The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้
“รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต”
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bangplamaschool, 2022-07-09 22:52:19

แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต” ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

แผนการจัดการเรียนรู้
“รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต”
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

๕. การประเมนิ การเรยี นรู้
๕.๑ วธิ ีการประเมนิ
การสงั เกตพฤตกิ รรมการมงุ่ ม่ันในการท�ำงาน
๕.๒ เครอื่ งมือท่ีใช้ในการประเมิน
- แบบสงั เกตพฤติกรรมการม่งุ มัน่ ในการท�ำงาน
- แบบบันทกึ การใหค้ ะแนนการตรวจผลงาน
๕.๓ เกณฑ์การประเมิน
นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป

๖. บนั ทึกหลังสอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..............................................ครูผูส้ อน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ ใบความรู้ เร่ือง ระบบคดิ ฐานสอง
๗.๒ แบบสงั เกตพฤติกรรมการมงุ่ ม่นั ในการทำ� งาน
๗.๓ แบบบนั ทกึ การให้คะแนนการตรวจผลงาน

ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 43

ภาคผนวก ๗.๑
ใบความรู้

เรอ่ื งระบบคดิ ฐานสอง

นักเรียนอยา่ ทำ�นะครับ
เพราะไมน่ ่ารักเลย

44 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การปอ้ งกันการทจุ ริต”

ภาคผนวก ๗.๒
แบบสังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น

ช่อื -นามสกุล..................................................................................ชนั้ ป.๓/............เลขท.ี่ ........................

ค�ำช้ีแจง การบันทกึ ใหก้ าเครื่องหมาย � ลงในชอ่ งที่ตรงกับพฤตกิ รรมที่เกิดขึน้ จริง

มุ่งมน่ั ในการท�ำ งาน

ระดบั การปฏบิ ตั ิ

ที่ พฤตกิ รรม เปน็ ประจ�ำ บางครงั้ น้อยครง้ั ไม่ท�ำเลย/
(๓) (๒) (๑) ไมช่ ดั เจน
(๐)

๑ มคี วามรบั ผดิ ชอบในหน้าทีก่ ารงาน

๒ ต้งั ใจและเอาใจใสต่ ่อการปฏิบตั ิหนา้ ทท่ี ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

๓ ท�ำงานดว้ ยความเพยี รพยายาม

๔ รู้จกั แกป้ ัญหาในการทำ� งานเมอ่ื มอี ุปสรรค

๕ อดทนเพือ่ ใหง้ านสำ� เรจ็ ตามเปา้ หมาย

๖ ปรบั ปรุงและพัฒนาการทำ� งานให้ดขี น้ึ ด้วยตนเอง

รวมคะแนน/ระดบั คุณภาพ

ผ้ปู ระเมิน � ครู � พ่อแม/่ ผปู้ กครอง � ตนเอง � เพื่อน

ลงชอ่ื .................................................ผ้ปู ระเมิน
(.................................................)
เกณฑก์ ารประเมิน

ระดับคุณภาพ เกณฑ์การตัดสิน

ดเี ยี่ยม ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมินข้อใดขอ้ หน่งึ ต่�ำกวา่ ๒ คะแนน

ดี ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมินขอ้ ใดขอ้ หนึง่ ตำ�่ กวา่ ๐ คะแนน

ผ่าน ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มผี ลการประเมินขอ้ ใดข้อหนึ่งต�่ำกว่า ๐ คะแนน

ไม่ผา่ น ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน

ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ 45

ภาคผนวก ๗.๓
แบบบนั ทกึ การให้คะแนนการตรวจผลงาน

เลขที่ ชอื่ -สกุล คะแนนทีไ่ ด้ สรุปผล
ผา่ น ไมผ่ า่ น









๑๐
๑๑
๑๒

สรปุ

เกณฑก์ ารประเมนิ เกณฑ์การตดั สิน
ได้คะแนนรวมระหว่าง ๘-๑๐ คะแนน
ระดบั คุณภาพ ได้คะแนนรวมระหว่าง ๐-๗ คะแนน
ผา่ น
ไม่ผา่ น

46 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพิ่มเติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

แผนการจัดการเรยี นรู้

หนว่ ยที่ ๑ ชอื่ หนว่ ย การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๓
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๖ เรอื่ ง การประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบคิดฐานสองในหม่บู า้ น เวลา ๑ ชว่ั โมง

๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคดิ แยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ
นกั เรยี นสามารถน�ำระบบคิดฐานสอง ไปประยกุ ตใ์ ช้ในหมบู่ า้ นได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
“การปฏบิ ตั งิ านแบบใชร้ ะบบคดิ ฐานสอง (Digital)” คอื การทเี่ จา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ระบบการคดิ
ที่สามารถแยกเรื่องต�ำแหน่งหน้าที่กับเรื่องส่วนบุคคลออกจากกันได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งไหนถูกส่ิงไหนผิด
ส่ิงไหนทำ� ได้สิ่งไหนทำ� ไมไ่ ด้ สง่ิ ไหนคือประโยชน์ส่วนตนส่งิ ไหนคอื ประโยชน์สว่ นรวม ไม่นำ� มาปะปนกนั
ไม่นำ� บุคลากรหรือทรัพย์สิของราชการมาใชเ้ พอ่ื ประโยชน์สว่ นตน ไม่เบยี ดบงั ราชการ เห็นแกป่ ระโยชน์
ส่วนรวมหรือของหน่วยงานเหนือกว่าประโยชน์ของส่วนบุคคล เครือญาติ และพวกพ้อง ไม่แสวงหา
ประโยชน์จากต�ำแหน่งหน้าที่ราชการ ไม่รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากการปฏิบัติหน้าท่ี กรณี
เกิดการขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม ก็จะยึดประโยชนส์ ่วนรวมเป็นหลัก
ตวั อยา่ งพฤติกรรมระบบคิดฐานสอง
- ไมร่ ับของขวัญจากผูม้ าตดิ ต่องาน
- ไมใ่ ช้รถหลวงในเรอ่ื งส่วนตัว
- ไมใ่ ชโ้ ทรศพั ท์หลวงโทรธรุ ะส่วนตวั
- ไม่นำ� อุปกรณ์ไฟฟ้าส่วนตัวมาชารจ์ ทีท่ ำ� งาน
- ไม่นำ� วสั ดคุ รุภณั ฑห์ ลวงไปใช้ท่ีบ้าน
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะที่เกิด)
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
๓.๓ คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค/์ คา่ นยิ ม
มุ่งม่ันในการทำ� งาน

ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ 47

๔. กจิ กรรมการเรียนรู้
๔.๑ ขน้ั ตอนการเรยี นรู้
ข้ันตอนที่ ๑ เสนอสิ่งเร้าและระบคุ �ำถามส�ำคัญ
๑. ครูน�ำยกตวั อยา่ งพฤติกรรมคิดฐาน ๒ ให้นกั เรียนดูบนระดาน
๒. ครใู ชค้ ำ� ถามกบั นักเรียนดังนี้
- นักเรียนเคยท�ำพฤตกิ รรมเหล่าน้ีบ้างไหม
- นกั เรียนเคยเห็นใครในหมู่บ้านทำ� พฤติกรรมเหลา่ นห้ี รอื ไม ่
๓. ครแู จกใบความรู้ เร่อื ง ระบบฐานคดิ สอง และอธบิ ายเนื้อหาใหน้ กั เรียนฟงั
ขนั้ ตอนที่ ๒ แสวงหาสารสนเทศและวเิ คราะห์
๑. ครูให้นักเรียนนั่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ ๓-๔ คน พร้อมแจกใบงาน เรื่อง พฤติกรรม
ระบบคิดฐาน ๒
ขัน้ ตอนท่ี ๓ อภิปรายและสรา้ งความร้ ู
๑. ให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนน�ำเสนอผลงาน อภิปรายร่วมกันและสรุปหน้าช้ันเรียน
ว่าแตล่ ะกลมุ่ มีอะไรบา้ งและจะน�ำไปประยุกตใ์ ชใ้ นหมูบ่ ้านของนกั เรยี นไดอ้ ย่างไร
ข้นั ตอนท่ี ๔ สอ่ื สารและสะท้อนความคิด
ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับพฤติกรรมระบบคิดฐานสอง ที่นักเรียน
ควรนำ� ไปประยกุ ต์ใช้ในหมู่บ้านของนักเรยี น
ข้ันตอนท่ี ๕ ประยกุ ต์และตอบแทนสังคม
ให้นักเรียนเขียน ท�ำป้ายรณรงค์ เช่น ตัวอย่างพฤติกรรมคิดฐานสองและน�ำไปติด
ภายในโรงเรยี นหรอื หมบู่ ้าน
๔.๒ สอ่ื การเรียนร้/ู แหล่งการเรยี นรู้
๑. แบบสำ� รวจ เรอ่ื ง ระบบคิดฐานสอง
๒. ป้ายนเิ ทศ
๓. ใบความรู้ เรอื่ ง ระบบคดิ ฐานสอง
๕. การประเมนิ การเรียนรู้
๕.๑ วิธกี ารประเมนิ
๑. ประเมินความรูโ้ ดยตรวจใบงาน
๒. การสังเกตพฤติกรรมการมุ่งม่นั ในการทำ� งาน
๕.๒ เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการประเมิน
๑. แบบให้คะแนนการตรวจผลงานจากการท�ำใบงาน
๒. แบบสังเกตพฤติกรรมการมุ่งมัน่ ในการท�ำงาน
๕.๓ เกณฑก์ ารประเมิน
นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป
48 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพ่ิมเตมิ การปอ้ งกนั การทุจรติ ”

๖. บนั ทึกหลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..............................................ครผู ู้สอน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ แบบสำ� รวจเร่ืองระบบคิดฐานสอง
๗.๒ ใบความรู้เรอื่ งระบบคดิ ฐานสอง
๗.๓ แบบประเมนิ ผลงาน
๗.๔ แบบสังเกตพฤติกรรมการมุ่งม่นั ในการท�ำงาน

ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ 49

ภาคผนวก ๗.๑
ใบความรู้

เร่ืองระบบคดิ ฐานสอง

นักเรยี นอย่าทำ�นะครับ
เพราะไม่นา่ รกั เลย

50 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพิม่ เตมิ การปอ้ งกันการทุจรติ ”

ภาคผนวก ๗.๒
แบบส�ำ รวจ
เรอ่ื งระบบคดิ ฐานสอง

ชอื่ -นามสกุล..................................................................................ชั้น ป.๓/............เลขท.ี่ ........................

