มหกรรมวิชาการ
เขตสขุ ภาพท่ี 12
ปี 2563
ผลงานวิชาการ
ประเภท
CQI - Clinic
ผลงานประเภท CQI – Clinic
(กลมุ่ รพ.สต.- ศสม.)
รายละเอยี ดการนาเสนอผลงานสานกั งานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา
1. แบบฟอร์มบทคัดยอ่ ผลงาน
ประเภท Oral presentation
1. [ ] เรือ่ งเล่า 2. [ / ] CQI (Clinic) 3.[ ] CQI (Non-Clinic)
4. [ ] R2R 5. [ ] วจิ ยั ฉบบั สมบรู ณ์
ประเภท Poster presentation
1. [ ] นวัตกรรม/สิ่งประดิษฐ์ 2. [ ] CQI (Clinic) 3.[ ] CQI (Non-Clinic)
4. [ ] R2R 5. [ ] วิจัยฉบับสมบรู ณ์
ประเภท นาเสนอ แสดงภาพถ่าย
1. [ ] ในชมุ ชน 2. [ ] ในสถานบรกิ าร
ประเภท นาเสนอ ฉายภาพยนต์
1. [ ] หนงั สั้น
ประเภท หนว่ ยงาน
1. [ / ] รพ.สต./ ศสม. 2. [ ] รพช. 3.[ ] รพท./รพศ. 4. [ ] สสอ./สสจ.
ผลงานในสาขา
1. [ ] แพทย์ 2. [ ] ทนั ตแพทย์ 3. [ ] เภสชั กรรม
4. [ / ] พยาบาล 5. [ ] คุม้ ครองผู้บรโิ ภค 6. [ ] วิทยาศาสตร์การแพทย์
7. [ ] การส่งเสรมิ สุขภาพและอนามัยสง่ิ แวดลอ้ ม
8. [ ] บรหิ ารสาธารณสุข / นโยบายสาธารณสขุ / สาธารณสขุ ทวั่ ไป
9. [ ] การแพทย์แผนไทย / การแพทย์ทางเลอื ก
10. [ ] ป้องกนั และควบคมุ โรค
11. [ ] อ่นื ๆ
การเสนอผลงาน
1. [ / ] ไมเ่ คยนาเสนอ เผยแพร่มากอ่ น 2.[ ] เคยเผยแพร่ (พัฒนาตอ่ ยอด)
ชื่อเรอื่ ง การป้องกนั ภาวะซีดซ้าในไตรมาสสองของหญิงต้งั ครรภใ์ นเขตรบั ผิดชอบของโรงพยาบาล
ส่งเสริมสขุ ภาพตาบลพรชุ ิง อาเภอเทพา จงั หวดั สงขลา
ผนู้ าเสนอ นางสาวอาตีกะฮ์ ขะมมิ ะ ตาแหน่ง พยาบาลวชิ าชพี ชานาญการ
หนว่ ยงาน รพ.สต.พรุชงิ อาเภอ เทพา จงั หวัด สงขลา
มอื ถือ 081-3684009 E-mail thdc.pruching @gmail.com
บทนา
ภาวะโลหิตจางขณะต้ังครรภ์เป็นปัญหาสาคัญทางสาธารณสุขทั่วโลกรวมท้ังประเทศไทย จากการ
สารวจสถิติภาวะโลหิตจางหญิงต้ังครรภ์ในประเทศกาลังพัฒนาปี ค.ศ.2009 พบร้อยละ 56.40 และประเทศที่
พัฒนาแล้วพบร้อยละ 11.84 (Encyclopedia of the Nation,2009) สถติ ิของกรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข
ปีพ.ศ.2554 พบหญิงตั้งครรภ์ท้ังประเทศมีภาวะโลหิตจางร้อยละ 19.67 (โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว
,2554)และจากสถิตขิ องจงั หวัดปตั ตานี ยะลา สงขลาและนราธิวาส พบหญิงต้งั ครรภ์ทมี่ ีภาวะโลหิตจางมีแนวโน้ม
เพมิ่ ขึ้นโดยปี พ.ศ.2559 พบสถติ แิ ต่ละจงั หวดั รอ้ ยละ 31.58,20.20,15.52 และ 33.19 ตามลาดบั ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์
ทก่ี ระทรวงสาธารณสุขกาหนด คอื เกินร้อยละ 10 ของหญงิ ตง้ั ครรภท์ ่มี ารับบรกิ ารฝากครรภ์ทั้งหมด จากผล
การสารวจข้อมลู หญิงต้งั ครรภ์ของ รพ.สต.พรุชิง พบวา่ หญงิ ต้ังครรภ์ท่ีมาฝากครรภ์ปีงบประมาณ 2561 ทงั้ หมด
95 ราย ฝากครรภก์ ่อน 12 สัปดาห์ รอ้ ยละ 87.87 ฝากครรภ์ครบ 5 คร้ังตามเกณฑ์ ร้อยละ 84.84 มีภาวะโลหิต
จาง ร้อยละ 15.78 ซึ่งมีมากท่ีสุดในอาเภอเทพา สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาภาวะโลหิตจางในหญิงต้ังครรภ์เป็น
ปัญหาทางสาธารณสุขท่สี าคัญของพื้นที่ที่จะต้องได้รับการแกไ้ ขอย่างเร่งด่วนเพ่ือปอ้ งกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน
ต่อมารดาและทารกในครรภ์
ภาวะโลหติ จางในหญิงต้งั ครรภ์เกดิ จากหลายสาเหตุ ได้แก่ 1.ขาดธาตเุ หล็กซึ่งมีสาเหตจุ ากมีปรมิ าณ
ธาตุเหล็กก่อนการตั้งครรภ์ต่า มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมทาให้ร่างกายได้รบั ธาตุเหล็กไม่
เพียงพอ และการขาดปัจจยั ในการสรา้ งเมด็ เลือด (อนุ่ ใจ และอานภุ าพ,2549; อษุ า, บุญแสง, ประวทิ ย์ และภาวนิ ี,
2550) 2.การเปลี่ยนแปลงทางสรรี วิทยาซ่งึ เป็นการเพม่ิ ปรมิ าตรพลาสมามากกวา่ เมด็ เลือดแดง (อุน่ ใจและอานุภาพ)
3.โรคเลือด ได้แก่ โรคธาลัสซีเมียหรือฮีโมโกลบินผดิ ปกติและ 4. การเสียเลือดแบบเฉียบพลันและเรื้อรงั ท่ีพบบ่อย
ได้แก่พยาธิปากขอ การเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (รายิน, ชยันตธ์ธร และชไมพร 2552; อุ่นใจและอานุภาพ:
อษุ าและคณะ) ซงึ่ สาเหตุท่พี บบ่อยในหญิงต้ังครรภ์ คือ ภาวะโลหติ จางจากการขาดธาตุเหล็ก (อษุ า และคณะ; อุ่น
ใจ และอานุภาพ) สอดคล้องกบั สาเหตกุ ารเกดิ ภาวะโลหติ จางของหญงิ ตงั้ ครรภ์ท่ีมารับบรกิ าร รพ.สต.พรุชงิ พบว่า
เกิดจากการขาดธาตุเหลก็ เน่ืองจากหญิงตั้งครรภไ์ ม่นิยมรับประทานยาบารงุ ครรภ์ ร้อยละ 66.66 เพราะมคี วาม
เชื่อว่าการรับประทานยาบารุงครรภ์ส่งผลให้ทารกตัวโต คลอดลาบากอาจต้องผ่าท้องคลอดได้ สาเหตุจากการ
รับประทานอาหารไมเ่ หมาะสมรอ้ ยละ 20 และจากโรคเลอื ดคือเป็นพาหะธาลัสซเี มยี ร้อยละ 13.33 ซง่ึ สาเหตุจาก
ความเชือ่ ดังกลา่ วเปน็ ปัจจยั พื้นฐานที่ส่งผลต่อวิถีชวี ติ และพฤตกิ รรมสุขภาพท่ีทาใหเ้ กิดภาวะซดี ซา้ ในหญิงตง้ั ครรภ์
โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตาบลพรุชงิ จงึ ได้พัฒนาการป้องกันภาวะซดี ซา้ ในไตรมาสสองของหญงิ ต้งั ครรภ์ในเขต
รบั ผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตาบลพรุชิง อาเภอเทพา จังหวัดสงขลา
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื พัฒนาการปอ้ งกันภาวะซดี ซ้าในไตรมาสสองของหญิงต้งั ครรภ์ในโรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตาบล
พรชุ งิ
2. เพ่ือให้หญิงต้ังครรภท์ ่ีมภี าวะซีดให้มพี ฤติกรรมการดูแลตนเองท่ีเหมาะสมและลดภาวะซีดซ้าในไตรมาสท่ี
สองของการตั้งครรภ์ได้
เปา้ หมาย
1. มกี ารพฒั นาการปอ้ งกนั ภาวะซีดซ้าในไตรมาสสองของหญงิ ต้งั ครรภใ์ นโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตาบล
พรุชิง
2. หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะซดี ให้มีพฤติกรรมการดแู ลตนเองทเ่ี หมาะสม รอ้ ยละ 80 และลดภาวะซีดซ้าในไตร
มาสทีส่ องของการตง้ั ครรภ์ได้ ไม่เกินรอ้ ยละ 50
วสั ดุและวธิ กี าร
การดาเนนิ งานครัง้ น้ี มีกจิ กรรมพัฒนางานอย่างตอ่ เน่อื ง โดยใช้กระบวนการ PDCA ดงั นี้
1. การดาเนินงานปี 2561 เป็นการให้ความรู้หญิงต้ังครรภ์ในเขตรับผิดชอบของ รพ.สต. เป็นรายกลุ่มตาม
สัปดาหท์ ี่มารับบริการทุกคน ผลการดาเนินงานยงั พบหญงิ ตง้ั ครรภท์ มี่ ีภาวะซีดจานวนมาก
2. ปี 2562 ส้ินปีงบประมาณ ปี 2561 มีการประชุมทบทวนผลการดาเนินงานที่ผา่ นมา และคนื ข้อมูลผล
การดาเนินงานปี 2561 ให้คณะทางานและภาคีเครือข่าย โดยใช้ขบวนการ AAR (After Action Review) ทีมเห็นว่า
การดาเนินกิจกรรมมีกิจกรรมน้อย ไม่มีการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาท่ีแท้จริง ไม่มีเครื่องมือในการวัดผล และ
ติดตามกลุ่มหญงิ ต้งั ครรภ์ทีม่ ีภาวะซีดไม่ตอ่ เนอ่ื ง จึงได้มีการพัฒนา ดังน้ี
- มกี ารวิเคราะห์ปญั หาการเกิดภาวะซีดครง้ั ท่ีสองในหญงิ ตงั้ ครรภ์ โดยพบว่า สาเหตกุ ารเกิดภาวะซีดของ
หญิงต้ังครรภ์ท่มี ารับบริการ รพ.สต.พรชุ ิง เกดิ จากการขาดธาตเุ หล็ก เน่ืองจากหญงิ ตั้งครรภ์ไมน่ ิยมรับประทานยา
บารุงครรภ์ รอ้ ยละ 66.66 เพราะมีความเชอ่ื วา่ การรบั ประทานยาบารงุ ครรภส์ ง่ ผลใหท้ ารกตวั โต คลอดลาบากอาจ
ต้องผ่าท้องคลอดได้ รองลงมา เกดิ จากการรับประทานอาหารไมเ่ หมาะสมรอ้ ยละ 20 และเกิดจากโรคเลอื ดคอื เปน็
พาหะธาลัสซีเมีย รอ้ ยละ 13.33
- สง่ บคุ ลากรใน รพ.สต. เขา้ อบรมพฒั นาศักยภาพทีมให้มคี วามรู้และทกั ษะในการใหค้ าปรกึ ษาและดแู ลหญิง
ตั้งครรภท์ มี่ ีภาวะซดี
- จัดทาโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาหญิงต้ังครรภ์ที่มีภาวะซีด โดยของบประมาณสนับสนุนจาก
กองทุนสขุ ภาพตาบลทา่ ม่วง
- มกี ารประชาสัมพันธ์กจิ กรรมในการประชุมระดบั ตาบลและหมูบ่ า้ น
- จัดอบรมให้ความรู้ อสม.และภาคีเครอื ข่ายในพื้นท่ี ในการดูแลกลมุ่ ตัง้ ครรภ์และการป้องกนั ภาวะซีดใน
หญิงต้งั ครรภ์
- ดาเนนิ กิจกรรมในหญงิ ต้งั ครรภ์ ดังนี้
ข้ันตอนที่ 1 การสร้างสิง่ แวดล้อม
1.1 สรา้ งสมั พนั ธภาพ
1.2 ประเมินความเช่ือในการดแู ลตนเองขณะตั้งครรภ์
1.3 กาหนดเปา้ หมายในการดูแลตนเอง
1.4 การทาสญั ญาใจรว่ มกนั
ขัน้ ตอนที่ 2 การใหค้ วามรู้หญิงตัง้ ครรภ์ และสามหี รือผ้ดู ูแล
2.1 ให้ความรู้แก่หญิงตั้งครรภ์เป็นรายบุคคลในเรื่องโรคโลหิตจางขณะต้ังครรภ์ ลักษณะเนื้อหา
ประกอบด้วย ความหมาย สาเหตุ อาการแสดง ผลกระทบตอ่ มารดาและทารกในครรภแ์ ละการดูแลตนเองเพ่อื ลด
ภาวะโลหติ จางขณะต้ังครรภ์ ลกั ษณะเนอ้ื หาประกอบดว้ ย การส่งเสรมิ การดแู ลตนเอง ด้านการรับประทานอาหาร
ท่ีมีธาตุเหล็กได้แก่ อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง อาหารที่ส่งเสริมการดูดซึมธาตเุ หล็ก อาหารท่ขี ัดขวางการดูดซึมธาตุ
เหล็ก การรับประทานอาหารท่ีไม่มีประโยชน์และการป้องกันการเกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร และด้านการ
ป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจางเพ่ิมขึ้น ได้แก่ การมารับการฝากครรภ์ตามนัด การสงั เกตอาการผิดปกติ และการ
ป้องกนั การเกิดพยาธิ และใหค้ วามรเู้ กี่ยวกบั การดแู ลตนเองเพอื่ ลดภาวะโลหติ จางขณะตงั้ ครรภ์
ขัน้ ตอนที่ 3 การชแ้ี นะ มกี ิจกรรม ดังน้ี
3.1 แนะนาการจัดรายการอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงในท้องถ่ิน และส่งเสริมการรับประทานผักและ
สมุนไพรที่มอี ยู่ในชุมชนในการชว่ ยเสริมปริมาณธาตเุ หลก็ ในร่างกาย เช่น ใบผักเขียว (ผักโขม ยอดตาลึง ผกั บุ้ง)
มะเขอื แวง้ ผักกูด ใบแมงลัก กระเพรา เปน็ ตน้ โดยให้หญิงตงั้ ครรภท์ ุกคนปลกู เพ่ือรับประทานที่บา้ น และการฝึก
เลอื กเครือ่ งดม่ื ที่เหมาะสม และเลอื กอาหารที่ชว่ ยส่งเสริมการดดู ซึมธาตเุ หลก็
ข้นั ตอนที่ 4 การสนับสนุนและการติดตาม มกี จิ กรรมดงั น้ี
4.1 แจกคมู่ ือการดูแลตนเองสาหรับหญิงตงั้ ครรภท์ ม่ี ภี าวะโลหติ จาง
4.2 สนบั สนุนแบบฟอรม์ การบันทกึ การรับประทานอาหาร ให้หญงิ ต้ังครรภท์ ี่มีภาวะซีดเป็นผู้บันทึก
และยาเมด็ เสรมิ ธาตุเหลก็
4.3 ติดตามการดูแลตนเอง ให้กาลังใจและกระตุ้นให้เห็นความสาคัญของการดูแลตนเองหลังให้
ความรู้ทางโทรศัพท์ห่างจากคร้ังแรก 1 สัปดาห์ จากเจ้าหน้าที่และ อสม. และติดตามซ้าห่างจากครั้งแรกอีก 2
สปั ดาห์ โดยติดตามในเรือ่ ง ดังตอ่ ไปนี้
1. พฤตกิ รรมการรับประทานอาหารท่ีมีธาตเุ หล็ก ประเมินจากประเภทของอาหารทีร่ บั ประทาน
แต่ละวันจากแบบบันทกึ การรบั ประทานอาหารโดยการสุม่ การรับประทานอาหารจานวน 1 วัน คอื วนั พธุ
2. พฤติกรรมการรับประทานยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กประเมินจากความสม่าเสมอของการ
รับประทานยาเม็ดเสริมธาตเุ หลก็ โดยการสุ่มการรบั ประทานยาเม็ดเสริมธาตเุ หลก็ จานวน 1 วนั คอื วนั พธุ
3. ประเมินภาวะแทรกซ้อนตา่ งๆจากการต้ังครรภ์ เชน่ หนา้ มดื เป็นลม อ่อนเพลยี หายใจเหนอื่ ย
หนา้ ซดี บวม และอาการข้างเคยี งจากการรับประทานยาเมด็ เสรมิ ธาตุเหลก็ ไดแ้ ก่ คลน่ื ไส้อาเจียน อาการท้องผูก
ขนั้ ตอนที่ 5 การประเมนิ ผล
5.1 เจาะเลือดหญงิ ต้ังครรภซ์ า้ เพื่อประเมนิ ภาวะโลหติ จางในไตรมาสท่ีสอง
5.2 ประเมินการดูแลตนเอง โดยให้หญิงต้ังครรภ์ประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเองว่าบรรลุตาม
เปา้ หมายที่กาหนดหรอื ไม่
5.3 ซักถามปัญหาและอุปสรรคในการดแู ลตนเอง
5.4 ประเมินการดแู ลของหญิงตั้งครรภ์จากแบบบันทึกการรับประทานอาหารและยาเม็ดเสริมธาตุ
เหลก็
ผลการดาเนินงาน
1. โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตาบลพรุชงิ มกี ารพฒั นาการปอ้ งกนั ภาวะซดี ซ้าในไตรมาสสองของหญงิ ตั้งครรภ์
โดยการพฒั นาการสง่ เสริมการมสี ่วนรว่ มของภาคเี ครอื ขา่ ยและพฒั นารปู แบบกจิ กรรมในหญงิ ตั้งครรภ์
2. หญิงตง้ั ครรภท์ มี่ ีภาวะซดี ใหม้ พี ฤตกิ รรมการดูแลตนเองทเี่ หมาะสมและลดภาวะซดี ซ้าในไตรมาสที่สองของ
การตง้ั ครรภไ์ ด้ รายละเอียดดงั นี้
- ลดภาวะซดี ซา้ ในไตรมาสท่สี องของการตง้ั ครรภ์ได้ ดังน้ี
พ.ศ. 2561 2562 2563-ปจั จบุ ัน
จานวนหญงิ ตัง้ ครรภ์ 73 ราย 88 ราย 60 ราย
ครงั้ ท่ี 1 18 ราย 12 ราย 5 ราย
(ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 10) (ร้อยละ24.65) (รอ้ ยละ13.63) (รอ้ ยละ 8.33)
ครงั้ ท่ี 2 18 ราย 12 ราย 5 ราย
(คร้งั แรกซีดไมเ่ กินรอ้ ยละ 50)
ซีด 13 ราย ซีด 3 ราย ซีด 1 ราย
(รอ้ ยละ72.22 ) (ร้อยละ25) (ร้อยละ 20)
ครัง้ ท่ี 2 55 ราย 76 ราย 55 ราย
ซดี 5 ราย ซดี 2 ราย
(ครั้งแรกไมซ่ ดี ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 30) ซดี 9 ราย (ร้อยละ 6.57) (ร้อยละ 3.63)
(รอ้ ยละ 16.36)
- หญงิ ตงั้ ครรภ์รบั ประทานยาเม็ดเสริมธาตุเหล็กอย่างถูกตอ้ งและสมา่ เสมอ ร้อยละ 100
- หญิงตง้ั ครรภม์ ีการปลกู ผักและรบั ประทานผักท่ีปลกู เพ่อื เสรมิ ธาตเุ หล็ก ร้อยละ 100
วิจารณ์/ข้อเสนอแนะ
ควรมกี ารปรบั ใชก้ บั การรบั ประทานยาแกห่ ญงิ ตั้งครรภ์ทุกรายและมีการปรับใช้ในการรบั ประทานยาแก่
ผู้ป่วยโรคอน่ื ๆ
เอกสารอ้างอิง
รายิน, ชยนั ตธธ์ ร และชไมพร 2552; อ่นุ ใจและอานุภาพ: อษุ าและคณะ
อนุ่ ใจ และอานภุ าพ,2549; อุษา, บญุ แสง, ประวิทย์ และ ภาวินี,2550
การประกวดผลงานวชิ าการ สานกั งานสาธารณสุขจังหวัดพทั ลงุ
ประเภท Oral presentation
1. [ ] เรอ่ื งเล่า 2. [√ ] CQI (Clinic) 3.[ ] CQI (Non-Clinic)
ประเภทหนว่ ยงาน หนว่ ยงาน:
1. [√ ] รพ.สต./ ศสม. 2. [ ] รพช. 3.[ ] รพท./รพศ. 4. [ ] สสอ./สสจ.
