ เอ็ม ๒ US M1 carbine, Us M2 Carbine (ปสบ.๘๗) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. ประวัติการประจ าการและใช๎งานในกองทัพอากาศไทย ๑.๑ ปืน M 1 และ M 2 Carbine เริ่มเข๎ามาในประเทศไทยระหวํางสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อ สหรัฐอเมริกาพยายามสํงอาวุธเข๎ามาให๎กับขบวนการเสรีไทย หรือกองก าลังคนไทยที่พยายามตํอต๎านการรุกราน ของญี่ปุุน หลังจากนั้นจะเป็นการสงมอบให๎กับกองทัพไทยที่ไปรํวมรบในสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ผํานโครงการชํวยเหลือทางทหาร ( Military Asistance Program : MAP) รวมทั้งจัดหาเพิ่มเติมด๎วยวิธิการจัดซื้อ รวมทั้งสิ้น ๗๓,๐๑๒ กระบอก ๑.๒ กองทัพอากาศไทย ใช๎ปืน ปสบ.๘๗ เป็นอาวุธปูองกันฐานบิน สถานีเรดาห์ และสถานี ทวนสัญญาณ ปัจจุบันปืน ปสบ.๘๗ ทั้งหมดถูกเรียกกลับมาเป็นปืนส าหรับฝึก และปืนส ารอง (รูปภาพ : ปืนเล็กสั้นบรรจุเอง แบบ ๘๗ เอ็ม ๑) (รูปภาพ : ปืนเล็กสั้นบรรจุเอง แบบ ๘๗ เอ็ม ๒)
๒๙ ๒. ข๎อมูลทางเทคนิค ๒.๑ ระบบการท างาน : M1 กึ่งอัตโนมัติ Gas – operated (Short – stork piston), rotating bolt ๒.๒ น้ าหนัก : ๒.๔ กิโลกรัม ๒.๓ ความยาว : ๙๐ เซนติเมตร ๒.๔ ความยาวล ากล๎อง : ๔๖ เซนติเมตร ๒.๕ ศูนย์เล็ง : ศูนย์หลังแบบรู (Aperture sight)สามารถเลือกได๎ ๒ ระยะยิง ศูนย์หน๎ามีปีกปูองกัน ๒.๖ การบรรจุกระสุน : ๑๕ นัด และ ๓๐ นัด ๒.๗ ห๎ามไก : คันโยกหน๎าโกรํงไก ๒.๘ ระยะยิงหวังผลไกลสุด : ๒๗๐ เมตร ๒.๙ กระสุน : .๓๐ Carbine (๗.๖๒ x ๓๓ มิลลิเมตร) ๒.๑๐ ดาบปลายปืน : G1 M4
๓๐ บทที่ ๗ ปืนเล็กสั้นบรรจุเอง แบบ ๘๘ ขนาด .๓๐ นิ้ว เอ็ม ๑ United States Rifle, Caliber .30 M1 (ปลยบ.๘๘ เอ็ม๑) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. คุณลักษณะ ๑.๑ United States Rifle, Caliber .30 M1 ปืนชนิดนี้โดยทั่วไป สามารถเรียกอีกชื่อหนึ่ง อยํางวํา “M1 Garand” ๑.๒ ลักษณะเดํนที่เป็นเอกลักษณะของปืนชนิดนี้ คือ หลังจากยิงกระสุนนัดสุดท๎ายไปแล๎ว ไมํเพียงปลอกกระสุนเทํานั้นที่ถูกดีดออก แตํคลิปเปลําที่เคยใช๎หุ๎มตับกระสุนก็จะถูกดีดออกจากแม็กกาซีนตาม ออกไปด๎วย โดยจะมีเสียงดัง “ปิ้ง” ขึ้นทุกครั้ง เป็นที่เข๎าใจวําเสียง “ปิ้ง” นี้จะชํวยให๎ผู๎ยิงทราบวํากระสุนหมดแล๎ว และจะต๎องบรรจุกระสนุใหมํหากยังไมํจบการยิง ๒. ประวัติการประจ าการและใช๎งานในกองทัพอากาศไทย ๒.๑ ประเทศไทยได๎รับปืน M1 Garand ประมาณ ๔๐,๐๐๐ กระบอก จากรัฐาบลผํานการ ชํวยเหลือทางการทหาร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๘ – ๒๕๐๘ มีชื่อในกองทัพไทย และกรมต ารวจวํา “ปืนเล็กยาวบรรจุเอง แบบ ๘๘ (ปลยบ.๘๘) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น “ปืนเล็กยาวบรรจุเอง แบบ ๘๘ ขนาด . ๓๐ นิ้ว เอ็ม ๑” (ปลยบ.๘๘ เอ็ม ๑) เพื่อทดแทนปืนเล็กยาว แบบ ๖๖ ๒.๒ ในปี พ.ศ.๒๕๑๙ กองทัพไทยได๎รับมอบเพิ่มเติม จ านวน ๙๘ กระบอก ซึ่งเป็นชุดสุดท๎าย จากสหรัฐอเมริกาที่สํงมอบให๎ประเทศไทย ๒.๓ ปลยบ.๘๘ เอ็ม ๑ เข๎าประจ าการกองทัพอากาศ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๘ และปลดประจ าการ เมื่อปี ๒๕๑๙ โดยน าปืน HK มาทนแทนการใช๎ ๒.๔ ปัจจุบันโรงเรียนจําอากาศได๎น า ปลยบ.๘๘ เอ็ม ๑ มาใช๎ในการฝึกการแสดงทํา ประกอบอาวุธให๎กับนักเรียนจําอากศ หรือ Fancy Drill (รูปภาพ : ปืนเล็กสั้นบรรจุเอง แบบ ๘๘ ขนาด .๓๐ นิ้ว เอ็ม ๑ )