ค�ำสั่ง ให้นกั เรยี นเขยี นแยกแยะพฤตกิ รรมตามระบบคิดฐานสอง

พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสอง พฤตกิ รรมที่นกั เรยี นเคยท�ำ

คะแนน
.....................

ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 51

ภาคผนวก ๗.๔
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น

ชอ่ื -นามสกลุ ..................................................................................ชั้น ป.๓/............เลขที่.........................

ค�ำช้ีแจง การบันทกึ ใหก้ าเคร่อื งหมาย � ลงในชอ่ งท่ีตรงกับพฤติกรรมท่ีเกดิ ขึ้นจรงิ

มงุ่ ม่ันในการทำ�งาน

ระดับการปฏบิ ตั ิ

ท่ี พฤตกิ รรม เปน็ ประจ�ำ บางครง้ั น้อยครง้ั ไมท่ �ำเลย/
(๓) (๒) (๑) ไมช่ ดั เจน
(๐)

๑ มีความรับผิดชอบในหน้าทกี่ ารงาน

๒ ตง้ั ใจและเอาใจใสต่ ่อการปฏบิ ัติหน้าทที่ ่ไี ดร้ ับมอบหมาย

๓ ทำ� งานดว้ ยความเพียรพยายาม

๔ ร้จู กั แกป้ ญั หาในการทำ� งานเมือ่ มีอปุ สรรค

๕ อดทนเพ่ือใหง้ านสำ� เร็จตามเป้าหมาย

๖ ปรับปรุงและพัฒนาการทำ� งานใหด้ ขี ึน้ ด้วยตนเอง

รวมคะแนน/ระดับคณุ ภาพ

ผู้ประเมิน � คร ู � พ่อแม่/ผปู้ กครอง � ตนเอง � เพื่อน

ลงชอ่ื .................................................ผปู้ ระเมนิ
(.................................................)
เกณฑ์การประเมิน

ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสิน

ดีเยีย่ ม ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมนิ ขอ้ ใดขอ้ หน่ึงตำ�่ กวา่ ๒ คะแนน

ดี ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มผี ลการประเมินขอ้ ใดข้อหน่ึงต�ำ่ กว่า ๐ คะแนน

ผา่ น ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มีผลการประเมินข้อใดข้อหนงึ่ ต�่ำกวา่ ๐ คะแนน

ไม่ผ่าน ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๐-๕ คะแนน

52 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ รติ ”

ภาคผนวก ๗.๓
แบบประเมนิ ผลงาน

เลขที่ ชือ่ -สกลุ คะแนนทไ่ี ด้ สรุปผล
ผา่ น ไมผ่ ่าน









๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔

สรปุ

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑก์ ารตัดสิน
ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๘-๑๐ คะแนน
ระดับคุณภาพ ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๗ คะแนน
ผ่าน
ไม่ผ่าน

ระดับช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๓ 53

แผนการจัดการเรียนรู้

หน่วยที่ ๑ ชอ่ื หนว่ ย การคิดแยกแยะประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เวลา ๒ ชวั่ โมง
ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๗ เรอื่ ง พฤตกิ รรมระบบคิดฐานสิบ ในระดบั หมูบ่ า้ น

๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับสว่ นรวมได้
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กบั สว่ นรวมได้
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
นกั เรยี นสามารถบอกพฤติกรรมท่ีเกี่ยวกับระบบคดิ ฐานสิบ ในระดบั หมู่บ้านได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
ระบบคดิ ฐาน ๑๐
เปน็ การกระทำ� หรอื พฤตกิ รรมที่ นำ� สง่ิ ของสว่ นตนและสง่ิ ของสว่ นรวมนำ� มาปะปนกนั ไปหมด
โดยไมส่ ามารถแยกแยะไดว้ า่ สิ่งไหนเป็นส่ิงของสว่ นตน สงิ่ ไหนเป็นสง่ิ ของสว่ นรวม
พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสิบ
- นำ� น�ำ้ ประปาของหมูบ่ ้านไปใชล้ า้ งรถส่วนตวั
- ผู้ใหญบ่ ้านน�ำแก้วน�้ำ ถว้ ยชามของวดั ไปใช้ทีบ่ ้าน
- มาใช้สถานที่วัดคา้ ขายของส่วนตวั
- ใชศ้ าลาประชาคมเกบ็ ของสว่ นตวั
- นำ� เครือ่ งออกกำ� ลังกายของสว่ นรวมไปใชท้ ีบ่ า้ น
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะทีเ่ กิด)
๑. ความสามารถในการสอื่ สาร
(อ่าน ฟงั พูด เขยี น)
๒. ความสามารถในการคิด
(วเิ คราะห์ )
๓.๓ คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์/ค่านยิ ม
ความรบั ผิดชอบ

54 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกนั การทจุ รติ ”

๔. กิจกรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ข้ันตอนการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี ๑
ข้ันตอนท่ี ๑ เสนอสิ่งเรา้ และระบุค�ำถามส�ำคญั
๑.๑ ครูยกตัวอย่าง การกระทำ� และพฤติกรรมดังนี้
- นกั เรียนเอาจานโรงเรยี นกลับไปใช้ทบ่ี ้าน
- ครู หรอื นกั เรยี นชาร์ตแบตโทรศัพทม์ อื ถอื ทโี่ รงเรยี น
- ครใู ชน้ ้ำ� ประปาของโรงเรยี นลา้ งรถสว่ นตวั
จากสถานการณ์ที่ครูยกตัวอย่างให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่าการกระท�ำเช่นน้ี
เหมาะสมหรอื ไมช่ ว่ ยกันวเิ คราะห์และอภิปราย
๑.๒ ครอู ธิบายเพม่ิ เติมวา่ เป็นการการกระท�ำหรือพฤตกิ รรมทเี่ อาส่งิ ของสว่ นรวมมาใช้
เปน็ สงิ่ ของสว่ นตนและกอ่ ใหเ้ กดิ ผลประโยชนแ์ กส่ ว่ นตนมากกวา่ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมโดยทบ่ี คุ คลเหลา่ น้ี
ทราบแล้วว่าสิ่งของทใ่ี ช้เป็นของสว่ นรวม ซึ่งการกระท�ำเชน่ น้เี ราเรียกวา่ ระบบคดิ ฐานสบิ
ขัน้ ตอนท่ี ๒ แสวงหาสารสนเทศและวเิ คราะห์
๒.๑ ใหน้ กั เรียนแบง่ กล่มุ ๔-๕ คน ศึกษาใบความรูเ้ พมิ่ เตมิ เรื่องระบบคดิ ฐานสิบ
๒.๒ ครแู จกใบงาน เรอื่ ง อะไรบ้างหนอ ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั คิดวิเคราะห์และยกตวั อย่าง
การกระท�ำหรือพฤติกรรมที่เรียกว่าเป็น ระบบคิดฐานสิบ ในหมู่บ้านของนักเรียน มา ๕ การกระท�ำ
แลว้ ออกมานำ� เสนอหน้าช้ันเรยี น
ชั่วโมงท่ี ๒
ขั้นตอนท่ี ๓ อภิปรายและสร้างความรู้
๓.๑ ให้แตล่ ะกลุ่มน�ำเสนอผลงานพร้อมอภปิ รายหน้าชัน้ เรยี น
๓.๒ ครนู ำ� นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับพฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสิบ
๓.๓ ครูสรุปความหมายของระบบคดิ ฐานสิบ
ระบบคิดฐานสิบ หมายถึงการกระท�ำหรือพฤติกรรมท่ี น�ำส่ิงของส่วนตนและสิ่งของ
สว่ นรวมนำ� มาปะปนกนั ไปหมด โดยไมส่ ามารถแยกแยะไดว้ า่ สงิ่ ไหนเปน็ สงิ่ ของสว่ นตนสงิ่ ไหนเปน็ สงิ่ ของ
สว่ นรวมและกอ่ ใหเ้ กดิ ผลประโยชนแ์ กส่ ว่ นตนมากกวา่ ผลประโยชนส์ ว่ นรวมโดยทบ่ี คุ คลเหลา่ นท้ี ราบแลว้
ของสิง่ ของทใ่ี ชเ้ ป็นส่วนรวม
ขน้ั ตอนท่ี ๔ ส่อื สารและสะทอ้ นความคิด
เราจะมีวิธีการอย่างไรเพ่ือไม่ให้นักเรียนมีพฤติกรรมหรือการกระท�ำ เข้าข่ายลักษณะ
ระบบคดิ ฐานสิบ
ข้นั ตอนท่ี ๕ ประยุกตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ใหน้ ักเรยี นวาดรูปภาพรณรงค์ สง่ เสริมการกระทำ� หรอื พฤติกรรมที่เหน็ แกผ่ ลประโยชน์
สว่ นรวมมากกวา่ ผลประโยชน์ส่วนตน แลว้ ติดป้ายประชาสมั พนั ธ์ในชน้ั เรยี น

ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ 55

๔.๒ สอ่ื การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้
๑. ใบความร้รู ะบบคดิ ฐานสบิ
๒. ใบงาน เร่อื ง อะไรบ้างหนอ
๓. สไี ม/้ ปากกาเมจิก
๕. การประเมินผลการเรยี นรู้
๕.๑ วิธีการประเมนิ
๑. ตรวจใบงาน เรื่อง อะไรบ้างหนอ
๒. ตรวจผลงานการเขียนรูปภาพการรณรงค์ ต้านการกระท�ำท่ีเข้าข่ายพฤติกรรมระบบคิด
ฐานสบิ
๓. สงั เกตพฤตกิ รรมด้านความรบั ผิดชอบของนกั เรียน
๕.๒ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ
๑. แบบใหค้ ะแนนการตรวจผลงานใบงาน เร่ือง อะไรบา้ งหนอ
๒. แบบบนั ทกึ การใหค้ ะแนนการเขยี นรปู ภาพการรณรงค์ ตา้ นการกระทำ� ทเี่ ขา้ ขา่ ยพฤตกิ รรม
ระบบคิดฐานสิบ
๓. แบบประเมินคณุ ลกั ษณะความรบั ผดิ ชอบ
๕.๓ เกณฑ์การประเมนิ
- ใบงานนกั เรียนผ่านเกณฑร์ ้อยละ ได้คะแนนร้อยละ ๗๐ ข้นึ ไป
- การเขียนรูปภาพการรณรงค์ ต้านการกระท�ำท่ีเข้าข่ายพฤติกรรมระบบคิดฐานสิบ
ผา่ นเกณฑก์ ารให้คะแนนรวม ๘ คะแนนขึ้นไป
- นักเรียนไดค้ ะแนน พฤตกิ รรมความรบั ผิดชอบ ระดบั ดขี นึ้ ไป

