The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ระหัสวิชา 20111-2005 งานนิวแมติกส์และไฮดรอลิกส์
ครูผู้สอน นายดำรงค์ พลเสน สาขาวิชาช่างซ่อมบำรุง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by dumrong.p, 2022-09-04 21:15:54

วิชางานนิวแมติกส์และไฮดรอลิกส์

ระหัสวิชา 20111-2005 งานนิวแมติกส์และไฮดรอลิกส์
ครูผู้สอน นายดำรงค์ พลเสน สาขาวิชาช่างซ่อมบำรุง

Keywords: 20111-2005

1

แผนการสอน หน่วยท่ี 1

ชือ่ วิชา งานนิวแมตกิ ส์และไฮดรอลกิ ส์เบอ้ื งต้น สอนคร้งั ท่ี 1-2
คาบรวม 8
ชือ่ หนว่ ย ระบบนวิ แมตกิ ส์และไฮดรอลกิ ส์เบ้อื งตน้ จำนวนคาบ 8

ชือ่ เรอื่ ง ระบบนวิ แมติกสแ์ ละไฮดรอลิกสเ์ บอ้ื งตน้

หวั ขอ้ เร่อื งและงาน
1. ความหมายของระบบนวิ แมตกิ ส์
2. วิวัฒนาการของการนำเอาลมอัดมาใชป้ ระโยชน์
3. การเปรียบเทยี บระบบนวิ แมติกสก์ ับระบบการทำงานอนื่ ๆ
4. แหล่งใชง้ านของระบบเทคโนโลยพี ลงั ของไหล
5. ขอบเขตระหว่างระบบนิวแมติกส์กบั ไฮดรอลกิ ส์

สาระสำคญั
มนุษยร์ ู้จกั การนำเอาลมอดั มาใช้งานให้เป็นประโยชน์เป็นเวลานานแล้ว โดยใช้หลักการประยกุ ต์ลมอัด

มาใช้ในการดนั ลูกสูบให้เคลือ่ นทีใ่ นกระบอกสูบไดผ้ ลจะไดก้ ำลังงานออกมาจากลูกสูบมากขน้ึ ในปจั จบุ ันได้

พฒั นานำเอาลมอัดมาใช้งาน ด้านอตุ สาหกรรมอย่างแพรห่ ลาย เช่น เครื่องจักรในการประกอบผลติ ภัณฑ์
เครอื่ งจักรไม้ เคร่อื งจกั รในภาชนะ ยา้ ยวสั ดุ เครื่องพมิ พ์ และเครอ่ื งมืออืน่ ๆ อกี มากมาย

สมรรถนะผลการเรียนที่คาดหวงั (บรู ณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง/3D)
1. มีความรตู้ ามจุดประสงค์
2. ให้ความร่วมมอื ในการจดั กจิ กรรม
3. ตระหนักในความสำคัญของพระบรมราโชวาทเร่อื งเศรษฐกิจพอเพียง/3D

4. นกั เรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบ มวี ินัย และความคดิ สรา้ งสรรค์

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรมจริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ)
เง่อื นไขความรู้

1. เพอื่ ให้มีความรู้และหลกั การเบ้ืองต้นของระบบนิวแมติกส์มาใช้ได้
2. สามารถบอกหนา้ ที่และส่วนประกอบของระบบนวิ แมติกส์ได้
3. สามารถเปรียบเทยี บระบบนิวแมตกิ สก์ ับระบบการทำงานอืน่ ๆ ได้

4. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงคท์ ผ่ี สู้ อนสามารถ

สงั เกตเหน็ ได้ ในดา้ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมวี นิ ัย ความรบั ผดิ ชอบ ความเชื่อมน่ั ในตนเอง ความสนใจ
ใฝร่ ู้ ความรกั สามคั คี ความกตัญญกู ตเวที และการปฏบิ ัติงานอย่างถกู ตอ้ ง สำเร็จภายในเวลาท่ีกำหนด มเี หตุ
และผลตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง

2

ความพอเพยี ง (ความพอประมาณ ความมเี หตุผล มภี มู ิคมุ้ กัน)
1. นักเรียนสามารถแก้ไขปัญหาเบอื้ งตน้ ของระบบนิวแมติกส์ ได้ถกู ต้องเหมาะสมตามสถานการณท์ ่ี

กำหนดใหไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งโดยทำใหด้ ที ี่สดุ
2. นักเรียนรู้จกั การนำเอาสมุดเกา่ ทเ่ี หลอื จากเทอมที่ผา่ นมา นำมาจดโดยไม่ต้องเสียเงินซือ้ ใหม่

เงื่อนไขจรยิ ธรรม/คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ 3D
1. มีการพัฒนาในเร่ืองความรับผดิ ชอบต่องานทที่ ำ ตรงต่อเวลา มีระเบยี บวินยั มคี วามซื่อสัตย์ต่อ

ตนเองและผอู้ ื่น ตลอดจนมที ัศนคติท่ดี ตี อ่ วิชาที่เรียน
2. นกั เรียนแสดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ยา่ งมีเหตผุ ลตามระบอบประชาธิปไตย

สร้างสงั คมไมท่ นตอ่ การทุจรติ
1. ปลกู ฝงั จิตสำนกึ ในการแยกแยะประโยชน์สว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ความอายท่ีจะกระทำการ

ทจุ รติ ความไมท่ นตอ่ การทจุ ริต จิตพอเพยี งตา้ นทจุ ริต และความเปน็ พลเมอื งทร่ี บั ผิดชอบตอ่ ปญั หาการทจุ ริต
ของประเทศ

3

แผนการสอน หน่วยที่ 1

ชือ่ วิชา งานนวิ แมตกิ ส์และไฮดรอลิกสเ์ บอ้ื งต้น สอนคร้ังท่ี 1-2
ช่อื หนว่ ย ระบบนวิ แมติกส์เบือ้ งตน้ และสัญลักษณ์ คาบรวม 8
ชือ่ เร่อื งหรอื ชอ่ื งาน ระบบนิวแมตกิ สเ์ บื้องต้นและสญั ลักษณ์ จำนวนคาบ 8

ระบบนิวแมตกิ ส์เบื้องต้น

ระบบนิวแมตกิ ส์ คอื ระบบท่ีสง่ กำลงั หรือควบคมุ โดยอาศัยลมอัดเป็นตัวกลางในการขับเคลอ่ื น
อุปกรณ์การทำงานของกลไกต่าง ๆ และมีทอ่ ลมเปน็ ตัวนำซง่ึ สามารถประยุกต์ใชก้ ับระบบเครอื่ งกล, ระบบ
ไฟฟ้า และระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นอยา่ งดี

ในปัจจบุ ันเมื่อมนษุ ย์ได้ทำการประดษิ ฐ์คดิ ค้นอุปกรณต์ า่ ง ๆ ท่ีช่วยในการนำเอาลมอัดมาใชง้ านใหเ้ กดิ
ประโยชน์ มีความสะดวก รวดเรว็ ทำใหอ้ ุตสาหกรรมประเภทตา่ ง ๆ มคี วามเจริญ
ก้าวหน้ามากยิง่ ขน้ึ ผลิตสินค้าได้รวดเรว็ มปี ระสิทธิภาพ มีมาตรฐานและสามารถลดคา่ ใช้จ่าย

ในการนำเอาลมอดั มาใช้ประโยชนอ์ ย่างกวา้ งขวางในงานอุตสาหกรรมท่ีเปน็ ระบบอตั โนมัตเิ น่ืองมาจากระบบ
นิวแมติกสม์ ขี ้อดี และข้อเสยี ดังตอ่ ไปนี้

ข้อดี ข้อเสยี

- ประหยัดแรงงานและทนตอ่ การระเบิด - ตอ้ งการเน้อื ทใ่ี นการทำงานมาก

- มีความรวดเรว็ ในการทำงาน - ลมอัดถูกอดั ตัวได้

- ลมอดั ท่ีใชแ้ ล้วปลอ่ ยทง้ิ ในบรรยากาศได้ - มีความช้ืนและเสียงดงั

- การดแู ลรกั ษาและควบคุมไดง้ า่ ย - ความดันลมอดั ขึน้ อยู่กับอุณหภูมิ

- มคี วามปลอดภัยในการทำงานสงู

- ปรับควบคุมความเรว็ ได้ง่าย

- สะอาดและมีราคาถูกกวา่ ระบบอ่ืน

- สามารถปรับระยะชัก (ชว่ งชัก) ได้

- อุปกรณ์มีโครงสร้างแบบง่าย ๆ

- มีอุปกรณ์การใชง้ านอย่างกว้างขวาง

- ดัดแปลงใชร้ ว่ มกับระบบเคร่อื งกล ระบบไฟฟา้

และระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ สไ์ ด้ง่าย

4

สญั ลักษณ์กระบอกสบู
= กระบอกสูบ 2 ทาง ออกด้วยลม กลับดว้ ยลม

= กระบอกสูบทางเดยี วออกดว้ ยลม กลับดว้ ยสปรงิ

= กระบอกสูบ 2 ทาง ออกด้วยลม กลับ
ด้วยลม ชนดิ ก้านสบู สองด้าน

= กระบอกสูบทางเดียวออกดว้ ยลม กลับดว้ ยแรงดัน
ภายนอน

= กระบอกสูบ 2 ทาง ออกด้วยลม กลบั ด้วยลม
ชนิดมกี ันกระแทก

ซลี และลกู สบู กระบอกสบู

ซีลกันลม

กา้ นสบู B

A

5

สัญลกั ษณ์ของอุปกรณส์ ง่ ลมอดั
= ท่อทางที่มาจากแหล่งจ่ายลม
= ท่อลมทีม่ ีลมเข้าปกติ
= ท่อลมทีเ่ ป็นสญั ญาณสัง่
= ทอ่ ระบายลมทิ้ง
= เสน้ กรอบอปุ กรณท์ ี่มีเสน้ อปุ กรณ์หลายตวั
อยู่ในชุดเดียวกัน
= ทอ่ ลมชนดิ ยืดหยนุ่ ตวั ได้
= สามทางหรือสที่ าง
= ทอ่ ลมทีถ่ กู อดุ
= ข้อตอ่ ลม
= ข้อตอ่ ลมชนิดตอ่ อย่างรวดเรว็
= ข้อตอ่ ลมชนดิ ตอ่ อยา่ งรวดเรว็ มวี าลว์ กันกลบั
= อุปกรณเ์ กบ็ เสียง
= ถงั สะสมลมอัด
= กรองฝนุ่
= อุปกรณ์ดักน้ำ
= อุปกรณ์ดกั นำ้ และระบายทิง้ อัตโนมตั ิ
= อุปกรณ์ทำให้ลมอัดแห้ง
= อปุ กรณผ์ สมนำ้ มนั กับลมอดั

6

= อปุ กรณ์ระบายความร้อน

= ชดุ ปรับปรงุ คณุ ภาพลมอัด Service Unit

2 สญั ลกั ษณ์ของอปุ กรณค์ วบคมุ (วาลว์ )
11 = วาล์วความดนั สองทาง

2 = วาลว์ กันกลับสองทาง (ชัตเทิลวาลว์ )
11

2 = วาล์วทิ้งลมเรว็
1

3

100% = วาล์วควบคมุ อตั ราการไหล สองทาง

100% = วาล์วควบคมุ อตั ราการไหล ทางเดยี ว

12 2 = วาลว์ หน่วงเวลา ปกตปิ ิด
100% = วาล์ว หนว่ งเวลา ปกติเปิด
3
10 1 = วาลว์ กันกลบั ชนิด ไพล็อต
100% 2

12 3
1

2

1

7

วาล์วควบคมุ ทศิ ทาง

ลักษณะอปุ กรณ์ควบคุมทิศทาง

8

สัญลกั ษณก์ ารเลอ่ื นลิน้ วาล์ว

สญั ลักษณก์ ารเล่อื นลน้ิ วาลว์ ควบคุมทศิ ทาง

9

แบบทดสอบที่ 1

ระบบนิวแมตกิ ส์เบือ้ งต้นและสัญลักษณ์

ใบงานท่ี 1.1 ระบบนวิ แมตกิ สเ์ บ้อื งตน้ และสัญลกั ษณ์

....................................... .......................................
………………………… …………………………

................................................................... .......................................
…………………………………………… …………………………
................................................................... …………………………
…………………………………………… …………………………
...................................................................
…………………………………………… .................................................
................................................................... ……………………………..…
……………………………………………
................................................................... ...................................................................
…………………………………………… ……………………………………………

...................................................................
……………………………………………

...................................................................
……………………………………………

...................................................................
……………………………………………

10

ใบงานที่ 1.2 ระบบนวิ แมติกสเ์ บ้อื งต้นและสญั ลกั ษณ์

................................................................... ...................................................................
…………………………………………… ……………………………………………
………………………………………….. …………………………………………...
………………………………………….. …………………………………………...
………………………………………….. ……………………………………………
………………………………………….. ……………………………………………
………………………………………….. ……………………………………………
………………………………………….. ……………………………………………
………………………………………….. ……………………………………………
………………………………………….. ……………………………………………
………………………………………….. ……………………………………………
…………………………………………..
…………………………………………...