๓๑ ๓. ข๎อมูลทางเทคนิค ๓.๑ ระบบการท างาน : บรรจุเองโดยอาศัยแรงดันก๏าซจากกระสุนอัดลูกสูบปลด ลูกเลื่อน ลูกเลื่อนแบบหมุนได๎ ๓.๒ น้ าหนัก : ๔.๐๘ กิโลกรัม ๓.๓ ความยาว : ๑๑๐.๗๔ เซนติเมตร ๓.๔ ความยาวล ากล๎อง : ๖๐.๙๖ เซนติเมตร ๓.๕ ศูนย์เล็ง : ด๎านหลังแบบเจาะรู ด๎านหน๎าแบบแทํงแบน มีปีกกันกระแทกด๎านข๎าง ๓.๖ การบรรจุกระสุน : ๘ นัด อัดด๎วยคลิปหุ๎ม (en bloc Clip) ในแม็กกาซีนภายใน ๓.๗ ห๎ามไก : แบบแผํน กดเข๎าจากด๎านหน๎าของโกรํงไก ๓.๘ ระยะยิงหวังผลไกลสุด : ๒๕๗ เมตร ๒.๙ กระสุน : .๓๐ – ๐๖ สปริงฟีลด์(๗.๖๒ x ๖๓ มิลลิเมตร) ๒.๑๐ ดาบปลายปืน : แบบใบมีด รุํน M1905
๓๒ บทที่ ๘ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ขนาด ๕.๕๖ มม.เออาร์ ๑๘ AR 18 (ปลยอ.๕.๕๖ – ๑) ๑. ประวัติการประจ าการและใช๎งานในกองทัพไทย ๑.๑ มีการใช๎งานเฉพาะในกองทัพอากาศ โดยกองทัพอากาศไทยได๎จัดหาปืนเล็กยาวอัตโนมัติ AR18 มาใช๎งานจ านวนหนึ่งในปี ๒๕๑๐ เพื่อใช๎ในภารกิจปูองกันฐานบินนับเป็น “ปืนเล็กยาวจูํโจม” แบบแรก ของกองทัพอากาศ ก าหนดชื่อทางการเป็น ปืนเล็กยาวอัตโนมัติขนาด ๕.๕๖ มิลลิเมตรเออาร์ ๑๘ มีชื่อยํอวํา “ปลยอ.๕.๕๖ – ๑” ๑.๒ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ขนาด ๕.๕๖ มิลลิเมตร AR18 ที่ใช๎งานในกองทัพอากาศนั้นเป็น สํวนหนึ่งของปืน AR18 จ านวนเพียง ๑,๑๗๑ กระบอก ผลิตขึ้นจากโรงงานของ ArmaLite ในเมือง Costa Mesa แคลิฟอร์เนีย ๑.๓ ตํอมากองทัพอากาศได๎รับการทดแทน เป็นปืนเล็กยาวอัตโนมัติขนาด ๕.๕๖ มิลลิเมตร M16 และ M16A1 หรือ “ปลยอ.๕.๕๖ - ๒ /ปลยอ.๕.๕๖ – ๒ ก” จนปัจจุบัน ๑.๔ ชํวงเวลาในการประจ าการ พ.ศ.๒๕๑๐ – ปัจจุบัน ๑.๕ การใช๎งานในสงครามหรือข๎อพิพาทตํางๆ/ การใช๎งานในกองทัพอากาศ เดิมใช๎ใน ภารกิจปูองกันประเทศ ใช๎เป็นอาวุธประจ ากายในการปูองกันฐานบิน ปัจจุบันไมํมีการใช๎งานแล๎ว ๒. ข๎อมูลทางเทคนิค ๒.๑ ระบบการท างาน : ท างานด๎วยระบบแก๏ส ใช๎ลูกสูบ (ศัพท์สรรพาวุธเรียบกระบอก หน๎าถอย) ชํวงชักสั้นขัดกลอนด๎วยลูกเลื่อนแบบหมุน ลูกเลื่อนมีแงํขัดกลอน (Locking Lugs) จ านวน ๗ แงํ ๒.๒ น้ าหนัก : (ไมํรวมซองกระสุนและสายสะพาย) หนัก ๓ กิโลกรัม ๒.๓ ความยาว : ตัวปืนพร๎อมปลอกลดแสง ยาว ๙๖.๕ เซนติเมตร : ตัวปืนเมื่อติดดาบพร๎อม ยาว ๑๐๙.๙ เซนติเมตร : ตัวปืนพร๎อมปลอกลดแสงพับพานท๎ายยาว ๗๓.๗ เซนติเมตร ๒.๔ ความยาวล ากล๎อง : ล ากล๎องปืน ยาว ๔๕.๗ เซนติมตร ๒.๕ ศูนย์เล็ง : ศูนย์หน๎าเป็นศูนย์ตุํม ชนิดปรับขึ้นลงได๎ ศูนย์หลังเป็นศูนย์รู ชนิดพลิกได๎ มีรูเล็ง ๒ ชํอง ใช๎ยิงระยะ ๒๐๐ เมตรลงมา และใช๎ยิงระยะมากกวํา ๒๐๐ เมตร
๓๓ ๒.๖ การบรรจุกระสุน : ซองกระสุนบรรจุ ๒๐ นัด ๒.๗ ห๎ามไก : อยูํที่คันบังคับการยิงด๎านซ๎ายและขวาของโครงปืน เหนือด๎ามปืน มีคันบังคับการยิงสองด๎าน เนื่องจากเมื่อพับพานท๎าย พานท๎ายจะบังคันบังคับการยิงด๎านซ๎ายของโครงปืน ห๎ามไก เมื่อตั้งคันบังคับการยิงที่ต าแหนํง Safe ๒.๘ ระยะยิงหวังผลไกลสุด : ระยะยิงไกลสุด ๒,๖๕๓ เมตร ๒.๙ ระยะยิงหวังผล : ๔๖๐ เมตร ๒.๑๐ อัตราการยิง : อัตราเร็วการยิง (ยิงตํอเนื่อง) ๗๐๐ – ๘๐๐ เมตร ๒.๑๑ กระสุน : ใช๎กระสุน ๕.๕๖ x ๔๕ มิลลิเมตร ล ากล๎องมี ๖ เกลียวเวียนขวา ครบ ๑ รอบ ที่ระยะ ๑๒ นิ้ว (๓๐.๔๘ เซนติเมตร) จึงใช๎กระสุนชนิดน้ าหนักหัวกระสุน ๕๕ เกรน (๓.๕๖ กรัม) ดังนี้ ๒.๑๑.๑ กระสุนธรรมดา (Ball, M193) ๒.๑๑.๒ กระสุนสํองวิถี (Tracer, M196) ๒.๑๑.๓ กระสุนซ๎อมรบ (Blamk. M200) ๒.๑๒ ดาบปลายปืน : ใช๎ดาบปลายปืนแบบ M7
