หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 192
แตจะไมเ หมอื นกนั เมอ่ื มปี รมิ าณการปนเปอ นของ Coliform bacteria ท่ีสูงขน้ึ เพราะวา เกดิ การ
เปลี่ยนแปลงในสวนประกอบของสิ่งแวดลอม และอาหารเลี้ยงเชื้อสําหรบั Coliform bacteria
ประกอบดวยสวนประกอบที่มีผลตอการตอบสนองความไวในการวัดการเปล่ียนแปลง
Impedance มากกวา สารเจอื ปนทม่ี ใี นอาหารเลย้ี งเชอ้ื สําหรบั Total variable count
การเจริญเติบโตของยีสตและราไมมีผลตอการเปลี่ยนแปลงใดๆใน M-value สวนคา
E-value จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอยางเห็นไดชัด ในอาหารเลย้ี งเชอ้ื ทป่ี ระกอบดว ยความเขม ขน
ของเกลือท่ีสูงจะมกี ารเพม่ิ ขน้ึ ของคา การนําไฟฟา ดงั นน้ั การเปลย่ี นแปลงของ Impedance จะมี
ความออนมากสาํ หรบั คา M-value เน่ืองจากเมตาบอลซิ มึ ของจลุ นิ ทรยี คา E-value จะไมขึ้น
กับคาการนําไฟฟา มากนกั ซง่ึ ทําใหเ ปน ผลดตี อ การวิเคราะห นอกจากนค้ี า E-value จะมี
การตอบสนองกอนคา M-value จึงนิยมสําหรบั การวดั ในน้ํานม
การวิเคราะหป รมิ าณจลุ ินทรียมีความเปน ไปไดเ พราะคา M-value Threshold หรือคา
E-value threshold ไดถูกกําหนดใหมากเกินที่เวลาหนึ่งๆ ซง่ึ เปน สดั สว นกบั ความเขม ขน ของ
จุลนิ ทรีย การทํา Calibration curve จึงตองถกู กําหนดขึน้ โดยใชว ิธปี กตแิ บบเดิมเพ่ือวเิ คราะห
จํานวนจลุ ินทรีย
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 193
การประยกุ ตใ ชว ธิ กี ารวเิ คราะหแ บบเรว็ ในตวั อยา งเครอ่ื งดม่ื Cider
ในการวิเคราะหต วั อยางเครื่องด่ืมแบบเร็วน้ี จะใชตัวอยางเครื่องดื่ม Cider ทม่ี ี
แอลกอฮอลรอยละ 3.5 โดยใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื BiMedia 001 A
M (%) M-value E(%) E-value
15 15
13 13
11 Cider 1 11 Cider 1
9 Cider 2 9 Cider 2
7 Cider 3 7 Cider 3
5 5
3 3 Cider 4
1 Cider 4 1
0 0
0 5 10 15 0 5 10 15
เวลา (ชั่วโมง) เวลา (ชั่วโมง)
ภาพ 39 การวิเคราะห M-value และ E-value ในตัวอยาง Cider
ในภาพ 39 แสดงใหเห็นวาตัวอยาง Cider 3 ตัวอยาง (Cider 1-3) จะมีการปนเปอ น
ของเชอ้ื จลุ นิ ทรียในปรมิ าณทแ่ี ตกตา งกนั ในกรณนี ค้ี า Threshold value กําหนดที่รอยละ 5 ใน
การวัดคา M-value ความแตกตางของเวลาที่ผานเสน Threshold value น้ี ช้ีใหเหน็ ถงึ จํานวน
จุลินทรียท่ีแตกตางกนั หลงั จากทําการทดลองไป 15 ชว่ั โมงทอ่ี ณุ หภมู ิ 30 องศาเซลเซยี ส
พบวาตัวอยางที่ 4 แสดงการเพิ่มของคา M-value ท่ีไมมีนัยสําคญั ทางสถติ ิ ดงั นน้ั ตวั อยา งน้ี
สามารถสรุปไดวาเปนตัวอยางที่ผานการฆาเชื้อมาแลว (Sterile)
การตรวจสอบ Total Variable Count สามารถทําไดโ ดยใช Threshold value ในกราฟ
ของ E-value ดังนั้นการเลือก Threshold value ท่ีเหมาะสมไมว า จะเปน คา E-value หรอื
M-value สามารถถูกนํามาใชไ ดข น้ึ กบั วธิ กี ารประยกุ ต
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 194
การประยกุ ตใ ชว ธิ กี ารวเิ คราะหแ บบเรว็ ในตวั อยา ง
Bicarbonated apple juice
ในการวเิ คราะหต วั อยา งเครอ่ื งดม่ื ชนดิ Bicarbonated apple juice แบบเรว็ นี้ จะใช
อาหารเลย้ี งเชอ้ื BiMedia 001 A
M (%) M-value E(%) E-value
28 28
24 24
20 20 Sample 1
16 Sample 1 18 Sample 2
12 Sample 2 12 Sample 3
8 Sample 3 8
4 4
0 0
-4 Sample 4 -4 Sample 4
0 5 10 15 0 5 10 15
เวลา (ชั่วโมง) เวลา (ชั่วโมง)
ภาพ 40 การวิเคราะห M-value และ E-value ในตัวอยาง Bicarbonated apple juice
การปนเปอนจากสายการผลิตน้ําแอปเปลสามารถท่ีจะตรวจสอบไดสะดวกดวยวิธีเร็ว
โดยใชเครื่อง BacTrac 4100
ในตัวอยางที่แสดงขางตนแสดงใหเห็นวาตัวอยางทั้งส่ีของนํ้าแอปเปลมีการปนเปอน
จุลินทรียในปริมาณที่แตกตางกัน การทดสอบจะใชเ วลาประมาณ 15 ชว่ั โมง ทอ่ี ณุ หภมู ิ 30
องศาเซลเซยี ส ที่คา M-value เวลาทก่ี ราฟผา นคา Threshold value รอ ยละ 5 ชี้ใหเห็นถึง
ความเขม ของการปนเปอ นจลุ นิ ทรีย ตัวอยา งที่ 1 แสดงถงึ การปนเปอ นจลุ นิ ทรียทง้ั หมดมาก
ที่สุด ขณะท่ตี ัวอยางท่ี 4 เปน น้าํ แอปเปลที่ Sterile
ไมว า คา M-value หรือ E-value ก็สามารถใชในการตรวจสอบการปนเปอนจุลินทรยี ไ ด
ใชคาที่ซึ่งปรากฏกอนสําหรบั เวลาทท่ี ําการตรวจสอบตา่ํ สดุ
ขีดจํากัดของการปนเปอนหรือผลิตภัณฑ Sterile สามารถไดรับคาํ ตอบอยางรวดเร็ว
และมีความเชอ่ื มน่ั ในอตุ สาหกรรมเครอ่ื งดม่ื โดยใชเ ครอ่ื งมอื BacTrac
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 195
การประยกุ ตใ ชว ธิ กี ารวเิ คราะหแ บบเรว็
ในการศึกษาประสิทธิภาพของสารกันเสีย
ในการตรวจสอบประสทิ ธิภาพของสารกนั เสีย เชน Sodium benzoate โดยศึกษากับ
เชอื้ E.coli
M (%) M-value 5 E(%) E-value 20
20
20 20
18 18
16 Control 16 Control
12 12
10 1 2 3 4 10 1 2 3 4
8 8
6 65
4 4
2 2
0
0 -2
-2
0 10
0 10 เวลา (ชั่วโมง)
เวลา (ชั่วโมง)
Sodium benzoate 1=3mM, 2=6mM, 3=10mM, 4=13mM, 5=18mM
ภาพ 41 การตรวจสอบประสิทธิภาพของสารกันเสีย
ประสิทธิภาพของสารกันเสียสามารถประเมินทางปรมิ าณไดจากการตรวจสอบดัชนีการ
เจรญิ เติบโตของเชื้อจลุ ินทรยี
ในตัวอยา งนค้ี วามเขม ขน ของสารกนั เสยี Sodium benzoateในระดับตางๆถูกเตรียม
ข้ึนในอาหารเลย้ี งเชอ้ื ทป่ี ระกอบดว ย E.coli และทําการตรวจสอบมากกวา 20 ชว่ั โมงในการ
บมเพาะเชอ้ื ทอ่ี ณุ หภมู ิ 30 องศาเซลเซียส
ผลของการเพ่ิมความเขมขนของสารกันเสียแสดงใหเห็นไดอยางชัดเจนวาสามารถ
ยับย้ังการเจริญเตบิ โตของจลุ นิ ทรียท ที่ ําการทดสอบได
การศึกษาปริมาณสารกันเสียที่ถูกเลือกใชสามารถทาํ ไดโ ดยวธิ เี รว็ จากการวเิ คราะหจ าก
กราฟของ Time-lag ของคา M-value และ E-value และสามารถใชใ นการตรวจสอบขดี จํากดั
ความเขม ขน ของสารกนั เสยี ทใ่ี ช
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 196
การประยกุ ตใ ชว ธิ กี ารวเิ คราะหแ บบเรว็
ในการศกึ ษาผลของสารยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โตของแบคทเี รยี
ในการตรวจสอบผลของสารยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สามารถใชเ ครอ่ื งมอื
วิเคราะหแ บบเรว็ ในหลกั การ Impedance method
M (%) M-value E(%) E-value
20 20
18 18 Control
16 16
12 12
10 10 1
8 Control 8
6 62
41 4
22 2
03 0
-2 -2 3
0 5 10 15 0 5 10 15
เวลา (ชั่วโมง) เวลา (ชั่วโมง)
Crystalviolet 1=0.01 mg/l , 2=0.1 mg/l , 3=1 mg/l
ภาพ 42 การตรวจสอบประสิทธิภาพของสารยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ในตัวอยางนี้แสดงถึงการเจริญเติบโตของเชื้อ Staphylococcus aureus ในอาหาร
เล้ียงเช้ือระหวา งการบม เพาะเชอ้ื ในชว ง 15 ชว่ั โมง ทอ่ี ณุ หภมู ิ 30 องศาเซลเซียส เมอ่ื มกี าร
ผันแปรปรมิ าณของ Crystalviolet (CV) ในปรมิ าณทแ่ี ตกตา งกนั
ผลของการยบั ยง้ั ของ Crystalviolet สามารถแสดงผลไดอยางชัดเจน ในภาพ 42 กราฟ
ในชุดควบคุมชี้ใหเห็นถึงการเจริญเติบโตของเชื้อ Staphylococcus aureus ท่ีไมมกี ารเตมิ
สาร Crystalviolet สวนการเติมที่ระดับ 0.01 มิลลิกรัมตอลิตรมีผลทําใหเ กดิ การลดลงอยา งมาก
ของกิจกรรมของเชื้อจุลินทรียซึ่งแสดงใหเห็นในกราฟหมายเลข 1 ขณะทเ่ี ตมิ สารทร่ี ะดบั
1 มิลลกิ รมั ตอ ลิตร เกดิ การยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โตของเชอ้ื จลุ นิ ทรียอยา งสมบรู ณ (กราฟ
หมายเลข 3)
ในวิธีการที่งายเชนนี้สามารถประยุกตใชในการศึกษาประสิทธิภาพของสารยบั ยั้งตา งๆ
เชน Antibiotics และสามารถตรวจสอบปริมาณสารยับยั้งตํ่าสดุ ทใ่ี ชเ พอ่ื ยบั ยง้ั การเจรญิ เตบิ โต
ของเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ไ ด
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 197
การตรวจสอบการปนเปอ นของแบคทเี รยี แกรมลบ
ใน Drinking milk โดยใช Impedance method
อายุการเก็บเปน พารามเิ ตอรท ส่ี าํ คัญอันหนึ่งสาํ หรบั Drinking milk ซ่ึงมปี จ จยั
หลายอยางที่มีอิทธิพลตออายุการเก็บของผลิตภัณฑดังกลาว ไดแก (1) คุณภาพของนํ้านมดบิ
(2) สภาวะการฆาเชื้อ (3) การปนเปอ นกลับ (4) การบรรจแุ ละชนดิ ของวสั ดทุ ใ่ี ชเ ปน ภาชนะ
บรรจุและสภาพการเก็บ และ (5) อุณหภูมใิ นขณะขนสง จากปจ จยั ดงั กลา วทง้ั หมดการปนเปอ น
เปนสวนที่สําคญั ทส่ี ดุ ทค่ี วรพจิ ารณา การใชเ ครอ่ื งมอื วเิ คราะหใ นระบบ Impedance method
เปนระบบท่ีเปน ไปไดใ นการตรวจสอบการปนเปอ นกลบั ของเชอ้ื จลุ นิ ทรยี แ กรมลบใน Drinking
milk ภายในเวลา 24 ชว่ั โมง โดยมขี น้ั ตอนการตรวจสอบดงั น้ี
1.! สุมตัวอยางหลงั ขน้ั ตอนการบรรจขุ องภาชนะใสน ้ํานม
2.! บมเพาะเช้ือเบ้ืองตน ของภาชนะบรรจนุ า้ํ นมทป่ี ด สนทิ ในหอ งบม เพาะเชอ้ื ท่ี 25
องศาเซลเซยี ส นาน 18 ชว่ั โมง
3.! หลังจากบมเพาะเช้อื เบอื้ งตนแลว เติม 10 มลิ ลิลิตรของนมในเซลวัดของเครื่องวัด
Impedance
4.! เติม 0.1 มิลลิลิตรของ Yeast-extract solution รอยละ 20 และ 0.1 มลิ ลิลิตรของ
Benzalkoniumchloride solution รอยละ 10 สารละลายทง้ั สองนค้ี วรเตรยี มเปน
Sterile stock solution เพื่อใชเฉพาะ กลาวคือ ละลาย Yeast extract 10 กรมั ใน
น้ํากลั่น 50 มิลลิลิตร และละลาย Benzalkoniumchloride 5 กรัม ในน้ํากลั่น 50
มิลลิลิตร ทาํ การเตรยี มและฆา เชอ้ื (15 นาที ท่ี 121 องศาเซลเซยี ส) ของแตละ
Stock แยกกัน และเก็บสารละลายท้งั สองในตูเยน็ ที่ 4 องศาเซลเซยี ส
5.! เซทเครื่องมือวัด Impedance โดยกําหนดอุณหภูมิในการบมเพาะที่ 30 องศา
เซลเซียส เวลาในการบม เพาะ 24 ชว่ั โมง Threshold value (M-value) ที่รอยละ 7
และขีดจํากัดเวลาวัดคือ 20 ชว่ั โมง
6.! เดินเครื่องวัด โดยปลอยใหเครื่องดําเนนิ การ Operate ใหส มบรู ณ
7.! วางเซลวัดเขาไปในเครื่องวัด
8.! เคร่ืองจะบนั ทกึ การเจรญิ เตบิ โตของเชอ้ื และ Impedance Detection Time (IDT)
โดยอัตโนมัติ
9.! พิมพขอมูลออกมาจากเครื่องโดยคอมพิวเตอร และอานผล ถา IDT สั้นกวา 20
ช่ัวโมงแสดงวา เกดิ การปนเปอ นจากเชอ้ื จลุ นิ ทรยี แตถา IDT เทากับหรอื มากกวา
20 ช่ัวโมงช้ีใหเ หน็ วา ตวั อยา งปราศจากการปนเปอ นจากเชอ้ื จลุ นิ ทรยี แ กรมลบ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 198
การตรวจสอบ Total Microbial activity
ในนมและผลิตภณั ฑนมโดยใช Impedance method
มีขั้นตอนการตรวจสอบดังนี้
1.! อาหารเลี้ยงเชื้อที่ใชคือ Bimedia 001 A หรอื 002 A (General impedance broth)
2.! การวัดดําเนนิ การดงั น้ี
2.1! เซทเครื่องมือวัด Impedance ดังนี้ อุณหภูมิของเครื่องเทากับ 30 องศา
เซลเซยี ส Threshold value ท่ีแนะนําควรเซทท่ี คา M-value ที่รอยละ 5 และ
เซทขีดจํากัดของเวลาสงู สดุ เทา กบั 20 ชว่ั โมง ปรบั การทํางานของสเกล
M-value ในชวงรอยละ 0-30 สวนคา E-value ในชวงรอยละ 0-60
ขอสังเกต: ทวนสอบการเลือกคา Threshold value ที่เลือกเมื่อทาํ มาตรฐาน
