หน่วยการเรียนรู้ แมเ่ หลก็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 : โครงสร้างร่างกายของ
บทนำ สัตว์ และการเรียนรู้เกี่ยวกับมนุษย์ผ่านแผนการ
จัดการเรยี นรู้ท่ี 3 รา่ งกายมนุษย์
สิ่งมีชีวิต เช่น พืช สัตว์ และมนุษย์ ล้วนมี
ส่วนประกอบ หรือโครงสร้างต่างๆ ท่ีจาเป็นต่อการ - ส่วนประกอบของพืชประกอบด้วย
ดารงชีวิต ซึ่งมลี ักษณะที่แตกต่างกันไปตามหน้าที่ของ
สว่ นประกอบ หรือโครงสรา้ งนัน้ ๆ ราก ลาต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด
- สัตว์มีหลายชนิดแต่ละชนิดมีส่วนต่างๆ
ในหน่วยการเรียนนี้ นักเรียนจะได้ศึกษา
เกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ ของพืช โครงสร้าง ที่มีลักษณะและหน้าท่ีแตกต่างกัน
ภายนอกของสัตว์ และอวัยวะสาคัญของมนุษย์ ผ่าน - ส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์มีความ
กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่างๆ ไดแ้ ก่ การเรียนรู้เกี่ยวกบั พืช แตกต่างกันแต่ละส่วนทาหน้าท่ีแตกต่างกัน
ผ่านแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ส่วนประกอบต่างๆ
ของพืช ซ่ึงประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ย่อย มีความสาคัญ จึงต้องมีการดูแลส่วนต่างๆ
แบ่งเป็น 3 กิจกรรม การเรียนรู้เก่ียวกับสัตว์ผ่าน ให้ปลอดภัยและรกั ษาความสะอาดอยเู่ สมอ
หัวขอ้ สนใจในพชื และสตั ว์
ระดบั ช้นั ป.1
6 ชวั่ โมง
เวลำ
แนวคิดหลัก
พชื และสัตวเ์ ปน็ ส่ิงมชี วี ิตชนิดหนง่ึ โดยพืชมโี ครงสร้างภายนอกได้แก่ ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล และสัตว์ เป็น
ส่ิงมีชีวติ ชนิดหน่ึง โดยมีอวัยวะภายนอกได้แก่ ตา หู จมูก ปาก ขา เท้า ซ่ึงอวัยวะต่างๆ ของสัตว์จะทาหน้าที่
แตกต่างกัน และรา่ งกายของมนุษยป์ ระกอบด้วยอวยั วะภายในและภายนอก มีลกั ษณะและหน้าที่แตกต่างกัน อวัยวะ
เหลา่ นี้มีความสาคญั ต่อการดารงชีวิต จึงตอ้ งดูแลรักษาและป้องกนั ไม่ใหอ้ วยั วะเหลา่ น้ไี ดร้ บั อันตราย
มำตรฐำนและตัวช้วี ัด
สำระท่ี 1 วิทยำศำสตร์ชีวภำพ
มำตรฐำน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์
ความสัมพันธข์ องโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบของต่างๆ ของสตั ว์และมนุษยท์ ี่ทางานสมั พันธ์กัน ความสัมพันธข์ อง
โครงสร้างและหนา้ ทข่ี องอวัยวะตา่ งๆ ของพืชท่ีทางานสมั พันธก์ นั รวมทัง้ นาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ตัวช้ีวัด ว 1.2 ป.1/1 ระบุชื่อ บรรยายลักษณะ และบอกหน้าที่ของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์ และพืช
รวมทงั้ บรรยายการทาหน้าทรี่ ่วมกันของส่วนต่างๆ ของรา่ งกายมนุษยใ์ นการทากจิ กรรมต่างๆ จากขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้
1
ⓒInspiring Science Project 2012
หน่วยการเรียนรู้ แมเ่ หลก็
ว 1.2 ป.1/2 ตระหนักถงึ ความสาคญั ของส่วนตา่ งๆ ของร่างกายตนเอง โดยการดูแลสว่ นตา่ งๆ อย่างถูกต้อง
ใหป้ ลอดภัยและรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
ควำมเขำ้ ใจท่ีย่ังยนื
นักเรยี นเข้าใจว่าพืชมีโครงสรา้ งภายนอกประกอบด้วย ราก ลาต้น ใบ ดอก ผล และเมล็ด แตล่ ะส่วนมหี น้าท่ี
แตกต่างกันไป สัตว์มีโครงสร้างภายนอก อวัยวะภายนอกประกอบด้วย ตา หู จมูก ปาก ขา และเท้า มีหน้าที่
แตกต่างกันไป ส่วนมนุษยม์ ีอวยั วะภายนอกประกอบด้วย ตา หู จมูก มีหน้าท่ีความสาคัญแตกต่างกันไป ต้องมกี าร
ดแู ลรกั ษาให้สะอาดและปลอดภยั
คำถำมสำคญั
1. โครงสร้างภายนอกของพืชและสตั ว์มีอะไรบา้ งและมคี วามสาคญั อย่างไร
2. อวยั วะภายนอกของรา่ งกายมนุษยม์ ีหนา้ ท่ีและความสาคัญอย่างไร
ควำมรู้และทกั ษะสำคัญทีน่ ักเรียนไดร้ ับ
ควำมรู้
คำสำคญั : ราก ลาต้น ใบ หู ตา จมกู ปาก แขน ขา ครีบ หาง ปีก
ทักษะ
- ทกั ษะการสังเกต
- ทกั ษะการตั้งคาถาม
- ทกั ษะการพยากรณ์
เจตคติ
- การใชเ้ ครือ่ งมอื ทางวทิ ยาศาสตร์อยา่ งระมัดระวงั และปลอดภยั
- การให้ความร่วมมือในการทางานกล่มุ
- แรงบนั ดาลใจในการเรยี นวทิ ยาศาสตร์
- ความตระหนกั ในการดแู ลสุขภาพอนามัยส่วนตัว
หลักฐำนกำรเรียนรู้
ภำระงำน
- แบบบันทึกกจิ กรรมตา่ งๆ
2
ⓒInspiring Science Project 2012
หน่วยการเรียนรู้ แม่เหลก็
กิจกรรมกำรเรยี นรู้
แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 1 : ส่วนประกอบต่างๆ ของพืช
ขน้ั กิจกรรม เวลำ (นำท)ี
ขนั้ ตัง้ คำถำมเกี่ยวกบั นักเรีย นสังเกต ต้นไม้ใน กระถางหน้ าช้ัน เรียน พร้อม ต้ังคาถาม 10
ปรำกฏกำรณธ์ รรมชำติ เพื่อนาเข้าสู่กจิ กรรมการเรยี นรเู้ รื่องสว่ นประกอบของพืช
ขน้ั รวบรวมควำมคิด นักเรียนรวบรวมความคิดเกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ ของพืช 5
และข้อสนั นฐิ ำน และสันนิษฐานหน้าท่ีของส่วนประกอบต่าง ๆ ของพืชเหล่าน้ัน 120
ขัน้ ทดสอบและปฏบิ ัตกิ ำร เปน็ เบอื้ งตน้
สบื เสำะ 10
นักเรยี นทากิจกรรม 3 กจิ กรรม ไดแ้ ก่ 25
ข้นั สังเกตและบรรยำย - กจิ กรรมท่ี 1.1 ทาความรู้จกั กับรากพืช 10
- กจิ กรรมที่ 1.2 รากดดู – ใบคาย
ขั้นบนั ทึกข้อมูล - กจิ กรรมท่ี 1.3 การคายน้าของพืช
ขน้ั อภิปรำยผล
นกั เรียนรว่ มกันบรรยายเก่ียวกับส่วนประกอบของพืช และหน้าที่
ของสว่ นประกอบของพืช
นักเรียนบันทึกข้อมูลในแบบบันทึกกิจกรรมท่ี 1.1 แบบบันทึก
กิจกรรมท่ี 1.2 และแบบบนั ทึกกจิ กรรมท่ี 1.3
นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุปหลังการทากิ จกรรมจน ได้
ข้อสรปุ เกย่ี วกับสว่ นประกอบของพืช และหนา้ ทขี่ องสว่ นประกอบ
ต่างๆ ของพชื
3
ⓒInspiring Science Project 2012
หน่วยการเรียนรู้ แมเ่ หลก็
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู่ที่ 2 : สว่ นประกอบต่างๆ ของรา่ งกายสตั ว์
ขนั้ กิจกรรม เวลำ (นำท)ี
ข้นั ตัง้ คำถำมเก่ยี วกับ 10
ปรำกฏกำรณ์ 1. ครูนานักเรียนเล่นเกมทายปริศนาท่าทางชื่อสัตว์จากท่าทาง
ธรรมชำติ ของเพ่ือน โดยนักเรียนผู้ใบ้แสดงท่าทางตามรูปสัตว์ท่ีได้รับ แล้วให้ 10
เพ่ือนทายชื่อสัตว์ เช่น ควาย ปลา นกแก้ว กบ สุนัขและแมว 20
ขน้ั รวบรวมควำมคิด เปน็ ตน้
และข้อสนั นฐิ ำน 5
2. จากนั้นครูนาสัตว์ตัวอย่าง 4 ชนิด ได้แก่ ปลา กบ นก สุนัข 10
ขน้ั ทดสอบ (หากไม่สามารถหาตวั อย่างจริงสามารถใช้รูปภาพแทนได้) ให้นักเรียน 5
และปฏิบตั ิกำร สังเกตสัตว์ทั้ง 4 ชนิดนี้ จากนั้นครูมอบหมายให้นักเรียนต้ังคาถาม
สบื เสำะ ทส่ี งสยั เกย่ี วกบั สตั วท์ ั้ง 4 ชนดิ น้ี ตามท่ีต้องการ
ขัน้ สงั เกต ครูรวบรวมคาถามท้ังหมดของนกั เรียน เลอื กประเด็นคาถามทเ่ี ก่ียวขอ้ ง
และบรรยำย กั บ ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ ห น้ า ท่ี ข อ ง สั ต ว์ .จ าก น้ั น ค รู ให้ นั ก เรี ย น ล อ ง
สันนิษฐานคาตอบ
ขัน้ บนั ทึกขอ้ มลู
ครนู านกั เรียนทากิจกรรม 2.1 สารวจโครงสรา้ งรา่ งกายสตั ว์ตามวิธกี าร
ขั้นอภิปรำยผล ที่ระบุไว้ในใบกิจกรรมจนเสร็จ จากนั้นนักเรียนเป็นผู้อภิปรายจน
นักเรียนได้ข้อสรุปเก่ียวกับโครงสร้างภายนอก และหน้าท่ีของ
โครงสร้างภายนอกของสตั ว์
นักเรียนเรียบเรียงความคิดและบรรยาย ลักษณ ะ หน้าท่ีของ
สว่ นประกอบต่างๆ ของร่างกายสัตว์ และบรรยายตามคาถามที่ครูถาม
นา โดยครเู ป็นผู้บนั ทึกสง่ิ ที่นักเรียนบรรยายบนกระดาน
นักเรียนบันทึกแบบกิจกรรมท่ี 2.1 ลักษณะหน้าที่ของส่วนประกอบ
ของร่างกายสตั ว์ ตามทน่ี กั เรยี นรว่ มกันบอกและบรรยาย
1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสิ่งท่ีเรียนรู้ร่วมกัน ใน
ประเด็นสัตว์มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีส่วนต่างๆ ท่ีมีลักษณะและ
หน้าท่แี ตกตา่ งกนั เพอ่ื ให้เหมาะสมในการดารงชวี ิต
2. พดู คุยเกีย่ วกับประเด็นสตั วต์ ่างๆ เชน่ อันตรายจากสัตวม์ ีพษิ
ชีวจริยธรรมของการเลย้ี งสตั วเ์ ลี้ยง
4
ⓒInspiring Science Project 2012
หน่วยการเรียนรู้ แมเ่ หลก็
แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 3 : ส่วนประกอบตา่ งๆของรา่ งกายมนษุ ย์
ข้นั กิจกรรม เวลำ (นำท)ี
20
ขัน้ ตง้ั คำถำมเกี่ยวกบั 1. นกั เรยี นทากิจกรรมยอ่ ย 2 กจิ กรรมเพอื่ กระต้นุ นักเรยี นให้มี
