The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้
“รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต”
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bangplamaschool, 2022-07-09 22:52:19

แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต” ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

แผนการจัดการเรียนรู้
“รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต”
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

แผนการจดั การเรียนรู้

“รายวชิ าเพม่ิ เตมิ การปอ้ งกนั การทุจรติ ”
ระดับช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓

สาำ นักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ
รว่ มกับ สำานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน
พุทธศักราช ๒๕๖๑



แผนการจดั การเรยี นรู้

“รายวชิ าเพม่ิ เติม การป้องกนั การทุจริต”
ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๓

ส�ำ นกั งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ
ร่วมกับ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน
พุทธศักราช ๒๕๖๑

แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพมิ่ เตมิ การปอ้ งกันการทจุ รติ ”
ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓

พมิ พ์คร้ังท่ี ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒
จ�ำนวนพมิ พ์ ๓๑,๖๐๒ เลม่

ผู้จัดพมิ พ ์ สำ� นักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ
ร่วมกับ สำ� นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน

พิมพ์ท่ ี ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำ�กดั สาขา ๔
๑๔๕ , ๑๔๗ ถ.เลย่ี งเมอื งนนทบุรี ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบรุ ี ๑๑๐๐๐
โทร. ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๐๗-๙ , ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๓-๔ โทรสาร ๐ ๒๕๒๕ ๔๘๕๕
E-mail : [email protected] www.co-opthai.com

คำ�นำ�

ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่๓(พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๖๔)
ได้กำ�หนดประเด็นยุทธศาสตร์ท่ี ๑ สรา้ งสังคมทีไ่ มท่ นต่อการทจุ รติ ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ ๑ ปรับฐาน
ความคดิ ทุกช่วงวยั ตั้งแตป่ ฐมวยั เปน็ ตน้ ไปใหส้ ามารถแยกระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์
สว่ นรวม กลยทุ ธท์ ี่ ๒ สง่ เสรมิ ใหม้ รี ะบบและกระบวนการกลอ่ มเกลาทางสงั คมเพอื่ ตา้ นทจุ รติ กลยทุ ธท์ ่ี ๓
ประยกุ ตห์ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ เครอ่ื งมอื ต้านทจุ รติ และกลยทุ ธท์ ี่ ๔ เสรมิ พลงั การมสี ว่ นรว่ ม
ของชุมชน และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการทุจริต จากกลยุทธ์ที่ ๑ คณะกรรมการป้องกัน
และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จึงได้มีคำ�สั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ
จดั ทำ�หลกั สตู รหรือชุดการเรียนร้แู ละสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการปอ้ งกันการทจุ ริต ซ่ึงประกอบดว้ ย
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการให้การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ขึ้น เพ่ือศึกษา วิเคราะห์ และ
รวบรวมข้อมูล กำ�หนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทำ�หลักสูตร ยกร่างและจัดทำ�เนื้อหาหลักสูตร
หรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ รวมท้ังพิจารณาให้ความเห็นเพิ่มเติม กำ�หนดแผน
หรือแนวทางการนำ�หลักสูตรไปใช้ในหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และดำ�เนินการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการ
ป.ป.ช. มอบหมาย
คณะอนุกรรมการจัดทำ�หลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ด้านการ
ปอ้ งกนั การทจุ รติ ไดร้ ว่ มกนั สรา้ งชดุ หลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา : Anti-Corruption Education ประกอบดว้ ย
๕ หลกั สูตร ดงั น ้ี ๑. หลักสูตรการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน (รายวชิ าเพ่มิ เติม การป้องกนั การทุจริต) ๒. หลกั สตู ร
อุดมศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ๓. หลกั สูตรตามแนวทางรบั ราชการ
กลุ่มทหารและตำ�รวจ ๔. หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นำ�การเปล่ียนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต
และ ๕. หลักสูตรโค้ชเพ่ือการรู้คิดต้านทุจริต ชุดหลักสูตรดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการนำ�ไปทดลองใช้
เพ่ือปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สำ�หรับการใช้ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป นอกจากน้ี
คณะอนกุ รรมการจดั ทำ�หลกั สตู รหรอื ชดุ การเรยี นรแู้ ละสอ่ื ประกอบการเรยี นรดู้ า้ นการปอ้ งกนั การทจุ รติ
ยงั ไดค้ ดั เลอื กสอื่ การเรยี นรจู้ ากแหลง่ ตา่ งๆ ทงั้ ในประเทศและตา่ งประเทศ รวม ๕๐ ชนิ้ เพอ่ื ใชใ้ นการเรยี นรู้
ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ เมื่อวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑
โดยให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องนำ�หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ และให้กระทรวงศึกษาธิการ
เร่งดำ�เนินการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพ่ือนำ�หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปปรับใช้ในการจัด
การเรียนการสอนของสถานศึกษา

รำยวิชำเพิ่มเติมกำรป้องกันกำรทุจริต ส�ำหรับหลักสูตรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน จัดท�ำขึ้น
โดยอนุกรรมกำรด้ำนกำรศึกษำ ในคณะอนุกรรมกำรจัดท�ำหลักสูตรหรือชุดกำรเรียนรู้และส่ือประกอบ
กำรเรยี นรู้ ดำ้ นกำรป้องกนั กำรทจุ ริตและกล่มุ ผทู้ รงคุณวุฒิด้ำนกำรศกึ ษำ สำระกำรเรยี นรู้ประกอบด้วย
(๑) กำรคดิ แยกแยะระหวำ่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม (๒) ควำมอำยและควำมไมท่ น
ตอ่ กำรทจุ รติ (๓) STRONG : จติ พอเพยี งตำ้ นทจุ รติ (๔) พลเมอื งและควำมรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ตอ่ เนอ่ื งกนั
ตัง้ แตร่ ะดับปฐมวยั ระดบั ประถมศกึ ษำ ระดับมัธยมศึกษำตอนต้น และระดบั มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย
คณะกรรมกำร ป.ป.ช. หวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ รำยวิชำเพ่ิมเติมกำรป้องกันกำรทุจริต
ส�ำหรับหลกั สตู รกำรศกึ ษำขั้นพน้ื ฐำน ในชดุ หลกั สูตรต้ำนทจุ ริตศกึ ษำ (Anti-Corruption Education)
จะน�ำเข้ำสู่ระบบกำรศึกษำ เพื่อเป็นกลไกระยะยำวในกำรปลูกฝังวิธีคิดป้องกันกำรทุจริตให้แก่ผู้เรียน
อย่ำงเปน็ อัตโนมัติ เพอ่ื รว่ มกันสรำ้ งประเทศไทยใสสะอำด ไทยทง้ั ชำตติ ำ้ นทุจริต

พลต�ำรวจเอก
(วชั รพล ประสำรรำชกิจ)
ประธำนกรรมกำร ป.ป.ช.
๓๐ พฤศจกิ ำยน ๒๕๖๑

สารบัญ

หนา้
โครงสรา้ งรายวิชา ๑
หน่วยท่ี ๑ การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม ๓
หนว่ ยที่ ๒ ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ ๗๖
หนว่ ยที่ ๓ STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจรติ ๘๙
หนว่ ยท่ี ๔ พลเมืองกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม ๑๒๐
ภาคผนวก ๑๕๙
คำ�สั่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่ี ๖๔๖/๒๕๖๐ เรอ่ื ง แตง่ ตง้ั คณะอนกุ รรมการ ๑๖๐
จดั ทำ�หลักสตู ร หรือชดุ การเรยี นร้แู ละส่อื ประกอบการเรยี นรู้ ด้านการป้องกนั การทุจรติ
รายชื่อคณะทำ�งานจัดทำ�หลักสตู รหรือชุดการเรียนรแู้ ละสอื่ ประกอบการเรียนรู้ ๑๖๔
ดา้ นการปอ้ งกนั การทุจริต กลมุ่ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
รายช่อื คณะบรรณาธิการกจิ หลกั สูตรหรือชุดการเรยี นรู้และส่อื ประกอบการเรยี นรู้ ๑๖๘
ดา้ นการป้องกนั การทจุ รติ กลุ่มการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
รายชื่อคณะผูป้ ระสานงานการจัดทำ�หลกั สตู รหรือชดุ การเรียนรู้และสอื่ ประกอบการเรียนรู้ ๑ ๗๐
ด้านการป้องกันการทุจริต กลุ่มการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สำ�นักงาน ป.ป.ช.



