หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 42
2.2 ขอ กําหนดของความถกู ตอ งแมนยาํ
ตัวอยางอาหารควรเจือจางลงในระดับท่ีสามารถจะตรวจนับจุลินทรียใน
แตละชองเล็กไดในระหวาง 1-10 เซล
2.3 การตรวจนบั
2.3.1 ลางเครื่องมือใหสะอาด เช็ดใหแหง
2.3.2 ปด ทบั บรเิ วณสเ่ี หลย่ี มซง่ึ มชี อ งแบง ดว ยกระจกปด สไลด
2.3.3 ใชป เปตแบบซง่ึ ใชเ ฉพาะกบั เครอ่ื งมอื น้ี โดยมสี ายยางสวมปลาย
ท่ีจะใชด ดู ตวั อยา งอาหาร แตะปลายปเปตดา นแหลมทม่ี ชี อ งระหวา งสไลด
และกระจกปดสไลด เปา ใหต วั อยา งอาหารซมึ เขา ไปในบรเิ วณชอ ง ซง่ึ
กําหนดปริมาตรดังที่กลาวไวขางตน
2.3.4 ตรวจนับโดยใช Objective กําลงั ขยาย 40 เทา
2.3.5 นบั จํานวนจลุ นิ ทรียในแตล ะชอ งเลก็ ควรตรวจนบั จํานวนจลุ ินทรยี
ท้ังสน้ิ ไมน อ ยกวา 10 ชอง
2.4 การคํานวณปรมิ าณจลุ นิ ทรยี
2.4.1 รวมจํานวนที่นับจากแตละชองเล็กหารดวยจํานวนชอ ง จะได
คาเฉลี่ยของจาํ นวนจลุ นิ ทรียต อ หนง่ึ ชอ งเลก็ เชน ได X เซลตอชอง
2.4.2 คํานวณจํานวนจลุ นิ ทรียตอ ตวั อยา งอาหารหนง่ึ มลิ ลลิ ติ รไดด งั น้ี
อาหาร 0.00025 ลูกบาศกมิลลิเมตร มจี ลุ ินทรยี = X เซล
(ปริมาตรของแตละชองเล็ก) = (X)(103) เซล
อาหาร 1 มิลลิลิตร มจี ลุ นิ ทรยี
0.00025
= 4X x 106 เซล
3. การตรวจนับโดยคาํ นวณจาก Stage micrometer
Stage micrometer เปน สไลดซ่ึงมเี ครอ่ื งหมายแบง ชอ งขนานกนั โดยมรี ะยะ
หางของแตละชองอยางแนน อน ซ่ึงสวนมากจะกําหนดใหแ ตล ะชอ งหา งกนั 0.01
มิลลิเมตร
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 43
3.1 การหาพน้ื ทห่ี นา กลอ ง (Microscopic field)
วาง Stage micrometer บนแทงของกลองจลุ ทรรศน โฟกสั จนเหน็ ชอ ง
แบงเล่ือนขอบดา นใดดา นหนง่ึ ของพน้ื ทห่ี นา กลอ งใหต รงกบั ขดี หาความยาวเสน
ผาศูนยกลางของแตล ะพน้ื ทไ่ี ดโ ดยนบั จํานวนชองแลวคูณดวย 0.01
เชน นบั ได D ชอง เสน ผา ศนู ยก ลางจะมคี า เทา กบั 0.01D มลิ ลิเมตร
พื้นที่หนากลอง = π 0.01D 2 ตารางมิลลิเมตร
2
ควรหาคาพนื้ ทหี่ นา กลองของ Objective แตละกําลงั ขยายแลว จดบนั ทกึ
3.2 การเตรยี มสไลดต วั อยา งอาหาร
อาหารทน่ี ยิ มใชใ นการตรวจวเิ คราะหด ว ยวธิ นี ้ี ไดแก ผลิตภัณฑนม
ไขเหลว (Liquid egg) และไขแชแ ขง็ (Frozen egg)
3.2.1 ขดี ตารางบนแผน สไลดใ หม เี นอ้ื ท่ี 1 ตารางเซนตเิ มตร
3.2.2 ใชปเปตซึ่งบอกหนวยยอยไดถึง 0.01 มิลลิลิตร ดูดตัวอยาง
อาหารหยดลงในตารางที่กาํ หนดไว ใชลูปสะอาดเกลี่ยใหตัวอยางแผ
เต็มตารางอยางสมํ่าเสมอทส่ี ดุ เทา ทจ่ี ะเปน ไปได สําหรบั อาหารทม่ี ไี ขมนั
มากควรเตมิ Tween 80 ปรมิ าณรอ ยละ 0.05 กอนดูดอาหารลงบนสไลด
ทําใหสไลดแหงโดยการองั ความรอนอุณหภมู ริ ะหวาง 40-45 องศา
เซลเซียส ในแนวราบ
3.2.3 ตรึงจุลินทรียใหติดสไลดโดยแชสไลดในแอลกอฮอลรอยละ 95
ประมาณ 1-2 นาที สําหรับอาหารทม่ี ไี ขมนั มากควรลา งไขมนั ออกดว ย
ไซลีน (Xylene)
3.2.4 ยอ มสตี ามวธิ ที เ่ี หมาะสม โดยทว่ั ๆ ไปนิยมใชว ธิ ีการยอมวิธีใด
วิธีหนึ่งดังนี้
3.2.4.1 ยอมดว ยสี North's anililine oil methylene blue
ประมาณ 10-20 นาที แลวลางสีออกดวยน้ําและลางซํ้าดวย
แอลกอฮอลรอยละ 95 ประมาณ 1-2 นาที
3.2.4.2 ยอ มดว ย Newman-Lampert stain ซ่ึงดดั แปลงโดย
Lerowitz-Webber เปนเวลา 2 นาที แลวลางสีออกดวยน้ํา 3 ครง้ั
3.2.4.3 ยอ มดว ย Methylene blue 2-3 นาที ลางนํ้า
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 44
3.3 การตรวจนับและการคํานวณ
3.3.1 นําสไลดท เ่ี ตรยี มไวว างบนแทน ของกลอ งจลุ ทรรศน ตรวจนับ
จํานวนจุลินทรียในแตละพื้นที่หนากลอง โดยใช Oil immersion objective
ควรตรวจนับจํานวนจากหลาย ๆ พน้ื ท่ี แลวหาคาเฉลี่ยตอพื้นที่ โดยมีหลักเกณฑใน
การนบั คอื ใหนบั แตละเซลทแ่ี ยกอยูเด่ียว ๆ เปน หนง่ึ เซล สาํ หรบั เซลทอ่ี ยเู ปน กลมุ
ใหน บั หนง่ึ กลมุ เปน 1 เซลเชนเดียวกัน ทง้ั นเ้ี นอ่ื งจากเมอ่ื ตรวจนบั ดว ยวธิ ี Viable
plate count นน้ั หนง่ึ กลมุ ของเซลจะเจรญิ เปน หนง่ึ โคโลนีเทานน้ั จํานวนพน้ื ทท่ี จ่ี ะ
นับข้ึนอยูกับความหนาแนน ของจลุ นิ ทรยี ใ นแตล ะพน้ื ทด่ี งั น้ี
จํานวนเฉลย่ี เซลหรือกลุมตอ พน้ื ท่ี จํานวนพน้ื ทท่ี ค่ี วรนบั
0.5 50
0.5 -1 25
1-10 10
10-30 5
30 ควรทําใหอาหารเจือจางลงอีก
3.3.2 คาํ นวณหาปรมิ าณจลุ นิ ทรียตอหนง่ึ มลิ ลิลติ รของอาหารดงั น้ี
เม่ือคา เฉลยี่ ของจํานวนจลุ นิ ทรียท่ีนบั ไดต อ พน้ื ทห่ี นา กลอ ง = X เซล
ดังนั้น ในอาหารทต่ี ดิ บนสไลดบ รเิ วณพน้ื ทห่ี นา กลอ งมจี ลุ นิ ทรยี = X เซล
ในอาหารทต่ี ดิ บนสไลดบ รเิ วณ 1 ตารางเซนตเิ มตร มจี ลุ ินทรยี = X x100
(ตัวอยา งอาหาร 0.01 มลิ ลิลิตร) พื้นที่หนากลอง
ตัวอยางอาหาร 1 มลิ ลิลิตร มจี ลุ ินทรยี = X x100x100
พื้นที่หนากลอง
= X x104 เซล
พื้นที่หนากลอง
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 45
4. การตรวจนับโดยใช Howard mold counting chamber
4.1 ประโยชน
วิธีน้ีจะมีประโยชนเฉพาะในการตรวจนบั จํานวนเสน ใยของเชอ้ื ราเทา นน้ั ซง่ึ
นิยมใชกับผลิตภัณฑอาหารที่ใชผักหรือผลไมเปนวัตถุดิบ ไดแก ซอสตา งๆ เชน
ซอสมะเขอื เทศ ซอสพรกิ แยมผลไม ผลไมเชื่อม น้าํ ผลไม ตลอดจนเครื่องเทศ
ตางๆ การตรวจพบเสน ใยของเชอ้ื ราในอาหารประเภทนใ้ี นปรมิ าณทม่ี ากเกนิ ขอ
กําหนด โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อพบเสนใยของเชื้อราฝงแนนในเนื้อเยื่อของวัตถุดิบจะ
ช้ีบงไดว า อาหารนน้ั ผลติ จากวตั ถดุ บิ ทเ่ี นา เสยี จากเชอ้ื รา และผูผลิตไดตัดสวนที่
เนาเสียนัน้ ออก ซง่ึ ยอ มแสดงถงึ การผลติ อาหารอยา งไมถ กู ตอ งตามหลกั สขุ าภบิ าล
อาหาร และอาหารนน้ั อาจจะดอ ยในคณุ สมบตั ดิ า นกลน่ิ และรส ตลอดจนอาจมี
สารพิษที่เชอื้ ราผลติ ขน้ึ ในวัตถุดบิ และยังคงอยเู ม่อื ผานการแปรรปู เปนผลิตภณั ฑแลว
จากการตรวจนับเชื้อราตามวิธีของ Howard mold count น้ํามะเขือเทศมี
เชื้อราไดไมเกินรอยละ 2 สวนผลิตภัณฑมะเขือเทศ เชน ซอสมะเขอื เทศ มะเขอื เทศ
แชอม่ิ มเี ชอ้ื ราไดไ มเ กนิ รอ ยละ 40
4.2 เครอ่ื งมอื
Howard mold counting chamber นเ้ี ปน สไลดซ ง่ึ มลี กั ษณะคลา ยกบั
Haemacytometer แตก ารแบง ชอ งตา งกนั คือ มขี ดี แบง ชอ งขนาดหา งกนั 1.382
มิลลิเมตร และมขี อบรองรบั กระจกปด สไลด ซง่ึ ทําใหเ กดิ ระยะหา งระหวา งชอ งแบง
กับกระจกปด สไลดเ ปน ระยะ 0.1 มิลลิเมตร ดงั นน้ั เมื่อโฟกัสกลองโดยใชกําลงั ขยาย
90-125 เทา พน้ื ทว่ี งกลมระหวา งชอ งจะมคี า 1.5 ตารางมิลลิเมตร(เสน ผา ศนู ยก ลาง
1.382 มิลลเิ มตร) ของเหลวซง่ึ บรรจอุ ยใู นนน้ั จะมปี รมิ าตร 0.15 ลูกบาศกมิลลิเมตร
(0.1x1.5) ในกรณที ก่ี ลอ งทใ่ี ชไ มส ามารถปรบั ใหพ น้ื ทว่ี งกลมหนา กลอ งมเี สน
ผาศนู ยก ลาง 1.382 มิลลิเมตรได อาจคาํ นวณหาพน้ื ทด่ี งั กลา วไดโ ดยใช Stage
micrometer เครอ่ื งมอื นจ้ี ะมกี ระจกปด สไลดทม่ี ขี นาดและความหนาเฉพาะ
Eye piece micrometer เปนเครื่องมือเพื่อชวยในการตัดสินใจวา
ความยาวของเสน ใยเชอ้ื ราอยใู นขา ยทจ่ี ะนบั จํานวนหรอื ไม Micrometer นม้ี ชี อ ง
แบงเปนสี่เหล่ียมจัตุรัสแตละชองหางกันหนึ่งในหกของเสนผาศูนยกลางของ
ความกวางของชองบน Counting chamber
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 46
1.382 มม.
