หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 142
สารเรง ชวี ภาพ หรอื เอนไซม
สารเรง ชวี ภาพหรอื เอนไซม (Enzyme) เปนโปรตนี ประเภทหนง่ึ ทเ่ี ชอ้ื
จุลินทรียสามารถผลิตขึ้น เพอ่ื ใชใ นการยอ ยสลายสารอาหารตามทต่ี อ งการ เพื่อ
ประโยชนต อ เซลของเชอ้ื จลุ ินทรียน้ันๆ การใชค ณุ สมบตั ทิ เ่ี ชอ้ื จลุ นิ ทรยี ส ามารถสรา ง
เอนไซมไดไมเหมือนกันในสภาวะหนึ่งๆ เพอ่ื การตรวจสอบเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ป ระเภทนน้ั
ไดเขามามีบทบาทในการวิเคราะหจลุ ินทรยี เพอ่ื เปน การจําแนกและสรา งความมน่ั ใจ
ในการตรวจสอบหรอื วเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี ม ากขน้ึ
1.! เอนไซม Oxidase และ Catalase
1.1 เทอาหารน้ํามะพรา วลงในจานเพาะเชอ้ื 2 จาน รอจนวนุ แขง็ ขีดเสนใต
แบง อาหารเปน 4 สวน แตละสวน Streak ดวยเชื้อตอไปนี้ Lactobacillus sp.,
Streptococcus sp., Escherichia coli และ Bacillus megaterium
1.2!บมทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง 48 ชว่ั โมง
1.3! จานแรกใชต รวจสอบเอนไซม Catalase โดยหยดสารละลายนํ้ายา
Hydrogenperoxide รอยละ 3-4 ลงบนรอบ Streak สังเกตการเกิดฟองอากาศ
1.4! จานที่สองใหหยดนํ้ายา Tetramethyl - paraphenylene - idamine
dihydrochloride เชื้อที่ผลิตเอนไซม Oxidase จะเกดิ สีมว ง
2.! เอนไซม Dehydrogenase
2.1 Ionoculate เช้ือ E.coli ลงใน Nutrient broth 2 หลอด บม ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง
24 ชว่ั โมง
2.2 หยุดการทํางานของเอนไซมใ นหลอดท่ี 1 โดยแชห ลอดในน้าํ เดอื ด 10
นาที
2.3 เติมนํ้ายากลูโคสรอยละ 1 จาํ นวน 0.5 มลิ ลิลิตร และสี Methylene blue
เจือจาง 1 : 100,000 1 หรอื 2 หยดลงในหลอดทั้งสอง ปด ทบั หนา ดว ยวนุ รอ ยละ 3
2.4 บม ใน Water bath ท่ี 37 องศาเซลเซียส สังเกตการเปลี่ยนสีของ
Methylene blue ทกุ ๆ ครง่ึ ชว่ั โมง
2.5 วิจารณผลที่เกิดขึ้น
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 143
3.! β-galactosidase
3.1 ใชปเปตดูดเชื้อ E.coli อายุ 24 ชว่ั โมง ซง่ึ เจรญิ ใน Lactose broth
5 มิลลิลิตร ลงในฟลาสค ซง่ึ บรรจุ Lactose broth 25 มลิ ลิลิตร (ฟลาสค ก.)
3.2 ใชปเปตดูดเชื้อ E.coli อายุ 24 ชว่ั โมง ซง่ึ เจรญิ ใน Glycerol broth
5 มิลลิลิตร (ฟลาสค ข.) หนึ่งฟลาสค และอีก 5 มลิ ลิลิตร ลงในฟลาสคซ ง่ึ บรรจุ
Glycerol broth อีก 1 ฟลาสค (ฟลาสค ค.) เขยา ฟลาสคท ง้ั สาม (เวลาเริ่มตน)
3.3 ศกึ ษาการเกดิ เอนไซมใ นฟลาสคท ง้ั สามตามระยะเวลาดงั น้ี เรม่ิ ตน การ
ทดลอง 30, 60, 90 และ 120 นาที
3.3.1 หยด Toluene ลงในหลอดเล็ก ๆ 3 หลอด
3.3.2 ใชปเปตดูดเชื้อจากฟลาสคทั้งสามลงในแตละหลอด ในปรมิ าณ
หลอดละ 1 มิลลลิ ติ รเขยา ดว ย Vortex mixer ประมาณ 2 นาที แชหลอดใน Water
bath ท่ี 37 องศาเซลเซยี ส นาน 30 นาที
3.3.3 เตมิ น้ํายา O-nitrophenyl-β-D-galactoside หลอดละ 0.2
มิลลิลิตรผสมใหเขากันทิ้งไว 15 นาที
3.3.4 เติม Na2CO3 1.0 M ลงไปหลอดละ 0.5 มลิ ลิลิตร เพื่อหยุด
ปฏิกิริยาของเอนไซม
3.3.5 เตมิ น้ํา Demineralized หลอดละ 4 มิลลิลิตร เขยาใหของเหลว
ในหลอดผสมกันดี
3.6 วัด O.D. (420 nm)
4. เขยี น Curve ระหวา ง O.D. และเวลาของทกุ ฟลาสค
5. วจิ ารณผ ลทเ่ี กดิ ขน้ึ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 144
การตรวจสอบอาหารกระปอ ง
การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของอาหารกระปองมีอยูหลายแบบ เชน การผดิ
ปกติภายในกระปอง การบวมของกระปอ ง การบบุ และการเกดิ สนมิ ภายนอก การ
ผิดปกติเหลา นต้ี อ งอาศยั การตรวจทางกายภาพ ทางเคมี และทางจลุ นิ ทรียประกอบ
จึงจะสามารถวินิจฉัยไดอยางถูกตองวามีสาเหตุมาจากอะไร เชน ความรอ นในการฆา
เช้ือไมเ พยี งพอ ตะเข็บกระปองผิดปกติ หรอื กรรมวธิ ีในการผลติ ไมถ ูกตอ ง
ความสัมพันธร ะหวา งการเปลย่ี นแปลงของอาหารกบั pH ในสวนที่
เก่ียวขอ งกบั จลุ นิ ทรยี
อาหารชนดิ ตา งๆมสี ภาพความเปน กรด (pH) ท่ีไมเ หมอื นกนั บางชนดิ
เปร้ียวจัด มีกรดมาก บางชนดิ ไมเ ปรย้ี วเพราะมกี รดนอ ย สภาพความเปน กรดของ
อาหารมีผลใหการเจริญเติบโตของจุลินทรียแตกตางกันออกไป ผลคืออาหารจะเสีย
ไมเหมือนกัน และจากความเปน กรดน้ี จะวนิ จิ ฉยั ไดอ ยา งครา วๆวา อาหารจะเสยี โดย
จุลนิ ทรียกลมุ ใด ดงั ตาราง
ตาราง 17 ความสมั พนั ธร ะหวา ง pH กับจลุ นิ ทรียในอาหาร
สภาพความ ชนดิ อาหาร จุลนิ ทรยี ท พ่ี บ
เปน กรด
ถั่วพี Thermophilic group:
ความเปน ขาวโพด Flat sour types
กรดตํ่า นมระเหยนํ้า Thermophilic anaerobes-gas producers
(pH≥4.5) มนั ฝรง่ั Sulfide spoilage organism-H2S gas producers
เนอ้ื Mesophilic group:
ปลา Putrefactive anaerobes-gas producers
เปน ตน Aerobic spore formers
น้ํามะเขือเทศ Spore-formers:
ความเปน สาลี Aciduric flat sour types
กรดสงู ลูกทอ Bacillus thermoacidurans
(pH≤4.5) ลน้ิ จ่ี Butyric anaerobes-gas producers
สับปะรด Nonspore formers:
เปนตน Lactobacilli
Yeasts
Molds
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 145
จากลักษณะที่ปรากฏใหเห็น ทาํ ใหส ามารถสนั นษิ ฐานตอ ไปวา การเสยี ของ
อาหารน้ันเกดิ จากจลุ นิ ทรยี ก ลมุ ใด ดงั ตาราง
ตาราง 18 ความสมั พนั ธร ะหวา งชนดิ จลุ นิ ทรียกับลกั ษณะทป่ี รากฏ
สภาพความ ชนดิ จลุ ินทรีย ลักษณะทป่ี รากฏ
เปน กรด
ความเปน Flat sour กระปองปกติ สุญญากาศลดลงเล็กนอย
กรดตํ่า เมื่อเก็บไวน าน
(pH≥4.5) เน้ืออาหารไมเ ปลย่ี นแปลง pH ลดลงและมี
กลิ่นที่ผิดปกติ น้าํ ขนุ
ความเปน Thermophilic กระปอ งบวมและอาจจะระเบดิ ได
กรดต่ํา Anaerobes เน้ืออาหารมกี ลน่ิ หมกั กลน่ิ กรด เปรย้ี ว
(pH≥4.5)
ความเปน Sulfide spoilage กระปองปกติ กา ซไฮโดรเจนทเ่ี กดิ ขน้ึ จะทํา
กรดต่ํา ปฏิกิรยิ ากบั อาหาร
(pH≥4.5) เน้ืออาหารมสี ดี าํ มกี ลน่ิ กา ซไขเ นา
ความเปน Putrefactive กระปอ งบวมและอาจจะระเบดิ ได
กรดตํ่า Anaerobes เนื้ออาหารสลายตัวบางสวน pH สูงขึ้น
(pH≥4.5) เล็กนอย มกี ลน่ิ เนา
ความเปน Aerobic spore กระปองโดยปกตไิ มบ วม แตถ า เปน จําพวก
กรดตํ่า Formers ท่ีมีไนโตรเจนอยดู ว ย อาจบวมได
(pH≥4.5) เน้ืออาหารถา เปน นมระเหยนา้ํ อาจมตี ะกอน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 146
ตาราง 18 ความสมั พนั ธร ะหวา งชนดิ จลุ นิ ทรียกับลกั ษณะทป่ี รากฏ (ตอ )
สภาพความ ชนิดจลุ ินทรีย ลักษณะทป่ี รากฏ
เปน กรด
ความเปน Bacillus coagulans กระปองปกติ สญุ ญากาศเปลี่ยนแปลงลง
กรดสูง B.theromoacidurans เล็กนอย
เนื้ออาหาร pH ลดลงเล็กนอย มกี ลิ่น
(pH≤4.5)
ความเปน Butyric anaerobes กระปอ งบวม อาจจะระเบดิ ได
กรดสูง เน้ืออาหารมกี ลน่ิ กรด Butyric หรือกลิ่น
(pH≤4.5) Nonspore Formers หมกั
ความเปน (Lactic acid bacteria)
กรดสงู กระปอ งบวมมาก อาจระเบดิ ได
เน้ืออาหารมกี ลน่ิ กรด
(pH≤4.5)
ความเปน Yeasts กระปองบวม อาจระเบดิ ได
กรดสงู เน้ืออาหารมกี ลน่ิ หมกั และกลิ่นยีสต
(pH≤4.5) Molds กระปองปกติ
ความเปน เนอ้ื อาหารมกี ลน่ิ อบั
กรดสงู
(pH≤4.5)
วิธีการตรวจ
การตรวจอาหารกระปองแบงออกไดเปน 3 สวนคือ ตรวจสอบหาสาเหตกุ าร
เสีย ตรวจ Incubation test และตรวจ Sterility test รายละเอยี ดตางๆ ดงั น้ี
การตรวจหาสาเหตกุ ารเสยี
การเก็บตัวอยาง
จํานวนตัวอยางที่ควรจะเกบ็ ประมาณ 6-12 กระปอ ง โดยทําการสมุ จาก
กระปองที่ผลิตขึ้น ตวั อยา งทเ่ี กบ็ มานน้ั จะตอ งมตี ะเขบ็ ปกติ และไมบ บุ
การตรวจสอบ
1.การตรวจประวตั กิ ารบรรจุ ซึ่งรวมทั้งสภาพภายนอกที่ผิดปกติ จํานวน
กระปองที่เสีย วิธบี รรจุ อุณหภมู แิ ละเวลาทใี่ ชฆ า เช้อื วิธีการทําใหก ระปอ งเยน็ ตวั
ตลอดจนวธิ กี ารอน่ื ๆทผ่ี ดิ ไปจากปกติ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 147
2. การตรวจทางกายภาพ และการตรวจทางจลุ นิ ทรยี
2.1 บันทึกจํานวนตัวอยางที่ไดรับ ชนดิ อาหาร สถานที่เก็บตัวอยาง
ขนาดกระปอง และรหัสบนฝากระปอง
2.2 ตรวจสอบสภาพกระปอง ทาํ การบนั ทกึ สภาพของกระปอ ง เชน
รอยบุบท่ีเกิดจากการกระแทก รอยโกงงอ หรือสิ่งผิดปกติอื่นๆ
2.3 การเตรียมกระปองกอนเปด และการเปด กระปอ ง เพื่อทําการ
ตรวจ ลา งกระปอ งดว ยสบแู ละน้ําสะอาดเช็ดใหแหง แลวเช็ดดวยแอลกอฮอลรอยละ
70 (หามลนไฟกระปองบวมเด็ดขาด) สาํ หรับกระปองที่มีรอยรั่วเช็ดดวยแอลกอฮอล
อยางเดียวไมตองลางนํ้า ถา กระปอ งนน้ั เปอ นน้ํามันตองลางดวยแอลกอฮอล หรอื
ปโตรเลียมอีเทอร โดยเฉพาะจดุ ทจ่ี ะทําการเปด ใชตะเกียงแอลกอฮอลลนบริเวณนี้
ใหทั่ว หรือจะเช็ดดวยแอลกอฮอลรอยละ 70 ก็ได
2.4! เปดกระปอ งดวยเครื่องเปด ท่ีผา นการฆาเชอื้ แลว สาํ หรบั
กระปองบวมใหเปด ดวยเคร่อื งเปดทสี่ ามารถเกบ็ กา ซไวต รวจได เครอ่ื งเปด นจ้ี ะมี
ลักษณะที่วางกระปองและมีเครื่องยกแปนใหกระปองขึ้นไปกดกับสกรูซึ่งกลวงและตอ
กับสายยางออกไป ใหเก็บกาซในหลอดแกวแทนที่นํ้า นํากาซที่เกบ็ ไวไ ปตรวจสอบ
วาเปน กา ซอะไรดงั น้ี
2.4.1การตรวจกา ซคารบ อนไดออกไซด คอยๆประกบหลอดกาซ
กับหลอดสารละลายโปแตสเซียมไฮดรอกไซด (KOH) เจือจางใหสารละลายไหลเขา
ไปในหลอดกา ซ เขยา ใหเ ขา กนั กา ซจะทําปฏกิ ริ ยิ ากบั KOH ทําใหเ กดิ สภาพ
สุญญากาศขึน้ ในหลอด ดังนั้นเม่อื คอยๆเปดนว้ิ ที่ปดหลอดอยอู อกจะมคี วามรูส กึ วามี
แรงดดู ทน่ี ว้ิ
2.4.2การตรวจกา ซไฮโดรเจน จดุ าํ ไมข ดี ไฟทป่ี ากหลอด คอยๆ
เลื่อนนิ้วที่ปดปากหลอดออก ถา เปน กา ซไฮโดรเจน จะเกดิ เสยี งดังพบึ
2.5! การเพาะเชอ้ื เปดกระปอ งดว ยทเ่ี ปด ทผ่ี า นการฆา เชอ้ื มา
กอนแลว ในกรณที อ่ี าหารเปน ของแขง็ ใชที่เปดแบบเปดฝาออกไดเลย สําหรบั
อาหารเหลว ใชท เ่ี ปด แบบเจาะรใู หพ อทจ่ี ะจมุ ปเปตลงไปได เมื่อเปดฝากระปองออก
แลวใหครอบบรเิ วณทเ่ี ปด ดว ยฝาจานเพะเชอ้ื ทผ่ี า นการฆา เชอ้ื มาแลว
2.5.1 อาหารทม่ี สี ภาพความเปน กรดต่ํา (pH≥4.5)
การตรวจ Aerobic bacteria นําหลอดที่บรรจุ Dextrose tryptone bromcresol
purple broth ( ดู 1) 4 หลอด ใสอ าหารหลอดละ 2 กรมั หรอื 2 มิลลิลิตร นําหลอด
ไปบมเพาะเชอ้ื ท่ี 37 องศาเซลเซยี ส และอีก 2 หลอดไปบมเพาะเชื้อที่ 55 องศา
เซลเซียส เปนเวลา 48-72 ชว่ั โมง
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 148
การตรวจ Anaerobic bacteria นําหลอดทบ่ี รรจุ Tryptone broth (ดู 2) มา 4
หลอด ใสอ าหารหลอดละ 2 กรมั หรอื 2 มลิ ลิลิตร แลวคอยๆเท Tryptone agar
(ดู 3) ปด ทบั ไวข า งบน ถา สงสยั วา มี Sulfide spoilage ใหใช Sulfide agar (ดู 4)