................................................................... ...................................................................
…………………………………………… ……………………………………………
………………………………………….. …………………………………………..
………………………………………….. …………………………………………..
………………………………………….. …………………………………………..
………………………………………….. …………………………………………..
………………………………………….. …………………………………………..
………………………………………….. …………………………………………..
………………………………………….. …………………………………………..

...................................................................
……………………………………………

11

เฉลย
แบบทดสอบท่ี 1

ระบบนวิ แมตกิ สเ์ บ้ืองต้นและสญั ลกั ษณ์

ใบงานที่ 1.1 ระบบนวิ แมตกิ สเ์ บ้อื งต้นและสัญลกั ษณ์

12

ใบงานท่ี 1.2 ระบบนิวแมตกิ สเ์ บ้ืองตน้ และสัญลกั ษณ์

13

กจิ กรรมการเรยี นการสอน

ข้ันตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนหรอื กิจกรรมของนักเรียน

ข้ันนำ

1. ครูเช็คช่อื นักศกึ ษา พรอ้ มแนะนำรายวิชา 1. นักศึกษาฟงั เรยี กขานช่ือ พรอ้ มฟงั อธบิ าย

อธบิ ายข้อตกลงในการเรียน ขอ้ ตกลงในการเรยี นและข้อแนะนำรายวิชา

2. ครูสนทนาซักถามความร้เู ก่ียวกับเร่อื งระบบ 2. นักศึกษาตอบคำถามของครู พรอ้ มซักถาม

นิวแมตกิ สเ์ บอื้ งต้นและสญั ลกั ษณ์พรอ้ ม ข้อสงสยั

ยกตัวอยา่ งประกอบ

ขั้นสอน 1. นกั เรียนตง้ั ใจทำความเข้าใจในเรอื่ งระบบนิว
1. ครูควบคมุ ความเรยี บร้อยของนักเรียนใหม้ ี
แมตกิ ส์เบื้องตน้ และสญั ลกั ษณ์ตามสือ่ การสอน
สมาธิตงั้ ใจทำความเขา้ ใจเกี่ยวกับเร่ืองระบบนิว ทค่ี รูแสดงและอธิบายตาม
แมตกิ สเ์ บื้องต้นและสัญลกั ษณ์ตามสือ่ ประกอบ
2. นกั เรียนช่วยกนั สรปุ เนื้อหาจากส่อื ทค่ี รู
2. ครใู ห้นกั เรยี นสรุปเน้ือหาจากสื่อ อธบิ าย และฟังครูอธิบายเพิ่มเติมจดบนั ทึก
ประกอบการเรียนและช่วยกนั ตอบคำถามใน เพ่ิมเตมิ
เนอ้ื หา

ขัน้ สรปุ และวัดผล 1. นักเรียนรว่ มสรปุ เนื้อหาเรอื่ งระบบนวิ แม
ตกิ ส์เบื้องต้นและสญั ลักษณ์ พรอ้ มฟัง
1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมสรปุ เนอ้ื หาเกยี่ วกบั คำอธบิ ายเพิม่ เติม
เรื่องระบบนวิ แมตกิ ส์เบอื้ งต้นและ
สัญลักษณ์พร้อมอธิบายเพ่ิมเตมิ 2. นกั เรียนฟงั การวเิ คราะหง์ านปฏิบัตพิ รอ้ ม
ตอบคำถาม และซักถามข้อสงสยั พร้อมฟงั
2. ครูสรุปวิเคราะหง์ านปฏบิ ัติของนักเรยี น
พร้อมทั้งต้ังคำถาม ถามตอบนกั เรียน คำอธบิ ายเพม่ิ เติม
3. นักศึกษาทำแบบฝึกหัดเพือ่ ทบทวน
พร้อมอธิบายเพ่ิมเตมิ
3. ครใู หน้ ักศกึ ษาทำแบบฝกึ หัด เพอื่ ทบทวน บทเรยี น

ความรู้

14

งานท่มี อบหมายหรอื กจิ กรรม

กอ่ นเรียน

แนะนำรายละเอียดในวชิ าและขอ้ ควรปฏบิ ตั ิ

1. การให้คะแนนในการเรียนจะแบง่ คะแนนออกเป็นคะแนน คณุ ธรรม จริยธรรมในการเรยี น 20%
คะแนนเก็บระหว่างเรยี น 60% และคะแนนสอบปลายภาค 20%

2. นกั ศกึ ษาจะตอ้ งมีเวลาเรยี นไม่น้อยกว่า 80% ของเวลาเรียนทงั้ หมด
3. มาตรฐานหรือเกณฑ์ในการให้คะแนนจะมีอยู่ 8 ระดับคือ

คะแนน 80 ขึน้ ไป ไดเ้ กรด 4 คะแนน 60-64 ไดเ้ กรด 2
คะแนน 75-79 ไดเ้ กรด 3.5 คะแนน 55-59 ได้เกรด 1.5
คะแนน 70-74 ไดเ้ กรด 3 คะแนน 50-54 ไดเ้ กรด 1
คะแนน 65-69 ไดเ้ กรด 2.5 ไดเ้ กรด 0
ตำ่ กวา่ 49

ขณะเรียน
1. ฟังการบรรยายหรอื อธิบายเนือ้ หาต่าง ๆ อยา่ งต้ังใจ
2. จดบนั ทึกเน้ือหาตามทีไ่ ด้รับฟัง ลงในสมดุ อย่างละเอยี ดและเหมาะสม
3. สรปุ เนือ้ หาตามที่ไดร้ ับมอบหมายและสง่ ตัวแทนนำเสนอหน้าชน้ั เรยี น
4. ตอบคำถามที่ครูซักถาม
5. ลงมอื ปฏบิ ัตงิ านตามใบงาน

6. ทดสอบจากแบบประเมนิ

หลังเรียน
1. ชว่ ยกันทำแบบทดสอบจากแบบประเมนิ
2. ตรวจสมุดและเนื้อหาทค่ี รูไดส้ ั่งให้จดบนั ทึก

3. วิเคราะห์การปฏบิ ตั งิ าน
4. จดั ระเบียบภายในหอ้ งเรยี น

5. ใหน้ ักศึกษาคน้ ควา้ หาความรเู้ กี่ยวกบั เนือ้ หาท่เี รียน

15

การประเมนิ ผล

ก่อนเรียน
การวดั ผลประเมนิ ผลในหนว่ ยนจ้ี ะสังเกตทางดา้ นความสนใจใฝ่ร้คู วามกระตอื รือรน้ การตรงตอ่
เวลา การตอบคำถามในช้ันเรียน และตรวจความเรยี บร้อยของเครื่องแต่งกาย ตลอดจนคุณธรรม
จรยิ ธรรม ค่านิยมและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค/์ 3D

ขณะเรยี น
1. ใหน้ ักศกึ ษาทำแบบทดสอบร่วมกบั การถาม-ตอบในช้ันเรียน
2. แลกเปล่ยี นความรู้โดยการให้นกั ศกึ ษาได้มสี ่วนร่วมในการเรยี น-การสอนออกไปแสดงความคิดเหน็

หนา้ ชน้ั เรยี น
3. การปฏบิ ัติงาน

หลงั เรียน
1. เช็คช่อื นักศกึ ษาอีกครง้ั
2. สง่ ใบงานท้ายชัว่ โมงเรียน
3. มอบหมายงานใหท้ ำมาส่งในสัปดาหต์ อ่ ไป
4. ทดสอบนักเรียนจากแบบทดสอบหลังเรียน
5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ มและคุณลักษณะอันพึงประสงค์/3D

หน่วยการสอนที่ 1 สอนครงั้ ท่ี 1 คาบที่ 1 - 4 คาบรวม 4 คาบ 16
ช่ือหน่วย ระบบนิวแมตกิ สเ์ บ้ืองต้นและสญั ลักษณ์

บันทกึ หลงั สอน

1. ผลการสอน
 สอนไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนือ่ งจาก.........................................................................

2. ผลการเรียนของนักเรยี น นกั ศกึ ษา
 จำนวนนกั เรยี นทีผ่ ่านการประเมิน .......................... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ..............................
 จำนวนนกั เรียนทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ ...................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ ..............................
 อ่ืน ๆ .........................................................................................................................................

3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรียนทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทันตามกำหนดเวลา
 มีนักเรยี นทไ่ี ม่สนใจเรียน
 อนื่ ๆ .........................................................................................................................................

4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
 ควรนำแผนไปปรบั ปรงุ เร่อื ง ...................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทไ่ี ม่ผ่านการประเมนิ ..............................................................................
 ไมม่ ีขอ้ เสนอแนะ

ลงชอื่ ........................................... ผบู้ นั ทึก
(นายดำรงค์ พลเสน)

______________________________________________________________________________

บันทึกหลงั การสอน ตามแผนการจดั การเรียนรูฉ้ บับน้ี ไดร้ ับการพิจารณาจากแผนกวิชาและฝ่าย
วิชาการ แลว้

ลงชอ่ื ........................................... หวั หน้าแผนกวิชา
(ว่าที่ ร.ต.วัฒนา มีตอ้ งปนั )

ลงชอ่ื ........................................... รองผอู้ ำนวยการฝ่ายวิชาการ
(นายเทอดศกั ด์ิ แก้วคงคา)

หนว่ ยการสอนที่ 2 สอนครง้ั ที่ 2 คาบท่ี 5 - 8 คาบรวม 8 คาบ 17
ชือ่ หนว่ ย ระบบนวิ แมตกิ ส์เบื้องต้นและสัญลักษณ์

บันทกึ หลังสอน

1. ผลการสอน
 สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรยี นรู้
 สอนไม่ไดต้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ เน่ืองจาก.........................................................................