ภาพ 17 อปุ กรณ Howard mold counting chamber
4.3 การเตรยี มตวั อยา งอาหาร
อาหารแตละชนิดมขี อแนะนําในการเตรยี มเพอ่ื วเิ คราะหต า งกนั ขึ้นกบั
ความเขมขนขนาดของเนื้อเยื่อซึ่งมีเหลืออยูในผลิตภัณฑ ผลติ ภณั ฑบ างชนดิ จําเปน
ตองเตมิ สารทท่ี ําใหเ กดิ ความคงตวั ในผลิตภณั ฑ (Stabilizers) ซ่ึงนิยมใชส าร
ประกอบประเภท Sodium carboxymethylcellulose รอยละ 0.5 หรอื Pectin รอยละ
3-5 หรอื Algin รอยละ 1 ซง่ึ เตรยี มโดยการปน สารดงั กลา วในปรมิ าณทจ่ี ะให
ความเขมขนที่ตองการดวยนํ้ารอ นปรมิ าตร 500 มิลลิลิตร และ Formaldehyde 10
มิลลิลติ ร ในเครอ่ื งตปี น ไฟฟา ประมาณ 1 นาที ตมเพื่อไลฟองอากาศ ปรบั pH ให
อยูร ะหวา ง 7.0-7.5
4.3.1 ซอสมะเขอื เทศ (Catsup) บรรจุ Stabilizer ปรมิ าตร 50
มิลลิลิตร ในกระบอกตวง เตมิ ตวั อยา งซอสทผ่ี สมกนั เขา ดแี ลว ลงไปจนปรมิ าตรเปน
100 มิลลิลิตร ผสมใหเ ขากัน
4.3.2 ซอสมะเขอื เทศเขม ขน (Paste) เตมิ น้าํ จนไดซ อสซง่ึ เมอ่ื กรองแลว
มคี า Refractive index 1.3448 ถึง 1.3454 ท่ี 20 องศาเซลเซียส
4.3.3 น้าํ สม คน้ั ผสมน้าํ สม ใหเ ขา กนั ดี ตวงใหไดปริมาตร 50 มลิ ลิลิตร
นําไปปนดวยความเร็ว 2,200 รอบตอ นาที เปนเวลา 10 นาที เทน้าํ ใสทง้ิ เตมิ น้ํา 10
มลิ ลิลิตร และ Stabilizer 5 มลิ ลิลิตรลงในสวนตะกอน ผสมใหเขากนั
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 47
4.3.4 น้าํ สบั ปะรด เตรยี มเชน เดยี วกบั น้ําสม คน้ั แตหลังจากปนและ
เทสวนใสทิ้งแลวเติมกรดเกลือเขมขน 0.5 มิลลิลิตร เพื่อละลายผลึกของเกลือ
ออกซาเลท
4.3.5 ผงเครื่องเทศตาง ๆ ชั่งเครื่องเทศ 10 กรมั ใสในโถของเครื่อง
ตีปนไฟฟา เติมสารละลายโซเดยี มไฮดรอกไซดร อ ยละ 1 ปรมิ าตร 100 มิลลิลิตร
ตีปนประมาณ 1 นาที เทสารละลายดา งชนดิ เดมิ โดยลา งขา ง ๆ โถใหเครื่องเทศซึ่ง
ติดอยูใ หผ สมกบั ดา ง ตีปน ตอ อีก 1 นาที เทดา งลงไปอกี จนครบ 200 มลิ ลิลิตร เติม
Capryl alcohol 2 ถึง 3 หยด เพื่อทําใหฟ องยบุ ผสมสว นผสมน้ี 100 มิลลิลิตร กับ
Stabilizer 50 มลิ ลิลิตร
4.4 การตรวจนบั และรายงานผล
4.4.1 ลาง Counting chamber และกระจกปดสไลดใ หสะอาดเชด็ ใหแหง
4.4.2 หยดตัวอยางที่เตรียมตามวิธีที่กลาวแลวลงบนCounting chamber
บรเิ วณสี่เหลี่ยมท่ีมชี องแบง ใช Spatula ซง่ึ มขี อบเรยี บปาดอาหาร
ใหแผอยา งสม่ําเสมอทวั่ บริเวณส่ีเหลี่ยมนนั้ ปด ทบั ดว ยกระจกปด
สไลด
4.4.3 ติด Eye piece micrometer เขา กบั Eye piece ตรวจนับดว ย
Objective กําลังขยาย 10 เทา นบั จํานวนเสน ใยของเชอ้ื ราใน
แตละพน้ื ที่หนากลอ ง (1.5 ตารางมิลลิเมตร) โดยนบั ทง้ั สน้ิ
ไมนอยกวา 25 บริเวณ
4.4.4 รายงานผลเปนรอยละของพื้นที่หนากลองที่มีเสนใย (ใหผลบวก)
โดยคิดจากจํานวนบรเิ วณทต่ี รวจนบั ทง้ั หมด บรเิ วณทจ่ี ะนบั วา ให
ผลบวกจะตอ งมีเสนใยไมน อยกวา 3 เสนทย่ี าวกวาหนงึ่ ในหกของ
เสนผา ศนู ยก ลางพน้ื ทห่ี นา กลอ ง (หนึ่งชองของ Eye piece
micrometer)
5. การตรวจนบั เซลจลุ นิ ทรียซ่ึงกรองผา นแผน เมมเบรน
หลงั จากการกรองตวั อยา งอาหารผา นแผน เมมเบรน ตามวิธีที่ไดกลาวถึงใน
เร่ืองเกย่ี วกบั การตรวจวเิ คราะหโ ดยการกรองแลว ผูวิเคราะหอ าจตรวจนบั จํานวน
เซล สปอร หรอื เสน ใยของเชอ้ื ราทต่ี ดิ อยบู นแผน เมมเบรน ไดดวยกลองจุลทรรศน
ดงั น้ี
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 48
5.1 ยอ มแผน กรองซง่ึ มจี ลุ นิ ทรียต ดิ อยดู ว ยสี Ponceau S แลวตรึงใหติด
สไลดดวยกรดอะซิตริค (Acetic acid)
5.2 วางแผน กรองบนสไลดใหด า นทม่ี จี ลุ นิ ทรียอยขู า งบน
5.3 ทาํ ใหแผนกรองแหง โดยยกสไลดผานเหนือเปลวไฟ
5.4 หยด Immersion oil บนแผน เมมเบรน แผน เมมเบรนจะใสและยอมให
แสงผา นได
5.5 ตรวจนบั จลุ นิ ทรียด ว ยกลอ งจลุ ทรรศน
5.6 รายงานผลเปน จํานวนตอ ปรมิ าตรของตวั อยา งอาหารทก่ี รองผา นแผน
เมมเบรน
ตัวอยา งปฏบิ ตั กิ าร:
การวิเคราะหจํานวนจลุ นิ ทรียด ว ยกลอ งจลุ ทรรศน
ตวั อยา ง
•ยาคลู ท
•ซอสมะเขือเทศ
•ซอสพรกิ
•น้ํามันหอย
อุปกรณ
•Haemacytometer
•Howard mold counting chamber
•Stage micrometer
•สไลด
•ปเปตขนาด 0.1 มิลลิลิตร
•แอลกอฮอล
•สียอม Methylene blue (Levowitz-Weber ดดั แปลงจาก
Newman-Lampert บรรจใุ น Cobblin jar ซง่ึ มฝี าปด )
•น้ํายาไอโอดีน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 49
การทดลองและรายงานผล
1.! การตรวจวิเคราะห Haemacytometer
1.1! ทําซอสมะเขือเทศใหเจือจางลงหนึ่งเทาโดยใชนํ้ายาไอโอดีนเปน
ตัวทําใหเ จอื จาง
1.2! ปด Cover slip ทบั บรเิ วณทเ่ี หลย่ี มซง่ึ มชี อ งแบง บน
Haemacytometer
1.3! ใชป เปตซึ่งมสี ายยางสวมปลาย ดูดตวั อยา งใหเตม็ กระเปาะกลาง
แตะปลายปเ ปตทช่ี อ งระหวา ง Cover slip และสไลด เปา ให
ตัวอยา งซง่ึ เขา ไปเตม็ บรเิ วณสเ่ี หลย่ี มซง่ึ มชี อ งแบง
1.4! นับจํานวนแบคทีเรียในแตละชองเล็ก รวม 10 ชอง หาจํานวน
เฉลี่ยตอชอง
1.5! คํานวณจลุ ินทรียตอตัวอยางอาหาร 1 มลิ ลิลิตร (4x106x จํานวน
เฉลี่ยของจุลินทรียตอชอ งเล็ก x ระดบั ความเจอื จางในน้ํายา
ไอโอดีน)
2.การตรวจวเิ คราะหโ ดยใช Stage micrometer
2.1 คํานวณคา Microscopic field (MF) ของ Oil immersion
objective โดยใช Stage micrometer
2.2 ขดี ตารางสเ่ี หลย่ี มจตุรัสขนาด 1 x 1 เซนตเิ มตร บนแผนสไลด
2.3 ใชป เ ปตขนาด 0.1 มิลลิลิตร ดดู ยาคูลทป รมิ าตร 0.01 มิลลิลิตร หยด
บนชองสีเ่ หลย่ี มบนสไลดเฉลยี่ ใหทั่วชองอยา งสม่ําเสมอ ปลอยใหตัวอยางอาหารแหง
ติดสไลด
2.4 แชสไลดในสียอม Methylene blue ประมาณ 2 นาที ควรปดฝา
Cobblin jar ตลอดเวลาขณะที่แผนสไลด เพื่อปอ งกันการตกตะกอนของสี
2.5 ยกสไลดข น้ึ และปลายดา มใดดา นหนง่ึ บนกระดาษซบั
2.6 ลางดวยน้ํา 2 - 3 ครง้ั ทิ้งใหแหง
2.7 นบั จํานวนแบคทเี รยี โดยใช Oil immersion objective หาจํานวนเฉลี่ย
ตอ Microscopic field
2.8 คาํ นวณจํานวนแบคทีเรียตอตัวอยางอาหารหนึ่งมิลลิลิตร ซง่ึ มคี า เทา กบั
จํานวนเฉลี่ย MF x 104
MF
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 50
2.! การตรวจวิเคราะหโดยใช Howard mold counting chamber
3.1 ติด Eye piece micrometer กับ Eye piece ของกลอง
3.2 หยดซอสมะเขอื เทศ ซอสพรกิ หรอื น้ํามนั หอย ลงบนบริเวณสี่เหลี่ยม
ซ่ึงมีชอ งแบง ของ Howard mold counting chamber เกลี่ยใหสมํ่าเสมอ ปดทับดวย
Cover slip
3.3 ตรวจนับดวยกลองจุลทรรศนโดยให Objective กาํ ลงั ขยาย 10 เทา
โดยนบั ทง้ั สน้ิ 25 Field บันทกึ จํานวน Field ทม่ี เี สน ใยเชอ้ื ราซง่ึ ขาวไมน อ ยกวา 1
ชองแบงของ Eye piece micrometerหารอ ยละของจํานวน Field ซง่ึ มเี สน ใยดงั กลา ว
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 51
หลกั การและวิธีตรวจวิเคราะหจุลินทรีย
โดยการกรองผานแผนเมมเบรน( Membrane)
1. หลกั การ
การตรวจนับจุลินทรียดวยวิธีนี้ใชไดเฉพาะกับตัวอยางอาหารที่เปนของเหลว
เทา นน้ั และจะไดประโยชนต อ เมอ่ื ตวั อยา งอาหารมปี รมิ าณจลุ นิ ทรียนอ ย เกนิ กวา จะ
นับจํานวนจลุ นิ ทรียไดในตวั อยา ง 1 มลิ ลิลิตร ดงั นน้ั จงึ ใชต วั อยา งอาหารปรมิ าณมาก
เชน 10, 25, 50 หรือ100 มลิ ลิลิตร โดยกรองอาหารผา นแผน เมมเบรน( Membrane)
ท่ีมีขนาดชอ งที่ของเหลวผาน (Pore size) ขนาด 0.45-0.50 ไมครอน จลุ นิ ทรยี ท ม่ี ี
เซลขนาดใหญกวาชองของเมมเบรนจะติดอยูบนแผนกรอง และเนอ่ื งจากอาหาร
เล้ียงเช้ือจะสามารถซึมผานแผน กรองประเภทน้ไี ด ดงั นน้ั เมอ่ื นําแผน กรองทม่ี เี ซล
ของจุลินทรยี ต ดิ อยดู า นบนวางบนอาหารเลย้ี งเชอ้ื จลุ นิ ทรียจะเจรญิ เตบิ โตเปน
โคโลนใี หตรวจนับได
2. อุปกรณสําหรบั ใชในการกรอง
2.1 กรวยซ่ึงมที ง้ั ชนดิ ทท่ี ําดว ยแกว และเหล็กเสตนเลส มลี ักษณะเปน
กรวยแยกจากกันไดสองตอนเพื่อวางแผนเมมเบรน คั่นไดโดยมีแผนลวดตาถี่ๆ หรอื
ใยแกวอัดรองรับเมื่อวางแผนเมมเบรน แลว จงึ ใชค ลิปซงึ่ เปนสวนประกอบของ
เคร่ืองมือหนีบกรวยท้งั สองตอนเขา ดวยกนั ทอ กรวยสว นลา งแทงผา นจกุ ยาง ซง่ึ มี
ขนาดพอดีกับปากฟลาสค
2.2 แผนเมมเบรน ประเภท Cellulose ester ซง่ึ มบี รษิ ทั ผลติ หลายบรษิ ทั
ดวยกนั เชน Millipore หรอื Gelman filter เปน ตน มีชองที่ใหของเหลวผาน
ขนาดตา ง ๆ กนั ตามแตว ตั ถปุ ระสงคของการใช
2.3 แผนเซลลูโลสสําหรบั ดดู ซบั อาหารเลย้ี งเชอ้ื (Absorbing pad)
2.4 ปม ดดู อากาศ (Vacuum pump)
3. วธิ กี าร
3.1 การเตรยี มเครอ่ื งมอื เพอ่ื ฆา เชอ้ื
3.1.1 แยกสวนของกรวยทั้งสองสวนหอดวยแผนอลูมิเนียมหรือกระดาษ
สวนแผนลวดสําหรบั รองเมมเบรนนน้ั ใสใ นจานเพาะเชอ้ื
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 52
3.1.2 อุดปากฟลาสคและทอ ขา งฟลาสคด ว ยสาํ ลี ปด ทบั ดว ยกระดาษ หรอื
แผน อลมู เิ นยี ม
3.1.3 วางแผน เมมเบรนซอนกนั ในจานเพาะเชอ้ื ใหด า นมนั ขน้ึ ขา งบน
ระหวา งแผน เมมเบรนแตละแผน จะมกี ระดาษบางๆ คั่น
3.1.4 วางแผน เซลลโู ลส สําหรับดูดซบั อาหารเลย้ี งเชอ้ื ซอ นกนั ในจาน
เพาะเชอ้ื
3.2 การฆา เชอ้ื เครอ่ื งมอื
3.2.1 สําหรับแผนเมมเบรนฆาเช้ือโดยนึ่งดวยหมออัดความดันไอใช
ความดันไอ 15 ปอนดต อ ตารางนว้ิ (121 องศาเซลเซยี ส) เปนเวลา 15 นาที ไม
ควรใชอุณหภูมิหรือเวลามากกวานี้ และเมื่อเปดหมอนึ่งตองรอใหความดันลดลงเอง
โดยไมไลไอนํ้าชว ย(Slow exhaust) การไลไอนาํ้ เพื่อเรงใหความดันลดลงเร็ว ๆ จะ
ทําใหแผนเมมเบรนเสียคุณสมบัติได แผน เมมเบรนนอ้ี าจซอ้ื ชนดิ ทฆ่ี า เชอ้ื มาจาก
โรงงานแลวได
3.2.2 สาํ หรับสวนอื่นๆของเครื่องมืออาจฆาเชื้อดวยตูอบ หรือนึ่งใน
หมอนึ่งความดันไอตามปกติ
