The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตัวอย่างแผนการสอนบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยระดับประถมศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sawawer, 2022-03-30 00:11:36

แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บ้านนักวิทย์ ระดับประถมศึกษา

ตัวอย่างแผนการสอนบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยระดับประถมศึกษา

องเห็นและภาพลวงตา



รูปที่ 2: พบั แบ่งคร่ึงกระดาษ
รปู ท่ี 3: วาดภาพท่ีขอบล่างของ

กระดาษท้งั สองส่วนให้มี

รายละเอยี ดแตกตา่ งกนั เลก็ น้อย


ทเ่ี ร็วกวา่ ความสามารถที่ตา รวดเรว็ เสมอื นเปน็ ภาพเคลอื่ นไหวซ่งึ เป็นหลกั การทใ่ี ชใ้ นการ
เห็นภาพนงิ่ ทีเ่ ปลี่ยนแปลงอยา่ ง ฉายภาพยนตร์หรอื ฉายภาพทางโทรทศั น


มแนวยาว แลว้ ตดั ออก
l วาดภาพลงบนกระดาษแผ่นบนเช่นเดียวกับภาพเดมิ
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
สว่ นขนาดเท่าโปสตก์ าร์ด
แต่ใหแ้ ตกต่างกันเล็กนอ้ ย เช่น หนา้ คนรอ้ งไห้ เปน็ ตน้  

าษทพี่ ับแล้วให้ดา้ นท
่ี ภาพบนกระดาษทั้งสองแผ่นควรอยใู่ นตำแหน่งเดียวกนั  

ของกระดาษแผน่ ลา่ ง เช่น
ซ่ึงทำได้โดยถอื กระดาษไปที่หนา้ ตา่ ง  จากน้ันชแู ผน่

ท่ี 3)
กระดาษขนึ้ ในระดับสายตา แล้วลากเส้นไปตามภาพ

ด้านลา่ ง  ในตัวอยา่ ง คือ หนา้ ตาของคนร้องไห้ 

ซ่ึงต่างกบั ภาพบนทหี่ นา้ ยิม้


าษแผ่นบน จนกระดาษโคง้ งอ
l เราสามารถวางแผ่นกระดาษในแนวขวางได ้ โดยใหร้ อยพบั

ว เพือ่ เปดิ ปิดกระดาษแผ่นบน
หนั ไปทางซา้ ยหรอื ขวา  วาดภาพไว้ใกล้ขอบกระดาษ และ

ยการเปลีย่ นแปลงท่เี กิดขึน้  
ม้วนกระดาษด้วยดินสอจนกระดาษโค้งงอ เมอื่ ขยบั ดินสอ

วแบบอืน่ หรือไม่
ไปมา กระดาษแผน่ บนจะถกู เปิดและปดิ

เร่อื ง ปรากฏการณ ์ การมอ
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ท่ี 2

รปู ท่ี 4: ใช้ดนิ สอมว้ นกระดาษแผน่ บนจนโค้งงอ
ภาพเคลือ่ นไหว
รูปที่ 5: ขยบั ดนิ สอข้ึนลงเรว็ ๆ พร้อมกับมองภาพ

รปู ที่ 6: เกลียวบนแกนกระดาษ
เกิดอะไรข้ึน


เม่อื เราขยบั ดินสอขึ้นลงบนกระด
จะเหน็ เสมอื นวา่ ภาพกำลังเคล่ือ

คำแนะนำ


ภาพบนแผ่นกระดาษหลาย ๆ ภา
นิว้ มอื ” เมื่อเราเปิดแผ่นกระดาษ
วาดเสน้ สตี า่ งๆ หรอื ตดิ เทปกาว
กระดาษ สขี องเสน้ หรอื เทปกาวค
เจาะรทู ีป่ ลายด้านบน 2 รู ร้อยเ

ทำไมเป็นเชน่ นัน้


เซลล์ประสาทรบั ภาพในดวงตาข
ประมาณ 115 วนิ าที เพื่อแยกแย
จากภาพทเ่ี หน็ ก่อนหนา้ น้ัน  ถ้า
มามากกว่า 15 ภาพ เราจะมอง
เคลอื่ นไหว อาจจะเรยี กว่าความ
เปน็  “15 เฮิรตซ์” (ตามชอ่ื ของน
แฮทซ์)  เมื่อมกี ารเปล่ยี นแปลงภ
เราจะเหน็ ภาพเหล่านน้ั เคล่อื นไห
จอโทรทศั นเ์ ปลีย่ นภาพด้วยควา
สงิ่ มีชีวติ ชนดิ อนื่ ไมม่ ีเซลล์ประส
ทเี่ ชอ่ื งช้าเหมอื นมนษุ ย ์ สำหรับ
โทรทัศนอ์ าจเปน็ เหมอื นภาพที่เค
เพราะมันสามารถแยกแยะภาพ
ของภาพ 150-200 ภาพต่อวินา

องเห็นและภาพลวงตา



ดาษแผ่นบนที่โค้งงอ 
ซงึ่ เป็นภาพ “หนา้ คนยม้ิ ” จะสังเกตเหน็ ภาพเปลีย่ นจาก
อนไหว ดงั ภาพตวั อย่าง
หวั เราะเป็นร้องไห ้ แลว้ กลับมาหัวเราะสลบั กนั ไปเรอื่ ย ๆ 


าพจะเกิดเป็น “ภาพยนตร์
ติดกนั  (รูปท่ี 6) แขวนแกนกระดาษไว้ แต่อย่าให้สูง

ษเหลา่ น้ีอย่างรวดเร็ว
เกินไป เพราะเดก็ ๆต้องหมนุ แกนกระดาษให้ดา้ ยพนั กนั

วสเี ป็นลายเกลียวรอบแกน
จากนน้ั ปลอ่ ยให้ด้ายคลายตวั  แล้วสังเกตลายเส้นบนแกน

ควรตัดกบั สขี องแกนกระดาษ
กระดาษ  เดก็ ๆสงั เกตเหน็ อะไรบ้าง เมอ่ื หมุนแกนกระดาษ

เชอื กผา่ นรแู ละผกู ปลายเชอื ก
ไปทางซา้ ยหรอื ขวา


ของเราตอ้ งใชเ้ วลารบั ภาพ ข้อมูลทเี่ รารบั รู้ไดด้ ้วยตาจะถกู สง่ ต่อไปยังสมองและสร้าง

ยะภาพท่กี ำลงั เห็นออก
เปน็ ภาพขน้ึ   กระบวนการทีย่ งุ่ ยากและซับซอ้ นนีเ้ กิดขึ้นโดย

าใน 1 วนิ าท ี มีภาพผ่านเข้า
อัตโนมัติ  สำหรับการประมวลผลขอ้ มลู จากประสาทสมั ผสั

งภาพเหลา่ นน้ั เปน็ ภาพ สมองจะดงึ ประสบการณแ์ ละสงิ่ กระตนุ้ ทเี่ กบ็ รวบรวมไวอ้ อกมา
มถี่ของภาพ 15 ภาพตอ่ วนิ าที
รูปรา่ ง ขนาด และระยะหา่ งของส่ิงท่ีสมองรบั เข้ามา จะถกู

นกั ฟิสิกสช์ าวเยอรมัน ไฮน์รชิ
คำนวณด้วยประสบการณแ์ ละขอ้ มลู ท่เี คยบนั ทึกไว ้ ซึ่งอาจ

ภาพเรว็ กว่า 20 ภาพต่อวินาที
นำไปส่กู ารแปลผลท่ผี ิดพลาดได้ เชน่  เกลยี วหมนุ   เราอาจจะ

หวอย่างต่อเนอ่ื ง เช่น
เหน็ วา่ เกลยี วหมนุ  หมนุ ไปขา้ งหนา้ หรอื หลงั กไ็ ด ้ ซง่ึ เราจะตอ้ ง

ามเรว็  25 ภาพต่อวนิ าที
เรยี นรู้และพัฒนาประสาทสัมผสั อยู่เสมอ

สาทด้านการมองเหน็

บนกบางชนิด ภาพบนจอ

คลอื่ นไหวอยา่ งชา้  ๆ 

พได้ด้วยอตั ราการเคลอ่ื นไหว

าที

เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ การมอ
แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ที่ 1

สง่ิ ทีพ่ บเห็นในชีวิตประจำวัน
ลูกขา่ งหลากสี

ตาของเราไม่สามารถสงั เกตเหน็ ซ่ลี ้อรถหรือลายบนลูกข่าง

ท่ีกำลงั หมนุ ได ้ เนอื่ งจากการเปลยี่ นภาพและสีเกิดขึ้นอย่าง

รวดเร็ว เราจึงเห็นสีบนลูกข่างเปน็ สผี สม เพราะตาของเรา

ไม่สามารถแยกแยะสไี ด ้ เมือ่ หมนุ ลูกข่างสีเขยี วแดงเร็วๆ

ตาของเราจะมองเหน็ เป็นสีเหลือง เปน็ ต้น


ภาพรวมการทดลอง
รูปท่ี 1: วัสดอุ ุปกรณ์


เดก็  ๆ   จ  ะไดเ้ รยี นรเู้ รอ่ื งความเฉอื่ ย (การตอบสนองในการรบั ภาพ)
สรุปแนวคดิ

ของดวงตาจากลกู ขา่ งแผน่ ซดี แี ละแกนกระดาษทชิ ชู โดยวาด
ลวดลายและสตี า่ ง ๆ   ล  งบนลกู ขา่ งแผน่ ซดี แี ละแกนกระดาษทชิ ช
ู ตาของเรามองเห็นสีตา่ ง ๆ   เ นอ่ื งจ
จากนน้ั สงั เกตลกู ขา่ งแผน่ ซดี  ี และแกนกระดาษทชิ ชทู กี่ ำลงั หมนุ ทีไ่ วตอ่ แสงสี 3 สหี ลัก ได้แก่ แ
ดว้ ยความเร็วตา่ ง ๆ   และตำแหนง่ ทเี่ ราสงั เกต
ถูกกระตนุ้  ถา้ มีสหี ลากหลายสีเ

วัสดุอุปกรณ์
เร่ิมตน้ จาก


l กระดาษสีขาวและกระดาษส
ี l ให้เด็กๆทำลกู ขา่ ง โดยใชแ้ ผ
l แผน่ ซดี
ี ลงบนกระดาษและตัดออกมา
l ดนิ นำ้ มัน
l ให้เด็กๆชว่ ยกันระบายสีลงบ
l ลูกแกว้  (ขนาดใหญ่กว่ารแู ผน่ ซดี )ี
l ระบายสีตกแต่งลูกข่างกระดา
l กรรไกร
สเี ขยี วและสแี ดง ถา้ ระบายส
l ดนิ สอและปากกาเคม ี (สีแดง สเี ขียว สีนำ้ เงนิ )
อกี สหี น่งึ  เม่อื ลูกข่างหมุนจะเ
l กาวแทง่ หรือกาวรอ้ น
l ใช้กาวติดแผ่นซีดกี บั แผน่ กระ
l พ้นื เรยี บ (เช่น พืน้ โตะ๊ )

วสั ดุอุปกรณ์เพิ่มเตมิ
ทดลองตอ่ ไป

l แกนกระดาษทชิ ชู

l ยางรัดของ  2  เส้น
l ใหเ้ ดก็ ๆหมุนลูกข่างแผน่ ซดี ีบ
(รปู ท่ี 1)
บางคนน้ัน กิจกรรมน้ีจะเป็น
เพื่อให้ลูกขา่ งแผน่ ซดี หี มนุ อย
ลงบนพื้น และหมุนลกู ข่างแผ

องเหน็ และภาพลวงตา

รปู ท่ี 2: ตวั อยา่ งการตกแตง่ แผ่นกระดาษ
รปู ที่ 3: วางกระดาษบนแผน่ ซีดแี ละยดึ ลูกแก้ว

ด้วยดินน้ำมัน




จากเซลสร์ ับสีในตาของเรา
อยา่ งรวดเร็ว ตาเราไมส่ ามารถแยกสตี า่ ง ๆ   ไ  ดท้ ัน จึงเหน็ สีตา่ ง ๆ    
แดง น้ำเงิน และเขยี ว 
ผสมเปน็ สเี ดยี วกนั

เคล่ือนไหวและเปลี่ยนแปลง


ผ่นซดี เี ปน็ แบบวาดวงกลม
l เจาะรบู นกระดาษให้ตรงกับตำแหน่งของรูบนแผน่ ซีดี
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by

l วางลกู แก้วบนรแู ผน่ ซีดี ยดึ ใหแ้ นน่ ด้วยดนิ นำ้ มนั หรือ

บนแผ่นกระดาษวงกลม
กาวรอ้ น (รปู ที่ 3)

าษดว้ ยสเี พียงสองสี เชน่
l ถ้าลมื ติดแผน่ กระดาษกับแผน่ ซีดี ใหเ้ จาะรตู รงกลาง

สลี ูกขา่ งด้วยสีหนึง่ มากกวา่
แผน่ กระดาษให้มขี นาดใหญก่ วา่ รขู องแผ่นซดี  ี ติดลกู แก้ว

เกิดการผสมสที ี่สวยงาม
กบั รูแผ่นซดี ีดว้ ยดนิ นำ้ มนั หรือกาวรอ้ น  จากนั้นจึงติด

ะดาษวงกลมทร่ี ะบายสแี ล้ว
แผน่ กระดาษกับแผน่ ซดี


บนพนื้  (รปู ท่ี 4)  สำหรบั เด็ก
l เม่อื ลกู ข่างหมุน ลายและสบี นลกู ขา่ งมีการเปลย่ี นแปลง

นสิ่งท่ีท้าทายความสามารถ 
อย่างไร เดก็ แต่ละคนเหน็ ความแตกตา่ งเหมอื นกันหรือไม ่

ยู่กบั ที่ ใหว้ างแผ่นซดี เี ปล่า
ลองให้เด็กๆหมุนลกู ข่างแผ่นซีดดี ้วยความเรว็ แตกต่างกัน

ผ่นซีดีในรขู องแผ่นซีดเี ปลา่
l เมือ่ ลูกขา่ งหมนุ ดว้ ยความเร็วต่างกนั  ลายและสีของลูกข่าง

เปลีย่ นแปลงอย่างไร

เรื่อง ปรากฏการณ์ การมอ
แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ที่ 1

รูปที่ 4: ลูกข่างหลากสีสนั หมุนติว้
ลูกขา่ งหลากสี
รูปท่ี 5: ระบายสลี งบนแผ่นกระดาษสเ่ี หลยี่ ม

รปู ที่ 6: ม้วนแผน่ กระดาษรอบแกนกระดาษทชิ ชู
เกดิ อะไรข้ึน

แลว้ รัดดว้ ยยางรดั ของ

เมื่อลกู ขา่ งแผน่ ซดี ีหมุนเร็ว ๆ   ตา
แยกแยะลวดลายหรือสีสนั ของล
แถบสบี นลกู ข่างทมี่ ลี ายสขี าวดำ

คำแนะนำ


ให้เดก็  ๆ   พ  ับกระดาษ A 4 เป็น 4
และแนวขวาง ใชก้ รรไกรตดั ตาม
จะมีความกว้างเท่ากับแกนกระด

ทำไมเปน็ เชน่ นั้น


ตาของเรามเี ซลลร์ บั สที ไ่ี วตอ่ แสง
สีทุกสที เี่ รามองเห็นเกดิ จากการก
เช่น เมอื่ เซลล์รับแสงสแี ดงและส
เปน็ ตน้  เราจะมองเหน็ เป็นสเี หล
เมอ่ื เกดิ การเปลีย่ นแปลงสีอย่าง
จะไมส่ ามารถแยกแยะสีท่เี ปลีย่ น
ผสมกนั เป็นสเี ดยี วตามหลักการ
แสงสี (ถ้ามีสีถกู ผสมมาก สที ีไ่ ด
การมองเห็นสีของมนษุ ย ์ รวมถึง
และคอมพิวเตอร์ดว้ ย  ถา้ ประส
น้ำเงิน และเขยี วถกู กระตุ้นพรอ้ ม

องเห็นและภาพลวงตา

าของเราจะไมส่ ามารถ
การมองเห็นสีของเดก็ แต่ละคนจะแตกตา่ งกันออกไป

ลูกขา่ งได้  แตจ่ ะเห็น
ไมม่ ใี ครผดิ หรอื ถูก

ำหรอื สีทผ่ี สมกันได


4 ส่วน  โดยพบั ตามแนวยาว
ให้เด็กๆระบายสหี รอื ลวดลายขาวดำลงบนกระดาษ (รปู ที่ 5)

มรอยพบั  แผน่ กระดาษท่ีได้
จากนน้ั พันแผน่ กระดาษรอบแกนกระดาษทิชช ู และรัดด้วย
ดาษทิชช
ู ยางรดั ของ กล้งิ แกนกระดาษไปบนพนื้  (รูปที่ 6)  เด็กๆ