จํานวน 4 หลอด และดําเนนิ การอยา งเดยี วกนั กบั การตรวจ Anaerobic bacteria นํา
2 หลอดไปบม เพาะเชอ้ื ท่ี 37 องศาเซลเซยี ส และอีก 2 หลอดไปบมเพาะเชื้อที่ 55
องศาเซลเซยี ส
2.5.2 อาหารทม่ี คี วามเปน กรดสงู (pH ≤4.5) อาหารจําพวกนท้ี ํา
การฆาเช้ือที่อุณหภูมิน้ําเดือดหรือตาํ่ กวาเทา นน้ั เปน การทําลายจลุ นิ ทรยี ช นดิ ทท่ี น
กรดและสามารถเจรญิ เตบิ โตไดบ นอาหารชนดิ นเ้ี ทา นน้ั อาหารทใ่ี ชเ ลย้ี งเช้อื จงึ ตอ งมี
ลักษณะพิเศษที่จะตรวจสอบวามีเชื้อจุลินทรียเหลานี้เหลืออยูอีกหรือไม
การตรวจ Aerobic bacteria นําหลอดที่บรรจุ Orange serum broth (ดู 5) มา 2
หลอด ใสอาหารลงไปหลอดละ 2 กรมั หรอื 2 มลิ ลิลิตร นําไปทําการเพาะเชอ้ื ท่ี 37
องศาเซลเซยี ส เปนเวลา 72 ชว่ั โมง
การตรวจ Anaerobic bacteria นําหลอดทบ่ี รรจุ Liver broth (ดู 6) มา 2 หลอด
ใสอ าหารลงไปหลอดละ 2 กรมั หรอื 2 มิลลิลิตร คอยๆเท Plain agar (ดู 7) ทับไว
นําไปทําการเพาะเชื้อที่ 37 องศาเซลเซียส เปนเวลา 72 ชว่ั โมง
หมายเหตุ 1 จะเห็นไดวาการตรวจ Aerobic และ Anaerobic bacteria ไมใ ช
อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส ทง้ั นเ้ี พราะอาหารทม่ี คี วามเปน กรดสงู ไมค อ ยพบ
Thermophilic bacteria แตอยางไรกต็ ามอาหารจําพวกมะเขอื เทศ น้าํ มะเขอื เทศ
อาจพบพวก Bacillus thermoacidurans ได ถามีเชื้อพวกน้ีอยอู าจสงั เกตไดจาก
กลิ่นของอาหารที่ผิดปกติ แตกระปองไมบวม และอาจจะทาํ การตรวจสอบดงั น้ี
เท Plate โดยใชอาหาร 1 หรอื 0.1 มิลลิลิตร ใช Proteose peptone acid
agar (ดู 8 ) เปนอาหารเลย้ี งเชอ้ื ทาํ 2 ชดุ ชดุ หนง่ึ นําไปเพาะเชอ้ื ท่ี 37 องศา
เซลเซียส และอกี ชดุ หนง่ึ นําไปเพาะเชอ้ื ท่ี 55 องศาเซลเซียส เปนเวลา 48-72 ชว่ั โมง
หมายเหตุ 2 ในกรณีที่อาหารจําพวกมะเขอื เทศ สาลี่ สบั ปะรด เกดิ การบวมและมี
กลน่ิ กรด Butyric สันนิษฐานไดว า เกดิ จาก Clostridium paseurianum ใหทดสอบ
โดยการนําเชื้อจากหลอด Anaerobic tube ยอมสีดวย Methylene blue (ดู10) แลว
ตรวจหาเช้ือทม่ี ลี ักษณะคลาย Clostridium ดวยกลองจุลทรรศน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 149
2.5.3 อาหารท่ีมีความเขม ขน สงู เชน มะเขอื เทศเขม ขน เนอ้ื
ผลไมเขมขน การเสยี จะเรม่ิ จากสว นทอ่ี ยตู ดิ กน หรือฝากอน การตรวจจะตองกวน
ตัวอยางใหเขากันกอน น้าํ ตวั อยา งมาเจอื จางดว ยน้ํา และนําไปเพาะเชอ้ื
3. การตรวจอื่นๆที่จําเปน
3.1 การตรวจดว ยกลองจลุ ทรรศน เนอ่ื งจากจลุ นิ ทรียท เ่ี ปน ตน เหตุ
ใหอาหารเสยี อาจตายไปแลว และตรวจไมพ บดว ยวิธีอน่ื การตรวจดว ยกลอง
จุลทรรศนทาํ ไดด งั น้ี
เตรยี ม Smear บนแผน กระจก โดยตักของเหลวดวย Platinum loop
ถาเปนของแข็งใหเติมนาํ้ 1 หยด แลว ละเลงบนแผน กระจก ทาํ ใหแ หง ดว ยความรอ น
ยอ มสดี ว ย Gential violet (ดู 11) หรอื Methylene blue (ดู 10 )
3.2 ตรวจดกู ารสรา งสปอร นําเชอ้ื จาก Agar slant (ดู 9) มาเพาะ
เชื้อที่ 37 และ 55 องศาเซลเซยี ส เปนเวลา 72 ชว่ั โมง แลวตรวจดูสปอรดังนี้
3.2.1 เตรยี ม Smear จาก Agar slant (ดู 9) ทาํ ใหแ หง ดว ย
ความรอน
3.2.2 หยด Malachite green (ดู 12) ลงบน Smear และ
ท้ิงไว 30-60 วินาที และทําใหร อ น
3.2.3 ลางสวนเกินออกดวยนํ้ากอก
3.2.4 จุงลงใน Safranin (ดู 13) ประมาณ 30 วินาที
3.2.5 ลาง ทาํ ใหแ หง และตรวจดดู ว ยกลองจลุ ทรรศน
3.3 วัด pH โดยใชเครื่องวัด pH meter
3.4 ตรวจดลู ักษณะของอาหาร ดูลักษณะทั่วไป และกลิ่น แตอยาชิม
เปน อนั ขาด
3.5 ช่ัง คํานวณน้ําหนกั สทุ ธิ และน้ําหนกั เนอ้ื เพอ่ื ใชป ระกอบการ
พิจารณาวา อาหารจะเต็มเกนิ ไปหรอื ไม
4. ตรวจตะเขบ็ กระปอ ง
ซ่ึงมีรายละเอียดวิธีการตรวจในเร่ืองของตะเข็บกระปองในหนังสือ
อาหารกระปอ งโดยทว่ั ไป
5. วิเคราะหก า ซทอ่ี ยภู ายในกระปอ ง
ในกรณีทีก่ ระปอ งบวม แตม ปี รมิ าณจลุ นิ ทรียต่ํามาก จะตอ งทาํ การ
วิเคราะหกาซที่อยูภายในกระปองดวย ถาการบวมนน้ั เกดิ จากกา ซไฮโดรเจน กา ซจะ
ติดไฟ และภายในกระปอ งจะกรอ นมาก สว นกา ซทเ่ี กดิ จากจลุ นิ ทรียม แี ต
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 150
คารบอนไดออกไซด การตรวจกา ซไฮโดรเจนทําไดง า ยๆ โดยการเจาะรกู ระปอ งท่ี
บวมใกลๆเปลวไฟ ถา มกี า ซไฮโดรเจนกา ซจะตดิ ไฟ
การวิเคราะหผล
การวิเคราะหผลทําไดง า ยๆ โดยดจู ากขอ สรปุ ทใ่ี หไ วข า งลา งน้ี
ตาราง 19 การวินิจฉยั การเสยี ของอาหารกระปอ ง
ลักษณะท่ี สุญญากาศต่ํา กระปอ งรว่ั เกดิ จาก H2 เสยี กอ น ไมไ ดร บั
ปรากฏ การฆา เชอ้ื การฆา เชอ้ื
กระปอง ปกติ อาจปกติ บวม บวม บวม บวม
อาหาร ไมม สี ญุ ญากาศ มีหรือไมมี
ปกติ หรือ ปกติ เปนฟอง นํ้า
ปกติ สญุ ญากาศกไ็ ด อาจเปน ฟอง อาจเปน เมอื กๆ
ปกติหรอื และเนื้ออาหาร
อาจปกติ มีกลิ่นเปรี้ยว มีลักษณะไมสุก
เปนฟอง หรือ
เลก็ นอย กลิ่นเปรี้ยว
มีนํ้าขนุ มกี า ซ CO2
มกี า ซ CO2
กลิ่น ปกติ ปกติหรือ ปกตหิ รอื ปกตหิ รอื
ลดลงเล็กนอย ลดลงเล็กนอย
มีกลิ่นเปรี้ยว มีกลิ่นโลหะ ไมพบจุลินทรีย
พบเชื้อหลาย
กา ซ - ไมมีกาซหรือ มกี า ซ H2 ไมพบจุลินทรีย ชนิดทั้ง Rod
ลดลงเล็กนอย มกี า ซ CO2 มากกวารอยละ และ Cocci
pH ไมพบจุลินทรีย ยสี ตและรา
จากกลอง อาจลดลงหรือ 20 พบทั้ง Aerobic
จลุ ทรรศน ไมพบจุลินทรีย เพิ่มขึ้น ปกติ และ Anaerobic
bacteria ท่ี 37
จากการ พบเชื้อหลาย ไมพบจุลินทรีย และ 55 องศา
เพาะเชอ้ื ชนิดทั้ง Rod เซลเซียส
และ Cocci ไมพบจุลินทรีย
ยสี ต และรา
พบทั้ง Aerobic
และ Anaerobic
bacteria ที่ 37
และ 55 องศา
เซลเซียส
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 151
ตาราง 20 การวินิจฉัยการเสียของอาหารกระปอง (อาหารทม่ี คี วามเปน กรด
ต่ํา pH≥4.5) ใหค วามรอ นไมเ พยี งพอ
ลักษณะท่ี Thermophilic Sulfide Putrefactive Aerobic
ปรากฏ Anaerobic spoilage Anaerobic spore
bacteria bacteria formers
Thermophilic ปกตหิ รอื บวม บวม
Flat sour บวม เลก็ นอ ย บวม
ปกตหิ รอื
กระปอง ปกติอาจมี เปนฟอง มีสีดํา เปนฟอง เปนฟอง
อาหาร สญุ ญากาศหรอื เฉพาะแหง และมีลักษณะ
ปกติหรอื มีกลิ่น
ไมม ีกไ็ ด มีกลิ่นเปรี้ยว มีกาซไขเนา สลายตัว แอมโมเนียเลก็
มีกลิ่นเนา
ปกติหรือ นอย
มีนํ้าขนุ CO2
ลดลงเล็กนอย
กลิ่น ปกติหรือ หรือมากก็ได
มีกลิ่นเปรี้ยว พบจุลินทรีย
ชนิด Rod
กา ซ - CO2 และ H2 H2S CO2 และสปอร
pH ลดลงเล็กนอย ลดลงเล็กนอย ลดลงเล็กนอย ลดลงเล็กนอย
หรือมากก็ได หรือมากก็ได พบทั้ง Aerobic
จากกลอง พบจุลินทรีย พบจุลินทรีย พบจุลินทรีย และ Anaerobic
จุลทรรศน ชนิด Rod แต พบจุลินทรีย ชนิด Rod และ ชนิด Rod และ bacteria ท่ี 37
ไมพบสปอร ชนิด Rod แต และ 55 องศา
ไมคอยพบ พบสปอร พบสปอร
จากการ พบทั้ง Aerobic เซลเซียส
เพาะเชอ้ื และ Anaerobic สปอร พบ Anaerobic พบ Anaerobic พรอมทั้งเปนฝา
bacteria ที่ 37 bacteria ที่ 55 bacteria ที่ 37
และ 55 องศา พบ Anaerobic องศาเซลเซียส องศาเซลเซียส ที่ผิว
bacteria ท่ี 55
เซลเซียส องศาเซลเซียส
อาจพบบา งท่ี
37 องศา
เซลเซียส
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 152
ตาราง 21 การวินิจฉัยการเสียของอาหารกระปอง (อาหารทม่ี คี วามเปน กรดสงู
pH≤4.5) Flat sour ใหค วามรอ นไมเ พยี งพอ Nonspore formers
Butyric anaerobic
ลักษณะทป่ี รากฏ ปกติ bacteria บวม
มหี รอื ไมม สี ญุ ญากาศ บวม
กระปอง ปกติ หรือมีนํ้าขุน ปกติ หรือเปนฟอง อาจมี
มีกาซและมีฟองมาก เชอื้ ขึ้นที่ผิวของอาหารได
อาหาร
มีกลิ่นเปรี้ยว มีกลิ่นกรด Butyric acid ปกติหรือมีกลิ่นยีสต
กลิ่น - H2 และ CO2 CO2
กา ซ ลดลงมาก
PH ลดลงเล็กนอย ปกติหรือลดลงเล็กนอย
หรือมากก็ได พบจุลินทรยี ชนิด Rod
จากกลองจุลทรรศน พบจุลินทรยี ชนิด Rod พบทั้ง Rod, Cocci
ยสี ตและรา
จากการเพาะเชื้อ พบ Aerobic bacteria ท่ี พบ Anaerobic bacteria
พบ Aerobic และ
55 องศาเซลเซียส ท่ี 37 องศาเซลเซียส Anaerobic bacteria ที่
37 และ 55 องศา
เซลเซียส
การตรวจ Incubation test
วิธีน้ีใชเวลานอ ย เปน การทดสอบวา อาหารจะเสยี หรอื ไม วธิ กี ารตรวจสอบมี
ดงั น้ี
การเก็บตัวอยาง ควรเก็บตัวอยางอยางนอย 24 ตัวอยา ง อยาเก็บตัวอยาง
ซ้ําจากกลองเดียวกัน
การเพาะเชอ้ื อุณหภูมิและเวลาในการเพาะเชือ้ นน้ั ข้นึ อยูก ับ pH ของอาหาร
1.! อาหารท่ีมสี ภาพความเปน กรดต่ํา (pH ≥4.5) ทําการเพาะเชื้อท่ี 37
องศาเซลเซียส เปนเวลา 14-30 วัน หรอื ทําการเพาะเชอ้ื ท่ี 55 องศาเซลเซยี ส เปน
เวลา 7-10 วัน
ขอยกเวน อาหารจําพวกเนื้อและปลา ไมตองทําการเพาะเชอ้ื ท่ี 55 องศา
เซลเซียส แตถามีธัญพืชผสมอยูดวย เชน ขา ว การเพาะเชอ้ื ท่ี 55 องศาเซลเซยี สก็มี
ความจําเปน
2.! อาหารทม่ี สี ภาพความเปน กรดสงู (pH ≤4.5) ทําการเพาะเชอ้ื
กระปองที่ 37 องศาเซลเซยี ส เปน เวลานาน 14 วัน
ขอยกเวน ถา เปน ผลติ ภณั ฑจ ากมะเขอื เทศ ควรทําการเพาะเชอ้ื ท่ี 55 องศา
เซลเซียสดวย เพื่อทําการตรวจสอบ Thermophilic bacteria ที่อาจหลงเหลืออยู หรอื
ทําการเพาะเชื้อที่ 32 องศาเซลเซยี ส ถา สงสยั วา มี Butyric anaerobes อยูดวย
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 153
การวิเคราะหผล
1.! อาหารท่ีมีการฆา เชอ้ื อยา งสมบรู ณ กระปอ งจะไมบ วมผดิ ปกติ หรือเสีย
ดวยสาเหตุอื่น เชน Flat sour
2.! ถากระปอ งบวม ตองนําไปตรวจหาสาเหตุดวยวิธีที่กลาวมาแลว
3.! เม่ือถึงเวลาทกี่ ําหนด ตองเปดกระปองดู เพราะถงึ แมว า กระปอ งจะไม
บวมก็ตาม อาหารอาจจะมกี ารเสยี แบบ Flat sour ได
การตรวจจลุ นิ ทรียแ บบ Sterility test
เปนการตรวจสอบวา จะมจี ลุ นิ ทรียเหลอื ภาพหลงั การฆา เชอ้ื อกี หรอื ไม โดย
ปกติแลวจะทําการตรวจกระปอ งทผ่ี ลติ ออกมาใหมๆ หรือกระปองที่มีลักษณะปกติ
วิธีการตรวจก็เหมือนกับการตรวจหาสาเหตุของการเสียทุกประการ แตใ ชป รมิ าณ
อาหารมากกวา เชน ใช 15-25 กรมั
จุลนิ ทรียท่ีเก่ียวขอ งกบั การเสยี ของอาหารกระปอ ง
Flat sour (Low acid foods): Bacillus stearothermophilus
Bacillus pepo
Flat sour (High acid foods): Bacillus coagulans
Thermophilic anaerobes : Clostridium thermosaccharolyticum
Sulfide spoilage : Clostridium nigrificans
Putrefactive anaerobes : Clostridium histolytica
Clostridium sporogenes
Clostridium botulinum
Clostridium putrefaciens
Clostridium bifermentans
Aerobic spore formers : Bacillus subtilis
Bacillus mesentericus
Butyric anaerobes : Clostridium butyricum
Clostridium pasteurianum
