The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตัวอย่างแผนการสอนบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยระดับประถมศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sawawer, 2022-03-30 00:11:36

แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บ้านนักวิทย์ ระดับประถมศึกษา

ตัวอย่างแผนการสอนบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยระดับประถมศึกษา

รวบรวมความคิดและขอ้ สนั นิษฐาน 10 นาที

นักเรียนรวบรวมความคิด ต้ังข้อสันนิษฐานเก่ียวกับตาแหน่งของดาวเคราะห์ คาบการโคจรของดาวเคราะห์

ในการโคจรรอบดวงอาทติ ย์

1. ครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลุม่ ๆ ละ 10 คน โดยคละความสามารถของนักเรียน

2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมสมองเก่ียวกับตาแหน่งของดาวเคราะห์ และคาบการโคจร

(ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการโคจรรอบดวงอาทติ ย)์ รอบดวงอาทติ ยข์ องดาวเคราะห์แต่ละดวง

3. นักเรียนแต่ละกลุ่มต้ังสมมติฐานเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างคาบการโคจรของดาวเคราะห์

และรศั มกี ารโคจร พรอ้ มกบั สรา้ งแบบจาลองโดยใชแ้ ผนภาพแสดงตาแหนง่ ของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์

2

ที่มา: http://thaiastro.nectec.or.th/skyevent/article/2015-planets/

ทดสอบและปฏบิ ัตกิ ารสืบเสาะ 60 นาที

นกั เรยี นศกึ ษาคาบการโคจรของดาวเคราะห์ โดยศึกษาเปรยี บเทียบระหว่างระยะทางกับเวลาท่ีใชใ้ นการโคจร

รอบดวงอาทิตย์ ด้วยกิจกรรมมาราธอนดาวเคราะห์

1. นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรมมาราธอนดาวเคราะห์ โดยแบ่งหน้าท่ีของนักเรียนแต่ละกลุ่มตาม

บทบาทสมมติ ไดแ้ ก่ ดาวเคราะห์ท้งั 8 ดวง จานวน 8 คน ดวงอาทิตย์ 1 คน และผสู้ งั เกตอีก 1 คน

2. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันประดิษฐ์หมวกจากกระดาษ แล้ววาดภาพดาวเคราะห์ ระบายสี

ใหส้ วยงาม พร้อมทงั้ ระบชุ อื่ ดาวเคราะห์ลงบนหมวก ดงั ภาพ

SUN

2

3. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทากิจกรรมมาราธอนดาวเคราะห์ โดยทากจิ กรรมกลางแจ้ง เช่น สนามฟุตบอล
สนามหญ้า หรือบรเิ วณทม่ี พี ้ืนทก่ี ว้างๆ สาหรับว่งิ มาราธอน

- ตัวแทนนกั เรียนทร่ี ับบทเป็นดวงอาทติ ย์ยนื อยตู่ รงกลาง
- นักเรยี นทร่ี ับบทเป็นดาวเคราะห์ทงั้ 8 ดวง ยนื หา่ งจากดวงอาทิตย์ โดยเรียงตามลาดับดาว

เคราะห์ในระบบสุริยะทั้ง 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนสั
และดาวเนปจูน ตามลาดับ โดยให้ทุกคนเรมิ่ จากจัดแถวหน้ากระดานเรียงหนงึ่ หา่ งกัน 2 ช่วงแขน ดงั รปู

ดวงอาทิตย์ ดาวพธุ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส ดาวเนปจูน 2

หมายเหตุ ถ้าตอ้ งการประหยัดเวลาครูควรเตรยี มแบบจาลองวงโคจรใหน้ ักเรียนก่อนทากจิ กรรม

- นักเรียนที่เป็นผู้สังเกตจะเป็นคนให้สัญญาณ ให้เพื่อนๆ ในกลุ่ม แข่งกันวิ่งเป็นวงกลมรอบ
ดวงอาทติ ย์ โดยให้รกั ษาระยะหา่ งจากดวงอาทติ ย์ใหค้ งท่ี

- เมอ่ื ได้ยินสัญญาณใหด้ าวเคราะห์แต่ละดวงเริ่มวิ่ง พรอ้ มกบั สง่ เสยี งว่าตัวเองคอื ดาวเคราะห์

ดวงใด เช่น “ฉันคือพลูโต” เปน็ ตน้
- นักเรียนท่ีเป็นผู้สังเกต บันทึก และเปรียบเทียบเวลาที่ใช้ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์

ของดาวเคราะหแ์ ต่ละดวง
4. หลังจากเสร็จกิจกรรม นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายผล
ขอ้ ควรระวัง : ระวงั อนั ตรายทอ่ี าจเกดิ ขึ้นได้ในระหวา่ งการวิง่ อาจทาให้หกลม้ ได้

การสังเกตและบรรยาย 20 นาที

นักเรียนบรรยายส่ิงที่ตนเองได้เรียนรู้จากกิจกรรมมาราธอนดาวเคราะห์ ในประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์

ระหวา่ งระยะทางกบั เวลาทใี่ ช้ในการโคจรรอบดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะหแ์ ตล่ ะดวงใช้เวลาในการโคจรรอบ

ดวงอาทติ ยอ์ ยา่ งไร

1. ในระหว่างการทดลองนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสังเกตและบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง

ระยะทางกบั เวลาทีใ่ ชใ้ นการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์แตล่ ะดวง ครูอาจกระตนุ้ ดว้ ยคาถามตอ่ ไปนี้

- ดาวเคราะหด์ วงไหนใชเ้ วลาในการโคจรรอบดวงอาทติ ย์นอ้ ยท่ีสดุ

- ระหว่างดาวอังคารและดาวศุกร์ ดาวดวงไหนอยู่ไกลดวงอาทิตย์มากกว่ากัน และดาวดวง

ไหนใชเ้ วลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์มากกวา่ กนั

บันทึกข้อมูล 10 นาที

นกั เรยี นบันทึกผลการทดลอง เช่น คาบการโคจรของดาวเคราะห์แต่ละดวง ระยะห่างจากดวงอาทิตยข์ อง

ดาวเคราะห์

นักเรียนบนั ทกึ ผลการทดลองเกี่ยวกบั คาบการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์ลงในใบกิจกรรม

ท่ี 2.1 โดยเรียงลาดบั ดวงดาวตามคาบการโคจร พร้อมทัง้ บันทกึ ระยะหา่ งจากดวงอาทิตย์ โดยเรียงลาดบั ตาม

ระยะห่างจากดวงอาทิตย์

3

อภิปรายผล 10 นาที

นักเรียนและครรู ่วมกันอภิปรายถงึ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ท้งั 8 ดวงในระบบสรุ ิยะ

1. หลงั จากทากจิ กรรมการทดลอง นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายถึงความสัมพันธร์ ะหว่างคาบ

การโคจรของดาวเคราะห์และระยะห่างจากดวงอาทติ ย์ ดงั น้ี

- คาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ขึน้ อย่กู ับอะไร

- ดาวเคราะห์ดวงไหนใช้เวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์น้อยทสี่ ุด และมากท่สี ดุ

- ความเรว็ ในการโคจรมผี ลตอ่ คาบการโคจรหรอื ไม่ อย่างไร

2. ตัวแทนนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสรปุ ให้เพ่ือนในหอ้ งฟงั เกยี่ วกบั ผลการทดลองทไี่ ด้

3. นักเรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายในประเดน็ ดังต่อไปนี้

- คาบการโคจรของดาวเคราะห์ โดยคาบการโคจรจะขนึ้ อยู่กับระยะห่างจากดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์

ทอี่ ยู่ใกลด้ วงอาทิตยจ์ ะใช้เวลาในการโคจรน้อยกว่าดาวเคราะห์ทีอ่ ยู่หา่ งจากดวงอาทิตยม์ ากกวา่

- ทาไมดาวเคราะห์แตล่ ะดวงใชเ้ วลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ไม่เทา่ กัน

- เวลาในการโคจรรอบดวงอาทิตย์มีความสัมพนั ธก์ บั ระยะหา่ งจากดวงอาทติ ยอ์ ย่างไร

การประเมินผลโดยคานงึ ถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล 2
การประเมินผลย่อย

ครสู ามารถประเมินความรู้ของนักเรียนไดจ้ ากการทากจิ กรรมการสังเกตคาบการโคจรของดาวเคราะห์

การเสนอแนวคิดและการแก้ปัญหาระหว่างการทากจิ กรรม เชน่ ระยะหา่ งที่ใช้ในการทากิจกรรมมีความสมั พันธ์
กับระยะหา่ งจริงๆ ของดาวเคราะห์หรือไม่ อยา่ งไร

ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล
ในกจิ กรรมกลุม่ การแบง่ กลมุ่ จะคละความสามารถของนักเรยี น เพือ่ ให้นกั เรียนเกง่ สามารถชว่ ย

นกั เรยี นทเ่ี รยี นอ่อนกวา่ ได้

การเตรียมตัวสาหรับบทเรียน

ส่อื การเรยี นการสอนทใ่ี ช้
1. จานกระดาษ

2. กรรไกร
3. ดนิ สอ

4. สี
5. ใบกิจกรรมท่ี 2.1

เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้
ตั้งคาถามเกย่ี วกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ

-
รวบรวมความคิดและขอ้ สนั นิษฐาน

- ใบกิจกรรมที่ 2.1

4

ทดสอบและปฏิบตั ิการสบื เสาะ 2
- รายการอุปกรณใ์ นใบกิจกรรม 2.1 เรื่อง มาราธอนดาวเคราะห์

การสังเกตและบรรยาย
- ไมม่ ี

บันทกึ ข้อมลู
- ใบกิจกรรมท่ี 2.1

อภิปรายผล
- ไม่มี

5

ช่อื -สกลุ ________________________________________ ช้ัน __________________________ 2

ใบกจิ กรรม 2.1 เรือ่ ง มาราธอนดาวเคราะห์
จดุ ประสงค์

นกั เรียนสามารถ
1. สรา้ งแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของดาวเคราะห์ได้
2. เปรยี บเทยี บคาบการโคจรรอบดวงอาทิตยจ์ ากแบบจาลองได้
3. ทางานร่วมกับสมาชิกในกลมุ่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วสั ดุอุปกรณ์และส่ือการเรียนรู้
1. จานกระดาษ
2. กรรไกร
3. ดินสอ
4. สีแทง่

วธิ ีการทดลอง
1. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ทากิจกรรมมาราธอนดาวเคราะห์ โดยแบง่ หน้าท่ีของนักเรียนแต่ละกล่มุ ตามบทบาท

สมมติ ไดแ้ ก่ ดาวเคราะหท์ ัง้ 8 ดวง จานวน 8 คน ดวงอาทิตย์ 1 คน และผูส้ ังเกตอกี 1 คน
2. นักเรยี นแต่ละกลุ่มชว่ ยกันประดษิ ฐห์ มวกจากจานกระดาษ ดังนี้
- นาจานกระดาษวาดรปู วงกลมด้านใน สาหรับตดั เป็นวงกลมใหเ้ ดก็ ๆ วาดภาพดาวเคราะห์
- พบั ครงึ่ จาน ตดั ลายกระดาษดา้ นในตามท่อี อกแบบไว้ (เหลอื ขอบจานกระดาษด้านในไว้สวม)
- วาดภาพดาวเคราะห์ที่นักเรียนไดร้ ับบทบาทลงในหมวก พร้อมทัง้ ระบชุ ือ่ ของดาวเคราะห์
ตกแต่งระบายสตี ามใจชอบ

12

3

SUN

ภาพ ขนั้ ตอนการทาหมวกกระดาษจากจานกระดาษ
3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มทากิจกรรมมาราธอนดาวเคราะห์ โดยทากิจกรรมกลางแจ้ง เชน่ สนามฟุตบอล สนาม
หญา้ หรอื บริเวณที่มีพื้นท่ีกว้างๆ สาหรบั วิง่ มาราธอน

- ตัวแทนนักเรยี นทีร่ ับบทเปน็ ดวงอาทิตยย์ นื อยตู่ รงกลาง

- นกั เรยี นทรี่ บั บทเป็นดาวเคราะหท์ ั้ง 8 ดวง ยืนหา่ งจากดวงอาทิตย์ โดยเรียงตามลาดับดาวเคราะห์ 2
ในระบบสรุ ยิ ะทง้ั 8 ดวง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจูน
ตามลาดบั โดยให้ทุกคนเริ่มจากจดั แถวหนา้ กระดานเรียงหน่งึ ห่างกนั 2 ช่วงแขน ดงั รูป

ดวงอาทิตย์ ดาวพธุ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั ดาวเนปจนู

- นกั เรียนที่เปน็ ผูส้ ังเกตจะเป็นคนให้สัญญาณ ใหเ้ พ่ือนๆ ในกลุ่ม แขง่ กันวิง่ เปน็ วงกลมรอบ
ดวงอาทติ ย์ โดยให้รกั ษาระยะห่างจากดวงอาทติ ย์ใหค้ งที่

- เมือ่ ได้ยินสญั ญาณใหด้ าวเคราะหแ์ ตล่ ะดวงเร่มิ ว่งิ พร้อมกับส่งเสยี งวา่ ตัวเองคือดาวเคราะห์ดวงใด
เชน่ “ฉันคอื พลูโต” เปน็ ตน้

- นกั เรยี นท่ีเป็นผูส้ งั เกต บนั ทึกและเปรียบเทยี บเวลาท่ีใช้ในการโคจรรอบดวงอาทติ ย์ของ
ดาวเคราะห์แตล่ ะดวง

4. หลงั จากเสรจ็ กิจกรรม นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั อภิปรายผล

บันทกึ การทดลอง

1. ให้นกั เรยี นเรยี งลาดบั ดาวเคราะหต์ ามระยะหา่ งจากดวงอาทติ ย์จากน้อยไปหามาก พร้อมทงั้ นาตวั เลข
แสดงระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ไปเตมิ ในช่องว่างใหถ้ ูกต้อง

ดาวยเู รนัส ดาวองั คาร ดาวเนปจนู ดาวศกุ ร์

โลก ดาวพฤหัสบดี ดาวพธุ ดาวเสาร์

2,870,972,220 กม. 108,208,926 กม. 227,939,100 กม.
57,909,176 กม. 778,412,027 กม. 1,426,725,413 กม.
4,498,252,900 กม. 149,598,023 กม.