มองเหน็ ลวดลายและสเี ป็นอยา่ งไร  เด็กๆสามารถเปล่ียน
แผ่นกระดาษทพี่ นั รอบแกนกระดาษทชิ ชูเปน็ ลายใหมไ่ ด


งสแี ดง นำ้ เงิน และเขียว
หมายเหต:ุ  ในการทดลองนี้ สีทใ่ี ช้อาจจะไมค่ รบสมบูรณ์

กระตนุ้ เซลลร์ บั สี 3 ชนิดน ี้
เราจึงเห็นเป็นสเี ทาขาวแทนสีขาว

สีเขียวถูกกระตุ้นพร้อมกนั
เมอ่ื หมุนลกู ข่างสีขาวดำ เด็กแตล่ ะคนจะมองเหน็ สีผสม

ลือง
ของลกู ขา่ งแตกตา่ งกัน เน่ืองจากการกระตนุ้ หรือตอบสนอง

งรวดเรว็  เซลลร์ บั สใี นตาของเรา
ของเซลลร์ ับรู้สีของแตล่ ะคนตา่ งกนั   ลูกขา่ งสขี าวดำ

นแปลงไดท้ นั  จึงเหน็ สตี า่ งๆ
ทหี่ มุนอย่างรวดเร็ว จะทำใหเ้ รามองไม่เห็นสีขาวเป็นสดี ำ

รผสมแสงส ี หลักการผสม
(สขี าวคือสที ุกสีผสมกัน ส่วนดำคือไม่มสี ี)  ดงั น้ันเม่ือเราเหน็

ดจ้ ะย่ิงสวา่ งมาก) ใชอ้ ธิบาย สขี าว (สีทกุ ส)ี  และตามดว้ ยสีดำ (ไมม่ ีสี) จะทำให้เซลลร์ ับสี

งการสรา้ งสีในจอโทรทัศน์
บางชนิดรบั ร้สู ไี ดช้ า้   เซลล์รบั สีทรี่ ับรู้ชา้ จะไม่ส่งข้อมูลไปยัง

สาทสมั ผสั รับแสงสแี ดง
สมอง เชน่  มีเพียงประสาทรบั รูส้ ีน้ำเงินเท่าน้ันที่ถูกสง่ ข้อมลู

มกัน เราจะเหน็ เป็นสีขาว
ไปสมอง เราจงึ มองเห็นเปน็ สนี ้ำเงนิ   ขณะท่เี ดก็ คนอนื่ อาจมี

เซลล์รับสชี นิดอื่นทที่ ำงานช้า จึงมองเหน็ สีแตกตา่ งกนั

เรือ่ ง ปรากฏการณ ์ การดูด
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ที่ 1

สิ่งทีพ่ บเหน็ ในชีวิตประจำวัน
แสงและภาพ

เมือ่ ไมม่ แี สง เราจะมองไมเ่ หน็ ส่งิ ต่างๆ ในทท่ี ่ีมีแสงน้อย

เชน่  ตอนพลบค่ำหรอื ในหอ้ งมดื   เราจะมองไมเ่ ห็นสสี ัน

แต่จะมองเห็นสงิ่ ตา่ งๆเปน็ สีน้ำตาลเทา และถา้ มแี สงสอ่ งมา

สีสันกจ็ ะเด่นชัดขน้ึ  การมองเหน็ สีจงึ ขึ้นอย่กู ับความสวา่ ง


ภาพรวมการทดลอง
รปู ท่ี 1: วสั ดอุ ุปกรณ์


ให้เดก็ ๆวาดภาพหลากสีลงบนแผ่นพลาสตกิ ใส เมอ่ื นำกระดาษ
สรุปแนวคดิ

แขง็ สดี ำมาวางใต้ภาพ รายละเอียดของภาพจะเหลือใหเ้ ห็น

น้อยมาก  โดยสีจะซดี จางและผิดเพ้ียนไปจากเดมิ แตถ่ ้าเรา
เซลสป์ ระสาทรบั แสงในตาจะทำ
ใชไ้ ฟฉายท่ีทำจากกระดาษสีขาวส่องไปยังภาพน้นั  ภาพจะ

กลับมามสี แี ละรายละเอยี ดเดน่ ชัดอกี คร้งั
เรม่ิ ต้นจาก


วัสดุอุปกรณ์
l ตัดพลาสตกิ ขนาดเทา่ แผน่ โป
และตดั กระดาษแขง็ สดี ำขนา
l แผน่ พลาสตกิ ใส
l ใหเ้ ดก็ ๆตดั กระดาษแขง็ สีดำ
l กระดาษแขง็ สดี ำ
และตัดกระดาษสีขาวเป็นรูป
l ปากกาเคมี
ของแสงไฟ (รปู ท่ี 2)

l กระดาษแขง็ สีดำสำหรับทำไฟฉายกระดาษ
l วางแผน่ พลาสติกใสทเี่ ตรยี มไ
l กระดาษสีขาว
ใชป้ ากกาเคมี (ไร้กลิ่น) วาดภ
l กรรไกร
(รปู ท่ี 3)

l เทปกาว

l แผ่นรองสำหรบั รองภาพบนโต๊ะ
ทดลองตอ่ ไป

l ผ้ากนั เป้ือน

วสั ดุอปุ กรณ์เพมิ่ เตมิ
l ใหเ้ ดก็ ๆวางแผน่ พลาสตกิ ใสท
l กระดาษสี
สีดำทตี่ ดั ไว ้ แล้วติดดว้ ยเทปก
l แผน่ พลาสตกิ ใส
l ภาพวาดมกี ารเปลีย่ นแปลงอ
l รูปภาพท่ีมรี ายละเอยี ดมาก เช่น ภาพจากหนงั สือนทิ าน
แข็งสดี ำ  เด็กๆเหน็ รายละเอ
(รปู ท่ี 1)

ดกลนื แสง

รปู ท่ี 2: ประดิษฐ์ไฟฉายกระดาษแขง็
รูปท่ี 3: วาดภาพบนแผน่ พลาสตกิ ใส


ำงานตอบสนองชว่ ยใหเ้ ราเหน็ ภาพชดั เจน เมอ่ื มีแสงปรมิ าณมากพอสะทอ้ นจากวตั ถเุ ขา้ สูต่ าเรา


ปสต์การด์ หรอื กระดาษ A4 
l วาดภาพทเี่ หมอื นกับภาพแรกลงบนแผ่นใสอกี แผ่น
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
าดเท่ากันไว ้ 1 แผน่
l อาจวาดภาพใบหน้าเดก็ หรอื ดอกไม้หลากสีสนั

ำเป็นรูปกระบอกไฟฉาย
l บรรยายภาพวาดของตวั เองว่าเปน็ ภาพอะไรและใช้สอี ะไร

ปวงกลม เพอ่ื ทำเปน็ สว่ น
l เราจะมองทะลแุ ผ่นพลาสติกและกระดาษขาวได้หรอื ไม ่

จะมองเหน็ แผ่นรองวาดภาพบนโตะ๊ ผ่านแผน่ พลาสตกิ

ไวบ้ นกระดาษสขี าว 
และกระดาษขาวไดห้ รอื ไม

ภาพลงบนแผน่ พลาสติกใส


ทมี่ ภี าพวาดลงบนกระดาษแขง็
l สอดไฟฉายกระดาษเข้าไประหวา่ งแผน่ พลาสตกิ ใสท่มี ี

กาวที่ขอบด้านบน
ภาพวาดกับกระดาษแข็งสดี ำ ขยบั ไฟฉายไปมา (รปู ที่ 4) 

เด็กๆสังเกตเห็นอะไร ภาพกลับมาชัดเหมือนเดิมหรือไม่ 

อยา่ งไร เม่อื วางอยบู่ นกระดาษ
ทำไมจงึ เป็นเชน่ นน้ั

อียดและสีของภาพหรือไม่

l ให้ตรวจสอบว่า ไฟฉายกระดาษปลอ่ ยแสงออกมาไดห้ รือไม่

เราจะใชไ้ ฟฉายกระดาษในหอ้ งมดื  เพอ่ื ใหม้ องเหน็ รายละเอยี ด

และสขี องภาพบนแผน่ พลาสตกิ ใสไดห้ รอื ไม่

เรือ่ ง ปรากฏการณ์ การดูด
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ที่ 1

รูปที่ 4: เมื่อฉายไฟฉายจะเหน็ ภาพบนแผ่นพลาสตกิ ใส
แสงและภาพ
รูปที่ 5: รปู ภาพและไฟฉายกระดาษหลากสี

เกดิ อะไรข้ึน


เมื่อวาดภาพลงบนแผ่นพลาสตกิ
ทัง้ ด้านหน้าและดา้ นหลงั  และเม
มองเหน็ พนื้ ผา่ นแผ่นพลาสติกได
กระดาษสขี าว เราจะไมส่ ามารถ

คำแนะนำ


เด็ก ๆ สามารถตรวจสอบว่ากระด
แสงไฟหรอื ไม่  และไฟฉายกระด
และสขี องภาพเหมือนเดิมหรือไม

ทำไมเป็นเชน่ นั้น


การท่จี ะมองเหน็ สีไดต้ อ้ งมีแสงม
ของเรา แสงจะเดนิ ทางผา่ นรมู า่ น
เซลลป์ ระสาทรับแสงท่ีมคี วามไว
แม้มปี ริมาณแสงนอ้ ย จึงมองเห
นอกจากนเ้ี ราสามารถแยกแยะส
เหลา่ นี้จะทำงานเม่อื มีแสงมาก

การศกึ ษาทางวิทยาศาสตร์เร่อื ง
ชว่ ยให้เดก็ ๆสามารถตรวจสอบไ
สำหรบั ใช้ทำแสงไฟของไฟฉายก
เมอ่ื พืน้ ผิวของวตั ถสุ ะท้อนแสงก
แต่ถา้ วัตถุดูดกลืนแสงมาก เราจ
แสงทีต่ กกระทบบนวตั ถไุ ม่สะทอ้
ยอมให้แสงผา่ นทะลุได้แสดงว่า

ดกลืนแสง

กใส เราจะมองเห็นภาพได
้ เม่อื วางแผ่นพลาสตกิ ใสบนกระดาษแขง็ สดี ำ เราจะมองเห็น

มอ่ื วางภาพบนพน้ื  เราจึง
ภาพไดไ้ มช่ ัดเจน รายละเอียดของภาพมองเหน็ ได้ยาก และ

ด ้ แต่ถ้าวาดภาพลงบน การแยกแยะสกี ็ทำไดย้ ากเชน่ กนั

ถมองทะลผุ า่ นได้
แสงไฟจากไฟฉายกระดาษท่ีอยู่ใต้แผน่ พลาสตกิ ทำให้สีและ

รายละเอียดของภาพกลบั มาชัดเจนอีกครัง้  เหมอื นถกู ไฟส่อง

แตไ่ ฟฉายกระดาษไมไ่ ดส้ ่องสว่างไดจ้ รงิ


ดาษสอี ืน่ เหมาะท่จี ะทำเปน็
อาจจะถา่ ยเอกสารหรือพิมพ์ภาพวาด ภาพสี หรือภาพ

ดาษทำใหเ้ ราเห็นรายละเอียด
ขาวดำ เชน่  ภาพถา่ ยหรอื ภาพจากภาพยนตร์ลงบนแผ่น

ม่
พลาสตกิ ใสกไ็ ด ้ เด็กๆสามารถใช้ไฟฉายกระดาษส่องดภู าพ

หรอื ศกึ ษารายละเอยี ดเลก็ ๆในภาพได้ (รูปท่ี 5)


มากพอท่ีจะสะท้อนเข้าส่ตู า มแี สงปริมาณน้อยมากที่สะทอ้ นกลับจากกระดาษแขง็ สดี ำ

นตาไปยงั จอตา และกระตนุ้ ซึง่ วางอยูห่ ลงั แผ่นพลาสตกิ ใส ทำใหเ้ ซลลป์ ระสาทรับส

วตอ่ แสงมาก ซึง่ ทำงานได้
ทำงานได้ไมด่  ี สีของภาพจงึ มืดทึบ  ในทางตรงกันขา้ ม 

ห็นภาพเป็นโทนสนี ้ำตาลเทา
ไฟฉายกระดาษสีขาวสะท้อนแสงทลี่ อดผา่ นแผน่ พลาสตกิ

สไี ด้ด้วยเซลลร์ บั สี แตเ่ ซลล
์ กลบั มาได้ดี แสงจงึ เดนิ ทางเข้าสู่ตาของเราไปยังเซลล์
ประสาทการมองเห็น น่นั คือ เซลล์ประสาทรับแสงและ

ง ผลของพ้ืนผวิ วัสดตุ ่อแสง
เซลล์ประสาทรบั สี ทำใหเ้ ราเหน็ ภาพและสไี ดอ้ ยา่ งชดั เจน

ไดว้ ่า กระดาษสีใดเหมาะ ถา้ กระดาษทใ่ี ชท้ ำแสงไฟของไฟฉายกระดาษมสี สี วา่ งมาก

กระดาษ
แสงจะสะทอ้ นกลบั ได้มาก  ดงั นั้นกระดาษสขี าวจึงเหมาะ

กลบั ไดด้ ี วตั ถุนัน้ จะมีสสี วา่ ง
ทจ่ี ะใช้เปน็ สสี ะท้อนแสงมากที่สดุ

จะมองเห็นเป็นสีดำ เพราะ

อนมายังตาเรา แต่ถา้ วัตถ

า วัตถุนัน้ เป็นวัตถโุ ปรง่ แสง

แนวข้อสอบ PISA (เรามองเหน็ ไดอ้ ย่างไร)
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 2

1. น้องแกว้ ใสเป็นเด็กช่างสังเกต เขาพบว่าเมอื่ นากล่องของเลน่ วางไว้ริมหน้าต่าง ซ่ึงมีแสงจากดวงอาทติ ย์
สอ่ งผา่ นเข้ามาทางหนา้ ตา่ ง จะเกดิ เงาจากกลอ่ งของเลน่ ในลกั ษณะท่ีแตกต่างกัน ดงั รปู

รปู ก. หนา้ ต่าง กลอ่ งของเลน่

ลาแสงส่องผา่ นหน้าตา่ ง หน้าต่าง เงา
รปู ข. กลอ่ งของเลน่

เงา

ลาแสงส่องผา่ นหน้าตา่ ง
จากสถานการณ์ขา้ งต้น ตอบคาถามต่อไปนี้
1.1 เงาเกิดข้ึนได้อยา่ งไร

............................................................................................................................. ..........................................
......................................................................................... ..............................................................................
............................................................................................................................. ..........................................
1.2 เงาในรูป ก. และรปู ข. มลี กั ษณะแตกตา่ งกันอย่างไร
............................................................................................................................. ..........................................
.......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................
1.3 ปัจจัยทีท่ าใหเ้ กิดเงาตา่ งกันในรูป ก. และรูป ข. คอื อะไรบ้าง
............................................................................................................................. ..........................................
............................................................................................................................. ..........................................
....................................................................................... ................................................................................
1.4 สามารถนาหลักการเกิดเงาจากสถานการณท์ ่ีกาหนดให้ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั อยา่ งไรบา้ ง
............................................................................................. ..........................................................................
............................................................................................................................. ..........................................
............................................................................................................................................ ...........................

แสงและเงา
เด็กหญิงมนี ายนื ใกล้ตน้ ไม้ในเวลาต่างกัน ดงั ภาพที่ 1 – 3

รูปที่ 1เวลา 9.00 น รูปที่ 2 เวลา 12.00 น. รูปท่ี 3 เวลา 15.00 น.