3.3 การประกอบเครอ่ื งมอื
3.3.1 แกะกระดาษทห่ี อ กรวยสว นลา ง
3.3.2 เปด จกุ สําลีที่ปากฟลาสค อุดดวยจกุ ยางซึ่งมกี รวยสวนลางติดอยู
3.3.3 ใชปากคีบจุมแอลกอฮอลลนไฟ คีบแผนลวดวางบนขอบกรวย
สว นลา ง
3.3.4 ใชปากคีบจุมแอลกอฮอลลนไฟ คบี แผน เมมเบรนวางซอ นบนแผน
ลวดใหด า นมนั อยขู า งบน
3.3.5 ครอบกรวยสวนบนลง ใหขอบเสมอกับสวนลาง แผนกรองจะอยู
ระหวางกลางกรวยทั้งสองสวน ใชคลิปหนีบกรวยทั้งสองสวนเขาดวยกัน
3.3.6 สวมทอ ยางจากปม ดดู กับทอขางฟลาสค
3.4 การเตรยี มอาหารเพาะเชอ้ื
3.4.1 ใชปากคีบจุมแอลกอฮอลลนไฟ แลว คบี แผน เซลลโู ลสวางในจาน
เพาะเชื้อดูดอาหารเลี้ยงเชื้อหยดลงบนแผนเซลลูโลส ประมาณ 2 ถึง 2.5 มิลลิลิตร
3.4.2 ในกรณที ใ่ี ชอ าหารวนุ เทอาหารใสจ านเพาะเชอ้ื ใหห นาประมาณ
5 มลิ ลิเมตร ทิ้งใหวุนแข็ง
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 53
3.5 การกรองและการเพาะเชอ้ื
3.5.1 เทตวั อยา งอาหารลงในกรวย เปดเครื่องปม เมื่อของเหลวในกรวย
ลดระดบั ลงจนมรี ะดบั เหนอื แผน เมมเบรนประมาณ 5 มิลลิเมตร ลางขา งกรวยดว ย
Phosphate buffer ประมาณ 20-30 มลิ ลิลิตร ลดระดับแรงดูดของปมลงเล็กนอย
เมื่อของเหลวผานแผนกรองหมดแลวจึงปดปม
3.5.2 แกะคลิปออกจากกรวย ยกกรวยสวนบนออก
3.5.3 ใชปากคีบจุมแอลกอฮอลลนไฟ แลว คบี แผน เมมเบรนวางบนแผน
เซลลูโลสซ่ึงชมุ ดว ยอาหารเลย้ี งเชอ้ื หรอื บนอาหารวนุ (ขอ 3.4.1,3.4.2) ใหด า นมนั อยู
ขา งบน
3.5.4 บม เชอ้ื ทอ่ี ณุ หภมู แิ ละระยะเวลาเหมาะสมสําหรบั จลุ นิ ทรยี ท ท่ี ําการ
ตรวจนับ
3.6 การตรวจนบั และรายงานผล
3.6.1 ตรวจนับจํานวนโคโลนบี นแผน เมมเบรน
3.6.2 ในกรณีที่สังเกตโคโลนีไดไมชัด อาจใชวิธียอ มสีโดยราดแผน
เมมเบรน ดว ยน้ํายา Malachite green oxalate รอ ยละ 0.01 ทง้ิ ไวป ระมาณ 10
วินาที เทสีออก แผนเมมเบรนจะติดสีเขียวออน ในขณะทโ่ี คโลนขี องจลุ นิ ทรียไ มต ดิ
สี จงึ ทําใหส ังเกตเหน็ โคโลนงี ายข้ึน
3.6.3 รายงานผลการตรวจนบั เปน จํานวนตอปริมาตรตัวอยา งอาหาร
ทง้ั หมด
3.6.4 การตรวจนับดว ยวิธนี ้ีจะมีความถูกตอ งมากท่ีสดุ เมอ่ื มโี คโลนบี น
แผนเมมเบรนไมเกิน 200 โคโลนีตอแผน ในกรณที ม่ี โี คโลนีเกิดขน้ึ มากกวา นค้ี วรทาํ
การทดลองซํ้า โดยลดปรมิ าณตวั อยา งอาหารลง
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 54
ตัวอยา งปฏบิ ตั กิ าร:
การตรวจวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียโดยกรองผา นแผน เมมเบรน
ตัวอยา งอาหาร
• น้ําบรรจขุ วด
• น้ําประปา
• น้ําแขง็ หลอมละลาย
อุปกรณ
• เครื่องมอื สําหรบั กรองแบคทเี รยี ครบชดุ
• แผนเมมเบรนนึ่งฆาเชื้อแลว
• แผนเซลลูโลสนึ่งฆาเชื้อแลว
• จานเพาะเชื้อ
• PCA ขวดละ 60 มิลลิลิตร
• M.Endo broth
• ปากคบี
• แอลกอฮอล
• กระบอกตวงขนาด 100 มิลลิลิตรนึ่งฆาเชื้อแลว
• ปเปตขนาด 10 มิลลิลิตร
การทดลองและรายงานผล
1.! เท PCA ลงในจานเพาะเชอ้ื ใหห นาประมาณ 5 มิลลิลิตร
2.! วางแผน เซลลโู ลสในจานเพาะเชอ้ื 2 จาน ใชปเปตดูด M.Endo broth 2
มลิ ลิลิตร
3.! ประกอบเครื่องกรองแตละสวนเขาดวยกัน
4.! สวมทอ ยางจากปมดดู เขา กบั ทอ ทข่ี า งฟลาสค
5.! กรองนํ้าดม่ื ทจ่ี ะตรวจวเิ คราะหค รง้ั ละ 100 มิลลิลิตร สองครั้ง
6.! ตรวจนบั จลุ นิ ทรียท ง้ั หมด
6.1 วางแผน กรองจากน้ําทง้ั สามตวั อยา งบน PCA ในจานเพาะเชอ้ื
6.2 บม ทอ่ี ณุ หภมู ิ 30 - 35 องศาเซลเซียส 1 - 2 วัน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 55
7. ตรวจนับ Escherichia coli
7.1 วางแผน กรองจากน้ําทง้ั สามตัวอยางบนแผน เซลลโู ลสซ่งึ ชุมดว ย
M.Endo broth ระวังไมใหเกิดชอง อากาศระหวางแผนกรองและ
แผนเซลลูโลส
7.2 บม ทอ่ี ณุ หภมู ิ 44 + 1 องศาเซลเซยี ส เปนเวลา 24 ชว่ั โมง
7.3 นบั จํานวนโคโลนขี อง E. coli ซง่ึ โคโลนจี ะมเี งาโลหะ
8. รายงานผลการตรวจนบั เปน จํานวนจลุ ินทรียตอ น้าํ 100 มิลลิลิตร
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 56
หลกั การและวิธีตรวจวิเคราะหปริมาณจุลินทรีย
โดยหาคา MPN (Most Probable Number)
1. หลกั การ
การตรวจวเิ คราะหป รมิ าณจลุ ินทรียโดยหาคา Most Probable Number
(MPN) น้ีเปนการคาดคะเนจํานวนมากทส่ี ดุ ของจลุ นิ ทรยี ซ่ึงอาจจะมไี ดใ นตวั อยา ง
อาหารโดยใชห ลกั การทางสถติ ิ
2. การตรวจวเิ คราะห
2.1 ทําใหตัวอยา งอาหารเจอื จางลงระดับละ 10 เทา เลอื กระดบั ความเจอื จาง
ที่จะใชใหเหมาะสมกับอาหารแตละชนิด โดยใชปริมาณจลุ ินทรียซ่ึงนา จะมใี นอาหาร
ประเภทน้ันๆ เปน หลกั ใชค วามเจอื จาง 3 ระดบั ดว ยกนั ใสต วั อยา งอาหารซง่ึ เจอื จาง
ระดับตางๆ ตามปรมิ าณการทเ่ี หมาะสม เชน 1 มลิ ลิลิตร ลงในอาหารเหลวสําหรบั
เพาะเชื้อ ระดบั ความเจอื จางละ 3 หรอื 5 หลอด แลวแตจะเลือกใช ในกรณที ่ี
ตัวอยา งอาหารมจี ลุ นิ ทรียท่ีจะตรวจวเิ คราะหป รมิ าณนอ ย อาจเพม่ิ ปรมิ าณขน้ึ เปน
10 มิลลิลิตร โดยใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื ทม่ี คี วามเขม ขน เปน 2 เทาของปกติ
2.2 บมหลอดทง้ั หมดทอ่ี ณุ หภมู แิ ละเวลาทเ่ี หมาะสมกบั จลุ นิ ทรียท่ีจะทาํ การ
ตรวจวิเคราะห ตรวจผลโดยสงั เกตการเจรญิ เตบิ โตหรอื ปฏกิ ริ ยิ าทจ่ี ลุ นิ ทรียน น้ั ๆ
กอใหเกิดขน้ึ ในอาหารเลย้ี งเชอ้ื เชน การเกดิ กรดหรอื เกดิ กา ซ เปน ตน บนั ทกึ จํานวน
หลอดของแตล ะระดบั ความเจอื จางทใ่ี หผ ลบวก
2.3 นําผลทไ่ี ดจ ากขอ 2.2 ไปเทยี บหาคา MPN ของจลุ นิ ทรียจากตารางท่ี 2
ในกรณีท่ีทดสอบระดบั ความเจอื จางละ 3 หลอด หรอื หาคา จากตารางท่ี 3 เมอ่ื
ทดสอบระดบั ความเจอื จางละ 5 หลอด ตัวอยา งเชน ในการวเิ คราะหอ าหาร โดยใช
ระดับความเจอื จาง 1:10, 1:100 และ 1:1,000 ระดบั ละ 3 หลอด พบวา ไดจ ํานวน
หลอดที่ใหผลบวก 2, 2 และ 1 ตามลําดบั จากตารางท่ี 2 MPN ของจลุ นิ ทรยี ต อ
มิลลิลิตรของหลอดทเ่ี จอื จางระดบั ท่ี 1 ซึ่งสาํ หรบั การทดลองนไ้ี ดแ กร ะดบั ความ
เจือจาง 1:10 มคี า เปน 3.0 ดงั นน้ั MPN ของจลุ นิ ทรียในตัวอยา งอาหารทท่ี ําการ
ตรวจวเิ คราะหจ ะมคี า 30
2.4 สําหรับการตรวจวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียบางชนดิ การเกิดผลบวกในอาหาร
เล้ียงเชอ้ื ทท่ี ดสอบในครง้ั แรกน้ี ไมสามารถจะบอกไดแ นน อนวา มจี ลุ ินทรียช นดิ นน้ั
อยจู รงิ หรอื ไม จึงจําเปน ตองมีการทดสอบเพื่อยืนยันผลในอาหารเลี้ยงเชื้อหรือโดย
ใชปฏิกิริยาอน่ื ๆ ทส่ี ามารถจะใหผ ลแนน อนวา เปน จลุ นิ ทรียชนดิ นน้ั ๆ แลวบันทึก
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 57
จํานวนหลอดทใ่ี หผ ลการยนื ยนั เปน ทแ่ี นน อนแลว เพอ่ื ใชใ นการอา นคา MPN จาก
ตาราง เชน ในการหาคา MPN ของเชื้อ Escherichia coli โดยใช Lactose broth
เปน อาหารทดสอบขน้ั ตน พบวาเมอ่ื ใชร ะดบั ความเจอื จาง 1:10, 1:100 และ
1:1,000 ระดบั ละ 5 หลอด จะไดจ ํานวนหลอดที่ใหผลบวก 5, 4 และ 2 ตามลําดบั
แตเ นอ่ื งจากไมเ ฉพาะ E. coli เทาน้ันทจ่ี ะเจรญิ และใหก า ซใน Lactose broth จงึ
จําเปนตองทดสอบเพื่อยืนยันวาเชื้อจากหลอดที่ใหผลบวกหลอดใดบางเปน E. coli
โดยเขย่ี เชื้อลงบน EMB agar แลวสังเกตโคโลนีที่มีเงาโลหะซึ่งเปนลักษณะเฉพาะ
ของ E.coii ซ่ึงถา ในการทดสอบนพ้ี บวา เพยี ง 3 ใน 5 หลอดจากระดบั ความเจอื จาง
1:10, 2 ใน 4 หลอดจากระดบั 1:100 และ 1 ใน 2 จากระดบั 1:1,000 ทใ่ี หโ คโลนี
ลักษณะดังกลาว การทดสอบทใ่ี หผ ลบวกทจ่ี ะนําไปหาคา MPN จากตาราง คือ
3, 2, 1 ไมใ ช 5, 4, 2 เปน ตน
2.5 การหาคา MPN โดยคํานวณจากสตู ร ซง่ึ นยิ มใชใ นกรณที ค่ี วามเจอื จาง
ของอาหารไมใ ชร ะดบั ละ 10 เทา
MPN ตอมิลลิลิตร = จํานวนหลอดที่ใชใหผลบวก
[ปริมาณของตัวอยางที่ใหผลลบ x ปรมิ าตรทง้ั หมด]1/2
ตวั อยา ง ในการหาคา MPN ของจลุ นิ ทรียในตัวอยา งอาหารซง่ึ ใชป รมิ าณอาหาร
4 ระดบั คือ 10, 5, 1 และ 0.5 มิลลิลิตร ระดบั ละ 5 หลอด โดยการทดสอบนใ้ี ช
ระดับเจือจางเทากับ 1:100 มาทดสอบ เมื่อตรวจผลแลวไดหลอดซึ่งเกิดผลบวกดังนี้
5, 0, 2 และ 1
การคํานวณ จํานวนหลอดที่ใหผลบวก = 5 + 0 + 2 + 1 = 8
ปรมิ าตรทีใ่ หผ ลลบ = 0 + 25 + 3 + 2 = 30.0 มลิ ลิลิตร
ปรมิ าตรทง้ั หมด = 50 + 25 + 5 + 2.5 = 82.5 มลิ ลิลิตร
MPN ตอ มลิ ลิลิตร =8 = 0.16x100 = 16
[(30.0)(82.5)]1/2
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 58
ตารางท่ี 2 คา MPN ทร่ี ะดบั ความเชอ่ื มน่ั รอ ยละ 95 เมอ่ื ใชร ะดบั ความ
เจอื จางละ 3 หลอด
จํานวนหลอดที่ใหผลบวก MPN ตอ มลิ ลลิ ติ รของหลอดท่ี ระดบั
ระดบั ความเจอื จาง เจือจางระดับที่ 1 ความถูกตอง*
ระดบั ท่ี 1 ระดบั ท่ี 2 ระดบั ท่ี 3 0.0 -
0 0 0 0.3 3
0 0 1 0.3 2
0 1 0 0.6 4
0 1 1 0.6 4
0 2 0
100 0.4 1
101 0.7 3
102 0.1 4
110 0.7 2
111 1.1 4
120 1.1 3
121 1.5 4
130 1.6 4
200 0.9 1
201 1.4 3
202 2.0 4
210 1.5 2
211 2.0 4
212 3.0 4
220 2.0 3
* ระดับความถูกตอง ในการปฏบิ ตั ิเปน ประจําเมื่อระดับความถูกตองในการทดลอง
แตละคร้ังเปลย่ี นแปลงอยเู ฉพาะในระดบั 3 และ 4 ชบ้ี ง ถงึ ความเปน ไปไดท จ่ี ะเกดิ
ขอผิดพลาดของการทดลอง เชน ผสมตวั อยา งอาหารไมด พี อ หรอื มสี ารยบั ยง้ั การ
เจริญในตัวอยางอาหาร
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 59
ตารางท่ี 2 คา MPN ทร่ี ะดบั ความเชอ่ื มน่ั รอ ยละ 95 เมอ่ื ใชร ะดบั ความ
เจอื จางละ 3 หลอด (ตอ )
จํานวนหลอดที่ใหผลบวก MPN ตอ มลิ ลลิ ติ รของหลอดท่ี ระดบั
ระดับความเจอื จาง เจือจางระดับที่ 1 ความถูกตอง*
ระดบั ท่ี 1 ระดบั ท่ี 2 ระดบั ท่ี 3 3.0 4
2 2 1 3.5 4
2 2 2 4.0 4
2 2 3 3.0 4