5
ปรำกฏกำรณ์ ความอยากรู้ โดยแบ่งนักเรยี นเปน็ กลุม่ ๆ ละ 3 – 5 คน 36
ธรรมชำติ 2. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มวาดภาพร่างกายมนุษย์พรอ้ มวาดอวยั วะ 15
20
ภายนอกทน่ี ักเรยี นสังเกตเหน็ 24
3. นักเรียนต่อภาพช้ินส่วนของมนุษย์ ซึ่งครูจัดไว้ให้แต่ละกลุ่มเป็น
ภาพเดียวกัน แต่มีส่วนที่หายไปไม่เหมือนกัน กระตุ้นให้นักเรียนค้นหา
ส่วนท่ีหายไป และบรรยายถึงความสาคัญของส่วนน้ัน เพ่ือนาเข้าสู่
กิจกรรมต่อไป
ขนั้ รวบรวมควำมคิด นักเรียนรวบรวมความคิดเก่ียวกับอวัยวะภายนอกของมนุษย์ พร้อมกับ
และขอ้ สันนฐิ ำน สนั นิฐานว่า หากอวยั วะเหลา่ นน้ั หายไปจะสง่ ผลต่อการดารงชีวิตอยา่ งไร
ขน้ั ทดสอบและ นักเรียนทากิจกรรม 2 ใหญ่ ไดแ้ ก่
ปฏบิ ัติกำรสบื เสำะ - กิจกรรม 3.1 รา่ งกายของฉัน
- กจิ กรรม 3.2 อวัยวะของฉนั ได้แก่ กิจกรรมย่อยๆ เกี่ยวกับ ตา หู
จมูก ปาก ลิ้น และอวยั วะกับหนา้ ที
ข้ันสังเกตและบรรยำย นักเรียนร่วมกันบรรยายเกี่ยวกับอวยั วะภายนอกของมนุษย์ พร้อมบอก
หนา้ ทีข่ องอวัยวะเหล่าน้ัน
ขนั้ บนั ทึกขอ้ มูล นักเรียนบันทึกข้อมูลลงในแบบบันทึกกิจกรรมที่ 3.1 และแบบบันทึก
กิจกรรมท่ี 3.2
ขั้นอภปิ รำยผล นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายสรุปหลังการทากิจกรรม จนได้ข้อสรุป
เกี่ยวกับอวัยวะภายของมนุษย์และหน้าที่ของอวยั วะ ตลอดจนตระหนัก
ถึงความสาคัญของอวัยวะเหลา่ น้นั ตอ่ การดารงชีวิต
5
ⓒInspiring Science Project 2012
กจิ กรรม 1.1 ทำควำมรู้จักกับรำกพชื 1
อุปกรณ์
1. ต้นหญ้าท่ีตัดรากท้ิงแล้วเสียบลาต้นไว้ในกระถางหรือภาชนะใส่ดิน จานวนเท่ากับนักเรียน
ในชัน้ เรียน
2. ต้นหญา้ ทมี่ รี ากในภาชนะหรือในสนามหญา้
3. ถังใส่น้าไวส้ าหรบั ลา้ งราก
4. แว่นขยาย
5. แบบบนั ทึกกิจกรรม
6. ดินสอดา/ดนิ สอสี
วธิ ีกำร
1. ครแู จกอุปกรณ์แก่นกั เรียน (กรณแี วน่ ขยายนักเรยี นอาจตอ้ งผลัดกนั ใช)้
2. ให้นักเรียนแต่ละคนทดลองถอนต้นหญ้าตัดรากทิ้งที่เสียบอยู่ในภาชนะดินจนครบทุกคน
ในชั้นเรียน จากน้ันให้นักเรียนสังเกตต้นหญ้าโดยใช้แว่นขยายพร้อมวาดรูปต้นหญ้ า
ลงในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมท่ี 1.1
3. ให้นักเรียนทุกคนทดลองถอนต้นหญ้าที่มีรากจากภาชนะหรือสนามหญ้า เมื่อนักเรียนทดลอง
ถอนต้นหญ้าจนครบทุกคนแล้ว ให้นกั เรยี นนารากหญ้าไปล้างน้าให้สะอาด จากนั้นให้ใช้แว่นขยาย
ส่องดรู ากหญา้ เพอ่ื สังเกตลักษณะของราก พร้อมกบั วาดภาพลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรมท่ี 1.1
หมำยเหตุ
1. ครูควรสอนวิธีการใชแ้ วน่ ขยายใหน้ ักเรยี นในกรณีทนี่ ักเรยี นใมส่ ามารถใชแ้ ว่นขยายไม่ได้
2. ต้นหญ้าที่ตัดรากท้ิงแล้วเสียบในภาชนะบรรจุดินควรเตรียมไว้ไม่นาน และดินในภาชนะควรลดน้า
ใหช้ ุ่มเพ่อื ไม่ใหต้ น้ หญ้าเห่ยี วเรว็
3. ในกรณีท่ีครไู ม่สามารถหาตน้ หญ้าได้ให้ครูเตรียมปลูกต้นถั่วเขยี วในภาชนะ/กระถาง ไว้ล่วงหน้า 1-2
อาทิตย์ แล้วแบ่งต้นถวั่ ออกเป็นสองกลุ่มๆ ที่ตดั รากแล้วปักลาต้นในกระถาง และกลุ่มท่ีไม่ตัดรากทิ้ง
เช่นเดยี วกนั กับตน้ หญ้า ในกรณีท่ีใชต้ ้นถ่ัวเขียวน้ี นักเรียนอาจไม่จาเป็นต้องทดลองถอนต้นถ่ัวทุกคน
ก็ได้
แบบบนั ทกึ กจิ กรรม 1.1 ทำควำมรู้จักกับรำกพชื
คำชแ้ี จง ให้นักเรียนวาดภาพทนี่ กั เรียนสงั เกตลงในตาราง
ภำพต้นที่ 1 ภำพต้นท่ี 2
1
ให้นักเรียนทาเครื่องหมาย ลงในช่องให้ ใหน้ กั เรียนทาเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งให้
ถูกต้อง ถกู ต้อง
ถอนยำก ถอนงำ่ ย ถอนยำก ถอนงำ่ ย
หมำยเหตุ
ครูอาจต้องอธิบายการบนั ทึกขอ้ มลู ความยากงา่ ยในการถอนต้นไม้ท้ังสองต้นเพื่อให้นกั เรียนสามารถ
บนั ทกึ ข้อมลู ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
กจิ กรรม 1.2 รากดูด – ใบคาย 1
อปุ กรณ์
1. ต้นไม้ 2 กระถาง (หรอื อาจปลูกในถงุ ดาก็ได้)
- กระถางท่ี 1 เป็นต้นไม้ท่ีตดั รากทงิ้ แล้วปกั ลาตน้ ลงไปในดนิ
- กระถางที่ 2 เปน็ ตน้ ไม้ท่ีมรี าก
2. ถงุ พลาสติกใส 2 ถุง
3. เชือกฟาง หรือวัสดสุ าหรับมัดปากถงุ ติดกับกง่ิ ไม้
4. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม
5. ดนิ สอดา/สีไม้
6. โคมไฟ (ในกรณีที่ไมม่ ีแสงแดด)
วิธีการ
1. ครูแจกอุปกรณ์นักเรียนกลุ่มละชุด ซ่ึงใน 1 ชุดประกอบด้วยต้นไม้ 2 ต้น (ต้นท่ีมีรากและไม่มีราก)
/ถุงพลาสตกิ 2 ถงุ / เชือกฟาง 2 เส้น/ สีไม้ 1 แพ็ค/ แบบบันทกึ กิจกรรมตามจานวนนกั เรยี นในกลุ่ม
2. ใชถ้ งุ พลาสตกิ ครอบตน้ ไม้แลว้ ผกู ดว้ ยเชือกฟางให้แนน่ ทาเช่นเดยี วกันกบั ต้นไม้อกี กระถาง ดงั รปู
กระถางที่ไมม่ รี าก กระถางที่มรี าก
3. รดน้าลงในกระถางทัง้ 2 กระถาง กระถางละ100 ml
4. จากนั้นนาต้นไม้ทั้ง 2 ต้นไปต้ังตากแดด (หรือต้ังใกล้โคมไฟในกรณีวันท่ีไม่มีแสงแดด) สังเกตปริมาณไอ
น้าท่อี ย่ใู นถงุ พลาสตกิ แล้วบนั ทกึ ผลลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม 1.2
หมายเหตุ
1. ครูควรดูแลให้นักเรียนผูกเชือกให้แน่น และแนะนาให้นักเรียนวางต้นไม้บริเวณท่ีมีแดดเท่านั้น
เพ่ือใหเ้ กดิ การคายนา้ มากท่สี ุด
2. ต้นไม้ท่ีใช้ควรเป็นต้นไม้ท่ีมีขนาดโตพอเหมาะที่ถุงพลาสติกสามารถครอบได้ท้ังต้นพอดี หรือครู
อาจแนะนาใหน้ กั เรยี นครอบเฉพาะกิ่งเลก็ ๆ ก็ได้ ในกรณที ตี่ ้นไม้มีขนาดใหญเ่ กินไป
3. ในการบันทึกข้อมูลของนักเรียนครูอาจทาข้อตกลงกับนักเรียนในการบันทึกข้อมูล เช่น ให้นักเรียนใช้การ
ระบายสี หรือการวาดรปู หยดนา้ เพอ่ื แสดงถงึ ปรมิ าณของหยดน้าทส่ี งั เกตไดจ้ ากถุงพลาสติก
แบบบนั ทกึ กจิ กรรมท่ี 1.2 รากดดู – ใบคาย
คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นระบายสีบนรูปหยดน้าตามปริมาณทนี่ ักเรยี นสงั เกตเห็นจากการทดลอง
เวลาทใ่ี ช้ในการสงั เกต ต้นไม้กระถางทีไ่ ม่มรี าก ตน้ ไม้กระถางท่ีมรี าก
(นาที)
0
1
10
20
30
หมายเหตุ
ใหน้ กั เรียนใชก้ ารระบายสหี รือการวาดรูปหยดนา้ เพื่อแสดงถึงปรมิ าณของหยดนา้ ทีส่ ังเกตได้
จากถุงพลาสตกิ
กจิ กรรมที่ 1.3 การลา้ เลียงนา้ ของพืช 1
อุปกรณ์
1. ต้นกระสังตดิ รากมาดว้ ย (ครูอาจใชพ้ ืชชนิดอ่นื ที่มีลาตน้ ใส)
2. สผี สมอาหาร สีแดง สเี ขียว สีฟ้า (หรอื อาจสีอ่นื กไ็ ด้)
3. บีกเกอร์ หรือแกว้ นาใส
4. นา
วิธกี าร
1. ครแู จกอปุ กรณ์ให้กบั นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ดังนี
- บีกเกอร์ขนาด 250 ml กลุ่มละ 3 ใบ
- ต้นกระสังกล่มุ ละ 3 ตน้
2. ครูเตรียมสารละลายสีผสมอาหารทัง 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเขียว และสีฟ้า ให้เพียงพอสาหรับแจก
นักเรียนทุกกลุ่ม
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาบีกเกอร์มารับสารละลายสีผสมอาหารทัง 3 สี จากนันให้นักเรียนนาต้น
กระสังใสล่ งในในบกี เกอร์สารละสายสบี ีกเกอรล์ ะ 1 ตน้ ดังรปู และใสต่ ้นกระสังใน
4. นาบกี เกอร์ทงั 3 ใบ ไปตังไวก้ ลางแดด 1 ชั่วโมง
5. นักเรียนสงั เกตตน้ กระสัง พรอ้ มกับบันทกึ ขอ้ มูลลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม 1.3
ตัวอยา่ ง การจมุ่ ต้นกระสงั ในสารละลายสีผสมอาหารสีแดง
แบบบนั ทกึ กิจกรรม 1.3 การคายนา้ ของพื
ค้าชีแจง ให้นักเรยี นวาดภาพต้นกระสังพรอ้ มระบายสี
ตน้ กระสังในสแี ดง ต้นกระสงั ในสีเขียว 1
ต้นกระสังในสีแดง
ส่ิงมชี วี ิต
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 1 : สว่ นประกอบต่าง ๆ ของพืช
บทนา
ส่ิงมีชีวิต0เช่น0พืชสัตว์ และมนุษย์ ล้วนมี แผน การจั ดการเรี ยน รู้ ที่ 01 1
ส่วนประกอบหรือโครงสร้างต่างๆ ที่จาเป็นต่อการ ส่วนประกอบ ต่างๆ ของพืช0ในแผนการ
ดารงชีวิต ซ่ึงมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามหน้าท่ีของ จัดการเรียนรู้ที่01 ส่วนประกอบต่างๆ
สว่ นประกอบหรือโครงสร้างนัน้ ๆ ของพืชน้ี นักเรียนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับ
ส่วนประกอบต่างๆ ของพืช ได้แก่ ราก
ในหน่วยการเรียนนี้ นักเรียนจะได้ศึกษา ลาตน้ ใบ โดยการทากิจกรรมที่ให้นักเรยี น
เก่ียวกับส่วนประกอบต่างๆ ของพืช โครงสร้างภายนอก ได้สังเกต สืบเสาะเกี่ยวกับพืช กิจกรรมที่