การเสนอผลงาน:
1. [] ไม่เคยนาเสนอ เผยแพร่มาก่อน 2. [ ] เคยเผยแพร่ (พฒั นาต่อยอด)
3. [√ ] ผลอนั ดบั รางวลั ทไ่ี ด้ของ สสจ- สสอ. /รพศ.-รพท. /รพช /รพ.สต.-ศสม.
3.1 [√ ] ชนะเลิศ 3.2 [ ] รองฯ 1 3.3 [ ] รองฯ 2 3.4 [ ] ชมเชย
ชอ่ื เรอ่ื ง:
การพัฒนาระบบการเข้าถึงการตรวจภาวะแทรกซ้อนทางตาในผู้ปว่ ยเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริม
สขุ ภาพตาบลบา้ นสวนโหนด อาเภอศรบี รรพต จังหวัดพัทลุง
ผู้นาเสนอ :
นางสุรภี รณ์ ชูปลอด พยาบาลวชิ าชพี ปฏบิ ัติการ
โทร.098-0700243 E-mail [email protected]
บทคัดยอ่
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านสวนโหนด อาเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง ได้ร่วมมือกันพัฒนา
ระบบการดาเนินงานการเข้าถึงการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตั้งแต่ ปี 2559-
2563 โดยใชก้ ลยุทธแ์ บบบูรณาการการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ควบคู่กับการให้ความรู้ทั้งด้านเจ้าหน้าท่ี
อาสาสมัครสาธารณสุขและกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานถึงความสาคัญของการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน
ทางตา โดยมีระบบการส่งต่อท่ีเป็นระบบในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานที่พบความผิดปกติทางตา เพ่ือพัฒนาการ
เข้าถึงให้ได้มาตรฐานและให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากผลการดาเนินงานการเข้าถึงการคัดกรอง
ภาวะแทรกซ้อนทางตาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้ังแต่ ปี 2559- 2563 จานวนผู้ป่วยโรคเบาหวานเข้าถึงการ
คดั กรองภาวะแทรกซอ้ นทางตาเปน็ ไปในทศิ ทางท่เี พ่ิมข้ึน
-1-
การพัฒนาระบบการเข้าถงึ การตรวจภาวะแทรกซ้อนทางตาในผูป้ ่วยเบาหวาน
โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตาบลบา้ นสวนโหนด อาเภอศรบี รรพต จงั หวัดพัทลุง
1. ชอื่ ผลงาน/โครงการพัฒนา : การพัฒนาระบบการเขา้ ถึงการตรวจภาวะแทรกซอ้ นทางตาในผปู้ ว่ ย
เบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตาบลบา้ นสวนโหนด อาเภอศรีบรรพต จังหวดั พัทลงุ
2. ผจู้ ัดทา :
นางสุรีภรณ์ ชปู ลอด พยาบาลวิชาชพี ปฏิบัตกิ าร
3. บทนา :
โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus: DM) เป็นภาวะท่ีร่างกายมีน้าตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจาก
การขาดฮอรโ์ มนอนิ ซูลิน (Insulin) หรือการด้ือต่อฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้กระบวนการดูดซึมน้าตาลในเลือด
ให้เป็นพลังงานของเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติหรือทางานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนเกิดน้าตาลสะสมใน
เลือดปริมาณมาก หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนี้เป็นเวลานานจะทาให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อม เกิดโรคและ
เกดิ ภาวะแทรกซ้อนเร้ือรังต่ออวัยวะอื่น เช่น ตา ไต และเท้า เป็นต้น แต่ที่สาคัญ คือ ภาวะแทรกซ้อนทางตา
พบว่า ปัจจัยเสี่ยงท่ีมีผลต่อภาวะเบาหวานข้ึนจอตา ได้แก่ อายุ ระยะการเป็นโรค วิธีการรักษา ระดับ
น้าตาลในเลือด ระดับไขมันในเลือด ระดับความดันโลหิต และพบภาวะเบาหวานข้ึนจอตาในผู้ป่วย
โรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 รอ้ ยละ 31.4และพบ ร้อยละ 80-90 ในผปู้ ่วยที่เป็นเบาหวานนานกวา่ 15 ปี เนื่องจาก
โรคเบาหวานทาใหเ้ กดิ โรคทจี่ อรับภาพ น้าตาลในเลือดที่สูง ร่วมกับความดันโลหิตที่สูง จะเข้าไปทาลายหลอด
เลอื ดจอรบั ภาพ เรม่ิ แรกหลอดเลือดแดงจะบวมทาให้เลือดไปเลี้ยงจอรับภาพไม่พอช่วงน้ียังมองเห็นปกติหาก
ไม่ควบคมุ เบาหวานใหด้ ีพอ หลอดเลือดจะถกู ทาลายมากขน้ึ และมกี ารสรา้ งหลอดเลือดข้ึนใหม่และมีน้าเหลือง
ไหลออกจากหลอดเลือด ระยะน้ีของโรคอาจจะเห็นเส้นเลือดเล็กๆรอบๆ และอาจจะเห็นแสงสว่างแปล๊บๆ
อาจจะเกิดตาบอดเฉียบพลันได้เนื่องจากมีการลอกของจอรับภาพออกจากเส้นประสาทตา เพราะฉะน้ันการ
ตรวจภาวะแทรกซอ้ นทางตาจึงเปน็ สิง่ ทคี่ วรให้สาคญั อยา่ งยง่ิ
จากการดาเนินงาน พบว่า กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้าถึงการรับการตรวจภาวะแทรกซ้อนทางตาน้อย
เมอ่ื เทียบกบั การตรวจภาวะแทรกซ้อนส่วนอ่ืนๆ ดงั ข้อมลู ยอ้ นหลงั 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2559 - 2562 ดังนี้
ระดบั เปา้ หมาย ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี2563
จังหวดั 60 % 32.16% 52.80% 57.46% 52.65% 33.38%
อาเภอ 55.10% 43.42% 48.04% 44.90% 60.02%
รพ.สต. 49.57% 33.33 % 47.24 % 46.67 % 71.11 %
ทมี่ า:HDC on cloud (สสจ.พัทลุง) ข้อมูล ณ วันท่ี 10 กมุ ภาพันธ์ 2563
-2-
จากการติดตามผู้ป่วยโรคเบาหวาน พบว่า สภาพปัญหาท่ีเกิดขึ้นในการดาเนินงาน การเข้าถึงการตรวจ
ภาวะแทรกซ้อนทางตาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในเขตพ้ืนท่ี โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านสวนโหนด
อาเภอศรบี รรพต จงั หวดั พทั ลงุ จาแนกรายดา้ นดังน้ี
ด้านระบบการดาเนินงาน
- ระบบการประสานงานในแต่ละข้ันตอนยังไมช่ ดั เจน
- ระยะเวลาในการดาเนินงานน้อย (1 วนั /รพ.สต.)
-ขาดเคร่ืองมือในการดาเนินงาน
ด้านเจา้ หน้าทส่ี าธารณสุข
- ขาดเจ้าหนา้ ท่เี ฉพาะทางตาในการตรวจ
- การประสานงานและการให้ขอ้ มลู เพ่ือการสง่ ตอ่ แกผ่ ู้ปว่ ยยังไมช่ ัดเจน
-ขาดการตดิ ตามการแจง้ ชอื่ กล่มุ เปา้ หมายอย่างตอ่ เนอ่ื ง
ดา้ นอาสาสมัครสาธารณสุข
- ขาดองค์ความร้ทู เ่ี กย่ี วกบั โรค
- การแจง้ กลมุ่ เป้าหมายลา่ ช้า/ลมื แจง้
- การแจ้งขอ้ มูลไมช่ ดั เจนบางครง้ั ทาให้กล่มุ เป้าหมายสับสน เชน่ มาตรวจท่ี รพ.สต. ในความ
เป็นจริงต้องไปตรวจที่ รพ.
- ขาดเทคนคิ ท่ใี ช้ในการเชิญชวน
ด้านผู้ป่วย
- ขาดความรู้เรอ่ื งโรคทีเ่ ป็น และไมท่ ราบถงึ ภาวะแทรกซ้อนท่ีอาจจะเกดิ ขนึ้ ได้
- ไม่เห็นความสาคัญของการตรวจภาวะแทรกซอ้ นทางตา (ตายังมองเหน็ )
- ความกลวั ในการตรวจตา
- ไม่ไดร้ บั หนงั สือเชญิ
- ไมส่ ามารถเดนิ ทางมาตรวจได้เอง (ไมม่ ีใครรับ-สง่ )
- ไม่กล้าจะบอกบุตรหลานวา่ ตอ้ งไปตรวจภาวะแทรกซอ้ นทางตา
- ระยะทางไกล จากบา้ น-โรงพยาบาล ประมาณ 17-20 กิโลเมตร
จากสภาพปัญหาพบว่า หากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่มีระบบการดาเนินงานท่ีเป็นระบบอย่างชัดเจน
อาสาสมัครสาธารณสุขไม่มีความรู้มากพอ ขาดเทคนิคในการเชิญชวน ผู้ป่วยขาดความรู้และความเข้าใจใน
การให้ความสาคัญกับการตรวจตา ก็จะส่งผลให้การเข้าถึงการตรวจภาวะแทรกซ้อนทางตาในกลุ่มผู้ป่วย
เบาหวานไม่เป็นไปตามท่ีกาหนดและโอกาสท่ีมีภาวะเสี่ยงเกิดขึ้นโดยไม่ได้รับการคัดกรอง ระดับความรุนแรงก็
จะมากตามไปเป็นลาดับ และเม่อื พบปญั หากจ็ ะส่งผลกระทบในดา้ นต่างๆตามมา เช่น เกิดความพิการทางตา
ช่วยเหลือตนองไดน้ ้อยลงหรือไม่สามารถชว่ ยเหลือตนเองได้ ไม่มีใครดูแล เปน็ ต้น
-3-
4. วธิ ีการ :
โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตาบลบ้านสวนโหนด จึงมีการวางระบบการดาเนินงาน ในการพัฒนางาน
อย่างต่อเนื่องโดยใช้กระบวนการดังน้ี
1.รวบรวมขอ้ มลู กล่มุ เป้าหมาย โดยการแบ่งเปน็ 2 กลุม่ ผู้ป่วยรายใหม่ ผูป้ ่วยรายเกา่
2.จดั ประชุมทมี อสม. เพื่อใหค้ วามรู้เก่ยี วกับโรค เพ่ือเสริมสร้างความรู้ ความมั่นใจ ในการเชญิ ชวน
ผ้ปู ่วย ทาให้ผ้ปู ว่ ยเหน็ ความสาคัญและเกิดความคิดอยากตรวจในครงั้ แรก
3.จดั ประชุมอบรมกลมุ่ เปา้ หมายเพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับโรค โดยมงุ่ เน้นในด้าน
ภาวะแทรกซ้อนท่ีพบได้ และโดยการใหต้ ัวแทนผปู้ ว่ ยผูท้ ีป่ ระสบการณ์มาพูดคยุ แลกเปลยี่ นกนั
4.ประชุมทีมเพื่อวางแผนในการพฒั นาระบบตดิ ตามการดาเนินงาน ไดแ้ ก่ ผู้นาชมุ ชน เจา้ หน้าที่
อสม. เปน็ ตน้
5.ดาเนินการตามแผนทว่ี างไว้
6.สรปุ และประเมนิ ผลการดาเนินงานในแต่ละปี
7.ทบทวนกระบวนงานท่เี ปน็ ปัญหาและวางแผนเพ่อื แก้ปัญหาในปตี ่อไป
8.การคนื กลับขอ้ มลู ส่พู ้นื ท่ี
โดยมีวัตถุประสงค์ คือ ผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตาไม่น้อยกว่า
ร้อยละ 60 และกลุ่มเป้าหมายท่ีเข้ารับการคัดกรองได้รับการรักษาต่อเนื่องเม่ือตรวจพบภาวะท่ีผิดปกติ
(รายละเอียดกระบวนการในแต่ละปนี าเสนอในหวั ข้อผลการดาเนนิ งาน)
5.ผลการศึกษา
ปี เกณฑ์ รอ้ ยละของเขา้ รบั การตรวจ ร้อยละพบผิดปกติ/ส่งต่อ
เปา้ หมาย ภาวะแทรกซอ้ นทางตา
2559 รอ้ ยละ 60 49.57 2.38
2560 33.33 0
2561 47.24 0
2562 46.67 2.90
2563 71.11 0
ท่ีมา:HDC on cloud (สสจ.พัทลุง) ข้อมลู ณ วนั ท่ี 10 กุมภาพันธ์ 2563
ปี purpose process -4-
2559 -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้ารับการ -จดั ประชมุ คณะทางาน สรปุ ผลการด
ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทาง -จัดประชุม อสม. performance
ตา มากกว่ารอ้ ยละ 60
กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้ารับ
ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน
ตารอ้ ยละ 49.57
2560 -กลุม่ ผ้ปู ว่ ยเบาหวานเขา้ รับการ -จัดประชุมคณะทางานในการจัดระบบและ กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้ารับ
ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทาง วางแผนงาน ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน
ตา มากกวา่ ร้อยละ 60 -ปรบั เวลาในการตรวจ ตาร้อยละ 33.33
ภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตา
-จัดประชุมให้ความรู้ อสม.
-จัดทาหนังสือเชญิ ผปู้ ่วยเบาหวานเข้ารับการ
ตรวจคดั กรองภาวะแทรกซ้อนทางตา
-
ดาเนนิ งาน
e GAP Plan
บการ - ระยะเวลาการตรวจน้อย เพยี ง 1 วนั /รพ.สต. -ขยายระยะเวลาการตรวจตาให้แก่ทุก รพ.
นทาง -ไม่มีเครื่องมือในการตรวจตาและเจ้าหน้าที่ท่ีมีความรู้ความ สต.