๓๔ บทที่ ๙ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ๕.๕๖ – ๒ (AUTOMATIC RIFLE CAL.5.56 MM. M16) (ปลยอ.๕.๕๖ – ๒) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ๑.๑ M 16 เป็นชื่อทางราชการของอาวุธปืนเล็กยาวจูํโจมประจ ากายที่ทางกระทรวงกลาโหม (United States Department of Defense; US DOD) ประเทศสหรัฐอเมริกาก าหนดขึ้น ภายหลังการรับปืน AR-15 ขนาด ๕.๕๖ มม. ที่ออกแบบโดยยูจีน สโตนเนอร์ (Eugene Stoner) วิศวกรของบริษัทอาร์มาไลท์ (ArmaLite) เมื่อ ค.ศ.๑๙๕๗ มาพิจารณาในโครงการ Project SALVO เพื่อจัดหาอาวุธประจ ากายรุํนใหมํ ๑.๒ ใน ค.ศ.๑๙๕๘ บริษัทอาร์มาไลท์ได๎รับค าวิจารณ์และค าสั่งแก๎ไขปืน AR-15 จากทาง กองทัพสหรัฐฯหลายครั้ง จนถอดใจและประสบปัญหาทางการเงิน จึงได๎ตัดสินใจขายแบบพิมพ์เขียวปืน AR-15 ให๎แกํบริษัทโคลต์ (Colt Firearms) และได๎รับการพัฒนาปรับปรุงจนเป็นปืน M16 ๑.๓ เข๎าประจ าการในกองทัพอากาศและกองทัพบกของสหรัฐอเมริกาเมื่อ ค.ศ.๑๙๖๐ และ ค.ศ.๑๙๖๗ ตามล าดับ แทนปืนเล็กยาว M14 ซึ่งใช๎กระสุนขนาด ๗.๖๒ x ๕๑ มม. นาโต และเป็นอาวุธปืนที่ใช๎กัน แพรํหลายในกลุํมประเทศสมาชิกองค์การ NATO และนานาประเทศที่ได๎รับความชํวยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ในชํวงสงครามเย็นมาจนถึงปัจจุบัน ๑.๔ ปืน M16 เป็นอาวุธปืนที่มีน้ าหนักเบา ใช๎ระบบการท างานด๎วยแรงดันก๏าซ ระบายความ ร๎อนด๎วยอากาศ ขัดกลอนด๎วยลูกเลื่อนหมุนตัว (Rotating Bolt) และปลดกลอนด๎วยการใช๎แรงดันก๏าซดันเข๎าห๎อง ลูกเลื่อนโดยตรง (Direct Impingement) บรรจุกระสุนด๎วยซองกระสุน โดยชิ้นสํวนตํางๆของปืนผลิตขึ้นจากวัสดุ โลหะจ าพวกเหล็ก อะลูมิเนียม และพลาสติก ๒. ประวัติและการประจ าการใช๎งานในกองทัพไทย ๒.๑ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติในตระกูล M16 เริ่มมีใช๎งานในกองทัพไทยในชํวงสงคราม เวียดนาม เอกสารของสหรัฐระบุวําคณะเสนาธิการรํวมของสหรัฐ อนุมัติให๎สํงมอบปืนเล็กยาวอัตโนมัติ XM16E1 จ านวน ๔,๐๐๐ กระบอกแกํกองทัพไทยชํวงปี ค.ศ. 1967 ตามโครงการความชํวยเหลือทางทหาร และเอกสาร สหรัฐอีกฉบับหนึ่งระบุวํามีการสํงมอบปืนเล็กยาวอัตโนมัติ M16A1 ให๎ประเทศไทยจ านวน ๖๔,๐๐๐ กระบอก ในปี ค.ศ.1975 รวมถึงระบุวําประเทศไทยจัดซื้อปืนเล็กยาวอัตโนมัติ M16A1 ที่เริ่มผลิตจากประเทศสิงคโปร์ในปี ค.ศ.1973 อีกจ านวนหนึ่ง ๒.๒ ส าหรับการใช๎งานในกองทัพอากาศนั้น กองทัพอากาศมีการใช๎ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ในตระกูล M16 สองแบบคือ M16 และ M16A1
๓๕ ๓. คุณลักษณะของปืน ๓.๑ ระบบการท างาน : ท างานด๎วยแก๏ส (Gas Operated) โดยใช๎แก๏สผลักโครงน า ลูกเลื่อนโดยตรงระบายความร๎อนด๎วยอากาศ ๓.๒ น้ าหนัก : (ไมํรวมซองกระสุนและสายสะพาย) ๒.๘๘ กิโลกรัม (๖.๓๕ ปอนด์) ๓.๓ ความยาว : (ตัวปืนพร๎อมปลอกลดแสง) : ๙๙.๑ เซนติเมตร (๓๙ นิ้ว) ๓.๔ ความยาวล ากล๎อง : ๕๐.๘ เซนติเมตร (๒๐ นิ้ว) ๓.๕ ศูนย์เล็ง : ศูนย์หน๎าแบบเสาปรับสูงต่ า ๕ ระดับ ศูนย์หลังแบบรู พลิกปรับ ๒ ระยะ ๐ – ๓๐๐ เมตร และ ๓๐๐ – ๔๐๐ เมตร ๓.๖ การบรรจุกระสุน : ซองกระสุน ๒๐ นัด และ ๓๐ นัด ๓.๗ ห๎ามไก : อยูํที่คันบังคับการยิงด๎านซ๎ายของโครงปืนเหนือโกรํงไก ห๎ามไกเมื่อตั้งคันบังคับการยิงที่ต าแหนํง SAFE ๓.๘ ระยะยิงหวังผลไกลสุด : ๔๖๐ เมตร ๓.๙ อัตราการยิง : อัตราเร็วในการยิง (ยิงตํอเนื่อง) ๗๐๐ – ๘๐๐ นัด/นาที ๓.๑๐ กระสุน : ใช๎กระสุน ๕.๕๖ x ๔๕ มิลลิเมตร : กระสุนธรรมดา (Ball, M193 : กระสุนสํองวิถี (Tracer, M196), : กระสุนซ๎อมรบ (Blank, M200) ๓.๑๑ เกลียวล ากล๎อง ครบ 1 รอบ : ระยะ ๑๒ นิ้ว (๓๐.๔๘ เซนติเมตร) ๓.๑๒ ใช๎ดาบปลายปืนแบบ : M7