Nonspore formers : Streptococcus
Micrococcus
Lactobacillus
Microbacterium
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 154
อาหารทใ่ี ชเ ลย้ี งเชอ้ื
1.! Dextrose Tryptone Bromcresol Broth
Tryptone or Trypticase 10 กรมั
Dextrose 5 กรมั
Bromcresol purple 0.04 กรมั
Distilled water 1 ลิตร
pH 6.8
ตมจนละลาย ใสหลอดหรือขวด ฆา เชอ้ื ท่ี 121 องศาเซลเซยี ส
นาน 15 นาที
2.! Tryptone Broth
เปน อาหารทใ่ี ชต รวจ Thermophilic anaerobes ท่ีไมส รา ง H2S รวม
ทง้ั Putrefactive anaerobes และ Mesophilic anaerobes อื่นๆ
Tryptone or Trypticase 10 กรมั
Dextrose 5 กรมั
Dipotassium phosphate 1.25 กรมั
Yeast extract 1 กรมั
Distilled water 1 ลิตร
pH 6.8
ใสหลอดๆละ 6-8 มลิ ลิลิตร ฆา เชอ้ื ท่ี 121 องศาเซลเซียส 20 นาที
กอนใชควรไลอ ากาศ โดยใชไอนํ้าประมาณ 20 นาที
3.! Tryptone Agar
เปนอาหารทใ่ี ชป ด หนา Tryptone Broth ประกอบดว ย
Tryptone or Trypticase 5 กรมั
กรมั
Agar 20 ลิตร
Distilled water 1
pH 6.8
ฆาเชื้อที่ 121 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 155
4.! Sulfide Agar
ใชเ ปน อาหารตรวจสอบ Clostridium nigrificans ท่ีสรา งกา ซ H2S
Tryptone or Trypticase 10 กรมั
Sodium sulfide (Anhydrous) 1 กรมั
Agar 20 กรมั
Distilled water 1 ลิตร
ใสหลอดละ 15 มิลลิลิตร และตะปูตัวเล็กๆ 1 ตัว ฆา เชอ้ื ท่ี 121
องศาเซลเซยี ส นาน 20 นาที ไมค วรเตรยี มอาหารชนดิ นไ้ี วเ กนิ 7 วัน
5.! Orange Serum Broth
อาหารชนิดน้ีเหมาะสําหรับเลี้ยงเช้ือจุลินทรียที่เจริญเติบโตไดใน
อาหารทม่ี สี ภาพความเปน กรดสงู เชน Bacillus coagulans, Lactobacillus และ
Butyric acid forming anaerobes แตไมเ หมาะสมสําหรบั Butyric anaerobes เพราะ
เกดิ กา ซมาก
Tryptone or Trypticase 10 กรมั
Yeast extract 3 กรมั
Dextrose 4 กรมั
Dipotassium phosphate 3 กรมั
Distilled water 800 มลิ ลิลิตร
Orange serum*
200 มลิ ลิลิตร
pH 5.5
ฆาเชื้อที่ 121 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที
*Orange serum เตรียมจากนํ้าสม ทท่ี ําใหร อ น 93 องศาเซลเซยี ส
เติม Filter aid 30 มลิ ลิลิตร คนใหเ ขา กัน กรอง
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 156
6. Liver Broth with Crushed Tomatoes
เปนอาหารทเ่ี หมาะสาํ หรบั แยกเชอ้ื Butyric acid forming
anaerobes และจลุ นิ ทรียชนิดท่ีทนกรดอน่ื ๆ จากอาหารกระปอ งทเ่ี สยี เชอ้ื ชนดิ น้ี
สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรียชนิดอื่นๆได
Liver broth 500 มลิ ลิลิตร
Crushed tomatoes 500 มิลลิลิตร
ใสตับบดลงไปหลอดละ 0.5 นว้ิ แลวเติมนํ้าลงไปใหท ว ม ฆา เชอ้ื ท่ี
121 องศาเซลเซียส นาน 20 นาที
7.! Plain Agar for Covering
Agar 20 กรมั
Distilled water 1 ลิตร
ตมใหเดือด ใสหลอด หรือขวด ฆา เชอ้ื ท่ี 121 องศาเซลเซยี ส
นาน 15 นาที
8.! Proteose Peptone Acid Agar
เปนอาหารทใ่ี ชส าํ หรบั ตรวจจลุ ินทรียในน้ํามะเขอื เทศ คือ Bacillus
thermoacidurans
Proteose peptone or Polypeptone 5 กรมั
Yeast extract 5 กรมั
Dipotassium phosphate 4 กรมั
Dextrose 5 กรมั
Distilled water 500 มิลลิลิตร
pH (adjusted with HCl) 5
ฆาเชื้อที่ 121 องศาเซลเซียส 30 นาที กอนใชใหเติมวุนรอยละ 4 ใน
สัดสวน 1:1
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 157
9.! Nutrient Agar
Beef extract 3 กรมั
Peptone 5 กรมั
Agar 15 กรมั
Distilled water 1 ลิตร
pH 6.8
ตมจนละลาย ใสหลอด หรือขวด ฆา เชอ้ื ท่ี 121 องศาเซลเซียส
นาน 15 นาที
10.!Methylene Blue Stain
Methylene blue 5 กรมั
Distilled water 100 มลิ ลิลิตร
11.!Gential Violet Stain
Gential violet, crystalline 1 กรมั
Distilled water 100 มลิ ลิลิตร
12.!Malachite Green Stain
Malachite green 5 กรมั
Distilled water 100 มลิ ลิลิตร
13.Safranin Stain
Safranin 0.5 กรมั
Distilled water 100 มิลลิลิตร
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 158
การเส่ือมเสยี ของอาหารกระปอ ง
Gas (Swell) No gas (Flat)
H2 CO2 H2+CO2 Drop in pH H2S Odor Molds
Blackened Usually
(Corn, peas) leakage
Sulfide
spoilage
Alcoholic Cured meats Thermophilic Mesophilic
Yeasts Bacillus sp. Flat sour
Thermophilic Mesophilic Flat sour Lactobacilli Mixed
(Acid odor) (Fruits) flora
leakage
Putrid odor Acid odor
putrefactive
anaerobes
Butyric Mixed Aerobacilli
fermentation fermentation
saccharolytic mixed flora
anaerobes (leakage)
ภาพ 20 การเส่ือมเสยี ของอาหารกระปอ ง
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 159
ตาราง 22 ความสัมพันธระหวา งอุณหภมู แิ ละเวลาในการทําลายสปอรข อง
Bacillus stearothermophilus ในสภาพเดียวกัน
อุณหภมู ิ(องศาเซลเซยี ส) เวลา(นาที)
100 1,200
105 600
110 190
115 70
120 19
125 7
130 3
135 1
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 160
การวเิ คราะหน มขน หวาน
นมขนหวาน (Sweetened condensed milk) เปนนมชนดิ หนง่ึ ทน่ี ยิ มบรโิ ภค
กันมาก คณุ สมบตั ทิ าง Keeping quality ของนมขนหวาน ขน้ึ อยกู บั ประสทิ ธภิ าพใน
การฆาเชื้อของผลิตภัณฑสุดทาย หรอื จากการปอ งกนั การแพรป นเปอ นระหวา งการ
ใหความรอนครั้งสุดทาย ซง่ึ อาจเกดิ ไดเ นอ่ื งจากกระปอ งนน้ั มรี อยตะเกบ็ ไมส นทิ ใน
Cooling water จึงมีการปองกนั พวกจลุ นิ ทรยี ท เ่ี ปน เชอ้ื โรคและเปน พวกทท่ี ําให
อาหารเนาเสยี โดยการเตมิ สารประกอบคลอรนี ลงไป เพื่อทําลายจลุ นิ ทรียเ หลา น้ี
นมขน หวานไมไ ดเ ปน Sterile product เลยทเี ดยี ว แตข น้ึ อยกู บั ความเขม ขน ของ
น้ําตาลซูโครส ในผลติ ภณั ฑท จ่ี ะปอ งกนั การรกั ษาไมใ หเ กดิ การเนา เสยี ไดง า ยๆ
การเตรียมตัวอยาง
1.! นมขนหวานอาจจะเหนยี วหรือขน มาก กอ นทําการทดลองควรนําไปอนุ
ใน Water bath ท่ี 45 องศาเซลเซยี ส นาน 15 นาที กอ นทจ่ี ะเปด
กระปองเพื่อลดความเหนียวของนมขนหวานลง
2.! เปดกระปอ งนมขน หวานเชน เดยี วกบั อาหารกระปอ งอยา ง Aseptic
technique
การวิเคราะหจุลินทรีย
1.! เตรียมการเจอื จาง ใชป เปตดดู นมขน หวานขน้ึ มา 10 กรมั ใสลงใน
Sterile flask ขนาด 250 มลิ ลิลิตร เติม Quarter-strength ringer’s
solution ท่ี 37 องศาเซลเซียส เขยา ประมาณ 25 ครง้ั เตรยี ม Dilution
ไปเรอ่ื ยๆจนถงึ ความเจอื จางทร่ี ะดบั 10-3
2.! การดูดเชอ้ื ลงจานเพาะเชอ้ื และการเทอาหารเลย้ี งเชอ้ื ดดู สารละลาย
แตละ Dilution ออกมาคร้ังละ 1 มิลลิลิตร ใสล งในจานเพาะเชอ้ื อยางละ
2 จาน เติมอาหารเลี้ยงเชื้อดังตอไปนี้
2.1! สําหรบั พวก Mesophilic microorganism ใหเ ทอาหารเลย้ี งเชอ้ื
Total plate count agar ลงไป และนําไปบม เพาะเชอ้ื ท่ี 30 องศา
เซลเซียส นาน 3 วัน นบั จํานวนโคโลนี และรายงานผล
2.2! สําหรบั พวก Lipolytic microorganism ใหเทอาหารเลี้ยงเชื้อดวย
Tributyrin agar และนําไปบม เพาะเชอ้ื ท่ี 30 องศาเซลเซียส
นาน 3 วัน นบั จํานวนโคโลนี และรายงานผล
2.3! สําหรบั พวก Coli-aerogenes bacteria ใหเทอาหารเลี้ยงเชื้อดวย
Violet red bile agar และนําไปบม เพาะเชอ้ื ท่ี 30 องศาเซลเซียส
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 161
นาน 24 ชว่ั โมง และดดู เชอ้ื ทเ่ี จอื จาง Dilution ละ 1 มลิ ลิลิตร
ลงใน MacConkey’s broth และนําไปบม เพาะเชอ้ื ท่ี 30 องศา
เซลเซยี ส นาน 48 ชว่ั โมง ถาหากเปน Positive tube อาจ
Subculture ลงใน MacConkey’s agar อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปนการ
ทํา Confirmed test
2.4! สําหรบั พวก Yeast and mold เทอาหารเลี้ยงเชื้อดวย Malt
extract agar และนําไปบม เพาะเชอ้ื ท่ี 22-25 องศาเซลเซยี ส
นาน 3-5 วัน
รายงานผลการวิเคราะหทั้งหมดตอนํ้าหนกั นมขน หวาน 1 กรมั ซึ่งปกติ
นมขนหวานไมค วรมี Viable count มากกวา 100 ตอกรัม และไมค วรมี
จุลนิ ทรียท เ่ี ปน Lypolytic microorganism มากกวา 10 ตอกรัม
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 162
มาตรฐานทางจลุ นิ ทรยี ข องอาหารควบคมุ
1. ผลติ ภณั ฑน ม
ผลิตภัณฑน มโคเปน อาหารควบคมุ เฉพาะ
1.1! นมโคสดผา นความรอ นตามกรรมวิธพี าสเจอรไ รส สเตอริไลส หรอื
ยู เอส ที ตอ งมคี ณุ ภาพทางจลุ นิ ทรยี คือ
1.1.1! ตรวจไมพ บแบคทเี รยี ชนดิ E.coli ในผลิตภัณฑ 0.1
มิลลิลิตร และ
1.1.2! ตรวจไมพบแบคทเี รยี ในนมสเตอริไลส 0.1 มลิ ลิลิตร
1.1.3! และใหม แี บคทเี รยี ไมเ กนิ 50,000 ในนมสดพาสเจอรไ รส 1
มิลลลิ ติ ร และไมเกิน 10 ในนมสด ยู เอส ที
1.2! นมผง ตอ งมคี ุณภาพทางจลุ ินทรียดังน้ี มแี บคทเี รยี ไมเ กนิ 100,000
ในอาหาร 1 กรมั และไมป รากฏเชอ้ื จลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
1.3! นมขน ตอ งมคี ณุ ภาพทางจลุ นิ ทรียด งั น้ี
1.3.1! ตรวจไมพบแบคทีเรียในนมขนไมหวานและนมขนขาด
มันเนยไมห วาน 0.1 มิลลิลิตร
1.3.2! มีแบคทเี รยี ไมเ กนิ 10,000 ในนมขน หวาน และนมขน ขาด
มันเนยหวาน 1 กรมั
1.3.3! ตรวจไมพบแบคทีเรียจําพวกโคลิฟอรมในนมขนหวานและ
นมขนขาดมันเนยหวาน 0.1 กรมั
1.3.4! มียีสตและเชอ้ื รารวมกนั ไดไ มเ กนิ 10 ในนมขน หวาน และ
นมขนขาดมนั เนยหวาน 1 กรมั
1.3.5! ไมม เี ชอ้ื จลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
1.4! นมคืนรูป ตอ งมคี ณุ ภาพทางจลุ นิ ทรียดังนค้ี อื มคี ณุ ภาพเชน เดยี วกบั
นมสด และนมขน
1.5! เนยเหลว และเนยแขง็ กีแทและกีเทียม ตอ งมคี ณุ ภาพทางดา น
จุลนิ ทรียค ือตอ งไมม เี ชอ้ื จลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
1.6! นมดัดแปลงสําหรบั ทารก ตอ งมคี ณุ ภาพทางดา นจลุ นิ ทรียด งั น้ี
1.6.1! ตอ งไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
1.6.2! ไมมีสารพิษจากจุลินทรียหรือสารพิษอ่ืนในปริมาณที่อาจ
เปน อนั ตรายตอ สขุ ภาพ
1.6.3! ตรวจไมพ บแบคทเี รยี E.coli ในนมดัดแปลงสําหรบั ทารก
0.1 กรมั หรอื 0.1 มิลลิลิตร
1.6.4! ตรวจไมพบแบคทีเรียในนมดัดแปลงสําหรับทารกที่ใช
กรรมวธิ ีสเตอรไิ ลส 0.1 มิลลิลิตร
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 163
1.6.5! ตรวจพบแบคทเี รยี ไมเ กนิ 10,000 ในนมดัดแปลงสําหรบั
ทารกชนดิ ผงหรอื แหง 1 กรมั
1.6.6! ตรวจพบแบคทเี รยี ไมเ กนิ 10 ในนมดดั แปลงสําหรบั ทารกท่ี
ใชก รรมวธิ ี ยู เอส ที 1 มิลลิลิตร
1.7! นมปรุงแตงกลิ่น
