สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 144 Amphicerus anobioides (Waterhouse, 1888) Caenophrada anobioides Waterhouse, 1888: 350. ชื่อส ำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle, horned powder-post beetle ชื่อพ้อง: Schistoceros anobioides Waterhouse, 1888: 350. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: (เช่นเดียวกับรูปวิธาน) ล าตัวยาว 14.0-15.5 มม. ทรงกระบอกยาว โค้ง นูน สีน้ าตาลด า-ด า อกกลม ด้านหน้าเรียวเล็กลงเล็กน้อย หลุมตื้นบนปีกมีขนาดใหญ่เรียงชิด ลาดปลาย ปีกชันน้อยกว่า A. caenophradoides เพศผู้: มุมด้านหน้าอกปล้องแรกมีหนามยื่นคล้ายตะขอ ลาด ปลายปีกชัน ขอบลาดปีกมีหนามเป็นสันนูน 2 คู่ เพศเมีย: ไม่มีหนามคล้ายตะขอบริเวณมุมด้านหน้า ปล้องอก ลาดปลายปีกไม่มีหนาม เส้นหนวดขยายใหญ่ มีขนาดเท่ากับหนวดปล้องแรกที่ ขยายใหญ่ พืชอำหำร: เต็ง (Shorea obtusa) รัง (Shorea siamensis) (หมาด) กำรกระจำย: คาบสมุทรอาระเบีย อินเดีย ศรีลังกา พม่า กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่ ล าพูน อุบลราชธานี อุทัยธานี
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 145 Amphicerus caenophradoides (Lesne, 1895) Bostrychus caenophradoides Lesne, 1895: 174. ชื่อส ำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle, horned powder-post beetle ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: (เช่นเดียวกับรูปวิธาน) ขนาดล าตัวยาว 12.5-18 มม. อกปล้องแรกมอง จากด้านบนกลม กว้างมากกว่ายาว มุมด้านหลังกลม เพศผู้: หลุมตื้นบนปีกมีขนาดใหญ่และหนาแน่น หน้า ร่องเหนือฐานริมฝีปากบนบริเวณกึ่งกลางด้านหน้าชัด หน้าบริเวณเหนือร่องเหนือฐานริมฝีปากบน โค้งนูนเล็กน้อย ไม่มีสันนูนตามขวาง อกมุมด้านหน้ามีหนามยื่นเป็นตะขอ ลาดปลายปีกชัน ขอบลาด ปลายปีกมีหนามเป็นสันนูน 2 คู่ เพศเมีย: ไม่มีหนามคล้ายตะขอบริเวณมุมด้านหน้าปล้องอก ลาด ปลายปีกไม่มีหนาม เส้นหนวดมีขนาดเล็กปกติขนาดพอ ๆ กับที่พบในเพศผู้ พืชอำหำร: - กำรกระจำย: กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย (สุมาตรา) กำรกระจำยในประเทศไทย: ขอนแก่น สกลนคร นครศรีธรรมราช
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 146 Amphicerus malayanus (Lesne, 1898) Bostrychus malayanus Lesne, 1899b: 255. ชื่อส ำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle, horned powder-post beetle ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: (เช่นเดียวกับรูปวิธาน) ขนาดล าตัวยาว 12-18 มม. สีน้ าตาลด า-ด า ด้านหน้า-ขอบหน้าอกปล้องแรกปกคลุมด้วยขนสีน้ าตาลแดง อกปล้องแรกกว้างมากกว่ายาวเล็กน้อย ด้านหน้าแคบเรียวกว่าด้านหลังมาก เพศผู้: หัวด้านหน้าปุ่มที่ปกคลุมมีขนาดเล็กกว่า สันนูนเหนือบริเวณ เหนือร่องเหนือฐานริมฝีปากบนยื่นขึ้นด้านหน้ามากกว่า มุมด้านหน้าอกปล้องแรกมีหนามขนาดใหญ่ คล้ายตะขอ ลาดปลายปีกมีหนามขนาดใหญ่ 2 คู่ เพศเมีย: ไม่มีหนามคล้ายตะขอและหนามลาดปลาย ปีก พืชอำหำร: ยางพารา (ตอแห้ง) กำรกระจำย: มาเลเซีย อินโดนีเซีย กำรกระจำยในประเทศไทย: น่าน หมำยเหตุ: A. caenophradoides และ A. malayanus มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก และมีพื้นที่การกระจายเช่นเดียวกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้Lesne (1898, 1901) หมายเหตุในการ
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 147 ตีพิมพ์ชนิดใหม่ครั้งแรกของเขาและกล่าวถึงในผลงานตีพิมพ์ถัดมาในปี 1901 ว่ามอดชนิดนี้อาจเป็นชนิด ย่อยหรือชนิดเดียวกันที่มีลักษณะแตกต่างตามการแพร่กระจาย (geographic race) ซึ่งในการเก็บ ตัวอย่างในภายหลังพบว่ามอดทั้ง 2 ชนิด มีแหล่งการกระจายตามธรรมชาติเหมือนกันและอาจเป็นชนิด เดียวกัน การศึกษาตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบในอนาคตจะสามารถตอบค าถามนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สกุล Bostrychopsis Lesne, 1899 Bostrychopsis Lesne, 1899:524. Type species Bostrychopsis villosula Lesne, 1905; Ivie, 2010: 30. ชื่อพ้อง: Dominikia Borowski and Wegrzynowicz, 2007: 15. Bostrychopsis parallela (Lesne, 1895) Bostrychopsis parallela Lesne, 1895: 174. Type designated by Fisher, 1950:100. ชื่อส ำมัญ: มอด ขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle, horned powder-post beetle ชื่อพ้อง: Bostrychopsis affinis Lesne, 1899a: 536. Dominikia parallela (Lesne, 1895): Borowski and Wegrzynowicz, 2 007:89. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ล าตัวยาว 6.0-15.0 มม. ทรงกระบอกยาว ล าตัวสีน้ าตาลด า-ด า เรียบ เป็นมัน หนวด 10 ปล้อง เส้นหนวดมี 5 ปล้อง ปลายหนวดส่วนขยายมีต่อมรับสัมผัส (sensory depressions) กลม 1 คู่ อยู่ด้านหน้าของปล้องที่ 1 และ 2 หนวดปล้องที่ขยายไม่มีร่องตามความยาว อกกึ่งสี่เหลี่ยม (sub-quadrete) ด้านหน้าโค้งกว้าง เพศผู้: ด้านหน้าเว้าลงตื้นและกว้าง เพศเมีย: ส่วน หน้าตัด (truncate) อกด้านหน้าไม่บุ๋มลงกว้าง ๆ ตามขวาง (transverse depression) หนามบริเวณ มุมด้านหน้าไม่ยื่นเป็นตะขอ หัวส่วนหน้าปกคลุมด้วยขนขนาดเล็กบางหนาแน่น ตีนปล้องสุดท้ายของขา คู่หลัง (hind tarsus) มองจากด้านข้างแคบกว่าปล้องที่ 2 อย่างชัดเจน
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 148 พื ช อ ำ ห ำ ร: ไ ผ่ (Bamboosa arundinacae), ไ ผ่ ซ าง (Dendrocalamus strictus), อ บ เ ช ย (Cinnamomum sp.), ม ะ ม่ วง (Mangifera indica), ป ร ะ ดู่ บ้ า น (Pterocarpus indicus), Boswellia serrata, Mallotus philippinensis, Smilax china กำรกระจำย: เขตสัตว์ภูมิศาสตร์ออเรียลทอล น าเข้าและแพร่กระจายทั่วโลก (ทวีป อเมริกาเหนือ ยุโรป แอฟริกา มาดากัสการ์ออสเตรเลีย) กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่อุทัยธานี
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 149 สกุล Heterobostrychus Lesne, 1899 Heterobostrychus Lesne, 1899b: 554. Type species: Bostrichus aequalis Waterhouse, 1884: 215. Type designated by Fisher, 1950: 83. รูปวิธำนระดับชนิดของมอดสกุล Heterobostrychus Lesne, 1899 ในประเทศไทย 1. ขอบลาดปลายปีกมีสันหรือหนามเพียง 1 คู่ หนามมีขนาดใหญ่ หนามส่วนที่ยื่นไปด้านหลัง กลม อ้วน บริเวณปลายมีส่วนหนามเรียวแหลมขนาดเล็กยื่นโค้งชี้เข้าด้านใน (inwardly) ลาด ปลายปีก…………………………………………………………….Heterobostrychus hamatipennis - ขอบลาดปลายปีก (declivital margin) มีสันหรือหนาม 2 คู่.................................................2 2. มุมหลังของอกปล้องแรกแหลมเป็นมุม (lobed) และยื่นเป็นหนามชี้ไปทางด้านหลัง อกปล้อง แรกขอบด้านหน้าเว้าลึกเป็นรูปตัววีกว้างคั่นหนามบริเวณมุมด้านหน้า เพศผู้: ลาดปลายปีกมี หนามคู่แรก (คู่บน/คู่ใน) ขนาดใหญ่ยื่นไปด้านในลาดปลายปีก (inwardly) และปลายโค้งขึ้น (upwardly) ปลายแหลมชัดเจน (point) เพศเมีย: ลาดปลายปีกไม่มีหนามแต่ลดรูปเป็นสันยื่น เลยขอบลาดปลายปีก หน้า (frons) ไม่มีพู่ขน มุมด้านหน้าอกปล้องแรกมีหนาม หนามมีขนาด ใหญ่แต่ไม่ยื่นเป็นตะขอ.........................................................Heterobostrychus aequalis - มุมด้านหลังอกปล้องแรก กลม (round) ยื่นไปด้านหลังเล็กน้อย (slightly projecting) แต่ไม่ เป็นหนาม เพศเมียหน้ามีพู่ขน (tuft of hairs) ลาดด้านหน้าของอกปล้องแรกบริเวณขอบ ด้านหน้าแคบ เว้าเข้าน้อยกว่า...............................................................................................3 3. อกปล้องแรกยาวเท่ากับกว้าง (as long as wide) เพศผู้หนามลาดปลายปีกคู่แรกมองจาก ด้านข้างแหลมโค้งขึ้นด้านบน ขอบด้านหน้าของอกปล้องแรกมีหนามบริเวณมุม หนามของเพศ ผู้เล็กกว่าเพศเมีย เพศเมียขอบด้านหน้าปล้องอกแคบ มุมด้านหน้ามีหนามขนาด ใหญ่……….…………………………………………….………..……..…….Heterobostrychus unicornis - อกปล้องแรกยาวมากกว่ากว้าง (longer than wide) เพศผู้หนามลาดปลายปีกคู่แรกมองจาก ด้านข้างยื่นไปทางด้านหลัง ปลายทู่ หนามยื่นชี้ไปทางด้านในลาดปลายปีก หนามชี้ตรง ไม่โค้ง ขึ้น ปลายหนามทู่ ขอบด้านหน้าอกปล้องแรกมีหนามบริเวณมุม หนามใหญ่กว่าเพศเมีย หรือ เพศเมียไม่มีหนามบริเวณมุม (หนามเล็กมากหรือไม่ปรากฏ) ขอบด้านหน้ากว้างกว่า ..............................................................................................Heterobostrychus pileatus