ของเสน สหสมั พนั ธ กอ นเรม่ิ การวดั
! 2.2 เตมิ อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 001 A หรอื Bimedia 002 A จํานวน 9 มิลลิลิตร
ในเซลวัด หรือเซลวดั อาจจะบรรจอุ าหารเลย้ี งเชอ้ื ทย่ี งั ไมไ ดฆ า เชอ้ื แลว อาหาร
เล้ียงเช้ือดงั กลา วสามารถนําไปฆา เชอ้ื โดยตรงในเซล
2.3! ทําเซล Blank (Negative control) โดยการวางเซลวัดที่เติมเฉพาะอาหาร
เล้ียงเชอ้ื ทใ่ี ชจ ํานวน 10 มลิ ลิลิตร(ไมเติมตัวอยาง)
2.4! เติมตัวอยางนํ้านมและผลติ ภณั ฑน ม จํานวน 1 มลิ ลิลิตรลงไปในเซลวัดและ
ผสม เขยาใหเขากันอยากลับหัวกลับทายของเซล เมอ่ื จะสรา งมาตรฐาน
ทุกตัวอยา งควรจะทดลอง 2 ซ้าํ
2.5! ทําการวางเซลวัดตอครั้งของการวัดเขาไปในเครื่องวัด หลังจากวางเซลวัดไป
ได 1 ชวั่ โมงการวัดแตละเซลจะเรม่ิ โดยอัตโนมตั ิ
3.! การประเมนิ ผล
ผลในดา นคณุ ภาพ : เมื่อมีสัญญาณของ Impedance เกินกวาคา Threshold value
รอ ยละ 5 บนคา M-value คา Impedance Detection Time (IDT) จะถูกกําหนด
อยางอัตโนมัติ
ผลในดา นปรมิ าณ : ถามีการสรางกราฟมาตรฐานของเชื้อไวกอนแลว แลวคา
Colony Forming Unit (CFU) จะถูกคํานวณทนั ทที ม่ี สี ญั ญาณของ Impedance
เกินคา Threshold value ที่ถูกเลือกในเบื้องตน
อาหารเลี้ยงเชื้อสําหรบั ใชส รา งมาตรฐานของเชอ้ื ทต่ี อ งการตรวจสอบ แนะนําใหใ ช
อาหารเลย้ี งเชอ้ื PCA (Plate Count Agar) หรอื Plate Count Skim Milk Agar ใน
การทํามาตรฐานจําเปน ตอ งใชต วั อยา งอยา งนอ ยประมาณ 100 ตัวอยาง และ
จํานวนจุลินทรียในตัวอยางที่ใชควรจะคลุมชวงอยางนอย 4 ชวงบน Logarithmic
scale
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 199
การตรวจสอบ Coliforms ในนมและผลติ ภณั ฑน ม
โดยใช Impedance method
มีขั้นตอนการตรวจสอบดังน้ี
1.! อาหารเลี้ยงเชื้อที่ใชคือ Bimedia 160 B (Coliform media)
การเตรียมตัวอยาง : pH correction
สําหรบั ผลติ ภณั ฑน มทม่ี ี pH ตํ่า เชน โยเกิรต นมเปรย้ี ว และครมี เปรย้ี ว การทํา
pH correction ของอาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 160 B จําเปนที่ตองทํา โดยมขี น้ั ตอน
ดังนี้ (1) เตรียมสวนผสมของตัวอยางและอาหารเลี้ยงเชื้อในสัดสวน 1:10 และ
เชค pH ของมนั (2) เตมิ สารละลาย 1M NaOH ลงไปจนมคี า pH ของสว นผสมใน
ชวง pH 7.0+0.1 จดปรมิ าณดา งทเ่ี ตมิ ลงไปจนได pH ตามที่กําหนด (3) จากผลท่ี
ไดน้ีสามารถนําไปคํานวณปรมิ าณสารละลาย 1 M NaOH ที่ฆาเชื้อแลวที่จําเปน
ตองใชใ นอาหารเลย้ี งเชอ้ื 0.5 ลิตร ขอ ควรระวังในการเตมิ ดา งนล้ี งไปในอาหาร
เลี้ยงเชื้อที่ฆาเชื้อแลว อาหารเลย้ี งเชอ้ื นน้ั ควรมอี ณุ หภมู ติ ่ํากวา 40 องศาเซลเซียส
หมายเหตุ: ถาตัวอยางจะตองปนเปนเนื้อเดียวกันกอน (10 กรมั ตวั อยา ง +
สาร เจือจาง 90 มลิ ลิลิตร) ขน้ั ตอนการทํา pH correction สามารถละทง้ิ ขน้ั ตอนน้ี
ได
2.! การวดั โดยใช Impedance method ดําเนินการดงั น้ี
2.1!เซทอุณหภมู ขิ องเครอ่ื งท่ี 37 องศาเซลเซยี ส คา Threshold value ท่ีแนะนําคอื
รอ ยละ 5 ของคา M-value และขีดจํากดั ของเวลาสงู สดุ เทา กบั 24 ชว่ั โมง การ
ปรับการทํางานของสเกล M-value อยูในชว งรอยละ 0-30 สวนสเกล E-value
อยูในชวงรอยละ 0-60
2.2!เตมิ อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 160 B จํานวน 9 มิลลิลิตรลงไปในเซลวัด หรอื
เซลวัดอาจจะบรรจุอาหารเล้ียงเช้ือท่ียังไมไดฆาเช้ือแลวอาหารเล้ียงเช้ือ
ดังกลาวสามารถนาํ ไปฆา เชอ้ื โดยตรงในเซล
2.3!ทําเซล Blank (Negative control) โดยการวางเซลวัดทเ่ี ตมิ เฉพาะอาหารเลย้ี ง
เช้ือท่ีใชจ าํ นวน 10 มลิ ลิลิตร(ไมเติมตัวอยาง)
2.4!เติมตัวอยางนํ้านมและผลติ ภณั ฑน ม จํานวน 1 มลิ ลิลิตรลงไปในเซลวัดและ
ผสม เขยาใหเขากันอยากลับหัวกลับทายของเซล เมอ่ื จะสรา งมาตรฐาน
ทุกตัวอยา งควรจะทดลอง 2 ซ้าํ
2.5!ทําการวางเซลวัดตอครั้งของการวัดเขาไปในเครื่องวัด หลังจากวางเซลวัดไป
ได 1 ชวั่ โมงการวดั แตล ะเซลจะเริม่ โดยอัตโนมัติ
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 200
3.! การประเมนิ ผล
ผลในดา นคณุ ภาพ : เมื่อมีสัญญาณของ Impedance เกินกวาคา Threshold value
รอ ยละ 5 บนคา M-value Impedance Detection Time (IDT) จะถูกกําหนด
อยางอัตโนมัติ
ผลในดา นปรมิ าณ : ถามีการสรางกราฟมาตรฐานของเชื้อไวกอนแลว แลวคา
Colony Forming Unit (CFU) จะถูกคํานวณทนั ทที ม่ี สี ญั ญาณของ Impedance
เกินคา Threshold value ที่ถูกเลือกในเบื้องตน
อาหารเล้ียงเช้ือสําหรบั ใชส รา งมาตรฐานของเชอ้ื ทต่ี อ งการตรวจสอบ แนะนําใหใ ช
อาหารเลย้ี งเชอ้ื VRB (Violet Red Bile Agar) ในการทํามาตรฐานจําเปน ตอ งใช
ตัวอยางอยา งนอ ยประมาณ 100 ตัวอยา ง และจํานวนจลุ ินทรียในตัวอยา งที่ใชควร
จะคลุมชวงอยางนอย 4 ชวงบน Logarithmic scale
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 201
การทดสอบกลัน่ กรองสําหรบั Enterobacteriaceae
ในนมผงโดยวธิ ี Impedance method
ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ตั ว อ ย า ง น ม ผ ง ว า มี ก า ร ป น เ ป อ น จ า ก เ ช้ื อ จุ ลิ น ทรี ย ป ร ะ เ ภ ท
Enterobacteriaceae หรือไม (ตรวจพบหรอื ไมพบ) เปน วธิ กี ารทม่ี ปี ระโยชนอ ยา งมากในการ
กลั่นกรองตัวอยางที่มีจาํ นวนมากๆกอน ซง่ึ จะทําใหไ มเ สยี เวลาในการทดสอบในรายละเอยี ด
และสามารถทันการในการนําสินคา ดังกลา วออกจําหนา ย ซง่ึ มขี น้ั ตอนดงั ตอ ไปน้ี
1.! อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทใ่ี ช ไดแกอ าหารเลี้ยงเช้อื Bimedia 140 A (Enterobacteriaceae
media)
2.! ข้ันตอนเบอ้ื งตน ในการทําใหเ ซลคืนตัว สําหรบั ตวั อยา งแหง หรอื ผงจะทําใหเ ซลคนื
ตัวไดโดยการนําตวั อยา งผสมกบั น้ําเปปโตน (Buffered peptone water) และทิ้งไว
ท่ี 37 องศาเซลเซียส นาน 4 ชว่ั โมง โดยไมต องคนสารละลายดงั กลาว ทง้ิ ใหเ ซล
จุลนิ ทรียเกดิ การคนื ตวั อัตราสวนของนมผงที่ใชคือผสมนมผงกับ Buffered
peptone water ในอัตราสวน 1:10 เชน นมผง 10 กรมั ในน้ําเปปโตน 90 มิลลิลิตร
3.! การวดั โดยใช Impedance method ดําเนินการดงั น้ี
3.1!เซทอุณหภมู ขิ องเครอ่ื งท่ี 37 องศาเซลเซียส คา Threshold value ท่ีแนะนําคอื
รอ ยละ 10 ของคา E-value กอนและรอยละ 5 ของคา M-value และขีดจํากดั
ของเวลาสูงสดุ เทา กบั 15 ชว่ั โมง การปรบั การทํางานของสเกล M-value อยูใน
ชว งรอ ยละ 0-30 สวนสเกล E-value อยูในชวงรอยละ 0-30
3.2!เตมิ อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 140 A จํานวน 9 มิลลิลิตรลงไปในเซลวัด หรอื
เซลวัดอาจจะบรรจุอาหารเล้ียงเช้ือท่ียังไมไดฆาเช้ือแลวอาหารเล้ียงเช้ือ
ดังกลาวสามารถนาํ ไปฆา เชอ้ื โดยตรงในเซล
3.3!ทําเซล Blank (Negative control) โดยการวางเซลวัดที่เติมเฉพาะอาหาร
เล้ียงเชอ้ื ทใ่ี ชจ ํานวน 10 มิลลิลิตร(ไมเติมตัวอยาง)
3.4!เติมตัวอยางนํ้านมทผ่ี า นการทําใหเ ซลคืนตัวแลว จํานวน 10 มิลลิลิตรลงไปใน
เซลวัดและผสม เขยา ใหเ ขา กนั อยา กลบั หวั กลบั ทา ยของเซล
3.5!ทําการวางเซลวัดตอครั้งของการวัดเขาไปในเครื่องวัด หลังจากวางเซลวัดไป
ได 1 ช่ัวโมงการวดั แตละเซลจะเรมิ่ โดยอตั โนมัติ
4.! การประเมนิ ผล
ผลทางบวกทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ของคา E-value รอยละ 10 โดยสังเกตการเจริญเติบโตใน
ลักษณะ Growth curve ภายในเวลาที่จาํ กัดไว 15 ชว่ั โมงแสดงวา มกี ารปนเปอ น
เชื้อ Enterobacteriaceae ในตัวอยาง การทดสอบยนื ยนั ตวั อยา งอาจจะใชอ าหาร
เลี้ยงเชื้อ VRBA (Violet Red Bile Agar) ในการเลี้ยงเชื้อดวยวิธีปกติ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 202
การตรวจสอบ Total Microbial activity
ในเนอ้ื และผลติ ภณั ฑเ นอ้ื โดยใช Impedance method
มีขั้นตอนการตรวจสอบดังน้ี
1. อาหารเลี้ยงเชื้อที่ใชคือ Bimedia 001 A หรอื 002 A (General impedance broth)
2! การวัดดําเนนิ การดงั น้ี
2.1! เซทเครื่องมือวัด Impedance ดังน้ี อุณหภูมิของเครื่องเทากับ 30 องศา
เซลเซยี ส Threshold value ท่ีแนะนําควรเซทท่ี คา M-value ที่รอยละ 5 และ
เซทขีดจํากัดของเวลาสงู สดุ เทา กบั 24 ชว่ั โมง ปรบั การทํางานของสเกล
M-value ในชวงรอยละ 0-30 สวนคา E-value ในชว งรอยละ 0-60
ขอสังเกต: ทวนสอบการเลือกคา Threshold value ที่เลือกเมื่อทาํ มาตรฐานของ
เสนสหสัมพันธ กอ นเรม่ิ การวดั
2.2!ผสมเน้ือ 10 กรมั ลงในสารละลายเกลอื แกงเขม ขน รอ ยละ 0.9 จาํ นวน 90
มิลลิลิตร และทําการปน ใหเ ปน เนอ้ื เดยี วกนั ใน Stomacher Lab-blender นาน
2-3 นาที
2.3!เตมิ อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 001 A หรอื Bimedia 002 A (ถาจําเปน ควรทํา
ใหอุนที่อุณหภูมิหอง) จํานวน 9 มิลลิลิตรในเซลวัด หรอื เซลวดั อาจจะบรรจุ
อาหารเลี้ยงเช้ือท่ียังไมไดฆาเชื้อแลวอาหารเลี้ยงเชื้อดังกลาวสามารถนําไปฆา
เชื้อโดยตรงในเซล
2.4! ทําเซล Blank (Negative control) โดยการวางเซลวัดที่เติมเฉพาะอาหาร
เล้ียงเชอ้ื ทใ่ี ชจ ํานวน 10 มลิ ลิลิตร(ไมเติมตัวอยาง)
2.5!เติมตัวอยา งจาํ นวน 1 มิลลิลิตรลงไปในเซลวัดและผสม เขยา ใหเ ขา กนั อยา กลบั
หัวกลับทายของเซล เม่ือจะสรา งมาตรฐาน ทุกตัวอยางควรจะทดลอง 2 ซ้าํ
2.6! ทําการวางเซลวัดตอครั้งของการวัดเขาไปในเครื่องวัด หลังจากวางเซลวัดไป
ได 1 ช่วั โมงการวัดแตละเซลจะเร่มิ โดยอัตโนมตั ิ
4.! การประเมนิ ผล
ผลในดา นปรมิ าณ : ถามีการสรางกราฟมาตรฐานของเชื้อไวกอนแลว แลวคา
Colony Forming Unit (CFU) จะถูกคํานวณทนั ทที ม่ี สี ญั ญาณของ Impedance
เกินคา Threshold value ที่ถูกเลือกในเบื้องตน
อาหารเลี้ยงเชื้อสําหรบั ใชส รา งมาตรฐานของเชอ้ื ทต่ี อ งการตรวจสอบ แนะนําใหใ ช
อาหารเลย้ี งเชอ้ื PCA (Plate Count Agar) ในการทํามาตรฐานจําเปน ตอ งใช
ตัวอยางอยา งนอ ยประมาณ 100 ตัวอยา ง และจํานวนจุลินทรียในตัวอยางที่ใชควร
จะคลุมชวงอยางนอย 4 ชวงบน Logarithmic scale
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 203
การทดสอบกลั่นกรองสําหรบั Enterobacteriaceae
ในเนอ้ื บดโดยวธิ ี Impedance method
ก า ร ต ร ว จ ส อ บ ตั ว อ ย า ง เ นื้ อ บ ด ว า มี ก า ร ป น เ ป อ น จ า ก เ ชื้ อ จุ ลิ น ทรี ย ป ร ะ เ ภ ท
Enterobacteriaceae หรือไม (ตรวจพบหรือไมพ บ) เปน วธิ กี ารทม่ี ปี ระโยชนอ ยา งมากในการ
กลั่นกรองตัวอยางที่มีจาํ นวนมากๆกอ น ซง่ึ จะทําใหไ มเ สยี เวลาในการทดสอบในรายละเอยี ด
และสามารถทันการในการนําสินคาดังกลาวออกจําหนา ย ซง่ึ มขี น้ั ตอนดงั ตอ ไปน้ี
1.! อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทใ่ี ช ไดแกอาหารเลยี้ งเชอ้ื Bimedia 140 A (Enterobacteriaceae
media)
2.! การเตรียมตัวอยาง นําเนอ้ื บด 25 กรมั + สารละลาย Buffered peptone water
จํานวน 225 มิลลิลิตร และปนใน Stomacher
3.! การวัดโดยใช Impedance method ดําเนินการดงั น้ี