๖. บันทึกหลังสอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ..............................................ครผู ้สู อน
(..................................................)
๗. ภาคผนวก
๗.๑ ใบความรู้ เร่อื ง ระบบคดิ ฐานสิบ
๗.๒ ใบงาน เรอ่ื ง อะไรบา้ งหนอ
๗.๓ การรณรงคส์ ง่ เสรมิ การกระทำ� หรอื พฤตกิ รรมทเ่ี หน็ แกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมมากกวา่ ประโยชน์
สว่ นตน
๗.๔ ใบประเมินคุณลักษณะ
๗.๕ แบบบนั ทกึ การใหค้ ะแนนใบงาน

56 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เติม การป้องกันการทุจริต”

ภาคผนวก ๗.๑


ใบความร.ู้ ...เร่อื งระบบคิดฐานสิบ

น�ำไมก้ วาดของห้องเรยี น
ไปใช้ทีบ่ ้าน

ครูใชน้ ้ำ� ประปาโรงเรยี น ครูใช้ภารโรง
ล้างรถส่วนตวั ลา้ งรถตัวเอง


 

ระบบคดิ ฐานสิบ

นกั เรยี นน�ำโทรศพั ทส์ ่วนตัว น�ำชอ้ น/แกว้ น�ำ้ โรงเรยี น
มาชารต์ ที่โรงเรียน กลับไปใชท้ ี่บ้าน

ยมื หนงั สือห้องสมดุ
กลบั บา้ นแล้วไมค่ ืน

ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ 57

ภาคผนวก ๗.๒
ใบงาน เรื่อง.....อะไรบ้างหนอ

ชอ่ื -นำมสกุล..................................................................................ชัน้ ป.๓/............เลขท่.ี ........................
คาำ ชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นเขียนกจิ กรรมทท่ี ำ� เพอ่ื ผลประโยชน์ของตนเองมำกกวำ่ ผลประโยชน์สว่ นรวม
(ระบบคดิ ฐำนสบิ )

๑.

๒.

๓.

๔.

๕.

58 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพมิ่ เติม การปอ้ งกันการทจุ รติ ”

ภาคผนวก ๗.๔

แบบบันทกึ การใหค้ ะแนนใบงาน.....อะไรบ้างหนอ

เลขท่ี ช่อื -สกุล ได้คะแนน ผ่าน ไมผ่ ่าน

เกณฑก์ ารให้คะแนน ผ่านเกณฑ์
เขยี นถกู ๑ ข้อ ได้ ๒ คะแนน ไมผ่ ่านเกณฑ์
เกณฑ์การผา่ นเกณฑ์

ได้คะแนน ๘ คะแนนขึ้นไป
ไดค้ ะแนน ๐-๗ คะแนน

ระดับชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๓ 59

ภาคผนวก ๗.๕
แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

ช่ือ-นามสกลุ ..................................................................................ชั้น ป.๓/............เลขท.ี่ ........................

ค�ำชแี้ จง : ใหค้ รสู งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี � ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดบั คะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงค์ ๓๒๑๐
ความรับผดิ ชอบ ๑. มกี ารเตรียมความพร้อมในการเรียนและการปฏบิ ัตงิ าน
๒. ปฏิบตั งิ านดว้ ยความตง้ั ใจ
๓. มีความเพยี รพยายามในการเรยี นและการปฏิบตั ิงาน

รวม
สรปุ ผลคะแนน

ลงช่ือ.................................................ผู้ประเมนิ
(.................................................)
................/................/...............

เกณฑก์ ารให้คะแนน
- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่�ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ ๒ คะแนน สรุปผลการประเมนิ
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตบิ างครั้ง ให้ ๑ คะแนน � ๘- ๙ คะแนน เทา่ กบั ดีเยย่ี ม
- พฤติกรรมทีไ่ ม่ไดป้ ฏบิ ัติ ให้ ๐ คะแนน � ๖ - ๗ คะแนน เท่ากับ ดี
นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั ดี ขึน้ ไป ถือว่าผา่ น � ๔ - ๕ คะแนน เท่ากับ พอใช้
� ๐ - ๓ คะแนน เท่ากับ ปรับปรุง

60 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพ่มิ เตมิ การป้องกันการทุจรติ ”

ภาคผนวก ๗.๓
ใบงาน

เร่ือง การรณรงค์ส่งเสริมการกระท�ำหรือพฤติกรรมที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า
ผลประโยชน์ส่วนตน ค�ำช้ีแจง ให้นักเรียนวาดภาพพร้อมตั้งช่ือเร่ืองเก่ียวกับการรณรงค์ส่งเสริม
การกระท�ำหรอื พฤติกรรมที่เหน็ แก่ผลประโยชน์สว่ นรวมมากกว่าผลประโยชน์สวนตน

ผ้ปู ระเมิน………………………………………………
ครผู ้สู อน

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

ชือ่ -สกลุ การตั้งช่ือเร่อื ง รายการประเมิน ความสวยงาม รวม
๓๒๑ ความสอดคล้อง ๓๒๑

เนอ้ื หา
๓๒๑

ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ 61

ภาคผนวก ๗.๕
แบบบนั ทึกการใหค้ ะแนนใบงาน การวาดภาพ

เลขท่ี ช่อื -สกลุ ไดค้ ะแนน ผ่าน ไม่ผ่าน

เกณฑ์การผ่านเกณฑ์ ผา่ นเกณฑ์
ไมผ่ ่านเกณฑ์
ไดค้ ะแนน รวม ๗ คะแนนขึ้นไป
ได้คะแนน ๐-๖ คะแนน

62 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพิม่ เติม การปอ้ งกันการทุจริต”

แผนการจัดการเรยี นรู้

หนว่ ยที่ ๑ ชอื่ หน่วย การคดิ แยกแยะประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๗ เรอื่ ง ผลของพฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสบิ ทส่ี ง่ ผลในระดบั หมบู่ า้ น เวลา ๑ ชว่ั โมง
๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถ
๑. นักเรยี นสามารถบอกผลของพฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสบิ ทสี่ ่งผลในระดบั หม่บู า้ นได้
๒. นำ� ความรู้เรื่องพฤตกิ รรม ระบบคิดฐานสบิ มาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจำ� วันได้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
ระบบคิดฐานสิบ เป็นการกระท�ำหรือพฤติกรรมที่ น�ำสิ่งของส่วนตนและสิ่งของส่วนรวม
น�ำมาปะปนกันไปหมด โดยไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งของส่วนตนและส่ิงไหนเป็นสิ่งของ
สว่ นรวม
การแยกระบบความคดิ ฐานสบิ
- เป็นกระบวนการท่ีนักเรียนต้องสามารถแยกให้เห็นได้ว่าการกระท�ำหรือพฤติกรรมใด
ท่ีน�ำสิ่งของส่วนตนและสิ่งของส่วนรวมน�ำมาปะปนกันไปหมด โดยไม่สามารแยกแยะได้ว่าส่ิงไหน
เป็นสิง่ ของสว่ นตน ส่งิ ไหนเปน็ สงิ่ ของส่วนรวม
พฤตกิ รรมระบบคิดฐานสบิ
- นำ� นำ�้ ระปาของหม่บู ้านไปใช้ล้างรถส่วนตัว
- ผใู้ หญบ่ า้ นนำ� แก้วน�ำ้ ถว้ ยชามของวัดไปใช้ทบี่ ้าน
- มาใช้สถานทว่ี ดั คา้ ขายของส่วนตัว
- ใชศ้ าลาประชาคมเกบ็ ของส่วนตัว
- นำ� เครื่องออกก�ำลังกายของส่วนรวมไปใช้ทบ่ี ้าน
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะท่เี กดิ )
๑. ความสามารถในการส่อื สาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓.๓ คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค/์ ค่านยิ ม
ความรบั ผิดชอบ

ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ 63

๔. กิจกรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้
ข้ันตอนที่ ๑ เสนอส่ิงเรา้ และระบคุ �ำถามส�ำคัญ
ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนความรู้ เรื่องพฤติกรรมของระบบคิดฐานสอง และ
พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสิบ พร้อมยกตวั อย่าง
ข้ันตอนท่ี ๒ แสวงหาสารสนเทศและวิเคราะห์
ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหว์ า่ พฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสอง และพฤตกิ รรมระบบคดิ ฐานสบิ
พฤตกิ รรมใดส่งผลดตี อ่ หมบู่ ้านและพฤติกรรมใดส่งผลเสียตอ่ หมู่บา้ น
ขั้นตอนที่ ๓ อภปิ รายและสรา้ งความรู้
รว่ มกนั อภปิ รายวา่ พฤตกิ รรมใดสง่ ผลดตี อ่ หมบู่ ้านและพฤตกิ รรมใดสง่ ผลเสยี ตอ่ หมบู่ ้าน
ขั้นตอนที่ ๔ สอ่ื สารและสะทอ้ นความคดิ
หากเราเจอบคุ คลทม่ี พี ฤตกิ รรมหรอื กระทำ� การทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ระบบคดิ ฐานสบิ ในหมบู่ า้ น
ของนกั เรียน ฐานะท่ีเราเป็นประชาชนเราจะแนะนำ� อยา่ งไร
ขั้นตอนที่ ๕ ประยุกตแ์ ละตอบแทนสงั คม
ให้นกั เรียนเขียนป้าย รณรงค์เลกิ ท�ำหรอื แสดงพฤติกรรมท่เี กี่ยวขอ้ งกับระบบคิดฐานสิบ
ในหมู่บ้านของตนเอง
๔.๒ ส่ือการเรียนร้/ู แหล่งการเรียนรู้
๑. บัตรภาพเกย่ี วกบั ระบบคดิ ฐานสอง และระบบคิดฐานสบิ
๒. ใบงานการแยกแยะพฤติกรรมท่ีเปน็ ระบบคิดฐานสอง และระบบคิดฐานสบิ
๓. สไี ม้/ปากกาเมจิก
๕.การประเมินผลการเรียนรู้
๕.๑ วิธีการประเมนิ
- ตรวจใบงานการแยกแยะพฤติกรรมท่ีเป็นระบบคดิ ฐานสอง และระบบคิดฐานสบิ
- การเขยี นรูปภาพการรณรงค์ ตา้ นการกระทำ� ท่เี ข้าข่ายพฤตกิ รรมระบบคิดฐานสิบ
- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี น
๕.๒ เครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการประเมนิ
- แบบบันทึกการให้คะแนนจากการตรวจใบงาน การแยกแยะพฤติกรรมท่ีเป็นระบบ
คดิ ฐานสอง และระบบคดิ ฐานสบิ
- แบบประเมนิ คุณลกั ษณะความรับผดิ ชอบ
๕.๓ เกณฑก์ ารประเมิน
- นกั เรียน ไดค้ ะแนนจากการท�ำใบงานผา่ นระดบั ร้อยละ ๗๐ ขึน้ ไป
- นกั เรยี นได้คะแนน การประเมินผ่าน ๗ คะแนนขนึ้ ไป
- นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั ดขี ึน้ ไป
64 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การป้องกนั การทุจริต”