2 3 0 3.5 4
2 3 1
332 4.0 4
300 2.5 1
301 4.0 2
302 6.5 4
310 4.5 1
311 7.5 2
312 11.5 3
313 16.0 4
320 9.5 1
321 15.0 2
322 20.0 3
323 30.0 4
330 25.0 1
331 45.0 1
332 110.0 1
333 140.0+ -
* ระดับความถูกตอง ในการปฏบิ ตั ิเปน ประจําเมื่อระดับความถูกตองในการทดลอง
แตละคร้ังเปลย่ี นแปลงอยเู ฉพาะในระดบั 3 และ 4 ชบ้ี ง ถงึ ความเปน ไปไดท จ่ี ะเกดิ
ขอผิดพลาดของการทดลอง เชน ผสมตวั อยา งอาหารไมด พี อ หรอื มสี ารยบั ยง้ั การ
เจริญในตัวอยางอาหาร
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 60
ตารางที่ 3 คา MPN ทร่ี ะดบั ความเชอ่ื มน่ั รอ ยละ 95 เมอ่ื ใชร ะดบั ความ
เจอื จางละ 5 หลอด
จํานวนหลอดที่ใหผลบวก MPN ตอมลิ ลลิ ติ รของหลอดท่ี ระดบั
ระดับความเจอื จาง เจือจางระดับที่ 1 ความถูกตอง*
ระดบั ท่ี 1 ระดบั ท่ี 2 ระดบั ท่ี 3 0.0 -
0 0 0 0.2 3
0 0 1 0.4 4
0 0 2 0.2 3
0 1 0 0.4 4
0 1 1 0.6 4
0 1 2 0.4 3
0 2 0 0.6 4
0 2 1 0.6 4
0 3 0 0.2 1
1 0 0
101 0.4 3
102 0.6 4
110 0.4 2
111 0.6 4
112 0.8 4
120 0.6 3
121 0.8 4
130 0.8 4
131 1.0 4
200 0.5 1
* ระดับความถูกตอง ในการปฏบิ ตั ิเปน ประจําเมื่อระดับความถูกตองในการทดลอง
แตละคร้ังเปลย่ี นแปลงอยเู ฉพาะในระดบั 3 และ 4 ชบ้ี ง ถงึ ความเปน ไปไดท จ่ี ะเกดิ
ขอผิดพลาดของการทดลอง เชน ผสมตวั อยา งอาหารไมด พี อ หรอื มสี ารยบั ยง้ั การ
เจริญในตัวอยางอาหาร
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 61
ตารางที่ 3 คา MPN ทร่ี ะดบั ความเชอ่ื มน่ั รอ ยละ 95 เมอ่ื ใชร ะดบั ความ
เจอื จางละ 5 หลอด (ตอ )
จํานวนหลอดที่ใหผลบวก MPN ตอ มลิ ลลิ ติ รของหลอดท่ี ระดบั
ระดบั ความเจือจาง เจือจางระดับที่ 1 ความถูกตอง*
ระดบั ท่ี 1 ระดบั ท่ี 2 ระดบั ท่ี 3 0.7 3
2 0 1 0.9 4
2 0 2 1.2 4
2 0 3 0.7 2
2 1 0 0.9 3
2 1 1
212 1.2 4
220 0.9 3
221 1.2 4
222 1.4 4
230 1.2 4
231 1.4 4
300 0.8 1
301 1.1 3
302 1.3 4
310 1.1 2
311 1.4 3
312 1.7 4
313 2.0 4
320 1.4 3
321 1.7 4
* ระดับความถูกตอง ในการปฏบิ ตั เิ ปน ประจําเมื่อระดับความถูกตองในการทดลอง
แตละคร้ังเปลย่ี นแปลงอยเู ฉพาะในระดบั 3 และ 4 ชบ้ี ง ถงึ ความเปน ไปไดท จ่ี ะเกดิ
ขอผิดพลาดของการทดลอง เชน ผสมตวั อยา งอาหารไมด พี อ หรอื มสี ารยบั ยง้ั การ
เจริญในตัวอยางอาหาร
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 62
ตารางที่ 3 คา MPN ทร่ี ะดบั ความเชอ่ื มน่ั รอ ยละ 95 เมอ่ื ใชร ะดบั ความ
เจอื จางละ 5 หลอด (ตอ )
จํานวนหลอดที่ใหผลบวก MPN ตอมลิ ลลิ ติ รของหลอดท่ี ระดบั
ระดับความเจอื จาง เจือจางระดับที่ 1 ความถูกตอง*
ระดบั ท่ี 1 ระดบั ท่ี 2 ระดบั ท่ี 3 2.0 4
3 2 2 1.7 3
3 3 0 2.1 4
3 3 1 2.1 4
3 4 0 2.4 4
3 4 1
400 1.3 1
401 1.7 3
402 2.1 4
403 2.5 4
410 1.7 2
411 2.1 3
412 2.6 4
420 2.2 2
421 2.6 3
422 3.2 4
430 2.7 3
431 3.3 3
432 3.9 4
440 3.4 3
441 4.0 4
* ระดับความถูกตอง ในการปฏบิ ตั ิเปน ประจําเมื่อระดับความถูกตองในการทดลอง
แตละคร้ังเปลย่ี นแปลงอยเู ฉพาะในระดบั 3 และ 4 ชบ้ี ง ถงึ ความเปน ไปไดท จ่ี ะเกดิ
ขอผิดพลาดของการทดลอง เชน ผสมตวั อยา งอาหารไมด พี อ หรอื มสี ารยบั ยง้ั การ
เจริญในตัวอยางอาหาร
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 63
ตารางที่ 3 คา MPN ทร่ี ะดบั ความเชอ่ื มน่ั รอ ยละ 95 เมอ่ื ใชร ะดบั ความ
เจอื จางละ 5 หลอด (ตอ )
จํานวนหลอดที่ใหผลบวก MPN ตอมลิ ลลิ ติ รของหลอดท่ี ระดบั
ระดับความเจือจาง เจือจางระดับที่ 1 ความถูกตอง*
ระดบั ท่ี 1 ระดบั ท่ี 2 ระดบั ท่ี 3 4.7 4
4 4 2 4.1 4
4 5 0 4.8 4
4 5 1 5.6 4
4 5 2 2.3 1
5 0 0
501 3.1 3
502 4.3 3
503 5.8 4
510 3.3 1
511 4.6 2
512 6.4 4
513 8.4 4
514 11.5 4
520 4.9 1
521 7.0 2
522 9.5 3
523 12.0 4
524 15.0 4
530 7.9 1
531 11.0 2
* ระดับความถูกตอง ในการปฏบิ ตั เิ ปน ประจําเมื่อระดับความถูกตองในการทดลอง
แตละคร้ังเปลย่ี นแปลงอยเู ฉพาะในระดบั 3 และ 4 ชบ้ี ง ถงึ ความเปน ไปไดท จ่ี ะเกดิ
ขอผิดพลาดของการทดลอง เชน ผสมตวั อยา งอาหารไมด พี อ หรอื มสี ารยบั ยง้ั การ
เจริญในตัวอยางอาหาร
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 64
ตารางที่ 3 คา MPN ทร่ี ะดบั ความเชอ่ื มน่ั รอ ยละ 95 เมอ่ื ใชร ะดบั ความ
เจอื จางละ 5 หลอด (ตอ )
จํานวนหลอดที่ใหผลบวก MPN ตอ มลิ ลลิ ติ รของหลอดท่ี ระดบั
ระดบั ความเจอื จาง เจือจางระดับที่ 1 ความถูกตอง*
ระดบั ท่ี 1 ระดบั ท่ี 2 ระดบั ท่ี 3 14.0 3
5 3 2 17.5 3
5 3 3 20.0 4
5 3 4 25.0 4
5 3 5 13.0 1
5 4 0
541 17.0 2
542 22.0 2
543 28.0 3
544 35.0 3
545 42.5 4
550 24.0 1
551 35.0 1
552 54.0 1
553 92.0 1
554 160.0 1
555 180.0+ -
* ระดับความถูกตอง ในการปฏบิ ตั ิเปน ประจําเมื่อระดับความถูกตองในการทดลอง
แตละคร้ังเปลย่ี นแปลงอยเู ฉพาะในระดบั 3 และ 4 ชบ้ี ง ถงึ ความเปน ไปไดท จ่ี ะเกดิ
ขอผิดพลาดของการทดลอง เชน ผสมตวั อยา งอาหารไมด พี อ หรอื มสี ารยบั ยง้ั การ
เจริญในตัวอยางอาหาร
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 65
การวเิ คราะหคุณภาพอาหารโดยการรีดิวสสี
(Dye reduction)
1.! หลักการ
วธิ กี ารนเ้ี ปน การวเิ คราะหค ณุ ภาพอาหารโดยใชห ลกั การทว่ี า จุลนิ ทรยี ท ่ี
ปนเปอนอยูในอาหารมีท้ังพวกท่ีตองการและไมตองการออกซิเจนในการเจรญิ เตบิ โต
พวกที่ตองการออกซิเจนจะใชออกซิเจนท่ีละลายในอาหารและท่ีอยูในภาชนะเหนือ
ผิวหนาอาหาร การลดลงของออกซเิ จนจะเปนปฏภิ าคโดยตรงกับจํานวนจลุ นิ ทรยี
ซ่ึงเมื่อตัวอยางอาหารมีจุลินทรียอยูในปริมาณมากก็จะทําใหศักยภาพการรีดิวส
(Redox potatial) ซึ่งนิยมใชสัญญลักษณ Eh ของอาหารมคี าไปในทางลบมากขน้ึ
ดังนั้น เม่ือบม อาหารโดยเตมิ สารดชั นกี ารรดี วิ ส (Redox indicator) ซง่ึ เปน สารทม่ี ี
คุณสมบัติในการเปลี่ยนสีไดตามระดับ Eh การเปลย่ี นสขี องสารนน้ั ยอ มเปน ดชั นี
เปรียบเทียบใหเ หน็ ไดว า ตวั อยา งอาหารมปี รมิ าณจลุ นิ ทรยี อ ยมู ากนอ ยเพยี งไร ซง่ึ
ยอมเปนการแสดงถงึ ความสดและคณุ ภาพดา นสขุ ลกั ษณะของอาหารนน้ั
การวิเคราะหโดยใชหลักการนี้จะเหมาะสมเมื่อตัวอยางอาหารเปนของเหลว
ซึ่งสีสามารถกระจายไปไดทั่วถึง และควรเปน อาหารทม่ี อี งคป ระกอบคอ นขา งแนน อน
เพ่ือปองกนั การเปลย่ี นสขี องสารดชั นอี นั เนอ่ื งจากความแตกตา งของระดบั Eh ของ
องคประกอบของอาหาร
การปฏบิ ตั อิ าจทําไดโ ดยบม อาหารซง่ึ เตมิ สารดชั นี เปนระยะเวลาตามท่ี
กําหนดไว แลว สงั เกตการเปลี่ยนสีวา เปน ไปมากนอยเพียงใด หรอื บม อาหารซง่ึ เตมิ
สารดัชนีจนมกี ารเปลย่ี นสเี กดิ ขน้ึ ถงึ ระดบั หนง่ึ แลวเทยี บระยะเวลาทใ่ี ชใ นการบม
ซ่ึงท้ังสองวิธีการนี้จะสามารถทําใหเปรียบเทียบคุณภาพของอาหารที่วิเคราะหไดวา
คุณภาพอยูในระดับใดอยางคราวๆ การทจ่ี ะนําวธิ กี ารนม้ี าใชว เิ คราะหอ าหารประเภท
ใดก็ตามจะตองไดมีการทดลองหาความสัมพันธระหวางการเปล่ียนสีที่เกิดข้ึนกับ
ปริมาณจุลินทรียในอาหารซ่ึงไดจากการตรวจนับดวยวิธีอื่นๆท่ีแนนอนเสียกอนวา
มีสหพนั ธก นั อยา งไร
โดยปกตสิ ารดชั นกี ารรดี วิ สจ ะเรม่ิ เปลย่ี นสเี มอ่ื Eh = Eo + 0.05V และ
จะไมเปลี่ยนตอไปอีกเมื่อ Eh = Eo - 0.05V ซง่ึ ในอาหารบางชนดิ ถงึ แมว า จลุ นิ ทรยี
จะทําใหคา Eh ลดลงจนถึงระดับตํ่าสุดแลว คา นน้ั กย็ งั สงู กวา Eo ของสารดชั นี
บางชนิดจึงทําใหไ มส ามารถสงั เกตการเปลย่ี นสไี ด ดังน้ันจึงควรเลือกสารดัชนีให
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 66
เหมาะสมกับระดับ Eh ของอาหาร ซ่ึงจุลินทรยี ใ นอาหารประเภทนน้ั อาจกอ ใหเ กดิ
การเปลี่ยนแปลงได สารดชั นกี ารรดี วิ สช นดิ ตา ง ๆ มคี า Eo ตางกัน ดงั น้ี
สารดชั นี Eo (V)
Phenol blue +0.224
Phenolinde-2, 6-dichlorophenol +0.217
Lauth"s violet +0.063
Methylene blue +0.011
Janus green -0.225
Phenosafranine -0.252
Neutral red -0.325
วธิ นี ใ้ี ชไ ดผ ลและเปน ทย่ี อมรบั วา เปน มาตรฐาน (Standard method) ในการ
ตรวจวิเคราะหคุณภาพของนํ้านมและผลติ ภณั ฑน ม ท้งั ในดา นเก่ียวกบั ความสดและ
การตรวจวิเคราะหปรมิ าณสารปฏชิ วี นะในน้ํานม ในการวเิ คราะหผ ลติ ภณั ฑน มน้ี
สารดชั นที น่ี ยิ มใชไ ดแ ก Methylene blue และ Resazurin ซ่ึงเรยี กวธิ กี ารวเิ คราะห
วา Methylene blue reduction method และ Resazurin reduction method
2. การวเิ คราะหโ ดย Methylene blue reduction method
เปนวิธีควบคุมและตรวจสอบคุณภาพนมอีกวิธีหนึ่งซึ่งเปนวิธีการงายๆ ไม
ละเอียดนักในการตรวจสอบทางแบคทีเรยี สําหรบั นมดบิ สามารถตรวจสอบนมที่มี
คุณภาพตํ่าไดอยางรวดเร็วและไดผลดีพอสมควร
ในประเทศองั กฤษใชก รรมวธิ ี Methylene blue reduction test แทนการทํา
Standard plate count สําหรับตรวจสอบคณุ ภาพนมดบิ
การตรวจสอบโดยวิธีนี้ขึ้นกับจาํ นวนแบคทเี รยี ทอ่ี ยใู นนม การวดั ผลขึ้นอยู
กับ Metabolic activity ของแบคทเี รีย เมอ่ื แบคทเี รยี เจรญิ เตบิ โตจะมกี ารใช
ออกซิเจนที่มีอยูในน้ํานม การเปลย่ี นสที เ่ี กดิ ขน้ึ จงึ ขน้ึ อยกู บั จํานวนแบคทเี รยี อัตรา
การเจริญเติบโต และอตั ราการใชอ อกซเิ จน โดยปกติ Methylene blue จะมีสีน้ําเงนิ
ซ่ึงอยใู นรปู ของ Oxidized form เมอ่ื อยใู นรปู Reduced form จะไมม สี ี
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 67
2.1 ผลิตภัณฑท น่ี ยิ มใชไ ดแ ก น้าํ นมดบิ
2.2 เตรยี มสารละลาย Methylene blue โดยตม น้ํากลน่ั ปรมิ าตรมากกวา