1. พจิ ารณาข้อความในตารางวา่ เป็นปปัจจัยที่มผี ลตอ่ การมองเห็นขนาดของเงาหรือไม่ จงเขียนเขยี น
เครือ่ งหมายถูกลงในช่องคาว่า ใช่ หรอื ไม่ใช่ (2 คะแนน)

ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการมองเห็นขนาดของเงา ใช่ ไมใ่ ช่
ตาแหน่งวัตถุ
ขนาดวตั ถุ
สีวัตถุ
ตาแหนง่ ดวงอาทิตย์

2. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ าเหตุของการเกิดเงา (1คะแนน)
ก. วัตถทุ บึ แสงขวางทางเดนิ แสง
ข. แสงดดู กลืนสขี องวัตถแุ ละสะท้อนสูต่ า
ค. แสงตกกระทบวตั ถุทึบแสง
ง. แสงเดนิ ทางเปน็ เสน้ ตรง ผ่านวตั ถทุ บึ แสง

3. ถ้าเด็กหญิงมนี านาหนังสอื มาอา่ น ภาพใดส่งผลเสยี ตอ่ งดวงตานอ้ ยที่สุด จงอิบายดว้ ยว่าเพราะเหตุใด
คาตอบ…………………………………………………….(1 คะแนน)
คาอธบิ าย……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เกณฑ์การให้คะแนน

ข้อความ คะแนน
ได้รบั เงามาจากต้นไม/้ เงาจากต้นไม้บงั /ไม่โดนแสงโดยตรง 1
แสงม่มากเกนิ ไป 0.5
คาตอบอืน่ 0

บทนำ นักเรียนจึงเกิดควำมสงสัยว่ำ เพรำะเหตุใดจึงเป็น
เชน่ น้ัน
ในขณะที่นักเรียนกำลังเปิดตู้เย็น ของชำร่วย
ที่ติดอยู่บริเวณฝำตเู้ ย็นก็ตกลงบนพน้ื แตก นกั เรียนจึง - แม่เหล็กสำมำรถดูดติดสิ่งของได้
หยิบชิ้นส่วนที่แตกออกมำไปติดไว้บริเวณเดิม แต่ไม่ - แมเ่ หลก็ ไมไ่ ด้ดดู กนั เท่ำน้นั แต่ยงั ผลกั กนั ได้
สำมำรถประกอบเข้ำไปได้ทุกส่วน เพรำะมีบำงส่วน
ท่ีติดเข้ำที่ได้แต่บำงส่วนไม่สำมำรถติดได้ (โดยส่วน - แมเ่ หลก็ ดูดกันได้ โดยไมต่ ้องสัมผัสกัน
ที่สำมำรถติดเข้ำไปได้คือส่วนท่ียังเหลือแม่เหล็กอยู่ - แมเ่ หล็กสำมำรถดูดกันได้แม้มีสงิ่ ขวำงกนั้
แต่ส่วนท่ีไม่สำมำรถติดได้คือส่วนที่ไม่มีแม่เหล็กตดิ อยู่)

หัวข้อ แมเ่ หล็ก
ระดบั ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ 3
เวลำ 10 ช่ัวโมง

แนวคดิ หลัก

แมเ่ หล็กเป็นวัสดทุ ีม่ คี ุณสมบตั ใิ นกำรดูดสำรแม่เหล็กที่อย่ใู นโลหะได้ โดยแม่เหลก็ จะมแี รงดูดแมเ่ หล็ก
ที่เป็นขั้วต่ำงกัน และมีแรงผลักแม่เหล็กท่ีเป็นข้ัวเดียวกัน ซึ่งแรงดังกล่ำวจะข้ึนอยู่กับระยะห่ำงจำกแม่เหล็ก
โดยระยะห่ำงมำกข้ึนแรงดูดจะน้อยลง

มำตรฐำนและตวั ชวี้ ัด

สำระท่ี 2 วิทยำศำสตร์กำยภำพ
มำตรฐำน ว 2.2 เข้ำใจธรรมชำติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวัตถุ ลักษณะกำรเคล่ือนท่แี บบต่ำงๆ
ของวตั ถุ รวมทั้งนำควำมรูไ้ ปใช้ประโยชน์
ตัวชวี้ ดั ว 2.2 ป.3/3 จำแนกวตั ถุโดยใช้กำรดึงดดู กับแม่เหล็กเปน็ เกณฑ์จำกหลกั ฐำนเชิงประจกั ษ์

ว 2.2 ป.3/4 ระบขุ ้ัวแม่เหล็กและพยำกรณ์ผลที่เกิดข้ึนระหว่ำงขั้วแม่เหล็กเม่ือนำมำเข้ำใกล้กันจำกหลักฐำน
เชิงประจกั ษ์

1
ⓒ Inspiring Science Project 2012

ควำมเขำ้ ใจท่ียง่ั ยืน
นกั เรยี นเข้ำใจว่ำ แม่เหลก็ เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติในกำรดูดสำรแม่เหล็กท่ีอยูใ่ นโลหะได้ โดยแม่เหล็กจะมีแรง

ดูดแม่เหล็กที่เป็นขั้วต่ำงกัน และมีแรงผลักแม่เหล็กท่ีเป็นข้ัวเดียวกัน ซ่ึงแรงดังกล่ำวจะแปรผกผันกับระยะห่ำง
จำกแม่เหลก็ คอื เม่ือระยะหำ่ งมำกขึ้นแรงแมเ่ หลก็ จะนอ้ ยลงดว้ ย

คำถำมสำคัญ
แม่เหล็กมสี มบัตอิ ย่ำงไร

ควำมรูแ้ ละทกั ษะสำคัญท่ีนักเรียนได้รบั
คำสำคญั : แมเ่ หลก็ แรงดูด แรงผลกั สำรแม่เหลก็

ควำมรู้
อธิบำย แรงดูดแรงผลักของแม่เหลก็

ทกั ษะ
จำแนกวสั ดรุ อบตวั โดยใชส้ มบตั ิกำรดดู ติดกับแม่เหลก็ เปน็ เกณฑ์
วำดภำพแบบจำลองกำรดูดและผลกั กนั ของแมเ่ หลก็
นำเสนอผลกำรทดลองเก่ียวกบั ระยะห่ำงระหวำ่ งวตั ถกุ บั แม่เหลก็
นำเสนอผลกำรทดลองเก่ยี วกับแรงดูดของแม่เหล็กเมอื่ มีวตั ถุมำขวำงกัน้
กำรใช้เคร่อื งมอื ทำงวทิ ยำศำสตรอ์ ย่ำงระมัดระวงั และปลอดภัย

เจตคติ
กำรให้ควำมรว่ มมอื ในกำรทำงำนกลุ่ม
แรงบันดำลใจในกำรเรยี นวทิ ยำศำสตร์

หลกั ฐำนกำรเรยี นรู้

ภำระงำน

นกั เรยี นออกแบบ และประดิษฐ์ตกุ๊ ตำติดตเู้ ย็นที่สำมำรถนำไปแปะกระดำษโน๊ตบนต้เู ย็นไดจ้ ำนวนมำกทีส่ ุด
หลกั ฐำนกำรเรยี นรูอ้ ืน่ ๆ โดยคำนงึ ถึงควำมแตกตำ่ งของผูเ้ รยี น

1. กำรจำแนกประเภทของวัสดุรอบตวั โดยใช้สำรแม่เหล็กเปน็ เกณฑ์
2. ผลกำรทดลองเรื่องแรงแม่เหล็ก
3. ผลกำรทดลองเรือ่ งแรงแมเ่ หล็กกบั ระยะหำ่ งจำกวัตถุ
4. ผลกำรทดลองเร่ืองแรงแม่เหล็กกบั จำนวนของวัตถุขวำงกัน้
กำรประเมนิ ตนเอง
กำรประเมนิ ตนเองในกำรประดิษฐต์ ๊กุ ตำติดตู้เย็น

2

ⓒ Inspiring Science Project 2012

กจิ กรรมกำรเรียนรู้

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 1 : แม่เหล็กสำมำรถดดู สง่ิ ของได้

ขนั้ กจิ กรรม เวลำ
ข้นั ต้ังคำถำม 10 นำที
เกยี่ วกบั ครกู ระตุน้ กำรอยำกรูโ้ ดยตั้งคำถำมกับแม่เหลก็
ปรำกฏกำรณ์ - แม่เหลก็ ดูดส่งิ ของชนิดใดบ้ำง 10 นำที
ธรรมชำติ - แม่เหลก็ ดูดตดิ บริเวณใด
- วัสดใุ ดมีสมบัติแม่เหลก็
ขั้นรวบรวม - วัสดใุ ดไมม่ สี มบัติแมเ่ หลก็
ควำมคิดและ - แมเ่ หล็กดดู ชอ้ นได้ทุกคันจรงิ หรือ
ขอ้ สนั นิษฐำน
ให้ครูพดู คุยกบั เดก็ ๆ เก่ยี วกบั นิยำมของคำวำ่ “ดูด”
โดยถำมวำ่ คำนี้ใชก้ บั อะไรไดบ้ ้ำงและใหน้ ิยำมคำว่ำ “ดูดตดิ ”

1. ครูรวบรวมควำมคิดร่วมกับเด็กว่ำ แม่เหล็กดูดสิ่งของชนิดใดบ้ำง
และของชนิดใดท่ีดูดติดกับแม่เหล็ก เพื่อดูว่ำเด็กๆ มีควำมรู้เดิมหรือมี
ประสบกำรณใ์ ดๆ อยูแ่ ลว้ บ้ำง

2. ให้เด็กๆ หำส่ิงของ 2 ชนิดในห้องเรียน ได้แก่ ชนิดท่ีดูดกับแม่เหล็ก
และชนดิ ทไ่ี ม่ดดู กับแม่เหล็ก จำกน้ันจึงช่วยกันแยกส่ิงของออกเป็น 2 กอง
คือ กองท่ีดดู กับแมเ่ หล็ก และกองที่ไมด่ ดู กับแมเ่ หล็ก

3. ครูถำมเด็กว่ำใช้เกณฑ์อะไรในกำรจำแนก แล้วดูว่ำเด็กตอบคำถำม
ได้หรือไม่ เด็กคนอ่ืนๆ เห็นด้วยหรือไม่ หรือต้องแยกส่ิงของนั้นไปไว้อีก
กอง

4. ให้เด็กช่วยกันคิดว่ำจะใชว้ ธิ ีกำรใดตรวจสอบสมมตฐิ ำน
5. ครูกับเด็กๆ รวบรวมตวั อยำ่ งวัสดุ (เช่น ไม้ ผ้ำ พลำสติก แก้ว โลหะ
ชนิดต่ำงๆ กระดำษ กระเบ้ือง ฯลฯ) จำกนั้นช่วยกันจำแนกวัสดุเหล่ำน้ี
คุยกับเด็กว่ำวสั ดุท่ีเลอื กมำมีลักษณะอย่ำงไร และใช้ทำอะไร มีเดก็ คนไหน
รู้มำก่อนหรือไมว่ ำ่ ส่ิงของเหล่ำน้เี รียกวำ่ อะไร สอนใหเ้ ดก็ ๆ เรียกช่ือสง่ิ ของ
ให้ถกู ต้อง
6. เด็กๆ เคยเห็นส่ิงของชนิดเดียวกันแต่ทำด้วยวัสดุต่ำงกันหรือไม่
ให้ครูนำส่ิงของท่ีทำด้วยวัสดุต่ำงกันมำให้ดู เช่น ช้อนไม้ ช้อนอะลูมิเนียม
ช้อนเหล็ก ชอ้ นเงิน ชอ้ นพลำสตกิ
7. ให้เด็กๆ คดั แยกว่ำช้อนคนั ใดน่ำจะดูดและไม่ดูดกับแม่เหลก็ เดก็ ๆ
ใช้เกณฑ์ใดในกำรตัดสินใจ ให้ครูบันทึกกำรตัดสินใจของเด็กด้วยกำรวำด
หรอื ถำ่ ยภำพ

3
ⓒ Inspiring Science Project 2012

ข้นั กิจกรรม เวลำ
ขน้ั ทดสอบและ 10 นำที
ปฏบิ ตั กิ ำรสบื เสำะ 1. เตรยี มแมเ่ หล็กท่ีเหมำะสมกับกำรทดลอง 10 นำที
2. ใหเ้ ดก็ ๆ ใชแ้ มเ่ หลก็ ทดสอบว่ำของช้ินใดในกองแรกดูดตดิ กบั แมเ่ หลก็
ขน้ั สงั เกตและ แล้วใช้กำรตรวจสอบแบบเดียวกันกับส่ิงของอีกกองเพื่อทดสอบว่ำ 10 นำที
บรรยำย แม่เหล็กไม่ดูดสิ่งของทุกช้ินจริงหรือไม่แล้วจัดให้ทำกำรทดลองท้ังหมด 10 นำที
อกี ครัง้ โดยใช้แมเ่ หลก็ ท่มี ีพลังดงึ ดูดตำ่ งกนั
ขน้ั บนั ทึกข้อมลู 3. บำงคร้ังอำจจะมีส่งิ ของที่ไมส่ ำมำรถจดั อยู่ในกองใดไดเ้ ลยเพรำะ
บำงสว่ นของส่งิ ของชิ้นนั้นไม่ดดู กบั แม่เหลก็ ดงั นัน้ จงึ ควรแยกไว้อกี กอง
ขั้นอภิปรำยผล 1. บอกใหเ้ ดก็ ๆ เรยี บเรยี งและบรรยำยส่งิ ทีส่ ังเกตเห็น
2. แม่เหล็กดดู ติดกับส่งิ ของชิน้ ใดบำ้ ง ส่งิ ของทไี่ ดค้ ดั แยกกองเอำไวแ้ ล้วมี
ชิ้นใดท่ีต้องเปล่ียนกองหรือไม่ มีส่ิงของใดที่เด็กๆ ไม่แน่ใจว่ำจะแยกไว้
ในกองใดจึงต้องแยกออกมำต่ำงหำก เด็กๆ บรรยำยถึงหลักกำรจำแนก
อย่ำงไร
3. เด็กๆ บรรยำยส่ิงที่เกดิ ขนึ้ ระหว่ำงแมเ่ หลก็ กับสง่ิ ท่มี สี มบตั แิ ม่เหลก็
เป็นคำพูดได้หรือไม่ เด็กๆ ใช้คำอื่นแทนคำว่ำ “ดูด” หรือ “ดูดติด”
หรือไม่ และเด็กๆ ได้เปรียบเทียบสิ่งที่สังเกตเห็นกับสิ่งอ่ืนหรือไม่ ตอนที่
แมเ่ หล็กดึงดดู หรือดดู ตดิ กบั สงิ่ ของอ่ืนๆ นั้นเด็กๆ เหน็ แลว้ รู้สึกอยำ่ งไร
4. แม่เหลก็ ท่ใี ชใ้ ห้ผลกำรทดลองเหมอื นกนั หรือไม่ หรอื มีควำมแตกต่ำง
อยำ่ งไร

1. ให้เดก็ ๆ จดบนั ทึกผลกำรทดลองทไี่ ด้ อำจใหเ้ ด็กๆ วำดรปู ถำ่ ยภำพ
หรอื จัดนทิ รรศกำรก็ได้
2. เด็กๆ ถำ่ ยรูปสง่ิ ของท่ีถกู คัดแยกตำมสมบตั แิ มเ่ หล็ก (คดั แยกจำก
กำรคำดเดำ และลองโดยใชแ้ มเ่ หลก็ ทดสอบ) และนำส่ิงของเหล่ำนน้ั ไปจัด
แสดง
3. ครูใหค้ วำมรู้เพ่มิ เตมิ และสรุปประสบกำรณ์ที่เดก็ ๆ ทำกำรทดลอง
ตอ่ ยอดเพอ่ื ทำให้เดก็ ๆ เข้ำใจกระบวนกำรทดลองไดด้ ขี น้ึ

1. ครกู บั เดก็ ๆ จดบันทกึ ผลและประสบกำรณ์ใหมท่ ไ่ี ดร้ บั ร่วมกนั สงิ่ ใด
ที่เดก็ คำดเดำไวถ้ ูกตอ้ งและไม่ถูกต้องบ้ำง จำกนั้นครแู ละเด็กร่วมกนั บอก
ลกั ษณะของส่ิงที่มีสมบัติแม่เหล็กโดยเฉพำะสมบัตขิ องวัสดุท่ีใช้ทำสงิ่ ของ
เหล่ำนน้ั (ควำมเงำกล่ิน นำ้ หนัก เสียงท่เี กิดขึน้ เมอ่ื กระทบกับสิ่งอ่นื
2. ชว่ ยกนั คดิ ว่ำเรำใช้แมเ่ หลก็ อย่ำงไรบ้ำงในชวี ิตประจำวัน กำรทดลอง
นี้น่ำสนใจมำก เด็กๆ รู้สึกประหลำดใจกับเร่ืองใดมำกที่สุด เด็กมีคำถำม
ใหม่ๆ ทสี่ ำมำรถนำไปสู่กำรทดลองอืน่ ๆ ต่อได้หรือไม่
3. เดก็ ๆ จะรสู้ กึ ตนื่ เต้นหำกพบว่ำ

4

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขัน้ กจิ กรรม เวลำ

• บำงสว่ นของส่งิ ของ (เชน่ ท่หี นีบผ้ำ) ดดู กับแม่เหลก็ ได้
• ของ 2 สง่ิ ท่ีดดู กับแม่เหลก็ ได้นัน้ ก็สำมำรถดูดกันเองไดเ้ ชน่ กัน

แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 2 : แม่เหลก็ ไม่ไดด้ ูดกนั เทำ่ นน้ั แต่ยงั ผลกั กนั ได้ เวลำ
ข้นั กิจกรรม

ข้ันตั้งคำถำมเก่ยี วกบั กระตุ้นนักเรียน ด้วยคำถำม แม่เหล็ก 2 แท่ง ดูดกันเสมอหรือไม่

ปรำกฏกำรณ์ ถำมถงึ ประสบกำรณ์กำรนำแมเ่ หล็กของดดู กนั ของเด็ก
ธรรมชำติ

ขน้ั รวบรวมควำมคิด 1. นำแม่เหล็ก 2 แท่งมำแตะกันเอง ให้ครูพูดคุยแลกเปล่ียนประสบกำรณ์