๓๖ บทที่ ๑๐ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ๕.๕๖ – ๒ ก. (AUTOMATIC RIFLE CAL.5.56 MM. M16A1) (ปลยอ.๕.๕๖ – ๒ ก.) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ๑.๑ ปืนเล็กยาว เอ็ม ๑๖ เอ ๑ มีขนาดกว๎างปากล ากล๎อง ๕.๕๖ มม. กองทัพอากาศเรียกชื่อ ทางราชการวํา ปืนเล็กยาวอัตโนมัติขนาด ๕.๕๖ มม. – ๒ ก. (ปลยอ.๕.๕๖ – ๒ ก.) ปูอนกระสุนด๎วยซองกระสุน ท างานด๎วยแก๏ส ระบายความร๎อนด๎วยอากาศ เป็นอาวุธประจ ากายประทับบํายิง ยิงได๎ทั้งในแบบกึ่งอัตโนมัติและ แบบอัตโนมัติโดยการจัดคันบังคับการยิง ๑.๒ ล ากล๎องปืนหุ๎มด๎วยครอบล ากล๎องชนิดกันความร๎อนแบบแก๎วไฟเบอร์ ๒ ชิ้น ซึ่งท า หน๎าที่เป็นไม๎รองล ากล๎อง ครอบล ากล๎องมีชํองด๎านบนและลําง เพื่อให๎อากาศเข๎าหมุนเวียนรอบล ากล๎องระบาย ความร๎อนและยังใช๎เพื่อปูองกันทํอแก๏สอีกด๎วย ๑.๓ แผํนยางรองพานท๎าย ติดอยูํพานท๎ายปืน เพื่อลดแรงสะท๎อนถอยหลัง และด๎านท๎ายจะ มีชํองเก็บอุปกรณ์ท าความสะอาดปืน ๑.๔ เครื่องชํวยสํงลูกเลื่อนกลับไปข๎างหน๎า อยูํทางขวาด๎านหลังของห๎องสํงลูกเลื่อนสํวนบน เครื่องชํวยนี้จะชํวยให๎ปิดลูกเลื่อนด๎านใน เมื่อลูกเลื่อนไปข๎างหน๎าไมํสุด ๑.๕ มีขาทรายรูป “ไม๎หนีบ” ใช๎ในทํานอนยิงและทํายิงในหลุมบุคคล ขาทรายติดเข๎ากับ ล ากล๎องด๎านใต๎ศูนย์หน๎าตรงระหวํางแทํนยึดด๎านดาบกับหูกระวินบน ๑.๖ โกรํงไก สามารถง๎างออกได๎เพื่อการปฏิบัติการในฤดูหนาว โดยใช๎ปลายหัวกระสุนกด สลักยึดโกรํงไกแล๎วง๎างออกเพื่อเพิ่มชํองวํางหน๎าไกปืน ใช๎ยิงเมื่อสวมถุงมือกันหนาว ๑.๗ แผํนปิดกันฝุุน มีไว๎เพื่อปูองกันสิ่งสกปรกหรือทรายที่จะเข๎าไปในปืน แผํนปิดกันฝุุนควร จะปิดในระหวํางเหตุการณ์ที่ไมํสามารถคาดวําจะต๎องใช๎ปืนยิงเมื่อใด และแผํนปิดกันฝุุนนี้จะเปิดออกได๎อยําง อัตโนมัติเมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าหรือถอยหลัง
๓๗ ๒. ประวัติการประจ าการและการใช๎งานในกองทัพไทย ๒.๑ ปืนเล็กยาวอัตโนมัติในตระกูล M16 เริ่มมีใช๎งานในกองทัพไทยในชํวงสงครามเวียดนาม เอกสารของสหรัฐระบุวําคณะเสนาธิการรํวมของสหรัฐ อนุมัติให๎สํงมอบปืนเล็กยาวอัตโนมัติ XM16E1 จ านวน ๔,๐๐๐ กระบอกแกํกองทัพไทยชํวงปี ค.ศ. 1967 ตามโครงการความชํวยเหลือทางทหาร และเอกสารสหรัฐอีก ฉบับหนึ่งระบุวํามีการสํงมอบปืนเล็กยาวอัตโนมัติ M16A1 ให๎ประเทศไทยจ านวน ๖๔,๐๐๐ กระบอก ในปี ค.ศ.1975 รวมถึงระบุวําประเทศไทยจัดซื้อปืนเล็กยาวอัตโนมัติ M16A1 ที่เริ่มผลิตจากประเทศสิงคโปร์ในปี ค.ศ.1973 อีกจ านวนหนึ่ง ๒.๒ ส าหรับการใช๎งานในกองทัพอากาศนั้น กองทัพอากาศมีการใช๎ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ ใน ตระกูล M16 สองแบบคือ M16 และ M16A1 ๓. คุณลักษณะของปืน ๓.๑ ระบบการท างาน : ท างานด๎วยแก๏ส (Gas Operated) โดยใช๎แก๏สผลักโครงน า ลูกเลื่อนโดยตรงระบายความร๎อนด๎วยอากาศ ๓.๒ น้ าหนัก : (ไมํรวมซองกระสุนและสายสะพาย) ๒.๙๗ กิโลกรัม (๖.๕๕ ปอนด์) ๓.๓ ความยาว : (ตัวปืนพร๎อมปลอกลดแสง) : ๙๙.๑ เซนติเมตร (๓๙ นิ้ว) ๓.๔ ความยาวล ากล๎อง : ๕๐.๘ เซนติเมตร (๒๐ นิ้ว) ๓.๕ ศูนย์เล็ง : ศูนย์หน๎าแบบเสาปรับสูงต่ า ๕ ระดับ ศูนย์หลังแบบรู พลิกปรับ ๒ ระยะ ๐ – ๓๐๐ เมตร และ ๓๐๐ – ๔๐๐ เมตร ๓.