1.7.1! นมปรุงแตงกลิ่นชนิดผง ตอ งมคี ณุ ภาพทางจลุ นิ ทรยี ด งั นค้ี อื
ตองไมมีเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ท ท่ี ําใหเ กดิ โรค และไมม สี ารพษิ จาก
เช้ือจุลินทรียใ นปรมิ าณทอ่ี าจเปน อนั ตรายตอ สขุ ภาพ และมี
แบคทเี รยี ไดไ มเ กนิ 100,000 ในอาหาร 1 กรมั
1.7.2! นมปรุงแตงกลิ่นชนิดเหลวตองมีคุณภาพทางจุลินทรียดังนี้
คือตองไมม เี ชอ้ื จลุ นิ ทรยี ท ท่ี าํ ใหเ กดิ โรค และสารพษิ จาก
จุลนิ ทรีย ตรวจไมพ บแบคทเี รยี E.coli ในอาหาร 0.1
มิลลิลิตร นอกจากนต้ี อ งตรวจไมพ บแบคทเี รยี ในนม
ปรุงแตงสเตอริไรส 0.1 มลิ ลิลิตร และมแี บคทเี รยี ไดไ มเ กนิ
50,000 ในนมปรงุ แตง พาสเจอรไ รส 1 มลิ ลิลิตร และไมเกิน
10 ในนมปรงุ แตง ยู เอส ที 1 มิลลิลิตร
1.8! นมเปรี้ยว ตอ งมคี ณุ ภาพทางจลุ นิ ทรียด งั นค้ี อื ตอ งตรวจไมพ บ
แบคทเี รยี E.coli ในอาหาร 0.1 กรมั และตอ งไมม แี บคทเี รยี ทท่ี ําให
เกดิ โรค
1.9! ครมี
1.9.1! ครีมแทสด ครมี ผสม ครมี เทยี ม ตอ งมคี ณุ ภาพทางจลุ นิ ทรยี
ดังนี้ ตรวจไมพ บแบคทเี รยี E.coli ในอาหาร 0.01 กรมั และ
ตองไมม เี ชอ้ื จลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
1.9.2! ครีมแทท่ีทําใหแหง ครมี ผสมทท่ี ําใหแ หง ครมี เทยี มทท่ี ําให
แหง ตอ งมคี ณุ ภาพทางจลุ นิ ทรียดงั น้ี ตรวจพบแบคทเี รยี
ไดไมเกิน 100,000 ในอาหาร 1 กรมั และตองไมมีเชื้อ
จุลนิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
1.10! ไอศกรมี หวานเย็น ไอศกรมี นม ไอศกรีมดัดแปลง ไอศกรีมผสม
มีแบคทเี รยี ไดไ มเ กนิ 600,000ในอาหาร 1 กรมั ตรวจไมพ บแบคทเี รยี
E.coli ในอาหาร 0.01 กรมั และไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
สวนไอศกรมี ชนดิ แหง หรอื ผง มแี บคทเี รยี ไดไ มเ กนิ 100,000 ใน
อาหาร 1 กรมั และตอ งไมม เี ชอ้ื จลุ ินทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 164
2.! อาหารเสริมสําหรับเด็ก ทง้ั อาหารเสรมิ ครบถว น และเสริมเฉพาะอยาง
ผลิตภัณฑด งั กลา วนจ้ี ะตอ งมคี ณุ ภาพดา นจลุ นิ ทรียด งั นค้ี อื
2.1! ตอ งไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
2.2! ไมมีสารพิษจากจุลินทรียหรือสารพิษอื่นในปริมาณท่ีเปนอันตรายตอ
สขุ ภาพ
2.3! ตรวจไมพ บแบคทเี รยี E.coli ในอาหารเสริม 0.1 กรมั หรอื 0.1
มิลลิลิตร
2.4! ตรวจไมพ บแบคทเี รยี ในอาหารเสรมิ ทใ่ี ชก รรมวธิ ีสเตอรไิ รส 1
มลิ ลิลิตร
2.5! ตรวจพบแบคทเี รยี ไมเ กนิ 50,000 ในอาหารเสรมิ ชนดิ แหง ทไ่ี มต อ ง
ผานการหงุ ตม กอ นรบั ประทาน 1 กรมั และไมเกิน 100,000 ในอาหาร
เสริมชนิดแหง ทต่ี อ งผา นการหงุ ตม กอ นรบั ประทาน 1 กรมั
2.6! ตรวจพบแบคทเี รยี ไมเ กนิ 10 ในอาหารเสรมิ ทใ่ี ชก รรมวธิ ี ยู เอส ที 1
มลิ ลิลิตร
3.! น้ําบริโภคและเครอ่ื งดม่ื ในภาชนะบรรจปุ ด สนทิ นา้ํ แขง็ และเครื่องดื่ม
เกลอื แร
ตองมคี ณุ ภาพทางดา นจลุ นิ ทรียด งั น้ี
3.1! ตรวจพบแบคทีเรียชนิดโคลิฟอรมนอยกวา 2.2 ตอนํ้าบรโิ ภค 100
มลิ ลิลิตร โดยวิธี MPN
3.2! ตรวจไมพ บแบคทเี รยี E.coli
3.3! ไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
3.4! ไมม ยี สี ตแ ละรา
4.! น้ําแร
ตองมีคณุ ภาพทางดา นจลุ นิ ทรยี ด งั น้ี
4.1 ตรวจพบจลุ นิ ทรียท่ีเจรญิ เตบิ โตไดท ่ี 30-37 องศาเซลเซียส 48 ชว่ั โมง
ไมเกิน 500 โคโลนีตอนํ้าแร 1 มลิ ลิลิตร
4.2 ตรวจพบแบคทีเรียชนิดโคลิฟอรมนอยกวา 2.2 ตอนํ้าบรโิ ภค 100
มลิ ลิลิตร โดยวิธี MPN
4.3 ตรวจไมพ บแบคทเี รยี E.coli
5.! ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ ซอสมะละกอ ซอสแปง หรอื ซอสแปง ผสมสี
และซอสผสม
ตองมคี ณุ ภาพทางดา นจลุ นิ ทรียด งั น้ี
5.1!มีแบคทเี รยี ไมเ กนิ 10,000 ในอาหาร 1 กรมั
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 165
5.2!ตรวจพบแบคทเี รยี ชนดิ E.coli นอ ยกวา 3 ในอาหาร 1 กรมั โดยวิธี
MPN
5.3!มียีสตและรารวมกนั ไมเ กนิ 10 ในอาหาร 1 กรมั
5.4!ไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
6.! อาหารกึ่งสําเรจ็ รปู
6.1!กวยเตี๋ยว กวยจบ๊ั บะหม่ี เสน หม่ี และวนุ เสน ทป่ี รุงแตง คุณภาพทาง
จุลินทรียในตัวผลิตภัณฑตองเปนดังนี้
6.1.1! ไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
6.1.2! ไมมีสารพิษจากจุลินทรียในปริมาณท่ีอาจเปนอันตรายตอ
สขุ ภาพ
6.1.3! มีแบคทเี รยี ชนดิ E.coli (โดยวิธี MPN ) นอ ยกวา 3 ใน
อาหาร 1 กรมั
6.1.4! มีแบคทเี รยี ไมเ กนิ 10,000ในอาหาร 1 กรมั สาํ หรบั บะหม่ี
และไมเ กิน 30,000ในอาหาร 1กรมั สําหรบั กว ยเตย๋ี ว กว ยจบ๊ั
เสน หม่ี และวุนเสน
6.1.5! มีเช้ือราไมเ กนิ 100 ในอาหาร 1 กรมั
6.2!มาตรฐานเครื่องปรุงที่บรรจุควบคูกับผลิตภัณฑขอ 6.1 ตองมคี ุณภาพ
ทางจลุ นิ ทรียด งั น้ี
6.2.1! มีแบคทเี รยี ไมเ กนิ 500,000ในอาหาร 1 กรมั
6.2.2! มีแบคทเี รยี ชนดิ E.coli (โดยวิธี MPN ) นอ ยกวา 3 ใน
อาหาร 1 กรมั
6.2.3! มีเช้ือราไมเ กนิ 500 ในอาหาร 1 กรมั
6.2.4! ไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
6.2.5! ไมมีสารพิษจากจุลินทรียในปริมาณที่อาจเปนอันตรายตอ
สขุ ภาพ
6.3!ขาวตมและโจกที่ปรุงแตง ตอ งมคี ุณภาพจลุ นิ ทรียด งั น้ี
6.3.1! ไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
6.3.2! ไมมีสารพิษจากจุลินทรียในปริมาณท่ีอาจเปนอันตรายตอ
สขุ ภาพ
6.3.3! มีแบคทเี รยี ชนดิ E.coli (โดยวิธี MPN ) นอ ยกวา 3 ใน
อาหาร 1 กรมั
6.3.4! มีเช้ือราไมเ กนิ 100 ในอาหาร 1 กรมั
6.4 แกงจดื และซปุ ชนดิ เขม ขน ชนิดกอน ชนดิ ผงหรอื ชนดิ แหง ตองมี
คุณภาพทางจลุ นิ ทรียด งั น้ี
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 166
6.4.1! ไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
6.4.2! ไมมีสารพิษจากจุลินทรียในปริมาณที่อาจเปนอันตรายตอ
สขุ ภาพ
6.4.3! มีแบคทเี รยี ชนดิ E.coli (โดยวิธี MPN ) นอ ยกวา 3 ใน
อาหาร 1 กรมั
6.4.4! มีเช้ือราไมเ กนิ 100 ในอาหาร 1 กรมั
6.5! แกงและน้ําพรกิ ตา งๆ ตองมคี ุณภาพดา นจลุ นิ ทรียด งั น้ี
6.5.1! ไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
6.5.2! ไมมีสารพิษจากจุลินทรียในปริมาณท่ีอาจเปนอันตรายตอ
สขุ ภาพ
6.5.3! มีแบคทเี รยี ชนดิ E.coli (โดยวิธี MPN ) นอ ยกวา 3 ใน
อาหาร 1 กรมั
6.5.4! มีเช้ือราไมเ กนิ 100 ในอาหาร 1 กรมั
7.! กาแฟ
ตองมคี ณุ ภาพจลุ นิ ทรียด งั น้ี
7.1! ตรวจพบแบคทีเรียชนิดโคลิฟอรมนอยกวา 2.2 ตอนํ้าบรโิ ภค 100
มลิ ลิลิตร โดยวิธี MPN
7.2! ตรวจไมพ บแบคทเี รยี E.coli
7.3! ไมม จี ลุ นิ ทรียท่ีทําใหเ กดิ โรค
7.4! ไมม สี ารพษิ จากจลุ นิ ทรียในปริมาณทอ่ี าจเปน อนั ตรายตอ สขุ ภาพ
7.5! ไมม ยี สี ตแ ละรา
8.! อาหารในภาชนะบรรจทุ ป่ี ด สนทิ
ตองมีคุณภาพมาตรฐานทางจลุ ินทรียด งั น้ี
8.1 ตรวจพบจลุ นิ ทรียท่ีเจรญิ เตบิ โตไดท อ่ี ณุ หภมู ิ 37 องศาเซลเซยี ส หรอื 55
องศาเซลเซยี ส ไมเ กิน 1,000 ตออาหาร 1 กรมั สําหรบั อาหารทผ่ี า นกรรมวธิ ี
การใชทําลายหรือยับยั้งการขยายพันธุของจุลินทรียดวยความรอนภายหลัง
หรือกอนการบรรจหุ รอื ปด ผนกึ ซง่ึ เกบ็ รกั ษาไวใ นภาชนะบรรจทุ ป่ี ด สนทิ ท่ี
เปนโลหะหรือวัตถุอื่นที่คงรูปที่สามารถปองกันมิใหอากาศภายนอกเขาไปใน
ภาชนะไดและสามารถเก็บรักษาไวไดในอุณหภูมิปกติ
และไมเกิน 10,000 ตออาหาร 1 กรมั สําหรบั อาหารในภาชนะบรรจุ
ชนิดลามเิ นต ฉาบ เคลือบ อัด หรือติดดวยโลหะหรือสิ่งอื่นใด หรอื อาหารใน
ภาชนะบรรจุที่เปนขวดแกวที่ฝามียางหรือวัสดุอื่นผนึก หรอื อาหารในภาชนะ
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วริ ิยจารี 167
บรรจุอื่น ซ่ึงสามารถปอ งกนั มใิ หค วามชน้ื หรอื อากาศผา นซมึ เขา ภายใน
ภาชนะบรรจุนั้นไดในสภาวะปกติและสามารถเก็บรักษาไวไดในอุณหภูมิปกติ
8.2 ตรวจไมพบแบคทีเรียชนิดโคลิฟอรม หรอื ตรวจพบแบคทเี รยี ชนดิ
โคลฟิ อรม ไมเ กนิ 3 ตออาหาร 1 กรมั ในกรณีตรวจโดยวิธี MPN
8.3 ตรวจพบยสี ตแ ละราไมเ กนิ 100 ตออาหาร 1 กรมั
9. อาหารแชแ ขง็ ทผ่ี า นการแปรรปู แลว
ผลิตภัณฑอาหารแชแข็งท่ีผานการแปรรูปแลวมีจุลินทรียไดไมเกิน
50,000 โคโลนีตอกรัม และมีโคลิฟอรมไดไมเกิน 10 โคโลนีตอกรัม และตอง
ปราศจาก Staphylococcus และ Salmonella ชนิดท่ีกอ ใหเกดิ โรคระบบทาง
เดนิ อาหาร
ผักแชแ ขง็ มแี บคทเี รยี ไดไ มเ กนิ 100,000 โคโลนีตอกรัม สวนผลไม
แชแ ขง็ ควรมจี ลุ นิ ทรียไ ดน อ ยกวา ผกั แชแ ขง็
ของหวานแชแ ขง็ จะมจี ลุ นิ ทรียไดไ มเ กนิ 50,000-100,000 โคโลนีตอ
มลิ ลิลิตรหรือกรัม
10. ผลิตภัณฑเน้ือ ปลา สตั วน า้ํ ประเภทมเี ปลอื ก
เน้ือบดมจี ลุ นิ ทรียไ ดไ มเ กนิ 250,000–10,000,000 โคโลนีตอกรัม
หรอื 10,000 –100,000 โคโลนีตอ เน้อื ที่มพี ื้นทีผ่ วิ 1 ตารางเซนตเิ มตร สวน
เนอ้ื สดมจี ลุ นิ ทรียไ ดไ มเ กนิ 2,000,000 –5,000,000 โคโลนีตอกรัม
สว นสตั วป ก มจี ลุ นิ ทรียไดไ มเ กนิ 5,000 โคโลนีตอสัตวปกที่มีพื้นที่ผิว
1 ตารางเซนตเิ มตร หรือไมเกิน 100,000 โคโลนีตอกรัม
สวนไสกรอกที่ผานความรอนแลวและแฮมกระปองมีจุลินทรียได
ไมเกิน 10,000 โคโลนีตอกรัม ไมควรมีเชือ้ โคลิฟอรม ในผลติ ภณั ฑเ นอื้ 0.1
กรัม และไมค วรมเี ชอ้ื E.coli และ Clostridium perfringens ในผลิตภัณฑ
เน้ือ 1 กรมั และควรปราศจากเชอ้ื ชนดิ ทเ่ี ปน พษิ ทกุ ชนดิ และมีสปอรไ ดไ ม
เกิน 10 โคโลนีตอกรัม
ปลามจี ลุ นิ ทรียไ ดไ มเ กนิ 100,000 โคโลนีตอกรัม กงุ มจี ลุ นิ ทรยี ไ ด
ไมเกิน 500,000 โคโลนีตอกรัม เนอ้ื ปมู จี ลุ นิ ทรียไดไ มเ กนิ 100,000 โคโลนี
ตอกรัม และมี S.aureus โคลิฟอรมไดไมเกิน 100 โคโลนีตอกรัม หรือมี
Enterococci ไดไมเกิน 1,000 โคโลนีตอกรัม
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 168
การวเิ คราะหท างจลุ นิ ทรยี ด ว ยวธิ เี รว็
ในระยะหลงั ทผ่ี า นมา อุตสาหกรรมอาหารไดข ยายตัวอยา งรวดเรว็ ระบบการขนสง
ผลิตภัณฑไดเพม่ิ ความซบั ซอ นมากขน้ึ การควบคมุ คณุ ภาพอาหารไดป รบั ปรงุ วธิ กี าร
อยางรวดเร็ว แนวโนม ความสนใจในเรอ่ื งการปอ งกนั การเสอ่ื มเสยี ของอาหารและการปนเปอ น
จากเชื้อจุลินทรียที่ทําใหเ กดิ โทษไดข ยายตัวอยา งกวา งขวาง ดงั นน้ั การมงุ เนน ในการควบคมุ
คุณภาพใหไดมาตรฐานจงึ เปน สง่ิ ทจ่ี าํ เปน อยา งยง่ิ
การควบคุมกระบวนการผลติ ใหม คี ณุ ภาพทางดา นจลุ นิ ทรยี ท ด่ี ี จะตอ งมกี ารควบคุม
คุณภาพตั้งแตวัตถุดิบ จนถงึ ผลติ ภณั ฑส ดุ ทา ย ขอกาํ หนดเวลาในการวเิ คราะหจ ลุ ินทรยี เ ปน
สิ่งที่สําคัญ โดยปกติการวเิ คราะหป รมิ าณจลุ นิ ทรยี จ ะใชเ วลาในการวเิ คราะหป ระมาณ 24-72