200 มิลลิลิตรเล็กนอยใหเดือดในขวดสีชา ซง่ึ เมอ่ื น้ําเดือดแลวควรมีนํ้าเหลืออยู
ประมาณ 200+2 มิลลิลิตร ใชปากคีบท่ีสะอาดและแหง คบี เมด็ สซี ง่ึ มี Methylene
blue thiocyanate 8.8 มลิ ลกิ รมั ตอ เมด็ ลงในน้ํารอ นนน้ั ปลอ ยใหส สี ะลายจนหมด
แลวจึงเก็บในตูเยน็ สารละลายทเ่ี ตรยี มนจ้ี ะมคี วามเขม ขน ของสปี ระมาณ 1:250,000
เทาในน้ํา
ในการเตรียมสารละลายนี้ไมควรใชน้ําอื่นใด เชน น้ําท่ีผา นการแยกแรธ าตุ
ออก (Demineralization) แทนน้ํากล่ันและไมค วรเตมิ น้าํ ซง่ึ ไมไ ดต ม ลงในน้ําทจ่ี ะใช
ละลายสี ควรแนใ จวาสลี ะลายหมดแลวจงึ ทําใหเ ยน็
2.3 ใชป เ ปตดดู สารละลาย Methylene blue ปรมิ าตร 1 มิลลิลิตร ใสใน
หลอดแกว แลวเติมนํ้านมทท่ี ดสอบปรมิ าตร 10 มิลลิลิตรลงไปทันที ปดหลอดดวย
จุกยางซง่ึ สะอาด
2.4 นําหลอดลงแชใ นอา งน้าํ อนุ ซง่ึ ควบคมุ อณุ หภมู ิ 36 องศาเซลเซยี ส เพื่อ
เปนที่สังเกตวาอุณหภูมิในหลอดขึ้นถึงระดับที่ตองการเมื่อใด แชห ลอดบรรจนุ ม 10
มิลลิลติ ร ซ่งึ มีเทอรโมมิเตอรเ สยี บไวห นง่ึ หลอดลงไปพรอ มๆ กับหลอดตัวอยาง
เมื่ออุณหภูมิในหลอดนี้ขึ้นถึง 36 องศาเซลเซียส กลับหลอดตัวอยางขึ้นลง 3 ครง้ั
แลวเรม่ิ จบั เวลา ไมควรใชวิธีเขยาหลอดแทนการกลับหลอด
ในกรณวี เิ คราะหน มครง้ั ละหลายๆ ตัวอยา ง เมอ่ื ผสมนมกบั สารละลายสแี ลว
ใหแชไวในตูเย็นอุณหภูมิไมเกิน 4 องศาเซลเซยี ส เมอ่ื ผสมนมพรอ มกบั สารละลายสี
พรอมกันทุกตัวอยางแลว จงึ นํามาแชใ นอางน้ําอนุ พรอ มกนั และตอ งแนใ จวา ระดบั น้ํา
ในอางนํ้าอุนนน้ั มากพอทจ่ี ะทําใหอุณหภูมิในหลอดตัวอยางนมสูงขึ้นถึง 36 องศา
เซลเซยี ส ภายใน 10 นาที
2.5 การอา นและบนั ทกึ ผล
2.5.1 อา นผลครง้ั แรกหลงั จากอณุ หภมู ขิ น้ึ ถงึ 36 องศาเซลเซียส แลว
30 นาที ตัวอยางนมตวั อยา งใดทเ่ี ปลย่ี นจากสนี ้าํ เงนิ เปน ไมม สี ไี ปอยา งนอ ยสส่ี ว นใน
หาสวนของหลอด บันทึกผลวามีระยะเวลาการรดี ิวส (Reduction time) 30 นาที
2.5.2 สาํ หรบั ตวั อยา งนมทไ่ี มเ ปลย่ี นสี 30 นาที ใหบมตอ โดยตรวจ
การเปลย่ี นสที กุ ๆ ครง่ึ ชว่ั โมง บันทึกระยะเวลาท่ีเรม่ิ เปลี่ยนสีและเมอ่ื สขี องตัวอยา ง
เปลี่ยนไปสี่สวนในหาสวนของหลอด คาเฉลี่ยของระยะเวลาทั้งสองคือ ระยะเวลาท่ี
ใชในการรีดิวสของตัวอยางนมนั้น เชน เมอื่ เริม่ เปล่ยี นสีท่เี วลา 1 ชว่ั โมง และเปลี่ยน
ไปสี่สวนในหาสวนของหลอดเมื่อเวลา 2 ชว่ั โมง บนั ทกึ ผลระยะเวลาทใ่ี ชร ดี วิ สเ ปน
1.5 ชว่ั โมง
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 68
ปจจัยที่มีผลตอวิธีนี้ไดแก (1) แสงแดดและแสงสวางมีผลทําใหก าร
เปลี่ยนแปลงสั้นลง (2) Leucocyte ที่ปะปนลงมาในนํ้านมทําใหเวลาสั้นลง รวมทง้ั
(3) น้ํานมทใ่ี สใ นภาชนะทใ่ี ชส ารพวก Chemical agent ตางๆ ถา ลา งไมห มดจะทําให
เวลาของการเปลย่ี นสยี าวขน้ึ และ (4) ถา เขยา หลอดแรงๆเวลาการเปลย่ี นสจี ะยาว
ขน้ึ
ขอดีของวิธีนี้ไดแก (1) เปน วธิ ที ง่ี า ยในการตรวจสอบหาคณุ ภาพนมท่ี
เกี่ยวกับความสะอาด (2) ใชเครื่องมือและอุปกรณนอย (3) นมทม่ี คี ณุ ภาพต่าํ จะให
ผลเร็ว (4) ในการปฏบิ ตั งิ านทําไดง า ย ไมใ ชเ ทคนคิ มากนกั และ (5) สามารถ
ตรวจสอบไดครงั้ ละมากๆ
สวนขอเสียของวิธีนี้ไดแก (1) ความแตกตางในอัตราการเจริญเติบโตของ
แบคทีเรีย (2) ความแตกตางในอตั ราการใชออกซเิ จนของแบคทีเรีย (3) การขาด
ความสมํ่าเสมอในการกระจายของแบคทเี รยี ซง่ึ เนอ่ื งจากการกวนไมท ว่ั ถงึ (4) ความ
แตกตางในปริมาณของออกซเิ จนทก่ี ระจายอยใู นน้ํานม อนั เนอ่ื งมาจากอุณหภมู แิ ละ
การคนนมกอ นการตรวจ (5) Reducing factors อ่ืนๆท่ีมอี ยใู นน้ํานม และ (6) ในวัวที่
กิน Antibiotics เพอ่ื รกั ษาโรคตางๆ ฤทธิ์ของ Antibiotics จะไปทําใหก จิ กรรม
แบคทเี รยี นอ ยลง
ในการทาํ Methylene blue reduction test สามารถแบง เกรดนมได 3 เกรด
ดังตาราง
ตาราง 4 เกรดนํ้านมทม่ี กี ารตรวจสอบแบบ Methylene blue reduction test
เกรดนํ้านม เวลาในการรดี วิ ส จํานวนแบคทีเรียตอ
(ชั่วโมง) มิลลลิ ติ ร
A 4.5 20,000
B 2.5-4.5 200,000-2,000,000
C 2.5 >2,000,000
นอกจากนี้ American Public Health Association แบงเกรดของนํ้านมดงั น้ี
เกรด 1 Excellent (ดมี าก) 8 ชว่ั โมง
เกรด 2 Good (ด)ี 6-8 ชว่ั โมง
เกรด 3 Fair (พอใช) 2-6 ชว่ั โมง
เกรด 4 Poor (เลว) 2 ชว่ั โมง
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 69
3.การวิเคราะหนา้ํ นมโดย Resazurin reduction method
เปนการตรวจสอบที่มีวิธีคลายกับวิธี Methylene blue reduction test แต
สามารถอานผลไดรวดเร็วกวา การรดี วิ สข อง Resazurin น้ีใชว ัดกจิ กรรมจลุ ินทรยี มี
อยู 2 ขน้ั ตอนดงั น้ี
ขน้ั ตอนท่ี 1 Irreversible transformation to resazurin ซ่ึงสีจะอยรู ะหวา ง
น้ําเงินและชมพู
ขน้ั ตอนท่ี 2 Reversible from resazurin เปน Dihydroresazurin ซง่ึ ไมม สี ี
3.1 ผลิตภัณฑท น่ี ยิ มตรวจวเิ คราะหด ว ยวธิ นี ไ้ี ดแ ก น้าํ นมดบิ
3.2 เตรยี มสารละลาย Resazurin โดยใชวิธีการเดียวกับการเตรียม
สารละลาย Methylene blue แตใชเม็ดสี Resazurin แทน Methylene blue
thyocyanate
3.3 ทดสอบเชน เดยี วกบั เมอ่ื ใชส ารละลาย Methylene blue แตไมควรทํา
การทดสอบในทน่ี แ้ี สงจา เน่ืองดว ยแสงจะมผี ลทําใหเ กดิ การเปล่ียนสอี ยา งรวดเรว็
เกนิ ความจรงิ
3.4 การอานและบนั ทกึ ผลทําไดสองขั้นตอน
3.4.1 อา นผลการเปลย่ี นสขี องน้ํานมเมอ่ื บม ได 1 ชว่ั โมงนมจะเปลย่ี น
จากมวงปนฟา ไปเปน สตี า งๆตามลําดบั คือ มว ง บาเวนเดอร (มว งอมชมพ)ู และ
สีชมพู อนั เกดิ จากการท่ี Resazurin เปลย่ี นไปเปน Resorufin ซง่ึ เปน ปฏกิ ริ ยิ าทไ่ี ม
ยอยกลับ และ Resorufin จะเปลย่ี นตอ ไปเปน Dihydroresorufin ซ่ึงจะทําใหส ชี มพู
ซีดลงเปนไมม สี ี ซง่ึ ปฏกิ ริ ยิ าสดุ ทา ยนส้ี ามารถยอ นกลบั ได เพื่อใหการสังเกตการ
เปล่ียนแปลงของสชี ดั เจนยง่ิ ขน้ึ ผูวิเคราะหอาจเทยี บกบั สมี าตรฐานซง่ึ มขี อ กาํ หนด
ของบริษัทผูผลิต เชน 5PB 7/4 (สีฟา), 1OPB 7/5.5 (มว งปนฟา ), 5P 7/4 (มว ง)
และ 10P 7/8 (มว งปนชมพ)ู การตดั สนิ คณุ ภาพของน้ํานม ตัดสินตามลักษณะการ
เปลี่ยนสี คือ นมจะดอ ยคุณภาพตามลําดบั เมอ่ื สเี ปลย่ี นจากฟา มว งอมฟา ไปทางชมพู
3.4.2 อานผลทกุ ชว งหนง่ึ ชั่วโมง จนครบ 3 ชว่ั โมง (Tripple test)
แลวบนั ทกึ เวลาทน่ี มเปลย่ี นไปเปน สมี ว ง (5P 7/4) ซึ่งนมที่คุณภาพดีจะใชเวลาใน
การเปลี่ยนสี นานกวา นมทด่ี อ ยคณุ ภาพ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 70
ความหมายของการตรวจวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี ด ชั นี
(Index microorganisms)
วัตถุประสงคหลักขอหนึ่งของการตรวจวิเคราะหจุลินทรียในอาหารก็เพ่ือให
ทราบถงึ สขุ ลักษณะของอาหาร เพอ่ื ความปลอดภยั ของผบู ริโภคจากเชอ้ื โรคทางเดนิ
อาหาร ซ่ึงการตรวจวเิ คราะหเ ชอ้ื โรคโดยตรงนน้ั ทาํ ไดยากและสิ้นเปลือง ดงั นน้ั จงึ
นิยมตรวจหาจุลินทรียบางชนิดท่ีเมื่อมีอยูในอาหารแลวจะเปนดัชนีบงถึงความเปน
ไปไดท่ีอาหารอาจจะไดร บั การปนเปอ นจากเชอ้ื โรค จุลินทรียท จ่ี ะชว ยเปน ดชั นใี น
เรื่องนี้ไดดีควรมีคุณสมบัติเหลานี้คือเปนพวกที่มีแหลงอาศัยปกติ (Natural flora) อยู
ในระบบทางเดนิ อาหารของคนหรอื สตั ว ตรวจพบจลุ นิ ทรยี เ หลา นน้ั ไดป รมิ าณมาก
ในอุจจาระ เปนจุลินทรยี ท ท่ี นตอ สภาวะแวดลอ มภายนอกไดด ี และสามารถตรวจ
วิเคราะห และยนื ยนั ผลไดแ นน อนดว ยวธิ งี า ยๆ และไมส น้ิ เปลืองถึงแมจ ะมจี ลุ ินทรยี
นั้นอยูในอาหารในปริมาณนอ ย ซง่ึ จลุ นิ ทรยี ท ม่ี คี ณุ สมบตั ดิ งั กลา วนน้ั มอี ยหู ลายกลมุ
ดวยกันและไดมีผูใชกําหนดเปนดัชนีบงถึงการปนเปอนท้ังโดยตรงและโดยทางออม
จากอจุ จาระ(Index of faecal contamination) เชน Coliform, Faecal coliform,
E.coli, Enterobacteriaceae ทง้ั แฟมมลิ ี และ Enterococci ซง่ึ การกําหนดจลุ ินทรยี
กลุมใดกลมุ หนง่ึ หรอื ชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ ทก่ี ลา วถงึ นเ้ี ปน ดชั นี จะมีความหมายและความ
เหมาะสมในการใชต า งกนั อยบู า ง
แบคทเี รยี Coliform
หมายถงึ กลมุ แบคทเี รยี ทม่ี รี ปู รา งเปน ทอ นสน้ั ติดลีแกรมลบ ไมส รา งสปอร
สามารถเฟอรเ มนตแ ลคโตสใหไดก รดและกา ซทอ่ี ณุ หภมู ิ 30-37 องศาเซลเซยี ส
ภายในเวลา 48 ชว่ั โมง แบคทีเรียที่มีคุณสมบัติดังกลาวสวนใหญไดแกแบคทีเรียใน
ยนี สั Escherichia ซ่ึงมีแหลงอาศัยปกติในทอทางเดินอาหารของคนและสัตว และ
แบคทเี รยี ในยนี สั Enterobacter ซ่ึงมีแหลง อาศยั ปกตใิ นดนิ และปนเปอ นมากบั พชื
ผักตางๆ นอกจากนน้ั ยงั รวมถงึ แบคทเี รยี บางสายพนั ธขุ องยนี สั Serratia,
Citrobacter และ Klebsialla ดังน้ันในปจจุบันจงึ ไมน ยิ มกาํ หนดแบคทเี รยี กลมุ น้ี
ท้ังกลุมเพ่ือเปน ดชั นแี สดงการปนเปอ นของจลุ นิ ทรยี ท เ่ี ปน เชอ้ื โรค แตการตรวจพบ
แบคทเี รยี Coliform ในอาหารทผ่ี า นการใหค วามรอ นระดบั พาสเจอรไ รส เชน นมและ
ผลิตภัณฑนม จะเปน ดชั นแี สดงถงึ การผดิ พลาดในกรรมวธิ กี ารผลติ เชน การให
ความรอนไมเ พยี งพอหรอื มกี ารปนเปอ นขณะบรรจุ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 71
Faecal coliform และ E. coli
ดงั ไดก ลา วแลว ถงึ ความไมเ หมาะสมในการใชแ บคทเี รยี Coliform ทั้งกลุม
เปนดัชนีแสดงการปนเปอ นของเชอ้ื โรคในระบบทางเดนิ อาหาร และเนื่องดวย E.coli
มีคุณสมบตั ติ า งจาก Enterobacter spp. ทจ่ี ะทดสอบไดอ ยา งงา ย ๆ คือ E. coli
สามารถเฟอรเ มนตน าํ้ ตาลแลคโตสไดกาซที่อุณหภูมิ 44-45.5 องศาเซลเซียส