2

12 34

56 78

2. ใหน้ ักเรยี นเรียงลาดบั ดาวเคราะหต์ ามคาบการโคจรรอบดวงอาทติ ย์จากนอ้ ยไปหามาก พร้อมทงั้ นาตวั เลข
แสดงคาบการโคจร ไปเตมิ ในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง

ดาวยูเรนัส ดาวองั คาร ดาวเนปจูน ดาวศุกร์

โลก ดาวพฤหัสบดี ดาวพธุ ดาวเสาร์

365.25 วนั 1.88 ปี  11.87 ปี 164.89 ปี
29.45 ปี 84.07 ปี 87.97 วัน 224.70 วนั

2

12 34

56 78

สรุปผลการทดลอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปรากฏการณ์ขา้ งขนึ้ -ข้างแรม
เม่ือเราแหงนมองไปบนท้องฟ้ายามค่าคืน บางครั้งเราจะพบกลุ่มดาวต่างๆ มากมาย แต่บางครั้ง
ท้องฟ้าสว่างจากแสงจันทร์จนมองดวงดาวไม่เห็น ซ่ึงเป็นผลมาจากการท่ี โลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์
จัดเรียงตัวกัน โดยถ้าเรียงตัวกันแบบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก จะท่าให้เรามองไม่เห็นดวงจันทร์
ในยามคา่ คืน แต่ถา้ มกี ารจัดเรยี งตวั กนั แบบ ดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์ จะทา่ ให้เราเหน็ ดวงจันทรเ์ ต็มดวง
ดงั น้ันในการมองเห็นดวงจนั ทร์ในลักษณะตา่ งๆ ไมว่ ่าจะเป็นเต็มดวง ครงึ่ ดวง เสยี้ ว หรอื ไม่เห็นเลย นั้นเปน็ ผล
มาจากตา่ แหนง่ ของผู้สงั เกตและดวงจันทรท์ ้งั สิน้

คา่ ถามท่ี 1
ในวันลอยกระทงเราจะมองเห็นดวงจันทร์มีลักษณะแบบใด และมีการจัดเรียงตัวกันระหว่างโลก

ดวงอาทิตย์และดวงจันทรแ์ บบใด
เฉลย เตม็ ดวง จดั เรียงตัวโดยมดี วงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ หรอื ดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์

คา่ ถามที่ 2
เราสามารถมองเหน็ ดวงจันทร์ได้คร่ึงดวง ตรงกบั วนั ใด
เฉลย แรม 8 คา่ และขนึ้ 8 ค่า

คา่ ถามท่ี 3

จากบทความเรื่อง “ปรากฏการณ์ขา้ งขึ้น-ขา้ งแรม” ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาข้อความตอ่ ไปน้ีว่า ใช่หรือ

ไม่ใช่

ขอ้ ข้อความ ใช/่ ไม่ใช่

3.1 ใน 1 เดอื น เราสามารถเห็นดวงจันทร์ทง้ั เดือนดบั , เสยี้ ว, ครึ่ง, คอ่ น, หรือเต็มดวง ใช่

3.2 ในวนั ขน้ึ 15 คา่ เราจะมองเห็นดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า ไมใ่ ช่

3.3 ดวงจนั ทรใ์ นส่วนท่ไี ด้รับแสงจะสวา่ ง และในส่วนที่ไมไ่ ด้รบั แสงจะมดื ใช่

บทนำ ภ ำ ร กิจ ข อ ง แ ผ น ก ำ ร จัด ก ำ ร เ รีย น รู้ที่ 2
เกิดเหตุการณ์ปิ่นโตท้ากล่องใส่ดินสอหาย ป่ินโต
เด็กชายป่ินโต หนูน้อยแสนฉลาดขี้สงสัย อยากช่วย จ้าไม่ได้ว่าลืมวางไว้ที่ไหน วันต่อมาป่ินโตพบว่ากล่อง
เจ้าน้าตาล ลูกของเจ้ามาลี สุนัขที่เพ่ิงคลอด ตามหา ใส่ดินสอวางไว้บนโต๊ะของเขาเอง ป่ินโตอยากรู้ว่าใคร
พ่อสุนัขของมัน ซึ่งน่าจะเป็นสุนัขตัวใดตัวหน่ึง เป็นพลเมืองดี ปิ่นโตคิดว่าน่าจะเป็น 3 คนน้ันคือ
ในละแวกหมู่บ้าน นักเรียนจะได้รับบทบาทสมมติเป็น นกั การภารโรงช่ือเอวา เดก็ ชายปิงปงิ และเด็กหญิงผิงผิง
เพ่ือนของปิ่นโต ในการช่วยท้ากิจกรรมไปพร้อมๆ เพอื่ นๆ มาช่วยป่ินโตหาพลเมืองดี โดยทก่ี ลอ่ งใสด่ นิ สอ
กับปิ่นโต นอกจากตามหาพ่อของเจ้าน้าตาลแล้ว มีลายนิ้วมือแฝงติดอยู่ ขอให้นักเรียนวิเคราะห์
นักเรียนจะได้ร่วมเรียนรู้ลักษณะทางพันธุกรรมที่ ลายน้ิวมือแฝงว่าตรงกับคนใด ซ่ึงอาจมีมากกว่าหน่ึง
ถ่ายทอดจากรุ่นพ่อแม่ สู่รุ่นลูกพร้อมท้ากิจกรรม คนเป็นทีมแรกจะเป็นทมี ทช่ี นะ
ส้ารวจลักษณะทางพันธุกรรมของสมาชิกภายใน
ครอบครวั ตนเอง - ลูกจะไดร้ บั ลกั ษณะทางพันธุกรรมจากพอ่ แม่
- บางลักษณะของลูกอาจคล้ายคลึงกับพ่อ
ภำรกิจของแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี 1 ตามหา หรือแมห่ รอื ปู่ยา่ ตายาย
พ่อแม่ โดยนักสืบแต่ละทีมต้องช่วยเด็กชายปิ่นโต
ตามหาพ่อของเจ้าน้าตาล และร่วมกันค้นหาลักษณะ พนั ธกุ รรม
ทางพันธุกรรมท่ีเด็กชายปิ่นโตมี ว่าคล้ายพ่อหรือแม่
มากกว่ากัน ประถมศึกษาปีท่ี 5

หวั ข้อ 4 ชว่ั โมง

ระดบั ชนั้

เวลำ

แนวคิดหลกั

ส่ิงมีชีวิตท้ังพืช สัตว์ และมนุษย์ เมื่อโตเต็มท่ีจะมีการสืบพันธุ์เพ่ือเพิ่มจ้านวนและด้ารงพันธุ์ โดยลูกที่เกิดมา
จะได้รับการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมจากพอ่ แม่ ทา้ ใหม้ ีลกั ษณะทางพันธกุ รรมท่เี ฉพาะ แตกต่างจากส่ิงมีชวี ติ ชนดิ อ่ืน

พืชมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่น ลักษณะของใบ สีดอก สัตว์มีการถ่ายทอดลักษณะ
ทางพันธุกรรม เช่น สีขน ลักษณะของขน ลักษณะของหู มนุษย์มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่น เชิงผม
ทีห่ น้าผาก ลกั ยมิ้ ลกั ษณะหนังตา การห่อลิน้ ลักษณะของตง่ิ หู

1

ⓒ Inspiring Science Project 2012

มำตรฐำนและตัวชว้ี ัด

สำระท่ี 1 วิทยำศำสตร์ชวี ภำพ
มำตรฐำน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความส้าคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิต รวมทั้ง
น้าความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชว้ี ดั ว 1.3 ป.5/1 อธบิ ายลกั ษณะทางพันธกุ รรมท่มี ีการถ่ายทอดจากพ่อแม่สลู่ กู ของพืช สตั ว์ และมนษุ ย์

ว 1.3 ป.5/2 แสดงความอยากรูอ้ ยากเห็น โดยการถามค้าถามเกีย่ วกับลกั ษณะคล้ายคลงึ กนั ของ
ตนเองกบั พ่อแม่
ควำมเขำ้ ใจทย่ี ่ังยนื

นักเรียนเข้าใจว่า ลูกจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ ผ่านทางการสืบพันธุ์ท้าให้มี
ลักษณะทางพนั ธกุ รรมท่ีเฉพาะแตกต่างจากสง่ิ มีชีวติ ชนดิ อื่น

ลักษณะทางพันธุกรรมของมีชีวิตได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นหน่ึงไปยังอีกรุ่นหนึ่ง และบางลักษณะท่ีเกิดอาจ
คล้ายคลงึ กับสมาชิกในครอบครัว

คำถำมสำคัญ
1. ลักษณะแตล่ ะลักษณะเหมือนกับใครในครอบครวั
2. ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกได้อย่างไร

ควำมรู้และทักษะสำคญั ทน่ี กั เรียนไดร้ บั
ควำมรู้

คำสำคญั : พนั ธกุ รรม, การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม, ลักษณะทป่ี รากฏ
ทักษะ

- การสังเกต ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของตนเอง กบั ความคล้ายคลงึ กนั ของบุคคลในครอบครัว
- การสงั เกตและอธิบายลกั ษณะทางพันธุกรรมทส่ี ามารถระบุตัวตน
- ตัง้ คา้ ถามเก่ยี วกบั เรื่องทจี่ ะศึกษาตามที่กา้ หนดให้หรือตามความสนใจ
- วางแผนการสังเกต สา้ รวจตรวจสอบ ศึกษาคน้ ควา้ โดยใชค้ วามคิดของตนเอง และของครู
- ใช้วสั ดุ อปุ กรณใ์ นการสา้ รวจตรวจสอบ และบนั ทึกผลดว้ ยวิธงี า่ ยๆ
- จดั กลุม่ ข้อมูลที่ไดจ้ ากการส้ารวจตรวจสอบ และนา้ เสนอผล
- แสดงความคดิ เห็นในการสา้ รวจตรวจสอบ
- บนั ทกึ และอธิบายผลการสงั เกต สา้ รวจตรวจสอบ โดยเขียนภาพหรอื ขอ้ ความสน้ั ๆ
- น้าเสนอผลงานดว้ ยวาจาให้ผอู้ ืน่ เขา้ ใจ

2

ⓒ Inspiring Science Project 2012

เจตคติ
- การใชเ้ ครอื่ งมอื ทางวิทยาศาสตร์อยา่ งระมดั ระวงั และปลอดภยั
- การใหค้ วามรว่ มมือในการท้างานกลมุ่
- แรงบนั ดาลใจในการเรยี นวิทยาศาสตร์

หลักฐำนกำรเรียนรู้

ภำระงำน

- นกั เรียนส้ารวจและสงั เกตลักษณะทางพันธุกรรมของนกั เรยี นแตล่ ะลกั ษณะลงในตาราง
- นักเรยี นระบุพลเมืองดีได้ถกู ตอ้ งพร้อมกบั บรรยายลักษณะลายน้วิ มอื ไดค้ รบถ้วน
หลกั ฐำนกำรเรยี นรู้อื่น ๆ โดยคำนงึ ถงึ ควำมแตกต่ำงของผเู้ รียน
1. นักเรียนบางคนอาจไมไ่ ด้อาศยั อยู่กบั พ่อแม่ ครูสามารถแจง้ ให้นกั เรียนไดท้ ้างานทีไ่ ด้รับมอบหมาย
กบั ผู้ปกครองได้
2. นกั เรยี นบางคนอาจไม่ได้เลยี้ งสัตว์เลยี้ งหรอื สุนขั ท่บี ้าน ดังนน้ั ครูควรอธบิ ายถึงความสงสัยและความตง้ั ใจ
ทีจ่ ะช่วยเจา้ น้าตาลของเด็กชายป่นิ โต