โครงสร้างรายวิชา ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓

ล�ำ ดบั หนว่ ยการเรียนรู้ เร่ือง จ�ำ นวน
ช่ัวโมง
๑. การคิดแยกแยะระหวา่ งผล ๑. การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผล ๑๖
ประโยชน์สว่ นตนและผล ประโยชนส์ ่วนรวม
ประโยชน์ส่วนรวม ๑.๑ การปฏิบัตติ นเพ่อื ประโยชนส์ ่วนตนและประโยชน์ ๖
ส่วนรวมในหม่บู ้าน
๑.๒ การใชส้ ถานที่ส่วนรวมในหม่บู ้านเพ่อื ประโยชน์
ส่วนตนและเพอื่ ประโยชนส์ ่วนรวม
๒. การเปรียบเทียบผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์
สว่ นรวมในหมบู่ า้ น
๓. การปฏบิ ตั ิตนในการใช้ของสว่ นรวมในระดบั หมูบ่ า้ น
๔. ระบบคดิ ฐานสอง
๔.๑ พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสองในระดบั หมบู่ ้าน
๔.๒ การประยกุ ต์ใชร้ ะบบคิดฐานสอง ในระดับหมบู่ า้ น
๕. ระบบคิดฐานสิบ
๕.๑ พฤติกรรมระบบคดิ ฐานสบิ ในระดับหมู่บา้ น
๕.๒ ผลของพฤตกิ รรมระบบคิดฐานสิบท่สี ่งผลในระดับ
หมูบ่ ้าน
๖. การขัดกนั ระหว่างประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์
ส่วนรวม
๖.๑ ความหมายของการขัดกนั หรือขัดแย้งในห้องเรยี น
โรงเรียน
๖.๒ แยกแยะระหวา่ งการขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์ส่วน
ตนและประโยชนส์ ว่ นรวม

๒. ความละอายและความไมท่ นต่อ ๑. ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตระดบั หมู่บ้าน
การทุจริต เกยี่ วกบั
๑.๑ การทิ้งขยะไม่เป็นท่ี
๑.๒ การปฏิบัติตนตามข้อตกลงของหมบู่ า้ น
๒. กจิ กรรมทปี่ ฏิบตั แิ ละสง่ ผลให้เกดิ ความละอายและ
ความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ระดบั หมู่บ้าน
๓. แนวทางการปฏิบตั ิตนเป็นผู้มคี วามละอายและไม่ทนต่อ
การทจุ ริต (ระดับหม่บู ้าน)

ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ 1

ลำ�ดบั หน่วยการเรียนรู้ เร่อื ง จ�ำ นวน
๓. STRONG : จิตพอเพยี ง ชว่ั โมง
STRONG : จิตพอเพยี งต้านทุจรติ ระดบั หมบู่ ้าน เกย่ี วกับ
ต้านทุจริต - ขยะในหมูบ่ ้าน ๘
- การเลือกต้ังผ้ใู หญ่บา้ น ๑๐
๔. พลเมอื งกับความรับผดิ ชอบ - การท�ำความสะอาดหมู่บ้าน
ตอ่ สังคม - การใชถ้ นนในหมบู่ ้าน ๔๐
๑. เรอ่ื งการเคารพสิทธิหน้าที่ตอ่ ตนเองและผูอ้ ื่นในหม่บู ้าน
๒. สิทธิท่ไี ด้รบั ในหมู่บ้าน
๒.๑ ทางสาธารณะ
๒.๒ พน้ื ทสี่ าธารณะ
๒.๓ ประชาสมั พนั ธ์หม่บู ้าน
๒.๔ ไฟสาธารณะหมู่บา้ น
๓. หนา้ ทท่ี ่ตี ้องปฏบิ ัติตอ่ หมบู่ า้ น
๓.๑ การร่วมกจิ กรรมหมบู่ า้ น
๓.๒ ให้ความช่วยเหลือ
๓.๓ จติ สาธารณะ
๓.๔ ดูแลรกั ษา สาธารณะสมบตั ิของหมูบ่ ้าน
๔. ความเปน็ พลเมือง
๔.๑ ปฏิบตั ติ ามกฎ กตกิ า ระเบียบ ขอ้ ตกลง
วัฒนธรรมในหมบู่ ้าน
๔.๒ การตอ่ ต้านการทุจรติ ในหมูบ่ ้าน

รวม

2 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพมิ่ เตมิ การปอ้ งกันการทุจริต”

หน่วยที่ ๑

การคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม

แผนการจัดการเรียนรู้

หน่วยที่ ๑ ชอื่ หนว่ ย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑ เร่อื ง การปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์สว่ นตนและ เวลา ๒ ช่ัวโมง
ประโยชนส์ ่วนรวมในหมู่บา้ น

๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์
สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๒.๑ นักเรียนสามารถบอกวิธีการปฏิบัติตนเพอ่ื ประโยชน์สว่ นตนในหม่บู ้านได้
๒.๒ นักเรยี นสามารถบอกวธิ กี ารปฏิบัติตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในหมู่บ้านได้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
การท�ำความดตี อ่ ตนเอง หมายถึง การประพฤติปฏิบัตใิ นสงิ่ ท่ดี ีตอ่ ตนเอง
การท�ำความดีตอ่ ผูอ้ ่ืน หมายถึง การประพฤติปฏิบัตใิ นสง่ิ ท่ีดตี ่อผู้อื่น
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กิด)
๑) ความสามารถในการสอื่ สาร
๒) ความสามารถในการคิด
๓.๓ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
มีวนิ ยั
ใฝเ่ รียนรู้

ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๓ 3

๔. กิจกรรมการเรียนรู้
๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้
ช่ัวโมงท่ี ๑
๑. ระบคุ �ำถาม
- ครนู ำ� ภาพเดก็ คนหนง่ึ กำ� ลงั ชว่ ยคณุ แมก่ วาดบา้ นและภาพเดก็ เกบ็ ขยะบรเิ วณโรงเรยี น
มาใหน้ กั เรียนดู แลว้ รว่ มกนั วิเคราะห์ว่าเด็กในภาพทำ� ความดีหรือไม่ อยา่ งไร
๒. แสวงหาสารสนเทศ
- ครใู ห้นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ เรื่อง การทำ� ความดีตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น
- นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ ๔-๕ คน และให้นกั เรียนเลอื กหวั หน้ากลุ่มและเลขานุการ
กลุม่ พรอ้ มตง้ั ชื่อกลุ่ม
๓. สร้างความรู้
- นักเรียนน�ำความรู้ที่ได้จากการศึกษาจากใบความรู้มาอภิปราย สนทนา แลกเปล่ียน
ความคิดเหน็ กันภายในกลุม่ เพ่อื ใหม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจทีช่ ดั เจนมากย่งิ ขน้ึ
- ให้นักเรียนร่วมกันสรุปความหมายและแยกแยะการท�ำความดีต่อตนเองและผู้อื่น
โดยการท�ำแบบทดสอบ เร่ือง การแยกแยะการทำ� ความดีต่อตนเองและผู้อน่ื
ชวั่ โมงท่ี ๒
๔. ส่อื สาร
ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั สรปุ เกย่ี วกบั การทำ� ความดตี อ่ ตนเองและตอ่ ผอู้ น่ื ในหมบู่ า้ น
ของตนเอง แลว้ สง่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานำ� เสนอหนา้ ชนั้ เรยี น โดยครคู อยใหค้ ำ� แนะนำ� และอธบิ ายเพม่ิ เตมิ
เพ่ือใหน้ กั เรยี นมีความเข้าใจมากยง่ิ ขน้ึ
๕. ตอบแทนสงั คม
นำ� ผลงานทน่ี กั เรยี นทำ� ไปตดิ ทป่ี า้ ยนเิ ทศเพอ่ื ประชาสมั พนั ธแ์ ละเปน็ การรณรงคเ์ กย่ี วกบั
การท�ำความดี
๔.๒ สอื่ การเรียนร/ู้ แหลง่ เรียนรู้
- ภาพเดก็ กวาดบา้ น ภาพเดก็ น�ำขยะไปท้งิ ในถังขยะ
- ใบความรู้ เร่อื ง การท�ำความดตี อ่ ตนเองและตอ่ ผอู้ ื่น
- แบบทดสอบเร่ือง การแยกแยะการทำ� ความดีต่อตนเองและตอ่ ผอู้ ืน่
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๕.๑ วธิ ีการประเมิน
- การตรวจผลงาน
- การทดสอบ
4 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การปอ้ งกันการทุจริต”

- การประเมนิ การนำ� เสนอผลงาน
- การประเมนิ การท�ำงานกล่มุ
- การประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มีวนิ ยั ,ใฝ่เรยี นร)ู้
๕.๒ เครอ่ื งมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมิน
- แบบประเมินผลงานการแยกแยะการท�ำความดตี อ่ ตนเองและตอ่ ผอู้ ื่น
- แบบทดสอบ
- แบบประเมนิ การนำ� เสนอผลงาน
- แบบประเมินการทำ� งานกลุ่ม
- แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มีวนิ ยั ,ใฝ่เรียนรู้)
๕.๓ เกณฑ์การประเมนิ
- นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป
- นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ดี ข้ึนไป
๖. บนั ทึกหลังสอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..............................................ครูผูส้ อน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ ภาพเด็กกวาดบ้าน, ภาพเด็กนำ� ขยะไปท้ิงในถงั ขยะ
๗.๒ ใบความรู้ เรื่อง การท�ำความดตี ่อตนเองและตอ่ ผูอ้ ืน่
๗.๓ แบบเรอื่ งทดสอบ เร่อื ง การแยกแยะการท�ำความดตี อ่ ตนเองและตอ่ ผอู้ ื่น
๗.๔ เฉลยแบบเร่อื งทดสอบ เร่อื ง การแยกแยะการทำ� ความดีตอ่ ตนเองและต่อผู้อน่ื
๗.๕ แบบประเมนิ ผลงานการแยกแยะการทำ� ความดีต่อตนเองและตอ่ ผอู้ ื่น
๗.๖ แบบประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
๗.๗ แบบประเมินการท�ำงานกลมุ่
๗.๘ แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (มวี นิ ัย,ใฝเ่ รยี นรู)้

ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 5

ภาคผนวก ๗.๑

ภาพเด็กกวาดบ้าน

ภาพเด็กน�ำขยะไปท้งิ ในถงั ขยะ

6 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การป้องกนั การทุจรติ ”

ภาคผนวก ๗.๒

ใบความรู้
เร่ือง การทำ� ความดตี ่อตนเองและต่อผ้อู ื่น
การทำ� ความดี คือ การประพฤตปิ ฏิบตั ิในส่งิ ทด่ี ี ซงึ่ เกิดจากเจตนาทด่ี ี
การท�ำความดีสามารถปฏิบัติไดท้ งั้ กาย วาจาและใจ ดังนี้
ทางกาย
- ตั้งใจเรียน
- ไมล่ กั ขโมยของผู้อน่ื
- ปฏบิ ัติตามคำ� สั่งของพอ่ แม่ ครู อาจารย์
- เมตตากรุณาตอ่ สตั ว์
ทางวาจา
- พดู จาไพเราะ
- พดู ความจรงิ
- พดู ในสง่ิ ทีเ่ ป็นประโยชน์
ทางใจ
- ไม่คิดร้ายตอ่ ผู้อน่ื
- คดิ อภัยผู้ท่ที �ำผดิ พลาด
- พยายามขม่ ใจไม่ให้โกรธ

ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ 7

ภาคผนวก ๗.๓
แบบทดสอบ
เรื่อง การแยกแยะการท�ำ ความดีตอ่ ตนเองและต่อผอู้ ่นื

ชอื่ -นามสกุล..................................................................................ชั้น ป.๓/............เลขที่.........................
ค�ำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นทำ� เคร่ืองหมาย � หนา้ ขอ้ ท่ีถูก และทำ� เคร่อื งหมาย x หนา้ ข้อทีผ่ ดิ
.......... ๑. ผู้ทำ� ความดี เกดิ ความสขุ กาย สขุ ใจ เพราะได้ท�ำในสิ่งที่ถูกตอ้ ง
.......... ๒. เมอ่ื ทำ� ความดี ท�ำใหเ้ กิดความแตกแยกในหมคู่ ณะ
.......... ๓. ช่วยเหลอื ผู้ท่ตี กทกุ ข์ไดย้ าก
.......... ๔. ไม่เบียดเบียนผอู้ ืน่
.......... ๕. เมอ่ื ทำ� ความดจี ะท�ำใหเ้ กดิ ความวุ่นวาย
.......... ๖. การท�ำความดีควรต้องมผี ลตอบแทนบา้ ง
.......... ๗. แกว้ ตาชอบแบง่ ปนั ขนมใหเ้ พอื่ น ดงั นนั้ แกว้ ตาจงึ เปน็ คนดแี ละเปน็ ทร่ี กั ของเพอ่ื นๆ
.......... ๘. ออ้ แอ้ไมใ่ ห้เพื่อนลอกการบ้าน เพราะฉะนั้น ถอื ว่าออ้ แอเ้ ปน็ คนไมด่ ี
.......... ๙. เมธามกั จะโกหกคุณครเู รื่องที่เมธาชอบมาโรงเรียนสาย
.......... ๑๐. นรีมกั จะชวนเพอ่ื นๆ ไปเกบ็ ขยะหลงั อาคารเรียนเสมอ

8 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพิม่ เติม การปอ้ งกันการทุจรติ ”

ภาคผนวก ๗.๔
เฉลยแบบทดสอบ

..................................................
....�...... ๑. ผู้ทำ� ความดี เกดิ ความสุขกาย สขุ ใจ เพราะได้ท�ำในส่ิงที่ถกู ต้อง
...�....... ๒. เม่ือท�ำความดี ท�ำให้เกดิ ความแตกแยกในหมู่คณะ
....�...... ๓. ชว่ ยเหลอื ผู้ท่ีตกทุกขไ์ ดย้ าก
....�...... ๔. ไมเ่ บียดเบยี นผอู้ ่ืน
...�....... ๕. เม่อื ท�ำความดีจะทำ� ให้เกิดความวุ่นวาย
...�....... ๖. การทำ� ความดคี วรตอ้ งมีผลตอบแทนบ้าง
....�...... ๗. แกว้ ตาชอบแบง่ ปนั ขนมใหเ้ พอื่ น ดงั นน้ั แกว้ ตาจงึ เปน็ คนดแี ละเปน็ ทรี่ กั ของเพอ่ื นๆ
...�....... ๘. ออ้ แอไ้ ม่ใหเ้ พื่อนลอกการบา้ น เพราะฉะน้ัน ถือวา่ อ้อแอเ้ ปน็ คนไม่ดี
...�....... ๙. เมธามกั จะโกหกคณุ ครเู รอ่ื งท่ีเมธาชอบมาโรงเรยี นสาย
....�...... ๑๐. นรีมกั จะชวนเพอ่ื นๆ ไปเก็บขยะหลังอาคารเรยี นเสมอ

...........................................

ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ 9

ภาคผนวก ๗.๕
แบบตรวจผลงานการท�ำ ใบงาน
เรือ่ ง การแยกแยะการทำ�ความดตี ่อตนเองและผู้อนื่

ท ่ี ชื่อ-สกลุ บอกผลประโยชนส์ ว่ นตน รวมคะแนน สรปุ ผล
และผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ๑๐ คะแนน ผา่ น ไม่ผา่ น

(จ�ำนวนข้อ)












ลงชื่อ.................................................ผู้ตรวจ
(.................................................)


10 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

ภาคผนวก ๗.๖
แบบประเมนิ การนำ�เสนอผลงาน

เรื่อง...............................................................................................

รายการประเมนิ

ความ การรว่ ม เสยี งดัง ความม่ันใจ รูปแบบ รวมคะแนน
ท ่ี ช ่อื กล ่มุ รว่ มมือ แสดงความ ฟงั ชัด ในตนเอง การน�ำ ๑๐ คะแนน
ภายในกล่มุ เสนอ
คดิ เหน็ ๒ คะแนน

๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน




ลงช่อื .................................................ผูต้ รวจ
(.................................................)

เกณฑก์ ารประเมิน
นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป

ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 11

ภาคผนวก ๗.๗
แบบประเมินการทำ�งานกล่มุ

เรื่อง...............................................................................................

รายการประเมิน

ที่ ช่ือกลุม่ ความ การร่วม เสยี งดัง ความมนั่ ใจ รูปแบบ รวมคะแนน
ร่วมมือ แสดงความ ฟงั ชดั ในตนเอง การน�ำ
ภายในกลุ่ม คิดเห็น เสนอ

๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๑๐ คะแนน













ลงช่ือ.................................................ผ้ตู รวจ
(.................................................)

เกณฑ์การประเมิน
นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป

12 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวิชาเพิม่ เตมิ การป้องกนั การทุจริต”

ภาคผนวก ๗.๘
แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ชื่อ-นามสกลุ ..................................................................................ช้นั ป.๓/............เลขท่.ี ........................

ค�ำชแ้ี จง ให้ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด � ลงในช่อง
ท่ตี รงกับระดับคะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงค์ ๓๒๑๐
๑. เขา้ เรียนตรงเวลา
มวี นิ ัย ๒. แต่งกายเรียบรอ้ ยเหมาะสมกบั กาลเทศะ
๓. ปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบของห้อง
ใฝเ่ รยี นรู้ ๔. แสวงหาข้อมลู จากแหล่งเรียนรู้ตา่ งๆ
๕. มีการจดบนั ทึกความร้อู ย่างเป็นระบบ
๖. สรุปความรูไ้ ด้อย่างมเี หตผุ ล

รวม
สรุปผลคะแนน

ลงชอื่ .................................................ผู้ประเมิน
(.................................................)
................/................/...............