3. ผลการเรียนของนักเรียน นกั ศกึ ษา
 จำนวนนกั เรยี นทีผ่ ่านการประเมิน .......................... คน คิดเป็นร้อยละ ..............................
 จำนวนนกั เรยี นทไ่ี มผ่ า่ นการประเมิน ...................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ ..............................
 อน่ื ๆ .........................................................................................................................................

3. ปญั หาและอุปสรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกบั เวลา
 มนี กั เรียนทำใบงาน/ใบกิจกรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
 มีนกั เรียนทไี่ มส่ นใจเรยี น
 อื่น ๆ .........................................................................................................................................

4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนำแผนไปปรบั ปรุง เรื่อง ...................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ ..............................................................................
 ไม่มขี อ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื ........................................... ผูบ้ นั ทกึ
(นายดำรงค์ พลเสน)

______________________________________________________________________________

บันทึกหลังการสอน ตามแผนการจัดการเรียนรฉู้ บบั น้ี ได้รบั การพิจารณาจากแผนกวิชาและฝ่าย
วชิ าการ แล้ว

ลงชื่อ ........................................... หวั หน้าแผนกวิชา
(ว่าท่ี ร.ต.วัฒนา มีต้องปนั )

ลงชอ่ื ........................................... รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ
(นายเทอดศักด์ิ แก้วคงคา)

.

18

แผนการสอน หนว่ ยท่ี 2

ชื่อวิชา งานนวิ แมตกิ ส์และไฮดรอลกิ ส์เบื้องต้น สอนครง้ั ที่ 3
คาบรวม 12
ชื่อหน่วย ชุดปรบั ปรงุ คณุ ภาพลมอัด จำนวนคาบ 4

ชือ่ เร่ือง ชดุ ปรบั ปรงุ คุณภาพลมอดั

หัวขอ้ เรอื่ งและงาน
1. อธบิ ายความหมายของระบบนิวแมตกิ ส์
2. บอกขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ของระบบนวิ แมติกส์
3. ประเภทของเครอ่ื งอัดลมและหนา้ ที่ของถังเกบ็ ลม
4. หลกั การทำงานของชดุ ปรบั ปรงุ คุณภาพลม

สาระสำคญั
จากการทร่ี ะบบนิวแมตกิ ส์ต้องใชล้ มอดั เปน็ สารทำงาน ดงั นน้ั จึงจะตอ้ งมีอปุ กรณใ์ นการผลติ ลมอัด

อปุ กรณด์ ังกล่าว คอื เครื่องลมอัด (Compressor) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตลมอดั ใหก้ บั ระบบนวิ แมตกิ ส์ สามารถ
แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ประเภทคือ เคร่อื งอดั ที่ทำงานในลกั ษณะการเคลื่อนที่เป็นแนวตรง กบั ทำงานในลกั ษณะ

ของการหมุน

สมรรถนะผลการเรียนที่คาดหวัง (บูรณาการหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง/3D)
1. มีความรู้ตามจุดประสงค์
2. ให้ความรว่ มมอื ในการจัดกิจกรรม

3. ตระหนักในความสำคญั ของพระบรมราโชวาทเรื่องเศรษฐกจิ พอเพียง/3D
4. นักเรยี นมคี วามรบั ผิดชอบ มวี นิ ัย และความคิดสร้างสรรค์

จุดประสงค์การเรียนรู้ (ความรู้ ทักษะ คุณธรรมจริยธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพ)
เงือ่ นไขความรู้

1. เพื่อให้มคี วามรู้และหลักการเบื้องตน้ ของชดุ ปรับปรงุ คณุ ภาพลมอัดของระบบนวิ แมตกิ สไ์ ด้
2. สามารถบอกหนา้ ท่แี ละสว่ นประกอบของชดุ ปรบั ปรุงคุณภาพลมอัดได้
3. สามารถจำแนกประเภทของเคร่อื งอัดลมและหน้าทขี่ องถงั เก็บลมได้

4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ
สงั เกตเห็นได้ ในดา้ นความมีมนุษยสัมพนั ธ์ ความมีวินยั ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจ
ใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที และการปฏิบัตงิ านอย่างถูกต้อง สำเรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด มีเหตุ
และผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

19

ความพอเพยี ง (ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล มภี ูมิคมุ้ กนั )
1. นักเรียนสามารถแกไ้ ขปญั หาเบอื้ งตน้ ของประเภทของเครื่องอัดลมและหนา้ ที่ของถังเก็บลมได้

ถูกตอ้ งเหมาะสมตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ได้อยา่ งถกู ตอ้ งโดยทำให้ดีท่สี ุด
2. นกั เรยี นรู้จักการนำเอาสมุดเกา่ ทเี่ หลือจากเทอมท่ผี ่านมา นำมาจดโดยไมต่ ้องเสียเงนิ ซอ้ื ใหม่

เงื่อนไขจริยธรรม/คุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ 3D
1. มีการพฒั นาในเรอ่ื งความรบั ผดิ ชอบต่องานทท่ี ำ ตรงตอ่ เวลา มีระเบียบวินัย มคี วามซ่ือสตั ย์ต่อ

ตนเองและผู้อื่น ตลอดจนมที ัศนคติท่ีดีตอ่ วิชาท่ีเรียน
2. นักเรยี นแสดงความคดิ เห็นไดอ้ ยา่ งมเี หตุผลตามระบอบประชาธิปไตย

สร้างสังคมไม่ทนต่อการทจุ รติ
1. ปลกู ฝังจติ สำนกึ ในการแยกแยะประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ความอายท่ีจะกระทำการ

ทุจริต ความไม่ทนต่อการทุจริต จิตพอเพียงต้านทุจริต และความเป็นพลเมืองท่ีรับผิดชอบต่อปัญหาการทุจริต
ของประเทศ

20

แผนการสอน หน่วยท่ี 2

ชื่อวชิ า งานนิวแมตกิ สแ์ ละไฮดรอลกิ ส์เบื้องตน้ สอนคร้ังที่ 3
ชอ่ื หนว่ ย ประเภทของเครอ่ื งอดั ลมและหนา้ ทข่ี องถงั เกบ็ ลม คาบรวม 12
ชื่อเรื่องหรอื ช่ืองาน ประเภทของเคร่ืองอัดลมและหน้าทขี่ องถงั เกบ็ ลม จำนวนคาบ 4

ประเภทของเครอ่ื งอัดลมและหนา้ ทีข่ องถงั เกบ็ ลม

โดยปกติแลว้ ในลมอัดจะมคี วามชืน้ และไอนำ้ ปะปนอยู่ ซ่ึงละอองน้ำจะมีผลทำให้อปุ กรณ์ต่าง ๆ ของ

ระบบนิวแมตกิ ส์ เชน่ ทอ่ ทาง วาล์ว กระบอกสบู ฯลฯ เกดิ การเสียหายได้นอกจากนี้ในอากาศยงั มีฝนุ่
ละออง และส่งิ สกปรกต่าง ๆ เม่อื คอมเพรสเซอร์ดูดอากาศที่มีฝนุ่ ละอองเขา้ มาใช้ในระบบนิวแมตกิ ส์ ซงึ่ มีผล

ทำใหอ้ ุปกรณ์ท่เี คลอ่ื นท่ี ตลอดจนชกั กนั ร่วั ต่าง ๆ มอี ายกุ ารทำงานสั้นลง เป็นผลให้การทำงานของวงจร
นวิ แมตกิ ส์ไมเ่ สถยี รภาพและไม่ปลอดภัยตอ่ การใช้งาน ดงั นั้นจึงจำเปน็ อยา่ งยิ่งท่ีจะตอ้ งเตรยี มลมอัด ลมอัดท่ี
จะนำมาใช้งานได้นน้ั ตอ้ งมีคณุ สมบตั ิ คอื ต้องมีความสะอาด ปราศจากฝุ่น ส่ิงสกปรกตา่ ง ๆ และละอองน้ำ

นอกจากน้ันยงั จะต้องช่วยลดความฝืดในอปุ กรณ์ท่ีมีการเคลอ่ื นที่และป้องกันสนิม ดงั นนั้ ในลมอัดจึงจำเป็นต้อง
มีละอองนำ้ มันผสมอยู่ด้วย ด้วยสาเหตุนัน้ เองจงึ ตอ้ งมีชุดควบคมุ และปรบั ปรุงคุณภาพลมอัดก่อนทีจ่ ะนำลม

อัดน้ีไปใชง้ านในระบบนวิ แมตกิ ส์ตอ่ ไป
การควบคมุ คุณภาพลม คือ การทําให้ลมสะอาด ลมอัดมีความดนั ที่ถูกตอ้ ง และคงท่ี ลมอัดมีนำ้ มนั

เพื่อหลอ่ ลน่ื ชิ้นส่วนทที่ ํางาน ในสภาพอากาศทัว่ ๆไป 1 ลกู บาศกเ์ มตร (m3) พบวา่ มีส่งิ สกปรกอยโู่ ดยเฉล่ยี สงู

ถงึ กว่า 140 ลา้ นส่ิงสกปรก ซ่ึงประกอบไปด้วย แบคทีเรยี ไวรสั หมอกควนั ไฮโดรคาบอน น้ำ นำ้ มนั และ
สง่ิ เจือปนอ่ืนๆที่เกดิ ขน้ึ จากกิจกรรมของมนษุ ย์ ดงั นั้นหากเราลองจินตนาการเมอ่ื เครอ่ื งอดั ลมอัดความดนั สงู ถงึ

8 บาร์ ก็มคี วามเป็นไปไดท้ ี่ส่งิ สกปรกในอากาศอัด 1 m3 จะมสี งู ถงึ 1120 ล้านส่ิงสกปรก อุปกรณ์ทีใ่ ช้สาํ หรบั
ปรบั ปรงุ คณุ ภาพลมอัดไดแ้ ก่

• อปุ กรณ์กรองลมอัด (Air Filter)
• อุปกรณค์ วบคมุ ความดนั ของลมอัด (Air Regulator)
• อุปกรณผ์ สมนำ้ มันหลอ่ ลื่นเขา้ ไปในลมอัด (Air Lubricator)

21

ซึ่งมรี ายละเอยี ดการทาํ งานของอปุ กรณแ์ ต่ละตัวมีดังต่อไปนี้
อุปกรณ์กรองลมอดั (Air Filter)

เมอื่ เครอ่ื งอดั ลม (Air compressor) ทําการอัดลมเพือ่ ให้มีความดัน (Pressure) เพมิ่ ขน้ึ น้ัน ลมท่ีถกู
เครอ่ื งอดั ลมดูดเข้าไปเพื่ออดั เก็บในถงั เกบ็ ลมน้นั จะมสี ่วนผสมของมวลสารอ่นื ๆ ดว้ ย เช่น ไอนำ้ ฝ่นุ ผง หรือ
มวลสารที่ล่องลอยในบริเวณท่ีเครือ่ งอัดลมทํางานอยู่ ดังนัน้ จึงมีความจาํ เปน็ อย่างย่ิงท่จี ะตอ้ งเอามวลสารทไ่ี ม่
ต้องการเหลา่ น้ีออกจากลมอดั เพราะมวลสารและสิง่ สกปรกต่าง ๆ นีจ้ ะเปน็ ตวั ที่ทําใหอ้ ุปกรณ์ทาํ งานของระบบ
นิวแมติกส์เสยี หาย ทํางานติดขดั อายกุ ารใช้งานส้ันลง