กำรประเมินตนเอง
กิจกรรมกำรเรยี นรู้

แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 1: นกั สบื น้อย

ข้ัน กิจกรรม เวลำ

ขนั้ ตง้ั คำถำมเกย่ี วกบั - ให้นักเรียนได้สังเกตลักษณะของสัตว์ในโรงเรียน แต่ละชนิดที่มีความ
ปรำกฏกำรณ์ แตกตา่ งกนั เช่น ไส้เดอื น หนู และสตั ว์ชนิดเดยี วกันว่านมีความคล้ายคลึงกนั
ธรรมชำติ หรอื ไม่
- ทา้ กิจกรรมท่ี 1 จบั คู่พอ่ แมล่ กู
- ให้นักเรียนท้ากิจกรรมช่วยน้องป่ินโตตามหาพ่อสุนัขให้กับลูกสุนัขชื่อ
น้าตาล เพื่อให้นักเรียนได้สงั เกตลกั ษณะท่ีคล้ายคลงึ และแตกต่างกันของ
ขน ใบหู สีขน ลักษณะลูกกบั พ่อแม่ชนดิ เดยี วกัน
- ใหน้ ักเรยี นต้ังค้าถาม ทน่ี กั เรยี นสงสยั คนละ 1 ค้าถาม
- เพือ่ ใหน้ ักเรียนเกิดประเดน็ ค้าถาม “ทา้ ไมลูกจงึ มลี กั ษณะเหมอื นพ่อแม่”

ขั้นรวบรวมควำมคิด รวบรวมความคิดร่วมกับเด็ก ๆ ว่า พ่อแม่ถ่ายทอดลักษณะใดบ้างให้กับ
และขอ้ สันนิฐำน ลูก เพื่อดูว่าเด็กๆ มีความรู้เดิมหรือมีประสบการณ์ใดๆ อยู่แล้วบ้าง
หรือไม่ โดยให้ช่วยกันตอบค้าถามนี้ “ท้าไมลูกจึงมีลักษณะเหมือน
พอ่ แม”่

3

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขน้ั กจิ กรรม เวลำ

ข้นั ทดสอบ เด็กๆช่วยกนั คดิ ว่าจะใชว้ ธิ ีการใดตรวจสอบขอ้ สันนษิ ฐาน

และปฏบิ ัติกำรสบื เสำะ ตอนที่ 1 ดูจากใบหน้า จากลักษณะรวมของชายหญิง 3 คู่ เทียบกับ

หน้าของปิ่นโตเพอ่ื คาดคะเนวา่ ชายหญงิ คไู่ หนคือพ่อแม่ของป่ินโต

ตอนท่ี 2 ดูลักษณะของพ่อแม่ทีละส่วน นักเรียนจะได้สืบเสาะ

ค้นหาป่ินโต มีลักษณะคลา้ ยพ่อหรอื แม่มากกว่ากนั

ตอนท่ี 3 นักเรียนต้องสังเกตจากลักษณะโดยรวมของใบหน้าชาย

หญงิ 3 คู่ เทียบกับหนา้ ของป่ินโต บรรยายสิ่งทส่ี งั เกตได้

ตอนที่ 4 ดูลักษณะของพ่อแม่ทีละส่วน นักเรียนจะได้สังเกต

และบรรยายวา่ ปนิ่ โต มลี กั ษณะคลา้ ยพอ่ หรอื แม่มากกว่ากัน

Home Work 1 ลักษณะทำงพนั ธุกรรมที่สงั เกตได้
. นักเรียนส้ารวจและสังเกตลักษณะทางพันธกุ รรมของนกั เรยี นแต่
ละลักษณะ ลงในตารางท่ี 1 และท้านายลักษณะดังต่อไปน้ี ว่าน่าจะ
ได้รับมาจากใคร โดยกระตุ้นความสงสัยนักเรียนว่าแต่ละลักษณะของ
นักเรียนไดร้ ับมาจากใคร

ขัน้ สงั เกตและบรรยำย - นักเรียนเขียนบรรยายลักษณะใบหน้าท่ีได้จากการสังเกต และยัง
ไมค่ าดคะเนว่าใครคือพ่อแม่ปน่ิ โต

ข้ันบนั ทึกข้อมลู นักเรียนบันทึกผลจากการสังเกตลงในตาราง ตอนท่ี 2 โดยการท้า
ข้นั อภปิ รำยผล เครือ่ งหมายลงในชอ่ งพ่อหรอื แม่ที่มลี ักษณะเหมือนกับปิน่ โต

Home Work 1 ลักษณะทำงพนั ธกุ รรมทสี่ งั เกตได้
นกั เรยี นบันทกึ ผลจากการสังเกตลงในตาราง

1. ครูกับนักเรียนร่วมกันสรุปลักษณะท่ีสังเกตได้ ลักษณะใดที่
นักเรียนคาดเดาไว้ถูกต้องและไม่ถูกต้องบ้างจากน้ันครูและเด็กร่วมกัน
บอกลักษณะของปนิ่ โตกบั พ่อแม่วา่ มีความสมั พนั ธ์กนั อย่างไร

2. สรปุ วา่ พอ่ แมป่ ่นิ โตคือ ชายหญิงคทู่ ่ี 2 และสงั เกตจากลักษณะ
ทง้ั 5 ลกั ษณะเหมือนกัน และอภิปรายไดว้ ่า ลูกสามารถรับลกั ษณะทาง

4

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ข้นั กจิ กรรม เวลำ

พนั ธุกรรมจากพอ่ หรอื แม่กไ็ ด้

3. นกั เรยี นท้ากิจกรรมท่ี 3 พนั ธุกรรม

4. ครูยกตัวอยา่ งสง่ิ มีชีวิต สตั วแ์ ละพชื ก็มีการถา่ ยทอดลักษณะ

ทางพันธุกรรมโดยการสืบพันธ์ุ และลักษณะพันธุกรรมที่ถ่ายทอด

จะแตกต่างจากสิ่งมชี ีวติ ชนดิ อนื่

Home Work 1 ลกั ษณะทำงพนั ธุกรรมที่สังเกตได้
1. ครูกับนักเรียนร่วมกันสรุปลักษณะที่สังเกตได้ ลักษณะใด
ท่ีนักเรียนคาดเดาไว้ถูกต้องและไม่ถูกต้องบ้างจากน้ันครูและเด็ก
ร่วมกันบอกลักษณะของตนเองกับพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย ว่ามี
ความสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร
2. ครูกับนักเรียนร่วมกันสรุปลักษณะท่ีสังเกตได้ ลักษณะใด
ท่ีนักเรียนคาดเดาไว้ถูกต้องและไม่ถูกต้องบ้างจากนั้นครูและเด็ก
ร่วมกนั บอกลกั ษณะของตนเองกับพอ่ แมว่ ่ามคี วามสมั พันธ์กันอยา่ งไร

5

ⓒ Inspiring Science Project 2012

แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี 2 : พลเมืองดกี บั การกลบั มาของกลอ่ งดนิ สอ

ขนั้ กิจกรรม เวลำ
ขน้ั ต้ังคำถำมเก่ยี วกบั
ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำติ ครูน้าตวั อย่างความสา้ คญั ของลายนิ้วมือท่ีถูกน้ามาใชป้ ระโยชนใ์ นปัจจุบัน
เช่น การแสกนลายนว้ิ ลงเวลาเข้าออกงาน การปลดล็อคโทรศัพท์ เป็นต้น
ขน้ั รวบรวมควำมคดิ ครูรวบรวมค้าถามของนักเรียน ดังตวั อยา่ งต่อไปนี้
และขอ้ สันนิฐำน
- ลายนว้ิ มอื ระบุตวั บุคคลได้หรือไม่
- ลายน้วิ มอื ของลูกจะเหมอื นพอ่ และแมห่ รือไม่

- ถ้าคนทม่ี ลี ายนวิ้ มือเหมือนกัน เคร่อื งสแกนลายน้วิ มือจะแยกคน
สองคนน้ีออกหรอื ไม่

- นิว้ มอื ท้งั สิบนว้ิ มลี ายนิ้วมอื กแ่ี บบ
- ลายนว้ิ มอื แบบไหนมีมากท่สี ุดในประชากร
- ลายนว้ิ มอื มีกี่แบบ

1. ครรู วบรวมความคิดร่วมกบั เดก็ ๆ ว่าลายนว้ิ มอื เป็นลกั ษณะท่ี
ได้รบั การถ่ายทอดทางพันธกุ รรมจากพ่อและแม่

2. ครใู หน้ กั เรียนรวบรวมความคดิ จากคา้ ถามทีก่ ลุ่มนักเรียนสรุป
รว่ มกนั และลองตง้ั ข้อสันนิษฐานดู

3. นักเรยี นใช้แวน่ ขยายสอ่ งดูลายนิ้วมอื ของตวั เอง มองเหน็
ลายนิ้วมือชดั หรือไม่ มวี ิธกี ารอ่ืนไหมท่เี ราจะสามารถดูลายน้วิ มือตวั เอง
ไดช้ ดั กว่าน้ี (คา้ ถามนต้ี รวจสอบความรเู้ ดิมของนักเรียน อาจมี
ประสบการณห์ มึกเปื้อนนิ้วมือแล้วไปทาบกระดาษ มองเห็นลายน้ิวมอื
ตนเอง หรอื ดจู ากส่ือต่างๆ)

ขั้นทดลอบและ กิจกรมที่ 1 วเิ ครำะหล์ ำยน้วิ มอื
ปฏิบตั ิกำรสบื เสำะ 1. ครูถามแต่ละกลุ่มว่ามีวิธีการตรวจสอบดูลายนิ้วมือของตนเอง

ได้อย่างไร โดยครูอาจแนะทางอ้อมว่าถ้าเราใช้ตลับชาด จะเห็น
ลายน้ิวมอื ไหม

2. ครถู ามต่อวา่ ถ้าเราอยากเก็บลายนิว้ มอื ทงั้ 10 นวิ้ ไวบ้ นกระดาษสี
ขาว เรามีวิธีการเก็บอย่างไร เพ่ือแนะน้าสู่การใช้อุปกรณ์และขั้นตอน
ในการเกบ็ ลายน้ิวมอื ในกจิ กรรมท่ี 1 วิเคราะห์ลายนว้ิ มอื

3. ครูให้นักเรียนท้ากิจกรรมท่ี 1 วิเคราะห์ลายนิ้วมือ โดยนักเรียน
เก็บลายนิว้ มือของตนเองไวท้ ้งั 10 น้ิวมือ

6

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขั้น กจิ กรรม เวลำ
ขน้ั สงั เกต
และบรรยำย นกั เรยี นสังเกตลายนว้ิ มือของตนเองแต่ละนว้ิ บรรยายลกั ษณะของ
ขน้ั บนั ทกึ ข้อมูล ลายนว้ิ มือแต่ละนิ้วเปน็ รูปแบบไหน และลายน้วิ มือที่เหมือนกนั มีเสน้
ลายนว้ิ มือย่อยๆ ภายในเหมอื นหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร
ขนั้ ทดลอง
และปฏิบตั ิกำรสืบเสำะ 1. ครูกับนักเรียนรว่ มกันสรุปลักษณะลายนิ้วมือของนักเรยี นแต่ละคน
มกี ่ีรูปแบบ และลายนว้ิ มือของท้ังห้องมรี ูปแบบใดท่ีมจี ้านวนมากที่สดุ
ขัน้ สังเกต
และบรรยำย 2. ในคนท่ีมีลายน้วิ มอื รปู แบบเดยี วกนั ไมว่ ่าจะเป็นน้วิ เดียวกันหรือ
ข้นั บันทกึ ข้อมูล ตา่ งน้ิวกนั จะมเี ส้นย่อย ๆ ท่ีแตกต่างกนั ทา้ ให้สามารถแยกความ
ข้ันอภิปรำยผล แตกตา่ งของแต่ละบุคคลได้

กิจกรมที่ 2 ใครคือพลเมืองดี
ค รู ก้ า ห น ด ส ถ า น ก า ร ณ์ ม า ใ ห้ นั ก เ รี ย น แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม เ ป็ น ที ม นั ก สื บ เ ป็ น
สถานการณ์ปิ่นโตท้ากล่องใส่ดินสอหาย ต่อมามีพลเมืองดีเก็บได้และ
นา้ มาวางบนโต๊ะเรียนของปิ่นโต ปิ่นโตต้องการความชว่ ยเหลือใหช้ ่วยหา
พลเมืองดีเพื่อจะขอบคุณ โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มให้ต้ังชื่อทีมนักสืบของ
ตนเอง กลุ่มใดที่สามารถเทียบลายมือแฝงท่ีพบบนกล่องใส่ดินสอ
กับลายมือของบุคคล 4 คนได้เป็นทีมแรกจะได้รับรางวัล โดยครู
ให้นักเรียนท้ากิจกรรมที่ 2 ใครคือพลเมอื งดี

นักเรียนสังเกตลายน้ิวมือแฝงบนกล่องใส่ดินสอแต่ละนิ้ว บรรยาย
ลักษณะของลายน้ิวมือแฝงแต่ละนิ้วเป็นรูปแบบไหน และเทียบกับ
ลายนว้ิ มือของแต่ละคน

นกั เรียนบนั ทึกลักษณะนิ้วมือแฝงในบนกล่องใส่ดินสอและลกั ษณะ
ลายนิ้วมือของคน 4 คน

1. นักเรียนแต่ละกลุ่มวิเคราะหล์ ายนวิ้ มือแฝงบนกล่องใส่ดินสอตรง
กับใคร พร้อมให้เหตุผล ทีมที่สามารถระบุพลเมืองดีได้ถูกต้องพร้อม
กับบรรยายลักษณะลายน้ิวมือได้ครบเป็นกลุ่มแรก ครูกล่าวชมเชย
และมอบรางวัล

