The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลงานประเภท CQI Clinic
งานมหกรรมวิชาการ เขตสุขภาพที่ 12 ประจำปีงบประมาณปี 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by strategy trang, 2020-09-08 04:56:47

CQI - Clinic

ผลงานประเภท CQI Clinic
งานมหกรรมวิชาการ เขตสุขภาพที่ 12 ประจำปีงบประมาณปี 2563

Flow chart
แนวทางการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน (ใหม่)

รับบตั รควิ / ย่นื บัตร

ตรวจคัดกรองเท้า
ผู้ป่วยเบาหวาน

มี ตรวจแผลที่ ไม่มี
เทา้ เสี่ยง
แนะนำการ
ปฏิบตั ติ วั ประเมนิ ระดบั ความเสีย่ ง
สรปุ ระดับความเสี่ยง
ส่งพบแพทย์
-แช่เทา้ ด้วยนา้ อนุ่ อุณหภูมิประมาณ
40 องศาเซลเซียส 5 นาที
-คลึงฝ่าเทา้ บนลกู กลง้ิ ข้างละ15
นาทรี วม 30 นาที
-สอนการนวดเทา้ ดว้ ยตวั เอง

ผล 0 =ไมเ่ คยมแี ผลหรือ ผล 1= ผลการตรวจ mono ผล 2= ผลการตรวจ mono ผล 3= เคยมแี ผลหรือ
ตดั ขาและผลตรวจ filament ผิดปกตแิ ตย่ งั ไมม่ ี filament ผดิ ปกติรว่ มกับคลำ ถูกตัดขา หรือมี
mono filament ปกติ Chacot” foot
ความผดิ ปกติอื่นๆ ชีพจรไมไ่ ด้และ/หรือเท้า
นดั ตรวจเท้าปลี ะคร้ัง ผดิ ปกติ นดั ตรวจเท้า 1-3 เดอื น
นดั ตรวจทุก 3-6 เดอื น
นัดตรวจเทา้ 1-3 เดือน

แนะนำการปฏิบัติตัว
-การดูแลเท้า
-การบริหารเท้า
-การเลอื กใขร้ องเท้า

6.ระยะเวลา

เดอื น 4 พฤศจกิ ายน 2562 – 30 พฤศจกิ ายน 2563

7.เครอื่ งช้วี ัด

1.ผปู้ ่วยเบาหวานหลงั ใชน้ วตั กรรมลกู กลง้ิ สมนุ ไพรนวดเทา้ มีอาการชาเทา้ ลดลงจำนวน 10 คน

2.ผู้ปว่ ยเบาหวานมีความพึงพอใจนวัตกรรมลกู กล้ิงสมุนไพรนวดเท้าร้อยละ 80

8.ผลการดำเนนิ งาน

ตัวชว้ี ดั คา่ ผลการตรวจ (คน)

เปา้ หมาย สัปดาห์ที่ 1 สปั ดาหท์ ่ี 2 สปั ดาห์ท่ี 3 สัปดาหท์ ่ี 4
(คน)

ผู้ป่วยเบาหวาน หลังใช้ 10 2 5 6 8

นวัตกรรมลูกกลิ้งสมุนไพร

น ว ด เท้ า มี อ า ก า ร ช า เท้ า

ลดลง

ประเมนิ ความพึงพอใจ 5 ระดับ

ระดับความพึงพอใจ

หวั ข้อประเมิน นอ้ ยท่สี ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากที่สดุ
5
1 2 34 0

1.ด้านความแข็งแรง ความปลอดภัยในการ 0 0 3 7 0
0
ใช้งาน 0
0
2.ด้านความสะดวกตอ่ การใชง้ านนวตั กรรม 0 0 3 7

3.ดา้ นความสวยงามของนวัตกรรม 0 0 28

4.ด้านการประเมนิ การใชง้ านของนวตั กรรม 0 0 1 9

5.ดา้ นเอกสารคมู่ อื การใช้นวัตกรรม 0 0 28

9.อภิปรายผล
นวตั กรรมลูกกลง้ิ สมุนไพรนวดเทา้ ลดอาการชาเท้าในผปู้ ่วยเบาหวานทม่ี ารบั บริการโรงพยาบาล

ส่งเสรมิ สขุ ภาพตำบลลำภู ปี 2563 การวเิ คราะห์ข้อมูลพบว่า เมื่อผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 10 คนทดลอง
ใชน้ วัตกรรมเปน็ ระยะเวลาสัปดาหล์ ะ 3 ครงั้ ตดิ ต่อกนั 4 สัปดาห์ รวมเปน็ 12 ครั้ง ผปู้ ่วยเบาหวานมี
อาการชาเท้าลดลง จำนวน 8 คนกวา่ ก่อนการใชน้ วตั กรรม และการใช้สมนุ ไพรรว่ มดว้ ยจะทำให้สามารถ
ฝ่าเท้ากระตุน้ การไหวเวยี นเลอื ดทเ่ี ท้าได้และผอ่ นคลายเทา้ ดีขึน้ ประกอบกบั การนวดกระตุ้นฝ่าเท้าดว้ ย