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
- พฤตกิ รรมทีป่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม�ำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยคร้งั ให้ ๒ คะแนน สรุปผลการประเมนิ
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั บิ างคร้งั ให้ ๑ คะแนน � ๑๕ - ๑๘ คะแนน เท่ากับ ดีเย่ียม
- พฤติกรรมทไ่ี มไ่ ดป้ ฏิบตั ิ ให้ ๐ คะแนน � ๑๐ - ๑๔ คะแนน เทา่ กับ ดี
นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดับดีขน้ึ ไป � ๕ - ๙ คะแนน เทา่ กับ พอใช้
� ๐ - ๔ คะแนน เท่ากับ ปรบั ปรุง

ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓ 13

แผนการจดั การเรยี นรู้
หนว่ ยท่ี ๑ ชือ่ หน่วย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
ชัน้ ประถมศกึ ษา ๓
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง การใช้สถานทสี่ ่วนรวมในหมบู่ า้ น เวลา ๒ ชว่ั โมง
เพอ่ื ประโยชนส์ ่วนตนส่วนตนและเพอื่ ประโยชน์ส่วนรวม

๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์
สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๒.๑ นกั เรียนสามารถบอกไดว้ ่าสถานท่ีใดเปน็ สถานท่สี ่วนรวม
๒.๒ นักเรียนสามารถบอกความส�ำคัญของสถานที่ส่วนรวมได้
๒.๓ นกั เรยี นสามารถบอกวธิ ดี ูแลรกั ษาสถานทส่ี ่วนรวมได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
สถานทส่ี ว่ นรวมคอื สถานทท่ี ที่ กุ คนสามารถเขา้ ไปใชบ้ รกิ ารไดโ้ ดยไมม่ ผี หู้ นง่ึ ผใู้ ดเปน็ เจา้ ของ
แตเ่ ปน็ ของ ทุกคนท่รี ่วมกนั สรา้ งหรือเปน็ สถานทีท่ ่รี ฐั จัดสร้างให้
การดูแลรกั ษาสถานที่สว่ นรวม คือ เมือ่ มกี ารใชแ้ ล้ว ต้องมีการรกั ษาความสะอาด การไมท่ ง้ิ
เศษขยะในสถานท่ีสว่ นรวม การดูแลซ่อมแซมเมอ่ื ได้รบั ความเสยี หาย
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กิด)
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓.๓ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
มวี นิ ัย
๔. กจิ กรรมการเรียนรู้
๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี นรู้
ชัว่ โมงท่ี ๑
๑. ระบคุ �ำถาม
- นักเรียนดูภาพสถานที่ต่างๆ (วัด โรงเรียน ศาลาประชาคม ลานออกก�ำลังกาย
สนามกฬี า บ้าน หอ้ งนอน) ใหน้ ักเรยี นดแู ละรว่ มกนั สนทนา

14 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพิ่มเตมิ การป้องกันการทุจรติ ”

- ครูเชอื่ มโยงเข้าสเู่ นอื้ หาโดยใช้ค�ำถาม ดังนี้
๑. สถานท่ีท่นี ักเรียนเห็นมีอะไรบา้ ง
๒. สถานทีเ่ หลา่ นน้ั เปน็ สถานทสี่ ว่ นตวั หรอื ส่วนรวม
๓. นักเรียนมแี ยกแยะระหว่างสถานท่สี ่วนตนและสถานทสี่ ว่ นรวมได้หรือไม่
๒. แสวงหาสารสนเทศ
- ครูให้นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ ๕-๖ คน
- ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกนั คดิ วา่ สถานทส่ี ว่ นรวมในหมบู่ า้ นของนกั เรยี นมสี ถานที่
อะไรบา้ ง
๓. สรา้ งความรู้
- นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับสถานท่ีส่วนรวมของแต่ละกลุ่ม (นักเรียน
อาจจะมาจากหลายหมบู่ ้าน) โดยให้นักเรียนเขยี นลงในการดาษเอ ๔ ทค่ี รูแจกให้
- ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำ� เสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน
ช่วั โมงที่ ๒
๔. สอ่ื สาร
- นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและนำ� เสนอขอ้ มลู เกย่ี วกบั การใชส้ ถานทสี่ ว่ นรวมรว่ มกนั ของ
แตล่ ะหมบู่ ้านและบอกถึงความส�ำคญั ของสถานทเี่ หลา่ นัน้ พร้อมทงั้ เสนอวธิ กี ารดูแลรักษา
- ครูสนทนากับนักเรียนถึงการใช้สถานท่ีร่วมกันในหมู่บ้านว่ามีใครครอบครองสถานท่ี
สว่ นรวมเปน็ ของตนเองหรอื ไมถ่ า้ มแี สดงวา่ บคุ คลนนั้ เหน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นตนมากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นรวม
นักเรียนตอ้ งไมป่ ระพฤติแบบน้นั
๕. ตอบแทนสังคม
- ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนน�ำเร่ือง การใช้สถานท่ีส่วนรวม การดูแลรักษา
สถานท่ีสว่ นรวมไปใชใ้ นชีวิตประจำ� วันและควรแนะนำ� ใหผ้ ูอ้ นื่ ปฏบิ ตั ดิ ้วย
๔.๒ สอื่ การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
- บัตรภาพ
- ใบงาน เรื่อง การแยกแยะความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและตอ่ ผูอ้ ่ืน
๕. การประเมินผลการเรยี นรู้
๕.๑ วิธีการประเมิน
- การตรวจผลงานใบงาน เรื่อง การแยกแยะความรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและตอ่ ผู้อ่นื
- การประเมินการทำ� งานกล่มุ
- การประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (มีวินัย)

ระดับช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๓ 15

๕.๒ เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการประเมิน
- แบบบันทึกการให้คะแนนการตรวจผลงานใบงาน เร่ือง การแยกแยะความรับผิดชอบ
ตอ่ ตนเองและตอ่ ผู้อน่ื
- แบบประเมนิ การทำ� งานกลุม่
- แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (มวี นิ ยั )
๕.๓ เกณฑ์การประเมนิ
- นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป
- นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดับดขี ึ้นไป
๖. บนั ทึกหลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..............................................ครูผู้สอน
(..............................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ ภาพวดั โรงเรยี น ศาลาประชาคม ลานออกกำ� ลงั กาย สนามกฬี า บ้าน ห้องนอน
๗.๒ ใบงาน เรอื่ ง การแยกแยะความรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและต่อผอู้ ่ืน
๗.๓ แบบบันทึกการให้คะแนนการตรวจผลงาน ใบงานเรื่อง การแยกแยะความรับผิดชอบ
ตอ่ ตนเองและต่อผอู้ ่นื
๗.๔ แบบประเมนิ การท�ำงานกลุ่ม
๗.๕ แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (มีวนิ ยั )

16 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกนั การทุจริต”

ภาคผนวก ๗.๑

วัด โรงเรยี น

ศาลาประชาคม ลานออกก�ำลงั กาย

ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 17

สนามกีฬา บา้ น

ห้องนอน

18 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพิ่มเตมิ การป้องกันการทจุ ริต”

ภาคผนวก ๗.๒
ใบงาน

เรอื่ ง การแยกแยะสถานที่ส่วนตนและสถานทส่ี ว่ นรวม

ค�ำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นวาดภาพสถานที่ส่วนตนและสถานทสี่ ่วนรวมพรอ้ มระบายสีใหส้ วยงาม
ชอื่ -นามสกลุ ..................................................................................ชั้น ป.๓/............เลขท่.ี ........................

สถานที่สว่ นตน

สถานทสี่ ่วนรวม

ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ 19

ภาคผนวก ๗.๓
แบบบันทึกการใหค้ ะแนนการตรวจผลงานใบงาน
เรอื่ ง การแยกแยะสถานทส่ี ่วนตนและสถานทส่ี ่วนรวม

เลขที่ ชือ่ -สกุล คะแนนทไ่ี ด้ สรุปผล
ผ่าน ไมผ่ ่าน









๑๐
๑๑
๑๒
๑๓

สรปุ

เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารตัดสิน
ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๘-๑๐ คะแนน
ระดับคณุ ภาพ ได้คะแนนรวมระหว่าง ๐-๗ คะแนน
ผา่ น
ไมผ่ ่าน

20 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เตมิ การป้องกันการทจุ รติ ”

ภาคผนวก ๗.๔
แบบประเมินการทำ�งานกลมุ่

เร่ือง...............................................................................................

รายการประเมนิ

ท่ี ชอ่ื กลมุ่ ความ การร่วม เสยี งดงั ความม่ันใจ รูปแบบ รวมคะแนน
ร่วมมอื แสดงความ ฟงั ชัด ในตนเอง การน�ำ
ภายในกลมุ่ คดิ เหน็ เสนอ

๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๑๐ คะแนน













ลงชอ่ื ..............................................ผู้ตรวจ
(..............................................)

เกณฑก์ ารประเมนิ
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป

ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ 21

ภาคผนวก ๗.๕
แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ช่ือ-นามสกุล..................................................................................ชั้น ป.๓/............เลขท่.ี ........................

