๙๓ ๔. กระสุน ๔.๑ กระสุนมี๙ ชนิด ๔.๑.๑ กระสุนสังหาร ๔.๑.๒ กระสุนซ๎อมยิง ๔.๑.๓ กระสุนสํองสวํางใช๎รํม ๔.๑.๔ กระสุนสํองสวํางใช๎รํมเป็นพวง ๔.๑.๕ กระสุนลูกปราย ๔.๑.๖ กระสุนเคมี ๔.๑.๗ กระสุนควันสีเหลือง ๔.๑.๘ กระสุนควันสีแดง ๔.๑.๙ กระสุนปราบจลาจล ๔.๒ ขนาดและแบบกระสุน ๔.๒.๑ ขนาด ๔๐ มม. ๔.๒.๒ แบบรวม ๔.๒.๒ กระสุนยาว ๓.๙ นิ้ว ๔.๒.๔ หนัก ๘ ปอนด์ ๕. เครื่องเล็ง เครื่องเล็งของ คบ.๔๐ – ๓ มี ๒ แบบด๎วยกัน คือ ศูนย์เล็งแบบแผํน และศูนย์เล็ง แบบโค๎งบอกระยะ ๕.๑ เครื่องเล็งแบบแผํน (LEAF SIGHT) จะติดอยูํบนชุดครอบล ากล๎องปกติจะพับแนบไป กับแทํนศูนย์ สามารถพลิกขึ้นมาได๎เมื่อจะใช๎งาน ลักษณะเป็นแผํนเจาะชํองบอกระยะท าเป็นแงํอื่นเข๎าหากัน ๑ ชํองตํอระยะ ๕๐ ม. มีตัวเลขก ากับไว๎ทุกระยะ ๑๐๐ ม. ที่ระยะ ๕๐ ม. แรกจะมีขีดสีแดง เพื่อเตือนไมํให๎ท าการ เล็งต่ ากวําระยะนี้ ระยะไกลสุดที่ใช๎กับศูนย์นี้ คือ ๒๕๐ ม. สํวนการเล็งตํอที่หมายกระท าได๎โดยการใช๎ศูนย์แผํนนี้ เป็นศูนย์หลัง และใช๎ศูนย์หน๎าของ ปลยอ.๕.๕๖ เป็นศูนย์หน๎า ศูนย์เล็งแบบแผํนนี้สามารถปรับเพื่อแก๎ไขทางทิศ และทางระยะได๎ ๕.๑.๑ การปรับเพื่อแก๎ไขทางทิศ โดยหมุนปรับที่ WINDAGE SCREW เมื่อหมุนตาม เข็มนาฬิกาจะท าให๎แผํนศูนย์เลื่อนไปทางซ๎าย และเลื่อนไปทางขวาเมื่อหมุนทวนเข็มนาฬิกา มีขีดก าหนดไว๎ ๑ ขีด มีคํา ๑.๕ ม. ที่ระยะ ๒๐๐ ม. ๕.๑.๒ การปรับเพื่อแก๎ไขระยะยิง โดยหมุนปรับที่ ELEVATION ADJUSTMENT MACHINE SCREW ให๎คลายตัวแล๎วปรับแผํนศูนย์เลื่อนขึ้น – ลง เมื่อได๎ที่แล๎วจึงขันให๎แนํนลึกครั้งหนึ่ง มีขีดก าหนด ไว๎เชํนกัน ๑ ขีด มีคําเทํากับ ๑๐ ม. ที่ระยะ ๒๐๐ ม. ๕.๒ ศูนย์เล็งแบบโค๎งบอกระยะ (QUADRANT SIGHT) จะติดอยูํที่ด๎ามหิ้วของ ปลยอ.๕.๕๖ ประกอบด๎วยแทํนติดตั้ง โค๎งบอกระยะ และก๎านศูนย์หน๎า – หลัง ซึ่งสามารถพับเก็บ และพลิกออกมาใช๎งานได๎ ที่ก๎านศูนย์หน๎าเป็นศูนย์แทํน มีควงเกลียวถอดออกได๎ ก๎านศูนย์หลังพลิกออกมาเป็นศูนย์รู โค๎งบอกระยะจะเป็น แผํนโค๎งบาง มีตัวเลขบอกระยะตั้งแตํ ๕๐ – ๔๐๐ ม. โดยแบํงออกเป็นระยะทุก ๒๕ ม. การตั้งระยะใช๎มือดึงกลอน บังคับระยะให๎ถอยมาข๎างหลังแล๎วเลื่อนก๎านศูนย์ไปในต าแหนํงที่ต๎องการ หมายเหตุ ก๎านศูนย์หน๎า – หลัง ท าด๎วยพลาสติกแข็ง ต๎องพับเก็บเข๎าที่ทุกครั้งเมื่อไมํใช๎งาน เพื่อปูองกันการช ารุดเสียหาย
๙๔ การถอดประกอบ ๖. การถอดประกอบ ส าหรับการถอด และประกอบ คบ.๔๐ – ๓ นั้น เนี่องจากเมื่อจะใช๎ท าการ ยิงต๎องประกอบเข๎ากับ ปลยอ.๕.๕๖ จึงมีขั้นตอนตามล าดับดังนี้ ๖.๑ การประกอบเข๎ากับ ปลยอ.๕.๕๖ ๖.๑.๑ ถอดสายสะพาย ปลยอ.๕.๕๖ ออกจากหูกระวินบน หมายเหตุ เนื่องจากหูกระวินบนของ ปลยอ.๕.๕๖ ติดกับปืนด๎วยสลักย้ า จึงไมํจ าเป็นต๎องถอดออก เพราะจะ ยุํงยากตอนใสํคืน ๖.๑.๒ ถอดครอบล ากล๎อง ปลยอ.๕.๕๖ ออก ๖.๑.๓ ประกอบชุดหูกระวินบนของ คบ.๔๐ – ๓ เข๎ากับ ปลยอ.๕.๕๖ ที่ชํองใต๎ ศูนย์หน๎าโดยหันหูกระวินบนออกทางด๎านขวาของตัวปืน ๖.๑.๔ ประกอบชุดล ากล๎องและโครงปืน ต๎องประกอบหูยึดครอบล ากล๎องกํอน โดย เอาปลอกรองหูยึดที่มีอยูํ ๒ ซีก ครอบล ากล๎องตอนใกล๎กับศูนย์หน๎า แล๎วใช๎หูยึดครอบลงไป โดยให๎ปลายหูยึดยันอยูํ กับครอบล ากล๎องสํวนหน๎า น าชุดล ากล๎องและโครงปืนสวมเข๎ากับล ากล๎อง ปลยอ.๕.๕๖ โดยให๎สํวนท๎ายเข๎าไปที่ ปลอกบังคับครอบล ากล๎องสํวนหลัง และสลักชํองเครื่องยิงเข๎าอยูํในชํองของแปูนเกลียวยึดล ากล๎อง ดันสํวนหลัง ของชุดโครงปืนเข๎ากับตัวปืนจนติดหูยึด ปรับรูสลักเกลียวให๎ตรงกัน แล๎วใสํสลักเกลียวทั้งซ๎าย – ขวาให๎แนํน พร๎อม กับใช๎ลวดห๎ามหรือลวดกันคลายผูกอีกชั้นหนึ่ง สํวนโกรํงไกให๎ใช๎แรงดันให๎ออกไปอยูํนอกชํองส าหรับใสํซองกระสุน ของ ปลยอ.๕.๕๖ หมายเหตุ กํอนประกอบชุดล ากล๎องและโครงปืน ต๎องผลักหูกระวินบนของ ปลยอ.๕.๕๖ ให๎ไปข๎างหน๎า เพื่อกัน ไมํให๎มาขัดกับล ากล๎องเวลาเลื่อนล ากล๎อง คบ.๔๐ – ๓ ๖.๑.๕ ประกอบชุดครอบล ากล๎องของ คบ.๔๐ – ๓ ๖.๑.๖ ประกอบชุดศูนย์เล็งแบบโค๎งบอกระยะ โดยถอดสลักเกลียวบนตัวขัดศูนย์เล็ง แผํนประกับศูนย์จะหลุดออกมาด๎วย น าตัวศูนย์เล็งและแผํนประกับศูนย์เข๎ากับด๎ามหิ้วของ ปลยอ.๕.๕๖ แล๎วใสํ สลักเกลียวขันให๎แนํน ๖.๑.๗ ประกอบสายสะพายปืนเข๎ากับหูกระวินบนของ คบ.๔๐ – ๓ ๖.๒ การถอด คบ.๔๐ – ๓ ออกจาก ปลยอ.๕.๕๖ คงปฏิบัติกลับกันกับการประกอบที่กลําวแล๎ว ๖.๓ การถอดและการประกอบชุดล ากล๎องกับชุดโครงปืน ชุดล ากล๎องและชุดโครงปืน สามารถถอดประกอบออกจากกันได๎ เพื่อสะดวกในการซํอมบ ารุงและท าความสะอาด โดยปฏิบัติดังนี้ ๖.๓.๑ เมื่อเลื่อนล ากล๎องมาจนสุดแล๎วจะติดอยูํ ให๎กดที่กลอนยึดล ากล๎องซึ่งอยูํ ตอนบนของชุดโครงปืน จะท าให๎แงํอีกด๎านหนึ่งยกตัวขึ้น เมื่อดึงล ากล๎องตํอมาอีก ชุดล ากล๎องก็จะหลุดออกได๎ ๖.๓.๒ การประกอบท ากลับจากการถอด ๖.๓.๓ ในกรณีที่มีชุดครอบล ากล๎องครอบอยูํด๎วย ให๎ใช๎ปลายแส๎ท าความสะอาดสอด เข๎าไปที่รูระบายความร๎อนรูที่ ๔ นับจากด๎านหน๎า เข๎าไปกดกลอนยึดล ากล๎องก็จะสามารถถอดล ากล๎องออกได๎ เชํนเดียวกัน
๙๕ การท างานของเครื่องกลไก ๗. การท างานของเครื่องยิง ๗.๑ การบรรจุกระสุน กดเหล็กปลดกลอนยึดล ากล๎องที่อยูํทางด๎านซ๎ายของตัวปืน ด๎านท๎าย ของเหล็กกลอนยึดล ากล๎องจะแยกตัวออกจากชํองขัดกลอน (กลอนล ากล๎องเป็นแบบกระเดื่อง) ล ากล๎องจะเลื่อนไป ข๎างหน๎าได๎ ๑/๒ – ๑ นิ้ว ด๎วยแรงของเหล็กตํอท๎ายล ากล๎องใช๎มือเลื่อนล ากล๎องไปข๎างหน๎าสุด แล๎วบรรจุกระสุนเข๎า รังเพลิง ๗.๒ การขึ้นนก ขณะที่ดันล ากล๎องให๎เลื่อนไปข๎างหน๎า เหล็กตํอท๎ายล ากล๎องจะน าเอา กระเดื่องคันขึ้นนกสํวนบน ซึ่งสอดอยูํในชํองเหล็กตํอท๎ายล ากล๎องตามไปด๎วย สํวนลํางของกระเดื่องคันขึ้นนกจะไป กดที่เข็มแทงชนวนให๎หดตัวอัดแหนบเข๎าไปยึดตัวอยูํกับกระเดื่องไก การขึ้นนกนี้ยังไมํสมบูรณ์เพราะยังลั่นไกไมํได๎ เนื่องจากกระเดื่องคันขึ้นนกสํวนลํางยังกดตัวอยูํที่เข็มแทงชนวน ด๎วยแรงแหนบของเหล็กตํอท๎ายล ากล๎อง ต๎องดัน ล ากล๎องกลับเข๎าที่ให๎เหล็กตํอท๎ายล ากล๎องไปดันกระเดื่องคันขึ้นนกสํวนบนหงายไปข๎างหลัง แล๎วสํวนลํางจะพ๎นจาก การไปกดเข็มแทงชนวนปลํอยให๎เข็มแทงชนวนถูกจับไว๎ด๎วยกระเดื่องไกอยํางเดียว ๗.๓ การปิดรังเพลิงและการขัดกลอน เมื่อดึงล ากล๎องกลับเข๎าที่จนสุด กลอนยึดล ากล๎องไป ขัดตัวอยูํกับล ากล๎องไมํให๎เคลื่อนที่ ด๎วยแรงแหนบจานท๎ายปลอกกระสุนจะอัดตัวอยูํในรํองเหล็กยึดปลอกกระสุน และดันให๎เหล็กคัดปลอกอัดแหนบเข๎าไปอยูํภายในโครงปืน ๗.๔ การห๎ามไก ชิ้นห๎ามไกจะเป็นรูปโค๎งเข๎ากับรูปโค๎งของโกรํงไกตอนหน๎า แตํเป็นแผํน ใหญํกวํา เมื่อดันให๎พลิกเข๎ามาพาไก จะท าให๎แงํสํวนในของชิ้นห๎ามไกเข๎าไปอยูํในชํองของเครื่องลั่นไกและขวางไกไว๎ ท าให๎ไกไมํสามารถเคลื่อนตัวได๎ ๗.๕ การลั่นไก เมื่อผลักใบห๎ามไกไปข๎างหน๎า เป็นการปลดห๎ามไกแล๎วเหนี่ยวไกมาข๎างหลัง กระเดื่องไกและไกปืนจะแยกตัวออกจากกัน ปลํอยให๎เข็มแทงชนวนวิ่งไปข๎างหน๎าด๎วยแรงแหนบที่อัดตัวไว๎ตอนขึ้น นก เข็มแทงชนวนจะพุํงไปกระแทกชนวนท๎ายปลอกกระสุน ท าให๎เกิดการยิงขึ้น หมายเหตุ เนื่องจาก คบ.๔๐ – ๓ ติดตั้งอยูํสํวนลํางของ ปลยอ.๕.๕๖ ท าให๎จับถือไมํถนัดเวลาลั่นไกจ าเป็นที่ จะต๎องใสํซองกระสุนของ ปลยอ.๕.๕๖ เพื่อใช๎เป็นด๎ามจับด๎วย ๗.๖ การรั้งปลอก กดกลอนยึดล ากล๎อง แล๎วเลื่อนล ากล๎องไปข๎างหน๎า ขอรั้งปลอกกระสุนที่ ติดอยูํกับชุดโครงปืนจะรั้งปลอกเอาไว๎ ๗.๗ การคัดปลอก เมื่อดันล ากล๎องเลื่อนไปข๎างหน๎าตํอไปอีกจนพ๎นความยาวของปลอก กระสุน ปลอกกระสุนก็จะตกข๎างลํางด๎วยแรงดันของแหนบเหล็กคัดปลอกที่ดันตํอท๎ายปลอกกระสุน
๙๖ ๘. เหตุติดขัดและการแก๎ไข เหตุติดขัด สาเหตุ วิธีแก๎ไข ๘.๑ เครื่องยิงไมํลั่น ๘.๒ บรรจุกระสุนไมํได๎ ๘.๓ ไมํรั้งปลอกกระสุน ๘.๔ เลื่อนล ากล๎องไปข๎างหน๎าไมํได๎ ๘.๕ เครื่องยิงไมํขึ้นนก ๑. ห๎ามไกอยูํต าแหนํงพลิกมาข๎างหลัง ๒. ไมํได๎บรรจุกระสุน ๓. เข็มแทงชนวนหักหรือสึก ๔. ปิดรังเพลิงไมํสนิท ๑. กระสุนผิดปกติ ๒. รังเพลิงสกปรก ๑. ขอรั้งปลอกกระสุนช ารุด ๒. ปลอกกระสุนบวมหรือช ารุด ๑. หูกระวินบน ปลยอ. ๕.๕๖ พับเข๎าหาเครื่องยิง ๒. ปลายเหล็กตํอท๎ายล ากล๎องช ารุด ๑. ปลายกระเดื่องคันขึ้นนกสํวนบนหักหรือสึก ๒. ปลายกระเดื่องไกหักหรือสึก ๑. พลิกห๎ามไกข๎างหน๎า ๒. บรรจุกระสุน ๓. เปลี่ยนเข็มแทงชนวน ๔. ดึงล ากล๎องมาข๎างหลัง ๑. เปลี่ยนกระสุนใหมํ ๒. ท าความสะอาดรังเพลิง ๑. เปลี่ยนขอรั้งกระสุนใหมํ ๒. ใช๎ไขควงงัดออก ๑. ถอดประกอบและจัดหู กระวินบน ปลยอ. ๕.๕๖ ใหมํ ๒. สํงซํอม ๑. เปลี่ยนกระเดื่องใหมํ ๒. เปลี่ยนกระเดื่องไกใหมํ การปรนนิบัติบ ารุงและการท าความสะอาด ๙. การปรนนิบัติบ ารุง ๙.๑ อุปกรณ์ที่ใช๎ในการปรนนิบัติบ ารุง ๙.๑.๑ กํอนท าการยิง ต๎องท าความสะอาดล ากล๎องให๎แห๎งและสะอาด หากมีน้ ามัน ชโลมไว๎ให๎เช็ดให๎แห๎ง ๙.๑.๒ หลังการยิง ให๎ท าความสะอาดทุกสํวนโดยการเช็ดแห๎ง แล๎วชโลมน้ ามันบาง ๆ ๙.๑.๓ ผู๎ใช๎ต๎องท าการตรวจเครื่องยิงอยํางสม่ าเสมอ เพื่อปูองกันสนิม การสึกกรํอน แตกร๎าว หรือหลุดหาย หากพบให๎แจ๎ง จนท.สพ. ของหนํวยทราบทันที ๙.๑.๔ หากจะเก็บเครื่องยิงไว๎นาน ห๎ามเก็บไว๎ในหํอผ๎า หรือวัสดุคล๎ายผ๎า และห๎ามเอา วัสดุดังกลําว อุดล ากล๎อง เพราะจะเป็นสาเหตุให๎เกิดการสะสมความชื้น และเกิดสนิมขึ้นได๎ ๙.๒ การปรนนิบัติบ ารุงและการท าความสะอาดของผู๎ใช๎ ๙.๒.๑ ตรวจข๎อบกพรํองของเครื่องยิงกํอนใช๎งาน เกี่ยวกับการท างานของเครื่องยิง ๙.๒.๒ ตรวจรํองรอยการแตกร๎าว สึกกรํอนของสํวนที่เป็นโลหะ ๙.๒.๓ ศูนย์เล็งต๎องพับเก็บทุกครั้งเมื่อไมํได๎ใช๎งาน ๙.๒.๔ ห๎ามเก็บเครื่องยิงไว๎ในหํอผ๎าหรือวัสดุคล๎ายผ๎า หรือใช๎วัสดุดังกลําวอุดล ากล๎อง เพราะจะท าให๎เกิดสนิมได๎ ๙.๒.๕ การท าความสะอาดสํวนที่เป็นโลหะให๎เช็ดแห๎งและชโลมน้ ามัน ๙.๒.๖ สํวนที่เป็นพลาสติกให๎เช็ดให๎แห๎งสะอาดจริง ๆ
๙๗ บทที่ ๒๖ เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๘๑ มม. แบบ เอ็ม ๑ และ เอ็ม ๒๙ (MOTAR M 1 & M 29) (ค.๘๑) (รูปภาพ : เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๘๑ มม. แบบ เอ็ม ๑ และแบบ เอ็ม ๒๙) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ค ๘๑ มม. แบบ เอ็ม ๑ และ แบบ เอ็ม ๒๙ ซึ่ง ทอ. เรามีใช๎เป็นอาวุธวิถีโค๎ง สามารถพิจารณาเลือกใช๎ให๎เหมาะกับเปูาหมาย เพื่อให๎ได๎ประสิทธิภาพในการท าลายมากที่สุด สามารถจะใช๎ยิงทั้ง วิธีเล็งตรงและเล็งจ าลอง ตํอเปูาหมายหลังที่ก าบังได๎คุณสมบัติที่เดํนของ ค.๘๑ ได๎แกํ ๑.๑ มีอ านาจการท าลายสูง มีความแมํนย าแนํนอน ใช๎ได๎รวดเร็วทันเวลาตํอเปูาหมายได๎ รอบตัวโดยมิต๎องค านึงถึง สภาพดินฟูาอากาศ ทัศนะวิสัย และภูมิประเทศ ๑.๒ โจมตีเปูาหมายตําง ๆ ได๎อยํางกว๎างขวาง สามารถรวมอ านาจการยิง กระจายการยิง หรือยิงเปูาหมายตามเหตุการณ์ได๎ในรัศมีระยะยิงของตนเองโดยมิต๎องย๎ายที่ตั้งยิง ๑.๓ ด๎วยการยิงจูํโจม สามารถท าลายขวัญข๎าศึก ทั้งยังจ ากัดขีดความสามารถในการ เคลื่อนย๎าย รํนถอยของข๎าศึก โดยข๎าศึกไมํทราบทิศทางยิง ๒. การพิจารณาใช๎ในทางยุทธวิธีตามปกติภารกิจหลักของ ค.๘๑ มม. มี๒ ประการ ได๎แกํ ให๎การ สนับสนุนการยิงอยํางใกล๎ชิดตํอหนํวย ด าเนินกลยุทธ การโจมตีในทางลึกหลังแนวข๎าศึกเพื่อขัดขวางการปฏิบัติการ ของข๎าศึก โดยปกติการใช๎ค.๘๑ มม. ให๎เกิดผลเต็มขีดความสามารถจะต๎องมีชุดเจ๎าหน๎าที่ท าหน๎าที่เป็นผู๎ตรวจ การณ์หน๎า ศูนย์อ านวยการยิง และพลประจ าปืนทั้ง ๓ สํวน จะแยกกันปฏิบัติงานในหน๎าที่ตําง ๆ กัน กลําวคือ ผู๎ตรวจการณ์หน๎าจะท าหน๎าที่ค๎นหาเปูาหมาย สํงค าขอยิง และแก๎ไขผลการยิงไปยังศูนย์อ านวยการยิง เจ๎าหน๎าที่ ภายในศูนย์อ านวยการยิงจะน าข๎อมูลจากค าขอยิงหรือผลการแก๎ไขแปลงเป็นหลักฐานการยิง และสํงเป็นค าสั่งยิงที่ สมบูรณ์ไปยังหมูํปืน พลประจ าปืนจะรับค าสั่งยิง ตั้งคํามุมตําง ๆ ตลอดจนการใช๎กระสุนและจัดสํวนบรรจุ ตาม ค าสั่งยิงที่ได๎รับทุกประการและท าการยิงตามค าสั่งที่ศูนย์อ านวยการยิงควบคุม วิธียิงชนิดนี้เรียกวํา การยิงโดย วิธีการเล็งจ าลอง แตํถ๎าพลประจ าปืนสามารถมองเห็นที่หมายจากที่ตั้งปืนก็สามารถปรับการยิงของตนเองได๎เลย โดยไมํต๎องอาศัยองค์ประกอบดังกลําว ซึ่งเราเรียกวิธีหลังนี้วํา การยิงโดยวิธีเล็งตรง ส าหรับคูํมือฉบับนี้กลําวเฉพาะ อาวุธศึกษา จึงจะเว๎นไมํกลําวถึงรายละเอียดและวิธีการยิงหรือการใช๎ค.๘๑ วิธีตําง ๆ แตํจะกลําวเฉพาะสํวนอาวุธ ศึกษา ในหน๎าที่ของพลประจ าปืนต๎องทราบเทํานั้น
๙๘ ๓. สํวนประกอบรายการขนาดและน้ าหนัก ๓.๑ เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๘๑ มม. (เอ็ม ๑, เอ็ม ๒๙) ประกอบขึ้นด๎วยสํวนใหญํ ๆ ๓ สํวน คือ ฐาน ล ากล๎อง และชุดขาหยั่ง เป็นอาวุธวิถีโค๎งยิงด๎วยมุมยิงใหญํ (ตั้งแตํ ๔๕ องศาขึ้นไป) ภายในล ากล๎องเรียบ บรรจุกระสุนทางปากล ากล๎อง มีเครื่องผํอนแรงกระแทก สามารถปรับการยิงได๎อยํางแมํนย า ตํอที่หมายที่สามารถ มองเห็น และหลังที่ก าบัง ซึ่งอาวุธวิถีราบอื่น ๆ ไมํสามารถท าการยิงได๎ ๓.๒ รายการขนาดและน้ าหนัก ค.แบบ เอ็ม ๑ ค.แบบ เอ็ม ๒๙ ๓.๒.๑ น้ าหนัก ๓.๒.๑.๑ ค.แบบ เอ็ม ๑ (๑) ความยาว ๑๓๖.๕ ปอนด์ (๒) ล ากล๎อง ๔๔.๕ ปอนด์ (๓) ความสูงขาหยั่ง ๔๗.๐ ปอนด์ (๔) ฐาน ๔๕.๐ ปอนด์ (๕) ชุดเครื่องเล็ง ๑.๗ ปอนด์ ๓.๒.๑.๒ ค.แบบ เอ็ม ๒๙ (๑) ความยาว ๘๗.๕ หรือ ๑๐๗ ปอนด์(แล๎วแตํฐาน) (๒) ล ากล๎อง ๒๘ ปอนด์ (๓) ขาหยั่ง ๓๑ ปอนด์(เอ็ม ๒๓ เอ ๑) (๔) ฐาน ๔๘ ปอนด์(เอ็ม ๒๓ เอ ๑) ๒๘.๕ ปอนด์(เอ็ม ๓) (๕) ชุดเครื่องเล็ง ๕.๒๕ ปอนด์(เอ็ม ๕๓) ๔ ปอนด์(เอ็ม ๓๔ เอ ๒) ๓.๒.๒ ขนาด ๓.๒.๒.๑ ค.แบบ เอ็ม ๑ (๑) ความยาว ๔๙.๕ นิ้ว (๒) กินที่กว๎าง ๑๖.๖ นิ้ว (๓) ความสูงขาหยั่ง ๓๖.๕ นิ้ว ๓.๒.๒.๒ ค.แบบ เอ็ม ๒๙ (๑) ความยาว ๕๑ นิ้ว (๒) กินที่กว๎าง ๒๑ นิ้ว (๓) ความสูงขาหยั่ง ๓๗.๕ นิ้ว ๓.๒.๓ เครื่องให๎ทางสูง ค.แบบ เอ็ม ๑ และ ค.แบบ เอ็ม ๒๙ ๓.๒.๓.๑ มุมสูง ๔๐ – ๘๕ องศา ๘๐๐ – ๑๔๐๐ มิล ๓.๒.๓.๒ ๑ รอบ ความสูงประมาณ ๑/๒ องศา ๑๐ มิล ๓.๒.๔ เครื่องให๎ทางทิศ ค.แบบ เอ็ม ๑ และ ค.แบบ เอ็ม ๒๙ ๓.๒.๔.๑ จ านวนรอบควงสํายทั้งหมด ๑๙ รอบ ๓.๒.๔.๒ สายจากศูนย์กลางข๎างละ ๙ ๑/๒ รอบ ๓.๒.๔.๓ หนึ่งรอบควงสายประมาณ ๑๐ มิล ๓.๒.๔.๔ สายจากศูนย์กลางข๎างละ ๙๕ มิล ๓.๒.๕ ความเร็วในการยิง ๓.๒.๕.๑ สูงสุด ๓๐ นัด/นาที ๑๒ นัด/นาที(บจ.๘) (เฉพาะ ๑ นาที) (เฉพาะ ๒ นาที) ๑๒ นัด/นาที(บจ.๒) (เฉพาะ ๕ นาที) ๓.๒.๕.๒ ปกติ๑๘ นัด/นาที๓ นัด/นาที(บจ.๘) ไมํจ ากัดเวลา ๕ นัด/นาที (บจ.๖) ไมํจ ากัดเวลา