๖. บันทกึ หลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..............................................ครูผูส้ อน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ ใบงานการแยกแยะพฤตกิ รรมที่เปน็ ระบบคดิ ฐานสอง และระบบคิดฐานสบิ
๗.๒ แบบบนั ทึกการให้คะแนนตรวจใบงานการแยกแยะพฤติกรรมท่ีเป็นระบบคิดฐานสอง
และระบบคิดฐานสบิ
๗.๓ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะความรบั ผิดชอบ

ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๓ 65

ภาคผนวก ๗.๑
ใบงานการแยกแยะพฤติกรรมท่ีเปน็ ระบบคดิ ฐานสอง และระบบคดิ ฐานสิบ

ช่ือ-นามสกุล..................................................................................ช้นั ป.๓/............เลขที่.........................
ค�ำช้แี จง ให้นักเรียนเขยี นแยกแยะพฤติกรรมหรอื การกระท�ำใดทเ่ี ห็นแก่ประโยชน์สว่ นตน
(ระบบคดิ ฐานสิบ) และเห็นแก่ผลประโยชนส์ ่วนรวม (ระบบคดิ ฐานสิบ)

…………………………………………………….……….... …………………………………………………….………....
…………………………………………………….……….... …………………………………………………….………....
…………………………………………………….……….... …………………………………………………….………....
…………………………………………………….……….... …………………………………………………….………....

…………………………………………………….……….... …………………………………………………….………....
…………………………………………………….……….... …………………………………………………….………....
…………………………………………………….……….... …………………………………………………….………....
…………………………………………………….……….... …………………………………………………….………....

66 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

ภาคผนวก ๗.๒
แบบบันทกึ การใหค้ ะแนนใบงานการแยกแยะพฤติกรรมทเี่ ปน็ ระบบคิดฐานสอง

และระบบคิดฐานสิบ

เลขที่ ช่อื -สกุล ได้คะแนน ผ่าน ไมผ่ ่าน

เกณฑ์การผา่ นเกณฑ์ ผ่านเกณฑ์
ไม่ผา่ นเกณฑ์
ได้คะแนน รวม ๗ คะแนนขน้ึ ไป
ได้คะแนน ๐-๖ คะแนน

ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ 67

ภาคผนวก ๗.๓
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ

ชอื่ -นามสกลุ ..................................................................................ช้นั ป.๓/............เลขท่ี.........................

ค�ำช้ีแจง ให้ครสู ังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด � ลงในชอ่ ง
ท่ีตรงกบั ระดับคะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อันพึงประสงค์ ๓๒๑๐
ความรบั ผิดชอบ ๑. มกี ารเตรียมความพรอ้ มในการเรียนและการปฏบิ ัตงิ าน
๒. ปฏิบัตงิ านดว้ ยความต้งั ใจ
๓. มคี วามเพียรพยายามในการเรียนและการปฏบิ ตั ิงาน

รวม
สรปุ ผลคะแนน

ลงชอ่ื .................................................ผ้ปู ระเมนิ
(.................................................)
................/................/...............

เกณฑก์ ารให้คะแนน สรปุ ผลการประเมิน
- พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติชดั เจนและสม�ำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน � ๘ - ๙ คะแนน เทา่ กับ ดีเยี่ยม
- พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ ๒ คะแนน � ๖ - ๗ คะแนน เท่ากับ ดี
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตบิ างคร้ัง ให้ ๑ คะแนน � ๔ - ๕ คะแนน เทา่ กับ พอใช้
- พฤติกรรมท่ไี มไ่ ด้ปฏิบตั ิ ให้ ๐ คะแนน � ๐ - ๓ คะแนน เท่ากบั ปรบั ปรงุ
นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดับดีขึน้ ไป ถอื วา่ ผ่าน

68 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การปอ้ งกนั การทุจรติ ”

แผนการจดั การเรยี นรู้

หนว่ ยท่ี ๑ ชอ่ื หนว่ ย การคดิ แยกแยะประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๘ เรือ่ ง การขัดกนั ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตน เวลา ๒ ชั่วโมง
และผลประโยชน์ส่วนรวม

๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๑.๒ สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้
๒. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรียนสามารถ
๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของการขัดกันหรอื ขัดแยง้ ในโรงเรยี นได้
๒.๒ นักเรียนสามารถแยกแยะระหว่างการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์
ส่วนรวม
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
การขัดกันหรือการขัดแย้ง หมายถึง ปฏิสัมพันธ์ท่ีมีลักษณะของความไม่เป็นมิตรหรือ
ตรงกนั ข้ามหรอื ไมล่ งรอยกนั หรอื ความไม่สอดคลอ้ งกนั ลกั ษณะของความไม่ลงรอยกนั หรอื ไม่สอดคลอ้ ง
กนั นีจ้ ะเกีย่ วข้องกับประเด็นต่างๆ หลายประเด็น เช่น เปา้ หมาย ความคิด ทศั นคติ ความร้สู กึ ค่านยิ ม
ความสนใจ ความสัมพนั ธ์ เป็นต้น
“ความขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เกิดจากการท่ี
ไมส่ ามารถแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวมออกจากกนั ได้ ซง่ึ การกระทำ� นนั้
อาจจะเกดิ ขนึ้ อยา่ งรตู้ วั หรอื ไมร่ ตู้ วั ทง้ั เจตนาและไมเ่ จตนา สง่ ผลใหบ้ คุ คลนนั้ ขาดการตดั สนิ ใจทเี่ ทย่ี งธรรม
เนอ่ื งจากการยึดผลประโยชนส์ ว่ นตนเปน็ หลกั ผลเสียจงึ เกิดกับสว่ นรวมและประเทศชาติ
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ (สมรรถนะที่เกดิ )
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต
๓.๓ คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์/คา่ นิยม
- มุ่งม่นั ในการท�ำงาน

ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓ 69

๔. กิจกรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ขนั้ ตอนการเรยี นรู้
ชวั่ โมงที่ ๑
ขนั้ ตอนท่ี ๑ เสนอส่ิงเร้าและระบคุ �ำถามส�ำคัญ
๑.๑ ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกยี่ วกบั ความหมายของการขดั แยง้ โดยยกตวั อยา่ งเหตกุ ารณ์
เช่น เด็กหญิงเอมิกาชอบสีชมพูแต่วันนี้คุณครูแจกแปรงสีฟันสีเหลืองท�ำให้เด็กหญิงเอมิกาไม่อยากได้
แปรงสีฟันสีเหลืองเพราะเธออยากได้สีชมพูมากกว่าหรือเด็กชายนาธานอยากนั่งโต๊ะประจ�ำหน้าช้ัน
ด้านหลัง แต่คุณครูจัดที่น่ังให้เขาหน้าห้องเรียนเพราะเขาสายตาส้ันแต่เด็กชายนาธานไม่พอใจ
อยากนงั่ หลังหอ้ งเรียนมากกวา่
๑.๒ ครอู ธบิ ายจากเหตกุ ารณท์ ย่ี กตวั อยา่ งขา้ งตน้ การกระทำ� ของครสู ง่ ผลใหเ้ ดก็ นกั เรยี น
มีความรู้สึกไม่พอใจ รู้สึกอึดอัดใจไม่ยอมรับในสิ่งที่ได้รับพฤติกรรมหรือการกระท�ำที่เกิดขึ้นเรียกว่า
ความขัดแยง้
๑.๓ ให้นักเรียนยกตัวอย่างเหตกุ ารณท์ ีเ่ กี่ยวกับความขัดแยง้ ท่ีนอกเหนือจากทีก่ ลา่ วมา
๑.๔ ครสู รุปความหมายของการขัดแย้ง การขัดแยง้ หมายถึง การกระท�ำทไี่ มส่ อดคล้อง
ต้องกัน ระหว่างกลุ่มท่ีมีความสนใจต่างกัน หรือสภาพการณ์ที่ท�ำให้คนตกอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถ
จะตัดสนิ ใจหรอื ตกลงหาข้อสรุปให้เป็นที่พอใจของทั้งสองฝา่ ยได้
ชัว่ โมงที่ ๒
ข้ันตอนท่ี ๒ แสวงหาสารสนเทศและวเิ คราะห์
๒.๑ ครยู กตวั อยา่ งสถานการณ์ ดงั นี้
- นักเรยี นไม่เขา้ แถวตอนเชา้ เพราะแดดรอ้ น
- เด็กชายศกั ดศ์ิ รลี อกการบ้านเพือ่ นเพือ่ ให้ส่งทนั เวลา
จากสถานการณ์ท่ีครูยกตัวอย่างให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่าการกระท�ำเช่นนี้ ขัดกัน
ระหวา่ งประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม หรอื ไมเ่ พราะเหตใุ ด
๒.๒ ให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ นกั เรียนกลุม่ ละ ๓-๔ คนและแจกใบความรเู้ รอ่ื ง ความขัดแยง้
กนั ระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
๒.๓ ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันคิดและเขียนการกระท�ำท่ีเกี่ยวกับการขัดกันระหว่าง
ประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม ๕ ข้อ และสรุปลงในใบงาน เรื่อง ความขัดกันระหว่าง
ประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม และน�ำเสนอหน้าชน้ั เรยี น
ขัน้ ตอนที่ ๓ อภิปรายและสร้างความรู้
๓.๑ ใหแ้ ต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานพร้อมอภปิ รายหนา้ ชน้ั เรียน
๓.๒ ครสู รปุ ความหมายการขดั แยง้ ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
เกิดจากการท่ีไม่สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมออกจากกันได้
ซ่งึ การกระทำ� น้ันอาจจะเกดิ ข้ึนอย่างรตู้ วั หรอื ไม่รตู้ วั ท้งั เจตนาและไม่เจตนา ส่งผลใหบ้ ุคคลนนั้ ขาดการ
ตัดสนิ ใจทเ่ี ท่ียงธรรม เนอ่ื งจากการยึดผลประโยชน์สว่ นตนเป็นหลกั ผลเสียจงึ เกดิ กับส่วนรวม
70 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิม่ เติม การป้องกันการทุจริต”