ค�ำชแ้ี จง : ใหค้ รสู งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี � ลงในชอ่ งที่
ตรงกบั ระดับคะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงค์ ๓๒๑๐
๑. เข้าเรยี นตรงเวลา
มีวินยั ๒. แตง่ กายเรยี บรอ้ ยเหมาะสมกับกาลเทศะ
๓. ปฏบิ ตั ิตามกฎระเบยี บของหอ้ ง

รวม
สรปุ ผลคะแนน

ลงชอื่ .................................................ผู้ประเมิน
(.................................................)
................/................/...............

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสมำ�่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน สรุปผลการประเมิน
- พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยครง้ั ให้ ๒ คะแนน � ๘ - ๙ คะแนน เท่ากับ ดเี ยี่ยม
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบัตบิ างครง้ั ให้ ๑ คะแนน � ๖ - ๗ คะแนน เทา่ กบั ดี
- พฤตกิ รรมทไ่ี มไ่ ด้ปฏบิ ัต ิ ให้ ๐ คะแนน � ๔ - ๕ คะแนน เทา่ กับ พอใช้
นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ดี ขึน้ ไป � ๐ - ๓ คะแนน เท่ากบั ปรับปรงุ

22 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกันการทจุ ริต”

แผนการจัดการเรียนรู้
หน่วยที่ ๑ ชื่อหน่วย การคดิ แยกแยะผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๓
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ เรอ่ื ง การเปรียบเทยี บผลประโยชนส์ ว่ นตน เวลา ๒ ชัว่ โมง
และผลประโยชนส์ ว่ นรวมในหมู่บ้าน

๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์
สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ นักเรียนสามารถ
๒.๑. นักเรยี นสามารถเปรยี บเทยี บผลประโยชน์ส่วนตน และผลประโยชน์สว่ นรวมในหมูบ่ ้านได้
๒.๒. นักเรยี นสามารถสามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน และผลประโยชน์ส่วนรวม
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
ผลประโยชน์ส่วนตน หมายถึง การที่บุคคลท่ัวไปในสถานะเอกชนหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ
ในสถานะเอกชน ไดท้ ำ� กจิ กรรมหรอื ไดก้ ารกระทำ� ต่างๆ เพ่อื ประโยชนส์ ่วนตน ครอบครวั ญาติ เพือ่ น
หรือของกลุ่มในสังคม ท่ีมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบต่างๆ เช่นการประกอบอาชีพ การค้า การลงทุน
เพือ่ หาประโยชน์ในทางการเงินหรือในทางทรพั ย์สินต่างๆ เป็นตน้
ผลประโยชน์ส่วนรวม หมายถึงการที่บุคคลใดๆ ในสถานะที่เป็นเจ้าหน้าท่ีของรัฐ (ผู้ด�ำรง
ต�ำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของรัฐ)
ไดก้ ระทำ� การใดๆ ตามหนา้ ทห่ี รอื ไดป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ที่ อนั เปน็ การดำ� เนนิ การในอกี สว่ นหนง่ึ ทแ่ี ยกออกมาจาก
การดำ� เนนิ การตามหนา้ ท่ี ในสถานะของเอกชน การกระทำ� การใดๆ ของเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั จงึ มวี ตั ถปุ ระสงค์
หรอื มเี ปา้ หมายเพ่อื ประโยชน์ ของสว่ นรวม หรือการรักษาผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกดิ )
๑. ความสามารถในการส่อื สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
๓.๓ คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค/์ ค่านยิ ม
๑. มงุ่ มนั ในการทำ� งาน
๒. มีจติ สาธารณะ

ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓ 23

๔. กจิ กรรมการเรียนรู้
๔.๑ ข้ันตอนการเรียนรู้
ชัว่ โมงท่ี ๑
ขน้ั ตอนท่ี ๑ เสนอส่งิ เรา้ และระบุค�ำถามส�ำคัญ
๑.๑ ครใู หน้ ักเรียนดวู ดี ิโอเรือ่ ง “แบง่ ปันคือน้ำ� ใจ” พรอ้ มตัง้ ค�ำถาม ดงั น้ี
- เรอ่ื ง แบ่งปนั คอื น�ำ้ ใจ กลา่ วถงึ เร่ืองอะไร
- นักเรียนคิดว่า เร่ืองแบ่งปันคือน�้ำใจ เป็นการแสดงผลประโยชน์ส่วนตนหรือ
ผลประโยชนส์ ่วนตน อยา่ งไร
๑.๒ ครูสรปุ ผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมใหน้ ักเรียนฟงั
ขน้ั ตอนที่ ๒ แสวงหาสารสนเทศและวเิ คราะห์
๒.๑ นักเรยี นแบง่ กลุ่มละ ๔-๕ คน
๒.๒ ครใู หน้ กั เรยี นแสดงบทบาทสมมตุ ิ เกย่ี วกบั ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม
แลว้ ออกมาน�ำเสนอหน้าชัน้ เรียนใช้เวลากลมุ่ ละ ๓-๕ นาที
ช่วั โมงท่ี ๒
ขนั้ ตอนท่ี ๓ อภปิ รายและสร้างความรู้
๓.๑ ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายจากการแสดงบทบาทสมมตุ ิของนักเรียน
๓.๒ สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้ท่ีได้รับจากการแสดงบทบาทสมมุติและให้
แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและสว่ นรวม
๓.๓ ให้นักเรียนท�ำใบงานเร่ืองการเปรียบเทียบระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมกับ
ผลประโยชนส์ ว่ นตน
ขน้ั ตอนท่ี ๔ ส่อื สารและสะท้อนความคดิ
๔.๑ ครใู หข้ อ้ คิดนักเรยี นวา่ สิ่งที่ไดเ้ รียนรู้นน้ั เปน็ เรอ่ื งดีหรือไม่ จรงิ หรือไมจ่ รงิ และสรุป
ความรู้ประเดน็ ส�ำคญั
ขั้นตอนที่ ๕ ประยุกต์และตอบแทนสงั คม
๕.๑ ใหน้ กั เรยี นเขยี นคำ� ขวญั รณรงคใ์ หค้ นทำ� ประโยชนใ์ หส้ ว่ นรวมมากกวา่ ผลประโยชน์
ส่วนตนติดตามป้ายนิเทศภายในโรงเรียน
๔.๒ สอื่ การเรยี นรู/้ แหล่งการเรียนรู้
๑. วดิ ีโอ แบ่งปันคอื น้�ำใจ https://www.youtube.com/watch?v=40-cDZ77gzg
๒. ใบงาน เรือ่ ง ผลประโยชน์ส่วนรวมกบั ผลประโยชน์สว่ นตน
๓. กระดาษ
๔. สไี ม้
๕. ปากกาเมจกิ
24 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพิ่มเตมิ การป้องกนั การทจุ รติ ”

๕. การประเมินผลการเรยี นรู้
๕.๑ วิธกี ารประเมิน
- ประเมนิ ใบงานเร่อื งผลประโยชน์สว่ นรวมกับผลประโยชนส์ ว่ นตน
- ประเมินความรู้ความเขา้ ใจจากการแสดงบทบาทสมมตุ ิ
- ประเมินการเขยี นคำ� ขวัญ
- ประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (ม่งุ ม่ันในการท�ำงาน, มจี ติ สาธารณะ)
๕.๒ เคร่อื งมือท่ใี ชใ้ นการประเมนิ
- แบบบันทกึ การใหค้ ะแนนใบงาน เรอ่ื งผลประโยชน์สว่ นรวมกับผลประโยชนส์ ่วนตน
- แบบประเมนิ การแสดงบทบาทสมมุติ
- แบบประเมนิ การเขียนค�ำขวัญ
- แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (มุ่งมันในการทำ� งาน, มีจิตสาธารณะ)
๕.๓ เกณฑก์ ารประเมนิ
- การท�ำใบงาน นกั เรยี นตอบถกู ๗ ข้อขน้ึ ไป ถือว่าผา่ น
- การแสดงบทบาทสมมติ ได้คะแนน ๖ คะแนน ถอื ว่าผ่าน
- แบบประเมนิ การเขียนคำ� ขวญั ไดค้ ะแนน ๗ คะแนนถอื วา่ ผ่าน
- แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ไดค้ ะแนนรายข้อระดับ ๒ ข้นึ ไปถอื วา่ ผา่ น
- นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินระดับดขี นึ้ ไป

๖. บันทึกหลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงชื่อ..............................................ครูผสู้ อน
(..............................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ ใบงาน เร่ือง ผลประโยชนส์ ่วนรวมกบั ผลประโยชนส์ ่วนตน
๗.๒ แบบบันทึกการใหค้ ะแนนใบงานเรอื่ ง ผลประโยชน์ส่วนรวมกบั ผลประโยชน์ส่วนตน
๗.๓ แบบประเมนิ การน�ำเสนอผลงานกลุม่ (การแสดงบทบาทสมมต)ิ
๗.๔ เกณฑก์ ารให้คะแนนการเขยี นคำ� ขวญั /ปา้ ยเชิญชวน
๗.๕ ใบความรู้ เร่ือง ผลประโยชนส์ ว่ นรวมกบั ผลประโยชนส์ ่วนตน
๗.๖ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (มุง่ มันในการทำ� งาน, มีจติ สาธารณะ)

ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๓ 25

ภาคผนวก ๗.๑
ใบงาน

เรอ่ื ง ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม

ชอ่ื -นามสกลุ ..................................................................................ชน้ั ป.๓/............เลขที่.........................
ค�ำส่ัง ให้นกั เรยี นตอบค�ำถามต่อไปนใ้ี หถ้ กู ตอ้ งลงในชอ่ งว่างทีก่ ำ� หนดให้
๑. ผลประโยชน์ส่วนตน หมายถงึ ……………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………....………………………
………………………………………………………………………………………………………....………………………
………………………………………………………………………………………………………....………………………
๒. ผลประโยชนส์ ่วนรวม หมายถึง……………………………………………………………………….................
………………………………………………………………………………………………………....………………………
………………………………………………………………………………………………………....………………………
………………………………………………………………………………………………………....………………………
๓. ให้นักเรียนระบกุ ิจกรรมที่ผลประโยชน์สว่ นตน ๓ กจิ กรรม
๓.๑……………………………………………………………………………………………………………………………
๓.๒……………………………………………………………………………………………………………………………
๓.๓……………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ใหน้ กั เรียนระบุกจิ กรรมท่ีผลประโยชนส์ ว่ นรวม ๓ กจิ กรรม
๔.๑……………………………………………………………………………………………………………………………
๔.๒……………………………………………………………………………………………………………………………
๔.๓……………………………………………………………………………………………………………………………

26 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพ่ิมเตมิ การป้องกันการทุจรติ ”

ภาคผนวก ๗.๒
แบบบนั ทึกการให้คะแนนใบงาน
เรื่อง ผลประโยชนส์ ว่ นรวมกบั ผลประโยชน์ส่วนตน

เลขที่ ชอ่ื -สกลุ ได้คะแนน ผา่ น ไมผ่ ่าน

เกณฑ์การผา่ นเกณฑ์ ผา่ นเกณฑ์
ไม่ผ่านเกณฑ์
ได้คะแนน รวม ๗ คะแนนขึน้ ไป
ไดค้ ะแนน ๐-๖ คะแนน

ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๓ 27

ภาคผนวก ๗.๓
แบบประเมนิ การน�ำ เสนอผลงานกลุ่ม (การแสดงบทบาทสมมต)ิ

กลุม่ ที.่ ............เร่ือง...........................................................................................................
ค�ำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นประเมนิ โดยกาเครื่องหมาย � ลงในชอ่ งระดับคะแนนใหต้ รงกับความเปน็ จริง
มากทส่ี ดุ

รายการประเมิน ระดับคะแนน รวม หมายเหตุ
๓๒๑

๑. ความเหมาะสมของบทบาทการนำ� เสนอ

๒. ความถูกตอ้ งข้อมูล สาระ ความรู้

๓. สว่ นประกอบอ่ืนๆ และความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์

คะแนนรวม

ตอ้ งได้คะแนนรวมตัง้ แต่ ๖ ขึน้ ไป จงึ จะถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

ประเด็นการประเมนิ เกณฑ์การให้คะแนน/ระดบั คณุ ภาพ
๑. ความเหมาะสมของ
บทบาทการนำ� เสนอ ๓๒๑

๒. ความถูกต้องข้อมลู แสดงบทบาทเหมาะ แสดงบทบาทเหมาะสม แสดงบทบาทเหมาะสม
สาระ ความรู้ สม เสยี งดังฟงั ชดั ลลี า เสียงดังปานกลาง ลลี า เสียงเบา ลีลาประกอบ
๓. ส่วนประกอบอืน่ ๆ ประกอบดมี าก ประกอบดี ค่อนข้างน้อย
และความคิดรเิ รม่ิ
สร้างสรรค์ เนอ้ื หาสาระถูกตอ้ ง เนอ้ื หาสาระถูกต้อง เน้อื หาสาระถกู ตอ้ ง
ครบถ้วน เปน็ ส่วนมาก เปน็ สว่ นนอ้ ย

มกี ารน�ำอุปกรณ์ มีการน�ำอุปกรณม์ า มกี ารน�ำอปุ กรณม์ า
มาประกอบการนำ� เสนอ ประกอบการน�ำเสนอดี ประกอบการนำ� เสนอ
ดมี าก ค่อนข้างน้อย

เกณฑ์การให้คะแนนการเขียนค�ำขวัญ/ปา้ ยเชญิ ชวน (๑๐ คะแนน)
(๑) การส่อื ความหมาย ๔ คะแนน
(๒) การใชภ้ าษา กะทดั รัด ชัดเจน ความไพเราะ ๒ คะแนน
(๓) ส�ำนวนภาษาสละสลวย ถกู ตอ้ งเหมาะสม ๒ คะแนน
(๔) ความคิดสรา้ งสรรค ์ ๒ คะแนน
ตอ้ งได้คะแนน ๗ ขึน้ ไปถอื ว่าผา่ นเกณฑ์

28 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

ภาคผนวก ๗.๔
ใบความรู้

เรื่อง ผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม

ประโยชนส์ ่วนตน
ผลประโยชนส์ ว่ นตน หมายถงึ บคุ คลทวั่ ไปทำ� กจิ กรรมหรอื ไดก้ ารกระทำ� ตา่ ง ๆ เพอ่ื ประโยชนส์ ว่ นตน
ครอบครัว ญาติ เพื่อนหรือของกลุ่มในสังคม ท่ีมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การแปรงฟัน
ตอนพักกลางวนั การส่งงานทันเวลา การเข้าชั้นของนกั เรยี น การอา่ นหนังสอื ห้องสมุด เป็นต้น

ประโยชน์ส่วนรวม
ผลประโยชน์สว่ นรวม หมายถงึ การท่ีบุคคลใดๆได้กระท�ำการใดๆ ตามหนา้ ท่ีหรือไดป้ ฏบิ ัติหน้าท่ี
มีวัตถุประสงค์หรือมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม หรือการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม เช่น
การเข้าแถวรับบริการต่าง เข้าห้องน�้ำราดน�้ำให้สะอาดการเก็บขยะบริเวณรอบโรงเรียน การท�ำ
ความสะอาดหอ้ งเรยี น เป็นต้น

ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ 29

ภาคผนวก ๗.๕
แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

ช่อื -นามสกุล..................................................................................ชัน้ ป.๓/............เลขท่.ี ........................

ค�ำชี้แจง ใหค้ รสู งั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี � ลงในชอ่ ง
ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
อนั พึงประสงค์ ๓๒๑๐

๑. มคี วามตั้งใจ และพยายามในการท�ำงานที่ได้รับมอบหมาย
มงุ่ มนั่ ในการท�ำงาน ๒. มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพื่อใหง้ านสำ� เรจ็

๓. รจู้ กั การใหเ้ พือ่ สว่ นรวม และเพอ่ื ผอู้ ่นื

มจี ิตสาธารณะ ๔. แสดงออกถึงการมีน้ำ� ใจหรอื การใหค้ วามชว่ ยเหลือผู้อ่ืน

๕. เข้ารว่ มกิจกรรมบ�ำเพ็ญตนเพื่อส่วนรวมเม่ือมีโอกาส

รวม

สรปุ ผลคะแนน

ลงช่อื .................................................ผูป้ ระเมิน
(.................................................)
................/................/...............

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน สรปุ ผลการประเมิน
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและสมำ่� เสมอ ให้ ๓ คะแนน � ๑๓ - ๑๕ คะแนน เท่ากบั ดเี ยย่ี ม
- พฤตกิ รรมทีป่ ฏบิ ัติชดั เจนและบอ่ ยครัง้ ให้ ๒ คะแนน � ๑๐ - ๑๒ คะแนน เทา่ กบั ดี
- พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั บิ างครั้ง ให้ ๑ คะแนน � ๗ - ๙ คะแนน เทา่ กับ พอใช้
- พฤติกรรมท่ไี มไ่ ดป้ ฏิบัต ิ ให้ ๐ คะแนน � ๐ - ๖ คะแนน เท่ากับ ปรบั ปรงุ
นกั เรียนผ่านเกณฑป์ ระเมนิ ระดบั ดีขึ้นไป ถอื วา่ ผา่ น

30 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพิม่ เตมิ การปอ้ งกันการทุจรติ ”