ของสัตว์ และอวัยวะสาคัญของมนุษย์ จากกิจกรรมการ นกั เรียนจะได้ปฏิบัติ ได้แก่ กจิ กรรมที่ 1.1
เรยี นรู้ตา่ งๆ ได้แก่ การรู้เกย่ี วกับพืชผ่านแผนการจัดการ นักเรียนทาความรู้จักกับ รากพืช กิจกรรม
เรียนรู้ที่ 1 ส่วนประกอบต่างๆ ของพืช ซึ่งประกอบด้วย 1.2 รากดูด – ใบคาย และกิจกรรม 1.3
กิจกรรมการเรียนรู้ย่อย 3 กิจกรรม การเรียนรู้เกี่ยวกับ การคายน้าของพืช นักเรียนจะสามารถ
สัตว์ผ่านแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 20: โครงสร้างร่างกาย สรุปเก่ียวกับส่วนประกอบและหน้าท่ีของ
ของสัตว์ และเรียนรู้เกี่ยวกับมนุษย์ผ่านแผนการจัดการ ส่วนประกอบต่างๆ ของพืช โดยใช้เวลา
เรียนรู้ท่ี 3 รา่ งกายมนุษย์ ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ : 3 ช่ัวโมง
คาศัพท์
ราก ลาตน้ ใบ ดอก ผล และเมล็ด
มาตรฐานและตวั ชี้วัด
สาระที่ 1 : วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลาเลียงสารผ่านเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน
ความสมั พันธข์ องโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะตา่ งๆ ของพืชท่ที างานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ตัวช้ีวัด ว 1.2 ป.1/1 ระบุช่ือ บรรยายลักษณะและบอกหน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์
และพืชรวมทั้งบรรยายการทาหน้าที่ร่วมกันของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ในการทากิจกรรต่างๆ
จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้
1
ⓒInspiring Science Project 2012
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
พืชมีส่วนต่างๆ ที่มีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกันเพ่ือให้เหมาะสมในการดารงชีวิตโดยท่ัวไป รากมี
ลักษณะเรียวยาวและแตกแขนงเป็นรากเล็กๆ ทาหน้าท่ีดูดน้า ลาต้นมีลักษณะเป็นทรงกระบอกตั้งตรง
และมีกิ่งก้านทาหน้าท่ีชูก่ิงก้านใบและดอก0ใบมีลักษณะเป็นแผ่นแบนทาหน้าที่สร้างอาหาร นอกจากน้ี
พืชหลายชนิดอาจมีดอกท่ีมสี ีและรูปรา่ งต่างๆ ทาหนา้ ทส่ี ืบพันธ์ุ รวมท้ังมีผลทมี่ ีเปลอื ก มีเน้ือห่อหุ้มเมล็ด
และมีเมล็ดซงึ่ สามารถงอกเป็นต้นใหมไ่ ด้
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. ระบสุ ว่ นประกอบต่างๆ ของพืชได้
2. บอกหนา้ ท่ีของสว่ นประกอบต่างๆ ของพืชได้
3. อธิบายการทางานรว่ มกันของราก ลาตน้ ใบได้
กิจกรรมการเรยี นรู้ 180 นาที
1
ขนั้ ตง้ั คาถามเกีย่ วกบั ปรากฏการณธ์ รรมชาติ 10 นาที
1. จดั สถานการณ์ใหน้ กั เรยี นสงั เกตต้นไม้ในกระถางหรือถุงดา (ต้นไมค้ วรมขี นาดใหญ่ทีน่ ักเรยี น
ท้ังชั้นสามารถมองเห็นได้ หรือครูอาจใช้ต้นไม้ที่อยู่นอกห้องเรียนที่นักเรียนสามารถมองเห็นได้จากใน
ชัน้ เรียนเปน็ ตวั อยา่ งกไ็ ด้) พร้อมต้ังคาถาม ดังนี้
- ตน้ ไม้มีสว่ นประกอบอะไรบา้ ง (จากการสังเกตต้นไม้ นักเรียนมองเห็นอะไรในตน้ ไม้
น้ีบา้ ง) (คาตอบ : ใบ ลาตน้ ดอก และผล) ครูเขยี นคาตอบหรอื วาดรูปทแ่ี สดงถงึ สว่ นประกอบของพชื ท่ี
นักเรยี นตอบบนกระดาน
- ถ้าครูทดลองจับลาต้นแล้วยกข้ึน นักเรียนคิดว่าถุงดา/กระถางจะหลุดออกจากต้นไม้
หรือไม่
นักเรียนตอบคาถามว่า หลดุ หรอื ไม่หลุด เพราะเหตุใดจงึ คดิ เช่นนน้ั
2. จากน้ันครทู ดลองยกตน้ ไม้ขึ้น โดยใช้มอื จบั ทล่ี าตน้ ของตน้ ไม้ ไม่ต้องประคองสว่ นของถงุ ดา/
กระถาง เพ่ือให้นักเรียนเกิดความสงสัยว่า เหตุใดถุงดา/กระถางจึงไม่หลุดออกจากลาต้น (ครูควรเลือกต้นไม้
ท่ีมีรากแขง็ แรงพอสมควร) พรอ้ มต้ังคาถามวา่
- อะไรทาให้ถงุ ดา/กระถางไมห่ ลดุ ออกจากต้นไม้
ขนั้ รวบรวมความคิดและข้อสนั นิฐาน 5 นาที
ครูรวบรวมความคิดของนักเรียนเกี่ยวกับส่วนประกอบของพืช และหน้าที่ของส่วนประกอบของพืช
เหล่าน้ัน โดยครูรวบรวมความคิดของนักเรียนแล้วเขียนขึ้นบนกระดาน โดยครูอาจต้ังคาถามเพ่ือรวบรวม
ความคดิ ของนกั เรยี น ดงั น้ี
- พชื มีสว่ นประกอบอะไรบา้ ง
- สว่ นประกอบของพืชแต่ละสว่ นทาหน้าท่ีอะไร
2
ⓒInspiring Science Project 2012
- รากพชื มีลกั ษณะอยา่ งไร และมีไวเ้ พ่ืออะไร
- พชื จาเปน็ ตอ้ งมรี ากหรือไม่
- พชื ทกุ ชนิดมรี ากเหมอื นกนั หรือไม่
สรุปข้อสันนิษฐานของนักเรียน เช่น พืชทุกชนิดมีส่วนประกอบสาคัญเหมือนกัน คือ มีราก
ลาต้น ใบ ดอก และผล แต่มีลักษณะและหน้าท่ีแตกต่างกัน โดยใบมีหน้าท่ีสร้างอาหารให้กับพืช
รากมหี นา้ ทด่ี ดู นา้ ลาตน้ มีหนา้ ท่ลี าเลยี งน้าข้ึนไปส่ยู อด และลาเลียงอาหารจากยอดลงสูร่ าก
ข้นั ทดสอบและปฏบิ ัติการสืบเสาะ 120 นาที
ขั้นตอนนี้นักเรียนร่วมกันทากิจกรรมทั้งหมด 3 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 ทาความรู้จักกับรากพืช
กิจกรรมที่ 2 พชื คายนา้ และกิจกรรมท่ี 3 การลาเลียงนา้ ของพชื
กิจกรรมที่ 1.1 ทาความรจู้ ักกบั รากพชื (30 นาที) 1
1. แบง่ นักเรยี นออกเป็นกลมุ่ คละความสามารถชายหญงิ กลุ่มละ 4 - 5 คน
2. ในกรณีที่ครเู ตรยี มพืชให้นกั เรียนทากจิ กรรม คือ ต้นหญา้ ครูอาจพานักเรยี นทากจิ กรรมนอกหอ้ งเรียน
จากน้ันให้ครูพานักเรียนทากิจกรรมตามวิธีการทาระบุไว้ในกิจกรรม 1.1 จนนักเรียนแต่ละคนสามารถ
บันทกึ ขอ้ มลู ลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม 1.1 จนเสรจ็ ส้นิ
3. ในกรณีทค่ี รูเตรียมต้นถ่ัวเขยี วใหน้ ักเรยี น ครูอาจเตรยี มต้นถั่วเขยี วตดั รากท้งิ แลว้ ปักลงใน
ภาชนะใส่ดินขนาดใหญ่ไว้หน้าชั้นเรียน โดยใช้ต้นถั่วเขียวปักลงในดินเท่ากับจานวนนักเรยี นในช้ัน หรือน้อย
กว่าก็ได้กรณีท่ีครู ไม่สามารถหาต้นถั่วเขียวครบตามจานวนนักเรียน แต่ครูต้องปักต้นถ่ัวเขียวลงดินใหม่
ทุกครง้ั ท่ีนักเรยี นทดลองถอนต้นถว่ั สว่ นตน้ ถ่ัวเขยี วท่ีมรี าก ที่ครูปลูกเตรียมไว้ในกระถาง ใหค้ รูแจกกระถาง
ต้นถั่วให้นักเรียนกลุ่มละกระถาง (จานวนต้นถั่วในกระถางอาจเท่ากับจานวนนักเรียนในกลุ่ม) จากนั้นให้
ดาเนินกิจกรรมตามวิธีการท่ีระบุไว้ในกิจกรรม 1.1 จนนักเรียนแต่ละคนสามารถบันทึกลงในแบบบันทึก
กจิ กรรม 1.1 จนเสร็จส้นิ
ข้นั สงั เกตและบรรยาย (1)
4. ครูตงั้ คาถามนกั เรยี นเพ่ือใหน้ ักเรยี นบรรยายส่งิ ท่สี ังเกตได้จากกจิ กรรม 1.1 ดงั นี้
- นักเรียนเหน็ ความแตกตา่ งอะไรบา้ ง ระหว่างพชื ทัง้ สองตน้
- ตน้ พืชท่ี 1 กบั ต้นพชื ท่ี 2 พืชต้นไหนที่ถอนยากกว่ากัน เพราะเหตใุ ด (ต้นท่ี 2 ถอนยากกว่า
เพราะมรี ากยดึ ดนิ ไว)้
- นอกจากความยากงา่ ยในการถอนแล้ว นกั เรยี นสังเกตเห็นความแตกตา่ งอยา่ งอืน่ ของพชื
ทงั้ สองต้นนหี้ รอื ไม่ อยา่ งไร
- รากพืชมีหนา้ ท่ีทาอะไร (รากมหี นา้ ที่ดูดนา้ และยดึ เกาะดนิ )
- รากเป็นสว่ นประกอบทส่ี าคัญของพืช หรือไม่ อยา่ งไร (สาคัญ เพราะตอ้ งทาหน้าท่ีดูดนา้
และยึดเกาะดินให้ลาตน้ สามารถยืนต้นอย่ไู ด)้
ขนั้ บันทกึ ขอ้ มลู (1)
5. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มบนั ทกึ ข้อมูลโดยการวาดภาพต้นไม้ทั้งสองตน้ ลงในใบแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 1.1
3
ⓒInspiring Science Project 2012
ให้เสร็จสิ้น จากนั้นครูควรใช้คาถามนาจนนักเรยี นสามารถสรุปได้ว่า รากเป็นส่วนประกอบท่ีสาคัญของพืช 1
หากไม่มีรากค้าจุนพืชก็ไม่สามารถยืนต้นอยู่ได้ เพราะรากมีหน้าที่สาคัญ ซ่ึงต่อไปนักเรียนจะได้ทากิจกรรม
เพอื่ ศึกษาหน้าท่ีของรากจากกิจกรรมท่ี 1.2 รากดดู - ใบคาย
กจิ กรรมที่ 1.2 รากดดู – ใบคาย (45 นาท)ี
6. ครูแจกกระถางต้นไม้ให้กบั นักเรียนกลุ่มละ 2 กระถาง (กระถางทตี่ น้ ไม้มรี าก และกระถางท่ี
ตน้ ไม้ไมม่ ีราก) อุปกรณใ์ นการทากิจกรรมท่ี 1.2
7. ครนู านักเรยี นทากิจกรรม 1.2 ตามวธิ ีการที่ระบุไว้ในใบกจิ กรรม จนเสรจ็ ส้นิ
ขน้ั สังเกตและบรรยาย (2)
8. ครใู ชค้ าถามนาเพือ่ ใหน้ กั เรียนบรรยายสงิ่ ที่นกั เรยี นสังเกตเห็นจากการทากิจกรรม 1.2
รากดดู – ใบคาย ดังนี้
- เม่ือนักเรยี นสงั เกตใบไม้ในถุงพลาสตกิ ทั้ง 2 ตน้ ตน้ ใดมหี ยดนา้ ในถุงพลาสติกมากกว่ากนั
(ต้นท่มี รี าก)
- นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดจงึ มีน้าในถุงพลาสตกิ มากกว่าอกี ตน้ (เพราะรากมกี ารดดู นา้
จากดินเพ่ิมให้กบั พืชตลอดเวลา)
