The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตัวอย่างแผนการสอนบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยระดับประถมศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sawawer, 2022-03-30 00:11:36

แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บ้านนักวิทย์ ระดับประถมศึกษา

ตัวอย่างแผนการสอนบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยระดับประถมศึกษา

เรามองเหน็ ได้อย่างไร

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 : แสงและการมองเห็น

บทนา

น้องปีใหม่เด็กช่างสังเกต จึงพบว่าเวลา นักเรียนจะสวมบทบาทเป็นน้องปีใหม่ 1

เล่นของเล่นในตอนกลางวันกับตอนกลางคืนมี และเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ในกิจกรรมตาม

ความแตกต่างกัน โดยเฉพาะเม่ือปิดไฟในบ้าน แผนการเรยี นรู้

น้องปีใหม่ได้ค้นพบเร่ืองราวบางอย่างท่ีซ่อนอยู่ใน แผนการเรียนรู้ท่ี 1 แสงและการมองเห็น
ความมืด ยามค่าคนื นักเรียนจะได้เรียนรู้การเดินทางของแสง และการ

มองเห็น โดยการท่ากิจกรรม แสง เงา และการ
มองเห็น

แนวคดิ หลกั

แสงเคลอื่ นที่จากแหลง่ ก่าเนดิ แสงทกุ ทิศทางเป็นแนวตรง เม่ือมแี สงจากวัตถมุ าเข้าตาจะท่าให้มองเห็น
วัตถุน้ัน การมองเห็นวัตถุที่เป็นแหล่งก่าเนิดแสง แสงจากวัตถุน้ันจะเข้าสู่ตาโดยตรง ส่วนการมองเห็นวัตถุ
ท่ไี มใ่ ชแ่ หล่งกา่ เนดิ แสง ต้องมแี สงจากแหล่งกา่ เนดิ แสงไปกระทบวตั ถุแล้วสะท้อนเข้าตา

คาศัพท์
แสง แหล่งกา่ เนดิ แสง การมองเห็น

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

นักเรยี นสามารถ : - บรรยายแนวการเคลอ่ื นทขี่ องแสงจากแหล่งกา่ เนิดแสงได้
- อธบิ ายการมองเหน็ วัตถจุ ากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ได้

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 120 นาที

ขั้นตัง้ คาถามส่ิงท่ีเกยี่ วกับปรากฏการทางธรรมชาติ 10 นาที

นอ้ งปใี หมต่ ื่นขึน้ มาตอนดกึ ได้ยินเสยี งกกุ กกั ทมี่ มุ หอ้ ง แม้จะพยายามเพ่งมองแตก่ ็มองไมเ่ หน็ ท่าไมเป็นแบบนั้น
ครูนา่ กลอ่ งทบึ ท่เี จาะรไู ว้สองด้านหน้าและด้านขา้ งมาให้นกั เรียนสังเกต โดยปดิ รูหนึง่ ไวก้ อ่ น ใหเ้ หลือ

เพียงหนึ่งรูท่ใี ช้ตาแนบขณะสอ่ งเทา่ นนั้ ตามใบงานในกิจกรรม เรามองเห็นวัตถุไดอ้ ยา่ งไร แลว้ ถามนักเรียนวา่
- นักเรียนทราบหรอื ไม่วา่ อะไรอย่ใู นกลอ่ ง (ใหน้ กั เรียนลองทาย)

1
ⓒ Inspiring Science Project 2012

- ให้นกั เรยี นดูของในกล่องผ่านชอ่ งทเ่ี จาะรูไว้ จากนัน้ ครูถามนักเรียนว่า เห็นหรือไม่วา่ ในกล่องมีอะไร 1

เหมือนหรือต่างกับส่ิงท่ีนักเรียนทาย (นักเรียนควรมองไม่เห็นอะไรในกล่อง เพราะภายในกล่องเป็นภาพวาด
หรือวตั ถุชนดิ ต่างๆ )

- ครูให้นักเรียนฉายไฟจากไฟฉายเข้าไปในกล่องผ่านรูอีกด้านที่เจาะไว้ แล้วถามนักเรียนว่าเห็นอะไร
ที่เปลี่ยนแปลงไปจากการมองครั้งแรกหรือไม่ จากนนั้ นกั เรียนบันทกึ สงิ่ ทีน่ กั เรยี นเหน็ โดยการวาดภาพ

ขน้ั รวบรวมความคดิ และขอ้ สนั นิษฐาน 10 นาที

ครูกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นคดิ ในประเด็นต่อไปน้ี
- เหตุใดตอนปิดกล่องเราจึงมองไม่เห็นภาพและวัตถุข้างในกล่อง และเมื่อฉายไฟเข้าไป

ในกล่องจงึ มองเหน็ ภาพและวัตถุเพียงบางสว่ น
- นกั เรียนชว่ ยกันสรปุ ขอ้ สนั นษิ ฐานกัยวกบั เหตใุ ดจงึ มองไมเ่ หน็

แนวค่าตอบ เพราะมแี สง
แสงมีผลต่อการมองเห็น

- นกั เรยี นร่วมกนั อภิปราย และวิเคราะหว์ ่าจะตรวจสอบได้อย่างไร

ขัน้ ทดสอบและปฏิบตั ิการสบื เสาะ 15 นาที

ใหน้ กั เรียนทา่ กิจกรรมเรื่อง เรามองเหน็ วัตถุได้อย่างไร
- ครูนา่ กลอ่ งอุปกรณซ์ ึง่ ดา้ นในประกอบด้วยหลอดไฟ 2 ดวง ดวงที่ 1 ต่อวงจรเพอ่ื สามารถสอ่ งแสงได้

และหลอดท่ีสอง ไม่ได้ต่อวงจร โดยเจาะกล่องเป็นรูส่าหรับส่องดูด้วยตาไว้ด้านหน้าและด้านข้างของกล่อง
ด้านละ 1 ชอ่ ง

- นักเรียนสอ่ งดภู ายในกล่อง และบันทึกส่งิ ท่เี ห็น
- นา่ ไฟฉายสอ่ งเขา้ ไปในรูด้านขา้ งกล่อง นกั เรยี นสงั เกต และบันทึกสิ่งท่ีเห็น
- เปดิ หลอดไฟ จากนน้ั นกั เรียนบนั ทกึ สิง่ ที่เหน็

- ครูเปดิ กลอ่ งให้นักเรียนดวู า่ ขา้ งในมอี ะไรบา้ ง

ข้ันสังเกตและบรรยาย 10 นาที

ในขณะทดลองให้นักเรยี นสังเกตและบรรยายในสิ่งเหลา่ น้ี
- ขณะท่นี ักเรียนสอ่ งดูภายในกลอ่ ง รายละเอียดด้านในเป็นอย่างไร

เม่อื นา่ ไฟฉายส่องเขา้ ไปในรูด้านขา้ งกล่อง รายละเอียดดา้ นในกล่องเป็นอย่างไร เม่ือเทยี บกบั ตอนท่ีไมไ่ ด้สอ่ งไฟ

ฉาย
- เม่ือเปิดหลอดไฟ รายละเอียดด้านในเปน็ อยา่ งไรเมอ่ื เปรียบเทียบกับตอนสอ่ งไฟฉาย และ

รายละเอยี ดของหลอดไฟทั้งสองแตกต่างกนั อย่างไร
- นอกจากการมองเหน็ รายละเอียดของหลอดไฟแลว้ นกั เรียนเห็นการเปลยี่ นแปลงอยา่ งอน่ื อกี

หรือไม่ (นักเรยี นสงั เกตเห็นเงาของหลอดไฟหรือไม)่

- เมือ่ เปิดกล่องนักเรียนมองเห็นภาพและวตั ถุแตกตา่ งอยา่ งไร
- ลกั ษณะของเงาเปน็ อยา่ งไร และแตกตา่ งกันอยา่ งไรในขณะท่าการทดลองแตล่ ะข้ัน

2

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขน้ั ตัง้ คาถามส่งิ ท่ีเกย่ี วกบั ปรากฏการทางธรรมชาติ 10 นาที

ต้ังคา่ ถามต่อเนอื่ งจากกจิ กรรม ลกั ษณะของเงาเป็นอยา่ งไรเมื่อต่าแหนง่ ของแหล่งก่าเนดิ แสงเปล่ียนไป
เพราะเหตุใดจึงเปน็ เชน่ นั้น

ขน้ั รวบรวมความคดิ และข้อสนั นิษฐาน 10 นาที 1

นักเรยี นรว่ มกันอภิปราย และวิเคราะห์วา่ จะตรวจสอบไดอ้ ย่าง 15 นาที
ขัน้ ทดสอบและปฏบิ ัตกิ ารสืบเสาะ

ใหน้ กั เรียนท่า กิจกรรมบ้านนักวิทยาศาสตรน์ อ้ ยเรื่อง เงาของตุ๊กตาจะทอดยาวเม่อื ใด
- นกั เรียนใช้ไฟฉายสรา้ งเงาของวัตถุบนผนงั กระดาษแข็งหรอื กา่ แพงเพอ่ื ศกึ ษาการเกดิ เงาของ

วัตถุ จากน้ันขยับวัตถุเข้าใกล้ผนังหรือกระดาษแข็ง และขยับไฟฉายไปยังต่าแหน่งต่างๆ โดยสังเกตการ

เปล่ยี นแปลงของเงา
โดยในกิจกรรมจะมีแนวคิดหลักคือ เมื่อแสงมากระทบวัตถุทึบแสงจะเกิดเงาเกิดข้ึน เนื่องจากวัตถุ

ทึบแสงขวางการเดินทางของแสง เพราะแสงเดินทางเปน็ เส้นตรง เมื่อแหล่งก่าเนิดแสงเปลีย่ นต่าแหนง่ จะท่าให้
ลา่ แสงท่ีลากจากแหลง่ กา่ เนดิ ไปที่วัตถแุ ละฉากหลงั เปล่ยี นตา่ แหน่งไป

ข้นั สังเกตและบรรยาย 5 นาที

ครกู ระตุน้ ใหน้ กั เรยี นคดิ สังเกต และบรรยาย ดังนี้
- แสงไฟสอ่ งจากทศิ ใดบา้ ง เชน่ ด้านขา้ ง ดา้ นหลัง หรอื ระยะที่ไกลออกไป และแสงเหลา่ น้นั มี

ผลต่อการเกิดเงาของวัตถุหรอื ไม่
- ต่าแหน่งและขนาดของเงาเป็นอยา่ งไรเมอ่ื เปลยี่ นตา่ แหน่งของแหล่งกา่ เนดิ แสง (บันทกึ ขนาด

ของเงา ต่าแหนง่ ของเงา)
- นักเรียนคน้ พบอะไรเกีย่ วกับเงาของวตั ถเุ มื่อแหล่งกา่ เนิดแสงอยู่ตา่ แหนง่ เดิม แต่วตั ถุขยบั เขา้

และออก

บนั ทึกข้อมูล 20 นาที

- นกั เรยี นบนั ทกึ ผลโดยการวาดภาพตามแบบกจิ กรรม เรามองเห็นวตั ถุไดอ้ ย่างไร และกจิ กรรม
เงาของตุ๊กตาจะทอดยาวเมือ่ ใด

ขั้นอภปิ รายผล 10 นาที

ครูร่วมอภิปรายกบั นักเรียนโดยใชค้ า่ ถามเช่น

- แสงเดินทางอย่างไร ท่าไมนักเรียนจึงคิดเช่นนั้น และหลักฐานในการสนับสนุนปรากฏการณ์นั้น
คืออะไร

- การมองเห็นวัตถทุ มี่ ีแสงในตัวและไมม่ ีแสงในตวั แตกตา่ งกนั อย่างไร

เพอ่ื นา่ ผลการทดลองไปส่ขู อ้ สรปุ

3
ⓒ Inspiring Science Project 2012

- แสงเคล่ือนที่จากแหล่งก่าเนิดแสงทุกทิศทางเป็นแนวตรง เม่ือมีแสงจากวัตถุมาเข้าตาจะท่าให้ 1

มองเหน็ วตั ถนุ น้ั
- การมองเห็นวัตถุที่เป็นแหล่งก่าเนิดแสง แสงจากวัตถุน้ันจะเข้าสู่ตาโดยตรง ส่วนการมองเห็นวัตถุ

ท่ีไมใ่ ช่แหลง่ ก่าเนดิ แสง ต้องมีแสงจากแหลง่ กา่ เนิดแสงไปกระทบวัตถแุ ลว้ สะท้อนเข้าตา

- แสงเดินทางเป็นเส้นตรงและไม่สามารถเดินทางผ่านวัตถุทึบแสงได้ จึงท่าให้เกิดเงาข้ึนในต่าแหน่ง
ทแ่ี สงไมต่ กที่ฉาก ขนาดของเงาเกิดจากระยะระหวา่ งแหลง่ ก่าเนิดแสงกับวตั ถุและฉากรบั แสง

การวัดและประเมนิ ผล

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ หลักฐานการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ

1. บรรยายแนวการเคลื่อนที่ของ ใบกิจกรรม บัน ทึก ผลก าร ทดลอ ง ไ ด้
ถูกต้อง
แสงจากแหลง่ ก่าเนิดแสงได้
บัน ทึก ผลก าร ทดลอ ง ไ ด้
2. อธิบายการมองเห็นวัตถุจาก ใบกิจกรรม ถกู ต้อง

หลักฐานเชงิ ประจักษ์ได้

การเตรยี มบทเรยี น

สื่อการเรยี นการสอนท่ีใช้
กิจกรรม เรามองเห็นวัตถุได้อย่างไร
กจิ กรรมบา้ นนกั วทิ ยาศาสตร์นอ้ ย เรือ่ งเงาของต๊กุ ตาจะทอดยาวเมอื่ ใด

เครอ่ื งมือทีใ่ ช้
โคมไฟตั้งโต๊ะ l ไฟฉายท่ีมีก่าลังไฟสูงและให้แสงไฟสม่าเสมอ l เทียนไขไฟแชก็ และแผ่นรองทนความ

รอ้ น l ผนงั สขี าวหรือกระดาษแขง็ สีขาวแผ่นใหญ่ l วตั ถุที่สร้างเงาได้เชน่ ตุก๊ ตา
แผ่นพลาสติกใส l กระดาษแขง็ สีด่า l ปากกาเคมี l กระดาษแขง็ สดี า่ ส่าหรบั ท่าไฟฉายกระดาษ l กระดาษสขี าว
l กรรไกร l เทปกาว l แผ่นรองส่าหรับรองภาพบนโต๊ะ l ผ้ากันเป้ือน วัสดุอุปกรณ์เพิม่ เติม l กระดาษสี l แผ่น
พลาสติกใส l รปู ภาพทีม่ รี ายละเอียดมาก เชน่ ภาพจากหนังสือนิทาน

4
ⓒ Inspiring Science Project 2012

1

5
ⓒ Inspiring Science Project 2012

กจิ กรรมเรามองเหน็ ได้อยา่ งไร

อุปกรณ์
ตอนท่ี 1

1

1. กลอ่ งทึบ 1 ใบ 2. ภาพวาดหรอื วตั ถชุ นิดตา่ งๆ 1 ชนิ้ 3. ไฟฉาย 1 กระบอก/โทรศัพทม์ อื ถอื
ตอนที่ 2

1. กลอ่ งทบึ 1 ใบ 2. หลอดไฟ 2 ดวง 3. ไฟฉาย 1 กระบอก/โทรศพั ท์มอื ถอื

4. ภาพวาดหรอื วัตถุชนดิ ตา่ งๆ 1 ชิน้
หมายเหตุ : กลอ่ งทบึ เจาะรใู นตอนที่ 1และ 2 สามารถใช้ด้วยกันได้

วิธีการ
ตอนท่ี 1

1. ครเู จาะรูกลอ่ งทึบสองด้าน คือ ด้านหนา้ และดา้ นข้าง พรอ้ มติดภาพวาด หรือวัตถุ
ในฝั่งตรงขา้ มกับรูที่เจาะไว้ ด้านใดด้านหนงึ่

1

2. ครูนากล่องทึบท่ีเจาะรูไว้ด้านหน้าและด้านข้างมาให้นักเรียนสังเกต โดยปิดรูหน่ึง ไว้ก่อน
ให้เหลือเพยี งหน่ึงรูที่ใชต้ าแนบขณะสอ่ งเทา่ นน้ั

3. ให้นักเรียนดูของในกล่องผ่านช่องท่ีเจาะรูไว้ จากน้ันครูถามนักเรียนว่า เห็นหรือไม่ว่า
ในกล่องมีอะไร เหมือนหรือต่างกับส่ิงท่ีนักเรียนทาย (นักเรียนควรมองไม่เห็นอะไรในกล่อง เพราะ
ภายในกล่องเป็นภาพวาด หรอื วตั ถชุ นิดตา่ งๆ