แผนการจดั การเรียนรู้

หน่วยท่ี ๑ ชอื่ หนว่ ย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๔ เรอื่ ง การปฏิบตั ติ นในการใชข้ องส่วนรวมในระดับหมูบ่ า้ น เวลา ๒ ช่ัวโมง
๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์
สว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
นักเรียนสามารถบอกวธิ ีการปฏบิ ัตติ นในการใช้ของสว่ นรวมในหมบู่ า้ นได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
ของใช้สว่ นรวมคือของหรอื สถานทีท่ ใ่ี ชร้ ่วมกนั ไม่มผี หู้ นึ่งผใู้ ดเปน็ เจ้าของเพยี งคนเดียว
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกิด)
๑. ความสามารถในการสือ่ สาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓.๓ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
- มวี ินัย
- รักความเป็นไทย
- มีจติ สาธารณะ
๔. กจิ กรรมการเรียนรู้
๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้
ชว่ั โมงท่ี ๑
๑. ระบุค�ำถาม
- ครูนำ� ภาพวดั ถนน แม่น�้ำ ล�ำคลอง ตู้โทรศัพทส์ าธารณะ โดยใช้ค�ำถามดังน้ี
- ภาพทนี่ กั เรียนเหน็ เปน็ สถานทท่ี ี่สว่ นรวมหรอื ส่วนตวั
- ครูกระตุ้นให้นักเรียนทกุ คนมสี ว่ นร่วมในการตอบคำ� ถาม เพื่อน�ำเข้าสู่บทเรียน
- ครูถามนกั เรียนถึงความหมายของของใช้สว่ นรวม ของใช้ส่วนรวมคอื ของหรอื สถานท่ี
ทใ่ี ช้ร่วมกันไมม่ ีผูห้ น่ึงผใู้ ดเปน็ เจ้าของเพยี งคนเดยี ว

ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓ 31

๒. แสวงหาสารสนเทศ
- ครูให้นกั เรียนทำ� แบบทดสอบก่อนเรียน
- ใหน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ ๕-๖ คน
๓. สร้างความรู้
- นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันคดิ วา่ ของใชส้ ่วนรวมในหมบู่ ้านมีอะไรบา้ ง
- นักเรียนร่วมกันบอกการปฏิบัติตนในการใช้ของร่วมกันในหมู่บ้านและเขียนลงใน
กระดาษบรฟู๊
ช่วั โมงท่ี ๒
๔. สอื่ สาร
- ตัวแทนกลุ่มออกมาน�ำเสนอผลงานเก่ียวกับข้อดีและข้อเสียของการใช้ของร่วมกัน
ในหม่บู ้านทถ่ี กู ตอ้ งและไมถ่ ูกต้องและเขยี นลงในกระดาษบร๊ฟู
- นักเรียนทำ� แบบทดสอบหลงั เรียน
๕. ตอบแทนสงั คม
- นกั เรยี นน�ำผลงานไปตดิ ปา้ ยนเิ ทศประชาสัมพันธ์ของโรงเรยี น
๔.๒ ส่อื การเรยี นรู้/แหล่งเรียนรู้
- แบบทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน
- ใบงาน เรือ่ ง การแยกแยะสิทธหิ นา้ ที่สว่ นตนและสทิ ธิหนา้ ทสี่ ่วนรวม
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมิน
- การตรวจแบบทดสอบ
- การตรวจผลงานใบงาน
- การประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (มวี ินยั , รกั ความเป็นไทย, มีจติ สาธารณะ)
๕.๒ เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้ในการประเมนิ
- แบบใหค้ ะแนนการตรวจแบบทดสอบ
- แบบบันทึกการให้คะแนนการตรวจใบงาน
- แบบประเมินการทำ� งานกลมุ่
- แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (มวี ินยั , รกั ความเปน็ ไทย, มจี ิตสาธารณะ)
๕.๓ เกณฑก์ ารประเมิน
- นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป
- นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมินระดบั ดี ขนึ้ ไป
32 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพิม่ เตมิ การปอ้ งกันการทจุ รติ ”

๖. บันทกึ หลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..............................................ครผู ู้สอน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ แบบทดสอบกอ่ นและหลังเรียน
๗.๒ ใบความรู้เรอ่ื งความหมายของบทบาทหน้าทีแ่ ละสทิ ธิ
๗.๓ แบบบนั ทึกการใหค้ ะแนนการตรวจใบงาน
๗.๔ แบบใหค้ ะแนนการตรวจแบบทดสอบ
๗.๕ แบบประเมินการทำ� งานกลมุ่
๗.๖ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (มีวนิ ัย, รักความเปน็ ไทย, มจี ติ สาธารณะ)

ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓ 33

ภาคผนวก ๗.๑
แบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรียน

เรอื่ ง สทิ ธหิ น้าท่ขี องตนเองและผอู้ นื่
ช่อื -นามสกุล..................................................................................ช้ัน ป.๓/............เลขท่ี.........................
ค�ำช้แี จง ให้นักเรียนทำ� เครอ่ื งหมาย � หน้าขอ้ ท่ีถูก และท�ำเคร่อื งหมาย x หนา้ ข้อที่ผดิ
.......... ๑. สมชายน�ำอาวุธมาดว้ ยขณะชมุ นุมขบั ไลร่ ฐั บาลเปน็ การชมุ นมุ โดยสนั ตวิ ธิ ี
.......... ๒. สมจติ นำ� อาหารมารบั ประทานขณะรว่ มชมุ นมุ ตอ่ ตา้ นการสรา้ งโรงไฟฟา้ นวิ เคลยี ร์

ได้ โดยไม่ผดิ กฎหมาย
.......... ๓. ผู้ปกครองสามารถฟ้องร้องผู้บริหารโรงเรียนได้ในกรณีออกระเบียบให้นักเรียน

ทุกคนท�ำประกนั อบุ ตั ิเหตุ
.......... ๔. ประชาชนไม่มีสิทธิในการมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาของเจ้าหน้าที่รัฐ

เกีย่ วกับ การปฏบิ ตั ริ าชการดา้ นการปกครอง
.......... ๕. ถ้าประชาชนปฏิบัติตามสิทธิและหน้าที่ตามที่กฎหมายก�ำหนดบ้านเมืองจะมี

ความสงบสขุ
.......... ๖. รัฐบาลสามารถสรา้ งโรงไฟฟ้านวิ เคลยี รไ์ ดห้ า้ มประชาชนชมุ นุมประท้วง
.......... ๗. ป๋องแป๋งไปร่วมงานประเพณีลอยกระทงถือเป็นการการอนุรักษ์และฟื้นฟู

จารีตประเพณี ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน
.......... ๘. ปัจจุบันมีผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเป็นจ�ำนวนมากท�ำให้โทรศัพท์มีราคาถูกลง

เปน็ สทิ ธเิ สรภี าพ ในการประกอบอาชีพ
.......... ๙. บริษัทรถยนต์จะผลิตรถยนต์ท่ีไม่มีคุณภาพก็ได้เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพในการ

ประกอบอาชพี
.......... ๑๐. การชมุ นุมโดยสนั ตวิ ธิ ีคอื การชมุ นุมทป่ี ราศจากอาวุธ

...........................................

34 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกนั การทุจรติ ”

เฉลยแบบทดสอบ

..................................................
...�....... ๑. สมชายนำ� อาวุธมาดว้ ยขณะชุมนุมขบั ไลร่ ัฐบาลเป็นการชมุ นมุ โดยสนั ติวิธี
....�...... ๒. สมจติ นำ� อาหารมารบั ประทานขณะรว่ มชมุ นมุ ตอ่ ตา้ นการสรา้ งโรงไฟฟา้ นวิ เคลยี ร์

ได้ โดยไม่ผิดกฎหมาย
....�...... ๓. ผู้ปกครองสามารถฟ้องร้องผู้บริหารโรงเรียนได้ในกรณีออกระเบียบให้นักเรียน

ทกุ คนทำ� ประกนั อบุ ัตเิ หตุ
...�....... ๔. ประชาชนไม่มีสิทธิในการมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาของเจ้าหน้าที่รัฐ

เกยี่ วกับ การปฏิบตั ิราชการดา้ นการปกครอง
....�...... ๕. ถ้าประชาชนปฏิบัติตามสิทธิและหน้าท่ีตามท่ีกฎหมายก�ำหนดบ้านเมืองจะมี

ความสงบสขุ
...�....... ๖. รฐั บาลสามารถสรา้ งโรงไฟฟ้านิวเคลยี ร์ได้ห้ามประชาชนชมุ นมุ ประท้วง
....�...... ๗. ป๋องแป๋งไปร่วมงานประเพณีลอยกระทงถือเป็นการการอนุรักษ์และฟื้นฟู

จารตี ประเพณี ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น
....�...... ๘. ปัจจุบันมีผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือเป็นจ�ำนวนมากท�ำให้โทรศัพท์มีราคาถูกลง

เป็นสิทธิเสรภี าพ ในการประกอบอาชีพ
...�....... ๙. บริษัทรถยนต์จะผลิตรถยนต์ที่ไม่มีคุณภาพก็ได้เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพในการ

ประกอบอาชีพ
....�...... ๑๐. การชุมนมุ โดยสันตวิ ิธคี ือการชมุ นมุ ท่ปี ราศจากอาวุธ

...........................................
ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ 35