ขัน้ ตอนท่ี ๔ ส่ือสารและสะทอ้ นความคดิ
ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าเราจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดการขัดแย้ง
ระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
ขั้นตอนที่ ๕ ประยุกตแ์ ละตอบแทนสังคม
เขยี นคำ� ขวญั เชญิ ชวนเพอ่ื ลดความความขดั แยง้ เชน่ “รรู้ กั สามคั คี เปน็ คนดศี รโี รงเรยี น”
๔.๒ ส่ือการเรียนร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้
๑. ใบความรู้ เรอื่ งความขัดแยง้ ระหว่างประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
๒. ใบงาน เรือ่ ง การกระท�ำทข่ี ดั แยง้ ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
๓. กระดาษ
๔. สีไม้
๕. สเี มจกิ
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ
๑. ตรวจใบงาน เรอ่ื ง การกระทำ� ทข่ี ดั แยง้ ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๒. สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น (ความมงุ่ ม่ันในการทำ� งาน)
๕.๒ เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการประเมิน
๑. แบบใหค้ ะแนนการตรวจผลงาน
๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรมความมงุ่ มนั่ ในการทำ� งาน
๕.๓ เกณฑ์การประเมิน
- ใบงาน นกั เรยี นได้คะแนน ๗ ขึ้นไป ถือว่าผ่าน
- พฤติกรรมความมงุ่ ม่นั ในการท�ำงาน ไดค้ ะแนนการประเมินแตล่ ะข้อได้ ๒ ขนึ้ ไป ถือวา่ ผ่าน
๖. บนั ทึกหลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..............................................ครูผ้สู อน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ ใบความรู้ เรอื่ ง ความหมายของความขดั แยง้ ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๗.๒ ใบงาน เรอ่ื ง ความหมายของความขดั แยง้ ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
๗.๓ แบบสังเกตพฤติกรรมความมงุ่ ม่ันในการท�ำงาน
๗.๔ แบบประเมินผลงาน

ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ 71

ภาคผนวก ๗.๑
ใบความรู้ เรือ่ ง ความหมายความขดั แย้ง
ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม

ความการขดั กนั หรอื การขดั แยง้ หมายถงึ ปฏสิ มั พนั ธท์ มี่ ลี กั ษณะของความไมเ่ ปน็ มติ ร
หรือตรงกันข้ามหรือไมล่ งรอยกนั หรือความไมส่ อดคลอ้ งกัน ลักษณะของความไมล่ งรอยกัน
หรือไม่สอดคลอ้ งกันนจ้ี ะเกย่ี วข้องกบั ประเด็นต่างๆ หลายประเดน็ เช่น เป้าหมาย ความคดิ
ทศั นคติ ความรู้สกึ คา่ นยิ ม ความสนใจ ความสมั พันธ์ เป็นตน้
ความขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม เกดิ จากการที่
ไม่สามารถแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมออกจากกันได้
ซ่งึ การกระท�ำนัน้ อาจจะเกิดขน้ึ อยา่ งรตู้ ัวหรอื ไม่รตู้ วั ทง้ั เจตนาและไมเ่ จตนา ส่งผลให้บคุ คล
น้ันขาดการตัดสินใจท่ีเที่ยงธรรม เนื่องจากการยึดผลประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก ผลเสีย
จงึ เกิดกับส่วนรวมและประเทศชาติ

72 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกนั การทจุ รติ ”

ภาคผนวก ๗.๒
ใบงาน เร่อื ง ความหมายขดั แย้ง
ระหวา่ งประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม

กลมุ่ ที่…………
ค�ำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเขยี นการกระทำ� ทแ่ี สดงถงึ ความขดั แยง้ ระหวา่ งประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์
ส่วนรวม ๕ กจิ กรรม พรอ้ มวาดภาพประกอบ

ระดับชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ 73

ภาคผนวก ๗.๓
แบบประเมินผลงาน

เลขที่ ช่ือ-สกุล คะแนนที่ได้ สรุปผล
ผา่ น ไมผ่ า่ น









๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔

สรปุ

เกณฑ์การประเมนิ เกณฑก์ ารตดั สิน
ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๘-๑๐ คะแนน
ระดบั คณุ ภาพ ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๐-๗ คะแนน
ผ่าน
ไม่ผา่ น

74 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่มิ เตมิ การป้องกันการทจุ ริต”

ภาคผนวก ๗.๔
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี น เพ่อื การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

ช่อื -นามสกุล..................................................................................ชั้น ป.๓/............เลขที่.........................

ค�ำชี้แจง การบันทกึ ใหก้ าเครอื่ งหมาย � ลงในชอ่ งทีต่ รงกับพฤติกรรมที่เกดิ ข้นึ จริง

ระดบั การปฏิบตั ิ

ที่ พฤตกิ รรม เป็นประจ�ำ บางครง้ั น้อยครง้ั ไม่ท�ำเลย/
(๓) (๒) (๑) ไม่ชดั เจน
(๐)

๑ มีความรับผิดชอบในหน้าทก่ี ารงาน

๒ ตงั้ ใจและเอาใจใส่ต่อการปฏิบตั ิหนา้ ทีท่ ี่ไดร้ ับมอบหมาย

๓ ทำ� งานดว้ ยความเพียรพยายาม

๔ รจู้ ักแก้ปญั หาในการท�ำงานเม่อื มอี ปุ สรรค

๕ อดทนเพ่อื ใหง้ านสำ� เรจ็ ตามเปา้ หมาย

๖ ปรับปรุงและพฒั นาการทำ� งานให้ดขี น้ึ ดว้ ยตนเอง

รวมคะแนน/ระดับคุณภาพ

ผ้ปู ระเมิน � ครู � พ่อแม/่ ผปู้ กครอง � ตนเอง � เพ่อื น

ลงชือ่ .................................................ผูป้ ระเมนิ
(.................................................)
เกณฑ์การประเมนิ

ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสิน

ดีเยย่ี ม ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมนิ ข้อใดข้อหนึ่งตำ่� กว่า ๒ คะแนน

ดี ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๑๑-๑๔ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมนิ ข้อใดข้อหน่ึงตำ่� กวา่ ๐ คะแนน

ผ่าน ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ข้อใดขอ้ หนงึ่ ต�่ำกวา่ ๐ คะแนน

ไมผ่ ่าน ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน

ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓ 75

หน่วยท่ี ๒

ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต

แผนการจัดการเรียนรู้

หนว่ ยท่ี ๒ ชอ่ื หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑ เรอื่ ง ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ระดบั หมบู่ า้ น เวลา ๒ ชวั่ โมง
เกี่ยวกับการทิ้งขยะ/การไม่ปฏิบัติตนตามข้อตกลงของหมู่บ้าน

๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
๑.๒ ปฏิบตั ิตนเป็นผู้ไม่ทนและละอายต่อการทจุ ริตทุกรูปแบบ
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๒.๑ นกั เรียนมีความละอายตอ่ การท้งิ ขยะไม่ถูกที่ในหมบู่ ้าน
๒.๒ นักเรยี นมคี วามละอายเมื่อไมป่ ฏิบตั ติ นตามข้อตกลงของหมบู่ ้าน
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต (การท้ิงขยะ/การไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
ของหมู่บา้ น)
- ความละอาย หมายถงึ รู้สึกอายที่จะท�ำสงิ่ ไม่ดี ไมถ่ ูก
- ความไม่ทน หมายถึง การแสดงออกต่อการกระท�ำท่ีเกิดข้ึนกับตนเองในลักษณะ
ไมย่ นิ ยอม ไมย่ อมรบั ในสง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ เชน่ ไมย่ อมใหเ้ พอื่ นลอกการบา้ น และแสดงใหเ้ พอ่ื นรวู้ า่ ตนเองไมพ่ อใจ
โดยแสดงกริยาหรอื บอกให้เพ่ือนทราบ
- การทง้ิ ขยะควรท้ิงให้ถกู ทแ่ี ละควรคดั แยกขยะก่อนทงิ้ เพือ่ งา่ ยต่อการทำ� ลาย
- ข้อตกลงของหมู่บ้านหมายถึง การที่คนในหมู่บ้านปฏิบัติตนตามกฏ ระเบียบ กติกา
หรอื ขอ้ ตกลงทม่ี ีการกำ� หนดไวล้ ว่ งหน้าเพือ่ ใหเ้ ป็นแนวทางในการปฏิบัติรว่ มกัน
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ
๑. ความสามารถในการสอื่ สาร
๒. ความสามารถในการคดิ
๓.๓ คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์
มีความซอื่ สัตย์

76 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เตมิ การป้องกันการทจุ ริต”