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 150 Heterobostrychus aequalis (Waterhouse, 1884) Bostrichus aequalis Waterhouse 1884: 215. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม oriental wood borer, false powderpost beetle, auger beetle, horned powder-post beetle ชื่อพ้อง: Rhizopertha papuensis MacLeay, 1886: 154. Bostrychus uncipennis Lesne, 1895: 173. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ล าตัวรูปทรงกระบอกยาว สีน้ าตาล น้ าตาลเข้ม-น้ าตาลด า ล าตัวเกลี้ยง เป็นมันวาว ขนาด 6.0-13.0 มม. อกปล้องแรกโค้งนูนมองจากด้านบนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขอบด้านหน้า บริเวณกึ่งกลางตรง ลาดด้านหน้าเว้าลึกส่วนหน้าแบน มุมด้านหน้ามีหนามคล้ายตะขอขนาดใหญ่ หนาม โค้งขึ้น หนามบริเวณมุมด้านหน้าถัดจากหนามตะขอมีรูปร่างคล้ายฟันเลื่อยหนา ขนาดใหญ่ 4-6 หนาม ลาดด้านหน้าปกคลุมด้วยหนามรูปฟันเลื่อยขนาดเล็กหนาแน่น มุมด้านหลังของอกปล้องแรกมีหนาม ลักษณะกลมยื่นเฉียงออกทางด้านหลัง ปีกยาว มีหลุมลึกเรียงเป็นแถว ด้านข้างลาดปลายปีกมีสันหนา ด้านละ 2 สัน คู่บนปลายสันมีหนามลักษณะเป็นตะขอโค้งขึ้นขนาดใหญ่ 1 คู่ คู่ล่างสันหนายื่นออกเลย ขอบปีก สันตรง ขนานกับพื้น ปลายทู่ เพศเมีย: หนามบริเวณลาดปลายปีกลดรูปมีลักษณะเป็นสันนูนไม่ มีหนาม
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 151 พืชอำหำร: หลากหลาย จัดเป็นศัตรูส าคัญของไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์จากไม้แปรรูป ไผ่และผลิตภัณฑ์ รวมทั้งไม้ยางพาราและผลิตภัณฑ์ กำรกระจำย: ทั่วโลก กำรกระจำยในประเทศไทย: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เลย นครราชสีมา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี สมุทรสงคราม พังงา กระบี่ สตูล ชุมพร หมำยเหตุ: มอดชนิดนี้มีขนาดล าตัวที่แตกต่างกันมาก สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากปริมาณ และคุณภาพอาหารที่มอดเข้าท าลาย Heterobostrychus hamatipennis (Lesne, 1895) Bostrychus hamatipennis Lesne, 1895: 173. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle, chinese auger beetle, horned powder-post beetle ชื่อพ้อง: Apate niponensis Lewis, 1896: 339. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: มอดขนาดใหญ่ขนาดล าตัวยาว 9.0-16.0 มม. มุมหลังของอกปล้องแรก เป็นมุมแต่ไม่ยืดยาวออกไป (not projecting) ร่องเหนือฐานริมฝีปากบนเป็นร่องลึกบริเวณกึ่งกลาง ปีก
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 152 มีขนสั้นราบแนบกับปีกปกคลุม เพศผู้: อกปล้องแรกมุมด้านหน้ามีหนามคล้ายตะขอขนาดใหญ่ ลาด ปลายปีกมีหนามทรงกระบอก 1 คู่ หนามมองจากด้านข้างปลายทู่ มองจากด้านบนมีหนามคล้ายตะขอ ขนาดเล็กยื่นเข้าด้านในลาดปลายปีก เพศเมีย: มุมด้านหน้าอกปล้องแรกไม่มีตะขอ ลาดปลายปีกไม่มี หนามแต่มีตุ่มนูนหรือสันปลายมนสั้น 1 คู่ พืชอำหำร: หลากหลายชนิดมีความจ าเพาะต่อพืชอาหารต่ า รวมทั้ง Acacia catechu, Anogeissus latifolia, Bombax malabaricum, Boswellia serrata, Canarium strictum, Dalbergia sissoo, Dendrocalamus strictus, Eugenia jambolana, Garuga pinnata, Machilus sp., Mallotus philippinensis, Quercus sp., Shorea robusta, Terminalia belerica, Vatica lanceaefolia กำรกระจำย: มาดากัสการ์มอริเชียส ปากีสถาน อินเดีย เนปาล ศรีลังกา จีน ไต้หวัน ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น เยอรมัน (น าเข้า) สหรัฐอเมริกา (น าเข้า) กำรกระจำยในประเทศไทย: ขอนแก่น สกลนคร Heterobostrychus pileatus Lesne, 1899 Heterobostrychus pileatus Lesne, 1899b: 559. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, horned powder-post beetle ชื่อพ้อง: -
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 153 ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 9.0-11.0 มม. รูปทรงกระบอกสั้นกว่าชนิดอื่น ๆ ในสกุล เดียวกัน สีน้ าตาล น้ าตาลเข้ม-น้ าตาลด า ล าตัวเกลี้ยงเป็นมันวาว ลักษณะทั่วไปคล้าย H. aequalis แตกต่างกันดังนี้ล าตัวสั้นกว่า อกปล้องแรกสั้นรูปครึ่งวงกลม ต าแหน่งของหนามรูปตะขอคู่หน้าอยู่ลึก เข้ามาด้านหน้า ท าให้มีต าแหน่งชิดกันมากกว่า ต่างจาก H. aequalis ที่หนามอยู่บริเวณมุมแต่ละด้าน มุมด้านหลังอกปล้องแรกมน ไม่ยื่นและไม่มีหนาม หลุมบนปีกมีขนาดเล็กกว่า ลาดปลายปีก หนามคู่บน ขนาดใหญ่ หนามงุ้มเข้าสู่ด้านในลาดปลายปีก ไม่โค้งขึ้นคล้ายตะขอ เพศเมีย อกปล้องแรกมีขนาดเล็ก กว่า หนามบริเวณขอบหน้าอกปล้องแรกมีขนาดเล็กกว่า ปลายปีกไม่มีหนามปลายปีก พืชอำหำร: คาดว่าหลากหลายชนิด มีรายงานเข้าท าลาย Acacia pennata, Cassia fistula, Garuga pinnata, Lannea grandis, Mallotus philippinensis, Mangifera indica, Pavetta indica, Santalum album, Shorea robusta, Sindora siamensis, Zizyphus sp. กำรกระจำย: ศรีลังกา อินเดีย ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กำรกระจำยในประเทศไทย: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ น่าน อุทัยธานี Heterobostrychus unicornis (Waterhouse, 1879) Bostrychus unicornis Waterhouse, 1879: 361. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle, horned powder-post beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 7.0-11.5 มม. ล าตัวรูปทรงกระบอก สีน้ าตาล-น้ าตาลด า ปีกมีหลุมลึกแต่ไม่เรียงเป็นแถวอย่างชัดเจน อกกว้างเท่ากับยาว ด้านข้างกลมกว้าง ด้านหน้าเรียวเล็ก กว่าเล็กน้อย มุมด้านหน้าและด้านข้างมีหนามและเกล็ดแต่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก มุมด้านหลังกลมไม่มี หนามแหลม ลาดปลายปีกมีหนาม 2 คู่ หนามคู่แรกใหญ่โค้งเข้าด้านใน เพศเมีย: อก ปล้องแรกขนาดเล็กกว่า หนามบริเวณขอบหน้าอกปล้องแรกมีขนาดเล็กกว่า ปลายปีกไม่ มีหนาม พืชอำหำร: ไม้ยางพารา ไม้ไผ่ กำรกระจำย: โมซัมบิก มาดากัสการ์อินเดีย พม่า เวียดนาม กำรกระจำยในประเทศไทย: นครราชสีมา
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 154 สกุล Lichenophanes Lesne, 1899 Lichenophanes Lesne, 1899b: 457. Type species: Bostrichus tristis Fahraeus, 1871: 669. Designated by Chujo, 1937: 44. Lichenophanes carinipennis (Lewis, 1896) Apate carinipennis Lewis, 1896: 338. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle, horned powder-post beetle ชื่อพ้อง: Apate carinatus Lewis, 1896: 339. Lichenophanes khmerensis (Lesne, 1896c) Lesne, 1899a: 473. Bostrichus khmerensis Lesne,1896c: 511. Bostrychus guttatus Matsumura, 1915: 129.