ชั่วโมงหลังจากไดรับตวั อยา งมา ซง่ึ มผี ลกระทบตอ ขนาดของวตั ถดุ บิ และรายการผลติ ภณั ฑ
ตัวอยางที่จะวิเคราะห ในการวเิ คราะหท างจลุ นิ ทรยี เ ปน ทท่ี ราบกนั วา ใชเ วลาในการวเิ คราะห
คอนขางมาก ทง้ั การเตรยี มตวั อยา ง และการวิเคราะหในหองปฏิบัติการซึ่งตองใชหลอดทดลอง
และจานเพาะเชื้อคอนขางมาก และเปน กจิ กรรมทท่ี ําซา้ํ ๆกนั ดังน้นั ดวยเหตผุ ลดังกลาวอาจจะ
ทําใหเกิดความคลาดเคลอ่ื นในการรายงานผลการตรวจเชอ้ื ได ปกตมิ กั จะเกดิ ความยงุ ยากใน
การอานผลและวิเคราะหผล
ผลการวิเคราะหท างจลุ นิ ทรยี จ ะขน้ึ อยกู บั วธิ กี ารสมุ และการเตรยี มตวั อยา ง และปกติมัก
จะบอกในเชงิ ปรมิ าณเปน ปรมิ าณจลุ นิ ทรยี ท ง้ั หมด (Total count) ซึ่งใหผลคอนขางคลุมเครือ
และอาจจะไมถูกตอง โดยทว่ั ไปปรมิ าณจลุ นิ ทรียท้ังหมดทน่ี บั จํานวนในรปู Colony forming
unit (cfu) ที่เจริญบนอาหารเลี้ยงเชื้อที่ไดทาํ การเพาะเชอ้ื ในสภาพทม่ี อี ากาศทอ่ี ณุ หภมู ิ 30 หรอื
37 องศาเซลเซยี ส ในการวิเคราะหดังกลาวจะเปนการละเลยจลุ ินทรียประเภท Psychrophiles,
Thermophiles หรือ จุลินทรียท่ีไมต องการอากาศ รวมทง้ั จลุ นิ ทรยี เ ฉพาะทอ่ี าจจะไมส ามารถ
เจริญบนอาหารเลี้ยงเชื้อนั้นๆได เซลจลุ นิ ทรยี พ กิ ารทเ่ี กดิ จากความรอ นอาจจะไมส ามารถเจรญิ
ในอาหารเลี้ยงเชื้อเฉพาะ แตอ าจจะเจรญิ อยา งชา ๆ ปรมิ าณเชอ้ื ทป่ี รากฏในอาหารในปรมิ าณ
คอนขางต่ําอาจจะทําใหไมสามารถตรวจวิเคราะหไดงายอยางถูกตองและแมนยําแมวาจะมีวิธี
การสุมตัวอยางที่ดีแลวก็ตาม
ดังนั้นความตองการเครื่องมือที่สามารถใชวิเคราะหจุลินทรียใหรวดเร็วจึงไดเพิ่ม
บทบาทอยางมากในปจจบุ ัน แตต อ งมคี วามเชอ่ื มน่ั ในแงก ารไดม าตรฐานวเิ คราะหท างจลุ นิ ทรยี
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 169
เครอ่ื งมอื ในอดุ มคติ
ลักษณะเครื่องมือในอุดมคติควรมีลักษณะที่แนนหนา มคี วามเปน ไปไดใ นการตรวจ
วิเคราะหที่สามารถอธิบายในเชิงวิชาการ และตอ งไมแ พงมากนกั มขี นาดเลก็ และไมตองซอม
บํารุงมากนัก ซ่ึงอาจจะสามารถตรวจสอบจลุ นิ ทรยี ท ง้ั หมดได ตั้งแตพวก Mycoplasmas,
Protozoa รวมทั้งแบคทีเรีย ยีสต และเชอ้ื รา การใชเ ครอ่ื งมอื ดงั กลา วตอ งมคี วามแมน ยําในการ
นับจํานวนจุลินทรียท่ีชวงความเขมขนตํ่าไปจนถงึ มากโดยใชเ วลาในการวเิ คราะหเ พยี งไมก น่ี าที
จุลินทรียทม่ี คี วามสนใจเปน การเฉพาะ เชน Clostridium, Salmonella และ Staphylococcus จะ
ถูกจําแนกแมวาจะอยูในลักษระเปนเชื้อผสม และมปี รมิ าณทต่ี ่าํ รายงานผลจะตองถูกประมวล
และพิมพอยางอัตโนมัติ และจะตองเสยี คา ใชจ ายในการวิเคราะหตัวอยา งแตละตวั อยา งไมแพง
เกินไป
ดังนั้นความตองการหลักของการใชเครื่องมือดังกลาวมีดังนี้
1.! คาใชจายตอการวิเคราะหครั้งหนึ่งจะตองตาํ่ สดุ เทา ทส่ี ามารถทําได ดังนั้นวิธีจึงตอง
เทคโนโลยที ไ่ี มส งู มากนกั และสามารถชผ้ี ลเปน บวกและลบโดยไมต อ งใชก าร
วิเคราะหผลที่ซับซอน
2.! วิธีวิเคราะหตองสามารถประยุกตและปรับใชไดกับผลิตภัณฑอาหารตางๆไดอยาง
กวางขวาง ซ่ึงเปน การลดชว งการวเิ คราะหท ด่ี ําเนนิ การในหอ งปฏบิ ตั กิ ารปกติ และ
มีประสิทธิภาพพอสมควร
3.! วิธีวิเคราะหจะตองเปนที่นาเชื่อถือและไดมาตรฐาน ขอ จํากดั ในมาตรฐานจะตอ ง
สามารถตรวจสอบไดอยางมีความมั่นใจ ความคลาดเคลอ่ื นไมค วรเกดิ ขน้ึ มากนกั
กลาวคอื ผลทางบวกทเ่ี กดิ การผดิ พลาดเพยี งเลก็ นอ ยสามารถยอมรบั ได แตผลทาง
ลบท่ีผิดพลาดเพยี งเลก็ นอ ยไมส ามารถยอมรบั ได
4.! กอนที่การวิเคราะหแบบเรว็ จะถูกนาํ มาใชใ นการควบคุมคณุ ภาพ จะตองมคี วาม
ระมัดระวังในการเปรยี บเทยี บวธิ วี เิ คราะหท ใ่ี ช เพ่อื ประกนั วาเทคนิคดังกลา วมี
ความเชื่อถือไดอยางดี
การพัฒนาวธิ วี เิ คราะหจ ลุ นิ ทรียแ บบเรว็
ลักษณะของการพฒั นาวธิ วี เิ คราะหจ ลุ นิ ทรียแบบเรว็ มอี ยู 3 ลักษณะเบื้องตนพื้นฐาน
ดงั น้ี
1.! สามารถตรวจวิเคราะหจํานวนจลุ นิ ทรยี
2.! การตรวจวิเคราะห หรอื การวดั ผลติ ภณั ฑห รอื สารทส่ี รา งโดยจลุ นิ ทรยี
3.! วัดการเจริญเติบโตหรือวัดกระบวนการที่เกี่ยวของกับการเจริญเติบโต
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 170
ในการพัฒนาการวิเคราะหจ ลุ นิ ทรียแบบเรว็ อาจจะเปน การปรบั ปรงุ เทคนคิ ทใ่ี ชอ ยู
ปจจุบัน หรือเปนการแนะนําวิธีหรือเทคนิค ซง่ึ ปจ จบุ นั ยงั ไมม กี ารประยกุ ตใ ชใ นจลุ ชวี วทิ ยา
การพัฒนาวิธกี ารวเิ คราะหจ ลุ ินทรียมดี งั น้ี
1.! การใชวิธีผสมอยางอัตโนมัติ การเตรยี มอาหารเลย้ี งเชอ้ื แบบอตั โนมตั ิ และการ
เติมอาหารเล้ียงในจานเพาะเช้ือแบบอัตโนมัติสามารถลดเวลาท่ีตองสิ้นเปลืองในการเตรียม
คร้ังหน่ึงๆ การวเิ คราะหแ บบอตั โนมตั โิ ดยใชเ ทคนคิ ขา งตน นน้ั สามารถเพม่ิ อตั ราเรว็ ในการ
ตรวจนับจุลนิ ทรยี จ ากการบม เพาะเชอ้ื ได
2.! การลดขั้นตอนการวิเคราะห เปน การออกแบบการวเิ คราะหใ หม และทดแทน
วิธีการวิเคราะหที่มีความไวมากขึ้น ตัวอยางเชน การตรวจนบั Faecal coliform อาจจะถูกแสดง
โดยการบม เพาะเชอ้ื ตวั อยา งทางตรงท่ี 44.5 องศาเซลเซียส ในอาหารเลีย้ งเช้อื เฉพาะ เวลา
ท้ังหมดสําหรบั การตรวจ Salmonella อาจจะถกู ลดลงโดยการเพม่ิ Antigen และทดสอบดวย
Polyvalent antisera
3.! ลดสเกลของการดาํ เนนิ การ เปน การใชแ บบพมิ พพ ลาสตกิ ทฆ่ี า เชอ้ื ดว ยรงั สที ่ี
ประกอบดวยอาหารเลีย้ งเชอ้ื ทท่ี ําใหแ หง ระดบั หนง่ึ โดยเตรยี มใหม รี ปู แบบทเ่ี หมาะสมตอ การใช
งานการทดสอบมากๆ กลาวคือสามารถวิเคราะหไดตัวอยางมากๆในคราวเดียวกัน
เทคนิคใหมท ใ่ี ชใ นการวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี
เทคนิคที่จะกลาวตอไปน้ีไมไดถูกประยุกตใชในการวิเคราะหทางจุลินทรียมากนัก
สวนมากจะใชใ นสาขาอน่ื ๆทางดา นวทิ ยาศาสตร เชนเคมีหรือฟสิกส เทคนิคดังกลาวไดแก
Microcalorimetry, Impedance/conductance measurement, Turbidity measurement,
Fluorescence measurement, Reflectance measurement และ Radiometry เปนตน
ตัวอยางการใชวธิ วี เิ คราะหแ บบเรว็ ในอตุ สาหกรรมนม
วิธีวิเคราะหจุลินทรียแบบเร็วนี้มีเหตุผลหลายๆอยางเชน ความแมนยํา ความชํานาญ
แรงงาน เวลา การลดความคลาดเคลื่อน และความเหมาะสมตอการใชกับคอมพิวเตอร วิธี
วิเคราะหแบบเร็วนส้ี ามารถใชต วั แปรทไ่ี มม ากนกั และมคี วามแมน ยาํ มากกวาวิธดี ัง้ เดิม ความ
ชํานาญที่ตองการเพื่อใหไดผลการวิเคราะห หรอื แรงงานทใ่ี ชส ามารถถกู ลดลงได โดยทั่วไปวิธี
การวิเคราะหแบบเร็วนี้จะใหผลการตรวจสอบที่รวดเร็ว ไมเ สยี เวลามากนกั ในการวิเคราะห และ
เกิดความคลาดเคลื่อนที่นอยในการวิเคราะหตัวอยางจํานวนมากๆ และผลการวเิ คราะห
สามารถถูกนําเสนอทางคอมพวิ เตอรไ ด ซง่ึ ทําใหป ระมวลผลไดอ ยา งรวดเรว็
โดยท่ัวไปการวิเคราะหจ ลุ นิ ทรยี ท างอตุ สาหกรรมนมมกั จะเปน การแยกเชอ้ื และตรวจ
นับจํานวนจุลินทรีย ตลอดจนการจําแนกประเภท และการตรวจสอบทางชวี เคมี และมีอยหู ลาย
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 171
ขั้นตอนในการวิเคราะหดังกลาวสามารถเรงใหเร็วขึ้นไดดวยเทคนิคทางจุลินทรีย เชน การนํา
เคร่ืองมือมาใชแ ทนการวิเคราะหป กติ รวมทง้ั การใชร ะบบอตั โนมตั มิ าใชร ว มกบั คอมพวิ เตอร
ดังแสดงในภาพ 21
Sensor Analyzer Computer
1. Manual 2. Instrument 3. Automatic
ภาพ 21 ววิ ฒั นาการวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี
วิวัฒนาการวธิ กี ารวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียในอุตสาหกรรมนม
วิธีการวิเคราะหจุลินทรียในอุตสาหกรรมนมไดมีการพัฒนาการตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน
และมีแนวทางการพฒั นาในอนาคตทพ่ี อจะสรปุ ไดด งั น้ี
1.! วิธีการตรวจนับเชื้อแบคทีเรีย
เทคนิคในการตรวจนบั แบคทเี รยี ในปจ จบุ นั นม้ี ขี อ จํากดั ตางๆ กลาวคือ
• ขอจํากัดในขน้ั ตอนการเตรยี ม ไดแก เทคนิคความปลอดเชื้อ และแรงงาน เปนตน
• ขอจํากัดในข้ันตอนการเจอื จางตวั อยา งและการเขย่ี เชอ้ื ไดแก แรงงาน ความชํานาญ
และความถกู ตอ งแมน ยํา เปนตน
• ขอจํากดั ในขน้ั ตอนการบม เพาะเชอ้ื ไดแก เวลาที่ใช เปน ตน
• ขอจํากดั ในขน้ั ตอนการอา นผล ไดแก เวลาที่ใช และแรงงาน เปน ตน
• ขอจํากัดในขน้ั ตอนการประมวลผล การบนั ทกึ และรายงานผล ไดแก เวลาที่ใช และ
แรงงาน เปน ตน
ในการวิเคราะหแบบเรว็ ทป่ี รากฏในปจ จบุ นั ในอตุ สาหกรรมนม จะมเี ทคนคิ พน้ื ฐาน
ข้ันตนท่ีใหความรวดเรว็ ในการวเิ คราะหแ ละลดความนา เบอ่ื ในการวเิ คราะหล งไดร ะดบั หนง่ึ และ
หลายๆขั้นตอนไดถูกนาํ มาใชเ พอ่ื การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี แ ลว เชน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 172
• ในขั้นตอนการเตรียมตัวอยา ง ไดม เี ทคนคิ การใช Homogenizes , Stomacher ,
และ Mechanical shakers ซ่ึงเทคนิคทง้ั หมดนไ้ี ดเ คยถกู นําไปใชใ นการผลิต Reconstitution
ของผลิตภัณฑนมกอ นทจ่ี ะนาํ มาใชใ นการวเิ คราะหแ บคทเี รยี
• ในข้ันตอนการเทอาหารเลย้ี งเชอ้ื ไดม กี ารนําเทคนคิ Plate loop method และ
Autoloop มาใชทดแทนการทําการเจอื จางทเ่ี ปน ขน้ั ตอน (Serial dilution) เม่ือมกี ารวเิ คราะหใ น
หองปฏิบัตกิ ารทม่ี ลี กั ษณะงานเปน ประจํา
• ในขั้นตอนการตรวจนับปริมาณเชื้อ การตรวจนบั ปรมิ าณของโคโลนบี นจานเพาะ
เชื้อสามารถถูกทดแทนในสภาวะที่เหมาะสม โดยการใชคอมพิวเตอร ในลักษณะของ Fixed
point หรือไมก็เปนลักษณะ Gradient form นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออื่นๆที่ไดมีการใชเพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพในขั้นตอนการเจือจางตัวอยาง และการเขย่ี เชอ้ื ในสว นของกระบวนการตรวจนบั
เชื้อแบคทีเรีย เชน การใช Droplette และ Spiral plating method
นอกจากนี้การนับโคโลนีบนจานเพาะเลี้ยงเช้ือปรากฏวามีความรวดเร็วและลดความ
นาเบื่อลง เมอ่ื มกี ารใชเ ครอ่ื งมอื นบั จํานวนโคโลนี (Mechanized colony counters)
แมวาจะมีทางเลือกในวิธกี ารวิเคราะหแบบเรว็ ตางๆ ตงั้ แตขัน้ ตอนการเตรยี มตัวอยา ง
การเจือจางตัวอยา ง การเขย่ี เชอ้ื การอา นผล จนถงึ การประมวลผล แตสวนการดําเนนิ การท่ี
ชาที่สุดที่ปรากฏอยูเสมอไดแกเวลาที่ใชสาํ หรบั เซลแบคทีเรียแตละเซลเจรญิ เตบิ โตจนมลี กั ษณะ
ท่ีสามารถเหน็ ไดเ ปน โคโลนี
• เทคนิคทางกลทส่ี ว นใหญป รากฏวา สามารถใชเ ปน ทางเลอื กของการทํา Standard
Plate Count (SPC) มักจะมีลักษณะทค่ี ลา ยกบั วธิ ที ร่ี จู กั กนั โดยทว่ั ไปทเ่ี รยี กวา Direct