3.1! เซทอุณหภมู ขิ องเครอ่ื งท่ี 37 องศาเซลเซยี ส คา Threshold value ท่ีแนะนํา
คือรอยละ 10 ของคา E-value กอนและรอยละ 5 ของคา M-value และขีด
จํากัดของเวลาสูงสุดเทากับ 20 ช่ัวโมง การปรบั การทํางานของสเกล M-value
อยูในชวงรอยละ 0-30 สวนสเกล E-value อยูในชวงรอยละ 0-30
3.2! เตมิ อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 140 A จํานวน 9 มลิ ลิลิตรลงไปในเซลวัด หรอื
เซลวัดอาจจะบรรจุอาหารเล้ียงเช้ือท่ียังไมไดฆาเช้ือแลวอาหารเล้ียงเช้ือ
ดังกลาวสามารถนาํ ไปฆา เชอ้ื โดยตรงในเซล
3.3! ทําเซล Blank (Negative control) โดยการวางเซลวัดที่เติมเฉพาะอาหาร
เล้ียงเชอ้ื ทใ่ี ชจ ํานวน 10 มลิ ลิลิตร(ไมเติมตัวอยาง)
3.4! เติมสารละลายตวั อยา งจํานวน 1 มลิ ลิลิตรลงไปในเซลวัดและผสม เขยา ใหเ ขา
กันอยากลับหัวกลับทายของเซล
3.5! ทําการวางเซลวัดตอครั้งของการวัดเขาไปในเครื่องวัด หลังจากวางเซลวัดไป
ได 1 ช่วั โมงการวัดแตละเซลจะเรมิ่ โดยอตั โนมตั ิ
4.! การประเมนิ ผล
ผลทางบวกทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ของคา E-value รอยละ 10 โดยสังเกตการเจริญเติบโตใน
ลักษณะ Growth curve ภายในเวลาที่จาํ กัดไว 20 ชว่ั โมงแสดงวา มกี ารปนเปอ น
เช้อื Enterobacteriaceae ในตัวอยาง การทดสอบยนื ยนั ตัวอยา งอาจจะใชอ าหาร
เลี้ยงเชื้อ VRBA (Violet Red Bile Agar) ในการเลี้ยงเชื้อดวยวิธีปกติ
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 204
การตรวจสอบ Salmonella กบั อาหารเลย้ี งเชอ้ื Selenite-Cystine
Media (Easter-Gibson Media) โดยวิธี Impedance method
การตรวจสอบเชอ้ื Salmonella โดยใชเ ทคนิค Impedance method มีขน้ั ตอนดงั ตอ ไปน้ี
1.! อาหารเลี้ยงเชื้อที่ใช ถามีการใชอาหารเลี้ยงเชื้อเดี่ยวเพื่อการตรวจสอบ มกั นยิ มใช
อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 205 A ( ดดั แปลงมาจาก EASTER-GIBSON media)
2.! ข้ันตอนเบอ้ื งตน ในการทําใหเ ซลสมบรู ณ (Pre-enrichment) อาหารเลย้ี งเชอ้ื
มาตรฐานทใ่ี ชใ นการทําใหเ ซลสมบรู ณไ ดแ ก Buffered peptone water เพื่อใหการ
เกิดสัญญาณของ Impedance กับตวั อยา งในอาหารเลี้ยงเช้ือ Bimedia 205 A
อาจจะใช Pre-media 205 A ในตัวอยา งทง้ั หมดสาํ หรบั Pre-enrichment
ตัวอยางการทํา Pre-enrichment
• เนอ้ื : นําตัวอยางเนื้อ 25 กรมั + สารละลาย Buffered peptone water จํานวน
225 มิลลิลิตร หรอื ใช Pre-media 205 A และทําการปน เปน เนอ้ื เดยี วกนั ใน
Stomacher
• หนัง เชน หนงั ไก: แชช น้ิ สว นของหนงั (~ 8x8 เซนติเมตร) ในสารละลาย
Buffered peptone water จํานวน 100 มลิ ลิลิตร หรอื ใช Pre-media 205 A ใน
ถุงพลาสติก และกวนหรือคน
• นมผง: ผสมนมผง 25 กรมั ในสารละลาย Buffered peptone water จํานวน 225
มลิ ลิลิตร หรอื ใช Pre-media 205 A
•ผลิตภัณฑอื่นๆ ทั่วไป: ตัวอยาง 25 กรมั + สารละลาย Buffered peptone water
จํานวน 225 มิลลิลิตร หรอื ใช Pre-media 205 A
สํ าห รั บตัวอยางแหงหรือผงจะทํ าใหเซลคืนตัวไดโดยการนํ าตัวอยางผสมกับ
Pre-enrichment media และทิ้งไวที่อุณหภูมิหอง นาน 1 ชว่ั โมง ทง้ิ ใหเ ซลจลุ นิ ทรยี
เกิดการคืนตัว
3.! การบม เพาะเชอ้ื Pre-enrichment broth บมเพาะเชื้อตัวอยางที่ปนแลวใน
Pre-enrichment broth ท่ี 37 องศาเซลเซียส นาน 16-18 ชว่ั โมง
4.! การวัดโดยใช Impedance method ดําเนินการดงั น้ี
4.1! กําหนดให Bimedia 205 A สมดุลเปน เวลานาน 12 ชว่ั โมง โดยตั้งทิ้งไวที่
อุณหภูมหิ อง
4.2! เซทอุณหภมู ขิ องเครอ่ื งท่ี 37 องศาเซลเซียส คา Threshold value ท่ีแนะนํา
คือรอยละ 5 ของคา M-value และคา E-value ควรจะมกี ารเพม่ิ ทนั ที
เชนเดียวกับคา M-value และขีดจํากดั ของเวลาสงู สดุ เทา กบั 24 ชว่ั โมง
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 205
การปรับการทํางานของสเกล M-value อยูใ นชวงรอยละ 0-30 สวนสเกล
E-value อยูใ นชวงรอยละ 0-50
4.3! เตมิ อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 205 A จํานวน 10 มลิ ลิลิตรลงไปในเซลวัด
4.4! ทําเซล Blank (Negative control) โดยการวางเซลวัดที่เติมเฉพาะอาหาร
เล้ียงเชอ้ื ทใ่ี ชจ ํานวน 10 มิลลิลิตร(ไมเติมตัวอยาง)
4.5! เติมตัวอยางที่ Pre-enrichment แลว จาํ นวน 0.1 มิลลิลิตรลงไปในเซลวัดและ
ผสมอยางระมดั ระวงั เขยา ใหเ ขา กนั อยา กลบั หวั กลบั ทา ยของเซล
4.6! ทําการวางเซลวัดตอครั้งของการวัดเขาไปในเครื่องวัด หลังจากวางเซลวัดไป
ได 1 ชั่วโมงการวดั แตละเซลจะเริ่มโดยอัตโนมตั ิ
5.! การประเมนิ ผล
ผลทางบวกทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ของคา M-value รอ ยละ 5 โดยสังเกตการเจริญเติบโตใน
ลักษณะ Growth curve ภายในเวลาที่จาํ กัดไว 24 ชว่ั โมงแสดงวา มกี ารปนเปอ น
เชือ้ Salmonella ในตัวอยาง
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 206
การตรวจสอบ Salmonella กบั อาหารเลย้ี งเชอ้ื รว มสองชนดิ
(Rappaport-Vassiliadis & Easter-Gibson Media)
โดยวิธี Impedance method
การตรวจสอบเชอ้ื Salmonella โดยใชเทคนคิ การใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื รว มสองชนดิ ( Two
Impedance media) มีขน้ั ตอนดงั ตอ ไปน้ี
1.! อาหารเลี้ยงเชื้อที่ใชคือ Bimedia 201 B (ดัดแปลงมาจาก Rappaport-Vassiliadis
Media) และ อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 205 A ( ดัดแปลงมาจาก Easter-Gibson
Media)
2.! ข้ันตอนเบอ้ื งตน ในการทําใหเ ซลสมบรู ณ (Pre-enrichment) อาหารเลย้ี งเชอ้ื
มาตรฐานทใ่ี ชใ นการทําใหเ ซลสมบรู ณไ ดแ ก Buffered peptone water เพื่อใหการ
เกิดสัญญาณของ Impedance กับตวั อยางในอาหารเลยี้ งเชอ้ื Bimedia 205 A
อาจจะใช Pre-media 205 A ในตวั อยา งทงั้ หมด( ทง้ั Bimedia 201 B และ 205A )
สําหรบั Pre-enrichment
ตัวอยา งการทํา Pre-enrichment
• เนอ้ื : นําตัวอยางเนื้อ 25 กรมั + สารละลาย Buffered peptone water จํานวน
225 มิลลิลิตร หรอื ใช Pre-media 205 A และทําการปน เปน เนอ้ื เดยี วกนั ใน
Stomacher
• หนงั เชน หนงั ไก: แชช น้ิ สว นของหนงั (~ 8x8 เซนติเมตร) ในสารละลาย
Buffered peptone water จํานวน 100 มลิ ลิลิตร หรอื ใช Pre-media 205 A ใน
ถุงพลาสติก และกวนหรือคน
• นมผง: ผสมนมผง 25 กรมั ในสารละลาย Buffered peptone water จํานวน 225
มลิ ลิลิตร หรอื ใช Pre-media 205 A
•ผลิตภัณฑอื่นๆ ทั่วไป: ตัวอยา ง 25 กรมั (มิลลิลิตร) + สารละลาย Buffered
peptone water จํานวน 225 มลิ ลิลิตร หรอื ใช Pre-media 205 A
สํ าห รั บตัวอยางแหงหรือผงจะทํ าใหเซลคืนตัวไดโดยการนํ าตัวอยางผสมกับ
Pre-enrichment media และทิ้งไวที่อุณหภูมิหอง นาน 1 ชว่ั โมง ทง้ิ ใหเ ซลจลุ นิ ทรยี
เกดิ การคนื ตวั
3. การบม เพาะเชอ้ื Pre-enrichment broth บมเพาะเชื้อตัวอยางที่ปนแลวใน
Pre-enrichment broth ท่ี 37 องศาเซลเซยี ส นาน 16-18 ชว่ั โมง
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 207
4. การวดั โดยใช Impedance method ดําเนินการดงั น้ี
4.1! กําหนดให Bimedia 201 B สมดุลเปน เวลานาน 12 ชว่ั โมง โดยตั้งทิ้งไวที่
อุณหภมู หิ อง
4.2! เซทอณุ หภมู ขิ องเครอ่ื งท่ี 40 องศาเซลเซยี ส คา Threshold value ท่ีแนะนํา
คือรอยละ 15 ของคา E-value และขีดจํากดั ของเวลาสงู สดุ เทา กบั 24 ชว่ั โมง
การปรับการทํางานของสเกล M-value อยูในชวงรอยละ 0-20 สวนสเกล
E-value อยูในชวงรอยละ 0-80
4.3! เตมิ อาหารเลย้ี งเชอ้ื Bimedia 201 B จํานวน 10 มลิ ลิลิตรลงไปในเซลวัดที่ฆา
เชื้อแลว
4.4! ทําเซล Blank (Negative control) โดยการวางเซลวัดที่เติมเฉพาะอาหาร
เล้ียงเชอ้ื ทใ่ี ชจ ํานวน 10 มิลลิลิตร(ไมเติมตัวอยาง)
4.5! เติมตัวอยางที่ Pre-enrichment แลว จํานวน 0.1 มิลลิลิตรลงไปในเซลวัดและ
ผสมอยางระมัดระวัง เขยา ใหเ ขา กนั อยา กลบั หวั กลบั ทา ยของเซล
4.6! ทําการวางเซลวัดตอครั้งของการวัดเขาไปในเครื่องวัด หลังจากวางเซลวัดไป
ได 1 ชวั่ โมงการวัดแตละเซลจะเร่ิมโดยอตั โนมตั ิ
5.! การประเมนิ ผล
ผลทางบวกทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ของคา E-value รอ ยละ 15 โดยสังเกตการเจรญิ เติบโตใน
ลักษณะ Growth curve ภายในเวลาที่จาํ กัดไว 24 ชว่ั โมงแสดงวา มกี ารปนเปอ น
เช้อื Salmonella ในตัวอยาง
6.! ทดสอบยนื ยนั ตวั อยา งทม่ี ผี ลทางบวกของ Salmonella
อาหารเล้ยี งเชือ้ ทีป่ กติใชเพื่อการทดสอบยนื ยนั การพบเชื้อ Salmonella ในตัวอยาง
ไดแก Bismuth Sulfite Agar, BPLS Agar, Rambach Agar, SMID Agar และ
XLD Agar เพ่ือทดสอบยนื ยนั การปนเปอ นของ Salmonella การใชอาหารเลี้ยงเชื้อ
รวมกัน 2 ชนดิ (อาหารเลย้ี งเชอ้ื ชนดิ หนง่ึ มคี วามจําเพาะทส่ี งู สวนอีกชนิดมี
ความจําเพาะที่นอยกวา) เชน การใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื Bismuth Sulfite Agar กับ
XLD Agar หลงั จากนนั้ ใชลูปแตะตัวอยา งโดยตรงจากเซลวัดในเคร่ืองมอื วดั
Impedance และ Streak บนอาหารเลี้ยงเชื้อดังกลาวทั้งสองชนิด โดยใชล ูปเดยี ว
และตามดวยการอานผลที่ได และข้นั ตอนตอ ไปจะทําการศกึ ษาทาง Serological
และ Biochemical test
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 208
การใชแ ผน เพาะเชอ้ื ชนดิ แหง ในการวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี
การใชแผนเพาะเชื้อท่ีประกอบดวยอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดแหงนี้เปนวิธีท่ี
สะดวกสําหรับตรวจสอบการปนเปอนของจุลินทรียในสภาพแวดลอมและในอาหาร
โดยเปนทร่ี จู กั กนั ในทางการคา วา Petrifilm ซึ่งสามารถใชไดดีทั้งในการทํา Air
sampling, Direct contact และ Swab contact ในวิธีดังกลาวนี้สามารถใชไดกับ
Diluent หลายชนดิ เชน Standard method buffer, Bufferfields buffer, Peptone
water รอ ยละ 0.1 และ Letheen broth ในกรณีที่มีนํ้ายาทําความสะอาดอยใู นบรเิ วณ
ท่ีจะทําการตรวจมเี งอ่ื นไขวา หา มใช Diluent ท่ีมีองคป ระกอบของ Thiosulphate
หรอื Sodium citrate
วิธีการสมุ ในอากาศ (Air sampling method) วิธีนใ้ี ชใ นการตรวจสอบ
สภาพสิ่งแวดลอมแบบการสุมในอากาศ สามารถจดั วางแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง ได
ทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง โดยกอ นใชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื นใ้ี นการตรวจสภาพ
สิ่งแวดลอมควรทําใหแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื เกดิ การฟอรม เจลกอ น โดยใช Diluent ท่ี
เหมาะสมปรมิ าตร 1 มิลลิลิตร วางแผนอาหารเลี้ยงเชื้อแหงไวอยางนอย 1 ชว่ั โมง
กอนนํามาใช
ในกรณีท่ีตอ งการจดั วางแผนอาหารเลี้ยงเชอ้ื ในแนวนอน ใหใชคลิปหนีบ
ขอบดานบนของแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ใชเทปกาวสองหนาติดบนตัวคลิป แลวพับแผน