- เหตใุ ดต้นไมท้ ไี่ มม่ ีราก จงึ เกดิ หยดน้าในถงึ พลาสตกิ น้อย ส่วนต้นทีม่ ีรากจึงมีหยดนา้ ใน
ถุงพลาสตกิ มากกว่า (เนอ่ื งจากไมม่ ีรากในการดูดนา้ ให้ต้นพชื ทาใหน้ ้าทเี่ หลอื อยู่ในตน้ พืชมีน้อย)
- ถ้าครูตดั รากของต้นไมท้ มี่ ีนา้ ในถุงพลาสตกิ มากกวา่ ท้ิงไป แลว้ นาถงุ พลาสติกใบใหม่
มาครอบมัดไว้ (นาอันเก่าทิ้งไป) นักเรียนคิดว่า จะเกิดไอน้าในถุงพลาสติกมากเหมือนเดิมหรือไม่ เหตุใด
จึงเปน็ เช่นนนั้ (ไม่เหมือน เพราะไมม่ ีรากดดู น้าใหพ้ ืชอกี ต่อไป)
- จากกจิ กรรม นักเรยี นคดิ วา่ น้าไปอยใู่ นถงุ พลาสตกิ ได้อยา่ งไร (นา้ ถูกลาเลียงจากรากผา่ นลาต้น
ไปสูใ่ บ และใบคายน้าออกสู่อากาศ เมอ่ื นาถงุ พลาสตกิ มาครอบใบไวจ้ ึงเกิดไอน้า)
- ถา้ ครเู ด็ดใบพืชทิง้ จนหมดเหลือแต่ต้น นักเรยี นคดิ ว่าจะยงั มีหยดน้าอยู่ในถุงพลาสตกิ
หรอื ไม่ อยา่ งไร (ไมม่ ี หรอื อาจมนี อ้ ยมาก)
- ลาต้นและใบของพชื มีความสาคญั หรอื ไม่ อยา่ งไร (ลาต้นช่วยลาเลยี งน้าและใบทาหน้าทค่ี ายนา้ )
ขนั้ บันทึกข้อมูล (2)
นักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั บันทึกขอ้ มลู ลงในแบบบันทึกกจิ กรรม 1.2 รากดดู – ใบคาย
ให้แล้วเสร็จ จากกิจกรรมนักเรียนควรสรุปได้ว่า ลาต้นมีหน้าที่ลาเลียงน้าไปที่ใบ และใบของพืชมีหน้าที่
คายน้า น้าจึงไปเกาะอยู่ในถุงพลาสติก ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับหน้าท่ีของใบท่ีเกี่ยวข้องกับการ
สร้างอาหารแล้วนาอาหารเกบ็ ไว้ในรูปของผลและหวั กไ็ ด้
* ครคู วรเตรียมชุดการทาลองการคายน้าของพืชไว้ลว่ งหน้า 1 ชุด เพอ่ื ใชใ้ นการอภิปรายในชั้นเรยี น
หรอื มไี ว้ใช้ในกรณีทีน่ กั เรยี นทาการทดลองผิดพลาด
4
ⓒInspiring Science Project 2012
กจิ กรรมท่ี 1.3 การลาเลียงน้าของพืช (45 นาที) 1
จากกิจกรรม 1.1 และกิจกรรม 1.2 นักเรียนทราบแล้วว่า พืชมีส่วนประกอบสาคัญอะไรบ้าง
และแต่ละส่วนมีหน้าที่ทาอะไร กิจกรรมสุดท้ายที่ครูและนักเรียนทาการทดลอง คือ กิจกรรม 1.3
การลาเลียงน้าของพืช ซึง่ เป็นกจิ กรรมทีท่ าใหเ้ หน็ ถึงการทางานร่วมกันของราก ลาต้น และใบ ซงึ่ ครูอาจตั้ง
คาถามเพอ่ื นาเข้าสูก่ ิจกรรม ดังน้ี
- จากกจิ กรรมที่ 1.2 รากดดู – ใบคาย ใบจะทาหนา้ ท่คี ายน้าออกไปในถุงพลาสติก นักเรยี น
ทราบหรอื ไม่วา่ นา้ ทอี่ ยู่ในดนิ ขน้ึ ไปท่ีใบของพชื ได้อยา่ งไร
- นักเรยี นทราบหรอื ไมว่ ่า ราก ลาต้น และใบทางานร่วมกันอยา่ งไร
9. ครนู านักเรียนทากจิ กรรมท่ี 1.3 การลาเลียงน้าของพชื ตามวธิ กี ารท่รี ะบุไว้ในใบกจิ กรรมจนเสรจ็
ขน้ั สังเกตและบรรยาย (3)
10. ครูให้นกั เรียนบรรยายสิง่ ที่นักเรียนสงั เกตเห็นจากการทากิจกรรม 1.3 ซงึ่ ครูอาจใชค้ าถามนา
เพื่อใหน้ กั เรยี นไดบ้ รรยายสิง่ ทสี่ งั เกตได้ ดงั นี้
- จากการทดลอง นักเรียนสังเกตเห็นสิ่งใดในบีกเกอรน์ า้ ท้งั สามสี
- ทใี่ บของตน้ กระสงั กอ่ นการทดลอง และหลงั การทดลองต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร
- ลาต้นของต้นกระสังเปลี่ยนสีหรอื ไม่ เปล่ยี นเป็นสีอะไร อย่างไร
- รากทาหน้าท่ีอะไร (ดดู น้า)
- นา้ สเี คลอื่ นทไ่ี ปที่ใบได้อย่างไร (ผ่านท่อลาเลยี งในลาตน้ )
- นา้ สีเมอื่ ไปถงึ ใบแล้วหายไปไหน (ออกสู่อากาศ)
- ราก ลาตน้ ใบ ชว่ ยกันลาเลียงน้าหรือไม่ อยา่ งไร (รากทาหนา้ ท่ดี ูดน้าให้แกพ่ ืช แล้วลาเลยี ง
ไปเลีย้ งส่วนตา่ งๆ ของพชื ผา่ นลาตน้ และนา้ สว่ นเกนิ จะถกู คายท้งิ ออกไปผา่ นทางใบ)
ขั้นการบันทกึ ข้อมูล (3)
นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันบันทกึ ขอ้ มลู ลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม 1.2 รากดดู – ใบคาย ให้แลว้ เสรจ็
ขน้ั อภปิ รายผล 10 นาที
ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือหาข้อสรุปเกี่ยวกับส่วนประกอบและหน้าที่ของส่วนประกอบ
ของพชื โดยตอบคาถามดังน้ี
- จากการทากจิ กรรมทัง้ สามกิจกรรม พืชมสี ่วนประกอบทสี่ าคญั อะไรบ้าง (ราก ลาตน้ ใบ)
- สว่ นประกอบเหล่านั้น มหี น้าที่อะไรบ้าง (รากมีหนา้ ที่ดูดน้า ลาตน้ มีหนา้ ทล่ี าเลยี งนา้ และใบ
มหี น้าที่ในการคายนา้ )
- ราก ลาตน้ และใบ ทางานสัมพันธ์หรือประสานงานกนั อย่างไร (ท้งั ราก ลาตน้ และใบต้องทา
หน้าที่ประสานงานกัน โดยรากทาหน้าที่ดูดน้า ลาเลียงผ่านลาต้น และไปที่ใบเพื่อใช้ในการสร้างอาหาร
และคายออกทางปากใบเปน็ ไอนา้ )
ในขั้นตอนน้ี นักเรียนต้องสรุปให้ได้ว่า ราก ลาต้น และใบของพืช ทางานร่วมกันคือ รากมีหน้าท่ี
ดูดน้า ลาต้นมีหน้าท่ีลาเลียงน้า และใบมีหน้าท่ีในการคายน้า ซึ่งครูสามารถอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนทราบ
ตอ่ อกี วา่ น้ามคี วามจาเป็นกบั การดารงชีวติ ของพืช โดยพชื นาน้าไปสร้างอาหารท่ใี บ
5
ⓒInspiring Science Project 2012
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการเรียนรู้และประสบการณ์ท่ีได้รับร่วมกันว่าพืชมีส่วนต่างๆ
ที่มีลักษณะและหน้าท่ีแตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการดารงชีวิตโดยทั่วไปรากมีลักษณะเรียวยาว
และแตกแขนงเป็นรากเล็กๆ ทาหน้าที่ดูดน้า ลาต้นมีลักษณะเป็นทรงกระบอกต้ังตรงและมีก่ิงก้าน
ทาหน้าที่ชกู ิ่งกา้ นใบ และดอก ใบมีลักษณะเปน็ แผน่ แบนทาหน้าที่คายน้าและสร้างอาหาร นอกจากนพ้ี ืช
หลายชนิดอาจมีดอกท่ีมีสี รูปร่างต่างๆ ทาหน้าท่ีสืบพันธ์ุ รวมท้ังมีผลที่มีเปลือก มีเน้ือห่อหุ้มเมล็ดและมี
เมล็ดซ่งึ สามารถงอกเปน็ ต้นใหม่ได้
การวัดและประเมินผล
จดุ ประสงคก์ าร หลักฐานการ เกณฑก์ ารประเมนิ 1
เรียนรู้ ประเมิน
บันทึกผลได้ถูกต้องร้อยละ0800
1. ระบุ ส่ วนประกอบต่ างๆ - แบบบนั ทึกกิจกรรมที่ 1 ขน้ึ ไปผา่ นเกณฑ์
ของพืชได้ ทาความร้จู ักกบั รากพืช
บันทึกผลได้ถูกต้องร้อยละ 80
2. บอกหน้าที่ของส่วนประกอบ - แบบบนั ทกึ กิจกรรมที่ 2 ข้นึ ไปผ่านเกณฑ์
ต่างๆ ของพืชได้ รากดูด – ใบคาย
บันทึกผลได้ถูกต้องร้อยละ 80
3. อธิบายการทางานร่วมกัน - แบบบนั ทกึ กิจกรรมท่ี 1 ข้นึ ไปผา่ นเกณฑ์
ของราก ลาตน้ และใบได้ ทาความรจู้ กั กับรากพืช
- แบบบันทึกกจิ กรรมท่ี 2
รากดูด – ใบคาย
- แบบบนั ทึกกจิ กรรมท่ี 3
การคายนา้ ของพืช
6
ⓒInspiring Science Project 2012
การเตรยี มบทเรียน 1
สือ่ การเรยี นการสอนท่ใี ช้
1. ตน้ พชื ทปี่ ลูกไวใ้ นกระถาง (กระถางพชื มรี ากและไม่มีราก)
2. ต้นกระสัง
3. กิจกรรมท่ี 1 ทาความรจู้ กั กับราก
4. กิจกรรมที่ 2 รากดดู – ใบคาย
5. กิจกรรมที่ 3 การคายนา้ ของพืช
6. แว่นขยาย
7. สีผสมอาหาร
8. ถงุ พลาสตกิ ใส
7
ⓒInspiring Science Project 2012
สิ่งมีชีวติ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2 : โครงสรา้ งรา่ งกายของสตั ว์
บทนา
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 นักเรียนจะได้ จะทาหน้าที่แตกต่างกันไปตามโครงสร้าง
เรียนรู้โครงสร้างร่างกายของสัตว์ในชีวิตประจาวัน ในแผนการจัดการเรียนรู้น้ีนักเรียนจะได้ศึกษา
ท่ีมีหลากหลายประเภท มีท้ังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะสัตว์ประเภท
สัตว์น้า สัตว์บก สัตว์คร่ึงบกครึ่งน้า สัตว์เล้ือยคลาน ต่างๆจากตัวอย่างสัตวจ์ ริงพร้อมลงมือทากิจกรรม
และอื่นๆ ซ่ึงสัตว์เหล่าน้ีจะมีอวัยวะภายนอก0ได้แก่ ที่ ได้ ท ด ล อ ง ท ด ล อ ง แ ล ะ สื บ เส า ะ จ า ก สั ต ว์ จ ริ ง
ตา หู จมูก ปาก ขา เท้า ซ่งึ อวัยวะต่างๆ ของสัตว์ เวลาท่ีใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้:.1.ชั่วโมง
คาศพั ท์ 2
โครงสรา้ ง และหน้าท่ีของโครงสรา้ งภายนอกของรา่ งกายสตั ว์
มาตรฐานและตวั ช้ีวดั
สาระที่ 1 : วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว01.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต0การลาเลียงสารผ่านเซลล์ความสัมพันธ์
ของโครงสร้าง0และหนา้ ท่ีของระบบต่างๆ ของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กนั 0ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง0
และหนา้ ท่ีของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทางานสัมพันธ์กันรวมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวช้ีวัด ว 1.2 ป.1/1 ระบุช่ือ บรรยายลักษณะและบอกหน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์ และพืช