microscopic count ซึ่งเปนวิธีที่ใชประมาณการจํานวนแบคทเี รยี ในนมโดยการตรวจสอบดว ย
กลอ งจลุ ทรรศนโ ดยตรง ไดแก วิธีที่เรียกวา DEFT ( Direct Epifluorescent Technique) ซง่ึ มี
วิธีการดังแสดงในภาพ 22
• น้าํ นม
+ Trypsin
+ Surfactant • กรองผา น เมมเบรน
ทก่ี กั กนั แบคทเี รยี
• เติม Fluorescent dye
• ตรวจนับเซลที่ติดสี
(Fluorescing cells)
ดว ยกลอ งจลุ ทรรศน
ภาพ 22 เทคนคิ วเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียแ บบ DEFT
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 173
วิธีน้ีไดมีขอเสยี เนอ่ื งจากมปี ญ หาบางอยา ง เชน ไมส ามารถบอกความแตกตา งระหวาง
เซลที่ตายและเซลที่มีชีวิตได และยงั คงเปน วธิ ที น่ี า เบอ่ื ในการตรวจนบั ปรมิ าณเซลดว ย อยา งไร
ก็ตามไดมีการพัฒนาวิธีการทางคอมพิวเตอรมาใชในการวิเคราะหโดยจะทําการตรวจนับเซล
แบคทีเรีย และคํานวณจาํ นวนแบคทีเรียตอมลิ ลิลิตรของนมได ซง่ึ ปจ จบุ นั จงึ ไดใ ชเ ปน วธิ ที ง่ี า ย
แมวาจะมีราคาคอนขา งแพง เพื่อเปน ทางเลอื กในการวเิ คราะห Standard Plate Count
• ความเปนไปไดในอนาคต ไดม เี ทคนคิ ตา งๆและมคี วามเปน ไปไดใ นการประยกุ ตใ ช
เพ่ือการวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี ไดแก
1.1! เทคนิคที่เรียกวา Microcolonies วิธีนี้ไดใช Coulter Counter เพื่อตรวจนับ
จํานวนโคโลนีที่เกิดขึ้นในอาหารเลี้ยงเชื้อเจลาติน โคโลนีจะถูกตรึงใน Formalin กอนการ
ตรวจนับ วิธีการดงั กลา วจะใชเ วลาเพยี งไมก ช่ี ว่ั โมงแทนทเ่ี ปน วนั ในการวเิ คราะห ความสัมพันธ
ระหวางวิธีนี้กับวิธี SPC ปรากฏวามีแนวโนมสอดคลองกันดวยดี
ก. เจลาติน ข. บม เพาะเชอ้ื ค. เตมิ สารตรงึ
oo
o
o
ง. Coulter counter
ภาพ 23 การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียตามเทคนคิ Microcolonies
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 174
1.2! เทคนิคที่เรียกวา Impedance เปนการใชร ะบบอตั โนมตั ิในการแปลคา การนํา
ความรอนของตัวอยางเพื่อเปลี่ยนเปนคาทางไฟฟา เวลาเพอ่ื ใชจ นถงึ จดุ เฉพาะคา หนง่ึ จะเปน
สัดสวนกับจํานวนแบคทีเรียที่มีชืวิตเริ่มตน วธิ นี ส้ี ามารถดดั แปลงเพอ่ื ประมาณการกลมุ ทม่ี ี
ลักษณะจําเพาะ โดยการเตมิ สารเฉพาะอยา งลงไป ซง่ึ สามารถใชว ดั สารยบั ยง้ั ตา งๆได
อยางไรก็ตามวธิ ีน้คี วามสมั พนั ธกบั คา SPC ไมคอยดีเทาที่ควร
ตัวอยาง
เวลาท่ใี ชว ดั การเปลี่ยนแปลง
ภาพ 24 การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียตามเทคนคิ Impedance
1.3! เทคนิคที่เรียกวา Autoanalysis of pyruvate เทคนคิ นพ้ี บวา มคี วามสมั พนั ธท ด่ี ี
ระหวางกิจกรรมของแบคทีเรียในน้ํานมกบั จํานวนไพรเู วททป่ี รากฏในน้ํานมนน้ั ๆ ดงั นน้ั จงึ มี
ความเปนไปไดที่จะใชความสัมพันธดังกลาวในการประมาณจํานวนแบคทีเรียในตัวอยา งน้ํานม
โดยการวิเคราะหปริมาณไพรูเวทที่ปรากฏในนํ้านม ความสัมพนั ธดังกลาวจะไมคอยตรงกบั
ความเปนจริงโดยเฉพาะถา ปรากฏปรมิ าณแบคทเี รยี ทต่ี ่ําในระบบ
Lactate dehydrogenase
Pyruvate Lactate
NADH NAD+
ภาพ 25 การลดลงของ NADH ถูกวัดที่ 340 nm ใน Autoanalyser system
1.4! เทคนิคที่เรียกวา Fluorescence staining แบคทีเรยี ในตวั อยา งอาจจะถกู ยอ มสี
ใหมีความแตกตา งกนั เพอ่ื ตรวจหาระหวา งแบคทเี รยี ทม่ี ชี วี ติ กบั แบคทเี รยี ทต่ี ายไปแลว
ถาจุลินทรียท่ียอ มสแี ลว ถกู แพรก ระจายบนพน้ื ผวิ (เชน การกรอง) อนภุ าคทส่ี วา งสามารถถกู
ตรวจนับ หรือคาความสวางถูกวัด และจํานวนแบคทเี รยี จะถกู ประเมนิ เชน BACTOSCAN ซง่ึ
มีขอจํากัดท่มี คี วามไวสงู ไป สวน DEFT มีขอจํากัดที่กาํ ลงั คนหาอยู อยา งไรกต็ ามวธิ นี ม้ี ขี อ ดี
ที่วาสามารถตรวจสอบจุลินทรียไดอยางรวดเร็ว การบํารงุ รกั ษาไมแ พง แมว า ตน ทนุ จะสงู
ความสมั พนั ธก บั คา ทว่ี ดั แบบ SPC มีคา ทส่ี อดคลอ งกนั ดมี าก
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 175
Fluorescence dye
ขน้ั ตอนท่ี 1 ขน้ั ตอนท่ี 2
UV light
Luminous light
Photosenser
ขน้ั ตอนท่ี 3
ภาพ 26 การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียตามเทคนคิ Fluorescence staining
1.5 เทคนิคที่เรียกวา Radiometry สารที่ถูกกําหนดจะถกู บม เพาะกบั ตวั อยา ง และกา ซ
คารบอนไดออกไซดที่ปรากฏจะถูกวัดออกมา วธิ นี ส้ี ามารถใชก บั สารกลมุ เฉพาะเชน สารยบั ยง้ั
ซ่ึงเหมอื นกบั เทคนคิ แบบ Impedance และมีขอ เสยี ทม่ี ตี น ทนุ คอ นขา งสงู
Radiation counter
ก. ตัวอยาง + Radiolabelled ข. เพาะบม สว นผสม และให Radioactive CO2
substrate
ภาพ 27 การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียต ามเทคนคิ Radiometry
1.6! เทคนิคที่เรียกวา Bioluminescence จุลินทรียทง้ั หลายทม่ี ชี วี ติ อยจู ะประกอบ
ดวย ATP ในองคประกอบของเซล การวดั ATP เปนการวัดอยางคราวๆของ Active biomass
ของตัวอยา ง เทคนคิ ดงั กลา วถูกใชก บั อาหารบางชนดิ แตใ นน้ํานมแหลง ATP อาจจะมาจาก
แหลงอื่นนอกจากแบคทีเรีย ดงั นน้ั วธิ นี ไ้ี มส ามารถนํามาใชก บั น้าํ นมดบิ ได อยา งไรกต็ ามอาจจะ
มีประโยชนกับอาหารประเภทอน่ื ๆ เปน เทคนคิ ทร่ี วดเรว็ งา ย และไมแ พงมากนกั
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 176
Substrate + ATP+ Enzyme Substrate-AMP-Enzyme + PP
Substrate-AMP-Enzyme +O2 Reaction products- bioluminescence
ภาพ 28 การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียตามเทคนคิ Bioluminescence
2! การจําแนก และการวเิ คราะหท างชวี ภาพ
2.1 เทคนิคที่เรียกวา Enzyme patterns ปจจบุ นั ไดม เี ทคนคิ การใช Test kits ท่ี
ออกแบบใหมีขนาดเลก็ เพอ่ื ชว ยในการจําแนกจลุ นิ ทรยี โดยใชห ลกั การทางการทดสอบชวี เคมี
และใชวธิ กี ารเขย่ี เชอ้ื การอานผลและการประมวลผลโดยระบบอัตโนมตั ิ เทคนิคดงั กลา ว
สามารถใชกับตัวอยางในจํานวนมาก แตม คี า ใชจ า ยทค่ี อ นขา งสงู และมแี นวโนม การใชใ นเชงิ
การแพทยมากกวา ใชในอาหาร ซง่ึ ในทางการแพทยม กั มตี วั อยา งทต่ี อ งวเิ คราะหแ ละพสิ จู นเ ปน
จํานวนมากในแตละวัน เทคนิคดงั กลาวยังคงใชระบบ Autoanalysers แทนทจ่ี ะใชว ธิ ี
Miniaturized test kits แตก็ใชหลักการที่เหมือนกัน
Enzyme 1
Enzyme 2
Cultures Enzyme 3 Results Microcomputer
Enzyme 4
Enzyme patterns
Enzyme 5
Enzyme 6
Autoanalyser
ภาพ 29 การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียต ามวธิ ี Enzyme patterns
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 177
Culture
Photometer
Microcomputer
Optical analyser
ภาพ 29 การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียต ามวธิ ี Enzyme patterns (ตอ )
2.2 เทคนิคที่เรียกวา Pyrolysis / Mass spectrometry / GLC การวเิ คราะหโ ดย
วิธี GLC หรอื Mass spectrometry ของผลิตภณั ฑท ร่ี ะเหยไดท ไ่ี ดจ ากเมตาบอลซิ มึ ของเชอ้ื
จุลินทรีย หรอื ไดจ ากกระบวนการ Pyrolysis ของเช้ือจุลินทรีย สามารถนํามาประยกุ ตใ ชเ พอ่ื
การจําแนกเชื้อจุลินทรียได แตย งั อยรู ะหวา งทําการทดลอง แมว า จะมกี ารใช GLC ในการ
วิเคราะหผลพลอยไดจ ากจุลนิ ทรยี ประเภท Anaerobes ไดมีการใชเ ปนประจําในปจ จบุ นั
เทคนิคนม้ี คี า ใชจ า ยคอ นขา งสงู มากทเี ดยี ว
Cultures
GLC Computer
ภาพ 30 เทคนคิ วเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียต ามวธิ ี
Pyrolysis with GLC or mass spectrophotometry
2.3 เทคนิคที่เรียกวา Light scatter วิธีที่มีความไวในการตรวจสอบสารยบั ยั้งไดใช
หลักการการเปลี่ยนแปลงในกระจายตัวของแสงเลเซอรโดยจุลินทรียที่ทดสอบหนึ่งๆ ผลกระทบ
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 178
ของสารปฏิชีวนะบางชนิดจะมีตอผนังเซลของแบคทีเรียซึ่งทําใหมีผลตอรูปรางและรูปแบบของ
การกระจายตัวของแสงโดยการสะทอ นและการหักเหของแสง เทคนคิ ดงั กลา วสามารถวเิ คราะห
ตัวอยางไดอ ยา งรวดเรว็ แตม รี าคาแพง และไมส ามารถตรวจสอบสารยบั ยง้ั ไดท ง้ั หมด
ตัวอยา ง
เลเซอร คอมพิวเตอร
การกระจายของแสง
ภาพ 31 เทคนคิ วเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียต ามวธิ ี Light scatter
2.4 เทคนิคที่เรียกวา The charm test เปน วธิ ที ป่ี ระดษิ ฐโ ดย Charm of Boston
เปน เทคนคิ ทเ่ี ตมิ สาร C14 และสารที่ยึดเกาะกับเอนไซมลงไปในนาํ้ นม สารปฏชิ วี นะเพนนซิ ลิ ิน
จะบล็อคปฏิกิรยิ าของเอนไซม ซง่ึ จะไปรบกวนการถา ยทอดของสาร C14 ท่ีมีไปยังสารยึดเกาะ
และ Radioactivity ที่ปรากฏข้ันตอมาจะถูกวดั และบนั ทกึ และสามารถบง ชถ้ี งึ ปรมิ าณของสาร
เพนนิวิลินในนํ้านมได เปน เทคนคิ ทเ่ี รว็ ใชเ วลาประมาณ 15 นาที แตก ม็ คี า ใชจ า ยคอ นขา งแพง
มีความไวตอสารเพนนซิ ลิ ินทด่ี ี แตไ มส ามารถตรวจสอบสารชนดิ อน่ื ๆ ไดอ ยางกวางขวาง
Penicillin blocks binding
Radiation meter
1. Sample and labeled 2. Precipitate protein 3. Measure activity
penicillin concentration is inversely proportional to activity
ภาพ 32 เทคนคิ วเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียต ามวธิ ี Charm test
จากเทคนิคท้ังหมดทม่ี คี วามเปน ไปไดใ นการเปด กวา งตอ การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี ซง่ึ
ขึ้นกับแนวความคิดที่ฉลาดของมนุษย ซง่ึ ในอนาคตอาจจะมกี ารพฒั นาเครอ่ื งมอื ในทาง
จลุ ชวี วิทยาอกี มากมาย
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 179
การตรวจสอบ Listeria spp. โดยวิธี Impedance method
วิธีการวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรียแบบเดมิ สําหรบั การตรวจสอบ Listeria ในอาหารเพื่อใหไดผล
การวิเคราะห มักจะเปน การสน้ิ เปลอื งแรงงานและไดร บั ผลการวเิ คราะหค อ นขา งชา ในปจ จบุ นั
ไดมีการพัฒนาวิธีวิเคราะหแบบใหมเพื่อใชในการกลั่นกรองตัวอยางอาหาร หลักการหลักอยู
บนพน้ื ฐานของ ELISA และเทคโนโลยขี องยีนส อยา งไรกต็ ามวธิ ที าง Impedance method เปน
วิธีทางท่คี ลา ยกันทส่ี ามารถใชเ ปน วธิ ีตรวจสอบจลุ นิ ทรยี ไ ด Phillips and Griffiths (1989)
ไดทดลองวิธี impedance method เพื่อกลั่นกรองอาหารจาํ แนกเชอ้ื Listeria บางสายพนั ธุ
สําหรับใชในการคัดเลือกและแสดงผลในเครื่องมือ Bactometer M64 ในรายละเอยี ดของงานท่ี
ดําเนินการไดมุงเนนในการศึกษาอาหารเลี้ยงเชื้อที่เหมาะสมสาํ หรบั ตรวจสอบ Listeria spp.