ชานาญเฉพาะด้านในการตรวจ -จัดอบรม อสม. เกยี่ วกบั เร่ืองการตรวจ
-อสม.แจง้ ขาดในการตรวจช้า ภาวะแทรกซ้อนทางตา
-ไม่มีหนังสือเชญิ เข้ารบั การตรวจ -ทาหนงั สอื เชิญผู้ป่วยเบาหวานเข้ารับการ
ตรวจคดั กรองภาวะแทรกซ้อนทางตา
-สง่ ผู้ป่วยท่พี บความผิดปกติตรวจทนั ที
บการ -การเดินทางลาบาก -ประชมุ อสม. เพ่อื จัดทาขอ้ ตกลงร่วมกัน ใน
นทาง -กลุม่ ผูป้ ว่ ยเบาหวานกลวั การตรวจกลวั เจ็บ การแจ้งข่าวการตรวจ
-กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานขาดความรู้ในการตรวจภาวะแทรกซ้อน - จดั ต้ังกลุ่มไลน์
ทางจอประสาทตา - จัดอบรมใหค้ วามร้แู ก่กลมุ่
-หนงั สือแจง้ ผ่าน อสม. อสม.บางเขตสง่ หนงั สอื ช้า ผปู้ ่วยเบาหวาน
-จัดรถของ รพ.สต รับ-สง่
-5-
ปี purpose process สรุปผลการด
performance
2561 -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้ารับการ -ประชมุ อสม. เพ่ือจดั ทาขอ้ ตกลงรว่ มกัน ใน -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้าร
ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน การแจง้ ขา่ วการตรวจ ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อ
ทางตา มากกวา่ รอ้ ยละ 60 - จัดตง้ั กลุ่มไลน์ ตาร้อยละ 47.24
- จดั อบรมให้ความรูแ้ กก่ ลุม่ ผู้ปว่ ยเบาหวาน
-จดั รถของ รพ.สต รบั -สง่
2562 -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้ารับการ -จัดอบรมใหค้ วามรแู้ ก่กลุ่มผปู้ ว่ ยเบาหวาน -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้าร
ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทาง -ประชมุ อสม. เพื่อจัดทาขอ้ ตกลงรว่ มกัน ใน ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อ
ตา มากกว่ารอ้ ยละ 60 การแจ้งข่าวการตรวจ ตารอ้ ยละ 46.67
-แจ้งรายชื่อผู้ทเ่ี ปน็ กลมุ่ เปา้ หมาย
ในที่ประชุม
-จดั เตรียมรถรับ-ส่ง
- เจ้าหนา้ ท่ีลงติดตาม
ดาเนนิ งาน
GAP Plan
รับการ -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานขาดความเข้าใจเร่ืองการตรวจตา - จัดอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน
อนทาง เพราะคิดวา่ ตายังมองเห็นชดั เจน สร้างความเขา้ ใจโดนเจา้ หนา้ ที่
-บุตรหลานไมม่ เี วลาไปสง่ -ประชุม อสม. เพื่อจัดทาข้อตกลงร่วมกัน ใน
-อสม.ขาดเทคนิคในการเชิญชวน หรือ จงู ใจ การแจง้ ขา่ วการตรวจ
-อสม.ไม่รจู้ กั กลมุ่ ผปู้ ว่ ยเบาหวานในพ้ืนท่ตี นเอง -แจง้ รายชอ่ื ผทู้ ีเ่ ป็นกลมุ่ เป้าหมาย
-กล่มุ ผู้ป่วยเบาหวานบางรายอยู่นอกพ้ืนท่ีไม่สามารถติดต่อ ในทีป่ ระชุม
ได้ -จัดเตรยี มรถรบั -สง่
- เจา้ หน้าทลี่ งติดตาม
รับการ -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานมีความกลัว เรื่องการตรวจตา เพราะ -ประชุม อสม. เพื่อจัดทาข้อตกลงร่วมกัน ใน
อนทาง คดิ วา่ ต้องเจบ็ ตา และตายังมองเห็นชัดเจน การแจง้ ขา่ วการตรวจ
-กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานบางรายอยู่นอกพ้ืนท่ีไม่สามารถติดต่อ -จัดประชุมภาคีเครือข่ายในชุมชน เช่น ผู้นา
ได้ ชุมชนเร่อื งภาวะแทรกซ้อนทางจอประสาทตา
-เจ้าหน้าที่ไมส่ ง่ ข้อมูลย้อนกลับใหแ้ กช่ ุมชน -ขยายการดาเนินงานการติดตามกลุ่มผู้ป่วย
เบาหวาน โดยภาคีเครือข่ายในชุมชน ได้แก่
ผูน้ าชมุ ชน
-จัดอบรมกลุ่มเป้าหมาย โดยตัวแทนผู้ป่วย
ด้วยกนั เพอ่ื สร้างความมั่นใจในการตรวจ ว่าไม่
เจบ็ อยา่ งแนน่ นอน
-ขยายระยะเวลาในการตรวจ จาก 1 วนั /รพ.สต
ปรับเป็น ใน 1 สัปดาห์ สามารถมาได้ทุกวนั
-ทาแผนในการอานวยความสะดวกในการ
เดนิ ทางเพอื่ ไปรบั การตรวจ
-สง่ ผปู้ ่วยทพี่ บความผดิ ปกติตรวจทันที
-6
สรุปผลการด
ปี purpose process performance
2563 -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้ารับการ -ประชุม อสม. เพ่อื จัดทาข้อตกลงรว่ มกัน ใน -กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเข้าร
ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทาง การแจง้ ขา่ วการตรวจ ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อ
ตา มากกว่ารอ้ ยละ 60 -จัดประชุมภาคีเครือข่ายในชุมชน ได้แก่ ตารอ้ ยละ 71.11
ผู้นาชุมชนในเรื่องภาวะแทรกซ้อนทางจอ
ประสาทตา
-ขยายการดาเนินงานการติดตามกลุ่มผู้ป่วย
เบาหวาน โดยภาคีเครือข่ายในชุมชน ได้แก่
ผู้นาชุมชน
-จัดอบรมกลุ่มเป้าหมายโดยตัวแทนผู้ป่วย
ดว้ ยกัน เพื่อสร้างความมนั่ ใจใน
ในการตรวจว่าไม่เจ็บปวดและมีความสาคัญ
แคไ่ หน
-ขยายระยะเวลาในการตรวจ จาก 1 วัน/รพ.
สต ปรบั เป็น ใน 1 สัปดาห์ สามารถมาได้ทุก
วนั
-ทาแผนในการอานวยความสะดวกในการ
เดินทางเพื่อไปรับการตรวจ
6-
ดาเนินงาน
GAP Plan
รับการ -กลมุ่ ผปู้ ่วยเบาหวานกังวลเกี่ยวการตรวจตา ตรวจว่าตรวจ -จัดอบรมกลุ่มเป้าหมาย โดยตัวแทนผู้ป่วย
อนทาง แลว้ จะพบวา่ ผดิ ปกติ ดว้ ยกัน
-กลมุ่ ผ้ปู ว่ ยเบาหวานบางรายอยู่นอกพ้ืนท่ีไม่สามารถติดต่อ -จัดทา VDO ข้ันตอนการตรวจ1เพื่อลดความ
ได้ กงั วล
-สร้างแรงจูงใจและความมั่นใจว่าเมื่อพบความ
ผิดปกติ คุณจะได้รับการรักษาทันที จากแพทย์
เฉพาะทาง รพ.พทั ลุง
-ขยายการดาเนินงานการติดตามกลุ่มผู้ป่วย
เบาหวาน โดยภาคีเครือข่ายในชุมชน ได้แก่
ผนู้ าชมุ ชน
-ขยายระยะเวลาในการตรวจ จาก 1 วนั /รพ.สต
ปรับเปน็ ใน 1
สปั ดาห์ สามารถมาไดท้ ุกวนั
-ทาแผนในการอานวยความสะดวกในการ
เดนิ ทางเพ่อื ไปรับการตรวจ
-จัดทาแผนการส่งต่อในกรณีที่กลุ่มเป้าหมาย
ไมไ่ ดม้ าตรวจตามเวลา
-7-
6. วจิ ารณ์ผล/ข้อเสนอแนะ :
จากผลการดาเนินงานพัฒนาระบบการเข้าถึงการตรวจภาวะแทรกซ้อนทางตาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ตั้งแต่ปี 2559 – 2563 โดยส่วนใหญ่เป็นการพัฒนากระบวนงาน ท่ีเน้นการทางานแบบบูรณาการโดยภาคี
เครือข่าย เช่น การอบรมให้ความรู้ในผู้รับผิดชอบงาน ให้ความรู้แก่อาสาสมัครสาธารณสุข จัดอบรมให้ความรู้
กลุม่ เปา้ หมาย การจัดประชุมการติดตามงานและประสานงานกับภาคีเครือข่าย พบว่า ผู้ป่วยท่ีรับยาท่ีโรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านสวนโหนดเข้ารับการตรวจตามากกว่าผู้ป่วยท่ีรับยาท่ีโรงพยาบาลศรีบรรพต คิดเป็นร้อย
ละ 68 ซึ่งกระบวนการเหล่าน้ีเน้นการให้ความรู้เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติ และความเช่ือด้านสุขภาพ ท่ีนาไปสู่การการ
เข้าถงึ การตรวจภาวะแทรกซอ้ นทางตา ที่สอดคล้องกับการศึกษาของ ประภาพร จอมเทพมาลา ที่ศึกษาเรื่อง การ
พัฒนาการดูแลสขุ ภาพผปู้ ว่ ยเบาหวานเพอื่ ป้องกนั ภาวะเบาหวานข้ึนจอประสาทตา จังหวัดระนอง ผลการวิจัย
พบว่า ผปู้ ่วยเบาหวานมกี ารดแู ลสขุ ภาพยงั ไม่เหมาะสม ซึง่ เกดิ จากการขาดความรู้ ความเข้าใจและขาดเจตคติ
ท่ีดีต่อการดูแลสุขภาพ ซ่ึงแนวทางและวิธีการพัฒนาการดูแลสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานเพื่อป้องกันภาวะ
เบาหวานข้ึนจอประสาทตา คือ การเพ่ิมพูนความรู้ เสริมสร้างเจตคติท่ีดีและส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติในการ
ดูแลสขุ ภาพผปู้ ่วยเบาหวานเพือ่ ป้องกันการเกิดภาวะเบาหวานข้ึนจอประสาทตา โดยใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนา
ท่ีสาคัญ คือ การเยี่ยมบ้านผู้ป่วยเบาหวานโดยทีมหมอครอบครัว การให้ความรู้ การจัดหน่วยตรวจตา
เคลื่อนท่ี ซึ่งผลทาให้ผู้ป่วยเบาหวานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้พัฒนาความรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติที่ดีและมีการ
ปฏิบัติที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานมากยิ่งขึ้น การศึกษาของ นิภาพร พวงมีและคณะ ได้
ศึกษาเร่ือง ความชุกและปัจจัยเสี่ยงของภาวะเบาหวานข้ึนจอตา ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดท่ี 2 หน่วยตรวจ
โรคจกั ษุ โรงพยาบาลศิริราช ผลการศึกษาพบว่า ความรู้ ความเชื่อ ทัศนคติและปัญหาทางการเงินมีผลต่อ
ภาวะเบาหวานข้ึนตา การศึกษาของ ชายหาญ รุ่งศิริแสงรัตน๋ ศึกษาเรื่อง ความชุกและปัจจัยเส่ียงของการ
เกิดเบาหวานขึ้นจอประสาทตา ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดท่ี 2 ในโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ สวาทยานนท์
การศึกษาพบว่า ความชุกของภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาพบร้อยละ 7.40 (68 คน) โดยแบ่งเป็น
เบาหวานขึ้นจอประสาทตาชนิดไม่มีเส้นเลือดงอกใหม่ผิดปกติ ร้อยละ 7.20 และเบาหวานข้ึนจอประสาทตา
ชนดิ มเี สน้ เลือดงอกใหมผ่ ิดปกติ รอ้ ยละ 0.20 โดยปจั จยั เส่ียงทเี่ กยี่ วกับภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา ได้แก่
ระยะเวลาการเป็นเบาหวานนานกว่า 5 ปี ระดับการมองเห็น 20/60 ถึง 20/200 และการใช้อินซูลินรักษา
เพยี งอยา่ งเดียว ควรมีการตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาอย่างสม่าเสมอ โดยเฉพาะในผู้ป่วย
ทเ่ี ป็นเบาหวานมานาน มรี ะดับการมองเหน็ ที่ลดลง และใช้อินซูลินในการรักษาเพียงอย่างเดียว โดยให้ความรู้
และการสรา้ งทศั นคตทิ ดี่ ใี นการตรวจคัดกรองจอประสาทตา
ขอ้ เสนอแนะ
1. การจัดประชุม อบรมให้ความรู้ เป็นช่องทางใหผ้ ู้รับผดิ ชอบงาน อาสาสมัครสาธารณสุขและผปู้ ว่ ยมี
ความรแู้ ละมที ัศนคตทิ ี่ดีในการตรวจจอประสาทตา และได้มีการนาเสนอผลการดาเนินงาน สภาพปัญหา และ
สามารถปรกึ ษาเพื่อหาแนวทางในการดูแลผปู้ ่วยและการเข้าถงึ การตรวจภาวะแทรกซ้อนทางตาไดอ้ ยา่ งมี
ประสทิ ธิภาพ
-8-
2. การเข้าถึงการตรวจจอประสาทตา ต้องมีการดาเนินงานแบบบูรณาการ โดยอาศัยการทางานเป็น
ทีมท่ีมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุข บุตรหลาน ผู้บริหารขององค์การบริหารส่วนตาบล
รวมท้ังภาคีเครือข่าย เช่น ผู้นาชุมชน สามารถพัฒนาแนวทางการดาเนินงานได้อย่างชัดเจน
และจะนาไปส่คู วามสาเรจ็ ตามเป้าหมายได้
7. สรปุ :
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านสวนโหนด อาเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง ได้ร่วมมือกันพัฒนา
ระบบการดาเนินงานการเข้าถึงการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้ังแต่ ปี 2559-
2563 โดยใชก้ ลยุทธ์แบบบูรณาการการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย ควบคู่กับการให้ความรู้ท้ังด้านเจ้าหน้าท่ี
อาสาสมัครสาธารณสุขและกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานถึงความสาคัญของการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน
ทางตา โดยมรี ะบบการสง่ ตอ่ ทเี่ ป็นระบบในกลุม่ ผปู้ ว่ ยเบาหวานทีพ่ บความผิดปกติทางตา โดยของโรงพยาบาล
ส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านสวนโหนดท่ีพบความผิดปกติใน ปี 2559 และ2562 ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
และมีการตดิ ตามอยา่ งต่อเนือ่ ง เพอ่ื พัฒนาการเขา้ ถึงให้ไดม้ าตรฐานและให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง จาก
ผลการดาเนินงานการเข้าถึงการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้ังแต่ ปี 2559- 2563
จานวนผ้ปู ว่ ยโรคเบาหวานเข้าถึงการคัดกรองภาวะแทรกซอ้ นทางตาเป็นไปในทิศทางท่เี พ่มิ ขน้ึ
8.อา้ งองิ
ขวัญเรือน วรเตชะ. ปัจจัยทางเมตะบอลกิ ที่มีผลต่อภาวะจอประสาทตาเส่ือมของผ้ปู ว่ ยเบาหวานชนดิ ท่ี 2
ในโรงพยาบาลเพชรบรู ณ์. วารสารวจิ ัยและพฒั นาระบบสขุ ภาพ 2554;1:10-23. 14.
พราวมาศ วมิ ลธรรม, นิรมล เมืองโสม. ปัจจยั ทม่ี ีความสัมพันธ์กบั การเกิดภาวะจอประสาทตาผดิ ปกติจาก
เบาหวานในผู้ปว่ ยเบาหวานชนิดที่ 2 อาเภอปักธงชยั จังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิจัย
สาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2556;6(3):93-101. 16.
โยธิน จินดาหลวง . ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะเบาหวานขนึ้ จอประสาทตาในผปู้ ว่ ยเบาหวานเขตเทศบาลเมอื งตาก.
พุทธชินราชเวชสาร 2552;26(1):53-61. 11.
วลยั พร ยตพิ ูลสุข. ความชกุ และปจั จัยเส่ยี งของการเกดิ ภาวะเบาหวานขน้ึ จอประสาทตาในจงั หวัดแพร่.
วารสารวชิ าการสาธารณสขุ 2551;17(ฉบบั เพม่ิ เตมิ 2):SII464-72. 10.
สถาบนั วิจยั และประเมนิ เทคโนโลยที างการแพทย์. กรมการแพทย์. แนวทางการตรวจคัดกรองและดแู ล
รกั ษาโรคเบาหวานเขา้ จอประสาทตา.กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่ง
ประเทศไทย จากัด; ๒๕๕๕. ๓.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย, สมาคมต่อมไรท้ อ่ แห่งประเทศไทย, กรมการแพทย์ กระทรวง
สาธารณสขุ , สานกั งานหลกั ประกันสุขภาพแห่งชาติ. แนวเวชปฏิบัติการดแู ลผปู้ ่วยเบาหวานแห่ง
ประเทศไทย ปี 2557. กรงุ เทพฯ:อรุณการพมิ พ์; 2557.
-9-
สมพร ปิยมาตย์, เบญจา มุกตพันธ์ุ, สุพฒั น์พงศ์ สิงห์ยะบศุ ย์. ความชุกและปัจจยั ทม่ี คี วามสมั พนั ธ์กบั ภาวะ
เบาหวานขึ้นจอประสาทตาในผู้ปว่ ยเบาหวานชนดิ ที่ 2 โรงพยาบาลโพธช์ิ ยั จงั หวดั รอ้ ยเอด็ .
KhonKaen UniversityGraduate Reseaech Conference 2014 [อินเทอรเ์ นต็ ]. 2557
[เขา้ ถงึ เมอื่ 13 กมุ ภาพันธ์ 2563 เข้าถึงไดจ้ าก
https://gsbooks.gs.kku.ac.th/57/grc15/files/mmp74.pdf 15.
สานักงานสาธารณสุข 8 จงั หวัดภาคเหนือตอนบน, สานกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติเขต 1 เชยี งใหม่.
อตั ราผ้ปู ว่ ยเบาหวานได้รับการตรวจจอประสาทตาประจาปี. [อินเทอรเ์ น็ต]. 2558 เข้าถงึ เมือ่
12 กุมภาพนั ธ์ 2563 เขา้ ถึงไดจ้ าก
http://www.nhso.info/cmi_service_indicator/report57.php 5.
อนพุ จน์ สมภพสกลุ และคณะ. ความชกุ และปจั จัยเสี่ยงท่ีมีความสมั พนั ธก์ ับภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาท
ตา ในผู้ปว่ ยเบาหวานโรงพยาบาลสงขลา. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
2555;4:29-43.
.อรยิ ์ธัช เอี่ยมอุดมสุข, กรรณกิ า เอ่ยี มอุดมสขุ . ความชุกและปัจจยั ที่สมั พนั ธ์กับภาวะเบาหวานขึ้นจอ
ประสาทตาของผ้ปู ว่ ยเบาหวานชนิดท่ี 2 สถาบันราชประชาสมาสัย. วารสารสมาคมเวชศาสตร์
ป้องกนั แห่งประเทศไทย 2557;4(2):109-17.