รวมทงั้ บรรยายการทาหนา้ ท่ีร่วมกันของสว่ นตา่ งๆ ของร่างกายมนุษยใ์ นการทากิจกรรตา่ งๆ จากขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ส่ิงมีชีวิตในท้องถ่ินจะมีลักษณะท่ีท้ังเหมือนกันและแตกต่างกัน ซึ่งสามารถนามาจาแนกโดยใช้ลักษณะภายนอก
เปน็ เกณฑ์
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. ระบุโครงสร้างภายนอกของร่างกายสัตวไ์ ด้
2. บอกหนา้ ทขี่ องโครงสรา้ งภายนอกของรา่ งกายสตั ว์ได้
1
ⓒ Inspiring Science Project 2012
กิจกรรมการเรียนรู้ 60 นาที
ขน้ั ตงั้ คาถามเกย่ี วกับปรากฏการณธ์ รรมชาติ
1. นกั เรียนเลน่ เกมทายปริศนาทา่ ทางชื่อสัตว์จากท่าทางของเพื่อน โดยนกั เรียนที่เปน็ ผู้ใบ้ แสดงทา่ ทาง
ตามรูปสัตว์ที่ได้รับ แล้วให้เพื่อนทายชื่อสตั ว์ เช่น ควาย ปลา นกแก้ว กบ สุนัขและแมว เป็นต้น เม่ือนักเรียน
ทายถูกครูติดภาพสัตว์น้ันบนกระดาน และกล่าวชมเชยนักเรียนที่ทายถูก (ภาพสัตว์ท่ีครูเตรียมมาควรเป็นสัตว์
หลากหลายชนิด หลายประเภท)
2. ครูนาสัตว์ตัวอย่าง 4 ชนิด ได้แก่ ปลา กบ นก สุนัข (หากไม่สามารถหาตัวอย่างจริงสามารถใช้รูปภาพแทนได้)
ให้นักเรียนสังเกตสัตว์ท้ัง 4 ชนิดนี้ จากนั้นครูมอบหมายให้นักเรียนตั้งคาถามท่ีสงสัย เกี่ยวกับสัตว์ทั้ง 4 ชนิดนี้
ตามท่ตี ้องการ
3. รูรวบรวมคาถามท้ังหมดของนักเรียน จากนั้นเลือกประเด็นคาถามที่เกี่ยวข้องกับส่วนประกอบและหน้าท่ี
ของสตั ว์ ดังนนั้ วนั น้เี ราจะมาคาตอบของคาถาม
2
ขั้นรวบรวมความคดิ และข้อสนั นิษฐาน
1. จากประสบการณข์ องนักเรียน ตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
- สัตว์ที่นักเรียนรู้จกั และเคยเห็นมีอะไรบ้าง
- สตั วเ์ หล่านอ้ี าศยั อยู่ท่ใี ด (บก นา้ ครึ่งบกคร่ึงน้า)
- สัตว์เหลา่ น้มี สี ว่ นประกอบโครงสร้างใดบ้าง
- สตั วแ์ ต่ละชนิดมโี ครงสรา้ งร่างกายเหมือนกนั หรือไมอ่ ยา่ งไร
- ปลาอย่บู นบก นกอยใู่ นน้า ได้หรือไม่ เพราะอะไร
2. นักเรยี นจะไดท้ ากิจกรรมเพ่ือศกึ ษาโครงสรา้ ง และหน้าทีข่ องโครงสร้างต่างๆ ของสตั ว์ ในขน้ั ตอนต่อไป
- ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปขอ้ สันนษิ ฐาน
ขน้ั ทดสอบและปฏบิ ัติการสืบเสาะ 20 นาที
1. แบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 3 -5 คน
2. ครูนานักเรียนทากิจกรรม 2.1 สารวจโครงสร้างร่างกายสัตว์ ตามวิธีการที่ระบุไว้ในใบกิจกรรม จนเสร็จสิ้น
จากนั้นนานักเรียนทากระบวนการที่สามารถสง่ เสริมให้เดก็ ไดส้ ืบเสาะ เชน่ การจาแนกสัตว์ บก นา้ คร่ึงบกครงึ่ น้า
จากรปู ภาพท่ีครเู ตรยี มไวเ้ พื่อให้นกั เรยี นทายในขั้นตั้งคาถาม
- นกั เรียนจาแนกสตั วเ์ ปน็ กลมุ่
- นกั เรยี นศึกษาโครงสรา้ งของสตั ว์จากภาพ และวดี ีโอ อภิปรายจนนักเรียนได้ขอ้ สรุปเกี่ยวกบั โครงสร้าง
ภายนอก และหนา้ ทขี่ องโครงสร้างภายนอกของของสตั ว์
ขน้ั สังเกตและบรรยาย
1. นักเรียนเรียบเรียงความคิดและบรรยายลักษณะ และหน้าท่ีของส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกายสัตว์
โดยครอู าจตัง้ คาถาม แลว้ ครบู ันทกึ สิ่งทีน่ ักเรียนบรรยายบนกระดาน ดงั นี้
2
ⓒ Inspiring Science Project 2012
- สตั ว์ท่ีนกั เรียนสังเกตมสี ตั วอ์ ะไรบา้ ง
- สัตว์ท่ีนกั เรยี นสังเกตมีสว่ นประกอบของร่างกายเป็นอย่างไร (บรรยายสตั ว์ทีละชนิด)
- ส่วนประกอบของรา่ งกายสัตว์แตล่ ะชนดิ ทาหน้าท่ีอะไร
- โครงสร้างทส่ี ตั ว์ตวั อย่างใช้ในการมองเหน็ คืออะไร
- โครงสร้างทสี่ ัตวต์ ัวอย่างใชใ้ นการกินคืออะไร
- โครงสรา้ งที่สัตวต์ ัวอยา่ งใชใ้ นการขับถ่ายคืออะไร
- โครงสร้างที่สัตว์ตัวอยา่ งใช้ในการหายใจคืออะไร
- คาถามอืน่ ๆและคาถามสุดท้าย
- โครงสร้างทส่ี ัตว์ตัวอย่างใช้ในการเคลื่อนทค่ี ืออะไร (กบใชข้ า นกใชป้ ีก สุนขั ใชข้ า ปลาใช้ครีบ
และหาง)
- เพราะเหตุใดในสตั ว์ตา่ งชนิดกัน ใช้อวัยวะแตกต่างกันในการเคลอ่ื นท่ี
ขั้นบันทกึ ข้อมูล 10 นาที 2
1. บันทกึ แบบกิจกรรมที่ 2.1 ลักษณะหน้าที่ของสว่ นประกอบของรา่ งกายสตั ว์ ตามที่นกั เรียนร่วมกันบอก
และบรรยาย
ขั้นอภิปรายผล 5 นาที
1. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายส่ิงที่เรียนรรู้ ่วมกนั ซึ่งควรเปน็ ในประเด็นต่อไปนี้
- สัตว์มีหลายชนิด และชนิดมีส่วนต่างๆ ท่ีมีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการ
ดารงชีวิต เช่น ปลามีครีบเป็นแผ่น นกมีปีกที่มีขนและกางออกได้ เต่า สุนัขมีขา 4 ขาและมีเท้าสาหรับใช้
ในการเคลอ่ื นที่
- พูดคุยเกย่ี วกับประเดน็ สตั ว์ต่างๆ เชน่ อนั ตรายจากสัตวม์ ีพษิ ชวี จรยิ ธรรมของการเล้ียงสตั ว์เลี้ยง
การวัดและประเมินผล
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ หลกั ฐานการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน
1. ระบชุ ่ือของสว่ นตา่ งๆ ของ บนั ทกึ ผลได้ถูกต้องร้อยละ 80
ร่างกายสัตวไ์ ด้ถกู ต้อง ใบบันทึกกิจกรรมที่ 2 ลักษณะ ขึน้ ไป ผา่ นเกณฑ์
และหน้าท่ีของส่วนประกอบของ
2. บรรยายลักษณะ และบอก สตั ว์ รว่ มกิจกรรมตอบคาถามทกุ
หนา้ ท่ีสว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย ขนั้ ตอน
สตั วไ์ ดถ้ กู ต้อง แบบบันทึกการสังเกตการตอบ
คาถาม
3
ⓒ Inspiring Science Project 2012
การเตรียมบทเรยี น 2
สือ่ การเรียนการสอนทใี่ ช้
1. ภาพสัตว์ที่ครจู ะใชท้ าย จากท่าทาง
2. สัตว์ตัวอย่าง ปลา นกแก้ว กบ สุนัข และแมว (หากหาสตั วต์ วั อยา่ งไมไ่ ดใ้ หใ้ ชร้ ปู ภาพสัตว์)
3. ใบบนั ทกึ กจิ กรรมท่ี 1 (ss1) ลกั ษณะ และหน้าท่ีส่วนประกอบตา่ งๆ ของสัตว์
4. ใบความรู้ท่ี 2 (ss2) ลกั ษณะ และหนา้ ทส่ี ว่ นประกอบตา่ งๆของสัตว์
5. วดี โี อ โครงสร้างของสตั ว์
4
ⓒ Inspiring Science Project 2012
กจิ กรรม 2.1 ร่างกายของสตั ว์
1. ใหน้ กั เรียนเขยี นอวยั วะภายนอกของสตั วล์ งในกล่องส่เี หลี่ยม
2. ระบายสสี ตั วใ์ ห้สวยงาม
2
2
สิง่ มชี ีวติ
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 : สว่ นประกอบต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์
บทนา
ในแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 นักเรียน ผ่านการทากิจกรรมทดลอง เรื่อง ตา หู จมูก ปาก
จะได้รู้จักกับอวัยวะภายนอกของมนุษย์ ผ่านการ ล้ิน หัว แขน และขา พร้อมทั้งตระหนักในการ
เล่นเกมส์ และประกอบชิ้นส่วนร่างกายได้เรียนรู้ ดูแลอวัยวะต่างๆ เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรม
เกี่ยวหน้าท่ีของอวัยวะภายนอกแต่ละอวัยวะ การเรยี นรู้ : 2 ชว่ั โมง
คาศัพท์
อวยั วะ หวั ตา หู จมูก ล้ิน ปาก แขน ลาตัว ขา 3
มาตรฐานและตวั ชี้วัด
สาระที่ 1 : วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐานว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวิต การลาเลียงสารผ่านเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน
ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของอวัยวะตา่ งๆ ของพชื ทท่ี างานสัมพันธ์กนั รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้
ประโยชน์
ตัวช้ีวัด ว 1.2 ป.1/1 ระบุชื่อ บรรยายลักษณะและบอกหน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์
และพืช รวมท้ังบรรยายการทาหน้าท่ีร่วมกันของส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ในการทากิจกรรมต่างๆ
จากข้อมลู ท่รี วบรวมได้
ว 1.2 ป.1/2 ตระหนักถึงความสาคัญของส่วนต่างๆ ของร่างกายตนเอง โดยการดูแลส่วนต่างๆ
อยา่ งถูกต้อง ปลอดภยั และรักษาความสะอาดเสมอ
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
มนุษย์มีส่วนต่างๆ ท่ีมีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกันเพื่อให้เหมาะสมในการดารงชีวิต เช่น
ตามีหน้าท่ีไว้มองดู โดยมีหนังตา และขนตาเพื่อป้องกันอันตรายให้กับตา หูมีหน้าท่ีรับฟังเสียง โดยมีใบหู
และรูหู เพื่อเป็นทางผ่านของเสียง ปากมีหน้าทีพ่ ูด กนิ อาหาร มชี ่องปากและมรี ิมฝีปากบนลา่ ง แขนและมือ
มีหน้าที่ ยก หยิบ จับ มีท่อนแขน และน้ิวมือท่ีขยับได้ สมองมีหน้าท่ีควบคุมการทางานของส่วนต่างๆ