2. ครูให้นักเรียนอภิปรายในประเด็น ลายนิ้วมือแสดงเอกลักษณ์
ของบคุ คลไดอ้ ย่างไร และลกั ษณะนถี้ ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่

3. ครูชี้แจงเพิ่มเติมว่าแม้ในคนสองคนท่ีมีลายนิ้วมือแบบเดียวกันก็
ตาม แต่จะมีเส้นย่อยๆ เล็กบนลายนิ้วมือท่ีมีลักษณะแตกต่างกัน
ทา้ ให้ลายนว้ิ มอื เปน็ ลกั ษณะเฉพาะในแต่ละคนได้

7

ⓒ Inspiring Science Project 2012

พันธกุ รรม

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 1 : นักสบื นอ้ ย

บทนา

เด็กชายปิ่นโต หนูน้อยแสนฉลาดขี้สงสัย กิจกรรมส้ารวจลักษณะทางพันธุกรรมของสมาชิก 1
อยากช่วย เจ้าน้าตาล ลูกของเจ้ามาลี สุนัขที่เพ่ิง ภายในครอบครวั ตนเอง

คลอด ตามหาพ่อสนุ ัขของมัน ซงึ่ นา่ จะเปน็ สนุ ัขตัวใด ภารกจิ ของแผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 1 ตามหา
ตัวหนึ่งในละแวกหมู่บา้ น นักเรียนจะได้รบั บทบาท พ่อแม่ โดยนักสืบแต่ละทีมต้องช่วยเด็กชายป่ินโต

สมมติเป็นเพื่อนของปิ่นโต ในการช่วยท้ากิจกรรม ตามหาพ่อของเจ้าน้าตาล และร่วมกันค้นหา
ไปพร้อมๆกับป่ินโต นอกจากตามหาพ่อของเจ้า ลักษณะทางพันธุกรรมที่เด็กชายปิ่นโตมี ว่าคล้าย
น้าตาลแล้ว นักเรียนจะได้ร่วมเรียนรู้ลักษณะทาง พอ่ หรอื แมม่ ากกว่ากัน ใชเ้ วลาในการจดั การเรยี นรู้

พันธุกรรมท่ถี ่ายทอดจากรุน่ พ่อแม่สรู่ ุ่นลูกพร้อมท้า 2 คาบ

คาศพั ท์

พันธุกรรม, การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม, ลกั ษณะท่ีปรากฏ

ตัวช้วี ัด

นักเรียนสามารถ : - อธิบายลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมทีม่ ีการถา่ ยทอดจากพ่อแมส่ ู่ลกู ของพืช สัตว์ และมนุษย์
- แสดงความอยากรู้อยากเห็นโดยการถามค้าถามเก่ียวกบั ลกั ษณะคล้ายคลงึ กนั ของตนเอง

กับพอ่ แม่

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 120 นาที

กิจกรรมท่ี 1 จบั คพู่ อ่ แมล่ กู 20 นาที
ขั้นตัง้ คาถามส่ิงที่เกยี่ วกับปรากฏการณท์ างธรรมชาติ (สไลด์หน้า 4 – 10)

1. แบง่ นกั เรยี นออกเป็นกลุม่ ๆ ละ 3 – 4 คน
2. ครูให้นักเรียนท้ากิจกรรมที่ 1 จับคู่พ่อแม่ลูก โดยนักเรียนจะโยงลูกสัตวไ์ ปหาพอ่ แม่ กิจกรรมนี้ครู

จะให้นักเรียนได้สงั เกตลักษณะของสัตว์แต่ละชนิดท่ีมีความแตกต่างกัน และสัตว์ชนิดเดียวกันมีความคล้ายคลึงกัน
เพ่อื ให้เกดิ ประเดน็ คา้ ถาม (ในสไลด์ หน้า 5 ss1)

3. กิจกรรมช่วยน้องป่ินโตตามหาพ่อสุนัขให้กับลูกสุนัขช่ือน้าตาล เพ่ือให้นักเรียนได้สังเกตลักษณะ

ทีค่ ลา้ ยคลงึ และแตกตา่ งกนั ของลกั ษณะลกู กับพอ่ แมช่ นิดเดียวกนั จากกิจกรรมโยงรปู พ่อแม่ลูก และตามหาพ่อ
ให้กับเจ้าน้าตาล โดยให้นักเรียนช่วยกันต้ังค้าถามท่ีนักเรียนสงสัยมาคนละ 1 ค้าถาม เพ่ือให้นักเรียนเกิด

ประเด็นค้าถาม ดังนี้ (ในสไลดห์ นา้ 10)

- ท้าไมลูกจึงมีลกั ษณะเหมอื นพอ่ แม่
(แนวค้าตอบ ลกู ตอ้ งมีลักษณะบางอย่างเหมอื นพอ่ แม่ ลกั ษณะนัน้ เรียกว่าพนั ธุกรรม)

จากกจิ กรรมที่ 1 นักเรียนจะได้ขอ้ สรุปแล้วว่า ลกู จะมลี ักษณะพันธุกรรมบางอยา่ งท่ีจะถ่ายทอดมาจากพ่อ
และแม่

ขนั้ รวบรวมความคิดและขอ้ สันนิษฐาน (สไลด์หนา้ 11) 30 นาที

1. ครูรวบรวมความคดิ ร่วมกบั เดก็ ๆ ว่า พ่อแมถ่ า่ ยทอดลกั ษณะใดบา้ งใหก้ ับลกู เพื่อดวู า่ เด็กๆ
มีความรเู้ ดมิ หรือมปี ระสบการณใ์ ด ๆ อยแู่ ลว้ บ้างหรือไม่ โดยให้ชว่ ยกันตอบค้าถามน้ี “ทา้ ไมลกู จงึ มี

ลกั ษณะเหมอื นพอ่ แม่” (ในสไลดห์ น้า 12)
2. นักเรียนคาดคะเนค้าตอบที่เป็นไปได้ และเลือกค้าตอบท่ีดีที่สุดที่น่าจะเป็นไปได้ของกลุ่มให้เดก็ ๆ

ชว่ ยกนั คดิ วา่ จะใช้วิธีการใดตรวจสอบขอ้ สันนษิ ฐาน

กิจกรรมท่ี 2 ปิ่นโตเหมอื นใคร 1
ในกิจกรรมน้จี ะเปน็ กิจกรรมเสริมสรา้ งความรคู้ วามเข้าใจทางด้านลกั ษณะทางพนั ธุกรรม

ขน้ั ทดสอบและปฏบิ ัตกิ ารสบื เสาะ (สไลด์หน้า 13 - 14)

1. ตอนที่ 1 ดูจากใบหนา้ ลักษณะรวมของชายหญงิ 3 คู่ เทียบกับหนา้ ของปนิ่ โตเพอ่ื คาดคะเนว่าชาย
หญิงคู่ไหนคือพ่อแม่ของปิ่นโต (ท้ากิจกรรม ss2 และอ้างอิงจากรูปภาพในสไลด์เฉพาะ หน้า 14 ก่อนเฉลย
ในหน้า 15)

2. ตอนที่ 2 ดูทีละส่วน นักเรียนจะได้สืบเสาะค้นหาว่าใครคือพ่อแม่ท่ีแท้จริงของป่ินโต โดยเปรียบเทียบ
ทีละลกั ษณะกบั ชายหญิง 3 คู่

ข้นั สงั เกตและบรรยาย (สไลด์หน้า 15 - 35)

1. ตอนท่ี 1 ดูจากใบหนา้ นักเรียนต้องสงั เกตจากลกั ษณะโดยรวมของใบหน้าชายหญงิ 3 คู่ เทียบกบั
หน้าของปิน่ โต และบรรยายสงิ่ ที่สงั เกตได้ เชน่

- รปู ทรงใบหน้า
- ลกั ษณะคว้ิ
- รปู รา่ งปาก และจมกู
ฯลฯ

ขั้นบนั ทกึ ขอ้ มลู (สไลดห์ นา้ 15 - 35)
นักเรียนเขยี นบรรยายลกั ษณะใบหนา้ ทไ่ี ดจ้ ากการสงั เกต และคาดคะเนวา่ ใครคือพอ่ แม่ป่นิ โต

ขั้นอภปิ รายผล (สไลด์หน้า 36)

1. จากนนั้ ให้นกั เรียนลองทายคพู่ อ่ แม่ทีน่ กั เรยี นคดิ วา่ เปน็ พอ่ แมข่ องป่ินโต เมือ่ ไดค้ า้ ตอบของนักเรียน
ครูอาจถามวา่ เพราะอะไรนกั เรียนจึงคิดเชน่ น้ัน จากน้ันเฉลยวา่ คู่ท่ีเป็นพ่อแม่ของเดก็ ชายปิ่นโต คือ คทู่ ี่ 2

2. ครกู ับนักเรยี นร่วมกันสรุปลักษณะท่ีสังเกตได้ ลกั ษณะใดท่นี กั เรียนคาดเดาไว้ถกู ตอ้ งและไมถ่ ูกต้อง
บา้ ง จากนนั้ ครแู ละเด็กร่วมกันบอกลกั ษณะของปน่ิ โตกับพ่อแม่วา่ มีความสมั พันธก์ ันอย่างไร
ป่นิ โตเหมอื นใครมากกวา่ กนั และไดร้ บั ลักษณะทางพนั ธกุ รรมจากใครมากกวา่ ในตาราง ss2

3. สรุปวา่ พอ่ แมป่ ่นิ โตคอื ชายหญงิ คู่ท่ี 2 โดยสังเกตจากลกั ษณะท้งั 5 ลกั ษณะเหมอื นกัน
4. นักเรยี นทา้ กิจกรรมท่ี 3 พันธุกรรม ดงั นี้ (ss3 กิจกรรมท่ี 3 พันธุกรรม)

- ตอนท่ี 1 ใช่หรือไม่ นักเรียนอภิปรายบางลักษณะว่าเป็นลักษณะทางพันธุกรรมหรือไม่
เพราะอะไร โดยนักเรยี นบอกเหตผุ ล

- ตอนที่ 2 ใชห่ รอื ไม่ อภิปรายลกั ษณะทไ่ี ดม้ าจากพอ่ แม่ 1
โดยรว่ มกนั สรุปวา่ ลกั ษณะทางพันธุกรรมจะถ่ายทอดผา่ นเซลล์สืบพันธุ์ (ครอู าจน้าการอภิปรายหรือต้ัง
คา้ ถามนา้ เพือ่ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจการถา่ ยทอดพนั ธกุ รรมวา่ เกิดจากการสบื พนั ธุ์)
4. ครูยกตัวอย่างส่ิงมีชีวิต สัตว์ และพืช ก็มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมโดยการสืบพันธุ์
และลกั ษณะพนั ธกุ รรมทถี่ า่ ยทอดจะแตกตา่ งจากส่งิ มชี ีวิตชนดิ อืน่ ดงั น้ี

- นักเรียนเคยเห็นต้นมะพร้าวออกผลเป็นลูกมะละกอหรือไม่ และนักเรียนคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่
เหตุใดจึงคิดเชน่ นนั้

- ครูถามนักเรียนว่าเม่ือน้าลูกมะพร้าวไปปลูก ต้นที่งอกออกมาจะเป็นต้นมะพร้าวหรอื ไม่ นักเรียน
เคยเห็นเมล็ดพืชชนิดใดท่ปี ลกู แล้วไมเ่ หมือนตน้ พ่อแมบ่ ้าง

- นักเรียนอภิปรายในประเด็นดังกล่าว พร้อมสรุปผลว่าพืชแต่ละชนิดจะขยายพันธ์ุออกมาเหมือน
ตน้ พ่อแม่ และพชื แต่ละชนดิ จะมีลกั ษณะท่ีถา่ ยทอดไปยงั ลกู หลานทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะแตกต่างกนั

Home Work 1 ลักษณะทางพันธกุ รรมทส่ี ังเกตได้

ข้ันทดสอบและปฏบิ ตั ิการสืบเสาะ (สไลด์หนา้ ที่ 38)

1. นักเรียนส้ารวจและสังเกตลักษณะทางพันธุกรรมของนักเรียนแต่ละลักษณะ ลงในตารางที่ 1
และท้านายลักษณะดังต่อไปน้ี ว่าน่าจะได้รับมาจากใคร โดยกระตุ้นความสงสัยนักเรียนว่า แต่ละลักษณะของ
นักเรยี นไดร้ บั มาจากใคร

2. เมอื่ นกั เรียนสา้ รวจลกั ษณะของตนเองแล้วท้านายว่าแตล่ ะลกั ษณะได้มาจากใครแล้ว ใหน้ ักเรียนท้า
ตารางที่ 2 ส้ารวจลกั ษณะจากพอ่ และแมท่ ีบ่ ้านของนกั เรียน

ขัน้ สังเกตและบรรยาย (สไลด์หน้า 39 - 40)

1. ตารางท่ี 1 นักเรียนสังเกตแต่ละลักษณะของตนเอง หรืออาจจับคู่กันให้เพ่ือนสังเกต และบอก
รายละเอียดของลักษณะท่ีเห็น เช่น ติ่งหู นอกจากดูว่ามีหรือไม่มีติ่งหูแล้ว ลักษณะของติ่งหูเป็นอย่างไร ใหญ่
หรือเล็ก เป็นเน้ืออ่อนหรือกระดูก โดยการสัมผัสดู รวมถึงลักษณะใบหูกางไม่กาง เป็นต้น เพ่ือกระตุ้นให้
นักเรยี นเกิดคา้ ถามสงสัยว่าลักษณะนเี้ ขาได้รับการถ่ายทอดมาจากพอ่ หรอื แม่