4. ครูให้นักเรียนฉายไฟจากไฟฉายเข้าไปในกล่องผ่านรูอีกด้านท่ีเจาะไว้ แล้วถามนักเรียนว่า
เห็นอะไรท่ีเปลี่ยนแปลงไปจากการมองคร้งั แรกหรือไม่ จากนน้ั นักเรียนบันทึกส่ิงทน่ี กั เรียนเห็นโดยการ
วาดภาพ และเขียนบรรยาย
ตอนที่ 2

1. ครนู ากล่องอปุ กรณ์ซ่ึงด้านในประกอบดว้ ยหลอดไฟ 2 ดวง ดวงท่ี 1 ตอ่ วงจรเพ่ือสามารถ
ส่องแสงได้ และหลอดที่สอง ไม่ได้ต่อวงจร โดยเจาะกล่องเป็นรูสาหรับส่องดูด้วยตาไว้ด้านหน้า
และดา้ นข้างของกลอ่ ง ดา้ นละ 1 ชอ่ ง

1

2. นักเรียนส่องดูภายในกล่องโดยไม่ให้แสงใดๆ สังเกตและบรรยายรายละเอียดภายใน
บนั ทกึ สิ่งทเ่ี ห็น

3. นาไฟฉายสอ่ งเขา้ ไปในรูดา้ นข้างกลอ่ ง ให้นักเรยี นสังเกตรายละเอียดด้านในกล่องเป็นวา่
อย่างไร เมือ่ เทียบกบั ตอนท่ีไม่ไดส้ ่องไฟฉาย และบันทกึ สิ่งท่ีเห็น

4. เปิดหลอดไฟรายละเอียดด้านในเป็นอย่างไรเม่ือเปรียบเทียบกับตอนส่องไฟฉาย
และรายละเอยี ดของหลอดไฟท้ังสองแตกตา่ งกันอย่างไร จากนั้นนกั เรียนบนั ทึกสิง่ ทีเ่ หน็

5. ครูเปิดกล่องให้นักเรียนดูว่าข้างในมีอะไรบ้าง นักเรียนมองเห็นภาพและวัตถุแตกต่าง
อย่างไร

แบบบนั ทึกกจิ กรรมเรามองเหน็ ได้อย่างไร

บันทึกข้อมลู วาดภาพ เขยี นบรรยาย
วิธีการทดลอง

สังเกตด้วยตาเปล่า

1

ไฟฉายสอ่ ง

วัตถุทม่ี ีแสงในตัวเอง
(หลอดไฟ)

เรามองเห็นไดอ้ ย่างไร

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 : เมอื่ มองไมเ่ หน็

บทนา

นอ้ งปีใหม่เป็นเด็กนอนยาก มักตน่ื ตอนดึก แผนการเรียนรู้ที่ 2 เม่ือมองไม่เห็น 2
แล้วเล่นกับ ‘ปั๊บปี้’ สุนัขที่คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงไวท้ ุก นักเรียนจะได้เรียนรู้ความสาคัญของการมองเห็น
คืน โดยไม่ได้เปิดไฟในบ้านเพราะกลัวคุณพ่อคุณ และวิธีการป้องกันอันตรายจากการมองวัตถุที่อยู่
แม่จะรู้ว่ายังไม่นอน ทาให้ค้นพบเรือ่ งราวบางอย่าง ในบริเวณที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสม โดยการทา
ท่ีซ่อนอย่ใู นความมดื ยามคา่ คนื กิจกรรมแสงและภาพ

น้องปีใหม่ (หมายถึงตัวนักเรียน) จะได้
เรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ในกิจกรรมตาม
แผนการเรียนรู้
คาศัพท์

การมองเห็น แสง แสงสว่างที่ไม่เหมาะสม การป้องกนั อนั ตรายจากการมองวัตถุ

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

นกั เรียนสามารถ:
1. ตระหนกั ในคุณคา่ ของความรู้ของการมองเหน็
2. เสนอแนวทางการปอ้ งกันอนั ตรายจากการมองวตั ถทุ ี่อย่ใู นบริเวณท่ีมแี สงสวา่ งไม่เหมาะสมได้

กิจกรรมการเรยี นรู้ 120 นาที

ข้ันตั้งคาถามส่ิงท่เี กย่ี วกับปรากฏการทางธรรมชาติ 20 นาที

ที่แท้เสียงกุกกักท่ีมุมห้องเกิดจาก “ป๊ับปี้” น่ันเอง แต่เม่ือน้องปีใหม่ตื่นข้ึนมาตอนเช้ามืดเห็นป๊ับปี้คาบรูปภาพ

ไว้ในปาก ทาให้น้องปใี หม่พยายามเพ่งตามอง อยากรู้จงั ว่าปั๊บป้ีคาบรูปอะไรไว้ในปาก ทาอย่างไรจึงจะมองเห็น

ภาพนัน้ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน และถา้ เราตาบอดจะเปน็ อยา่ งไร

ครจู าลองเหตกุ ารณข์ องนอ้ งปใี หมโ่ ดยให้นักเรียนเล่นเกมตาบอดเดินทาง ตามข้นั ตอน ดังน้ี
1.ให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุม่ ละ 4-5 คน
2. ครแู จง้ กติกาให้นักเรยี นทราบ คอื ใหผ้ ้นู ากลุ่มพาสมาชิกในกล่มุ (ซ่งึ มองไม่เหน็ ) เดินทางจาก

หน้าห้องไปหลังห้อง โดยผ้นู ากลุ่มเปน็ ผบู้ อกสมาชิกในกลมุ่ ว่าควรเดนิ อย่างไร เช่น กม้ ลง
เลีย้ วขวาฯลฯ

3. ใหน้ กั เรียนยนื ตอ่ แถวโดยยกมอื เกาะไหล่เพ่ือน จากนัน้ ครใู หน้ กั เรยี นทกุ คนใช้ผ้าปิดตา
4. ครจู ัดโต๊ะในหอ้ งเรียนเพ่ือทาทางเดนิ ท่ีมีส่ิงกีดขวาง
5. ให้นักเรยี นคนท่ี 1 เปิดผ้าปดิ ตาออก

1

ⓒ Inspiring Science Project 2012

6. ครใู ห้สัญญาณแต่ละกลุ่ม เร่มิ เดนิ ทางได้
หลงั จากเลน่ เกมตาบอดเดนิ ทางแล้ว ใหน้ ักเรียนบรรยายความรสู้ ึกเม่อื ตามองไมเ่ หน็ วา่ เปน็ อย่างไร และการ
มองเหน็ มคี วามสาคญั หรือไม่ อย่างไร

ขน้ั รวบรวมความคิดและขอ้ สนั นิษฐาน 20 นาที

ครตู ้ังคาถามว่า ถ้าเราอยู่ในที่ที่มแี สงสวา่ งมาก หรือ ทท่ี ี่มีแสงสว่างน้อย เราจะมองเห็นส่ิงต่าง ๆ ได้เหมือนหรือ 2
แตกต่างกันอย่างไร

ขน้ั ทดสอบและปฏบิ ัติการสืบเสาะ 40 นาที

ให้นกั เรยี นทากิจกรรม ดังน้ี
1. เรื่อง แสง สี และการมองเห็น ปรากฏการณ์ การดูดกลนื แสง การทดลองท่ี 1 แสงและภาพ

จากชุดกจิ กรรมบ้านนักวิทยาศาสตรน์ ้อย
2. ใหน้ ักเรยี นมองหลอดไฟด้วยตาเปล่าเปรียบเทยี บกับการสวมแว่นตาดา แลว้ บอกความแตกต่าง

ขัน้ สังเกตและบรรยาย 10 นาที

ในขณะทดลองให้นกั เรยี นสงั เกตและบรรยายในสิ่งเหล่านี้

1. เมอื่ วาดภาพบนแผ่นใส นกั เรยี นเหน็ ภาพเปน็ อยา่ งไร ชดั เจนหรือไม่

2. เม่ือใชก้ ระดาษสขี าวซ้อนดา้ นหลงั แผ่นใส นักเรียนเหน็ ภาพเป็นอยา่ งไร ชัดเจนหรือไม่

3. เมอื่ ใช้กระดาษสดี าซ้อนด้านหลงั แผ่นใส นกั เรยี นเหน็ ภาพเป็นอยา่ งไร ชัดเจนหรอื ไม่

4. เมื่อใช้ไฟฉายกระดาษสอดเขา้ ไประหว่างแผ่นใสกบั กระดาษสีดา นักเรยี นเห็นภาพเปน็ อย่างไร

ชัดเจนหรอื ไม่

5. แสงจากไฟฉายจริงกบั ลกั ษณะแสงของไฟฉายกระดาษท่สี ร้างขนึ้ เหมือนหรอื ตา่ งกนั อย่างไร

6. การมองหลอดไฟด้วยตาเปลา่ กับการมองหลอดไฟผ่านแว่นตาดา เหมือนหรอื แตกตา่ งกัน

อย่างไร

ขน้ั บันทึกข้อมลู 10 นาที

นักเรียนบนั ทึกขอ้ มลู ลงในใบกิจกรรม

ขน้ั อภิปรายผล 20 นาที

ครรู ว่ มอภิปรายกบั นักเรียนเพ่ือนาผลการทดลองไปเปรียบเทียบกับข้อสันนษิ ฐาน และควรไดข้ อ้ สรปุ ว่า

1. ถ้ามีแสงสวา่ งไม่เพียงพอ เราจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ไมช่ ัดเจนจึงตอ้ งจัดแสงสว่างให้เหมาะสม

กบั กจิ กรรม

2. ถ้ามีแสงสวา่ งมากๆ เขา้ สู่ตา อาจเกดิ อันตรายต่อตาได้

2

ⓒ Inspiring Science Project 2012

การวัดและประเมินผล

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ หลกั ฐานการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ

1. ตระหนักในคุณค่าของความรู้ การตอบคาถาม ตอบคาถามและบันทึกผล
การทดลองได้ถูกต้อง
ของการมองเหน็ ใบกจิ กรรม 2
ตอบคาถามและบันทึกผล
2. เสนอแนวทางการป้องกัน การตอบคาถาม การทดลองไดถ้ ูกต้อง

อันตรายจากการมองวัตถุที่อยู่ใน ใบกิจกรรม

บริเวณที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสม

ได้

การเตรยี มบทเรยี น

สอื่ การเรียนการสอนทใี่ ช้
ใบกิจกรรม: เร่ือง แสง สี และการมองเห็น ปรากฏการณ์ การดูดกลืนแสง การทดลองท่ี 1 แสงและภาพ จาก

ชดุ กจิ กรรมบ้านนกั วทิ ยาศาสตร์นอ้ ย

เครือ่ งมือทใี่ ช้
แผน่ พลาสติกใส กระดาษแขง็ สีดา ปากกาเคมี
กระดาษแขง็ สีดาสาหรบทาไฟฉายกระดาษ
กระดาษสีขาว กรรไกร เทปกาว
แผน่ รองสาหรับรองภาพบนโตะ๊ ผ้ากันเปอ้ื น
รปู ภาพทมี่ ีรายละเอียดมาก เชน่ ภาพจากหนังสอื นิทาน
ผ้า สาหรับเลน่ เกมตาบอดเดนิ ทาง

ข้นั สร้างความสนใจ
ครูให้นักเรียนเล่นเกมตาบอดเดินทาง แล้วให้นักเรียนบรรยายความรู้สึกเมื่อตามองไม่เห็นว่าเป็น
อยา่ งไร

ข้ันสารวจและคน้ หา
ครเู ตรียม ผ้า สาหรบั เลน่ เกมตาบอดเดนิ ทาง
แผ่นพลาสติกใส กระดาษแข็งสีดา ปากกาเคมี กระดาษแข็งสีดาสาหรบทาไฟฉายกระดาษ กระดาษ
สขี าว กรรไกร เทปกาว แผ่นรองสาหรบั รองภาพบนโต๊ะ ผา้ กนั เปื้อน
รปู ภาพที่มีรายละเอียดมาก เช่น ภาพจากหนังสือนิทาน สาหรับทากิจกรรมในใบกิจกรรม เร่ือง แสง
สี และการมองเห็น ปรากฏการณ์ การดูดกลืนแสง การทดลองที่ 1 แสงและภาพ จากชดุ กิจกรรมบ้าน
นกั วิทยาศาสตรน์ อ้ ย

3

ⓒ Inspiring Science Project 2012

ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป 2
ไม่มี

ขัน้ ขยายความรู้
ไมม่ ี

ขน้ั ประเมินผล
ไมม่ ี

4

ⓒ Inspiring Science Project 2012

เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ เงา

แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ที่ 1


สงิ่ ทีพ่ บเหน็ ในชีวิตประจำวัน
เงาของตุก๊ ตาจะ
ถา้ ไมม่ แี สง ก็ไม่เกิดเงา  เด็กๆคงเคยสงั เกตเห็นเงาของ
ตนเอง  ในตอนหัวค่ำเมื่อเราเดินผ่านเสาไฟข้างถนนจะ รูปท่ี 1: วัสดุอปุ กรณ ์

สงั เกตเหน็ ว่าเงาของเราบางทใี หญ ่ บางทีเลก็ หรอื บางที
ดูเหมือนว่าเงาจะเดนิ นำหนา้ เรา
สรุปแนวคดิ

ภาพรวมการทดลอง

เงาเกดิ ขน้ึ เมอ่ื วตั ถทุ บึ แสงขวางก
เมื่อแหล่งกำเนดิ แสงเคล่อื นเขา้ มาใกล้ เงาของตกุ๊ ตาจะ
แสงเดินทางเป็นเส้นตรง ลำแสง
ทอดยาวขน้ึ กวา่ ปกติ  การทดลองอย่างง่ายท่ชี ่วยให้เด็ก ๆ   

เรยี นรเู้ ร่ืองเงาไดเ้ ป็นอยา่ งดนี ี้ จะทำให้ทราบวา่ อะไรคอื
เรมิ่ ตน้ จาก

ส่ิงจำเป็นสำหรบั การเกิดเงา  เด็ก ๆ   ส  ามารถคน้ คว้าหา

คำตอบอย่างสนุกสนานวา่  ขนาด ความเขม้  และรูปร่าง
l การทดลองนี้ควรทำในห้องม
ของเงาถูกทำให้เปลยี่ นแปลงไดอ้ ย่างไร จะสร้างเงา
ลกั ษณะเปน็ จดุ  เช่น หลอดไ
หลาย ๆ   เ งาข้ึนพร้อมกนั ได้อยา่ งไร
แฮโลเจนจะสรา้ งเงาทคี่ มชัด
ควรตรวจสอบหลอดก่อนทดล
วัสดุอุปกรณ์
l ใหเ้ ดก็  ๆ   ศ  ึกษาเงาของวตั ถุ (ร
ขยับวัตถุเข้าใกลผ้ นงั หรอื กระ
l โคมไฟต้ังโต๊ะ
ใชไ้ ฟฉายสร้างเงาของวตั ถุบ
l ไฟฉายท่มี กี ำลังไฟสงู และให้แสงไฟสม่ำเสมอ
พนื้   โดยใหส้ ังเกตวา่ แสงไฟ
l เทยี นไข ไฟแช็ก และแผ่นรองทนความร้อน

l ผนงั สีขาวหรอื กระดาษแข็งสขี าวแผ่นใหญ
่ ทดลองต่อไป

l วัตถทุ ีส่ ร้างเงาได้ เชน่ ตุก๊ ตา

(รูปที่ 1)
l ใหเ้ ดก็  ๆ   ใ  ชไ้ ฟฉาย 2 กระบอก
มเี งาเกดิ ขน้ึ กเี่ งา  เงาทเี่ กดิ ขนึ้
l เงามีขนาดเท่าเดมิ หรือไม่ เม
วัตถใุ นระยะตา่ ง ๆ 

ะทอดยาวเมือ่ ไร


รูปท่ี 2: การเกิดเงา
รปู ท่ี 3: แหล่งกำเนิดแสง 2 แหลง่

สรา้ งเงา 2 เงา


การเดนิ ทางของแสง เนือ่ งจาก ดดู กลืนหรอื สะท้อนกับพ้นื ผิวของวัตถุ การตดั กนั ของความ
งทีส่ อ่ งไปยงั วตั ถุทบึ แสงจะถูก สวา่ งและความมืด ทำให้เราเห็นเป็นเงา


มืด แหลง่ กำเนดิ แสงควรม ี
(เช่น ดา้ นข้าง ด้านหลงั  หรอื ระยะทางท่ีไกลออกไป) 
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
ไฟ หรือเทยี นไข หลอดไฟ
และสอ่ งไฟจากตำแหนง่ ใด (เช่น ยืนสอ่ งไฟบนเก้าอ้ี)

ด แต่จะให้ความรอ้ นสูง 
l เงามีการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร  เมอ่ื ขยบั ไฟฉายเขา้ หรือ

ลอง
ออกจากวตั ถุ  ขนาด ความเขม้  และตำแหนง่ ของเงา

รูปที่ 2) จากน้ันให้เด็ก ๆ   
มกี ารเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ะดาษแข็งโดยแต่ละคน
l เดก็  ๆ   ค  ้นพบอะไรเกย่ี วกบั เงาของวตั ถุ เมือ่ แหลง่ กำเนิด