อุปกรณ์กรองลมอัด Air Filter

22

ลมอดั ไหลเขา้ มาทางดา้ นทอ่ ลมเขา้ และไหลผ่านลงไปท่ตี วั กรองลมอัดท่ีไหลเข้ามาจะมีความดันสูงและต้อง
ผา่ นแผน่ กะบงั บังคับการไหลทําใหเ้ กดิ แรงเหวี่ยงหนีศูนยข์ องลมอัด ไปปะทะกับผนงั ของลูกถ้วย อากาศที่
สะอาดกจ็ ะไหลผา่ นไสก้ รองออกทางด้านทอ่ ลมออก และสง่ิ สกปรกกจ็ ะตดิ อยู่ทไี่ สก้ รอง ส่วนละอองนำ้ ท่ตี ิดอยู่
ผนงั ของลูกถ้วยเมอื่ สะสมกันมาก ๆ กจ็ ะไหลมารวมกันไปอยู่ ด้านล่างของชดุ กรองอากาศ ที่ดา้ นล่างของลกู ถว้ ย
จะมขี ดี จํากัดปริมาณละอองนำ้ ไม่ใหส้ ูงเกินไปการระบายละอองน้ำออกสามารถทาํ ได้ โดยการระบายนำ้ ออกดว้ ย
การหมนุ สกรทู ี่ใตล้ ูกถว้ ยหรือติดต้งั ตวั ระบายน้ำอตั โนมตั ิท่ลี กู ถ้วยก็ได้

เกจวดั ความดนั ลมอัด (Pressure Gauge) เกจวดั ความดนั ลมอัด ใช้สําหรับวดั ความดนั ในวงจร
นวิ แมติก ปกตจิ ะตดิ ตัง้ อยู่ทางออกของตัวควบคุมความดนั ลมอดั เกจวดั ดนั ลมอัด จะเปน็ แบบท่อสปริงรปู ทรง
กลมโคง้ งอในแนวรัศมีและมีพ้นื ท่ีหนา้ ตดั เปน็ รูปส่ีเหล่ียมจัตุรสั เปน็ ท่อกลวงสว่ นปลายข้างหน่ึงยึดตดิ กับช่องทใ่ี ห้
ความดันลมอดั ผา่ นเขา้ มาภายในขดสปรงิ เม่อื มีแรงดนั ของลมท่อสปริงรปู ทรงกลม จงึ ยดื ออกใหท้ ่อตรงส่วนปลาย
อกี ดา้ นของทอ่ สปรงิ จะยดึ ตดิ กบั ชุดกลไกต่อระหว่างทอ่ สปริงกับเฟืองเขม็ กลไกเหล่านี้จะเพ่ิมตวั แสดงการ
เคลอ่ื นไหวของทอ่ สปรงิ ขดหรือบอกความดันภายในระบบนน่ั เอง

Pressure Gauge เกจวดั ความดัน

อุปกรณ์ควบคุมความดนั (Compressed air regulator)
มีหน้าท่ีในการปรับความดันใช้งานให้คงที่และเหมาะสมกับความดนั ของระบบและปรบั ความดันต้นทางให้สูง

กวา่ ความดนั ปลายทาง

23

แบง่ ออกเป็น 2 ชนิดย่อย คือ
• ชนิดไมม่ ีการระบายความดนั ออกสู่บรรยากาศ
• ชนิดมีการระบายความดนั ออกสบู่ รรยากาศ
เมอ่ื ความดนั ลมออกมาจากอุปกรณก์ รองลมอัด จะตอ่ เข้าวาล์วควบคมุ ความดนั เพ่ือทจี ะปรบั ความดันลมให้
มคี วามดันคงที่อยทู่ ่ี ความดนั ลมจะผา่ นบ่าวาล์วและไหลออกที่ทางออกเพอื่ ใช้งานตอ่ ไป บรเิ วณชอ่ งทางออกของ
ลมอดั จะมีช่องออรฟิ ชี (Orifice) ท่ีต่อระหวา่ งช่องทางออกกบั หอ้ งใต้แผน่ ไดอะแฟรม ถา้ ความดันลมที่ออกน้ีมี
ความดันสูงกวา่ คา่ ของสปรงิ (ตัวบน) กจ็ ะดนั แผน่ ไดอะแฟรมใหย้ กขึน้ เป็นผลใหก้ ้านของพอพเพตซึ่งเช่อื มต่ออยู่
กับชดุ ของแผ่นไดอะแฟรมถูกยกขึน้ ตาม ทำให้บา่ วาลว์ ปิดทางลมทเี่ ข้าวาลว์ ดังน้ัน คา่ ของสปริงจะเปน็ ตวั
กำหนดคา่ ความดันลมทอี่ อกจากวาลว์ นน้ั เอง

อุปกรณค์ วบคุมความดันลม Air Regulator

อุปกรณ์เติมน้ำมันหลอ่ ล่ืน (Air Lubricator)
ชุดนำ้ มันหลอ่ ล่ืนจะมีหน้าท่ีเป็นตวั จา่ ยสารหลอ่ ล่ืนใหก้ ับอปุ กรณ์นวิ แมติกสโ์ ดยจะปนไปกับลมอัดในการ

ใช้งาน เพื่อลดการสึกหรอและความฝืดของอุปกรณ์ตา่ ง ๆเช่น วาล์วขอ้ ต่อลูกสูบ เป็นตน้ ชุดน้ำมันหล่อลน่ื จะ
อาศยั หลกั การของช่องแคบท่ีความดันแตกตา่ งกันคอื ความเร็วของลมอัดทีไ่ หลผ่านชอ่ งแคบมีความเรว็ สูงจึงทาํ ให้
เกดิ การดดู นำ้ มันข้นึ มาผสมกับลมอดั ทีไ่ หลผ่านเป็นละอองนำ้ มันหล่อลน่ื เพ่อื นาํ ไปใช้ในระบบหลอ่ ลื่นอปุ กรณ์
ต่าง ๆต่อไป ในปัจจุบนั ส่วนมากอปุ กรณน์ ิวแมติกส์จะใช้วสั ดุเทอร์โมพลาสตกิ (Thermopastic) แทนวัสดชุ ้นิ เกา่
ทําให้ชุดนำ้ มันหลอ่ ล่นื ไม่คอ่ ยมบี ทบาทมากนกั ในปัจจบุ นั และระบบการผลิตในอตุ สาหกรรมบางประเภทไม่
จําเป็นต้องใช้การหลอ่ ล่ืน เช่น อตุ สาหกรรมผลิตอาหารและยา อุตสาหกรรมเคมภี ัณฑ์

24
อุปกรณเ์ ตมิ นำ้ มนั หลอ่ ลื่น (Air Lubricator)

25

แบบทดสอบ

ชดุ ปรบั ปรงุ คณุ ภาพลมอดั

วัตถปุ ระสงค์ เพอื่ ประเมินความรู้เดมิ ของผูเ้ รยี นเกีย่ วกบั เรื่อง ชดุ ปรบั ปรงุ คุณภาพลมอดั จงพจิ ารณาเลอื ก
คำตอบทีถ่ ูกตอ้ งที่สุดเพยี งคำตอบเดียว

จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมข้อที่ 2.1 บอกช่ือและหนา้ ทขี่ องชนิ้ สว่ นท่ีอยกู่ บั ที่ได้ถกู ตอ้ ง (ดา้ นความรู้)

จากรปู ใช้ตอบคำถามข้อ 1 – 4 3

14

2
1. หมายเลขใดมีหนา้ ทีก่ รองฝ่นุ ละออง

ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4

2. หมายเลขใดมหี น้าที่แยกนำ้ ออกจากลม

ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4

3. หมายเลขใดมีหน้าที่ปรบั ความดนั ลม

ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4

4. หมายเลขใดมหี นา้ ที่ผสมน้ำมันหลอ่ ลน่ื เขา้ กับลม

ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4

5. อปุ กรณท์ ี่ทำหนา้ ท่ผี สมน้ำมนั หล่อล่ืนเขา้ กับลมทำงานโดยอาศยั หลกั การใด

ก. การควบแนน่ ข. อณุ หภูมิทต่ี า่ งกัน

ค. ลมไหลผ่านคอคอด ง. ถกู ทกุ ข้อ

6. อปุ กรณค์ วบคุมความดันถา้ ต้องการปรบั ความดนั ลมทำไดโ้ ดย

ก. ปดิ ทางลมออก ข. เพ่ิมปริมาณลม

ค. ปรบั ความแขง็ ของสปริง ง. ปรบั ขนาดคอคอดให้เลก็ ลง

จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 2 บอกชอ่ื และหนา้ ที่ของชนิ้ สว่ นที่เคลือ่ นทไี่ ดถ้ กู ต้อง

7. อปุ กรณใ์ ดที่ทำหน้าทป่ี รบั ความดนั ของลมในระบบนิวแมติกส์

ก. Pressure gauge ข. Pressure Valve

ค. Pressure Regulator ง. Pressure Plate

8. ชดุ ปรับปรุงคณุ ภาพลมมหี น้าท่ีอะไร

ก. กรองฝ่นุ ละอองและน้ำ ข. ปรบั ความดัน

ค. ผสมนำ้ มันหลอ่ ล่ืนกบั ลมอัด ง. ถูกทุกขอ้

26

9. อปุ กรณด์ ักน้ำในชุดปรับปรุงคุณภาพลม สามารถดกั น้ำไอไดโ้ ดยวิธีการใด

ก. ไอน้ำผา่ นไสก้ รองละเอยี ด ข. ไอนำ้ ผา่ นรูแคบ ๆ

ค. ผ่านล้นิ ควบคุม ง. แรงเหวีย่ งหนีศนู ย์

10. สัญลักษณ์ตอ่ ไปนี้หมายถึง

ก. ชดุ ปรับปรงุ คณุ ภาพลม ข. เกจวัดความดนั

ค. แหล่งจา่ ยลม ง. เครอ่ื งอดั ลม

ตอนที่ 2 จงตอบคำถามตอ่ ไปน้ีให้สมบรู ณ์
1. หนา้ ทขี่ องชุดปรับปรุงคุณภาพลมอัดคอื อะไร

1.1 ………………………………………………………………………………………
1.2 ………………………………………………………………………………………
1.3 ………………………………………………………………………………………

2. จงเขยี นสญั ลกั ษณ์ของชดุ ปรบั ปรุงคณุ ภาพลม

3. หนา้ ที่ของไสก้ รองคืออะไร
……………………………………………………
……………………………………………………
……………………………………………………
……………………………………………………
……………………………………………………
……………………………………………………
4. หนา้ ทขี่ องกระบังลมคืออะไร

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
5. ถา้ ต้องการระบายน้ำในกระเปาะแก้วทิง้ จะตอ้ งอย่างไร
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

.

27

6. จงบอกส่วนประกอบของเกจวดั ความดนั ต่อไปนี้
1 …………………………………..……………………
2 …………………………………..……………………
3 …………………………………..……………………
4 …………………………………..……………………
5 ………………………………….…………………….
6 ………………………………………………………..
7 ………………………………………………………..