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 155 ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 8.0–16.0 มม. อกปล้องแรกกลม ผิวขุขระ ปกคลุมด้วย ปุ่มหนามขนาดใหญ่ มุมด้านหลังแหลม ขอบด้านหน้าอกปล้องแรกเป็นรูปตัวยูปลายเปิดบานออก ลาด ด้านหน้าบริเวณกึ่งกลางเป็นร่องลึก ด้านข้างนูนขึ้นสู่ขอบทั้งสองด้าน (bisinuate) ยอดปล้องอกมีกลุ่ม ขนสีทองขนาดใหญ่ 1 คู่ ปีกมีสันนูนตามความยาวบริเวณใกล้โคนปีก 1 คู่ สันมันวาวไม่ มีกลุ่มขนปกคลุม ปีกมีกลุ่มขนสีทองรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้ากระจายทั่วไปสลับกับพื้นที่ที่ ไม่มีขนปกคลุม พืชอำหำร: ไผ่ไม่ทราบชนิด กำรกระจำย: อินเดีย (หมู่เกาะอันดามัน) ศรีลังกา พม่า เกาหลีญี่ปุ่น กัมพูชา กำรกระจำยในประเทศไทย: อุทัยธานี สกุล Micrapate Casey, 1898:66. Type species: Sinoxylon dinoderoides Horn, 1878: 542. Bostrychulus Lesne, 1899b. 591. Lesne, 1901b: 95. Micrapate simplicipennis (Lesne, 1895) Xylopertha simplicipennis Lesne, 1895: 177. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, horned powder-post beetle
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 156 ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 3.0-3.8 มม. สีน้ าตาลแดง-น้ าตาลด า อกปล้องแรกไม่มี หนามยื่นคล้ายตะขอ อกด้านบนจากยอดถึงขอบด้านหลังปกคลุมหนาแน่นด้วยหลุมตื้นขนาดเล็ก (fine punctures) ลาดปลายปีกโค้ง ไม่มีหนาม บริเวณกึ่งกลางลาดปลายปีกบุ๋มลงเล็กน้อยมีลักษณะเป็นร่อง ตามแนวยาว ด้านข้างโค้งนูนขึ้น ลาดปลายปีกปกคลุมด้วยขนสั้นหนา (semierect hairs) พืชอำหำร: ไม้ยางพารา (แห้ง ไม้ฟืน) กำรกระจำย: อินเดีย พม่า ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย (ชวา) กำรกระจำยในประเทศไทย: ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เลย เพชรบูรณ์ชัยภูมิ หมำยเหตุ: มอดชนิดนี้ปีกและล าตัวอาจมีสีแตกต่างกันมากตั้งแต่สีน้ าตาล น้ าตาลแดง น้ าตาลเข้ม จนถึง ด า หรือปีกมีลักษณะสองสี ปีกสีน้ าตาลลาดปลายปีกด า หรือปีกด าสลับกับแต้มสีน้ าตาลหรือน้ าตาลแดง รูปแบบต่าง ๆ สกุล Parabostrychus Lesne, 1899 Parabostrychus Lesne, 1899b: 590. Type species: Bostrychus elongatus Lesne, 1895: 170. Parabostrychus acuticollis Lesne, 1913 Parabostrychus acuticollis Lesne, 1913: 192. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 6.0-9.76 มม. ล าตัวทรงกระบอก กลม ยืดยาวมาก (much elongated) ยาวมากว่ากว้าง 3.70-3.81 เท่า ปีกยาวกว่าอกปล้องแรก 2.65-2.70 เท่า ขอบ ด้านหน้าอกปล้องแรกแหลมมีหนามขนาดเล็กเรียงเป็นแถว หนามบริเวณกึ่งกลางด้านหน้าปล้องอกมี ขนาดใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าหนามบริเวณด้านข้าง ลาดปลายปีกชัน ด้านหน้าลาดปลายปีกปกคลุมด้วยหลุม ตื้นขนาดใหญ่และปุ่มขนาดเล็ก ปลายมน หนาแน่น หลุมตื้นลึก ตะเข็บปีกบริเวณหน้าลาดปลายปีกเป็น สันนูนสูง
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 157 พืชอำหำร: Mallotus philippinensis, Tephrosia candida กำรกระจำย: อินเดีย เนปาล จีน (ตอนใต้) ไต้หวัน กำรกระจำยในประเทศไทย: น่าน นครราชสีมา
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 158 เผ่ำ Sinoxylini Marseul, 1857 Xynoxyloninae Lesne, 1899b: 439. Type genus: Sinoxylon Duftschmid, 1825: 85. มอดเผ่า Sinoxylini Lesne, 1899 ประกอบด้วยมอด 6 สกุล 77 ชนิด กระจายทั่วโลก มอด ขี้ขุยเผ่านี้มีลักษณะล าตัวที่มีเอกลักษณ์อ้วนป้อม หน้าตัดล าตัวเป็นทรงกลม ลาดปลายปีกตัด หนวด 3 ปล้องสุดท้ายขยายใหญ่ทางด้านข้างเพียงด้านเดียว กว้างมากกว่ายาว หนวดปล้องที่ขยายใหญ่รูปใบไผ่ หรือกึ่งใบไผ่ ส่วนที่ขยายยาวมากกว่าความกว้าง กรามบนกว้าง สั้น ปลายตัด ชนกันบริเวณกึ่งกลางไม่ สามารถไขว้แบบกรรไกรได้ในประเทศไทยพบมอดเผ่านี้ 1 สกุล 13 ชนิด สกุล Sinoxylon Duftschmid, 1825 Sinoxylon Duftschmid, 1825: 85. Type species: Dermestes muricatus Linnaeus, 1767: 562. ชื่อพ้อง: Trypocladus Guerin-Meneville, 1845: XVII. Apatodes Blackburn, 1889: 1429. รูปวิธำนระดับชนิดของมอดสกุล Sinoxylon Duftschmid, 1825 ในประเทศไทย 1. หนามบริเวณหน้าลาดปลายปีก (declivital teeth) มีต าแหน่งอยู่บนหรือชิดติดกับตะเข็บ กึ่งกลางปีก (elytral medien suture) โคนหนามชิดติดกัน..................................................2 - หนามบริเวณหน้าลาดปลายปีกมีต าแหน่งอยู่ห่างจากสันกึ่งกลางปีก ระยะห่างของหนามจาก ตะเข็บกึ่งกลางปีกมีระยะแตกต่างกันในแต่ละชนิด...................................................................7 2. ขอบด้านข้างของลาดปลายปีกมีสันนูนขนาดใหญ่ 3 สัน สันยื่นไปทางด้านหลังเลยขอบ ด้านข้างลาดปลายปีก ลักษณะเป็นหนามยื่นชี้ไปด้านหลัง...................Sinoxylon crassum - ขอบลาดปลายปีกไม่มีสันนูนเด่นชัด........................................................................................3 3. ล าตัวไม่มีขนปกคลุม หลุมตื้นบริเวณปีกมีขนาดเล็ก ปีกเป็นมันวาว หลุมตื้นบนลาดปลายปีกมี ขนาดเล็กมาก กระจายห่าง ๆ คั่นด้วยพื้นผิวเรียบเป็นมันวาว ลาดปลายปีกเป็นมันวาว .........................................................................................................Sinoxylon cucumella - ล าตัวปกคลุมด้วยขนหนาแน่น ขนมีลักษณะและความยาวแตกต่างกันในแต่ละชนิด หลุมตื้น บนลาดปลายปีกมีขนาดใหญ่ปกติ ลาดปลายปีกด้าน ไม่มันวาว...............................................4 4. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่แคบ (ซี่หวีขยายด้านข้างสั้น) ปล้องที่ 2 แคบ กว้างมากกว่ายาวน้อย กว่า 2 เท่า หนามบริเวณอีพิสโตมา (epistomal teeth) ขนาดเล็กมากหรือไม่ปรากฏ...........5 - หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปกติ(ซี่หวีขยายด้านข้างยาว-ยาวมาก) ปล้องที่ 2 กว้างถึงกว้างมาก ความกว้างมากกว่ายาวไม่น้อยกว่า 4 เท่า หนามบริเวณอีพิสโตมามี4 หนาม………….……….…6
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 159 5. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ ปล้องที่ 2 แคบมาก กว้างมากกว่ายาว 1.5 เท่า หรือน้อยกว่า มี รูปร่างใกล้เคียงกับสามเหลี่ยมหน้าจั่ว หนามบริเวณอีพิสโตมาไม่ปรากฏ หนามบริเวณมุม ด้านหน้าของอกปล้องแรกโค้งขึ้นแบบตะขอ…………...………………….Sinoxylon parviclava - หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องที่ 2 แคบ กว้างมากกว่ายาว 2 เท่า หนามบริเวณหน้าไม่ปรากฏ หรือมีขนาดเล็กมาก หนามบริเวณมุมด้านหน้าของอกปล้องแรกไม่โค้งขึ้นแบบตะขอ ............................................................................................................Sinoxylon atratum 6. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาว 4 เท่า หนามบริเวณอีพิสโตมามี4 หนาม หนามมีขนาดเล็ก...………………………………………………………….………Sinoxylon birmanum - หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาว 7 เท่า หนามบริเวณอีพิสโตมามี4 หนาม หนามมีขนาดใหญ่เด่นชัด...................................................................Sinoxylon flabrarius 7. ขอบด้านข้างลาดปลายปีกไม่มีสันนูนตามความยาว................................................................8 - ขอบด้านข้างลาดปลายปีกมีสันนูนเด่นชัด สันอาจสิ้นสุดที่ขอบลาดปลายปีกหรือยื่นไปด้านหลัง เลยขอบลาดปลายปีก ปลายสันทู่............................................................................10 8. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่แคบ (ซี่หวีขยายด้านข้างสั้น) ปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาว 3 เท่า ปล้องที่1 และ 3 ขยายด้านข้างสั้นกว่าปล้องที่ 2 หนามบริเวณหน้าลาดปลายปีกด้านข้างแบน ทั้งสองด้านตลอดความยาว ขนาดเล็ก ล าตัวสั้น..............................Sinoxylon pygmaeum - หนวดปล้องที่ขยายใหญ่กว้างมาก (ซี่หวีขยายด้านข้างยาวมาก) ปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาว 7 เท่า ปล้องที่ 1 และ 3 ขยายด้านข้างใกล้เคียงกับปล้องที่ 2 หนามบริเวณลาดปลายปีกรูป กรวย ด้านข้างไม่แบน..............................................................................................................9 9. ลาดปลายปีกตัด ล้อมรอบด้วยสันนูนตลอดทั้งความยาวหรือเกือบทั้งหมดของความยาวสัน สัน ด้านบนลาดปลายปีกมน (costa) ด้านล่างคม (carina) หนามลาดปลายปีกแหลมโค้งขึ้น โคน หนามเรียบไม่มีปุ่มขนาดเล็กล าตัวมักมีสีน้ าตาล-น้ าตาลด า.....…………..…..Sinoxylon anale - ลาดปลายปีกโค้งมน ไม่ตัด ไม่เป็นสันหรือขอบ โคนหนามบริเวณลาดปลายปีกมีปุ่มขนาดเล็ก รอบโคน หนามชี้ออกด้านข้าง ปลายหนามตรงหรือโค้งลงเล็กน้อย มีกมีสีเข้มสีน้ าตาลด าหรือสี ด า................................................................................................Sinoxylon unidentatum 10. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่แคบ (ซี่หวีขยายด้านข้างสั้น) ปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาว 3-5 เท่า หน้าปกคลุมด้วยขนยาวหนาแน่น ล าตัวปกคลุมด้วยขน (hairlike-setae) บาง สั้น กระจาย ทั่วไป.....................................................................................................................................11 - หนวดปล้องที่ขยายใหญ่กว้าง ปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาว มากกว่า 5 เท่า หน้าและล าตัว เกลี้ยงไม่มีขนยาวปกคลุม.....................................................................................................12