การพฒั นาระบบบริการช่วยเลกิ บหุ ร่ีในมัสยดิ โดยผู้นำศาสนามสี ่วนร่วม
นางศิริพร จินดารัตน์ พยาบาลวชิ าชพี ชำนาญการ
ศูนย์สุขภาพชุมชนตยุ ง รพ.หนองจกิ
บทคัดยอ่
องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การเสพผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดต่างๆ ทุกชนิดเป็นโรคเรื้อรังอย่าง
หนึ่งที่ต้องบำบัดรักษา เรียกว่า โรคเสพยาสูบ การศึกษาครั้งนีม้ ีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริการช่วยเลิก
บหุ ร่ีในมสั ยดิ โดยผนู้ ำศาสนามีส่วนร่วม กลุ่มตวั อย่างเป็นผ้นู ำศาสนา จำนวน 45 ราย ณ มัสยดิ หม่ทู ่ี 2 , 4 , 5
ตำบลตยุ ง อำเภอหนองจิก ปตั ตานี ระยะเวลาดำเนนิ งานต้ังแต่ ตลุ าคม 2561 - กนั ยายน 2563 เคร่ืองมือท่ีใช้
ในการเก็บข้อมูลได้แก่ ใบสมัครเข้าร่วมโครงการเลิกบุหรี่ในผู้นำศาสนา ประกอบด้วย พฤติกรรมการสูบบุหรี่
ประเภทยาสูบ จำนวนมวนที่สูบต่อวัน กำหนดวันที่เลิกสูบ และติดตามพฤติกรรม , เครื่องเป่า Smokerlyzer
ตรวจวดั ระดบั คารบ์ อนมอนอกไซด์ (CO) ในปอด ขน้ั ตอนการดำเนนิ งานประกอบดว้ ย ประสานงานกบั ตัวแทน
ผู้นำศาสนาในมัสยิดที่จะให้บริการช่วยเลิกบุหรี่ คัดกรองการสูบบุหรี่ในผู้นำศาสนาโดยใช้ใบสมัครเข้าร่วม
โครงการเพื่อซักประวตั ิการสูบ ประเมินระยะการปรับเปลีย่ นพฤติกรรมการสูบบุหรี่ และนัดติดตามพฤติกรรม
การสูบในช่วง 2 สปั ดาห์ , 1 , 3 , 6 เดือน และ 1 ปี , จดั สนทนากลุ่ม (Focus Group) , ให้คำปรกึ ษาการเลิก
บุหร่ีรว่ มกบั ใช้กานพลแู ห้งและมะนาว และร่วมกำหนดมาตรการมัสยดิ ปลอดบุหร่ีโดยสุ่มตรวจทุก 1-3 เดอื น
ผลการดำเนนิ งานพบวา่ คดั กรองผนู้ ำศาสนา 45 ราย พบว่า ไมส่ ูบบหุ รี่ 12 ราย ร้อยละ 26.66 เลิก
บุหรี่ได้ตั้งแต่ 1 ปีข้ึนไป 9 ราย ร้อยละ 20 และสบู บหุ รี่อยู่ 24 ราย รอ้ ยละ 53.34 สว่ นใหญส่ บู บุหร่ีซองเป็น
ประจำทุกวันร้อยละ 75 เฉลี่ยวนั ละ 10 มวน ประเมนิ ผ้สู ูบบหุ ร่อี ยใู่ นกลุ่มระยะพร้อมจะเลิกบุหรี่ 18 ราย
และกล่มุ ลังเลใจในการเลิก 6 ราย ระดบั ความดนั โลหติ อยู่ในช่วง 145/65 -173/91 มิลลเิ มตรปรอท และ
ตรวจวัดระดบั CO ในปอดอยู่ระหวา่ ง 3-7 ppm ตดิ ตามพฤตกิ รรมการสบู บุหรข่ี องผู้นำศาสนาโดยพยาบาล
ให้คำปรึกษารว่ มกับอาสาสมัครสาธารณสขุ ได้แก่ การเยย่ี มบา้ นและโทรศัพทส์ อบถาม จำนวน 5 ครัง้ พบว่า
กล่มุ พร้อมจะเลกิ บหุ ร่ี สามารถเลกิ ได้ต้งั แต่ 1 ปีขึ้นไป จำนวน 18 ราย รอ้ ยละ 75 ใช้วิธกี ารหกั ดิบร่วมกับการ
ปฏิบตั ิตามหลกั คำสอนของศาสนา ท้งิ อปุ กรณใ์ นการสูบ กลัวการเป็นโรค เพ่ือนผู้นำศาสนาทเ่ี ลกิ ได้ชวนใหเ้ ลกิ
และใชส้ มนุ ไพรกานพลูแห้งกับมะนาว สว่ นกลมุ่ ลังเลใจ สบู บุหรลี่ ดลงแต่ยงั ไม่เลิก 6 รายเน่ืองจากความเครยี ด
และความเบื่อ , ไดม้ าตรการมัสยิดปลอดบหุ ร่ี ได้แก่ ห้ามผูม้ าละหมาดสูบและท้ิงกน้ บุหรภ่ี ายในบริเวณมัสยดิ
ผ้นู ำศาสนาต้องเป็นแบบอยา่ งในการเลกิ บุหรี่ , ผนู้ ำศาสนาให้ความรู้โทษพิษภยั บหุ ร่ีทุกวันศกุ ร์ในมัสยดิ , มี
ปา้ ยติดเขตปลอดบุหรี่ ฝ่าฝนื ปรบั 5,000 บาท และสุ่มตรวจกน้ บุหร่โี ดยคณะกรรมการสุ่มตรวจทุก 1-3 เดือน
ข้อเสนอแนะ ควรมีการดำเนินการในหลายระดับ ตั้งแต่ในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน หน่วยงาน
ปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรศาสนา และระดับนโยบายประเทศ ต้องอาศัยพลังของเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วม
เพือ่ ผลกั ดันให้คนในชุมชนมภี าวะสขุ ภาพดีนำไปสู่ชุมชนและสังคมปลอดบหุ ร่ี
การพฒั นาระบบบริการช่วยเลิกบุหร่ีโดยผูน้ ำศาสนามีส่วนรว่ ม
นางศิริพร จนิ ดารัตน์ พยาบาลวิชาชพี ชำนาญการ
ศนู ย์สขุ ภาพชมุ ชนตยุ ง รพ.หนองจกิ
บทนำ
องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การเสพผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดต่างๆ ทุกชนิดเป็นโรคเร้ือรังอย่าง
หน่ึง (Tobacco dependence as a treatable chronic disease) ท่ีเป็นๆ หายๆ โดยให้มีแนวทางการ
บำบัดรักษาท่ีมีประสิทธิภาพและไม่ต่างจากโรคเร้ือรังอ่ืนๆ ท่ีบุคลากรสาธารณสุขรู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น
โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และให้ช่ือโรคนี้ว่า โรคติดบุหรี่ (Tobacco Dependence) ปัจจุบันเรียก
เป็น โรคเสพยาสูบ ซ่ึงครอบคลุมการเสพผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภท ประเทศไทยมีคนไทยเสียชีวิตปีละ
50,710 คน ซ่ึงยังไม่ได้รวมคนที่เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง สาเหตุการของการเสียชีวิต 1 ใน 6
ของชายไทย และ 1 ใน 30 ของหญิงไทย การสูบบุหรี่ทำให้คนไทยเสียชีวิตวันละ 140 คน ผู้ท่ีเสียชีวิตจาก
การสูบบุหร่ีอายุส้ันลง 12 ปี และป่วยหนักโดยเฉล่ีย 2.5 ปีก่อนตาย (ประกิต, 2560)
จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2552 พบว่า มีคนไทยอายุต้ังแต่ 15 ปีข้ึนไปและยัง
เสพติดยาสูบชนิดมีควันอยู่มากถึง 12.5 ล้านคน ในจำนวนนี้มีความประสงค์จะเลิกเสพและได้เคยลงมือเลิก
จริงภายในรอบ 1 ปีท่ีผ่านมา ดังน้ันการบริการช่วยเลิกบุหรี่ที่มีคุณภาพจึงเป็นกุญแจท่ีสำคัญในการรองรับ
และให้บริการท้ังเชิงรับและเชิงรุกแก่ผู้เสพยาสูบ อย่างไรก็ตามบริการช่วยเลิกบุหรี่ของประเทศไทยท่ีผ่าน
มายังมีการดำเนินงานที่ให้บริการยังไม่ทั่วถึงและคนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการบำบัดการเสพ
ยาสูบและยาช่วยเลิกยาสูบได้อย่างแท้จริง ทำให้คนจำนวนมากเลือกที่จะเลิกเสพยาสูบด้วยตนเอง โดยไม่
พึ่งพาการบำบัดจากบุคลากรหรือหาตัวช่วยอื่นๆ ซึ่งการเลิกเสพแบบนี้มีอัตราความสำเร็จต่ำและมีโอกาส
กลับไปเสพซ้ำได้มากเมื่อเปรียบเทียบกับการได้รับการบำบัดอย่างเหมาะสมโดยบุคลากรทางการแพทย์และ
สาธารณสุข จากข้อมูลสถานการณ์การควบคุมยาสูบจังหวัดปัตตานี ปี 2550, 2554, 2557, 2558 และ
2560 มีอัตราการสูบบุหรี่ ร้อยละ 32.26, 29.10, 28.08, 25.67 และ 23.4 ตามลำดับ และมีการรวบรวม
สถานการณ์อัตราการบริโภคยาสูบในกลุ่มอาชีพเฉพาะในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2534 – 2552) พบว่า
อัตราค่าเฉลี่ยของการบริโภคยาสูบในกลุ่มผู้นำศาสนาสูงเป็นอันดับ 3 ซึ่งเป็นกลุ่มแบบอย่างในสังคมให้
ความเคารพนับถือและเช่ือฟังประกอบกับผู้นำศาสนาใน 5 จงั หวัดชายแดนใตม้ ีการสบู บหุ รี่สงู ถงึ ร้อยละ 61.5
ไดแ้ ก่ จังหวัดนราธิวาสมีการสบู บุหรี่ รอ้ ยละ 75.1 จงั หวดั ยะลามกี ารสบู บุหรี่ ร้อยละ 69.9 จงั หวดั สตลู มีการ
สบู บหุ รี่ร้อยละ 55.5 จงั หวัดปัตตานมี ีการสูบบุหรี่ รอ้ ยละ 40.2 และจังหวดั สงขลามีการสูบบุหรี่ ร้อยละ 24.4
ปจั จยั ท่ีมีอิทธพิ ลตอ่ ความตั้งใจเลกิ สูบบุหรี่ได้แก่ บทบาททางศาสนา (สรนิ ฎา ปุต,ิ 2561)
จากการดำเนินงานบุหรี่ของโรงพยาบาลหนองจิก ในรอบ 3 ปีที่ผ่านตั้งแต่ปี 2558-2560 พบว่า
ผู้รับบริการที่มารับการรักษาด้วยโรคอื่นและมีการซักประวัติการสูบบุหรี่พบว่า ร้อยละ 60 มีการสูบบุหรี่
และสมัครใจเข้าคลินิกอดบุหรี่ร้อยละ 10-15 ซึ่งมีปริมาณน้อย ส่วนการทำงานในเชิงรุกกับชุมชนมีการ
ให้บริการคัดกรองผู้สูบบุหรี่รายครัวเรือนโดยอาศัยอาสาสมัครสาธารณสุขรวบรวมข้อมูลและเจ้าหน้าที่
ผู้รับผิดชอบงานบุหรี่ของโรงพยาบาลให้การบำบัดในชุมชน ต่อยอดการขยายไปยังมัสยิดต่างๆ ของพื้นที่
ตำบลตุยง ดังนั้นคลินิกอดบุหรี่โรงพยาบาลหนองจิกได้เห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบการให้บริการ
ช่วยเลิกบุหรี่ในผู้นำศาสนาประจำมัสยิดตุยงโดยให้ผู้นำศาสนาเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อขยายการบริการเลิก
บุหรี่ รวมถึงคนในชุมชนสามารถเข้าถึงบริการคลินิกอดบุหรี่ได้มากขึ้น โดยเน้นผู้นำศาสนาช่วยขับเคลื่อน
การดำเนินงานรณรงค์ ประชาสัมพันธ์การเลิกบุหรี่ ให้ความรู้เรื่อง โทษพิษภัยบุหร่ีและวิธีการเลิกบุหรี่แก่ผู้
สูบบุหรี่ที่มาละหมาดในมัสยิดช่วงวันศุกร์ เป็นบุคคลต้นแบบทางศาสนา ช่วยชักจูง และเป็นแบบอย่างการ
เลิกบุหรี่ให้แก่ชุมชน
วัตถุประสงค์
เพ่อื พัฒนาระบบบริการชว่ ยเลิกบหุ รี่ในผู้นำศาสนาเน้นการมีสว่ นร่วม
เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ในการดำเนินงาน
1.ใบสมัครเข้ารว่ มโครงการเลิกบุหรใี่ นผนู้ ำศาสนา
2.เครื่องชงั่ นำ้ หนักชนิดยนื แบบดจิ ทิ ลั
3.เคร่ืองวดั ความดนั โลหิตแบบดิจทิ ลั
4.เคร่ืองเป่า Smokerlyzer ตรวจวดั ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ในปอด
5.โปรแกรม Hos. PCU เพื่อบันทกึ ข้อมูลการคดั กรอง ประวตั ิการสบู บหุ ร่ีและตดิ ตามผบู้ ำบดั เลกิ บุหร่ี
6.สมุนไพรช่วยเลิกบุหร่ี ได้แก่ กานพลแู ห้ง และมะนาว
7.ภาพพลกิ โทษพิษภยั บหุ ร่ี ดูรูปปอดดีและปอดเสีย เอกสารแผ่นพบั เก่ียวกบั โรคที่พบจากการสบู บุหรี่
วิธีการดำเนนิ งาน
1.ประสานงานกบั ตวั แทนผูน้ ำศาสนา จำนวน 3 แหง่ ประจำมัสยดิ หมูท่ ี่ 2 , 4 , 5 ตำบลตุยง ระยะเวลา
ดำเนนิ งาน 2 ปี เพื่อดำเนินงานการช่วยเลิกบุหรตี่ ้ังแต่ ตลุ าคม 2561 - กันยายน 2563
2.คดั กรองการสบู บหุ รีใ่ นผ้นู ำศาสนาแตล่ ะมสั ยดิ จำนวน 3 แหง่ ประกอบดว้ ย อหิ มา่ ม คอเต็บ บหิ รนั่ และ
กรรมการมสั ยดิ แห่งๆ ละ 15 ราย รวมทง้ั หมด 45 ราย ซึ่งใชใ้ บสมคั รเขา้ ร่วมโครงการเลิกบหุ ร่ใี นผู้นำศาสนา
วดั สญั ญาณชพี โดย การช่งั นำ้ หนกั , วัดความดนั โลหติ และใช้เครอ่ื งเปา่ Smokerlyzer ตรวจวดั ระดับ
คารบ์ อนมอนอกไซด์ (CO) ในปอด
3.คนื ข้อมูลปญั หาการสบู บุหรี่ใหก้ บั ผนู้ ำศาสนา คนในชมุ ชนทีม่ าละหมาดชว่ งวนั ศุกร์รับทราบเพื่อการ
ตดั สนิ ใจเลกิ บุหรี่
4.จดั สนทนากลมุ่ (Focus Group) ให้แก่ผู้นำศาสนาในแต่ละมัสยิด จำนวน 3 แหง่ ๆ ละ 15 คน ให้คำปรึกษา
การเลกิ บหุ รี่ร่วมกับใช้สมุนไพรกานพลูแห้ง มะนาวในทอ้ งถ่ิน จำนวน 2 ครั้ง และรว่ มกำหนดมาตรการมัสยดิ
ปลอดบุหร่ี สมุ่ ตรวจก้นบุหร่ีหลังออกมาตรการโดยเจา้ หนา้ ที่และผนู้ ำศาสนาประจำแต่ละมัสยดิ ทุก 3 เดอื น
5.ติดตามพฤติกรรมการสูบของผู้นำศาสนา 5 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ , 1 , 3 , 6 เดอื น และ 1 ปี หลงั เขา้ รับ
การบำบัดบหุ รี่ ประเมินผลตรวจวัดระดับคารบ์ อนมอนอกไซด์ (CO)ในปอด อาการที่พบชว่ งเลกิ บุหรี่และ
วธิ กี ารเลกิ พร้อมสุ่มตรวจสอบการปฏิบตั ิตามนโยบายมัสยิดปลอดบหุ ร่ี
ผลลพั ธ์
1. คดั กรองผู้นำศาสนาโดยการซักประวัติการสูบ จำนวน 45 ราย พบว่า ไมส่ บู บุหรี่ 12 ราย รอ้ ยละ
26.66 เลกิ บหุ รี่ได้ต้ังแต่ 1 ปีขึน้ ไป 9 ราย รอ้ ยละ 20 และสูบบหุ ร่ีอยู่ 24 ราย ร้อยละ 53.34 ส่วนใหญส่ บู
บหุ ร่ีซองเปน็ ประจำทุกวันร้อยละ 75 เฉลี่ยวันละ 10 มวน นำ้ หนกั สว่ นใหญ่อย่ใู นระหวา่ ง 54-73 กโิ ลกรมั
ระดบั ความดันโลหิตอยใู่ นช่วง 145/65 -173/91 มลิ ลิเมตรปรอท และตรวจวดั ระดับ CO ในปอดอยู่ระหว่าง
3-7 ppm จำแนกกลมุ่ ผนู้ ำศาสนาท่สี บู บหุ ร่ีเป็นกลุม่ พร้อมจะเลิกบหุ รี่ 18 ราย และกล่มุ ลังเลใจในการเลกิ 6
ราย ทง้ั 2 กลมุ่ ระดบั การติดนิโคตนิ อยู่ในระดบั ต่ำถึงปานกลาง
2.พยาบาลคลินกิ อดบหุ รีล่ งเชิงรุกทีม่ สั ยดิ จำนวน 2 คร้ัง เพ่อื ให้คำปรึกษาแก่ผู้นำศาสนาท่ีสบู บุหร่ี
เร่อื ง กำหนดวันเลกิ สูบท่ีแน่นอน ท้ิงอุปกรณ์ในการสบู แนะนำวิธกี ารเลิกบหุ รี่ อาการที่พบหลงั จากเลิก ปัญหา
และอุปสรรคท่ีพบ และการป้องกนั การกลบั ไปสูบซ้ำ
3. ติดตามพฤตกิ รรมการสบู บุหร่ขี องผู้นำศาสนาท่สี ูบบหุ รี่ จำนวน 24 ราย โดยการตดิ ตามเยย่ี มบ้าน
หรอื โทรศัพทส์ อบถาม จำนวน 5 คร้งั ไดแ้ ก่ 2 สปั ดาห์ , 1 , 3 , 6 เดือน และ 1 ปี พบวา่ กลมุ่ พร้อมจะเลกิ
บหุ ร่ี สามารถเลิกได้ตงั้ แต่ 1 ปีข้นึ ไป จำนวน 18 ราย และกลมุ่ ลังเลใจ สูบบุหรล่ี ดลงแต่ยังไม่เลิก 6 ราย
เนอ่ื งจากมคี วามเครยี ดและความเบื่อ เหงา
4.ทำสนทนากลมุ่ (Fogus Group) ในผ้นู ำศาสนาทเ่ี ลิกบหุ ร่ไี ดต้ ้งั แต่ 1 ปีข้ึนไป เพอื่ ถอดบทเรียนการ
เลิกบหุ ร่ีโดยการสัมภาษณร์ ายกลุ่ม วธิ กี ารเลกิ ได้แก่ วิธีการหักดบิ ร่วมกบั การปฏบิ ัตติ ามหลักคำสอนของ
ศาสนาโดยอา่ นอัลกุรอานซำ้ ๆ นำไปปฏิบัติ เพื่อนผ้นู ำศาสนาที่เลิกได้ชวนใหเ้ ลิก ได้รบั แรงจูงใจจากเพื่อนและ
พยาบาลคลินกิ อดบหุ รี่ กลวั การเป็นโรคเรื้อรัง สมุนไพรท่ีใช้ในการเลกิ บหุ ร่ีเป็นกานพลูแห้งไดร้ ับจากคลนิ ิกอด
บหุ ร่ใี หอ้ ม 1 ดอก จนพองเค้ียว 3 นาทแี ล้วกลนื กินน้ำตาม 1 แก้ว สลบั กบั มะนาวล้างไมต่ ้องปอกเปลอื ก หน่ั
เป็นชิน้ เล็กขนาดสีเ่ หลี่ยมลกู เต๋า เอามาดูดนำ้ แลว้ เค้ยี วท้ังเปลือก 3 นาที กลืน และกนิ น้ำตาม ซักถามถึง
แรงจูงใจทที่ ำให้เลิก ไดแ้ ก่ เลิกเพื่อสขุ ภาพตนเอง ปว่ ยเปน็ โรคเร้ือรงั อยู่ขณะน้ี ครอบครัวให้เลิก พยาบาลและ
กลมุ่ เพ่ือนผู้นำศาสนาชวนใหเ้ ลิก
5. ไดม้ าตรการมัสยิดปลอดบุหรี่และประเมนิ ผลการดำเนนิ งานมัสยิดปลอดบหุ ร่โี ดยสมุ่ ทุก 1 เดอื น/
คร้ัง จำนวน 2 เดอื นแรก ครงั้ ตอ่ ไปทกุ 3 เดือน พบว่า ในช่วง 2 เดอื นแรก มีก้นบุหรี่ลดนอ้ ยลง และครั้งต่อไป