7. จงเขียนสัญลกั ษณ์ของเกจวัดความดนั ให้สมบูรณ์

8. ถ้าความดันทางด้าน P2 มคี ่าสงู มากจะทำให้เกิดผลอย่างไร

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

28

9. สปริงบังคบั วาล์วมีหนา้ ทอ่ี ะไร
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
10. ถ้าต้องการปรบั ความดันใชง้ านจะตอ้ งปรับที่ชิ้นสว่ นใด
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
11. น้ำมันหล่อลื่นสามารถผสมกบั ลมอดั ไดอ้ ย่างไร
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
12. ถา้ ตอ้ งการปรับปรมิ าณนำ้ มนั สามารถทำไดอ้ ยา่ งไร
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

*******************************

29

แบบทดสอบ

ชดุ ปรับปรุงคณุ ภาพลมอดั

วตั ถุประสงค์ เพ่ือประเมนิ ความรู้เดมิ ของผู้เรยี นเกี่ยวกบั เร่อื ง ชดุ ปรับปรุงคุณภาพลมอัด จงพจิ ารณาเลือก
คำตอบทีถ่ ูกต้องท่ีสดุ เพยี งคำตอบเดยี ว

1. หน้าทขี่ องชดุ ปรบั ปรงุ คณุ ภาพลมอดั คืออะไร
1.1 แยกฝุ่นละอองกบั นำ้
1.2 ปรับและควบคุมความดันตามต้องการ
1.3 ผสมนำ้ มนั หลอ่ ลนื่ เข้ากับลมอัด

2. จงเขยี นสญั ลกั ษณข์ องชุดปรบั ปรงุ คณุ ภาพลม

สัญลักษณ์แบบแสดงรายละเอียด สญั ลักษณ์แบบงา่ ย

3. หนา้ ที่ของไสก้ รองคอื อะไร
ทำหนา้ ท่กี ำจดั สิง่ สกปรก ฝุ่นละออง

รวมทั้งไอนำ้ ทีป่ ะปนมากับลมอดั

4. หน้าท่ขี องกระบังลมคืออะไร

แผ่นบังคบั ทิศทางเกดิ การไหลวนและเกดิ แรงเหวี่ยงหนศี นู ย์ ละอองนำ้ และสิ่งสกปรกตา่ ง ๆจะไปปะทะ
กับผนงั ลกู ถ้วยและตกลงสูด่ ้านลา่ งเม่ือนำ้ มีระดับสงู ขึน้ ตอ้ งถ่ายออก
5. ถ้าตอ้ งการระบายนำ้ ในกระเปาะแกว้ ท้ิงจะต้องอย่างไร

จะต่ออยทู่ างดา้ นลา่ งของตวั กรองอากาศ ในกรณีทม่ี นี ้ำอย่ภู ายในจะทำใหล้ ูกลอยยกตวั ข้นึ เปดิ ลน้ิ ใหล้ ม
อดั ดันน้ำให้ระบายออกสู่ภายนอกนอกจากน้ันยังสามารถระบายนำ้ ออกจากระบบไดด้ ว้ ยวิธกี ารใช้มือกดอีกดว้ ย

30

6. จงบอกสว่ นประกอบของเกจวัดความดนั ต่อไปนี้
1. ท่อสปริง
2. เฟอื งเส้ียว
3. กระเด่ือง
4. เฟือง
5. เข็มช้ี
6. หน้าปทั ม์
7. ตัวเรอื น

7. จงเขยี นสญั ลกั ษณข์ องเกจวดั ความดันให้สมบูรณ์
8. ถ้าความดนั ทางดา้ น P2 มีค่าสูงมากจะทำให้เกิดผลอยา่ งไร

ตัวควบคมุ ความดนั มหี นา้ ท่รี ักษาความดันใช้งานใหค้ งท่โี ดยปกตแิ ลว้ ความดนั ใช้งานของระบบนิวแมติ
กสอ์ ยู่ในระหว่าง 4 - 6 บาร์ ซึ่งความดันลมที่ออกมาจากถงั เก็บลมอาจจะสงู กว่าที่กำหนดไว้ ทอี่ อกมาจากถัง
เกบ็ ลมอาจจะสูงกวา่ ทก่ี ำหนดไว้ ดงั นัน้ จงึ จะต้องใชอ้ ปุ กรณใ์ นการปรบั ลดความดนั เพือ่ ควบคมุ ดันลมอัดให้
เหมาะสมและอยใู่ นชว่ งท่กี ำหนดไว้
9. สปรงิ บังคับวาล์วมหี น้าทอี่ ะไร

จะมแี รงมากดใหแ้ กนวาลว์ เล่อื นลงทางด้านล่าง ความดันลมจาก P1 ก็สามารถไหลผ่านไปยงั P2 ได้

31

10. ถ้าตอ้ งการปรบั ความดนั ใชง้ านจะตอ้ งปรับทีช่ ้นิ สว่ นใด
เมอื่ ลมเข้าทางทอ่ P ทอ่ สปริงจะยดื ตวั ออกกระเด่อื งจะขบั เฟอื งให้เคล่อื นท่ี ทำให้เข็มชี้เบยี่ งเบนบน

สเกล

11. น้ำมันหล่อลน่ื สามารถผสมกบั ลมอัดได้อยา่ งไร
นำ้ มนั จะถูกดูดขึน้ ไปผสมกบั ลมอดั ที่บริเวณคอคอดซ่ึงมคี วามเร็วลมสูงซึ่งจะชว่ ยทำใหน้ ำ้ มันกลายเป็น

ฝอยละออง และถกู สง่ เขา้ ไปในระบบต่อไป

12. ถ้าตอ้ งการปรบั ปริมาณนำ้ มันสามารถทำได้อย่างไร
จากหลักการทำงานข้างตน้ ไดน้ ำมาใชท้ ำชุดผสมน้ำมันหล่อลน่ื โดยมีหลักการทำงาน คอื เมอ่ื ลมอัดไหล

เขา้ ทางด้าน A ความดนั ลมจะดนั ให้นำ้ มันท่ีอยูใ่ นลูกถว้ ยไหลตามทอ่ ข้นึ สู่ดา้ นบน โดยจะไปผสมกับลมอัดที่
ไหลผา่ น และส่งไปยงั วงจรนวิ แมติกส์ตอ่ ไป

*****************************************

32

กิจกรรมการเรยี นการสอน

ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ขั้นตอนการเรยี นหรอื กิจกรรมของนกั เรยี น

ขนั้ นำ

1. ครเู ช็คช่ือนกั ศึกษา พร้อมแนะนำรายวชิ าอธิบาย 1. นักศกึ ษาฟงั เรียกขานช่อื พรอ้ มฟังอธิบาย

ขอ้ ตกลงในการเรยี น ขอ้ ตกลงในการเรยี นและข้อแนะนำรายวิชา

2. ครูสนทนาซกั ถามความรูเ้ กย่ี วกบั เรือ่ งประเภท 2. นกั ศกึ ษาตอบคำถามของครู พรอ้ มซักถามขอ้

ของเคร่ืองอดั ลมและหน้าทีข่ องถงั เกบ็ ลมพรอ้ ม สงสัย

ยกตัวอย่างประกอบ

ข้ันสอน

1. ครูควบคุมความเรยี บร้อยของนักเรียนให้มสี มาธิ 1. นักเรยี นตง้ั ใจทำความเข้าใจในเรอ่ื งประเภทของ

ตงั้ ใจทำความเขา้ ใจเกยี่ วกบั เรอ่ื งประเภทของเครื่อง เคร่ืองอดั ลมและหนา้ ที่ของถงั เกบ็ ลมตามส่อื การ

อดั ลมและหน้าที่ของถังเก็บลมตามส่ือประกอบ สอนทค่ี รูแสดงและอธิบายตาม

2. ครูให้นกั เรยี นสรปุ เนื้อหาจากสอ่ื ประกอบการ 2. นักเรียนชว่ ยกนั สรุปเน้อื หาจากส่อื ทคี่ รอู ธบิ าย

เรยี นและชว่ ยกนั ตอบคำถามในเนือ้ หา และฟังครูอธบิ ายเพ่ิมเติมจดบันทกึ เพ่มิ เติม

ขั้นสรปุ และวัดผล

1. ครูและนักเรยี นร่วมสรุปเน้ือหาเกี่ยวกับเรือ่ ง 1. นกั เรยี นรว่ มสรปุ เน้ือหาเร่ืองประเภทของเคร่อื ง

ประเภทของเครือ่ งอัดลมและหน้าท่ีของถงั เก็บลม อัดลมและหนา้ ที่ของถังเก็บลม พรอ้ มฟังคำอธบิ าย

และสัญลกั ษณ์พรอ้ มอธิบายเพ่มิ เตมิ เพม่ิ เตมิ

2. ครูสรปุ วเิ คราะห์งานปฏิบตั ิของนักเรียน พร้อม 2. นกั เรยี นฟงั การวิเคราะหง์ านปฏบิ ตั พิ รอ้ มตอบ

ท้ังต้ังคำถาม ถามตอบนักเรียนพรอ้ มอธบิ าย คำถาม และซักถามข้อสงสยั พร้อมฟงั คำอธบิ าย

เพ่มิ เติม เพมิ่ เตมิ

3. ครใู ห้นักศึกษาทำแบบฝึกหัด เพ่ือทบทวนความรู้ 3. นกั ศกึ ษาทำแบบฝึกหัดเพอ่ื ทบทวนบทเรียน

33

งานท่มี อบหมายหรอื กิจกรรม

ก่อนเรยี น

แนะนำรายละเอยี ดในวิชาและขอ้ ควรปฏิบตั ิ

1. การใหค้ ะแนนในการเรียนจะแบง่ คะแนนออกเปน็ คะแนน คุณธรรม จริยธรรมในการเรยี น 20%
คะแนนเกบ็ ระหว่างเรยี น 60% และคะแนนสอบปลายภาค 20%

2. นักศกึ ษาจะตอ้ งมเี วลาเรียนไมน่ ้อยกว่า 80% ของเวลาเรยี นท้งั หมด
3. มาตรฐานหรอื เกณฑ์ในการให้คะแนนจะมีอยู่ 8 ระดับคอื

คะแนน 80 ข้นึ ไป ไดเ้ กรด 4 คะแนน 60-64 ไดเ้ กรด 2
คะแนน 75-79 ได้เกรด 3.5 คะแนน 55-59 ได้เกรด 1.5
คะแนน 70-74 ไดเ้ กรด 3 คะแนน 50-54 ไดเ้ กรด 1
คะแนน 65-69 ไดเ้ กรด 2.5 ได้เกรด 0
ต่ำกว่า 49

ขณะเรียน
1. ฟงั การบรรยายหรืออธิบายเน้อื หาต่าง ๆ อย่างตัง้ ใจ
2. จดบันทึกเน้ือหาตามท่ไี ดร้ บั ฟัง ลงในสมดุ อย่างละเอียดและเหมาะสม
3. สรปุ เนอื้ หาตามทไี่ ด้รบั มอบหมายและสง่ ตวั แทนนำเสนอหน้าช้ันเรียน
4. ตอบคำถามท่ีครซู ักถาม
5. ลงมอื ปฏิบตั ิงานตามใบงาน

6. ทดสอบจากแบบประเมิน

หลังเรียน
1. ชว่ ยกนั ทำแบบทดสอบจากแบบประเมนิ
2. ตรวจสมดุ และเนอ้ื หาทคี่ รูไดส้ ัง่ ให้จดบันทกึ

3. วเิ คราะห์การปฏิบัติงาน
4. จัดระเบียบภายในหอ้ งเรียน

5. ใหน้ กั ศึกษาคน้ คว้าหาความร้เู กีย่ วกับเนือ้ หาทเ่ี รียน

34

การประเมนิ ผล

ก่อนเรยี น
การวดั ผลประเมินผลในหน่วยนี้จะสังเกตทางดา้ นความสนใจใฝร่ ู้ความกระตือรือร้น การตรงตอ่
เวลา การตอบคำถามในชัน้ เรียน และตรวจความเรยี บรอ้ ยของเครือ่ งแต่งกาย ตลอดจนคุณธรรม
จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์/3D

ขณะเรยี น
1. ให้นกั ศกึ ษาทำแบบทดสอบรว่ มกับการถาม-ตอบในช้นั เรียน
2. แลกเปล่ยี นความรู้โดยการให้นกั ศึกษาได้มีส่วนร่วมในการเรียน-การสอนออกไปแสดงความคิดเห็นหน้า

ช้นั เรยี น
3. การปฏบิ ัตงิ าน

หลงั เรยี น
1. เชค็ ชือ่ นกั ศกึ ษาอกี คร้ัง
2. ส่งใบงานทา้ ยช่ัวโมงเรียน
3. มอบหมายงานใหท้ ำมาส่งในสปั ดาหต์ ่อไป
4. ทดสอบนักเรียนจากแบบทดสอบหลงั เรียน
5. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค/์ 3D

หนว่ ยการสอนที่ 2 สอนคร้งั ที่ 3 คาบท่ี 9 - 12 คาบรวม 4 คาบ 35
ชือ่ หน่วย ระบบนวิ แมติกส์เบือ้ งต้นและสัญลักษณ์

บนั ทกึ หลังสอน

1. ผลการสอน
 สอนได้ตามแผนการจดั การเรียนรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เน่อื งจาก.........................................................................