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 160 11. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องที่ 2 เรียวยาว ยาว 4.1-5.1 มม. ยาวมากกว่ากว้าง 3.6-3.8 เท่า ……………………………………………………………………………..….………….…Sinoxylon tignarium - หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องที่ 2 สั้นกว่า ยาว 3.5-4.3 มม. ยาวมากกว่ากว้าง 3.0–3.2 เท่า .......................................................................................................Sinoxylon mangiferae 12. หนามลาดปลายปีกรูปกรวยสามเหลี่ยม เรียว ขอบด้านในแบน ด้านข้างโป่งออกเล็กน้อย ปลายเรียวแหลม ผิวขรุขระ ลาดปลายปีกโค้งขึ้นเล็กน้อย หลุมตื้นบนปีกและลาดปลายปีกเมื่อ เทียบกับล าตัวขนาดใหญ่ขอบระหว่างหลุมเล็ก....................................Sinoxylon marseuli - หนามลาดปลายปีกสั้น รูปทรงกระบอกอ้วนป้อม ปลายเรียวหรือปลายทู่มีตุ่มแหลมขนาดเล็ก ขอบบริเวณปลายด้านในโค้งเช่นเดียวกับขอบนอก ผิวเรียบเป็นมันวาว ลาดปลายปีกโค้งนูนขึ้น ชัดเจน หลุมตื้นบนปีกและลาดปลายปีกขนาดเล็กมากขอบระหว่างหลุมหนากว้าง ..................................…………………………………………………………....Sinoxylon pachyodon
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 161 Sinoxylon anale Lesne, 1897 Sinoxylon anale Lesne, 1897d: 21. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม Branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: Sinoxylon gerinatum Schilsky, 1899: 80. Apatodes macleaya Blackburn, 1889: 1429. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ล าตัวอ้วนป้อม ปลายปีกตัด สีน้ าตาล-น้ าตาลเข้ม-น้ าตาลด า ตัวที่มีสีเข้ม พบน้อยมากมักมีแถบหรือแต้มสีจางกว่าอยู่ด้านข้างของปีกค่อนมาทางโคนปีก ขนาด 3.5-6.0 มม. ลาด ปลายปีกมีขอบเป็นสันนูนแบบเด่นชัดตลอดความยาวตั้งแต่ขอบปีก (สันคม) จนถึงกลางปีก (สันมน) บรรจบกันทั้งสองด้านท าให้ลาดปลายปีกมีลักษณะตัดเฉียง สันเชื่อมต่อกับขอบล่างปีก กึ่งกลางหน้าลาด ปลายปีกมีหนาม 1 คู่ หนามมีลักษณะรูปกรวยกลม ปลายแหลมชี้ตรงขนานกับพื้นหรืองอนขึ้นด้านบน ต าแหน่งของหนามแยกห่างกัน พืชอำหำร: หลากหลาย ท าลายได้ทั้งไม้ที่มีความชื้นสูงและไม้แห้ง เป็นศัตรูส าคัญของไม้แปรรูปและ ผลิตภัณฑ์จากไม้แปรรูป รวมทั้งไม้ยางพารา กำรกระจำย: กระจายทั่วโลกจากการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 162 กำรกระจำยในประเทศไทย: ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ชัยภูมิอุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร อุบลราชธานี นครราชสีมา สุรินทร์ อุทัยธานีราชบุรี สมุทรสงคราม กรุงเทพมหานคร อยุธยา ชลบุรีระยอง จันทบุรีเพชรบุรีพังงา กระบี่ตรัง สตูล ชุมพร สุราษฎร์ธานีนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา Sinoxylon atratum Lesne, 1897 Sinoxylon atratum Lesne, 1897d: 20. Sinoxylon atratum kohlarianum Lesne, 1906b: 540. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม Branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 3.4-4.5 มม. ล าตัวสีน้ าตาลแดง-น้ าตาลด า-ด า ล าตัวปก คลุมด้วยขนยาวสีขาวเทาหนาแน่น อีพิสโตมาไม่มีหนามหรือมีหนามขนาดเล็ก 2 อัน หน้าไม่มีขนยาวปก คลุม หนวดปล้องที่ขยายใหญ่แคบ (ยื่นยาวออกด้านข้างน้อยมาก) ปล้องที่ 2 กว้างเท่ากับยาว ขอบลาด ปลายปีกไม่มีสันนูนตามความยาวล าตัว หน้าลาดปลายปีกมีหนาม 1 คู่ หนามมีต าแหน่งบนตะเข็บปีก หนามแบนทั้งสองด้าน ปลายแหลม มองจากด้านข้างรูปตะขอโค้งลง
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 163 พืชอำหำร: Anogeissus latifolia, Acacia catechu, Cedrela augustifolia, C. odorata, Toona ciliate, Santalum album กำรกระจำย: อินเดีย จีน กำรกระจำยในประเทศไทย: ในประเทศไทยรายงานโดยไม่ระบุพื้นที่ Sinoxylon birmanum Lesne, 1906 Sinoxylon birmanum Lesne, 1906b: 540. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: -
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 164 ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 4.0 มม. สีด า หนวดและรยางค์ปากสีน้ าตาล-น้ าตาลด า ล าตัวปกคลุมด้วยขนสั้นสีขาวอมเทา-น้ าตาลเทา หนาแน่น อีพิสโตมามีหนาม 4 อัน หน้ามีขนยาวปก คลุมเบาบาง หนวดแบบใบไผ่ กว้างมากกว่ายาว 2 เท่า อกปล้องแรกมีขนยาวปานกลาง สีเทา ปกคลุม หนาแน่น ฐานปล้องอกปกคลุมด้วยปุ่มนูนขนาดเล็ก (carinules) รูปหยดน้ าและทรงกระบอกเรียงตาม แนวยาว ลาดปลายปีก บริเวณด้านบนกึ่งกลางและด้านล่างบุ๋มลงตื้น ๆ ด้านบนบริเวณขอบลาดปลาย ปีกนูนขึ้นเล็กน้อย หน้าลาดปลายปีกมีหนาม 1 คู่ บริเวณกึ่งกลางบนตะเข็บปีก หนามด้านข้างแบนโคน ชิดปลายแยกออกจากกัน ปลายแหลม หนามมองจากด้านข้างขอบด้านบนเฉียงลงตรง ด้านล่างยื่นโค้งมารับมองเป็นรูปสามเหลี่ยมท ามุมเฉียงลง 45 องศา พืชอำหำร: กิ่งลิ้นจี่ (แห้ง) (Litchi chinensis) ไม้ฟืน (ไม่ทราบชนิด) กำรกระจำย: มาเลเซีย เยอรมัน (น าเข้า) กำรกระจำยในประเทศไทย: อุทัยธานีตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ Sinoxylon crassum Lesne, 1897 Sinoxylon crassum Lesne, 1897: 1897d: 21. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: Sinoxylon coptura Lesne 1897d: 21. (nomen nudum) Sinoxylon crassum dekkanense Lesne, 1906b: 538. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 6.0-8.5 มม. ล าตัวอ้วนป้อมมาก มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบ กับมอดขี้ขุยเทียมชนิดอื่น ๆ ในสกุลเดียวกัน ล าตัวปกคลุมด้วยขนบางสีน้ าตาลแดง ขอบลาดปลายปีกมี หนามเป็นสันขนาดใหญ่ข้างละสองคู่บริเวณด้านข้างของปีก หนามหน้าลาดปลายปีกชิดกัน ด้านนอกโค้ง มน ด้านในแบน
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 165 พืชอำหำร: หลากหลาย โดยเฉพาะกระพี้ของไม้ไม้ยางพารา กิ่งล าไยและลิ้นจี่ กำรกระจำย: เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป (น าเข้า) กำรกระจำยในประเทศไทย: ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น สกลนคร สุพรรณบุรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา Sinoxylon cucumella Lesne, 1906 Sinoxylon cucumella Lesne, 1906b: 544. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง:- ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 4.8-5.3 มม. ล าตัวเป็นมันวาวไม่มีขนปกคลุม สีน้ าตาล แดง-แดงปนด า-ด า หลุมตื้นบริเวณปีกมีขนาดเล็ก ปีกเป็นมันวาว ลาดปลายปีกเป็นมันวาว หลุมตื้นบน ลาดปลายปีกมีขนาดเล็กมาก กระจายห่าง ๆ คั่นด้วยพื้นผิวเรียบเป็นมันวาวขนาดใหญ่ หน้าลาดปลาย ปีกมีหนาม 1 คู่ บริเวณบนตะเข็บปีก หนามมีลักษณะเป็นสันนูนเตี้ยลาดตามแนวปลายปีกปลายมน หนามผิวเกลี้ยงเป็นมันเช่นเดียวกับหน้าลาดปลายปีก หนวดปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาว 4 เท่า
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 166 พืชอำหำร: แข้งกวาง (Wendlandia tinctoria), สัก (Tectona grandis), ไม้พุ่มถูกไฟ ใหม้ไม่ทราบชนิด กำรกระจำย: อินเดีย ภูฏาน เวียดนาม กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่ (เชียงดาว)
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 167 Sinoxylon flabrarius Lesne,1906 Sinoxylon flabrarius Lesne, 1906b: 543. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 6-6.5 มม. ล าตัวขนาดใหญ่อ้วนป้อม สีน้ าตาลด า-ด า ปก คลุมด้วยขนยาวสีเทา อีพิสโตมามีหนามสั้นปลายแหลมขนาดใหญ่4 อัน และมีขนสีขาวเทายาว ปาน กลางปกคลุม หนวดปล้องที่ขยายใหญ่กว้างมาก (ยื่นยาวด้านข้างมาก) กว้างมากกว่ายาว 5 เท่า ลาด ปลายปีกลาดเฉียง หน้าลาดปลายปีกมีหนาม 1 คู่ บนตะเข็บปีก หนามด้านข้างแบน ผิวเรียบโค้งลาดลงด้านล่าง มองจากด้านข้างคล้ายตะขอ พืชอำหำร: ไม้ฟืนไม่ทราบชนิด (แห้ง) กำรกระจำย: อินเดีย ภูฏาน พม่า จีน (ตอนใต้) เวียดนาม ยุโรป (น าเข้า) กำรกระจำยในประเทศไทย: ตาก เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 168 Sinoxylon mangiferae Chûjô, 1936 Sinoxylon mangiferae Chûjô, 1936: 407. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 4.16 มม. ล าตัวสีน้ าตาล น้ าตาลแดง น้ าตาลด า-ด า ล าตัวปกคลุมด้วยขนยาว อีพิสโตมาไม่มีหนามหรือหนามขนาดเล็กมาก หน้ามีขนยาวสีเทา-น้ าตาล ปก คลุม หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ขยายกว้างน้อยกว่า (ยืดยาวด้านข้างน้อย) เมื่อเปรียบเทียบกับ S. tignarium กว้างมากว่ายาว 3.0-3.2 เท่า หนวดมีขนหนาสั้นมากปกคลุมทั่วไป ขอบลาดปลายปีกมีสัน นูนตามความยาว 3 คู่ หน้าลาดปลายปีกมีหนาม 1 คู่ หนามห่างจากตะเข็บปีก หนามรูปกรวย (conical) ปลายแหลมด้านในแบน ด้านนอกนูนโค้งออก พืชอำหำร: มะม่วง (mangifera indica) กำรกระจำย: อินเดีย เนปาล ไต้หวัน กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่ เลย หมำยเหตุ: มอดชนิดนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับ S. tignarium มาก อาจเป็นชนิดเดียวกัน การเปรียบเทียบ ตัวอย่างต้นแบบของทั้งสองชนิดและการจ าแนกโดยใช้วิธีชีวโมเลกุลเพิ่มเติมอาจตอบข้อสงสัยนี้ได้ใน อนาคต
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 169 Sinoxylon marseuli Lesne, 1895 Sinoxylon marseuli Lesne, 1895: 177. Sinoxylon marseuli convexicauda Lesne, 1932: 657. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 4.0-5.0 มม. อ้วนป้อม ปีกสั้น ปลายปีกตัด ชัน ล าตัว ขยายออกทางด้านหลัง ปลายปีกมีขนาดใหญ่ (กว้าง) กว่าโคนปีก หลุมตื้นมีขนาดใหญ่ขึ้นจากโคนปีก ไปสู่ปลายปีก ขอบลาดปลายปีกมีสันนูนยื่นเลยขอบปลายปีก 3-5 สัน หน้าลาดปลายปีกบริเวณกึ่งกลาง มีหนามใหญ่ 1 คู่ หนามรูปกรวย (conical) ด้านข้างแบน (laterally compressed) ชี้ตรงไปด้านหลัง พืชอ ำห ำ ร: พะยูงอินเดีย (Dalbergia latifolia), ย่ านงด (Poikilospermum suaveolens), หางไหล (Derris elliptica), เถาวัลย์แข็ง (woody vine) ไม่ทราบ ชนิด กำรกระจำย: อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เขตสัตว์ภูมิศาสตร์ออเรียลทอล กำรกระจำยในประเทศไทย: เพชรบุรีกาญจนบุรีพังงา