๖ การบรรจุกระสุน : ซองกระสุน ๒๐ นัด และ ๓๐ นัด ๓.๗ ห๎ามไก : อยูํที่คันบังคับการยิงด๎านซ๎ายของโครงปืนเหนือโกรํงไก ห๎ามไกเมื่อตั้งคันบังคับการยิงที่ต าแหนํง SAFE ๓.๘ ระยะยิงหวังผลไกลสุด : ๔๖๐ เมตร ๓.๙ อัตราการยิง : อัตราเร็วในการยิง (ยิงตํอเนื่อง) ๗๐๐ – ๘๐๐ นัด/นาที ๓.๑๐ กระสุน : ใช๎กระสุน ๕.๕๖ x ๔๕ มิลลิเมตร : กระสุนธรรมดา (Ball, M193) : กระสุนสํองวิถี (Tracer, M196), : กระสุนซ๎อมรบ (Blank, M200) ๓.๑๑ เกลียวล ากล๎อง ครบ 1 รอบ : ระยะ ๑๒ นิ้ว (๓๐.๔๘ เซนติเมตร) ๓.๑๒ ใช๎ดาบปลายปืนแบบ : M7
๓๘ การถอดประกอบ ๔. กลําวทั่วไป ๔.๑ ความมุํงหมายของการเรียนอาวุธศึกษานั้น เพื่อให๎ผู๎ใช๎ได๎รู๎จักชื่อชิ้นสํวน การท างาน ของปืนซึ่งจะท าให๎มีความเข๎าใจ สามารถหาสาเหตุติดขัดขจัดเหตุติดขัดข๎องปืนให๎ลดน๎อยลง แก๎ไขเหตุติดขัดและ บ ารุงรักษาอาวุธได๎อยํางถูกต๎อง ๔.๒ ทหารจะได๎รับอนุญาตให๎ท าการถอดปืน ในระดับการถอดคุมปกติการถอดประกอบนี้ ทหารท าตามล าดับโดยไมํต๎องอยูํในการก ากับดูแล และกระท าเพื่อบ ารุงรักษาตามสภาพปกติของปืน ๔.๓ การถอดประกอบปืนบํอย ๆ อยํางน๎อยที่สุดจะเป็นการดูแลรักษาชิ้นสํวนให๎ถูกต๎อง เพื่อเป็นการบ ารุงรักษาปืนและปฏิบัติตามค าแนะน าที่ถูกต๎อง ๔.๔ ปืนนี้สามารถถอดและประกอบได๎โดยงําย ไมํจ าเป็นต๎องใช๎ก าลังในการถอดและประกอบ แตํอยํางใดเลย ๔.๕ เมื่อถอดปืนออกมา ควรจะวางชิ้นสํวนลงบนโต๏ะ หรือบนพื้นที่สะอาดตามล าดับการ ถอดออกมาจากซ๎ายไปขวา จะท าให๎การประกอบกระท าได๎อยํางงําย เพราะชิ้นสํวนที่จะประกอบเข๎าไปจะย๎อนถอย หลังจากการถอด ชื่อของชิ้นสํวนปืนควรจะสอนควบไปในขณะที่ถอดประกอบปืน เพื่อให๎ทหารสามารถเข๎าใจการ สอนในขั้นตํอไปได๎ ๔.๖ ในครั้งแรกที่จับถืออาวุธใดขึ้นมา ต๎องตรวจปืนโดยพิจารณาถึงความปลอดภัยกํอนเสมอ คือ ต๎องท าการตรวจอาวุธเสียกํอน โดยเฉพาะอยํางยิ่งจะต๎องไมํมีกระสุนอยูํในรังเพลิงโดยเด็ดขาด ๕. การถอดคุมปกติ ๕.๑ ถอดสายสะพายออกแล๎ววางปืนลงบนโต๏ะหรือพื้นเรียบ ๆให๎ปากล ากล๎องหันไปทางซ๎าย ๕.๒ พลิกปืนไปทางด๎านขวา ใช๎ปลายหัวกระสุนกดและดันสลักยึดโครงปืนอันหลังและอันหน๎า แล๎วยกชุดโครงปืน (โครงลูกเลื่อน) สํวนบนและสํวนลํางให๎หลุดออกจากกัน ๕.๓ ยกโครงปืน (โครงลูกเลื่อน) สํวนบนขึ้นมาแล๎วดึงคันรั้งลูกเลื่อนออกมาทางซ๎ายของตัว ปืนครึ่งหนึ่ง แล๎วดึงโครงน าลูกเลื่อนออกมาทางด๎านหลัง ๕.๔ ปลดคันรั้งลูกเลื่อนออก ๕.๕ ถือโครงน าลูกเลื่อนด๎วยมือซ๎ายใช๎หัวกระสุนดันสลักยึดเข็มแทงชนวนออก ๕.๖ เทเข็มแทงชนวนออกทางด๎านหลัง ๕.๗ ถอดสลักลูกเบี้ยวออก ๕.๘ ดึงลูกเลื่อนออกทางด๎านหน๎าของโครงลูกเลื่อน ๕.๙ ถอดฝาประกับล ากล๎อง (เมื่อต๎องการจะท าความสะอาดสํวนนี้) ๕.๑๐ ถอดแหนบและแปูน (แกน) แหนบรับแรงถอยออก (เมื่อต๎องการจะท าความสะอาด สํวนนี้) สิ้นสุดการถอดประกอบ ส าหรับพลทหารควรอนุญาตให๎ถอดได๎เพียงเทํานี้ในการถอดประกอบนั้นกระท า ตรงกันข๎ามกับการถอด เมื่อถอดอะไรที่หลังควรประกอบกํอน