ภายในเวลา 24-48 ชว่ั โมง และใหผ ลการทดสอบปฏกิ ริ ยิ า IMViC (Indol, Methyl
red, Voges-Proska, Citrate test) เปน + + - - แตข้ันตอนการตรวจวเิ คราะหเพอ่ื
ยืนยันผลวา เปน แบคทเี รยี นน้ั คือ E.coli ยุงยากและสิ้นเปลือง ดงั นน้ั การกําหนด
มาตรฐานอาหารบางชนิดในบางประเทศจึงนิยมกําหนดการทดสอบเฉพาะขน้ั ตน โดย
ดูปฏิกิริยาการเฟอรเ มนตนํ้าตาลแลคโตสใหไดกาซที่อุณหภูมิ 44-45.5 องศา
เซลเซยี สดงั กลา ว โดยเรยี กกลมุ แบคทเี รยี ทว่ี เิ คราะหว า Faecal coliform ซง่ึ การท่ี
จะใช Faecal coliform หรอื E.coli เปนดัชนีข้ึนกบั แตละประเทศและขอ กําหนดของ
แตละมาตรฐานอาหาร
Faecal streptococcus และ Enterococcus
การจดั หมวดหมขู อง Streptococcus นน้ั จะใชห ลกั การทาง Serology เปน
หลัก ประกอบกับการทดสอบคุณสมบัตทิ างเคมี Species ซง่ึ จดั เปน กลมุ เดยี วกนั
ตามหลัก Serology ไดแก Streptococcus faecalis, S. faecium, S. durans,
S. bovis และ S.equinus ซง่ึ เรยี กวา Landsfield Group D S.durans นน้ั ใน
ปจจุบันเปน ทย่ี อมรบั วา เปน สายพนั ธหุ นง่ึ ของ S.faecium ในการจําแนกชนดิ แตเ ดมิ
S.faecalis และ S.faecium ถูกจัดวาเปนพวก Enterococcus แตใ นปจ จบุ นั นก้ี าร
เรียงกลุมแบคทเี รยี เหลา นท้ี ป่ี รากฏในเอกสารตา งๆ จะคอ นขา งสับสน และนยิ มเรยี ก
แบคทเี รยี ทกุ Species ที่กลาวถึงวา Faecal streptococcus เนื่องดวยสวนใหญมี
แหลงอาศัยปกติในระบบทางเดินอาหารของคนและสัตว แตก ม็ ปี รากฏในหลายๆแหง
ท่ีเรียกแบคทเี รยี เหลา นท้ี ง้ั หมดวา Enterococcus ดงั นน้ั ตามความหมายของการใช
แบคทีเรียเหลานี้เปนดัชนีบงการปนเปอนของอุจจาระแลวเปนที่ยอมรับวาคําเรียก
กลุมตางๆ เหลานี้ไดแก Faecal streptococcus, Group D streptococcus หรอื
Enterococcus
Faecal streptococcus นับวาเปนแบคทีเรียทท่ี นตอสภาวะแวดลอม
ภายนอกไดดีกวา Coliform หรอื E.coli โดยเฉพาะอยา งยง่ิ จะทนตอ การแชแ ขง็
และการทําใหอ าหารแหง ไดด มี าก ดังน้ันจึงเปนท่ีนยิ มใชเ ปน ดชั นสี ําหรบั อาหาร
ประเภทน้ี สวนในอาหารบางชนดิ นน้ั ไมส ามารถจะใชแ บคทเี รยี เหลา นเ้ี ปน ดชั นแี สดง
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 72
สุขลักษณะได เนอ่ื งดว ยมกั พบเปน ประจําอยูแลว เชน ในอาหารหมักดองตางๆ
และเนยแขง็ หลายชนดิ
ความเช่ือมน่ั ในการเปน ดชั นี
การใชจุลินทรียดังท่ีกลาวแลว นเ้ี ปน ดชั นเี รม่ิ ตน มาจากการตรวจวเิ คราะห
ในน้ําบริโภค และนํ้าใช ซง่ึ ปรากฏวา ไดผ ลดมี าก ทง้ั นเ้ี นอ่ื งดว ยจลุ นิ ทรียเ หลา นไ้ี ม
สามารถเพ่ิมจํานวนได ดงั นน้ั ผลการวเิ คราะหย อ มเปน ดชั นแี สดงการปนเปอ นได
แนนอน สว นการตรวจพบจลุ นิ ทรีย เหลานใ้ี นอาหารนน้ั เปน การยากทจ่ี ะกลา ววา
ปริมาณดังกลาวเกิดจากการปนเปอนโดยตรง หรอื มกี ารเพม่ิ จํานวนมากขน้ึ ในอาหาร
ซ่ึงในปจจุบันไดมีขอถกเถียงกันมากเก่ียวกับความสัมพันธระหวางการตรวจพบ
จุลนิ ทรียท่ีเปน เชอ้ื โรคกบั การตรวจพบจลุ นิ ทรียด ชั นี
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 73
การตรวจวเิ คราะห Coliform, Faecal coliform และ E.coli
1.! การตรวจวิเคราะหดวยการหาคา MPN
1.1! การตรวจ Presumptive coliform
1.1.1 ทาํ ตวั อยา งอาหารซง่ึ ไมใ ชข องเหลวเจอื จางระดบั 10เทา 3 ระดบั
1.1.2 เลอื กใชอ าหารเพาะเชอ้ื อยา งใดอยา งหนง่ึ จากอาหารเหลา น้ีLauryl
sulphate tryptose broth (LSTB), MacConkey broth (MB) หรือ Brilliant
green lactose bile broth (BGLB)
1.1.3ใสตัวอยางอาหารแตล ะระดบั ความเจอื จางในหลอดอาหารเลย้ี งเชอ้ื
ระดบั ความเจอื จาง 1 มลิ ลิลิตร 3 หรอื 5 หลอด สําหรบั ตวั อยา งอาหารเหลวหรอื
ตัวอยางนํ้าใชต ัวอยา งปรมิ าณ 10, 1 และ 0.1 มิลลิลิตร ตามลําดบั โดยใชอ าหาร
เล้ียงเชอ้ื ซง่ึ มคี วามเขม ขน สองเทา (Double strength) สําหรับหลอดซึ่งใสตัวอยาง
10 มิลลิลิตร
1.1.4 บม ทอ่ี ณุ หภมู ิ 35 - 37 องศาเซลเซียส เปนเวลา 48 ชว่ั โมง
1.1.5! ตรวจผลโดยสังเกตหลอดที่ใหผลบวกดังนี้คือ เกิดกาซใน
หลอดดักกาซ (Durham tube) สาํ หรบั LSTB และ BGLB และเกดิ กา ซและกรดซง่ึ
จะเปลี่ยนสีอาหารเลี้ยงเชื้อเปนสีเหลืองใน MB
1.2! การตรวจเพื่อยืนยันวาเปน Coliform (Conferm coliform test)
1.2.1 จากหลอดที่ใหผลบวกใน LSTB และ MB
1.2.1.1 ถายเชื้อลงใน BGLB หลอดละ 2 - 3 ลูป
1.2.1.2 บม ท่ี 35-37 องศาเซลเซียส เปนเวลา 48 ชว่ั โมง
1.2.1.3 ตรวจผลโดยที่หลอดที่ใหผลบวกจะเกิดกาซ
1.2.1.4 นบั จํานวนหลอดที่ใหผลบวก นําไปหาคา MPN จาก
ตาราง คา MPN คาที่ไดคือ ปรมิ าณมากทส่ี ดุ ของ Coliform ซง่ึ อาจพบในตวั อยา ง
อาหารทต่ี รวจวเิ คราะห
1.3! การตรวจ Presumptive faecal coliform
1.3.1 ใชลูปถายเชื้อจากหลอดที่ใหผลบวก (ในขอ 1.2.1.4) ลงใน
E.C. broth ซง่ึ แชใ น Water bath ทอ่ี ณุ หภมู ิ 44.5 องศาเซลเซียส กอนใสเชื้อ
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 74
1.3.2 บมท่ี 44.5 + 0.2 องศาเซลเซียส หรอื 45.5 + 0.2 องศา
เซลเซยี ส เปนเวลา 48 ชว่ั โมง
1.3.3 ตรวจผลโดยดกู ารเกดิ กา ซในหลอดดกั กา ซ
1.3.4 นับหลอดที่ใหผลบวกในขอ 1.3.3 นําผลไปหาคา MPN ของ
Faecal coliform จากตาราง MPN
1.4! การตรวจ E.coli
1.4.1 ใชลูปแตะเชื้อจากหลอดที่ใหผลบวกในขอ 1.3.4 Streak บน Eosin
methylene blue agar บม ท่ี 35 - 37 องศาเซลเซยี ส เปนเวลา 24 ชว่ั โมง
1.4.2 เลือก Typical colony ของ E.coli ซง่ึ กลางโคโลนี มีสเี ขม คล้ํา อาจจะ
มีเงาโลหะหรอื ไมม กี ไ็ ด ในกรณที ไ่ี มป รากฏโคโลนที ม่ี ลี กั ษณะดงั กลา ว ใหเลือก
โคโลนี ที่มีลักษณะใกลเคียงที่สุด 2 โคโลนี ถายเชื้อลงบน Nutrient agar (NA)
slant จานละ 2 โคโลนี บม ทอ่ี ณุ หภมู ิ 35 - 37 องศาเซลเซยี ส เปนเวลา 24 ชว่ั โมง
1.4.3 การทดสอบปฏกิ ริ ยิ า IMViC
1.4.3.1 ถายเชื้อลงใน Tryptophan broth บม ท่ี 35 – 37 องศา
เซลเซยี ส เปนเวลา 24 ชว่ั โมง ทดสอบการเกิดอินโดลโดยเติมนาํ้ ยาทดสอบ Kovac
0.2 ถึง 0.3 มิลลิลิตรลงในหลอด เมื่อเกิดสีชมพูหรือสีแดงขึ้นที่ผิวหนาแสดงวา
ปฏิกิริยาใหผลบวก
1.4.3.2 ถายเชื้อลงใน MR-VP medium บม ท่ี 35-37 องศาเซลเซยี ส
เปน เวลา 48 ชว่ั โมง ใชปเปตดูดเชื้อ 0.7 มิลลิลิตร หยดลงบนจานกระเบอ้ื งหลมุ
สขี าว เพื่อตรวจการเกิด Acety - methylcarbinol โดยเตมิ น้ํายา ∝ - naphthol 0.1
มิลลิลิตร และน้ํายา KOH รอ ยละ 40 จํานวน 0.1 มลิ ลิลิตร และเกล็ด Creatine
2 - 3 เกล็ด ตั้งทิ้งไว 2 ชว่ั โมง เมื่อมีสีขมพูเกิดขึ้นแสดงวาใหผลบวก
บมหลอดเชื้อตออีก 48 ชว่ั โมง ตรวจปฏกิ ริ ยิ า Methyl red โดยเติม
น้ํายา Methyl red ปรมิ าณ 5 หยดลงในหลอด เมื่อมีสีแดงเกิดขึ้นแสดงวาใหผลบวก
การเกิดสีเหลืองในหลอดเชื้อแสดงวาใหผลลบ
1.4.3.3 ถายเชื้อลงใน Koser citrate broth บม ท่ี 35 – 37 องศา
เซลเซียส เปนเวลา 96 ชว่ั โมง สงั เกตการเจรญิ ของเชอ้ื ในอาหารโดยดคู วามขนุ
แลวบันทึกผลเปนบวกหรือลบ
1.4.4 ยอ มสแี บบแกรม E.coli จะติดสีแกรมลบ
1.4.5 จําแนกชนดิ ของเชอ้ื จากผลของปฏกิ ริ ยิ าชวี เคมี ดงั น้ี
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 75
จุลนิ ทรยี Indol MR VP Citrate
Typical E.coli + +- -
Atypicao E.coli - +- -
Typical intermediate + +- +
Atypical intermediate - +- +
Typical Enterbacter aerogenes - -+ +
Atypical E.aergoenes + -+ +
1.4.6 คํานวณคา MPN ของ E.coli ตอกรมั ของอาหารจากหลอดที่ทดสอบ
แลววา มแี บคทเี รยี รปู ทอ นไมส รา งสปอร ติดสีแกรมลบ และใหผลการทดสอบ IMViC
เปน + + - - หรอื - + - -
2.! การตรวจวิเคราะหโดยวิธี Shake plate
2.1 การนบั จํานวน Presumptive coliform
2.1.1 ใชป เปตดูดอาหารใสจ านเพาะเชอ้ื โดยใชต วั อยา งอาหารอยา งนอ ย
3 ระดบั ความเจอื จาง
2.1.2 เท Violet red bile agar ลงในจานทเ่ี ตรยี มไวใ นขอ 2.1.1
เขยานานใหต วั อยา งอาหารกระจายไปทว่ั ๆ
2.1.3 รอจนอาหารเพาะเชอ้ื แขง็ เททบั หนา ดว ยอาหารเพาะเชอ้ื ชนดิ
เดียวกนั ใหห นาประมาณ 1 มลิ ลิเมตร
2.1.4 บม เชอ้ื 37 + 1 องศาเซลเซยี ส เปนเวลา 24 ชว่ั โมง
2.1.5 ตรวจนับจํานวน Coliform ซ่ึงโคโลนีมีสีแดงเขม ขนาดประมาณ
0.5 - 1 มลิ ลิเมตร รอบโคโลนีมีการตกตะกอนของเกลือนํ้าดี
2.2 การตรวจเพอ่ื ยนื ยนั วา เปน Coliform
2.2.1 เลอื กโคโลนีจากจานเพระเชื้อในขอ 2.1.5 Incubate ใน
MacConkey broth หรอื Brilliant green lactose bile broth
2.2.2 บม ท่ี 37 + 1 องศาเซลเซยี ส เปนเวลา 48 ชว่ั โมง
2.2.3 หลอดทเ่ี กดิ กา ซในหลอดดกั กา ซยนื ยนั ไดว า เปน Coliform
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 76
2.3 การตรวจ Faecal coliform และ E.coli
เลือกโคโลนีจากขอ 2.1.5 ทดสอบเชนเดียวกับขอ 1.3 และ 1.4
3. การตรวจวิเคราะหโดยการกรองดวยเมมเบรน (Membrane filtration
method)
วธิ นี น้ี ยิ มใชต รวจวเิ คราะหใ นอาหารซง่ึ เปน ของเหลว เชน เครื่องดื่มตางๆ
น้ําใชน้ําบริโภค โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ในตวั อยา งซง่ึ มจี ลุ นิ ทรียปรมิ าณนอ ยๆ และ
ตองการทราบจํานวนทแ่ี นน อน
3.1 การตรวจจํานวน Presumptive coliform
3.1.1 วางแผนเซลลโู ลสสําหรบั ดดู ซบั อาหารเลย้ี งเชอ้ื ลงในจานเพาะ
เชื้อใชป เปตดูด M. Endo broth 2 มิลลิเมตร หยดลงบนแผน เซลลูโลส
3.1.2 กรองตัวอยา งอาหารเหลวผา นแผน กรองเมมเบรนโดยใชป รมิ าตร
ท่ีตองการ (สําหรบั นา้ํ หรอื เครอ่ื งดม่ื นยิ มใช 100 มลิ ลิลิตร)