2. ตารางท่ี 2 เมื่อนักเรียนสังเกตลักษณะของตนเองแล้ว กลับไปสังเกตลักษณะของพ่อแม่ท่ีบ้าน
บอกรายละเอียดทเี่ หน็

ขั้นบนั ทกึ ขอ้ มลู (สไลด์หนา้ 39 - 40)

1. นกั เรียนเขียนบรรยายลกั ษณะของตนเอง ลงในตารางท่ี 1 และลกั ษณะของพ่อแมล่ งในตารางท่ี 2
2. นักเรียนบันทึกผลจากการสังเกตลงในตาราง ตอนที่ 2 โดยการท้าเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องของ
พ่อหรอื แมท่ ม่ี ลี ักษณะเหมอื นกับตนเอง

ขนั้ อภปิ รายผล

1. ครูกบั นกั เรยี นร่วมกนั สรุปลักษณะท่ีสังเกตได้ ลักษณะใดทนี่ ักเรียนคาดเดาไว้ถูกต้องและไมถ่ ูกต้องบ้าง
จากนั้นครู และเด็กร่วมกันบอกลกั ษณะของตนเองกบั พ่อแม่ว่ามีความสมั พันธก์ นั อยา่ งไร

2. สรุปวา่ ลกู จะได้รับลกั ษณะทางพันธกุ รรมมาจากพ่อแม่ หรือป่ยู า่ ตายาย

การวดั และประเมนิ ผล

จุดประสงค์การเรียนรู้ หลักฐานการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ

1. อธบิ ายลักษณะทาง กิจกรรม ตอบค้าถามกจิ กรรมได้
พันธุกรรมทม่ี กี ารถา่ ยทอดจาก ถูกต้อง
พอ่ แมส่ ลู่ กู ของพชื สัตว์ และ 1
มนษุ ย์

2. ถามคา้ ถามเก่ียวกับลักษณะ กิจกรรม Home Work 1 ทา้ กิจกรรมไดถ้ กู ต้อง

คลา้ ยคลึงกันของตนเองกับพ่อ และครบถว้ น

แม่

การเตรยี มบทเรียน

สอ่ื การเรียนการสอนที่ใช้
PowerPoint เรอ่ื ง หนเู หมือนใคร

เคร่ืองมอื ทใี่ ช้

.

กจิ กรรมที่ 1 การวิเคราะหล์ ายนว้ิ มอื

ขอแนะนำให้นักเรียนให้รู้จักลำยน้ิวมือ 3 ชนิดหลัก ๆ คือ ลำยมัดหวำย (loops) , ลำยก้นหอย
(whorls), และลำยโค้ง (arches) ลำยน้ิวมือแบบมัดหวำยมีอยู่ประมำณ 65 % ของลำยน้ิวมือทุกชนิดรวมกนั
ในชำวตะวนั ตก แตใ่ นคนไทยมลี ำยนว้ิ มือแบบมดั หวำยประมำณ 53% ของแบบแผนลำยน้ิวมือทกุ ชนิด ซง่ึ เป็น
สัดส่วนท่ีมำกกว่ำลำยนิ้วมือประเภทอ่ืน ๆ ส่วนลำยก้นหอย (whorl) เป็นแบบแผนลำยนิ้วมือที่พบประมำณ
30% ของแบบแผนลำยนิ้วมือทุกแบบในชำวตะวันตก แต่ในคนไทยมีลำยนิ้วมือแบบก้นหอยประมำณ 45%
มีลักษณะเป็นลำยเส้นวนเวียนเป็นรูปก้นหอยหรือเป็นวง

2

อุปกรณ์ 1 แท่ง/คน
1. ดนิ สอ 2 B 1 แผ่น/คน
2. กระดำษ A4 1 ม้วน/กลุ่ม
3. เทปใส
2 อัน/กลุ่ม
4. กรรไกร

ข้นั ตอนการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
1. ทำควำมสะอำดนว้ิ มือ และเช็ดใหแ้ ห้งก่อนพมิ พ์ลำยน้ิวมอื

2. นำดินสอดำถูลงบนนิ้วให้ครอบคลุมพ้ืนท่ีลำยน้ิวมือโดยรอบข้อปลำยน้ิวมือข้อแรก เร่ิมถูดินสอดำ
จำกดำ้ นข้ำงของขอ้ นวิ้ มอื ขอ้ แรกแล้วถใู ห้ทัว่ บรเิ วณปลำยนิ้วมือ

3. ปิดเทปใสลงบนน้ิวนั้นให้ครอบคลุมบริเวณท่ีทำดินสอดำไวแล้วลอกออก นำมำปิดลงบนช่อง
สเ่ี หลยี่ มในแบบพิมพ์ลำยนว้ิ มือให้ตรงตำมน้ิวน้ัน ๆ จนครบท้งั หมด 10 น้วิ

บนั ทึกผลการทากิจกรรม
1. วิเครำะหล์ ำยน้ิวมือของตนเอง

นิ้วหวั แม่มอื นว้ิ ชี้ มอื ขวา นว้ิ นำง นิ้วกอ้ ย
นว้ิ กลำง

2

........................ ........................ …………………… ……………………. …….…………...
นิว้ หวั แม่มือ นวิ้ ช้ี นว้ิ นำง นิ้วกอ้ ย
มอื ซา้ ย
น้ิวกลำง

......................... ........................ …………………… ……………………. …….…………...

2. ใช้ขอ้ มูลนว้ิ มอื ทง้ั 10 นิว้ ของตนเอง เขียนผลรวมชนดิ ของลำยนวิ้ มือลงในช่องว่ำง
- ผลรวมจำนวนลำยมดั หวำย (loops) : _____________
- ผลรวมจำนวนลำยกน้ หอย (whorls): _____________
- ผลรวมจำนวนลำยโคง้ (arches): _____________

3. ผลรวมของชนิดลำยนวิ้ มือของนกั เรยี นทง้ั หอ้ ง
- ผลรวมท้ังห้องของลำยมดั หวำย (loops): ______________________
- ผลรวมทงั้ ห้องของลำยก้นหอย (whorls): ______________________
- ผลรวมทั้งห้องของลำยโค้ง (arches) : ______________________
- ผลรวมลำยนวิ้ มอื ทั้งหอ้ งเรียน : ______________________

4. ใหน้ กั เรียนคำนวณเปอร์เซ็นต์ของลำยนิ้วมือแตล่ ะชนิดของนกั เรยี นท้ังห้อง ตัวอย่ำงสตู รคำนวณ 2
เปอร์เซ็นตข์ อง Loops = (ผลรวมของ Loops / ผลรวมลำยนว้ิ มอื ทง้ั หมด) x 100
เปอร์เซน็ ต์ของลำยมดั หวำย (loops) : ______________________
เปอร์เซ็นตข์ องลำยกน้ หอย (whorls) : ______________________
เปอรเ์ ซน็ ต์ของลำยโคง้ (arches) : ______________________
เปอรเ์ ซน็ ตร์ วม : _________100%________

5. จำกขอ้ มูลชนดิ ของลำยนว้ิ มือของเพอื่ นในชนั้ เรียน จงเขยี นกรำฟแท่งลงในตำรำง ดำ้ นล่ำง พรอ้ มตอบ
คำถำม

- ในชน้ั เรยี นพบลำยนว้ิ มือชนิดไหนมำกท่ีสุด และมีสัดส่วนเปอร์เซน็ ต์ใกล้เคียงกับร้อยละในประชำกร
คนไทยหรือไม่ ……………………………………………………………………………………………………………

กลุม่ ท.ี่ ................
ชื่อ...............................................................หอ้ ง ........... เลขท่.ี .....................

กิจกรรมท่ี 1 จบั ค่พู ่อแมล่ ูก

คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นลากเส้นจับค่ภู าพสัตว์ท่ีเปน็ พ่อแมล่ ูกกนั

พนั ธุกรรม

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 2 : พลเมืองดีกับการกลบั มาของกลอ่ งดนิ สอ

บทนา

ภารกิจของแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 และเด็กหญิงผิงผิง เพื่อนๆ ช่วยปน่ิ โตหาพลเมืองดี 2
เกิดเหตุการณ์ป่นิ โตทากล่องใส่ดินสอหาย ป่ินโต โดยทกี่ ลอ่ งใสด่ นิ สอมีลายน้วิ มือแฝงติดอยู่ ขอให้
จาไม่ได้ว่าลืมวางไว้ท่ีไหน วันต่อมาปิ่นโตพบว่า นักเรียนวิเคราะห์ลายนิ้วมือแฝงว่าตรงกับคนใด
กล่องใส่ดินสอวางไว้บนโต๊ะของเขาเอง ปิ่นโต ซึ่งอาจมีมากกว่าหน่ึงคนเป็นทีมแรกจะเป็นทีม
อยากรู้ว่าใครเป็นพลเมืองดี เขาสงสัยอยู่สามคน ท่ีชนะ แผนการจัดการเรียนรู้ 2 จะใช้เวลาเรียน
คือ นักการภารโรงชื่อเอวา เด็กชายปิงปิง 2 คาบ
คาศพั ท์

พันธุกรรม, การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม, ลักษณะที่ปรากฏ

ตวั ช้วี ัด

นกั เรยี นสามารถ : - อธิบายลกั ษณะทางพันธุกรรมทม่ี ีการถ่ายทอดจากพ่อแม่ส่ลู ูกของพชื สตั ว์ และมนษุ ย์
- แสดงความอยากรูอ้ ยากเห็นโดยการถามคาถามเกี่ยวกับลักษณะคล้ายคลงึ กนั ของ
ตนเองกับพ่อแม่

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 120 นาที

ขั้นตัง้ คาถามส่ิงทเ่ี กี่ยวกับปรากฏการณท์ างธรรมชาติ (สไลดห์ น้า 4 –8) 20 นาที

1. แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 3 – 4 คน
2. ครูแจกภาพลายนิว้ มือน้ิวชี้ของชาย 3 คน ทม่ี ีลายน้วิ มือชนดิ เดยี วกนั ใหน้ ักเรียนลองสงั เกต
แล้วให้นักเรียนดูคลิปวิดีโอของเคร่ืองสแกนลายน้ิวมือที่ใช้ในการตรวจสอบการเข้าและออกในท่ีทางาน หรือ
หอพัก
3. ครใู ห้นกั เรียนดกู ารทางานของสมาร์ทโฟนที่ใชล้ ายนิ้วมอื เจ้าของเครอื่ งสามารถเปดิ เครอื่ งได้
4. ครูใหด้ ภู าพตารวจจบั ผ้รู ้ายโดยการหาลายน้วิ มอื แฝงในท่ีเกิดเหตุ เทียบกับลายน้วิ มอื ของผู้ต้องสงสยั

5. ครรู วบรวมคาถามของนกั เรียน ดงั ตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี

- ลายนว้ิ มือระบตุ วั บุคคลได้หรือไม่

- ลายนว้ิ มอื ของลกู จะเหมอื นพ่อหรอื ไม่

- ถา้ คนที่มีลายน้ิวมือเหมือนกนั เครอ่ื งสแกนลายน้วิ มอื จะแยกคนสองคนนอ้ี อกหรอื ไม่

- นิว้ มอื ทั้งสบิ นวิ้ มีลายน้ิวมอื กี่แบบ

1

ⓒ Inspiring Science Project 2012

- ลายน้วิ มือแบบไหนมมี ากทสี่ ดุ ในประชากร
- ลายนิว้ มอื มีกีแ่ บบ

ขั้นรวบรวมความคิดและข้อสนั นิษฐาน (สไลด์หนา้ 9 –10) 30 นาที

1. ครูรวบรวมความคิดรว่ มกับเด็กๆ ว่าลายนิ้วมือเป็นลักษณะที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจาก 2
พ่อและแม่ แล้วลายน้ิวมือบางนิ้วของลูกมีรูปแบบเหมือนพ่อแม่ แต่ทาไมจึงสามารถใช้ลายนิ้วมือจาแนก

ความแตกตา่ งของตวั บคุ คลได้ และนักเรียนกับเพ่ือนมลี ายนิว้ มอื กแ่ี บบ
2. ครูให้นักเรียนรวบรวมความคิดจากคาถามที่กลุ่มนักเรียนสรุปร่วมกัน และลองตั้งข้อสันนิษฐาน

ตัวอยา่ งเช่น
- คาถาม นว้ิ มือ 10 น้วิ มลี ายน้วิ มอื ไดก้ ่แี บบ

การรวบรวมความคิด ครูลองใหน้ ักเรียนใชแ้ ว่นขยายส่องดูลายน้ิวมอื ของตนเองท้งั สิบนว้ิ ว่ามีลกั ษณะ

ที่แตกต่างกันก่ีแบบ ครูไล่สุ่มถามคาตอบของนักเรียน จากน้ันครูฉายภาพรูปแบบลายนิ้วมือ 3 รูปแบบ
และบอกลักษณะให้นักเรียนสังเกต เพ่ือให้นักเรียนได้ต้ังข้อสันนิษฐานของกลุ่มตนเอง เช่น ลายนิ้วมือ