๓๙ ๖. การถอดคุมพิเศษ คือการถอดคุมโครงปืน (โครงลูกเลื่อน) สํวนลํางนั่นเองล าดับในการถอดดังตํอไปนี้ ๖.๑ สลักนกปืน ๖.๒ นกปืนและแหนบนกปืน ๖.๓ สลักกระเดื่องไกอัตโนมัติ ๖.๔ กระเดื่องไกอัตโนมัติและแหนบ ๖.๕ คันบังคับการยิงบิดไปอยูํต าแหนํง SAFE แล๎วดึงออก ๖.๖ สลักไก ๖.๗ ไกและแหนบไก ๖.๘ กระเดื่องไกและแหนบกระเดื่องไก หมายเหตุการประกอบกระท าตรงข๎ามกับการถอด การท างานของเครื่องกลไก ๗. การท างานของเครื่องกลไก ประกอบด๎วยวงรอบของการท างาน ๘ ขั้นตอน พึงไว๎วํา ณ เวลา หนึ่งนั้น เครื่องกลไกของปืนจะท างานไปพร๎อม ๆ กัน หรือตามล าดับเสมอ ขั้นการท างานทั้ง ๘ ขั้น มีดังนี้ ๗.๑ การยิง ๗.๒ การปลดกลอน ๗.๓ การรั้งปลอกกระสุน ๗.๔ การคัดปลอกกระสุน ๗.๕ การขึ้นนก ๗.๖ การปูอนกระสุน ๗.๗ การเข๎าสูํรังเพลิง ๗.๘ การขัดกลอน การท างานในปืนอาจกระท าได๎ทั้งแบบอัตโนมัติหรือแบบกึ่งอัตโนมัติได๎ด๎วยปรับที่คันบังคับการยิงข๎อแตกตํางใน การท างานของชิ้นสํวนตําง ๆ จะเกิดขึ้นเมื่อได๎เลือกใช๎จังหวะการยิงแล๎ว ๘. การท างานเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ ๘.๑ การยิง เมื่อบรรจุกระสุนเข๎ารังเพลิง ๑ นัด นกปืนอยูํในทําขึ้นนก และคันบังคับการยิง ตั้งอยูํที่กึ่งอัตโนมัติ เมื่อผู๎ยิงเหนี่ยวไก ไกจะหมุนตัวบนสลักไกท าให๎ปลายหน๎าของไกลํางต่ าลงและหลุดออกจาก บากด๎านลํางของนกปืน นกปืนจะฟาดตัวไปข๎างหน๎าด๎วยแรงขยายของแหนบนกปืน และจะตีเข๎ากับท๎ายเข็มแทง ชนวน ท าให๎เข็มแทงชนวนพุํงผํานลูกเลื่อนด๎านในเข๎าแทงจอกกระทบแตกที่จานท๎ายปลอกกระสุน การท างานของ ปืนจะมีความเร็วมากกวําปฏิกิริยาของมนุษย์มาก ท าให๎ไมํสามารถปลํอยไกได๎ทัน เพื่อปูองกันมิให๎ปืนลั่นติดตํอกัน จึงจ าเป็นที่จะต๎องติดตั้งเครื่องกลไกอยํางหนึ่งเข๎ากับปืน เพื่อให๎ผู๎ยิงสามารถท าการยิงทีละนัดได๎ กระเดื่องไก (กระเดื่องตัดจังหวะการยิง) ที่ติดตั้งจะถูกใช๎เพื่อความมุํงหมายนี้ กระเดื่องไกติดอยูํกับไกและจะหมุนไปข๎างหลัง และต่ าลง หลุดจากนกปืนและปลํอยให๎นกปืนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าจนกระทั่งนกปืนถูกปลายหน๎าของไกเกี่ยวไว๎ การท างานดังกลําวนี้เป็นการปูองกันมิให๎นกปืนฟาดตัวตามโครงน าลูกเลื่อนไปข๎างหน๎า ซึ่งจะท าให๎ปืนยิงเป็น อัตโนมัติได๎การท างานของแก๏ส เมื่อจอกกระทบแตกเผาไหม๎ดินสํงกระสุน ลูกกระสุนก็จะถูกบังคับให๎วิ่งผํานไปใน ล ากล๎องปืน ในเวลาเดียวกันนั้น แก๏สจะวิ่งตามไปด๎วยจนกระทั่งผํานชํองแก๏สที่อยูํพื้นผิวล ากล๎องด๎านบน (ใต๎ศูนย์หน๎า) แก๏สสํวนน๎อยจะไหลผํานชํองแก๏สและเข๎าไปในทํอแก๏ส จนกระทั่งถึงหน๎าโครงลูกเลื่อนซึ่งสร๎างเป็นทํอรับแก๏สไว๎ดันให๎ โครงล าลูกเลื่อนวิ่งไปทางหลัง
๔๐ ๘.๒ การปลดกลอน เมื่อโครงน าลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหลัง รํองลาดในผนังด๎านบนของ ห๎องลูกเลื่อน จะบังคับตํอสลักลูกเบี้ยว ท าให๎สลักลูกเบี้ยวและลูกเลื่อนหมุนตัวไปจนกระทั่งครีบขัดกลอนของลูก เลื่อน อยูํไมํตรงกับครีบขัดกลอนของโครงปืนซึ่งอยูํตอนท๎ายของรังเพลิง ในอาการเชํนนี้เราเรียกวํา การปลดกลอน ๘.๓ การรั้งปลอกกระสุน โครงน าลูกเลื่อนยังคงเคลื่อนที่ไปข๎างหลังพร๎อมกับลูกเลื่อนด๎วย การท างานของขอรั้งปลอกกระสุน ซึ่งติดอยูํที่ลูกเลื่อน โดยขอรั้งปลอกกระสุนซึ่งฝังตัวอยูํในขอบจานท๎ายปลอก กระสุนจะยึดท๎ายปลอกกระสุน และน าปลอกกระสุนเปลําให๎ติดมากับหน๎าลูกเลื่อนด๎วย ๘.๔ การคัดปลอกกระสุน เมื่อจานท๎ายปลอกกระสุนสัมผัสกับหน๎าลูกเลื่อนเหล็กคัดปลอก กระสุนจะถูกกดให๎จมเข๎าไปในชํองของเหล็กคัดปลอกกระสุน เมื่อโครงน าลูกเลื่อนเคลื่อนที่ผํานชํองคัดปลอก ปลอกกระสุนเปลําก็จะถูกเหวี่ยงกระเด็นออกมาจากชํองคัดปลอกกระสุน ด๎วยแรงดันของเหล็กคัดปลอกกระสุน และแหนบเหล็กคัดปลอกกระสุน ๘.