ฟลมดา นบนขน้ึ ไปตดิ กบั เทป ระวังอยาใหมือถูกบริเวณเจล เปด แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื
แหง ทิ้งไว 15 นาที แลวจึงปดแผนฟลมกลับ นําไปบม เพาะเชอ้ื และอา นผล
ในกรณีท่ีตอ งการจดั วางแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ในแนวดง่ิ ใหพบั แผน ฟลม ดา น
บนและใชเทปกาวติดแผนอาหารเลี้ยงเชื้อแหง ระวังอยาใหมือถูกบริเวณเจล
การแปลผลแบบ Air sampling method ผลที่ไดถือเปนตอพื้นที่ 40 ตาราง
เซนติเมตรสําหรบั แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Aerobic count และ Coliform count
และ E.coli count แตผลที่ไดถือเปนตอพื้นที่ 60 ตารางเซนตเิ มตรสําหรบั แผน อาหาร
เลย้ี งเชอ้ื ประเภท Yeast and Mold count
วิธกี าร Swab contact method วิธีการน้จี ะตอ งใชสารละลายท่สี ามารถใช
ชะลา ง Swab (rinse solution) ที่เขากับแผนอาหารเลี้ยงเชื้อแหงนั้นๆได (ชนดิ ของ
Diluent ไดกลาวมาแลว ขา งตน ) โดยแนะนําวา ใหใ ช Swab สําลีมากกวา Swab แบบ
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 209
Calcium alginate ถา จะใช Swab แบบ Calcium alginate ควรใช Letheen broth ท่ี
มี Sodium glycerophosphate รอ ยละ 1 เปน Rinse solution และ Solubilizing
วิธีการใหตวง Rinse solution ใสหลอดแกวฝาเกลียวใหไดปริมาตร 5
มิลลิลิตร หลังการฆาเชื้อแลว จากนน้ั จมุ ปลาย Swab ลงใน Rinse solution แลว
กดทับหลอดแกว ดา นในเพอ่ื รดี ไมใ หส ารละลายชมุ เกนิ ไป จรดปลาย Swab ทํามุม
ประมาณ 30 องศากับพื้นผิว ปาดพน้ื ผวิ ทต่ี อ งการตรวจสอบอยา งชา ๆ ใหทั่วถึงใน
ลักษณะขึ้นลงและซายขวา หลงั จากใช Swab ปาดพื้นผิวแลวหักปลาย Swab ใสใน
Rinse solution ปดฝาเกลียวและเขยาหลอดแกวแรงๆ 10 วินาที ปเปตสารละลาย 1
มิลลิลิตร ลงในแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื นําไปบม เพาะเชอ้ื และอานผล
การแปลผลแบบ Swab contact method จะคิดเปนจาํ นวนโคโลนที ง้ั หมดใน
พื้นท่ีท่ีทาํ การ Swab เทากับ จํานวนโคโลนที น่ี บั ไดค ณู ดว ยปรมิ าตรของ Diluent
ทใ่ี ช (มลิ ลิลิตร)
วิธกี าร Direct contact method เปนวธิ กี ารตรวจหาเชอ้ื จลุ ินทรยี ใ น
ตัวอยางตางๆโดยตรง โดยวิธีการดังกลาวจะตองเตรียมแผนอาหารเลี้ยงเชื้อแหงให
เปน เจลลว งหนา ดว ยการใช Diluent ท่ีเหมาะสม 1 มลิ ลิลิตร เพื่อใหเกิดการฟอรม
เจลดี ควรเตรียมแผนอาหารเลี้ยงเชื้อลวงหนาอยางนอย 30 นาทสี าํ หรบั แผน อาหาร
เลย้ี งเชอ้ื ประเภท Aerobic count และ 1-2 ชว่ั โมงสําหรบั แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื
ประเภท Coliform count หรอื E.coli count และเกบ็ แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทเ่ี ตรยี มให
เปนเจลแลวในถุงพลาสติก ปด ฝาถงุ ดว ยเทปกาวหรอื ทม่ี ซี ปิ ปด ปากถงุ ตอง
หลีกเลย่ี งจากแสงสวา ง และเกบ็ ในตเู ยน็ หรอื ทม่ี อี ณุ หภมู ิ 2-8 องศาเซลเซียส แผน
อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทใ่ี ชใ นการตรวจหา Aerobic count ท่ีเตรยี มแลวสามารถเกบ็ ไวใน
ตูเย็นไดถึง 14 วัน สวนแผนอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดอื่นๆเก็บไวในตูเย็นไดถึง 7 วัน
สําหรับแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Yeast and Mold count ควรใช
Letheen broth เปน Diluent เม่ือจะทําการตรวจพน้ื ผวิ แบบ Direct contact นําแผน
อาหารเลี้ยงเชื้อที่ใส Diluent แลวใสถุงพลาสติกปดปากถุงและนําไปบม ท่ี 30-37
องศาเซลเซียสเปนเวลา 24 ชว่ั โมง หลงั จากบม กน็ ําแผนอาหารเลี้ยงเชื้อใสในตูเย็น
อยางนอย 4 ชั่วโมงเพื่อใหเจลแข็งตัวดี แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทเ่ี ตรยี มดว ย Letheen
broth จะมีลักษณะเปนลายดางๆ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 210
วิธีการสุมตัวอยางพื้นผิวนั้นสามารถดาํ เนนิ การตามขน้ั ตอนดงั นค้ี อื คอยๆ
เปดแผน ฟล ม ดา นบน ระวงั อยาใหน ้ิวมอื สมั ผสั กบั เนอื้ เจล เนื้อเจลสวนใหญจะติดเปน
วงกลมอยกู บั แผน ฟล ม ดา นบน แตะเนื้อเจลบริเวณพื้นผิวที่ตองการตรวจสอบ ใชน ว้ิ
ลูบดานนอกของแผนฟลมดานบนเพื่อใหเนื้อเจลทั้งวงสัมผัสกับพื้นผิว ทาํ ความ
สะอาดพื้นผิวนั้นๆหลังการแตะกันเนื้อเจล ปด แผน ฟล ม ดา นบนกลบั นําไปบม เพาะ
เช้ือและนับจํานวนโคโลนตี ามวธิ ขี องแผนอาหารเลี้ยงเช้ือแตล ะชนดิ
การแปลผลแบบ Direct contact method ผลที่ไดถือเปนตอพื้นที่ 20 ตาราง
เซนติเมตร สําหรบั แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Aerobic count , Coliform count
และ E.coli count และผลที่ไดถือเปนตอพื้นที่ 30 ตารางเซนตเิ มตรสําหรบั แผน
อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Yeast and mold
วิธีการใชแผน อาหารเล้ยี งเช้อื แหง
การใชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง (Petrifilm plates) นี้สามารถดําเนนิ การได
ตามขั้นตอนตอ ไปน้ี
1.! แชเย็นแผนอาหารเลี้ยงเชื้อแหงที่ 4-8 องศาเซลเซียสสําหรบั ซองทย่ี งั ไม
ไดเปดใชง าน (อยา งไรกต็ ามแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง นม้ี อี ายกุ ารใชง าน
ตามที่บริษัทผูผลิตกําหนดเชน กนั ดงั นน้ั จงึ ตอ งดวู นั หมดอายทุ ร่ี ะบุ
บนขางซองดว ยกอ นการใชง านทกุ ครง้ั เสมอ)
2.! เม่ือตองการใชงานใหนําซองท่ีบรรจุแผนอาหารเลี้ยงเช้ือแหงมาตัด
ตามรอยประดา นเดยี ว
3.! หลังจากเปดซองแลวใหเก็บที่ 25 องศาเซลเซยี ส และความชนื้ สัมพทั ธ
ไมเกินรอยละ 50 หา มนําเขา ไปแชเ ยน็ อีกอยา งเดด็ ขาด (ซองที่เปดแลว
สามารถเก็บที่สภาพ 25 องศาเซลเซียส ความช้นื สัมพัทธนอยละ 50 ได
นาน 1 เดือน)
4.! เตรียมตัวอยางอาหารตามทก่ี ําหนดในวิธีการมาตรฐานทว่ั ไป
5.! สารละลายทเ่ี จอื จางตวั อยา งอาหารมดี งั น้ี Standard phosphate buffer,
Peptone water รอ ยละ 0.1, Sterile water, Phosphate buffered
saline และ Bufferfield’s buffer หามใช Buffers ที่มีองคประกอบของ
Sodium citrate หรอื Thiosulphate เดด็ ขาด
6.! วางแผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื บนแนวราบโดยใหแ ผน ฟล ม อยดู า นบน
7.! คอยๆปลอยสารละลายตวั อยา ง 1 มิลลิลิตรในแนวตั้ง พยายามให
สารละลายตกอยูเหนือตรงกลางแผนเล็กนอย
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 211
8.! สําหรับแผนอาหารเลี้ยงเชื้อที่ไมคํานึงถึงฟองอากาศก็ใหปลอยแผนฟลม
ลงไดทนั ทเ่ี ชน แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Aerobic count plates หรอื
Yeast and mold count plates เปนตน สว นทต่ี อ งระมดั ระวงั การมผี ล
กระทบเนื่องจากฟองอากาศก็ใหคอยๆปลอยแผนฟลมดานบนลงอยาง
ชาๆเพอ่ื ปอ งกนั การเกดิ ฟองอากาศ เชน แผน อหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท
Coliform count plates หรอื E.cloi count plates เปนตน
9.! วาง Spreader ลงบนแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื สําหรบั Aerobic count
plates ใช Spreader ดานที่มีชองรูปวงกลม สาํ หรบั Coliform และ
E.coli count plates ใช Spreader ดานเรียบ สําหรบั Yeast and mold
count plates ใช Spreader พิเศษที่เหมาะสม
10.!คอยๆ ใชน้วิ ชี้หรือนวิ้ หวั แมมอื กดตรงกลาง Spreader เพื่อใหสารละลาย
กระจายตัวเต็มวงกลม (อยาใชแรงกดบิดหรือเคลื่อน Spreader ไปมา)
11.!ยก Spreader ออก ทง้ิ ไวป ระมาณ 1 นาทีเพื่อรอใหวุนแข็งตัว
12.!นําแผนอาหารเลี้ยงเชื้อเรียงซอนกันไดสูงสุดไมเกิน 20 แผน สาํ หรบั
Aerobic counts ทําการบมเพาะเชื้อท่ี 32-35 องศาเซลเซียส นาน 48
ช่ัวโมง สาํ หรบั Coliform counts ทําการบม เพาะเชื้อท่ี 32-35 องศา
เซลเซียส นาน 24 ชว่ั โมง สําหรบั E.coli counts ทําการบม เพาะเชอ้ื ท่ี
32-35 องศาเซลเซียส นาน 24-48 ชว่ั โมง และสําหรบั Yeast and mold
counts ทําการบมเพาะเชื้อที่ 21-25 องศาเซลเซียส นาน 3 วัน และ 5
วัน
13.!อานผลและคํานวณจํานวนโคโลนตี อตวั อยา งตามวิธีการมาตรฐาน
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 212
วธิ ใี ชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง ในการตรวจสอบ
Aerobic count plates ในอาหาร
หลักการ :
วิธีนี้ใหอ าหารเลี้ยงเชื้อที่ประกอบดวยอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดแหง และเจลที่
ละลายไดในนํ้าเยน็ เตมิ ตวั อยา งทเ่ี ตรยี มโดยเจอื จางหรอื ไมเ จอื จางปรมิ าตร 1
มิลลิลิตร ลงในแผน เพาะเชอ้ื แรงกดบนแผนพลาสติกซึง่ วางทับแผน แผนฟลม แผน
บน จะทําใหตัวอยา งแผก ระจายในบรเิ วณทจ่ี ะใหเ ชอ้ื เจรญิ เตบิ โตเปน พน้ื ทป่ี ระมาณ
20 ตารางเซนตเิ มตร หลังจากพักไวสักครู เจลจะแขง็ ตวั และแผน เพาะเชอ้ื จะถกู นํา
ไปบมและตรวจนบั จํานวนเชื้อตอไป อปุ กรณท ส่ี ามารถใชใ นการเตมิ ตวั อยา งลงใน
แผนเพาะเชื้อไดแก ปเ ปต ปเปตแบบตอเนื่อง หรือปเปตแบบอัตโนมัติ สว นการเกบ็
รักษาแผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื นน้ั ซองแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทย่ี งั ไมไ ดเ ปด ใชใ หแ ชเ ยน็ ท่ี
อุณหภูมิ 4-8 องศาเซลเซียส และซองที่เปดแลวแตใชไมหมดใหเก็บที่อุณหภูมิหอง
ไดไมเกนิ 1 เดือน หา มนําเขา แชเ ยน็ อีกเดด็ ขาด
การเตรียมสารละลายเจือจางและตัวอยาง :
ขอแนะนําในการเตรยี มสารละลายเจอื จาง (Dilution water) เพอ่ื เปน การ
เตรยี ม Stock solution ใหละลาย KH2PO4 จํานวน 34 กรมั ในน้าํ 500 มิลลิลิตร และ
ปรบั pH เปน 7.2 ดวย 1N NaOH (ประมาณ 175 มลิ ลิลิตร) และเจอื จางเปน 1 ลิตร
ดวยน้ํากลั่น เพื่อเตรียม Buffer water สําหรับใชเจอื จาง ใหทําการเจอื จาง Stock
solution 1.25 มิลลิลิตร เปน 1 ลิตรดวยนาํ้ กลั่น และฆาเชื้อที่ 121 องศาเซลเซียส
นาน15 นาที
เตรียมตัวอยางอาหารตามแบบการเจอื จางอนกุ รมใหเ หมาะสม โดยใช
สารละลายเจือจางตวั อยา งที่เปน Standard phosphate buffer, Peptone water
รอยละ0.1, Sterile water, Phosphate buffered saline และ Bufferfield’s buffer
หา มใช Buffers ที่มีองคประกอบของ Sodium citrate หรอื Thiosulphate เพราะมี
ผลยับยง้ั การเจรญิ เตบิ โตของเชอ้ื จลุ นิ ทรยี
การวิเคราะห :
ใหวางแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง บนพน้ื ราบ ใหแ ผน ฟล ม ดา นใสอยขู า งบน
ปเปตสารละลายตวั อยา ง 1 มลิ ลิลิตร เปด แผน ฟล ม แผน บนขน้ึ อยา งชา ๆ และคอยๆ
ปลอยสารละลายตัวอยางลงตรงกลางแผน ปลอยแผนฟลมลง วาง Spreader ลงบน
แผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื โดยใหดา นที่มีรอ งวงกลมคว่ําหนา ลง คอยๆใชนิ้วชี้กดลง
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 213
ตรงกลาง Spreader จนเห็นสารละลายกระจายเตม็ วงกลม อยาบิดหรือเลื่อน
Spreader ไปมา ยก Spreader ออก ทิ้งแผนอาหารเลี้ยงเชื้อไว 1 นาทีกอนเคลื่อน