ทกุ 3 เดือน ไม่พบกน้ บุหร่ีในบริเวณมสั ยดิ และมีการประกาศเสยี งตามสายในมสั ยดิ เกย่ี วกบั มาตรการมัสยดิ
ปลอดบุหร่ีทุกวันศุกร์เพ่ือใหผ้ ู้มาละหมาดรบั ทราบ มีข้อปฏิบตั ดิ ังน้ีคือ
1, ห้ามผู้มาละหมาดสูบบุหรแ่ี ละท้ิงกน้ บุหรี่ ภายในบริเวณมัสยิด
2. ผู้นำศาสนาต้องเป็นแบบอย่างในการเลกิ บุหรี่แก่คนในชุมชน
3. ผู้นำศาสนาใหค้ วามรู้เรือ่ ง โทษพษิ ภยั บุหรีท่ ุกวนั ศกุ ร์ในมสั ยดิ
4. มสั ยดิ มีปา้ ยติดเป็น เขตปลอดบุหร่ี ฝ่าฝนื ปรับ 5,000 บาท
5. สุ่มตรวจก้นบหุ รภ่ี ายในมสั ยิด โดยคณะกรรมการสุม่ ตรวจทุก 1-3 เดอื น
วจิ ารณ์
จากการดำเนินงานคัดกรองและใหก้ ารบำบัดเชงิ รกุ ในมสั ยิดแก่ผู้นำศาสนา จำนวน 3 แห่ง ของตำบล
ตุยง ระยะเวลาดำเนนิ งานตง้ั แต่ ตลุ าคม 2561 - กันยายน 2563 พบผู้นำศาสนาแบง่ เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลมุ่ ท่ี
ไม่สบู บหุ รี่ กลมุ่ ที่เลิกบุหรีไ่ ด้ต้ังแต่ 1 ปีขนึ้ ไป และกลุ่มท่สี ูบบหุ รี่ โดยพยาบาลคลนิ ิกอดบุหร่ใี หค้ ำปรกึ ษาการ
ชว่ ยเลกิ บุหรี่แก่กลุ่มผนู้ ำศาสนาท่ีอยู่ในระยะความพร้อมในการเลิก ซง่ึ สามารถเลิกบุหร่ีได้ตั้งแต่ 1 ปขี น้ึ ไป
จำนวน 18 ราย ใชว้ ิธกี ารหักดิบรว่ มกับการปฏบิ ตั ิตามหลักคำสอนของศาสนาโดยอ่านอัลกุรอานซำ้ ๆ นำไป
ปฏบิ ัติ การใช้สมนุ ไพรพวกกานพลแู ห้งและมะนาว เพื่อนผู้นำศาสนาท่เี ลกิ ได้และพยาบาลคลนิ ิกอดบุหรี่ชวน
ให้เลิก ปจั จัยทที่ ำให้เลิกบุหร่ีไดค้ อื การมีจติ ใจที่เข้มแข็ง ความตงั้ ใจจรงิ ในการเลิกบหุ ร่ี สุขภาพของตนเอง
เพื่อนและคนในครอบครัวสนบั สนุนใหเ้ ลกิ บหุ ร่ี สอดคล้องกับการศึกษาท่ีวา่ แนวทางการเลิกยาสบู ของผู้นำ
ศาสนาอิสลามในจังหวัดยะลา คือ การหักดบิ การลดลงอย่างชา้ ๆ การหาส่ิงเบยี่ งเบนความสนใจ และการ
หา่ งไกลสงิ่ กระตนุ้ โดยปจั จัยที่ช่วยใหเ้ ลกิ ยาสบู ได้สำเร็จ ได้แก่ การมจี ติ ใจทีเ่ ขม้ แข็ง การมีแรงเสรมิ จาก
ครอบครวั การมโี รคประจำตัว การดำรงตำแหน่งทางศาสนา ทัศนะต่อการใชย้ าสบู กำหนดวันเลกิ สูบ การ
ไดร้ ับแรงเสรมิ จากแพทย์ การไดร้ ับแรงเสริมจากเพื่อน ความฟมุ่ เฟือย และการ มีความรู้ความเข้าใจท่ถี ูกตอ้ ง
เกย่ี วกบั ยาสบู (ทนิ มณี แซ่เหลียง, และซอฟยี ะห์ นิมะ, 2561) และยังสอดคล้องกับการศกึ ษาท่วี ่า ปัจจัยทีม่ ี
ผลต่อการความต้งั ใจเลกิ สบู บุหรีข่ องผู้นำศาสนาอิสลามใน 5 จงั หวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ปัจจัยสว่ นบุคคล ทีม่ ีผล
ต่อความตั้งใจเลิกบหุ ร่ี ประกอบดว้ ย ลกั ษณะงานทท่ี ำ รายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดอื น บทบาททางศาสนาและระดบั
การศึกษา ปจั จัยทางจิตสังคมที่มีผลต่อความต้ังใจเลิกบุหร่ี ประกอบด้วย ความคดิ ต่อการการสูบบุหรี่ การรบั รู้
ภาวะทางสขุ ภาพตนเอง และความผูกพนั ทางสังคม ได้แก่ การมีบุคคลท่สี ามารถช่วยทำใหเ้ ลิกบหุ รี่ ปจั จยั
ส่ิงแวดล้อมทางวฒั นธรรมที่มีผลต่อความตง้ั ใจเลิกบุหรี่ ประกอบดว้ ย แหลง่ ที่อย่อู าศยั ซึ่งเป็นเขตการปกครอง
และบรรทัดฐานทางศาสนาเกี่ยวกับการสบู บุหรี่ (สรินฎา ปุต,ิ 2561) นอกจากนี้ผู้นำศาสนาได้มสี ว่ นรว่ มโดย
รว่ มกนั กำหนดมาตรการมสั ยดิ ปลอดบุหรี่เพื่อถือปฏบิ ัติ รณรงค์ ประชาสมั พนั ธ์ ใหค้ วามรโู้ ทษพิษภัยบหุ รี่แก่ผู้
ท่มี าละหมาดในมัสยดิ ทกุ วันศุกร์ และเจา้ หนา้ ท่ีสาธารณสุขร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขติดตามพฤติกรรม
การสูบอยา่ งต่อเน่ืองระยะเวลา 1 ปี ตลอดจนมกี ารขยายการชว่ ยเลิกบหุ ร่ไี ปยังมสั ยิดในชุมชนอ่ืนๆ ตอ่ ไปเป็น
การพัฒนาระบบบริการชว่ ยเลกิ บหุ ร่ีในมสั ยดิ โดยใชผ้ นู้ ำศาสนาเข้ามามีสว่ นร่วมซึง่ เปน็ ส่ิงสำคญั เนอื่ งจากผู้นำ
ศาสนาเปน็ ต้นแบบทางศาสนาที่คนในชุมชนใหค้ วามเคารพและนับถือ ศรัทธา และเป็นแบบอย่างการเลิกบุหร่ี
ให้แกช่ มุ ชน รวมทัง้ ชว่ ยในการรณรงค์ ประชาสมั พนั ธ์ ให้ชุมชนเห็นความสำคัญของการไม่สบู บหุ รี่ ลดการเกดิ
โรคเรื้อรัง บหุ รเี่ ปน็ สาเหตุหน่ึงทท่ี ำให้เกดิ โรคจากพฤติกรรมความเคยชินโดยผสู้ ูบบุหรไ่ี ม่ไดต้ ระหนักถงึ โทษพิษ
ภยั ดงั น้นั ผู้นำศาสนาในแตล่ ะมสั ยิดชว่ ยในการขับเคล่ือน รณรงคก์ ารเลิกบุหรี่เพ่ือนำไปสู่ชมุ ชนมีสขุ ภาพดี
สรปุ ผล
การพัฒนาระบบบรกิ ารชว่ ยเลกิ บุหร่ีโดยผนู้ ำศาสนามีสว่ นรว่ ม ไดแ้ ก่ การใหค้ วามรว่ มมือในการ
ปฏิบตั ใิ นการเลิกบหุ ร่ีหลังจากได้รับคำปรกึ ษาจากพยาบาลคลินิกอดบหุ รี่ เป็นบุคคลต้นแบบการเลกิ บหุ ร่ีใหแ้ ก่
คนในชมุ ชน ชกั ชวนคนสบู บุหร่ที ี่มาละหมาดใหเ้ ลิก ให้ความรโู้ ทษพิษภยั บหุ ร่ี วธิ ีการเลิก และรว่ มรณรงค์การ
เลิกบหุ รีใ่ ห้แก่คนในชุมชน การให้ความรว่ มมือในการชว่ ยเลิกบุหรี่ควรมกี ารดำเนนิ การในหลายระดบั ตง้ั แต่ใน
ระดับบคุ คล ครอบครัว ชมุ ชน หน่วยงานปกครองส่วนท้องถ่นิ องคก์ รศาสนา และระดับนโยบายประเทศ
รวมท้งั มคี วามเชื่อมโยงในปัจจัยต่าง ๆ ท่ีเปน็ ตัวกำหนดพฤตกิ รรมนำไปสกู่ ารสูบบหุ ร่ี โดยไมส่ ามารถท่ีจะใช้
วธิ ีการเพียงวธิ ีเดียวในการแก้ปญั หาได้ ต้องอาศยั พลงั ของเครือขา่ ยในระดับชุมชนเขา้ มามีส่วนร่วมเพอ่ื ผลกั ดนั
ใหค้ นในชมุ ชนมภี าวะสุขภาพดีนำไปส่ชู ุมชนและสงั คมปลอดบหุ รตี่ อ่ ไป
ข้อเสนอแนะ
1.ผนู้ ำศาสนาควรเลกิ บุหรใ่ี หเ้ รว็ ที่สดุ เพอ่ื เป็นต้นแบบให้กับคนในชุมชนได้ปฏิบตั ติ ามเชน่ เดียวกับผนู้ ำ
ครอบครัวเลกิ บุหรีเ่ พื่อเปน็ ตน้ แบบใหก้ ับสมาชิกในครอบครัว
2.ควรเสรมิ สรา้ งพลงั อำนาจใหก้ บั ครอบครัว เพื่อสนับสนุนให้ครอบครัวมสี ่วนร่วมในการช่วยเหลือให้ผูส้ บู เลิก
โดยครอบครัวมีบทบาทรว่ มวางแผน ค้นหาวธิ ีการ เสริมแรงจูงใจ ตัดสินใจเลือกวธิ ีปฏิบัติ รว่ มปฏิบัติการ
3.ผูน้ ำศาสนาควรเร่ิมปลกู ฝังความรู้ ความเขา้ ใจ และทัศนะคติต่อการสบู บุหร่ีวา่ เป็นส่ิงต้องห้าม (ฮะรอม)
ให้กบั เด็ก ๆ ตั้งแตใ่ นระดบั โรงเรียนตาดกี า
4.ผ้นู ำศาสนาสรา้ งความตระหนกั ใหก้ ับคนในชมุ ชน โดยนำหลกั การทางศาสนาไปใชใ้ นการเลิกบหุ ร่ี
เอกสารอา้ งองิ
ประกิต วาทีสาธกกจิ . (2560). สถติ กิ ารสบู บหุ ร่ขี องคนไทย. กรงุ เทพมหานคร: มูลนิธริ รณรงค์เพอื่ การไม่
สูบบหุ รี.่
ทินมณี แซเ่ หลยี ง และซอฟยี ะห์ นิมะ. (2561). แนวทางการเลกิ ยาสบู ของผู้นำศาสนาในจังหวัดยะลา.
วารสารเครือขา่ ยวิทยาลยั พยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ ปีที่ 5 ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน
2561 หน้า 16-31.
สรินฎา ปุติ. (2561). ปัจจัยทส่ี ง่ ผลตอ่ ความตั้งใจเลกิ สูบบหุ รข่ี องผูน้ ำศาสนาใน 5 จังหวดั ชายแดนใต้. วารสาร
มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร: มนษุ ยศาสตร์ สังคมศาสตร์และศลิ ปะ, 11(3), 1148-66.
ผลงานนาเสนอมหกรรมวิชาการเขตสขุ ภาพที่ 12 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
ชอื่ เร่ือง การพฒั นาระบบการดูแลผปู้ ่วยเบาหวานทคี่ วบคุมระดับน้าตาลในเลอื ดไม่ได้
ผูน้ าเสนอ นางสาวจุฑาศินีย์ หนเู ริก ตา้ แหน่ง พยาบาลวิชาชีพช้านาญการ
เบอรโ์ ทร 089-2891319 E-mail [email protected]
นายวรวฒุ ิ คงตุก ต้าแหนง่ แพทยแ์ ผนไทยปฏบิ ัติการ
เบอร์โทร 089-5238825 E-mail [email protected]
หนว่ ยงาน โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพต้าบลในเตา อ้าเภอ ห้วยยอด จงั หวดั ตรงั
บทคดั ยอ่
การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานท่ีควบคุมระดับน้าตาลในเลือดไม่ได้คร้ังน้ีเป็นการศึกษา
ประเภท CQI Clinic ระดับหน่วยงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต้าบล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วย
เบาหวานสามารถควบคุมค่าHbA1Cน้อยกวา่ รอ้ ยละ 7 ร้อยละ 25 และได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน
ทาง ตา เท้า ร้อยละ 60 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานท่ีอยู่ในเขตรับผิดชอบ
จา้ นวน 92 คน ด้าเนินการโดยใช้วิธีการวัดระดับน้าตาลในเลือดก่อนเปรียบเทียบกับระดับน้าตาลในเลือดหลัง
การด้าเนินการ เครื่องมือที่ใช้ในการด้าเนินการแบบันทึกค่าระดับน้าตาลในเลือด คู่มือสมุดประจ้าตัวบันทึก
รายการอาหารประจ้าวนั ทา้ การวิเคราะหค์ ่าระดับน้าตาลในเลอื ดกอ่ นและหลังการดา้ เนินการ
ผลการด้าเนินการพบวา่
จ้านวนผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด 92 คน มีผู้ควบคุมเบาหวานได้ก่อนด้าเนินงาน ทั้งหมด 13
คน คิดเป็นร้อยละ 14.13 มีผู้ป่วยท่ีควบคุมได้หลังด้าเนินการ ทั้งหมด 48 คน คิดเป็นร้อยละ 52.17 และ มี
ผปู้ ่วยทคี่ วบคุมไม่ไดห้ ลังดา้ เนนิ การ ทั้งหมด 31 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 33.69
จากข้อมูลการให้บริการ Health Data Center (HDC) พบว่าอัตราร้อยละผู้ป่วยเบาหวาน
ท่ีควบคุมระดับน้าตาลได้ในปีงบประมาณ 2562 สามารถควบคุมระดับน้าตาลได้เพ่ิมขึ้นเป็นร้อยละ 52.17
มากกวา่ ในปงี บประมาณ 2560 รอ้ ยละ 17.28 และปีงบประมาณ 2561 ร้อยละ 16.88
1. ชื่อเร่อื ง การพฒั นาระบบการดูแลผูป้ ่วยเบาหวานท่คี วบคุมระดับน้าตาลในเลือดไม่ได้
2. ผูน้ าเสนอ นางสาวจฑุ าศินีย์ หนเู รกิ พย.บ.,นายวรวฒุ ิ คงตุก พท. โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตา้ บลในเตา
3. บทนา
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ส้าคัญ มากส้าหรับประเทศไทยในปี พ.ศ.
2555 ถึงปี พ.ศ.2558 พบผู้ป่วยโรคเบาหวานในอัตรา 968.22, 1,050.05 และ1,081.25 ต่อแสนประชากร
ตามลา้ ดับ จากสถิตจิ ้านวนผูป้ ่วยเบาหวานของโรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตา้ บลในเตาตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2559 ถึงปี
พ.ศ.2561 พบอตั ราป่วย 26.54,21.71 และ 23.34 ตอ่ พันประชากรตามลา้ ดับ จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน
มีจา้ นวนเพ่มิ มากขน้ึ และนอกจากนจี้ ้านวนร้อยละของผปู้ ่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้าตาลในเลือดได้ดีระดับ
ค่าHbA1c น้อยกว่า 7 ในอัตราร้อยละ 17.28,15.29 และ 16.88 ตามล้าดับ ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์เป้าหมาย ท้ังน้ี
เน่ืองจากการควบคมุ ระดับน้าตาลในเลือดให้เป็นปกติหรอใกล้เคียงปกติตลอดเวลานั้นท้าได้ยากและไม่สามารถ
ท้าได้ในผ้ปู ่วยทกุ ราย ซึง่ การท่ผี ้ปู ว่ ยจะสามารถควบคุมตนเองในการปฏบิ ัตพิ ฤติกรรมทีท่ า้ ให้น้าตาลอยู่ในระดับ
ปกติได้หรือไม่นั้นข้ึนอยู่กับตัวผู้ป่วยเองท่ีจะต้องเห็นความส้าคัญและยอมรับการเปล่ียนแปลงพฤติก รรมน้ันๆ
อาจกล่าวได้ว่าการควบคุมระดับน้าตาลในเลือดเป็นบทบาทของผู้ป่วยและการมีส่วนร่วมของครอบครัวท่ี
จะต้องจัดการดูแลและพ่ึงตนเองได้ เนื่องจากการควบคุมระดับน้าตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเป็นเร่ืองยาก ทาง
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต้าบลในเตาจึงได้พัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยเน้นการมีส่วนร่วมของครอบครัวและ
ชุมชน โดยผู้ป่วยและญาติมีความตระหนักเห็นความส้าคัญ ใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง สามารถปรับเปล่ียน
พฤติกรรมได้จนน้าไปสู่การควบคุมระดับน้าตาลในเลือดได้ ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนอยู่ในสังคมได้เป็นปกติสุข
เกดิ บุคคลตน้ แบบในชมุ ชนสามารถแนะนา้ และถ่ายทอดประสบการณใ์ หก้ ับผู้ป่วยคนอ่ืนๆได้ และภาคีเครือข่าย
ในชุมชนรว่ มจดั การปญั หาและสนบั สนนุ การดูแลช่วยเหลอื สวสั ดิการทางสังคมให้กับผูป้ ว่ ยและครอบครัว
จุดประสงค์และเป้าหมายของการดาเนินงาน
1. ผู้ปว่ ยเบาหวานสามารถควบคุมคา่ HbA1Cนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 7 รอ้ ยละ 25
2. ผูป้ ว่ ยเบาหวานสามารถควบคุมไดร้ บั การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทาง ตา เท้า รอ้ ยละ 60
4. วัสดแุ ละวิธกี ารดาเนนิ งาน
กล่มุ เปา้ หมาย
- กลมุ่ ผ้ปู ่วยเบาหวานท่คี วบคมุ ระดบั น้าตาลไมไ่ ด้ จา้ นวน 92 คน
เครื่องมอื ท่ีใชเ้ กบ็ ขอ้ มลู
- แบบบันทึกผล HbA1Cก่อนหลังการดา้ เนินงาน
วิธีดา้ เนินการ
กิจกรรมการพัฒนารอบที่ 1
จัดท้าทะเบยี นรายชอ่ื ผู้ป่วยท่คี วบคมุ ระดบั น้าตาลไม่ไดใ้ นไตรมาสท่ี4
ให้ความรใู้ นการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมกับผู้ปว่ ยที่ควบคุมระดับน้าตาลไม่ไดใ้ นไตรมาสท่ี4
ผ้ปู ่วยได้รับการตรวจคดั กรองภาวะแทรกซ้อนทางตา เท้าท่คี ลนี ิคNCDโรงพยาบาลหว้ ยยอด
กจิ กรรมการพัฒนารอบที่ 2
จัดท้าทะเบียนผู้ป่วยท่ีควบคุมระดับน้าตาลไม่ได้และผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการตรวจคัดกรอง
ภาวะแทรกซ้อนทางตา เท้าในไตรมาสท่ี1
แต่งตั้งค้าสั่งคณะกรรมการและคณะท้างานโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCD Borad)ระดับต้าบลข้ึน
เพ่ือร่วมกันวางแผนการดูแลผู้ปว่ ยโรคเรื้อรงั ในต้าบลให้มีคุณภาพดีขึ้นและประชุมติดตามการ
ด้าเนินงานในไตรมาสสุดท้าย
เสนอแผนงานและโครงการคดั กรองภาวะแทรกซ้อนในผูป้ ่วยเบาหวานในงบกองทุนสปสช.
มีการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางตาเท้าในรพ.สต.ในผู้ป่วยเบาหวานทุกคนโดยได้รับ
การสนับสนุนเคร่ืองมือในการตรวจและบุคลากรจากเครือข่าย ตามกิจกรรมในโครงการคัด
กรองภาวะแทรกซอ้ นในผ้ปู ว่ ยเบาหวาน
จัดกจิ กรรมปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมกับโดยการอบรมใหค้ วามรู้กับผ้ปู ่วย
กจิ กรรมการพฒั นารอบที่ 3
จัดท้าทะเบียนผู้ป่วยที่ควบคุมระดับน้าตาลไม่ได้และผู้ป่วยท่ีไม่ได้รับการตรวจคัดกรอง
ภาวะแทรกซ้อนทางตา เท้าในทุกๆไตรมาส
มีการประชมุ คณะกรรมการและคณะท้างานโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCD Borad)ระดับต้าบลตาม
ค้าสั่งแต่งตั้ง ปีละ2 ครั้งเพื่อติดตามผลงานด้าเนินงานและวางแผนร่วมกันในการท้างานใน
ชมุ ชนเพ่อื ให้ผูป้ ว่ ยไดร้ บั การดแู ลอยา่ งครอบคลมุ ทุกคน
พัฒนารปู แบบการดูแลผปู้ ว่ ยในสถานบริการโดยบูรณาการงานร่วมกับแพทย์แผนไทยคู่ขนาน
เข้ามารว่ มในการดูแลผู้ปว่ ยโดยการปรงุ ยาต้ม การใช้ยาสมุนไพร การนวดเท้าผู้ป่วยเบาหวาน
ท่มี ีอาการชา สมาธิบา้ บัดด้วยวิธีฤาษีดัดตน โดยมีคู่มือสมุดประจ้าตัวบันทึกรายการอาหารท่ี
ผู้ปว่ ยรบั ประทานในแตล่ ะวนั
พัฒนารูปแบบการปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมในผู้ป่วยทม่ี ีค่าน้าตาลสะสม(HbA1C) มากกว่า7 โดย
การสร้างแรงจูงใจ เน้นให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางเป็นผู้ก้าหนดแผนและเป้าหมายในการควบคุม
ระดับน้าตาลร่วมกัน และวางแผนติดตามเยี่ยมผู้ป่วย สัปดาห์ละ 2 วัน นัดติดตามผู้ป่วยเพ่ือ
เจาะเลือดดูระดับน้าตาลสะสมในเลือด(HbA1C) ครั้งท่ี 2 หลังการปรับเปล่ียนระยะเวลา 3
เดือน
มอบเกียรติบัตรและของขวัญพร้อมท้าป้ายเชิดชูบุคคลต้นแบบในการปรับเปล่ียนพฤติกรรม
ให้กับผู้ป่วยที่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจนควบคุมระดับน้าตาลสะสมในเลือดได้อยู่ใน
เกณฑ์ปกติ เพ่ือเป็นขวัญและก้าลังใจให้ผู้ป่วยและเป็นแบบอย่างแก่ผู้ป่วยคนอ่ืนๆท่ีไม่
สามารถควบระดบั นา้ ตาลได้
5. ผลการดาเนนิ งาน
กลุ่มผ้ปู ว่ ยเบาหวาน จานวน คิดเปน็ รอ้ ยละ
ควบคุมเบาหวานไดก้ ่อนดา้ เนินการ 13 14.13
ควบคุมเบาหวานไดห้ ลังดา้ เนนิ การ 48 52.17
ควบคุมเบาหวานไมไ่ ดห้ ลังด้าเนินการ 31 33.69
รวมทั้งหมด 92 100
จากตารางพบว่า จ้านวนผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด 92 คน มีผู้ควบคุมเบาหวานได้ก่อนด้าเนินงาน
ท้ังหมด 13 คน คิดเป็นร้อยละ 14.13 มีผู้ป่วยท่ีควบคุมได้หลังด้าเนินการ ท้ังหมด 48 คน คิดเป็นร้อยละ
52.17 และ มผี ปู้ ่วยทีค่ วบคุมไมไ่ ด้หลังด้าเนนิ การ ท้ังหมด 31 คน คิดเป็นร้อยละ 33.69
ขอ้ มลู การใหบ้ ริการจากระบบ Health Data Center (HDC)
รอ้ ยละผ้ปู ่วยเบาหวานท่คี วบคุมระดบั นาตาลได้ ในปีงบประมาณ
60
52.17
50
40
30
20
10
2560 2561 2562
0
จากแผนภูมิพบว่า อัตราร้อยละผู้ป่วยเบาหวานท่ีควบคุมระดับน้าตาลได้ในปีงบประมาณ 2562
สามารถควบคุมระดับน้าตาลได้เพ่ิมข้ึนเป็นร้อยละ 52.17 มากกว่าในปีงบประมาณ 2560 ร้อยละ 17.28 และ
ปงี บประมาณ 2561 ร้อยละ 16.88
6. วิจารณ์/ขอ้ เสนอแนะ
1. การดูแลผู้ป่วยเบาหวานท่ีควบคุมระดับน้าตาลในเลือดไม่ได้โดยการมีส่วนร่วมของ ครอบครัว ภาคี
เครือข่ายในชุมชนและเครือข่ายบริการสาธารณสุขระดับอ้าเภอท้าให้ผู้ป่วยสามารถปรับเปลี่ยน
พฤตกิ รรม ดูแลตนเองและพึ่งพาตนเองได้
2. รปู แบบการดูแลผปู้ ่วยโดยการมสี ่วนรว่ มของทุกภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกชุมชนท้าให้ผู้ป่วยเกิด
การยอมรับและตระหนักในการใส่ใจดแู ลตนเองมากขึน้
3. กิจกรรมรูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้าตาลในเลือดไม่ได้โดยการให้ความรู้
ค้าแนะน้า พูดคุย สร้างแรงจูงใจจนท้าให้ผู้ป่วยเกิดความตระหนัก น้าไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
จนทา้ ให้ผูป้ ว่ ยสามารถควบคมุ ระดับน้าตาลได้ ซึง่ เกดิ เปน็ ผลงานที่ประจักษช์ ัดเจน
7. สรุป - จดั เวทปี ระชาคมพดู คุยปัญหาของโรคเรอ้ื รังในพื้นที่
- มีค้าสั่งคณะกรรมการและท้างานของภาคีเครือข่าย
- วิเคราะห์สภาพปัญหา
- วิเคราะห์ผ้ปู ว่ ย ในการพัฒนาและป้องกันโรคไมต่ ิดเรือ้ รงั ระดับต้าบล
- วิเคราะห์บริบทของชมุ ชน - จดั ทา้ แผนในการดูแลผู้ป่วย
- สรุปการด้าเนนิ งาน
- ประเมนิ ผลการดา้ เนินงานก่อน-หลงั
การดูแลผ้ปู ่วย - ปรับปรงุ พฒั นางานให้ครอบคลุมและ
- ประเมนิ ความพึงพอใจในการดูแล มีความยัง่ ยนื ต่อไป
ผู้ปว่ ย -ขยายเครอื ขา่ ยในชุมชนโดยเพือ่ นชว่ ย
เพอื่ นจากบุคคลต้นแบบ
8. เอกสารอา้ งอิง
1. กรมควบคุมโรค. คูม่ ือแนวทางการดา้ เนนิ งานเป้าหมายตัวชวี้ ดั การปอ้ งกันควบคุมโรคไม่ติดต่อ. ส้านัก
โรคไมต่ ดิ ต่อ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสขุ , 2561: หนา้ 12.
2. ดารณี เทียมเพ็ชร์,กศิมา สง่ารัตนพิมาน,มัญฑิตา อักษรดี,เพ็ญพร ทวีบุตร,วรเดช ช้างแก้ว, “การ
พัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานลงสู่ชุมชน แบบไร้รอยต่ออ้าเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว”,วารสาร
พยาบาลกระทรวงสาธารณสุข 10(มกราคม 2559):156-167.
3. ผศ.ภก.วิระพล ภิมาลย์, ผศ.ดร.ภญ.ปวิตรา พูลบุตร.กลุ่มวิชาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.2559.ผลของมะระข้ีนกในรักษาโรคเบาหวาน: กลไกการออกฤทธิ์และ
ประสิทธภิ าพทางคลนิ ิก.หน้า6-7.
4. วงเดือน ฦาชา,สุชัญญา เบญจวัฒนานนท์,กาญจนา เปสี,พนิตนาฏ รักษ์มณี, “การพัฒนาระบบการ
ดูแลผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลชัยภูมิ”,วารสารกองการพยาบาล 38(มกราคม-เมษายน 2554):31-
40.
1 แบบฟอรม์ บทคัดย่อผลงาน
[ ] วจิ ัย [ ] R2R [ / ] CQI (Clinic) [ ] CQI (Non-Clinic)
2.ประเภท หน่วยงาน
[ ] รพศ.-รพท. [ ] รพช. [ / ] รพ.สต.- ศสม. [ ] สสจ.-สสอ.
3.การเสนอผลงาน
[ / ] ไม่เคยนำเสนอ เผยแพร่มาก่อน [ ] เคยเผยแพร่ (พัฒนาต่อยอด)
ช่อื เรอ่ื ง : การพฒั นารปู แบบการกำจดั ลกู นำ้ ยงุ ลายเพ่อื ปอ้ งกันโรคไข้เลือดออกอยา่ งมสี ่วนรว่ ม
ผูน้ ำเสนอ : นางสาวอานาตี สทุ ธิพันธ์ ตำแหนง่ นกั วิชาการสาธารณสขุ ชำนาญการ
หนว่ ยงาน : โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตำบลท่าสาป อำเภอเมอื งยะลา จงั หวดั ยะลา
มือถือ : 085-6407880 E-mail : [email protected]
เนื้อหาโดยย่อ
การพัฒนารูปแบบการกำจัดลูกน้ำยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนร่วม ดำเนินการใน
พ้นื ที่ตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา มีวตั ถุประสงค์เพ่ือ 1) เพ่ือพัฒนารูปแบบการกำจัดลูกน้ำ
ยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนร่วม 2) ศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของรูปแบบการ
กำจดั ลกู น้ำยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนร่วม การพัฒนารูปแบบฯ ดำเนินการอย่างตอ่ เน่ือง
ตั้งแต่ปี 2561- ปัจจุบัน โดยมีวงจรของการพฒั นาตามแนวคดิ P-D-C-A
ผลการศึกษา พบว่า รูปแบบการกำจัดลูกน้ำยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนร่วม ใน
พื้นที่ตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ประกอบด้วย 6 ด้าน คือ 1) การมีผู้นำที่เข้มแข็งและ
กรรมการรับผิดชอบท่ีชัดเจน 2) การสนับสนุนจากองค์กรภาคีเครือข่ายในชุมชน 3) การมีส่วนร่วมของภาคี
เครือข่ายและประชาชน 4) การสร้างแกนนำนักเรียนในโรงเรียนและตาดีกาเพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำ
ยุงลายและยุงลายตัวแก่ 5) การประชาสัมพันธ์ 6) การสรา้ งแรงจูงใจ
รายละเอียดเอกสารฉบับเต็ม ประกอบดว้ ย
1. ชอ่ื เรอ่ื ง การพัฒนารูปแบบการกำจดั ลกู น้ำยงุ ลายเพ่อื ป้องกนั โรคไขเ้ ลือดออกอย่างมีส่วนร่วม
2. ชือ่ เจ้าของผลงานและสงั กดั นางสาวอานาตี สุทธพิ ันธ์ ตำแหน่ง นักวชิ าการสาธารณสขุ ชำนาญการ
วฒุ กิ ารศกึ ษา วท.บ. (สาธารณสุขชมุ ชน)
สังกัด โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตำบลทา่ สาป อำเภอเมอื งยะลา
จงั หวัดยะลา
3. บทนำ
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อซึ่งมียุงลายพาหะนำโรคท่ีสำคัญ จากข้อมูลการวิเคราะห์สาเหตุของ
การเกิดโรคทั้ง 3 องคป์ ระกอบ ได้แก่ 1) Host จากขอ้ มลู ผ้ปู ่วย พบว่า ผู้ป่วยสว่ นใหญ่เป็นเด็กนักเรยี น อายุ
ระหวา่ ง 5-19 ปี 2) Agent ยุงลายส่วนใหญ่ออกหากินในเวลากลางวัน เพาะขยายพันธุ์ในน้ำใสสะอาดและเป็น
น้ำนิ่ง 3) Environment ลักษณะภูมิประเทศของตำบลท่าสาป เป็นท่ีราบใกล้แม่น้ำปัตตานี ทำให้ช่วงฤดูฝน
เกิดน้ำท่วมทุกปี ส่วนลักษณะภูมิอากาศ ตำบลท่าสาป มี 2 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน (เดือนกุมภาพันธ์ –
พฤษภาคม) และฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม - กุมภาพันธ์) ปริมาณน้ำฝนเฉล่ีย 2,281.6 มิลลิเมตรต่อปี มีฝนตก
เฉลยี่ 135 วัน เดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ฝนตกชกุ มากที่สดุ (เทศบาลตำบลท่าสาป, 2562)
การพัฒนารปู แบบการกำจัดลูกน้ำยุงลายเพ่ือป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนรว่ ม ดำเนินการใน
พน้ื ที่ตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา มีวตั ถุประสงค์เพื่อ 1) เพ่ือพัฒนารูปแบบการกำจัดลูกน้ำ
ยุงลายเพ่ือป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนร่วม 2) ศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของรูปแบบการ
กำจดั ลูกน้ำยุงลายเพือ่ ป้องกนั โรคไข้เลือดออกอย่างมสี ่วนร่วม การพัฒนารูปแบบฯ ดำเนินการอย่างตอ่ เนื่อง
ต้งั แต่ปี 2561- ปจั จุบนั โดยมวี งจรของการพัฒนาตามแนวคดิ P-D-C-A
4. วัสดุและวิธีการ กล่าวถึงการออกแบบกลุ่มตัวอย่าง เคร่ืองมือท่ีใช้รวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ทาง
สถิตโิ ดยเรยี บเรียงตามข้ันตอน
วงจรการพฒั นา ลำดับที่ 1 การสรา้ งทมี SRRT (กุมภาพนั ธ์ 2561)
จัดทำคำสั่งเทศบาลตำบลท่าสาป ท่ี 13/ 2561 ลงวันท่ี 20 กุมภาพันธ์ 2561 เรื่องแต่งตั้ง
คณะกรรมการเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ระดับตำบล เขตพ้ืนที่ตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา
จังหวัดยะลา โดยมีนายมะสดี หะยีปิ นายกเทศมนตรีตำบลท่าสาปเป็นประธาน และนางยูนัยดะห์ กะดะแซ
พยาบาลวชิ าชพี ชำนาญการ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตำบลทา่ สาป เป็น
กรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการประกอบด้วยภาคีเครือข่ายท่ีเกี่ยวข้องท้ังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำ
ศาสนา อสม. ครูอนามัยโรงเรียน ประธานกลุ่มแม่บ้าน เป็นต้น คณะกรรมการฯ มีการประชุมคณะกรรมการ
ทุก 3 เดือน เพื่อจัดทำแผน ติดตาม และประเมินผล นอกจากนี้ มีการสร้างช่องทางการส่ือสารผ่าน
แอพพลเิ คช่นั ไลน์ เพือ่ ใหก้ ารสอ่ื สารสะดวก ทันเวลา และทันสมยั มากย่ิงขึน้
เม่ือทบทวนผลการดำเนินงาน พบวา่ มปี ญั หา/อปุ สรรค และแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้
ปัญหา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไขปัญหา
1. การสำรวจดัชนีลูกน้ำยุงลายในครัวเรือน (HI) 1. สร้างแกนนำสุขภาพด้านการดูแลส่ิงแวดล้อม
และในภาชนะ (CI) บริเวณบ้านผู้ป่วยไข้เลือดออก กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย เฝ้าระวัง และ
และบ้านเรือนใกล้เคียงในรัศมี 100 เมตร พบว่า ป้องกันโรคไข้เลือดออก ระดับครัวเรือนโดย
เกนิ เกณฑ์มาตรฐานบอ่ ยครงั้ เชื่อมโยงกบั สถานศึกษา
วงจรการพัฒนา ลำดับที่ 2 การสร้างแกนนำนักเรียนพัฒนาส่ิงแวดล้อม ป้องกันโรคไข้เลือดออก
ในโรงเรียน (มิถนุ ายน - กรกฎาคม 2561)
การประชมุ คณะกรรมการเฝ้าระวังสอบสวนเคล่ือนท่เี ร็ว (SRRT) ระดับตำบล เขตพื้นท่ีตำบลท่าสาป
เมื่อวันท่ี 18 พฤษภาคม 2561 ได้ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยไข้เลือดออก พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็ก
นักเรียน อายุระหว่าง 5-14 ปี จึงกำหนดกลุ่มเป้าหมายดำเนินกิจกรรมสร้างแกนนำนักเรียนพัฒนา
สิ่งแวดล้อมฯ ในกลุ่มนักเรียน ช้ัน ป.4-ป.6 ของโรงเรียนบ้านท่าสาป โรงเรียนบ้านลิมุด และโรงเรียนบ้าน
สาคอ รวมจำนวน 189 คน ดำเนินกิจกรรมระหว่างวันท่ี 16-25 มิถุนายน 2561 ประกอบด้วยการอบรมให้
ความรู้ พัฒนาทักษะการกำจัดลูกน้ำยุงลายในภาชนะที่แตกต่างกัน ปลูกฝังจิตสำนึกในการดูแลตนเอง
ครอบครัว และโรงเรียน และกำหนดบทบาทการทำลายแหล่งเพาะพันธลุ์ ูกน้ำยุงลายในโรงเรียนและครวั เรือน
ทุกสัปดาห์ พร้อมติดตามรายงานการสำรวจแหล่งเพาะพันธ์ุลูกน้ำยุงลายอย่างสม่ำเสมอ โดยสุ่มสำรวจใน
โรงเรยี นและครัวเรือน ทีมสำรวจประกอบดว้ ย ผู้ใหญบ่ ้าน เจ้าหนา้ ที่สาธารณสุข และ อสม.