และข้อสนั นิษฐำน กั บ เด็ ก ว่ ำก ำ ร ดู ด กั น ร ะ ห ว่ ำ ง “ วั ต ถุ ท่ี มี ส ม บั ติ แ ม่ เห ล็ ก กั บ แ ม่ เห ล็ ก ”
และ “แมเ่ หล็กกับแมเ่ หล็ก” มคี วำมแตกต่ำงกนั หรือไม่

2. ขณะพดู คุยกับเดก็ ๆ ให้ครูพยำยำมสงั เกตวำ่ เดก็ ๆ มคี วำมรเู้ กย่ี วกับ

เรอ่ื งกำรดูดและผลักกนั ของแมเ่ หลก็ บำ้ งหรือไม่ เคยรหู้ รือไม่วำ่ แม่เหลก็
กส็ ำมำรถผลักกนั ได้

3. ครูยกคำวำ่ “ผลกั กนั ” หรอื “ผลัก” ขึ้นมำพดู กบั เด็ก แลว้ พยำยำม
อธิบำยใหเ้ ด็กเข้ำใจ บำงคร้ังอำจใช้วธิ ีแสดงตัวอย่ำงแทนกำรใช้คำพูดก็ได้ว่ำ
อะไรทถ่ี กู ผลกั ได้ และจะเกิดอะไรข้นึ หำกมีของบำงสงิ่ ถกู ผลกั

ขน้ั ทดสอบและ 1. เด็กๆ เตรยี มแมเ่ หลก็ พลงั สงู อยำ่ งน้อย 2 แทง่ เพื่อใชใ้ นกำรทดลอง

ปฏิบัติกำรสบื เสำะ 2. ครแู นะนำเดก็ ๆ ว่ำแมเ่ หลก็ ประกอบด้วยขั้ว 2 ขว้ั ลองให้เดก็ นำ
แม่เหลก็ มำตดิ กนั แมเ่ หล็กอำจจะผลักกันกไ็ ด้ ใหเ้ ดก็ ใช้สต๊กิ เกอรต์ ดิ บริเวณ
ทแ่ี มเ่ หลก็ ผลักกนั

3. เด็กๆ นำแม่เหล็กรปู วงแหวนเสียบแท่งไม้เอำไว้ เดก็ ๆ จะต้องเรยี ง
แม่เหล็กอย่ำงไรแม่เหลก็ จงึ จะผลักกนั และเสมือนวำ่ แมเ่ หลก็ กำลังลอยได้

จะเกดิ อะไรข้นึ ถำ้ กดแมเ่ หลก็ ลงไปแล้วปล่อยมอื ทันที

ข้ันสงั เกตและ 1. เดก็ ๆ จดบนั ทกึ สง่ิ ทส่ี งั เกตเหน็ จำกน้นั กใ็ หเ้ ด็กเล่ำวำ่ พบอะไรบ้ำง
บรรยำย 2. แมเ่ หลก็ จะผลักกันทุกครัง้ หรือไม่ หำกตอ้ งกำรให้แม่เหลก็ ผลักกนั
จะต้องหันดำ้ นใดมำชนกัน และตอ้ งนำมำไวใ้ กลก้ นั แคไ่ หน
3. เด็กๆ เปรียบเทยี บกำรผลกั กนั ของแมเ่ หล็กไดก้ บั อะไรบำ้ ง
4. หำกเรำนำแม่เหล็กที่มีรูปร่ำงแตกต่ำงกัน และมีแรงดูดไม่เท่ำกัน

มำแตะกัน เรำจะสังเกตเหน็ อะไรบ้ำง
5. กำรถือไมใ้ นแนวต้ังและแนวนอนจะทำให้อำนำจแม่เหลก็ ระหวำ่ ง
วงแหวนแม่เหลก็ น้ันแตกต่ำงกนั หรือไม่

5
ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขั้น กจิ กรรม เวลำ
ขัน้ บันทกึ ข้อมูล
1. ครแู นะนำเด็กๆ ในกำรบันทกึ สง่ิ ท่สี งั เกตได้ออกมำเป็นภำพวำด
ขัน้ อภิปรำยผล ภำพถ่ำย หรอื เขยี นบรรยำยคำพดู ของตนเอง
2. กำรทำสญั ลกั ษณ์ทต่ี วั แม่เหล็กดว้ ยกำรนำสต๊กิ เกอร์ไปติดดำ้ นท่ี
ขนั้ ตัง้ คำถำมเกีย่ วกับ ผลกั กนั ของแม่เหล็กนัน้ ถือว่ำเปน็ กำรบนั ทกึ ผลกำรทดลองรปู แบบหน่ึง
ปรำกฏกำรณ์ 3. ลองให้เด็กบนั ทกึ ผลด้วยกำรวำดภำพกำรดดู และผลักกันของ
ธรรมชำติ วงแหวนแมเ่ หลก็ ทีร่ อ้ ยอยบู่ นแท่งไม้

1. ครกู บั เด็กรวบรวมควำมรู้และประสบกำรณ์ที่ได้จำกกำรทดลอง
มำพูดคุยแลกเปล่ียนกัน เด็กๆ ได้เรียนรู้อะไรจำกกำรผลักกันของ
แม่เหล็ก แตล่ ะดำ้ นของแม่เหล็กมบี ทบำทอยำ่ งไร
2. ใหค้ รทู บทวนควำมจำของเดก็ ๆ เกี่ยวกับประสบกำรณ์
กำรทดลองท่ีผ่ำนมำ แม่เหล็กจะสำมำรถดูดของส่ิงหนึ่งที่มีสมบัติ
คล้ำยแม่เหล็กไดเ้ ท่ำนน้ั แตไ่ ม่สำมำรถผลกั ได้
3. ในทำงกลบั กนั แมเ่ หลก็ สำมำรถดูดและผลักแม่เหลก็ อกี ตัวได้
ขน้ึ อยกู่ บั ว่ำหนั ด้ำนใดของแมเ่ หลก็ เข้ำหำกัน
4. ด้ำนของแม่เหลก็ ท่มี อี ำนำจดดู หรือผลักกบั แม่เหล็กอกี อัน
เรียกว่ำ ข้วั แม่เหลก็ แม่เหลก็ ทุกอันจะมีทง้ั ขว้ั เหนือและข้วั ใต้ แมเ่ หล็ก
2 อนั จะผลกั กนั หำกนำขวั้ เดยี วกนั มำชนกนั
5. ให้เดก็ ๆ ลองคิดว่ำจะใช้ประโยชน์จำกกำรผลกั กันของแม่เหลก็
ทำให้ของบำงส่ิงเคลอื่ นทไี่ ดอ้ ยำ่ งไร

แมเ่ หล็กสำมำรถดดู ติดสง่ิ ของทอ่ี ยไู่ กลออกไปไดห้ รอื ไม่

6
ⓒ Inspiring Science Project 2012

แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี 3 : แมเ่ หล็กดดู กนั ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งสมั ผสั กัน

ขนั้ กิจกรรม เวลำ
ข้ันรวบรวมควำมคิด
และขอ้ สันนิษฐำน 1. ครเู ตรยี มกำรทดลองให้เด็กๆ เตรยี มลวดเสยี บกระดำษและ
แม่เหล็กพลังสูง นำลวดเสียบกระดำษไปวำงไว้ใกล้ๆ กับแม่เหล็ก
ขั้นทดสอบและ แล้วสังเกต
ปฏบิ ตั กิ ำรสบื เสำะ 2. จำกน้ันนำสิ่งที่เด็กๆ สังเกตได้มำพูดคุยกัน ให้เด็กๆ คิดว่ำแม่เหล็ก
จะดูดสิ่งของที่มีสมบัติแม่เหล็กได้เม่ือนำมำสัมผัสกันเท่ำน้ันหรือไม่
(ในท่ีน้ีคือ ลวดเสียบกระดำษ) ทุกด้ำนของแม่เหล็กมีแรงดูดวัสดุท่ีมี
สมบัติคล้ำยแม่เหล็กมำกเท่ำกันหรือไม่ ให้ครูพูดคุยกับเด็กๆ แล้วดูว่ำ
เขำคิดอยำ่ งไร
3. ครูช่วยเด็กๆ รวบรวมแม่เหล็กพลังสูง แล้วให้เด็กลองคำดเดำดูว่ำ
แม่เหล็กทั้งหมดจะสำมำรถดูดลวดเสียบกระดำษจำกระยะไกลได้
เหมือนกนั หรอื ไม่พร้อมบอกเหตุผล

1. ครูอำจใหค้ ำแนะนำแกเ่ ด็กๆ เพอ่ื ให้หำคำตอบว่ำแม่เหล็กแต่ละแท่ง
ดูดกับส่ิงของท่ีมีสมบัติแม่เหล็กและน้ำหนักเบำในระยะไกลเพียงใด
นำแมเ่ หลก็ อนั หนง่ึ ไปวำงไว้ในแนวระนำบบนกระดำษ
2. จำกน้ันนำลวดเสียบกระดำษตัวหน่ึงไปวำงไว้ให้อยหู่ ่ำงจำกแม่เหล็ก
พอควร แล้วจึงใช้ไม้บรรทัดค่อยๆ ดันลวดเสียบกระดำษเข้ำไปหำ
แม่เหล็ก โดยทำสัญลักษณ์เอำไวต้ รงบริเวณท่ลี วดถูกแม่เหล็กดูด
3. ทำกำรทดลองตอ่ ดงั นี้ :

- ลองใชแ้ ม่เหลก็ อันอื่นทดลอง แล้วทำสญั ลกั ษณ์ระยะหำ่ งบน
กระดำษของแม่เหลก็ แต่ละชนดิ

- วำงแม่เหล็กแต่ละแท่งตำมแนวเส้นตรง แต่ให้หันปลำยไปคนละ
ทิศทำง

7
ⓒ Inspiring Science Project 2012

ข้นั กจิ กรรม เวลำ
ขน้ั บนั ทึกขอ้ มูล
1. ครูแนะนำเด็กๆ ในกำรบันทึกสิ่งท่ีสังเกตได้ออกมำเป็นภำพวำด
ขน้ั สังเกตและ ภำพถำ่ ย หรอื เขียนบรรยำยคำพดู ของตนเอง
บรรยำย 2. กำรทำสัญลักษณ์ทีต่ ัวแมเ่ หล็กด้วยกำรนำสตก๊ิ เกอร์ไปติดด้ำนทีผ่ ลัก
กนั ของแม่เหล็กน้นั ถอื ว่ำเป็นกำรบนั ทึกผลกำรทดลองรปู แบบหน่งึ
ขั้นบนั ทกึ ข้อมูล 3. ลองให้เด็กบันทึกผลด้วยกำรวำดภำพกำรดูดและผลักกันของวง
แหวนแมเ่ หลก็ ท่ีรอ้ ยอย่บู นแทง่ ไม้
ขั้นอภิปรำยผล
1. ครเู ลอื กช่วงเวลำที่เหมำะสมในกำรถำมเด็กๆ ถึงสงิ่ ทเ่ี ขำสงั เกตเห็น
เพอื่ อธิบำยกำรดดู กนั ระหว่ำงลวดเสยี บกระดำษกับแมเ่ หล็กไว้อยำ่ งไร
แมเ่ หล็กดูดลวดเสยี บกระดำษจำกระยะหำ่ งเท่ำใด
2. กำรเลือกใช้แม่เหล็กท่มี ีรูปร่ำงและแรงดดู ตำ่ งๆ กัน รวมทั้งตำแหน่ง
ของแมเ่ หล็กใหผ้ ลลพั ธ์ท่แี ตกตำ่ งกนั หรือไม่
3. ลวดเสียบกระดำษจะดูดตดิ อยูท่ ่บี รเิ วณใดของแมเ่ หลก็ แต่ละตวั
หำกเปลยี่ นแม่เหล็ก ผลกำรทดลองท่ไี ด้จะเหมือนกันหรอื ไม่

1. ครูกับเด็กช่วยกันเขียนข้อมูลเพ่ิมเตมิ ลงบนกระดำษ เชน่ ใช้แม่เหล็ก
อันไหน วำงแม่เหล็กอย่ำงไร และลวดเสียบกระดำษดูดติดด้ำนใด
ของแม่เหล็ก
2. เมื่อต้องกำรบรรยำยลักษณะกำรดูดของลวดเสียบกระดำษกับ
แม่เหล็กนั้น เด็กๆ บรรยำยด้วยวิธีใด เด็กเรียกรูปทรงของแม่เหล็กว่ำ
อย่ำงไร
3. ใหค้ รูช่วยตดิ รปู วำดประกอบกำรจดบันทึกลงไปในสมุดนกั ทดลอง
เพอื่ ชว่ ยให้เดก็ ๆ จดจำกำรทดลองไดเ้ ป็นอยำ่ งดี

1. ครกู ับเด็กช่วยกันบันทกึ ควำมรู้และประสบกำรณท์ ีไ่ ด้รว่ มกนั
เดก็ ๆ ได้ค้นพบอะไร และผลกำรทดลองที่ได้นน้ั ตรงกบั สิ่งทีเ่ ด็กคำดเดำ
ไว้หรือไม่
2. กำรทดลองร่วมกับเด็กๆ ทำให้รู้ว่ำแม่เหล็กสำมำรถดูดส่ิงของท่ีมี
สมบัติแม่เหล็กได้แม้จะมีระยะห่ำงกันก็ตำม และแม่เหล็กแต่ละด้ำน
ไม่ไดด้ ดู แม่เหล็กได้ดเี ท่ำกัน
3. ควำมแรงของแม่เหล็กและระยะห่ำงระหว่ำงแม่เหล็กกับส่ิงของท่ีมี
สมบัติแม่เหล็ก ล้วนมีผลตอ่ กำรเร่มิ ดูดลวดเสียบกระดำษ

8
ⓒ Inspiring Science Project 2012

แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ 4 : แม่เหล็กดดู กันได้แม้มสี ิง่ ขวำงกั้น

ขน้ั กจิ กรรม เวลำ
10
ขัน้ ตัง้ คำถำม หำกมวี ัตถุอน่ื ๆ มำก้นั จะขวำงแรงดึงดดู ของแม่เหลก็ ไดห้ รอื ไม่ 15
เก่ียวกบั
20
ปรำกฏกำรณ์
ธรรมชำติ 20

ขัน้ รวบรวม 1. ในชีวิตประจำวันเรำใช้แม่เหล็กอยำ่ งหลำกหลำย เชน่ ใชเ้ พอื่ ติดกระดำษ

ควำมคิดและขอ้ โนต้ ไว้ท่ีตเู้ ย็นหรือกระดำนแม่เหลก็ เดก็ ๆ มีควำมคิดเห็นอยำ่ งไรที่กระดำษ
สันนิษฐำน โน้ตน้ันติดอยู่กับตู้เย็นได้ เดก็ ๆ ยงั จำได้หรอื ไม่ว่ำกระดำษมีสมบัติแม่เหล็ก

หรือไม่

2. ครูอภิปรำยกับนกั เรียนวำ่ แมเ่ หล็กสำมำรถดูดสิง่ ของอื่นๆ เช่น ลวดเสยี บ
กระดำษ โดยผ่ำนวัสดุอ่ืนๆ (กระดำษ ไม้ เซรำมิก ผ้ำ ฯลฯ) ได้หรือไม่

นักเรียนตอ้ งกำรทดสอบกับวสั ดุอะไร และมีสมมติฐำนอย่ำงไร นักเรียนคิด
อยำ่ งไรเก่ยี วกบั ควำมหนำของวสั ดทุ ีม่ ตี อ่ ผลกำรดดู ของแม่เหลก็
3. ให้นักเรียนแยกวัสดุออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มท่ีพลังแม่เหล็กสำมำรถ

ทะลุผ่ำนได้ และกลุ่มที่ขวำงก้ันพลงั ของแม่เหล็ก

ขน้ั ทดลอบและ 1. นักเรียนวำงแม่เหล็กพลังสูงไว้บนโต๊ะหรือบนพ้ืน แล้วนำลวดเสียบ
ปฏิบตั ิกำรสบื เสำะ กระดำษมำวำงใกลๆ้ แม่เหล็กเพื่อตรวจสอบดูว่ำแม่เหล็กมปี ฏิกิรยิ ำอย่ำงไร

กับลวดเสียบกระดำษ
2. จำกน้ันให้นักเรียนวำงวัสดุที่ต้องกำรทดสอบ เช่น กระดำษ ไว้บน
แม่เหล็ก เพ่ือขวำงอำนำจกำรดึงดูดของแม่เหล็ก แล้วดูว่ำแม่เหล็ก
ยังสำมำรถดูดลวดเสียบกระดำษได้อยู่หรือไม่ นักเรียนต้องคลำหำดูว่ำ

แมเ่ หล็กอยทู่ ่ีไหน และต้องจบั ลวดเสยี บกระดำษไปวำงยงั ตำแหน่งใด

3. หำกคิดว่ำกระดำษที่นำมำขวำงพลังแม่เหล็กบำงเกินไป นักเรียน

สำมำรถลองเพิ่มวัสดุให้มหี ลำย ๆ ช้ันได้ เช่น ใชก้ ระดำษหลำยๆ แผ่น แล้ว
นำมำวำงไว้บนแม่เหล็ก แม่เหล็กยังสำมำรถดึงดูดลวดเสียบกระดำษได้
หรอื ไม่