ของตนเองมีครบท้งั 3 แบบ
3. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนใช้แว่นขยายส่องดูลายน้ิวมือของตัวเอง มองเห็นลายน้ิวมือชัดหรือไม่

มีวิธีการอื่นไหมท่ีเราจะสามารถดูลายนิ้วมือตัวเองได้ชัดกว่าน้ี (คาถามน้ีตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียน

อาจมปี ระสบการณห์ มกึ เป้อื นนว้ิ มอื แลว้ ไปทาบกระดาษ มองเหน็ ลายนว้ิ มือตนเอง หรือดูจากส่อื ตา่ งๆ)

กิจกรมท่ี 1 วเิ คราะห์ลายน้ิวมือ
ขน้ั ทดสอบและปฏบิ ตั กิ ารสืบเสาะ (สไลดห์ น้า 11)

1. ครูลองไล่ถามแต่ละกลุ่มว่ามีวิธีการตรวจสอบดูลายนิ้วมือของตนเองได้อย่างไร โดยครูอาจ
แนะทางออ้ มว่าถ้าเราใชต้ ลบั หมกึ จะเหน็ ลายนว้ิ มอื ไหม

2. ครูถามต่อว่า ถ้าเราอยากเก็บลายน้ิวมือทั้ง 10 นิ้วไว้บนกระดาษสีขาว เรามีวิธีการเก็บอย่างไร
เพ่ือแนะนาสู่การใชอ้ ุปกรณแ์ ละขนั้ ตอนในการเก็บลายนว้ิ มอื ในกิจกรรมท่ี 1 วเิ คราะหล์ ายนวิ้ มือ

3. ครใู ห้นกั เรียนทากิจกรรมที่ 1 วิเคราะหล์ ายนิ้วมือ
ข้นั สงั เกตและบรรยาย (สไลดห์ นา้ 11)

นักเรียนสังเกตลายนิ้วมือของตนเองแต่ละนวิ้ บรรยายลักษณะของลายน้ิวมือแตล่ ะนิ้วเป็นรูปแบบไหน
และลายนิ้วมอื ทเ่ี หมือนกนั มเี สน้ ลายนว้ิ มอื ยอ่ ย ๆ ภายในเหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร

ขนั้ บนั ทึกข้อมลู (สไลดห์ นา้ 11)

1. นักเรียนเขยี นบรรยายลักษณะลายนิ้วมือแต่ละนว้ิ ตรงกบั รูปแบบใด ลงในใบกจิ กรรมท่ี 1
2. นักเรียนนาขอ้ มลู รูปแบบลายนว้ิ มอื ของเพอ่ื นทั้งช้ัน สรุปผลออกมาเปน็ แผนภูมิ

2

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขั้นอภปิ รายผล (สไลดห์ น้า 12) 2
1. ครูกับนักเรียนร่วมกันสรุปลักษณะลายน้ิวมือของนักเรียนแต่ละคน มีกี่รูปแบบ และลายนิ้วมือ

ของทง้ั หอ้ งมีรปู แบบใดท่มี จี านวนมากท่สี ุด
2. ในคนท่ีมีลายน้ิวมือรูปแบบเดียวกันไม่ว่าจะเป็นน้ิวเดียวกันหรือต่างนิ้วกัน จะมีเส้นย่อยๆ

ทีแ่ ตกตา่ งกัน ทาใหส้ ามารถแยกความแตกต่างของแตล่ ะบคุ คลได้

กิจกรมท่ี 2 ใครคอื พลเมืองดี
ขัน้ ทดสอบและปฏิบตั กิ ารสืบเสาะ (สไลดห์ นา้ 13 - 14)

ครูกาหนดสถานการณ์มาให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเป็นทีมนักสืบ เป็นสถานการณ์ท่ีปิ่นโตทากล่อง
ใส่ดินสอหาย ต่อมามีพลเมืองดีเก็บได้และนามาวางบนโต๊ะเรียนของปิ่นโต ปิ่นโตต้องการความช่วยเหลือ
ให้ช่วยหาพลเมืองดีเพ่ือจะขอบคุณ โดยแต่ละกลุ่มจะต้องตั้งชื่อกลุ่มนักสืบของตนเอง กลุ่มใดที่สามารถเทียบ
ลายมือแฝงที่พบบนกล่องใส่ดินสอกับลายมือของบุคคล 4 คน ได้เป็นทมี แรกจะได้รับรางวัล โดยครใู ห้นกั เรียน
ทากจิ กรรมท่ี 2 ใครคอื พลเมอื งดี

ขน้ั สังเกตและบรรยาย (สไลดห์ นา้ 14)
นักเรียนสังเกตลายน้ิวมือแฝงบนกล่องใส่ดินสอแต่ละน้ิว บรรยายลักษณะของลายน้ิวมือแฝงแต่ละนิ้ว

เป็นรูปแบบไหน และเทยี บกบั ลายนวิ้ มือของแตล่ ะคน

ขัน้ บันทกึ ข้อมลู (สไลด์หน้า 14)
นกั เรยี นบนั ทกึ ลกั ษณะนิว้ มอื แฝงบนกลอ่ งใสด่ ินสอ และลกั ษณะลายนิ้วมือของคน 4 คน

ขั้นอภิปรายผล (สไลดห์ น้า 15 - 16)
1. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ วเิ คราะห์ลายน้วิ มือแฝงทพ่ี บบนกลอ่ งใส่ดินสอตรงกับใคร พร้อมใหเ้ หตุผล
2. ทีมที่สามารถระบุลายนว้ิ มือแฝงท่ีพบบนกล่องใส่ดินสอว่าตรงกับบุคคลใดบ้าง พร้อมระบุตวั พลเมืองดี

ได้ถกู ต้องและบรรยายลกั ษณะลายน้วิ มอื ได้ครบเปน็ กลมุ่ แรก ครกู ลา่ วชมเชยและมอบรางวลั
3. กลุ่มอ่ืนที่สามารถระบุตัวพลเมืองดีได้ ครูให้คะแนนลดหลั่นกันไปและให้นักเรียนปรบมือให้กับ

ความสาเร็จของกลุ่มตนเอง
4. ครใู ห้นกั เรียนอภิปรายในประเด็น ลายนิว้ มอื แสดงเอกลักษณ์ของบุคคลได้อย่างไร และลักษณะนี้

ถ่ายทอดทางพนั ธุกรรมหรอื ไม่
5. ครูชี้แจงเพิ่มเติมว่าแม้ในคนสองคนที่มีลายน้ิวมือแบบเดียวกันก็ตาม แต่จะมีเส้นย่อยเล็กๆ

บนลายน้วิ มือที่มลี ักษณะแตกต่างกัน ทาใหล้ ายน้วิ มอื เป็นลกั ษณะเฉพาะในแตล่ ะคนได้

3

ⓒ Inspiring Science Project 2012

การวัดและประเมนิ ผล หลักฐานการประเมิน เกณฑ์การประเมิน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ แบบบันทึกกจิ กรรม บนั ทึกผลไดถ้ กู ต้อง

กจิ กรรมท่ี 1 วิเคราะห์ แผนภมู ิ สรุปขอ้ มูลได้ถกู ต้องและ
ลายนิว้ มือ ครบถ้วนสมบรูณ์

แผนภูมิข้อมูลรปู แบบ
ลายนิ้วมอื ทงั้ ช้ัน

2

การเตรยี มบทเรียน

-
ส่อื การเรยี นการสอนที่ใช้

วดี ทิ ศั น์เร่อื งความสาคญั ของลายน้ิวมอื

เครอ่ื งมอื ท่ีใช้ 1 แท่ง/คน
1 แผน่ /คน
1. ดินสอ 2B
2. กระดาษ A4 1 มว้ น/กลมุ่
3. เทปใส 2 อนั /กลมุ่
4. กรรไกร

4

ⓒ Inspiring Science Project 2012

กลมุ่ ท.ี่ ................

ชื่อ...............................................................หอ้ ง ........... เลขที.่ .......................

กิจกรรมที่ 2 ปนิ่ โตเหมอื นใคร

ตอนที่ 1 ดูจากใบหนา้

คำช้แี จง ให้เขียนตอบคำถำมต่อไปน้ี
นกั เรียนคำดคะเนว่ำพ่อแม่ปน่ิ โต น่ำจะเปน็ หมำยเลขใด.....................................................................................

เหตผุ ลเพรำะ.......................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ตอนท่ี 2 ดทู ลี ะสว่ น 1
คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนเขยี นลกั ษณะของปนิ่ โต และทำเคร่อื งหมำย ลงในช่องของพอ่ หรอื แม่ทีม่ ลี กั ษณะตรง
กับของป่ินโต

ลกั ษณะของปนิ่ โต ค่พู ่อแม่

123

พ่อ แม่ พ่อ แม่ พอ่ แม่

1. หนังตำ (1 หรอื 2 ช้นั )………………………………….
2. เชงิ ผมท่หี นำ้ ผำก (แหลม หรอื ไม่แหลม)…………………………….

3. ลักยิม้ (มี หรือ ไมม่ ี)………………………………….

4. ติง่ หู (มี หรอื ไม่มี)………………………………….

5. ห่อลิน้ (ได้ หรอื ไมไ่ ด)้ ………………………………….

จากกิจกรรมตอนที่ 2 นักเรยี นสงั เกตเห็นควำมสัมพันธ์ลักษณะทำงพนั ธกุ รรมของป่นิ โตกบั พ่อ แม่ อยำ่ งไร

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

จากกิจกรรมตอนท่ี 2 สรปุ ว่ำพอ่ แม่ของปิน่ โตคือพ่อแม่ในครอบครัวท่ีเท่ำใด
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

เฉลยกิจกรรมท่ี 2 ปน่ิ โตเหมอื นใคร

ตอนที่ 1 ดจู ำกใบหน้ำ

คาช้ีแจง ให้เขียนตอบคำถำมต่อไปน้ี

นกั เรียนคำดคะเนว่ำพอ่ แมป่ ่ินโต น่ำจะเป็นหมำยเลขใด.....................................................................................
เหตุผลเพรำะ.......พ..จิ..ำ..ร..ณ...ำ.ค..ำ..ต..อ..บ..ข..อ...ง.น..ัก..เ..ร.ีย..น...............................................................................................

...........................................................................................................................................

ตอนที่ 2 ดูทีละสว่ น

คำช้ีแจง ให้นักเรยี นเขยี นลกั ษณะของป่นิ โต และทำเครอ่ื งหมำย ลงในช่องของพอ่ หรอื แม่ท่ีมีลักษณะตรง

กบั ของปิ่นโต

ลักษณะของปิน่ โต คู่พอ่ แม่

123 1

พ่อ แม่ พ่อ แม่ พ่อ แม่

1. หนังตำ (1 หรือ 2 ช้ัน)…หนงั ตำสองช้นั ……………. 

2. เชิงผมทหี่ น้ำผำก (แหลม หรอื ไม่แหลม)………ไม่แหลม………….  

3. ลักยม้ิ (มี หรอื ไม่มี)…ไม่มีลกั ย้ิม…………………….  

4. ติง่ หู (มี หรือ ไมม่ )ี ……มีตงิ่ หู………………………. 

5. ห่อลิ้น (ได้ หรอื ไมไ่ ด้)…ห่อลนิ้ ได้…………………………. 

จากกิจกรรมตอนท่ี 2 นกั เรียนสังเกตเหน็ ควำมสัมพนั ธ์ลกั ษณะทำงพนั ธุกรรมของป่นิ โตกบั พอ่ แม่ อย่ำงไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................
จากกจิ กรรมตอนที่ 2 สรปุ ว่ำพ่อแมข่ องปนิ่ โตคอื พ่อแม่ในครอบครวั ที่เท่ำใด

.......ครอบครวั ท่ี 2................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

กิจกรรม ใครคอื พลเมืองดี

ป่นิ โตทำกลอ่ งใสด่ ินสอหำย ป่นิ โตจำไมไ่ ดว้ ่ำลมื วำงไว้ที่ไหน วันตอ่ มำป่นิ โตพบว่ำกล่องใส่ดนิ สอวำงไว้
บนโต๊ะของเขำเอง ปิ่นโตอยำกรู้ว่ำใครเป็นพลเมืองดี ที่เก็บกล่องใส่ดินสอได้แล้วยังนำมำวำงไว้บนโต๊ะให้อีก
ปิ่นโตอยำกแสดงควำมขอบคุณ เขำสงสัยอยู่สำมคนคือ นักกำรภำรโรงชือ่ เอวำ เพ่ือนของเขำชื่อเด็กชำยปิงปงิ
และเด็กหญิงผงิ ผิง ใครกนั นะท่ีเป็นผทู้ ่เี ก็บของไดแ้ ละนำมำคนื ให้เขำ

เพ่ือนๆ ช่วยปิ่นโตหำพลเมืองดีคนนั้นกัน ท่ีกล่องใส่ดินสอมีลำยน้ิวมือแฝงติดอยู่ ขอให้นักเรียน
วิเครำะหล์ ำยนวิ้ มือแฝงว่ำตรงกบั คนใด ซง่ึ อำจมมี ำกกวำ่ หนง่ึ คน

2

วิเคราะหล์ ายนว้ิ มือแฝงทัง้ 3 คน

1. นักการภารโรงเอวา นว้ิ ชี้ นวิ้ กลำง น้วิ นำง นวิ้ กอ้ ย
นว้ิ หวั แมม่ ือ

รปู แบบลำยนิ้วมือ 2

...................... ....................... …………………… …………………. …………………....
นวิ้ กลำง นวิ้ นำง นวิ้ ก้อย
2. เด็กชายปิงปิง นว้ิ ชี้
นว้ิ หัวแมม่ ือ

รปู แบบลำยน้วิ มือ ....................... …………………… …………………. ……………....
......................