๔. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชัว่ โมงท่ี ๑
๔.๑ ขั้นตอนการเรียนรู้
๔.๑.๑ ใหน้ ักเรยี นดูคลิปวีดิโอ “คนงานขนขยะมาท้งิ รมิ ถนน”
๔.๑.๒ นักเรียนและครูสนทนาเก่ียวกับวีดิโอท่ีได้ชมว่า นักเรียนควรประพฤติตน
เหมือนบุคคล ในวีดิโอหรือไม่ เพราะอะไร (ไม่ควรเพราะ การน�ำขยะมาทิ้งท่ีสาธารณะเป็นสิ่งท่ีไม่ดี
เป็นการทจุ รติ ตอ่ ผู้อ่ืน)
๔.๑.๓ ครถู ามนกั เรยี นว่า ใครเคยทง้ิ ขยะมาเลอื กท่ีในหมู่บา้ นบ้างไหม เพราะเหตใุ ดจึงทงิ้
๔.๑.๔ ครถู ามนกั เรยี นวา่ จะเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของตนเองไดห้ รอื ไม่ เพราะสงิ่ ทน่ี กั เรยี น
ทำ� เปน็ สง่ิ ทนี่ า่ ละอาย นกั เรยี นไมค่ วรประพฤติ เดก็ ดคี วรประพฤตดิ ี ไมท่ ำ� ใหค้ นอนื่ เดอื ดรอ้ นและไมพ่ อใจ
ในพฤติกรรมทีไ่ มด่ ขี องตนเอง
๔.๑.๕ นักเรียนช่วยกันสรุปว่า การท้ิงขยะไม่เลือกที่ไม่ดีอย่างไรบ้าง และนักเรียนจะท�ำ
อย่างไรเมือ่ เหน็ คนทิง้ ขยะไมเ่ ลือกทใ่ี นหมู่บ้านของนกั เรียน
ชั่วโมงท่ี ๒
๔.๑.๖ ครูสนทนากับนักเรยี นเรอ่ื งการปฏิบัตติ ามข้อตกลงของหอ้ งเรยี น แล้วถามนกั เรยี นว่า
- ใครเคยไมป่ ฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลงของหอ้ งเรยี นบา้ งและไมป่ ฏบิ ตั ติ ามขอ้ ใดบอ่ ยทสี่ ดุ
- สถานท่ีใดบ้างควรมีข้อตกลงในการอยู่ร่วมกัน (บ้าน โรงเรียน หมู่บ้าน
โรงภาพยนตร์ สนามเด็กเล่น สนามฟุตบอล ศาลาประชาคม น�้ำประปาหม่บู า้ น)
๔.๑.๗ ครสู นทนากบั นักเรียนวา่ ถ้าเป็นระดับหมู่บา้ นจะสรา้ งขอ้ ตกลงอะไรบา้ ง
๔.๑.๘ นักเรียนช่วยกันคิดข้อตกลง ครูเขียนบนกระดาน เมื่อเขียนเสร็จแล้วให้นักเรียน
ช่วยกนั อ่าน (งดเล่นการพนนั ในหมู่บา้ น ใครนำ� ขยะไปท้ิงในท่ีสาธารณะถกู ปรบั ๒๐๐ บาท ผู้ใดดม่ื สุรา
สง่ เสยี งดงั รบกวนปรับ ๑๐๐ บาท )
๔.๑.๙ ครูสนทนากับนักเรียนว่าถ้ามีคนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงของหมู่บ้านจะท�ำอย่างไร
ถา้ นกั เรยี นเห็นนักเรยี นจะบอกให้คนอื่นรหู้ รือไม่
๔.๑.๑๐ ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันสรุปถึงผลเสียของการไม่ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลงของหมู่บ้านว่า
หมบู่ ้านจะไมม่ ีความสงบ ไม่มีความเจรญิ ไมม่ คี วามสามัคคี ไมม่ คี วามเออื้ เฟอื้ เผอ่ื แผ่ แตล่ ะบ้านจะอยู่
อยา่ งโดดเดี่ยว ไม่มีการเหน็ อกเห็นใจซึง่ กันและกนั หมบู่ ้านน้ันกไ็ ม่น่าอยู่
๔.๒ ส่ือการเรยี นรู้
๑. คลิปวิดีโอ เรอื่ ง “คนงานขนขยะมาทิง้ รมิ ถนน”
๒. ใบงาน

ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓ 77

๕. การประเมินผลการเรยี นรู้
๕.๑ วิธกี ารประเมิน
๑. ตรวจใบงานเรอื่ ง “ความละอาย”
๒. ประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ความซ่อื สตั ย์
๕.๒ เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการประเมนิ
๑. แบบการให้คะแนนการตรวจใบงานเรอื่ ง “ความละอาย”
๒. แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ
- นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป
- นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ระดับดีขึน้ ไป
๖. บันทกึ หลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงช่อื ..............................................ครูผู้สอน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ คลิปวีดโี อ เร่อื ง คนงานขนขยะมาท้งิ ข้างถนน จากเวบ็ ไซต์
https://www.youtube.com/watch?v=wD5 soil lkw
๗.๒ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

78 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวิชาเพม่ิ เติม การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

ภาคผนวก ๗.๒
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

ช่ือ-นามสกลุ ..................................................................................ชน้ั ป.๓/............เลขที่.........................

ค�ำชี้แจง ใหค้ รสู งั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี � ลงในชอ่ ง
ทีต่ รงกบั ระดับคะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ ๓๒๑๐
ซื่อสัตยส์ ุจรติ ๑. ปฏบิ ัติตามระแบบการสอน และไม่ลอกการบา้ น
๒. ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อตนเอง
๓. ประพฤติ ปฏบิ ตั ิ ตรงต่อความเปน็ จริงตอ่ ผอู้ ่นื

รวม
สรุปผลคะแนน

ลงชอื่ .................................................ผู้ประเมิน
(.................................................)
................/................/...............

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
- พฤตกิ รรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและสม�ำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมท่ปี ฏิบัตชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน สรปุ ผลการประเมิน
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครง้ั ให้ ๑ คะแนน � ๘ - ๙ คะแนน เท่ากบั ดเี ย่ยี ม
- พฤตกิ รรมที่ไม่ได้ปฏิบัติ ให้ ๐ คะแนน � ๖ - ๗ คะแนน เท่ากบั ดี
นกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ระดบั ดขี น้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น � ๔ - ๕ คะแนน เท่ากับ พอใช้
� ๐ - ๓ คะแนน เทา่ กับ ปรบั ปรงุ

ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๓ 79

แผนการจดั การเรียนรู้

หนว่ ยที่ ๒ ชอ่ื หน่วย ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ ริต
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เร่อื ง กิจกรรมท่ปี ฏิบตั แิ ละสง่ ผลให้เกิดความละอายและ เวลา ๒ ช่วั โมง
ความไมท่ นตอ่ การทุจริตในหมูบ่ ้าน

๑. ผลการเรยี นรู้
๑.๑ มีความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกบั ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต
๑.๒ ปฏิบัติตนเปน็ ผไู้ มท่ นและละอายตอ่ การทุจริตทกุ รปู แบบ
๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ นกั เรยี นบอกกิจกรรมที่ควรปฏิบตั ิในหม่บู ้านได้
๒.๒ นักเรยี นผลดที ี่เกิดจากการปฏิบัติกจิ กรรมในหมู่บ้านได้
๓. สาระการเรียนรู้
๓.๑ ความรู้
ความละอาย หมายถงึ รสู้ ึกอายทจี่ ะท�ำสง่ิ ไมด่ ี ไม่ถูกไม่ควร
ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ หมายถงึ การแสดงออกตอ่ การกระทำ� ทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ตนเองในลกั ษณะ
ไม่ยนิ ยอม ไมย่ อมรบั ในส่งิ ทีเ่ กิดขึ้น
กจิ กรรมทีค่ วรปฏบิ ตั ิในหมบู่ ้าน
- พัฒนาชุมชน ปลูกปา่ คัดแยกขยะ ทำ� ฝายกั้นน้ำ� ฯลฯ
- โรงเรยี น ปรบั ปรงุ อาคารเรยี น สรา้ งสนามกฬี า สนามเดก็ เลน่ ปรบั ปรงุ หอ้ งนำ้� โรงอาหาร
ติดเครื่องกรองนำ�้ ฯลฯ
- วดั ปรบั ปรงุ หอ้ งน้ำ� อาคาร โบสถ์
- กิจกรรมวันส�ำคญั ทางศาสนา
- กจิ กรรมวนั สงกรานต์ วนั ลอยกระทง
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ
๑. ความสามารถในการสอื่ สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓.๓ คณุ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์
๑. ซื่อสัตยส์ จุ ริต
๒. มุ่งมั่นในการทำ� งาน

80 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพิ่มเติม การป้องกันการทุจรติ ”

๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้
๔.๑ ขัน้ ตอนการเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ ๑
๔.๑.๑ ครสู นทนากับนักเรยี นถงึ กิจกรรมที่ปฏิบัติในหมู่บ้านของนกั เรียนแต่ละคน
๔.๑.๒ ครใู หน้ กั เรยี นแตล่ ะคนบอกชอ่ื กจิ กรรมทน่ี กั เรยี นเคยทำ� ในหมบู่ ้านทน่ี กั เรยี นอาศยั อยู่
และถามนักเรียนว่าเวลามีคนท�ำกิจกรรมในหมู่บ้านแล้วมีบางคนในหมู่บ้านไม่เคยมาช่วยท�ำแสดงว่า
เขาไม่มีความละอายใช่หรือไม่
๔.๑.๓ แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆละ ๓-๔ คน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนกิจกรรม
ทนี่ กั เรยี นเคยปฏบิ ตั ใิ นหมบู่ า้ นของตนเอง และบอกขอ้ ดขี องการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมนน้ั ๆ ครแู จกกระดาษบรฟู๊
ปากกาเมจกิ ใหน้ ักเรยี นทุกกลุ่ม นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ เขยี นกจิ กรรมท่ตี นท�ำลงในกระดาษบรฟู๊
ชัว่ โมงท่ี ๒
๔.๑.๔ ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำ� เสนอผลงานของตนเองหนา้ ช้นั เรียน
๔.๑.๕ ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปถึงผลดีของการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในหมู่บ้านของ
ตนเอง การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ กจิ กรรมทำ� ความสะอาดหมบู่ า้ น การพฒั นาวดั โบสถ์ โรงเรยี น
การร่วมกิจกรรมวันส�ำคัญทางศาสนาต่าง ๆ วันสงกรานต์ วันลอยกระทง ล้วนเป็นการท�ำความเจริญ
มาสู่หมู่บ้านของตนและยังเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ ให้อยู่คู่หมู่บ้านของตนเอง ท�ำให้
เกิดความสามัคคใี นหมคู่ ณะ
๔.๒ ส่อื การเรยี นรู้
๑. กระดาษบรฟู๊
๒. ปากกาเมจิก
๕. การประเมินผลการเรียนรู้
๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ
๑. ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
๒. ประเมนิ คณุ ลักษณะ (ซือ่ สัตย์สุจริต, มุ่งม่นั ในการทำ� งาน)
๕.๒ เครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นการประเมิน
๑. แบบประเมินการนำ� เสนอผลงาน
๒. แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ (ซื่อสัตย์สุจรติ , ม่งุ ม่นั ในการทำ� งาน)
๕.๓ เกณฑ์การประเมนิ
๑. การประเมินการน�ำเสนอผลงานนกั เรียน ต้องผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป
๒. การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนตามเกณฑก์ ารประเมิน ระดบั ๒ ขนึ้ ไป
๓. นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดี ข้นึ ไป

ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ 81

๖. บันทกึ หลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงช่ือ..............................................ครผู สู้ อน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ แบบประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน
๗.๒ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

82 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเตมิ การป้องกนั การทจุ ริต”

ภาคผนวก ๗.๔
แบบประเมินการทำ�งานกลมุ่

เร่ือง...............................................................................................