ยายเพื่อใหวุนแข็งตัว บม แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Aerobic count plates
ท่ี 35+1 องศาเซลเซยี ส นาน 48+3 ช่ัวโมง ในการบม เพาะเชอ้ื ใหว างแผน อาหาร
เล้ียงเช้ือแหงน้ใี นตําแหนง ราบกบั พน้ื ใหส ว นใสขน้ึ บนและสามารถเรยี งซอ นแผน
อาหารเลี้ยงเชื้อไดไมเกิน 20 แผน อา นผลหลงั จากเสรจ็ สน้ิ การบม เพาะเชอ้ื โดยนบั
โคโนนีสีแดงทุกโคโลนี (ชว งทเ่ี หมาะสมคอื 30-300 โคโลนี) และคํานวณจํานวน
แบคทีเรีย โดยการคณู จํานวนโคโลนีทั้งหมดตอแผน (หรอื คา เฉลย่ี จํานวนโคโลนตี อ
แผนถาการนับเปนการทําซา้ํ ในระดบั การเจอื จางเดยี วกนั ) ดวย (1/ ระดบั การเจอื จาง
ท่ีใช) เมื่อนับจํานวนโคโลนใี นแผน ซ้ําของระดบั การเจอื จางตา งๆกนั ใหคํานวณคา
เฉล่ียของจํานวนโคโลนีของแตละระดับการเจือจางกอนจําคํานวณคาเฉล่ียจํานวน
แบคทีเรียเปน จํานวน cfu/ml หรือ cfu/g การนับโดยประมาณสามารถกระทําไดบ น
แผนอาหารเลี้ยงเชื้อที่มีจาํ นวนโคโลนมี ากกวา 300 โคโลนี และควรจจะรายงานเปน
การนับโดยประมาณ ในการกระทําดงั กลา วพน้ื ทก่ี ารเจรญิ ของเชอ้ื สามารถถกู นํามา
พิจารณาเพื่อใหไดพื้นที่ประมาณ 20 ตารางเซนตเิ มตร เพอ่ื การจําแนกโคโลนที ม่ี ี
ความสนใจตอไปสามารถกระทําไดเ ชน กนั โดยการยกสว นบนของฟล ม ออก และเก็บ
ตัวอยางโคโลนที ส่ี นใจจากเจล อยา งไรกต็ ามหลงั จากเสรจ็ สน้ิ การบม เพาะเชอ้ื แลว
แผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื อาจจะถกู เกบ็ ในสภาพแชแ ขง็ (≤ -15 องสาเซลเซียส) ถึง 7 วัน
เพ่ือหลีกเลย่ี งการปฏบิ ตั กิ ารประจําวนั
ขอแนะนําในการอา นผลของ Aerobic count plate
1.! จํานวนโคโลนีเปน 0 เมอ่ื แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ไมม โี คโลนขี องจลุ นิ ทรยี
เลย
2.! จํานวนโคโลนเี ปนเลขหลักสิบ แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื กจ็ ะปรากฏโคโลนี
ของจุลนิ ทรยี อ ยเู ลก็ นอ ย อนิ ดเิ คเตอรยอ มสีโคโลนใี หเปน สแี ดง ใหน บั
จํานวนโคโลนีท่ีติดสแี ดงทง้ั หมดไมว า จะมขี นาดเลก็ หรอื ใหญห รอื มสี แี ดง
เขมหรือแดงออน อาจจะใชเ ครอ่ื งนบั โคโลนมี าตรฐานเปน เครอ่ื งชว ยนบั
3.! จํานวนโคโลนีที่อยูในชวง 25-250 โคโลนี กส็ ามารถดาํ เนนิ การนบั
เชนเดียวกบั วธิ ีมาตรฐานทัว่ ไป
4.! จํานวนโคโลนีท่ีมากกวา 250 โคโลนี ถาพบวาจํานวนโคโลนมี ากกวา
250 โคโลนีใหทําการนบั โดยประมาณ เลอื กนบั จํานวนโคโลนใี นหนง่ึ
ชองของแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื (1 ตารางเซนตเิ มตร) เปนตัวแทนแลวคูณ
จํานวนที่นับไดดวย 20 กจ็ ะไดจ ํานวนโคโลนีทง้ั หมดในแผน อาหาร
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 214
เล้ียงเช้ือโดยประมาณ บรเิ วณวงกลมทเ่ี ชอ้ื เจรญิ เตบิ โตมพี น้ื ทป่ี ระมาณ
20 ตารางเซนตเิ มตร
5.! ถาจํานวนโคโลนมี ากเกนิ ไปจนนบั ไมไ ดไ ดพ น้ื ท่ี 1 ตารางเซนตเิ มตร
ก็ระบุวามจี าํ นวนโคโลนีมากเกนิ วา จะนบั ได (TNTC)
ถามีจํานวนโคโลนีอยูหนาแนน มาก บรเิ วณเจลทม่ี กี ารเจรญิ ของเชอ้ื
จะเปลยี่ นเปนสีชมพู อาจจะสงั เกตเหน็ โคโลนีเปน จุดๆไดบ รเิ วณขอบ
วงกลมเทา นน้ั ในกรณนี ก้ี ใ็ หบ นั ทกึ ผลเปน TNTC
ในบางคร้ังโคโลนีดูจะกระจายตัวกันไมสมํ่าเสมอลักษณะเชนน้ีเปน
เคร่ืองบงชไ้ี ดอ กี อยา งวา มจี ํานวนโคโลนมี ากเกนิ กวา จะนบั ได ก็ให
บนั ทกึ ผลเปน TNTC
ในลักษณะของแผนอาหารเล้ียงเชื้อที่ดูเหมือนวาสามารถนับ
โคโลนีไดแตเม่ือสังเกตท่ีบริเวณของขอบวงกลมจะเหน็ วา มโี คโลนเี จรญิ
อยูห นาแนน ใหบ นั ทกึ ผลเปน TNTC
6. ในกรณีพิเศษ ทม่ี แี บคทเี รยี บางสายพนั ธสุ ามารถใชเ นอ้ื เจลของแผ
อาหารเล้ียงเช้ือไดหรือมีการสังเกตเปนลักษณะคลายเนื้อเจลละลาย
เมื่อเกิดปรากฏการณเชนนี้ ใหน บั จํานวนโคโลนใี นชอ งทไ่ี มเ กดิ การใช
เนื้อเจลดังกลาวสัก 2-3 ชอ งแลว ประมาณจํานวนทง้ั หมด ไมตองนับ
จํานวนโคโลนีสีแดงที่อยูบริเวณที่เกิดการใชของเนื้อเจล
7.! โคโลนีของแบคทีเรียในแผนอาหารเล้ียงเชื้อจะถูกยอมเปนสีแดงทําให
สามารถแยกแยะจากเศษของตัวอยาง ซงึ่ กอใหเ กิดความสบั สนในการ
อานจากการเลี้ยงเชื้อดวยวิธีดั้งเดิมที่อาจจะเกิดปญหาได
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 215
วธิ ใี ชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง ในการตรวจสอบ
Coliform and Escherichia coli counts ในอาหาร
หลักการ:
เชนเดยี วกบั การใชแ ผนอาหารเลีย้ งเชือ้ แหง ในการตรวจสอบ Aerobic count
plates ท่ีกลาวมาแลว ขา งตน
การเตรียมสารละลายเจือจางและตัวอยาง:
การเตรยี มสารละลายเจอื จางเพอ่ื Coliform count plate ก็เชนเดียวกับที่เคย
กลาวมาแลวในสวนของ Aerobic count plates แตสําหรบั E.coli count plate กต็ า ย
กับ Coliform count plate ดวยการเตมิ 5-Bromo-4-chloro-3-indolyle-D-
glucuronide เปนดัชนบี ง ชข้ี องกจิ กรรมเอนไซม Gluconidase ซ่ึงเปนการดที ท่ี ําให
สามารถอา นผลไดท ง้ั Coliform และ E.coli ไดใ นแผน เดยี วกนั
การวิเคราะห :
สําหรบั Coliform count ใหวางแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง ในแนวราบกบั พน้ื
ยกแผนฟลม ดา นบนขน้ึ และปเ ปตสารละลายตวั อยา ง 1 มลิ ลิลิตรลงไปที่ตาํ แหนง
กลางของแผนฟลม และระมดั ระวงั การวางของแผน บนของฟล ม ลงอยา งชา ๆ
กระจายตัวอยางใหดีบนพื้นที่เจลอาหารเลี้ยงเชื้อโดยการใช Spreader กดลงตรงสวน
เจลอาหารเลี้ยงเชื้อ (พยายามกดในแนวราบอยา บดิ หรอื เลอ่ื น Spreader ไปมา) วาง
แผนอาหารเลี้ยงเชื้อทิ้งไว 1 นาทีเพื่อใหเจลเซทตัวเปนวุนแข็ง นําไปบม เพาะเชอ้ื ท่ี
35 องศาเซลเซียส นาน 24+2 ชว่ั โมง
ในการบมเพาะเชื้อ แผนอาหารเลี้ยงเชื้อควรวางในตาํ แหนง ราบกบั พน้ื ดา น
ใสอยูดานบน และวางเรยี งซอ นกนั ไมเ กนิ 20 แผน การอา นผลจะทําเมอ่ื เสรจ็ สน้ิ การ
บมเพาะเชื้อ หลงั จากเสรจ็ สน้ิ การบม เพาะเชอ้ื แลว แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื สามารถ
เกบ็ ไวใ นสภาพแชแ ขง็ (≤ -15 องสาเซลเซยี ส) ถึง 7 วันเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติการ
ประจําวนั นับจํานวนโคโลนีโดย Coliforms จะปรากฏเปนโคโลนีสีแดงที่มีฟองกาซ
อยูดวย (1หรอื มากกวา 1 ฟองกาซ) อา นโคโลนที ง้ั หมดในชว ง 15-150 โคโลนี
โคโลนีสีแดงทไ่ี มม ฟี องกา ซจะไมถ กู นบั เปน จลุ นิ ทรียประเภท Coliforms การนับ
จํานวนโคโลนีของ Coliforms บนแผนเพาะเชอ้ื สามารถทําไดง า ยมาก อินคิเคเตอรจ ะ
ยอมสีทุกโคโลนีในแผนอาหารเลี้ยงเชื้อใหเปนสีแดง แผน ฟล ม แผน บนจะดกั ฟองกา ซ
ซง่ึ Coliforms ผลิตไว ดงั นน้ั โคโลนจี ะตดิ สแี ดงและมฟี องกา ซอยูดว ย (คลา ยปก
ผีเสื้อ) โคโลนที ไ่ี มใ ช Coliforms จะติดสีแดงแตไมมีฟองกาซติดอยู ฟองอากาศเลก็ ๆ
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 216
ที่กระจายอยูทั่วแผนเจลเปนลักษณะปกติของแผนอาหารเลี้ยงเชื้อ ซง่ึ ไมไ ดเ กดิ จาก
Coliforms ขนาดของฟองอากาศจะเล็กกวาฟองกาซที่ผลิตโดย Coliforms มาก ไม
ตองนับโคโลนีที่ปรากฏบนของโฟมเพราะโคโลนีเหลานี้เจริญเติบโตอยูนอกสภาวะท่ี
กําหนดไว
สําหรบั E.coli count ใช E.coli count plate และดําเนนิ การเชน เดยี วกบั การ
ทําใน Coliform count plate แตบม เพาะเชอ้ื นานเปน 48+4 ชว่ั โมงทอ่ี ณุ หภมู ิ 35
องศาเซลเซียส โคโลนีของ E.coli จะปรากฏเปนสีน้ําเงนิ ทม่ี ฟี องกา ซอยดู ว ย สวน
โคโลนีของ Coliforms จะปรากฏเปนโคโลนีสีแดงที่มีฟองกาซ แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื
ประเภทน้ีมีสวนประกอบพน้ื ฐานเชน เดยี วกบั แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Coliform
count plates แตเพิ่มสียอมกลูคิวโรนิเดส (Glucuronidase indicator dye) เอนไซม
ดังกลาวผลิตไดโดย E.coli สวนใหญจ ะทําปฏิกิริยากับอินเคเตอรดังกลาวและเกิด
ตะกอนสีน้ําเงินรอบๆโคโลนี (แตบ างสายพนั ธุไ มผ ลิตเอนไซมดังกลาว ดงั นน้ั จะไม
เกิดตะกอนสีนํ้าเงนิ รอบโคโลนไี ด) นอกจากน้ี E.coli สวนใหญยังผลิตกาซ ซง่ึ จะถกู
ดักไวโดยแผน ฟล ม แผน บน ดงั นน้ั ใหน บั โคโลนที ต่ี ดิ สนี ้ําเงนิ และมฟี องกา ซเปน
E.coli
ขอแนะนําการอา นผลของแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Coliform
count plate
1.! ใหสังเกตการเปลี่ยนแปลงสีของเจล เมอ่ื จํานวนของ Coliforms มากขึ้น
สีของเจลจะเปลย่ี นจากสชี มพอู อ นเปน สชี มพเู ขม ขน้ึ
2.! แผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท Coliform count plate ควรจะมชี ว งการนบั
ระหวาง 15-150 โคโลนี เชน เดยี งกบั การใช Violet red bile agar (วิธี
มาตรฐานทั่วไป)
3.! เม่ือมีจํานวนโคโลนีมากกวา 150 โคโลนี ใหน บั โดยประมาณ โดยเลือก
นับโคโลนใี นหนง่ึ ชอ งบนแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื (1 ตารางเซนตเิ มตร) คูณ
ดวย 20 จะไดจาํ นวนโคโลนที ง้ั หมดในแผน โดยประมาณ ทง้ั นพ้ี น้ื ทท่ี ่ี
เช้ือเจรญิ ประมาณ 20 ตารางเซนตเิ มตร
4.! แผนอาหารเลี้ยงเชื้อที่มีจาํ นวนโคโลนมี ากเกนิ กวา ทจ่ี ะนบั ได (TNTC) มี
ลักษณะทั่วไปดังนี้ (1) มีโคโลนีเล็กๆจํานวนมาก (2) มฟี องกา ซจํานวน
มาก และ (3) มสี เี จลเขม ขน้ึ
ถาจํานวนโคโลนีหนาแนนมากจนไมสามารถแยกตัวออกมาเปน
โคโลนีเดี่ยวๆ กับฟองกาซได สขี องพน้ื ทเ่ี จลท่ีเขม ขน้ึ แสดงวา ผลทไ่ี ด
เปน TNTC
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 217
ขอแนะนําการอา นผลของแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท E.coli count
plate
1.! ใหสังเกตสีของเจล เมอ่ื มจี ํานวนของ E.coli มากขึ้น สขี องเจลจะเปลย่ี น
เปนสนี ้ําเงนิ อมมว ง
2.! ชวงของการนับทเ่ี หมาะสมอยใู นชว ง 15-150 โคโลนี ถา มสี นี ้าํ เงนิ แทรก
อยูในโคโลนใี ดก็ตามใหน บั เปน E.coli
3.! เมื่อมีจํานวน E.coli มากกวา 150 โคโลนี ใหทําการนบั โดยประมาณ
โดยเลือกนับโคโลนีในหนึ่งชองของแผนอาหารเลี้ยงเชื้อ (1 ตาราง
เซนติเมตร) คูณดวย 20 กจ็ ะไดจ าํ นวนโคโลนที ง้ั หมดในแผน อาหาร
เล้ียงเชอ้ื โดยประมาณ
4.! แผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื ทม่ี จี ํานวนโคโลนขี อง E.coli มากเกนิ กวา จะนบั ได
(TNTC) มีลักษณะทว่ั ไปดงั น้ี (1) มโี คโลนเี ลก็ ๆมากมาย (2) มฟี องกา ซ
มากมาย และ (3) เจลเปลย่ี นเปน สนี ้ําเงนิ อมมว ง
จํานวนโคโลนีหนาแนนมากจนไมสามารถแยกตัวออกมาเปนแตละ
โคโลนีและฟองกา ซได เจลจะเปลย่ี นเปน สนี ้ําเงินอมมวงแสดงผลวาเปน
TNTC
การสังเกตฟองกาซ ในรปู แบบตา งๆทอ่ี าจจะเกดิ ขน้ึ บนแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื
บางคร้ังฟองกา ซทําใหโ คโลนแตกเกิดเปนเสน ตามขอบฟองกา ซน้ันๆ ใหน ับโคโลนีท่ี
มีฟองกาซตดิ อยหู รอื มฟี องกา ซอยใู นรศั มไี มเ กนิ 1 โคโลนี นอกจากนเ้ี ศษอาหารท่ี
อาจจะปะปนในตัวอยา งมรี ปู รา งแตกตา งจากโคโลนแี บคทเี รยี ซง่ึ มกั เปน จดุ ๆ และไม