๙๙ ๔. รายละเอียดของสํวนประกอบ ๔.๑ สํวนประกอบของล ากล๎อง ประกอบด๎วย ล ากล๎อง เครื่องปิดท๎าย เข็มแทงชนวน (และ วงแหวนรัดล ากล๎อง ส าหรับ เอ็ม ๒๙) ๔.๑.๑ ล ากล๎องภายในเรียบสม่ าเสมอ ภายนอก (เรียบส าหรับ เอ็ม ๑ ) เป็นเกลียวถี่ และหนาท าหน๎าที่คล๎ายลวดพันล ากล๎อง เพิ่มความแข็งแรง ทั้งเป็นที่ยึดและปรับให๎วงแหวนรัดล ากล๎องเลื่อนขึ้นลงได๎ (ส าหรับ เอ็ม ๒๙) ๔.๑.๒ เครื่องปิดท๎าย และเข็มแทงชนวนเป็นเรือนเกลียวขันปิดท๎ายล ากล๎อง ประกอบด๎วยตัวเรือนเกลียวเครื่องปิดท๎าย และเดือยท๎ายส าหรับยึดกับฐานที่กลางเดือยท๎ายล ากล๎องสร๎างเป็นเรือน เกลียว เข็มแทงชนวน ซึ่งเข็มแทงชนวนจะถูกขันให๎ติดแนํนอยูํในเรือนเกลียว โดยปลายเข็มแทงชนวนโผลํเข๎าไป ภายในเครื่องปิดท๎ายล ากล๎อง ๔.๑.๓ วงแหวนรัดล ากล๎อง (ส าหรับ เอ็ม ๒๙) เป็นวงแหวนที่ติดอยูํกับภายนอกของล ากล๎อง ด๎วยเกลียวรัดล ากล๎อง สามารถหมุนเลื่อนปรับต าแหนํงที่อยูํได๎โดยหมุนไปตามเกลียวภายนอกล ากล๎อง โดยปกติจะ อยูํกึ่งกลางระหวํางขีดขาว ๒ ขีด ที่ทาไว๎บนสันเกลียว ซึ่งจะอยูํหํางจากปากล ากล๎องปืน ๑๗ และ ๒๓ นิ้วตามล าดับ ๔.๒ ชุดขาหยั่ง ๔.๒.๑ สํวนประกอบของขาหยั่งประกอบด๎วย ขาหลอดเหล็กเหนี่ยวเป็นขาหยั่ง ๒ ขา เครื่องสายทางทิศ เครื่องให๎ทางสูง เครื่องปรับแก๎เอียง เครื่องผํอนแรงกระเทือน และที่ยึดขาหยั่งติดกับล ากล๎อง พลั่วขาหยั่ง ชํองรับเครื่องเล็ง ๔.๒.๒ ขาหยั่งทั้งสองมีพลั่วขาหยั่งที่ปลายทั้งสองข๎าง มีโซํขาหยั่งที่ปลายโซํข๎างหนึ่งจะ สร๎างเป็นแหนบรับแรงกระเทือน ปกติใช๎ระหวําง ๑๕ ถึง ๑๘ ข๎อ ขาหยั่งขวาเป็นขาหยั่งที่คงที่สํวนขาหยั่งซ๎าย ประกอบด๎วยเครื่องแก๎เอียง โดยมีปลอกเลื่อนคานแก๎เอียง และปลอกยึดคานแก๎เอียงส าหรับใช๎ปรับแก๎ปืนเอียง ๔.๒.๓ เครื่องให๎มุมสูง ประกอบด๎วยเรือนควงสูงซึ่งมีควงสูงสามารถหมุนปรับให๎ สํวนบนของชุดขาหยั่งขึ้นลงได๎ด๎วยเฟือง และเกลียวในกระปุก และหลอดเครื่องให๎ทางสูง ๔.๒.๔ เครื่องให๎มุมทางทิศ (เครื่องสาย) ประกอบด๎วยควงสายซึ่งจะอ านวยให๎สํวนยึด ล ากล๎องสาย ซ๎าย – ขวา ได๎ตามต๎องการไปตามสะพานโครงสายที่ปลายสะพานโครงสายด๎านซ๎ายมีชํองรับกล๎องเล็ง ๔.๒.๕ ปลอกรัดล ากล๎อง (เอ็ม ๑) หรือปลอกสวมล ากล๎อง (เอ็ม ๒๙) ติดอยูํกับสํวนบน ของสะพานโครงสาย เลื่อนไปมาทางระดับตามควงสายเป็นที่ส าหรับยึดล ากล๎อง ติดอยูํกับสํวนบนของขาหยั่ง ด๎วย ควงเกลียวเรํงปลอกรัดล ากล๎อง (ส าหรับ เอ็ม ๑) ขาหยั่งที่ใช๎กับ เอ็ม ๑ และ เอ็ม ๒๙ มีเครื่องผํอนแรงกระแทก ประกอบอยูํด๎วยทั้ง ๒ แบบ ๔.๓ ฐาน ๔.๓.๑ ฐานส าหรับใช๎กับ ค.แบบ เอ็ม ๑ เป็นฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ๎า มีพลั่วฐานอยูํข๎าง ใต๎มีหํวงหูหิ้ว และชํองรับเดือยท๎ายล ากล๎อง ๓ ชํอง ๔.๓.๒ ฐานส าหรับใช๎กับ ค.แบบ เอ็ม ๒๙ เป็นฐานกลม ๒ แบบ คือ แบบ เอ็ม ๓ ซึ่ง เป็นรูปวงแหวนแถบกว๎างวงแหวนเดียว และแบบเอ็ม ๒๓ เอ ๑ ซึ่งเป็นรูปวงแหวน ๒ วง วงแหวนวงในและนอก สามารถใช๎เพียงวงแหวนเดียว หรือประกอบกันทั้ง ๒ วงก็ได๎ฐานทั้ง ๒ แบบ มีชํองรับเดือยท๎ายล ากล๎องรูปตัวยู หมุนหมุนได๎โดยรอบตัว เชํนเดียวกัน ท าให๎สะดวกในการย๎ายยิงทางข๎างได๎โดยรอบ โดยไมํต๎องวางฐานใหมํ
๑๐๐ ๕. การท างานของเครื่องยิง ลักษณะการท างานของเครื่องยิง เป็นการท างานแบบงํายๆ เพียง บรรจุกระสุน (ลูกระเบิดยิง) โดยเอาทางสํวนหางลงไปทางปากล ากล๎องด๎วย น้ าหนักของกระสุนจะท าให๎กระสุน เลื่อนลงไป เอาสํวนท๎ายที่มีจอกกระทบแตก และมีดินสํงกระสุน กระแทกเข๎ากับเข็มแทงชนวนที่โผลํคอยรับอยูํแล๎ว ท าให๎เกิดการปะทุขึ้น และจุดดินขับเกิดการเผาไหม๎อยํางรวดเร็ว และรุนแรง สามารถดันตัวกระสุน ให๎ยิงออกไป จากล ากล๎องได๎สํวนท๎ายของกระสุนจะมีหางน าทิศ จะบังคับให๎กระสุนพุํงออกไปตามทิศทางยิงตามวิถีที่ต๎องการ ส าหรับการจุดดินขับเราจะต๎องการให๎แรงมาก – น๎อย เพื่อเพิ่มลดระยะ เราสามารถจัดสํวนบรรจุ (ดินขับ) เพิ่ม – ลด ได๎ตามความต๎องการโดยพิจาณาระยะยิงประกอบกับตารางยิงให๎เหมาะสม อุปกรณ์และสํวนประกอบ ๖. เครื่องเล็งและเครื่องควบคุมการยิง ๖.๑ เครื่องเล็ง M 34 A1 (A2) (SIGHT UNIT M 34 (A2) เป็นเครื่องเล็งส าหรับให๎ทิศทางยิง (ท) และมุมสูง (ส) แกํเครื่องยิง ฯ ประกอบด๎วย ๖.๑.๑ กล๎องเล็งชนิดข๎อศอก มีก าลังขยาย ๓ เทํา ปรับความชัดได๎มีเส๎นเล็งกากบาท สามารถปรับเสียงและตั้งได๎โดยมีปุุมยึดเมื่อปรับกล๎องได๎ที่แล๎ว มีปุุมปรับแกนกล๎องให๎เงยขึ้น หรือต่ าลงเพื่อปรับเข๎า หาที่หมายเล็ง โดยไมํกระทบกระเทือนตํอคํามุมสูง และมีชํองรับเครื่องให๎แสงสวํางส าหรับใช๎เวลากลางคืนด๎วย ๖.๑.๒ สํวนฐานเครื่องเล็งประกอบด๎วยเครื่องให๎ทางสูง และมาตรามุมสูงทั้งมาตรา หลักและมาตราสํวนยํอย ซึ่งจะเขียนเลขมาตราสํวนหลักจาก – ๒๐๐ ถึง + ๑,๐๐๐ มิล. โดยแบํงขีดมาตราขีดละ ๑๐๐ มิล และเขียนตัวเลขทุก ๆ ๒๐๐ มิล สํวนมาตราสํวนยํอยจะแบํงขีดละ ๒ มิล เขียนเลขไว๎ทุก ๆ มิล ใน ๑ รอบ ควงสายสํวนยํอย แบํงมาตราสํวนยํอยเป็น ๒ ข๎าง ๆ ละ ๑๐๐ มิล (ข๎างละครึ่งวง ๐ – ๑๐๐ ฉะนั้น ๑ รอบ จะให๎ คํามุมสูง – ๒๐๐ มิล) ทั้งมาตราหลักและมาตราสํวนยํอยจะมีดัชนีชี้มาตรา และมีหลอดระดับส าหรับปรับปืนให๎ได๎ มุมสูงตามต๎องการ มีกระเดื่องและก๎านเครื่องเล็งส าหรับยึดติดกับแทํนรับกล๎องเล็งที่ปลายสะพานโครงสายของขาหยั่ง ๖.๑.๓ สํวนให๎ทิศทางประกอบด๎วยตัวเรือนให๎ทางทิศซึ่งเป็นตัวเรือนติดตํอกับกล๎องเล็ง มีหลอดระดับทางข๎าง (ส าหรับแก๎เอียง) ศูนย์เปิดและสลักยึดกล๎องเล็ง มีปุุมตั้งมาตรามุมทิศ โดยเขียนมาตราสํวน หลักมุมทิศไว๎๒ ข๎าง ๆ ละ ๓,๒๐๐ มิล แบํงขีด ขีดละ ๑๐๐ เขียนเลขทุก ๆ ๔๐๐ มิล มาตราสํวนยํอยมุมทิศแบํง ขีดละ ๑ มิล เขียนเลขไว๎ทุก ๆ ๑๐ มิล จาก ๐ – ๙๐ มิล มีปุุมขันยึดควงมุมทิศเพื่อกันเคลื่อนเมื่อตั้งได๎ที่แล๎ว ๖.๒ เครื่องเล็งแบบ ๕๓ (SIGHT UNIT M 53) เป็นเครื่องเล็งส าหรับให๎ทิศทาง (ท) และ มุมสูง (ส) แกํเครื่องยิง ฯ ประกอบด๎วย ๖.๒.๑ กล๎องเล็งชนิดข๎อศอกมีก าลังขยาย ๔ เทํา ปรับความชัดได๎มีเส๎นเล็งกากบาท และมีมาตราประจ าแก๎ว ขีดละ ๕ มิล ข๎างละ ๕ มิล ทั้งทางดิ่งและทางระดับ สามารถปรับเอียงและตั้งดิ่งได๎มีที่ ยึดแนํนเมื่อปรับกล๎องได๎ที่แล๎ว มีปุุมปรับแกนกล๎องให๎เงยขึ้นหรือกดลง เพื่อปรับเข๎าหาที่หมายเล็งโดยไมํ กระทบกระเทือนตํอมุมสูงมีชํองรับเครื่องให๎แสงสวํางเมื่อใช๎เวลากลางคืน มีศูนย์เปิดส าหรับการเล็งที่หมายขั้นต๎น ติดอยูํข๎างกล๎องเล็งด๎วย ๖.๒.๒ สํวนฐานเครื่องเล็ง (M128) ประกอบด๎วยสํวนใหญํๆ ๒ สํวน คือ ๖.๒.๒.๑ ฐานสํวนลําง เป็นที่ติดตั้งของควงมุมสูง มาตรามุมสูงหลักและ สํวนยํอยปุุมขันควงมุมสูงเพื่อกันเคลื่อน มีเดือยยึดติดกับสะพานโครงสายของขาหยั่ง ที่มาตรามุมสูงหลักแบํงขีด มาตราไว๎ทุก ๑๐๐ มิล เขียนเลขทุก ๆ ๒๐๐ มิล เริ่มตั้งแตํ – ๒๐๐ มิล ถึง + ๑,๖๐๐ มิล มาตรามุมสูงสํวนยํอย แบํงขีดไว๎ทุก ๑ มิล แสดงเลขไว๎ทุก ๑๐ มิล จาก ๐ – ๙๐ มิล
๑๐๑ ๖.๒.๒.๒ ฐานกล๎องสํวนกลาง ประกอบด๎วยจานมาตรามุมทิศหลัก แบํงขีด มาตราจาก ๐ – ๖,๔๐๐ มิล มีเลขแสดงทุก ๆ ๔๐๐ มิล มาตรามุมทิศสํวนยํอยแบํงขีดละ ๑ มิล แสดงเลขทุกๆ ๑๐ มิล จาก ๐ – ๙๐ นอกนั้นยังมีจานมาตรามุมทิศทั้งสํวนใหญํและสํวนยํอยซึ่งสามารถปรับหมุนไปตั้ง ณ เลขใดก็ ได๎ตามต๎องการ โดยไมํกระทบกระเทือนกับหลักฐานมุมทิศเดิมสํวนบนของฐานสํวนกลาง ประกอบด๎วยที่ติดกล๎องเล็ง และมีศูนย์เปิดติดตั้งอยูํด๎วย มีเครื่องฉายแสงส าหรับใช๎กับหลักเล็งชนิดสะท๎อนแสงเวลากลางคืนอยูํด๎านหน๎า ๖.๓ เครื่องเล็งแบบ เอ็ม ๔ เป็นเครื่องเล็งมาตรฐานส าหรับ ค.๘๑ มม. แบบ เอ็ม ๑ และ ค. ๖๐ มม. ด๎วย ประกอบไปด๎วยเครื่องให๎มุมสูงซึ่งแบํงมาตรามุมสูงหลังจาก ๔๐ – ๙๐ องศา แบํงขีดทุก ๑๐ องศา มาตรามุมสูงสํวนยํอยแบํงออกเป็น ๔๐ ขีด ขีดละ ๑/๔ องศา เขียนเลขไว๎ทุก ๆ ๑ องศา และมีหลอดระดับทางสูง ส าหรับปรับเครื่องยิงให๎ได๎มุมสูงตามต๎องการ นอกจากนั้นเครื่องให๎มุมทางทิศแบํงมาตราไว๎ซ๎าย – ขวา ข๎างละ ๑๕๐ มิล มีขีดมาตราทุก ๆ ๕ มิล เขียนเลขไว๎ทุก ๆ ๑๐ มิล จาก ๐ – ๑๕๐ มิล ทิศทางการหมุนควงมุมทิศวําจะ ย๎ายยิงไปทางซ๎ายหรือขวาได๎แสดงอักษร L และ R ไว๎๒ ข๎าง ของดัชนีชี้มุมทิศแล๎ว ตัวกล๎องเล็งประกอบไปด๎วย กล๎องสอบการเล็ง และศูนย์เปิดอยูํข๎างใต๎ตรงกัน มีเส๎นเล็งทับสัมพันธ์กัน และสามารถยกให๎สูง – ต่ า ได๎ตาม ต๎องการ เมื่อกระดกตัวกล๎องให๎สูงสุดและตั้งมุมสูง ๔๐ องศา บนกล๎องเล็ง มุมที่เล็งผํานยอดศูนย์เปิดจะอยูํต่ ากวํา แนวแกนหลอด ล ากล๎อง ๒ องศา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ส าคัญในการหามุมยิงคําโดยประมาณ โดยเฉพาะเมื่อยิงใกล๎ที่ ก าบัง นอกจากนั้นด๎านหลังของตัวกล๎องยังเป็นที่ติดตั้งของหลอดระดับทางข๎าง (แก๎เอียง) อีกด๎วย และทางด๎านตรง ข๎ามกับควงมุมทิศ มีก๎านและเครื่องก๎านเครื่องเล็งส าหรับยึดติดกับปลายสะพานโครงสายของขาหยั่งใช๎เมื่อประกอบ กับเครื่องยิง ๗. เครื่องให๎แสงสวําง (INSTRUMENT LIGHT) เครื่องให๎แสงสวํางสร๎างขึ้นไว๎เพื่อการปฏิบัติการ ยิงเวลากลางคืน ความมุํงหมายที่ใช๎สํวนใหญํก็เพื่อใช๎ต๎องสวํางให๎กับคํามุมทิศ, มุมสูง หลอดระดับ และตรวจสอบ ความเรียบร๎อยของเครื่องเล็งกํอนที่จะท าการยิง นอกจากนั้นยังสํองสวํางเพื่อให๎เห็นสํวนภายในกล๎อง อาทิมาตรา ประจ าแก๎วเส๎นเล็ง เป็นต๎น หรือบางแบบสร๎างขึ้นเพื่อประกอบกับเครื่องเล็ง ใช๎ฉายแสงให๎พุํงตรงออกไปยังหลักเล็ง เพื่อต๎องการให๎เกิดการสะท๎อนแสง เป็นต๎น เครื่องให๎แสงสวํางได๎สร๎างขึ้นไว๎เป็นแบบตําง ๆ กันให๎เหมาะกับเครื่อง เล็งแตํละแบบ และสร๎างขึ้นในลักษณะการพรางแสง เพื่อประโยชน์ทางยุทธวิธี ๗.๑ เครื่องให๎แสงสวํางแบบ เอ็ม ๔๒ (INSTRUMENT LIGHT M42) (ใช๎ประกอบกับเครื่อง เล็งแบบ M 34 A2) ประกอบด๎วยกระบอกใสํถํานไฟฉายชนิด ๒ ทํอน มีสายตํอจากกระบอกชนิดสายอํอน ๒ ชุด และมีปุุมปรับความสวํางที่กระบอกใสํถํานสายอํอนเส๎นหนึ่ง จัดสร๎างขึ้นเมื่อใช๎ประกอบเข๎าไปในข๎างตัวกล๎องเล็ง เพื่อให๎ความสวํางแกํมาตราประจ าแก๎วและเส๎นเล็งภายในกล๎อง ฯ สํวนสายอีกเส๎นหนึ่งใช๎เป็นสายส าหรับดวงไฟ ขนาดเล็กใช๎สํองมาตราประจ าเครื่องเล็งและหลอดระดับที่เครื่องปรับความเข๎มของแสงสวําง (RHEOSTAT) สามารถปรับหมุนให๎สวํางมากน๎อยตามต๎องการ ๗.๒ เครื่องให๎แสงสวําง เอ็ม ๕๒ (INSTRUMENT LIGHT M 52) เป็นเครื่องให๎แสงสวําง ส าหรับใช๎ประกอบกับเครื่องเล็ง เอ็ม ๕๓ มีสายไฟชนิดอํอนเพียงสายเดียวเพื่อตํอเข๎ากับเครื่องฉายแสงโดยเฉพาะ ส าหรับใช๎สํองตํอหลักเล็งซึ่งประกอบโคมสะท๎อนแสง เอ็ม ๑ และ เอ็ม ๒ (AIMING POST REFLECTORS ml AND M2) ซึ่งจะให๎แสงสะท๎อนเป็นสีเขียว (หลักเล็งอันไกล) และสีแดง (เหล็กเล็งอันใกล๎) ตามล าดับ ตัวกระบอกเครื่อง ให๎แสงสวํางใช๎บรรจุถํานไฟฉาย ๒ ก๎อน มีปุุมปรับความเข๎มข๎นของแสง (RHEOSTAT) เพื่อใช๎ปรับความสวํางให๎ เหมาะตามความต๎องการ
๑๐๒ ๗.๓ เครื่องให๎แสงสวําง เอ็ม ๕๓ (INSTRUMENT LIGHT M53) เป็นกระบอกบรรจุ ถํานไฟฉายชนิด ๒ ก๎อน มีสายไฟอํอนตัว ๒ สาย และมีปุุมปรับความสวําง (RHEOSTAT) ลักษณะโดยทั่วไป และ การใช๎คล๎ายคลึงกับเครื่องให๎แสงสวํางแบบ เอ็ม ๔๒ เว๎นแตํตัวกระบอกมีลักษณะผิดกันบ๎างเล็กน๎อย (จึงไมํขอกลําว รายละเอียดตํอไป) ๘. หลักเล็ง (AIMING POST) ตามปกติแล๎วการเล็งโดยวิธีเล็งจ าลองจะใช๎แนวหลักเล็งเป็นแนว เล็งหลักแล๎วย๎ายมุมทางทิศไปจากแนวหลักเล็ง เป็นการเปลี่ยนแปลงมุมทิศซึ่งจะท าให๎ล ากล๎องปืนย๎ายไปทางขวา หรือทางซ๎ายตามต๎องการ การใช๎หลักเล็งนั้นจะต๎องใช๎๒ หลักเสมอเพื่อให๎เกิดแนวหลักเล็งขึ้น โดยการปักหลักไกล และหลักใกล๎โดยใช๎หลักอันใกล๎อยูํกึ่งกลางระหวํางหลักเล็งไกลกับกล๎องเล็งของ ค. หลักเล็งที่ใช๎ส าหรับ ค.๘๑ มม. เราใช๎แบบ เอ็ม ๑ เอ ๑ ท าสีขาวสลับแดงเป็นปล๎อง ๆ ๙. เครื่องให๎แสงสวํางส าหรับหลักเล็ง (AIMING POST LIGHT) ๙.๑ เครื่องให๎แสงสวํางแกํหลักเล็งแบบ เอ็ม ๑๔ ลักษณะเป็นกระบอกไฟฉายใช๎ถําน (BA2 – 30 โวลต์) ๒ ก๎อน มีโคมฉายแสงอยูํกึ่งกลางกระบอก สามารถประกอบกระจกแก๎วสีแดงและสีเขียวเพื่อชํวยให๎ พลเล็งทราบวําหลักใดเป็นหลักไกล (สีเขียว) หลักใดเป็นหลักใกล๎(สีแดง) และมีกระบอกพรางแสงครอบโคมเพื่อ ปูองกันมิให๎แสงสวํางออกทางด๎านอื่นได๎นอกด๎านที่หันเข๎าหาหลักเล็งมีสวิตช์ปิด – เปิดอยูํข๎างใต๎โคมฉายแสงด๎าน ตรงข๎ามกับโคมฉายแสงมีหํวงและสลักรัดหํวง เพื่อประกอบติดกับหลักเล็ง เพื่อใช๎เวลากลางคืน ๙.๒ โคมสะท๎อนแสง เอ็ม ๑ และ เอ็ม ๒ เป็นโคมส าหรับประกอบติดกับหลักเล็ง เพื่อให๎ พลเล็งสามารถมองเห็นหลักเล็งในเวลากลางคืน ชนิดเอ็ม ๑ จะสะท๎อนแสงเป็นสีเขียวส าหรับหลักเล็งไกล เอ็ม ๒ จะสะท๎อนแสงเป็นสีแดง ส าหรับหลักเล็งใกล๎ โคมสะท๎อนแสง เอ็ม ๑ และ เอ็ม ๒ นี้ไมํมีแสงสวํางในตัวเอง นอกจากจะได๎รับการสํองสวํางจากเครื่องฉายแสงซึ่งติดอยูํที่สํวนหน๎าของเครื่องเล็ง (ชนิด เอ็ม ๓๔ เอ ๑ – ๒ และ เอ็ม ๕๓) เทํานั้น ๑๐. เครื่องมือปรับเส๎นเล็ง เอ็ม ๔๕ (BORESIGHT M 45) เป็นเครื่องมือส าหรับปรับเครื่องเล็งทุก ประเภทให๎เข๎ามาตรฐาน เป็นเครื่องมือที่ติดตั้งกล๎องเล็งมาตรฐาน มีหลอดระดับทั้งทางสูงและทางแก๎เอียง จะตั้งท า มุม ๔๕ องศา (๘๐๐ มิล) เวลาใช๎ปรับเส๎นเล็ง ใช๎ประกอบติดภายใต๎ปากล ากล๎องเครื่องยิง ฯ การปรนนิบัติบ ารุงและการท าความสะอาด ๑๑. การระวังรักษาและการท าความสะอาดเครื่องยิง เป็นหน๎าที่ของพลประจ าปืนทุกคนที่ต๎อง รับผิดชอบ ในการบ ารุงรักษา และท าความสะอาด ๑๑.๑ อุปกรณ์ในการท าความสะอาดและหลํอลื่นได๎แกํ ๑๑.๑.๑ น้ ามันช าระล ากล๎อง ๑๑.๑.๒ สบูํ ๑๑.๑.๓ น้ ามันใสชนิดพิเศษและกลาง หรือชนิดจาง ๑๑.๑.๔ น้ ามันกันสนิม ๑๑.๑.๕ น้ ามันชโลมแห๎ง ๑๑.๒ อุปกรณ์ที่ใช๎ในการท าความสะอาด ได๎แกํ ๑๑.๒.๑ ชุดแส๎แยงล ากล๎องแบบเอ็ม ๖ ๑๑.๒.๒ ชุดแส๎ท าความสะอาดล ากล๎องเอ็ม ๓
๑๐๓ ๑๑.๓ ข๎อแนะน าในการบริการแกํ ค.๘๑ (TM 9 – 3064) ๑๑.๔ การท าความสะอาดประจ าวันหรือหลังการฝึก ๑๑.๔.๑ เช็ดฝุุนละอองให๎สะอาดตลอดภายใน – ภายนอกล ากล๎อง และชโลม น้ ามันบางๆ เพื่อปูองกันมิให๎เกิดสนิมได๎ ๑๑.๔.๒ ปูองกันล ากล๎องด๎วยการปิดฝาครอบล ากล๎อง อยําให๎ฝุุนละอองเข๎าไปได๎ ๑๑.๔.๓ ท าความสะอาดขาหยั่ง ฐานและสํวนประกอบอื่น ๆ เชํนเดียวกับล ากล๎อง สํวนที่เป็นผ๎าใบให๎ใช๎ท าความสะอาดด๎วยสบูํ ถ๎าสกปรกและหมั่นตากแดดเพื่อกันขึ้น ๑๑.๕ การปฏิบัติกํอนการยิงและระหวํางยิง ๑๑.๕.๑ กํอนยิงและระหวํางยิงต๎องเช็ดล ากล๎องให๎แห๎งด๎วยหมันหรือผ๎าอํอน ๆ ที่ สะอาดและต๎องแนํใจวําไมํมีเศษหมันหรือผ๎าตกค๎างอยูํในล ากล๎อง ชโลมน้ ามันสํวนเคลื่อนที่ด๎วยน้ ามันใสบาง ๆ ๑๑.๕.๒ ต๎องหมั่นเช็ดล ากล๎องทุกๆ ๑๐ นัด ที่ยิงไปแล๎วหรือทุกๆครั้งที่จบภารกิจยิง ๑๑.๖ การท าความสะอาดหลังการยิง ๑๑.๖.๑ ทันทีที่จบการยิง ขณะที่ล ากล๎องยังอุํน และหลังจากนั้นติดตํอกันอีก ๓ วันต๎องช าระล ากล๎องทุกวันด๎วยน้ ามันช าระล ากล๎อง หรืออาจใช๎น้ าสบูํอุํนๆ ก็ได๎เสร็จแล๎วเช็ดแห๎งชโลมน้ ามันทุกวัน ๑๑.๖.๒ ถอดเข็มแทงชนวนกํอนล๎างล ากล๎อง แล๎วท าความสะอาดเข็มแทงชนวน ให๎ทั่วเช็ดแห๎งแล๎วชโลมน้ ามันใส ๑๑.๖.๓ การท าความสะอาดขาหยั่งและฐาน เช็ดฝุุนให๎สะอาดทุกสํวนให๎หมด เช็ด แห๎งให๎ทั่วแล๎วชโลมน้ ามันหลํอลื่นสํวนเคลื่อนที่ ๑๒. การปรนนิบัติบ ารุงเครื่องเล็งและอุปกรณ์ ๑๒.๑ อยําให๎เครื่องเล็งกระทบกระแทกตก หรือกระเทือนอยํางแรง จะท าให๎สํวนตํางๆ ของเครื่องเล็งช ารุดได๎ ๑๒.๒ รักษาความสะอาดและให๎แห๎งตลอดเวลาใช๎กระดาษเช็ดเลนส์เทํานั้น ท าความ สะอาดสํวนที่เป็นแก๎ว พยายามเก็บไว๎ในกลํองตลอดเวลา ๑๒.๓ ให๎การหลํอลื่นเพียงเล็กน๎อยตํอสํวนเคลื่อนที่ ๑๒.๔ ห๎ามถอดชิ้นสํวนของเครื่องเล็งเป็นอันขาดไมํวํากรณีใด ๆ ๑๓. กระสุน ค.๘๑ มม.(ลูกระเบิด) ๑๓.๑ กลําวทั่วไป กระสุน หรือลูกระเบิดยิงของ ค.๘๑ แบํงเป็นประเภทใหญํได๎ ๓ ประเภท คือ กระสุนระเบิดแรงสูง (HIGH EXPLOSIVE) กระสุนเคมี(CHEMICAL) และกระสุนฝึกซ๎อม (INERT) นอกจากเราจะแบํงกระสุนออกเป็น ๓ ประเภท ดังกลําวแล๎วเรายังแบํงขั้นของกระสุนเป็น ๒ ขั้น คือ ขั้นมาตรฐาน (STANDARD) และชั้นมาตรฐานจ ากัด (LIMITER STANDARD) ๑๓.๒ กระสุนมาตรฐาน (STANDARD) เป็นกระสุนที่ได๎รับการปรับปรุงจนถูกต๎องตาม ความต๎องการทางยุทธวิธีอยํางสมบูรณ์มีการสร๎างตลอดเวลา ซึ่งกระสุนมาตรฐานนี้อาจจะมีลักษณะแตกตํางกันไป หลายประการ แตํยังอยูํในเกณฑ์ความต๎องการทางยุทธวิธีอยํางสมบูรณ์จึงอาจแบํงกระสุนมาตรฐานออกได๎เป็น