บนผนงั กระดาษแขง็ หรือ
แสงอยตู่ ำแหนง่ เดมิ  แต่วตั ถขุ ยับเขา้ และออก

ฟสอ่ งจากทิศทางใดบา้ ง 


กสอ่ งวตั ถจุ ากระยะหา่ งทเี่ ทา่ กนั
l เกิดอะไรขน้ึ กบั เงา เมอ่ื ระยะหา่ งจากแหลง่ กำเนิดแสงทง้ั  2

นมขี นาดตา่ งกนั หรอื ไม ่ (รปู ท่ี 3)
แหล่งลดลงหรือมากขึน้   เงาเคล่ือนมาซอ้ นทับกนั ไดห้ รือไม่

ม่ือแหลง่ กำเนิดแสงอย่หู า่ งจาก
l ให้บรรยายและวาดภาพส่ิงทีส่ งั เกตเห็น

เรื่อง ปรากฏการณ์ เงา

แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ท่ี 1


รปู ที่ 4: ขนาดของเงามีการเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร เม่อื ระยะทาง
เงาของตุ๊กตาจะ
ระหวา่ งส่งิ ของและแหลง่ กำเนดิ แสงเปลย่ี นแปลงไป

รปู ท่ี 5: ตกุ๊ ตาให้เงาท่ีทอดยาวได
้ เกดิ อะไรข้ึน


เงาจะเกดิ ดา้ นหลังของวตั ถุทึบแ
รูปรา่ งของวัตถทุ ่ถี ูกแสงสอ่ งจะม
(ผนงั กระดาษ หรือพื้น)  เงาจะป
จากแหล่งกำเนดิ แสงและวตั ถเุ ส
เม่ือวัตถุหรอื แหล่งกำเนิดแสงเค
จะเปลย่ี นไปและเคลือ่ นท่ไี ด ้ ถ

คำแนะนำ


นำวัตถุ 2 ช้ินที่มขี นาดเทา่ กันหร
เด็ก ๆ   ใ  ช้ไฟฉายส่องไปยงั วัตถุทั้ง
ระหวา่ งวตั ถุกบั แหล่งกำเนดิ แสง
ท่ีมขี นาดเท่ากนั ถกู สอ่ งด้วยไฟใน
ขนาดตา่ ง ๆ    วตั ถ ุ 2 ชนิ้ ที่มีขนา
หา่ งเท่ากนั  จะเกดิ เงาทมี่ ขี นาดต
ยืนและส่องไฟไปที่วตั ถใุ นแนวเฉ

ทำไมเปน็ เชน่ นั้น


เงาเกิดขึน้ เมอื่ มแี สงส่องไปยงั วัต
เดนิ ทางเปน็ เสน้ ตรง  ลำแสงทส่ี อ่
ดดู กลนื หรอื สะทอ้ นกบั พื้นผิวจาก
ความสวา่ งและความมืดทำให้เร
เงาจะปรากฏในแนวเสน้ ตรงเมอ่ื
กำเนิดแสงไปยงั วัตถเุ สมอ  เราส
โดยลองลากเสน้ ตรงสมมติจากแ

ะทอดยาวเมื่อไร


แสง ซึง่ จะเห็นเปน็ บรเิ วณมืด  และแหล่งกำเนดิ แสงลดลง  เงาจะมขี นาดใหญข่ น้ึ

มองเห็นได้บนฉากสีขาว
ตอ้ งมีแสง 2 แหล่งส่องไปยงั วัตถุ  จงึ จะเกิดเงา 2 เงา เม่อื

ปรากฏในแนวเส้นตรง
ระยะห่างระหว่างแหล่งกำเนดิ แสง 2 แหลง่ ลดลง  เงาจะ
สมอ
เคลือ่ นมาใกล้กันมากข้นึ และอาจซอ้ นทับกัน  ซง่ึ บรเิ วณน้

คลอ่ื นที ่ ขนาดของเงา
จะมดื กว่าเงาบริเวณอนื่

ถา้ ระยะหา่ งระหว่างวัตถ


รอื ต่างกันมาวางหนา้ ฉากให้ ให้เดก็ คนทีส่ องขยับวตั ถุจากฝั่งหน่งึ ไปยังอกี ฝัง่ หนง่ึ  

ง 2 ชน้ิ  เปลย่ี นระยะหา่ ง
เกดิ อะไรขน้ึ กับเงา  เด็ก ๆ   เ คยสงั เกตเหน็ สิ่งที่เกิดข้ึนน
ี้
ง (รูปท่ี 4)  เม่อื วัตถ ุ 2 ชนิ้
มาก่อนหรือไม ่ และสังเกตเหน็ ทีไ่ หน (รูปที่ 5)

นระยะหา่ งต่างกนั  จะเกิดเงา กจิ กรรมนส้ี ามารถทำเพม่ิ เตมิ ได ้ โดยใหเ้ ดก็  2 คนสอ่ งไฟฉาย

าดตา่ งกันถกู สอ่ งไฟจากระยะ มายงั วัตถใุ นระยะหา่ งประมาณ 1-2 เมตร

ต่างกัน  ให้เดก็ คนหน่งึ ลุกข้นึ
ฉยี งจากดา้ นบน  จากน้นั


ตถุทึบแสง เนื่องจากแสง ของวตั ถุไปจนถึงฉากหลงั ขอบของเงาจะปรากฏเปน็ รปู ร่าง

องไปยงั วตั ถทุ บึ แสงจะถกู
ตามเสน้ ตรงเหลา่ นี้  โดยภายในขอบของเงาจะเห็นเปน็

กวตั ถ ุ การตัดกันของ
บริเวณมดื   ถ้าเปน็ แสงขาวเงาจะปรากฏเปน็ ภาพสองมติ

ราเหน็ เปน็ เงา
สเี ทาดำบนผนงั กระดาษหรือพ้ืน

อลากเสน้ สมมติจากแหล่ง เม่อื วตั ถุถูกส่องด้วยไฟ 2 ดวง  เงาท่เี กดิ จากหลอดไฟ

สามารถระบุขอบของเงาได้
แตล่ ะดวงจะสวา่ งกวา่ ปกต ิ เพราะถกู สอ่ งจากไฟดวงอนื่ ดว้ ย 

แหลง่ กำเนดิ แสงผา่ นขอบ
แต่เงาในส่วนที่มีการทับซ้อนกันจะมืดกว่าเงาบรเิ วณอ่ืน

เรื่อง ปรากฏการณ์ กระจก
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ท่ี 1


สงิ่ ทีพ่ บเหน็ ในชีวิตประจำวัน
สอ่ งกระจก


เดก็  ๆ   ค  งรจู้ ักและเคยเห็นกระจก เราไม่เพยี งแตม่ องเห็นเงา
รูปท่ี 1: วสั ดอุ ุปกรณ์

ของตวั เองในกระจกเทา่ น้นั  แต่ยงั มองเหน็ เงาของตวั เองใน

ฝาหมอ้  ชอ้ น หรอื ทพั พ ี และเมอื่ มองลงไปในสระนำ้ หรอื แมน่ ำ้
สรุปแนวคดิ

ท่ีผิวน้ำราบเรียบ  จะเห็นภาพหัวกลับของวิวทิวทัศน์โดยรอบ

อย่ใู นน้ำ  เราอาจจะมองทะลผุ ่านกระจกหนา้ ตา่ งหรือมองเหน็
แผน่ กระจกใสจะปลอ่ ยใหแ้ สงผา่
เงาของตวั เองบนกระจกหนา้ ต่าง
สะทอ้ นแสงออกไปบางสว่ น ทำใ

ภาพรวมการทดลอง
เรม่ิ ต้นจาก


ให้เด็ก ๆ   ห  าวตั ถุท่ีมีพ้นื ผวิ สะทอ้ นแสงแบบตา่ ง ๆ   แ  ละสรปุ ใหไ้ ด้ l ให้เด็กๆชว่ ยกันรวบรวมกระจ
ว่า พนื้ ผวิ สะท้อนแสงทเี่ รียบจะให้ภาพแตกตา่ งจากพื้นผิวโค้ง
กระจกเหล่าน้ัน (เช่น กระจก
จากน้ันศกึ ษาตอ่ ว่า กระจกโปร่งใสจะมสี มบตั เิ ปน็ แผ่นกระจก
l ให้เดก็  ๆ   น  ำวัตถุทสี่ อ่ งเห็นภา
หรือเปน็ แผน่ กง่ึ กระจกเม่อื ใด
(เชน่ ชอ้ น หรอื ทัพพโี ลหะ) (ร
l ให้เด็ก ๆ   ส  ังเกตสงิ่ ตา่ ง ๆ   ร  อบต
วัสดุอุปกรณ์
และกระจกเงา (รูปที่ 3)


l วตั ถุท่มี พี ้ืนผวิ มันวาว (เช่น ช้อน หรือทพั พโี ลหะ)
ทดลองต่อไป

l กระจกเงาแบบต่าง ๆ   (เช่น กระจกแตง่ หนา้  กระจกรถยนต์)

l กระจกเงาบานใหญ่ 1 บาน
l ใหเ้ ดก็ ๆยนื อยูห่ นา้ กระจกเงา
l กระดาษ
เปน็ ดา้ นหนา้ หรือด้านหลังขอ
l ครีมทาหนา้ หรอื เคร่ืองสำอาง
l ใหย้ นื อย่หู น้ากระจกเงาและถ
l ตวั ต่อเลโก้
ชตู กุ๊ ตาขน้ึ สงั เกตภาพในกระ
l กรรไกร
ให้เด็กยืนชิดกระจกเงาและท
l ดนิ สอและดินสอส
ี l ใชค้ รีมทาหนา้ หรอื เครื่องสำอ
วสั ดุอปุ กรณ์เพมิ่ เติม
ของเดก็  ๆ    ภาพของจุดนีอ้ ยทู่
l กล่องซีดเี ปล่าที่มพี ้ืนสดี ำและฝาปดิ ใส
ลากเสน้ ระหวา่ งจดุ บนแก้มแ
l กรอบรปู พรอ้ มแผน่ กระจก

l กระดาษสีดำและกระดาษสี

(รปู ที่ 1)

กเงา


รปู ท่ี 2: เรามองเห็นภาพตวั เองไดด้ ี
รูปที่ 3: ดา้ นหลังผมคอื อะไรนะ่

บนวสั ดผุ ิวมันวาว


านไดบ้ างสว่ นและจะ
ในแผน่ กระจกใสได ้ ในขณะทก่ี ระจกเงาสะทอ้ นแสงทต่ี กกระทบ
ใหเ้ รามองเหน็ ภาพตวั เอง
เกอื บทง้ั หมด ทำใหเ้ ราเหน็ ภาพในกระจกเงาชดั เจน


จก และบอกชอื่ ทีใ่ ช้เรยี ก
l สงั เกตลักษณะของวัตถสุ ะทอ้ นแสงและกระจกร่วมกับเดก็  ๆ 
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
กแต่งหนา้ )
ว่ามีรูปรา่ งแบบใด  มีสว่ นโคง้ หรือไม ่ วัตถุสะท้อนแสงหรอื

าพได้มาทำการทดลอง
กระจกเงาแบบใดให้ภาพบดิ เบีย้ ว  กระจกเงาแบบใด

รปู ที่ 2)
ให้ภาพหัวกลับ

ตวั ดว้ ยวตั ถุสะท้อนแสง


า ภาพท่เี ห็นในกระจกเงา
l ตัดกระดาษใหเ้ ป็นลกู ศรและวาดลวดลายไวด้ า้ นหลัง 

องเด็ก ๆ 
จากน้ันถือลกู ศรนีไ้ ว้ดา้ นหนา้ และมองไปในกระจกเงา 

ลกู ศรในมอื และในกระจกช้ีไปในทศิ ทางใด ในกระจก

ถือตุก๊ ตา 1 ตัว  จากน้ัน

ะจกเงาวา่ มอื ขา้ งไหนชตู กุ๊ ตาขน้ึ
เรามองเหน็ ลูกศรด้านทมี่ ีลายหรอื ไมม่ ลี าย (รูปที่ 4)

ทำการทดลองใหม่อกี ครง้ั
l ให้เด็ก ๆ   ย  นื อยหู่ น้ากระจกเงา และวางตวั ต่อเลโกส้ ีตา่ ง ๆ 

อางแต้มจดุ 1 จุดลงบนแกม้
ไวห้ น้ากระจกเงา (รูปท่ี 5) ภาพตัวตอ่ ในกระจกเรยี งลำดบั

ทีต่ รงไหนในกระจก ใชน้ ิว้ มอื
เหมือนกบั ทีเ่ รียงไว้หรอื ไม

และจุดในภาพบนกระจกเงา

เรอื่ ง ปรากฏการณ์ กระจก
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ท่ี 1


รูปท่ี 4: เปรียบเทยี บลูกศรหนา้ กระจกและในกระจกเงา
สอ่ งกระจก


ปู ท่ี 5: วตั ถหุ นา้ กระจกและในกระจก

วางเรียงลำดับเหมอื นกนั หรือไม่
เกดิ อะไรขน้ึ

รูปท่ี 6: ใชก้ ลอ่ งซดี เี ป็นวัตถุกงึ่ กระจก

ในกระจกเงา เราจะเหน็ ภาพขนา
เขา้ หากระจกเท่าน้นั   เราอาจรสู้
ด้านหลงั กระจก ขณะที่ตุก๊ ตาที่อ
กระจกในด้านตรงขา้ ม ส่วนภาพ
ทศิ ทางเดยี วกบั ลูกศรทอี่ ยใู่ นมอื
ในกระจกจะเรียงลำดบั เหมือนก

คำแนะนำ


ใหเ้ ด็กๆค้นหาวา่ เมอ่ื ใดเราจงึ จ
ซดี ี หรอื ในกรอบรูปทีม่ แี ตแ่ ผ่นก
ทะลผุ า่ นวตั ถเุ หลา่ นน้ั ได ้ เราตอ้
อยา่ งไร  มองในมมุ ใด  และพนื้

ทำไมเปน็ เชน่ นัน้


แผ่นกระจกใสมีสมบัตเิ กอื บเหม
กระจกหนา้ ต่างเมื่อเรายืนอยู่นอ
ขา้ งนอก  เราจะเหน็ เงาของตวั เอ
จะมองไม่เห็นสงิ่ ต่างๆในหอ้ ง ถ
เราจะมองทะลกุ ระจกเห็นสง่ิ ตา่ ง
เม่อื แสงตกกระทบบนกระจกที่ใส
กลบั ออกมา ทำใหเ้ ราเหน็ ภาพข
ขณะเดยี วกนั  ลำแสงจากดา้ นหล
วง่ิ ทะลผุ า่ นกระจกใสได้เชน่ กนั  
หรือปลอ่ ยใหแ้ สงทะลุผ่านไดม้ า
ขึน้ อยู่กบั วา่ แสงเดินทางมาจากแ

กเงา


าดเทา่ ของจริงเมื่อหนั หนา้
กระจกโคง้ หรือผวิ สะท้อนโคง้ จะใหภ้ าพบดิ เบย้ี ว กระจก

สึกเหมอื นวา่ ภาพทเี่ หน็ อยู่
ท่เี ว้าเลก็ นอ้ ย (เชน่  กระจกเสริมสวย และกระจกโกนหนวด)

อยูใ่ นมือจะปรากฏภาพใน จะขยายภาพใหม้ ขี นาดใหญ่ขึน้   แต่กระจกที่เว้ามาก

พลูกศรในกระจกจะชีไ้ ปใน (เช่น ด้านในของชอ้ น) ภาพทีป่ รากฏจะเป็นภาพหัวกลบั

อเรา และภาพตวั ต่อเลโก้
ท่มี ีขนาดเลก็ กวา่ วตั ถจุ ริง ขณะทีก่ ระจกนูนจะใหภ้ าพวตั ถุ

กบั ของจรงิ
ทม่ี ขี นาดเลก็ ลงแต่มมี มุ มองกวา้ งขึ้น


จะเห็นภาพตวั เองในกล่องใส
่ แจกกระดาษสใี ห้เดก็ ๆนำไปตดิ ดา้ นหลังกลอ่ งซดี หี รือ

กระจก และเมอ่ื ใดเราจงึ มอง
แผน่ กระจก (รูปท่ี 6) สงั เกตว่ากระดาษสใี ดทำใหเ้ ราเหน็

องวางกลอ่ งซดี หี รอื แผน่ กระจก ภาพตัวเองบนแผน่ กระจกไดด้

นหลังแบบใดจงึ จะเหมาะสม


มือนกระจกเงา สังเกตได้จาก
กระจกเงาทีด่ ีตอ้ งไมม่ ีแสงทะลุจากด้านหลงั กระจก  ดังนัน้

อกหอ้ ง ถา้ ข้างในห้องมดื กว่า
จึงตอ้ งฉาบดา้ นหลงั กระจกด้วยช้นั เงนิ บางๆ ซึ่งสะทอ้ นแสง