3. เดก็ หญิงผงิ ผิง นวิ้ ชี้ นิว้ กลำง นวิ้ นำง นิ้วกอ้ ย
นว้ิ หัวแม่มอื

รูปแบบลำยน้วิ มอื 2

...................... ....................... …………………… …………………. …………………....
นิว้ ชี้ นว้ิ กลำง น้วิ นำง น้วิ กอ้ ย
4. เดก็ ชายปิ่นโต
น้วิ หวั แม่มอื

รปู แบบลำยนว้ิ มือ ………………. ………….……....
...................... ....................... ……………………

ลายนว้ิ แฝงพบในกล่องใสด่ ินสอ คนท่ี 1

นว้ิ หวั แมม่ ือ น้วิ ชี้ นว้ิ กลำง นิ้วนำง น้ิวกอ้ ย

ลายนิ้วแฝงพบในกลอ่ งใสด่ ินสอ คนท่ี 1 2

นว้ิ หัวแมม่ อื นิ้วชี้ นว้ิ กลำง นวิ้ นำง นวิ้ กอ้ ย

จากขอ้ มูลทั้งหมด
ลายน้วิ แฝงพบในกล่องใสด่ ินสอ คนที่ 1 ตรงกับ.........................................
ลายนว้ิ แฝงพบในกล่องใส่ดินสอ คนท่ี 2 ตรงกบั .........................................
พลเมืองดี คือ.............................................................................
เหตุผลเพราะ
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
........................................................... ............................................................................................ .......................

เฉลย

ลายนว้ิ แฝงพบในกล่องใส่ดินสอ คนที่ 1 ตรงกบั เด็กชำยปิงปงิ
ลายนวิ้ แฝงพบในกล่องใสด่ ินสอ คนที่ 2 ตรงกบั นอ้ งปน่ิ โต
พลเมืองดคี อื เดก็ ชำยปงิ ปงิ

2

กลมุ่ ที่.................
ชอ่ื ...............................................................หอ้ ง ........... เลขท่ี........................

กิจกรรมที่ 3 พนั ธุกรรม

ตอนท่ี 1 ใช่หรือไม่
ให้นกั เรียนทำเครอื่ งหมำย  ในชอ่ งขอ้ ควำมท่ีเป็นลักษณะทำงพันธุกรรม และ × ในช่องข้อควำมทีไ่ มเ่ ปน็
ลักษณะทำงพนั ธกุ รรม พรอ้ มทงั้ ให้เหตผุ ล

ลกั ษณะ พันธกุ รรม เหตุผล
แขนขำดจำกอุบตั เิ หตุ

กำรถนัดมอื ขวำ

โรคเอดส์

จมกู โดง่ จำกกำรทำศัลยกรรม

มตี งิ่ หู

หม่เู ลือด

ขำลบี จำกโปลิโอ

ตอนที่ 2 ลกู เหมอื นใคร

คำถำมอภปิ รำย
1. ลกู ได้รับลกั ษณะตอ่ ไปนี้จำกใคร

นยั นต์ ำสีดำ ไดร้ ับจำก..............................................
รมิ ฝปี ำกหนำ ไดร้ ับจำก..............................................
2. ลกั ษณะทำงพันธุกรรมจำกพอ่ และแม่ ถ่ำยทอดไปใหล้ กู ไดอ้ ยำ่ งไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

กล่มุ ท.่ี ................

ชอ่ื ...............................................................หอ้ ง ........... เลขท.ี่ .................

Home Work 1
ลกั ษณะทางพันธุกรรมทสี่ งั เกตได้

ลักษณะทางพนั ธกุ รรมของนักเรียนแตล่ ะลกั ษณะ นักเรยี นสงสัยไหมว่านักเรียนไดร้ บั มาจากใคร

ตารางท่ี 1 ให้นักเรียนสารวจตนเอง และทานายลกั ษณะดังต่อไปนีว้ ่านา่ จะไดร้ ับมาจากใคร

ลักษณะ สารวจ ทานายว่าไดร้ ับลกั ษณะน้ี 1
ลักษณะตนเอง มาจากใคร
หนงั ตา (1 หรอื 2 ช้ัน)
เชิงผมท่ีหน้าผาก (แหลม หรอื ไม่แหลม) โดง่ ได้รบั จากพอ่
ลักยิ้ม (มี หรือ ไม่มี)
ตง่ิ หู (มี หรือ ไมม่ ี)
อ่นื ๆ
หอ่ ลน้ิ (ได้ หรือ ไม่ได้)
*ตัวอย่าง* สันจมกู (โดง่ หรือ ไมโ่ ดง่ )

ตารางท่ี 2 สารวจลักษณะดงั ตอ่ ไปนีว้ า่ ได้มาจากใคร

ลักษณะ ลกั ษณะของตนเองที่สงั เกตได้ สารวจแลว้ ว่าได้รบั
ลักษณะน้ีมาจาก
หนงั ตา (1 หรอื 2 ชนั้ )
เชงิ ผมท่ีหน้าผาก (แหลม หรือ ไม่แหลม)
ลกั ย้ิม (มี หรอื ไม่มี)
ตงิ่ หู (มี หรอื ไมม่ )ี
ห่อลิน้ (ได้ หรือ ไม่ได)้
สนั จมกู (โด่ง หรือ ไม่โดง่ )

สรปุ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………........................

แนวข้อสอบ PISA (พนั ธกุ รรม) ชุดท่ี 1

ความรู้ดา้ นเนอ้ื หา : เข้าใจกระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพนั ธุกรรม การเปลย่ี นแปลงของ
พันธุกรรม ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ัฒนาการของส่งิ มีชวี ิต

ตัวชว้ี ดั ว 1.3/ป.5/1 อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมที่มตี ่อการถา่ ยทอดจากพ่อแม่สลู่ ูก
ว 1.3 ป.5/2 แสดงความอยากรู้อยากเหน็ ในการต้ังคาถามเกย่ี วกับลักษณะคลา้ ยคลงึ ของตนเองกับพ่อแม่

ความรดู้ า้ นกระบวนการ :
ความรู้เกี่ยวกบั การได้มาซงึ่ ความรู้ :
เจตคติ – ความสาคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรม

- ผลของการเปล่ียนแปลงพันธุกรรมตอ่ ส่ิงมีชีวติ
- ประโยชน์ของความรู้เกย่ี วกบั พันธุกรรม

สมรรถนะ
การอธบิ ายปรากฏการณเ์ ชิงวิทยาศาสตร์
การประเมนิ และออกแบบกระบวนการสบื เสาะหาความร้ทู างวิทยาศาสตร์
การแปลความหมายข้อมลู และ ใชป้ ระจักษพ์ ยานเชงิ วทิ ยาศาสตร์

สัตวเ์ ผือก

ภาวะผิวเผือก เป็นภาวะขาดเมด็ สบี รเิ วณผิวหนงั เสน้ ผมและตา ส่งผลใหส้ ิ่งมีชวี ิตนน้ั ๆ มีสผี วิ ท่ีซีดกว่าปกติ ลักษณะ
ผวิ เผอื กมมี าแต่กาเนิดและสามารถถ่ายทอดจากรนุ่ สู่รุ่นได้
ภาวะผิวเผอื กอาจส่งผลใหม้ ปี ัญหาเกย่ี วกบั ตา เช่น แพแ้ สง, ตากระตุก, สายตาเอยี ง เป็นตน้ คนผวิ เผือกมีความเสี่ยง
ต่อผิวไหม้และมะเรง็ ผิวหนงั มากกว่าคนผวิ ปกติ แต่ไม่มผี ลกระทบต่อพฒั นาการและความสามารถอน่ื ๆ
ภาวะผิวเผอื กในสตั ว์อาจทาให้สตั ว์มีอัตราการอยู่รอดในป่าลดนอ้ ยลง อยา่ งไรก็ตามสตั วผ์ วิ เผือกในสวนสัตว์มกั ไดร้ บั
ความสนใจเป็นพเิ ศษเนื่องจากหายาก มีความโดดเดน่ จงึ นิยมนามาเลยี้ ง

ข้อ 1 ถา้ ต้องการขยายพันธส์ุ ัตว์เผือก การเลือกพ่อแม่พนั ธ์ุตอ่ ไปน้ีมผี ลอยา่ งไร? (ใหน้ กั เรียนทาเครอ่ื งหมาย ใน
ชอ่ งท่ีคิดว่าเปน็ ไปได้

พอ่ พนั ธ์ุ แมพ่ ันธุ์ โอกาสการปรากฏลกั ษณะผิวเผือกของลูก

ได้แน่นอน อาจจะได้ แทบไม่มโี อกาสเลย

ผวิ ปกติ ผวิ ปกติ 

ผิวเผือก ผวิ ปกติ 

ผิวปกติ ผวิ เผือก 

ผวิ เผอื ก ผวิ เผือก 

ขท้อม่ี 2า:ใปนรธับรปรมรชุงจาาตกิสhตั tวtเ์pผ:อื//กwมwีจาwน.uวนbนonอ้ zยoกoว่า.cสoตั mวผ์/wวิ ปilกdต_เิaพnรimาะa.l.s../.a..l..b..i.n..i.s..m......h..t..m.....................................................
เหตุผลท่เี ป็นไปได้ (ให้คะแนนเตม็ )

1. ลกั ษณะโดดเด่น/เหน็ ชดั ถูกล่างา่ ยกวา่
2. มคี วามผดิ ปกติของร่างกายทที่ าให้ออ่ นแอกว่าปกติ
3. ................................................................................
เหตผุ ลทใ่ี หค้ ะแนนบางสว่ น

1. พอ่ แม่สตั ว์เผอื กมีจานวนน้อยจึงโอกาสผสมพนั ธุ์กนั เองไดย้ ากกว่า

สุนขั เล้ียงหรือหมาบ้าน

ผู้เช่ียวชาญต่างเชื่อว่าสนุ ัขเล้ียงมีบรรพบุรุษเดียวกันกับหมาป่า สุนัขหรือหมาถูกคัดเลือกผสมพันธ์ุมาเป็น
เวลาพนั ปเี พอ่ื ให้มีพฤติกรรมหลากหลาย การรบั รคู้ วามรสู้ กึ และลกั ษณะทางรูปลักษณะท่ีแตกตา่ งกัน หมามีขนาด
และน้าหนักแตกต่างกัน หมาตัวเล็กที่สุดท่ีรู้จักกันคือหมาพันธย์ุ อรก์ เชอรเ์ ทร์เรียร์ เม่ือยืนอยู่จะสูง 6.3 เซนติเมตร
ยาว 9.5 เซนติเมตร ตลอดทั้งหัวและลาตัว และหนัก 113 กรัม หมาตัวใหญ่ท่ีสุดท่ีรู้จักคือหมาพันธุ์อิงลิชมาสติฟ
หนัก 177.6 กโิ ลกรัม และความยาวจากจมกู ถงึ หาง 250 เซนตเิ มตร หมาท่สี งู ทสี่ ุดคอื หมาพนั ธเ์ุ กรตเดน เมือ่ ยืนอยู่
สูง 195.7 เซนติเมตร

4 12
3 56

7

2

1 8

9 10 11 ใช่ ไมใ่ ช่
ภาพท่ี 1 แสดงตวั อยา่ งของสุนัขบ้านสายพันธุ์ต่าง ๆทีน่ ยิ มนามาเลยี้ ง 

ข้อ 1 ลักษณะ 
สุนัขทีส่ ามารถถ่ายทอดจากรุ่นพ่อแม่ไปยังรนุ่ ลกู 

ลักษณะ

1.ขนาดความยาวของหาง
2. ความสูง
3. พฤติกรรม/นิสยั
4. สีของขน

ขอ้ 2 ถา้ นักเรยี นเป็นเจ้าของสนุ ขั พนั ธ์ุไทยแทข้ นสน้ั เพศเมียขนสีน้าตาล ต่อมาสุนขั ตัวน้ีมี
ลูกซ่งึ มลี ักษณะดังภาพ โดยในหมูบ่ า้ นเล้ยี งสุนัขเพศผ้ไู ว้ 11 สายพันธต์ุ ามภาพที่ 1
นกั เรียนคดิ ว่าพ่อของลูกสนุ ขั ตวั น้ี ควรเปน็ สายพันธุ์ใด (ระบุตัวเลข) พรอ้ มให้
เหตผุ ลวา่ นกั เรยี นใช้ลกั ษณะใดในการพิจารณาว่าสุนขั ตวั นั้นเป็นพ่อ

ตอบ พันธ์ุหมายเลข......................................................... ( 2, 3, 8, 9, 10)

ลกั ษณะทใ่ี ช้ตดั สิน คือ (1) ..............................................................................

(2) .............................................................................