๑๐๔ ๑๓.๒.๑ STANDARD A. เป็นกระสุนที่สร๎างขึ้นให๎ได๎ตามความต๎องการทาง ยุทธวิธีอยํางสมบูรณ์ที่สุด ๑๓.๒.๒ STANDARD B. เป็นกระสุนที่สร๎างขึ้นให๎ถูกต๎องตามเกณฑ์ความต๎องการ ทางยุทธวิธี เชํนกัน และสามารถทดแทนกระสุน STANDARD A. ได๎แตํมีความจ ากัดบางประการ เชํน ความ ประณีตในการสร๎าง วัสดุที่ใช๎สร๎าง สํวนบรรจุภายใน ฯลฯ อาจใช๎สิ่งของที่ทดแทนกันได๎มาสร๎าง ๑๓.๒.๓ STANDARD C. เป็นกระสุนที่สร๎างขึ้นให๎สามารถใช๎ได๎ตามเกณฑ์ความ ต๎องการทางยุทธวิธีที่ก าหนดเทํานั้น สํวนการสร๎างอายุในการใช๎งาน ความทนทานตํอการกระทบกระเทือน ฯลฯ ยังไมํสมบูรณ์ทั้งนี้เพื่อลดราคาต๎นทุนการผลิต และเพื่อการประหยัดในการใช๎ ๑๓.๒ กระสุนมาตรฐานจ ากัด (LIMITED STANDARD) เป็นกระสุนที่สร๎างขึ้นไมํถึงเกณฑ์ ความต๎องการทางยุทธวิธี กระสุนประเภทนี้จะไมํน าไปใช๎ในการรบ สร๎างขึ้นเพื่อใช๎เป็นครั้งคราวไมํมีการสร๎าง ตํอเนื่อง สาเหตุที่ถูกก าจัดไมํเข๎ามาตรฐานก็คือ ๑๓.๒.๑ สร๎างขึ้นเพื่อให๎เหมาะส าหรับการฝึก ๑๓.๒.๒ สร๎างขึ้นเพื่อกิจการพิเศษเฉพาะอยํางเป็นครั้งคราว ๑๔. ประเภทกระสุนระเบิดแรงสูง HE ใช๎ส าหรับเพื่อการท าลายหรือการสังหารสามารถใช๎กับ ชนวนกระทบแตกไว, ชนวนเวลา, ชนวนถํวงเวลา หรือชนวนอัตโนมัติก็ได๎มีอยูํด๎วยกันหลายแบบ เชํน ชนิด เอ็ม ๓๗๔, เอ็ม ๓๖๒ และ เอ็ม ๔๓ เอ ๑ เป็นต๎น รายละเอียดของกระสุน HE กระสุนแบบ M 374 M 362 M 43 A 1 ๑. แบํงชั้น ๒. สี ๓. น้ าหนัก – ปอนด์ ๔. จ านวนสํวนบรรจุ (บจ.) ๕. ระยะใกล๎สุด – เมตร ๖. ระยะไกลสุด – เมตร ๗. ขนาดพื้นที่ต าบล ๘. ระเบิด – เมตร ๙. ชนวนหัวกระสุน STANDARD A เขียวขี้ม๎าอักษรเหลืองทุก แบบ ๙.๓๔ ๐ – ๙ ๕๐ ๔๔๑๒ ๒๕ + ๒๐ M 524 (ไว – ถํวงเวลา) M 532 (ถํวงเวลา) M 532 (เวลาอัตโนมัติ) STANDARD B ทุกแบบ ๙.๔๒ ๐ – ๘ ๕๐ ๓๖๑๘ ๒๕ + ๒๐ M 524, M 526 M 519 M 532, M 517 (เวลาอัตโนมัติ) STANDARD C ทุกแบบ ๗.๑๕ ๐ -๘ ๕๐ ๓๕๕๐ ๒๕ + ๒๐ M525
๑๐๕ บทที่ ๒๗ ปืนกล เอ็ม ๖๐ ขนาด ๗.๖๒ มม. FM 23 – 67 MACHINE GUN 7.62 MM. (M 60 – 1994) (ปก.๗.๖๒ – ๑) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ๑.๑ ปืนกล เอ็ม ๖๐ เป็นอาวุธยิงสนับสนุนพลปืนเล็ก ทั้งในการเข๎าตีและตั้งรับ ๑.๒ ปืนกล เอ็ม ๖๐ เป็นอาวุธที่มีสมรรถภาพในการยิงตํอเปูาหมายด๎วยอ านาจการยิงเป็น กลุํมก๎อน และมีความแมํนย า ซึ่งท าการยิงสนับสนุนหนํวยทหารราบด๎วยกลุํมการยิงอยํางหนาแนํนใกล๎ชิดและ ตํอเนื่อง เพื่อให๎บรรจุภารกิจที่ได๎รับมอบหมายในการเข๎าตี ๑.๓ สามารถท าการยิงระยะไกล, การยิงปูองกันระยะใกล๎ และการยิงปูองกันขั้นสุดท๎าย โดยใช๎อาวุธท าการยิงเป็นหนํวย เป็นสํวนหนึ่งของหนํวยยิงในการตั้งรับ ๑.๔ หลักใหญํ ๆ ในการท างาน เป็นอาวุธอัตโนมัติท างานด๎วยแก๏ส, บรรจุกระสุนด๎วยสาย กระสุน, ระบายความร๎อนด๎วยอากาศ ๑.๕ เป็นอาวุธยิงจากทําลูกเลื่อนเปิด ปูอนกระสุนด๎วยสายกระสุนชนิดข๎อตํอโลหะ ปืนทุก กระบอกจะได๎รับล ากล๎องปืนอะไหลํ ๒ ล ากล๎อง ๑.๖ เป็นอาวุธซึ่งจัดระยะหน๎าลูกเลื่อนแบบตายตัว สามารถเปลี่ยนล ากล๎องได๎รวดเร็ว ๒. รายการขนาดน้ าหนัก ๒.๑ กว๎างปากล ากล๎อง ๗.๖๒ มม. ๔ เกลียวเวียนขวา ๒.๒ ปืนทั้งกระบอกยาว ๔๓ ๑/๒ นิ้ว หนัก ๒๓ ปอนด์ ๒.๓ น้ าหนักของขาหยั่ง เอ็ม ๑๒๒ พร๎อมด๎วยเรือนควงสูงควงสําย, เดือยปืน และฐานยึดปืน หนัก ๑๙.๕ ปอนด์ ๓. ขีดความสามารถ ๓.๑ ระยะยิงไกลสุด ๓,๗๒๕ เมตร ๓.๒ ระยะยิงหวังผลสูงสุด ๑,๑๐๐ เมตร(พอดีกับมาตราที่ตั้งระยะที่ศูนย์หลัง) ๓.๓ ระยะยิงหวังผลในการยิงกวาด ในภูมิประเทศเป็นพื้นที่ระดับหรือลาดเสมอ ๖๐๐ เมตร ๓.๔ ความสูงของปืนเมื่อติดขาหยั่ง เอ็ม ๑๒๒ สูง ๑๖ ๑/๒ นิ้ว
๑๐๖ ๓.๕ อัตราความเร็วในการยิง ๓.๕.๑ จังหวะยิงตํอเนื่อง ๑๐๐ นัด/นาทีเปลี่ยนล ากล๎องทุก ๑๐ นาที ๓.๕.๒ จังหวะยิงเร็วตํอเนื่อง ๒๐๐ นัด/นาทีเปลี่ยนล ากล๎องทุก ๒ นาที ๓.๕.๓ ความเร็วในการยิงสูงสุดตํอเนื่อง ๕๕๐ นัด/นาทีเปลี่ยนล ากล๎องทุก ๑ นาที ๓.๖ สามารถท าการยิงได๎ทั้งบนขาทราบและขาหยั่ง ๓.๗ สามารถติดกับแทํนปืนบนยานพาหนะได๎ ๔. เครื่องเล็ง ๔.๑ ศูนย์หน๎าเป็นศูนย์แบบคมมีด เป็นศูนย์ตายตัวติดแนํนกับล ากล๎องปืน ๔.๒ ใบศูนย์หลังติดบนฐานมีแหนบกระดกพับได๎ใบศูนย์หลังประกอบด๎วยแผํนมาตราระยะยิง, ควงมุมทิศ, กรอบเลื่อนศูนย์หลัง,เหล็กปลดกรอบเลื่อนศูนย์หลัง, ควงมุมสูง, ดรรชนีมาตรามุมทิศ ๔.๓ แผํนมาตราระยะยิงมีเครื่องหมายทุกๆระยะ ๑๐๐ เมตรตั้งแตํ ๓๐๐ เมตรถึง ๑,๐๐๐ เมตร ๔.๔ การเลื่อนมาตราระยะยิง จะเลื่อนโดยใช๎กรอบเลื่อนศูนย์หรือควงมุมสูงก็ได๎ ๔.๕ กรอบเลื่อนศูนย์หลังมักใช๎ส าหรับแก๎มุมสูงเป็นหลักใหญํ ๆ ๔.๖ ควงมุมสูงอยูํทางขวาของแผํนมาตรามุมสูง หมุนตามเข็มนาฬิกาไปทางขวาชํองเล็งจะ ต่ าลง หมุนทวนเข็มนาฬิกามาทางซ๎ายชํองเล็งจะสูงขึ้น หมุนควงมุมสูง ๔ คลิ๊ก มุมสูงจะเปลี่ยนไป ๑ มิลเลียม ๔.๗ ควงมุมทิศอยูํทางซ๎าย หมุนตามเข็มนาฬิกามาข๎างหลัง ชํองเล็งจะไปทางซ๎าย หมุนทวน เข็มนาฬิกาไปข๎างหน๎าชํองเล็งจะไปทางขวา ๔.๘ มาตรามุมทิศเมื่อตั้งที่ ๐ จะหมุนไปได๎ข๎างละ ๕ มิลเลียม ทั้งทางซ๎ายและทางขวา ๔.๙ หมุนควงทิศ ๑ คลิ๊ก มุมทิศจะเปลี่ยนไป ๑ มิลเลียม ๕. กระสุน มีดังนี้ ๕.๑ กระสุนธรรมดา ใช๎ส าหรับยิงที่หมายที่เป็นวัตถุธรรมดา คน และใช๎ในการฝึกยิงหัว กระสุนเคลือบโลหะไมํมีเครื่องหมาย ๕.๒ กระสุนเจาะเกราะ ใช๎ส าหรับยิงที่หมายที่มีเกราะอยํางบางที่ต๎องการได๎ผลในการเจาะ เกราะ ปลายหัวกระสุนทาสีด า ๕.๓ กระสุนเจาะเกราะเพลิง ใช๎เมื่อต๎องการผลของการเจาะเกราะรํวมกัน ได๎ผลในการลุก ไหม๎ด๎วย ปลายหัวกระสุนทาสีบรอนด์ ๕.๔ กระสุนสํองวิถีใช๎ส าหรับเมื่อต๎องการตรวจการยิง เพื่อให๎เกิดผลการลุกไหม๎เพื่อเป็น สัญญาณและใช๎ส าหรับในการฝึก กระสุนสํองวิถีจะลุกไหม๎เมื่อพ๎นปากล ากล๎องจนถึง ๙๐๐ เมตร หัวกระสุนทาสีส๎ม ๕.๕ กระสุนหัดบรรจุใช๎ส าหรับขณะท าการฝึก ปลอกกระสุนทาเป็นหัวจีบหรือมีรู๓ รู ๕.๖ กระสุนซ๎อมรบ ใช๎ส าหรับท าการฝึก ในเมื่อต๎องการให๎เป็นเสียงกระสุนจริงเทียม หมายเหตุ ๑. กระสุน ๑ สายบรรจุไว๎๑๐๐ นัดส าหรับกระสุนเจาะเกราะและกระสุนเจาะเกราะเพลิงยังไมํอนุมัติให๎ใช๎ฝึก ๒. อัตรากระสุนมูลฐาน ๒.๑ ชุดพลประจ าปืน ๖๐๐ – ๙๐๐ นัด ๒.๒ พลยิงน ากระสุนชนิดกระเป๋าผ๎า ๑๐๐ นัด ๓ สาย (หนึ่งสายติดอยูํกับปืน) ๒.๓ พลยิงผู๎ชํวยน ากระสุนชนิดกระเป๋าผ๎า ๑๐๐ นัด ๓ สาย ๒.๔ พลกระสุนน ากระสุนชนิดกระเป๋าผ๎า ๑๐๐ นัด ๓ สาย
๑๐๗ ๓. การยิงกวาดในภูมิประเทศเป็นพื้นที่ระดับหรือลาดเสมอ ๖๐๐ เมตร ลงมา กระสุนไมํเกินหัวคนยืน (ยอดกรวยกระสุนจะสูง ๑ เมตร) มุมสูงเมื่อยึดขาหยั่ง เอ็ม ๑๒๒ + ๒๐๐ มิลเลียม มุมสูงเมื่อปลํอยขาหยั่ง เอ็ม ๑๒๒ + ๔๔๕ มิลเลียม มุมกดเมื่อยึดขาหยั่ง เอ็ม ๑๒๒ - ๒๐๐ มิลเลียม มุมกดเมื่อปลํอยขาหยั่ง เอ็ม ๑๒๒ - ๔๔๕ มิลเลียม มุมสายบังคับด๎วยเรือนควงสูงควงสําย ๑๐๐ มิลเลียม เขตการยิงปกติ (เมื่อตั้งขาหยั่ง เอ็ม ๑๒๒) ๘๗๕ มิลเลียม (ซ๎าย ๔๕๐ ขวา ๔๒๕) การลุกไหม๎ของกระสุนสํองวิถีประมาณ ๙๐๐ เมตร การถอดประกอบ ๖. การถอดประกอบ ๖.๑ ความมุํงหมาย ในการเรียนรู๎อาวุธศึกษาคือ ๖.๑.๑ เพื่อท าความสะอาด ๖.๑.๒ เพื่อแก๎ไขเหตุติดขัด ๖.๑.๓ เพื่อการศึกษา ๖.๒ การถอดประกอบ สามารถท าการถอดประกอบได๎๒ ประการ คือ ๖.๒.๑ การถอดประกอบตามปกติหมายถึงการถอดชิ้นสํวนใหญํ ๆ ของปืนออกมา ในหน๎าที่ของพลทหาร ซึ่งขณะท าการถอดประกอบได๎ ๖.๒.๑.๑ ล าดับขั้นการถอดประกอบสํวนใหญํๆ มีดังนี้ (๑) ชุดพานท๎ายปืน STOCK GROUP (๒) ชุดเครื่องรับแรงถอย BUFFER GROUP (๓) ชุดเคลื่อนที่ OPERATION GROUP (๔) ชุดเรือนเครื่องลั่นไก TRIGGER HOUSING GROUP (๕) ชุดล ากล๎อง BARREL GROUP (๖) ชุดโครงลูกเลื่อน RECEIVER GROUP ๖.๒.๒ การถอดประกอบพิเศษ หมายถึงการถอดที่ละเอียดปลีกยํอยจากการถอด ตามปกติแตํส าหรับการถอดประกอบโดยละเอียดนี้ต๎องมีนายทหารสัญญาบัตร หรือ จนท.สพ. ๑ นาย ควบคุม การถอดประกอบนั้นอยูํ จึงจะท าการถอดประกอบได๎ ๖.๒.๒.๑ ล าดับขั้นการถอดประกอบพิเศษ การถอดพิเศษของชุดเคลื่อนที่ ชุดเรือนเครื่องลั่นไก ชุดล ากล๎องปืน และชุดโครงลูกเลื่อน อนุญาตให๎ถอดได๎ในระดับหนํวยใช๎ สํวนการถอด ประกอบพิเศษชิ้นสํวนชุดพานท๎ายปืน และชุดเครื่องรับแรงถอยไมํอนุญาตให๎ถอด (๑) ล าดับการถอดชุดสํวนเคลื่อนที่ (๑.๑) การถอดลูกเลื่อนออกจากก๎านสูบ (๑.๒) สลักแปูนลูกเลื่อน (๑.๓) แปูนลูกเลื่อน (๑.๔) เรือนลูกเบี้ยว (๑.๕) แหนบเข็มแทงชนวน (๑.๖) ปลอกเข็มแทงชนวน (๑.๗) เข็มแทงชนวน (๑.๘) ตัวลูกเลื่อน
๑๐๘ (๒) ล าดับการถอดชุดเรือนเครื่องลั่นไก (๒.๑) สลักกระเดื่องไก (๒.๒) กระเดื่องไก (๒.๓) แกนกระเดื่องไก (๒.๔) แหนบกระเดื่องไก (๒.๕) สลักไก (๒.๖) ไกและแหนบไก (๓) ล าดับการถอดชุดล ากล๎องปืน (๓.๑) แปูนเกลียวกระบอกสูบ (๓.๒) ลูกสูบ (๓.๓) จุกเกลียวรูแก๏ส (ห๎ามถอด) (๓.๔) ข๎อตํอกระบอกสูบ (๔) ล าดับการถอดชุดโครงลูกเลื่อน (๔.๑) การถอดคันรั้งลูกเลื่อน (๔.๒) รางก๎านคันรั้งลูกเลื่อน (๔.๓) ก๎านคันรั้งลูกเลื่อน (๔.๔) ถอดรองล ากล๎องปืน (๔.๕) ถอดฝาปิดห๎องลูกเลื่อน (๔.๕.๑) สลักกลอนบานพับฝาปิดห๎องลูกเลื่อน (๔.๕.๒) สลักบานพับฝาปิดห๎องลูกเลื่อน (๔.๕.๓) ฝาปิดห๎องลูกเลื่อน (๔.๕.๔) เครื่องปูอนกระสุน หมายเหตุการถอดประกอบชิ้นสํวนระบบแก๏สและการปรับแผํนมาตราระยะยิงต๎องกระท าอยํางน๎อยที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการ สึกหรอของชิ้นสํวนเหลํานี้ ๘. การประกอบ การประกอบให๎ปฏิบัติกลับกันกับการถอดประกอบ โดยกระท าจากหลังสุดไป จนกระทั่งประกอบส าเร็จเรียบร๎อย ๙. การปฏิบัติตํอปืน ๙.๑ กลําวทั่วไป ปืนกล เอ็ม ๖๐ เมื่อบรรจุท าการยิง, เลิกบรรจุ และตรวจอาวุธปืนนั้น จะต๎องปฏิบัติในขณะที่ลูกเลื่อนอยูํในต าแหนํงเปิดลูกเลื่อนกํอนจึงจะดึงลูกเลื่อนมาข๎างหลัง แผํนห๎ามไกจะต๎องอยูํ ในต าแหนํง “ยิง” (FIRE) ๙.๒ การบรรจุ ๙.๒.๑ จัดแผํนห๎ามไกให๎อยูํในต าแหนํงยิง (FIRE) ๙.๒.๒ ดึงลูกเลื่อนมาข๎างหลัง โดยดึงที่คันรั้งลูกเลื่อน ๙.๒.๓ ในเมื่อลูกเลื่อนถูกยึดอยูํข๎างหลัง ด๎วยกระเดื่องไกแล๎ว ให๎เลื่อนคันรั้งลูกเลื่อน กลับไปข๎างหน๎าแล๎วจัดแผํนห๎ามไกให๎อยูํในต าแหนํงห๎ามไก (SAFE) ๙.๒.๔ ยกฝาปิดห๎องลูกเลื่อนขึ้นตรวจดูเครื่องปูอนกระสุนแล๎วปิดฝาปิดห๎องลูกเลื่อน ตรวจดูให๎แนํใจวํากระสุนยังวางอยูํในรํองโครงปูอนกระสุน
๑๐๙ ๙.๓ การเลิกบรรจุ ดึงลูกเลื่อนมาข๎างหลัง จัดแผํนห๎ามไกให๎อยูํในต าแหนํงห๎ามไก (SAFE) แล๎วดันคันรั้ง ลูกเลื่อนกลับไปข๎างหน๎า ยกฝาปิดห๎องลูกเลื่อนขึ้นแล๎วถอดกระสุนหรือสายกระสุนออกจากเครื่องปูอนกระสุน ๙.๔ การตรวจปืน ๙.๔.๑ ภายหลังที่ปืนเลิกบรรจุแล๎ว ตรวจฝาปิดห๎องลูกเลื่อน เครื่องปูอนกระสุนโครง ลูกเลื่อน และรังเพลิงวําปลอดภัยไมํมีอะไรตกค๎างอยูํ เสร็จแล๎วให๎จัดแผํนห๎ามไกอยูํในต าแหนํงยิง (FIRE) แล๎ว เหนี่ยวไกเสร็จแล๎วเลื่อนแผํนห๎ามไกไปอยูํในต าแหนํงห๎ามไกอีก (SAFE) ๙.๔.๒ ระหวํางการฝึกเรื่องเครื่องลั่นไก ปืนจะปลอดภัยเมื่อลูกเลื่อนอยูํข๎างหน๎าสุด ห๎ามไกต๎องอยูํที่ (SAFE) และยกฝาปิดห๎องลูกเลื่อนขึ้น ในระหวํางการฝึกยิงปืนด๎วยกระสุนจริงต๎องใช๎แส๎ท าความ สะอาดปืน สอดเข๎าไปในล ากล๎องปืน จนกระทั่งแลเห็นปลายแส๎อยูํด๎านในของโครงลูกเลื่อนแล๎วถอดออก การท างานของเครื่องกลไก ๑๐. กลําวทั่วไป ๑๐.๑ ถ๎าจะกลําวถึงความรู๎เบื้องต๎นของการท างานของเครื่องกลไกปืนกล เอ็ม ๖๐ แล๎ว ชุดพลประจ าปืนก็จะต๎องมีความรู๎โดยสามารถจดจ าการท างานของปืน และสามารถแก๎ไขเหตุติดขัด ซึ่งเกิดใน ระหวํางการยิงได๎ ๑๐.๒ ปืนกล เอ็ม ๖๐ ได๎ออกแบบให๎มีการท างานของเครื่องกลไกอยํางอัตโนมัติปืนจะ ลั่นออกไปได๎นานเทํานาน ตราบที่กระสุนยังมีอยูํหรือจนกวําจะปลํอยไก ชิ้นสํวนของเครื่องกลไกของปืนจะท างาน ตามล าดับอยํางแนํนอน การท างานของเครื่องกลไกหลาย ๆ ชิ้นสํวนจะท างานพร๎อม ๆ กันในเวลาเดียวกัน ดังนั้น การแยกแยะออกเพื่อความมุํงหมายในการสอนให๎เข๎าใจเทํานั้นล าดับขั้นการปฏิบัติของปืนเรียกวํา “วงรอบการ ท างานของปืน” ๑๐.๓ เพื่อให๎เกิดความเข๎าใจงํายจึงแบํงวงรอบการท างานของปืนออกเป็น ๘ ขั้นดังนี้ ๑๐.๓.๑ การปูอนกระสุน ๑๐.๓.๒ การเข๎าสูํรังเพลิง ๑๐.๓.๓ การขัดกลอน ๑๐.๓.๔ การยิง ๑๐.๓.๕ การปลดกลอน ๑๐.๓.๖ การรั้งปลอกกระสุน ๑๐.๓.๗ การคัดปลอกกระสุน ๑๐.๓.๘ การขึ้นนก