องบนกระจกหนา้ ตา่ ง  แต
่ ไดด้ ี และเคลือบทับดว้ ยแลก็ เกอร์  เราสามารถตรวจสอบ

ถา้ ในหอ้ งสว่างกว่าข้างนอก
การสะทอ้ นแสงของกระจกเงาได ้ โดยใชเ้ หรยี ญขูดชน้ั เคลือบ

งๆในห้องได้อยา่ งชดั เจน
ดา้ นหลงั ของกระจกเงาออกจนเห็นกระจกใส ซ่งึ แสงสามารถ

ส ผิวเรียบ แสงจะสะท้อน
ทะลผุ า่ นได้

ของตวั เองบนกระจก  ใน
ขนาดและมมุ ของภาพในกระจกเงาจะมขี นาดเท่าของจริง 

ลงั แผน่ กระจกกส็ ามารถ
และไม่กลับซ้ายขวา แมว้ า่ เราจะรสู้ กึ ว่ากลบั ซา้ ยขวาก็ตาม

เมอ่ื เรามองกระจกเงาและยกมอื ขวาขึน้   ภาพในกระจก

กระจกจะสะทอ้ นแสง
จะยกมือด้านตรงขา้ มกับมอื ขวา  ถา้ ใหค้ น 2  คนน่งั หันหน้า

ากหรอื น้อยกวา่ กนั นั้น 
เข้าหากนั  และยกมอื ขวาแตะกนั   เราจะเห็นมอื ยกอยู่ในแนว

แหล่งไหนมากกว่ากัน
เสน้ ทแยง

เร่อื ง ปรากฏการณ์ แสงส
แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ที่ 1


สิ่งทีพ่ บเห็นในชีวติ ประจำวัน
แสงสีขาวกับรุง้

หลงั ฝนตกเรามกั จะเห็นรงุ้  สขี องรงุ้ เกดิ จากการทีแ่ สงสีขาว
รูปที่ 1: วัสดุอปุ กรณ์

ของแสงอาทติ ยห์ ักเหผา่ นละอองน้ำ  แหลง่ กำเนดิ แสงเกือบ

ทุกชนดิ  เชน่  แสงของหลอดไฟหรือจากไฟฉาย ส่วนใหญ่ สรุปแนวคดิ

ประกอบไปดว้ ยแสงสหี ลายสรี วมกนั   ตาของเรามองเห็น

เพยี งสีขาวท่ีเกิดจากการผสมกันของแสงส
ี แสงจากแหลง่ กำเนดิ แสงสว่ นให
ประกอบด้วยแสงสหี ลากหลาย 
ภาพรวมการทดลอง

เริ่มต้นจาก

เดก็ ๆสามารถใชอ้ ปุ กรณ ์ เชน่  แผน่ ซีดี หกั เหลำแสงจาก

แหล่งกำเนดิ แสง ทำใหเ้ ห็น “สเปกตรัม” ซึง่ เป็นสที ซี่ อ่ นอย
ู่ l ถามเดก็ ๆวา่  เคยถูกแสงสะท
ในแหล่งกำเนดิ แสง  แสงที่ใช้ทดลองน้ ี คอื  แสงสะทอ้ น
สอ่ งเขา้ ตาหรอื ไม่

จากกระจกเงาแบบพกพาท่ีสะท้อนมาตกกระทบบนผนัง
l ใหเ้ ด็กๆใชก้ ระจกสะทอ้ นแสง
เชน่  โคมไฟอา่ นหนังสือ ไฟฉา
วัสดุอุปกรณ์

ทดลองต่อไป

l กระจกเงาแบบพกพา

l แหล่งกำเนิดแสง (เช่น เทยี น โคมไฟอา่ นหนังสอื  ไฟฉาย)
l ถ้าไม่มผี นงั สขี าวให้ตดิ กระดา
l แผน่ ซีดหี รอื ดีวดี ี
l ใชแ้ ผน่ ซดี ีหรอื ดีวีด ี ซ่งึ มีพื้นม
l ผนังสีขาวหรือกระดาษสีขาวแผน่ ใหญ
่ l ให้เดก็ 2 คนยืนอยู่หน้าผนงั ส
วัสดุอปุ กรณ์เพิม่ เติม
คนหนง่ึ สอ่ งไฟฉาย ส่วนอกี ค
l กรรไกร
ใหส้ ะท้อนไปบนผนัง  แสงท่ีต
l เทปกาวสำหรบั ปิดกลอ่ ง
(รูปท่ี 3)

(รปู ท่ี 1)







รูปท่ี 2: แหล่งกำเนิดแสงท่ีใชก้ ระจกสอ่ ง
รปู ท่ี 3: แสงทีใ่ ชแ้ ผ่นซดี สี อ่ งใหต้ กกระทบ

ให้ตกกระทบบนผนงั
บนผนงั สขี าว


หญ ่ (ยกเวน้  แสงเลเซอร์)  ผ่านตวั กลางทำใหแ้ สงสีต่าง ๆ   แ  ยกออกจากกัน

  การหักเหแสงที่เหมาะสม


ท้อนจากกระจกหนา้ ตา่ ง
l ให้เด็กๆนำกระจกไปวางรบั แสง  โดยใหแ้ สงตกกระทบ
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
งจากแหล่งกำเนดิ แสง
บนผนังหรอื มุมห้อง (รปู ที่ 2) ซงึ่ เดก็ ๆจะต้องฝกึ พอสมควร

าย หรือแสงอาทติ ย
์ ถ้าใชไ้ ฟฉายจะทำได้งา่ ยขนึ้  โดยใหค้ นหนึง่ ถือไฟฉาย และ

อกี คนพยายามใชก้ ระจกสะทอ้ นแสงจากไฟฉายใหไ้ ปปรากฏ

บนผนัง

l สีของแสงที่ตกกระทบบนผนังมีสีอะไรบ้าง


าษสีขาวบนผนงั ห้องแทน
l ให้เด็กๆลองเปา่ ฟองสบ่ ู และสังเกตว่าบนผิวฟองสบู่

มนั วาวแทนกระจก
มสี อี ะไร (รปู ท่ี 4)

สีขาวหรือกระดาษสขี าว
l รุง้ มสี อี ะไรบ้าง

คนหนง่ึ ใช้แผ่นซดี ีรบั แสง

ตกกระทบบนผนังมสี อี ะไร

เรื่อง ปรากฏการณ ์ แสงส
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ที่ 1

รูปที่ 4: เป่าฟองสบูใ่ ห้ซ้อนกันหลายๆ ชนั้
แสงสีขาวกับรุ้ง

เกดิ อะไรขึ้น


แสงสะทอ้ นจากกระจกมสี ีขาว แ
เหมอื นกับสีรุ้ง และผวิ ฟองสบกู่ ม็

คำแนะนำ


เดก็ ๆทชี่ อบสีของรงุ้   สามารถสร
ก่อนอื่นให้ลอกชัน้ ที่เปน็ สเี งินวาว
เทปกาวตดิ บนแผน่ ซดี ี แล้วดึงอ
หลดุ ออกไป (รปู ท่ี 5) 


รปู ท่ี 5: ใชเ้ ทปกาวติดบนดา้ นหน้าแผน่ ซีดี และลอกออก
ทำไมเปน็ เชน่ นัน้

รปู ท่ี 6: สเปกตรัมของแสงเทียน

แสงจากแหล่งกำเนดิ แสงเกอื บท
มากมาย  แสงสีขาวท่ีเรามองเห
สเปกตรมั สีที่หลากหลาย เชน่  แ
และม่วง  ปกติเราจะมองเห็นแส
แสงขาวปรากฏเปน็ แสงสีตา่ ง ๆ   จ 
ของแสงแต่ละสีทแ่ี ตกต่างกนั

แสงสอ่ งผ่านกระจกเงาและแผ่น
แตบ่ นแผน่ ซดี ีมรี อ่ งเล็กๆ ซ่ึงเม่ือ
แสงสีต่างๆ อ  อกเป็นสีสเปกตรัม
ตรงกันข้ามกับกระจกเงาซง่ึ มีพ้ืน
การหักเหแสง  แต่จะสะท้อนแส

สี



แต่แผ่นซดี จี ะให้แสงสะท้อน

มสี ีเหมือนร้งุ เชน่ กนั


ร้างสเี หมือนรุ้งได้จากแผน่ ซีด ี จากนน้ั จบั แผน่ ซดี โี ปรง่ แสงหันไปทางแหลง่ กำเนดิ แสง

วซ่งึ เคลือบอย่อู อกไป โดยใช้ (เช่น ดวงอาทิตย์ เทียน โคมไฟอ่านหนงั สือ)  หา้ มมอง

ออก สเี งนิ วาวทเ่ี คลอื บอยจู่ ะ ดวงอาทติ ยด์ ้วยตาเปล่าอยา่ งเด็ดขาด เพราะแสงอาทติ ย

เป็นอนั ตรายต่อดวงตา (รปู ท่ี 6)

นอกจากแผน่ ซดี ีโปร่งแสงแลว้  ยังมวี สั ดอุ ืน่ อกี มากทก่ี ระจาย

แสงใหเ้ หน็ สเปกตรมั สขี องแหล่งกำเนิดแสง เช่น ไขม่ ุก 

ฟองสบ ู่ ปรซิ มึ  เป็นตน้


ทกุ ชนิดประกอบดว้ ยแสงสี
เมื่อแสงตกกระทบลงบนแผ่นซดี  ี รอ่ งเล็กๆบนแผน่ ซดี

ห็นมสี เปกตรัมกวา้ งหรอื มี จะหักเหแสงทำให้แสงสีตา่ งๆแยกออกจากกนั ปรากฏ
แดง สม้  เหลือง เขยี ว นำ้ เงนิ   สเปกตรมั เหมอื นสรี ุ้งใหเ้ ห็น  รุ้งเกิดจากการทีแ่ สงสีขาว

สงเป็นสีขาว  การท่ีจะทำให้ จากดวงอาทิตย์หักเหผ่านละอองนำ้ ในอากาศ  ทำใหเ้ รา

 จ  ะต้องใชส้ มบัตกิ ารหกั เห
เห็นเปน็ แสงสีต่างๆ

นซดี ไี ม่ไดจ้ งึ ถูกสะท้อนกลบั
แสงสแี วววาวของฟองสบ่เู กิดจากการซอ้ นทบั ของแสงส

อมีแสงตกกระทบจะหกั เห
ต่างๆที่สะท้อนทัง้ จากดา้ นในและดา้ นนอกของผวิ ฟองสบ ู่

มสีเหมือนกับสีของร้งุ เนอื่ งจากผิวฟองสบูม่ ีความหนาไมเ่ ท่ากนั  สีต่างๆจึงมี

นผิวเรยี บจะไมก่ อ่ ให้เกิด
ความเข้มไม่เทา่ กนั   สีบางสถี กู เสรมิ ใหเ้ ข้มข้ึน  เราจงึ

สงกลบั ในทิศทางเดยี ว
มองเหน็ ได้ชัดเจน ทำให้เกดิ ลวดลายสบี นผวิ ฟองสบู่

แหลง่ กำเนดิ แสงแตล่ ะแหล่งแตกตา่ งกัน ขน้ึ อยกู่ บั แสงสี

ทีผ่ สมอย ู่ แสงจากหลอดนีออน หลอด LED และหลอด

เรืองแสง จะใหแ้ สงสีนอ้ ยกวา่ แสงจากเทยี นหรอื ดวงอาทิตย


เร่ือง ปรากฏการณ ์ กระจก
แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ที่ 2


กระจกกับภาพน

สิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน
รปู ท่ี 1: วสั ดอุ ุปกรณ ์


เราพบเหน็ กระจกไดห้ ลายท่ี เชน่ หอ้ งนำ้ หอ้ งลองเสอ้ื รถยนต์
สรุปแนวคดิ

หัวมมุ ถนน ห้างสรรพสนิ ค้า เป็นตน้   กระจกสรา้ งความสนกุ

ใหเ้ ดก็ ๆไดเ้ สมอ  เด็กๆอาจนำกระจกบานเล็กมาเล่น เชน่
แสงท่ีสะท้อนบนวตั ถุตา่ ง ๆ   ม  ีมมุ
นำมาสะทอ้ นแสงไปบนผนงั เป็นตน้
ทุกประการ

เด็กสว่ นมากมกั จะรู้สึกตนื่ เตน้ เมอ่ื ดูกล้องคาไลโดสโคป

(กลอ้ งสลบั ลาย) เนอ่ื งจากจะเห็นลวดลายตา่ งๆเปลย่ี นแปลง

ไปมา ซงึ่ เกดิ ขนึ้ เพราะการสะทอ้ นแสงของกระจกเงา


ภาพรวมการทดลอง
เริม่ ตน้ จาก


กระจกเงาบานเดย่ี วสามารถสรา้ งรปู ทรงเรขาคณิตเป็นสองเท่า
l ติดขาตงั้ ทด่ี ้านหลังของกระจ
หรอื สรา้ งรูปทรงใหม่ๆได้  “สมดุ กระจก” ทำใหเ้ รามองเหน็
โดยไม่ตอ้ งจบั

ภาพต๊กุ ตาในกระจกไดอ้ ยา่ งน้อย 3 ภาพ และยังสรา้ งสรรค

ลวดลายสวยงามได้ ถ้าเดก็ ๆเปลย่ี นตำแหนง่ และมุมที่กระจก

หันเขา้ หากนั


วัสดุอุปกรณ์
l ก_ รใะหจเ้ กดเ็กพๆียมงบอางนใบเดหียนวา้ กขท็ อำงใตหน

l  กระจกเงาอยา่ งนอ้ ย 4 บาน
_ และทำหน้าตลก ๆ

l ขาตั้งไม้ สำหรับใชต้ ้งั กระจก
ใช้กระจกส่องดูว่ามีอะไรอย
l แผน่ ใสสี

l กาว l เทปกาว

l กระดาษและดนิ สอ l ตุ๊กตาตัวเลก็
ทดลองต่อไป

l รูปภาพ l กรรไกร

l วางกระดาษ A4 ไวบ้ นโตะ๊ ใ
วสั ดุอุปกรณเ์ พิม่ เตมิ
เป็นแนวสำหรบั ตั้งกระจกเงา
นำต๊กุ ตาไปตงั้ ระหว่างกระจก
l เศษกระดาษ เศษพลาสติกส ี และกระจกโมเสก
มองไปที่กระจก และให้บรรย
l กระจกเงา  1  บาน
l ให้เด็กๆทำสมุด  โดยหันด้าน
l กล้องคาไลโดสโคป (กลอ้ งสลับลาย)
สองบานเขา้ หากนั  ตดิ ขอบด

(รูปที่ 1)

กเงา


น่าพศิ วง


รปู ที่ 2: รปู ทรงเรขาคณติ ในกระจก
รูปที่ 3: มองภาพในกระจกไมร่ ู้จบ


มตกกระทบเทา่ กับมมุ สะท้อน กระจกเงาจงึ ใหภ้ าพท่ีมขี นาดเท่ากับวตั ถแุ ละรปู ร่างเหมือนกัน


จก เพอื่ ใหก้ ระจกตั้งได้เอง
_ วาดรูปทรงเรขาคณิตต่างๆลงบนแผน่ ใสส
ี © Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
ห้พบกบั สิ่งทนี่ ่าสนใจได้ เชน่
(เช่น วงกลม สามเหลีย่ ม รูปหยดน้ำ) และตดั ออกมา

นเองในกระจกอยา่ งละเอียด
_ วางแผน่ ใสสที ตี่ ดั ไวด้ า้ นลา่ งกระจก และคอ่ ยๆดงึ พลาสตกิ

ยขู่ ้างหลงั โดยไมต่ ้องหนั หลงั
เล่ือนออกมาดา้ นหน้ากระจกอยา่ งชา้ ๆ  สังเกตการ

_ เวปาลงกยี่ รนะแจปกลบงนขภอางพภา(เพชนใ่ นภการพะจรปูกห
นา้ คน) หรอื ภาพทว่ี าดเอง


ให้เด็กๆใชข้ อบของกระดาษ
l กางสมุดกระจกออกวางต้ังไว้บนโต๊ะ วางตุก๊ ตาไว

า 2 บานไว้ตรงขา้ มกัน
ด้านหน้าสมุดกระจก คอ่ ยๆปดิ สมดุ กระจกชา้ ๆ และ

กทั้งสองบาน จากนั้นให
้ สังเกตภาพในกระจก (รูปท่ี 5)  เด็กๆเหน็ ภาพตกุ๊ ตา

ยายสง่ิ ท่ีสังเกตเห็น (รูปท่ี 3)
ในกระจกกตี่ วั และจะเหน็ ภาพต๊กุ ตาในกระจกมากทีส่ ดุ

นสะทอ้ นแสงของกระจก
เมื่อใด เมื่อสมุดกระจกเปิดกว้างหรอื แคบ

ดา้ นหน่งึ ด้วยเทปกาว
l ใหเ้ ด็กๆนำเศษกระดาษ เศษพลาสตกิ สี และกระจกโมเสก

ไปวางแทนตกุ๊ ตาได้

l เดก็ ๆอาจใช้กระจกท่มี ขี าต้ังในการทดลองน
้ี

เร่ือง ปรากฏการณ์ กระจก
แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ที่ 2