ขัน้ สงั เกตและ 1. นักเรียนเลำ่ ว่ำแม่เหล็กดูดลวดเสียบกระดำษผำ่ นวสั ดุทใ่ี ช้เป็นสง่ิ กีดขวำง
บรรยำย ทม่ี ีอยู่หลำยชนดิ อยำ่ งไร

2. นักเรียนสงั เกตเหน็ อะไรบ้ำง
3. ควำมหนำของสิ่งที่มำกีดขวำงหรือจำนวนของส่ิงที่มำกีดขวำงมีบทบำท

อย่ำงไรต่อกำรดดู ของแม่เหลก็
* ข้อแนะนำ นักเรียนแต่ละคนอำจได้ผลกำรทดลองไม่เหมือนกัน
ท้งั น้ขี ึ้นอยู่กบั ควำมแรงของแม่เหล็กทีใ่ ช้

9

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขัน้ กจิ กรรม เวลำ
ข้ันบันทกึ ข้อมูล 30
1. ครูถ่ำยรูปส่ิงของหรือวัสดุท่ีใช้ในกำรทดลองซ่ึงแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
ขน้ั อภปิ รำยผล คือ กลุ่มท่ีพลังแม่เหล็กสำมำรถทะลุผ่ำนได้ กับกลุ่มที่ขวำงกั้นพลังแม่เหล็ก
และเรียกชื่อสิ่งของเหล่ำนั้นอำจจะใช้ช่ือท่ีนักเรียนเรียกส่ิงของเหล่ำนั้น
อยู่แล้ว หรือชอื่ ปกติทใี่ ช้เรียกกันท่วั ไป
2. ให้นักเรยี นทำ “บันทึกควำมเข้ำใจ” สำหรบั วัสดุแต่ละประเภท เช่น วสั ดุ
ช นิ ด นี้ มี คุ ณ ส ม บั ติ ข ว ำ ง ก้ั น อ ำน ำ จ แ ม่ เห ล็ ก ห รื อ ไ ม่ ม ำก น้ อ ย เพี ย ง ใด
พลังแม่เหล็กสำมำรถทะลุผ่ำนวัสดุน้นั ๆ ได้ก่ีชนั้ จนดูดกับลวดเสียบกระดำษ
ได้ จำกนั้นก็ให้นำผลกำรทดลองไปแปะผนังหรอื จดั นทิ รรศกำร ในโรงเรียน

1. นักเรียนบอกชื่อวัสดุที่ใช้ในกำรทดลองอำนำจแม่เหล็กสำมำรถทะลุผ่ำน
วัสดชุ นดิ ใดได้ และไมไ่ ด้
2. นักเรียนคัดแยกกองวัสดุและสิ่งของได้ถูกต้องหรือไม่ และนักเรียน
ไดพ้ ยำยำมอธบิ ำยส่ิงท่ีสงั เกตไดแ้ ละประสบกำรณใ์ หม่ๆ ของพวกเขำอยำ่ งไร
3. ให้ครูพูดคุยกับนักเรียนว่ำควำมหนำของวัสดุท่ีใช้ในกำรทดลองนั้นมีผล
อย่ำงไรต่อพลังในกำรดูดของแม่เหล็ก เม่ือนักเรียนได้รู้แล้วว่ำแม่เหล็ก
สำมำรถดูดสิ่งของได้ทั้งท่ีไม่ได้อยู่ติดกัน นักเรียนก็อำจจะเข้ำใจด้วยว่ำพลัง
ของแม่เหล็กกส็ ำมำรถเดนิ ทำงทะลผุ ำ่ นวัสดุทม่ี ำกดี ขวำงได้ด้วย

10
ⓒ Inspiring Science Project 2012

แม่เหล็ก

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 : แม่เหล็กดูดส่งิ ของได้

บทนา คา่

ในขณะที่นักเรียนกำลังเปิดตู้เย็น ของชำร่วยที่ คือส่วนท่ีไม่มีแม่เหล็กติดอยู่)0นักเรียนจึงเกิด ดาร
ติดอยู่บริเวณฝำตู้เย็นก็ตกลงบนพื้น แล้วแตก ควำมสงสัยว่ำ เพรำะเหตุใดจงึ เปน็ เช่นนนั้ า
นักเรียนจึงหยิบช้ินส่วนที่แตกออกมำไปติดไว้ ศา
บริเวณเดิม แต่ไม่สำมำรถประกอบเข้ำไปได้ทุกส่วน - แม่เหล็กดดู สิ่งของชนดิ ใดบ้ำง สต
เพ ร ำ ะ มี บ ำ ง ส่ ว น ท่ี ติ ด เข้ ำ ที่ ได้ แ ต่ บ ำ ง ส่ ว น ไ ม่ - แม่เหลก็ ดดู ติดบริเวณใด ร์ 1
สำมำรถติดได้ (โดยส่วนที่สำมำรถติดเข้ำไปได้คือ ในแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 จะใชเ้ วลำเรียน
สว่ นท่ียังเหลือแม่เหล็กอยู่ แต่สว่ นทไี่ ม่สำมำรถตดิ ได้ 2 คำบ นักเรียนศึกษำวัสดุที่มีสำรแม่เหล็กเป็น จกั ร
องค์ประกอบ ท่ีทำให้แมเ่ หลก็ สำมำรถดูดตดิ ได้ วาล
และ
แนวคิดหลัก กาแ1
ลก็ ซี
แม่เหล็กสำมำรถดูดติดกบั วสั ดทุ ่ีมสี ำรแม่เหล็กเป็นสว่ นประกอบอยู่ได้เท่ำนนั้ เชน่ เหล็ก ลวด
แตจ่ ะไม่ดูดติดกับวสั ดุท่ไี มม่ สี ำรแม่เหล็กเป็นส่วนประกอบ เช่น พลำสตกิ ไม้

คาศัพท์
แมเ่ หลก็ สำรแม่เหลก็ ดูด ดดู ตดิ

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 60 นาที
นกั เรยี นสำมำรถ : 1. บอกสิ่งของที่แมเ่ หลก็ สำมำรถดดู ตดิ ได้

2. ทดลอง การดดู ตดิ ของแมเ่ หลก็ กบั ส่ิงของตา่ ง ๆ ได้

กจิ กรรมการเรียนรู้

ขั้นท่ี 1 ตั้งคาถามสงิ่ ท่เี ก่ียวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ 20 นาที

1. นักเรียนท่เี ป็นตวั แทนถือแม่เหลก็ แล้วนำไปวำงใกล้คลิปหนีบกระดำษเพ่ือแสดงกำรดูดติดของ
แมเ่ หลก็ หนำ้ ชน้ั เรียน จำกนน้ั รว่ มกนั ถำมถงึ เหตุกำรณ์ เพ่ือตอ่ ไปถงึ คำถำม

- แม่เหลก็ ดูดติดคลิปหนีบกระดำษได้อย่ำงไร
- แม่เหล็กดดู ส่ิงของชนิดใดบ้ำง
2. ครูพูดคุยกับนักเรียน เก่ียวกับนิยำมของคำว่ำ “ดูด” โดยถำมว่ำ คำนี้ใช้กับอะไรได้บ้ำง และให้

นิยำมคำวำ่ “ดดู ตดิ ”

1

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ข้ันท่ี 2 รวบรวมความคดิ และขอ้ สนั นษิ ฐาน 30 นาที

ครูรวบรวมควำมคดิ ร่วมกับนักเรียนว่ำ จำกประสบกำรณ์ของนักเรียน แม่เหล็กดูดส่งิ ของประเภท
ใดบ้ำง เพ่อื ดูวำ่ นักเรียนมีควำมร้เู ดมิ หรือมีประสบกำรณ์ใดๆ อยแู่ ลว้ บ้ำงหรอื ไม่

1) แบง่ นักเรียนออกเป็นกลุม่ ๆ ละ 3 – 4 คน 1คา่
2) ครูแจกกล่องท่ีบรรจุวัสดุชนิดต่ำงๆ ให้แต่ละกลุ่ม (จำนวนชนิดของวัสดุควรมีควำมหลำกหลำย ย
คละกันท้งั วัสดทุ เี่ ป็นสำรแม่เหล็กและไม่เป็นสำรแม่เหล็ก) ดาร
3) ให้นักเรียนดูส่ิงของชนิดต่ำงๆ ในกล่องท่ีครูแจกให้จำกน้นั จึงช่วยกันแยกส่ิงของออกเปน็ 2 กอง า
คอื กองทน่ี ักเรียนคิดวำ่ จะดดู กับแม่เหล็ก (กองที่ 1) และกองทคี่ ิดว่ำไมด่ ดู กับแม่เหลก็ (กองท่ี 2) ศา
4) ครถู ำมนักเรียนว่ำ “เหตุใดวัสดุกองที่ 1 ดูดกับแม่เหล็ก” และถำมว่ำ “เหตุใดกองท่ี 2 จึงไม่ดูด
กับแม่เหล็ก” นักเรียนใช้เกณฑ์อะไรในกำรจำแนก แล้วดูว่ำนักเรียนตอบคำถำมได้หรือไม่ นักเรียน
คนอ่นื ๆ เหน็ ดว้ ยหรอื ไม่ คำตอบทนี่ กั เรยี นอำจจะตอบ ได้แก่

- กองทีค่ ดิ ว่ำดูดกับแม่เหล็กได้มลี กั ษณะเป็น/เหมือนเหล็ก
- แมเ่ หลก็ ดดู วสั ดทุ มี่ ลี กั ษณะเป็น/เหมอื นเหลก็

ขน้ั ที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสบื เสาะ

1. ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั คิดว่ำจะใช้วิธีกำรใดตรวจสอบขอ้ สนั นษิ ฐำน สต
2. ครเู ตรียมแม่เหล็กท่เี หมำะสมกับกำรทดลอง และแจกใหค้ รบตำมจำนวนกลุ่มของนักเรยี น

3. นักเรียนทำกิจกรรม “ดูดติดหรือไม่ติด” โดยให้นักเรียนใช้แม่เหล็กทดสอบว่ำวัสดุช้ินใดในกองแรก ร์ 1
ดูดตดิ กับแมเ่ หล็ก แลว้ ใช้กำรตรวจสอบแบบเดียวกนั กับวสั ดุอกี กองเพื่อทดสอบวำ่ แม่เหลก็ ดูดวัสดุชนิด
ใดและไมด่ ดู วัสดุชนิดใด แล้วบนั ทกึ ผลลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม จักร
วาล
ขั้นท่ี 4 สังเกตและบรรยาย และ
กาแ
1. ขณะทำกำรทดสอบให้นกั เรยี นเรียบเรยี งและบรรยำยสงิ่ ท่ีสงั เกตเห็น โดยครอู ำจตัง้ คำถำมดังน้ี ล็กซี
- แมเ่ หล็กดูดอย่ำงไร
- สำหรับวสั ดทุ ่ีแมเ่ หล็กดูดติดน้ัน วัสดชุ ้ินใหญ่และวัสดชุ ิ้นเลก็ แมเ่ หล็กดูดต่ำงกันหรือไม่
อยำ่ งไร
- ถ้ำนักเรียนลองถือวัสดุท่ีแม่เหล็กดูดได้ แล้วค่อย ๆ เลื่อนเข้ำใกล้แม่เหล็ก นักเรียน
รู้สึกอยำ่ งไรเมอ่ื วัสดนุ น้ั เขำ้ ใกลแ้ มเ่ หลก็
- แม่เหลก็ ดูดติดกบั วัสดชุ นดิ ใดบ้ำง

- วสั ดตุ ำ่ งชนิดกนั ทแ่ี มเ่ หลก็ สำมำรถดูดได้ แม่เหลก็ ดูดตำ่ งกันหรือไม่ อยำ่ งไร
2. ครูสังเกตว่ำ นกั เรยี นบรรยำยสิ่งท่ีเกิดขนึ้ ระหว่ำงแม่เหล็กกับสิ่งท่ีมสี มบัติแม่เหล็กเปน็ คำพูดได้หรอื ไม่
นักเรียนใช้คำอื่นแทนคำว่ำ “ดูด” หรือ “ดูดติด” หรือไม่ และนักเรียนได้เปรียบเทียบสิ่งท่ีสังเกตเห็น

กบั สง่ิ อื่นหรือไม่ ตอนทแ่ี ม่เหล็กดงึ ดดู หรือดดู ติดกับส่ิงของอื่นๆ นน้ั นกั เรยี นเหน็ แลว้ รู้สกึ อย่ำงไร

2

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ข้ันที่ 5 บันทึกข้อมลู 1คา่

ใหน้ ักเรียนบันทึกผลกำรทดลองลงในแบบบันทึกกิจกรรมที่ครูเตรยี มให้ โดยกำรทำวงกลมลอ้ มรอบ ดาร
ชนิดวสั ดทุ แี่ มเ่ หลก็ ดดู ได้ า
ศา
ขนั้ ท่ี 6 อภิปรายผล สต
ร์ 1
1. ให้นักเรียนรำยงำนผลกำรทดลอง โดยควรจะต้องตอบคำถำมว่ำ วัสดุใดท่ีดูดติดกับแม่เหล็ก
ได้บ้ำง สิ่งของใดท่ีไม่ดูดติดกับแม่เหล็กบ้ำง แล้วจึงให้นักเรียนอภิปรำยถึงผลกำรทดลองว่ำตรงกับท่ี จักร
นักเรียนคำดกำรไว้หรือไม่อย่ำงไร และให้นักเรียนบรรยำยลักษณะของวัสดุหรือสิ่งของที่สำมำรถดูดติด วาล
กับแม่เหลก็ ได้มลี กั ษณะหรอื สมบัตเิ ปน็ อยำ่ งไร และ
กาแ
2. จำกน้ันครูและนักเรียนรว่ มกันบอกลกั ษณะของส่ิงท่ีมีสมบัติแม่เหล็กโดยเฉพำะสมบัติของวัสดุที่ ล็กซี
ใช้ทำสิง่ ของเหล่ำน้นั (ควำมเงำ กลิ่น น้ำหนัก เสียงทีเ่ กิดข้ึนเม่ือกระทบกับสิ่งอื่น

3. ร่วมกันอภิปรำยว่ำเรำใช้แม่เหล็กอย่ำงไรบ้ำงในชีวิตประจำวัน กำรทดลองนี้น่ำสนใจมำก
นักเรยี นรู้สึกประหลำดใจกับเร่ืองใดมำกที่สุด นักเรียนมีคำถำมใหม่ ๆ ท่ีสำมำรถนำไปส่กู ำรทดลองอ่ืนๆ
ต่อไดห้ รอื ไม่

การวัดและประเมนิ ผล

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ หลกั ฐานการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
1. บอกสงิ่ ของท่ีแมเ่ หลก็ แบบบันทึกกจิ กรรม สรุปผลกำรทดลองไดถ้ ูกตอ้ ง
สำมำรถดูดตดิ ได้ กำรตอบคำถำม ตอบคำถำมได้ถูกต้อง

2. ทดลองกำรดูดตดิ ของ กำรดำเนนิ กำรทดลอง ดำเนินกำรทดลองได้ถูกต้อง
แมเ่ หล็กกับสิ่งของต่ำงๆ ได้ และครบถว้ น

3

ⓒ Inspiring Science Project 2012

การเตรยี มบทเรียน 1ค่า
สอ่ื การเรียนการสอนท่ใี ช้ ย
ดาร
ใบกจิ กรรม 1: ดดู ตดิ หรือไม่ติด า
เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ ศา
ขนั้ สร้างความสนใจ สต
ร์ 1
แม่เหลก็ คลิปหนีบกระดำษ
ข้นั สารวจและคน้ หา จกั ร
วาล
ใบกจิ กรรมที่ 1 เร่ือง ดดู ตดิ หรือไม่ติด และ
ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ กาแ
ลก็ ซี
ไม่มี
ขั้นขยายความรู้

ไม่มี
ขน้ั ประเมินผล

ไมม่ ี

4

ⓒ Inspiring Science Project 2012

กจิ กรรมที่ 1 ดดู ติดหรือไม่ตดิ 1
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. บอกสง่ิ ของทีแ่ มเ่ หล็กสามารถดดู ตดิ ได้
2. ทดลอง การดดู ตดิ ของแมเ่ หล็กกับสง่ิ ของตา่ ง ๆ ได้
วัสดอุ ุปกรณ์
1. แบบบันทกึ กจิ กรรม
2. แมเ่ หลก็ จานวนเท่ากบั จานวนกลุ่มของนกั เรียนในชั้นเรียน
3. วสั ดุชนดิ ตา่ ง ๆได้แก่

1) คลิปหนบี กระดาษ
2) ดนิ สอ
3) แผ่นอะลมู ิเนียม
4) ยางลบดินสอ
5) หลอดดูดน้า (ตดั ยาวประมาณ 3 เซนตเิ มตร)
6) กบ๊ิ ตดิ ผม (ที่มสี ่วนที่เปน็ ผ้าเปน็ องคป์ ระกอบ)
7) กระดาษ
8) ช้อนคนกาแฟแสตนเลส
9) เศษผ้า
10) ลูกกญุ แจ
11) กบ๊ิ ดา

วธิ ที ดลอง
นักเรียนแต่ละกลุ่มทาการทดลองใช้แม่เหล็กดูดวัสดุแต่ละกองเพื่อทดสอบว่า ได้ผลไปตามท่ี

นักเรยี นคิดหรอื ไม่ แล้วบันทึกผลลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม

1

แบบบนั ทึกกิจกรรม
ดูดติดหรอื ไม่ติดคาช้แี จง: ใหน้ ักเรียนทาเครื่องหมายถกู () ในช่องว่าง “ติด” หรือ “ไม่ติด” ให้ตรงกับผล

การทดลองของนักเรียน

ชนิดวสั ดุ ผลการทดลองการใช้แมเ่ หลก็ ดูดวัสดุ
ตดิ ไม่ตดิ
ตวั อยา่ ง
-

1

สรุปผลการทดลอง
1. วสั ดทุ ี่แมเ่ หล็กดดู ได.้ ..........................................................ชนดิ
2. วัสดุทีแ่ มเ่ หลก็ ดูดไมไ่ ด.้ .......................................................ชนดิ

วัสดุท่ีแมเ่ หลก็ ดดู ได้ มีลกั ษณะ...........................................................................................................................