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 170 Sinoxylon pachyodon Lesne, 1906 Sinoxylon pachyodon Lesne, 1906b: 486. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 3.75-4.2 มม. ล าตัวสั้น อ้วนป้อม เกลี้ยง สีน้ าตาลแดงน้ าตาลด า อกสีเข้มกว่าปีก ปีกเกลี้ยงเป็นมัน หลุมตื้นขนาดใหญ่และลึกมากขึ้นจากโคนปีกสู่ปลายปีก ขอบลาดปลายปีกมีสันนูนสั้น ๆ เรียงในแนวยาว 7 สัน สันนูนขึ้น ผิวเป็นมัน สันที่ 1-5 ด้านบนเล็กกว่า 2 สันด้านล่างใกล้ขอบปีก (6-7) หน้าลาดปลายปีกโค้งนูนขึ้นอย่างชัดเจน ลาดปลายปีกมีหลุมตื้นขนาด เล็ก หลุมลึกขอบหนาใหญ่มนเป็นมันวาว กึ่งกลางลาดปลายปีกมีหนามขนาดใหญ่ 1 คู่ หนามห่างจาก ตะเข็บกึ่งกลางปีก หนามทรงกระบอกอ้วนป้อม ปลายมนหรือปลายแหลม มองจาก ด้านข้างชี้ไปทางด้านหลัง มองจากด้านบนปลายโค้งเข้าหากันด้านในลาดปลายปีก พืชอำหำร: Cynometra polyandra, เถาวัลย์แข็ง (woody vine) ไม่ทราบชนิด กำรกระจำย: อินเดีย พม่า ลาว กำรกระจำยในประเทศไทย: กาญจนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 171 Sinoxylon parviclava Lesne, 1918 Sinoxylon parviclava Lesne, 1918: 490. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม Branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง:- ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 4.7-5.0 มม. สีน้ าตาลด า-ด า (อกและปีกด า หรือ อกด า แต่ปีกใกล้ฐานปีกน้ าตาลแดง) ล าตัวปกคลุมด้วยขนยาวสีเทา-น้ าตาลแดง อีพิสโตมาไม่มีหนามและไม่มี ขนยาว อาจพบขนสั้นบางราบไปกับผิวปกคลุม หนวดปล้องที่ขยายใหญ่แคบ ยื่นยาวออกด้านข้างน้อย มาก ปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาวน้อยกว่า 1.5 เท่า ขอบลาดปลายปีกไม่มีสัน ลาดปลายปีกโค้งนูนขึ้น เล็กน้อย ชัน หน้าลาดปลายปีกมีหนามบริเวณตะเข็บปีก 1 คู่ หนามมีขนาดเล็ก หนามด้านในแบนแนบ ชิดกัน ด้านนอกโป่งออกเล็กน้อย หนามมองจากด้านข้างรูปสามเหลี่ยมปลายแหลมชี้ตรง พืชอำหำร: ต้นกล้าประดู่ลาย (Dalbergia sissoo) ไม้สัก (Tectona grandis) ไม้ไผ่ ไม่ทราบชนิด กำรกระจำย: เขตสัตว์ภูมิศาสตร์ออเรียลทอล พม่า กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย กำรกระจำยในประเทศไทย: พะเยา ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 172 Sinoxylon pygmaeum Lesne, 1897 Sinoxylon pygmaeum Lesne, 1897d: 20. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: Sinoxylon pygmaeum annamitum Lesne, 1938a: 404. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 2.60-3.2 มม. ขนาดเล็ก ล าตัวสั้นลาดปลายปีกตัดชัน ล าตัว 2 สี อกด า รยางค์และปีกสีน้ าตาลแดง ลาดปลายปีกเข้มกว่าส่วนอื่น ๆ ของปีก ริมฝีปากบนและ หน้าเหนือร่องเหนือริมฝีปากบนแบน ด้านข้างส่วนที่แบนมีพู่ขนปกคลุม หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องที่ 2 กว้างมากกว่ายาวน้อยกว่า 3 เท่า ปลายปีกใกล้ขอบลาดปลายปีกผิวขรุขระ ขอบลาดปลายปีกเป็นสัน ตลอดความยาว ขอบลาดปลายปีกด้านข้างในระดับต่ ากว่าหนามลาดปลายปีกนูนขึ้นเป็น สัน 1-2 จุด ลาดปลายปีกมีหนาม 1 คู่ หนามห่างจากตะเข็บกลางปีก หนามด้านข้างแบน ปลายแหลม มองจากด้านข้างโค้งลง พืชอำหำร: มีพืชอาหารหลากหลายชนิด กำรกระจำย: อินเดีย เนปาล พม่า เวียดนาม กำรกระจำยในประเทศไทย: ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ นครนายก
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 173 Sinoxylon tignarium Lesne, 1902 Sinoxylon tignarium Lesne, 1902: 116. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง:- ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 4.0-5.0 มม. ล าตัวสีน้ าตาลด า อกและส่วนล่างด า ปีก และรยางค์สีน้ าตาล-น้ าตาลแดง ล าตัวปกคลุมด้วยขนยาวสีน้ าตาลแดง อีพิสโตมามีหรือไม่มีหนาม หาก มีหนามมีขนาดเล็ก 4 อัน หน้ามีพู่ขนปกคลุมเป็นแถวตามแนวขวางของหน้า หนวดปล้องที่ขยายปล้องที่ 1 แคบ (ยื่นออกทางด้านข้างน้อย) ปล้องที่ 2 กว้างมากว่ายาวน้อยกว่า 4 เท่า ลาดปลายปีกด้านบนมีสัน ตามความยาว 3 คู่ สันเตี้ยแต่ชัดเจน หนามคู่ล่างขอบปีกชัดเจนกว่าด้านบน ปลายปีก ใกล้ขอบลาดปลายปีกผิวขรุขระ ลาดปลายปีกมีหนาม 1 คู่ หนามห่างจากตะเข็บปีก หนามรูปสามเหลี่ยมด้านข้างแบน ปลายแหลม พืชอำหำร: Mallotus roxhurghianas, Mallotus roxburghianus, กำรกระจำย: อินเดีย (สิขิม อัสสัม) จีน (ตะวันตกเฉียงใต้) เวียดนาม กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่ Sinoxylon unidentatum (Fabricius, 1801) Sinoxylon unidentatum Fabricius, 1801: 377. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุย มอดขี้ขุยเทียม branch and twig borer, false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: Sinoxylon conigerum Gerstacker, 1855: 268. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 3.5-5.5 มม. ล าตัวอ้วนป้อม ปลายปีกโค้ง สีน้ าตาลเข้มน้ าตาลด า-ด า สีค่อนข้างสม่ าเสมอทั้งปีกไม่มีแต้มสีจางอย่าง S. anale ล าตัวเป็นมันวาวมีขนปกคลุม น้อย ปลายปีกโค้งลง ชัน ขอบลาดปลายปีกไม่มีสัน หนามหน้าลาดปลายปีกปลายโค้งออกด้านข้าง ไม่ ชิดกัน หนามชี้ตรงหรือโค้งลง ไม่โค้งขึ้น ฐานของหนามมีตุ่มเล็ก ๆ ล้อมรอบ
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 174 พืชอำหำร: สามารถท าลายพืชได้หลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นไม้แห้ง จัดเป็นศัตรู ส าคัญของไม้ยางพาราแปรรูปในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพาราแปรรูป รอง จาก S. anale กำรกระจำย: ทั่วโลกผ่านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง สมุทรสงคราม พังงา ตรัง สตูล ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง สงขลา
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 175 เผ่ำ Xyloperthini Lesne, 1921 Xyloperthini Lesne, 1921: 288. Type genus: Xylopertha Guerin-Meneville, 1845: XVII. เผ่าที่มีจ านวนสกุลมากที่สุดในวงศ์ Bostrichidae จ านวน 33 สกุล แต่มีสมาชิกในแต่ละสกุล ค่อนข้างน้อยชนิด และบางสกุลมีสมาชิกเพียงชนิดเดียว มอดเผ่านี้ปรับตัวให้อยู่ในพื้นที่แห้ง อย่างไรก็ ตามพบบางส่วนในพื้นที่ชื้น ในป่าดิบชื้นเขตร้อน มอดเผ่านี้มีลักษณะเด่นที่ใช้ในการจ าแนกดังนี้ อินเตอร์ คอกซอลโปรเซสบนปล้องท้องปล้องที่ 1 เป็นแผ่นบาง (lamiform) ตามยาว มองเห็นลักษณะเป็นสัน บาง กรามยาวสามารถซ้อนกันได้บริเวณปลาย อีพิเมอรอลของขาคู่กลาง (metepimeron) ด้านปลาย ยื่นแคบลงยาวใกล้สัมผัสส่วนท้องของอกปล้องที่ 3 (metasternum) ส่วนใหญ่มีความแตกต่างระหว่าง เพศ (sex-dimorphism) ในประเทศไทยพบ 13 สกุล 18 ชนิด รูปวิธำนระดับสกุลของเผ่ำ Xyloperthini Lesne, 1921 ในประเทศไทย [รูปวิธานไม่รวมมอดชนิด Xyloperthella crinitarsis (Imhoff, 1843) เนื่องจากผู้เขียนไม่สามารถ เข้าถึงตัวอย่างเพื่อใช้ศึกษาลักษณะได้] 1. หนวด 10 ปล้อง.......................................................................................................................6 – หนวดน้อยกว่า 10 ปล้อง.………………………….…………………..…….….………………………….……....2 2. หนวด 8 ปล้อง……………………………………….………….………….......………………….…………….…….3 – หนวด 9 ปล้อง..........................................................................................................................4 3. หนวดสั้นกว่าอกปล้องแรกชัดเจน เส้นหนวดยาวพอ ๆ กับหนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องแรก หนวดปล้องสุดท้ายมีส่วนรับประสาทสัมผัส (sensory impressions) เป็นรอยบุ๋มกลมมีขอบ ชัดเจน ลาดปลายปีกมีหนามขนาดใหญ่ 1 คู่…………………………………………..…Octodesmus – หนวดยาวกว่าอกปล้องแรกชัดเจน เส้นหนวดสั้นกว่าปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องแรก หนวดปล้อง สุดท้ายไม่มีส่วนรับประสาทสัมผัส ด้านข้างของปลายปีกมีสันนูนขนาดใหญ่มากกว่า 1 สัน สัน อาจจะยื่นเลยขอบปลายปีกแต่จะไม่มีลักษณะเป็นหนามแหลมขนาดใหญ่.......Octomeristes 4. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ไม่มีบุ๋มประสาทสัมผัสชัดเจน หน้าไม่มีกระจุกขนยาว ด้านข้างของ ปล้องอกมีเส้นขอบเป็นสันชัดเจน มุมด้านหลังปล้องอก (postero-lateral angles) แหลม ลาดปลายปีกตัดทั้งสองเพศ...............Xylopsocus (capucinus, intermedius, radula) – หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องที่ 1 และ 2 มีบุ๋มประสาทสัมผัสไม่บุ๋มลงแต่มีบริเวณที่มีขน หนาแน่นหรือเป็นรูประสาทสัมผัส ลาดปลายปีกมีความแตกต่างระหว่างเพศ.........................5 5. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่บุ๋มประสาทสัมผัสมีลักษณะเป็นรูขนาดเล็กหนาแน่น ล าตัวรูป ทรงกระบอกเรียวยาวกว่า มุมด้านหน้าอกปล้องแรกมีหนามคล้ายตะขอทั้งสองเพศ เพศผู้ไม่มี