4. ผลการเรยี นของนกั เรยี น นกั ศึกษา
 จำนวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน .......................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ..............................
 จำนวนนักเรียนที่ไมผ่ ่านการประเมนิ ...................... คน คิดเป็นรอ้ ยละ ..............................
 อ่นื ๆ .........................................................................................................................................

3. ปญั หาและอปุ สรรค
 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
 มนี กั เรยี นทำใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทนั ตามกำหนดเวลา
 มนี กั เรยี นทไี่ ม่สนใจเรียน
 อืน่ ๆ .........................................................................................................................................

4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
 ควรนำแผนไปปรับปรงุ เรอ่ื ง ...................................................................................................
 แนวทางแกไ้ ขนกั เรยี นที่ไมผ่ า่ นการประเมิน ..............................................................................
 ไมม่ ีข้อเสนอแนะ

ลงชือ่ ........................................... ผูบ้ นั ทึก
(นายดำรงค์ พลเสน)

______________________________________________________________________________

บันทกึ หลังการสอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับน้ี ได้รบั การพิจารณาจากแผนกวิชาและฝ่าย
วิชาการ แลว้

ลงชื่อ ........................................... หวั หน้าแผนกวิชา
(ว่าที่ ร.ต.วัฒนา มีต้องปนั )

ลงชือ่ ........................................... รองผู้อำนวยการฝา่ ยวชิ าการ
(นายเทอดศักด์ิ แก้วคงคา)

36

แผนการสอน หน่วยท่ี 3

ชอ่ื วิชา งานนิวแมติกสแ์ ละไฮดรอลกิ ส์เบ้ืองต้น สอนครัง้ ท่ี 4-5
คาบรวม 20
ชื่อหน่วย งานควบคุมกระบอกสูบทางเดยี วและสองทาง จำนวนคาบ 8

ช่อื เรอื่ ง งานควบคมุ กระบอกสบู ทางเดยี วและสองทาง

หัวขอ้ เร่ืองและงาน
1. กระบอกสูบทางเดียว
2. กระบอกสบู สองทาง
3. กระบอกสูบสองทางชนดิ มีตวั กนั กระแทก
4. กระบอกสบู แบบโรตารี่
5. วาล์วบงั คบั ทิศทางแบบ 5/2

สาระสำคญั
กระบอกสูบทำงานสองทางเป็นอปุ กรณท์ ำงานในระบบนิวแมติกส์ โดยทำหนา้ ที่เปล่ียนพลังงานของ

ความดนั ลมให้เป็นพลังงานกล เพื่อขบั เคลอื่ นอุปกรณ์วัตถใุ ห้เคลอ่ื นท่ีไปได้

สมรรถนะผลการเรยี นทค่ี าดหวัง (บูรณาการหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง/3D)
1. มคี วามรตู้ ามจุดประสงค์
2. ให้ความร่วมมือในการจดั กิจกรรม
3. ตระหนักในความสำคัญของพระบรมราโชวาทเรอ่ื งเศรษฐกิจพอเพียง/3D
4. นกั เรียนมีความรับผดิ ชอบ มีวนิ ยั และความคิดสรา้ งสรรค์

จุดประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม จรรยาบรรณวิชาชพี )
เง่ือนไขความรู้

1. เพอ่ื ใหม้ ีความรู้และหลกั การเบ้อื งตน้ ของชุดปรบั ปรงุ คุณภาพลมอัดของระบบนวิ แมติกสไ์ ด้
2. สามารถบอกหนา้ ทแี่ ละส่วนประกอบของชุดปรับปรงุ คณุ ภาพลมอัดได้
3. สามารถจำแนกประเภทของเครือ่ งอดั ลมและหน้าท่ขี องถงั เก็บลมได้

4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถ
สงั เกตเห็นได้ ในดา้ นความมีมนษุ ยสมั พันธ์ ความมวี ินัย ความรบั ผิดชอบ ความเช่ือมัน่ ในตนเอง ความสนใจ
ใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที และการปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง สำเรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด มเี หตุ
และผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

37

ความพอเพียง (ความพอประมาณ ความมเี หตุผล มีภมู ิคมุ้ กัน)
1. นกั เรียนสามารถแกไ้ ขปญั หาเบอ้ื งต้นของประเภทของเครือ่ งอดั ลมและหน้าท่ขี องถงั เก็บลมได้

ถกู ตอ้ งเหมาะสมตามสถานการณ์ทก่ี ำหนดให้ไดอ้ ย่างถูกต้องโดยทำให้ดีทีส่ ุด
2. นกั เรยี นร้จู ักการนำเอาสมดุ เก่าที่เหลือจากเทอมที่ผ่านมา นำมาจดโดยไม่ต้องเสยี เงินซอื้ ใหม่

เง่อื นไขจริยธรรม/คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ 3D
1. มกี ารพัฒนาในเรื่องความรบั ผดิ ชอบต่องานทีท่ ำ ตรงตอ่ เวลา มรี ะเบียบวินัย มีความซือ่ สัตย์ต่อ

ตนเองและผู้อน่ื ตลอดจนมีทัศนคตทิ ดี่ ีตอ่ วิชาท่ีเรียน
2. นกั เรยี นแสดงความคดิ เห็นไดอ้ ย่างมเี หตผุ ลตามระบอบประชาธปิ ไตย

สรา้ งสังคมไมท่ นต่อการทุจรติ
1. ปลูกฝังจิตสำนกึ ในการแยกแยะประโยชน์สว่ นตนและประโยชน์ส่วนรวม ความอายทจี่ ะกระทำการ

ทุจรติ ความไม่ทนตอ่ การทุจรติ จิตพอเพียงต้านทุจริต และความเปน็ พลเมืองทีร่ ับผิดชอบต่อปญั หาการทุจริต
ของประเทศ

38

แผนการสอน หน่วยท่ี 3

ช่อื วิชา งานนวิ แมตกิ สแ์ ละไฮดรอลิกสเ์ บ้อื งต้น สอนครัง้ ที่ 4-5
ช่ือหน่วย งานควบคุมกระบอกสูบทางเดยี วและสองทาง คาบรวม 20
ชื่อเร่ืองหรอื ชือ่ งาน งานควบคมุ กระบอกสูบทางเดียวและสองทาง จำนวนคาบ 8

งานควบคมุ กระบอกสูบทางเดยี วและสองทาง

วงจรนวิ แมติกสค์ วบคุมกระบอกสูบแบบพน้ื ฐาน

ในการออกแบบวงจรนวิ แมตกิ สค์ วบคมุ กระบอกสบู (Pneumatic Control circuit) นน้ั จะแสดง
เฉพาะสถานะปกติ แต่ผูป้ ฏบิ ัตจิ ะต้องมคี วามเขา้ ใจถงึ สถานะทำงานของอุปกรณ์ ดงั รูปท่ี 3.1

ก. สถานะปกติ Normal Status (พร้อมทำงาน)
หมายถงึ สถานะทตี่ ำแหนง่ ของก้านสูบและล้ินวาล์วควบคมุ อยู่ในตำแหนง่ ตามท่ีกำหนดไวใ้ น
วงจรนิวแมตกิ สค์ วบคมุ และพร้อมทำงานดงั รูป 3.1 (ก) ในการออกแบบวงจรนิวแมตกิ ส์ควบคมุ จะวาด

สญั ลักษณ์ของท่อลมทตี่ อ่ กับอปุ กรณ์ควบคมุ กับวาล์วในสถานะปกติ ในทางปฏิบัติเมื่อระบบทำงานเสรจ็ สิ้น
ข้ันตอนแลว้ ตำแหน่งของกา้ นสูบและลิ้นวาล์วควบคมุ ทุกตวั จะต้องกลับมายงั สถานะปกติ เพอ่ื รอการส่ังงาน

ตอ่ ไป
ข. สถานะทำงาน Working Status (ขณะทำงาน)
หมายถึง สถานะท่ตี ำแหนง่ ของก้านสบู และลิ้นวาลว์ ควบคมุ ถูกส่งั งานตามเงอ่ื นไขทีก่ ำหนดในการ

ออกแบบใหเ้ กิดการเคล่อื นที่ หรอื ในขณะท่ีระบบกำลังทำงานดงั รูป 3.1 (ข) ในทางปฏิบัติจะไม่มีการเขยี น
วงจรนิวแมตกิ สใ์ นสถานะทำงาน เพ่อื อธิบายการทำงาน แตจ่ ะเขยี นเฉพาะสถานะปกติเทา่ น้นั ฉะน้ันผู้ทำงาน

จะต้องทราบลักษณะการทำงานของสถานะทำงานเอง
(ก) สถานะปกติ (ข) สถานะทำงาน

AA

PR PR

. .