มีฟองกาซติดอยูอีกดวย อยางไรก็ตามอาจจะมฟี องอากาศปลอมปนซึ่งอาจเกิด
ระหวางการปลอ ยสารละลายตวั อยา งหรอื เกดิ ขน้ึ ระหวา งการเตรยี มตวั อยา ง ฟอง
อากาศเหลานม้ี รี ปู รา งตา งจากฟองกา ซทเ่ี กดิ จากแบคทเี รยี และไมอยูติดกับโคโลนี
โคโลนีสีน้ําเงนิ ทไ่ี มม ฟี องกา ซนน้ั อาจจะสรปุ วา ไมใ ช E.coli เพราะประมาณ
รอ ยละ 95 ของ E.coli ที่สามารถผลิตกาซได บางกรณโี คโลนสี นี ้ําเงนิ ทไ่ี มม ฟี องกา ซ
ติดอยอู าจจะเปน หรอื ไมเ ปน E.coli ก็ได และอาจจะทําการตรวจสอบเพอ่ื ยนื ยนั
ถา จําเปน
แผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื ประเภท E.coli count plate ทม่ี ี Coliforms ท่ีไมใ ช
E.coli อยูจํานวนมาก ใหสังเกตวามีลักษณะติดสีแดงเหมือนแผนอาหารเลี้ยงเชื้อ
ประเภท Coliform count plate และถามีจํานวน E.coli นอยมากแตมโี คโลนขี อง
แบคทเี รยี แกรมลบอน่ื ๆทไ่ี มใ ช Coliforms อยูจํานวนมากจะมลี กั ษณะโคโลนีทต่ี ิด
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 218
สีแดงแตไมมีฟองกา ซ เมอ่ื มแี บคทเี รยี บางชนดิ อยจู ํานวนมากเชน จลุ นิ ทรยี ป ระเภท
สรางกรดได แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื จะเกดิ การเปลย่ี นแปลงสเี ชน เปลย่ี นเปน สเี หลอื ง
เปนตน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 219
วธิ ใี ชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง ในการตรวจสอบ
Yeast and Mold counts ในอาหาร
หลักการ :
วิธีการไดใชอาหารเลี้ยงเชื้อแหงที่เสริมดวยสารปฏิชีวนะ สียอมเพื่อให
สามารถสังเกตเห็นการเจริญเติบโต และใชส ารทท่ี ําใหเกิดเจลท่ีละลายไดด วยนํ้าเยน็
ตัวอยางที่ไมเจือจางหรือเจือจางจะถูกเติมลงไปในแผนอาหารเลี้ยงเชื้อในอัตรา 1
มิลลิลิตรตอแผน ตัวอยางจะถูกทําใหก ระจายในพน้ื ทป่ี ระมาณ 30 ตารางเซนตเิ มตร
ท่ีตองการใหเชอ้ื เจริญเตบิ โต เจลจะถูกทิ้งไวเพื่อใหเปนวุนแข็ง และแผน อาหาร
เล้ียงเช้ือจะถูกนําๆปบม เพาะเชอ้ื และจํานวนโคโลนขี องเชอ้ื ยสี ตแ ละราจะถกู นบั
เอนไซม Phosphatase ท่ีมีอยใู นเซลของสง่ิ ทม่ี ชี วี ติ ทกุ ชนดิ อินดิเคเตอรใน
แผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื จะถกู กระตนุ โดยเอนไซมด งั กลา วและจะยอ มสโี คโลนขี องยสี ต
และราใหเปนสีนาํ้ เงนิ อันอาจกอใหเกิดความสับสนกับสีของตัวโคโลนีที่แทจริงได
ปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงสีที่อาจสังเกตไดคือ สพี น้ื ดา นหลงั เปน สนี ้ําเงนิ คราม หรอื
พบจุดสีนํ้าเงนิ เขม กรณีหลังนี้มักพบกับตัวอยางเครื่องเทศหรือตัวอยางผลิตภัณฑที่
เปนเมด็ การสงั เกตความแตกตา งของการเปลย้ี นแปลงสที เ่ี กดิ จาก Phosphatase
จากสีของโคโลนีเชื้อยีสตและราไดโดยมีเทคนิคดังนี้
1.! การเจือจาง ถา ตวั อยา งทท่ี ดสอบสามารถทําใหเจือจางลงไปอีกได จะ
ชวยกําจัดปญหาสีพ้ืนดา นหลงั เปน สนี ้ําเงนิ ครามได หรอื ชว ยลดจํานวน
จุดสีน้ําเงนิ เขม ได
2.! ใชของเหลวสกัด โดยการเตรยี มตวั อยา ง แลวปลอยใหสวนที่เปนของ
แข็งตกตะกอนประมาณ 3-5 นาที นําเฉพาะสว นทเ่ี ปน ของเหลวจาก
ตัวอยางนั้นมาทาํ การทดสอบ ทั้งนี้เพราะเศษวัสดุหรือเศษอาหาร
ตัวอยางมักเปนสาเหตุใหเกิดจุดสีนาํ้ เงนิ เขม
3.! อุณหภูมิในการบม ควรบม เพาะเชอ้ื ทอ่ี ณุ หภมู ิ 20-25 องศาเซลเซยี ส
เพราะอณุ หภมู ทิ ส่ี งู จะเรง ปฏกิ ริ ยิ า Phosphatase ใหเกิดไดเร็วขึ้น
4.! ตรวจผลเปน ระยะ ใหต รวจดแู ผนอาหารเล้ยี งเช้อื หลงั จากบม เชอ้ื เปน
เวลา 24-48 ชว่ั โมง การเปลย่ี นสอี าจเกดิ ขน้ึ ได บนั ทกึ การเปลย่ี นแปลง
ของสีทีเ่ กิดขนึ้ เพ่ือชวยในการแปลผผลขั้นสดุ ทา ย
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 220
การเตรียมสารละลายเจือจางและตัวอยาง:
1.! การเตรยี ม Yeast and mold count plates ในแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื จะ
ประกอบดว ยสารอาหารทเ่ี สรมิ ดว ยChlortrtracycline, chloramphenicol
สารกอใหเกิดเจลที่ละลายไดในนาํ้ เยน็ และสยี อมที่ไวตอ การที่มี
เอนไซมฟ อสฟาเตส (Phosphatase) คือ 5-Bromo-4-chloro-3-indolyle
phosphate) ซ่ึงทําใหสามารถเห็นการเจริญเติบโตของเชื้อยีสตและราได
ชัดเจน พื้นที่วงกลมที่ใหเชื้อเจริญเติบโตประกอบดวยพื้นที่ 1 ตาราง
เซนติเมตร จํานวน 30 ชอง
2.! ตัว Spreader พลาสติก ทเ่ี ตรยี มไวเ พอ่ื กระจายสารละลายตวั อยา งให
เกิดความสม่ําเสมอบนพนื้ ทท่ี ตี่ อ งการใหเ ชื้อเจริญเตบิ โต
3.! ปเ ปต Serological pipet หรือปเปตที่ใหความละเอียดในการปลอย
สารละลาย 1.0 มิลลิลิตร
4.! เคร่ืองตรวจนบั เชอ้ื เครอ่ื งตรวจนบั เชอ้ื มาตรฐานอาจจะถกู เตรยี มเพอ่ื ใช
ในการตรวจนบั
5.! เครื่องปน เครอ่ื งปน ทม่ี คี วามเรว็ สงู ทส่ี ามารถควบคมุ ความเรว็ ไดใ นชว ง
10,00-12,000 รอบตอ นาที หรอื Stomacher ควรถกู เตรยี มใหพ รอ ม
6.! สารละลายเจอื จาง Bufferfield’s phosphate-buffered dilution water ได
ถูกเตรยี มเพอ่ื ใชเ ปน สารละลายเจอื จาง โดยชง่ั KH2PO4 จํานวน 34
กรมั ใน Volumetric flask ขนาด 1 ลิตร และละลายดว ยน้ํากลน่ั จํานวน
500 มลิ ลิลิตร ปรบั pH เปน 7.2 ดวย 0.1N NaOH และปรบั ปรมิ าตร
เปน 1 ลิตรดวยนํ้ากลั่น ฆา เชอ้ื ท่ี 121 องศาเซลเซยี ส นาน 15 นาที
เก็บ Stock solution ในตูเย็น เตรยี มสารละลายเจอื จางโดยการดดู
Stock solution จํานวน 1.25 มิลลิลิตรดวยปเปตลงใน Volumetric
flask ขนาด 1 ลิตร และปรบั ปรมิ าตรเปน 1 ลิตรดวยนาํ้ กลั่น และแบงใส
ขวดจํานวน 90-99+1 มิลลิลิตร ฆา เชอ้ื ท่ี 121 องศาเซลเซยี ส นาน 15
นาที
วิธีการวิเคราะหโดยทั่วไป:
เก็บรักษาแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทย่ี งั ไมไ ดเ ปด ซองในทอ่ี ณุ หภมู ิ ≤ 8 องศา
เซลเซียส หลังจากเปดซองแลวแผนอาหารเลี้ยงเชื้อที่ยังไมไดถูกใชใหใสเก็บไวใน
ซองเดิมและปด ปากซองโดยใชเ ทปกาว เกบ็ ซองที่ปดปากแลว ที่ อุณหภมู ิ ≤ 8 องศา
เซลเซียส ในทแ่ี หง สามารถใชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ไดใ น 1 เดอื นหลงั จากเปด ปาก
ซองแลว การนําแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ยสี ตแ ละรานไ้ี วใ นทอ่ี ณุ หภมู มิ ากกวา 25 องศา
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 221
เซลเซียส และ/หรอื ทม่ี คี วามชน้ื สมั พทั ธม ากกวา รอ ยละ 50 สามารถใหผ ลกระทบตอ
การแสดงผลของแผนอาหารเลี้ยงเชื้อ
หลังจากการใช แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทป่ี ระกอบดว ยเชอ้ื ยสี ตแ ละราทเ่ี จรญิ
เติบโตควรถกู ฆา เชอ้ื ทง้ิ ท่ี 121 องศาเซลเซียส นาน 15 นาทกี อ นทจ่ี ะทง้ิ
การวิเคราะหมีขั้นตอนดังนี้ วางแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ดงั กลา วบนพน้ื ราบ ยก
ฟลม สว นบนขน้ึ ปเ ปตสารละลายตวั อยา ง 1 มลิ ลิลิตร บนสวนกลางของฟลม วาง
แผนฟล ม ดา นบนลงอยา งชา ๆ ยก Spreader พลาสติกโดยใชสวน Circular handle
โดยแนวกลางเสนตรงของสวนกลางของ Spreader สามารถประมาณเปน จดุ กง่ึ กลาง
ของแผนอาหารเลี้ยงเชื้อ กระจายตวั อยา งใหท ว่ั สม่ําเสมอโดยการกดเบาๆตรงกลาง
ของ Spreader อยาเขยาหรือบิดหรือเลื่อน Spreader ไปมา ทง้ิ แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื
ไว 1 นาทกี อ นการเคลอ่ื นยา ย เพื่อใหวุนแข็งตัว วางแผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื ในตบู ม
เพาะเชื้อในตําแหนง แนวราบกบั พน้ื ดา นใสอยา ดา นบน และสามารถวางเรยี งซอ นได
ไมเกนิ 20 แผน บม เพาะเชอ้ื ท่ี 20-25 องศาเซลเซียส นาน 5 วัน เวลาและอุณหภูมิที่
เหมาะสมในการบมเช้ือมีความสําคัญตอการเจริญของเชื้อยีสตและราท่ีทําใหอาหาร
เนาเสีย ยีสตแ ละราเหลานเี้ จรญิ เตบิ โตชา และออนไหวตออุณหภูมิสูงทั้งนี้ไมวาจะ
เปนการทดสอบโดยวิธีใดๆก็ตาม ควรบม แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ท่ี 20-25 องศา
เซลเซียส หรือที่อุณหภูมิหอง และตรวจนบั การเจรญิ ของเชอ้ื หลงั จาก 3 วัน และ 5
วัน การตรวจนับจะไมทําใหเ กดิ การเคล่อื นยายตําแหนง ของสปอรห รอื การปนเปอ น
เพิ่มเติมของรา ทง้ั นเ้ี พราะราถกู ตรงึ ใหอ ยกู บั ทโ่ี ดยแผน ฟล ม ดา นบนและลา งท่ี
ประกบกันอยู การบม ทอ่ี ณุ หภมู สิ งู ไมไ ดใ หผ ลทเ่ี รว็ ขน้ึ แตอ าจจะทาํ ใหไ ดผ ลทไ่ี ม
แมนยาํ ได
นับจํานวนโคโลนีหลงั จากเสรจ็ สน้ิ การบม โดยยสี ตจ ะปรากฏสชี มพอู มเทาถงึ
สีเขียวอมนํ้าเงนิ มีโคโลนีเล็ก โคโลนมี ขี อบชดั เจน โคโลนมี ลี ักษณะนนู สมั ผสั ได และ
โดยท่ัวไปไมม จี ดุ โฟกสั (จดุ สเี ขม ) ตรงกลางโคโลนี สว นโคโลนเี ชอ้ื ราโดยทว่ั ไปจะมสี ี
น้ําเงินแตอาจจะมีสีแตกตางไปเพราะเชื้อราสรางสีไดเฉพาะตัว เชน สดี ํา เหลืองและ
เขียว มีแนวโนม วา มโี คโลนขี นาดใหญ ขอบโคโลนไี มช ดั เจน โคโลนีมีลักษณะแบน
ราบ และมกั จะมจี ดุ โฟกสั กง่ึ กลางโคโลนี
เพ่ือคํานวณจํานวนเชื้อยีสตและรา ใหค ณู จํานวนโคโลนีทัง้ หมดของเช้ือยสี ต
และราตอแผนอาหารเลี้ยงเชื้อ (หรอื จํานวนเฉลี่ยของโคโลนีตอแผน ถา มกี ท่ี ําซา้ํ ใน
ระดับการเจือจางเดียวกัน) ดว ยปจ จยั ทก่ี ารเจอื จางในระดบั ทเ่ี หมาะสม เมอ่ื การนบั
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 222
จํานวนโคโลนีในแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทร่ี ะดบั การเจอื จางในอนกุ รมตา งๆกนั ให
คํานวณจํานวนเฉลี่ยของโคโลนีสําหรับแตละระดับของการเจือจางกอนท่ีจะคํานวณ
คาเฉลี่ยของจํานวนเชอ้ื ยสี ตแ ละราสดุ ทา ย
ขอแนะนําในการนบั เชอ้ื ยสี ต
ดูลักษณะท่ัวไปของยีสตจากทก่ี ลา วมาแลว ขา งตน โดยจํานวนโคโลนที เ่ี หมาะ
สมควรอยูในชวง 15-150 โคโลนี และการประมาณจํานวนเชอ้ื ยสี ตส ามารถกระทาํ ได
ในแผนอาหารเลี้ยงเชื้อที่มีจาํ นวนโคโลนมี ากกวา 150 โคโลนแี ละควรจะรายงานคา
โดยประมาณ โดยการนับจํานวนโคโลนตี อ 1 ตารางเซนตเิ มตร และคูณดวย 30
เพราะพื้นที่ที่ใหเชื้อเจริญเติบโตมีพื้นที่ 30 ตารางเซนตเิ มตร
อยางไรก็ตามถาแผนอาหารเลี้ยงเชื้อประกอบดวยโคโลนีของยีสตที่มีจาํ นวน
มากเกนิ กวา ทจ่ี ะนบั ได (TNTC) โคโลนีสีเขียวขนาดเล็กๆที่อยูตามขอบวงกลมของ
แผนอาหารเล้ียงเชอ้ื เปน โคโลนีของยีสตซึ่งแสดงผลใหทราบวา เปน TNTC ของเชื้อ
ยีสตไมใช TNTC ของเช้ือรา ในบางกรณบี นแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทป่ี ระกอบดว ยยสี ต
จํานวนมากๆ จะพบโคโลนีสีเขียวของยีสตเจริญเติบโตอยูตามขอบวงกลมเทานั้น ใน
กรณนี จ้ี ะบนั ทกึ ผลเปน TNTC ของยีสตเ ทา นน้ั ถา ไมพ บการเจรญิ ของเชอ้ื บนแผน
อาหารเลี้ยงเชื้อ ใหเปดแผนฟลมดานบนออก เจลจะตดิ อยกู บั แผน ฟล ม แผน บน ถา
เห็นโคโลนีสีขาวจํานวนมากทเ่ี จล แสดงวา มยี สี ตอ ยเู ปน จํานวนมาก ใหบันทึกผลเปน
TNTC ของเชื้อยีสต
จํ านวนท่ีสูงมากของยีสตอาจจะทํ าใ หพ้ืนที่ทั้งหมดของการเจริญเติบโต
เปลี่ยนเปนสีนํ้าเงนิ ดาํ หรือเหลือง เปนตน เมื่อเกิดในลักษณะดังกลาวไมควรจะนับ