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 176 แผ่นเพียวรอลพีช (pleural pieces) (Psicula)..................................Psicula heterogama - หนวดปล้องที่ขยายใหญ่บุ๋มประสาทสัมผัสมีลักษณะเป็นบริเวณที่มีขนหนาแน่น ล าตัวสั้นป้อม กว่า มุมด้านหน้าปล้องอกมีหนามคล้ายตะขอเฉพาะเพศผู้เพศผู้ปล้องท้องปล้องสุดท้ายมี แผ่นเพียวรอลพีช………..……………………………………………………………….……………Xylopertha 6. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ไม่มีบุ๋มประสาทสัมผัส ด้านข้างของปล้องอกมีเส้นขอบเป็นสันชัดเจน มุมด้านหลังปล้องอก (postero-lateral angles) แหลม ………………………………..……..……….7 – หนวดปล้องที่ขยายมีบุ๋มประสาทสัมผัสชัดเจน อกด้านข้างไม่มีสัน มุมด้านหลังปล้องอกกลม.................8 7. ล าตัวยาว 3.5–4 มม. หน้าทั้งสองเพศไม่มีพู่ขน ปลายปล้องท้องปล้องสุดท้ายไม่มีแผ่น เพียวรอลพีช.................................................…………………...……………..……………Xylopsocus – ล าตัวยาว 6–7.5 มม. เพศเมียหน้ามีพู่ขน ปลายปล้องท้องปล้องสุดท้ายมีแผ่นเพียวรอน พีช……………………………………………………………………..………………………Xylothrips flavipes 8. ส่วนปลายลาดปลายปีกไม่เว้า ปล้องท้องปล้องสุดท้ายของเพศเมียไม่เว้า……………….………….9 – ส่วนปลายลาดปลายปีกเว้าเข้ารูปแบบต่าง ๆ ปล้องท้องปล้องสุดท้ายของเพศเมียเว้า………10 9. ความยาวล าตัว 4.5–5 มม. ลาดปลายปีกค่อย ๆ โค้งลง ไม่มีหนามบริเวณขอบ ลาดปลายปีก แบน……………….……………….……….…………………………………………………… Paraxylion bifer – ขนาดล าตัวยาว 6–8.5 มม. ลาดปลายปีกชัน โค้งขึ้นเล็กน้อย ขอบลาดปลายปีกด้านบนมี หนาม (spines) 3 คู่ ………………..………………………………..……………..…..………….Xylodrypta 10. บุ๋มประสาทสัมผัสไม่ชัดเจน ลาดปลายปีกเหมือนกันทั้งสองเพศ ปล้องท้องปล้องสุดท้ายไม่มี แผ่นเพียวรอลพีช ………………………………………………………………………..………………………….11 - บุ๋มประสาทสัมผัสชัดเจน ลาดปลายปีกแตกต่างกันระหว่างเพศ ปล้องท้องปล้องสุดท้ายมีแผ่น เพียวรอลพีช………………………………………………..…………………………………………………………12 11. หนวดปล้องที่ขยายใหญ่บุ๋มประสาทสัมผัสไม่ปรากฏหรือไม่เด่นชัด ลาดปลายปีกเว้าสม่ าเสมอ (concave) เพศเมียปล้องท้องปล้องที่ 4 ขยายใหญ่เป็นแผ่นบางรูปใบไม้ (leaf like) โค้งคลุม ปล้องที่ 5 ปล้องที่ 5 กึ่งกลางเว้าเข้าเล็กน้อย (emarginate) ขนาดล าตัว 2.2-3.0 มม. ………….………………………………………………………………….………Calonistes antennalis – หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องที่ 1 และ 2 มีบุ๋มประสาทสัมผัส 2 จุดปริเวณขอบหน้า ลาด ปลายปีกโค้งขึ้นเล็กน้อย ปล้องท้องปกติ ไม่มีความแตกต่างระหว่างเพศ ขนาด 3.5–6 มม. ........................................................................................………… Xylodectes ornatus 12. หนวดเชื่อมกับส่วนหัวต่ ากว่า intero-lateral margin of eyes หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ปล้อง ที่ 1 และ 2 มีบุ๋มประสาทสัมผัสเป็นรูพรุนเรียงตัวชิด เพศผู้ปลายปีกด้านบนไม่มีหนามขนาด เล็ก เว้าตื้นเป็นรูปตัววี เพศเมีย ปลายปีกเว้าเป็นร่องลึกจนถึงกึ่งกลางลาดปลายปีก ท้องปล้อง
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 177 ที่ 5 เว้าลึกบริเวณกึ่งกลาง.……………………………………………………… Infrantenna fissilis – หนวดเชื่อมกับส่วนหัวบริเวณ intero-lateral margin of eyes หนวดปล้องที่ขยายใหญ่ บริเวณขอบหน้าของปล้องที่ 1 และ 2 มีกลุ่มขนรับประสาทสัมผัสหนาแน่น เพศผู้ปลายปีก ด้านบนมีหนามขนาดเล็ก 1 คู่ ปลายลาดปลายปีกกลมไม่เว้า เพศเมีย ด้านล่างลาดปลายปีกมี ขอบนูนรูปตั ววีค ว่ า ขอบด้ านล่ างมีหน ามแบน 1 คู่ ท้องปล้องที่ 5 เ ว้ ากว้ างๆ ...............................................................................................................Xylocis tortilicornis
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 178 สกุล Calonistes Lesne, 1936 Calonistes Lesne, 1936: 137. Type species: Calonistes antennalis Lesne, 1936: 138. Calonistes antennalis Lesne, 1936 Calonistes antennalis Lesne, 1936: 138. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 2.2-3.0 มม. ขนาดเล็ก ล าตัวสั้น (less elongated) อก ปล้องแรกมองจากด้านบนสั้นกว้างมากกว่ายาว มีลักษณะล าตัวแบบสองสี หัวอกและปีก สีน้ าตาลน้ าตาลด า ปลายปีกสีเข้มกว่าส่วนอื่น ปีกบริเวณใกล้ฐานปีกและด้านข้างใกล้ขอบปีกเยื้องมาทางหลังใกล้ ปลายปีกมีแต้มสีจางกว่าสีเหลืองอมน้ าตาล หนวดยาวกว่าปล้องอก ยาวเกือบครึ่งหนึ่งของความยาว ล าตัว ปีกด้านหน้าเรียบ ปลายปีกขรุขระ มีหลุมตื้นขนาดใหญ่ หลุมตื้นขนาดใหญ่ขึ้นจาก ด้านหน้าสู่ปลายปีก ลาดปลายปีกตัด ชัน มีขอบชัดเจน ขอบด้านข้างลาดปลายปีกมี หนามแหลม 2 คู่ หนามปลายแหลม คู่ที่สองขนาดใหญ่กว่าคู่แรก พืชอำหำร: - กำรกระจำย: มาเลเซีย กำรกระจำยในประเทศไทย: สุราษฏร์ธานี สงขลา
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 179 สกุล Infrantenna Liu and Sittichaya, 2022 Type species: Infrantenna fissilis Liu and Sittichaya, 2022: 46. Infrantenna fissilis Liu and Sittichaya, 2022 Infrantenna fissilis Liu and Sittichaya, 2022: 48. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle auger beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ล าตัวยาว 3.3–3.6 มม. รูปทรงกระบอกยาว ยาวมากกว่ากว้าง 2.6-3.0 เท่า สีน้ าตาลแดง ด้านหน้าไม่มีพู่ขน ฐานหนวดต่ าต าแหน่งเยื้องมาทางด้านล่างของตารวม (บริเวณร่อง เหนือริมฝีปากบน) หนวด 10 ปล้อง ขอบด้านหน้าของหนวดปล้องที่ขยายปล้องที่ 1 และ 2 มีบุ๋ม ประสาทสัมผัสรูปตัวซี เพศผู้: ลาดปลายปีกตัด มีขอบเป็นสันเกือบล้อมรอบขอบลาด ปลายปีก ลาดปลายปีกเฉียง ไม่มีหนามหรือสันตามแนวยาว ปล้องท้องปล้องสุดท้ายไม่มี แผ่นเพียวรอลพีช เพศเมีย: ลาดปลายปีกชันแคบ ปีกเว้าลึกเป็นร่องแคบจากปลายปีก เว้าลึกถึงกึ่งกลางลาดปลายปีก ขอบปีกบริเวณที่เว้าหนาเป็นสัน พืชอำหำร: ไม้ก่อหมาดไม่ทราบชนิด กำรกระจำย: เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน (พบแพร่กระจายเฉพาะในประเทศไทย)
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 180 สกุล Octodesmus Lesne, 1901 Octodesmus Lesne, 1901a: 616. Type species: Octodesmus episternalis Lesne, 1901a: 618. Subsequent designation by Fisher, 1950: 115. รูปวิธำนระดับชนิดของ Octodesmus Lesne, 1901 ในประเทศไทย 1. มุมด้านหน้าอกปล้องแรกไม่มีหนามแหลมยื่นคล้ายตะขอ (lateral tooth) ลาดด้านหน้า บริเวณเหนือขอบด้านหน้า (anterior margin) ขรุขระเล็กน้อย หนามบริเวณลาดปลายปีก เชื่อมต่อจากขอบลาดปลายปีก ล าตัวขนาดใหญ่กว่า 3.2-5.5 มม. .................... ...................................................................................................Octodesmus episternalis - มุมด้านหน้าอกปล้องแรกมีหนามแหลมยื่นคล้ายตะขอ ลาดด้านหน้าบริเวณเหนือขอบ ด้านหน้าของอกปล้องแรกเรียบเป็นมันวาว หนามบริเวณลาดปลายปีกอยู่ภายในลาดปลายปีก ขนาดเล็กกว่า 2.0-2.5 มม. ...........................................................Octodesmus parvulus Octodesmus episternalis Lesne, 1901 Octodesmus episternalis Lesne, 1901a: 618. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 3.2-5.5 มม. หนวดสั้นกว่าอกปล้องแรก เส้นหนวดยาว ใกล้เคียงกับหนวดปล้องที่ขยายปล้องที่ 1 หนวดปล้องที่ 3 มีบุ๋มประสาทสัมผัสลักษณะกลม 1 คู่ ลาด ปลายปีกมีหนามขนาดใหญ่ 1 คู่ เพศผู้: ไม่มีเพียวรอลพีช มุมด้านหน้าอกปล้องแรกไม่มีหนามแหลมยื่น คล้ายตะขอ ลาดด้านหน้าบริเวณเหนือขอบด้านหน้า (anterior margin) ของอก ปล้องแรกขรุขระเล็กน้อย หนามบริเวณลาดปลายปีกเชื่อมต่อจากขอบลาดปลายปีก เพศเมีย: ปล้องท้องปล้องที่ 3 ไม่เปลี่ยนรูป พืชอำหำร: - กำรกระจำย: อินเดีย พม่า สหรัฐอเมริกา (น าเข้า) กำรกระจำยในประเทศไทย: เพชรบูรณ์
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 181 Octodesmus parvulus (Lesne, 1897) Octodesmus parvulus Lesne, 1897d: 19. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, auger beetle ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 2.0-2.5 มม. ขนาดเล็ก หนวดสั้นกว่าอกปล้องแรก เส้น หนวดยาวใกล้เคียงกับหนวดปล้องที่ขยายปล้องที่ 1 หนวดปล้องที่ 3 มีบุ๋มประสาทสัมผัสลักษณะกลม 1 คู่ ลาดปลายปีกมีหนามขนาดใหญ่ 1 คู่ เพศผู้: ไม่มีเพียวรอลพีช มุมด้านหน้าอกปล้องแรกมีหนามแหลม ยื่นคล้ายตะขอ ลาดด้านหน้าบริเวณเหนือขอบด้านหน้าของอกปล้องแรกเรียบเป็นมัน วาว หนามบริเวณลาดปลายปีกอยู่ภายในขอบ เพศเมีย: ปล้องท้องปล้องที่ 3 ไม่เปลี่ยน รูป พืชอำหำร: - กำรกระจำย: อินเดีย สหราชอาณาจักร (น าเข้า) กำรกระจำยในประเทศไทย: อุบลราชธานี สกุล Octomeristes Liu and Beaver, 2016 Octomeristes Liu and Beaver 2016: 3. Type species: Octomeristes pusillus Liu and Beaver, 2016: 3. Octomeristes pusillus Liu and Beaver, 2016 Octomeristes pusillus Liu and Beaver, 2016: 3. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง:- ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 1.9–2.1 มม. ขนาดเล็กมาก สีน้ าตาลเข้มเป็นมันวาว หนวดยาวกว่าปล้องอกอย่างชัดเจน เส้นหนวดสั้นกว่าปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องแรกมาก หนวดปล้องที่ ขยายใหญ่เป็นรูปวงรี ปล้องที่ 3 ไม่มีบุ๋มประสาทสัมผัส หน้าลาดปลายปีกไม่มีหนาม ขอบลาดปลายปีกมี สันนูนตามความยาวด้านละ 3 สัน สันท ามุมเอียงเข้าด้านในลาดปลายปีกเล็กน้อย สันยาวยื่นเลยขอบ ลาดปลายปีกเล็กน้อยมีลักษณะเป็นหนามปลายทู่ เพศผู้: ปล้องท้องปกติไม่เปลี่ยนรูป ปล้องท้องปล้อง สุดท้ายมีแผ่นเพียวรอลพีช เพศเมีย: ปล้องท้องปล้องที่ 3 หนาขึ้นและเปลี่ยนรูปซ้อนทับปล้องที่ 4 ปล้องที่ 4 มีหนามขนาดเล็ก 1 คู่
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 182 พืชอำหำร: กิ่งลิ้นจี่ (Litchi chinensis) กำรกระจำย: เชียงใหม่ น่าน (พบเฉพาะในประเทศไทย) สกุล Paraxylion Lesne, 1941 Paraxylion Lesne, 1941a: 150. Type species: Xylion bifer Lesne, 1932: 659. Paraxylion bifer (Lesne, 1932) Xylion bifer Lesne, 1932: 659. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง: Xylion bifer Javanicus Lesne, 1932: 659.