ของรา่ งกายเป็นก้อน อยู่ในกะโหลกศีรษะโดยส่วนต่างๆ ของร่างกายจะทาหน้าท่ีร่วมกัน ในการทากจิ กรรม
ในชีวิตประจาวนั
มนุษย์ใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายในการทากิจกรรมต่างๆ เพ่ือการดารงชีวิต มนุษย์จึงควรใช้ส่วน
ต่างๆ ของร่างกายอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เช่น ใช้ตามองตัวหนังสือในที่ๆ มีแสงสว่าง
เพยี งพอ ดแู ลตาให้ปลอดภยั จากอันตรายและรักษาความสะอาดตาอยเู่ สมอ
1
ⓒInspiring Science Project 2012
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 120 นาที
1. อธบิ ายหนา้ ทข่ี องอวยั วะภายนอกของมนุษย์ได้
2. ตระหนักถงึ การดูแลอวัยวะภายนอกของรา่ งกายมนุษย์ได้
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นตงั้ คาถามเกี่ยวกบั ปรากฏการณธ์ รรมชาติ 20 นาที
1. ครูให้นักเรียนเล่นเกมร่างกายของเรา กติกาคือ นักเรียนแต่ละกลุ่มวาดอวัยวะภายนอกได้ครบถ้วน
สมสว่ น สวยงามทส่ี ุดจะเป็นกลุ่มทชี่ นะ โดยนบั จากดาวทเ่ี พ่ือนต่างกลุ่มให้
2. ครูแบง่ กลุ่มนกั เรยี น กลุ่มละ 3-5 คน ครูแจกกระดาษปรูฟ๊ พร้อมสีไม้
3. ครบู อกใหน้ กั เรยี น วาดรูปร่างกายมนษุ ย์ 1 นาที 3
4. ให้นักเรียนวาดอวัยวะภายนอกรา่ งกายมนษุ ย์ทส่ี งั เกตได้ใหม้ ากท่สี ดุ ในเวลา 5 นาที
5. นักเรียนแต่ละกลุ่มนากระดาษปรู๊ฟมาแสดงผลงาน ครูแจกดาวท่ีเขียนหมายเลขกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่ม
นาไปตดิ บนกระดาษปรฟู๊ ของกลุ่มที่ตนเองเห็นว่าดที ี่สุด ยกเว้นกลมุ่ ตวั เอง
6. ครกู ลา่ วชมเชยกลุม่ ทไ่ี ด้ดาวมากที่สดุ พรอ้ มให้นักเรียนกลุ่มทไ่ี ดด้ าวสงู สุดทบทวนชอื่ อวยั วะ
ภายนอกให้เพอื่ นฟัง
7. ครูให้นักเรยี นทากิจกรรม 3.1 รา่ งกายของฉนั โดยครตู ัดชิ้นส่วนประกอบรา่ งกายมนุษย์เด็กชาย
พร้อมห่วง 4 ห่วง ใส่ซองสีขาว จานวน 6 ซอง ไว้ก่อน ให้แต่ละกลุ่มประกอบเป็นร่างกายของเด็กผู้ชาย
พรอ้ มกบั ใหน้ กั เรยี นสังเกตว่าร่างกายของเด็กผชู้ ายในแต่ละกลุ่มที่ได้มีอวยั วะภายนอกสว่ นไหนท่ีหายไป
8. ครูถามแต่ละกลุ่มว่ามีอวัยวะใดหายไปบ้าง ในข้ันน้ีจะกระตุ้นให้นักเรียนเกิดคาถามในประเด็น
ตัวอย่าง ดังตอ่ ไปน้ี
- ถา้ ไมม่ ตี า จะเกดิ อะไรข้นึ จะมองเหน็ ไดห้ รือไม่
- ถ้าไมม่ ีหู จะเกดิ อะไรขึน้ จะได้ยินหรือไม่
- ถ้าไมม่ ีจมกู จะเกดิ อะไรข้นึ จะยงั ได้กล่ินหรือไม่
- ถ้าไมม่ ลี ้ิน จะเกิดอะไรขน้ึ จะยังรับรสชาตอิ าหารหรอื ไม่
- ถ้าไม่มีปากจะเกิดอะไรข้ึน
- ถ้าไม่มแี ขนจะเกดิ อะไรขึน้
ขัน้ รวบรวมความคิดและขอ้ สันนษิ ฐาน 5 นาที
1. ครูซักถามประเด็นคาถามของนักเรียนแต่ละกลุ่มเกี่ยวกับอวัยวะภายนอกของร่างกาย โดยให้
เลือกมา 1 คาถาม โดยพยายามใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ ตงั้ คาถามท่ไี ม่ซา้ กนั
2. ครูนาประเด็นคาถามของนักเรียนเขียนข้ึนบนกระดาน พร้อมกับถามว่านักเรียน จะ
ตั้งข้อสันนิษฐานว่าอย่างไร ถ้าอวัยวะนั้นหายไปจะเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับซักถามนักเรียนว่าจะใช้วิธีไหน
ตรวจสอบข้อสนั นษิ ฐานทีน่ กั เรียน คิดไว้
2
ⓒInspiring Science Project 2012
ขั้นทดสอบและปฏบิ ตั กิ ารสืบเสาะ (ตา) 15 นาที
1. ครูให้นักเรียนเล่นเกมปิดตาเดิน ซึ่งครูอาจให้นักเรียนเริ่มเดินจากสนามเด็กเล่นมายังห้องเรียน
หรือเดินในห้องเรียนก็ได้ ครูให้นักเรียนนาผ้าสามเหลี่ยมมาปิดตา แบ่งเป็นกลุ่มๆ ละ 5 คน นักเรียน
ยืนแถวตอนลึกให้วางมือจับไหล่คนหน้า โดยให้นักเรียนหน่ึงคนไม่ต้องปิดตาคอยบอกทางกับเพื่อนในกลุ่ม
กลุ่มไหนเดนิ มาถงึ จดุ หมายก่อนจะเป็นกล่มุ ท่ีชนะ
2. ครถู ามนักเรยี นว่าถา้ ตาเรามองไม่เหน็ เราตอ้ งอาศยั อวัยวะใดบ้างในการพาเราไปถงึ จุดหมาย
3. ครูแจกใบกิจกรรม 3.2 อวัยวะของฉัน ให้นักเรียนนาชิ้นส่วนตามาแปะท่ีใบหน้า พร้อมกับให้
สังเกตตาของเพื่อน และให้นักเรียนเขียนลักษณะของตาว่ามีอะไรเพ่ิมเติมบ้าง (ครูอาจแจกกระดาษเปล่า
ที่มีรปู หน้าแล้วให้นกั เรียนวาดลักษณะตาโดยสังเกตตาของเพื่อน)
4. ครูลองใหน้ ักเรียนลืมตาตลอดไม่กระพริบตาทาได้นานแค่ไหน แลว้ นักเรียนรูส้ ึกอย่างไรเม่ือลืมตา
นานๆ 3
5. ครูดูรูปวาดภาพของนักเรียนทวี่ าดขนตา แล้วถามนักเรียนวา่ ขนตาทาหน้าท่ีอะไร
6. ครทู วนคาถามท่นี ักเรยี นสงสัยว่า จะเกิดอะไรข้ึนถา้ เราไมม่ ีตา
7. ครูใหน้ ักเรียนเอาผ้าสามเหล่ียมปิดตาหลับตา จากนั้นครูชูขวดนา้ ขึ้นมา และถามนักเรียนว่าเห็น
อะไรในมอื ครู
8. ครใู ห้ใหน้ กั เรยี นเอาผา้ สามเหลี่ยมออกและถามนักเรยี นอีกคร้ังว่าเหน็ อะไรในมือครู
ข้นั สังเกตและบรรยาย 3 นาที
ใหน้ ักเรยี นทีถ่ ูกปดิ ตาบอกความรูส้ กึ เม่ือถูกปิดตาแล้วรู้สึกอย่างไร ต่างจากไมป่ ิดตาอย่างไร
ข้ันบนั ทกึ ข้อมลู 5 นาที
ครูให้นักเรียนวาดภาพสิ่งทเี่ ห็นลงในช่องว่างของกล่องสเี่ หล่ียมด้านหลังของกระดาษกิจกรรมที่ 2
โดยกลอ่ งภาพบนปิดตา กลอ่ งดา้ นล่างเม่ือนกั เรยี นลมื ตาดู
ขั้นอภิปรายผล 2 นาที
1. ครูนาการอภิปรายโดยซักถามนักเรียนว่าตามีหน้าท่ีอะไร (การทาให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ
โดยต้องมแี สงสว่างถึงจะมองเหน็ ส่ิงต่างๆ ได้
2. ให้นักเรียนเปิดหนังสืออ่าน โดยครูสังเกตลักษณะการนั่งอ่านของนักเรียน ระยะห่างระหว่าง
สายตากับหนังสือ
3. ครูแนะนาการถนอมดวงตาควรใช้ตามองตัวหนังสือในท่ีๆ มีแสงสว่างเพียงพอ ดูแลตาให้
ปลอดภยั จากอันตราย และรักษาความสะอาดตาอยู่เสมอ รวมถึงทานผกั ผลไมท้ มี่ ีสีเพือ่ บารุงสายตา
3
ⓒInspiring Science Project 2012
ขั้นทดสอบและปฏิบัตกิ ารสบื เสาะ (หู) 3 นาที
1. ครูให้นักเรียนนาช้ินส่วนหูมาแปะท่ีใบหน้า จากใบกิจกรรม 3.2 พร้อมกับให้จับ และคลาใบหู
ตนเอง และสังเกตใบหูของเพื่อน (ครูอาจแจกกระดาษเปล่าท่ีมีรูปหน้าแล้วให้นักเรียนวาดลักษณะหู
โดยสงั เกตหูของเพ่ือน)
2. ครเู ปิดเพลงให้นักเรียนฟงั ใหน้ ักเรยี นสังเกตเสียงที่ได้ยิน เมื่อใชม้ อื ปิดหใู ห้แนน่ ท้ังสองข้างกบั เปิดหู
ข้นั สงั เกตและบรรยาย 2 นาที
ให้นกั เรยี นบอกความแตกตา่ งของการไดย้ นิ เสียง เมอ่ื ปดิ หทู ้งั สองข้าง และไม่ปดิ หู
ขน้ั บันทกึ ขอ้ มูล 3 นาที
ให้นักเรียนบอกความแตกต่างของการได้ยินเสียง เม่ือปิดหูท้ังสองข้าง และไม่ปิดหู โดยให้นักเรียน
ใชด้ นิ สอลากตามเส้นปะจานวนเสน้ ตามระดับความดังของเสียงท่ีได้ยนิ 3
ขั้นอภิปรายผล 2 นาที
1. ครนู าการอภิปรายโดยซักถามนักเรยี นวา่ หูมหี นา้ ทอี่ ะไร (การได้ยินเสียง)
2. ครูถามนักเรียนว่าถ้าเราไม่มีหู เราจะได้ยินเสียงครูไหม นักเรียนจะเรียนรู้เร่ืองหรือเปล่า ครูพูด
ข่าวคนที่ได้ฟังเสียงที่ดังเกินไปเป็นเวลานานๆ จะทาให้หูตึงไม่ได้ยินเสียง เหมือนคนแก่ที่ต้องพูดเสียงดังๆ
จึงจะได้ยิน
3. ครูต้ังประเดน็ ถามนกั เรียนวา่ เราจะดแู ล รักษาหเู ราอย่างไร
ขน้ั ทดสอบและปฏิบตั กิ ารสบื เสาะ (จมูก) 5 นาที
1. ครใู ห้นักเรียนนาชิ้นส่วนจมูกมาแปะท่ีใบหน้า จากใบกิจกรรม 3.2 พร้อมกับให้จบั และคลาจมูก
ตนเอง และสังเกตจมูกของเพ่ือน (ครูอาจแจกกระดาษเปล่าที่มีรูปหน้าแล้วให้นักเรียนวาดลักษณะจมูก
โดยสังเกตจมูกของเพอ่ื น)
2. ครูใหน้ กั เรียนเอามอื อังรจู มูก หายใจเข้า และหายใจออก
3. ครูนาขวดท่ีปิดฝา มีกระดาษปิดด้านข้าง และด้านก้นขวด มีหมายเลขกากับหมายเลข 1 2
และ 3 ตดิ ขา้ งขวดไว้ เตรียมไว้ 3 ขวดต่อกล่มุ โดยแตล่ ะขวดที่ 1 ใส่ สตรอเบอร่ี ขวดที่ 2 มะนาว ขวดท่ี 3
ใส่แอปเปล้ิ (ครูอาจเลือกอาหารอยา่ งอน่ื ได้ตามความเหมาะสม)
4. ใหน้ ักเรยี นในแต่ละกลุม่ เปิดฝาดมกลน่ิ แต่ละขวด
ขัน้ สงั เกตและบรรยาย 2 นาที
1. นักเรยี นสงั เกตและบอกลกั ษณะของจมกู ให้ครู และเพ่อื นฟงั
2. นักเรยี นบอกความร้สู ึกเม่ือเอาน้ิวองั ท่รี จู มูกขณะหายใจเขา้ และหายใจออก
3. ให้นักเรยี นสงั เกตกล่นิ ทด่ี ม และอภปิ รายในกลุม่ วา่ กล่นิ แต่ละขวดมลี ักษณะอย่างไร
และน่าจะเปน็ กลิ่นของผลไม้ใด
4
ⓒInspiring Science Project 2012
ขั้นบันทกึ ขอ้ มลู 3 นาที
นักเรียนแต่ละคนในกลุ่มเมื่อพูดคุยว่ากล่ินที่ดมในแต่ละขวดเป็นกลิ่นของผลไม้ชนิดใดแล้วให้เขียน
หมายเลขของขวดใหต้ รงกับรูปภาพผลไม้ โดยเขียนดา้ นล่างของภาพ
ข้นั อภปิ รายผล 5 นาที