โดยการประมาณแตควรทําการเจอื จางใหมใ หม รี ะดบั การเจอื จางสงู กวา เดมิ และ
ทดสอบใหมเพื่อใหไดคาจํานวนทแ่ี มน ยํามากขน้ึ
ขอแนะนําในการนบั เชอ้ื รา
โคโลนีของเชอ้ื ราจะมสี แี ตกตา งกนั ไป โดยมจี ดุ โฟกัสตรงกลางของโคโลนี
แตไมม ขี อบทข่ี ดั เจน แตละโคโลนีมขี นาดใหญ สังเกตเห็นสปอร และกินขอบเขตทับ
โคโลนีขางเคียง เพอ่ื ชว ยใหก ารนบั งา ยขน้ึ ใหขีดเสนบนแผนอาหารเลี้ยงเชื้อออก
เปนสวนๆและนบั จํานวนโคโลนีโดยยึดเอาจดุ โฟกสั กึง่ กลางโคโลนีเปน หลกั สวนที่
ขีดเสนแบงไวค วรมเี ชอ้ื ราทส่ี ามารถนบั ไดจ าํ นวนไมม าก เชน 15 โคโลนี เปนตน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 223
เม่ือมีโคโลนีของเชอ้ื ราจํานวนมาก และมกี ารสรา งสปอรท ําใหเกิดสีที่
แตกตางออกไป และไมส ามารถกาํ หนดขอบเขตของแตละโคโลนีได ใหป ระมาณ
จํานวนโคโลนีโดยนบั จากจดุ โฟกสั ในชอ งสเ่ี หลย่ี ม
จํานวนท่ีสูงมากของเชื้อราอาจจะทําใหพื้นท่ีทั้งหมดของการเจริญเติบโต
เปลี่ยนเปนสีนํ้าเงนิ ดาํ หรือเหลือง เปนตน เมื่อเกิดในลักษณะดังกลาวไมควรจะนับ
โดยการประมาณแตควรทําการเจอื จางใหมใ หม รี ะดบั การเจอื จางสงู กวา เดมิ และ
ทดสอบใหมเพื่อใหไดคาจํานวนทแ่ี มน ยํามากขน้ึ
การยืนยันชนิดของเชื้อโดยกลองจุลทรรศน
ยีสตและรามสี ายพนั ธืทห่ี ลากหลายมาก การสงั เกตดว ยตาเปลา ไมส ามารถ
บอกไดวาเปนเชื้อชนิดใดได แตถ า มกี ารตรวจยนื ยนั ดว ยกลอ งจลุ ทรรศนจ ะทําให
ทราบชนิดไดดีขึ้น การดําเนนิ การสามารถทําไดโ ดยนําโคโลนใี นแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื
ไปตรวจวิเคราะหตอไดโดยเปดแผนฟลมดานบนขึ้นใชปลายเข็มเหล็กแหลมเก่ียว
โคโลนที ต่ี อ งการจากแผน เจล จุมปลายเขม็ เหลก็ แหลมลงในหยดน้ําปลอดเชื้อที่อยู
บนแผนสไลดสําหรบั กลอ งจลุ ทรรศน ปด ทบั หยดนา้ํ ดว ยแผน กระจกและสอ งดตู าม
เทคนิคทก่ี ลา วในบทตน ๆ เพื่อดูลักษณะทางสัณฐานวิทยาของเชื้อยีสตและราตอไป
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 224
วธิ ใี ชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง ในการตรวจสอบ
S.aureus counts ในอาหาร
หลักการ:
วิธีนี้ใหอ าหารเลี้ยงเชื้อที่ประกอบดวยอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดแหง และเจลที่
ละลายไดในน้ําเยน็ เตมิ ตวั อยา งทเ่ี ตรยี มโดยเจอื จางหรอื ไมเ จอื จางปรมิ าตร 1
มิลลิลิตร ลงในแผน เพาะเชอ้ื แรงกดบนแผนพลาสติกซ่ึงวางทบั แผนแผนฟลมแผน
บน จะทําใหตัวอยา งแผก ระจายในบรเิ วณทจ่ี ะใหเ ชอ้ื เจรญิ เตบิ โตเปน พน้ื ทป่ี ระมาณ
30 ตารางเซนตเิ มตร หลังจากพักไวสักครู เจลจะแขง็ ตวั และแผน เพาะเชอ้ื จะถกู นํา
ไปบมและตรวจนับจํานวนเชื้อตอไป อุปกรณท ่สี ามารถใชในการเติมตวั อยางลงใน
แผนเพาะเชื้อไดแก ปเ ปต ปเปตแบบตอเนื่อง หรือปเปตแบบอัตโนมัติ สว นการเกบ็
รักษาแผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื นน้ั ซองแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ทย่ี งั ไมไ ดเ ปด ใชใ หแ ชเ ยน็ ท่ี
อุณหภูมิ 4-8 องศาเซลเซียส และซองที่เปดแลวแตใชไมหมดใหเก็บที่อุณหภูมิหอง
ไดไมเกนิ 1 เดือน หา มนําเขา แชเ ยน็ อกี เดด็ ขาด แผนอาหารเลย้ี งเชอ้ื นเ้ี ปน ระบบ
อาหารเพาะเชื้อสําเร็จรูปที่ประกอบดวยสองสวนคือแผนอาหารเลี้ยงเชื้อซึ่งมีอาหาร
เลี้ยงเชื้อดัดแปลง Baird Parker และเจลที่ละลายไดในนาํ้ เยน็ เรยี กวา Petrifilm RSA
และอกี สว นคอื แผน ปฏกิ ริ ยิ า (TNase reactive disk) ซ่ึงแผน ปฏกิ ริ ยิ าประกอบดว ย
DNA , Toluidine blue-O และ Tetrazolium indicator ชวยในการนบั และยนื ยนั ผล
ของเอนไซมช นิดทนความรอนของ Staphylococcal thermostable nuclease
TNase เปน เอนไซมท ่ีผลติ โดย S.aureus ซ่ึงทนความรอ น การตรวจหา
TNase เปนวิธียืนยันวามี Staphylococcal อยูในตวั อยา งเชน เดยี วกบั การตรวจหา
เอนไซมโ คอกูเลส บนแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื Petrifilm RSA ปฏกิ ริ ยิ า TNase จะ
ปรากฏเปน บริเวณสีชมพูรอบโคโลนีสีแดงหรือสีนํ้าเงนิ
แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื Petrifilm RSA จะตองใชร ว มกบั แผน ปฏกิ ริ ยิ า TNase
การใชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื Petrifilm RSA ดังกลา วอยา งเดยี วจะไมป รากฏโคโลนี
และบริเวณสชี มพใู หเ หน็ เพราะอนิ ดเิ คเตอรท ง้ั หมดถกู บรรจอุ ยใู นแผน ปฏกิ ริ ยิ า
TNase ซ่ึงในแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื Petrifilm RSA จะไมมีอินดิเคเตอรอยูเลย
หลังจากบมคร้ังแรกแผนอาหารเลี้ยงเชื้อจะถูกนําไปบมท่ีอุณหภูมิสูงเพ่ือ
ทําลายเอนไซมชนดิ ไมทนความรอ นท่ผี ลิตโดยเชอ้ื S.aureus แผนปฏกิ ริ ยิ าจะถกู
สอดเขา ไปในแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื เอนไซม Nuclease ท่ีทนความรอ นเปน เอนไซมท ่ี
ผลิตโดย S.aureus สวนมากและยังคงสภาพหลงั การบม ทอ่ี ณุ หภมู สิ งู จะทาํ ปฏกิ ริ ยิ า
กับ DNA ในแผน ปฏกิ ริ ยิ า กอใหเกิดการเปลี่ยนสี Toluidine blue-O จากสีนํ้าเงนิ
เปนสชี มพู ดงั นน้ั S.aureus จะปรากฏเปนโคโลนีที่มีสีชมพูลอมรอบ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 225
การเตรียมสารละลายเจือจางและตัวอยาง:
การเตรียมสารละลายเจือจางและตัวอยางก็เชนเดียวกับที่กลาวมาแลว
ขางตน การเตรยี มตวั อยา งทต่ี อ งการตรวจสอบทร่ี ะดบั เจอื จาง 1:10 หรือนอยกวา
โดยชง่ั หรอื ปเปตอาหารในภาชนะทเ่ี หมาะสม เชน ถงุ Stomacher ขวดเจอื จาง หรอื
ถุง Rhirl-Pak หรือภาชนะปลอดเชื้ออื่นๆ สารละลายเจอื จางตวั อยา งทใ่ี ชม ดี งั น้ี
Bufferfield’s phosphate buffer (IDF phosphate buffer, 0.0425 กรัมตอลิตรของ
KH2PO4 และปรบั pH เปน 7.2 ) นอกจากนอ้ี าจจะใช Peptone water รอ ยละ 0.1,
Peptone salt diluent, Saline solution (0.85-0.90%), Bisulfite free letheen broth
หรือนํ้ากลั่น หา มใช Buffers ที่มีองคประกอบของ Citrate, bisulfite หรอื
Thiosulfate เพราะมผี ลยับยง้ั การเจริญเตบิ โตของเชอ้ื จุลนิ ทรยี
การปนหรือผสมตัวอยางตามขั้นตอนปกติ สาํ หรบั ตวั อยา งทม่ี คี วามเปน กรด
ใหป รบั สภาพใหอ ยใู นชว ง pH 6.5-7.5 ดวย 1N NaOH สําหรับตัวอยางที่มีความ
เปนดา งใหป รบั สภาพดว ย 1N HCl
การวิเคราะห:
วางแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื Petrifilm RSA บนพ้ืนราบ ใหแผนฟลมดานใสอยู
ขางบน ปเ ปตสารละลายตวั อยา ง 1 มลิ ลิลิตร เปด แผน ฟล ม แผน บนขน้ึ แลวคอยๆ
ปลอยสารละลายตัวอยางลงตรงกลางแผน ปลอ ยแผน ฟล ม ลงอยา งชา ๆ อยาใหเกิด
ฟองอากาศ อยาใหแผนฟลมตกลงมาเอง วาง Spreader เฉพาะของ Petrifilm RSA
count ลงบนแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื คอยๆใชนิ้วกดตรงกลาง Spreader จนเห็นวา
สารละลายตวั อยา งกระจายเตม็ วงกลม อยาบิดหรือเลื่อน Spreader ไปมา ยก
Spreader ออก ทิ้งแผนอาหารเลี้ยงเชื้อไว 2-3 นาทกี อ นเคลอ่ื นยา ย เพื่อใหวุนแข็ง
ตัว บม แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ท่ี 35+1 หรอื 37+1 องศาเซลเซยี ส นาน 24+2 ชว่ั โมง
สามารถเรียงซอนแผนอาหารเลี้ยงเชื้อไดไมเกิน 10 แผน หลงั การบม จะยงั ไมเ หน็
โคโลนีเพราะอิดิเคเตอรอ ยใู นแผน ทําปฏกิ ริ ยิ า นําแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื ไปบม ตอ ท่ี
อุณหภมู ิ 62+2 องศาเซลเซียส เปน เวลานาน 1-4 ชว่ั โมง (ถาตอ งการนําโคโลนที ย่ี งั
มีชีวิตไปทําการทดลองตอ ใหบ ม ไมเ กนิ 1 ชว่ั โมง) หลงั การบม ใหน ําแผน อาหารเลย้ี ง
เชื้อออกจากตู ใช Sterile forceps คีบแผน ปฏกิ ริ ยิ า (ดึงขอบทิ้งใหเหลือแตวงกลม)
เปดแผน ฟล ม ดา นบนของแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื Petrifilm RSA แลววางแผนปฏิกิรยิ า
ลงในหลุมกลม ปดแผนฟลมกลับ ใชแทงแกวรูปตัวแอล คอยๆรีดใหเนื้อเจลแนบกับ
แผนปฏกิ ริ ยิ า นําแผน Petrifilm RSAท่ีมีแผนปฏกิ ริ ยิ าแลว ไปบม ตอ ทอ่ี ณุ หภมู ิ 35+1
องศาเซลเซยี ส นาน 1-3 ชว่ั โมง หรือที่ 37+1 องศาเซลเซียส นาน 1 ชว่ั โมง อานผล
โดยนับจํานวนโคโลนีที่มีบริเวณสีชมพูลอมรอบ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 226
ขอแนะนําการนบั โคโลนีของแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื Petrifilm RSA
1.! ถาแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื RSA plate ทม่ี ี TNase reactive disk สอดอยู
และไมมีการเจรญิ ของโคโลนจี ะปรากฏเปน สนี ้ําเงนิ ตลอดแผน
2.! ถา หากมเี ชอ้ื อยู อินดิเคเตอรในแผน TNase reactive disk จะยอ ม
โคโลนีใหเปนสีแดง (หรือมวง) อินดิเคเตอรอ ีกชนิดทาํ ใหเกิดบริเวณ
สีชมพูรอบโคโลนี (ปฏกิ ริ ยิ ากบั TNase)
3.! เชอ้ื S.aureus บางชนิดผลติ เอนไซม Thermostable nuclease ปริมาณ
นอยใหนับทุกโคโลนีที่มีบริเวณ TNase zone (สีชมพู) เปน S.aureus
ไมวาจะมีขนาดเล็กหรือใหญก็ตาม ชว งการนบั ทเ่ี หมาะสมควรอยู
ระหวาง 15-100 โคโลนี จาํ นวนมากสดุ ทน่ี บั ไดข น้ึ อยกู บั ปรมิ าณ TNase
ท่ี S.aureus ผลิตหรือจํานวนของแบคทเี รยี ชนดิ อน่ื ๆทป่ี ะปนอยู
4.! เชอื้ S.aureus บางชนิดผลติ เอนไซม Thermostable nuclease ปริมาณ
มากทําใหเกิดบริเวณ TNase zone (สีชมพู) ไดเ ร็ว ซึ่งอาจเห็นไดตั้งแต
30 นาทขี องการบม ขน้ั สดุ ทา ย
5.! บริเวณวงกลมสําหรบั ใหเ ชอ้ื เจรญิ เตบิ โตมพี น้ื ท่ี 30 ตารางเซนตเิ มตร
การประมาณจํานวนโคโลนีทําไดโดยการนับจํานวนวงสีชมพูในพื้นท่ี
สี่เหลี่ยม 3 ชองติดตอกันแลวคูณดวย 10
เม่ือมีจํานวน S.aureus อยูมาก วงสชี มพอู าจคาบเกย่ี วกนั ทําให
แผนอาหารเลี้ยงเชื้อเปลี่ยนเปนสีชมพูเกือบตลอดแผน ลักษณะเชนนี้ให
บันทกึ เปน TNTC และควรเจอื จางตัวอยางเพ่อื ใหไดช วงการนบั ท่ี
เหมาะสมตอ ไป
6.! บางครั้งแบคทีเรียบางชนิดที่ทําใหเนื้อเจลเหลวสามารถเจริญเติบโตบน
แผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื RSA โคโลนีของแบคทเี รยี เหลา นเ้ี ปน สแี ดงถงึ มว ง
ซ่ึงมีรูปท่ีผิดปกติ (ไมเ ปน ทรงกลม) และไมม วี งสชี มพรู อบๆ ไมใ หน บั
เปน S.aureus โคโลนีทรงกลมสีแดงทไ่ี มม วี งสชี มพลู อ มรอบกไ็ มน บั เปน
S.aureus เศษอาหารขนาดใหญอาจทาํ ใหแ ผน ฟล มแผน บนไมส ัมผสั
แนบกับแผนปฏกิ ริ ยิ า และทําใหเ กดิ ฟองอากาศได เศษอาหารมกั จะมี
รูปรา งตา งจากโคโลนี และอาจมสี แี ตกตา งกนั ไปตามชนดิ ของตัวอยา ง
7.! เมอ่ื มี S.aureus สองโคโลนีที่เจริญอยูใกลกัน วงสีชมพูที่เกิดจากสอง
โคโลนีอาจคาบเกี่ยวกันทําใหบ รเิ วณสชี มพู (จากปฏกิ ริ ยิ า TNase ) เปน
รูปทรงยาวแทนทจ่ี ะเปน วงกลมใหน บั เปน 2 โคโลนี
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 227
วธิ ใี ชแ ผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื แหง ในการตรวจสอบ
Enterobacteriaceae counts ในอาหาร
หลักการ:
วิธีนี้ใหอาหารเลี้ยงเชื้อที่ประกอบดวยอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดแหง สารบง ช้ี