(ก) สถานะปกติ (ข) สถานะทำงาน

รปู ท่ี 3.1 แสดงเปรยี บเทียบสถานะปกตแิ ละสถานะทำงาน

39

ในการออกแบบวงจรนวิ แมตกิ สค์ วบคมุ กระบอกสบู แบง่ ได้ 2 ลกั ษณะดงั แสดงในรูปท่ี 3.2 ไดแ้ ก่ การ
ควบคมุ ทางตรง และการควบคมุ ทางออ้ ม การเลือกใช้งานน้นั ขน้ึ กับความซับซ้อนและคา่ ใชจ้ ่ายในการสรา้ งและ
ปฏิบัตงิ าน

- การควบคุมทางตรง (Direct Control)
นิยมใชก้ รณที ี่ระบบทำงานมีจำนวนอปุ กรณ์ท่ีควบคุมไม่มากและไมม่ กี ารทำงานทซ่ี ับซอ้ น แสดง
ตวั อย่างดังรูปที่ 3.2 (ก) เปน็ การสง่ั งานวาล์วควบคมุ ทศิ ทางของกระบอกสูบโดยตรง
- การควบคุมทางออ้ ม (Indirect Control)
ในกรณที ี่ระบบทำงานมเี ง่อื นไขในการทำงานซบั ซอ้ นและมอี ปุ กรณจ์ ำนวนมาก หรอื เพอ่ื สร้างความ
ปลอดภัยของผู้ใชง้ าน ตัวอย่างเชน่ การปอ้ งกันอันตรายในการทำงานโดยกำหนดใหผ้ ้ปู ฏิบัตติ อ้ งกดป่มุ สัง่ งาน
ดว้ ยมือทงั้ สองข้าง เป็น ในการควบคมุ วาลว์ ควบคมุ ทิศทางของกระบอกสูบน้นั จะมาจากวงจรท่มี กี ารตรวจสอบ
เง่อื นการสัง่ งานดว้ ยวาล์วชนิดต่าง ๆ ดงั แสดงในรูปที่ 3.2 (ข) นอกจากนัน้ ในกรณีท่ีกระบอกสูบตอ้ งการใชล้ มอดั
ปรมิ าณมาก นยิ มแยกแหล่งจา่ ยลมอัดให้กับอปุ กรณก์ ำลงั และวงจรของวาล์วควบคุมกระบอกสบู ออกจาก เพื่อ
ปกป้องกนั ลมอดั ท่จี า่ ยใหว้ าลว์ ควบคมุ ต่ำเกินไป ซึ่งอาจเกดิ การทำงานผิดปกตไิ ด้ รวมทง้ั การกำลังทำงานของ
กระบอกสบู จะคงท่ี

(ก) วงจรควบคุมทางตรง (ข) วงจรควบคุมทางอ้อม

รปู ท่ี 3.2 แสดงเปรยี บเทยี บวงจรควบคุมทางตรงและทางออ้ ม

ความแตกตา่ งระหว่างกระบอกสูบทางเดยี วและสองทางในการใชง้ าน คอื ถ้าไม่มลี มอัดจ่ายใหก้ บั ระบบ
และกระบอกสบู แลว้ กระบอกสบู สองทางจะค้างอยทู่ ต่ี ำแหน่งสุดท้ายท่หี ยุดเสมอ แต่สามารถเคลื่อนท่ถี า้ ถกู กระ
ทำงานจากแรงภายนอก เชน่ ใชม้ อื ดึง หรือถูกน้ำหนกั ของอุปกรณ์ท่ยี ดึ กับกา้ นสบู กระทำ ในขณะทกี่ ระบอกสบู
ทางเดยี วเคล่ือนท่กี ลบั มายังสถานะปกตดิ ้วยแรงสปรงิ ภายในเสมอ

40
3.2 การควบคุมกระบอกสบู ทางเดยี ว (Single Double Action Cylinder)

3.2.1 การควบคุมกระบอกสูบทางเดยี ว (Single Double Action Cylinder)
ในการออกแบบวงจรนวิ แมตกิ ส์ควบคมุ กระบอกสูบทางเดียวนน้ั จะตอ้ งใชว้ าล์วควบคุมทิศทาง

3/2 หนง่ึ ตัวจบั คูก่ ับกระบอกสูบทางเดยี วเสมอ เพื่อควบคมุ การจ่ายลมอัดและการระบายลมอดั ออกจากกระบอก
สบู ดงั แสดงในตารางที่ 3.1

ตารางที่ 3.1 แสดงการควบคมุ กระบอกสบู ทางเดียวด้วยวาลว์ ควบคมุ ทิศทาง 3/2

3.2.2 การควบคุมกระบอกสบู สองทาง Double Action Cylinder
ในการออกแบบวงจรนิวแมตกิ สค์ วบคุมกระบอกสูบสองทางน้นั จะตอ้ งใช้คู่กบั วาล์วควบคุมทิศทาง 4/2
หรอื 5/2 หนึ่งตัวจับคกู่ บั กระบอกสูบสองทางเสมอ เพอื่ ควบคุมทิศทางการจ่ายลมอัดเข้าและระบายลมออกจาก
กระบอกสูบดังแสดงในตารางที่ 3.2 ในปัจจุบนั วาล์ว 3/2 ไม่นิยมใช้กันแล้ว

41
ตารางที่ 3.2 แสดงการควบคุมลูกสูบสองทางด้วยวาล์วควบคุมทศิ ทาง 4/2 และ 5/2

3.2.3 การควบคุมกระบอกสบู สองแบบหยดุ ค้าง ณ ตำแหน่งกงึ่ กลาง
ในการออกแบบการทำงานของกระบอกสบู สอง โดยปกติจะกำหนดตำแหนง่ ทำงานทกี่ า้ นสูบออกสดุ
และก้านสบู เขา้ สดุ ถา้ ตอ้ งการสง่ั ใหก้ ้านสูบหยุดอย่รู ะหว่างกระบอกสบู สามารถใชว้ าล์วควบคุมทิศทาง 5/3 ใน
การควบคมุ ดงั แสดงในรูปท่ี 3.3 ณ ตำแหนง่ ปกตลิ มอัดภายในกระบอกสูบจะถกู กกั ไมใ่ หร้ ะบายออกส่งผลให้ก้าน
สบู หยดุ นิง่ แตค่ วามถูกตอ้ งของตำแหนง่ ทหี่ ยุดจะไมแ่ ม่นยำ่ ถา้ ต้องการความถูกต้องจะต้องใช้อุปกรณล์ ็อค
ตำแหนง่ กา้ นสบู ชว่ ย

รปู ที่ 3.3 การควบคุมกระบอกสบู สองทางดว้ ยวาล์ว 4/3 ท่หี ยดุ คา้ ง ณ ตำแหน่งกึ่งกลาง

42

3.3 การควบคุมความเร็วในการเคลื่อนท่ขี องกา้ นสบู
หลกั การควบคุมความเรว็ ในการเคลื่อนที่ของกา้ นสบู ทำได้ 2 วธิ ี คอื การควบคุมอัตราลมอดั ท่ีจา่ ยใหก้ บั

กระบอกสูบ และการควบคมุ อัตราลมระบายออกจากกระบอกสบู โดยการติดอปุ กรณค์ วบคุมอตั ราการไหลของ

ลมอดั ก่อนเข้าหรือออกจากกระบอกสูบดังทก่ี ล่าวต่อไป
3.3.1 อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นการควบคุมความเรว็

อปุ กรณ์ที่ใช้ในการควบคมุ ความเร็วในการเคลือ่ นทข่ี องกา้ นสูบ ไดแ้ ก่
วาลว์ ชนดิ ลมไหลทางเดียว (Non-return valves)
วาลว์ กนั กลบั (Check valve) วาล์วชนิดนี้จะยอมให้ลมไหลผ่านได้ทิศทางเดยี วเท่าน้ัน โดยลมจะ

ย้อนกลับทางเดิมไมไ่ ด้ จากรูปที่ 3.4 แสดงสญั ลักษณ์วาล์วกนั กลบั ที่ยอมให้ลมอดั ไหลผ่านได้ในทิศทางจาก
ซ้ายไปขวาเท่านั้นและมที ศิ ทางตรงข้ามกบั เครอ่ื งหมาย “<” ดังรูปที่ 3.5

แบบไม่มสี ปริงภายใน แบบมสี ปริงดนั ภายใน

รปู ที่ 3.4 แสดงสญั ลักษณ์และการทำงานภายในวาลว์ กนั กลบั แบบมีสปรงิ ภายใน

(ก) ไหลข้ึนผา่ นไดส้ องทาง (ข) ไหลลงผ่านไดท้ างเดยี ว

รูปท่ี 3.5 แสดงทศิ ทางการไหลเม่ือใช้วาล์วกนั กลับในทิศทางขนึ้ และลง

43

รูปที่ 3.6 แสดงตวั อยา่ งการใช้งานวาล์วกันกลบั เพือ่ หลีกเลยี่ งการสอดแทรกซึง่ กนั และกัน
วาลว์ ปรบั อตั ราการไหล (Flow control valves or Restrictor check valves)

เปน็ อุปกรณ์ทีภ่ ายในมีชุดเกลยี วในการเพิ่มหรอื ลดพ้นื ท่ีของช่องทางลมผา่ น เพ่อื เพิ่มหรือลดอัตราการ
ไหลผา่ นของลม มกั ใช้ร่วมกับวาล์วกนั กลับ เพอ่ื ควบคมุ อตั ราการไหลทิศทางเดยี ว โดยมีสญั ลกั ษณ์และโครงสรา้ ง
ภายในดังรูปที่ 4.7

รูปที่ 3.7 แสดงสัญญาณลักษณ์และการทำงานภายในของวาลว์ ปรับอตั ราการไหล
ในการเลือกใชง้ านวาล์วปรบั อตั ราการไหลนน้ั มหี ลายขนาด อาจจะเปน็ วาลว์ ดงั รปู ที่ 3.7 โดยเวลาใชง้ าน
ต้องตอ่ กบั ทอ่ ลมผ่าน แต่ที่นิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมมรี ูปแบบดงั รูป 3.8 คอื มีขนาดเล็กและตดิ ตั้งทีช่ ่องต่อลม
ของกระบอกสบู โดยตรง สามารถปรบั อัตราการไหลดว้ ยเกลยี วหมุน และจากรปู ที่ 3.9 เปน็ วาล์วปรับอัตราการ
ไหลที่ทำงานเมื่อกลไกถกู กดเทา่ น้ัน

รูปที่ 3.8 แสดงวาล์วปรบั อัตราการไหลแบบตดิ ตง้ั ทก่ี ระบอกสูบ

44

รปู ท่ี 3.8 ตอ่ แสดงวาลว์ ปรบั อตั ราการไหลแบบควบคุมด้วยกลไก
วาล์วคายไอเสยี เรว็ (Quick-exhaust valves)

เปน็ อปุ กรณ์ท่ชี ่วยให้การระบายลมอัดจากกระบอกสูบออกจากลกู สูบสู่บรรยากาศไดร้ วดเร็วและลดเสยี ง
ที่เกดิ จากการระบายลม ซึ่งส่งผลให้ความเรว็ ของก้านสบู เปล่ยี นไป ดงั แสดงในรูปท่ี 3.9 ลมอดั สามารถผา่ นจาก
1 ไป 2 โดยอิสระ แตจ่ าก 2 ไป 3 ลมระบายจะผา่ นลวงผงึ เพื่อลดความดงั ของเสียงลงและเปน็ ผลใหเ้ กดิ การหร่ี
ลมระบาย ทำให้เกดิ การเคลื่อนที่ชา้ ลงดังแสดงการใช้งานรปู ที่ 3.10

รูปท่ี 3.9 แสดงสญั ลักษณแ์ ละโครงสร้างภายในวาล์วคายไอเสียเร็ว

รูปที่ 3.10 การใช้วาลว์ คายไอเสยี เรว็ ในเพมิ่ ความเรว็ ก้านสบู ในการเคลอื่ นทีก่ ลับ

45

46

3.3.2 การออกแบบวงจรนวิ แมตกิ สค์ วบคุมความเร็วกา้ นสบู
กา้ นสบู จะเกดิ การเคลื่อนทก่ี ต็ อ่ เมื่อมกี ารจ่ายลมอัดให้แกก่ ระบอกสบู จนความดันภายในกระบอกสูบมี
คา่ มากกวา่ แรงต้านทานการเคลอ่ื นทภี่ ายในของกระบอกสบู กา้ นสบู จะเคลื่อนดว้ ยความเรว็ ที่แปรผนั ตรงกับ
ผลต่างของความดนั ภายในกระบอกสูบดา้ นจ่ายเข้าและด้านระบายออก การควบคมุ อัตราความเรว็ ในการ
เคลือ่ นทข่ี องก้านสูบดว้ ยวาลว์ ปรบั อตั ราการไหลนั้นทำได้สองวิธี คอื การควบคมุ อตั ราการจ่ายลมอดั ใหก้ ับ
กระบอกสบู และการควบคมุ อัตราลมระบายออกจากกระบอกสูบ ในการเลอื กใชง้ านวิธใี ดนนั้ พิจารณาจากปัจจยั
เร่ืองกำลังในการทำงานเปน็ หลกั ถ้าตอ้ งการกำลังที่มากและคงท่ี ควรเลือกใช้การควบอตั ราลมระบายออกจาก
กระบอกสูบ แตถ่ ้าใช้ในการควบคุมความเร็วในการเคลอ่ื นท่ีท่วั ไป สามารถเลือกใชง้ านการควบคมุ แบบใดก็ได้