1. นกั เรียนบอกหน้าที่ของจมกู ได้ว่าเป็นทางผา่ นของอากาศทเี่ ราหายใจ หากจมูกอุดตันจะทาให้เรา
หายใจไม่สะดวก รู้สึกไม่สบายตัว
2. ครูนาการอภิปรายโดยต้งั ประเดน็ คาถามนักเรียนวา่ การที่เราได้กลิ่นมปี ระโยชนอ์ ย่างไร
(การได้กลิ่นอาหาร ทาให้เรารู้สึกอยากอาหารมากขึ้น หรือกล่ินหอมจะทาให้เรารู้สึกสดช่ืน และช่วยบอก
อันตรายใหเ้ รารู้ เช่น กลน่ิ ควันไฟ กลิ่นแก๊ส กลิ่นเหมน็ เนา่ )
3. ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกวิธีการดูแลจมูก เช่นไม่แคะขี้มูกหรือสั่งน้ามูกแรงๆ หรือนาวัตถุ
หรือของแหลมใสใ่ นรูจมูก 3
ขั้นทดสอบและปฏิบัติการสืบเสาะ (ปาก) 5 นาที
1. ครใู ห้นักเรยี นหันหน้าเข้าหากัน อ้าปากและหุบปากสลบั กัน
2. ครูใหข้ นมนกั เรียนคนละชิ้น แลว้ ให้นกั เรียนนาอาหารเข้าปากโดยไม่อา้ ปาก
3. นกั เรยี นลองพูดโดยไมอ่ ้าปาก
ข้นั สังเกตและบรรยาย 3 นาที
1. ครูให้นักเรียนนาช้ินส่วนปากมาแปะท่ีใบหน้า จากใบกิจกรรม 3.2 พร้อมกับใช้มือจับ
และสัมผัสปากตนเอง และสังเกตปากของเพ่ือน (ครูอาจแจกกระดาษเปล่าที่มีรูปหน้าแล้วให้นักเรียนวาด
ลักษณะปากโดยสังเกตปากของเพื่อน)
2. นักเรียนสังเกตปากเวลาอ้าปาก และหุบปากสลับกัน พร้อมท้ังให้บอกเพ่ือนว่าปากประกอบ
ไปดว้ ยอะไรบ้าง (รมิ ฝปี าก กระพงุ้ แกม้ ลิ้น ฟัน เหงอื ก)
3. นักเรียนสังเกต และบอกได้ว่าอาหารสามารถเขา้ ปากโดยไม่อ้าปากได้หรือไม่
4. นักเรยี นสงั เกตเสยี งทพ่ี ูดโดยไม่อา้ ปาก ว่าแตกต่างจากเสยี งพดู ทีอ่ า้ ปาก
ขั้นบนั ทกึ ข้อมลู 5 นาที
นกั เรียนวาดรปู อวัยวะของปากใหค้ รบทุกส่วน และระบายสี รมิ ฝปี าก ฟนั ลิน้
ขนั้ อภิปรายผล 5 นาที
1. ครูนาการอภปิ รายโดยซักถามนกั เรียนวา่ ปากมหี นา้ ท่ีอะไร (การการทานอาหาร การพูด)
2. ครูทบทวนคาถามว่าถ้าเราไม่มีปาก จะเกิดอะไรข้นึ
3. ครูซักถามวธิ ดี ูแลรกั ษาชอ่ งปาก ฟัน ว่าทาอยา่ งไร
5
ⓒInspiring Science Project 2012
ขั้นทดสอบและปฏิบตั กิ ารสืบเสาะ (ลน้ิ ) 5 นาที
1. ครูใหน้ ักเรียนหนั หน้าเข้าหากนั จากน้นั ตา่ งคนอา้ ปากแลบล้นิ ให้เพ่อื นดู
2. ครใู ห้นักเรียนพูดโดยทาล้นิ แข็ง ๆ หรอื ใชล้ ้นิ ดันเพดานปากพร้อมลองพดู
3. ครนู าผลไม้ในท้องถิ่นมาใหน้ กั เรียนชมิ
ข้ันสังเกตและบรรยาย 3 นาที
1. ครใู หน้ กั เรียนสงั เกตและบรรยายลักษณะลน้ิ ของเพ่ือน
2. ครใู ห้นักเรยี นสังเกตฟังเสียงเพ่ือนวา่ พดู ชดั เจนเหมือนเดิมหรือไม่
3. นกั เรยี นบอกความรูส้ กึ ถึงรสชาตผิ ลไมท้ ี่ชิมวา่ มีรสชาติอย่างไร
ขน้ั บันทึกข้อมลู 2 นาที
นักเรยี นระบายสีแทนรสชาตลิ งในวงกลมท่ีกาหนดให้วงกลมละสี ดังนี้ สีชมพูแทนรสหวาน 3
สีสม้ แทนรสเปรี้ยว สนี า้ ตาลแทนรสเคม็ สดี าแทนรสขม
ขน้ั อภิปรายผล 5 นาที
1. ครนู าการอภิปรายโดยซกั ถามนักเรยี นว่าลนิ้ มหี น้าทอ่ี ะไร (การรบั รส)
2. ครูถามนักเรียนว่าการที่เรารู้รสชาติอาหารมีประโยชน์อย่างไร (ทาให้เราทานอาหารอร่อย
และป้องกนั อาหารทีเ่ ปน็ พษิ สว่ นใหญจ่ ะมีรสขม)
3. ครูย้าว่าล้ินทาให้เรารู้รสชาติอาหาร ทาให้เรารู้ระดับของรสชาติเช่นเค็มมากหรือน้อย
ช่วยป้องกันอันตรายให้กับเราไม่ให้ป่วยจากการทานอาหารรสจัดเช่น ทานขนมที่รสเค็มมากจะเป็นโรคไต
เป็นตน้
ขนั้ ทดสอบและปฏิบัตกิ ารสืบเสาะ (หัว แขน และ ขา) 5 นาที
1. ครใู หน้ ักเรียนทุกคนเอามอื กอดอก และให้หยบิ สมดุ บนโต๊ะส่งใหเ้ พื่อนทอ่ี ยดู่ ้านขา้ ง
2. ครใู หน้ กั เรยี นนง่ั ลง น่ังขดั สมาธิหลังห้อง ครใู หน้ กั เรียนขยบั ตัวมาหน้าหอ้ งโดยขาของนกั เรยี น
อยูใ่ นท่าเดิม
ขน้ั สังเกตและบรรยาย 3 นาที
1. นักเรียนสังเกต และบรรยายความรู้สึกและท่าทางในการหยิบจับสมุดเม่ือเอามือกอดอก
ไดห้ รอื ไมเ่ มอ่ื เทยี บกบั ใชแ้ ขนมือหยิบจบั
2. นักเรียนสังเกตและบรรยายความรู้สึก และท่าทางในการเคล่ือนตัวจากหลังห้องมายังหน้าห้อง
ได้หรอื ไม่เม่ือเทยี บกบั เดินด้วยขา
3. ครูให้นักเรียนลองสังเกตว่าทาไมหู ตา จมูก ลิ้น ปาก อยู่ที่หัว แล้วอวัยวะใดของร่างกายที่ควบคุม
อวยั วะอ่นื ให้ทาตามคาส่ังเรา เชน่ การเดนิ การนั่ง
6
ⓒInspiring Science Project 2012
ขน้ั บนั ทกึ ข้อมูล 2 นาที
ให้นักเรยี นลากเสน้ อวัยวะทที่ าหน้าท่สี มั พันธ์กับหนา้ ท่ี
ขั้นอภิปรายผล 5 นาที
1. ครูนาการอภิปรายโดยซักถามนักเรียนวา่ ท่ีหัวของเรามีอะไรอยู่ข้างใน และส่ิงน้ันสามารถควบคุม
การเคล่อื นไหวของแขนขาเราได้
2. นักเรียนบอกวิธีการดูแลไม่ให้หัวของเราได้รับอันตรายเช่น ขับข่ีรถจักรยานยนต์ต้องใส่หมวก
นริ ภยั เป็นต้น
3. ออกกาลงั กาย และดูแลความสะอาดของแขนขา
การวัดและประเมินผล
3
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ หลกั ฐานการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
1.ระบุอวัยวะภายนอกของ ใบบนั ทกึ กจิ กรรม 3.1 นกั เรียนประกอบอวยั วะ
มนุษย์ได้ รา่ งกายของฉนั ภายนอกของมนุษยไ์ ด้พร้อม
ระบอุ วยั วะทห่ี ายไปไดถ้ ูกต้อง
2.อธิบายหน้าที่ของอวยั วะ ใบบนั ทึกกจิ กรรม 3.1 อวยั วะ ทง้ั หมด
ภายนอกของมนุษยไ์ ด้ ของฉนั
บนั ทกึ ผลได้ถูกต้องท้ังหมด
3.ตระหนักถึงการดูแลอวัยวะ แบบสังเกตพฤติกรรมของ ผ่านเกณฑ์
ภายนอกของรา่ งกายมนุษยไ์ ด้ นกั เรยี น
บันทึกผลได้ถกู ต้องถูกต้อง
ทงั้ หมดผ่านเกณฑ์
การเตรียมบทเรยี น
ส่ือการเรียนการสอนทใ่ี ช้
1. กระดาษปรูฟ๊ 1 แผ่น/กลุ่ม
2. สีไม้ 1 กล่อง/กลุม่
3. ซองท่ใี ส่ช้นิ ส่วนมนุษย์ เขยี นหมายเลขเรยี งตามหมายเลขกลมุ่ หนา้ ซอง พรอ้ มห่วง 4 อัน/ซอง
4. ผ้าสามเหล่ยี ม 1 ผนื /กล่มุ (ใหน้ ักเรียนเตรยี มมาเอง)
5. ขวดน้า 1 ขวด
6. ขวดสาหรบั ใหน้ ักเรยี นดมกล่ิน จะปิดดว้ ยกระดาษทึบดา้ นขา้ งและก้นขวด จานวน 3 ขวด ดังนี้
ขวดหมายเลข 1 ใส่น้าสตรอเบอร่ี
ขวดหมายเลข 2 ใสน่ ้ามะนาว
ขวดหมายเลข 3 ใส่น้าแอปเป้ลิ
7
ⓒInspiring Science Project 2012
7. ผลไม้ทตี่ ดั เปน็ ชน้ิ เล็ก ๆ ตามจานวนนกั เรยี นใส่จาน 3
8. ขนมชิ้นเลก็ ๆ ตามจานวนนกั เรยี น
9. ใบกจิ กรรม 3.1 รา่ งกายของฉัน
10. ใบกจิ กรรม 3.2 อวยั วะของฉนั
8
ⓒInspiring Science Project 2012
กิจกรรม 3.1 ร่างกายของฉนั (ตน้ แบบ) 3
ให้นาชน้ิ สว่ นทตี่ ัดแล้วมาประกอบใสห่ ว่ งให้สมบูรณ์
ท่มี า : http://timothykurek.com/wp-content/uploads/2017/10/best-25-body-parts-preschool-ideas-on-pinterest-body-parts-on-boy-body-parts-pictures.jpg
แผน่ ท่ี 2
3
แผน่ ท่ี 3
3
แผน่ ท่ี 5
3
แผน่ ท่ี 6
3
กจิ กรรม 3.2 อวัยวะของฉนั
คำชี้แจง ใหต้ ัดตามเส้นปะ และนาช้นิ สว่ นมาประกอบบนใบหน้าใหถ้ กู ต้อง
3
ตอน 1 ตำ
คำช้แี จง ให้เขยี นส่งิ ที่เหน็ ขณะหลบั ตาและลืมตาลงในกลอ่ งดา้ นล่างภาพ
3
ตอน 2 หู 3
คำชแี้ จง ให้ขีดตามเส้นปะตามระดับความดังของเสยี งทีไ่ ด้ยิน
ตอน 3 จมกู
คำชแ้ี จง เขียนหมายเลข 1 2 3 ใต้ชอ่ื ผลไม้ทีต่ รงกับกล่ินในขวด
ตอน 4 ปำก 3
คำช้แี จง ให้วาดโครงสร้างของปากขณะอา้ ปากวา่ ประกอบไปด้วยอะไรบา้ ง
ตอน 5 ลน้ิ
คำชีแ้ จง ให้ระบายสีแทนรสชาติอาหารท่ชี ิมลงในวงกลมที่กาหนดให้วงกลมละสี ดงั น้ีสีชมพแู ทนรสหวาน สี
ส้มแทนรสเปรีย้ ว สีน้าตาลแทนรสเค็ม สีดาแทนรสขม
ตอน 6 อวัยวะกบั หน้ำที่
คำช้แี จง ให้ลากเส้นจากอวัยวะด้านขวามือและซา้ ยมือให้สัมพนั ธก์ ัน พร้อม
ระบายสอี วัยวะน้ันใหส้ วยงาม
3
แนวขอ้ สอบ PISA (ส่ิงมชี ีวิต)
1.1 คำศัพท์
1.2 ราก
ใบ
1.3 1.4 ลา้ ต้น
1.5 ผล
ดอก
คำถำมข้อท่ี 1 ช่ือส่วนประกอบ
จากภาพ จงเตมิ ส่วนประกอบตา่ งๆ ของภาพ
หมำยเลข
คำถำมข้อที่ 2
นกั เรียนจะรดต้นไม้ตรงส่วนใดของต้นไม้
............................................................................................................................. .................................................
คำถำมข้อท่ี 3
ถ้านกั เรยี นไมไ่ ด้รดนา้ ตน้ ไม้เป็นเวลา 5 วนั นกั เรยี นคิดวา่ ต้นไม้จะเป็นอยา่ งไร
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................. .
............................................................................................................................. .................................................