2

แมเ่ หล็ก

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 : แม่เหลก็ ไม่ไดด้ ดู กนั เท่าน้นั แต่ยงั ผลักกันได้

บทนา ค่า

ใน ข ณ ะ ที่ นั ก เรี ย น ก ำลั งเปิ ด ตู้ เย็ น ข อ งช ำร่ ว ย - แม่เหล็กดูดกันได้โดยไม่ต้องสัมผัสกัน ดาร2
ที่ ติ ด อ ยู่ บ ริ เว ณ ฝ ำ ตู้ เย็ น ก็ ต ก ล งบ น พื้ น แ ล้ ว แ ต ก - แมเ่ หลก็ สำมำรถดูดกันไดแ้ มม้ สี ิ่งขวำงกนั้ า
นักเรียนจึงหยิบช้ินส่วนท่ีแตกออกมำไปติดไว้บริเวณเดิม ศา
แต่ไม่สำมำรถประกอบเข้ำไปได้ทุกส่วน เพรำะมี ในแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 จะใช้ สต
บำงส่วนท่ีติดเข้ำท่ีได้แต่บำงส่วนไม่สำมำรถติดได้ เวลำเรียน 2 คำบกำรเรียนรู้หลังจำกนักเรียน ร์ 1
(โดยส่วนที่สำมำรถติดเข้ำไปได้คือส่วนท่ียังเหลือ ได้เรียนรู้แล้วว่ำแม่เหล็กสำมำรถดูดส่ิงของได้
แม่เหล็กอยู่ แต่ส่วนที่ไม่สำมำรถติดได้คือส่วนที่ไม่มี บำงชนิดแล้ว นักเรียนจะได้เรียนรู้ว่ำ เม่ือนำ จกั ร
แม่เหล็กติดอยู่) นักเรียนจึงเกดิ ควำมสงสัยว่ำ เพรำะ แม่เหล็กมำเข้ำใกล้กัน แม่เหล็กจะเกิดแรงดูด วาล
เหตุใดจงึ เปน็ เช่นนนั้ หรือผลักขึ้น ซึ่งนักเรียนจะต้องทำงำนเป็น และ
กลุ่มเพื่อหำคำตอบว่ำ แรงดูดและแรงผลักที่ กาแ
- แม่เหล็กสำมำรถดดู สงิ่ ของได้ เกดิ ขึ้นนนั้ จะเกดิ ขน้ึ ได้อยำ่ งไร เมื่อใด ล็กซี
- แม่เหลก็ ไมไ่ ด้ดดู กนั เท่ำน้ัน แตย่ งั ผลกั กันได้

แนวคดิ หลัก

แมเ่ หล็กแตล่ ะชน้ิ จะมีข้ัวแม่เหล็กเหนือและขว้ั แมเ่ หล็กใตอ้ ยู่คนละด้ำน ซ่ึงขวั้ แมเ่ หลก็ ขวั้ เดยี วกนั
จะมแี รงผลักกัน และขัว้ แมเ่ หลก็ ข้วั ตำ่ งกนั จะมีแรงดูดติดกัน

คาศพั ท์
แม่เหล็ก ขั้วแมเ่ หล็กเหนอื ข้ัวแมเ่ หล็กใต้ แรงผลัก แรงดดู

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
นักเรียนสำมำรถ : - ระบขุ ัว้ แมเ่ หลก็ ขัว้ เหนือ และแม่เหล็กข้วั ใตไ้ ด้

- อธบิ ำยเงื่อนไขของกำรเกดิ แรงดูดหรือแรงผลกั ได้

1

ⓒ little Scientist House Project 2017

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 110 นาที

ข้นั ท่ี 1 ตั้งคาถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ (สไลด์หนำ้ 1 - 3) 15 นาที

แมเ่ หล็ก 2 แท่ง ดูดกนั เสมอหรอื ไม่

สไลด์ 1 แนะนำนักเรียนใหร้ เู้ กย่ี วกบั หน่วยกำรเรยี นรู้ใหม่ และถำมถึงควำมรูใ้ นหนว่ ยกำรเรียนรู้เดิม เชน่ ค่า
“นกั เรยี นไดร้ วู้ ่ำแล้วว่ำแม่เหลก็ สำมำรถดดู ส่ิงของอะไรได้บ้ำง ลองบอกครหู น่อยสวิ ่ำ มีอะไรบำ้ ง ย
ดาร
ในหอ้ งน้ีท่ีแม่เหล็กดูดได้” า
สไลด์ 2 อธบิ ำยจุดประสงค์ของกำรเรียนรใู้ นหน่วยกำรเรยี นร้นู ี้ ศา
สไลด์ 3 ถำมนกั เรียนวำ่ ถ้ำแม่เหล็ก 2 แท่งมำเจอกนั จะดูดกันหรือไม่ และดูดกนั เสมอไปหรอื ไม่ สต
ร์ 1
ขน้ั ที่ 2 รวบรวมความคิดและข้อสนั นิษฐาน (สไลด์หน้ำ 4 - 5) 15 นาที
จักร
“วตั ถุที่มสี มบัติแม่เหล็กกับแม่เหล็ก” และ “แมเ่ หล็กกบั แมเ่ หล็ก” มคี วำมแตกตำ่ งกันหรือไม่ วาล
และ
สไลด์ 4 ครใู ห้นักเรียนดูรปู “แม่เหล็กสองแท่งวำงใกล้กัน แต่รูปแม่เหล็กไม่ได้แสดงให้เห็นว่ำดูดหรือผลัก กาแ2
กนั ” ครูถำมนักเรียนว่ำเมือ่ นำแมเ่ หลก็ 2 แท่งมำแตะกันจะเกดิ อะไรข้ึน ให้ครพู ูดคุยแลกเปลี่ยน ล็กซี
ประสบกำรณ์กบั เด็กวำ่ กำรดดู กันระหวำ่ ง “วัตถทุ ี่มสี มบัตแิ มเ่ หล็กกับแม่เหล็ก” และ “แม่เหล็ก
กบั แมเ่ หลก็ ” มีควำมแตกตำ่ งกันหรือไม่

สไลด์ 5 นำนักเรียนพูดคุยเกี่ยวกับคำว่ำ แรงผลักและแรงดูด เพ่ือให้นักเรียนได้อภิปรำยร่วมกัน
“ขณะพูดคุยกับเด็กๆ ให้ครูพยำยำมสังเกตว่ำเด็ก ๆ มีควำมรู้เก่ียวกับเร่ืองกำรดูดและผลักกัน
ของแม่เหล็กบ้ำงหรือไม่ เคยรู้หรือไม่ว่ำแม่เหล็กก็สำมำรถผลักกันได้” จนนำไปสู่คำถำมเพ่ือ
สำรวจตรวจสอบวำ่ เม่อื ใดท่จี ะเกดิ แรงดูดและแรงผลักกับแม่เหลก็

ข้ันที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสบื เสาะ (สไลด์หน้ำ 6 - 7 ) 30 นาที

นักเรียนทดลองเอำแม่เหล็กแต่ละด้ำนมำใกล้กัน เพื่อสืบเสำะว่ำจะเกิดกำรดูดหรือกำรผลักกันหรือไม่
อยำ่ งไร

สไลด์ 6 ตำรำงบันทกึ ผลกำรทดลองท่ี 1 แมเ่ หล็กสองแท่งมีแรงอะไรกระทำตอ่ กนั

สไลด์ 7 แนะนำกำรทดลองกำรนำแท่งแม่เหล็กสองแทง่ มำดูดกันในกรณีตำ่ งๆ เพ่ือให้นกั เรยี นได้สังเกต
และบันทึกผล (แมเ่ หล็กชนดิ แท่ง และแมเ่ หลก็ ชนดิ กลม)

ขัน้ ที่ 4 สังเกตและบรรยาย (สไลด์หนำ้ 8 - 9) 15 นาที

ถำม - ตอบ เก่ียวกับกำรทดลองกำรดูดและผลักกนั ของแม่เหล็ก

สไลด์ 8 นกั เรียนอธบิ ำยผลกำรทดลอง จำกสิง่ ท่นี กั เรยี นสงั เกตเหน็
สไลด์ 9 คำถำมสำคัญที่ครูควรถำมเพ่ือให้นักเรียนเกดิ กำรคดิ

- แมเ่ หล็กจะผลักกนั ทุกครงั้ หรือไม่

2

ⓒ little Scientist House Project 2017

- หำกเรำนำแม่เหล็กท่ีมีรปู ร่ำงแตกต่ำงกันและมีแรงดูดไม่เท่ำกันมำแตะกัน เรำจะสังเกตเห็น
อะไรบำ้ ง

- กำรถือไม้ในแนวตั้งและแนวนอนจะทำใหอ้ ำนำจแมเ่ หล็กระหวำ่ งวงแหวนแมเ่ หล็กน้ัน
แตกตำ่ งกนั หรอื ไม่

ข้ันที่ 5 บนั ทกึ ข้อมลู (สไลด์หนำ้ 10 - 11) 15 นาที คา่

นักเรียนเรยี นรกู้ ำรบันทึกข้อมูลแบบตำ่ งๆ และสญั ลักษณ์ที่ควรทรำบ ดาร

สไลด์ 10 ตำรำงบันทึกผลกำรทดลอง “ครูแนะนำเด็กๆ ในกำรบันทึกสิ่งที่สังเกตได้ออกมำเป็นภำพวำด ศา
สต
ภำพถ่ำย หรอื เขียนบรรยำยคำพูดของตนเอง” ร์ 1
สไลด์ 11 ครูแนะนำใหน้ กั เรียนรู้จักสญั ลกั ษณ์ที่ปรำกฏบนแม่เหลก็ ทว่ั ไป ได้แก่ N หรือ S และแถบสี
จักร
ขั้นที่ 6 อภิปรายผล (สไลด์หนำ้ 12 - 13) 30 นาที วาล
และ
นกั เรียนเตรียมงำนนำเสนอเพ่ือสรปุ ผลกำรทดลองของตนเอง และอภิปรำยถึงสิ่งทนี่ ักเรยี นได้เรียนรู้จำกกำร กาแ
ลก็ ซี
ทำกิจกรรม กำรดดู และผลักกันของแมเ่ หล็ก เด็กๆ ไดเ้ รียนรูอ้ ะไรจำกกำรผลกั กันของแม่เหล็ก แตล่ ะด้ำน 2

ของแม่เหลก็ มีบทบำทอยำ่ งไร

สไลด์ 12 นกั เรียนสรปุ ผลกำรสำรวจตรวจสอบว่ำไดผ้ ลเปน็ อยำ่ งไร

สไลด์ 13 ร่วมกนั อภิปรำยถึงผลกำรสำรวจตรวจสอบ หำกต้องกำรให้แม่เหล็กผลกั กนั จะตอ้ งหันด้ำนใดมำ

ชนกัน และตอ้ งนำมำไว้ใกลก้ ันแคไ่ หน หลังจำกนัน้ ร่วมกนั สรุปควำมรูเ้ ร่อื งแมเ่ หล็กที่นักเรียนไดเ้ รยี นผำ่ นมำ

- แม่เหลก็ จะสำมำรถดดู ของสงิ่ หน่งึ ทม่ี สี มบตั ิคล้ำยแมเ่ หลก็ ได้เทำ่ นนั้ แตไ่ มส่ ำมำรถผลักได้

- ในทำงกลบั กนั แมเ่ หล็กสำมำรถดูดและผลักแมเ่ หล็กอกี ตวั ได้ขึ้นอยู่กับว่ำหนั ด้ำนใดของ

แมเ่ หล็กเขำ้ หำกัน

- ดำ้ นของแม่เหลก็ ทม่ี ีอำนำจดูดหรือผลักกับแม่เหล็กอีกอันเรยี กวำ่ ขั้วแมเ่ หลก็ แมเ่ หลก็ ทกุ อนั

จะมที ัง้ ขวั้ เหนือและข้ัวใต้ แมเ่ หลก็ 2 อนั จะผลักกันหำกนำข้วั เดยี วกันมำชนกนั

การประเมนิ ผลโดยคานงึ ถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล

การประเมินผลย่อย
ครูสำมำรถจะประเมินควำมรู้ของนักเรียน ประเมินควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ท้ังในรูปของกำร

ถำมตอบระหว่ำงกำรทำกำรทดลอง และกำรประเมินกำรเขียนบรรยำยของกำรทดลองหรอื ประเมินจำกกำร
ใหน้ กั เรียนนำเสนอส่งิ ท่ีไดจ้ ำกกำรทำงำนของนักเรียนในเร่ืองกำรดูดกำรผลักกันของแม่เหล็ก
ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล

ในกิจกรรมกลุ่ม กำรแบ่งกลุ่มควรคละนักเรียนท่ีมีควำมสำมำรถต่ำงๆกัน เพ่ือให้นักเรียนเก่ง
สำมำรถช่วยนักเรยี นท่ีเรียนออ่ นกว่ำได้

3

ⓒ little Scientist House Project 2017

การเตรียมบทเรียน 2ค่า
สือ่ การเรียนการสอนท่ีใช้ ย
ดาร
ใบกจิ กรรม 1 : กำรดดู และผลักกนั ของแมเ่ หล็ก า
เครื่องมอื ท่ใี ช้ ศา
สต
1. แมเ่ หล็กแบบแทง่ กลุ่มละ 2 แทง่ /กลมุ่ ร์ 1
2. แมเ่ หล็กแบบกลม กลุม่ ละ 2 อนั /กลุม่
3. ตะเกียบ 1 แทง่ /กลมุ่ จักร
วาล
4 และ
กาแ
ⓒ little Scientist House Project 2017 ล็กซี

ใบกิจกรรมท่ี 2 แมเ่ หลก็ ดูดกันจรงิ หรอื 2

จดุ ประสงค์
1. นกั เรยี นสามารถบอกเงอื่ นไขของการเกดิ แรงดดู และผลกั กนั ของแม่เหล็กได้
2. นกั เรียนระบุขน้ั แม่เหล็กขวั้ เหนอื และขัว้ ใตไ้ ด้

วธิ ที าการทดลอง
1. วางแท่งแม่เหลก็ ตามภาพ
2. สงั เกตและบันทึกผลการทดลอง เพื่อหาคาตอบวา่ แมเ่ หล็กดูดกนั หรือผลักกนั อย่างไร โดยการ
วาดลกู ศรและทิศทาง พร้อมเขียนคาบรรยาย

บันทึกผลการทดลองท่ี 1 แม่เหล็กแบบแท่ง
กรณที ี่ 1

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กรณที ี่ 2

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กรณที ี่ 3

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1

กรณที ี่ 4 2

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กรณที ี่ 5

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

สรุปผลการทดลองตอนท่ี 1
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2

การทดลองที่ 2 แม่เหลก็ แบบแผน่ กลม 2
กรณีที่ 1 ใหน้ กั เรียนเอาไม้ตะเกียบใส่รตู รงกลางแมเ่ หลก็ 2 วง แล้วบนั ทึกผล

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………
กรณที ่ี 2 จากกรณที ี่ 1 ใหน้ ักเรยี นสลับดา้ นของแมเ่ หลก็ ท้งั สองวง แลว้ บนั ทกึ ผล
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กรณที ี่ 3 จากกรณที ี่ 1 ใหน้ กั เรียนสลับดา้ นของแมเ่ หล็กวงใดวงหน่งึ แล้วบนั ทึกผล
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สรุปผลการทดลองตอนที่ 2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3