โดยใชระบบการนําไฟฟา ทม่ี กี ารพฒั นาขน้ึ มา ซง่ึ เรยี กวา BacTrac 4100 หลักการหลักของ
ระบบดังกลาวเปนการใชประโยชนของตัวแปรใหมประเภทหนึ่งท่ีอยูบนพ้ืนฐานของการ
เปล่ียนแปลงประจุท่พี นื้ ผิวของ Electrode (E-value) ตัวแปรปกติที่ใชของการเปลยี่ นแปลง
ประจุในอาหารเลี้ยงเชื้อเหลวจะถูกตรวจสอบโดยเครื่องมือนี้เรียกวา M-value ดงั นน้ั วธิ กี าร
กลั่นกรองในทางปฏบิ ัติ เพอ่ื ประยกุ ตใ ชใ นการตรวจสอบประจําของ Listeria ในอาหารโดยใช
ระบบ BacTrac จึงไดร บั การพฒั นาขน้ึ
วิธีการทดสอบ เชอ้ื จลุ นิ ทรียท่ีใชในการศกึ ษาเพอ่ื ทดสอบความจําเพาะและ
ประสิทธิภาพของระบบการนําไฟฟา ในอาหารเลย้ี งเชอ้ื จะเปน เชอ้ื ทจ่ี ําแนกมาจากเนอ้ื ตัวอยา ง
นม และไดร บั เชอ้ื จากศนู ยเ กบ็ เชอ้ื สายพนั ธทุ ท่ี ดสอบจะรวมถงึ เชอ้ื Non- Listeria 30 สายพนั ธุ
ที่ประกอบดวย Bacillus spp., Enterococcus spp., Micrococcus spp., Staphylococcus spp.,
Streptococcus spp. และ ยีสต และสายพนั ธุ Listeria 50 สายพนั ธุ ประกอบดว ย L. innocua
และ L. monocytogenes (1/2a, 1/2b, 4b)
ตัวอยางอาหารที่ใช เปน ตวั อยา งอาหาร 120 ชนดิ ทม่ี ที ง้ั เนอ้ื สด (เนื้อวัว เนอ้ื หมู
เนื้อไก เนื้อปลา) ไสกรอกหมัก และเนยแขง็
การตรวจสอบ จะใชว ธิ กี ารเปลย่ี นแปลงในคณุ สมบตั ทิ างไฟฟา ของอาหารเลย้ี งเชอ้ื
(M-value) และของอิเลคโตรด (E-value) โดยใชระบบ BacTrac เวลาในการบม เพาะเชอ้ื เทา กบั
40 ช่ัวโมง และอณุ หภมู ใิ นการบม เพาะเชอ้ื เทา กบั 37 องศาเซลเซยี ส
วิธีการ นําตัวอยาง 25 กรมั ไป Homogenize กับ FDA-broth 10 เทา หรอื ซบั ใน
FDA-broth และบมเพาะเชอื้ นาน 24 ชว่ั โมงท่ี 30 องศาเซลเซยี ส หลงั จากทําการบม เพาะเชอ้ื
เรียบรอยแลว ดดู อาหารเลย้ี งเชอ้ื 0.1 มิลลิลิตรและถายเชื้อใสลงในหลอดทดลอง BacTrac ทม่ี ี
อาหารเลีย้ งเชอ้ื ท่เี รียกวา Impedance medium จํานวน 9.9 มิลลิลิตรและวัดโดยใชเครื่องมือ
BacTrac หลงั จากวดั เสรจ็ นํา Impedance medium 1 ลูปจากหลอดทดลองมา Streak บน
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 180
จานอาหารที่เปนอาหารเลี้ยงเชื้อเฉพาะของ Listeria (ทป่ี ระกอบดว ย Impedance medium ท่ี
มี Agar รอยละ 1.3) จานอาหารเลย้ี งเชอ้ื จะถกู นําไปบม ท่ี 37 องศาเซลเซยี ส นาน 24 ชว่ั โมง
และหลงั จากนน้ั จะตรวจสอบตามวธิ ีของ Henry method โคโลนีท่ีสงสยั หรอื ไมแ นใ จจะถกู ตรวจ
ซ้ํา
ในเวลาเดียวกันที่วิเคราะหแบบ Impedance method อาหารเลย้ี งเชอ้ื FDA-broth
จะถูก Streak บนจานอาหารเลี้ยงเชื้อที่เรียกวา Oxford and modified Listeria selective agar
(Impedance medium ทม่ี ี Agar รอยละ 1.3 ) และบม เพาะเชอ้ื ท่ี 37 องศาเซลเซียส นาน 24
ช่ัวโมง และถูกตรวจซํ้าตามวิธีขา งตน
ผลการทดลอง เมอ่ื มกี ารทดสอบ Non-Listeria 30 สายพนั ธุ และ Listeria 50
สายพนั ธุ พบวาอาหารเลย้ี งเชอ้ื Listeria มีความจําเพาะทด่ี ี และแสดงใหเห็นถึงคุณสมบัติใน
การเปลย่ี นแปลง Impedanceที่สูง การเปลย่ี นแปลงของคา E-value สามารถคิดไดเปนรอยละ
100 ในขณะทก่ี ารเปลย่ี นแปลงของคา M-value มีคาต่ํามาก ดงั ภาพ 33
E-value 65 L.monocyt, 4b 40
55 Med I
45 Med II
35
25 L.monocyt (1/2a)
15 Med I
5 Med II
-5
เวลา (ชว่ั โมง)
M-value 65 เวลา (ชว่ั โมง) 40
55
45
35
25
15
5
-5
ภาพ 33 กราฟการเจริญเติบโตของ Listeria 2 สายพันธุ ที่ใช M-value และ E-value
ทั้ง 2 สายพนั ธเุ จรญิ ในอาหารเลย้ี งเชอ้ื ทต่ี า งกนั 2 ชนิด Med I เปน Palcam-supplement
ที่ความเขม ขน ปกติ Med II เปน Palcam-supplement ท่ีความเขม ขน 2 เทา
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 181
Impedance medium ตอไปน้ีเปนตัวแทนของการดดั แปลงอาหารเลี้ยงเช้อื ของ
FDA-broth และ Palcam-agar
•Typtone-soya broth (Oxoid CM 129)
•Yeast extract (Oxoid L21)
•Lithiumchlorid (Merck 5679)
•PALCAM-selective-supplement (Merck 12122)
อาหารเลย้ี งเชอ้ื PALCAM-supplement ไดถูกนํามาใชใ นความเขม ขน 2 ลักษณะ คือ
เปน Single (Med I) และ เปน Double (Med II) ความเขม ขน ของอาหารเลย้ี งเชอ้ื ทม่ี ากขน้ึ
คาเวลาในการตรวจสอบ Impedance (Impedance Detection Time; IDT) จะเพิ่มขึ้นสาํ หรบั
Listeria spp. เชนเดียวกับ Selectivity ของอาหารเลย้ี งเชอ้ื ในภาพ 33 แสดงใหเห็นวา บาง
สายพนั ธุ จะมคี า IDT เกือบจะเหมอื นกนั ในการใช Med I และ Med II และมีความแตกตา งอ่นื ๆ
ในเวลา IDT ประมาณ 10-20 ชว่ั โมง
Selectivity ของอาหารเลย้ี งเชอ้ื Med I ไมพอเพยี งในบางกรณี เพราะวา
Enterococcus spp. 2 สายพนั ธุ และ Bacillus sp. 1 สายพนั ธุ และ ยีสต 1 สายพนั ธุ ทแ่ี ยกมา
จากผลิตภัณฑนม และไสกรอกหมัก ไดแสดงถึงการเจริญเติบโตในอาหารเลี้ยงเชื้อดังกลาวดวย
การศึกษาเชิงเปรียบเทียบเพ่ือประเมินถึงประโยชนของวิธีการวิเคราะหแบบ
Impedance method ใน Med I และ Med II ในการเปรยี บเทยี บกบั FDA-broth (ทบ่ี ม เพาะเชอ้ื
ท่ี 30 องศาเซลเซยี ส นาน 24 ชว่ั โมง ) อาหารเลย้ี งเชอ้ื FDA-broth จะใหผลทางบวกกับ
Listeria 48 สายพนั ธุ (รวมทง้ั รอ ยละ 19 ของ Listeria monocytogenes) สวน Med I และ
Med II จะใหผลทางบวกกับ Listeria 72 สายพันธุและ 68 สายพนั ธุ ตามลําดบั (รวมทง้ั
Listeria monocytogenes รอยละ 21 และรอยละ 23 ตามลําดบั )
ในวิธกี ารวเิ คราะหแบบ Impedance method ใน Med I จะใหผลทางบวกผิดพลาดไป
8 ครั้งจากการตรวจสอบไสกรอกหมัก และเนยแขง็ และไมปรากฏเลยในผลิตภัณฑเนือ้ สด แตมี
ขอผิดพลาดทางลบ 1 ครง้ั และไมพบวามีขอผิดพลาดทางบวกเลยใน Med II
เวลาที่ตองใชทั้งหมดเพ่ือตรวจสอบผลจากการวิเคราะหของไสกรอกสดและเนยแข็ง
ประมาณ 40-60 ชว่ั โมง ในขณะทเ่ี นอ้ื สดจะใชเ วลาระหวา ง 30-45 ชว่ั โมง
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 182
Listeria / sample (%) Med I
60 Med II
50 FDA-broth
40
30
20
10
0
เนื้อสด
ไสกรอกหมัก
เนยแขง็
ภาพ 34 การเปรียบเทียบวิธี Impedance method กับ Med I , Med II และ FDA-broth
(30 องศาเซลเซยี ส นาน 24 ชั่วโมง) สาํ หรบั Listeria spp. จาก 120 ตวั อยา งทต่ี า งกนั
จากอาหาร 3 ประเภท
ขอสรุปของการศึกษาน้ีเปนเครื่องพิสูจนถึงความที่สูงและความแมนยํ าของวิธีการ
วิเคราะหแบบ Impedance method กับมีการปฏิบัติการท่ดี แี ละมคี วามสะดวกในการทํางาน
รวมทั้งเวลาที่ตองใช วธิ นี อ้ี ยบู นพน้ื ฐานของหลกั การการ Enrichment 2ขั้นตอน เชนเดียวกับวิธี
USDA method ซ่ึงตอนขน้ั ท่ี 2 สามารถผนวกสวนของ Impedance method สําหรบั การ
ตรวจสอบ Listeria spp. ในเนื้อสด การใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื Palcam-supplement ในความ
เขม ขน ปกติ (Med I) เปนอาหารเลย้ี งเชอ้ื ทเ่ี หมาะสมทจ่ี ะใหผ ลทน่ี า เชอ่ื ถอื ใน 2 วัน
ในไสกรอกสดและเนยแข็งควรใช Med II เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดขอผิดพลาดในทางบวกที่อาจ
เกดิ จาก Ernterococcus spp. และ Bacillus sp. และยสี ต และการใช Med II น้ีใชเ วลาประมาณ
3 วัน
การตรวจสอบเชื้อ Listeria โดยใช BacTrac 4000 Series
1.! อาหารเลย้ี งเชอ้ื : ถา ตอ งการตรวจสอบเชอ้ื ดงั กลาวใน Non-fermented
products เชน เนื้อสด จะใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื ทเ่ี รยี กวา Bimedia 401A ถา ตองการตรวจสอบเชื้อ
ดังกลาวใน Fermented products เชน เนยแข็งหรอื ไสกรอกหมัก จะใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื ท่ี
เรียกวา Bimedia 402A
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 183
2.! Pre-enrichment สําหรับการทํา Pre-enrichment ของตัวอยาง อาหารเลย้ี งเชอ้ื
ทเ่ี รยี กวา FDA-broth จะถูกนาํ มาใช
Listeria Enrichment broth base acc. To FDA/IDF-FIL (Merck No.:11521)
Peptone from Casein 17.0 กรมั /ลิตร
Peptone from Soya meal 3.0 กรัม/ลิตร
D(+) Glucose 2.5 กรมั /ลิตร
Sodium chloride 5.0 กรมั /ลิตร
Potassium dihydrogen phosphate 2.5 กรัม/ลิตร
Yeast extract 6.0 กรมั /ลิตร
ปรบั pH เปน 7.3+ 0.1 และทําการฆา เชอ้ื ท่ี 121 องศาเซลเซยี ส นาน 15 นาที
ตัวอยา งการทํา Pre-enrichment
Selective supplements for the broth base acc. To FDA (Merck No.: 11883)
Acriflavine hydrochloride 7.5 มลิ ลิกรัม
Cycloheximide 25.0 มลิ ลิกรัม
Nalidixic acid (Sodium salt) 20.0 มลิ ลิกรัม
• เนื้อสด : เนื้อสด 25 กรมั + FDA-broth 225 มิลลิลิตร และทําการปน เปน
เนื้อเดียวกัน
• เนยแขง็ : เนยแข็ง 25 กรมั + FDA-broth 225 มิลลิลิตร และทําการปน เปน
เนื้อเดียวกัน
• หนงั เชน ซากหนงั ไก : แชช น้ิ ของหนงั (~ 8x8 เซนตเิ มตร) ใน FDA-broth
100 มิลลิลิตร และกวนหรือคน
• ผลิตภัณฑอื่นๆ : ตัวอยา ง 25 กรมั + FDA-broth 225 มิลลิลิตร และทําการ
ปน เปนเนือ้ เดียวกัน
สําหรับการทําใหเชื้อมีความสมบูรณขึ้นมาใหมนั้นถาตัวอยางเปนผงหรือแหง
จะนําตัวอยางไปทํา Pre-enrichment ในอาหารเลย้ี งเชอ้ื ประมาณ 1 ชว่ั โมง ที่อุณหภูมิหอง
กอ นการคน และทิ้งไวใหเกิดการ Regeneration ของเซลทพ่ี กิ าร
3.! การบมเพาะเชื้อในอาหารเลี้ยงเชื้อ Pre-enrichment broth โดยการบม
เพาะเชื้อตัวอยางที่ทาํ การปน เปน เนอ้ื เดยี วกนั แลว ใน Pre-enrichment broth ท่ี 30 องศา
เซลเซียส นาน 24 ชว่ั โมง
4.! การวัด มขี น้ั ตอนดงั น้ี
4.1!ทิ้งใหตัวอยางที่เตรียมเกิดสมดุลเปนเวลา 12 ชว่ั โมง (ทิ้งไวที่อุณหภูมิหอง)
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 184
4.2!ทําการตั้งอุณหภูมิของ BacTrac ท่ี 37 องศาเซลเซียส
และตั้ง Threshold ทรี่ อยละ 15 ของ E-value เปนฐานเมื่อตัวอยางทจ่ี ะทดสอบ
จะถูกวางในเครื่องมือ
และต้ังขดี จํากัดเวลาสูงสุดไวที่ 40 ชว่ั โมง
ปรับสเกลที่จะแสดงคา E-value ในชวงรอ ยละ 0-80
4.3ปเปตอาหารเล้ยี งเชอ้ื 10 มลิ ลลิ ติ รลงไปในเซลท่ีใชว ดั ซง่ึ ไดผ า นการฆา เชอ้ื
มาแลว
4.4เติมตัวอยางที่ Pre-enrichment แลว 0.1 มลิ ลิลิตร และผสมอยา งระมดั ระวงั
(เขยาซา ยขวาได แตหามกลับควํ่าเซลขน้ึ ลง)
4.5!สอดเซลวัดเขาเครื่องมือวัด BacTrac ในตําแหนงที่วาง สามารถสงั เกตไดจ าก
คอมพิวเตอร หลงั จาก 1 ชั่วโมงที่เซลวัดไดถูกวางลงในเครื่องวัด การวัดใน
แตละตัวอยา งจะเรม่ิ ทําการวัดอยา งอตั โนมตั ิ
4.6!จากผลในคอมพิวเตอรถาเกิดคาผลทางบวกเพิ่มขึ้นจากรอยละ 15 ของ
E-value threshold โดยมี Growth curve ภายใน 40 ชว่ั โมง แสดงวาตัวอยางมี
เช้อื Listeria
5.! การตรวจเพื่อยืนยันในตัวอยางที่ใหผลบวกตอ Listeria
อาหารเลี้ยงเชื้อที่ใชสวนใหญเพื่อเปนการตรวจสอบยืนยัน Listeria ไดแก
• Oxford Listeria agar
• LPM agar
• Modified McBride agar
• PALCAM agar
ในการยนื ยนั การปรากฏของเชอ้ื Listeria ในตัวอยางแนะนําใหใ ชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื
รวมกัน 2 ชนดิ เชน ใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื Oxford Listeria agar และ PALCAM agar
ใหน ําลูปไปแตะตัวอยางโดยตรงจากเซลวัดของเครื่อง BacTrac และ Streak บน
อาหารเล้ียงเช้อื ทัง้ สองจากลูปเดียวกันนน้ั และตามดว ยการวเิ คราะหผ ลทเ่ี กดิ ขน้ึ บนอาหาร
เล้ียงเช้ือ ขน้ั ตอนตอ ไปจะทําการยนื ยนั Listeria โดยการทดสอบทางชวี เคมตี อ ไป
หลกั การวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 185
การประยกุ ตใ ชว ธิ กี ารวเิ คราะหแ บบเรว็ ในตวั อยา งน้ําดื่ม
ในการวิเคราะหตัวอยางนํ้าดื่มแบบเร็วนี้แนะนําวาควรเปนการวิเคราะหนํ้าดื่มในระบบ