๑๑๐ ๑๐.๔ วงรอบการท างานของเครื่องกลไก จะเริ่มต๎นเมื่อใสํกระสุนนัดแรกเข๎าไปในชํอง เครื่องปูอนกระสุน แล๎วเหนี่ยวไกมาข๎างหลัง เพื่อปลดกระเดื่องไกให๎หลุดจากแงํยึดกระเดื่องไก ปืนจะหยุดยิงตํอเมื่อ ปลํอยไกและกระเดื่องไกเข๎ายึดแงํกระเดื่องไกที่ก๎านสูบ เมื่อยังคงเหนี่ยวไกมาข๎างหลังอยูํด๎านของกระเดื่องไกจะ ต่ าลงพ๎นจากแงํยึดกระเดื่องไก จึงท าให๎ก๎านสูบและลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าได๎ด๎วยแรงขยายของแหนบลงก๎าน สูบ ขณะนี้ปืนจะเริ่มท างานและวงรอบของการท างานจะเริ่มต๎น ๑๐.๔.๑ การปูอนกระสุน ๑๐.๔.๑.๑ ขณะที่ลูกเลื่อนเริ่มต๎นเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า คันเลื่อนสาย กระสุนจะถูกบังคับให๎เลื่อนไปทางขวาท าให๎ก๎านคันเลื่อนกระสุนหมุนตัว ไปอยูํในทิศทางตรงข๎าม และบังคับให๎ เหล็กรั้งกระสุนเคลื่อนที่ไปเกาะบนกระสุนนัดตํอไปที่อยูํในสายกระสุน พร๎อมที่จะดึงกระสุนวางตรงรํองเครื่องปูอน กระสุนในเมื่อสํวนเคลื่อนที่ถอยมาข๎างหลัง ๑๐.๔.๑.๒ ขณะที่ลูกเลื่อนเคลื่อนที่ถอยมาข๎างหลังเมื่อลั่นไกแล๎วลูกเบี้ยวบน สํวนบนของลูกเลื่อนจะบังคับคันเลื่อนสายกระสุนให๎มาอยูํทางซ๎าย ก๎านคันเลื่อนสายกระสุนก็จะบังคับคันเลื่อนสาย กระสุนให๎มาอยูํทางซ๎าย ก๎านคันเลื่อนสายกระสุนก็จะบังคับให๎เหล็กรั้งกระสุนเคลื่อนที่มาทางขวาเพราะมีจุดหมุน แล๎วเลื่อนกระสุนนัดตํอไปให๎เข๎าอยูํในชํองเครื่องปูอนกระสุน ๑๐.๔.๒ การเข๎าสูํรังเพลิง ๑๐.๔.๒.๑ ขณะที่ลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า แงํขัดกลอนลูกเลื่อน ตอนบนจะดันเข๎ากับขอบจานท๎ายกระสุน แรงกดของชํองบังคับกระสุนด๎านหน๎าและด๎านหลังจะบังคับกระสุนเอาไว๎ ขณะเมื่อแงํขัดกลอนตอนบนของลูกเลื่อนสัมผัสเข๎าชํองบังคับกระสุนด๎านหน๎าจะปูองกันอาการเคลื่อนไหวด๎านหน๎า ของสายกระสุน ในขณะที่กระสุนถูกถอดออกจากสายกระสุน ๑๐.๔.๒.๒ แงํขัดกลอนลูกเลื่อนตอนบนจะน ากระสุนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า ลาดด๎านหลังรังเพลิงจะบังคับให๎ปลายหัวกระสุนกดต่ าลงเข๎าสูํรังเพลิง ๑๐.๔.๒.๓ เมื่อกระสุนเข๎าถึงที่ในรังเพลิงจนสุดแล๎ว ขอรั้งปลอกกระสุน จะอ๎าออกจับขอบจานท๎ายปลอกกระสุน และเหล็กคัดปลอกกระสุนซึ่งอยูํที่หน๎าลูกเลื่อนจะถูกกดให๎จมลงไป ๑๐.๔.๓ การขัดกลอน ขณะเมื่อกระสุนเข๎าสูํรังเพลิงแล๎วลูกเลื่อนก็เข๎าขัดกลอนที่ ท๎ายล ากล๎องปืน แงํขัดกลอนอันบนและอันลํางจะสัมผัสเข๎ากับพื้นรํองลูกเลื่อนภายในชํองคัดกลอนลูกเลื่อน และ แล๎วลูกเลื่อนจะหมุนตัวตามเข็มนาฬิกา ก๎านสูบยังคงเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าตํอไปเพราะเดือยก๎านสูบสวมอยูํในชํองรับ ที่ลูกเลื่อน เมื่อลูกเลื่อนหมุนตัวตามเข็มนาฬิกา ๑/๔ รอบ จะเป็นการขัดกลอนอยํางสมบูรณ์ ๑๐.๔.๔ การยิง หลังจากลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าสุด และอยูํในทําขัดกลอน แล๎วก๎านสูบยังคงเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าโดยอิสระได๎อีกชั่วระยะสั้น ๆ อันหนึ่ง เดือยก๎านสูบที่ยันอยูํระหวํางขอบจาน เข็มแทงชนวนจะดันเข็มแทงชนวนให๎เคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า ปลายเข็มแทงชนวนจะโผลํพ๎นรูที่หน๎าลูกเลื่อนออกไป กระแทกเข๎ากับจอกกระทบแตกของกระสุนและจุดชนวนขึ้น
๑๑๑ ๑๐.๔.๕ การปลดกลอน ๑๐.๔.๕.๑ หลังจากกระสุนถูกจุดและขับคันลูกกระสุนผํานพ๎นรูแก๏สไปแล๎ว แก๏สบางสํวนจะขยายตัวไหลเข๎าไปในกระบอกแก๏สโดยผํานรูแก๏ส แก๏สจะเกิดการขยายตัวอยํางรวดเร็วเข๎าดันตํอหัว ลูกสูบ ให๎เคลื่อนที่ถอยมาข๎างหลังด๎วย ๑๐.๔.๕.๒ ขณะที่ก๎านสูบเคลื่อนที่ถอยมาข๎างหลังตํอไปนี้ เดือยก๎านสูบ ซึ่งสวมอยูํในชํองรับเดือยที่ลูกเลื่อน จะบังคับให๎ลูกเลื่อนเริ่มต๎นหมุนทวนเข็มนาฬิกา แงํขัดกลอนอันบนและอันลําง ที่ลูกเลื่อนจะสัมผัสเข๎ากับรํองรับด๎านในชํอง ชํองคัดกลอนลูกเลื่อนจะหมุนไป ๑/๔ รอบ (ทวนเข็มนาฬิกา) เป็นการ ปลดกลอนลูกเลื่อนออกจากชํองขัดกลอนที่ท๎ายล ากล๎อง การปลดกลอนจะเริ่มเมื่อเดือยก๎านสูบสัมผัสเข๎ากับสํวน โค๎งของชํองเดือยที่ลูกเลื่อน และสิ้นสุดลงเมื่อลูกเลื่อนพ๎นออกจากปลายของชํองขัดกลอน ๑๐.๔.๖ การรั้งปลอกกระสุน ขณะเมื่อก าลังปลดกลอนอยูํขอรั้งปลอกกระสุนจะ เริ่มต๎นท างานอาการหมุนของลูกเลื่อน (ตอนปลดกลอน) ท าให๎ปลอกกระสุนหลวมจากรังเพลิง ขณะที่ก๎านสูบและ ลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหลัง ขอรั้งปลอกกระสุน (จับอยูํที่ขอบจานท๎ายปลอกกระสุน) จะดึงปลอกกระสุนเปลําออก จากรังเพลิง ๑๐.๔.๗ การคัดปลอกกระสุน ขณะที่ปลอกกระสุนถูกถอนออกจากรังเพลิง แหนบ เหล็กคัดปลอกกระสุนจะขยายตัว เหล็กคัดปลอกกระสุนจะดันจานท๎ายปลอกกระสุนบังคับให๎ด๎านหน๎าของปลอก กระสุนเบนตัวออกทางด๎านขวาของโครงลูกเลื่อน ขณะที่ลูกเลื่อนยังคงเหลือที่ถอยมาข๎างหลังอาการดันของเหล็ก คัดปลอกกระสุนตํอจานท๎ายปลอกกระสุน และขอรั้งปลอกกระสุนจับขอบจานท๎ายไปทางขวา จึงท าให๎ปลอก กระสุนกระเด็นออกจากปืน เมื่อปลอกกระสุนเคลื่อนที่มาถึงชํองคัดปลอกกระสุน สายกระสุนรํางจะถูกบังคับให๎ กระเด็นออกตรงชํองคัดปลอกกระสุน ในขณะเมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่ถอยมาข๎างหลัง จึงท าให๎กระสุนนัดตํอไปเข๎าอยูํ ในรํองเครื่องปูอนกระสุน ๑๐.๔.๘ การขึ้นนก ๑๐.๔.๘.๑ ขณะที่แก๏สขยายตัวเข๎าไปดันลูกสูบมาข๎างหลัง ก๎านสูบจะ เคลื่อนที่ถอยมาอยํางเดียวในขั้นต๎น โดยลูกเลื่อนไมํถอยเมื่อเดือยของก๎านสูบสัมผัสกับขอบจานเข็มแทงชนวน ด๎านหลังจะท าให๎เข็มแทงชนวนถอยตัวออกจากจอกกระทบแตกของปลอกกระสุนที่ยิงแล๎ว เดือยของก๎านสูบยังคง เคลื่อนที่ถอยมาข๎างหลังตํอไป จนกดขอบจานเข็มแทงชนวนอยํางเต็มที่ โดยดันแหนบเข็มแทงชนวนให๎อัดตัว ๑๐.๔.๘.๒ ตราบเทําที่ยังเหนี่ยวไกมาข๎างหลังอยูํ ปืนจะยังคงเริ่มต๎น ท างานตามล าดับขั้นทั้ง ๗ ตํอไปอีกเป็นอัตโนมัติเมื่อปลํอยไกกระเดื่องไกจะเข๎ายึดอยูํกับแงํยึดกระเดื่องไก วงรอบ การท างานจะหยุดลง และปืนจะยังขึ้นนกอยูํ
๑๑๒ ๑๑. การที่ปืนไมํท างานเหตุติดขัดและวิธีแก๎ไข ๑๑.๑ การที่ปืนไมํท างาน คือการที่เครื่องกลไกของปืนท างานบกพรํอง ติดขัดไมํเป็นไป ตามปกติ การที่กระสุนผิดรูป การที่พลประจ าปืนปฏิบัติตํอปืนไมํถูกต๎องจะไมํนับวําเป็นสาเหตุของปืนไมํท างาน สาเหตุของปืนติดตํอกันเรื่อยไป ๑๑.๑.๑ การท างานของปืนฝืดช๎าและวิธีแก๎ไขการที่ปืนเกิดการท างานช๎าตามปกติ สาเหตุจากปืนมีการเสียดสีมาก โดยปืนสกปรกหรือมีเขมํา ขาดการหลํอลื่นที่ถูกต๎อง ชิ้นสํวนช ารุดหรือสึกหรอ หรือ เนื่องจากแก๏สระบายออกมากเกินไป ตามธรรมดาการที่แก๏สระบายออกมากเกินไปเนื่องจากจุกรูแก๏สหลวม หรือ หลุดหาย ควรท าความสะอาดและหลํอลื่นปืนเสีย ตรวจแก๎ชิ้นสํวนที่ช ารุดสึกหรอโดยตลอด โดยเอาชิ้นสํวนอะไหลํ เปลี่ยนใหมํตามความจ าเป็น ๑๑.๑.๒ การท างานของปืนติดตํอกันเรื่อยไปและวิธีแก๎ไข ในการที่ปืนท างาน ติดตํอกันเรื่อยไป คือการที่ปืนยังคงยิงติดตํอกันออกไปทั้ง ๆ ที่ได๎ปลํอยไกแล๎ว ซึ่งสาเหตุอาจเนื่องมาจากกระเดื่อง ไกสึกหรอ แงํยึดกระเดื่องไกสึกหรอปืนถอยมาข๎างหลังน๎อย (คือสํวนเคลื่อนที่ถอยมาข๎างหลัง พอที่จะปูอนกระสุน ใหมํ และยิงนัดใหมํเทํานั้นไมํถอยมาข๎างหลังอีก พอที่จะให๎กระเดื่องไกขัดเข๎ากับแงํยึดกระเดื่องไกขัดเข๎ากับแงํยึด กระเดื่องไก) สาเหตุเกิดจากแรงดันแก๏สน๎อย หรือตัวก๎านสูบมีเขมํามากเกินไป ๑๑.๑.๒.๑ ถ๎าปืนขัดข๎องในกรณีเชํนนี้ให๎ปืนยังคงเล็งไปยังที่เปูาหมาย จนกวําจะหยุดปูอนกระสุน หรือจนกวํากระสุนจะหมด วิธีแก๎ไขที่ดีที่สุด ในการที่จะให๎หยุดยิงยํอมขึ้นอยูํกับปัจจัย หลายประการ เชํน จ านวนกระสุนที่เหลืออยูํในสายกระสุน ปืนตั้งยิงอยูํในลักษณะไหน จัดให๎มีพลยิงผู๎ชํวยอยูํ หรือไมํในขณะนั้น เชํน ตัวอยํางในการยิงตะลุมบอน โดยใช๎กระสุนติดอยูํกับปืน พลยิงต๎องเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า และ รักษาระดับปืนให๎เล็งตํอเปูาหมาย จนกวํากระสุนจะหมด ในการยิงกรณีอื่น ๆควรพิจารณาในขั้นต๎นคือ การรักษา ระดับของปืนให๎ยิงไปยังเปูาหมายอยํางไรก็ดีพลยิง หรือพลยิงผู๎ชํวยอาจจะปฏิบัติตํอปืนให๎หยุดยิงโดย (๑) ยกฝาปิดห๎องลูกเลื่อน (๒) จับสายกระสุนบิดขวางหรือถอดกระสุนออกจากสาย เพื่อหยุดการปูอนกระสุน (๓) จับคันรั้งลูกเลื่อนให๎แนํน แล๎วดึงมาข๎างหลัง เพื่อหยุด ลูกเลื่อนไมํให๎เคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า (๔) เมื่อปืนหยุดยิงแล๎ว ให๎ถอดปืนออกดูกระเดื่องไกและ แงํกระเดื่องไกวําช ารุดหรือสึกหรอแคํไหน ตรวจดูระบบของแก๏สวําจุกรูแก๏สทํอตํอกระบอกสูบ และแปูนเกลียว กระบอกสูบขันแนํนหรือไมํ ท าความสะอาดก๎านสูบ เปลี่ยนชิ้นสํวนใหมํเทําที่จ าเป็น
๑๑๓ ๑๑.๒ เหตุติดขัด คือการที่วงรอบของการท างานปืนไมํปกติสาเหตุจากปืนท างานไมํถูกต๎อง หรือ เนื่องจากกระสุนผิดรูป เหตุติดขัดแบํงออกตามความสัมพันธ์เกี่ยวข๎องของวงรอบของการท างานของปืน เหตุติดขัด ตํางๆได๎แสดงไว๎ในตาราง โดยบอกสาเหตุและวิธีแก๎ไขแล๎ว ปืนไมํท างาน เหตุ ติดขัด หรือติดขัด เนื่องมาจากสาเหตุ วิธีแก๎ไข ๑. ไมํปูอนกระสุน ๒. ไมํรั้งปลอก กระสุน ๓. ไมํขึ้นนก ๑. แรงดันของแก๏สไมํเพียงพอ ๒. ขอรั้งกระสุนหรือแหนบช ารุด ๓. ชํองบังคับกระสุนอันหน๎าและชํองบังคับ กระสุนอันหลังช ารุด ๔. กลอนฝาปิดห๎องลูกเลื่อนช ารุด ๕. แหนบคันเลื่อนสายกระสุนช ารุด ๖. ลูกเบี้ยวช ารุด ๗. การหลํอลื่นไมํเพียงพอ - ขอรั้งแหนบหัก - ถอยมาข๎างหลังน๎อย - ลูกสูบใสํกลับทาง - ถอยมาข๎างหลังน๎อย - ขอรั้งหรือแหนบหัก - เหล็กคัดปลอก หรือแหนบแข็งตัวหรือช ารุด กระเดื่องไกหัก - แงํยึดกระเดื่องไกสึก ๑. ท าความสะอาดรูแก๏ส ๒. สํงคืนหนํวยเหนือ ๓. สํงคืนหนํวยเหนือ ๔. สํงคืนหนํวยเหนือ ๕. สํงคืนหนํวยเหนือ ๖. สํงคืนหนํวยเหนือ ๗. ให๎การหลํอลื่น ๘. เปลี่ยนใหมํ - เปลี่ยนใหมํ - ท าความสะอาดรูแก๏สก๎านสูบและหลํอลื่น - ใสํใหมํให๎ถูก - ท าความสะอาดรูแก๏สก๎านสูบและหลํอลื่น - เปลี่ยนใหมํ - ท าความสะอาดหรือเปลี่ยนชิ้นสํวนใหมํ - สํงคืนหนํวยเหนือ - สํงคืนหนํวยเหนือ
๑๑๔ บทที่ ๒๘ ปืนกล ๐๒ ขนาด .๕๐ นิ้ว (BROWNING MACHINE GUN CALIBER .50) (ปก.๐๒) ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวทั่วไป ๑.๑ ปก.๐๒ เรียบเรียงขึ้นตามแนวคูํมือ TO 11 W 1 – 13 – 3 – 3 – 3 – 1 BROWNING MACHING GUN CALIBER .50 เป็นปืนใช๎ในทุกเหลําทัพ และเป็นอาวุธประเภทหนึ่งของหนํวยตํอสู๎อากาศยาน ๑.๒ ชื่อเสียงอันดีเดํนของ ปก.๐๒ ขนาด .๕๐ นิ้ว (๑๒.๗ มม.) ได๎ปรากฏในระหวําง สงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้นคือ ค าขวัญที่วํา หนึ่งไมํมีสอง เป็นปืนที่ได๎พิสูจน์ประสิทธิภาพของตัวเองในการใช๎ทาง อากาศ และทางพื้นดิน ซึ่งใช๎ยิงท าลายเครื่องบินที่บินในระยะต่ าได๎เป็นอยํางดี ตลอดจนการยิงสนับสนุนทาง ภาคพื้นดินให๎ทหารราบด๎วย ๑.๓ ในการศึกษานี้มุํงที่จะสอนให๎นักเรียนได๎ทราบถึงลักษณะชื่อชิ้นสํวน การถอดประกอบ และการใช๎อยํางไรก็ตามการศึกษา ซึ่งใช๎เวลาอันจ ากัดนี้ยังไมํเพียงพอส าหรับหาความช านาญจึงจ าเป็นต๎องหาเวลา พิเศษเพื่อเพิ่มความรู๎ความช านาญให๎มากขึ้น ๒. ประเภทตําง ๆ ของปืน มี๓ ประเภทด๎วยกันคือ ๒.๑ ปืนประเภทระบายความร๎อนด๎วยน้ า ๒.๒ ปืนประเภทติดตั้งบนเครื่องบิน ๒.๓ ปืนประเภทล ากล๎องหนา ๓. คุณลักษณะของ ปก.๐๒ บ.๑ และ บ.๒ ๓.๑ ชนิดของปืน เป็นปืนอัตโนมัติตั้งยิงบนขาหยั่ง ๓.๒ การท างานของเครื่องกลไก ท างานด๎วยแรงสะท๎อนถอยหลังของล ากล๎องปืน ๓.๓ เครื่องปูอนกระสุน ปูอนกระสุนด๎วยสายกระสุน ข๎อตํอโลหะ ปูอนได๎ทั้งทางขวาและ ทางซ๎ายของตัวปืน (หีบกระสุนบรรจุได๎๑๐๕ นัด) ๓.๔ เครื่องนิรภัย ปก.๐๒ บ.๑ ไมํมีห๎ามไกที่ตัวปืน แตํมีห๎ามไกที่เครื่องลั่นไก ซึ่งติดอยูํที่แครํ ปืนสํวนปก.๐๒ บ.๒ มีห๎ามไกที่แผํนปิดท๎ายลูกเลื่อนใต๎ไกปืน
๑๑๕ ๓.๕ เครื่องบังคับการยิง ปก.๐๒ ไมํมีคงยิงได๎เป็นชุดอยํางเดียว ๓.๖ การระบายความร๎อนของ ปก.๐๒ บ.๑ และ บ.๒ ระบายความร๎อนด๎วยอากาศ ๓.๗ เครื่องเล็งทั้งศูนย์ตํอสู๎อากาศยานส าหรับ ปก.๐๒ บ.๑ แตํ ปก.๐๒ บ.๒ มีศูนย์ยิงที่หมาย ทางพื้นดิน (มีศูนย์หน๎าและศูนย์หลังเชํนเดียวกับ ปกบ.๘๘) ๔. รายการขนาด น้ าหนัก และขีปนวิธี ๔.๑ กว๎างปากล ากล๎อง .๕๐ นิ้ว (๑๒.๗ มม.) ๔.๒ ปืนทั้งกระบอกยาว ๕๖.๒๕ นิ้ว ๔.๓ ล ากล๎องยาว ๓๖ นิ้ว ๔.๔ เกลียว ๘ เกลียว เวียนขวา ๔.๕ ความยาวของเกลียว ๓๑.๙๒ นิ้ว รอบละ ๑๕ นิ้ว ๔.๖ ปืนทั้งกระบอกหนัก ๖๔.๐๓ ปอนด์ ๔.๗ ล ากล๎องหนัก ๙.๘๕ ปอนด์ ๔.๘ ความเร็วต๎น ๒,๙๓๖ ฟุต/วินาที ๔.๙ ระยะยิงไกลสุด ประมาณ ๗,๔๐๐ หลา (ทางยุทธวิธี) ของ สพ.ทอ. ๖,๓๗๕ หลา ๔.๑๐ ระยะยิงหวังผลที่หมายทางพื้นดิน ๒,๐๐๐ หลา ๔.๑๑ ระยะยิงหวังผลที่หมายทางอากาศ ๑,๐๐๐ หลา ๔.๑๒ อัตราเร็วในการยิง ๗๕๐ – ๘๕๐ นัด/นาที ๕. ลักษณะพิเศษ ปก.๐๒ บ.๑ เป็นปืนที่ดัดแปลงจากปืนที่ติดตั้งบนเครื่องบินจึงมีอัตราเร็วใน การยิงสูงมาก มีข๎อแตกตํางกับ ปก. พื้นดินแบบอื่น ๆ บางประการ คือ ๕.๑ ล ากล๎อง ปก.๐๒ บ.๑ สั้นและบางกวํา ปก.พื้นดินขนาดเดียวกัน และมีน้ าหนักเบาจึง ท าให๎อัตราการยิงสูง การยิงติดตํอกันชุดยาวๆ จึงท าให๎ล ากล๎องร๎อนจัดเป็นเหตุให๎ล ากล๎องสึกหรอ และเสื่อม คุณภาพเร็วกวําปกติถ๎าล ากล๎องร๎อนจัดจะท าให๎กระสุนในรังเพลิงจุดตัวเองได๎โดยไมํต๎องลั่นไก ฉะนั้นเมื่อหยุดยิง ทุกครั้ง ต๎องตรวจดูวําไมํมีกระสุนค๎างอยูํในรังเพลิง เพื่อปูองกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากปืนลั่นโดยไมํได๎ลั่นไก และ เพื่อปูองกันความเสียหายและอันตรายดังที่กลําวแล๎วในการฝึกยิงด๎วยกระสุนจริง จึงให๎ฝึกยิงเป็นชุดอยํางใดอยําง หนึ่งดังตํอไปนี้ ๕.๑.๑ ยิงชุดละ ๑๕ นัด ได๎ไมํเกิน ๑๕ ชุด พักระหวําง ๑ นาที ๕.๑.๒ ยิงชุดละ ๒๕ นัด ได๎ไมํเกิน ๗ ชุด พักระหวําง ๑ นาที ๕.๑.๓ ยิงครั้งแรก ๗๕ นัด และยิงชุดตํอไปชุดละ ๑๕ นัด ได๎ไมํเกิน ๑๐ ชุด พัก ระหวํางชุด ๑ นาทีเมื่อได๎ยิงดังที่กลําวมาแล๎วจะต๎องรอให๎ล ากล๎องลดความร๎อนลงกํอน จึงจะยิงตํอไปได๎ในการยิง ติดตํอเป็นชุดยาวๆ แตํต๎องไมํเกิน ๓๐๐ นัด ๕.๒ เครื่องผํอนแรงกระแทก ปก.๐๒ ใช๎เครื่องผํอนแรงกระแทกแบบน้ ามัน กํอนที่จะท าการ ยิงต๎องตรวจวํามีน้ ามันอยูํเต็มเครื่องผํอนแรงกระแทกหรือไมํ ๕.๓ เครื่องลั่นไก ปก.๐๒ บ.๑ ติดตั้งบนแครํปืน และขาหยั่งตํอสู๎อากาศยาน ใช๎เครื่องลั่นไก แบบกระเดื่องเครื่องลั่นไกกดตรงตํอแผํนเลื่อนกระเดื่องไก จึงไมํต๎องใช๎และปรับสะพานไก สํวน ปก.๐๒ บ.๒ ใช๎ เครื่องลั่นไกติดอยูํที่แผํนปิดท๎ายห๎องลูกเลื่อนและใช๎สะพานไกจึงปรับสะพานไกกํอนท าการยิงทุกครั้ง
๑๑๖ ๖. ชนิดของกระสุน ปก.๐๒ ทอ. มีใช๎อยูํ ๘ ชนิด ๖.๑ กระสุนธรรมดา BALL ๖.๒ กระสุนสํองวิถีT.P. ๖.๓ กระสุนเจาะเกราะ A.P. ๖.๔ กระสุนเพลิง INDENDIARY ๖.๕ กระสุนเจาะเกราะเพลิง A.P.I. ๖.๖ กระสุนเจาะเกราะเพลิงสํองวิถีA.P.I – T ๖.๗ กระสุนซ๎อมรบ BLANK ๖.๘ กระสุนฝึกบรรจุ DUMMY การถอดประกอบ ๗. กลําวทั่วไป จะต๎องคิดวําในรังเพลิงมีกระสุนอยูํเสมอ ฉะนั้นทํานจะต๎องเปิดฝาปิดห๎องลูกเลื่อน ดูและดึงคันรั้งมาข๎างหลัง ๒ ครั้ง และมองดูวําไมํมีกระสุนอยูํที่หน๎าชํองตัวทีแล๎วปิดฝาปิดห๎องลูกเลื่อนแล๎วลั่นไก ๘. การถอด แบํงออกเป็น ๒ อยําง คือ ๘.๑ การถอดปกติเป็นการถอดชิ้นสํวนใหญํๆ เพื่อท าความสะอาดและเก็บรักษาตามปกติ ๘.๒ การถอดอยํางละเอียด ได๎แกํการถอดชิ้นสํวนตําง ๆ โดยละเอียดเพื่อท าความสะอาด และซํอมแซมเล็ก ๆ น๎อย ๆ หรือเพื่อเปลี่ยนชิ้นสํวน ๙. การถอดปกติต๎องปฏิบัติการถอดตามล าดับ ดังนี้คือ ๙.๑ การถอดพนังหลัง ใช๎นิ้วมือซ๎าย ง๎างกลอนขัดกระเดื่องพนังหลัง นิ้วมือซ๎ายยกกระเดื่อง ยึดพนังหลัง พร๎อมกับใช๎นิ้วมือขวาเลื่อนพนังหลังขึ้นจนหลุด ออกจากท๎ายห๎องลูกเลื่อน ๙.๒ การถอดแหนบและแกนแหนบสํงลูกเลื่อนออก โดยดันแกนแหนบ ออกไปทางซ๎ายจน เดือยแกนแหนบพ๎นจากชํองเดือยแกนแหนบ ๙.๓ การถอดปุุมรั้งลูกเลื่อนออก โดยดึงลูกเลื่อนมาข๎างหลังจนกระทั่งปุุมรั้งลูกเลื่อนอยูํตรง บากที่พนังข๎างขวา (หรือทางซ๎าย) ของห๎องลูกเลื่อน แล๎วดึงปุุมรั้งลูกเลื่อนออกทางขวา (หรือทางซ๎าย) ๙.๔ การถอดลูกเลื่อน โดยดึงลูกเลื่อนมาข๎างหลัง ถ๎าลูกเลื่อนเกิดติดอยูํในห๎องลูกเลื่อน ให๎ ยกกระเดื่องยึดลูกเลื่อนซึ่งอยูํใต๎ฝาปิดห๎องลูกเลื่อนขึ้นพร๎อมกับดึงลูกเลื่อน ๙.๕ การถอดโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืนและเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังออก โดยใช๎ปลาย แหลมของหัวกระสุน หรือเหล็กเล็ก ๆ ดันแหนบโครงเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลัง ซึ่งมีรูปอยูํทางขวามือของห๎องลูก เลื่อน พร๎อมกับดึงเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลัง และโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืนออกจากห๎องลูกเลื่อนพร๎อมกับล ากล๎อง ๙.๖ ถอดเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังออกจากโครงตํอท๎ายล ากล๎อง โดยดันบานพับโครง เครื่องรับ ฯ ไปข๎างหน๎า ๙.๗ ดึงเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังออกจากโครงเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลัง ๙.๘ การถอดโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืนออกจากล ากล๎องโดยหมุนทวนเข็มนาฬิกาจนหมด เกลียวล ากล๎องจะหลุดออกจากโครํงตํอท๎ายล ากล๎องปืน