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 183 ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 2.45-2.68 มม. ล าตัวป้อมสั้น สีน้ าตาลแดง ล าตัวยาว มากกว่ากว้าง 2.31 เท่า หนวด 9 ปล้อง เส้นหนวดสั้นกว่าปล้องที่ขยายใหญ่ปล้องแรกและยาวไม่เกิน กึ่งหนึ่ง ปล้องที่ขยายปล้องที่ 1 รูปตาลปัตร ปล้องที่ 2 กลมยาวมากกว่ากว้างเล็กน้อย ปล้องที่ 3 รูปไข่ ยาว ยาวมากกว่ากว้าง 2 เท่า หน้าทั้งสองเพศไม่มีพู่ขน ปีกสั้น ลาดปลายปีกยาวครึ่งหนึ่งของปีก ลาด ปลายปีกเฉียงลาดลง ขอบบนของลาดปลายปีกมีหนามขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยมฐานกว้าง 2 คู่ หนาม ปลายทู่ พืชอำหำร: กิ่งลิ้นจี่ (แห้ง) (Litchi chinensis)คอแลน (หมาด) (Nephelium hypoleucum)กิ่งทุเรียน (หมาด) (Durio zibethinus) ไม้พะยูงอินเดีย (Dalbergia latifolia) สัก (Tectona grandis) กำรกระจำย: อินเดีย จีน พม่า เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย กำรกระจำยในประเทศไทย: ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ล าพูน ล าปาง เลย ขอนแก่น สกลนคร อุทัยธานี สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา สกุล Psicula Lesne, 1941 Psicula Lesne, 1941: 146. Type specimen: Psicula heterogama Lesne, 1941: 147.
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 184 Psicula heterogama Lesne, 1941 Psicula heterogama Lesne, 1941: 147. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borer ชื่อพ้อง:- ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 2.84-3.20 มม. ล าตัวรูปทรงกระบอกยาว สองสี เป็นมัน วาว ลาดด้านหน้าอกปล้องแรก ด้านข้างของปีกจากฐานถึงกึ่งกลาง ตะเข็บและขอบลาดปลายปีกสี น้ าตาลด า ส่วนอื่นของล าตัวสีน้ าตาลนวล หน้า บริเวณอีพิสโตมามีพู่ขนปกคลุมตลอดแนวขวาง อก ปล้องแรกมองจากด้านบนรูปครึ่งวงกลม กว้างมากกว่ายาว ขอบด้านข้างโค้งออกค่อนข้างมาก ลาด ด้านหน้ามีหนามขนาดใหญ่ตัดกับฐานที่มีลักษณะเรียบเป็นมันวาว หนามบริเวณมุมด้านหน้าขนาดกลาง หนามโค้งขึ้น เพศผู้: ปลายปีกตัด ลาดปลายปีกมีขอบเป็นสันคมตลอดทั้งความยาว ขอบด้านบนลาด ปลายปีกมีหนามปลายแหลมขนาดเล็ก 1 คู่ ด้านหน้าลาดปลายปีกแบนมีขนยาวปกคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณขอบ เพศเมีย: ลาดปลายปีกมีขอบโค้งมนไม่เป็นสัน ลาดปลาย ปีกชัน แคบ ขอบด้านบนลาดปลายปีกมีสันโค้งนูนตามความยาวสั้น ๆ 2 คู่ สันเริ่มจาก ขอบลาดปลายปีกยื่นเข้าไปภายในลาดปลายปีกเล็กน้อย กึ่งกลางลาดปลายปีกมีสันแคบ นูนบริเวณตะเข็บปีก ปลายปีกเว้าเข้า พืชอำหำร: ไม้ก่อไม่ทราบชนิด ไม้แห้งไม่ทราบชนิด (กิ่งหักจากลมกันโชก) กำรกระจำย: อินเดีย (สิกขิม) กำรกระจำยในประเทศไทย: น่าน ตาก
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 185 สกุล Xylocis Lesne, 1901 Xylocis Lesne, 1901a: 519. Type species: Xylocis tortilicornis Lesne, 1901a: 520. Xylocis tortilicornis Lesne, 1901 Xylocis tortilicornis Lesne, 1901a: 520. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 2.32-2.60 มม. สีน้ าตาล-น้ าตาลแดง ล าตัวรูป ทรงกระบอกยาว ปลายปีกตัด ส่วนบนของลาดปลายปีกไม่มีหนาม หรือสันนูน หน้าไม่มีขนยาวปกคลุม หนวด 9 ปล้อง เส้นหนวดยาวกว่าหนวดปล้องที่ขยายปล้องที่ 1 หนวดปล้องที่ 1 และ 2 สั้น กว้าง มากกว่ายาว 2 เท่า ปล้องที่ 3 รูปไข่ ปล้องสั้น เพศผู้: ขอบลาดปลายปีกด้านข้างและด้านบนบางส่วน เป็นสันคม ด้านบนไม่มีสัน ลาดปลายปีกไม่มีหนามหรือสัน หลุมบริเวณลาดปลายปีกมีขนาดเล็กขอบ เรียบ เพศเมีย: ล่างสุดของหน้าลาดปลายปีกมีสันบางรูปตัววีคว่ า ปลายสุดตะเข็บปีกมีหนามแบนโค้งขึ้น 1 คู่
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 186 พืชอำหำร: ไม้เงาะ (Nephelium lappaceum) กำรกระจำย: อินเดีย จีน ศรีลังกา ไต้หวัน ลาว กำรกระจำยในประเทศไทย: ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ขอนแก่น สกลนคร เพชรบุรีกาญจนบุรีสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา สกุล Xylodectes Lesne, 1901 Xylodectes Lesne, 1901a: 536. Type species: Xylopertha ornata Lesne, 1897d: 19. Type designated by Chujo, 1937: 55. Xylodectes ornatus Lesne, 1897d: 19. Xylopertha ornatus Lesne, 1897d: 19. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 3.5-4.6 มม. ล าตัว 2 สี ลาดด้านหน้าอกปล้องแรก แต้ม กึ่งกลางด้านข้างปีก และลาดปลายปีกสีน้ าตาลด าตัดกับส่วนอื่น ๆ ของล าตัวที่มีสีน้ าตาลอ่อน-น้ าตาลอม
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 187 เหลือง ขอบด้านบนลาดปลายปีกมีหนามขนาดเล็ก 1 คู่ บริเวณกึ่งกลางขอบด้านข้างลาดปลายปีกมี หนามขนาดใหญ่มาก 1 คู่ หนามโค้งเข้าภายในลาดปลายปีก ปลายหนามแหลม เพศผู้: ปล้องท้องปล้อง สุดท้ายมีรูปร่าง-ขนาดปกติ มีกลุ่มขนบริเวณปลาย ไม่พบแผ่นเพียวรอลพีช หนามเรียวยาว ปลายแหลม โค้งมากว่า เพศเมีย: ปล้องท้องปล้องสุดท้ายบริเวณกึ่งกลางเว้าเข้าลึก ปล้องท้องปล้องสุดท้ายมีหนาม เรียบเป็นมันวาว 1 คู่ หนามด้านข้างลาดปลายปีกอ้วน สั้น โค้งน้อยกว่าเพศผู้ พืชอำหำร: หลุมพอ (Intsia palembanica) ลองกอง (Lansium domesticum) ไม้ พะยูงอินเดีย (Dalbergia latifolia) กำรกระจำย: อินเดีย พม่า ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน กำรกระจำยในประเทศไทย: ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ น่าน ฉะเชิงเทรา สุราษฎร์ธานี สกุล Xylodrypta Lesne, 1901 Xylodrypta Lesne, 1901a: 523. Type species: Xylodrypta bostrichoides Lesne, 1901a: 523. รูปวิธำนระดับชนิดของ Xylodrypta Lesne, 1901 ในประเทศไทย 1. หน้าเหนืออีพิสโตมาทั้ง 2 เพศ ไม่มีพู่ขนปกคลุม ล าตัวสีน้ าตาลเข้ม-น้ าตาลด า .................................................................................................Xylodrypta bostrichoides - หน้าเหนืออีพิสโตมาทั้ง 2 เพศ มีพู่ขนปกคลุมหนาแน่น ล าตัวสีจางกว่า สีน้ าตาล-น้ าตาลแดง ...............................................................................................................Xylodrypta lanna Xylodrypta bostrichoides Lesne, 1901 Xylodrypta bostrichoides Lesne, 1901a: 523. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ฐานอกปล้องแรกและส่วนหน้าของปีกตั้งแต่ฐานถึง ¾ ของปีกสีน้ าตาล เข้ม-ด า หน้าเหนือริมฝีปากบนและอีพิสโตมาไม่มีกลุ่มขน ฐานปล้องอกไม่เรียบ มีหนาม คล้ายเกล็ดขนาดเล็กปกคลุม ขอบบนลาดปลายปีกบริเวณตะเข็บไม่มีหนามแหลมขนาด เล็ก ขอบลาดปลายปีกมีหนาม 3 คู่ ปลายหนามมองจากด้านข้างทู่กลมกว้าง พืชอำหำร: - กำรกระจำย: อินเดีย กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 188 Xylodrypta lanna Liu and Beaver, 2021 ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง:- ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 5.7-7.5 มม. ล าตัวรูปทรงกระบอก ยาวมากกว่ากว้าง 3.0 เท่า สีน้ าตาล-น้ าตาลแดง-น้ าตาลเข้ม ฐานอกปล้องแรกและส่วนหน้าของปีกตั้งแต่ฐานถึง ¾ ของปีก สีน้ าตาล-น้ าตาลแดง ปลายปีกและลาดปลายปีกสีเข้มขึ้น หน้าเหนือริมฝีปากบนและ อีพิสโตมามีพู่ขนสีน้ าตาลปกคลุมหนาแน่น ฐานอกปล้องแรกเรียบเป็นมันวาว หลุมตื้น มีขนาดเล็กมาก กระจายห่างหรือไม่ปรากฏ ขอบลาดปลายปีกมีหนาม 4 คู่ หนาม บริเวณด้านบนสุดบริเวณใกล้ตะเข็บมีขนาดเล็ก ปลายแหลม คู่ที่ 2-4 มีขนาดใหญ่ คู่ที่ 2 หนามกลม คู่ที่ 3 และ 4 ฐานสามเหลี่ยม หนามมองจากด้านข้างแหลม เพศผู้: ขน บริเวณหน้าเหนือริมฝีปากบนและอีพิสโตมาสั้นกว่าเพศเมีย ท้องปล้องที่ 4 ปกติไม่ เปลี่ยนรูป เพศเมีย: ขนบริเวณหน้าเหนือริมฝีปากบนและอีพิสโตมายาวปกคลุมหนาแน่น ปล้องท้อง ปล้องที่ 4 บริเวณกึ่งกลางขอบนอกเว้าลงตื้น ๆ รูปสี่เหลี่ยมขอบบริเวณที่เว้าหนา เป็นมันวาว บริเวณ ขอบที่เว้ามีหนามแหลม 1 คู่ หนามผิวเรียบเป็นมันวาว พืชอำหำร: - กำรกระจำย: ลาว (แขวงหัวพัน) กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่ น่าน (ป่าดิบเขา 1,200-1,600 msl) เพชรบุรี (900 msl)