ผลการประเมินความรู้ก่อน-หลัง พบว่า กลุ่มเป้าหมาย 189 คน ก่อนการอบรมสร้างแกนนำฯ
นักเรียนส่วนใหญ่ มีความรู้ระดับปานกลาง จำนวน 101 คน คิดเป็นร้อยละ 53.44 หลังการอบรมสร้างแกน
นำฯ นกั เรียนส่วนใหญ่ มีความรรู้ ะดับดี จำนวน 176 คน คดิ เป็นร้อยละ 93.12
ผลการสุ่มตรวจดัชนีลูกนำ้ ยุงลายในครัวเรอื น (HI) และในภาชนะ (CI) รายละเอียดดงั น้ี
วันท่ี ในโรงเรียน (N=3 แห่ง) ในครวั เรอื น (n=30 ครวั เรือน) CI ใน
ครัวเรอื น
8 มิ.ย. 61 ภาชนะที่ ภาชนะ CI ใน ครวั เรอื น ครวั เรือน HI ใน ภาชนะที่ ภาชนะ
2 ก.ค. 61 สำรวจ ทีพ่ บ โรงเรยี น สำรวจ ที่พบ ครัวเรือน สำรวจ ที่พบ 23.53
30 ก.ค. 61 3.07
98 7 7.14 30 11 36.67 187 44
88 0 0.00 30 2 6.67 163 5 0.00
86 0 0.00 30 0 0.00 165 0
เม่อื ทบทวนผลการดำเนินงาน พบวา่ มีปญั หา/อุปสรรค และแนวทางการแกไ้ ขปัญหา ดงั น้ี
ปัญหา/อปุ สรรค แนวทางการแกไ้ ขปัญหา
ตำบลท่าสาปมีเด็กอายุ 9-12 ปี จำนวน 312 คน สร้างแกนนำนักเรียนพัฒนาสิ่งแวดล้อม ป้องกัน
แต่เด็กที่เรียนอยู่ในโรงเรียนที่ต้ังในพื้นที่ตำบล โรคไข้เลือดออก ในกลุ่มเด็กนักเรียนตาดีกา ซ่ึงมี
ท่าสาป มเี พยี ง 189 คน คิดเปน็ ร้อยละ 60.58 การ อยู่ 8 แห่ง ในตำบลท่าสาป
ดำเนินงานจงึ ไม่ครอบคลมุ กลุ่มเป้าหมาย
วงจรการพัฒนา ลำดับที่ 3 การสรา้ งแกนนำนกั เรยี นพัฒนาสงิ่ แวดลอ้ ม ป้องกนั โรคไขเ้ ลือดออก
ในตาดกี า (โรงเรียนสอนศาสนาอสิ ลามประจำมสั ยิด) (มถิ นุ ายน - สงิ หาคม 2562)
ที่ตั้งของตำบลท่าสาปอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 5 กิโลเมตร และการคมนาคมสะดวก ทำให้เด็ก
นักเรียนประมาณร้อยละ 40 ศึกษาในโรงเรียนที่ต้ังอยู่ในตัวเมือง (ตำบลสะเตง) จึงมีแนวคิดขยายการดำเนิน
กิจกรรมสร้างแกนนำนักเรียนพัฒนาสิ่งแวดล้อม ป้องกันโรคไข้เลือดออก ในกลุ่มนักเรียนตาดีกา ซ่ึงมีอยู่
จำนวน 8 แห่ง กระจายในทุกหมู่บ้าน กิจกรรมที่ดำเนินการมีกระบวนการเหมือนกับที่ดำเนินการในโรงเรียน
แตก่ ลุ่มเปา้ หมายครอบคลุมมากย่ิงขน้ึ โดยมีนกั เรยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรม มีอายรุ ะหวา่ ง 6-12 ปี จำนวน 472 คน
ผลการประเมินความรู้ก่อน-หลัง พบว่า กลุ่มเป้าหมาย 472 คน ก่อนการอบรมสร้างแกนนำฯ
นักเรียนส่วนใหญ่ มีความรู้ระดับปานกลาง จำนวน 212 คน คิดเป็นร้อยละ 44.96 หลังการอบรมสร้างแกน
นำฯ นกั เรยี นสว่ นใหญ่ มคี วามรู้ระดบั ดี จำนวน 391 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 82.84
เมื่อทบทวนผลการดำเนนิ งาน พบว่า มปี ัญหา/อุปสรรค และแนวทางการแกไ้ ขปัญหา ดงั น้ี
ปญั หา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไขปัญหา
การกำจัดลูกน้ำยุงลายในภาชนะที่มีขนาดใหญ่ใน กระจายพันธ์ุปลาสวยงามในครัวเรือน เพื่อกำจัด
ครัวเรือน จะได้รับความมือน้อย เช่น อ่างอาบน้ำ ลกู นำ้ ยงุ ลายในภาชนะขนาดใหญ่
โอ่งขนาดใหญ่ เป็นต้น เนื่องจากไม่ยินยอมให้ใส่
ทรายอะเบท และไม่ยนิ ยอมเปลี่ยนน้ำทกุ สปั ดาห์
วงจรการพฒั นา ลำดบั ที่ 4 กจิ กรรมตบยุงแลกปลาสวยงาม (กนั ยายน 2562)
การประชมุ คณะกรรมการเฝ้าระวังสอบสวนเคลอ่ื นทเ่ี ร็ว (SRRT) ระดับตำบล เขตพ้ืนท่ตี ำบลท่าสาป
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 ได้ร่วมกันวิเคราะห์หาแนวทางการกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ุลูกน้ำยุงลายใน
ครัวเรอื นให้ครอบคลมุ มากทสี่ ุด เพอื่ ป้องกันการระบาดของโรคไข้เลอื ดออกที่ตน้ เหตุ จึงเปน็ ที่มาของกิจกรรม
ตบยุงแลกปลาสวยงาม เปน็ กจิ กรรมใหม่ทีไ่ ม่เคยดำเนินการในพืน้ ท่ี โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพ่อื สร้างแรงจูงใจ
ให้นกั เรยี นทำลายยุงลายตัวแก่ในครวั เรอื น 2) เพ่อื ให้เดก็ นักเรยี นชกั ชวนสมาชิกในครอบครวั ให้ความร่วมมือ
กันทำลายยุงลายตัวแก่ 3) เพื่อกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยนำปลาสวยงามไปเล้ียงในภาชนะต่างๆ ในครัวเรือน
และให้ปลาสวยงามกินลกู นำ้ ยุงลายเปน็ อาหาร
การประชาสัมพันธ์กิจกรรมดำเนนิ การในโรงเรียนและตาดีกา ผ่านการพูดคุยหน้าแถวก่อนเคารพธง
ชาติ และตดิ ปา้ ยประชาสัมพันธ์ที่บอรด์ ภายในโรงเรียนและตาดีกา โดยกำหนดว่าการแลกปลาแตล่ ะชนิดตอ้ ง
ใช้ยุงกี่ตัว เช่น การแลกปลาหางนกยูง 1 ตัว ต้องใช้ซากยุง 10 ตัว โดยนำซากยุงแปะลงในกระดาษ แล้ว
กำหนดวันรวบรวมสง่
ผลการดำเนินงาน พบวา่ ได้รบั ความร่วมมอื เป็นอยา่ งดี มีนักเรียนเขา้ ร่วมกิจกรรม จำนวน 315 คน
ซากยุงท่ีเด็กส่งมา จำนวน 12,040 ตัว จำนวนปลาสวยงามท่ีเด็กได้รับ ได้แก่ ปลาหางนกยูง ปลากุหลาบ
ปลามิกก้ีเมา๊ ส์ ปลาแก้ว ปลาเสือสุมาตรา ปลากัด รวมจำนวน 785 ตัว ปลาสวยงามได้รับการสนับสนุนจาก
กองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพเทศบาลตำบลท่าสาปและไดร้ บั การบรจิ าคจากประชาชนในพ้นื ท่ี
5. ผลการวิจัย/ศึกษา
รปู แบบการกำจดั ลูกน้ำยุงลายเพ่ือป้องกันโรคไขเ้ ลอื ดออกอย่างมสี ่วนรว่ ม มผี ลการศึกษา ดงั นี้
5.1 การมีผู้นำท่ีเข้มแข็งและกรรมการรับผิดชอบที่ชัดเจน จัดตั้งคำส่ังเทศบาลตำบลท่าสาป ที่
13/ 2561 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 เร่ืองแต่งต้ังคณะกรรมการเฝ้าระวังสอบสวนเคล่ือนที่เร็ว (SRRT)
ระดับตำบล เขตพ้ืนท่ีตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ผลของการจัดต้ังกรรมการที่ชัดเจน
ทำให้สามารถร่วมกันวางแผน ดำเนินการ ติดตาม และประเมนิ ผล
5.2 การสร้างแกนนำนักเรียนในโรงเรียนและตาดีกาเพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ุลูกน้ำยุงลาย
และยุงลายตัวแก่ เป็นการสร้างเครือข่ายในระดับปลูก และปลูกฝังจิตสำนึกการดูแลส่ิงแวดล้อม
เพ่อื ให้ห่างไกลจากโรคไข้เลือดออก เพ่ิมประสบการณ์การเรยี นรู้สู่พฤติกรรมอนั พงึ ประสงค์
5.3 การประชาสัมพนั ธ์ ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ การพูดคุยหน้าเสาธง การใหค้ วามรู้ การติด
ป้ายประชาสัมพันธ์ การเย่ียมบ้าน การพูดคุยในระดับพ้ืนท่ีท้ังท่ีเป็นทางการและไม่เป็นทางการตาม
บทบาทของคณะกรรมฯ
5.4 การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายและประชาชน ประชาชนร่วมสนับสนุนปลาสวยงาม
โรงเรียนให้ความร่วมมือสนับสนุนกิจกรรม สถานที่ และเวลา ผู้นำชุมชน และ อสม. ร่วมติดตาม
สุ่มประเมินลูกน้ำยุงลายในโรงเรียนและครัวเรือน นักเรียนและผู้ปกครอง ร่วมกันกำจัดแหล่ง
เพาะพนั ธลุ์ ูกน้ำยงุ ลายและยุงลายตวั แก่
5.5 การสรา้ งแรงจูงใจ สร้างแรงจูงใจในการกำจัดแหล่งเพาะพนั ธล์ุ กู น้ำยงุ ลาย และกำจดั
ยงุ ลายตัวแก่ ดว้ ยกจิ กรรมตบยุงแลกปลาสวยงาม
5.6 การสนับสนุนจากองค์กร เทศบาลตำบลท่าสาปสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน
หลกั ประกันสุขภาพเทศบาลตำบลทา่ สาป ผูน้ ำชุมชนและผูน้ ำศาสนาสื่อสารแผนงานกจิ กรรมในทีป่ ระชุม
ต่างๆ อสม.ร่วมติดตามเยยี่ มบา้ นใหค้ วามรู้และคำแนะนำ เจา้ หน้าที่สาธารณสุขเป็นวิทยากรอบรมสร้างแกน
นำนักเรยี น ติดตามเยี่ยมบ้านสมุ่ ดัชนีลูกน้ำยุงลาย รวบรวมขอ้ มูล สรปุ ผลการดำเนนิ งานเสนอในทปี่ ระชมุ
คณะกรรมการฯ
6. วจิ ารณ/์ ข้อเสนอแนะ
การพฒั นารูปแบบการกำจัดลูกน้ำยงุ ลายเพอื่ ป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนร่วมในคร้ังนี้
ประกอบดว้ ยกจิ กรรมที่ส่งเสรมิ ให้เกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ผา่ นการเสรมิ แรง (Reinforcement) ตาม
แนวคิดของสกินเนอร์ (1979 : อา้ งถึงใน ดำรัส อ่อนเฉวยี ง, 2559) พฤติกรรมการเรียนรู้ท่ีพงึ ประสงค์
คือ การมีส่วนร่วมและการให้ความร่วมมือในการกำจัดลูกน้ำยุงลายและยุงลายตัวแก่ โดยเน้น
กลุ่มเป้าหมายนักเรียน ซึง่ นักเรียนสามารถชักนำให้สมาชิกในครอบครวั และเพ่ือนฝูง มามีส่วนรว่ มใน
การกำจดั ลกู น้ำยุงลายและยงุ ลายตวั แก่ด้วย
รูปแบบการกำจัดลูกน้ำยุงลายเพ่ือป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนร่วมจากการศึกษาคร้ัง
น้ี สรุปได้ดังน้ี 1) การมีผู้นำท่ีเข้มแข็งและกรรมการรับผิดชอบท่ีชัดเจน 2) การสร้างแกนนำนักเรียน
ในโรงเรียนและตาดีกาเพ่ือกำจดั แหล่งเพาะพันธ์ุลูกน้ำยุงลายและยุงลายตัวแก่ 3) การประชาสัมพันธ์
4) การมีส่วนร่วมของภาคีเครือขา่ ยและประชาชน 5) การสร้างแรงจงู ใจ 6) การสนับสนุนจากองค์กร
ภาคีเครือข่ายในชุมชน ซ่ึงสอดคล้องกับการศึกษาของมาธุพร พลพงษ์, ซอฟียะห์ นิมะ และ ปรัชญะ
พนั ธ์ุ เพชรช่วย (2560) ศึกษาเร่ือง การพัฒนารปู แบบการปอ้ งกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกโดยการ
มีส่วนร่วมของชุมชน ต.โคกสัก อ.บางแก้ว จ.พัทลุง พบว่า รูปแบบการป้องกันและควบคุมโรค
ไข้เลือดออกโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนตำบลโคกสัก อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ประกอบด้วย
กิจกรรม 6 ด้าน คือ 1) การมีส่วนร่วมของประชาชน 2) การออกกฎเกณฑ์ของชุมชน 3) การมีผู้นำท่ี
เข้มแข็งและกรรมการรับผิดชอบที่ชัดเจน 4) การประชาสัมพันธ์ 5) การสนับสนุนจากองค์กรภาคี
เครือข่ายในชมุ ชน และ 6) ชุมชนมคี วามตระหนัก
ข้อเสนอแนะเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของการดำเนินกิจกรรมคร้ังนี้ คือ สร้างทีมงานเพาะพันธ์ุ
ปลาสวยงาม โดยอาศัยความร่วมมือของนักเรียน ผู้ปกครอง อสม. และชุมชน เน้นปลาสวยงามที่
เพาะเลี้ยงง่าย และกระจายปลาสวยงามไปในแต่ละครัวเรือนผ่านกิจกรรมตบปลาแลกยุง โดยวาง
แผนการแลกปลาสวยงามทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ สอดคล้องกับมาตรการ 5 ป 1 ข ในการป้องกัน
ควบคุมโรคไขเ้ ลอื ดออกโดยการปฏบิ ตั อิ ย่างสมำ่ เสมอ อยา่ งน้อยทุก 7 วัน
7. สรุป
7.1 รูปแบบการกำจัดลูกน้ำยุงลายเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกอย่างมีส่วนร่วมจากการศึกษา
คร้ังนี้ สรุปได้ดังนี้ 1) การมีผู้นำท่ีเข้มแข็งและกรรมการรับผิดชอบที่ชัดเจน 2) การสร้างแกนนำ
นักเรียนในโรงเรียนและตาดีกาเพ่ือกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ุลูกน้ำยุงลายและยุงลายตัวแก่ 3) การ
ประชาสัมพันธ์ 4) การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายและประชาชน 5) การสร้างแรงจูงใจ 6) การ
สนบั สนนุ จากองคก์ รภาคีเครือขา่ ยในชุมชน
7.2 ประสิทธิภาพของรปู แบบการกำจัดลูกนำ้ ยงุ ลายเพื่อปอ้ งกนั โรคไขเ้ ลือดออกอยา่ งมสี ่วนร่วม
ตารางแสดงการเปรยี บเทยี บค่าใช้จ่ายในการดำเนนิ กจิ กรรมตบยงุ แลกปลากบั การพน่ หมอก
ควนั กำจัดยุงลายตัวแก่ และใช้ทรายอะเบท ในการกำจัดลูกนำ้ ยงุ ลาย
ค่าใช้จ่ายใน จำนวนภาชนะที่ ค่าใชจ้ ่ายในการ ค่าใช้จา่ ยใน
ระยะเวลา จำนวน การพ่นหมอก จำนวน ตอ้ งใส่ จดั ซือ้ การจดั ซอ้ื ปลา
หลงั คาเรือน ควนั กำจดั ยุงตัว ภาชนะ ทรายอะเบท/ปลา ทรายอะเบท สวยงาม (บาท)
แก่ (บาท)* สวยงาม (บาท)**
3 เดือน 178 2,600 534 160 224 3,925
6 เดือน 178 2,600 534 160 224 -
9 เดือน 178 2,600 534 160 224 -
12 เดอื น 178 2,600 534 160 224 -
รวม 712 10,400 2,136 640 896 3,925
หมายเหตุ *การเติมน้ำมันและน้ำยากำจัดยุง 1 ครั้ง ใช้น้ำมัน 5 ลิตร น้ำยา 20 มิลลิลิตร พ่นได้
ประมาณ 15 หลังคาเรือน ค่าใช้จ่ายประมาณ 150 บาท (178 หลังคาเรือน ใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ
1,800 บาท) + ค่าจ้างในการพน่ หมอกควัน 200 บาท * 2 คน * 2 วนั เปน็ เงิน 800 บาท
** ทรายอะเบท 1 ซอง ใส่ได้ 5 ภาชนะ ราคาซองละ 7 บาท ใส่ในภาชนะทุก 3 เดอื น
7.3 ประสิทธิผลของรูปแบบการกำจัดลูกนำ้ ยงุ ลายเพือ่ ปอ้ งกนั โรคไข้เลอื ดออกอย่างมีส่วนรว่ ม
ตารางแสดงความชุกลูกน้ำยุงลายในครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรม ก่อนดำเนินการและหลังดำเนิน
กจิ กรรม 3 เดือน
ระยะเวลา จำนวน จำนวนหลังคา ค่า HI จำนวน จำนวน คา่ CI
ก่อนดำเนินการ หลงั คา เรอื น (House ภาชนะ ภาชนะ (container
เรอื น index) ทีพ่ บลกู น้ำ
ท่ีพบลูกน้ำ ยงุ ลาย Index)
ยงุ ลาย
178 52 29.21 534 112 20.97
หลงั ดำเนินการ 178 3 1.69 521 10 1.92
8. เอกสารอา้ งองิ .