ก. การควบคุมอัตราการจา่ ยลมอัดใหก้ ระบอกสูบ
จากรูปท่ี 3.11 (ก) อัตราการจ่ายลมอดั ให้กระบอกสบู ถูกควบคุมให้มีคา่ นอ้ ย ๆ ดังนั้นในช่วงเรมิ่ ต้น
ความดันภายในกระบอกสบู มีคา่ นอ้ ยกวา่ แรงตา้ นทานการเคลื่อนท่ภี ายในกระบอกสบู ก้านสบู ยังคงหยดุ นง่ิ อยู่
เมื่อเวลาผ่านไปความดันภายในกระบอกสูบมีการสะสมจนชนะแรงต้านทานการเคลอ่ื นท่แี ลว้ กา้ นสูบจะเคลอื่ นท่ี
ได้ระยะหน่งึ แลว้ หยดุ เน่อื งจากความดันภายในกระบอกสูบลดลงจากการท่ปี รมิ าตรในกระบอกสูบเพิม่ ขนึ้ เม่อื
เวลาผ่านไปอีกระยะหนงึ่ ก้านสูบกเ็ คล่อื นทีอ่ ีกคร้งั เปน็ อยา่ งนไี้ ปจนกวา่ ก้านสบู เคล่อื นที่จนสดุ ระยะชัก ซง่ึ จะ
สังเกตเหน็ การเคล่ือนท่ีแบบกระตกุ ไม่ตอ่ เนอื่ ง
จากรูปที่ 3.11 (ข) ในจังหวะควบคมุ ให้กระบอกสูบเคลื่อนทเี่ ข้านั้นลมอดั ที่จ่ายใหก้ ระบอกสูบถูกบังคบั
ใหผ้ ่านจากหมายเลข 2 ไปยัง 1 แต่ไม่สามารถผา่ นจากหมายเลข 3 ไปยัง 1 ไดท้ ำให้อตั ราการไหลลมอัดที่จ่ายให้
กระบอกสูบมคี า่ ลดลง และในทางตรงกนั ข้ามลมระบายออกสามารถไหลผ่านจากหมายเลข 4 ไปยังเลข 6 และ
ออกส่บู รรยากาศไดโ้ ดยสะดวก

(ก) วงจรการควบคุมอัตราลมไหลเขา้ (ข) แสดงทศิ ทางการไหลของลมจา่ ย

รูปท่ี 3.11 การประยกุ ต์ใช้วาล์วปรับอตั ราการไหลในการควบคมุ ความเร็วในการทำงานของลูกสบู

ข. การควบคุมอตั ราลมระบายออกจากกระบอกสูบ
ในการควบคมุ อัตราลมระบายออกจากกระบอกสูบนนั้ จะแตกตา่ งจากการควบคมุ อตั ราการจ่ายลมอัดให้

กระบอกสูบ คือ ลมอดั ท่ีจา่ ยให้แกก่ ระบอกสูบจะมคี ่าปกติ ทำให้ความดันภายในกระบอกสบู มีค่ามากกว่าแรง
ต้านทานในการเคล่อื นที่ตลอดเวลา แตก่ ารเคลื่อนท่ถี ูกหน่วงให้ชา้ ลงเนอื่ งจากแรงตา้ นของความดนั ลมทส่ี ะสมใน

ฝา่ ยตรงข้าม เนื่องมาจากทไ่ี มส่ ามารถระบายออกไดอ้ ยา่ งปกติ กา้ นสบู จะมีการเคลอ่ื นท่ีแบบต่อเน่อื ง ไมก่ ระตุก
และใหก้ ำลงั ในการทำงานคงที่ แสดงดังรปู ท่ี 3.12

47

(ก) วงจรการควบคมุ อัตราลมระบายออก ข) แสดงทิศทางการไหลของลมระบาย
รูปที่ 3.12 การประยกุ ตใ์ ช้วาลว์ ปรบั อตั ราการไหลในการควบคมุ ความเรว็ ในการทำงานของลูกสบู
จากรูปที่ 3.12 (ข) จะเห็นวา่ ลมอัดทจี่ ่ายให้กระบอกสบู จะไหลผ่านจากหมายเลข 3 ไปยงั 1ได้
โดยสะดวกทำให้ความดันภายในกระบอกสูบมีค่ามากกว่าแรงต้านทานการเคลอื่ นท่เี สมอ แต่ไมส่ ามารถเคลื่อนที่
ไดอ้ ยา่ งปกติ เนือ่ งการระบายลมอัดออกจากกระบอกสูบไมส่ ามารถผา่ นเสน้ ทางหมายเลข 4 ไปยัง 6 ทำให้การ
ลมระบายผา่ นหมายเลข 4 ไปยงั 5 ส่งผลให้อัตราการไหลของลมระบบมีค่าลดลง และเกิดการสะสมความดันใน
ด้านระบายลมออก ฉะน้ันความเรว็ ในการเคลอื่ นทีน่ ้จี ะแปรผันตรงกับผลตา่ งของความดันสะสมภายในกระบอก
สูบระหว่างดา้ นจา่ ยลมอดั เขา้ และดา้ นระบายลมออก
3.4 การสร้างเงื่อนไขในการควบคุมดว้ ยวาลว์ And และ Or
การควบคุมการทำงานท่มี ีเงอื่ นไข มักพบในการควบคมุ การทำงานแบบตอ่ เนอ่ื ง และเพอ่ื การป้องกัน
ความอบุ ตั เิ หตุ เช่น เครอ่ื งตดั ท่ีบังคบั ให้ผู้ปฏิบตั ิงานกดปุ่มสองปุ่มพรอ้ มกนั ในการสงั่ งาน หรอื เครอื่ งจกั รท่ี
สามารถบงั คับควบคุมดว้ ยการกดปุ่มหรอื แป้นเหยียบอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เปน็ ตน้ โดยมีอปุ กรณท์ ี่ใช้ในการสร้าง
เงือ่ นไขการทำงานดังน้ี
วาล์วกนั กลับสองทาง (Shuttle valves) (Or Gate )
เปน็ วาล์วทมี ีลกั ษณะการทำงานแบบทางแยกสองทาง (P1-A และ P2-A) ดังแสดงในรูท่ี 3.13 โดยยอม
ใหล้ มไหลผา่ นไดท้ ศิ ทางเดยี วเท่านน้ั ในจังหวะทมี่ ลี มอดั จา่ ยให้กบั ชอ่ งตอ่ ท่อลม P1 และ P2 พรอ้ มกันไม่มลี ม
ไหลผา่ นช่องตอ่ ทอ่ ลม A แสดงผลลัพธ์ดังตารางท่ี 3.3 และแสดงตัวอย่างดงั รูปที่ 3.14

รปู ที่ 3.13 แสดงหลักการทำงานของวาล์วกนั กลับสองทาง

48
ตารางท่ี 3.3 แสดงผลลัพธก์ ารทำงานและสัญลักษณข์ องวาล์วกนั กลับสองทาง

รปู ท่ี 3.14 การใชว้ าลว์ กันกลบั สองทาง (เมอื่ กดหรือเหยียบปมุ่ อยา่ งหนงึ่ กระบอกสูบเคลื่อนทอี่ อก)
วาล์วลมคู่ (Twin – Pressure valve) (And Gate)
เป็นวาล์วทมี่ ลี กั ษณะทางแยกสองทาง แต่มกี ารทำงานตรงกนั ข้ามกบั วาลว์ กันกลบั สองทางคอื จากมลี ม

อัดไหลผา่ นชอ่ งตอ่ ลม A กต็ อ่ เม่ือมีการจ่ายลมอดั ทช่ี อ่ งต่อลม P1 และ P2 พร้อมกนั เทา่ นน้ั ถา้ มีลมอัดไหลผ่าน
เฉพาะข้างใดข้างหนึ่งจะไมม่ ลี มอัดไหลผา่ นชอ่ งตอ่ ลม A ดงั รูป 3.15 แสดงผลลัพธด์ งั ตารางท่ี 3.4 และแสดง
ตัวอย่างการใชง้ านดงั รปู ที่ 3.16

รปู ท่ี 3.15 แสดงหลกั การทำงานของวาล์วลมคู่

49

ตารางท่ี 3.4 แสดงผลลทั ธ์ของการทำงานและสัญลกั ษณ์ของวาลว์ ลมคู่

รปู ที่ 3.16 ตวั อยา่ งการใชง้ านวาล์วลมคู่ เมอื่ กดปุ่ม 1.1 และ 1.2 พร้อมกนั กระบอกสูบเคลอ่ื นทอ่ี อก

ในการออกแบบการควบคมุ ทซี่ ับซอ้ นนนั้ เกดิ จากการใช้งานวาล์วท้ังสองชนดิ ทกี่ ล่าวมาแล้วมาทำงาน
รว่ มกัน เพื่อสร้างเงอื่ นไขในการทำงาน ในการออกแบบระบบทำงานจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของ
ผู้ปฏิบัตงิ านเปน็ อันดับแรก ยกตัวอย่างเช่น จากรปู ที่ 3.17 จะสงั เกตเหน็ ว่าในการส่งั ใหก้ ้านสบู เคลื่อนทีอ่ อกนั้น
จำเป็นตอ้ งกดปมุ่ 1.1 และ 1.2 พร้อมกนั มคี วามหมายว่า ผปู้ ฏบิ ัติงานต้องใชม้ ือทงั้ สองขา้ งในการกดปุ่มพรอ้ ม
กนั เพือ่ ป้องกนั มอื ท่ีอาจเกดิ อนั ตรายในขณะปฏบิ ัติงานและยนื ยนั ความพร้อมในการส่ังงาน แตเ่ มือ่ ตอ้ งการ
ส่ังงานให้กระบอกสบู เคล่ือนทกี่ ลับสามารถกดปุ่ม 1.3 หรือ 1.4 กไ็ ด้ เนื่องจากเป็นขัน้ ตอนทไี่ ม่มอี นั ตรายต่อ
ผู้ปฏบิ ตั ิงาน

50

รูปที่ 3.17 ตวั อย่างการใชง้ าน OR Gate และ AND Gate ผสมกนั
ในกรณที ่ีนกั ศกึ ษาออกแบบเครอ่ื งจักรเฉพาะงาน เชน่ เครอ่ื งจกั รอตั โนมตั ิท่ที ำงานร่วมคนจำเป็นตอ้ งมี
การออกแบบวงจรคุมสำหรับการป้องกนั อันตรายทอ่ี าจเกิดกับผ้ปู ฏิบัตงิ าน ตวั อย่างเชน่ การสญู เสยี อวยั วะต่าง ๆ
ของรา่ งกาย โดยการออกแบบวงจรควบคุมท่ีบังคบั ใหผ้ ปู้ ฏิบัติงานต้องกดป่มุ ดว้ ยมอื ทง้ั สองขา้ งดังตัวอย่างรูปที่
3.17 หรือ อาจให้ใช้เทา้ เหยียบปมุ่ พร้อมกับมอื กดปุ่มเป็นต้น


Click to View FlipBook Version