๕ การขึ้นนก การเคลื่อนที่มาข๎างหลังของโครงน าลูกเลื่อน จะถอยมากดนกปืนให๎ต่ าลงใน ห๎องลูกเลื่อน ท าให๎เกิดการอัดแหนบนกปืน แงํลํางของนกปืนจะขัดกับกระเดื่องไก (กระเดื่องตัดจังหวะการยิง) เมื่อ ปลํอยไก นกปืนจะหลุดจากกระเดื่องไกและถูกปลายหน๎าไกขัดเอาไว๎กํอนที่จะยิงนัดตํอไปเหนี่ยวอีกครั้งหนึ่ง ๘.๖ การปูอนกระสุน เมื่อโครงน าลูกเลื่อนเคลื่อนที่ผํานด๎านบนของซองกระสุนไปข๎างหน๎า แล๎วเหล็กรองกระสุนและแหนบเหล็กรองกระสุน ซึ่งอยูํในซองกระสุนก็จะดันกระสุนนัดใหมํขึ้นข๎างบนมาอยูํในชิ่ง ทางเดินของลูกเลื่อน รอให๎ลูกเลื่อนดันกระสุนนัดนัดบนเข๎ารังเพลิงในขั้นการท างานตํอไป การท างานของเครื่องรับ แรงถอย เมื่อโครงน าลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปทางด๎านหลัง หัวชํองแปูนรับแรงถอยจะถูกท๎ายโครงน าลูกเลื่อนดันให๎แกน แปูนรับแรงถอยและแหนบรับแรงถอย ถอยหลังเข๎าไปในโครงท๎ายห๎องลูกเลื่อน (พานท๎าย) แรงขยายตัวของแหนบ รับแรงถอย จะเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าด๎วย แรงดันของแหนบซึ่งมากพอที่จะดันโครงนาลูกเลื่อนให๎เคลื่อนที่ไปข๎าง ด๎านหน๎าเข๎าสูํรังเพลิงได๎เครื่องรับแรงถอยท าขึ้นเพื่อลดอาการสะท๎อนถอยหลังของปืน และท าหน๎าที่สํงโครงน าลูก เลื่อนไปข๎างหน๎า ๘.๗ การเข๎าสูํรังเพลิง ในขณะที่โครงน าลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า หน๎าลูกเลื่อนก็จะชน เข๎ากับขอบจานท๎ายกระสุนที่ซองกระสุน และดันกระสุนนัดนั้นเข๎าสูํรังเพลิง ในขณะเดียวกันขอรั้งปลอกกระสุนจะ จับขอบจานท๎ายปลอกกระสุน และเหล็กปลอกกระสุนจะถูกดันให๎จมลงในชํองเหล็กคัดปลอกกระสุน และแหนบ เหล็กคัดปลอกกระสุนจะถูกอัดตัวอยูํในชํองเหล็กคัดปลอก ๘.๘ การขัดกลอน เมื่อโครงลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าเหนือระยะอีก ๑/๒ นิ้ว ก็จะเข๎า ที่สุด สลักลูกเบี้ยวก็จะถูกบังคับจากรํองลาดลูกเบี้ยวในห๎องลูกเลื่อนด๎านบน และเคลื่อนที่ไปตามแนวของรํองลาด ลูกเบี้ยว ท าให๎ลูกเลื่อนหมุนตัวทวนเข็มนาฬิกาเข๎าอยูํในชํองขัดกลอน ปืนก็พร๎อมที่จะท าการยิงได๎และวงรอบการ ท างานของปืนก็เริ่มขึ้นอีก เมื่อท าการยิงนัดตํอไป
๔๑ ๙. การท างานแบบอัตโนมัติ ๙.๑ เมื่อตั้งคันบังคับการยิงไปอยูํในต าแหนํงอัตโนมัติ (AUTO) แล๎วปืนก็จะท าการยิง ติดตํอกันเรื่อยไป ตราบที่เรายังเหนี่ยวไกไว๎และยังมีกระสุนอยูํในซองกระสุน การท างานของชิ้นสํวนบางชิ้นของปืน จะเปลี่ยนแปลงไปบ๎าง เมื่อท าการยิงเป็นแบบอัตโนมัติ ๙.๒ เมื่อเหนี่ยวไกวงรอบของการท างานจะเกิดขึ้น เมื่อโครงน าลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลัง นกปืนจะขึ้นนก แตํลูกเบี้ยวตัวกลางของคันบังคับการยิงจะปูองกันมิให๎กระเดื่องไก (กระเดื่องตัดจังหวะการยิง) ขัด เข๎ากับนกปืนได๎ ๙.๓ ด๎วยการกระท าของกระเดื่องไกอัตโนมัติซึ่งจะเกี่ยวเข๎ากับแงํของนกปืนและจะยึดนก ปืนไว๎จนกระทั่งโครงน าลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า และสํวนลํางของโครงน าลูกเลื่อนชนเข๎ากับกระเดื่องไก อัตโนมัติจะเป็นผลให๎เกิดการปลดนกปืน ปืนก็จะทาการยิงเป็นอัตโนมัติ ๙.๔ ถ๎าไกถูกปลํอยจากการเหนี่ยว นกปืนจะเคลื่อนที่ไปข๎างหลัง และถูกขัดกับแงํกระเดื่อง ไกเป็นการสิ้นสุดวงรอบของการยิงเป็นอัตโนมัติจนกวําจะเหนี่ยวไกอีก ๙.