รูปท่ี 4: ประดิษฐส์ มุดกระจก
กระจกกับภาพน

เกิดอะไรข้นึ


เมอื่ ใช้กระจกเงา 1 บาน ภาพรปู
จะเหมือนกบั รูปทรงเรขาคณติ ท่วี
ที่เห็นมีขนาดเทา่ ของจรงิ  เชน่  รปู
กระจก เมอื่ รวมกับภาพในกระจ

คำแนะนำ


ให้เด็ก ๆ ใช้กล้องคาไลโดสโคปส
แสงสว่างจะสวยงามเป็นพเิ ศษ


รปู ที่ 5: มองเหน็ ภาพของต๊กุ ตาในกระจกกี่ตวั
ทำไมเป็นเช่นนัน้

รูปที่ 6: กล้องคาไลโดสโกปจากสมุดกระจก

กระจกทด่ี ีตอ้ งทำจากแก้วผิวเรีย
ทับดว้ ยแลก็ เกอรอ์ กี ช้ัน ลำแสง
แสงไดด้ ี แสงจะสะท้อนกลบั ใน
คลา้ ยกับลกู บลิ เลียดกล้ิงชนขอบ
โดยลูกบลิ เลยี ดจะมมี มุ ที่กลิ้งชน
ทก่ี ล้งิ ออกมา

เมือ่ ต้งั กระจกสองบานขนานกันแ
ภาพท่เี กิดขึ้นจะถกู สะท้อนกลบั ไ
ซ้อนกนั ไปเร่ือยๆ โดยภาพจะมีข
สะท้อนแตล่ ะครั้ง แสงส่วนหนึง่ จ

กเงา

น่าพิศวง

ปทรงเรขาคณติ ที่เห็นในกระจก กระจกเงาสองบานทีต่ ัง้ ขนานกนั ทำให้เรามองเห็นภาพของ
วางอยู่หนา้ กระจก และภาพ
ตุ๊กตามากมายไม่มที ่ีส้นิ สดุ

ปทรงหยดน้ำทว่ี างอยูห่ นา้ เม่ือเรากางสมุดกระจกทำมุม 90 องศา จะเห็นตกุ๊ ตา

จกจะกลายเปน็ รูปหัวใจ
และภาพในกระจก 3 ภาพ ภาพท่อี ยทู่ างด้านซา้ ยและ

ดา้ นขวาจะกลบั ซา้ ยขวากัน เม่ือสมุดกระจกทำมุมแคบลง 

ภาพของตุก๊ ตาจะมีมากกวา่  3 ภาพ


ส่องหันไปในทิศทางท่ีมี
สมุดกระจกท่กี างตงั้ ไวจ้ ะคลา้ ยกบั กล้องคาไลโดสโคป

เมอ่ื นำเศษกระดาษ เศษพลาสติกสี และกระจกโมเสก

ไปวางไว้ระหว่างกระจกทั้งสองบาน แล้วใหเ้ ดก็ ๆเปา่ ลม

ลงไป (รูปท่ี 6) จะเกิดลวดลายใหม่ๆในกระจก ถา้ จะให

เกิดลวดลายมากยง่ิ ขนึ้ ใหต้ ดิ เศษกระดาษ เศษพลาสติกส ี

และกระจกโมเสกไว้บนแผ่นกระจก


ยบฉาบดว้ ยเงนิ และเคลือบ
ทอ่ี ยตู่ รงข้าม  แต่จะสะท้อนออกไปทางดา้ นขา้ ง แม้แต

งที่ตกกระทบจงึ จะสะท้อน
พ้นื ผิวกระจกเงาท่ดี ีทีส่ ดุ  ก็ไมส่ ามารถสะทอ้ นแสงกลบั ได้
นมุมเท่ากับมมุ ตกกระทบ
ท้งั หมด แสงบางสว่ นจะถูกดูดกลืน ทำใหภ้ าพในกระจก

บโต๊ะและกลงิ้ ออกมา
มีขนาดเลก็ ลงและมืดมากขึน้ จนมองไม่เห็นในทสี่ ุดเม่อื เรา

นขอบโต๊ะเท่ากบั มมุ
ขยบั กระจกทง้ั สองบานเขา้ หากนั  จนกลายเปน็ สมุดกระจก

และหนั หนา้ เขา้ หากนั
ท่ีปิดอยู่  ถ้าเรากางสมดุ กระจกออก เราจะเหน็ ภาพของ

ไปมา ทำใหเ้ กดิ เป็นภาพ
ตกุ๊ ตาน้อยกว่าการตั้งกระจกเงาหนั เขา้ หากัน เพราะลำแสง

ขนาดเล็กลงเร่ือยๆ  ในการ ที่สะท้อนไปมาจากกระจกบานหนึ่งไปตกกระทบบนกระจก

จะไมไ่ ดส้ ะท้อนไปยังกระจก
อีกบานได้ไมเ่ ตม็ ที่

เรื่อง ปรากฏการณ ์ การหัก
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ท่ี 2

ส่ิงทีพ่ บเห็นในชีวิตประจำวัน
การทำงานของ

มนุษย์และสตั วส์ ว่ นใหญ่มองเห็นและรับรู้สภาพส่งิ แวดล้อม

ไดด้ ว้ ยตา  แตภ่ าพท่ีเรามองเหน็ เหลา่ น้ันเกิดขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร


ภาพรวมการทดลอง
รูปท่ี 1: วสั ดุอุปกรณ์

เลนสต์ าของเราสรา้ งภาพหัวกลบั บนจอตา  ขอ้ มูลภาพ
สรุปแนวคดิ

บนจอตาจะถกู ส่งไปยังสมองเพอื่ ประมวลผล จากนั้นเราจงึ

มองเห็นเปน็ ภาพหวั ตง้ั ได ้ เดก็ ๆสามารถสร้างภาพหัวกลบั ได้
โหลแกว้ ใสทรงกลมบรรจุน้ำมีสม
โดยใชแ้ วน่ ขยายหรอื โหลแกว้ ใสทรงกลมบรรจุน้ำ
จากการมองวตั ถใุ นระยะใกล้เล

วัสดุอุปกรณ์
เริ่มต้นจาก


l โหลแก้วใสทรงกลม
l ทำการทดลองบนโตะ๊ ทต่ี ง้ั อย
l นำ้ เปล่า
การทดลองได้รอบโต๊ะ

l ถว้ ยกาแฟเซรามกิ ทมี่ รี ูปภาพสีสนั สวยงาม
l ใหเ้ ดก็ ๆนำโหลแก้วใสทรงกล
l ตุ๊กตาขนาดต่างกัน 2 ตวั
กลางโต๊ะ

l โตะ๊
l ใหเ้ ดก็ สองคนยนื หนั หนา้ เขา้ ห
l ผนังสีขาวหรือกระดาษสขี าวแผ่นใหญ
่ ทต่ี งั้ อยบู่ นโตะ๊ คน่ั กลาง จากน
วัสดุอปุ กรณเ์ พมิ่ เตมิ
อยใู่ นระดบั เดยี วกบั โหลแกว้  
l แวน่ ขยาย

l กระดาษสขี าว
ทดลองต่อไป

l หอ้ งทมี่ หี นา้ ตา่ ง (ไมม่ ีแสงอาทติ ยส์ อ่ งเขา้ มาโดยตรง)

(รปู ที่ 1)
l ตงั้ โหลแกว้ หา่ งจากผนงั หรอื ฉ
จากน้ันวางถ้วยกาแฟไวร้ ะหว
l ให้เดก็ ๆมองดา้ นหนา้ โหลแก
เรม่ิ ตน้ จากยนื ชิดกับโหลแกว้
อาจตอ้ งปรบั เปลย่ี นระยะระห
เพ่ือให้ภาพคมชัด  ภาพถว้ ยก
มีลักษณะอยา่ งไร  เหมอื นกับ
l ให้เดก็ ๆวางตกุ๊ ตา 2 ตวั ระหว

กเหของแสง

งดวงตา

รปู ที่ 2: แกว้ ตง้ั อยู่ห่างจาก รปู ที่ 3: ภาพของถ้วยกาแฟเมือ่ มองผา่ น
โหลแก้วใสทรงกลม โหลแกว้ ใสทรงกลม
ประมาณ 50 เซนติเมตร

มบตั เิ ปน็ เลนส์นนู ได ้ ภาพทไี่ ด้ ไม่กลับซา้ ยเป็นขวา ในขณะที่ภาพท่ไี ด้จากวตั ถุท่อี ย่ไู กลจะมี
ลนสน์ นู เป็นภาพขยายหวั ตั้ง
ขนาดเลก็  หวั กลบั และกลับซา้ ยเปน็ ขวา


ยู่กลางหอ้ ง เพือ่ ใหเ้ ด็กๆสงั เกต
ทอ่ี ยู่ตรงข้ามผ่านโหลแกว้ เดก็ ๆสามารถขยับเข้าหรือออก
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
จากโหลแก้วได ้ เพือ่ ใหภ้ าพใบหน้าของเพ่ือนคมชัด  เดก็ ๆ


ลมท่เี ติมนำ้ จนเกือบเตม็ มาวาง
มองเห็นภาพใบหน้าของเพ่อื นเป็นอยา่ งไร

l ให้เดก็ เปลยี่ นตำแหนง่ กัน โดยเด็กแต่ละคนนงั่ หรอื คุกเข่า


หากนั   โดยมโี หลแกว้ ใสทรงกลม
หา่ งจากโหลแก้วเท่ากัน  จากนน้ั ผลดั กนั ขยบั เข้าหาโหล

นน้ั ใหเ้ ดก็ ๆคกุ เขา่ ลงจนใบหนา้
และขยบั ออกหา่ งจากโหลแกว้ อยา่ งชา้ ๆ  ภาพทเี่ หน็ เมอื่ ขยบั

ใหเ้ ดก็ สงั เกตใบหนา้ ของเพอื่ น
ใบหน้าเข้าใกล้และออกจากโหลแกว้ อย่างชา้ ๆเป็นอยา่ งไร


ฉากสขี าวประมาณ 50 เซนตเิ มตร
ขยบั หาตำแหนง่ ทีเ่ หน็ ภาพตกุ๊ ตาผา่ นโหลแกว้ คมชัดท่สี ุด

ว่างโหลแก้วกับผนงั
ตุก๊ ตาตวั ไหนอยดู่ ้านขวา ตัวไหนอยูด่ ้านซา้ ย และตรงกับ

กว้ ในระยะหา่ งตา่ งๆกัน  โดย
ตำแหนง่ จรงิ ที่ตกุ๊ ตาตงั้ อยหู่ รอื ไม่ (รูปท่ี 4)

ว และค่อยๆขยบั ห่างออกมา 
l ใหเ้ ดก็ ๆนำสง่ิ ของอน่ื ๆมาวางหลงั โหลแกว้   สงั เกตภาพของ

หว่างถว้ ยกาแฟกับโหลแกว้
สิ่งของเหล่าน้ันและอธิบายส่งิ ทมี่ องเหน็

กาแฟท่มี องผา่ นโหลแกว้
l แนะนำให้มองไปรอบๆห้องผ่านโหลแก้ว

บของจรงิ หรือไม่ (รปู ที่ 3)
l ใหเ้ ดก็ ๆทำการทดลองใหม ่ โดยใชโ้ หลแกว้ เปลา่

วา่ งโหลแกว้ กับฉาก
ภาพทีม่ องเห็นแตกตา่ งจากการใชโ้ หลแก้วเตมิ นำ้ หรอื ไม่

เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ การหกั
แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ท่ี 2

รูปที่ 4: ภาพตกุ๊ ตาสองตวั ยนื หวั กลบั และกลบั ซา้ ยขวา
การทำงานของ
รูปที่ 5: ใชแ้ ว่นขยายสอ่ งดสู ่งิ ต่างๆ

รูปท่ี 6: ใช้แว่นขยายสรา้ งภาพท่ีอยู่นอกหน้าตา่ ง
เกิดอะไรข้นึ

ใหป้ รากฏบนแผน่ กระดาษ

ถา้ ใบหนา้ ของเราอยูใ่ กล้โหลแก
สง่ิ ทอ่ี ยดู่ า้ นหลงั  ภาพท่ีเห็นจะไม
จนมรี ะยะหา่ งเหมาะสม จึงจะม

คำแนะนำ


ให้เดก็ ๆถอื แว่นขยายแล้วเหยียด
แว่นขยาย ภาพทอี่ ยหู่ ลังแวน่ ขย
และกลบั ซ้ายขวา (รปู ที่ 5)

ใหเ้ ดก็ คนหนงึ่ ยนื หนั หลงั ใหห้ น้า
ไว้หน้าหน้าตา่ ง  เด็กอีกคนถอื แ
สอ่ งผา่ นเลนสไ์ ปตกลงบนกระดา

ทำไมเป็นเช่นนั้น


โหลแก้วใสทรงกลมบรรจุนำ้ และ
เลนสน์ ูน ซงึ่ จะรวมแสงไว้ทจ่ี ดุ เด
ภาพของวัตถทุ ่อี ยูใ่ นระยะใกลเ้ ล
และไม่กลับซา้ ยขวา  แตถ่ า้ วัตถ
จะมีขนาดเล็ก หวั กลบั  และกลับ
เราสามารถใชแ้ วน่ ขยายสอ่ งใหแ้
เพือ่ ทำใหเ้ กดิ ภาพส่งิ ต่างๆท่ีอยรู่
แตภ่ าพวตั ถทุ ่อี ยบู่ นกระดาษจะม
ข้ึนอยู่กับระยะหา่ งจากกระดาษ

การมองเหน็ ภาพของเราก็มีหลกั
มีลกั ษณะยดื หยนุ่ อยหู่ ลังรมู ่านต
จะหักเหไปตกทจี่ อตาเกิดเปน็ ภา
ประสาทการมองเห็นจำนวนมาก
และสง่ สญั ญาณไปยงั สมอง ทำ

กเหของแสง

งดวงตา

กว้ ใสทรงกลม เมอื่ มองดู
ซ่ึงจะเปน็ ภาพหัวกลับและกลบั ซ้ายขวา  ภาพใบหน้าคน

ม่คมชัด เราตอ้ งขยบั ออกมา
หรือสงิ่ ของที่อยหู่ ลงั โหลแกว้ จะเป็นภาพขยาย

มองเหน็ ส่งิ ทีอ่ ยหู่ ลังโหลแก้ว


ดมือออก เมอ่ื มองผ่าน
ห่างจากแวน่ ขยายประมาณ 15-20 เซนติเมตร  อาจปรบั
ยายจะเป็นภาพหวั กลบั
ระยะห่างระหวา่ งแผน่ กระดาษกับแว่นขยายใหเ้ หมาะสม

าต่าง และถอื แว่นขยาย
เพ่ือให้ภาพขยายจากนอกหนา้ ต่างอยบู่ นกระดาษ (รปู ที่ 6)
แผน่ กระดาษสขี าวใหแ้ สง
ใหเ้ ด็กๆมองภาพที่เกดิ ขน้ึ บนแผน่ กระดาษ  การทดลองน้

าษ  ควรให้กระดาษ
อาจทำคนเดยี วได้  โดยใช้มอื ขา้ งหน่งึ ถอื แวน่ ขยาย และอีก
ขา้ งหน่ึงถือกระดาษ


ะแว่นขยายมสี มบตั เิ ป็น
ภาพที่เราเห็นจากการทดลองนี ้ เกดิ ข้ึนกับการมองเห็นของเรา
ดยี ว เรียกวา่  จดุ รวมแสง
เช่นกัน

ลนสน์ ูนจะเปน็ ภาพขยายหวั ตัง้ l ภาพทเ่ี กิดบนจอตาเปน็ ภาพหวั กลับและกลบั ซ้ายขวา

ถอุ ยใู่ นระยะไกล ภาพที่ได
้ เม่อื สง่ ไปประมวลผลทสี่ มอง เราจงึ เหน็ เปน็ ภาพแบบปกติ

บซ้ายขวา
l เลนสต์ ารวมแสงไดท้ งั้ จากระยะใกลแ้ ละไกล โดยปรบั เปลยี่ น

แสงตกลงบนแผน่ กระดาษ
ความโคง้ ของเลนสต์ า แตไ่ มส่ ามารถรวมแสงในระยะใกล

รอบๆ ถ้ามแี สงสว่างเพยี งพอ  และไกลพรอ้ มกันได ้

มคี วามคมชดั ไมเ่ ท่ากัน 
l เราจะมองเหน็ ภาพตา่ งๆคมชัดเฉพาะตรงกลาง แต่รอบขา้ ง


จะไมช่ ดั เนือ่ งจากประสาทการมองเห็นจำกัดการมอง

กการเช่นเดียวกัน  เลนสต์ า
อยูบ่ ริเวณตรงกลางเท่านน้ั

ตา  เมอื่ แสงส่องผ่านเลนสต์ า
l ยงิ่ แสงสว่างมาก ภาพที่เหน็ จะยง่ิ ชัดเจนมากขน้ึ

าพหวั กลับ จอตามีเซลล
์ l อปุ กรณ์แสดงภาพหลายอย่างใช้หลักการสร้างภาพของ

ก ทำหนา้ ท่ีตอบสนองตอ่ แสง
แวน่ ขยาย เช่น กล้องถา่ ยรูป และเครื่องฉายภาพสไลด์

ำใหเ้ รามองเหน็ ภาพได้

เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ การดดู
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ที่ 2