๑๑๗ ๑๐. การถอดฝาปิดห๎องลูกเลื่อนโดยดึงสลักยึดฝาปิดห๎องลูกเลื่อนออก (ฝาปิดห๎องลูกเลื่อนนี้ไมํ ควรถอดนอกจากมีความจ าเป็น) ๑๐.๑ การถอดเหล็กยึดสายกระสุน โดยดึงสลักเหล็กยึดสายกระสุนมาทางข๎างหลัง และ ยกเหล็กยึดสายกระสุน และแหนบออก ๑๐.๒ การถอดเหล็กกันกระสุนและเหล็กปลดข๎อตํอกระสุน โดยดึงเหล็กกันกระสุนออก ทางด๎านตรงข๎ามกับห๎องลูกเลื่อน ๑๑. การประกอบถ๎าจะใสํลูกเลื่อนเข๎าไปในห๎องลูกเลื่อน ให๎ยกหัวลูกเลื่อนขึ้นเล็กน๎อย เพื่อ ปูองกันมิให๎ชนบานพับหัวโครงเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลัง ๑๑.๑ การประกอบถ๎าจะใสํลูกเลื่อนเข๎าไปในห๎องลูกเลื่อน ให๎ยกหัวลูกเลื่อนขึ้นเล็กน๎อย เพื่อปูองกันมิให๎ชนบานพับหัวโครงเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลัง ๑๑.๒ เมื่อสอดลูกเลื่อนเข๎าไปให๎ยกกลอนยึดลูกเลื่อนด๎วยหัวแมํมือขวา ๑๑.๓ ถ๎าปิดหนังท๎ายห๎องลูกเลื่อนลงไมํถึงที่ ให๎ถอดหนังท๎ายห๎องลูกเลื่อนแล๎วตรวจดูวํา เครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังเข๎าถึงที่หรือไมํ ๑๑.๔ เครื่องตํอท๎ายล ากล๎อง เครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังและลูกเลื่อนอาจใสํเข๎าไปใน ห๎องลูกเลื่อนพร๎อมกันได๎ ๑๒. การถอดอยํางละเอียด มีดังนี้ ๑๒.๑ พนังหลัง (เหล็กปิดท๎ายห๎องลูกเลื่อน) จะถอดได๎เมื่อช ารุด ๑๒.๒ ลูกเลื่อน ๑๒.๓ เครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลัง ๑๒.๔ โครงตํอท๎ายล ากล๎องปืน ๑๒.๕ ฝาห๎องลูกเลื่อน ๑๒.๖ เครื่องปูอนกระสุน ๑๒.๖.๑ ลูกเลื่อน การถอดชิ้นสํวนตําง ๆ ของลูกเลื่อน ให๎วางจากขวาไปซ๎าย ๑๒.๖.๑.๑ เหล็กรั้งกระสุน หมุนเหล็กรั้งกระสุนขึ้นข๎างบนและดึงออก ทางซ๎ายไมํควรถอดเหล็กคัดปลอกกระสุน และแหนบออกนอกจากช ารุด ๑๒.๖.๑.๒ แผํนเปลี่ยนทางเดินปุุมคันเลื่อนสายกระสุน โดยยกแผํน เปลี่ยนขึ้นแล๎วน าออกมาวางไว๎ ๑๒.๖.๑.๓ คันขึ้นนก พลิกคันขึ้นนกและหมุนมาข๎างหลัง แล๎วถอดสลัก คันขึ้นนกออกน าคันขึ้นนกออกจากลูกเลื่อน ๑๒.๖.๑.๔ สลักขัดแหนบเข็มแทงชนวน (กํอนถอดลั่นไกกํอน) ลั่นไก โดยใช๎เหล็กกดลงบนกระเดื่องไก แล๎วใช๎ไขควงหรือปลายทางแบนของคันขึ้นนกให๎แยงสลักเข็มแทงชนวนออกจาก รํองที่อยูํ มาทางใต๎ตรงชํองกลางของลูกเลื่อน พลิกลูกเลื่อนขึ้น ดันสลักเข็มแทงชนวนออกจากการจัดกับแหนบเข็ม แทงชนวน พลิกลูกเลื่อนกลับแล๎วยกสลักเข็มแทงชนวนจากลูกเลื่อน ๑๒.๖.๑.๕ กระเดื่องไกและแหนบกระเดื่องไก กดกระเดื่องไกลง ดึง แผํนขัดกระเดื่องไกออกจากชํอง ตํอไปดึงกระเดื่องและแหนบยกขึ้น
๑๑๘ ๑๒.๖.๑.๖ เข็มแทงชนวน ยกหัวลูกเลื่อนขึ้น เข็มแทงชนวนและโครง ตํอท๎ายเข็มแทงชนวนจะหลุดออกมาทางท๎ายเข็มแทงชนวน แล๎วยกเข็มแทงชนวนออกจากโครงตํอท๎ายเข็มแทง ชนวนธรรมดา ไมํควรถอดแหนบเข็มแทงชนวนออกจากโครงตํอท๎ายเข็มแทงชนวนนอกจากช ารุด ๑๒.๖.๒ เครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลัง ใช๎มือซ๎ายจับเครื่องรับแรงสะท๎อนถอย หลังไว๎มือขวาจับไขควง ใช๎ปลายไขควงกดลงบนที่ยึดกระบอกระบอกแรงสะท๎อนถอยหลัง พร๎อมกับใช๎มือซ๎ายพลิก บานพับหัวโครงเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังหมุนไปข๎างหน๎า ดึงแหนบกลอนกระบอกรับแรงสะท๎อนถอยหลังออก พลิกเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังขึ้น ดึงแหนบเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังออก บานพับหัวโครงเครื่องรับแรง สะท๎อนถอยหลัง ดึงแกนบานพับออก แล๎วงัดกลอนแหนบยึดแรงสะท๎อนถอยหลังออก ๑๒.๖.๓ โครงตํอท๎ายล ากล๎อง ๑๒.๖.๓.๑ กลอนลูกเลื่อน ถอดสลักกลอนลูกเลื่อนออก ดึงกลอนลูก เลื่อนออกจากโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืน ๑๒.๖.๓.๒ แหนบกลอนยึดล ากล๎องอยําถอด นอกจากจ าเป็นหรือเปลี่ยน ๑๒.๖.๔ ฝาห๎องลูกเลื่อน ๑๒.๖.๔.๑ คันเลื่อนสายกระสุนถอดสลักออกจากแกนคันเลื่อนสาย กระสุนและแหนบกลอนยึดล ากล๎องปืนออก ๑๒.๖.๔.๒ ยกโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนออก ๑๒.๖.๔.๓ แหนบคันบังคับเหล็กรั้งกระสุนให๎ยกปลายหน๎าของแหนบ กลอนยึดฝาห๎องลูกเลื่อนออกจากชํองในฝาห๎องลูกเลื่อน และคันให๎เลื่อนออกมาทางหน๎า แล๎วงัดท๎ายสุดของแหนบ บังคับเหล็กรั้งกระสุนออกจากที่ ในแทํนบังคับที่ฝาห๎องลูกเลื่อนและคันมาข๎างหลัง ๑๒.๖.๕ เครื่องปูอนกระสุน เหล็กเลื่อนสายกระสุน คันสลักเหล็กเลื่อนสาย กระสุนด๎วยปลายเหล็กตอกสลักอันเล็ก ถอดสลักเลื่อนสายกระสุน แหนบเหล็กเลื่อนสายกระสุน และก๎านเหล็ก เลื่อนสายกระสุน ข๎อพึงระมัดระวัง อยําดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาข๎างหลัง ในขณะที่ไมํมีพนังหลังประกอบอยูํ โดยมีแหนบและแกนแหนบ สํงลูกเลื่อนยังติดอยูํอยํางถูกต๎อง กํอนท าการถอดประกอบ ต๎องขึ้นนกกํอนเสมอ การท างานของเครื่องกลไก ๑๓. การท างานของเครื่องกลไก ปก.๕๐ เพื่อความสะดวกในการศึกษาจ าต๎องแบํงออกเป็นตอนๆ ดังตํอไปนี้ ๑๓.๑ การยิง ๑๓.๒ การถอย ๑๓.๓ การรั้งกระสุน ๑๓.๔ การขึ้นนก ๑๓.๕ การเคลื่อนกลับเข๎าที่ ๑๓.๖ การคัดปลอก ๑๓.๗ การบรรจุกระสุนเข๎ารังเพลิงและขัดกลอน ๑๓.๘ การปูอนกระสุน
๑๑๙ ๑๔. เริ่มกลําวตั้งแตํปืนได๎บรรจุขึ้นนกแล๎ว เพราะการเริ่มต๎นของการท างานของเครื่องกลไก ตามล าดับขั้น จะบังเกิดขึ้นภายหลังการบรรจุและการขึ้นนก ลักษณะของการท างานของเครื่องกลไก มีดังนี้ ๑๔.๑ การท างานของเครื่องกลไก เริ่มต๎นจากที่เข็มแทงชนวนเข๎าแทงชนวนท๎ายปลอก กระสุนด๎วยก าลังดันของแหนบเข็มแทงชนวน ที่ขยายตัวออกโดยทันทีแรงดันของแก๏สอันเกิดจากดินสํงกระสุนที่ ใหมํจะดันให๎ลูกกระสุนให๎แลํนออกไปตามล ากล๎อง และอีกทางหนึ่งจะดันตํอปลอกกระสุนมาข๎างหลังแตํดันออกมา ไมํได๎เนื่องจากติดลูกเลื่อน ๑๔.๒ ขณะที่ลูกกระสุนเคลื่อนที่ออกจากปากล ากล๎อง แรงสะท๎อนถอยหลังจะดันล ากล๎อง โครงตํอท๎ายล ากล๎อง และลูกเลื่อนปืนถอยมาข๎างหลังประมาณ ๑ ๑/๘ นิ้ว ระหวํางการเคลื่อนที่มาข๎างหลังนี้ ลูกเลื่อนจะพ๎นจากการขัดกลอนกับล ากล๎องปืนและโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืน การถอยหลังของล ากล๎องปืนและโครง ตํอท๎ายล ากล๎องปืน และจะหยุดเมื่อชนวนกับเครื่องรับแรงสะท๎อนถอยหลังและบานพับหัวโครงเครื่องรับแรง สะท๎อนถอยหลังขัดตัวกับโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืน สํวนลูกเลื่อนยังคงเคลื่อนที่ตํอไปอีก ๖ นิ้ว จนกระทั่งชนเข๎ากับ แหนบสํงลูกเลื่อนและเหล็กปิดท๎ายห๎องลูกเลื่อน จึงหยุดการเคลื่อนที่เข๎าบรรจุเข๎าไปในรังเพลิงขนาดของกระบอก รับแรงสะท๎อนถอยหลัง จะดันให๎โครงตํอท๎ายล ากล๎องปืน และล ากล๎องปืนเคลื่อนที่กลับไปข๎างหน๎า ระหวํางการ เคลื่อนที่นี้ลูกเลื่อนจะขัดกลอนให๎ติดกับโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืน และล ากล๎องปืนจึงปูอนกระสุนกระเด็นกลับมาข๎าง หลังขณะที่ปืนลั่น ขณะนี้ถ๎าไกยังถูกกดอยูํ เข็มแทงชนวนจะถูกปลํอยให๎แทงชนวนท๎ายปลอกกระสุนกํอนที่สํวน เคลื่อนที่ของปืนจะเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าสุด การท างานของเครื่องกลไกของปืนจะเกิดขึ้นเชํนนี้ตราบเทําที่ยังกดไกอยูํ และตราบเทําที่ยังมีกระสุนอยูํในสายกระสุน ๑๕. การท างานของเครื่องกลไก แบํงออกเป็นตอนๆ ดังตํอไปนี้คือ เมื่อขึ้นนก เมื่อลั่นไก เมื่อ ชิ้นสํวนเคลื่อนที่มาข๎างหลัง และ เมื่อชิ้นสํวนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎า ๑๕.๑ เมื่อขึ้นนก ๑๕.๑.๑ แม๎วําปืนนี้จะเป็นอัตโนมัติก็ตาม การบรรจุกระสุนครั้งแรกจะต๎องอาศัยแรง คนท าให๎ที่เรียกวํา ขึ้นนก หลังจากลั่นไกยิงกระสุนนัดที่ ๑ และผู๎ยิงยังคงกดไกค๎างอยูํ ปืนจึงจะเริ่มท างานเองโดย อัตโนมัติได๎ตํอไปนี้สมมติวําได๎บรรจุสายกระสุนเข๎าปืนไว๎เพียงแตํให๎กระสุนนัดที่ ๑ ถูกยึดไว๎ด๎วยเหล็กยึดกระสุนกับ เหล็กเลื่อนสายกระสุน เมื่อท าการบรรจุปืนด๎วยการดึงคันรั้ง โดยการกระท าให๎ลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลังแล๎วปลํอยไป ข๎างหน๎า ๒ ครั้ง ๑๕.๑.๒ ในขณะที่ลูกเลื่อนมาข๎างหลังครั้งที่ ๑ เหล็กเลื่อนสายกระสุนและคันตํอ เหล็กเลื่อนสายกระสุนจะผลักกระสุนนัดที่ ๑ เคลื่อนมา ณ ต าบลที่ขอรั้งกระสุนจะจับรํองขอบจานท๎ายปลอกกระสุน พอดีฉะนั้นเมื่อปลํอยลูกเลื่อนวิ่งไปข๎างหน๎า ขอรั้งปลอกกระสุนจะจับรํองขอบจานท๎ายปลอกกระสุนนัดที่ ๑ ไว๎เมื่อ กระท าให๎ลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลังอีกครั้งขอรั้งกระสุนจะดึงเอากระสุนนัดที่ ๑ ออกจากสายกระสุนและพามาข๎างหลัง ในขณะเดียวกันนี้เหล็กเลื่อนสายกระสุนจะเลื่อนสายกระสุนนัดที่ ๒ มาอยูํ ณ ต าบลขอรั้งกระสุนจะจับรํองขอบ จานท๎ายกระสุนได๎(แทนนัดที่ ๑) ในขณะที่ปลํอยให๎ลูกเลื่อนวิ่งไปข๎างหน๎าเป็นครั้งที่ ๒ กระสุนนัดที่ ๑ จะถูกบรรจุ เข๎าในรังเพลิงและขอรั้งกระสุนจะจับรํองขอบจานท๎ายปลอกกระสุนนัดที่ ๒ ไว๎อีก ขณะที่หน๎าลูกเลื่อนปิดท๎ายรัง เพลิงและเข๎าขัดกลอนเรียบร๎อยแล๎ว ลักษณะนี้เรียกวําปืนอยูํในต าแหนํง ขึ้นนก (ต าแหนํง BATTERY POSITON) คือปืนพร๎อมที่จะยิงได๎ทันทีเมื่อผู๎ยิงเหนี่ยวไก
๑๒๐ ๑๕.๑.๓ เมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่มาข๎างหลังครั้งแรกนั้น หางของคันขึ้นนกจะถูกแงํหลัง ชํองบังคับคันขึ้นนก (ชํองรูปตัววีที่ผนังบน) ตีให๎หางคันขึ้นนกกลับไปข๎างหน๎า และหัวของคันขึ้นนกซึ่งอยูํในชํอง ของหลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวน (FIRING PINEXTENSION) หลอดเข็มแทงชนวนถอยมาเกี่ยวกับแงํกระเดื่องไก ขณะนี้แหนบสํงลูกเลื่อนก็จะถูกอัดตัวด๎วย ลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลังอีก หางของคันขึ้นนกจะฟาดตัวหลุดจากชํองคัน บังคับขึ้นนก ๑๕.๑.๔ เมื่อลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลังจนสุดแล๎ว แหนบสํงลูกเลื่อนซึ่งถูกอัดตัวอยูํก็จะ ขยายตัวดันลูกเลื่อนให๎กลับไปข๎างหน๎าตามเดิม หางของคันขึ้นนกจะเกี่ยวกับแงํหน๎าของชํองบังคับคันขึ้นนกบังคับ ให๎หางคันขึ้นนกตีกลับไปข๎างหน๎า, หลัง หัวคันขึ้นนกจะเปิดชํองวํางให๎หลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวนวิ่งไปข๎างหน๎าได๎ เมื่ออิสระจากการเกี่ยวของแงํกระเดื่องไก ๑๕.๒ เมื่อลั่นไก คือ คันบังคับเครื่องลั่นไก ที่ติดอยูํข๎างปืนด๎านตรงกับท๎ายเลื่อนกระเดื่องไก ยื่นออกมาดันตํอสํวนท๎ายของเลื่อนกระเดื่องไกให๎เคลื่อนที่ไปทางข๎างในลักษณะเชํนนี้ลาดที่ชํองเว๎ารูปสามเหลี่ยม ของเลื่อนกระเดื่องไกจะกดตํอลาดเนื้อนูนรูปสามเหลี่ยมที่แทํงกระเดื่องไก กระท าให๎กระเดื่องไกลดตัวต่ าลง แงํของ กระเดื่องไกดันแงํท๎ายของหลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวนก็จะหลุดออกจากกัน แหนบสํงและเข็มแทงชนวนก็จะ ขยายตัว กระท าให๎หลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวนและเข็มแทงชนวนซึ่งประกอบติดอยูํนั้นกระแทกกับชนวนท๎าย ปลอกกระสุนให๎เกิดการจุดระเบิดของดินสํงกระสุนนัดที่ ๑ ขึ้น ๑๕.๓ เมื่อชิ้นสํวนที่เคลื่อนที่ถอยมาข๎างหลัง เมื่อเข็มแทงชนวนวิ่งไปแทงชนวนท๎ายปลอก กระสุนนั้น สํวนที่เคลื่อนที่ของปืนอยูํตอนหน๎าสุด เมื่อเข็มแทงชนวนจุดชนวนท๎ายปลอกกระสุนแล๎วเปลวเพลิงของ ชนวนที่แลบเข๎าไปในรูเพลิงจะจุดดินสํงกระสุนให๎ไหม๎และสลายตัวเป็นแก๏สเกิดความดันขึ้นรอบตัว แรงดันที่มาข๎าง หลังจะดันให๎ลูกเลื่อนวิ่งมาข๎างหลัง ในการที่ชิ้นสํวนเคลื่อนที่มาข๎างหลังนี้จะเกิดการท างานของเครื่องกลไกเป็น อัตโนมัติ ๑๕.๓.๑ การปลดกลอน ขณะที่ความดันของแก๏สให๎ลูกเลื่อนเคลื่อนที่มาข๎างหลัง ใน ตอนนั้นจะเคลื่อนจะถอยมาแตํล าพังไมํได๎ เพราะกลอนลูกเลื่อนซึ่งถูกแทํนบังคับกลอนลูกเลื่อนหมุนให๎ลอยตัวขึ้น ข๎างบนจะเข๎าไปขัดลูกเลื่อนไว๎ให๎ติดแนํนอยูํกับโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืน ฉะนั้น ลูกเลื่อนจึงถอยมาพร๎อมกับล ากล๎องปืน เมื่อลูกเลื่อนและโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืนถอยมาประมาณ ๓/๔ นิ้ว สํวนใต๎ของกลอนลูกเลื่อนจะถอยมาสุดแทํน บังคับกลอนลูกเลื่อนพอดีและตกลงตามลาดของแทํนบังคับกลอนลูก ในขณะเดียวกันนี้ลาดของชํองรับกลอนลูกเลื่อน ด๎านหน๎ายังกดลาดด๎านหน๎าของกลอนลูกเลื่อนให๎ลดตัวต่ าลงอีกด๎วย การปลดกลอนจะเริ่มขึ้น เพราะเหตุวําสลัก กลอนลูกเลื่อนจะถอยมาสัมผัสกับเหล็กกดกลอนลูกเลื่อนซึ่งติดอยูํที่หัวเรือนให๎ตต่ าลงข๎างลําง ซึ่งเป็นเหตุให๎กลอน ลูกเลื่อนถูกบังคับให๎ลดตัวต่ าลงมาด๎วย ตํอจากนั้นลูกเลื่อนจะเป็นอิสระจากการขัดกลอนและถอยหลังตํอไปโดย ล าพัง ในขณะเมื่อล ากล๎องโครงตํอท๎ายล ากล๎องและลูกเลื่อนเริ่มเคลื่อนที่มาข๎าง หลังนั้น สํวนท๎ายของโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืนจะผลักให๎บานพับหัวเรือนเครื่องรับแรงสะท๎อนหมุนมาข๎างหลังโดย แรงปลายของบานพับหัวเรือนเครื่องรับแรงสะท๎อนจะกระแทกแงํท๎ายของลูกเลื่อน เป็นการชํวยให๎ลูกเลื่อนถอยมา ข๎างหลังเร็วขึ้น เมื่อโครงท๎ายล ากล๎องเคลื่อนที่มาข๎างหลังจนกระทั่งดันบานพับหัวเรือนเครื่องรับแรงสะท๎อนหมุนมา ผลักแงํท๎ายของลูกเลื่อนนี้การปลดกลอนได๎สิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์แล๎ว และระยะที่เสียไปในการปลดกลอนนี้จะเป็น เวลานานพอที่ลูกกระสุนจะผํานพ๎นปากล ากล๎องไปแล๎ว เมื่อโครงตํอท๎ายล ากล๎องถอยมาข๎างหลัง ๑ ๑/๘ นิ้ว แล๎ว โครงตํอท๎ายล ากล๎องจะยันรับหัวเรือนเครื่องรับแรงสะท๎อน ท าให๎โครงตํอท๎ายล ากล๎องหยุดถอย