Skinner, B. F. .1989. อ้างถึงใน ดำรัส อ่อนเฉวียง. 2559. “การพัฒนาระบบการจัดการเรียนการ
สอนเพ่ือสร้างภูมิคุ้มกันการติดสื่อลามกจากเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับเยาวชนท่ีกำลัง
ศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาจังหวัดชลบุรี.”ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, สาขาวิชา
เทคโนโลยีการศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั บรู พา.
มาธุพร พลพงษ์, ซอฟียะห์ นิมะ และ ปรัชญะพันธุ์ เพชรช่วย (2560). “การพัฒนารูปแบบการ
ปอ้ งกันและควบคมุ โรค ไข้เลือดออกโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ต.โคกสัก อ.บางแก้ว
จ.พทั ลุง.” วารสารเครอื ข่ายวิทยาลยั พยาบาลและการสาธารณสขุ ภาคใต้.
เทศบาลตำบลท่าสาป. 2563. “ลักษณะภูมิประเทศตำบลท่าสาป.” สืบค้นเม่ือ 3 มิถุนายน 2563. จาก
https://www.thasap.go.th/
ช่ือเรือ่ ง ลูกกลงิ้ สมนุ ไพรนวดเท้า ลดอาการชาเท้าในผู้ปว่ ยเบาหวานทมี่ ารับบรกิ ารในคลนิ กิ
โรคเรื้อรงั ของโรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตำบลลำภู ปี 2563
ผ้นู ำเสนอ นางจิรสดุ า ชนิ ไชยชนะ ตำแหน่ง พยาบาลวชิ าชีพชำนาญการ
หน่วยงาน โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวดั นราธิวาส
เบอร์โทร 089-8797785 E-mail : [email protected]
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เน้อื หาโดยยอ่
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ พบมากในประชากรอายุ ๓๕
ปี ขึ้นไป และเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ อัตราความชุกของโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมี
แนวโน้มเพิ่มขน้ึ เรื่อย ๆ โรคเบาหวานจะมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น โดยอาการของเท้าท่ีเปน็ อาการชาท่ีเกิด
จากปลายประสาทเส่ือม เน่ืองจากาเส้นเลือดส่วนปลายตบี ตนั อาการนี้จะเกิดกับเส้นประสาทในสว่ นที่ทำ
หน้าที่รับความรู้สึก ซึ่งมีวิธีการดูแลเท้าไม่ให้เกิดการสูญเสียเท้าน้ัน ลูกกลิ้งนวดเท้าสมุนไพรลดอาการชา
เทา้ ของผู้ป่วยเบาหวาน จากการวจิ ัยพบว่าการนวดเท้าในผู้ป่วยเบาหวานเพียงครั้งเดยี ว จะช่วยลดอาการ
เท้าชาลงมากกว่าก่อนการนวดเท้าอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานเดินเร็วขึ้นและยืนทรง
ตัวได้นานขึ้น และการนวดเท้ายังใช้ได้กับผู้สูงอายุและประชาชนท่ัวไป เพ่ือช่วยให้ผ่อนคลายและลด
อาการปวดเมือ่ ยทีเ่ ทา้ ได้ (ดวงใจ พรหมพยัคฆ์ และคณะ, ๒๕๖๐)
จากผลการดำเนินงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำภู ปี 2563 พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ทมี่ ารบั ยาในคลีนิกโรคเร้ือรังจำนวน 82 คน ผลการตรวจคัดกรองเทา้ ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเบ้ืองต้นด้วย
แบบประเมินระดับความเส่ียงในผู้ป่วยเบาหวานด้วย Mono Filament จำนวน 82 คน คิดเป็นร้อยละ
100 ตรวจเท้าปกติจำนวน 69 คนคิดเป็นร้อยละ 84.14 พบภาวะแทรกซ้อนที่เท้าจำนวน 13 คนคิดเป็น
รอ้ ยละ 15.85 ได้แก่มีแผลที่เท้า 2 คน ตาปลา 1 คน มีอาการชาเท้าท่ีเกิดจากความเส่ือมจำนวน 10 คน
จากปัญหาดังกล่าว จึงได้ออกแบบและจัดทำนวัตกรรมลูกกลงิ้ นวดเท้าสมุนไพรลดอาการชาเท้าของผู้ป่วย
เบาหวาน วัตถุประสงค์เพ่ือช่วยลดอาการชาเท้า ร่วมกับมีแนวคิดท่ีจะมาใช้ ป้องกัน สร้างเสริมและฟื้นฟู
สุขภาพเท้าในผู้ปว่ ยเบาหวานของผู้ปว่ ยเบาหวานท่มี ารับบรกิ ารที่โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตำบลลำภู ปี
2563
จากการทดลองใช้นวัตกรรมลูกกล้ิงสมุนไพรนวดเท้า ลดอาการชาเท้าในผู้ป่วยเบาหวานที่มารับ
บริการในคลินิกโรคเรื้อรังของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำภู ปี 2563 จำนวน ๑๐ คน ผลการ
ตรวจเท้าและประเมินระดับความเสี่ยง ด้วยเคร่ืองมือ Monofilament และบันทึกผลการตรวจในแบบ
บันทึกจำนวน 12 คร้ัง พบว่า อาการชาบริเวณฝ่าเท้าลดลงอยู่ในระดับมากจำนวน 8 คน และจากการ
สำรวจความพึงพอใจนวัตกรรม พบว่าดังน้ี นวัตกรรมลูกกล้ิงสมุนไพรนวดเท้ามีความแข็งแรง ความ
ปลอดภัย และด้านความสะดวกต่อการใช้งานนวัตกรรมอยู่ในระดับมากจำนวน 7 คน ด้านความสวยงาม
และด้านเอกสารคู่มืออยู่ในระดับมากจำนวน 8 คน ด้านการประเมินการใช้งานของนวัตกรรมอยู่ในระดับ
มากจำนวน 9 คน และสามารถลดคา่ ใชจ้ า่ ยได้ 740 บาท/ 1 ชน้ิ จากราคา 990 บาท เหลือ 250
1.ความเป็ นมา
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เป็นปัญหาสุขภาพท่ีสำคัญ พบมากในประชากรอายุ ๓๕
ปี ข้ึนไป และเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ อัตราความชุกของโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมี
แนวโน้มเพ่ิมขึ้นเรื่อย ๆ ซ่ึงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด
นอกจากนี้ ยังเป็นโรคท่ีทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง ทั้งชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง เช่น
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และเกิดการติดเช้ือชนิดเรื้อรัง เช่น โรคไตวาย เป็นแผลเร้ือรังที่เท้า โรคหลอด
เลือดหัวใจและสมอง เป็นต้น และภาวะแทรกซ้อนที่ต้องให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่าภาวะแทรกซ้อนอ่ืน
คือ แผลที่เท้า ซึ่งแผลทเี่ ท้าเปน็ ปัญหาสุขภาพท่ีสำคัญของผปู้ ว่ ยเบาหวาน ทำให้ต้องรบั การรักษาบ่อยและ
เป็นเวลานาน หากเป็นรุนแรงอาจตอ้ งได้ตัดน้ิวเท้าหรือเท้าได้ อบุ ัติการณ์ของการเกิดแผลท่ีเท้ามีเพ่ิมมาก
ข้ึน โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุม น้ำตาลได้ไม่ดี มักจะก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบประสาทรับ
ความรสู้ ึกส่วนปลาย ทำให้บรเิ วณเท้ามีอาการชาไม่มี ความรู้สึกถึงแรงกดดัน หรอื อาจจะเสียความรู้สึกไป
เลยในบางคร้ัง เมื่อมีแผลเกิดข้ึนที่เท้า ทำให้ไม่มีความรู้สึกว่าเจ็บปวด จนทำให้แผลลุกลามได้ การดูแล
แผลที่เท้าของผู้ป่วยเบาหวานเป็นส่ิงที่ยากและต้องเอาใจใส่ การนวดเท้าเป็นกิจกรรมการดูแลเท้าวิธีหนึ่ง
ที่จะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือด ไปเล้ียงส่วนเท้าได้ดีข้ึน ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกสบาย
พักผ่อนได้มากข้ึน จากการวิจัยพบว่าการนวดเท้าในผู้ป่วยเบาหวานเพียงครั้งเดียว จะช่วยลดอาการเท้า
ชาลงมากกว่าก่อนการนวดเทา้ อย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติ ทำให้ผปู้ ่วยเบาหวานเดนิ เร็วขึ้นและยืนทรงตัวได้
นานขน้ึ และการนวดเทา้ ยังใช้ได้กับผู้สูงอายแุ ละประชาชนทว่ั ไป เพื่อช่วยให้ผอ่ นคลายและลดอาการปวด
เมือ่ ยทีเ่ ท้าได้ (ดวงใจ พรหมพยคั ฆ์ และคณะ, ๒๕๖๐)
จากผลการดำเนินงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลำภู ปี 2563 พบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ทมี่ ารับยาในคลีนิกโรคเรื้อรังจำนวน 82 คน ผลการตรวจคัดกรองเทา้ ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเบื้องตน้ ด้วย
แบบประเมินระดับความเสี่ยงในผู้ป่วยเบาหวานด้วย Mono Filament จำนวน 82 คน คิดเป็นร้อยละ
100 ตรวจเท้าปกติจำนวน 69 คนคิดเป็นร้อยละ 84.14 พบภาวะแทรกซ้อนท่ีเท้าจำนวน 13 คนคิดเป็น
รอ้ ยละ 15.85 ได้แก่มีแผลที่เท้า 2 คน ตาปลา 1 คน มีอาการชาเท้าที่เกิดจากความเส่ือมจำนวน 10 คน
จากปัญหาดังกล่าว จึงได้ออกแบบและจัดทำนวัตกรรมลูกกล้ิงนวดเท้าสมุนไพรลดอาการชาเท้า
ของผู้ป่วยเบาหวาน โดยนำลูกกลิ้งโรลออนท่ีใช้หมดแล้วนำมาประยุกต์ใช้ในการนวดเท้าได้ จึงได้นำฝา
ขวดและวัสดุเหลอื ใช้ในชมุ ชน เช่น ฝาขวดนำ้ แผ่นโฟม ไมก้ ระดาษ มาประดิษฐเ์ ป็นนวัตกรรมลกู กลิ้งนวด
เท้า อีกทั้งยังมีแนวคิดนำนวัตกรรมดังกล่าว มาใช้ป้องกันสง่ เสริม และฟื้นฟูสุขภาพเท้าในผูป้ ่วยเบาหวาน
ผู้สูงอายุ และประชาชนท่ัวไป
ผ้ใู ห้บริการ 30% 2.การวเิ ครา
จนท.บางคน ไม่ไดร้ ับการอบรม ให้ความรู้ / ทักษะน
ขาดควา
จนท.ไม่เพยี งพอ เก่ียวก
สอนแต่การนวดเท้า จนท.ไม่ให้ความสาค
รับประทาน
ไม่ได้อธบิ าย ให้ข้อมูลท่ชี ัดเจ
ผู้รับบริการมจี านวนมาก ไม่มกี าหนดแนวทางการใช
ระบบนดั ตรวจเท้ายงั ไม่ต่อ
การให้บริการล่าช้า
ข้นั ตอนการให้บริการยังไม่ครอ
ระบบบริการ 20%
การวเิ คราะห์ : พบว่าอาการเทา้ ชาในผปู้ ่ วยเบาหวานท่ีมารบั บริการที่ รพ.สต.ลา
ผปู้ ่ วยไม่เห็นความสาคญั และขาดความรู้ทกั ษะในการดูแลเทา้ ตวั เอง ร้อยละ30
อปุ กรณ์ช่วยกดจดุ เทา้ ในผปู้ ่ วยเบาหวาน
าะห์ปัญหา (RCA)
ผ้รู ับบริการ 60%
นวดเท้าไม่ครอบคลมุ ไม่เห็นความสาคัญ/ไม่มาตามนดั
ามรู้ความเข้าใจ ไม่รู้ถึงความจาเป็ น
กบั ภาวะแทรกซ้อน
คญั ขาดการตรวจเท้าด้วยตัวเอง
นยาไม่ต่อเนื่อง อาการชาเท้าใน
ผู้ปว่ ยเบาหวาน
จนกับผู้ป่ วย
อปุ กรณ์นวดเท้ามรี าคาแพง
ช้อุปกรณ์ช่วย
รพ.สต.ยงั ไม่มีอปุ กรณ์ช่วยลดอาการชาเท้า
อเนื่อง
อบคลมุ
วัสดุ/อุปกรณ์ 70%
าภู ร้อยละ 70 ยงั ไม่มีอปุ กรณ์ช่วยลดเทา้ อุปกรณ์นวดเทา้ มีราคาแพง รองลงมาร้อยละ60
เจา้ หนา้ ท่ียงั ใหค้ วามรู้สอนนวดเทา้ ไมค่ รอบคลุม ร้อยละ 20 ไม่มีกาหนดแนวทางการใช้
3.วตั ถุประสงค์
เพื่อใช้นวัตกรรมลูกกลิ้งนวดเท้าสมุนไพร ลดอาการชาเท้าของผู้ป่วยเบาหวานท่ีมารับบริการใน
คลินกิ โรคเรื้อรังของโรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตำบลลำภู ปี 2563
4.เปา้ หมาย
เพื่อลดอาการเท้าชาในผู้ป่วยเบาหวานมีอาการชาเท้าท่ีมารับบริการในคลินิกโรคเร้ือรังของ
โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตำบลลำภูทุกราย
5.วัสดุและวิธีการ
ปัญหา แนวทางการแก้ไขปัญหา
1.โรงพยาบาลส่งเสริม 1.ออกแบบและผลิตนวัตกรรมลูกกล้งิ นวดเทา้ สมุนไพรลดอาการชาเท้าของผู้ป่วย
ต ำ บ ล ล ำ ภู ยั ง ไม่ มี เบาหวาน
ก่อนการดำเนนิ การ
อุปกรณ์ช่วยลดอาการ 1. มีการรว่ มวางแผน และดำเนนิ งานรว่ มกบั เจา้ หนา้ ท่ี
ช า เ ท้ า ใ น ผู้ ป่ ว ย 2. เจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสุข และอสม. รว่ มออกแบบและพัฒนานวตั กรรม
เบาหวาน 3. จัดหาวัสดุ อปุ กรณท์ ่ีหางา่ ยและมีอยู่ในชุมชนเพือ่ ใช้ในการสร้างนวัตกรรม.
-อุปกรณน์ วดเทา้ มีราคา ระยะดำเนินการ
แพง 1.จดั ทำนวตั กรรม
อุปกรณ์ทใี่ ช้ทำนวัตกรรม
ไม้กระดาน ฝาขวดน้ำ แผน่ โฟม
ขวดโรลออน กาวแท่งรอ้ น สำลี
ขั้นตอนการทำนวัตกรรม
1. ตัดโฟม เปน็ รูปเท้า เจาะรปู เทา่ ขวดน้ำ
2. ตดั แผน่ กระดาษรูป 4 เหล่ียมกว้าง ยาว ตามขนาดเทา้ ของตวั เอง
3. ฝาขวดน้ำดมื่ หงายใสใ่ นรูท่เี จาะ
4.สำลีชุบนำ้ ยาสมุนไพรใสใ่ นชอ่ งลกู กล้งิ กดลงในขวดนำ้
5.ยิงปนื กาวใหฝ้ าติดแผน่ โฟม
6.ติดแผ่นโฟมกบั ไม้
เกิดนวตั กรรมใหม่
“ลกู กลง้ิ สมนุ ไพรนวดเทา้ ลดอาการชาเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน”
2.นำนวตั กรรมใชก้ บั กบั ผ้ปู ่วย
2.1ให้ผู้ป่วยหลับตา กด monofilamentโดยให้เส้นเอ็นต้ังฉากกับผิวหนัง
บริเวณท่ีจะตรวจและกดให้เส้นเอ็นโค้งงอเป็นรูปตัว c เป็นเวลา 1-2 วินาที ถาม
ความรู้สึกผปู้ ว่ ยว่ารู้สึก/ไม่รู้สึกบันทกึ ผลก่อนการรกั ษา
2.2 การแช่เทา้ ด้วยน้าอ่นุ อุณหภมู ปิ ระมาณ 40 องศาเซลเซยี ส 5 นาที
2.3 คลงึ ฝ่าเท้าบนลกู กลงิ้ ขา้ งละ15 นาทีรวม 30 นาที
2.4 ให้ผู้ป่วยหลับตา กด monofilamentโดยให้เส้นเอ็นต้ังฉากกับผิวหนัง
บริเวณท่ีจะตรวจและกดให้เส้นเอ็นโค้งงอเป็นรูปตัว c เป็นเวลา 1-2 วินาที ถาม
ความรสู้ ึกผปู้ ว่ ยว่ารสู้ กึ /ไมร่ สู้ กึ บันทึกผลการรกั ษา
2.5 ให้ความรู้และสอนการนวดเท้าด้วยตัวเองและการดูแลเท้าในผู้ป่วย
เบาหวาน
2.6 ผู้ป่วยต้องมารับการรักษาตามวันและเวลาท่ีกำหนด สัปดาห์ละ 3 คร้ัง
ติดตอ่ กนั 4 สัปดาห์ รวมเป็น 12 คร้งั
2.7 ประเมินผลผ้ปู ่วยเบาหวานที่มีอาการเท้าชาหลังรว่ มกจิ กรรม
990 บาท 250 บาท
Flow chart
แนวทางการดแู ลเท้าในผู้ปว่ ยเบาหวาน (เดิม)
รบั บัตรควิ / ย่ืนบตั ร
ตรวจคัดกรองเทา้
ผู้ป่วยเบาหวาน
มี ตรวจแผลท่ี ไม่มี
เทา้ เสีย่ ง
แนะนำการ
ปฏบิ ตั ติ วั ประเมินระดับความเสีย่ ง
สรปุ ระดบั ความเสย่ี ง
สง่ พบแพทย์
ผล 0 =ไม่เคยมแี ผลหรือ ผล 1= ผลการตรวจ mono ผล 2= ผลการตรวจ mono ผล 3= เคยมีแผลหรอื
ตดั ขาและผลตรวจ filament ผิดปกตแิ ตย่ ังไม่มี filament ผดิ ปกติรว่ มกบั คลำ ถกู ตดั ขา หรือมี
mono filament ปกติ Chacot” foot
ความผดิ ปกติอ่นื ๆ ชีพจรไมไ่ ดแ้ ละ/หรือเทา้
นัดตรวจเท้าปีละคร้ัง ผดิ ปกติ นดั ตรวจเทา้ 1-3 เดือน
นัดตรวจทุก 3-6 เดือน
นัดตรวจเทา้ 1-3 เดือน
แนะนำการปฏิบัติตวั
-การดูแลเทา้
-การบริหารเท้า
-การเลอื กใขร้ องเทา้