สง่ิ ทีพ่ บเหน็ ในชีวิตประจำวัน
ภาพเคลือ่ นไหว

สแี ดงและสเี ขยี วเปน็ สตี รงกันข้าม และเปน็ ค่สู ีท่มี ีสมบัติเหมาะ
สำหรับนำมาใช้ประดิษฐ์แว่นสามมิติ  เมอ่ื เราสวมแวน่ สามมติ  ิ
ภาพทเ่ี หน็ จงึ ดูเหมอื นกำลงั เคล่ือนไหวอย่


ภาพรวมการทดลอง
รูปท่ี 1: วัสดอุ ุปกรณ์

เมือ่ นำแผ่นใสสแี ดงและสีเขียววางไว้บนภาพทีเ่ ด็กๆวาดดว้ ย
สรุปแนวคดิ

สดี ำ แดง และเขยี ว แลว้ ขยับแผน่ ใสข้นึ ลงหรอื ขยับไปทางซา้ ย

และขวา  ภาพทเี่ ด็กๆวาดจะดเู หมอื นเคลอ่ื นไหวได้
แผ่นกรองแสงสตี ่างๆจะดูดกลืน

วัสดุอุปกรณ์
เร่มิ ตน้ จาก


l แผน่ ใสสแี ดงและสีเขยี ว
l กอ่ นการทดลอง ใหเ้ ด็กๆทด
l เทปกาว
ปากกาเคมีและแผน่ ใสทีใ่ ชใ้ ห
l กรรไกร
l ลองขดี เสน้ ดว้ ยปากกาเคมีสแี
l ปากกาเคมีหรอื ดินสอสีแดงและสเี ขียว
ทาบลงไป จะตอ้ งมองไม่เหน็
l ปากกาเคมีหรอื ดนิ สอสีดำ
แผ่นใสสีเขยี วจะต้องเหน็ เสน้
สำหรบั เดก็ แต่ละคน
l จากนัน้ ลองขดี เสน้ ดว้ ยปากก
l กระดาษสขี าว 1 แผ่น
สีเขียวทาบลงไป เราจะมองไ
(รูปท่ี 1)

ทดลองตอ่ ไป


l วาดภาพง่ายๆดว้ ยปากกาเค
ลงบนกระดาษสีขาว ภาพที่ว
แผ่นใสสเี ขียวแดงท่เี ตรยี มไว
l ใชป้ ากกาเคมีสแี ดงเติมรายล
แลบลนิ้  เป็นตน้

l นำแผ่นใสสีเขียวแดงที่ทำไว้ม
ในแนวตัง้ หรือแนวนอน

ดกลนื แสง

วในแสงสีแดงและสีเขียว

รปู ที่ 2: เทยี บสขี องปากกาเคมีกับ รูปท่ี 3: ติดแผ่นใสเขา้ ดว้ ยกนั
แผน่ ใสสเี ขียวและสีแดง และตดั มมุ ทั้งสีใ่ ห้มน

นแสงสีบางส่วนไว ้ เมือ่ เรามองาพท่มี ีสสี ันผ่านแผน่ กรองแสงจะทำให้เราเห็นสีต่าง ๆ   เ ปล่ยี นไป


ดสอบเปรยี บเทียบสีของ
เหน็ ไดช้ ดั เจนเมอื่ มองผ่านแผน่ ใสสีแดง  ถา้ หาปากกาเคมี
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
ห้กลมกลนื กัน
สเี ขยี วทกี่ ลมกลนื กบั แผน่ ใสสเี ขยี วไมไ่ ด ้ อาจใชแ้ คป่ ากกาเคม

แดง  เม่ือวางแผน่ ใสสีแดง
สแี ดงสีเดยี วก็ได้

นเส้นสแี ดง แต่เมอ่ื มองผา่ น
l ตัดแผ่นใสสีแดงและสีเขียวให้มีขนาดเทา่ กบั ไปรษณียบตั ร 

นสแี ดงได้ชดั เจน (รูปที่ 2)
วางแผน่ ใสสแี ดงและสเี ขยี วชดิ กัน ตดิ ด้วยเทปกาวใส

ตดั ท้ังสมี่ มุ ใหม้ น (รปู ท่ี 3)

กาเคมีสเี ขียว เมอื่ วางแผ่นใส

ไมเ่ ห็นเส้นสีเขยี ว แต่จะมอง


คมีสีดำ เช่น รปู ใบหนา้ คน
l ให้เดก็ ๆอธบิ ายว่าสังเกตเห็นอะไร (รูปที่ 4)

วาดไม่ควรมีขนาดใหญ่กวา่
l วาดภาพแบบอ่ืนๆดว้ ยปากกาเคมสี ีดำ เตมิ รายละเอยี ด

ว้
___ข อมเหงทมงัภยี กวานรกพสสสทีดีดีดี่เำำคำกกลกำับบัอ่ื ลเนกปังไรพลหะวน่ ตวไไไ่าฟฟปยสสมสีแแีาแี ดดดดงง้วง


ปากกาเคมีสีแดง เช่น

ละเอยี ดลงไปในภาพ เชน่


มาวางบนภาพ และเลือ่ นไปมา


l อาจใชป้ ากกาเคมีสเี ขียววาดรายละเอียดของภาพ

ท่ีเคลื่อนไหวไดเ้ ชน่ กัน

เรื่อง ปรากฏการณ์ การดูด
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ท่ี 2

รูปท่ี 4: มองภาพวาดบน
รปู ท่ี 5: วาดภาพด้วยปากกาเคมี
ภาพเคลื่อนไหว
แผ่นใสสีเขียวแดง
สีดำ สเี ขยี ว

รปู ท่ี 6: ตัวอย่างภาพท่ีวาดดว้ ยปากกาเคมีสีดำ 
เกดิ อะไรขึน้

แล้วตกแต่งรายละเอยี ดดว้ ยปากกาเคมสี เี ขยี วและสีแดง

เราสามารถมองเหน็ ลายเสน้ ภาพ
ท้ังสองส ี แตเ่ มอื่ มองผ่านแผน่ ใ
รายละเอยี ดของภาพทเ่ี ปน็ สแี ดง
สีเขยี ว จะเห็นรายละเอยี ดของภ
พลาสติกทงั้ สองสผี ่านภาพวาดไ

คำแนะนำ


เมอื่ เดก็ ๆเขา้ ใจหลักการของภาพ
ทดลองเพ่ิมเตมิ   โดยให้เดก็ ๆวา
และวาดรายละเอยี ดด้วยปากกา
(รูปท่ี 6) เชน่

l วาดปากดว้ ยสดี ำ วาดลนิ้ สีแ
l วาดตน้ ไม้ดว้ ยสีดำ วาดใบสเี
l วาดใบหนา้ ดว้ ยสดี ำ วาดผม

ทำไมเป็นเช่นนัน้


เรามองเหน็ ภาพทว่ี าดดว้ ยปากกา
แตร่ ายละเอยี ดของภาพทใี่ ชแ้ สด
แดงหรือสเี ขียวเทา่ นัน้   เราไมส่ า
จากสีท้งั สองสพี ร้อมกนั ได

เมอ่ื วางแผน่ ใสสแี ดงลงบนกระดา
สีแดง  ถ้าวาดภาพบนกระดาษส
จะเหน็ เหมอื นกบั วา่ ใชป้ ากกาเคม
สแี ดง  สีของภาพและกระดาษเ
ภาพท่ีวาด ซ่งึ จะเกดิ ข้นึ เช่นเดยี
ปากกาเคมสี เี ขียว

ดกลืนแสง

วในแสงสีแดงและสีเขียว

พทีเ่ ปน็ สีดำผา่ นแผน่ ใส
ใบหนา้ คนแลบลนิ้ และยิ้มสลับกนั  หรือเห็นกระตา่ ยโผล่ออก

ใสสีแดง เราจะมองไม่เห็น
จากหมวกและหายไปสลับกัน  ถา้ เราใช้ปากกาเคมีสีเขยี ว

ง  และถา้ มองผา่ นแผน่ ใส
วาดรายละเอียดภาพ จะสงั เกตเห็นภาพเคลือ่ นไหวผา่ น

ภาพเป็นสีดำ เมอ่ื เลื่อนแผน่
แผน่ ใสสแี ดงเท่านั้น แตจ่ ะมองไมเ่ หน็ ภาพเคลื่อนไหว

ไปมาอย่างรวดเรว็  จะเหน็
เมือ่ มองผา่ นแผ่นใสสีเขยี ว


พเคลอ่ื นไหวแลว้  ให้ทำการ
l วาดตัวผชู้ ายด้วยสดี ำ วาดหมวกปลายแหลมเอยี งไป

าดภาพด้วยปากกาเคมสี ดี ำ 
ทางซ้ายสีเขยี ว และเอยี งไปทางขวาสแี ดง

าเคมสี ีแดงและสเี ขียว
l วาดใบหน้าดว้ ยสดี ำ วาดรอยย้มิ สีแดงและร้องไหส้ เี ขียว

l วาดไฟจราจรดว้ ยสีดำ วาดสัญญาณไฟเขียวและ

แดงและล้ินสีเขยี ว
สญั ญาณไฟแดง

เขียวและสแี ดง
จากน้นั เลื่อนแผ่นใสสีเขียวแดงไปทางแนวนอนหรือแนวต้งั

มหยกิ สแี ดงและผมต้ังสเี ขยี ว
ลองทำการทดลองโดยใช้ปากกาสแี ละแผ่นใสสอี ่นื สังเกต

สง่ิ ทเี่ กิดขึน้


าเคมสี ดี ำผา่ นแผน่ ใสทงั้ สองส
ี จากการทดลองเรอ่ื ง “โลกของสสี นั  และลวดลายพศิ วง”

ดงการเคลอ่ื นไหวตอ้ งวาดดว้ ยสี แผ่นกรองแสงจะดดู กลืนแสงสีบางส่วนไว้  โดยแผน่ กรองแสง

ามารถสรา้ งการเคลื่อนไหว
สีแดงจะดูดกลนื แสงสเี ขยี ว ทำใหเ้ รามองเหน็ สเี ขียวเป็นสดี ำ 

าษสขี าว จะเหน็ กระดาษเปน็
เพราะไมม่ ีแสงสะท้อนกลับเข้าสู่ตาของเรา

สีแดงดว้ ยปากกาเคมสี ีแดง 
แผ่นใสสีเขยี วดดู กลนื แสงที่สะทอ้ นมาจากสีแดง  ดังน้ัน

มสี แี ดงวาดรปู ลงบนกระดาษ
เมอื่ มองผา่ นแผ่นใสสเี ขียว เราจงึ เห็นสแี ดงเปน็ สดี ำ

เหมือนกันเราจึงมองไมเ่ หน็ สีแดงและสเี ขยี วเหมาะสำหรับศกึ ษาเรื่องการมองเหน็ ส ี

ยวกับแผน่ ใสสีเขียวและ
เพราะเปน็ สตี รงกันขา้ ม  เนือ่ งจากสว่ นผสมของสีแดง

และสเี ขียวไมม่ สี ่วนท่เี หมือนกนั

เรือ่ ง ปรากฏการณ ์ การหกั
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ท่ี 1


สิง่ ทีพ่ บเห็นในชีวติ ประจำวัน
สร้างอุปกรณ์ขย

เมอ่ื เรามองหนา้ ตวั เองในกระจกเงา จะเหน็ ภาพมขี นาดเทา่ เดมิ

ถ้าตอ้ งการขยายภาพวัตถุเล็กๆใหม้ ขี นาดใหญ่ข้ึน สามารถ

ทำไดโ้ ดยใชเ้ ลนสน์ นู  ซง่ึ อาจมองผา่ นแจกนั  แกว้  หรอื ขวดแกว้

ท่ีมนี ำ้ อย ู่ รวมถงึ ใชแ้ วน่ ขยายหรือกล้องจุลทรรศนส์ ่องดู


ภาพรวมการทดลอง
รูปท่ี 1: วสั ดุอปุ กรณ์
รปู ท

การทดลองนเ้ี ดก็ ๆจะได้เรียนร้เู ร่ืองเลนส์นูนซงึ่ มีสมบตั ริ วมแสง
สรุปแนวคดิ

และขยายภาพของวตั ถขุ นาดเลก็ ใหม้ ขี นาดใหญข่ น้ึ  อาจเตมิ นำ้

ลงในภาชนะทรงกระบอก เชน่  แกว้ หรอื ขวด เพ่อื ใชแ้ ทนเลนส์
เลนสน์ นู มลี กั ษณะทตี่ รงกลางบา
รวมแสงได้
เมอื่ แสงเดนิ ทางจากอากาศผา่ น

วัสดุอุปกรณ์
เรมิ่ ตน้ จาก


l ถว้ ยตวงหรอื ชามแกว้
l ให้เดก็ ๆลองใชแ้ วน่ ขยาย โด
l ส่งิ ของขนาดเล็กท่ีต้องใช้แว่นขยายสอ่ งดู
ทถี่ กู ตอ้ ง เพ่อื ใชส้ ่องดวู ัตถุ

หรอื รูปภาพขนาดเล็ก เชน่  เหรียญบาท
l ถา้ เป็นไปได้ให้ถอดเลนสแ์ วน่
l แว่นขยาย
แล้วมองด้านขา้ ง สงั เกตรปู ท
l เทปกาว
ถา้ ไมส่ ามารถถอดเลนสอ์ อกม
สำหรบั เด็ก 1-2 คน
l สร้างเลนสเ์ ลียนแบบเลนส์นูน
l ตลบั พลาสตกิ ใส
ตลบั พลาสตกิ ใส  ใหเ้ ด็กๆเป
l กระจกนาฬิกา
ตลับพลาสตกิ กบั เลนสน์ ูน (ร
l ชอ้ นดา้ มยาว
l จมุ่ ฝาทง้ั สองข้างของตลับพล
l แก้วนำ้ ใส
ปดิ ฝาประกบกนั ใตน้ ำ้   ยกต
วสั ดุอปุ กรณเ์ พ่ิมเตมิ

l ตกุ๊ ตาตัวเลก็  ๆ 
ทดลองตอ่ ไป

l หลอดหยด

l ฝาพลาสตกิ ใส
l การทดลองนคี้ วรทำบนโตะ๊  เ
(รูปท่ี 1)
ของแกว้ หรอื ขวดได

l ใหเ้ ดก็ ๆเติมน้ำประมาณ 3/4
จากนั้นใหเ้ ด็กๆน่งั หรอื ยืนหน
การทดลองไดอ้ ยา่ งสะดวก

กเหของแสง


ยายภาพดว้ ยตนเอง


ที่ 2: รปู ทรงของเลนสน์ นู
รปู ที่ 3: ตลบั พลาสตกิ เตมิ นำ้
รูปที่ 4: แว่นขยายจากฝาตลับ

เพือ่ ใช้เปน็ แวน่ ขยาย
พลาสติก 1 ฝา


างกวา่ ขอบ มสี มบตั ริ วมแสง  เรามองเหน็ ภาพผา่ นเลนสน์ นู มลี กั ษณะเปลย่ี นไป

นเลนสน์ นู จะมกี ารหกั เห ทำให้

ดยสอนวิธีจบั แวน่ ขยาย
จากนำ้  และเช็ดใหแ้ หง้  อาจติดขอบตลับพลาสตกิ ด้วย
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
นขยายออกจากกรอบ
เทปกาว เพอื่ กันไมใ่ หน้ ำ้ ไหลออก เลนส์อนั น้ีคือเลนส์นำ้

ทรงของเลนส์ (รูปท่ี 2)
l ให้เดก็ ๆทดลองใช้เลนส์น้ำสอ่ งดรู ายละเอยี ดของสิ่งของ

มาได้ ให้ใชเ้ ลนส์นนู แทน
หรอื รูปภาพขนาดเลก็  (รูปท่ี 3)

น โดยเติมน้ำลงไปใน
l เลนสน์ ้ำนี้อาจมฟี องอากาศอยูข่ ้างใน ใหส้ ังเกตลกั ษณะ

ปรยี บเทยี บรปู ทรงของ
ของวัตถุเม่ือเรามองผา่ นฟองอากาศเหล่าน
้ี
รูปที่ 2)
l ใหเ้ ด็กๆทำเลนส์นำ้ จากกระจกนาฬกิ าหรือฝาตลับ

ลาสตกิ ลงในชามแก้วที่มีนำ้
พลาสติกใส 1 ฝา โดยรินนำ้ ลงไปในฝา และวางไว้

ตลับพลาสติกทปี่ ดิ แลว้ ขนึ้
เหนือแกว้ ท่ีใส่สง่ิ ของขนาดเลก็ ไวข้ ้างใน (รูปที่ 4) 