๑๒๑ ในขณะที่โครงตํอท๎ายล ากล๎องเริ่มถอยมาข๎างหลังนั้น เดือยโครงตํอท๎ายล ากล๎อง จะดันก๎านสูบให๎ถอยไปข๎างหน๎า ซึ่งจะท าให๎แหนบสํงล ากล๎องกลับเข๎าที่ถูกอัดตัว และแม๎วําโครงตํอท๎ายล ากล๎องได๎ หยุดเคลื่อนที่แล๎วก็ตาม แตํทวําแหนบสํวนล ากล๎องกลับเข๎าที่จะยังขยายตัวไมํได๎ โดยแงํของบานพับหัวเรือน เครื่องรับแรงสะท๎อนขัดไว๎ ในขณะที่เดือยโครงตํอท๎ายล ากล๎องดันให๎ก๎านสูบถอยมาข๎างหลังนี้ลูกสูบ จะถอยมาข๎างหลังด๎วยในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่มาข๎างหลังนั้น ลูกสูบจะดันน้ ามันซึ่งบรรจุอยูํภายในกระบอกสูบแตํ ในขณะลูกสูบถอยมาข๎างหลังนั้นเริ่มดันน้ ามัน ลิ้นระบายน้ ามันจะถูกน้ ามันดันให๎ถอยมาข๎างหลัง และปิดรูน้ ามันที่ แผํนลูกสูบเสีย น้ ามันจึงถูกบังคับให๎ไหลผํานรูเล็กระหวํางลิ้นระบายน้ ามันกับหนังกระบอกสูบ ท าให๎น้ ามันไหลไมํ สะดวก ด๎วยเหตุนี้เองจึงท าให๎เกิดการต๎านทานของการถอยโดยมิกํอให๎เกิดการกระแทกอยํางรุนแรงจนกระทั่งปืน ช ารุดหรือกระเทือนจนกระทั่งปืนเคลื่อนที่ ๑๕.๓.๒ ถอนปลอกกระสุน เมื่อโครงตํอท๎ายล ากล๎องหมุนถอยเพราะหัวเรือน เครื่องรับแรงสะท๎อนยันไว๎ลูกเลื่อนยังไมํหยุดถอยและ เพราะเหตุวํากลอนลูกเลื่อนลดตัวลงมาจนกระทั่งหลุดพ๎น จากลูกเลื่อน แล๎วลูกเลื่อนจึงเป็นอิสระ จากโครงตํอท๎ายล ากล๎อง สามารถถอยมาข๎างหลังแตํล าพังได๎ ในขณะที่ ลูกเลื่อนเริ่มถอยมาหํางจากท๎ายรังเพลิงนี้เอง รํองหน๎าลูกเลื่อนจะดึงปลอกกระสุน ให๎ถอยมาจากท๎ายรังเพลิง การถอนปลอกกระสุนนี้ถ๎าหากถอนปลอกกระสุนออกจากรังเพลิงโดยเร็วแล๎ว ปลอกกระสุนอาจจะขาดค๎างอยูํใน รังเพลิงได๎เพราะเหตุวําหลังจากดินสํงกระสุนไหม๎สลายตัวเป็นแก๏สไปแล๎ว แรงดันของแก๏สจะดันให๎ปลอกกระสุน ขยายตัวแนํนกับรังเพลิง ฉะนั้นถ๎าหากดึงปลอกกระสุนออกจากรังเพลิงโดยแรง และรวดเร็วแล๎ว ปลอกกระสุนจะ ขาดติดอยูํในรังเพลิง เพื่อปูองกันมิให๎ปลอกกระสุนขาดเพราะการถอนปลอกกระสุน จึงจ าเป็นต๎องท าลาดไว๎ที่ ตอนบนด๎านหน๎าของกลอนลูกเลื่อน และที่ขอบอันหน๎าของชํองกลอนลูกเลื่อน ลาดเหลํานี้จะชํวยให๎ลูกเลื่อนคํอย ๆ ถอยออกมาจากท๎ายรังเพลิงทีละน๎อย ๑๕.๓.๓ ขึ้นนก การขึ้นนกเริ่มต๎นเมื่อลูกเลื่อนเริ่มถอยมาข๎างหลัง เพราะเหตุวําใน ขณะที่ลั่นไกนั้นปลายของคันขึ้นนกจะสอดอยูํภายในรูปตัววีของแทํนบังคับปืนขึ้นนก ฉะนั้นเมื่อลูกเลื่อนถอยมาข๎าง หลังลาดในชํองรูปตัววีจะบังคับให๎ปลายคันขึ้นนกจะหมุนไปข๎างหน๎า ในการที่ปลายคันขึ้นนกหมุนไปข๎างหน๎านั้น หัวคันขึ้นนกจะหมุนมาข๎างหลังผลักให๎หลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวน และเข็มแทงชนวนถอยมาข๎างหลัง จนกระทั่งแงํ หลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวนเกี่ยวติดกับแงํกระเดื่องไก อนึ่งในการที่หลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวนถอยมาข๎างหลัง แหนบเข็มแทงชนวนจะถูกอัดตัวโดยสลักแผํนบังคับกระเดื่องไก ๑๕.๓.๔ อัดแหนบสํงลูกเลื่อน ลูกเลื่อนจะถอยมาข๎างหลัง ๗ ๑/๘ นิ้ว จึงจะหยุดถอย เพราะเหตุวําลูกเลื่อนถอยยันกับแทํนผํอนแรงกระแทกของลูกเลื่อนในขณะที่ลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลังนี้ แหนบสํง ลูกเลื่อนจะถูกอัดตัวตั้งแตํลูกเลื่อนเริ่มถอยจนกระทั่งหยุดถอย เพราะถูกแทํนผํอนแรงกระแทกของลูกเลื่อนยันไว๎ ฉะนั้นจะเห็นได๎วําสํวนหนึ่งของแรงสะท๎อนถอยหลังของลูกเลื่อนได๎หมดไปเพราะการอัดแหนบลูกเลื่อน และอีก สํวนหนึ่งหมดไปเพราะแทํนผํอนแรงกระแทกของลูกเลื่อน และจากผํอนแรงสะท๎อนถอยหลังรับไว๎ ลูกเลื่อนจึงไมํ สามารถถอยตํอไปอีกได๎ ๑๕.๔ เมื่อชิ้นสํวนที่เคลื่อนที่ ๆ ไปข๎างหน๎า เมื่อกลอนลูกเลื่อนถอยมาจนสุดระยะแล๎ว แหนบสํงลูกเลื่อนซึ่งอัดตัวอยูํจะขยายตัวสํงให๎ลูกเลื่อนวิ่งไปข๎างหน๎า ในการที่ลูกเลื่อนเคลื่อนที่กลับไปข๎างหน๎านั้น จะเกิดการท างานของเครื่องกลไกดังตํอไปนี้
๑๒๒ ๑๕.๔.๑ คัดปลอกกระสุน เมื่อพิจารณาการท างานของปืนตอนคัดปลอกกระสุน จ าเป็นต๎องติดตามการท างานของปืนมาตั้งแตํลูกเลื่อนเริ่มถอยมาข๎างหลัง ในขณะที่ลูกเลื่อนเริ่มถอยหลังมาข๎างหลัง นั้น ขอรั้งกระสุนจะรั้งกระสุนในสายกระสุนออกมาข๎างหลังด๎วย และในขณะที่ลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลังเรื่อยๆ นั้น ลาดบังคับขอรั้งกระสุนจะกดขอรั้งกระสุนให๎ต่ าลง ในการที่ขอรั้งกระสุนกดตัวต่ าลงไปนี้ขอรั้งกระสุนจะกดให๎ กระสุนนัดใหมํเข๎าไปในชํองหน๎าลูกเลื่อน กระสุนนัดใหมํนี้จะถูกกดให๎เข๎าไปแทนที่ปลอกกระสุนที่หน๎าลูกเลื่อน และในขณะเดียวกันนั้นเหล็กคัดปลอกกระสุนจะกดให๎กระสุนหลุดออกไปทางชํองได๎ห๎องลูกเลื่อน ๑๕.๔.๒ บรรจุกระสุนนัดใหมํเข๎ารังเพลิง ในขณะที่ลูกเลื่อนถอยมาข๎างหลังนี้เหล็ก บังคับของขอรั้งกระสุนจะกดขอรั้งกระสุนให๎ลดต่ าลงตลอดเวลา และเมื่อลูกเลื่อนถอยมาจนสุดระยะถอยนั้นขอรั้ง กระสุนที่เดินอยูํบนรางขอรั้งกระสุนแล๎ว ลาดบังคับขอรั้งกระสุนจะกดให๎ขอรั้งกระสุนลดตัวต่ าไปเดินอยูํใต๎รางขอรั้ง กระสุน ในขณะเดียวกัน ปุุมกันขอรั้งกระสุนจะรับขอรั้งกระสุนไว๎ให๎ขอรั้งกระสุนอยูํในแนวเดียวกับรังเพลิงพอดี ฉะนั้นลูกเลื่อนจะพากระสุนเข๎ารังเพลิงพอดีและเมื่อกระสุนเข๎ารังเพลิงจวนจะหมดแล๎ว แงํขอรั้งกระสุนไตํขึ้นไป จวนจะพ๎นลาดขอรั้งกระสุนนี้ แงํขอรั้งกระสุนจะเบียดปลายขอรั้งกระสุนท าให๎ปลายรางขอรั้งกระสุนหมุนขึ้น ข๎างบน เปิดให๎มีชํองวํางพอที่แงํของขอรั้งกระสุนจะไตํหลุดขึ้นไป จากระหวํางรางขอรั้งกระสุนได๎เมื่อขอรั้งกระสุน หลุดขึ้นไปจากลาดยกขอรั้งกระสุนแล๎ว แหนบกดขอรั้งกระสุนจะกดให๎ขอรั้งกระสุนจับแนํนอยูํในชํองท๎ายของ กระสุนนัดที่อยูํในสายกระสุน ๑๕.๔.๓ สํงล ากล๎องกลับเข๎าที่ เมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าประมาณ ๕ นิ้ว แงํท๎ายของลูกเลื่อนจะกระแทกกับปลายบานพับหัวเรือนเครื่องรับแรงสะท๎อนหมุนไปข๎างหน๎านี้เอง แงํของบานพับ หัวเรือนเครื่องรับแรงสะท๎อนจะปลดปลํอยให๎เดือยโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืนเป็นอิสระ แหนบสํงล ากล๎องกลับเข๎าที่ จึงสามารถจะขยายตัวผลักให๎โครงตํอท๎ายล ากล๎อง และล ากล๎องวิ่งกลับเข๎าที่ ในขณะที่โครงตํอท๎ายล ากล๎อง เคลื่อนที่ไปข๎างหน๎านี้ลิ้นระบายน้ ามันจะถูกผลักมาข๎างหลัง เปิดรูที่แผํนลูกสูบ ท าให๎น้ ามันออกมาข๎างหลังสะดวก กวําในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่มาข๎างหลัง ทั้งนี้เพื่อในการสํงล ากล๎องกลับเข๎าที่ ๑๕.๔.๔ การขัดกลอน ในขณะที่โครงตํอท๎ายล ากล๎องเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าเพื่อกลับ เข๎าที่เดิมนั้น กลอนลูกเลื่อนจะเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าด๎วย เมื่อกลอนลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปถึงลาดแทํนบังคับกลอนลูก เลื่อนลาดแทํนบังคับกลอนลูกเลื่อนจะบังคับให๎กลอนลูกเลื่อนลอยตัวขึ้นไปบนแทํนบังคับกลอนลูกเลื่อนและขัดอยูํ ในชํองด๎านใต๎ของลูกเลื่อน ท าให๎ลูกเลื่อนติดแนํนอยูํกับโครงตํอท๎ายล ากล๎อง หรือเรียกวํา ขัดกลอน นั่นเอง อนึ่งใน การที่ลูกเลื่อนเคลื่อนที่เข๎าสูํต าบลขัดกลอนนี้ปลายของคันขึ้นนกจะถูกลาดด๎านหน๎าในชํองรูปตัววีของแทํนบังคับ ขึ้นนกผลักให๎หมุนไปข๎างหน๎า ท าให๎ท๎ายคันขึ้นนกหมุนไปข๎างหน๎าพ๎นจากหลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวน ซึ่งท าให๎ หลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวนสามารถวิ่งไปข๎างหน๎าได๎ในเมื่อหลอดตํอท๎ายเข็มแทงชนวนเป็นอิสระจากกระเดื่องไก ๑๕.๕ การท างานของเครื่องปูอนกระสุน ๑๕.๕.๑ การเคลื่อนที่ของลูกเลื่อนเป็นสิ่งที่ท าให๎เกิดการท างานของเครื่องปูอน กระสุนขึ้นในขณะที่ลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าจนสุดและปิดท๎ายรังเพลิงเรียบร๎อยแล๎ว ในที่นี้สมมุติวําปูอนกระสุน จากทางซ๎าย ๑๕.๕.๒ ในขณะที่ลูกเลื่อนเคลื่อนที่มาข๎างหน๎า รํองบนลูกเลื่อนจะบังคับปุุมคัน เลื่อนสายกระสุนที่ฝังตัวอยูํในรํองลูกเลื่อน ให๎เคลื่อนที่ไปทางขวาซึ่งเป็นการหมุนให๎ปลายคันเลื่อนสายกระสุนไป ทางซ๎ายสุดแล๎ว เหล็กเลื่อนสายกระสุนผลักให๎อ๎าลงไปจับกระสุนนัดที่ ๑ ในสายกระสุนไว๎
๑๒๓ ๑๕.๕.๓ เมื่อลูกเลื่อนไปข๎างหน๎า รํองบนลูกเลื่อนจะบังคับให๎ปุุมคันเลื่อนสาย กระสุนเลื่อนไปทางซ๎ายในการที่ปุุมคันเลื่อนสายกระสุนเลื่อนไปทางซ๎ายนี้คันเลื่อนสายกระสุนจะพาให๎โครงเหล็ก เลื่อนสายกระสุนไปทางขวาด๎วย ฉะนั้นเหล็กเลื่อนสายกระสุนจึงผลักให๎กระสุนนัดที่ ๑ ในสายกระสุนมาอยูํตรงกับ รังเพลิง ในขณะเดียวกันนี้แหนบเหล็กยึดสายกระสุนจะดันเหล็กยึดสายกระสุนให๎ลอยตัวขึ้นข๎างบนกับลูกกระสุน นัดที่ ๑ ไว๎มิให๎ไหลหลุดออกไปจากตัวปืนได๎และขอรั้งกระสุนฝังตัวลงไปจับอยูํในรํองจานท๎ายปลอกกระสุนของ นัดที่ ๑ ๑๕.๕.๔ เมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่มาข๎างหลังครั้งที่ ๒ ขอรั้งกระสุนจะเคลื่อนที่มาข๎าง หลังด๎วยพร๎อมกับดึงกระสุนนัดที่ ๑ ออกจากสายกระสุน ในขณะเดียวกันนี้โครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนจะยื่นไป ทางซ๎ายอีก เมื่อโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนเคลื่อนที่ไปทางซ๎าย เหล็กเลื่อนสายกระสุนจะถูกกระสุนนัดที่ ๒ กดให๎ หมุนขึ้นข๎างบนและได๎ห๎ามกระสุนนัดที่ ๒ ไปทางซ๎ายได๎และในการที่เหล็กเลื่อนสายกระสุนหมุนขึ้นข๎างบนแหนบ เหล็กเลื่อนสายกระสุนจะถูกอัดตัวด๎วย เมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่มาข๎างหลังจนสุดแล๎วโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนจะ เคลื่อนที่ไปทางซ๎ายจนสุดด๎วย เหล็กเลื่อนสายกระสุนจะเริ่มเคลื่อนที่มาอยูํที่วํางระหวํางกระสุนนัดที่ ๒ กับนัดที่ ๓ เมื่อมีที่วํางเกิดขึ้น แหนบเหล็กเลื่อนสายกระสุนจะกดเหล็กเลื่อนสายกระสุน ให๎ลงยันข๎างกระสุนนัดที่ ๒ ไว๎ ๑๕.๕.๕ เมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าครั้งที่ ๒ โครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนจะ เคลื่อนไปทางซ๎าย ในการที่โครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนเคลื่อนที่ไปทางซ๎ายนี้เหล็กเลื่อนสายกระสุนจะหมุนตัวหลบ กระสุนดังเชํนในตอนที่เคลื่อนที่ไปทางซ๎ายไมํได๎ในขณะที่กระสุนนัดที่ ๒ ถูกผลักให๎เคลื่อนที่ไปทางขวานี้กระสุน นัดที่ ๓ จะกดให๎เหล็กยึดสายกระสุนหมุนตรงลงไปนอนราบเสมอกับทางเดินของสายกระสุน และแหนบเหล็กยึด สายกระสุนถูกอัดตัวเมื่อลูกเลื่อนเคลื่อนที่ไปข๎างหน๎าจนสุดแล๎ว โครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนเคลื่อนที่ไปทางขวา จนสุด และเหล็กเลื่อนสายกระสุนกับดันตํอแผํนเลื่อนสายกระสุนผลักให๎กระสุนนัดที่ ๒ เคลื่อนที่มาอยูํตรงกับรังเพลิง แล๎วเหล็กยึดสายกระสุนจะอยูํตรงกับชํองวํางระหวํางกระสุนนัดที่ ๓ และ ๔ พอดีเมื่อเกิดชํองวางขึ้นแหนบเหล็ก ยึดสายกระสุนจะผลักให๎เหล็กยึดสายกระสุนโผลํขึ้นไปยันกระสุนนัดที่ ๓ ไว๎เพื่อปูองกันมิให๎มีสายกระสุนเลื่อนหลุด ออกไปจากตัวปืน ขณะที่ลูกเลื่อนเคลื่อนไปข๎างหน๎าจนสุดขอรั้ง กระสุนจะถูกลาดยกขอรั้งกระสุนให๎ขึ้นไปฝังตัวอยูํ ในรํองขอบจานท๎ายปลอกกระสุน เพื่อเตรียมดึงกระสุน นัดที่ ๒ ออกจากสายกระสุนตํอไป ถ๎าหากยิงกระสุนนัดที่ ๑ ซึ่งอยูํในรังเพลิงออกไป การท างานของเครื่องปูอนกระสุนก็จะเริ่มทางานใหมํ วนเวียนอยูํเชํนนี้เรื่อยไป การตรวจและปรับปืนกํอนยิง ๑๖. การตรวจและปรับหน๎าลูกเลื่อน การปรับหน๎าลูกเลื่อน คือการปรับระยะระหวํางหน๎าลูกเลื่อน กับท๎ายรังเพลิง ให๎ได๎ตามเกณฑ์คือระหวําง ๐.๒๐๒ “ ถึง ๐.๒๐๖ “ การปรับจะต๎องท าทุกครั้งที่ประกอบปืน เรียบร๎อยแล๎ว และจะต๎องตรวจและปรับให๎ถูกต๎องกํอนท าการยิงทุกครั้ง ในการฝึกยิงด๎วยกระสุนจริง หรือกระสุน ซ๎อมรบนอกจากจะต๎องและปรับให๎ถูกต๎องกํอนท าการยิงแล๎ว จะต๎องตรวจและปรับให๎ถูกต๎องทุกครั้งที่ได๎ยิงกระสุน ไปครบ ๓๐๐ นัด หรือทุกครั้งที่เปลี่ยนพลประจ าปืน ๑๖.๑ วิธีปรับ การปรับหน๎าลูกเลื่อนกระท าหลังจากได๎ประกอบเสร็จเรียบร๎อยแล๎วและปฏิบัติดังนี้ ๑๖.๑.๑ เปิดฝาครอบหน๎าลูกเลื่อน ตรวจดูวําไมํมีกระสุนบรรจุอยูํในรังเพลิง ๑๖.๑.๒ ขึ้นนกปืน โดยดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาข๎างหลังจนสุดแล๎วปลํอยกลับ ๑๖.๑.๓ ดึงคันรั้งลูกเลื่อนให๎ลูกเลื่อนถอยหลังจนโครงตํอท๎ายล ากล๎องหํางจากแทํน รองรับล ากล๎องประมาณ ๑/๑๐
๑๒๔ ๑๖.๑.๔ สอดเครื่องวัดหน๎าลูกเลื่อน หมายเลขอ.๓๕๑๑๓๑๑ หรือ ๔๑ –จี– ๒๐๑ – ๑๗๕ ทางปลายที่มีอักษร “GO” (หนา ๐.๒๐๒”) ลงในชํองตัว “T” ระหวํางหน๎าลูกเลื่อนกับท๎ายรังเพลิง ถ๎าหากเครื่องวัด ไมํสามารถจะสอดเข๎าไปในชํองนี้ได๎แสดงวํา หน๎าลูกเลื่อนชิดเกินไปจะต๎องคลายล ากล๎องปืนออกจนกวําเครื่องวัดจะ ลดลงไปได๎โดยมิต๎องออกแรงดัน ๑๖.๑.๕ กลับปลายเครื่องวัดใช๎ปลายที่มีอักษร “NO” – “GO” (หนา ๐.๖๐๖ นิ้ว) สอดลงไปในชํองตัว “T” ถ๎าหน๎าลูกเลื่อนถูกต๎องปลายด๎านนี้จะต๎องสอดลงไปได๎แสดงวําหน๎าลูกเลื่อนหํางเกินไป ต๎องดันล ากล๎องปืนเข๎าจนปลายด๎าน NO – GO สอดไมํลง แตํปลายด๎าน GO สอดลงได๎จึงจะเป็นหน๎าลูกเลื่อนที่ ถูกต๎อง ๑๖.๑.๖ การขันหรือคลายล ากล๎องปืน ให๎ดึงลูกเลื่อนถอยหลังประมาณ ๑ นิ้ว แล๎ว ใช๎เครื่องวัดหน๎าลูกเลื่อนตรวจดูจนกวําจะได๎ตามเกณฑ์ ๑๖.๑.๗ ในขณะที่เครื่องวัดหน๎าลูกเลื่อนสอดอยูํหน๎าลูกเลื่อน ห๎ามลั่นไกเป็นอัน ขาดเพราะท าให๎เข็มแทงชนวนช ารุด ๑๖.๒ ผลเสียเมื่อปรับหน๎าลูกเลื่อน การปรับหน๎าลูกเลื่อนชิดไปจะท าให๎เกิดผลเสียหาย คือ ๑๖.๒.๑ เครื่องกลไกปืนจนกระทั่งลูกเลื่อนไมํถอยมาข๎างหลัง หรือไมํกลับเข๎าที่สนิท ๑๖.๒.๒ กลอนลูกเลื่อนฝังตัวเข๎าไปในลูกเลื่อนไมํสนิท ซึ่งจะท าให๎กลอนลูกเลื่อน โครงตํอท๎ายล ากล๎องหรือลูกเลื่อนช ารุดได๎ ๑๖.๒.๓ ปลอกกระสุนขาด ๑๖.๒.๔ ถ๎าหากยิงติดกันเป็นเวลานานจะท าให๎ลูกเลื่อน,กลอนลูกเลื่อน และแทํน บังคับกลอนลูกเลื่อนช ารุดได๎ ๑๖.๒.๕ ปืนลั่นไกไมํได๎การตรวจและปรับสะพานไก การปรับสะพานไกเป็นสิ่ง จ าเป็นต๎องกระท ากับปืนที่ใช๎สะพานไกในการลั่นไก (เชํน ปก.๐๒ บ.๒) การปรับปืนก็คือการท าให๎ปืนลั่นไกได๎เมื่อ หน๎าโครงตํอท๎ายล ากล๎องปืนอยูํหํางจากแทํนรับรองล ากล๎อง ระหวําง ๐.๐๒๐ นิ้ว ถึง ๐.๑๑๖ นิ้ว การตรวจ และ ปรับสะพานไกจะต๎องกระท าทุกครั้งหลังจากได๎ตรวจ และปรับระยะหน๎าลูกเลื่อนแล๎ว ๑๗. วิธีปรับกระท าตํอจากการปรับหน๎าลูกเลื่อนถูกต๎องแล๎วโดยปฏิบัติดังนี้ ๑๗.๑ เปิดฝาครอบห๎องลูกเลื่อนตรวจดูวําไมํมีกระสุนอยูํในรังเพลิง ๑๗.๒ ขึ้นนกปืนโดยดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาข๎างหลังจนสุดแล๎วปลํอยกลับ ๑๗.๓ ดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาข๎างหลังให๎หน๎าของโครงตํอท๎ายล ากล๎องหํางจากแทํนรับรองล ากล๎อง ประมาณ ๑/๔ นิ้ว ๑๗.๔ สอดเครื่องวัดสะพานไก ซึ่งอยูํในพวกเดียวกันกับเครื่องวัดหน๎าลูกเลื่อนโดยสอดแผํน ที่มีอักษร “FIRE” (หนา ๐.๐๒๐ นิ้ว) เข๎าในชํองระหวํางโครงตํอท๎ายล ากล๎องกลับแทํนรับรองล ากล๎องแล๎วคํอย ๆ ๑๗.๕ ลั่นไกปืน ปืนจะลั่นไกได๎ ๑๗.๖ ถ๎าปืนลั่นไกไมํได๎ให๎เปิดแผํนปิดท๎ายห๎องลูกเลื่อน ออกหมุนแปูนปรับสะพานไกให๎ สูงขึ้นอีกหนึ่งคลิ๊ก แล๎วปิดแผํนปิดท๎ายลั่นทาเชํนนี้จนกวําจะลั่นไกได๎ ๑๗.๗ ขึ้นนกแล๎วสอดเครื่องวัดแผํนที่มีอักษร“NO –FIRE” (หนา ๐.๑๑๖ นิ้ว) แทํนแผํน “FIRE”