รายการประเมนิ

ท่ี ชอ่ื กลมุ่ ความ การร่วม เสยี งดงั ความม่ันใจ รูปแบบ รวมคะแนน
ร่วมมอื แสดงความ ฟงั ชัด ในตนเอง การน�ำ
ภายในกลมุ่ คดิ เหน็ เสนอ

๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๒ คะแนน ๑๐ คะแนน













ลงชอ่ื ..............................................ผู้ตรวจ
(..............................................)

เกณฑก์ ารประเมนิ
นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป

ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ 83

ภาคผนวก ๗.๒
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

ช่ือ-นามสกลุ ..................................................................................ชน้ั ป.๓/............เลขท่ี.........................

ค�ำชี้แจง ให้ครูสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี � ลงในชอ่ ง
ท่ีตรงกบั ระดับคะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
อนั พึงประสงค์ ๑. ปฏิบัติตามระเบียบการสอน และไม่ลอกการบา้ น ๓๒๑๐

ซื่อสัตย์สจุ รติ ๒. ประพฤติ ปฏบิ ัติ ตรงต่อความเปน็ จรงิ ต่อตนเอง

๓. ประพฤติ ปฏิบตั ติ รงตอ่ ความเปน็ จริงต่อผ้อู ืน่

๔. มคี วามตัง้ ใจ และพยายามในการทำ� งานที่ไดร้ ับมอบหมาย
ม่งุ มน่ั ในการท�ำงาน

๕. มีความอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพื่อใหง้ านส�ำเร็จ

รวม

สรุปผลคะแนน

ลงช่อื .................................................ผู้ประเมนิ
(.................................................)
................/................/...............

เกณฑก์ ารให้คะแนน
- พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชดั เจนและสมำ�่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน
- พฤติกรรมทีป่ ฏิบัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ ๒ คะแนน สรุปผลการประเมนิ
- พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั บิ างครั้ง ให้ ๑ คะแนน � ๘ - ๙ คะแนน เทา่ กบั ดเี ย่ียม
- พฤตกิ รรมทไ่ี มไ่ ด้ปฏิบตั ิ ให้ ๐ คะแนน � ๖ - ๗ คะแนน เท่ากับ ดี
นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดีขึ้นไป ถอื ว่าผา่ น � ๔ - ๕ คะแนน เทา่ กับ พอใช้
� ๐ - ๓ คะแนน เท่ากับ ปรบั ปรุง

84 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวชิ าเพิ่มเติม การป้องกนั การทุจริต”

แผนการจัดการเรยี นรู้

หน่วยที่ ๒ ช่อื หน่วย ความละอายและความไมท่ นต่อการทจุ รติ
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ เรอื่ ง แนวทางการปฏบิ ัติตนเปน็ ผูม้ คี วามละอายและ เวลา ๒ ชั่วโมง
ไม่ทนต่อการทุจริตระดับหมบู่ ้าน

๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรูค้ วามเข้าใจเกยี่ วกับความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจริต
๑.๒ ปฏิบัติตนเป็นผูล้ ะอายและไมท่ นตอ่ การทุจริตทกุ รูปแบบ
๒. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
๒.๑ นกั เรยี นบอกแนวทางการปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผมู้ คี วามละอายและไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ระดบั หมบู่ า้ นได้
๒.๒ นักเรียนปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจรติ
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
ความละอาย หมายถึง รู้สึกอายทีจ่ ะทำ� สิง่ ไม่ดี ไม่ถูกไมค่ วร
ความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ หมายถงึ การแสดงออกตอ่ การกระทำ� ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั ตนเองในลกั ษณะ
ไม่ยินยอม ไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดข้ึน เช่น คนในหมู่บ้านน�ำขยะมาทิ้งในบ่อน�้ำสาธารณะ ก็แจ้งให้ผู้ใหญ่
ในหมูบ่ ้านทราบไมย่ อมอย่นู ่ิงเฉย
แนวทางในการปฏบิ ัตติ นเป็นผมู้ ีความละอายและไมท่ นตอ่ การทจุ ริต เช่น
- ความละอายตอ่ การกระท�ำชว่ั เกรงกลวั บาป
- ความซือ่ สตั ยท์ ุจรติ
- ความกตญั ญูรคู้ ุณ (กตญั ญกู ตเวที)
- ความขยนั หมน่ั เพยี ร (วริ ยิ ะ)
- ความเมตตา ปรารถนาดี เอ้อื เฟอ้ื เผือ่ แผ่
- ควรรู้จักใหผ้ ู้อนื่
- การให้ความรว่ มมือในกิจกรรมของสว่ นรวม
- การยอมรบั ในเสียงขา้ งมากและเคารพในเสยี งขา้ งนอ้ ย
- การเสยี สละประโยชน์ส่วนตนเพอื่ ประโยชนส์ ว่ นรวม
- การมีวินัย
๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ
ความสามารถในการคิด

ระดับชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ 85

๓.๓ คุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์
๑. มีวนิ ยั
๒. ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ
๔. กจิ กรรมการเรียนรู้
๔.๑ ข้นั ตอนการเรียนรู้
ชว่ั โมงที่ ๑
๔.๑.๑ นักเรียนทบทวนกิจกรรมท่ีควรปฏิบัติในหมู่บ้าน ครูเขียนค�ำตอบบนกระดาน
เปน็ ขอ้ ๆ และใหน้ ักเรียนอา่ นพร้อมกัน
๔.๑.๒ ครูสนทนากับนักเรียนเร่ืองผลดีจาการปฏิบัติกิจกรรมในหมู่บ้าน โดยครูถามน�ำว่า
นักเรยี นมแี นวทางอะไรในการปฏบิ ตั ติ นเปน็ คนดบี า้ ง (ต้องซ่ือสัตย์ ตอ้ งละอายตอ่ บาป ตอ้ งมีวินัย)
๔.๑.๓ ครสู นทนากบั นกั เรยี นเรอื่ งแนวทางในการปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผมู้ คี วามละอายและไมท่ น
ตอ่ การทุจริต โดยให้นกั เรียนช่วยกันตอบครูแจกกระดาษเอ ๔ ใหน้ ักเรียนทุกคน นกั เรยี นเขยี นคำ� ตอบ
ของเพอ่ื น ลงในกระดาษท่ีครูแจกให้
ชั่วโมงท่ี ๒
๔.๑.๓ ครูให้นักเรียนท�ำผลงานของตนเองที่เขียนแนวทางในการปฏิบัติตนเป็นผู้มี
ความละอายและไมท่ นต่อการทุจริต โดยตกแตง่ ให้สวยงาม
๔.๑.๔ ครูสมุ่ นักเรยี นออกมานำ� เสนอผลงานของตนเองหน้าชัน้ เรยี น
๔.๑.๕ นักเรียนร่วมกันสรุปถึงแนวทางในการปฏิบัติตนเป็นผู้มีความละอายและไม่ทน
ต่อการทุจริต ว่าเราควรมีความละอายต่อการกระท�ำชั่ว เกรงกลัวบาป มีความซ่ือสัตย์ทุจริต
มคี วามกตญั ญรู คู้ ณุ (กตญั ญกู ตเวท)ี มคี วามขยนั หมนั่ เพยี ร (วริ ยิ ะ) มคี วามเมตตา ปรารถนาดี เออ้ื เฟอ้ื เผอื่ แผ่
ควรรู้จักให้ผู้อื่น ควรให้ ความร่วมมือในกิจกรรมของส่วนรวม ควรยอมรับในเสียงข้างมากและเคารพ
ในเสยี งขา้ งนอ้ ย รจู้ ักเสียสละประโยชนส์ ว่ นตนเพือ่ ประโยชนส์ ่วนรวม เป็นคนทมี่ ีวนิ ยั
๔.๒ ส่ือการเรยี นรู้
๑. กระดาษเอ ๔
๒. สี
๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๕.๑ วธิ ีการประเมิน
๑. ตรวจผลงานนักเรยี น
๒. ประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (มวี ินัย, ซื่อสตั ย์สุจรติ )
๕.๒ เครือ่ งมอื ที่ใช้ในการประเมิน
แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (มีวนิ ยั , ซอื่ สัตยส์ ุจริต)

86 แผนการจดั การเรยี นรู้ “รายวชิ าเพ่มิ เติม การปอ้ งกันการทจุ รติ ”

๕.๓ เกณฑ์การประเมนิ
๑. ผลงาน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป
๒. นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินระดบั ดีข้นึ ไป
๖. บนั ทกึ หลงั สอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงช่อื ..............................................ครูผ้สู อน
(..................................................)

ระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓ 87

ภาคผนวก ๗.๘
แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ชอ่ื -นามสกลุ ..................................................................................ช้ัน ป.๓/............เลขท.ี่ ........................