ภาคผนวก ๗.๒
ใบความรู้

เรื่อง ความหมายของบทบาทหน้าที่และสิทธิ

บทบาท หมายถงึ สงิ่ ท่ีบคุ คลตอ้ งปฏิบัติ เช่น นักเรยี นมีบทบาทหน้าท่ี
ตง้ั ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น พอ่ แมม่ บี ทบาทหนา้ ทใี่ นการเลยี้ งดลู กู และอบรมสงั่ สอน
ให้เป็นคนดี นักเรียนมีบทบาทหน้าท่ีต่อครอบครัว คือเช่ือฟังค�ำส่ังสอนของ
พอ่ แม่ เลีย้ งดูพ่อแม่ ยามแกช่ รา ชว่ ยพอ่ แมท่ ำ� งานบ้าน
สิทธิ หมายถึง ประโยชน์ที่บุคคลควรจะได้รับตามกฎหมาย เช่น
เดก็ ทเ่ี กดิ มามสี ทิ ธทิ จี่ ะมชี อ่ื และนามสกลุ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ความรกั ความปลอดภยั
การดแู ลปกปอ้ งจากอนั ตราย
สิทธิท่ีนักเรียนพึงได้รับ เช่น สิทธิได้รับการศึกษาข้ันพื้นฐาน มีสิทธิ
จะได้รับการเลี้ยงดูและปกป้องจากพ่อแม่ มีสิทธิท่ีจะแสดงความคิดเห็น
ร่วมกบั สมาชกิ ในครอบครวั

36 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพม่ิ เติม การป้องกนั การทุจริต”

ภาคผนวก ๗.๓
ใบงาน

เร่อื ง การปฏบิ ัตติ นในการใชข้ องสว่ นรวม

ค�ำช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขยี นแผนผังความคดิ การปฏิบตั ติ นในการใชข้ องส่วนรวมในหม่บู ้าน
ชอื่ -นามสกลุ ..................................................................................ชน้ั ป.๓/............เลขที่.........................

การปฏิบตั ิตน
ในการใชข้ องส่วนรวม

ในหมบู่ ้าน

ระดบั ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓ 37

ภาคผนวก ๗.๔
แบบการใหค้ ะแนนการตรวจผลงาน

เลขที่ ชื่อ-สกลุ คะแนนท่ีได้ สรุปผล
ผ่าน ไม่ผา่ น









๑๐
๑๑
๑๒

สรุป

เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑ์การตัดสิน
ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๘-๑๐ คะแนน
ระดบั คุณภาพ ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๗ คะแนน
ผา่ น
ไม่ผา่ น

38 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่มิ เตมิ การป้องกันการทุจริต”

ภาคผนวก ๗.๕
แบบบันทึกการใหค้ ะแนนการตรวจใบงาน

เลขที่ ชือ่ -สกลุ คะแนนทไ่ี ด้ สรปุ ผล
ผ่าน ไม่ผา่ น









๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕

สรุป

เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑก์ ารตัดสนิ
ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๘-๑๐ คะแนน
ระดบั คณุ ภาพ ได้คะแนนรวมระหว่าง ๐-๗ คะแนน
ผา่ น
ไมผ่ า่ น

ระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ 39

ภาคผนวก ๗.๖
แบบประเมนิ การทำ�งานกลมุ่

เรอ่ื ง.................................................................................กลมุ่ .............................

รายการประเมนิ

ที่ ชือ่ กล่มุ ความ การแสดง ความต้ังใจ การรับฟัง การร่วม รวมคะแนน
รว่ มมือ ความคดิ ผู้อน่ื ปรบั ปรงุ
ผลงาน
เห็น

๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๑๐ คะแนน













ลงชอ่ื ..............................................ผตู้ รวจ
(..............................................)

เกณฑ์การประเมนิ
นักเรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน

40 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพ่ิมเตมิ การป้องกันการทุจริต”

แผนการจดั การเรยี นรู้

หน่วยที่ ๑ ชอื่ หนว่ ย การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๕ เรือ่ ง พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสอง ในระดับหมบู่ า้ น เวลา ๒ ช่วั โมง
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนสว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวมได้
๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ
๒.๑ นักเรยี นบอกพฤติกรรมระบบคดิ ฐานสอง ได้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
ตวั อย่างพฤตกิ รรมระบบคิดฐานสอง
- ไมร่ บั ของขวญั จากผมู้ าตดิ ตอ่ งาน
- ไม่ใช้รถหลวงในเรือ่ งสว่ นตวั
- ไมใ่ ชโ้ ทรศพั ท์หลวงโทรธรุ ะสว่ นตวั
- ไม่น�ำอปุ กรณ์ไฟฟา้ ส่วนตัวมาชารจ์ ที่ท�ำงาน
- ไม่นำ� วัสดคุ รภุ ณั ฑ์หลวงไปใช้ทบ่ี า้ น
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด)
๑. ความสามารถในการสือ่ สาร
(อ่าน ฟงั พดู เขียน)
๒. ความสามารถในการคดิ
(จดั กลมุ่ สรุป)
๓.๓ คุณลักษณะที่พึงประสงค์/ค่านยิ ม
มงุ่ มั่นในการท�ำงาน

ระดับชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 41

๔. กิจกรรมการเรียนรู้
๔.๑ ขนั้ ตอนการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี ๑
ข้ันตอนที่ ๑ เสนอสง่ิ เรา้ และระบคุ �ำถามส�ำคัญ
๑. ครูแจกใบความรู้ เรื่องระบบคดิ ฐานสอง
๒. ครใู ห้นักเรียนศึกษาและอ่าน ใบความรู้ จากนั้นครซู กั ถามนกั เรยี น ดังนี้
- จากท่ีนกั เรียนอา่ นในใบความรู้ นกั เรยี นมคี วามเขา้ ใจอยา่ งไร
- นกั เรียนอยากเล่าเรอื่ งนี้ใหเ้ พอื่ นคนอืน่ ฟังไหม
ขน้ั ตอนท่ี ๒ แสวงหาสารสนเทศและวเิ คราะห์
๑. ครูให้นกั เรยี นน่งั เปน็ กล่มุ ๆ ละ ๓-๔ คน และสนทนารว่ มกนั และอภิปรายภายใน
กลุม่ ว่าเรอ่ื งในใบความรู้ เกยี่ วกับอะไร
๒. นักเรยี นมวี ิธีการใหค้ วามรูเ้ พ่ือนคนอื่นๆ อย่างไร
ขั้นตอนที่ ๓ อภิปรายและสร้างความร้ ู
แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนน�ำเสนอผลงาน อภิปรายร่วมกันว่ามีบุคคลในหมู่บ้านของนักเรียนที่มี
พฤติกรรมระบบคิดฐานสอง หรอื ไม่และสรุปหนา้ ช้ันเรียนวา่ แต่ละกลุ่มเข้าใจเนือ้ หาว่าอย่างไร
ชัว่ โมงท่ี ๒
ขน้ั ตอนท่ี ๔ สื่อสารและสะทอ้ นความคดิ
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป เร่ือง การปฏิบัติงานแบบใช้ระบบคิดฐานสอง การท่ี
เจ้าหน้าที่ของรัฐระบบการคิดท่ีสามารถแยกเร่ืองต�ำแหน่งหน้าท่ีกับเร่ืองส่วนบุคคลออกจากกันได้อย่าง
ชดั เจนวา่ สง่ิ ไหนถกู สงิ่ ไหนผดิ สงิ่ ไหนทำ� ไดส้ งิ่ ไหนทำ� ไมไ่ ด้ สง่ิ ไหนคอื ประโยชนส์ ว่ นตนสงิ่ ไหนคอื ประโยชน์
สว่ นรวม ไมน่ �ำมาปะปนกนั ไม่น�ำบคุ ลากรหรือทรัพยส์ นิ ของราชการมาใชเ้ พื่อประโยชน์ส่วนตน ไม่เบยี ด
บังราชการ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมหรือของหน่วยงานเหนือกว่าประโยชน์ของส่วนบุคคล เครือญาติ
และพวกพ้อง ไม่แสวงหาประโยชน์จากต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด
จากการปฏิบัติหน้าท่ี กรณีเกิดการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ก็จะยึด
ประโยชนส์ ่วนรวมเปน็ หลัก
ให้นักเรียนร่วมกันท�ำป้ายรณรงค์ ให้ความรู้เรื่องพฤติกรรมระบบคิดฐานสอง
ในกระดาษบรู๊ฟ
ขั้นตอนที่ ๕ ประยุกต์และตอบแทนสังคม ให้นักเรียนร่วมกันเดินรณรงค์ ถือป้ายระบบ
คดิ ฐานสอง ภายในบริเวณโรงเรียนและหมู่บา้ น
๔.๒ สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรียนรู้
๑. ใบความรู้ เรอื่ ง ตวั อย่างระบบคิดฐานสอง ๓. ปากกาเคมี
๒. กระดาษบรู๊ฟ ๔. สไี ม้
42 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพ่มิ เติม การป้องกนั การทุจริต”


Click to View FlipBook Version