3.1.3 ใชปากคีมจุมแอลกอฮอลลนไฟ คบี แผน กรองซง่ึ มจี ลุ นิ ทรยี อ ยู
ดานบนวางบนแผน เซลลโู ลส ในขอ 3.1.1 ระวังอยาใหเกิดชองวางระหวางแผน
เซลลูโลส และแผนกรอง
3.1.4 บม เชอ้ื ท่ี 30 + 1 องศาเซลเซยี ส 4 ถึง 6 ชว่ั โมง แลวจึงนําไปบม
ท่ี 31 + 1 องศาเซลเซยี ส 24 ชว่ั โมง (การบม เชอ้ื ท่ี 30 องศาเซลเซยี สนน้ั เพื่อ
ปรับสภาวะของเชอ้ื โดยเฉพาะในตัวอยา งน้ําซง่ึ มคี ลอรนี หรือตัวอยางเครื่องดื่มซึ่ง
มีสาร Preservative)
3.1.5! นับจํานวนแบคทีเรีย Coliform ซง่ึ มขี นาดโคโลนปี ระมาณ
0.3-0.5 มลิ ลิเมตร โคโลนีของ Enterobacter sp. จะมสี แี ดง สวนโคโลนีของ E.coli
จะมีเงาโลหะ
3.2! การตรวจเพื่อยืนยันวาเปน Coliform
ทดสอบเชนเดียวกับขอ 2.2
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 77
3.3 การตรวจนบั จํานวน Presumptive E.coli
3.3.1 ทดสอบเชนเดียวกับขอ 3.1 ยกเวน หลงั จากทป่ี รบั สภาวะของ
เช้ือโดยการบม ทอ่ี ณุ หภมู ิ 30 + 1 องศาเซลเซียส แลวนําไปบม ตอ ทอ่ี ณุ หภมู ิ 44 + 1
องศาเซลเซียส เปนเวลา 24 ชว่ั โมง
3.3.2 นบั เฉพาะจํานวนโคโลนที ม่ี เี งาโลหะ
3.4 ตรวจเพอ่ื ยนื ยนั วา เปน E.coli
เชน เดยี วกบั ขอ 1.4
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 78
การวเิ คราะห Faecal streptococcus
1. อาหารเพาะเชอ้ื
อาหารเพาะเชือ้ เพือ่ ตรวจวเิ คราะห Faecal streptococcus นน้ั มหี ลายสตู ร
ดวยกัน จะอยา งไรก็ดีแตละสูตรจะใชห ลักการคลา ยคลงึ กัน คือ ในอาหารจะประกอบ
ดวยโซเดยี มอาไซด เพ่ือยับย้ังการเจรญิ ของจลุ นิ ทรยี พ วกทส่ี รา งเอนไซมอ อกซเิ ดส
และเติม Triphenyltetrazolium chloride เพอ่ื จําแนกเชอ้ื ทม่ี คี วามสามารถในการ
รดี ิวสส ารน้ี ซึ่งสวนใหญ Faecal streptococcus โดยเฉพาะอยา งยง่ิ S.faecalis จะ
สามารถรดี ิวสส ารนใ้ี หไ ด Formasan derivative ซง่ึ จะทําใหโ คโลนเี ปลย่ี นเปน สแี ดง
เชื้อแตละ Species จะมคี วามสามารถในการรดี ิวสม ากนอ ยตางกนั ซึ่งสังเกตได
จากความเขมของสีที่เกิดขึ้น สวน Streptococcus กลุมอื่น เชน กลุมแลคติค
สวนใหญจ ะไมเ กดิ ปฏกิ ริ ยิ ารดี วิ ส
2.การตรวจวิเคราะห
2.1 การนับจํานวน Presumptive faecal streptococci
2.1.1 เตรยี มตัวอยา งอาหารใหเ จอื จางระดบั 10 เทา
2.1.2 ใชป เปตดูดอาหารใสจ านเพาะเชอ้ื เท KF agar เขยา จานใหต วั อยา ง
อาหารกระจายไปทว่ั ๆ บม ทอ่ี ณุ หภมู ิ 35 - 37 องศาเซลเซียส เปนเวลา 48 ชว่ั โมง
2.1.3 นบั จํานวนโคโลนีทม่ี สี แี ดงหรอื ชมพู
2.2! การทดสอบเพื่อยืนยันวาเปน Faecal streptococcus
2.2.1 ถายเชื้อจากโคโลนีสีแดงหรือชมพูลงใน Tryptose agar บม ท่ี 35 - 37
องศาเซลเซียส เปนเวลา 24 ชว่ั โมง
2.2.2 เตรียมสไลดยอมสีแบบแกรม ตรวจดแู บคทเี รยี รปู รา งกลมตดิ สแี กรม
บวก
2.2.3 ทดสอบความสามารถในการเจรญิ ทอ่ี ณุ หภมู ิ 45 องศาเซลเซียส โดย
ถายเชอ้ื จากขอ 2.2.1 ลงบน Typtose agar slant บม ท่ี 45 + 1 องศาเซลเซยี ส เปน
เวลา 48 ชว่ั โมง สังเกตการเจริญเติบโต
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 79
2.2.4 ทดสอบความสามารถในการเจรญิ ในอาหารทป่ี ระกอบดว ยเกลอื น้ําดี
โดยถายเชื้อลงใน Tryptose agar broth รอ ยละ 40 บม ท่ี 35 - 37 องศาเซลเซยี ส
เปนเวลา 48 ชว่ั โมง บนั ทกึ การเจรญิ เตบิ โตโดยสงั เกตความขนุ
2.2.5 ทดสอบการสรางเอนไซมแคตตาเลส โดยใชเ ชอ้ื อายุ 48 ชว่ั โมง ซง่ึ
เจริญเติบโตบน Tryptose agar slant ลาดดว ยไฮโดรเจนเปอรออกไซด (H2O2)
รอ ยละ 3 ใหท ว มหนา Slant บันทกึ การสรา งเอนไซมโ ดยสงั เกตจากฟองกา ซ
2.2.6 เชอ้ื ทเ่ี จรญิ ไดท ่ี 45 องศาเซลเซียส (ใหผลบวกในขอ 2.2.3) และเจรญิ
ในอาหารทม่ี เี กลอื น้ําดรี อ ยละ 40 (ใหผลบวกในขอ 2.2.4) ไมส รา งเอนไซม
แคตตาเลสจัดวาเปน Faecal streptococcus
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 80
การศกึ ษาเชอ้ื ราทม่ี คี วามสําคัญกับอาหาร
เชื้อรานับวาเปนจุลินทรียที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหารไมนอยไปกวา
จุลินทรียประเภทแบคทเี รยี โดยปกตมิ กั จะเจรญิ เตบิ โตไดด ใี นอาหารทม่ี คี วามชน้ื ต่ํา
และมีคา น้าํ อสิ ระ(Water activity)ไมสูงมากนักรวมทั้งขึ้นอยูกับสภาพของสิ่งแวดลอม
เชนอุณหภูมิและความช้ืนสมั พัทธ โดยเฉพาะประเทศไทยเปน เขตรอ นชน้ื ซง่ึ มสี ภาพ
สิ่งแวดลอมที่เอื้ออาํ นวยใหเ ชอ้ื ราสามารถเจรญิ เตบิ โตไดอ ยา งดี การวเิ คราะหเ ชอ้ื รา
จึงมีความสําคัญย่ิงโดยเฉพาะอยา งยง่ิ เชอ้ื ราประเภททม่ี คี วามสําคัญในอาหาร เพื่อ
เปนดัชนีในการบง ชถ้ี งึ ความสะอาด และคณุ ภาพของผลิตภัณฑอาหาร
จุลนิ ทรยี ตวั อยางเช้ือราไปยีนัสตอ ไปน้ี
• Mucor • Monilia
• Botrytis • Penicillium
• Aspergillus • Rhizopus
• Cladosportum • Geotrichum
• Fusarium
อุปกรณ
•สไลด และ Cover slip
•เขม็ เขย่ี เชอ้ื ลูป
•จานเพาะเชอ้ื
•แทงแกวสําหรบั รองสไลด
•น้ําท่ีปราศจากเชอ้ื ขวดละประมาณ 100 มลิ ลิลิตร
•Potato dextrose agar (PDA) หลอดละ 10 มิลลิลิตร
•เทปกาวชนดิ ใส
•Mounting fluid (Lactopherol)
•ยาเคลือบ (Sealing fluid)
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 81
การทดลองและรายงานผล
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา
1. ลักษณะการเจรญิ ของเชอ้ื บนอาหารแขง็ (Culture characteristic) สังเกต
ลักษณะตอไปนี้แลวจดบันทึก
1.1 ขอบเขตของโคโลนี มีขอบเขตแนนอน (Zonate) หรอื ไมม ขี อบเขต
(Nonzonate)
1.2 ความหนาแนนของกลุมเสนใย
1.3 สีของเสนใยและสีของสปอร
1.4 ลักษณะโคโลนี
2. ลักษณะซง่ึ ศกึ ษาจากกลอ งจลุ ทรรศน (Microscopic study)
2.1 เตรียมสไลดเ พอ่ื การศกึ ษาดว ยกลอ งจลุ ทรรศนด งั น้ี
2.1.1 การทํา (Wet mount)
2.1.1.1 ใชเ ขม็ เขย่ี เขย่ี เสน ใยพรอ มทง้ั Fruiting body วางบน
สไลด
2.1.1.2 หยด Mounting fluid อยา งแรงๆ สองสามครง้ั เพื่อทําให
สปอรซ ง่ึ เกาะกลมุ หนาแนน หลดุ ออกไปบา ง
2.1.1.3 ปดทับดวย Cover slip ระวงั อยา ใหเ กดิ ฟองอากาศ ซบั
Mounting fluid ซง่ึ ซมึ ออกมานอกขอบ Cover slip ดว ยกระดาษซบั
2.1.2 การแตะเชอ้ื ดว ยเทปกาวใส (Scotch tape)
2.1.2.1 ตัดเทปกาวประมาณ 3 เซนตเิ มตร พบั รมิ ทง้ั สองเขา มาทาง
ดานท่ีมีกาว ใหเ กดิ ขอบหนาประมาณ 0.5 เซนตเิ มตร
2.1.2.2 แตะเทปดา นทม่ี กี าวกบั เสน ใยบรเิ วณทม่ี ี Fruiting body
หรือโครงสรา งชนดิ อน่ื ๆ
2.1.2.3 หยด Mounting fluid บนสไลด 1 หรอื 2 หยด วางเทปบน
สไลดใ หด า นทม่ี กี าวอยดู า นบน
2.1.2.4 หยด Mounting fluid ลงอีก 1 หรอื 2 หยด ปดทับดวย
Cover slip
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 82
2.1.3! การเพาะเชื้อบนสไลด (Slide culture)
ทุกขั้นตอนของการเพาะเชื้อนี้ตองปฏิบัติดวยวิธีปราศจากเชื้อ (Aseptic
technique)
2.1.3.1 เท PDA ลงในจานเพาะเชอ้ื ประมาณ 10 มิลลิลิตร ทิ้งให
แขง็
2.1.3.2 ใชเขม็ เขย่ี ตดั วนุ ซง่ึ แขง็ แลว ชน้ิ ละประมาณ 1 ลูกบาศก
เซนติเมตร ใชล ปู แซะชน้ิ วนุ ขน้ึ วางบนสไลด
2.1.3.3 วางสไลดบ นแทง แกว งอในจานเพาะเชอ้ื เทน้ําซง่ึ นง่ึ
ฆาเชื้อแลวลงในจาน ใหร ะดบั น้ําอยูใตสไลด
2.1.3.4 บม เชือ้ ทอี่ ณุ หภูมหิ อ ง 2-5 วัน สังเกตการเจริญเติบโตและ
การเกดิ สปอร (จะไดส ไลดท ส่ี งั เกตโครงสรา งตา งๆไดช ดั เจน เม่ือราเจรญิ เตบิ โต
และเรม่ิ สรา งสปอรเ พยี งเลก็ นอ ย
2.1.3.5 ยก Cover slip ออกจากแผน วนุ ในแนวตรงขน้ึ ดา นบน ใช
เข็มเข่ียยกแผน วนุ ออกจากสไลดใ นแนวตรงขน้ึ ดา นบนเชน กนั
2.1.3.6 หยด Mounting fluid บนสไดลซ ง่ึ มเี ชอ้ื ราตดิ อยู ปด ทบั
ดวย Cover slip ซง่ึ สะอาด
2.1.3.7 หยด Mounting fluid บนสไลดท ส่ี ะอาด ปดทับดวย Cover
slip ที่มีเชื้อราติดอยู สไลดซง่ึ เตรยี มจากทกุ วธิ กี ารนถ้ี า ตองการเก็บไวศกึ ษาใน
คราวตอไป ใหเคลือบขอบ Cover slip ดว ยยาเคลอื บ
2.2! ศึกษาลักษณะทางสณั ฐานวทิ ยาของราจากสไลดซ ง่ึ เตรยี มไว
โดยใช Objective กําลังขยาย 10 และ 40 สังเกตลักษณะตอไปนี้ วาดรปู และ
จดบันทึกลักษณะตางๆ
2.2.1 ลักษณะ Hypha มผี นงั กน้ั (Septate) หรอื ไม ทบึ หรืบใสหรอื มลี กั ษณะ
พิเศษอื่น ๆ
2.2.2 มีโครงสรา งพเิ ศษ เชน Rhizoid, Food cell และ Sclerotium เปนตน
หรอื ไม
2.2.3 ลักษณะ Asexual spore เปน Aproangiospore, Conidium,
Arthrospore หรอื chlamydospore
Sporangiospore สังเกตรูปรางของ Sporangium ตําแหนงที่เกิด
ลักษณะ Columella
Conidia สงั เกตรปู รา ง กลม รปู ไข รปู เคยี ว เปน ตน เปน เซลเดยี วหรอื
หลายเซล เกิดเดี่ยว ๆ ตอเปนสาย หรือเกาะกลุมแบบอื่น ๆ
2.2.4 มี Sexual spore หรอื ไม เปน แบบไหน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 83
การแยกยสี ตจากอาหารและศึกษาคุณสมบัติบางประการ
เช้ือยีสตเปนจลุ นิ ทรยี อ กี ประเภทหนง่ึ ทท่ี ําใหอ าหารเกดิ การเนา เสยี และเกิด
การหมักได โดยเฉพาะอาหารทม่ี คี ารโ บไฮเดรต เชน น้าํ ตาลเปน องคประกอบ ซง่ึ เชอ้ื
ยีสตสามารถใชแ หลงนํ้าตาลเปน แหลงพลงั งานในการเจรญิ เติบโต ดังนั้นในวัตถุดิบ
หรือแมแตผลิตภัณฑท ม่ี นี ้ําตาลเปน องคประกอบจงึ มคี วามจําเปน อยา งยง่ิ ทต่ี อ งตรวจ
วิเคราะหเชื้อยีสต เพื่อเปน การประกนั วาวัตถุดบิ หรือผลิตภณั ฑด ังกลาวมคี ุณภาพ
เหมาะสมตอการนําไปใชเ ปน วตั ถดุ ิบในการผลติ หรอื เหมาะสมตอ การวางจําหนา ย
ในตลาดตอไป
ตัวอยา งอาหาร
จุลนิ ทรยี •น้ําผง้ึ
อุปกรณ •น้ําตาลปบ
•ผลไมซ ง่ึ มรี อยช้ํา
•ถั่วงอกดอง
•ผักเสี้ยนดอง
•องนุ หมกั 2-3 วัน
•Saccharsmyces cerevisiae (Burgandy)
•Saccharomyces rouxii
•Pichia sp.