การทดลองตอนท่ี 3 แม่เหล็กแผน่ กลมมขี ั้วหรอื ไม่

ให้นกั เรยี นวางแท่งแมเ่ หล็กตามภาพ สงั เกตและบันทกึ ผลการทดลอง เพอ่ื หาคาตอบวา่ แม่เหล็ก
ดูดกนั หรือผลกั กนั อย่างไร

กรณีที่ 1 กรณีท่ี 2

2

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กรณีท่ี 3

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

กรณที ี่ 4

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สรปุ ผลการทดลอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4

แม่เหลก็

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 : แม่เหลก็ สามารถดูดกันโดยไม่ตอ้ งสมั ผสั กนั

บทนา

ในขณะท่ีนักเรียนกำลังเปิดตู้เย็นของชำร่วย - แมเ่ หล็กสำมำรถดดู กันไดแ้ มม้ ีสิง่ ขวำงกนั้ 3
ท่ี ติ ด อ ยู่ บ ริเว ณ ฝ ำ ตู้ เย็ น ก็ ต ก ล งบ น พ้ื น แ ล้ ว แ ต ก ในแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 จะใช้เวลำเรียน
นักเรียนจึงหยิบชิ้นส่วนที่แตกออกมำไปติดไว้ 2 คำบ กำรเรียนรู้หลงั จำกนักเรียนไดเ้ รียนรู้แล้วว่ำ
บรเิ วณเดมิ แต่ไม่สำมำรถประกอบเข้ำไปไดท้ ุกสว่ น แม่เหล็กสำมำรถดูดและผลักแม่เหล็กอีกตัวได้
เพ ร ำ ะ มี บ ำ ง ส่ ว น ท่ี ติ ด เข้ ำ ที่ ได้ แ ต่ บ ำ ง ส่ ว น ไ ม่ ขึ้ น อ ยู่ กั บ ว่ ำ หั น ด้ ำ น ใด ข อ ง แ ม่ เห ล็ ก เข้ ำ ห ำ กั น
สำมำรถติดได้ (โดยส่วนสำมำรถติดเข้ำไปได้คือ นั ก เรี ย น จ ะ ได้ เรี ย น รู้ ว่ ำ แ ม่ เห ล็ ก จ ะ ดู ด สิ่ ง ข อ ง
ส่วนท่ียังเหลือแม่เหล็กอยู่ แต่ส่วนท่ีไม่สำมำรถติด ท่ีมีสมบัติแม่เหล็กได้เมื่อนำมำสัมผัสกันเท่ำนั้น
ได้คือส่วนท่ีไม่มีแม่เหล็กติดอยู่) นักเรียนจึงเกิด ห รื อ ไม่ โ ด ย ท่ี นั ก เรี ย น จ ะ ต้ อ ง ท ำ ง ำ น เป็ น ก ลุ่ ม
ควำมสงสยั วำ่ เพรำะเหตใุ ดจงึ เปน็ เชน่ น้ัน เพ่ือหำคำตอบว่ำแม่เหล็กสำมำรถดูดติดสิ่งของที่
อยู่ไกลออกไปได้หรือไม่ และสำมำรถดูดติดสิ่งของ
- แมเ่ หล็กสำมำรถดูดสิ่งของได้ ในระยะท่ีไกลทสี่ ดุ เท่ำใด
- แม่เหล็กไม่ได้ดดู กันเทำ่ นน้ั แต่ยังผลักกนั ได้
- แม่เหล็กดดู กันไดโ้ ดยไม่ตอ้ งสัมผัสกัน

แนวคิดหลกั
แมเ่ หล็กสำมำรถดดู วัสดทุ มี่ ีสำรแม่เหลก็ เป็นองคป์ ระกอบได้แม้ไมไ่ ดส้ มั ผัสกัน โดยแรงดังกลำ่ วจะ

ลดลงเมือ่ วสั ดุอย่หู ่ำงจำกแม่เหล็กเพิม่ ขึ้น

คาศัพท์
แมเ่ หล็ก แรงดูด ระยะห่ำงจำกแม่เหล็ก

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
นักเรยี นสำมำรถ : สงั เกตและอธิบำยกำรดูดสิง่ ของของแม่เหลก็ โดยไม่ต้องสัมผัสกันได้

1

ⓒ Inspiring Science Project 2012

กิจกรรมการเรียนรู้ 110 นาที

ขนั้ ท่ี 1 ต้ังคาถามเกยี่ วกบั ปรากฏการณธ์ รรมชาติ 10 นาที

แมเ่ หลก็ สำมำรถดดู สิง่ ของที่อยไู่ กลออกไปได้หรือไม่

1. แนะนำบทเรียนเร่อื ง แมเ่ หล็กสำมำรถดดู กนั โดยไม่ตอ้ งสมั ผัสกัน และสอบถำมควำมร้เู ดิมของนกั เรียน

เกีย่ วกบั เร่ือง แม่เหล็กทนี่ ักเรียนไดเ้ รยี นมำแลว้
2. บอกจุดประสงคข์ องกำรเรยี นรู้
3. ครูใชค้ ำถำมกระตนุ้ กำรคิดของนักเรยี น ดังนี้ “เดก็ ๆ คิดวำ่ แมเ่ หลก็ สำมำรถดดู ส่งิ ของทอ่ี ยไู่ กลออกไป

ได้หรอื ไม”่

ข้ันท่ี 2 รวบรวมความคดิ และขอ้ สนั นิษฐาน 20 นาที

1. ครเู ตรยี มกำรทดลองใหน้ ักเรียน โดยเตรยี มลวดเสยี บกระดำษและแมเ่ หล็ก พร้อมกับแนะนำอุปกรณ์ 3
ทีจ่ ะใชใ้ นกำรทดลอง ไดแ้ ก่ ลวดเสยี บกระดำษและแม่เหลก็

2. ครแู บง่ กลุ่มนักเรยี นออกเปน็ กลุ่มๆ ละ 3 – 4 คน
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกำรทดลองนำลวดเสียบกระดำษไปวำงไว้ใกล้ๆ กับแม่เหล็กแล้วสงั เกตกำรเปล่ยี นแปลง
ทเ่ี กิดข้ึน
4. ครูและนักเรยี นพูดคุยแลกเปลย่ี นเรียนรู้กันเก่ียวกับสิ่งทสี่ ังเกตได้จำกกำรทดลอง โดยใช้คำถำม ดังน้ี

- เด็กๆ คิดว่ำแม่เหล็กจะดูดสิ่งของท่ีมีสมบัติแม่เหล็กได้เม่ือนำมำสัมผัสกันเท่ำน้ันหรือไม่ และทุกด้ำนของ
แม่เหลก็ มแี รงดูดวสั ดทุ ี่มีสมบตั ิคล้ำยแม่เหล็กมำกเท่ำกันหรือไม่

- ในขณะท่ีทำกำรแลกเปล่ียนเรียนรู้ ครูสังเกตว่ำนักเรียนมีควำมรู้ในเร่ืองเกี่ยวกับกำรดูดของแม่เหล็กถูกต้อง
หรอื ไม่ และเด็กๆ มคี วำมคิดเหน็ ต่อสถำนกำรณ์ดังกล่ำวอย่ำงไร
5. ครูใช้คำถำมเพื่อกระตุ้นกำรคดิ นักเรยี น ดังนี้ “เด็กๆ คำดเดำว่ำแม่เหล็กจะสำมำรถดูดลวดเสียบจำกระยะไกล
ไดเ้ หมือนกันหรอื ไม่ เพรำะเหตุใด”

ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบตั ิการสืบเสาะ 30 นาที

1. ครใู หค้ ำแนะนำแกน่ ักเรยี น เพือ่ ให้หำคำตอบวำ่ แม่เหล็กแต่ละแท่งดดู กบั สงิ่ ของทมี่ สี มบัติแม่เหล็ก
และน้ำหนกั เบำในระยะไกลเพยี งใด

2. ครแู นะนำอุปกรณท์ จี่ ะใช้ในกำรทดลองตอนที่ 1 ได้แก่ ลวดเสียบกระดำษ และแม่เหลก็ ขนำดต่ำงกนั
และแนะนำวิธีกำรทดลอง ดังนี้ กำรทดลองตอนที่ 1 แบ่งออกเป็น 5 ฐำน โดยแต่ละฐำนใช้แม่เหล็กที่มีรูปร่ำง
แตกต่ำงกัน คือ ฐำนที่ 1 ใช้แม่เหล็กรูปตัวยู ฐำนที่ 2 ใช้แม่เหล็กแท่งกลม ฐำนที่ 3 ใช้แม่เหล็กรูปกระดุม
ฐำนท่ี 4 ใชแ้ ม่เหล็กรปู วงแหวน และฐำนท่ี 5 ใช้แม่เหล็กรปู แท่งส่ีเหลี่ยม ในแต่ละฐำนให้นักเรียนนำลวดเสียบ
กระดำษตวั หน่ึงไปวำงไว้ให้อยู่ห่ำงจำกแม่เหล็กพอควร แล้วใช้ไม้บรรทัดค่อยๆ ดันลวดเสียบกระดำษเข้ำไปหำ
แม่เหล็ก พร้อมท้ังทำสัญลกั ษณ์ไวบ้ รเิ วณท่ีลวดเสียบกระดำษถูกแม่เหล็กดูดโดยกำหนดเวลำให้นักเรียนทำกำร
ทดลองในแตล่ ะฐำน ฐำนละ 5 นำที

2

ⓒ Inspiring Science Project 2012

3. ครูแนะนำให้นักเรียนสังเกตกำรเปลย่ี นแปลงทเ่ี กิดขน้ึ ในขณะทำกำรทดลองตอนท่ี 1 และบันทึกสง่ิ ที่
สงั เกตได้ลงในใบกจิ กรรม

4. เม่ือนักเรียนทำกำรทดลองครบทั้ง 5 ฐำนแล้ว ครูแนะนำกำรทดลองตอนที่ 2 ให้กับนักเรียนดังนี้
ให้นักเรียนวำงลวดเสียบกระดำษในตำแหน่งต่ำงๆ ตำมแผนผัง จำกนั้นให้วำงแท่งแม่เหล็กไว้ตรงกลำง สังเกต
กำรเปลยี่ นแปลงของลวดเสียบกระดำษ

5. ครูแนะนำให้นักเรียนสังเกตกำรเปลี่ยนแปลงของลวดเสียบจะดูดติดอยู่ที่บริเวณใดของแม่เหล็ก
พร้อมทั้งบนั ทกึ สิง่ ท่ีสังเกตได้ลงในใบกจิ กรรม

ขน้ั ท่ี 4 สังเกตและบรรยาย 15 นาที

ครซู กั ถำมนักเรียนเกีย่ วกบั ส่งิ ทีเ่ ดก็ ๆ สงั เกตเห็นจำกกจิ กรรมกำรทดลองตอนที่ 1 และกำรทดลองตอนท่ี 2 3
เพื่อให้อธิบำยสิ่งท่ีนักเรียนสังเกตเห็นในขณะเกิดกำรดูดกันระหว่ำงลวดเสียบกระดำษกับแม่เหล็ก โดยใช้
คำถำม ดงั นี้

- แม่เหล็กดดู ลวดเสียบกระดำษจำกระยะห่ำงเท่ำใด
- กำรเลือกใช้แม่เหล็กที่มีรูปร่ำงและแรงดูดต่ำง ๆ กัน รวมทั้งตำแหน่งของแม่เหล็กให้ผลลัพธ์
ท่ีแตกต่ำงกนั หรอื ไม่

- หำกเปลี่ยนแม่เหล็ก ผลกำรทดลองทไี่ ดจ้ ะเหมือนกันหรือไม่
- ลวดเสยี บกระดำษจะดดู ติดอยู่ที่บริเวณใดของแม่เหลก็ แตล่ ะตวั

ข้ันที่ 5 บันทึกข้อมูล 20 นาที

1. นกั เรยี นในแต่ละกลุม่ ชว่ ยกนั เขยี นข้อมูลทไ่ี ด้จำกกำรสังเกตลงบนใบกจิ กรรม โดยแบง่ กำรบันทึกข้อมลู

ออกเปน็ ผลกำรทดลองกิจกรรม A และกิจกรรม B เช่น ใชแ้ ม่เหล็กอนั ไหน วำงแม่เหลก็ อย่ำงไร และลวดเสียบ
กระดำษดดู ติดดำ้ นใดของแมเ่ หลก็

2. กำรบนั ทกึ ขอ้ มูลของนกั เรยี น ให้นกั เรียนบนั ทกึ ขอ้ มูลลักษณะกำรดดู ของลวดเสยี บกระดำษกับแมเ่ หล็ก

และรปู ทรงของแม่เหล็ก อำจจะใช้วธิ ีกำรวำดภำพประกอบกับกำรจดบันทึกลงในใบบนั ทกึ กจิ กรรม

ข้นั ที่ 6 อภปิ รายผล 15 นาที

1. ครแู ละนกั เรียนพดู คยุ แลกเปลี่ยนประสบกำรณ์จำกกำรสงั เกตรว่ มกนั โดยพดู คุยกนั ในประเด็นดังน้ี

นกั เรยี นค้นพบอะไรจำกกำรทดลอง และผลกำรทดลองทีไ่ ดต้ รงกับสิง่ ที่นกั เรยี นคำดเดำไวห้ รอื ไม่
2. จำกกำรพูดคยุ แลกเปล่ียนประสบกำรณ์ควรจะไดข้ ้อสรุปดงั น้ี นักเรียนทรำบว่ำแม่เหล็กสำมำรถดดู

ส่ิงของท่ีมีสมบัติแม่เหล็กได้แม้จะมีระยะห่ำงกันก็ตำม และแม่เหล็กแต่ละด้ำนไม่ได้ดูดแม่เหล็กได้ดีเท่ำกัน

นอกจำกน้ีควำมแรงของแม่เหล็กและระยะห่ำงระหวำ่ งแม่เหลก็ กบั ส่ิงของทม่ี ีสมบัติแม่เหล็ก ล้วนมีผลตอ่ กำรเริ่ม
ดูดลวดเสยี บกระดำษ

3

ⓒ Inspiring Science Project 2012

การประเมินผลโดยคานงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล

การวัดและประเมินผล

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ หลกั ฐานการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน

สังเกตและอธิบำยกำรดูด แบบบันทึกกิจกรรมกำรทดลอง ด ำ เนิ น ก ำร ท ด ล อ งได้

สงิ่ ของของแมเ่ หล็กโดยไมต่ ้อง ครบถ้วนและบนั ทกึ ผลกำร

สัมผัสกนั ได้ ทดลองไดถ้ กู ตอ้ ง

การประเมนิ ผลย่อย 3
ครูสำมำรถประเมินควำมรู้ของนักเรียนและควำมก้ำวหน้ำได้จำกกำรตอบแลกเปล่ียนส่ิงที่สังเกตเห็น

และจำกกำรตอบคำถำมในช้ันเรียน นักเรียนท่ีมีพื้นฐำนควำมรู้ดีกว่ำและสำมำรถแลกเปลี่ยนเรียนรู้และตอบ
คำถำมไดด้ กี ว่ำ

ความแตกต่างระหว่างบคุ คล
ในกิจกรรมกลุ่ม กำรแบ่งกลุ่มแบบคละควำมสำมำรถ เพ่ือให้นักเรียนเก่งสำมำรถช่วยนักเรียนที่เรียน

อ่อนกว่ำได้

การเตรียมบทเรยี น

สอ่ื การเรยี นการสอนท่ใี ช้

ใบกจิ กรรม: เรื่อง แมเ่ หลก็ สำมำรถดดู กนั โดยไมต่ ้องสัมผัสกนั

เครื่องมอื ทีใ่ ช้

ใบกิจกรรมท่ี 3 เร่ือง แมเ่ หลก็ สำมำรถดดู กนั โดยไมต่ ้องสัมผัสกนั

ลวดเสียบกระดำษ 8 – 10 อนั ต่อกลุม่

แม่เหล็กรูปตัวยู 1 อันต่อกลุ่ม

แม่เหล็กแท่งกลม 1 อันตอ่ กลุ่ม

แมเ่ หล็กรปู กระดมุ 1 อนั ต่อกลุ่ม

แม่เหล็กรปู วงแหวน 1 อนั ต่อกลุม่

แม่เหลก็ รูปแท่งสีเ่ หลยี่ ม 1 อนั ต่อกลมุ่

4

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ใบกจิ กรรมท่ี 3 เรื่อง แมเ่ หล็กสามารถดูดกันโดยไม่ต้องสัมผัสกนั

จุดประสงค์ : นกั เรียนสามารถสงั เกตและอธบิ ายการดูดสง่ิ ของของแมเ่ หล็กโดยไมต่ ้องสัมผสั กนั ได้

กจิ กรรมการทดลอง ตอนท่ี 1

คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนทาการทดลองในแตล่ ะฐานการทดลอง แล้วบันทึกระยะที่ไกลที่สุดท่ีแมเ่ หลก็ สามารถ
ดูดลวดเสียบได้ลงในตารางบันทกึ ผลการทดลอง