เดก็ ๆสงั เกตเหน็ อะไรจากการมองผ่านฝาตลบั น
้ี

เพือ่ ให้เด็กๆมองดา้ นข้าง
l ใหเ้ ดก็ ๆจมุ่ ชอ้ นลงในแกว้  จากนัน้ ขยบั ช้อนไปขา้ งหนา้

4 แก้ว และนำมาต้ังบนโต๊ะ
และขยับถอยหลงั   ใหอ้ ธิบายภาพของชอ้ นวา่ มกี าร

นา้ โตะ๊  เพอื่ สงั เกต
เปล่ยี นแปลงอย่างไร เมอ่ื ขยบั ชอ้ นถอยหลัง

l สังเกตภาพเมอื่ ขยบั ช้อนถอยหลัง และยกชอ้ นขน้ึ เหนอื น้ำ

ครง่ึ ชอ้ น (รูปท่ี 5)

เรอื่ ง ปรากฏการณ์ การหัก
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ท่ี 1

รปู ที่ 5: ปรากฏการณ
์ รูปท่ี 6: เม่ือวางตกุ๊ ตาไวห้ ลงั แก้วนำ้
สร้างอุปกรณข์ ย
แวน่ ขยายในแก้วน้ำ
ภาพของตกุ๊ ตาจะกลับซา้ ยขวา

เกิดอะไรขนึ้

รปู ท่ี 7: ใช้หลอดหยด หยดนำ้ ลงไปบนจานเพาะเชอื้

ตลับพลาสตกิ มลี ักษณะคลา้ ยกับ
มีขอบบางกวา่ ตรงกลาง  เมอ่ื เต
สมบตั คิ ล้ายเลนสน์ ูน  จงึ มองเห
แต่เมอื่ มองภาพผา่ นฟองอากาศ
มองเห็นจะมีขนาดเล็กลง


คำแนะนำ


ให้เดก็ ๆวางตกุ๊ ตาของเล่นขนาด
โดยให้จับตุ๊กตาถอยหลงั ออกไป
ดา้ นหนึ่งไปอกี ด้านหน่งึ ของแก้ว
ภาพทม่ี องเห็นผ่านแก้ว  ภาพท
ให้เดก็ ๆนำเหรยี ญมาวางบนโตะ๊
เหรยี ญ เมอ่ื มองผา่ นหยดนำ้  เดก็
เป็นอยา่ งไร (รปู ที่ 7)  ถ้ามองจ

ทำไมเปน็ เช่นนัน้


แวน่ ขยายทำจากเลนสน์ นู   เลน
หนากว่าบริเวณขอบ จงึ สามารถ
เดยี ว เรียกวา่ จุดรวมแสง แสง
แสงสามารถ

เผาวัตถบุ างอย่างให้ลุกติดไฟได
เมอ่ื เราถอื แว่นขยายหรอื เลนส์นูน
เห็นภาพขยายของวตั ถุนน้ั   แว่น
ทเ่ี หมาะสมระหวา่ งเลนส์นูนกบั ว
สามารถหาระยะหา่ งที่เหมาะสม
เขา้ ออกจากวตั ถ


กเหของแสง

ยายภาพดว้ ยตนเอง

บเลนสข์ องแว่นขยาย คือ
เมอ่ื เราขยบั ชอ้ นในแกว้ นำ้ ถอยหลงั  ชอ้ นจะขยายใหญข่ นึ้  

ติมน้ำลงในตลบั จะทำใหม้ ี
แตถ่ า้ ขยบั ชอ้ นมาดา้ นหนา้  เราจะเหน็ ชอ้ นมขี นาดปกต

ห็นภาพวัตถุขยายใหญข่ น้ึ

ศในตลับพลาสติก ภาพท
ี่

ดเลก็ ดา้ นหลงั แกว้ ทมี่ นี ้ำอยู่  รูปทรงแบบใด ส่วนใดหนากว่ากนั  ตรงกลางหรอื ขอบ

ป  จากน้นั ลองขยับตุ๊กตาจาก ถา้ เหรยี ญสะอาด หยดน้ำแตล่ ะหยดจะนูน ย่งิ เราหยดนำ้

วน้ำอย่างชา้ ๆ พร้อมสังเกต รวมกันมากเท่าไร รปู ร่างของหยดน้ำกจ็ ะย่งิ แบนราบลง

ทเี่ หน็ เป็นอยา่ งไร (ภาพที่ 6)
ใหเ้ ดก็ ๆวางฝาจานเพาะเชอ้ื หรอื ไมบ้ รรทดั บนภาพ และหยดนำ้

ะ ใชห้ ลอดหยดหยดนำ้ ลงบน
ลงไป เมือ่ มองผ่านหยดน้ำ ภาพทเ่ี หน็ มีลักษณะอย่างไร 

กๆจะสงั เกตเหน็ ภาพบนเหรยี ญ
(รปู ที่ 7)

จากด้านข้างหยดนำ้ จะม


นส์ชนดิ นบี้ ริเวณตรงกลางจะ เลนสน์ นู มีสมบตั ิรวมแสง  ดงั นั้นเลนส์นำ้ ทท่ี ำจากฝาตลบั
ถรวมแสงและความรอ้ นไวท้ ี่จดุ พลาสติกซง่ึ มรี ูปทรงโค้งนูน จงึ เกดิ การรวมแสงดว้ ยเชน่ กัน
งของดวงอาทิตยจ์ ากจดุ รวม การที่เราเห็นภาพของช้อนในแก้วนำ้ และวัตถุหลงั แก้วนำ้

มขี นาดขยายใหญ่ข้นึ  เมื่อมองผา่ นเลนส์น้ำ เนอื่ งจากแสง

ด ้
ท่ีเดินทางจากอากาศไปยงั น้ำเกิดการหกั เห

นห่างจากวตั ถุ เราก็จะมอง หยดน้ำบนเหรยี ญหรอื ไมบ้ รรทัดมลี ักษณะโคง้ นูน แสงท่ี
นขยายแต่ละอนั จะมรี ะยะหา่ ง สะท้อนมาจากเหรียญหรือรปู ภาพ จะเคลือ่ นท่ผี า่ นนำ้

วัตถแุ ตกตา่ งกนั   แต่เรา และอากาศ  จึงเกดิ การหักเหมีผลใหภ้ าพมีขนาดใหญข่ ึ้น

มได้ โดยการขยับแว่นขยาย

เรือ่ ง ปรากฏการณ ์ การหกั
แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ที่ 3

ส่ิงทีพ่ บเหน็ ในชีวติ ประจำวัน
แสงเลีย้ วเบน

ในขณะทีเ่ ลน่ น้ำในสระวา่ ยนำ้  ให้ลองกม้ หยิบของจากก้นสระ
รปู ที่ 1: วัสดุอปุ กรณ์
รูป
จะพบวา่ เราหยบิ ของพลาดบอ่ ยครง้ั   เมอื่ เรามองลงไปในตปู้ ลา
บางครง้ั อาจเหน็ ปลาว่ายอยูล่ ึกจากผิวนำ้  แต่ถา้ เปลีย่ นมมุ มอง สรุปแนวคิด

เลก็ นอ้ ย อาจเหน็ ปลาวา่ ยชดิ ผิวน้ำ ขึน้ อยูก่ ับวา่ เรามองจาก

ตรงไหน  เม่ือเราลืมตาขณะดำน้ำจะเห็นส่ิงท่อี ยรู่ อบขา้ งมัว
แสงเดนิ ทางดว้ ยความเรว็ ตา่ งกนั
ไปหมด แต่ถา้ ใชแ้ วน่ ตาดำน้ำ เราจะมองเห็นทุกอยา่ งชัดเจน
เมอ่ื แสงเดนิ ทางจากตวั กลางหน

ภาพรวมการทดลอง
เรม่ิ ตน้ จาก


เดก็  ๆ   จ  ะไดเ้ รยี นรสู้ มบตั พิ นื้ ฐานของแสง เชน่  แสงสามารถเลย้ี ว
l ทำการทดลองบนโต๊ะ  เพ่อื ให
เบนได ้ หรอื ท่เี ราเรยี กว่า การหักเหของแสง ยกตัวอยา่ งเช่น 
หรอื ด้านขา้ งไดส้ ะดวก

เมอ่ื ใส่หลอดดูดลงในแกว้ น้ำ เราจะเห็นรอยหกั ของหลอดดดู l ใหเ้ ดก็ ๆวางเหรยี ญไวบ้ นโต๊ะ
ระหว่างชั้นของนำ้ และอากาศ  แต่ความจริงหลอดดดู ม
ี จากนนั้ ใหม้ องแก้วนำ้ จากมุม
ลักษณะตรง  เกดิ อะไรขน้ึ
จากทุกมุมหรอื ไม


วัสดุอุปกรณ์ ทดลองต่อไป


l แก้วน้ำ 2 ใบ l นำแก้วน้ำมา 2 ใบ แกว้ ใบท
l แกว้ ทรงเหล่ยี ม (เชน่ แจกนั ) ท่สี องเตมิ นำ้ ลงไปครง่ึ แกว้  จ
l เหรียญหรอื วตั ถุทีม่ ขี นาดเล็กและแบน ในแกว้ แต่ละใบ  เราจะเหน็ ภ
l หลอดดูด จากแก้วใบไหน และหลอดงอ
l น้ำเปล่า หลอดดดู ขึ้นจากนำ้ มีการเปล
l นำ้ มันพชื (รูปที่ 3)

l ผนงั หรอื กระดาษแข็งสีขาวแผน่ ใหญ่ l ใส่หลอดดดู ในแก้วทรงเหล่ยี ม
วัสดอุ ุปกรณ์เพม่ิ เติม จากด้านบน ด้านข้างและมุม
l กะละมงั พลาสตกิ (รปู ที่ 4)

l นำ้
l แท่งไมย้ าว (เช่น ด้ามไมถ้ พู นื้ )
(รปู ท่ี 1)

กเหของแสง

รปู ท่ี 3: หลอดดูดงอ รปู ท่ี 4: หลอดดดู ในแกว้
ปที่ 2: นำ้ ในแกว้ ทำให้เหรียญหายไป
เมอ่ื อยูใ่ นแกว้ ใส่น้ำ รปู ทรงเหลี่ยม

นในตวั กลางตา่ งชนดิ กนั  
ความเรว็ ของแสงทเ่ี ปลยี่ นไปสง่ ผลใหเ้ กดิ การหกั เหของทศิ ทาง
นงึ่ ไปยงั อกี ตวั กลางหนงึ่   การเคลอื่ นทข่ี องแสง


ห้เด็กๆมองแกว้ จากด้านบน
l ให้เด็กๆมองเหรียญท่อี ย่ใู ต้แกว้ น้ำจากด้านขา้ งแกว้  
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
ะ วางแก้วนำ้ ทับบนเหรียญ
ค่อยๆรินนำ้ ลงในแก้วช้าๆยงั มองเหน็ เหรียญอยหู่ รอื ไม่ 

มตา่ งๆ เด็กๆมองเหน็ เหรียญ
เม่ือมองจากมมุ ใดจะไมส่ ามารถมองเห็นเหรยี ญได้ (รปู ที่ 2)

l ให้เดก็ ๆวาดภาพเล็กๆ และนำไปวางใต้แก้วนำ้  จากนน้ั

ค่อยๆรนิ น้ำลงในแก้ว สังเกตดวู า่ เกดิ อะไรขน้ึ กับภาพวาด


ทห่ี นึง่ ไม่ตอ้ งเติมนำ้  แก้วใบ
l ทดลองกับของเหลวชนดิ อื่น เช่น น้ำมันพชื   ใหเ้ ด็กๆ

จากนั้นใหใ้ ส่หลอดดดู ลงไป
หยิบหลอดดูดออกจากแกว้  เตมิ น้ำมันพชื ลงไปคร่ึงแก้ว

ภาพของหลอดดดู หักงอ
แล้วจงึ ใส่หลอดดดู ลงไปในแกว้  สังเกตดวู ่า หลอดดูด

อท่ีตำแหน่งใด เมือ่ เรายก
ยังมรี อยหกั งออยู่หรือไม ่ และแตกต่างกนั อยา่ งไร

ลี่ยนแปลงอะไรหรอื ไม ่
l เตมิ น้ำลงไปในแกว้ ที่มีนำ้ มันพชื   ตั้งทิง้ ไวจ้ นของเหลว

ม  ลองมองหลอดดดู
แยกชน้ั   จากนั้นใหใ้ ส่หลอดดูดลงไปในแกว้  (รูปที่ 5)

มเฉยี ง สังเกตเห็นอะไรบ้าง
สังเกตเหน็ ของเหลวชนิดใดลอยอยู่ขา้ งบน  และหลอดดดู

มีลกั ษณะเป็นอย่างไร

l ให้วาดภาพสิ่งที่สงั เกตเหน็

เรือ่ ง ปรากฏการณ์ การหัก
แสง สี และการมองเห็น การทดลอง ท่ี 3

แสงเลี้ยวเบน

เกดิ อะไรขน้ึ

เรามองเห็นเหรียญที่อยใู่ ต้แก้วได
แต่เม่อื เตมิ น้ำลงไป และมองเหร
เหรียญจะหายไปจากมุมทเี่ รามอ

รูปที่ 5: แสงเกิดการหักเหสองคร้ัง คือ ทีช่ ั้นน้ำมันพืชและน้ำเปล่า
คำแนะนำ

รปู ที่ 6: ฉมวกแทงปลา

ชาวอนิ เดยี นแดงจับปลาโดยใชฉ้
เดก็ ๆสามารถทดลองไดด้ ้วยตน
ทม่ี ลี กั ษณะแบนวางในกะละมงั
จากนั้นใชแ้ ทง่ ไม้ยาวเล็งไปท่ีเหร
เหรยี ญ  ปลายไมป้ กั โดนเหรยี ญ
แท่งไม้ตรงบรเิ วณรอยต่อระหว่า

ทำไมเปน็ เช่นนัน้


นกั ฟสิ กิ สเ์ รยี กปรากฏการณท์ แ่ี ส
เมือ่ เคลือ่ นผา่ นตวั กลางตา่ งชนิด
เมอ่ื แสงเดินทางจากตัวกลางหน
ความหนาแน่นต่างกนั   ความเร็ว
ทำใหท้ ิศทางการเคลื่อนท่ขี องแส
เม่อื ความหนาแน่นของตัวกลางม
การงอของหลอดดดู ในแกว้ ทม่ี ีน
ความเร็วของแสงในอากาศน้ำ แ
เราจงึ เห็นหลอดดูดหกั งอสองแห
การทดลองกับเหรยี ญใต้แกว้ แส
ทางเดินของแสง  เมอ่ื เติมนำ้ ลง
กลบั ออกมาจากเหรียญจะตอ้ งว

กเหของแสง

ด้ ถา้ ในแกว้ ไมม่ นี ำ้ เมื่อใส่หลอดดดู ลงไปในภาชนะท่ีมนี ำ้ หรือน้ำมนั พืช จะสังเกต
รยี ญจากขา้ งแก้ว  เห็นว่า มีรอยหกั งอเกดิ ขนึ้ บริเวณรอยต่อระหว่างอากาศกับน้ำ
อง หรอื อากาศกบั นำ้ มนั พชื  ซง่ึ รอยหกั งอจะมากนอ้ ยแตกตา่ งกนั ไป
ในแกว้ ทมี่ นี ำ้ และน้ำมันพชื  จะสังเกตเหน็ รอยหักงอสองรอย
อย่างชัดเจนเกดิ ขึ้นทรี่ อยตอ่ ของตัวกลางแตล่ ะชนิด (ของเหลว
และอากาศ)

ฉมวก  วธิ นี จ้ี ะยากเพียงใด
เดก็ ๆสามารถทำการทดลองได้อีก  โดยจมุ่ นิ้วชล้ี งไปในแก้วน้ำ

นเอง  โดยนำเหรยี ญหรอื วัตถุ
และมองนวิ้ มือจากมุมเฉียงล่างผา่ นแกว้   เดก็ ๆมองเหน็

งขนาดใหญ่ทเ่ี ตมิ น้ำจนเต็ม
สว่ นอืน่ ของนว้ิ มอื หรอื ไม

รียญซึง่ อยูใ่ นนำ้ พงุ่ ไม้ไปท่

ญหรือไม่  สงั เกตลักษณะของ


างอากาศกับน้ำ (รปู ที่ 6)


สงเปลยี่ นแนวทางการเคลอื่ นท่ี เป็นอากาศ ซง่ึ มผี ลต่อแนวทางเดนิ ของแสง  ลำแสงจึง

ดกนั วา่ การหักเหของแสง
เดนิ ทางมาไม่ถงึ ตาของเรา  เราจึงมองไมเ่ หน็ เหรียญทอี่ ย
ู่
น่งึ ไปยังอีกตัวกลางหน่งึ ทม่ี ี ใตแ้ กว้ ท่มี ีนำ้ ได ้ นอกจากนีร้ ปู ทรงของแกว้ ยังมผี ลตอ่