ทอ โดยใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื BiMedia 001 A
M (%) M-value E(%) E-value
30 30
25! 25
20! 20
15! W2 15 W2
10! 10 W1
5 W4
5 W1 W4 0
0! -5 W3
-10
-5 W3
0 3 6 9 12 15 18
-10 เวลา (ชั่วโมง)
0 3 6 9 12 15 18
เวลา (ชั่วโมง)
W1 = Ground water W2= Intake well W3 = After UV Irradiation W4 = User pipe
ภาพ 35 การวเิ คราะห M-value และ E-value ในน้ําด่ืมในระบบทอ
ระดับการเพิ่มขึ้นของมลภาวะ และการปนเปอ นของ Ground water มีความจําเปน ตอ ง
ประยุกตกระบวนการผลติ นํ้าใหด ี นอกจากนก้ี ารใชเ ทคโนโลยใี นกระบวนการผลติ น้ํากย็ ังคง
เส่ียงตอการปนเปอนอกี คร้งั หน่ึงในระหวา งกระบวนการผลิต ระดบั ของการปนเปอ นสามารถ
ตรวจสอบไดงายโดยใชเทคนิคของ BacTrac
ในภาพ 35 แสดงใหเ หน็ วา ระดบั การปนเปอ นของจลุ นิ ทรยี ใ นน้ําดม่ื มคี วามหลากหลาย
ในหลายระดับที่ไดทําการสุมตรวจในจุดตางๆในระบบการผลติ นาํ้ ดม่ื ตัวอยางน้ําถกู เจอื จางใน
อัตราสวน 1:1v/v (Nutrient medium : water) และนําไปบม เพาะเชอ้ื ท่ี 30 องศาเซลเซียส (86
องศาฟาเรนไฮต ) นาน 46 ชว่ั โมง
ในกราฟของตัวอยาง W1 ซึ่งเปนนํ้าบาดาลแสดงใหเห็นถึงการปนเปอนตามธรรมชาติ
ของน้ําบาดาลหรือนาํ้ ทย่ี งั ไมผ า นกระบวนการ Treated น้ําบาดาลจะผานกระบวนการทาง
ชีวภาพ และถูกเก็บในบอนํ้า (W2) ในกราฟแสดงใหเห็นไดอยางชัดเจนวาความเขมขนของ
จุลินทรียเกิดขึ้นในบอ น้ํา ซง่ึ ดชั นจี ากเครอ่ื งบง ชใ้ี หเ หน็ การเพม่ิ ขน้ึ ของคา M-value และ
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 186
E-value ในตัวอยาง W2 เม่อื เทียบกับตวั อยาง W1 ความจรงิ ในกราฟ W3 จะไมมีการเพิ่มของ
คาดังกลาวจากเคร่ือง ซง่ึ แสดงวา มกี ารลดลงของเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ท ป่ี นเปอ นอยา งเพยี งพอในน้ําดม่ื
ท่ีผา นการฆา เชอ้ื ดว ย UV irradiation อยางไรก็ตามเมอ่ื น้ําผา นไปตามระบบทอ หลงั จากผา น
กระบวนการฉายแสง UV แลว การปนเปอนอีกครั้งหกนึ่งในนาํ้ ดม่ื เปน สดั สว นกบั ความยาวจาก
ข้ันตอนการฉายแสง UV วามากนอ ยเพยี งไร ตัวอยา ง W4 ซึ่งเปนทอ ของผูใ ชน ํ้าทม่ี จี ลุ นิ ทรยี
ปนเปอนอีกครั้งหนึ่งนั้น ในกรณที ไ่ี ดท ําการทดลองนพ้ี บวา ความเขม ขน ของจลุ นิ ทรยี ใ น
น้ําตัวอยาง W4 มีจํานวนนอ ยกวา 10 เซล/มลิ ลิลิตร
ในการกําหนดคา Threshold value และหลงั จาก Calibrating การวเิ คราะหข อง
เครอ่ื งมอื ทง้ั ระบบ จะมีความเปนไปไดท จ่ี ะตอ งคน ควา ใหแ นน อนวา การปนเปอ นทเ่ี กนิ ระดบั จะ
เกิดข้ึนหรือไม ในกรณีขา งตน การเพม่ิ ของ E-value รอยละ 3 ถูกกําหนดเปน คา Threshold
value เพราะคา E-value มีแนวโนม ตอ ปฏกิ ริ ยิ าทม่ี คี วามไวมากและรวดเรว็ กวา คา M-value
บนพื้นฐานของวิธีนี้ตอการประเมินคุณภาพของนาํ้ บาดาล ผลของการฆา เชอ้ื และระดบั การ
ปนเปอนกลับอีกควรจะตองไดรับขอมูลภายในเวลาอันสั้น ในวธิ ีการเดิมที่ตรวจนบั โคโลนใี น
กระบวนการปนเปอนกลับอีกพบวาสายเกินไปที่ทราบผล ระบบการตรวจวเิ คราะหจ ลุ นิ ทรยี
แบบเรว็ ในระบบ BacTrac เปนวิธีการทท่ี ดสอบไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพในการตรวจวเิ คราะห
ตัวอยางคราวละมากๆ และสามารถตรวจทราบในสว นการปนเปอ นกลับในระบบทอ สง ได
อยางดี ดังน้ันจึงมีความเปน ไปไดท จ่ี ะไดร บั ผลทนั เวลา โดยเฉพาะหลงั จากกระบวนการทําให
น้ําบริสุทธิ์
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 187
การประยกุ ตใ ชว ธิ กี ารวเิ คราะหแ บบเรว็ ในตวั อยา ง
Cosmetic cleansing milk
ในการวเิ คราะหต วั อยา ง Cosmetic cleansing milk แบบเรว็ น้ี เปน การตรวจวดั เชอ้ื
แบคทีเรียในตัวอยา ง โดยใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื BiMedia 001 A
M (%) M-value E(%) E-value
30 30 Dilution milk medium
25 1:106
25 Dilution milk medium 20 1:105
20 1:106 15 1:104
15 1:105 1:103 10 Threshold 1:103
10 1:104 1:102 5 1:102
0 1:10
5 1:10 -5
0
-5
0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18
เวลา (ชั่วโมง) เวลา (ชั่วโมง)
ภาพ 36 การวเิ คราะห M-value และ E-value ใน Cosmetic cleansing milk
สําหรบั Cosmetic agents ไดมีกฎหมายกํากบั การใชท ส่ี อดคลอ งกบั กฎหมายอาหาร
เนื่องจากสวนประกอบของ Cosmetic agents ไดแสดงคุณสมบัติเปนอันตรายตอการ
เปลย่ี นแปลงของเชอ้ื จลุ นิ ทรีย ดังนั้นการเติมสารกันเสียมีความจําเปน อยา งเลย่ี งไมไ ดส ําหรบั
ปองกันสุขภาพ เพอ่ื ประเมนิ ประสทิ ธภิ าพของสารกนั เสยี ใน Cleansing milk จึงไดทดลองเติม
สารละลายแบคทเี รยี มาตรฐาน 9:1 (v/v) (Sample : Suspension) ลงไปในนํ้านม สาํ หรบั การ
วิเคราะหแบคทีเรียทั้งหมดในสวนผสม จะทาํ การเจอื จางดว ยอาหารเลย้ี งเชอ้ื ใหไ ดห ลายๆ
ความเจอื จาง ตง้ั แตใ นชว งจาก 1:10 ถึง 1:106 V/V (Mixture : Medium) และในแตละ
ความเจือจางจะถกู นําไปบม ท่ี 30 องศาเซลเซยี ส (86 องศาฟาเรนไฮต) นาน 20 ชว่ั โมง ใน
เครื่องมือ BacTrac
ในภาพ 36 เปน การแสดงคา M-value และ E-value ท่ีความเจอื จางทม่ี ากกวา 1:103
การเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะชา หรอื ถกู ปอ งกนั โดยสารประกอบทอ่ี ยใู น Cleansing milk ท่ี
ระดับความเจอื จางสูงขน้ึ Cleansing milk จะไมมีผลตอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซง่ึ
สามารถตรวจวัดไดดวยเครื่องในกราฟภาพที่ 36
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 188
ความสนใจเพิ่มเติมที่วา การเปลย่ี นแปลง E-value ของตัวอยางถูกวัดกอนการ
เปลี่ยนแปลงของคา M-value ซึ่งหมายถึงแบคทีเรียในบริเวณสิ่งแวดลอมของอาหารเลี้ยงเชื้อจะ
มีกิจกรรมเมตาบอลิซึมที่เพิ่มขึ้นที่บริเวณพื้นผิวของอิเลคโตรด ดงั นน้ั คา Threshold value
สําหรับการเจริญเตบิ โตของแบคทเี รยี จะถกู กําหนดทก่ี ารเปลย่ี นแปลงของคา E-value ท่ี
รอ ยละ 7
ตัวอยางนช้ี ใ้ี หเ หน็ วา การประยกุ ตเ ครอ่ื งมอื BacTrac 4100 แสดงถึงผลของความ
แตกตางของ Cosmetic agents เมื่อสารดงั กลา วถูกผสมดว ยความเขม ขนแบคทเี รยี ท่แี ตกตาง
กัน ซ่ึงสามารถใชใ นการควบคมุ คณุ ภาพ เชน สามารถใชว เิ คราะห Total bacterial count
ในตัวอยา ง หรอื วเิ คราะหอ ายกุ ารเกบ็ รกั ษาผลติ ภณั ฑท ใ่ี ชส ารกนั เชอ้ื แบคทเี รยี
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 189
การประยกุ ตใ ชว ธิ กี ารวเิ คราะหแ บบเรว็ ในตวั อยา ง
Pharmaceutical tablets
ในการวเิ คราะหต ัวอยา ง Pharmaceutical tables แบบเร็วนี้ เปน การตรวจวดั เชอ้ื
จุลินทรียในตวั อยา ง โดยใชอ าหารเลย้ี งเชอ้ื BiMedia 001 A
M (%) M-value 50 E(%) E-value 50
40 40
35 35 Tablets
30 30 T1
25 25 T2
20 20 T3
15 Tablets 15 T4
10 T1 10
5
5 T2 T3 T4 0
0 -5
-5
0 10 20 30 40
0 10 20 30 40 เวลา (ชั่วโมง)
เวลา (ชั่วโมง)
ภาพ 37 การวิเคราะห M-value และ E-value ใน Pharmaceutical tablets
ในตัวอยางการประยุกตนี้ เมด็ ยาจะผนั แปรระดบั ความเขม ขน ของจลุ นิ ทรยี ท ป่ี นเปอ น
และทําการตรวจสอบ ปรมิ าณเกลอื ของเมด็ ยานใ้ี หผ ลตอ การนําไฟฟา ทส่ี งู ในสารละลาย
ปริมาณอิออนที่สูงของสิ่งแวดลอมในการวัดเซล ซง่ึ ทําใหก ารวดั Impedance คอ นขางยาก
อยางไรกต็ ามการวดั ในระบบ BacTrac 4100 จะไมมีปญ หา เพราะวา เครอ่ื งมอื มกี ารตดิ ตง้ั การ
วัดคา M-value และ E-value ท่ีแยกจากกนั
ตัวอยางจะถูกทดสอบตามขั้นตอนดังนี้ ตวั อยา งเมด็ ยาทง้ั 4 ตัวอยาง (T1-T4) โดยมี
น้ําหนัก 10 กรมั ถกู ใสล งในภาชนะขนาด 100 มิลลิลิตร และละลายในน้ําเปปโตนจํานวน 90
มลิ ลิลิตรโดยใช Magnetic stirrer ตัวอยา งทง้ั สล่ี ะลายในอาหารเลย้ี งเชอ้ื และไมตอ งใชการบด
ใน Mortar กอนการละลาย การนําไฟฟา จําเพาะของสารละลายโดยเฉลย่ี เปน 14 mS/cm และ
ดูดสารละลายมา 1 มลิ ลลิ ิตรผสมกับอาหารเลีย้ งเชอ้ื BiMedia 001 A จํานวน 9 มลิ ลิลิตร
( Impedance medium สําหรับวิเคราะห Total aerobic counts) และบม เพาะเชอ้ื ท่ี 30 องศา
เซลเซยี ส (86 องศาฟาเรนไฮต) นาน 60 ชว่ั โมง
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 190
ในภาพ 37 แสดงใหเห็นวาคา M-value มีการเพิ่มขึ้นคอนขางนอ ยอยางเห็นไดชัดเจน
เมื่อเทียบกบั คา E-value ปจจัยอื่นทที่ ําใหน ยิ มวัดคา E-value ในกรณีนี้คือคาดังกลาวเพิ่มขึ้น
คอนขา งเรว็ เมอ่ื เทยี บกบั คา M-value การเปลย่ี นแปลงในคา M-value ของตัวอยาง T4 ไมม ี
ความแตกตา งอยา งมนี ยั สาํ คญั ทางสถิติ เฉพาะคา E-value ท่ีสามารถใชในการประเมินได
สําหรับการวิเคราะหจํานวนจลุ ินทรีย ระดบั Threshold value ของคา E-value ถูก
กําหนดไวที่รอยละ 7 อาหารเลี้ยงเชื้อของตัวอยาง T1 จะถูกเริ่มวัดไดโดยการวัด Impedance
ซ่ึงมเี ชอ้ื 50 cfu/ml หลังจากเวลาตรวจสอบผา นไป 11 ชว่ั โมง ตัวอยาง T4 ท่ีมจี ลุ นิ ทรยี 1-2
cfu/ml จะถูกตรวจสอบภายใน 32 ชว่ั โมง กราฟของตัวอยาง T2 มีความสัมพนั ธก บั จํานวน
จุลนิ ทรีย 30 cfu/ml สวนตัวอยา ง T3 มเี ชอ้ื 10 cfu/ml เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีเดิมจะตองใชเวลา
ถึง 5 วัน
อยา งไรกต็ ามตวั อยา งทาง Pharmaceutical และ Cosmetical samples จะแสดงใหเห็น
ถึงการมีคุณสมบตั กิ ารนําไฟฟา ทค่ี อ นขา งสงู ในตอนเรม่ิ ตน ซง่ึ เครอ่ื งมอื BacTrac ที่วัดคา
E-value สามารถใชเปน เครอ่ื งมอื วดั ทเ่ี หมาะสมตอ การตรวจสอบการปนเปอ นจากจลุ นิ ทรยี
นอกจากการตรวจนับจุลินทรียทั้งหมดที่ปนเปอนแลวการตรวจวิเคราะหเฉพาะสามารถ
ตรวจสอบได เชน การตรวจสอบยสี ตแ ละเชอ้ื รา โดยใชอาหารเฉพาะและใชว ธิ ีการเดียวกบั
ขา งตน
หลกั การวเิ คราะหจ ุลนิ ทรยี รองศาสตราจารย ดร. ไพโรจน วิริยจารี 191
การประยกุ ตใ ชว ธิ กี ารวเิ คราะหแ บบเรว็ ในตวั อยา งนมดบิ
ในการวิเคราะหต วั อยา งนมดบิ แบบเรว็ น้ี เปน การตรวจวดั เชอ้ื จลุ นิ ทรียในตวั อยา ง
โดยเฉพาะ Total viable count, coliform count และ yeasts / molds count โดยใชอ าหารเลย้ี ง
เชื้อ BiMedia 001 A, 160 A และ 501 A
M (%) M-value E(%) E-value
30 Total variable 30 Total variable
25 Coliform bacteria 25 Coliform bacteria
20 20
15 15
10 10 Yeast/mold
5 Yeast /mold 5
0 0
-5 Sterile raw milk -5 Sterile raw milk
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12
เวลา (ชั่วโมง) เวลา (ชั่วโมง)
ภาพ 38 การวเิ คราะห M-value และ E-value ในตัวอยางนมดิบ
นมดิบจะตองมีการจํ าแนกคุณภาพในระดับต างๆ เพื่อ ใ หเหมาะสมสอดคลองกับ
กฎหมาย ดังน้ันการวเิ คราะหเ พอ่ื ใหไ ดผ ลทร่ี วดเรว็ ในแงก ารตรวจนบั เชอ้ื จลุ นิ ทรยี จ งึ เปน สง่ิ ท่ี
สําคัญและจําเปน ปริมาณจลุ นิ ทรยี ท ม่ี ากอาจจะทําใหเ กดิ การเสอ่ื มเสยี ในนมระหวา งการเกบ็ ท่ี
ยาวนานขึ้น และถา สามารถตรวจนบั จลุ นิ ทรียไดภายใน 1 วนั กน็ บั วา จะเปน ประโยชนอ ยา งยง่ิ
ในการประกันคุณภาพนํ้านมดบิ ได
ตัวอยางนํ้านมดิบท่ีไดมาตรฐานตามกฎหมายไดถูกนํามาใชเพ่ือการวัดจุลินทรียใน
ระบบ BacTrac 4100 ดังนี้ นํานํ้านมดบิ ดงั กลา วจํานวน 1 มลิ ลิลิตรผสมกับ Culture medium
จํานวน 9 มลิ ิลิตร และบม เพาะเชอ้ื ท่ี 30 องศาเซลเซยี ส (86 องศาฟาเรนไฮต) นาน 15 ชว่ั โมง
ในเครื่อง BacTrac ซง่ึ Culture media ท่ีใชใ นการตรวจสอบ Total variable count จะเปน
อาหารเลี้ยงเชื้อทั่วไป (Universal medium) สวน Coliform bacteria และ Yeast/mold จะใช
อาหารเลี้ยงเชื้อเฉพาะ (Selective media)
จากภาพ 38 เปน การแสดงคา M-value และ E-value ซ่ึงลกั ษณะกราฟของการวดั
Total variable count และ Coliform bacteria จะมีลักษณะการเจรญิ ทค่ี ลา ยกนั ในชว งแรกๆ