๕ ส าหรับขั้นตอนของวงรอบของการท างานอื่น ที่เหลืออยูํทั้งหมดคงเป็นเชํนเดียวกับการ ยิงเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติทุกประการ ๑๐. การท างานของปืนเมื่อกระสุนหมดซอง ตามวงรอบของการท างานจะหยุดลงเมื่อปลํอยไก หรือเมื่อกระสุนหมดซอง ส าหรับในกรณีหลังการท างานของเครื่องกลไกบางแหํงภายในปืนจะบอกให๎ผู๎ยิงรู๎วําเขา ต๎องการเปลี่ยนซองกระสุนได๎แล๎ว ๑๐.๑ เมื่อกระสุนนัดสุดท๎ายจากซองปืนเข๎าสูํรังเพลิงแล๎ว เหล็กรองกระสุนก็จะถอยตัว สูงขึ้นบนสุดสํวนบนของเหล็กรองกระสุนจะสัมผัสเข๎ากับเหล็กหยุดลูกเลื่อน เมื่อโครงน าลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลัง ภายหลังการยิงกระสุนนัดสุดท๎ายแล๎ว เหล็กหยุดลูกเลื่อนจะถูกแรงดันของแหนบซองกระสุนดันให๎ขึ้นมาขวางทาง เดินของหน๎าลูกเลื่อน โครงน าลูกเลื่อนจะถูกยึดไว๎ทางด๎านนี้ ๑๐.๒ การถอดซองกระสุนออก จะไมํเป็นการปลดโครงน าลูกเลื่อนอยํางใด เพราะแรงดัน ของแหนบรับแรงถอยดันอยูํ ท าให๎หน๎าลูกเลื่อนขัดแนํนเข๎ากับเหล็กหยุดลูกเลื่อน การปลดโครงน าลูกเลื่อนผู๎ยิงต๎อง กดปุุมหยุดลูกเลื่อน ซึ่งตั้งอยูํทางด๎านซ๎ายของห๎องลูกเลื่อน ข๎อควรระวัง ถ๎าสอดซองกระสุนใหมํเข๎าไปในชํอง แล๎วปลดโครงน าลูกเลื่อนให๎เคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า ปืนก็จะอยูํในทํา บรรจุและพร๎อมจะท าการยิงได๎ทันที ๑๐.๓ การหยุดโครงน าลูกเลื่อนไว๎ทางด๎านหลัง เพื่อจะท าให๎ปืนอยูํในลักษณะที่ปลอดภัย ท าโดยผู๎ยิงดึงคันรั้งลูกเลื่อนไปข๎างหลังแล๎วกดตอนลํางของเหล็กหยุดลูกเลื่อน แล๎วดันคันรั้งลูกเลื่อนให๎กลับไป ข๎างหน๎า แล๎วเลื่อนคันบังคับการยิงให๎อยูํใน ต าแหนํงห๎ามไก ลักษณะนี้ลูกเลื่อนจะเปิดรังเพลิงจะวําง สะดวก ส าหรับการตรวจ และอาวุธอยูํในลักษณะปลอดภัย แตํการจะให๎ปลอดภัยที่แท๎จริงนั้นจะต๎องถอดซองกระสุน ออกไปด๎วย
๔๒ ๑๑. เหตุติดขัดและวิธีแก๎ไข ๑๑.๑ เหตุติดขัด เหตุติดขัด คือการหยุดชะงักโดยไมํเจตนาในวงรอบของการท างาน ต๎องท า การแก๎ไขเหตุติดขัดนั้นอยํางทันทีทันใดเพื่อขจัดเหตุติดขัดนั้น ๆ ๑๑.๒ การแก๎ไขทันทีทันใด คือการปฏิบัติโดยไมํชักช๎ารีรอเพื่อแก๎ไขขจัดเหตุติดขัดโดยไมํ ต๎องค านึงถึงสาเหตุการแก๎ไขทันทีทันใด เพื่อขจัดเหตุติดขัดของปืนนี้ประกอบด๎วยขั้นตอนดังตํอไปนี้ ๑๑.๒.๑ ตบซองกระสุนขึ้นเพื่อให๎แนํใจวําเข๎าถึงที่สุดแล๎ว ๑๑.๒.๒ ดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาข๎างหลังจนสุดแล๎วปลํอยไป ๑๑.๒.๓ ผลักเครื่องชํวยสํงลูกเลื่อนกลับไปข๎างหน๎าเพื่อให๎แนํใจวําลูกเลื่อนเข๎าที่สนิทแล๎ว ๑๑.๒.๔ พยายามยิงตํอไปอีก ๑๑.๒.๕ ถ๎าปืนยังท าการยิงตํอไปไมํได๎ให๎ห๎ามไกถอดซองกระสุนออกแล๎วพิจารณาหา สาเหตุของการติดขัดตํอไป ข๎อขัดข๎อง อาการที่ปรากฏ สาเหตุ วิธีแก๎ไข หมายเหตุ ๑. ยิงกระสุนนัด แรกไมํลั่น ๒. ไมํบรรจุซอง กระสุน ๑. มีกระสุนใน รังเพลิง ๒. ไมํมีกระสุน ในรังเพลิง ๑.๑ กระสุนด๎าน ๑.๒ ลูกเลื่อนไมํขัดกลอน ๑.๓ เข็มแทงชนวนหักหรือสึก ๒.๑ ซองกระสุนเข๎าไมํสนิท ๒.๒ แหนบสํงกระสุนช ารุด ๑. ดึงคันรั้งมาหลังสุด ใช๎อุ๎งมือขวา ตบเครื่องชํวยสํง ๒. เปลี่ยนเข็มแทงชนวนใหมํ ๓. ท าการยิงใหมํ ๑. ใช๎อุ๎งมือซ๎ายตบซองกระสุน เพื่อให๎เข๎าสุด ๒. ดึงคันรั้งมาหลังสุดแล๎วปลํอยไป ๓. เปลี่ยนซองกระสุนใหมํ ๔. ท าการยิงใหมํ ในการบรรจุไว๎ใน ซองกระสุนหลาย นัดเป็นเวลานาน จะท าให๎แหนบสํง กระสุนช ารุดในการ บรรจุกระสุนเข๎าใน ซองกระสุนไมํควร บรรจุให๎เต็ม เชํน ซองกระสุน ๒๐ นัด ควรบรรจุ ๑๘ นัด เป็นต๎น ปรากฏ เสมอวําถ๎าบรรจุ เต็ม ๒๐ นัด มักจะ ท าให๎แหนบสํง กระสุนไมํปูอน กระสุน