•Film yeast
•จานเพาะเชื้อ
•Cover slip
•ปเ ปตขนาด 1 มลิ ลิลิตร
•อาหารเลี้ยงเชื้อสาํ หรบั Osmophilic yeast หลอดละ 20 มลิ ลิลิตร
• Potato Dextrose Agar (PDA) ขวดละ 40 มิลลิลิตร และ ขวดละ
90 มลิ ลิลิตร
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 84
•กรดแลคติค รอ ยละ10
•น้ํามะพราวเติมนํ้าตาลรอ ยละ 15 หลอดละ 10 มิลลิลิตร
•น้ําผักดองขวดละ 50 มิลลิลิตร
•วุน รอ ยละ 3 จํานวน 15 มิลลิลิตร
•Sporulating medium
•Malachite green รอ ยละ 5
•แอลกอฮอลรอยละ 95
•Safranin รอ ยละ 5
การทดลองและรายงานผล
1. การแยกเชอ้ื
1.1 แยกยสี ตท ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพการหมกั (Fermentability)
1.1.1 ใชปเปตดูดกรดแลคติค 0.5 มิลลิลิตรผสมใน PDA ที่หลอมเหลว
แลว 40 มิลลิลิตร (Acidified PDA) เทใสจ านเพาะเชอ้ื 2 จาน รอจนวนุ แขง็
1.1.2 ใชลูปและบริเวณชํ้าของผลไมช นดิ ใดชนดิ หนง่ึ Streak บน
Acidfied PDA ทเ่ี ตรยี มไวห นง่ึ จานใหแ ยกเปน โคโลนเี ดย่ี ว ๆ
1.1.3 บม ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง 2-5 วัน
1.1.4 เลือกโคโลนีที่มีลักษณะขุนขาว นนู ไมแผลายไวศึกษาตอไป
1.2 แยกยสี ตท ม่ี ลี กั ษณะการเจรญิ เปน ฝา (Film yeast)
1.2.1 ใชลูปแตะนํ้าผกั ดองชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ Streak บน Acidified PDA
ที่เหลืออีก 1 จาน โดยใหแ ยกเปน โคโลนเี ดย่ี ว ๆ เชน กนั
1.2.2 บม ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง 2-5 วัน
1.2.3 เลือกโคโลนีที่มีลักษณะเปนฝาแผลายหรือผิวหนาโคโลนียน ๆ
เพื่อการศึกษาตอไป
1.3 แยก Osmophilic yeast
1.3.1 เทอาหารสาํ หรบั แยก Osmophilic yeast (ประกอบดว ยน้ําตาล
รอยละ 60) ใสจ านเพาะเชอ้ื 1 จาน รอจนอาหารแขง็
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 85
1.3.2 ใชลูปแตะนํ้าผง้ึ หรอื น้ําตาลปป Streak บนอาหารเพาะเชอ้ื
1.3.3 บม ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง 5 - 15 วัน
1.3.4 เก็บโคโลนีที่เจริญบนอาหารไวศึกษาตอไป
2. การศกึ ษาคณุ สมบตั ทิ างสณั ฐานวทิ ยา
2.1 ศกึ ษาคณุ สมบัติทางสัณฐานวทิ ยา
2.1.1 ทาํ Wet mount ของยีสตที่แยกได ตรวจดลู กั ษณะรปู รา งของเซล
ดวยกลองจลุ ทรรศนก ําลงั ขยาย 400 และ 1,000 เทา
2.1.2 ทํา Wet mount น้าํ องนุ หมกั ตรวจดยู สี ตซ ง่ึ ปะปนมากบั องนุ และ
เจริญในน้าํ องนุ หมกั ซ่ึงจะมียีสตท ม่ี รี ปู รา งหลายแบบหลายลกั ษณะดว ยกนั ตรวจดู
รูปรางของยีสตเ หลา นโ้ี ดยใชก ลอ งจลุ ทรรศนก ําลงั ขยาย 400 และ 1,000 เทา
2.1.3 เข่ียยสี ตซ ง่ึ แยกไดจ ากขอ 1 และ S. cerevisiae ลงใน
Sporulationg medium บมที่อุณหภูมหิ อง 14 วัน ทาํ Wet mount และยอมสี
สปอรด งั น้ี Smear เชื้อบนสไลด เมอ่ื Smear แหง ตรึงใหเชื้อติดสไลดดวยความรอน
หยด Malachite green รอ ยละ 5 ลงใหทวม Smear อังสไลดบนเปลวไฟจนเกิดไอ
ลางสีออกดวยนา้ํ ทําใหเจือจางดวยแอลกอฮอลรอยละ 95 เปนเวลา 30 วินาที
ลางดวยนํ้า ตัดสีดวย Safranin รอ ยละ 5 นาน 30 วินาที ลางนํ้า เมื่อสไลดแหง
ตรวจดู สปอรดวยกลองจุลทรรศนกําลงั ขยาย 1,000 เทา Ascospore ของยีสตจ ะ
ติดสีเขียว Ascus จะติดสีแดง
2.2 ศึกษาประสทิ ธภิ าพการหมกั
2.2.1 เขย่ี เชอ้ื S. cerevisiae และเชอ้ื ทแ่ี ยกจากขอ 1.1.4 และ 1.2.4
ใสในหลอดซึ่งมีนาํ้ มะพรา วเตมิ น้าํ ตาลรอ ยละ 15 เชื้อละหลอด
2.2.2 คอย ๆ เทวุน รอ ยละ 3 ทบั หนา ใหห นาประมาณ 1 ถึง 1.5
มิลลิเมตร
2.2.3 บม ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง 2-5 วัน
2.2.4 ตรวจผลประสทิ ธภิ าพการหมกั โดยสงั เกตการเกดิ กา ซ ซ่ึงจะดนั
วุนท่ีทับหนาใหหางจากผิวหนา นํ้ามะพรา ว วดั ระยะหา งนเ้ี ปรยี บเทยี บกบั เชอ้ื
S. cerevisiae
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 86
2.3 ศึกษาความสามารถในการใชก รดอนิ ทรยี แ ละลกั ษณะการเจรญิ
ของฝา
2.3.1 วัด pH น้าํ ผักดองซึ่งฆาเชื้อแลวดวยกระดาษวัด pH
2.3.2 เทน้าํ ผกั ดองลงในจานเพาะเชอ้ื 3 จาน
2.3.3 เขี่ย Film yeast และเชอ้ื ทแ่ี ยกจากขอ 1.1.4 และ 1.2.4 ลงใน
น้ําผักดองจานละเชื้อ
2.3.4 บม ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง 2-5 วัน
2.3.5 สังเกตลักษณะการเจริญเติบโตของเชื้อ และวัด pH ของน้ําผักดอง
2.4 ศึกษาอทิ ธพิ ลของอากาศตอ การเจรญิ เตบิ โต
2.4.1 เท PDA ใสจ านเพาะเชอ้ื 4 จาน
2.4.2 Streak เชื้อ S. cerevisiae, Film yeast และเชอ้ื ทแ่ี ยกไดจ ากขอ
1.1.4 และ 1.2.4 ใหเ ปน เสน ตรงตามแนวเสน ผา ศนู ยก ลางของจาน จานละเชอ้ื
2.4.3 ใชป ากคบี คีบ Cover slip จุมแอลกอฮอลลนไฟ รอใหเย็นสักครู
วาง Cover slip ทับรอบ Streak ของเชอ้ื ตรงกลางจาน
Cover slip
แนวการเจริญเติบโตของเชื้อ
ภาพ 18 การวาง Cover slip บนจานเพาะเชอ้ื ในการศกึ ษาอทิ ธพิ ลของอากาศ
ตอการเจรญิ เตบิ โตของยสี ต
2.4.4 บม ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง 2-5 วัน และนอก
2.4.5 เปรียบเทยี บการเจรญิ เตบิ โตภายใต Cover slip
Cover slip ของทุกเชื้อ
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 87
2.5 ศกึ ษาการเจรญิ เตบิ โตในทม่ี นี ้ําตาลความเขม ขน สงู
2.5.1 เทอาหารสําหรบั แยก Osmophilic yeast และ PDA ลงในจาน
เพาะเชอ้ื อยา งละ 1 จาน
2.5.2 เข่ยี S. cerevisiae, S. rouxii และยสี ตจ ากขอ 1.3.4 ลงใน
อาหารสําหรบั Osmophilic yeast โดยแบง อาหารในจานออกเปน 3 สวน Streak
สวนละเชื้อ
2.5.3 เข่ียเชอ้ื ชดุ เดยี วกนั น้ี (ขอ 2.5.2) ลงบน PDA โดยแบง อาหาร
เปน 3 สวนเชนเดียวกัน
2.5.4 บม เช้ือที่อุณหภูมหิ อ ง 2-5 วัน
2.5.5 เปรยี บเทยี บการเจรญิ เตบิ โตของเชอ้ื ทง้ั สามในอาหารเพาะเชอ้ื ทง้ั
สองชนิด
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 88
การหา Thermal Death Time คา D และคา Z
การทําลายจลุ นิ ทรยี ด ว ยความรอ นทอ่ี ณุ หภมู หิ นง่ึ อณุ หภมู ใิ ดนน้ั จํานวน
จุลินทรียจะลดลงตามระยะเวลาทไ่ี ดร บั ความรอ น เมอ่ื เขยี นกราฟระหวา ง Log ของ
จํานวนจุลินทรียที่เหลือกับระยะเวลาที่ไดรับความรอน จะไดกราฟเสนตรงเรียกวา
Survivor curve หรอื Thermal date rate curve ซึ่งจดุ ตดั ของกราฟกบั แกนดานเวลา
คือ Thermal date time (TDT) ท่ีอุณหภมู นิ น้ั จากกราฟนส้ี ามารถหาคา D ซง่ึ
หมายถึงระยะเวลาที่ตองใหความรอนที่อุณหภูมินั้นเพื่อทําลายเชอ้ื ลงรอ ยละ 90 หรอื
10 เทา กราฟระหวา ง log ของคา TDT ทอ่ี ณุ หภมู ติ า ง ๆ กับอณุ หภมู กิ จ็ ะเปน องศา
ฟาเรนไฮต ที่ตองเพิ่มขึ้นเพื่อลดคา TDT ลง 10 เทา คา D ทอ่ี ณุ หภมู ติ า ง ๆ และ
คา Z ของจลุ นิ ทรยี ช นดิ เดยี วกนั อาจแตกตา งกนั ไปขน้ึ อยกู บั อายขุ องเชอ้ื สภาพการ
เลี้ยงเชื้อ และ Heating medium เปนตน
การหาคา Thermal death time อาจทําไดห ลายวธิ โี ดยใชภ าชนะบรรจเุ ชอ้ื
เพื่อใหความรอนที่ตางลักษณะกัน สําหรบั การศึกษานใ้ี ช Test tube method
จุลนิ ทรยี
• เชือ้ Eschorichia coli อายุ 24 ชั่วโมงใน NA broth
อุปกรณ
1. จานเพาะเชอ้ื ซง่ึ เท Nutrient agar เติม Blie salt ไวข า มคนื
2. ปเ ปตขนาด 1 มลิ ลิลิตร และ 0.1 มลิ ลิลิตร
3. ขวด Diluent 9 มลิ ลิลิตร
4. Water bath ตัง้ อุณหภูมทิ ่ี 52, 54, 56 และ 50 และ 60 องศาเซลเซียส
5. อางนํ้าเยน็
6. หลอดแกวปราศจากเชื้อ
การทดลองและรายงานผล
1. นบั จํานวนเชื้อเรม่ิ ตน โดยวธิ ี Drop plate โดยตรวจนบั ทร่ี ะดบั ความ
เจอื จาง 10-3, 10-4, 10-5, 10-6 บม เชอ้ื ท่ี 37 องศาเซลเซยี ส
2. ใชปเปตดูดเชื้อใสหลอดแกวที่ปราศจากเชื้อหลอดละ 3 มิลลิลิตร 6 หลอด
ระวังไมใหเชื้อเปอนขางหลอด
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 89
3. แชหลอดเชื้อใน Water bath ตามอณุ หภมู ทิ ก่ี ําหนด ใหระดับใน Water
bath อยูในเหนือระดับเชื้อในหลอด ใชเชื้อหนึ่งในหกหลอดเปนหลอดคุมอุณหภูมิ
โดยเสยี บ Thermometer ไวในหลอดนี้
4. เรม่ิ จบั เวลาการใหค วามรอ น เม่ืออณุ หภมู ใิ นหลอดคมุ ขน้ึ ถงึ ระดบั ท่ี
ตองการ
5. นําหลอดเชื้อออกจาก Water bath ตามระยะเวลาทกี่ ําหนดสาํ หรบั การ
ใหความรอ นในแตล ะอณุ หภมู เิ มอ่ื นําออกจาก Water bath แลวแชหลอดเชื้อใน
น้ําเย็นจดั ทนั ที
อุณหภูมิ เวลาท่ีใหค วามรอ น (นาที)
องศาเซลเซียส องศาฟาเรนไฮต หลอดที่
1 2 3 45
52 125.5 10 20 30 40 50
54 129.2 10 20 30 40 50
56 132.2 10 20 30 40 50
58 136.4 5 10 15 20 25
60 140.0 5 10 15 20 25
6. นับจํานวนแบคทีเรียที่ยังคงเหลืออยูในแตละหลอดโดยวิธี Drop plate ใช
ระดับความเจอื จางตา งกนั ตามระยะเวลาทใ่ี หค วามรอ น บม เชอ้ื 37 องศาเซลเซยี ส
หลอดที่ ระดบั ความเจอื จาง
10-6 10-5 10-4 10-3
1 10-5 10-4 10-3 10-2
2 10-4 10-3 10-2 10-1
3 10-3 10-2 10-1 ไมเ จอื จาง
4 10-3 10-1 1 : 10 ไมเ จอื จาง
5
หลอดที่ = ลําดบั การนําหลอดเชื้อออกจาก Water bath ในระยะเวลาตางๆ กนั ตาม
ท่ีกําหนดในหวั ขอ 5
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 90
7. เขยี น Survivor curve โดยใชก ระดาษกราฟซง่ึ มี Scale ดา นหนง่ึ เปน
Log scale และอกี ดา นหนง่ึ เปน Arithmatic scale (Semilog)
8. หาคา D และ Thermal daath time จาก Survivor curve
9. เขยี น Thermal death time curve โดยใชคา TDT ทอ่ี ณุ หภมู ติ า ง ๆจาก
การปฏบิ ตั ิงานของทกุ กลมุ
10. หาคา Z จาก Thermal death time curve
ตาราง 5 เปรยี บเทยี บคา D และคา Z ของแบคทเี รยี ทม่ี บี ทบาทในเรอ่ื งของ
อาหารกระปอ ง
ความเปน กรดของอาหาร คา D คา Z
(นาที) (องศา
ฟาเรนไฮต)
Low acid และ Semi acid food D250
สปอรข อง Thermophile
•Bacillus stearothermophilus 4.0-5.0 14-22
•Clostridium thermosaccharolyticum 3.0-4.0 16-22
•Clostridium nigricans 2.0-3.0 16-22
สปอรข อง Mesophile 0.1-0.2 14-18
•Clostridium botulinum (Type A,B) 0.1-1.5 14-18
•Clostridium sporogenes (P.A.3679)
Acid food
สปอรข อง Thermophile
•Bacillus coagulans 0.1-0.07 14-18
สปอรข อง Mesophile D212
0.1-0.5 12-16
•Bacillus polymixa 0.1-0.5 12-16
•Bacillus macerans 0.1-0.5 12-16
•Clostridium pasteurianum
High acid food D150 8-10
•Lactobacillus spp. 0.5-1.0 8-10
•Leuconostoc spp. 0.5-1.0 8-10
• Yeast and mold 0.5-1.0
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 91
ตาราง 6 เปรยี บเทยี บคา D และคา Z ของจุลินทรยี ท ม่ี บี ทบาทเกย่ี วขอ งกบั การ
พาสเจอรไ รสอ าหาร
จุลนิ ทรยี คา D คา Z
(นาที) (องศา
D180 D150 ฟาเรนไฮต)
เช้ือโรคและจลุ นิ ทรยี ซ ง่ึ สรา งสารพษิ
Prucella spp. 0.1-0.2 8-10
Mycobacterium tuberculosis 0.2-3.0 8-10
Coxiella burnetti 0.5-6.0 8-10
Salmonella spp. 0.02-0.25 8-10
Salmonella senftenberg 0.8-1.0 8-12
Staphylococcus aureus 0.2-2.0 8-12
Staphylococcus pyogenes 0.2-2.0 8-12
Clostridium botulinum (Type E spore) 0.1-3.0 9-16
จุลินทรียซง่ึ กอ ใหอ าหารเนา เสยี
(Spoilage microorganism)
แบคทเี รยี ซง่ึ ไมส รา งสปอร 0.5-3.0 8-12
ยีสตและเชื้อรา
ตาราง 7 ตวั อยา งขอ มลู การหา Lethal rate
เวลา อุณหภูมิ TDT Lethal rate
(นาที) (องศาฟาเรนไฮต) (นาที)
1/1000=0.001
10 185 1000 1/1000=0.001
20 198 1000 1/416=0.0024
30 211 416 1/125=0.008
40 221 125 1/60=0.017
50 227 60 1/32=0.031
60 231 32 1/23=0.0434
70 234 23 1/18=0.0624
80 236 18 1/16=0.0624
90 237 16