คาตอบท่เี ปน็ ไปได้ คือ สขี นลาตัว, สีขนท่หี นา้ อก, ลกั ษณะจุดท่ีหัวตา (ค้วิ ), ความยาวของขน (ขนส้นั )

ข้อสอบ PISA(พันธกุ รรม) ชดุ ท่ี 2
ระดับประถมศึกษาปีท่ี 5

1. แม่หญิงการะเกดทาขันใสน่ ้าหาย เธอจาไม่ไดว้ ่าลืมทิ้งไว้ท่ีไหน วันต่อมาการะเกดพบว่าขันน้าของเธอท่ีหายไปวางอยู่บน
โต๊ะเคร่ืองแป้งของเขา การะเกดอยากรวู้ ่าใครเป็นคนเก็บมาให้ การะเกดอยากแสดงความขอบคุณ เธอสงสัยอยู่ 3คน คือ พี่
หมน่ื พผี่ นิ พ่ีแยม้ ใครกนั ที่เปน็ ผู้ที่เก็บขนั น้าได้และนามาเก็บให้เธอ ใหน้ ักเรยี นชว่ ยหาผหู้ วังดีคนนนั้ ทีเ่ กบ็ ขันน้า
มาคืนใหแ้ มห่ ญิงการะเกด ขอให้นกั เรียนวเิ คราะห์ลายนว้ิ มือแฝงวา่ ตรงกบั คนใด

1.ลายมอื แฝงของพ่ผี นิ

น้ิวหัวแมม่ ือ นวิ้ ช้ี นิว้ กลาง นว้ิ นาง นวิ้ กอ้ ย

2..ลายลายมือแฝงของพี่แย้ม นว้ิ ชี้ นวิ้ กลาง น้วิ นาง นว้ิ กอ้ ย
นวิ้ หัวแมม่ อื

3 นวิ้ ชี้ นิ้วกลาง น้ิวนาง นว้ิ กอ้ ย
.ลายลายมอื แฝงของพห่ี ม่ืน

นว้ิ หัวแม่มือ

1.ลายลายมือแฝงที่พบบนขันนา้

นว้ิ หวั แม่มือ นวิ้ ชี้ นวิ้ กลาง นวิ้ นาง นว้ิ ก้อย

จากข้อมลู ท้งั หมด
ลายนิ้วมือแฝงที่พบบนขันนา้ ตรงกบั .......................................................................

แนวขอ้ สอบ PISA (พันธุกรรม) ชุดท่ี 3

สง่ิ มีชีวิตตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ พืชหรือสตั ว์จะมีการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ จากพอ่ แมไ่ ปสลู่ ูก เชน่ สีผม สีของ
ดวงตาสีผิว หมเู่ ลือด ด้ังจมกู ความสูง โครงสรา้ งของลาต้น ลักษณะของดอก ลักษณะของผล เปน็ ต้น เราจงึ สามารถ
นาผลการสังเกตลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท่ีมีการถ่ายทอดจากรุ่นหนง่ึ ไปสู่อกี รนุ่ หนึ่งที่ปรากฏให้เห็นไปวิเคราะห์
ความสัมพันธห์ รอื ทานายลกั ษณะท่ีจะปรากกฏให้เห็นของพืชหรอื สัตว์ทไ่ี ด้

คาถามท่ี 1 จากข้อมูลต่อไปนี้ นกั เรียนคิดวา่ ใครมีโอกาสทีจ่ ะเปน็ ลกู ของพหี่ ม่นื กบั แม่การเกด มากท่ีสุด

ลกั ษณะของพี่หม่นื ลักษณะของการเกด หมปู ิ้ง นาโชค มารวย
ผมหยักศก ผมตรง ผมตรง ผมหยักศก ผมหยกั ศก
สงู สงู
ผิวสีแทน สขี าว สูง สงู เตี้ย
ผมดา ผมดา ดา ขาวเหลอื ง ขาว
ไมม่ ลี กั ย้ิม มลี กั ยิ้ม นา้ ตาล ดา
จมูกโด่ง จมูกโดง่ มีลกั ยมิ้ ดา ไมม่ ลี กั ยิ้ม
ตาช้ันเดยี ว ตาสองชน้ั จมกู โด่ง ไม่มีลักย้ิม จมูกโดง่
มีต่ิงหู มตี ่ิงหู ตาช้นั เดยี ว จมูกไมโ่ ด่ง ตาชนั้ เดียว
ไม่มีต่ิงหู ตาช้นั เดียว ไมม่ ตี ่ิงหู
ไมม่ ีต่ิงหู

คาตอบคอื มารวย
สมรรถนะ : การอธิบายปรากฏการณเ์ ชิงวิทยาศาสตร์ ลักษณะขอ้ สอบ : แบบเลอื กตอบ

คาถามท่ี 2 หมู่บา้ นของหมปู ิ้ง เกิดน้าท่วมหนัก ทาใหค้ รอบครัวของน้องหนูนา ซง่ึ ขณะนน้ั ยังเล็กมาก ต้องผลัดพลาด
จากครอบครัว จนเวลาผ่านไป 10 ปี ถา้ หมปู ิง้ จะช่วยหนนู าตามหาญาตโิ ดยใช้รูปแบบของลายนวิ้ มือ นักเรียนคดิ ว่า
หมปู ง้ิ จะสามารถใชร้ ูปแบบของลายน้วิ มือตามหาญาติของหนนู าไดห้ รือไม่ จงให้เหตุผลถึงความเปน็ ไม่ได้หรอื เปน็ ไป
ไมไ่ ด้ ในการตามหาญาติของหนนู าโดยใช้รูปแบบของลายนิ้วมอื
คาตอบ รูปแบบของลายน้ิวมอื ถึงแม้นจะมกี ารถา่ ยทอดกันทางพันธุกรรมแต่จะมีรปู แบบเฉพาะในแต่ละบุคคล
ดังนั้น จงึ เป็นไปไม่ได้ทีจ่ ะตามหาญาติของหนูนาจากรปู แบบของลายนว้ิ มือได้

สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฏการณเ์ ชิงวิทยาศาสตร์ ลกั ษณะข้อสอบ : สรา้ งคาตอบแบบอิสระ

คาถามท่ี 3 สนุ ขั เพศผู้สนี ้าตาลกับสุนัขเพศเมียสีดาน้าตาล มีลกั ษณะดงั รปู ถ้าสนุ ัขทั้งสองมีลูกด้วยกัน ให้นักเรยี น

ทานายลกั ษณะลักษณะตา่ ง ๆ ของลูกสุนัขท่ีจะเกิดขน้ึ ในอนาคต

พ่อสนุ ัข แมส่ นุ ัข

ลักษณะของ ลกั ษณะทีจ่ ะปรากฏใหเ้ หน็ ในลกู สุนขั
ขน

ความสงู
สขี น
หู
ตา
จมูก

คาถามท่ี 4 นกั เรียนคิดว่า จะมโี อกาสเกิดลูกสุนัขท่ีมลี ักษณะตวั สูง หูตงั้ จมูกสแี ดง เกิดขน้ึ ได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด
คาตอบ เป็นไปได้ หากพ่อสุนัขหรอื แมส่ นุ ัขเกดิ จากพ่อแม่ทีม่ ีลกั ษณะตัวสูง หูต้งั จมูกสแี ดง ซงึ่ ลกั ษณะเหล่านี้จะมี
อย่ใู นตวั ของสุนขั ท้ังสองซ่ึงจะสามารถถ่ายทอดไปสู่รุ่นลกู ได้

เปน็ ไปไม่ได้ หากพ่อสนุ ัขหรอื แม่สนุ ัขไม่ได้เกิดจากพ่อแม่ทม่ี ลี กั ษณะตัวสูง หตู ้ัง จมกู สแี ดง ซึ่งลักษณะ
เหลา่ น้ีจะไม่มปี รากฏอยใู่ นตัวของสุนัขท้ังสองจึงไม่สามารถถา่ ยทอดไปสรู่ ่นุ ลกู ได้
สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฏการณเ์ ชิงวิทยาศาสตร์ ลักษณะข้อสอบ : สรา้ งคาตอบแบบอสิ ระ



บทนำ ภารกิจจริง นักเรยี นจะต้องเรยี นร้เู กย่ี วกับการตอ่ ระบบ
นั ก เ รี ย น ส ว ม บ ท บ า ท เ ป็ น ผู้ ช่ ว ย ผู้ ป ก ค ร อง ไฟฟ้าภายในบ้าน และสร้างแบบบ้านจ้าลองพร้อมทั้ง
ต่อระบบไฟฟ้าในบ้านจา้ ลองให้เรยี บร้อย เพอื่ น้าเสนอ
เพ่ือปฏิบัติภารกิจในการเดินระบบไฟฟ้าภายในบ้าน รูปแบบท่ีเหมาะสมกับผู้ปกครองก่อนลงมือปฏิบัติ
ของนักเรียน โดยบ้านหลังน้ีมีลักษณะของตัวบ้าน ในสถานทจี่ รงิ
เป็นช้ันเดียวที่มีพื้นท่ีใช้สอย 4 ห้อง ประกอบด้วย
ห้องโถง ห้องนอน หอ้ งครัว และหอ้ งน้า กอ่ นทจ่ี ะปฏิบัติ ไฟฟา้

หัวขอ้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6

ระดบั ชน้ั 10 ชว่ั โมง

เวลำ

แนวคดิ หลกั

เม่ือน้าวัตถุบางชนิดมาขัดถูกันท้าให้เกิดไฟฟ้าสถิตขึ้น และวัตถุมีแรงไฟฟ้ากระท้าต่อกัน ไฟฟ้าที่ใช้
ในชีวิตประจ้าวันด้วยวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ประกอบด้วยอุปกรณ์เคร่ืองใช้ไฟฟ้า สายไฟ และแหล่งก้าเนิดไฟฟ้า
โดยวงจรไฟฟา้ อยา่ งง่ายจะประกอบด้วย วงจรแบบขนาน และวงจรแบบอนุกรม

มำตรฐำนและตัวชวี้ ัด
สำระท่ี 2 วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ
มำตรฐำน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจา้ วนั ผลของแรงท่กี ระท้าตอ่ วตั ถุ ลักษณะการเคล่ือนทแี่ บบต่างๆ
ของวตั ถุ รวมทง้ั น้าความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตัวชวี้ ัด ว 2.2 ป. 6/1 อธิบายการเกดิ และผลของแรงไฟฟา้ ซ่ึงเกิดจากวตั ถุท่ีผ่านการขัดถโู ดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์
มำตรฐำน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร
และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจ้าวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทัง้ นา้ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้ีวัด ว 2.3 ป.6/1 ระบุส่วนประกอบและบรรยายหน้าท่ีของแต่ละส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย
ตามหลกั ฐานเชิงประจักษ์

ว 2.3 ป.6/2 เขียนแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย
ว 2.3 ป.6/3 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายวิธีการและผลของ
การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบอนกุ รม
ว 2.3 ป.6/4 ตระหนักถึงประโยชนข์ องความรู้ของการตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนุกรมโดยบอกประโยชน์
และการประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจ้าวนั

1

ⓒ Inspiring Science for the Little Science Elementary Project

ว 2.3 ป.6/5 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธที ่เี หมาะสมในการอธิบายการต่อหลอดไฟฟา้
แบบอนุกรมและแบบขนาน

ว 2.3 ป.6/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน
โดยบอกประโยชน์ ขอ้ จ้ากัด และการประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจา้ วัน

ควำมเข้ำใจที่ยง่ั ยืน
นักเรียนเข้าใจว่าแรงไฟฟ้าคือแรงไม่สัมผัส ที่เกิดขึ้นระหว่างวัตถุท่ีมีประจุไฟฟ้า โดยวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย

ประกอบด้วย แหล่งก้าเนิดไฟฟ้า สายไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อน้าเซลล์ไฟฟ้าหลายเซลล์มาต่อเรียงกัน โดยให้
ข้ัวบวกของเซลล์ไฟฟ้าหนึ่งต่อกับขั้วลบของอีกเซลล์หน่ึงเป็นการต่อแบบอนุกรม ท้าให้มีพลังงานไฟฟ้าเหมาะสม
กับเคร่อื งใช้ไฟฟ้า การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมเมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหน่ึงออกจะทา้ ให้หลอดไฟฟ้าที่เหลือ
ดับทั้งหมด ส่วนการต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออก หลอดไฟฟ้าท่ีเหลือก็ยังสว่างได้
การตอ่ หลอดไฟฟ้าแต่ละแบบสามารถน้าไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจ้าวันไดต้ ามความเหมาะสม

คำถำมสำคญั
การต่อหลอดไฟฟ้าหลายดวงในบ้านจะตอ้ งตอ่ อยา่ งไร

ควำมรแู้ ละทกั ษะสำคญั ท่ีนักเรียนไดร้ ับ
ควำมรู้
คำสำคัญ : ไฟฟ้าสถิต ไฟฟ้ากระแส วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อเซลล์ไฟฟ้าเคมี การต่อหลอดไฟแบบอนุกรมและ
แบบขนาน
ทักษะ

- เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ยได้
- ตอ่ วงจรไฟฟ้าอยา่ งง่ายได้
- ต่อเซลล์ไฟฟา้ ได้
- ตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบขนานได้

เจตคติ
การใช้เครอ่ื งมอื ทางวทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งระมดั ระวังและปลอดภัย
การให้ความรว่ มมือในการทา้ งานกลุ่ม
แรงบันดาลใจในการเรยี นวิทยาศาสตร์

2

ⓒ Inspiring Science for the Little Science Elementary Project


Click to View FlipBook Version