วของแสงจะเปลีย่ นแปลงไป  การหกั เหของแสงดว้ ย

สงหกั เห  ซึง่ จะเหน็ ไดช้ ดั เจน การหักเหของแสงทำให้ภาพวตั ถุใต้นำ้ อยู่ใกลผ้ ิวน้ำมากกวา่

มคี วามแตกต่างกันมาก เช่น  ความเปน็ จริง เราจงึ คาดคะเนความลกึ ของแหล่งนำ้ คลาด

น้ำและนำ้ มนั   เนอ่ื งจาก เคลือ่ นไปจากความจรงิ   เมื่อเรายนื อยู่ในนำ้ ทล่ี ึกถงึ เอว

และนำ้ มันแตกต่างกัน 
แล้วก้มมองขา จะเห็นภาพเหมอื นขาหดสั้นกวา่ ปกติ

หง่
เมือ่ นกั ดำนำ้ มองจากใตน้ ำ้ ขึน้ มาที่ผิวนำ้  จะเหน็ ภาพทม่ี

สดงให้เหน็ ว่า นำ้ เปลย่ี นแนว
ลักษณะเปน็ เหมอื นกระจกเงา  ซง่ึ สะท้อนเหน็ ปลาและพนื้ น้ำ

งไปในแกว้  ลำแสงท่ีสะทอ้ น
ท่ีอยเู่ บอ้ื งล่าง แต่ไม่สามารถเหน็ ส่ิงทอี่ ยเู่ หนือผิวน้ำได

วง่ิ ผ่านตัวกลางอื่น แทนท่ีจะ

เร่อื ง ปรากฏการณ์ วัสดกุ
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ที่ 1

สง่ิ ทีพ่ บเห็นในชีวิตประจำวัน
โลกของสีสัน แ

เมอื่ เราใส่แว่นตากันแดดหลากส ี จะทำให้สีของภาพท่มี องเหน็
รูปที่ 1: วัสดุอปุ กรณ์

เปล่ยี นไปอยา่ งสน้ิ เชงิ  และสีบางสอี าจเกิดการเปล่ยี นแปลง

ไปมาก หลกั การนไี้ ด้นำมาใชใ้ นปรากฏการณ์ตา่ งๆ เช่น
สรุปแนวคดิ

ภาพสามมติ ิ และแว่นตาสามมติ ิ หรือสมดุ ที่เต็มไปดว้ ยลาย
เสน้ สแี ดง จะปรากฏภาพให้เหน็ เมอื่ วางไว้ใต้แผ่นใสสแี ดง
แผน่ พลาสตกิ ใสสหี รือวัสดใุ สทม่ี
ตา่ งๆเปลยี่ นไป

ภาพรวมการทดลอง

เริ่มตน้ จาก

เด็กๆจะสังเกตการเปลีย่ นแปลงของสีทเ่ี กิดขึน้  เมอื่ มอง

สงิ่ รอบขา้ งผ่านแผน่ พลาสตกิ ใสหลากสสี ัน เม่ือขีดลายเส้น
l ตดั แผน่ พลาสติกรูปวงกลมขน
สแี ดงทบั ภาพสีเขยี ว เราจะมองเหน็ ภาพน้ีได้ โดยใช
้ l ให้สำรวจสิ่งต่างๆรอบตวั โดย
แผน่ พลาสติกใสสแี ดง
สตี า่ งๆรว่ มกบั เดก็  วตั ถรุ อบต
ให้สังเกตความแตกต่างเมือ่ ม
วัสดุอุปกรณ์
สตี า่ งๆในวนั ที่ฟา้ คร้ืมและวัน
l รวบรวมสง่ิ ของทมี่ สี  ี 1-3 ส ี (เช
l กระดาษสีขาว
ดนิ สอสเี หลอื ง รถของเล่นสีน
l แผ่นพลาสตกิ ใสสตี ่างๆ เช่น แดง เขียว นำ้ เงิน เหลือง
แผ่นพลาสตกิ สมี า 1 แผ่น แ
เป็นตน้

l ภาพสจี ากสมุดภาพหรอื นติ ยสาร
ทดลองต่อไป

l วตั ถุที่มีสหี นง่ึ สี สองส ี และสามสี

l ดินสอสตี ่างๆ เชน่  แดง สม้  เขียว เปน็ ต้น
l สำหรบั การทดลองลวดลายพ
วสั ดอุ ุปกรณ์เพ่ิมเตมิ
สีแดงและสเี ขยี ว

l วสั ดใุ สสเี ข้ม เช่น ซองแผ่นซดี ี ไม้บรรทดั
l เหตุการณพ์ ศิ วงของการทดล
l แว่นตากนั แดดหรือแวน่ ตาส
ี ระหวา่ งสขี องดินสอสีกับและ
(รูปท่ี 1)
จงึ ควรทดสอบสขี องดนิ สอสกี
สเี ขยี วลงบนกระดาษขาว  เม
สีแดง  เราไมค่ วรจะมองเหน็
สำหรบั สเี ขยี วนัน้ ควรจะมองเ

กรองแสง

และลวดลายพศิ วง

รูปท่ี 2: มองสิ่งต่างๆ รอบตวั ผ่าน
รปู ที่ 3: มองสม้ และดอกไมส้ ีแดง

แผน่ พลาสตกิ สี
ผา่ นแผน่ พลาสตกิ สีน้ำเงนิ


มสี ตี ่างๆจะดูดกลืนแสงสีส่วนหนึ่งไว้ เมอ่ื เรามองวตั ถุผ่านวสั ดเุ หลา่ นเี้ ราจะมองเหน็ สขี องวัตถุ


นาดเท่ากับใบหนา้ ของเด็ก
แผน่ พลาสติก  ส่งิ ทีเ่ ลอื กมาทดลองนน้ั สเี ดมิ คอื สีอะไร
© Haus der kleinen Forscher, Germany  Thai translation supported by
ยมองผ่านแผ่นพลาสตกิ ใส
  และเมือ่ มองผ่านแผ่นพลาสตกิ  สีของวตั ถุเหล่าน้นั

ตวั จะมกี ารเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
เปลยี่ นไปหรอื ไม่ อย่างไร (รูปที่ 3)

มองผา่ นแผน่ พลาสติกใส
l เลอื กภาพมา 2-3 ภาพ  วางแผ่นพลาสติกสีลงบนภาพ 

นทแ่ี ดดออก (รูปที่ 2)
ขยบั แผน่ พลาสตกิ ไปมาบนภาพชา้ ๆ  มกี ารเปลย่ี นแปลง

ชน่ มะเขอื เทศ แอปเปล้ิ เขยี ว
อะไรเกดิ ข้ึนกับภาพเหล่าน้ันบ้าง (รูปที่ 4)

นำ้ เงนิ ) จากน้นั ใหเ้ ด็กๆเลือก
l เดก็ ๆสังเกตเห็นอะไร เม่ือวางแผน่ พลาสติกสีอย่างนอ้ ย 2 ส

แล้วมองส่งิ ของเหลา่ นัน้ ผา่ น
บนกระดาษสีขาว หรอื มองผ่านแผ่นพลาสติกสองสีพร้อมกนั


พศิ วง  ใหส้ ังเกตลวดลายของ
l ใชป้ ากกาสีเขยี ววาดภาพลงบนกระดาษ (เชน่  ลูกบอล

ลองน้ขี ึน้ อยู่กับความเหมอื นกัน
หรอื บ้าน)

ะสีของแผน่ พลาสติก  ดังนน้ั
l ใชด้ ินสอสีแดงเขียนทับ ภาพสเี ขยี วควรซ่อนอยใู่ ต้สแี ดง

กอ่ น  โดยระบายสแี ดงและ
ระวงั อย่าวาดภาพสแี ดงจนเตม็ กระดาษ เพราะภาพที

มอ่ื มองผ่านแผน่ พลาสติก
ซอ่ นอยู่จะปรากฏเด่นชัดขึ้น

นสีแดงท่ีระบายลงไป 
l จากนน้ั วางแผ่นพลาสตกิ ใสสแี ดงลงบนภาพน้ี 

เหน็ เปน็ สดี ำ
เด็กๆเหน็ อะไร (รูปที่ 5)

เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ วสั ดกุ
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ที่ 1

รปู ที่ 4: สขี องภาพเปลยี่ นไปเม่ือมองผ่านแผน่ พลาสติกสี
โลกของสีสัน แ
รูปท่ี 5: แผน่ พลาสตกิ หลากสวี างซอ้ นทับกัน

รูปท่ี 6: ลวดลายพศิ วง
เกดิ อะไรข้นึ


เมอื่ มองวัตถผุ ่านแผน่ พลาสติกส
เปล่ียนไป เชน่  เม่ือมองวตั ถุสีแด
จะเห็นสีของวตั ถุเกอื บเปน็ สดี ำ 
พลาสตกิ สเี หลืองจะทำให้ท้องฟ
หมายเหต:ุ  ห้ามเดก็ มองดวงอาท

คำแนะนำ


ไมจ่ ำเป็นตอ้ งใชเ้ ฉพาะแผ่นพลา
วสั ดโุ ปรง่ ใสสอี นื่ ๆได ้ หรืออาจส
รอบตวั  เชน่  ต้นไม ้ ดอกไม ้ และ

ทำไมเป็นเช่นนัน้


รุง้ ทำให้เรารู้ว่า แสงขาวประกอบ
สีขาวตกกระทบวตั ถ ุ วตั ถจุ ะดดู ก
สะทอ้ นกลับออกมาบางสว่ น เรา
เรามองเห็นลูกบอลเปน็ สแี ดง เพ
ออกมา โดยตาและสมองของเรา
เมือ่ เราใช้วัสดกุ รองส ี เช่น แผน่ พ
จะดดู กลืนแสงส่วนหนึ่งท่สี ะท้อน
แสงส่วนอนื่ ออกมา  ดงั น้ันเราจ
เปลย่ี นไป เช่น เม่ือมองสนี ้ำเงิน
เราจะเห็นวัตถุเป็นสเี ขยี ว

กรองแสง

และลวดลายพิศวง

สี จะพบว่าสีของวัตถุน้ัน ๆ 
เมอื่ เราวางแผ่นพลาสติกสีแดง น้ำเงนิ เหลอื ง และเขียว วาง
ดงผา่ นแผน่ พลาสติกสเี ขียว 
ซ้อนทับกนั บนพนื้ สเี หลอื ง สีทีไ่ ดจ้ ะเข้มมากจนเกอื บเปน็ สีดำ

ถ้าเรามองทอ้ งฟ้าผา่ นแผ่น เม่ือเดก็ ๆวางแผ่นพลาสติกสแี ดงบนภาพสีเขยี ว จะเหน็ ภาพ

ฟ้าเหมอื นในวนั ที่มืดคร้ึม 
ทซี่ ่อนอยโู่ ดดเด่นขึ้นมา สว่ นลวดลายสีแดงจะหายไป

ทิตย์ด้วยตาเปลา่  


าสติกเท่าน้ัน แตส่ ามารถใช้ เดก็ ๆอาจสนใจวาดภาพส่งิ ทส่ี งั เกตเห็น เชน่  ภาพของลูกบอล
สวมแวน่ ตาสสี ำรวจสิง่ ต่างๆ
สีนำ้ เงินทม่ี องเห็นเปน็ สีนำ้ ตาล เม่อื มองผา่ นแผน่ พลาสติก

ะท้องฟา้  เปน็ ต้น
สีแดง


บด้วยแสงสีหลายส ี เมอ่ื แสง
ถ้าวัตถสุ ะท้อนเฉพาะแสงสีเขยี วออกมา ในขณะทเี่ รามอง

กลืนแสงบางสว่ นไว ้ และ วตั ถุนี้ผ่านแผ่นพลาสตกิ สีแดง แสงสีเขยี วจะถกู ดูดกลนื ไว้ 
าจงึ เห็นสีของวัตถ ุ เช่น
ทำใหไ้ ม่มแี สงสะทอ้ นจากวัตถมุ าเข้าตาเรา จงึ เห็นวัตถุเปน็

พราะลกู บอลสะท้อนแสงสีแดง
สีดำ ซงึ่ กค็ ือไม่มีสีน่ันเอง  เรามองเหน็ วัตถไุ ด ้ เพราะสีของ
าจะประมวลสที ่ีเหน็ เปน็ สแี ดง
วตั ถุตัดกบั สีของสิ่งรอบขา้ ง เมอื่ แสงจากสง่ิ รอบขา้ งสะทอ้ น
พลาสติกส ี วัสดเุ หล่าน้ัน
เข้าสตู่ า เราจะมองเห็นสีของวตั ถตุ ่างๆ

นมาจากวัตถุไว้ และปลอ่ ย สแี ดงและสเี ขยี วเหมาะกับการทดลองน้ ี เพราะเป็นสที เ่ี สรมิ
จงึ มองเหน็ สขี องวตั ถตุ า่ งๆ และดูดกลนื ซงึ่ กันและกนั   แผน่ พลาสติกสแี ดงจะดูดกลนื

นผา่ นแผน่ พลาสตกิ สเี หลือง
สเี ขยี ว และในทางกลับกนั  สเี ขยี วกด็ ดู กลืนสีแดงเชน่ กัน

เมื่อเราซอ้ นแผน่ พลาสตกิ หลาย ๆ   ส  ีทบั กัน ผลทไ่ี ดจ้ ะคลา้ ย

กับการผสมสี ยงิ่ มีแผน่ พลาสติกซ้อนทับกันมาก สที ไ่ี ดจ้ ะ

ยงิ่ เขม้ มากข้นึ   เนื่องจากเมือ่ เพม่ิ แผ่นพลาสติกเขา้ ไป

พลาสติกแต่ละแผ่นจะดดู กลนื แสงเอาไวน้ นั่ เอง

เรอื่ ง ปรากฏการณ์ การมอ
แสง สี และการมองเหน็ การทดลอง ที่ 2

สง่ิ ที่พบเห็นในชีวติ ประจำวัน
ภาพเคลือ่ นไหว

ภาพยนตรป์ ระกอบดว้ ยภาพนิง่ หลายภาพเรยี งต่อกนั  
รปู ที่ 1: วสั ดอุ ปุ กรณ ์

ภาพทตี่ อ่ กนั น้นั มลี กั ษณะแตกตา่ งกันเลก็ นอ้ ย ภาพเหลา่ น้ี

จะเคล่ือนทตี่ ่อเนือ่ งอย่างรวดเรว็  ทำใหต้ าของเราไม่เห็นวา่
สรุปแนวคิด

เป็นภาพนง่ิ  สมองจงึ แปลผลเป็นภาพเคลอื่ นไหวในท่สี ุด

การท่ีภาพมีการเปล่ยี นในอตั ราท
ภาพรวมการทดลอง
ของเราจะรบั ร้ไู ด ้ ทำให้เรามองเ

พับแบง่ คร่ึงกระดาษเปน็ สองส่วน  วาดภาพที่สว่ นบนและ
เรม่ิ ต้นจาก

ส่วนล่างให้มลี กั ษณะแตกต่างกนั เลก็ น้อย ใช้ดนิ สอเปิดปิด

กระดาษแผน่ บนอยา่ งรวดเร็ว  จะเหน็ ภาพเปลยี่ นไปอย่าง
l ให้เด็กๆพบั กระดาษ A4 ตาม
รวดเร็ว และร้สู ึกเหมอื นว่าภาพกำลงั เคลือ่ นไหว
เปน็  2 ชิน้

เด็กๆคงเคยเห็นภาพลวงตา เชน่  ภาพแกนกระดาษทม่ี
ี l พับแบ่งครง่ึ กระดาษเป็น 2 ส
ลายเกลยี วหมนุ  เป็นตน้
(รปู ท่ี 2)  จากน้นั วางกระดา
เปดิ ปดิ ไดห้ ันเข้าหาตัว

วัสดุอุปกรณ์
l ให้เดก็ ๆวาดรูปใกลก้ บั ขอบข
รปู หน้าคนยิม้  เป็นต้น (รปู ท
l สเี มจกิ

l กรรไกร
ทดลองต่อไป

สำหรับเด็ก 1-2 คน

l กระดาษ  A4  1  แผ่น
l ใหเ้ ดก็ ๆใช้ดนิ สอม้วนกระดา
l ดินสอ 1 แทง่ , พกู่ ัน
(รปู ที่ 4)

วัสดอุ ปุ กรณเ์ พิม่ เตมิ
l ขยับดนิ สอขนึ้ ลงอยา่ งรวดเรว็
l แผน่ กระดาษพบั คร่งึ
ท่ีโค้งงอ (รูปที่ 5)

l แกนกระดาษ
l สงั เกตภาพทง้ั สองแล้วอธบิ าย
l เทปกาว
เด็กๆเคยเห็นภาพเคลือ่ นไหว
l กาว

l เชือกยาวอย่างน้อย  1  เมตร

(รูปท่ี 1)


Click to View FlipBook Version