บทนำ แผนกำรเรียนรู้ท่ี 1 แสงและกำรมองเห็น
นักเรียนจะได้เรียนรู้การเดินทางของแสงและการ
น้องปีใหม่เด็กช่างสังเกต จึงพบว่าเวลาเล่น มองเห็น โดยการทา่ กิจกรรมเรามองเหน็ วตั ถุไดอ้ ย่างไร
ของเล่นในตอนกลางวันกับตอนกลางคืนมีความ และเงาของตุ๊กตาจะทอดยาวเมื่อไร
แตกตา่ งกนั โดยเฉพาะเม่อื ปิดไฟในบ้าน นอ้ งปีใหม่ได้
ค้ น พ บ เ ร่ื อ ง ร า ว บ า ง อ ย่ า ง ท่ี ซ่ อ น อ ยู่ ใ น ค ว า ม มื ด แผนกำรเรียนรู้ที่ 2 เม่ือมองไม่เห็น นักเรียน
ยามค่าคนื จะได้เรียนรู้ความส่าคัญของการมองเห็นและวิธีการ
ปอ้ งกันอนั ตรายจากการมองวัตถุทอี่ ยู่ในบริเวณที่มีแสง
นักเรียนจะสวมบทบาทเป็นน้องปีใหม่ และ สว่างไม่เหมาะสม โดยการทา่ กจิ กรรมแสงและภาพ
เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ในกิจกรรมตามแผนการ
เรียนรู้ เรามองเห็นไดอ้ ย่างไร
หวั ขอ้ ประถมศกึ ษษปีที่ 2
ระดบั ชน้ั 4 ช่ัวโมง
เวลำ
แนวคิดหลัก
แสงเคลื่อนท่ีจากแหล่งก่าเนิดแสงทุกทิศทางเป็นแนวตรง เม่ือมีแสงจากวัตถุมาเข้าตาจะท่าให้มองเห็นวัตถุน้ัน
การมองเห็นวัตถุที่เป็นแหล่งก่าเนิดแสง แสงจากวัตถุน้ันจะเข้าสู่ตาโดยตรง ส่วนการมองเห็นวัตถุที่ไม่ใช่
แหล่งก่าเนิดแสง ต้องมีแสงจากแหล่งก่าเนิดแสงไปกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าตา ถ้ามีแสงท่ีสว่างมาก ๆ เข้าสู่ตาอาจ
เกิดอันตรายต่อตาได้ จึงต้องหลีกเล่ียงการมองหรือแผ่นกรองแสงที่มีคุณภาพเม่ือจ่าเป็น และต้องจัดความสว่างให้
เหมาะสมกับการทา่ กิจกรรมตา่ ง ๆ เชน่ การอา่ นหนังสอื การดูจอโทรทศั น์ การใช้โทรศัพทเ์ คลื่อนทีแ่ ละแทบ็ เลต็
มำตรฐำนและตัวชีว้ ดั
สำระท่ี 2 วทิ ยำศำสตรก์ ำยภำพ
มำตรฐำน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร
และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจ่าวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมท้งั นา่ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วัด ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งก่าเนิดแสง และอธิบายการมองเห็นวัตถุ
จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
ว 2.3 ป. 2/2 ตระหนักในคุณค่าของความรู้ของการมองเห็นโดยเสนอแนะแนวทางการป้องกันอันตราย
จากการมองวัตถทุ อ่ี ยู่ในบริเวณทีม่ แี สงสวา่ งไม่เหมาะสม
ควำมเข้ำใจท่ยี ั่งยนื
แสงเดนิ ทางเป็นเส้นตรง และการมองเหน็ วัตถุ เกดิ จากแสงจากวตั ถเุ ข้าสูต่ าเรา
1
ⓒ Inspiring Science Project 2012
คำถำมสำคัญ
การเดนิ ทางของแสงมีลกั ษณะอยา่ งไร
เรามองเห็นสิง่ ตา่ ง ๆ ได้อยา่ งไร
ควำมรูแ้ ละทกั ษะสำคัญท่นี กั เรียนไดร้ บั
ควำมรู้
คำสำคญั : การเคลื่อนท่ีของแสง การมองเหน็
ทกั ษะ
บรรยายแนวการเคลื่อนทีข่ องแสงจากแหล่งกา่ เนิดแสง
อธิบายการมองเห็นวัตถจุ ากหลกั ฐานเชิงประจักษ์
เสนอแนวทางการป้องกันอันตรายจากการมองวตั ถุที่อยู่ในบริเวณท่มี แี สงสวา่ งไม่เหมาะสม
เจตคติ
ตระหนกั ในคุณคา่ ของความรขู้ องการมองเหน็
หลักฐำนกำรเรียนรู้
ภำระงำน
-
หลกั ฐำนกำรเรยี นรู้อ่นื ๆ โดยคำนงึ ถงึ ควำมแตกต่ำงของผู้เรียน
ผลการท่ากจิ กรรมหรอื การตอบค่าถามระหว่างท่ากจิ กรรม
กำรประเมนิ ตนเอง
การตอบค่าถามได้ถกู ตอ้ งหลงั จากทา่ กิจกรรม
2
ⓒ Inspiring Science Project 2012
กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ 1 : แสงและการมองเห็น
ขนั้ กจิ กรรม เวลำ
15 นาที
ขั้นต้ังคำถำมเกย่ี วกบั 1. ครูน่ากล่องทึบที่เจาะรูไว้สองด้านมาให้นักเรียนสังเกต โดยปิดรู
10 นาที
ปรำกฏกำรณ์ หนึ่งไว้ก่อน ให้เหลือเพียงหน่ึงรูท่ีใช้ตาแนบขณะส่องเท่าน้ัน แล้วถาม 10 นาที
ธรรมชำติ นักเรยี นวา่
- นักเรียนทราบหรอื ไม่วา่ อะไรอยใู่ นกล่อง (ใหน้ กั เรยี นลองทาย)
- ให้นักเรียนดูของในกล่องผ่านช่องที่เจาะไว้ จากนั้นครูถามนักเรียนว่า
เห็นหรือไม่ว่าในกล่องมีอะไร เหมือนหรือต่างกับส่ิงที่นักเรียนทาย
(นักเรียนควรมองไม่เห็นอะไรในกล่องหรือมองเห็นไม่ชัด เพราะภายใน
กลอ่ งเปน็ ภาพวาดบนกระดาษสดี า่ )
- ครใู ห้นักเรียนฉายไฟจากไฟฉายเข้าไปในกล่องผ่านรูอีกด้านทเ่ี จาะ
ไว้ แล้วถามนักเรียนอีกคร้ังว่า เห็นหรือไม่ว่าในกล่องมีอะไร จากน้ันให้
วาดภาพสิ่งทีเ่ ห็นภายในกลอ่ ง
- ครูเปิดกล่องให้นักเรียนดูว่าข้างในมีอะไรบ้าง แล้วถามนักเรียนว่า
ความชัดเจนในการเห็นภาพเป็นอย่างไร นกั เรยี นคดิ ว่าเป็นเพราเหตใุ ด
2. เหตุใดตอนปิดกล่องเราจึงมองไม่เห็นภาพข้างกล่อง และเมื่อ
ฉายไฟเข้าไปในกล่องจึงมองเห็นภาพเพียงบางส่วน และเม่ือเปดิ กล่องจึง
มองเห็นภาพทั้งหมด
(กจิ กรรมบา้ นนกั วทิ ยาศาสตรน์ ้อย เร่อื งแสงและภาพ)
ข้นั รวบรวมควำมคิด จากข้อสงสัยทว่ี า่
และข้อสนั นฐิ ำน - เหตุใดตอนปิดกล่องเราจึงมองไม่เห็นภาพข้างกล่อง และเม่ือฉาย
ไฟเข้าไปในกล่องจึงมองเห็นภาพเพียงบางส่วน และเม่ือเปิดกล่องจึง
มองเหน็ ภาพท้งั หมด
นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ ราย และวิเคราะห์วา่ จะตรวจสอบได้อย่างไร
ข้ันทดสอบและ นักเรยี นทา่ กิจกรรม เรอ่ื งมองเหน็ ฉนั ใหม และกิจกรรมบ้าน
ปฏบิ ัติกำรสืบเสำะ นกั วทิ ยาศาสตรน์ ้อย เงาของต๊กุ ตาจะทอดยาวเม่ือไร
โดยในกิจกรรมจะมีแนวคิดหลักคือ การมองเห็นวัตถุท่ีเป็น
แหล่งก่าเนิดแสง แสงจากวัตถุน้ันจะเข้าสู่ตาโดยตรง ส่วนการมองเห็น
วัตถุท่ีไม่ใช่แหล่งก่าเนิดแสง ต้องมีแสงจากแหล่งก่าเนิดแสงไปกระทบ
วัตถุแลว้ สะทอ้ นเข้าตา
3
ⓒ Inspiring Science Project 2012
ขน้ั กจิ กรรม เวลำ
10 นาที
ขน้ั สังเกตและบรรยำย ในขณะทดลองให้นักเรียนสังเกตและบรรยายในส่ิงเหล่าน้ี
- ก่อนท่าการเปิดไฟ รายละเอียดของตุ๊กตาเป็นอย่างไรเม่ือเทียบกับตอน 5นาที
เปิด 10นาที
- นอกจากการมองเห็นรายละเอียดของตัวตุ๊กตาแล้ว นักเรียนเห็น 15นาที
การเปล่ียนแปลงอย่างอื่นอีกหรือไม่ (นักเรียนสังเกตเห็นเงาของตุ๊กตา
หรอื ไม่ ) 10 นาที
- ลกั ษณะของเงาเป็นอย่างไร 10 นาที
ข้ันต้งั คำถำมเกย่ี วกบั ตงั้ ค่าถามตอ่ เนอ่ื งจากกิจกรรม ลกั ษณะของเงาเป็นอย่างไรเมอ่ื ต่าแหน่ง
ปรำกฏกำรณ์ ของแหลง่ ก่าเนดิ แสงเปล่ียนไป เพราะเห็นใดจึงเปน็ เชน่ นนั้
ธรรมชำติ
ข้ันรวบรวมควำมคิด นกั เรียนร่วมกนั อภิปราย และวิเคราะหว์ า่ จะตรวจสอบไดอ้ ย่างไร
และข้อสันนฐิ ำน
ขั้นทดสอบและ 1. ให้นักเรียนท่า กิจกรรมบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เรื่อง เงาของ
ปฏบิ ตั ิกำรสบื เสำะ ตุ๊กตาจะทอดยาวเม่ือใด
โดยในกิจกรรมจะมีแนวคิดหลักคือ เมื่อแสงมากระทบวัตถุทึบแสง
จะเกิดเงาขึ้น เนื่องจากวัตถุทึบแสงขวางการเดินทางของแสง เพราะ
แสงเดินทางเป็นเส้นตรง เมื่อแหล่งก่าเนิดแสงเปล่ียนต่าแหน่งจะท่าให้
ลา่ แสงทลี่ ากจากแหลง่ ก่าเนดิ ไปทวี่ ตั ถุและฉากหลังเปลีย่ นตา่ แหน่งไป
ขั้นบันทึกข้อมลู นกั เรยี นบนั ทึกข้อมลู ลงในใบกิจกรรม
ขน้ั อภิปรำยผล - ต่าแหน่งและขนาดของเงาเป็นอย่างไรเมื่อเปล่ียนต่าแหน่งของ
แหล่งกา่ เนดิ แสง (บันทกึ ขนาดของเงา ตา่ แหนง่ ของเงา)
ครรู ่วมอภิปรายกบั นกั เรยี นเพ่อื นา่ ผลการทดลองไปสูข่ อ้ สรุป
- แสงส่งผลต่อการมองเห็นวัตถุท่ีไม่มีแสงสว่างในตัวเอง โดยเมื่อมี
แสงมากระทบวัตถุจะท่าให้เรามองเห็นวัตถุและรายละเอียดของวัตถุ
เนอื่ งจากแสงท่ีกระทบวัตถุจะสะทอ้ งเข้าสตู่ ามนุษย์
- แสงเดินทางเปน็ เสน้ ตรงและไม่สามารถเดนิ ทางผ่านวตั ถุทึบแสงได้
จึงท่าให้เกิดเงาขึ้นในต่าแหน่งท่ีแสงไม่ตกที่ฉาก ขนาดของเงาเกิดจาก
ระยะระหวา่ งแหล่งกา่ เนิดแงกบั วัตถุและฉากรบั แสง
4
ⓒ Inspiring Science Project 2012
แผนกำรจัดกำรเรียนร่ทู ี่ 2 : เม่ือมองไม่เห็น
ขนั้ กิจกรรม เวลำ
20 นาที
ขั้นตง้ั คำถำมเกยี่ วกบั ครูให้นักเรียนเล่นเกมตาบอดเดินทาง แล้วให้นักเรียนบรรยายความรู้สกึ
ปรำกฏกำรณ์ เม่ือตามองไม่เห็นว่าเป็นอย่างไร และการมองเห็นมีความส่าคัญหรือไม่ 20 นาที
ธรรมชำติ อยา่ งไร
ขัน้ รวบรวมควำมคดิ ครูถามนักเรียนว่า ถ้าเราอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างมาก หรือ ที่ท่ีมีแสงสว่าง
และข้อสนั นฐิ ำน น้อย เราจะมองเห็นสงิ่ ตา่ งๆ ไดเ้ หมอื นหรอื แตกตา่ งกันอย่างไร
ข้นั ทดสอบและ - ใหน้ กั เรยี นทา่ กิจกรรม เรื่อง แสง และภาพ ปรากฏการณ์ 40 นาที
ปฏิบัตกิ ำรสืบเสำะ การดูดกลนื แสง การทดลองท่ี 1 แสงและภาพ
-ให้นักเรียนมองหลอดไฟด้วยตาเปล่าเปรียบเทียบกับการสวม
แวน่ ตาด่า แล้วบอกความแตกตา่ ง
ขน้ั สังเกตและบรรยำย ให้เรียนบรรยายส่ิงท่ีสังเกตเห็นขณะท่ากิจกรรม ในหัวข้อต่อไปนี้ 10 นาที
ขั้นบนั ทึกข้อมลู - เม่อื วาดภาพบนแผ่นใส นกั เรยี นเห็นภาพเปน็ อยา่ งไร ชัดเจนหรอื ไม่ 10 นาที
- เมื่อใช้กระดาษสีขาวซ้อนด้านหลังแผ่นใส นักเรียนเห็นภาพเป็น
อย่างไร ชดั เจนหรอื ไม่
- เมื่อใช้กระดาษสีด่าซ้อนด้านหลังแผ่นใส นักเรียนเห็นภาพเป็น
อยา่ งไร ชัดเจนหรือไม่
- เมอ่ื ใช้ไฟฉายกระดาษสอดเข้าไประหว่างแผ่นใสกับกระดาษสีด่า
นักเรียนเห็นภาพเป็นอย่างไร ชัดเจนหรอื ไม่
- แสงจากไฟฉายจริงกับลักษณะแสงของไฟฉายกระดาษท่ีสร้าง
ข้นึ เหมอื นหรือต่างกันอยา่ งไร
- การมองหลอดไฟด้วยตาเปล่า กับการมองหลอดไฟผ่านแว่นตาด่า
เหมอื นหรือแตกต่างกันอย่างไร
นักเรยี นบนั ทกึ ขอ้ มูลลงในใบกจิ กรรม
ขน้ั อภิปรำยผล ครรู ว่ มอภิปรายกบั นักเรียนเพื่อนา่ ผลการทดลองไปสู่ 20 นาที
ข้อสันนิษฐานวา่
- ถ้ามแี สงสว่างไม่เพยี งพอ เราจะมองเห็นสิง่ ต่าง ๆ ได้ไม่ชดั เจนจึง
ตอ้ งจัดแสงสวา่ งใหเ้ หมาะสมกบั กิจกรรม
- ถ้ามีแสงสว่างมากๆ เข้าสตู่ า อาจเกดิ อันตรายต่อตาได้
5
ⓒ Inspiring Science Project 2012