การทดลอง ผลการทดลอง

3

สรุปผลการทดลอง ตอนท่ี 1
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

1

กิจกรรมการทดลอง ตอนท่ี 2

คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นทาการทดลอง แล้วบันทึกการเปลยี่ นแปลงของลวดเสยี บในตาแหนง่ ตา่ งๆ ท่ีสงั เกตได้
ในขณะทท่ี าการทดลอง ลงในแบบบันทกึ การทดลอง

1 3
6
5
6

4
3
4
7
8
2

สรุปผลการทดลอง ตอนที่ 2
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2

กจิ กรรมการทดลอง ตอนที่ 2
แผนผงั การวางแทง่ แม่เหล็กและลวดเสยี บกระดาษ

1 3
6
5
6

4
3
4
7
8
2

3

แมเ่ หลก็

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 4 : แมเ่ หลก็ ดูดได้แม้มสี ่งิ ขวางกนั้

บทนา - แม่เหล็กสามารถดูดกนั ได้แมม้ สี ิ่งขวาง ค่าย4
ก้ันในแผนการจัดการเรียนรู้ 4 จะใช้เวลาเรียน ดาร
ในขณะท่ีนักเรียนกาลังเปิดตู้เย็น ของชาร่วย า
ที่ติ ด อยู่ บ ริเ ว ณฝา ตู้ เย็ น ก็ต ก ลงบ น พ้ืน แ ล้ว แ ต ก 2 คาบ หลงั จากที่นักเรียนได้รับมอบหมายงาน ศา
นั ก เ รี ย น จึ ง ห ยิ บ ช้ิ น ส่ ว น ที่ แ ต ก อ อ ก ม า ไ ป ติ ด ไ ว้ ใ ห้ อ อ ก แ บ บ ก า ร์ ตู น ติ ด ตู้ เ ย็ น ท่ี ส า ม า ร ถ ติ ด สต
บริเวณเดิม แตไ่ ม่สามารถประกอบเข้าไปได้ทกุ ส่วน ร์ 1
เ พ ร า ะ มี บ า ง ส่ ว น ที่ ติ ด เ ข้ า ท่ี ไ ด้ แ ต่ บ า ง ส่ ว น ท่ี ไ ม่ กระดาษได้หลายแผ่น นักเรียนเกิดความสงสัย
สามารถติดได้ นักเรียนจึงเกิดความสงสัยว่า ขึน้ มาทันทีจงึ ถามครวู ่าถ้ามีกระดาษมาขวางก้ัน จกั ร
เพราะเหตุใดจงึ เปน็ เช่นนนั้ แม้เหล็กจะดูดติดกับตู้เย็นได้อย่างไร ครูจึงให้ วาล
และ
- แมเ่ หล็กสามารถดูดสงิ่ ของได้ นัก เรี ยน ไ ด้ ค้น ห าค าต อบ ขอ ง ข้อ สง สัย นี้ด้ ว ย กาแล็
- แม่เหลก็ ไม่ไดด้ ดู กนั เท่าน้นั แต่ยังผลักกันได้ ตนเอง
- แมเ่ หล็กดดู กนั ได้โดยไม่ตอ้ งสัมผัสกัน
คาศพั ท์

แรงแม่เหลก็

จุดประสงค์การเรยี นรู้

นักเรยี นสามารถ :
1. จาแนกชนดิ ของวสั ดุท่ีขวางก้ันแรงแม่เหลก็ ได้และไมไ่ ด้
2. อธิบายได้วา่ แรงของแมเ่ หล็กก็สามารถเดินทางทะลผุ า่ นวัสดุทมี่ ากดี ขวางได้

กจิ กรรมการเรียนรู้ 110 นาที

ขนั้ ท่ี 1 ต้งั คาถามเกี่ยวกบั ปรากฏการณ์ธรรมชาติ (สไลดห์ นา้ 1 - 3) 20 นาที

ครมู อบหมายงานให้นักเรยี นทาตุ๊กตาติดตู้เย็นท่ีสามารถติดกระดาษได้มากที่สุดทาให้นักเรียนเกิดข้อสงสัย
วา่ ถ้ามีกระดาษมาขวางกน้ั แม่เหล็กจะดดู ติดกบั ตู้เยน็ ไดอ้ ยา่ งไร

สไลด์ 1: นกั เรียนดูภาพการใชแ้ ม่เหลก็ ติดกระดาษโน้ตไวท้ ่ีต้เู ยน็

สไลด์ 2: อธบิ ายจุดประสงคข์ องการเรียนรูใ้ นหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ี
สไลด์ 3: ครอู ภิปรายกบั เด็กๆ ว่าแมเ่ หล็กสามารถดดู ของอ่ืนๆ เชน่ ลวดเสียบกระดาษ โดยผา่ นวสั ดุ
อน่ื ๆไดห้ รอื ไม่

1
ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขน้ั ที่ 2 รวบรวมความคดิ และข้อสันนิษฐาน (สไลดห์ น้า 4 - 5) 30 นาที

นักเรียนเลือกวสั ดุทจ่ี ะนามาทดสอบ และตง้ั ขอ้ สันนิฐาน ค่าย
สไลด์ 4: นกั เรยี นดูภาพวสั ดตุ ่างๆ เช่น ไม้ กระดาษ ผา้ แผน่ พลาสติกใส แผ่นอลูมเิ นียม

สไลด์ 5: ครูอภิปรายร่วมกนั ถงึ ปัจจยั ท่มี ีผลตอ่ แรงของแมเ่ หลก็ เม่อื ผา่ นสงิ่ ขวางกน้ั เช่น ชนดิ ของวสั ดมุ ผี ล
ต่อแรงแมเ่ หลก็ หรอื ไม่อย่างไร ความหนาของวตั ถมุ ผี ลตอ่ แรงแมเ่ หล็กหรอื ไมอ่ ย่างไร

ขั้นที่ 3 ทดสอบและปฏิบัติการสบื เสาะ (สไลดห์ นา้ 6) 30 นาที ดาร

นกั เรียนทาการทดสอบ และปฏบิ ัตกิ ารสืบเสาะ

สไลด์ 6: นักเรียนแต่ละกลมุ่ ปฏบิ ตั ิการทดลองทาตามใบกิจกรรม 1 เรอ่ื ง ชนิดของวัสดุกับการขวางกน้ั
แรงแม่เหลก็ และใบกจิ กรรมที่ 2 เรอื่ ง ความหนาของวสั ดกุ บั การขวางกนั้ แรงแม่เหลก็

ข้ันที่ 4 สังเกตและบรรยาย (สไลดห์ นา้ 7 ) 15 นาที ศา
สต
นกั เรยี นสงั เกตผลที่เกิดขึน้ ระหว่างการทาการทดลอง 4ร์ 1

สไลด์ 7: นักเรียนเลา่ หรือบนั ทึกว่าแม่เหล็กดดู ลวดเสียบกระดาษผา่ นวสั ดทุ ี่ใช้เปน็ สง่ิ กดี ขวางทมี่ อี ยู่หลาย จักร
ชนิดอย่างไร นักเรียนสังเกตเห็นอะไรบ้าง ความหนาของสิ่งที่มากีดขวางหรือจานวนของสิ่งท่ีมากีดขวาง วาล
และ
มีบทบาทอยา่ งไรต่อการดูดของแม่เหลก็ กาแล็
ขอ้ แนะนา นักเรียนแตล่ ะคนอาจไดผ้ ลการทดลองไม่เหมอื นกนั ท้งั นีข้ ึ้นอยกู่ บั ความแรงของแมเ่ หลก็ ทใี่ ช้

ข้ันที่ 5 บันทึกข้อมูล (สไลดห์ น้า 8) 15 นาที

นกั เรยี นบนั ทกึ ผลการทดลอง

สไลด์ 8: ครูถ่ายรปู สิง่ ของหรือวัสดทุ ี่ใชใ้ นการทดลองซึ่งแบ่งเป็น 2 กลมุ่ คอื กลมุ่ ทแี่ รงแม่เหลก็ สามารถ
ทะลผุ ่านได้ กบั กลมุ่ ทีข่ วางก้ันแรงแมเ่ หล็ก การเรยี กชอื่ สงิ่ ของเหลา่ นน้ั อาจจะใช้ชอ่ื ที่เรยี กสิง่ ของเหลา่ น้นั

อยแู่ ลว้ หรือชือ่ ปกตทิ ่ีใช้เรยี กกนั ทั่วไปใหเ้ ด็กทา “บนั ทึกความเขา้ ใจ” สาหรบั วสั ดุแต่ละประเภท เช่น วสั ดุ
ชนดิ นมี้ คี ณุ สมบตั ขิ วางกัน้ อานาจแม่เหล็กหรอื ไม่มากน้อยเพียงใด แรงแม่เหล็กสามารถทะลผุ ่านวสั ดนุ ั้นๆ
ได้กชี่ ั้นจนดูดกบั ลวดเสียบกระดาษได้ จากนั้นกใ็ หน้ าผลการทดลองไปแปะผนังหรอื จัดนทิ รรศการ

ในโรงเรียน

ขน้ั ที่ 6 ข้นั อภิปราย (สไลด์หนา้ 9 - 10) 15 นาที

นักเรียนอภิปรายและสรปุ ผลการทดลอง

สไลด์ 9: นักเรียนบอกช่ือวัสดุที่ใช้ในการทดลองได้ถูกต้องและสามารถสรุปได้ว่าอานาจแม่เหล็กสามารถ
ทะลุผา่ นวสั ดุชนิดใดไดแ้ ละไมไ่ ด้ คดั แยกกองวสั ดุและส่ิงของไดถ้ กู ตอ้ ง

2
ⓒ Inspiring Science Project 2012

สไลด์ 10: ครูพูดคุยกับนักเรียนว่าความหนาของวัสดุท่ีใช้ในการทดลองนั้นมีผลอย่างไรต่อพลังในการดูด

ของแมเ่ หล็ก เม่ือนักเรียนได้รู้แล้วว่าแม่เหล็กสามารถดูดส่ิงของได้ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ติดกัน นักเรียนก็อาจจะ
เขา้ ใจดว้ ยว่าแรงของแม่เหลก็ ก็สามารถเดนิ ทางทะลุผ่านวัสดทุ ีม่ ากดี ขวางได้ดว้ ย

การประเมนิ ผลโดยคานงึ ถึงความแตกต่างระหว่างบคุ คล ค่าย
ดาร
การประเมินผลยอ่ ย า
ครูสามารถจะประเมนิ ความรู้ของนักเรยี น และความก้าวหน้าได้จากการทางานของนกั เรยี นในเรอื่ ง

แม่เหล็กสามารถดูดกันไดแ้ มม้ สี ิ่งขวางก้นั นกั เรียนที่เก่งจะมพี ืน้ ฐานความรดู้ ีกวา่
ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล

ในกิจกรรมกลมุ่ การแบ่งกล่มุ จะผสมนกั เรียนท่มี คี วามสามารถตา่ งๆ กนั เพ่อื ให้นกั เรียนเกง่
สามารถช่วยนกั เรียนท่เี รียนอ่อนกวา่ ได้

การเตรยี มบทเรียน 4ศา
สต
ส่อื การเรียนการสอนที่ใช้ ร์ 1
ใบกิจกรรม 1 : ชนิดของวัสดุกับการขวางกัน้ แรงแมเ่ หล็ก
ใบกจิ กรรม 2 : ความหนาของวัสดกุ บั การขวางกั้นแรงแมเ่ หล็ก จักร
วาล
เครอื่ งมือที่ใช้ และ
กาแล็
ข้ันต้ังคาถามเกีย่ วกับปรากฏการณธ์ รรมชาติ
แม่เหลก็ ติดตเู้ ย็น

ขั้นรวบรวมความคิดและขอ้ สันนษิ ฐาน
ไมม่ ี

ขั้นทดสอบและปฏบิ ัตกิ ารสืบเสาะ
ผ้า กระดาษ แผน่ พลาสตกิ ใส แผ่นไมอ้ ดั แผน่ อลูมิเนียม ลวดเสยี บลวด

ข้ันสงั เกตและบรรยาย
ไม่มี

ข้นั บันทึกข้อมลู
ไม่มี

ขน้ั อภิปรายผล
ไม่มี

3
ⓒ Inspiring Science Project 2012

กิจกรรรมท่ี 1 ชนดิ ของวสั ดุกบั การขวางก้นั แรงแมเ่ หล็ก 4
คาถาม ชนดิ ของวัสดุมีผลต่อการขวางกน้ั แรงแมเ่ หล็กหรอื ไม่อย่างไร
วิธกี ารทดลอง

รูปภาพตวั อย่างการทดลอง

1. ให้นกั เรียนวางเดก็ ๆ วางแม่เหล็กพลังสงู ไวบ้ นโตะ๊ หรอื บนพ้ืน แลว้ นาลวดเสยี บกระดาษมาวาง
ใกล้ๆ แมเ่ หล็กเพ่อื ตรวจสอบดูวา่ แมเ่ หลก็ มีปฏิกิริยาอย่างไรกบั ลวดเสียบกระดาษ

2. จากนั้นใหน้ กั เรียนวางผ้าไวบ้ นแมเ่ หล็กเพื่อขวางอานาจการดงึ ดดู ของแม่เหลก็ แล้วดูวา่ แมเ่ หล็กยงั
สามารถดูดลวดเสียบกระดาษได้อยู่หรือไม่ถ้าดูดไม่ได้ให้ทาเครื่องหมายถูกลงในตารางบันทึกผลช่องที่ดูด
ไมไ่ ด้แต่ถา้ ดูดได้ให้นักเรียนทาเครื่องหมายถูกลงในตารางบนั ทกึ ผลในช่องที่ดูดได้แล้วเพิ่มลวดเสียบกระดาษ
ไปอีกครั้ง 1 อนั ไปเรอ่ื ยๆ จนกวา่ แมเ่ หล็กจะดดู ไมไ่ ด้แลว้ บนั ทึกจานวนของลวดเสียบกระดาษทถี่ กู ดูดทั้งหมด
ลงในตารางบนั ทกึ ผล

3. เปลี่ยนวสั ดุจากผา้ เป็น กระดาษ แผ่นพลาสตกิ ใส แผ่นอลูมเิ นียม ไมอ้ ัด ตามลาดับแลว้ ทาตาม
ขน้ั ตอนในขอ้ 2
การสังเกตและการบรรยาย
ให้นักเรียนเขยี นหรอื วาดภาพส่งิ ทส่ี งั เกตได้ระหวา่ งทาการทดลองลงในช่องสีเ่ หลี่ยมท่กี าหนดให้

1

บนั ทกึ ผลการทดลอง

ชนิดของวัสดุ ผลการทดสอบ จานวนลวดเสียบ
ดดู ได้ ดูดไมไ่ ด้ กระดาษทถ่ี ูกดดู
ผา้
กระดาษ
แผน่ พลาสติกใส
แผ่นอลูมเิ นียม
ไมอ้ ัด

อภปิ รายผลการทดลอง 4
วสั ดทุ ีข่ วางก้ันแรงแมเ่ หลก็ ได้ ได้แก่………………………………………………………………………
วสั ดทุ ่ีขวางกั้นแรงแม่เหลก็ ไม่ได้ ไดแ้ ก่………………………………………………………………………

2

กิจกรรรมท่ี 2 ความหนาของวสั ดุกบั การขวางกน้ั แรงแมเ่ หลก็ 4
คาถาม ความหนาของวสั ดมุ ีผลตอ่ การขวางกั้นแรงแมเ่ หล็กหรอื ไม่อยา่ งไร
วิธีการทาการทดลอง

รูปภาพตวั อย่างการทดลอง

1. ใหน้ กั เรยี นวางเด็กๆ วางแม่เหล็กพลงั สงู ไวบ้ นโต๊ะหรอื บนพ้ืน แล้วนาลวดเสยี บกระดาษมาวางใกล้ๆ
แมเ่ หล็กเพ่อื ตรวจสอบดูว่าแมเ่ หล็กมีปฏกิ ิรยิ าอยา่ งไรกบั ลวดเสยี บกระดาษ
2. จากนน้ั ให้นักเรียนวางแผ่นกระดาษไวบ้ นแม่เหล็กเพ่ือขวางอานาจการดงึ ดูดของแมเ่ หล็กแลว้ ดวู ่า
แม่เหลก็ ยงั สามารถดดู ลวดเสยี บกระดาษไดห้ รือไม่แลว้ บันทกึ ผล
3. เพิ่มจานวนกระดาษครัง้ ละ 1 แผน่ แลว้ ทาการทดลองเหมอื นขอ้ 2 แล้วเพิม่ จานวนแผ่นกระดาษข้ึน
เร่อื ยๆทลี ะ 1 แผ่นจนกวา่ จะไมส่ ามารถดดู ลวดเสยี บกระดาษไดแ้ ล้วบนั ทึกผล
การสังเกตและการบรรยาย
ใหน้ ักเรียนเขยี นหรอื วาดภาพสง่ิ ท่สี ังเกตได้ระหว่างทาการทดลองลงในช่องสเี่ หล่ียมทก่ี าหนดให้

1


Click to View FlipBook Version