ค�ำชแี้ จง ให้ครสู งั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด � ลงในช่อง
ทต่ี รงกับระดับคะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ ๓๒๑๐
ซ่อื สตั ย์สจุ ริต
๑. ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บการสอน และไมล่ อกการบา้ น
มีวนิ ยั
๒. ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงตอ่ ความเปน็ จรงิ ต่อตนเอง

๓. ประพฤติ ปฏบิ ตั ิตรงตอ่ ความเป็นจริงต่อผู้อ่ืน

๔. เข้าเรียนตรงเวลา

๕. แตง่ กายเรยี บรอ้ ยเหมาะสมกบั กาลเทศะ

๖. ปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บของหอ้ ง

รวม

สรปุ ผลคะแนน

ลงชื่อ.................................................ผ้ปู ระเมิน
(.................................................)
................/................/...............

เกณฑ์การให้คะแนน สรปุ ผลการประเมนิ
- พฤติกรรมที่ปฏบิ ัติชัดเจนและสมำ�่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน � ๑๖ - ๑๘ คะแนน เทา่ กับ ดเี ย่ยี ม
- พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิชัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน � ๑๓ - ๑๕ คะแนน เทา่ กับ ดี
- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั บิ างคร้ัง ให้ ๑ คะแนน � ๑๐ - ๑๒ คะแนน เท่ากับ พอใช้
- พฤติกรรมทไ่ี ม่ได้ปฏิบัต ิ ให้ ๐ คะแนน � ๗ - ๙ คะแนน เท่ากบั ปรบั ปรงุ
นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั ดีขนึ้ ไป ถอื ว่าผ่าน

88 แผนการจัดการเรียนรู้ “รายวชิ าเพม่ิ เติม การป้องกนั การทจุ ริต”

หนว่ ยท่ี ๓

STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ รติ

แผนการจดั การเรียนรู้

หนว่ ยที่ ๓ ชื่อหน่วย STRONG : จิตพอเพยี งต้านทุจริต เวลา ๒ ชัว่ โมง
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอื่ ง จติ พอเพียงต้านทจุ รติ ระดบั หมู่บา้ นเกย่ี วกับขยะ

๑. ผลการเรียนรู้
๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG : จิตพอเพยี งต้านทจุ รติ
๑.๒ ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผู้ที่ STRONG :จติ พอเพยี งต้านทจุ รติ
๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๒.๑ นักเรยี นรจู้ กั ขยะและสามารถคดั แยกขยะได้
๒.๒ นกั เรียนบอกผลกระทบจากการทงิ้ ขยะไมเ่ ลอื กท่ไี ด้
๒.๓ นกั เรียนสามารถนำ� ขยะไปประดิษฐ์ของเล่นได้
๓. สาระการเรยี นรู้
๓.๑ ความรู้
ขยะมูลฝอยเป็นของเสียที่เกิดข้ึนจากการใช้ทรัพยากรของมนุษย์อย่างไม่สมเหตุสมผล
ทำ� ให้ส่งผลกระทบกับการด�ำรงชีวิตของมนุษย์และส่ิงมีชวี ิตอน่ื ๆ อย่างมากมายทง้ั ทางตรงและทางอ้อม
การจัดการขยะมูลฝอยจึงมีความจ�ำเป็นต้องแก้ท่ีต้นต่อของสาเหตุ คือ มนุษย์ท่ีเป็นผู้ก่อผลกระทบ
ของการทิ้งขยะไมถ่ ูกที่
ผลกระทบตอ่ สภาพแวดล้อม
๑) ก่อให้เกิดปัญหามลพษิ ทางอากาศ
๒) กอ่ ให้เกิดปัญหามลพษิ ทางดิน
๓) กอ่ ให้เกดิ มลพษิ ทางน�้ำ
ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
๑) ทำ� ใหบ้ า้ นเมืองขาดความสะอาดและความสวยงาม
๒) การสูญเสยี ทางเศรษฐกิจ โดยประชาชนและชุมชนต้องเสียคา่ ใช้จา่ ยในการเก็บรวบรวม
และการกำ� จดั มูลฝอย นอกจากน้กี ารกำ� จัดขยะทีไ่ ม่ถูกต้อง จะสง่ ผลกระทบทำ� ให้สญู เสียทางเศรษฐกจิ
ดา้ นอ่นื ๆ ตามมาอีกด้วย เชน่ การขดุ ลอกคคู ลอง การบำ� บัดน้�ำเสีย เป็นต้น
๓) ก่อใหเ้ กดิ เหตรุ ำ� คาญ

ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๓ 89

ผลกระทบทางด้านสุขภาพอนามัย ขยะมูลฝอยบางชนิดอาจปนเบ้ือนของเช้ือโรคหรือ
สารเคมีที่เป็นพิษหรือสารท่ีก่อให้เกิดอันตราย ซึ่งถ้าการเก็บมูลฝอยไปท�ำลายไม่หมด การก�ำจัด หรือ
การท�ำลายมูลฝอยโดยไม่ถูกวิธีการ อาจเป็นบ่อเกิดของเช้ือโรคต่าง ๆ ได้ เช่น เป็นแหล่งก�ำเนิดและ
เปน็ อาหารของหนู แมลงวัน สตั วเ์ ล้ือยคลานอนื่ ๆ ซึ่งเปน็ พาหะนำ� โรคมาสู่คนได้
๓.๒ ทักษะ/กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กิด)
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
- การสนทนาตอบค�ำถาม
- การดูคลปิ วีดีโอ
- การท�ำใบงาน
๒. ความสามารถในการคิด
- อธบิ ายผลกระทบของการทิง้ ขยะ
๓. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
- การน�ำขยะไปประดิษฐเ์ ปน็ ของเล่น
๓.๓ คุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค/์ ค่านิยม
อย่อู ย่างพอเพียง
๔. กิจกรรมการเรียนรู้
๔.๑ ขน้ั ตอนการเรียนรู้
ชัว่ โมงที่ ๑
๑. ครูเปิดคลิปวีดีโอ เรื่อง ขยะมีค่ากว่าท่ีคิดมาเปิดให้นักเรียนดูแล้วถามนักเรียนว่า
ในคลิปวดี โิ อ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร (ขยะ การทง้ิ ขยะ การคดั แยกขยะ การแปรรูปขยะ)
๒. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเรอื่ งขยะในบ้าน ในโรงเรยี น ในหมูบ่ า้ น ขยะส่วนใหญ่ท่นี ักเรียน
พบ เป็นขยะประเภทใด นักเรียนรู้จกั ขยะเหล่าน้ันหรอื ไม่
ครูและนักเรียนรว่ มกันสนทนา โดยใช้คำ� ถามดังน้ี
- ทุกวนั น้ี นกั เรยี นคิดวา่ หมู่บ้านของนกั เรยี นมขี ยะมากไหม
๓. ให้นักเรียนศึกษาใบความรู้เร่ืองประเภทของขยะแล้วแบ่งกลุ่มเป็น ๔ กลุ่ม ให้ศึกษา
ตามหัวข้อดงั นี้
- ขยะย่อยสลาย
- ขยะรีไซเคลิ
- ขยะทวั่ ไป
- ขยะอันตราย
๔. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องการทิ้งขยะไม่ถูกที่ในหมู่บ้านของนักเรียนส่งผลกระทบต่อ
หมู่บา้ นของนกั เรียนในดา้ นใดบา้ ง
90 แผนการจัดการเรยี นรู้ “รายวิชาเพมิ่ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต”

ช่วั โมงท่ี ๒
๕. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับขยะชนิดต่างๆแล้วให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม
ออกมาน�ำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรยี น
๖. เม่ือแต่ละกลุ่มน�ำเสนอผลงานเสร็จแล้วครูสนทนากับนักเรียนถึงขยะในหมู่บ้านของ
นักเรียนที่สามารถน�ำไปแปรรปู หรอื ประดิษฐ์เป็นของเล่นได้ มีอะไรบา้ ง
๗. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ไปประดษิ ฐข์ องเล่นท่ที �ำจากขยะในหมู่บ้านแลว้ ให้นำ� มาส่งครู
๔.๒ สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรียนร ู้
๑. คลปิ วีดิโอ เร่ืองขยะมีค่ากวา่ ท่ีคุณคิด
จาก https://www.youtube./hwn1mLKbgA
๒. ใบงาน เรื่อง ประเภทของขยะ
๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้
๕.๑ วิธกี ารประเมนิ
- การน�ำเสนอผลงาน
- การทำ� งานกลุ่ม
๕.๒ เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการประเมนิ
- แบบประเมนิ ผลการนำ� เสนอผลงาน
- แบบประเมนิ การท�ำงานกลุ่ม
๕.๓ เกณฑ์การประเมิน
- นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป
๖. บันทึกหลังสอน
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..............................................ครผู ้สู อน
(..................................................)

๗. ภาคผนวก
๗.๑ ใบความรเู้ รื่อง Strong model ขยะในหมู่บ้าน
๗.๒ คลปิ วดี ีโอ เรอ่ื งขยะมีคา่ กว่าท่คี ณุ คดิ
จาก https://www.youtube./hwn1mLKbgA
๗.๓ ใบงาน ประเภทของขยะ
๗.๔ แบบประเมนิ การนำ� เสนอผลงาน
๗.๕ แบบประเมินการท�ำงานกลุ่ม

ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ 91

ภาคผนวก ๗.๑
ใบความรู้

เรอื่ ง Strong model
ขยะในหมูบ่ ้าน

S - รจู้ ักคดั แยกขยะ
Sufficient - เห็นคณุ คา่ ของขยะ
พอเพยี ง - สรา้ งรายไดจ้ ากขยะ

G T
Generosity Transparent
เอื้ออาทร
โปรง่ ใส

- เชิญชวนคนในหม่บู า้ นให้เหน็ ขยะในหมู่บา้ น - วางแผนการท�ำงานอย่างมรี ะบบ
ประโยชน์ของการคดั แยกขยะ - ท�ำบญั ชรี ายรบั จากการขายขยะ

- ทิ้งขยะไดถ้ กู ท่ี

N R
Knowledge Realise

ความรู้ ต่นื รู้

- คัดแยกขยะให้ถูกประเภท O - มจี ิตส�ำนึกในการท้ิงขยะ
- ทงิ้ ขยะได้ถูกที่ Onward - ผลกระทบจากการทิง้ ขยะ
มงุ่ ไปข้างหน้า

- น�ำขยะมาแปรรปู
- น�ำขยะมาประดิษฐ์ของเล่น

92 แผนการจดั การเรียนรู้ “รายวชิ าเพ่ิมเติม การป้องกนั การทุจรติ ”


Click to View FlipBook Version