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 189 สกุล Xylopertha Guerin-Meneville, 1845 Xylopertha Guerin-Meneville, 1845: XVII. Type species: Apate sinuatus Fabricius, 1792: 362. Xylopertha praeusta (Germar, 1817) Apate praeusta Germar, 1817: 226. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง: Apate appendiculate Dejean 1833: 334. (nomen nudum) Xylopertha appendiculata Lucas, 1849: 466. Xylopertha dunensis Rai and Chatterjee, 1964: 122. Xylonites praeustus Lesne 1901b: 581. Xylopertha praeusta Rai and Chatterjee 1964: 124. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 4.0-8.0 มม. ยาวมากกว่ากว้าง 2.5-2.8 เท่า อกปล้อง แรกและด้านล่างล าตัวสีน้ าตาลด า-ด า ปีกสีน้ าตาล-น้ าตาลแดง เข้มขึ้นจากโคนสู่ปลายปีก ปลายปีกสี น้ าตาล-น้ าตาลด า ขอบด้านข้างลาดปลายปีกทั้งสองเพศ มีหนาม 1 คู่ เพศผู้: ลาดปลายปีกแบนใหญ่ กว่าเพศเมีย หนามมีขนาดใหญ่ยาวกว่า หนามโค้งเข้าด้านใน ลาดปลายปีกบริเวณปลายปีกโค้ง เต็ม ไม่ เว้า เพศเมีย: ลาดปลายปีกเล็กกว่า ลาดปลายปีกโค้งนูน หนามบริเวณลาดปลายปีกสั้นกว่า ปลายทู่ หรือปลายแหลม ปลายปีกบริเวณด้านล่างลาดปลายปีกเว้าเข้าทั้งสองด้าน
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 190 พืชอำหำร: หลากหลาย รวมทั้งสกุล Acacia, Castanea, Eucalyptus, Ficus, Mangifera, Pistacia, Populus, Quercus, Viburnum, Vitex กำรกระจำย: ยุโรป (ตอนใต้) แอฟริกาเหนือ อิสราเอล ตุรกี กำรกระจำยในประเทศไทย: ราชบุรี สกุล Xyloperthella Fisher, 1950 Xyloperthella Fisher, 1950: 116. Type species: Bostrichus piceus Olivier, 1790: 110. Xyloperthella crinitarsis (Imhoff, 1843) Apate crinitarsis Imhoff, 1843: 177. Xinoxylon pubescens Murray, 1867: 93. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง: Sinoxylon pubescens Murray, 1867: 93. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 5.9-6.9 มม. ล าตัวอ้วนป้อม สีน้ าตาลแดง-น้ าตาลด า ปก คลุมด้วยขนยาว ลาดด้านหน้าอกปล้องแรกและลาดปลายปีกสีน้ าตาลเข้ม ฐานปล้องอกและโคนปีกสี อ่อนกว่า หน้าทั้งสองเพศไม่มีกลุ่มขนยาว ขอบลาดปลายปีกมีหนาม 3 คู่ 2 คู่แรกมีต าแหน่งถัดจากขอบ
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 191 ลาดปลายปีกเล็กน้อย หนามปลายแหลมยื่นออกมาทางด้านหลัง คู่ที่ 3 เป็นสันนูนปลายทู่ ขอบลาด ปลายปีกเป็นสันเฉพาะด้านล่าง พืชอำหำร: โกโก้ (Theobroma cacao), Khaya invorensis, Millettia laurentii กำรกระจำย: แอฟริกาตะวันตก คองโก สหรัฐอเมริกา (น าเข้า) ยุโรป (น าเข้า) กำรกระจำยในประเทศไทย: ไทย (น าเข้า ติดมากับไม้น าเข้าจากประเทศคองโก) สกุล Xylopsocus Lesne, 1901 Xylopsocus Lesne, 1901a: 627. Type species: Apate capucinus Fabricius, 1781: 62. Designated by Chujo, 1937: 63. รูปวิธำนระดับชนิดของสกุล Xylopsocus Lesne, 1901 ในประเทศไทย 1. ขอบลาดปลายปีกไม่มีหนามหรือมีเพียงตุ่มหนามขนาดเล็ก 1 คู่..............................................2 - ขอบลาดปลายปีกมีหนามขนาดกลาง 2 คู่................................................................................3 2. ขอบลาดปลายปีกไม่หยักเป็นคลื่น ขอบมีหนามเป็นตุ่มขนาดเล็ก 1 คู่ ต าแหน่งของหนามอยู่ บ ริ เ ว ณด้ า น บ น 1/ 3 ข อง ล า ด ป ล า ย ปี ก ห น า ม ชี้ ไ ป ด้ า น ใ น ล า ด ป ล า ย ปี ก …………………………………………………………………..…………………………….Xylopsocus radula - ขอบลาดปลายปีกไม่มีหนาม ขอบลาดปลายปีกบริเวณด้านบน 1/3 ของลาดปลายปีกหยักเป็น คลื่น...............................................................................................Xylopsocus capucinus 3. ด้ านหน้ าล าดปล ายปีกบริเวณตะเข็บ (medial suture) มีหน ามขน าดกล าง 1 คู่ ..............................................................................................................Xylopsocus ensifer - ลาดปลายปีกมีหนามเฉพาะบริเวณขอบ (declivital margin) ด้านหน้าลาดปลายปีก (declivital face) ไม่มีหนาม...................................................................................................4 4. หน ามบ ริเ วณขอบล าดปล ายปีกย า วปล ายแหลม (acute) เด่นชัด หน วดมี 10 ปล้อง…………………………..………………………………….………..…..Xylopsocus acutespinosus - หนามบริเวณขอบลาดปลายปีกสั้น ปลายทู่ มน (blunt) หนวดมี 9 ปล้อง.............. …………………………………………………..………………….…………………Xylopsocus intermedius
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 192 Xylopsocus acutespinosus Lesne, 1906 Xylopsocus acutespinosus Lesne, 1906a: 424. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง: - ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 4.50 มม. รูปทรงกระบอก ยาวมากกว่ากว้าง 2.65 เท่า ปลายปีกกว้างมากกว่าโคนปีกเล็กน้อย ล าตัวสีน้ าตาล-น้ าตาลด า หนวด 10 ปล้อง เส้นหนวด 5 ปล้อง ขอบลาดปลายปีกมีหนาม 2 คู่ หนามปลายยาวเรียวแหลม ขอบลาดปลายปีกด้านข้างล าตัวเป็นสันนูน จุดเริ่มต้นของสันอาจพบเป็นสันนูนลาดไปกับขอบลาดปลายปีกคล้ายหนามปลายทู่ ด้านหน้าลาดปลายปีกไม่มีหนาม พืชอำหำร: - กำรกระจำย: อินเดีย เนปาล จีน (ยุนนาน) พม่า ลาว กำรกระจำยในประเทศไทย: เชียงใหม่ ชัยภูมิ เลย
สาขาวิชานวัตกรรมการเกษตรและการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รศ.ดร.วิสุทธิ์ สิทธิฉายา มอดขี้ขุยในประเทศไทย (Bostrichidae of Thailand) 193 Xylopsocus capucinus (Fabricius, 1781) Apate capucinus Fabricius, 1781: 62. ชื่อสำมัญ: มอดขี้ขุยเทียม false powderpost beetle, branch and twig borers ชื่อพ้อง: Bostrichus eremita Olivier, 1790: 110. Olivier, 1795: 13. Apate marginata Fabricius, 1801: 382. Lesne, 1901a: 632. Apate fuliginosa Dejean, 1833: 309. (nomen nudum) Apate infuscata Dejean, 1833: 309. (nomen nudum) Enneadesmus nicobaricus Redtenbacher, 1868: 114. Lesne, 1900a: 149. ลักษณะเด่นที่ใช้จ ำแนกชนิด: ขนาดล าตัวยาว 3.0-5.5 มม. รูปทรงกระบอก ค่อนข้างเรียว โดยทั่วไป พบล าตัวมี 2 สี ส่วนหัวและอกปล้องแรกสีเข้ม (น้ าตาลเข้ม-ด า) ปีกจางกว่า สีน้ าตาล-น้ าตาลแดง พบ มอดชนิดนี้ที่มีล าตัวสีเดียว (น้ าตาลด า-ด า) เป็นครั้งคราว ปลายปีกตัด ปล้องอกป้อม กว้างมากกว่ายาว ด้านข้างปล้องอกมีสันยกขึ้นครึ่งหนึ่งของปล้อง หนวด 9 ปล้อง เส้นหนวด 4 ปล้อง กรามไม่สมมาตร กรามด้านขวาปลายกลมไม่แหลมด้านซ้ายแหลม ลาดปลายปีกไม่มีหนาม ขอบลาดปลายปีกเป็นสันนูน ตลอดความยาวขอบ ขอบลาดปลายปีกบริเวณด้านบนถึงกึ่งกลางลาดปลายปีกหยักไปมา สันขอบลาด ปลายปีกอาจนูนขึ้นมีลักษณคล้ายปุ่ม แต่จะไม่เป็นหนามแหลมโค้งเข้าลาดปลายปีก