๑๒๕ ๑๗.๘ ลั่นไกปืนถ๎าปรับถูกต๎องปืนจะไมํลั่น ๑๗.๙ ถ๎าปืนลั่นได๎เมื่อสอดแผํนเครื่องวัด “NO – FIRE” ลงไปให๎เปิดแผํนท๎ายออกแล๎วหมุน แปูนสะพานไกให๎ลดลงหนึ่งคลิ๊ก แล๎วปิดแผํนปิดท๎ายขึ้นนกปืนสอดแผํนเครื่องวัด “NO – FIRE” เข๎าที่แล๎วลั่นไก ท าเชํนนี้จนกวําปืนจะไมํลั่น ๑๗.๑๐ เสร็จแล๎วใช๎แผํน “FIRE” สอดแทนแผํน “NO – FIRE” อีกครั้งหนึ่งจะต๎องลั่นไกได๎ ๑๘. ผลเสียเมื่อปรับสะพานไกผิด ๑๘.๑ ในกรณีปืนลั่นไกเร็วเกินไป คือลั่นไกเมื่อลูกเลื่อนกลับเข๎าที่ขณะที่หน๎าโครงตํอท๎าย ล ากล๎องปืนหํางจากแทํนรองรับล ากล๎องเกินกวํา ๐.๑๑๖ นิ้ว จะท าให๎ปืนยิงได๎เพียง ๒ นัด แล๎วจะหยุดยิง เพราะ ขอรั้งกระสุน จับกระสุนนัดตํอไปไมํถึง ๑๘.๒ ในกรณีที่ปืนลั่นช๎าเกินไป คือปืนลั่นเมื่อลูกเลื่อนกลับเข๎าที่จนระยะระหวํางหน๎า โครงตํอท๎ายล ากล๎องกับแทํนรับรองล ากล๎อง น๎อยกวํา ๐.๐๒๐ นิ้ว จะท าให๎โครงตํอท๎ายล ากล๎องกระแทกกับแทํน รองรับล ากล๎องโดยแรงเกิดความเสียหายขึ้นแกํปืนได๎การปรับเครื่องผํอนแรงกระแทก เครื่องผํอนแรงกระแทก จะต๎องตรวจวํามีน้ ามันอยูํเต็ม และปรับกํอนที่จะท าการยิงทุกครั้ง ปืนที่ไมํได๎ท าการยิงจะต๎องตรวจน้ ามันและปรับ ให๎ถูกต๎องทุก ๆ ๗ วัน ๑๙. การเติมน้ ามัน ๑๙.๑ น้ ามันที่ใช๎เติมให๎ใช๎น้ ามันที่ พด.สพ.ทอ. จํายให๎ส าหรับเติมเครื่องผํอนแรงกระแทก โดยเฉพาะ อยําใช๎น้ ามันนอกจากที่กลําวแล๎วเติมเป็นอันขาด ๑๙.๒ น้ ามันที่จะเติมสะอาดไมํมีฝุุนผง หรือเศษโลหะปนอยูํ ๑๙.๓ เอาน้ ามันที่จะเติมใสํลงในภาชนะ หลอดน้ ามันที่มีพวยเล็กพอที่จะสอดลงในรู ๑๙.๔ ตั้งกระบอกผํอนแรงกระแทก ให๎ด๎านมีจุกเกลียวเติมน้ ามันขึ้น คลายจุกเกลียวเติม น้ ามันทั้งสองออกด๎วยไขควง ๑๙.๕ เติมน้ ามันลงในกระบอกผํอนแรงกระแทกด๎วยการหยอดน้ ามันทางรูใดรูหนึ่งจนเต็ม และไมํมีฟองอากาศเหลือค๎างอยูํภายใน ๑๙.๖ ปิดจุกเกลียวทั้งสองให๎แนํน ๒๐. การปรับ ให๎กระท าเมื่อได๎ตรวจดูแล๎ววํามีน้ ามันเต็มกระบอกผํอนแรงกระแทก ๒๐.๑ ถอดแผํนปิดท๎ายห๎องลูกเลื่อนออก ๒๐.๒ ดึงโครงลูกเลื่อนและเรือนเครื่องผํอนแรงกระแทกจะยื่นเลยเรือนเครื่องผํอนแรง กระแทกประมาณ ๑ นิ้ว ๒๐.๓ หมุนกระบอกผํอนแรงกระแทก ทวนเข็มนาฬิกาจนกวําจะไมํได๎ยินเสียงคลิ๊ก ๆ ของ แหนบยึดเครื่องผํอนแรงกระแทก สัมผัสกับรองแหนบของกระบอกผํอนแรงกระแทก ๒๐.๔ หมุนกระบอกผํอนแรงกระแทกกลับ (ตามเข็มนาฬิกา) ๓ คลิ๊ก ๒๐.๕ ประกอบปืนกลับเข๎าที่
๑๒๖ ๒๑. ผลเสียเมื่อปรับเครื่องผํอนแรงกระแทกผิด ๒๑.๑ ในกรณีไมํมีน้ ามันในเครื่องผํอนแรงกระแทก หรือเติมน้ ามันไมํเต็มท าให๎เครื่องผํอน แรงกระแทกไมํท างาน ซึ่งเป็นเหตุให๎ชิ้นสํวนตํางๆ ภายในห๎องลูกเลื่อนกระแทกกันโดยแรงท าให๎เกิดช ารุดเสียหายขึ้น ๒๑.๒ ในกรณีที่ปรับเครื่องผํอนแรงกระแทกผิด จะท าให๎จังหวะยิงของปืนฝืดไปจนปืนไมํ สามารถยิงเป็นชุดได๎ ๒๒. การตรวจและเปลี่ยนทางปูอนกระสุน ปก.๐๒ สามารถที่จะปูอนสายกระสุนได๎ทั้งทางด๎านขวา และด๎านซ๎ายของปืน ทั้งนี้ขึ้นอยูํกับแบบของขาหยั่ง ดังนั้นกํอนที่จะท าการยิง หรือในการประกอบปืนจะต๎องตรวจดู วําได๎ประกอบชิ้นใดประกอบผิดทาง เมื่อท าการยิงจะเกิดขัดตัว หรืองัดกับชิ้นสํวนอันอื่นจะแตกหักได๎ ๒๒.๑ วิธีเปลี่ยนทางปูอน การเปลี่ยนทางปูอนกระสุนจ าเป็นต๎องกลับติดตั้งของชิ้นสํวนดังนี้ ๒๒.๑.๑ กลับดันเลื่อนสายกระสุน โดยถอดคันเลื่อนสายกระสุนออกแล๎ว เปลี่ยน ต าแหนํงของกระเดื่องคันเลื่อนสายกระสุนและแหนบ (เมื่อเปิดฝาปิดห๎องลูกเลื่อนขึ้น ถ๎าปืนปูอนกระสุนทาง ด๎านซ๎ายกระเดื่องเลื่อนสายกระสุนจะอยูํรูบน ถ๎าปูอนกระสุนทางด๎านขวาจะอยูํรูลําง) ๒๒.๑.๒ กลับโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุน ๒๒.๑.๓ กลับเหล็กผลักกระสุน เมื่อกลับโครงเหล็กเลื่อนสายกระสุนไปไว๎ด๎านตรง ข๎ามแล๎วเหล็ก ผลักกระสุนจะไปอยูํหน๎าเหล็กเลื่อนสายกระสุน ดังนั้นจึงต๎องกลับเหล็กผลักกระสุนอยูํทางด๎านหลัง ของเหล็กสายกระสุน ๒๒.๑.๔ กลับเหล็กกันกระสุนอันหน๎าและหลังและเหล็กปลดข๎อตํอไปไว๎ด๎านตรงข๎าม ๒๒.๑.๕ กลับเหล็กยึดสานกระสุนไปไว๎ด๎านตรงข๎าม ๒๒.๑.๖ กลับแผํนเปลี่ยนทางปูอน ๒๒.๑.๗ เปลี่ยนเครื่องขึ้นนกปืนไปไว๎อีกด๎านหนึ่งของผนังของลูกเลื่อน (ส าหรับ ชิ้นสํวนนี้ถ๎าไมํเกะกะในการยิงจะไมํเปลี่ยนก็ได๎ ๒๒.๒ วิธีตรวจชิ้นสํวนตําง ๆ ที่เปลี่ยนทางปูอน ชิ้นสํวน ชิ้นสํวน ปูอนซ๎าย ปูอนขวา ๑. แผํนเปลี่ยนทางปูอน ๒. โครงเหล็กเลื่อนสายกระสุน เหล็กผลักกระสุน ๓. กระเดื่องดันเครื่องเลื่อน สายกระสุน ๔. เหล็กกันกระสุนและเหล็ก ปลดข๎อตํอ ๕. เครื่องขึ้นนก (เมื่อจ าเป็น) ๑. รํองของแผํนเปลี่ยนทางปูอนตรงกับ ชํองซ๎าย (L) ของลูกเลื่อนอยูํทางด๎านซ๎าย ๒. อยูํทางหลังของเหล็กเลื่อนสายกระสุน และปลายชี้ไปทางขวา ๓. ติดอยูํรูบนของคันเครื่องเลื่อนสาย กระสุน(เมื่อเปิดฝา) ๔. อยูํทางด๎านขวาของห๎องลูกเลื่อน ๕. ติดอยูํทางด๎านขวา ๑. รํองของแผํนเปลี่ยนทางปูอนตรงกับ ชํองซ๎าย (R) ของลูกเลื่อนอยูํทางด๎านขวา ๒. อยูํทางหลังของเครื่องเลื่อนสายกระสุน และปลายชี้ไปทางซ๎าย ๓. ติดอยูํรูลํางของคันเลื่อนสายกระสุน (เมื่อเปิดฝา) ๔. อยูํทางด๎านซ๎ายของห๎องลูกเลื่อน ๕. ติดอยูํทางด๎านซ๎าย
๑๒๗ บทที่ ๒๙ ลูกระเบิดขว้าง ลักษณะโดยทั่วไป ๑. กลําวน า ในการรบไมํวําทํานจะรบด๎วยวิธีรุก หรือรับก็ตาม ทํานจะต๎องใช๎ลข. ท าลายข๎าศึกที่ มีจ านวนมาก ท าลายที่ตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ ท าลายข๎าศึกที่อยูํในที่มั่นแข็งแรง และในการรบประชิดตลอดจนการ ลาดตระเวนของหนํวยทหารขนาดเล็ก ลข. เป็นอาวุธที่มีประโยชน์มากอยํางหนึ่ง ดังนั้น ลข. จึงเป็นอาวุธส าคัญ นอกเหนือไปจากปืนเล็กยาวและดาบปลายปืน ส าหรับเพิ่มอ านาจในการรบให๎แกํหมูํปืนเล็กในระยะประชิดได๎เป็น อยํางดียิ่ง ๒. ลูกระเบิดขว๎าง (ลข.) คือลูกระเบิดขนาดเล็ก ซึ่งสามารถใช๎ขว๎าง หรือโยนด๎วยมือ ภายในตัว ลข. อาจบรรจุดินระเบิด, สารเคมีหรืออาจจะไมํบรรจุอะไรไว๎เลยก็ได๎ ๓. ประโยชน์ของ ลข. ๓.๑ ใช๎สังหาร ๓.๒ ใช๎ท าลายหรือเผาผลาญ ๓.๓ ใช๎รบกวน ๓.๔ ใช๎ท าสัญญาณ หรือฉากควัน ๓.๕ ใช๎ท ากับระเบิด ๔. สํวนส าคัญของ ลข. แบํงออกเป็นสํวนใหญํ ๆ ได๎๓ สํวน คือ ๔.๑ เปลือกหรือตัวลูกระเบิด คือชิ้นสํวนที่อยูํภายนอกที่สร๎างด๎วยโลหะ หรือวัตถุบางชนิด เชํน อลูมิเนียม เหล็กไฟเบอร์พลาสติก แก๎ว เป็นต๎น การสร๎างตัวลูกระเบิดจะใช๎อะไรสร๎าง และรูปรํางอยํางไรนั้น ขึ้นอยูํกับโรงงานผู๎ผลิต ๔.๒ สิ่งที่บรรจุอยูํภายใน คือสิ่งที่อยูํภายในเปลือก หรือตัวลูกระเบิด อาจบรรจุด๎วยดิน ระเบิด หรือสารเคมีการที่จะบรรจุอะไรนั้นขึ้นอยูํกับชนิดของ ลข. ๔.๓ ชนวน คือเครื่องจุดดินระเบิด หรือสารเคมีซึ่งได๎สร๎างให๎การจุดเป็นไปโดยอัตโนมัติโดย ใช๎ชนวนสวมเข๎ากับตัว ลข. แบํงออกได๎๒ ชนิด คือ ๔.๓.๑ ชนวนจุด คือชนวนที่มีการท างานด๎วยอาการเผาไหม๎สิ่งที่บรรจุอยูํภายในตัว ลูกระเบิดเมื่อถูกความร๎อนจากการท างานของชนวนก็จะเกิดปฏิกิริยาหรือเกิดการระเบิดขึ้นมีลักษณะคล๎ายกับ ชนวนของประทัดนั่นเอง ๔.๓.๒ ชนวนระเบิด คือชนวนที่ท างานด๎วยอาการระเบิด โดยที่ชนวนระเบิดเมื่อถูก กระทบหรือถูกความร๎อนเล็กน๎อยก็จะระเบิดทันทีชนวนนี้เป็นอันตรายได๎งําย
๑๒๘ ๕. สํวนประกอบของชนวน การประดิษฐ์ของชนวนของ ลข. ได๎สร๎างให๎การท างานของชนวนเป็น แบบอัตโนมัติจึงประกอบด๎วยสํวนตําง ๆ ดังนี้ ๕.๑ สลักนิรภัย ลักษณะเป็นเหล็กแหนบคล๎ายกิ๊บติดผมสตรีปลายด๎านหนึ่งจะมีหํวงคล๎อง ไว๎ส าหรับดึงสลักนิรภัย ปลายอีกด๎านหนึ่งเปิดและกางออกได๎เพื่อกันไมํให๎หลุดงําย สลักนิรภัยมีหน๎าที่ยึดกระเดื่อง นิรภัยให๎ติดกับชนวน ๕.๒ กระเดื่องนิรภัย เป็นแผํนโลหะบาง ๆ ยาวทาบลงมาตามเปลือกลูกระเบิด ด๎านบนเป็นขา ๒ ขา เกี่ยวไว๎กับตัวชนวนกระเดื่องนิรภัย มีหน๎าที่กดเข็มแทงชนวน และแหนบไมํให๎ตีตํอจอกกระทบแตก ๕.๓ เข็มแทงชนวนและแหนบ เป็นแผํนเหล็กกลมตรงกลางมีเดือยแหลมและมีก๎าน ๒ ข๎าง ยึดอยูํกับตัวชนวนด๎วยสลัก พร๎อมกับมีแหนบขนาดเล็กพันรอบสลัก ปลายด๎านหนึ่งกดเข็มแทงชนวนไว๎และอีกด๎าน หนึ่งเกี่ยวกับตัวชนวน โดยปกติเข็มแทงชนวน และแหนบจะถูกกระเดื่องนิรภัยกดไว๎ ๕.๔ ตัวชนวน คือสํวนที่เป็นหลอดกลมยาว มีเกลียวขันติดกับตัวลูกระเบิด ประกอบด๎วย หลอดตําง ๆ รวม ๓ หลอด คือ ๕.๔.๑ หลอดจอกกระทบแตก อยูํบนสุดของตัวชนวนภายในมีเชื้อจุด ลักษณะ เหมือนหัวไม๎ขีดฝรั่งบรรจุไว๎(เมื่อถูกเข็มแทงชนวนตีจะลุกเป็นไฟ) ๕.๔.๒ หลอดถํวงเวลา อยูํตรงกลางเชื่อมตํอจากหลอดจอกกระทบแตกลงมาท า หน๎าที่ถํวงเวลาให๎เกิดการระเบิดช๎าเพื่อมิให๎เป็นอันตรายตํอผู๎ขว๎าง ภายในเป็นรูเปิดตลอดและบรรจุไว๎ด๎วยดินด า ๕.๔.๓ หลอดขยายการระเบิด อยูํลํางสุดเป็นหลอดทองแดง ปลายด๎านบนปิด เชื่อมตํอกับหลอดถํวงเวลา ปลายด๎านลํางปิด ภายในบรรจุเชื้อปะทุเป็นดินกรดปรอท มีคุณสมบัติไวตํอการระเบิด มาก หรืออาจบรรจุเชื้อจุด คล๎ายกับหลอดจอกกระทบแตกไว๎อยํางใดอยํางหนึ่ง ๕.๔.๓. ๑ ถ๎าชนวน ลข. เป็นชนวนระเบิด ที่หลอดการขยายการระเบิดจะ บรรจุเชื้อปะทุด๎วยดินกรดปรอท ๕.๔.๓.๒ ถ๎าชนวนของ ลข. เป็นชนวนจุด ที่หลอดขยายการระเบิดจะบรรจุ เชํนเดียวกับหลอดจอกกระทบแตก ๖. การถํวงเวลาของลูกระเบิด การถํวงเวลาเป็นสิ่งจ าเป็นมาก เพราะเป็นการปูองกันมิให๎ลูกระเบิด เกิดการระเบิดขึ้นกํอนตกถึงที่หมาย โดยทั่วไปการถํวงเวลาของลูกระเบิดมี๓ วิธีคือ ๖.๑ ถํวงเวลาด๎วยดินถํวงเวลา คือการใช๎ดินด าเป็นดินถํวงเวลา เชํนเดียวกับชนวนของ ประทัด โดยมากใช๎กับลูกระเบิดขว๎าง ๖.๒ ถํวงเวลาด๎วยระบบลานนาฬิกา คือใช๎ระบบลานนาฬิกา แบบตั้งเวลาเป็นเครื่องถํวง เวลาสามารถตั้งเวลาให๎ระเบิดได๎ตามต๎องการ โดยมากใช๎กับลูกระเบิดที่ทิ้งจากเครื่องบิน ๖.๓ ถํวงเวลาด๎วยน้ ายาเคมีคือใช๎น้ ายาเคมีเป็นเครื่องถํวงเวลา แบบเครื่องดับเพลิงชนิด เป็นถัง เมื่อน้ ายาแตกออกมาแล๎ว ก็จะมาผสมกับสิ่งบรรจุภายในท าให๎เกิดปฏิกิริยาโดยมากใช๎กับลูกระเบิดที่ใช๎ ในทางกํอวินาศกรรม หรือรบกวน
๑๒๙ การท างานของลูกระเบิดขว๎าง ๗. การท างานของ ลข. เมื่อจับลูกระเบิดขว๎างอยูํในมือ (โดยก ากระเดื่องนิรภัยไว๎) แม๎จะดึงสลัก นิรภัยออกแล๎วก็ตามลูกระเบิดก็ยังไมํท างาน ตํอเมื่อขว๎างลูกระเบิดหลุดออกจากมือไป กระเดื่องนิรภัยจะเป็นอิสระ ทันทีที่กระเดื่องเป็นอิสระเข็มแทงชนวนจะดันกระเดื่องนิรภัยหลุดออกด๎วยแรงขยายของแหนบเข็มแทงชนวน เข็มแทงชนวนจะดีดตัว เอาเดือยแหลมไปตีตํอจอกกระทบแตก เชื้อปะทุในจอกกระทบแตกก็จะจุดตัวลุกเป็นไฟ สํงเปลวไฟเผาไหม๎ดินด า ซึ่งบรรจุอยูํในหลอดถํวงเวลาลุกไหม๎ตํอไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ที่ก าหนดโดยแนํนอน แล๎วก็ จะสํงเปลวไฟไปยังหลอดขยายการระเบิด เชื้อปะทุที่บรรจุอยูํภายในหลอดขยายการระเบิด เมื่อได๎รับเปลวไฟก็จะ เกิดการระเบิดขึ้น มีแรงดันมากเป็นทวีคูณจนกระทั่งเปลือกหรือตัวลูกระเบิดแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน๎อย ไปสังหาร ข๎าศึกหรือท าให๎บาดเจ็บล๎มตายได๎ ชนิดของลูกระเบิดขว๎าง ๘. ชนิดของลูกระเบิดขว๎าง แบํงออกเป็น ๔ ชนิดใหญํๆ ดังนี้คือ ลข.ชนิดบรรจุดินระเบิดไว๎ ภายใน, ลข.ชนิดที่บรรจุสารเคมีไว๎ภายใน, ลข.ซ๎อมขว๎าง เอ็ม ๒๑ และ ลข.ฝึกขว๎าง ๘.๑ ลข. ชนิดบรรจุดินระเบิดไว๎ภายใน ๘.๑.๑ ลข. สังหาร เอ็ม เค ๒ ๘.๑.๑.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยเหล็กหลํอเป็นบั้ง ๆ มีประมาณ ๔๐ บั้ง ภายนอกทาด๎วยสีกากีแกมเขียว ที่คอคาดด๎วยสีเหลือง ๘.๑.๑.๒ ภายในบรรจุดินระเบิด ทีเอ็น ทีชนิดเกล็ด ๘.๑.๑.๓ รัศมีการระเบิดฉกรรจ์ประมาณ ๓๐ ฟุต (๑๐ หลา) บางชิ้นสํวน อาจไปได๎ไกลถึง ๒๐๐ หลา ๘.๑.๑.๔ ชนวนถํวงเวลา ประมาณ ๔ – ๕ วินาที ๘.๑.๑.๕ หนักประมาณ ๒๑ ออนซ์ ๘.๑.๑.๖ ใช๎สังหาร ท าให๎บาดเจ็บหรือล๎มตาย (รูปภาพ : ลข. สังหาร เอ็ม เค ๒ MK2)
๑๓๐ ๘.๑.๒ ลข. สังหาร เอ็ม ๒๖ ๘.๑.๒.๑ เป็น ลข. สังหารประเภทเดียวกับ ลข. เอ็ม เค ๒ ผิดกันที่มีขนาด และน้ าหนักเบากวํา ๘.๑.๒.๒ ตัวลูกระเบิดเป็นเหล็กบางเรียบ ทาด๎วยสีกากีแกมเขียว ๘.๑.๒.๓ มีอักษรสีเหลืองเขียนไว๎วํา HAND GRENADES 26 ๘.๑.๒.๔ ภายในบรรจุดินระเบิด COMP B เมื่อเกิดการระเบิดขึ้นจะมีสะเก็ดมาก และเสียงดังหนักแนํน สาดสะเก็ดเป็นมุมกับพื้นระดับน๎อยกวํา ลข. สังหาร เอ็ม เค ๒ ๘.๑.๒.๕ ชนวนถํวงเวลา ประมาณ ๔ – ๕ วินาที ๘.๑.๒.๖ หนัก ๑๖ ออนซ์(๐.๘๕ ปอนด์) ๘.๑.๒.๗ รัศมีระเบิดอันตราย ๕๐ ฟุต (๑๗ หลา) ๘.๑.๒.๘ ใช๎สังหารท าให๎บาดเจ็บ หรือล๎มตาย (รูปภาพ : ลข. สังหาร เอ็ม ๒๖ M-26) ๘.๑.๓ ลข. สังหาร เอ็ม ๖๗ ๘.๑.๓.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยเหล็กผิวเรียบ กลมโตขนาดส๎มเขียวหวาน ๘.๑.๓.๒ ทาด๎วยสีกากีแกมเขียว มีอักษรสีเหลืองเขียนไว๎วํา GRENADE, HAND, FRAG, DELAY, M 67 ๘.๑.๓.๓ ภายในบรรจุดินระเบิด COMP B ๘.๑.๓.๔ รัศมีระเบิดอันตราย ๑๕ เมตร สะเก็ดไกล ๑๘๕ เมตร ๘.๑.๓.๕ ชนวนถํวงเวลา ประมาณ ๔ – ๕ วินาที ๘.๑.๓.๖ หนัก ๑๔ ออนซ์ ๘.๑.๓.๗ ใช๎สังหาร ท าให๎บาดเจ็บ หรือล๎มตาย (รูปภาพ : ลข. สังหาร เอ็ม ๖๗ M67)
๑๓๑ ๘.๑.๔ ลข. สังหาร วี– ๔๐ ๘.๑.๔.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยโลหะผิวเรียบ รูปกลมโตขนาดมะนาว ทาด๎วย สีกากีแกมเขียว ๘.๑.๔.๒ ชนวนถํวงเวลา ประมาณ ๔ วินาที ๘.๑.๔.๓ ภายในบรรจุดินระเบิด COMP B ๘.๑.๔.๔ รัศมีระเบิดอันตราย ๓ เมตร ๘.๑.๔.๕ หนัก ๔.๒ ออนซ์ ๘.๑.๔.๖ ใช๎สังหารท าให๎บาดเจ็บหรือล๎มตาย (รูปภาพ : ลข. สังหาร วี– ๔๐ V-40) ๘.๑.๕ ลข. รุก เอ็ม เค ๒ เอ ๑ ๘.๑.๕.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยไฟเบอร์อัด รูปทรงกระบอกผิวเกลี้ยงทาด๎วยสีด า คาดด๎วยแถบเหลือง ตรงกลางแถบมีอักษรสีดาเขียนไว๎วํา OFFENSIVE GRENADE MIK 2 A 1 ๘.๑.๕.๒ ภายในบรรจุดินระเบิด ทีเอ็น ทีชนิดก๎อน ระเบิดมีเสียงดังมากให๎ แรงระเบิดสูงในการท าลายเมื่อใช๎ในบริเวณที่มีพื้นที่บังคับ ๘.๑.๕.๓ ชนวนถํวงเวลา ประมาณ ๔ – ๕ วินาที ๘.๑.๕.๔ หนัก ๑๔ ออนซ์ ๘.๑.๕.๕ ใช๎ท าลายสิ่งปลูกสร๎าง และขํมขวัญข๎าศึก (รูปภาพ : ลข. รุก เอ็ม เค ๒ เอ ๑ MK2A1)
๑๓๒ ๘.๒ ลข. ชนิดที่บรรจุสารเคมีไว๎ภายใน มีทั้งหมด ๘ ชนิด ๘.๒.๑ ลข. แก๏สน้ าตา CN (M 7) ๘.๒.๑.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยโลหะ รูปทรงกระบอกผิวเกลี้ยง ทาด๎วยสีน้ า เงินปนเทาตรงกลางคาดด๎วยแถบสีแดง มีอักษรสีแดง “CN GAS” เขียนไว๎บนแถบด๎านข๎างมี๖ รูปิดด๎วยผ๎าเทป ๘.๒.๑.๒ ภายในบรรจุด๎วยแก๏ส CN ผสม เมื่อระเบิดจะมีแก๏สพุํงออกมาตาม รูที่ปิดไว๎ด๎วยผ๎าเทป ถ๎าถูกนัยน์ตาท าให๎แสบตา น้ าตาไหล ลืมตาไมํขึ้น ๘.๒.๑.๓ ชนวนถํวงเวลา ๒ – ๓ วินาที ๘.๒.๑.๔ หนัก ๑๗ ออนซ์ ๘.๒.๑.๕ แบบ A 1, A 2 พํนแก๏สนานประมาณ ๒๐ – ๖๐ วินาที ๘.๒.๑.๖ แบบ A 3 พํนแก๏สนานประมาณ ๑๕ – ๓๕ วินาที ๘.๒.๑.๗ ท าลายระบบประสาทตา ท าให๎หมดสมรรถภาพในการรบ เหมาะ ในการปราบปรามพวกกํอความไมํสงบ (รูปภาพ : ลข. แก๏สน้ าตา CN (M 7A1, A2, A3) ๘.๒.๒ ลข. แก๏สน้ าตา CN, (M 25) ๘.๒.๒.๑ เป็นลูกระเบิดแก๏สน้ าตาประเภทเดียวกับ ลข.แก๏สน้ าตา ผิดกับที่ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยพลาสติกกลมสีด า ไมํมีเครื่องหมาย ๘.๒.๒.๒ ภายในบรรจุแก๏ส CN ผสม เวลาขว๎างระเบิดจะแตกออก แก๏สจะ กระจายฟุูงไปทั่ว ๘.๒.๒.๓ ชนวนถํวงเวลา ๒ – ๓ วินาที ๘.๒.๒.๔ หนัก ๑๗ ออนซ์ ๘.๒.๒.๕ ใช๎ท าลายระบบประสาทตา