ความเปน กรดเปน ดา ง และสารกอเจลท่ีละลายไดใ นน้ําเยน็ เติมตัวอยางท่ีเตรียมโดย
เจือจางหรือไมเ จอื จางปรมิ าตร 1 มลิ ลิลิตรลงในแผนเพาะเชื้อ แรงกดบนแผน
พลาสติกซึ่งวางทับแผนแผนฟลมแผนบน จะทาํ ใหต วั อยา งแผก ระจายในบรเิ วณทจ่ี ะ
ใหเช้ือเจรญิ เตบิ โตเปน พน้ื ทป่ี ระมาณ 20 ตารางเซนตเิ มตร หลังจากพักไวสักครู เจล
จะแข็งตัวและแผนเพาะเชื้อจะถูกนาํ ไปบม และตรวจนบั จํานวนเชื้อตอไป อปุ กรณท ่ี
สามารถใชในการเติมตัวอยางลงในแผนเพาะเชื้อไดแก ปเ ปต ปเปตแบบตอเนื่อง
หรือปเปตแบบอัตโนมัติ สว นการเกบ็ รกั ษาแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื นน้ั ซองแผน อาหาร
เล้ียงเชอ้ื ทย่ี งั ไมไ ดเ ปด ใชใ หแ ชเ ยน็ ทอ่ี ณุ หภมู ิ 4-8 องศาเซลเซียส และซองที่เปดแลว
แตใชไมหมดใหเก็บที่อุณหภูมิหองไดไมเกิน 1 เดือน หา มนําเขา แชเ ยน็ อีกเดด็ ขาด
Enterobacteriacea ใชน้ําตาลในอาหารเลี้ยงเชื้อทาํ ใหเ กดิ กรดและกา ซ ปรากฏเปน
โคโลนีสีแดงและมีฟองกาซหรือลอมรอบบริเวณสีเหลืองจากสารบงชี้ความเปนกรด
เปนดาง
การเตรียมสารละลายเจือจางและตัวอยาง:
การเตรียมสารละลายเจือจางและตัวอยางก็เชนเดียวกับท่ีกลาวมาแลว
ขางตน การเตรยี มตวั อยา งทต่ี อ งการตรวจสอบทร่ี ะดบั เจอื จาง 1:10 หรือมากกวา
ตามความเหมาะสม โดยชง่ั หรอื ปเปตอาหารในภาชนะทเ่ี หมาะสม เชน ถงุ
Stomacher ขวดเจือจาง หรือถุง Rhirl-Pak หรือภาชนะปลอดเชอ้ื อน่ื ๆ สารละลาย
เจือจางตวั อยา งทใ่ี ชม ดี งั น้ี Standard phosphate buffer นอกจากนอ้ี าจจะใช
Peptone water รอ ยละ 0.1, Sterile water, Phosphate buffered saline และ
Bufferfield’s buffer หา มใช Buffers ที่มีองคประกอบของ Citrate หรอื Thiosulfate
เพราะมผี ลยบั ยงั้ การเจริญเติบโตของเชอ้ื จุลินทรยี
การวิเคราะห:
วางแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื Petrifilm RSA บนพื้นราบ ใหแผนฟลมดานใสอยู
ขางบน ปเปตสารละลายตัวอยาง 1 มลิ ลิลิตร เปด แผน ฟล ม แผน บนขน้ึ แลวคอยๆ
ปลอยสารละลายตัวอยางลงตรงกลางแผน ปลอ ยแผน ฟล ม ลงอยา งชา ๆ อยาใหเกิด
ฟองอากาศ อยาใหแผนฟลมตกลงมาเอง วาง Spreader ลงบนแผน อาหารเลย้ี งเชอ้ื
โดยใหดา นเรยี บคว่ําหนา ลง คอยๆใชนิ้วกดตรงกลาง Spreader จนเห็นวา
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 228
สารละลายตัวอยา งกระจายเตม็ วงกลม อยาบิดหรือเลื่อน Spreader ไปมา ยก
Spreader ออก ทิ้งแผนอาหารเลี้ยงเชื้อไว 2-3 นาทกี อ นเคลอ่ื นยา ย เพื่อใหวุนแข็ง
ตัว บมแผนอาหารเลี้ยงเชื้อที่ 32-35 องศาเซลเซยี ส นาน 24 ชว่ั โมง สามารถเรยี ง
ซอนแผนอาหารเลี้ยงเชื้อไดไมเกิน 20 แผน อานผลจํานวน Enterobacteriaceae
โดยนบั โคโลนสี แี ดงทม่ี ฟี องกา ซ โคโลนีสีแดงที่มีบริเวณสีเหลืองลอมรอบ และโคโลนี
สีแดงที่มีทั้งฟองกาซและบริเวณสีเหลืองลอมรอบ เปน จํานวน Enterobacteriaceae
ทง้ั หมด
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 229
เอกสารอา งองิ
1.! Adam, M.R. 1986. Process in Industrial Microbiology. Volume 23.
Microorganisms in the Production of Food. Elsevier Science Publishers,
B.V., The Netherlands.
2.! AOAC International. 1998. Bacteriological Analytical Manual (BAM). 8th
edition Revision A, Published and distributed by AOAC International,
USA.
3.! Bailey, W.R., and Scott, E.G. 1966. Diagnostic Microbiology, 2nd Edition,
C.V.Mosby : Saint Louis.
4.! Blackburn. C.de W. 1993. Rapid and Alternative methods for the
detection of Salmonellas in Foods. J. of Appl. Bacteriol. 199-214.
5.! Brooks, J.D. 1983. Proceedings of the first short course on rapid methods
of analysis in food microbiology. Massey University, New Zealand.
6.! Bradshaw, L.J. 1963. Laboratory Microbiology, Philadelphia : W.B.
Saunders
7.! Buchanan, R.E., and Gibbons, N.E. 1974. Bergey’s Manual of
Determinative Bacteriology. The Williams and Wilkins Company,
Baltimore.
8.! Chinachoti, P. 1996. Food Products Shelf-life Stability. Department of
Food Science University of Massachusetts, U.S.A.
9.! Connolly, P., Bloomfield, S.F., and Denyer, S.P. 1993. A study of the use
of rapid methods for preservative efficacy testing of pharmaceuticals. J. of
Appl. Bacteriol., 75,456-462.
10.!Connolly, P., Bloomfield, S.F., and Denyer, S.P. 1994. The use of
impedance for the preservative efficacy testing of pharmaceuticals and
cosmetic products. J. Appl. Bacteriol. 76,68-74.
11.!CruicKshank, R., 1968. Medical Microbiology, 11st Edition,
E.S.Livingstone : Edinburgh.
12.!Department of General Microbiology, College of Agriculture, Faculty of
Science, Edinburgh University. 1970. HND II Practical
Microbiology.
13.!Department of Microbiology, Faculty of Medicine, Chiang-Mai
University. 1971. Microbiology, Laboratory Manual.
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 230
14.!Difco. 1966. Difco Manual of Dehydrated Culture Media and
Reagents for Microbiological and Clinical Laboratory Procedure, 9th
Edition. Detroit Michigan : Difco Laboratory.
15.!Faculty of Science, Mahidol University, 1975. General and Medical
Microbiology, Laboratory Manual.
16.!Frazier, W.C. 1967. Food Microbiology. 2nd Edition, Mc Graw-Hill Book
Company, New York.
17.!Futschik, K., Pfutzner, H., Doblander, A., and Asperger, H. 1988.
Automatical registration of microorganism growth by a new impedance
method. Abstr. Int. Meet.Chem. Eng.&Biotechnol. Achema 88.3p.
18.!Geory, B. 1969. Principles of Food Science, Volume II, Food Microbiology
and Biochemistry. The Macwillan Company Collier Macmillan Ltd.,
London.
19.!Gibbs, B.M., and Skinner, F.A. 1966. Identification Methods for
Microbiologists Part A. Academic press, London and New York.
20.!Jay, J.M. 1970. Modern Food Microbiology. Van Nostrand Reinhold Co.,
New York.
21.!Kiss, I. 1984. Testing Met5hods in Food Microbiology. Elsevier,
Amsterdam-Oxford.
22.!Lamanna, C., Mallette, M.F., and Zimmerman, L.N. 1973. Basic
Bacteriology: Its Biological and Chemical Background: Chapter 10
Nutrition of Bacteria. The Williams and Wilkins company, Baltimore.
23.!Lowry, P.D. 1984. Microbiology Methods for Meat Industry. Meat Industry
Research Institute of New Zealand. MIRINZ 757.
24.!Normann, W.D. 1970. The Technology of Food Preservation. 3rd Edition,
The AVI Publishing Company, INC. Westport, Connecticut.
25.!Merck, E. 1984. Handbook Culture Media MERCK. Frankfurter Straβe
250 D-6100 Darmstadt 1.
26.!Parry, R.T., Haysom, L.,Thomas, N.L., and Davis, R. 1982. A Manual of
Recommended Methods for the Microbiological Examination of Poultry
and Poultry Products. British Poultry Meat Association Ltd., High
Holborn, London.
27.!Pederson, C.S. 1979. Microbiology of Food Fermentations. 2nd Edition.
AVI Publishing Company, Inc., Westport, Connecticut.
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 231
28.!Pelczar Jr., M.J., 1965. Laboratory Exercises in Microbilogy, 2nd Edition.
Mc Graw-Hill.New York.
29.!Pelczar Jr., M.J., and Reid, R. B. 1972. Microbiology. Mc Graw-Hill Book
Co., New York.
30.!Philip, L.C. 1967. Microbiology. 2nd Edition. W.B. Saundus Company
Philadelphia-London; Toppan Company, Ltd., Japan.
31.!Phillips, J.D., and Griffiths, M.W. 1989. An electrical method for detecting
Listeria spp. Let. Appl. Microbiol., 9,129-132.
32.!Pirt, A.J. 1975. Principles of Microbe and Cell Cultivation. Blackwell
Scientific Publication. London.
33.!Pless, P. 1993. Detection of Listeria spp. By new impedance method. 3rd
World Congress Foodborne Infections and Intoxications, Proceedings,
Vol. II, 1194-1197.
34.!Pless, P., Futschik, K., and Schopf, E. 1994. Rapid detection of
Salmonellae by means of a new impedance-splitting method. J. of Food
Protection. 57(5):369-376.
35.!Prescott, S.C. and Dunn, C.G. 1959. Industrial microbiology. 3rd Edition.
Mc. Graw Hill Book Co., New York.
36.!Rehm, H-J. and Reed, G. 1983. Biotechnology A Comprehensive Treatise
in 8 Volumes: Volume 5 Food and Feed Production with Microorganisms.
Verlag Chemie, Weinheim, Florida.
37.!Rockland, L.B., and Beuchat, L.R. 1987. Water Activity: Theory and
Applications to Food. Marcel Dekker, Inc., New York.
38.!Rohde, P.A. 1970. BBL Manual of Products and Laboratory
Procedures, 5th Edition, CocKeysville, Maryland : BBL Division of
Becton, Dickinson and Co.
39.!Seeley Jr., H.W., and Vandemark, P.J. 1965. Selected Exercises from
Microbes in Action. A Laboratory Manual of Microbiology, San
Francisco and London : W.H. Freeman and Company.
40.!Seow, C.C. 1988. Food Preservation by Moisture Control. Elsevier
Applied Science, New York.
41.!Sharf, J.M. 1966. Recommended Methods for the Microbiology
Examination of Food. 2nd Edition, American Public Health Association,
Washington, D.C.
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 232
42.!Speck, M.L. 1976. Compendium of Methods for the Microbiological
Examination of Foods. 2nd Edition. American Public Health Association,
Washington, D.C.
43.!Stanier, R.Y., Doudoroff, M., and Adelburg, E.A. 1970. General
Microbiology, London : Macmillan.
44.!Tilton, R.C. 1982. Rapid methods and automation in microbiology.
American Society for Microbiology, Washington, D.C.
45.!Wistreich, G.A., and Lechtman, M.D. 1969. Laboratory Exercises in
Microbiology, Toronto Canada : Glencol Press.
46.!Wood, B.J.B. 1985. Microbiology of Fermented Foods. Volume2. Elsevier
Applied Science Publishers, Ltd., London.
47.!Weiser, H.H., Mountney, G.J., and Gould, W.A. 1978. Practical Food
Microbiology and Technology. The AVI Publishing Co., Westport,
Connecticut.