๑๓๓ (รูปภาพ : ลข. แก๏สน้ าตา แบบ M 25) ๘.๒.๓ ลข. แก๏สรบกวน CN – DM (M 6) ๘.๒.๓.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยโลหะรูปทรงกระบอก ผิวเกลี้ยงสีน้ าเงินปนเทา คาดแถบสีแดงไว๎ตรงกลาง และเขียนอักษรสีแดง “CN – DM – GAS” ไว๎เหนือแถบด๎านข๎างมี๖ รูปิดด๎วยผ๎าเทป ๘.๒.๓.๒ ภายในบรรจุแก๏ส CN – DM ผสม เมื่อระเบิดจะมีแก๏สพุํงออกมา ตามรูถ๎าหายใจเอาแก๏สนี้เข๎าไปจะท าให๎เจ็บคอ เจ็บหน๎าอก อาเจียน เวียนศีรษะ ถ๎าหายใจเข๎าไปมากท าให๎โลหิต เป็นพิษ อาจถึงตายได๎พร๎อมกับน้ าตาไหล ๘.๒.๓.๓ ชนวนถํวงเวลา ๒ – ๓ วินาที ๘.๒.๓.๔ หนัก ๑๗ ออนซ์ ๘.๒.๓.๕ ใช๎ท าลายระบบประสาท ประสาทตา และโลหิต (รูปภาพ : ลข. แก๏สรบกวน CN – DM M 6, และ M6A1)
๑๓๔ ๘.๒.๔ ลข. เพลิงเทอร์ไมท์AN (M 14) ๘.๒.๔.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยโลหะรูปทรงกระบอก ผิวเกลี้ยง ทาด๎วยสี น้ าเงินปนเทา ตรงกลางคาดด๎วยแถบสีมํวง มีอักษรเขียน “THUNCENDIARY” ไว๎เหนือแถบ ๘.๒.๔.๒ ภายในบรรจุสารเทอร์ไมท์ เมื่อระเบิดจะเกิดเปลวเพลิงสีขาวอัน ร๎ายแรง มีความร๎อนถึง ๔,๓๐๐ องศาเซลเซียส สามารถละลายเหล็กได๎ ๘.๒.๔.๓ ชนวนถํวงเวลา ๒ วินาทีจุดตัวอยูํนาน ประมาณ ๔๐ วินาที ๘.๒.๔.๔ หนักประมาณ ๓๒ ออนซ์ ๘.๒.๔.๕ มีแถบยึด ลข. ส าหรับประกอบเข๎ากับตัว ลข. เพื่อบังคับไมํให๎ลข. กลิ้งออกจากที่หมาย ๘.๒.๔.๖ ใช๎ความร๎อนท าให๎เกิดเพลิงเผาผลาญ ท าลายโลหะอาวุธยุทโธปกรณ์ (รูปภาพ : ลข. แก๏สรบกวน CN – DM M 6, และ M6A1) ๘.๒.๕ ลข.ควันฟอสฟอรัสขาว WP (M 15) ๘.๒.๕.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยโลหะรูปทรงกระบอกผิวเกลี้ยง ทาด๎วยสีน้ า เงินปนเทาตรงกลางคาดด๎วยแถบสีเหลือง และมีอักษรสีเหลืองเขียนไว๎วํา SMOKE WP ไว๎เหนือแถบ ๘.๒.๕.๒ ภายในบรรจุฟอสฟอรัสขาว เมื่อเกิดการระเบิดขึ้นจะมีกลุํมควัน สีขาวกระจายออก เมื่อถูกออกซิเจนภายในอากาศจะเกิดการเผาไหม๎ ๘.๒.๕.๓ ชนวนถํวงเวลา ๔ – ๕ วินาที ๘.๒.๕.๔ หนัก ๓๐ ออนซ์ ๘.๒.๕.๕ ใช๎ท าสัญญาณ ฉากควัน เผาผลาญ ท าให๎ข๎าศึกบาดเจ็บ มีผลในทาง รบกวนด๎วย (รูปภาพ : ลข. แก๏สรบกวน ลข.ควันฟอสฟอรัสขาว WP M 15)
๑๓๕ ๘.๒.๖ ลข. ควันขาว HC – AN (M 8) ๘.๒.๖.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยโลหะรูปทรงกระบอกผิวเกลี้ยง ทาด๎วยสีน้ า เงินปนเทาตรงกลางคาดด๎วยแถบสีเหลือง และเขียนอักษรสีเหลือง “HC SMOKE” ไว๎เหนือแถบด๎านบนมีรู๕ รูปิด ด๎วยผ๎าเทป ๘.๒.๖.๒ ภายในบรรจุสาร HC ผสม เมื่อระเบิดจะเกิดควันสีขาวพุํงออก มาตามรู ๘.๒.๖.๓ ชนวนถํวงเวลา ๒ – ๓ วินาที ๘.๒.๖.๔ หนัก ๒๓ ปอนด์ ๘.๒.๖.๕ ใช๎ท าสัญญาณ และฉากควัน (รูปภาพ : ลข. ควันขาว HC – AN (M 8) ๘.๒.๗ ลข. ควันสี(M 1S) ๘.๒.๗.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยโลหะรูปทรงกระบอกผิวเกลี้ยง ทาด๎วยสีน้ า เงินปนเทาตรงกลางคาดด๎วยแถบสีเหลือง และบอกชนิดสีของควันด๎วยอักษรสีเหลืองไว๎เหนือแถบ ด๎านบนจะมีรู ๖ รูปิดด๎วยผ๎าเทป ๘.๒.๗.๒ ภายในบรรจุสารผสมสีตําง ๆ ส าหรับท าให๎เกิดสีมีทั้งหมด ๗ สี คือ แดง เขียว มํวง เหลือง ส๎ม น๎าเงิน ด า เวลาระเบิดจะมีควันสีพุํงออกมาตามรู ๘.๒.๗.๓ ชนวนถํวงเวลา ๒ – ๓ วินาที ๘.๒.๗.๔ หนัก ๑๗๖ ออนซ์ ๘.๒.๗.๕ ใช๎ท าเครื่องหมายสัญญาณ หรือฉากควัน (รูปภาพ : ลข. ควันสี M 1S)
๑๓๖ ๘.๒.๘ ลข. ควันสีแดง AN (M 3) ๘.๒.๘.๑ ตัวลูกระเบิดท าด๎วยโลหะรูปทรงกระบอกผิวเกลี้ยง ทาด๎วยสีน้ าเงิน ปนเทามีขนาดใหญํกวํา ลข.เคมีทั่วไป ตรงกลางคาดด๎วยแถบสีเหลือง เขียนอักษรสีเหลือง“SMOKE RED”ไว๎เหนือแถบ ๘.๒.๘.๒ ด๎านบนรอบ ๆ ชนวนมีรู๕ รูปิดด๎วยผ๎าเทป ๘.๒.๘.๓ ภายในบรรจุสารผสมสีแดง เมื่อเกิดระเบิดขึ้นจะมีควันสีแดงพุํง ขึ้นสูง สามารถมองเห็นได๎ในระยะไกล ๘.๒.๘.๔ ชนวนถํวงเวลา ๒ – ๓ วินาที ๘.๒.๘.๕ มีปีกติดกับตัวลูกระเบิดตอนบน ๓ ปีก เมื่อจะใช๎ให๎กางปีกออกตั้ง ฉากกับตัวระเบิดเสียกํอน ทั้งนี้เพื่อมิให๎ตัวลูกระเบิดจมลงในหิมะ โคลน หรือที่ราบลุํม ๘.๒.๘.๖ หนัก ๒๑ ออนซ์ ๘.๒.๘.๗ ใช๎ท าเครื่องหมายสัญญาณในภูมิประเทศที่มีหิมะ โคลน หรือที่ราบลุํม (รูปภาพ : ควันสีแดง AN M 3) ๘.๓ ลข. ซ๎อมขว๎าง เอ็ม ๒๑ ๘.๓.๑ เดิมรูปรํางเหมือนกับ ลข.สังหาร เอ็ม เค ๒ ท าด๎วยเหล็กหลํอ ด๎วยสีน้ าเงิน ไมํมี เครื่องหมาย แตํด๎านลํางเจาะรูใช๎ไม๎ก๏อกอุดไว๎ ปัจจุบันรูปรํางเหมือน เอ็ม ๒๖ แตํท าด๎วยพลาสติกสีฟูา หรือน้ าเงิน ๘.๓.๒ ภายในบรรจุดินด าเพียงเล็กน๎อย เพื่อให๎เกิดเสียงระเบิด ๘.๓.๓ ชนวนถํวงเวลา ๔ – ๕ วินาที ๘.๓.๔ เดิมหนัก ๒๑ ออนซ์ ๘.๓.๕ ใช๎ส าหรับซ๎อมขว๎าง (รูปภาพ : ซ๎อมขว๎างเอ็ม เค ๒ และ เอ็ม ๒๑ )
๑๓๗ ๘.๔ ลข.ฝึกขว๎าง ใช๎ ลข.แบบถอดดินด าออกแล๎วเป็นตัวฝึกขว๎าง เหมาะส าหรับทําฝึกขว๎าง (รูปภาพ : ลข.ฝึกขว๎าง ) ข๎อควรระวังในการใช๎ลข. ๙. ในการใช๎ลข. ผู๎ใช๎จะต๎องมีความระมัดระวังมาก ควรปฏิบัติตามข๎อแนะน าดังนี้ ๙.๑ ในการขว๎าง ลข. จริง ผู๎ควบคุมการฝึกและผู๎รับผิดชอบการฝึกต๎องสวมหมวกเหล็กเสมอ ๙.๒ กํอนที่จะน าทหารขว๎าง ลข. จริง จะต๎องฝึกให๎ขว๎าง ลข. ฝึกขว๎าง และ ลข. ซ๎อมขว๎าง ตามล าดับให๎เกิดความเคยชินเสียกํอน ๙.๓ อยําน า ลข. ด๎านมาฝึกขว๎าง ๙.๔ อยําดึงสลักนิรภัยออก จนกวําจะอยูํในทําที่พร๎อมจะท าการขว๎าง ๙.๕ ถ๎าขว๎าง ลข. ไปแล๎ว ลข. เกิดด๎าน ถ๎ามีความจ าเป็นต๎องรออยํางน๎อยประมาณ ๓๐ นาที ๙.๖ ถ๎าดึงสลักนิรภัยออกแล๎ว บังเอิญ ลข. หลุดมือ ให๎รีบหยิบ ลข. ขว๎างไปข๎างหน๎าที่ไมํมี สิ่งใดหรือผู๎ใดอยูํแล๎วตัวเองรีบเข๎าที่ก าบังหรือหมอบลงโดยเร็ว ให๎ศีรษะซึ่งสวมหมวกเหล็กหันไปทางที่ ลข. ตก
๑๓๘ บทที่ ๓๐ วัตถุระเบิดและการท าลาย ๑. กลําวทั่วไป วิธีการใช๎วัตถุระเบิดและการท าลายด๎วยดินระเบิดนั้น ถือวําเป็นเรื่องส าคัญ ประการหนึ่งส าหรับทหารที่ท าหน๎าที่รบ เพราะวําในการยุทธ์ทุกครั้งจะขาด เรื่องการระเบิดและการท าลาย เสียไมํได๎ การท าลายอาจน าชัยชนะมาสูํได๎ หรือเป็นสํวนชํวยในการเกิดชัยชนะ จึงต๎องได๎ศึกษาคุณสมบัติของ ดินระเบิด หลักนิยมทางทหาร การเตรียมตัวเพื่อการใช๎งานและการใช๎ดินระเบิดด๎วยความถูกต๎องปลอดภัย และ ได๎ผลเต็มความสามารถ ๒. วัตถุระเบิด คือสารซึ่งเมื่อได๎รับความร๎อน, การกระทบแตก, การเสียดสีหรือได๎รับแรงกระตุ๎น เริ่มแรกอยํางเหมาะสมแล๎วจะเปลี่ยนทางเคมีโดยรวดเร็ว ท าให๎เกิดผลิตผลอยํางใหมํขึ้นทั้งหมดหรือกลายเป็นแก๏ส จ านวนมาก ๆ ขึ้น ท าให๎เกิดแรงดันทันทีทันใด ด๎วยความรุนแรงอยํางมหาศาล ๓. การแบํงประเภทวัตถุระเบิด วัตถุระเบิดแบํงออกได๎เป็นวัตถุระเบิดแรงต่ า และวัตถุระเบิดแรง สูง แล๎วแตํความเร็ว (นับเป็นฟุตตํอวินาที) ที่จะเปลี่ยนแปลงโดยการสลายตัว ๓.๑ วัตถุระเบิดแรงต่ า เชํน ดินด า และดินควันน๎อย เปลี่ยนแปลงสภาพจากของแข็งเป็น แก๏สไปอยํางช๎าๆ สม่ าเสมอ ปฏิกิริยาที่ท าให๎เปลี่ยนแปลงไปนี้เรียกวํา การเผาไหม๎ของวัตถุระเบิดเป็นการเผาไหม๎ อยํางช๎า ๆ ในชั่วระยะหนึ่ง และด๎วยการการไหม๎ดังกลําวนี้จึงท าให๎ประโยชน์ในการผลักดัน หรือท าให๎แตกร๎าว แทนที่จะท าให๎หัก และแตกตํอวัตถุระเบิดที่น าระเบิดไปวาง การใช๎ระเบิดแรงดันต่ าในกิจการทหารที่นับวําเป็นหลัก ก็คือ ใช๎เป็นดินขับกระสุน และใช๎ส าหรับปืน ใสํเป็นชนวน เชํน ชนวนฝักแคเวลา ๓.๒ วัตถุระเบิดแรงสูง เชํน ดินระเบิด ทีเอ็น ทีและดินระเบิด ไดนาไมท์จะเปลี่ยนสภาพ จากของแข็งเป็นแก๏สเกือบทันทีทันใด ปฏิกิริยาท าให๎เปลี่ยนแปลงไปนี้เรียกวํา การระเบิด วัตถุระเบิดแรงสูงจะ ระเบิดด๎วยความร๎อน การกระแทกหรือการสั่นสะเทือน ซึ่งท าให๎เกิดคลื่นระเบิดขึ้น คลื่นระเบิดนี้จะเคลื่อนที่ผําน วัตถุระเบิดจ านวนมากอยํางรวดเร็ว ท าให๎วัตถุระเบิดเปลี่ยนสภาพจากของแข็งไปเป็นแก๏สขึ้นทันทีทันใด และการ ขยายตัวอยํางรวดเร็วนั้นท าให๎เกิดอ านาจผลักดัน ท าให๎แตกหัก และสามารถที่ผลักดันสิ่งตํอต๎านขนาดใหญํซึ่งอยูํใน ทิศทางของมันได๎ความเร็วในการระเบิดคิดเป็น ฟุตตํอวินาทีการใช๎วัตถุระเบิดแรงสูงในกิจการทหารซึ่งนับวําเป็น หลักก็คือ ใช๎ในกิจการท าลายของทหารชํางทุกชนิด และใช๎เป็นดินระเบิดในลูกระเบิดในลูกกระสุนปืนใหญํ และลูก ระเบิดทิ้งจากเครื่องบิน วัตถุระเบิดแรงสูง ซึ่งใช๎ในกิจการทหารที่นับวําชนิดหลักนั้น ปรากฏในตารางที่ ๑ ๔. คุณสมบัติพึงประสงค์ของวัตถุระเบิดทางทหาร มีดังตํอไปนี้ ๔.๑ ไมํไวตํอการระเบิด เมื่อถูกกระทบกระแทก หรือถูกเสียดสีและไมํระเบิดขึ้นด๎วยการยิง ของอาวุธปืนเล็ก ๔.๒ มีความเร็วในการระเบิดถูกต๎อง ตรงกับความมุํงหมายที่ก าหนดไว๎ ๔.๓ มีอ านาจสูงตํอหนึ่งหนํวยของน้ าหนัก ๔.๔ มีความแนํนมาก (น้ าหนักตํอหนึ่งหนํวยปริมาตร) ๔.๕ มีความคงทน พอที่จะรักษาคุณภาพไว๎ได๎ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ไมํวําสภาพอากาศอยํางใด สะดวกตํอการจับถือของหนํวยทหาร ๔.๖ ระเบิดขึ้นโดยแนํนอนด๎วยดินระเบิดที่ท าเตรียมไว๎อยํางงําย ๆ ๔.๗ เหมาะที่จะใช๎ใต๎น้ า ๔.๘ มีขนาดและรูปรํางเหมาะสม สะดวกตํอการบรรจุหีบหํอ และการสํงก าลังบ ารุง และ สะดวกตํอการจับถือของหนํวยทหาร
๑๓๙ ๕. วัตถุระเบิดหลักทางทหาร วัตถุระเบิดที่นับวําเป็นชนิดหลักและนิยมใช๎ในกิจการทหารนั้น ได๎ แสดงไว๎ในตารางที่ ๑ แล๎วในตารางได๎อธิบายถึงการใช๎หลักของวัตถุระเบิดเหลํานี้ แตํอยํางไรก็ตามวัตถุระเบิด อาจจะใช๎ในกิจการอื่นๆ ได๎ตามความจ าเป็น ในการใช๎ตารางเพื่อพิจารณาเลือกชนิดของวัตถุระเบิดที่จะใช๎เหมาะ กิจการอยํางหนึ่งนั้น จะต๎องได๎พิจารณาถึงความเร็วในการระเบิดนั้น โดยทั่วไปแล๎ววัตถุที่มา ความเร็วในการระเบิดสูง ใช๎ส าหรับระเบิดตัด และระเบิดแตกหัก สํวนวัตถุระเบิดที่มีความเร็วในการระเบิดต่ านั้น ใช๎ส าหรับท าหลุมระเบิด ชุดคูระบายน้ า และงานในแหลํงกรวด ๖. ชนิดของดินระเบิด ๖.๑ ดินระเบิด ทีเอ็น ที(TRINITROTOLUENE) T.N.T เป็นดินระเบิดหลักในทางทหาร ๖.๑.๑ เป็นดินระเบิดแรงสูง ๖.๑.๒ อัตราเร็วในการระเบิด ๒๑,๐๐๐ ฟุต/วินาทีไมํไวตํอการระเบิดเมื่อถูกยิงด๎วย ปืนเล็กเพียงนัดเดียว แตํจะระเบิดขึ้นได๎เมื่อถูกระดมยิงด๎วยปืนกลหรือปืนเล็ก ๖.๑.๓ ใช๎งานท าลายในเขตหน๎า ให๎อ านาจฉีกขาด หรือแตกหัก ๖.๑.๔ ท าขึ้นเป็น ๔ ขนาด คือ ๑/๔, ๑/๒, ๑ และ ๘ ปอนด์ ๖.๑.๕ ไมํละลายน้ า จึงใช๎งานท าลายใต๎น้ าได๎ด๎วย ๖.๑.๖ จะไมํระเบิดขึ้นเมื่อใช๎เชื้อปะทุซึ่งมีอ านาจน๎อยกวําเชื้อปะทุพิเศษของหนํวยทหารชําง (รูปภาพ : ดินระเบิด ทีเอ็น ที) ๖.๒ ดินระเบิดเท็ตตริลตอล (TETRYL TOL) ๖.๒.๑ เป็นดินระเบิดแรงสูง ๖.๒.๒ อัตราเร็วในการระเบิด ๒๓,๐๐๐ ฟุต/วินาทีสูงกวําดินระเบิด ทีเอ็น ที ๖.๒.๓ ท าขึ้นเป็นสองแบบ คือ ๖.๒.๓.๑ แบบ เอ็ม ๑ ดินระเบิดพวงประกอบด๎วยดินระเบิดแหํงเหลี่ยมขนาด ๒”x ๒”x ๑๑” หนัก ๒ ๑/๒ ปอนด์จ านวน ๘ แหํง ร๎อยติดกันด๎วยชนวนฝักแคระเบิดหํางกันแทํงละ ๘ นิ้ว บรรจุ อยูํในถุงยําม การใช๎ในการระเบิดจะใช๎ทั้งพวงหรือแบํงใช๎ตามจ านวนดินระเบิดก็ได๎
๑๔๐ ๖.๒.๓.๒ แบบ เอ็ม ๒ ชนิดเป็นแทํงขนาด ๒”x ๒”x ๑๑” น้ าหนักแทํงหนัก ละ ๒ ๑/๒ ปอนด์ (๑) การจัดระเบิดต๎องใช๎เชื้อปะทุพิเศษของทหารชําง (๒) ดินระเบิดนี้เปราะจะต๎องระมัดระวังในการจับอยําให๎ดินระเบิด หลํนจากมือ ๖.๓ ดินระเบิดคอมโปชิชั่น (COMPOSITION) ๖.๓.๑ แบบ ซี๓ (ดินระเบิดแทํงเหลี่ยม เอ็ม ๕) สีเหลืองแบํงตัดได๎มีกลิ่นคล๎ายกระเทียม ๖.๓.๑.๑ เป็นดินระเบิดแรงสูง ๖.๓.๑.๒ มีอัตราเร็วในการระเบิด ๒๖,๐๐๐ ฟุต/วินาที ๖.๓.๑.๓ ติดไฟงํายและไหม๎ให๎ความร๎อนสูง ๖.๓.๑.๔ มีความไวในการระเบิดเหมือน ทีเอ็น ที ๖.๓.๑.๕ มีลักษณะอํอนตัวได๎จึงเหมาะที่จะใช๎ในการระเบิดตัดเหล็กได๎ดีที่สุด ๖.๓.๑.๖ ๒”x ๒”x ๑๑” หนัก ๒ ๑/๒ ปอนด์ ๖.๓.๑.๗ เป็นอันตรายตํอผิวหนังเมื่อจับต๎อง ๖.๓.๒ แบบ ซี๔ (ดินระเบิดแทํงเหลี่ยม เอ็ม ๔ เอ ๑) สีขาว แบํงตัดได๎ไมํมีกลิ่น ๖.๓.๒.๑ เป็นดินระเบิดแรงสูง ๖.๓.๒.๒ มีอัตราเร็วในการระเบิด ๒๖,๐๐๐ ฟุต/วินาที ๖.๓.๒.๓ มีลักษณะอํอนตัวได๎จึงเหมาะที่จะใช๎ส าหรับระเบิดตัดเหล็ก ระเบิด ไม๎และระเบิดแตกหักคอนกรีตได๎เป็นอยํางดี ๖.๓.๒.๔ ระเบิดใต๎น้ าได๎ถ๎าบรรจุดินระเบิดในภาชนะที่เหมาะสม ๖.๓.๒.๕ ขนาด ๒”x ๒”x ๑๑” หนัก ๒ ๑/๒ ปอนด์ (รูปภาพ : ดินระเบิด แบบ ซี๔)
๑๔๑ ๖.๓.๓ แบบ บี ๖.๓.๓.๑ เป็นดินระเบิดแรงสูงมีก าลังเปรียบเทียบสูงกวําดินระเบิด ทีเอ็น ที แตํมีความไว ในการระเบิดมากกวําดินระเบิด ทีเอ็น ที ๖.๓.๓.๒ เนื่องจากมีอ านาจในทางท าให๎ฉีกขาด และอัตราเร็วในการระเบิดสูง มาก ในปัจจุบัน นี้ใช๎เป็นดินระเบิดในบังกะโลตอร์ปิโด (รูปภาพ : ดินระเบิด แบบ บี) ๖.๔ ดินระเบิดแอมโมเนียมไนเตรต (AMMONIUMNITRATE) ๖.๔.๑ เป็นดินระเบิดแรงสูง ๖.๔.๒ มีความเร็วในการระเบิด ๑๑,๐๐๐ ฟุต/วินาที จึงมีอ านาจในการท าให๎ แตกร๎าวมากกวําดินระเบิดที่มีอัตราเร็วในการระเบิดสูง ๖.๔.๓ ใช๎ส าหรับระเบิดท าหลุมเป็นหลัก แตํใช๎ในกิจการอื่น ๆ ได๎เชํน คูระบายน้ า และงานในแหลํงกรวดได๎อีกด๎วย ๖.๔.๔ ขนาดบรรจุไว๎ในถังทรงกระบอก เส๎นผํานศูนย์กลาง ๘ ๑/๔ นิ้ว และสูง ๑๗ นิ้ว ๑ ถัง หนัก ๔๐ ปอนด์ (รูปภาพ : ดินระเบิดแอมโมเนียมไนเตรต (AMMONIUMNITRATE)
๑๔๒ ๖.๕ ดินระเบิดไดนาไมท์ทางทหาร (MILITARY DYNAMITE) ๖.๕.๑ อัตราเร็วในการระเบิด ๒๐,๐๐๐ ฟุต/วินาที ๖.๕.๒ ใช๎ส าหรับงานกํอสร๎างทางทหาร งานแหลํงกรวด แหลํงดิน และใช๎ในงาน ท าลายด๎วยดินระเบิด (รูปภาพ : ดินระเบิดไดนาไมท์ทางทหาร MILITARY DYNAMITE) ๖.๖ ดินระเบิดโพลง (SHAPED CHARGE) ๖.๖.๑ ประดิษฐ์ขึ้นเพิ่มความร๎อนให๎รวมกัน เพื่อให๎อ านาจตํอการทะลุทะลวงแผํน เหล็กกล๎า แผํนเกราะเหล็ก คอนกรีตและวัตถุอื่น ๆ การท าเชํนนี้เรียกวํา “อ านาจมันโต” ๖.๖.๒ แบํงเป็น ๒ แบบ คือ ๖.๖.๒.๑ แบบ เอ็ม ๒ เอ ๓ (๑) หนัก ๑๕ ปอนด์ดินระเบิดเพ็นโทไลท์ (พีอีทีเอ็น และ ที เอ็น ที) หรือระเบิดคอมโปซีชั่น บีเพียว ๑๑ ๑/๒ ปอนด์ (๒) บรรจุในภาชนะที่กันน้ าได๎ ๖.๖.๒.๒ แบบ เอ็ม ๓ (๑) หนัก ๔๐ ปอนด์บรรจุดินระเบิดเพ็นโทไลท์๕๐/๕๐ เพียง ๓๐ ปอนด์ในภาชนะโลหะโพลง ภายในท าด๎วยโลหะ (๒) มีขาตั้งโลหะ ๖.๖.๓ อ านาจของดินระเบิดโพลง ขึ้นอยูํกับชนิดของวัตถุระเบิดที่ใช๎เป็นสํวนใหญํ ดินระเบิดโพลงนี้ควรจะต๎องวางให๎หํางจากวัตถุระเบิดที่ต๎องการทะลุทะลวงในระยะพอเหมาะดีกวําที่จะวางให๎ สัมผัสกับวัตถุระเบิด ทั้งนี้จัดโดยปลอกไฟเบอร์และขาโลหะซึ่งติดอยูํกับดินระเบิดโพลง ๖.๖.๔ ข๎อระมัดระวังปลอดภัยเฉพาะในการใช๎ ในการใช๎ดินระเบิดโพลงจะต๎อง ปฏิบัติตามข๎อระมัดระวังปลอดภัยดังตํอไปนี้ ๖.๖.๔.๑ ต๎องให๎ดินระเบิดอยูํตรงกลางข๎างบนจุดที่ต๎องการท าลาย ๖.๖.๔.๒ แกนของดินระเบิดต๎องอยูํในทางเดียวกับทิศทางที่ต๎องการ ๖.๖.๔.๓ ควรใช๎ฐานของเสาที่ตั้งมีอยูํ เพื่อหาระยะตั้งที่เหมาะสม