ตนเองชว่ ยลดอาการปวดเมอ่ื ยได้ สอดคล้องกับงานวจิ ัย ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำหรับสง่ เสรมิ ปอ้ งกัน และ
ฟ้ืนฟูสภาพผปู้ ว่ ยได้

ผู้ป่วยเบาหวานได้ทดลองใช้นวัตกรรมลูกกล้ิงสมุนไพรนวดเท้าลดอาการชาเท้าแล้วน้ัน
มีความพึงพอใจโดยรวมของนวัตกรรมอยู่ในระดับมาก จากการสัมภาษณ์ผู้ป่วยมีความชื่นชอบนวัตกรรม
เพราะใช้วัสดุ อุปกรณ์ที่ไม่ใช้แล้วในพื้นที่ รูปแบบมีความสะดวกต่อการใช้งาน น้ำหนักเหมาะสม
เคล่ือนย้ายได้สะดวก และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล จากแผ่นนวดเท้าได้ 740 บาท/ 1 ชิ้น
จากราคา 990 บาท เหลือ 250 จากอาการชาเท้าท้ังยังช่วยส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาไทยในการดูแล
สขุ ภาพไดอ้ ีกทางหนึง่
10.บทเรียนทไี่ ดร้ บั

นวัตกรรมลูกกล้ิงสมุนไพรนวดเท้า ลดอาการชาเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน ยังสามารถช่วยลดความ
เสี่ยงต่อการเกิดแผลที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวานได้ นอกจากจะช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดแล้วยัง
ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ และยังสามารถนำไปประยุกต์เป็นอุปกรณ์การ
ออกกำลงั กายในผูป้ ่วยกลุ่มอืน่ ๆ ทีม่ ีปญั หาการเส่ือมของเสน้ ประสาทสว่ นปลายไดอ้ กี ด้วย
11.ปญั หา/อุปสรรค

1. นวัตกรรมมีขนาดใหญ่กว่าขนาดของเท้าทำให้การกดจุดฝ่าเท้าไม่ทัว่ ถึง
2. ด้านขา้ งของเท้าทัง้ ดา้ นในไม่สมั ผสั กับลกู กลิง้
12.โอกาสพัฒนาตอ่ เน่อื ง
ควรออกแบบนวัตกรรมให้มีขนาดเลก็ ลง และเพิ่มลกู กล้ิงให้สอดคลอ้ งกับตำแหน่ง 6 จดุ ท่ีเท้า
ตามขนาดของเทา้ สง่ เสริมในกลมุ่ ชมรมผูส้ ูงอายุ และโรงเรียนผูส้ ูงอายุตำบลลำภูใช้ในการสง่ เสริมสขุ ภาพ
มกี ารพฒั นาศกั ยภาพและให้ความรู้นวัตกรรมในกลมุ่ อสม.,care giver เพือ่ ประดิษฐใ์ ช้ในกลุม่ ผ้สู ูงอายตุ ดิ
บา้ นตอ่ ไป
13.อ้างองิ
นิธิพงศ์ ศรเี บญจมาศ และคณะ (2557) ประสิทธิผลของโปรแกรมการละอาการชาเท้าของ
ผปู้ ว่ ยเบาหวานกลุม่ ตวั อย่างจากผปู้ ่วยเบาหวานทมี่ อี าการชาเทา้ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
พนิดา ภูโยฤทธิ์ (2553) ผลการนวดกดจุดสะท้อนฝา่ เทา้ ต่ออาการชาและแรงกดทเ่ี ทา้ ของผปู้ ่วย
เบาหวานชนิดที่ 2 วทิ ยานิพนธ์ พยาบาลศาสตร์มหาบัญฑิต สาขาการพยาบาลเวชปฏบิ ัติชมุ ชน บัณฑิต
วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยมหิดล

ผลงานประเภท CQI – Clinic
(กลุ่ม รพช.)

ช่อื ผลงาน การพัฒนากระบวนการรักษาผปู้ ว่ ย STEMI ให้ได้รับยา SK เร็วขึน้

ผ้นู ำเสนอ นพ.ทศพล ปสุ วิโร นายแพทยช์ ำนาญการพเิ ศษ เบอร์โทรตดิ ต่อ 092-2733684

ประเภททีส่ ่งเขา้ ประกวด HA Clinic

สถานทปี่ ฏิบตั งิ าน กลมุ่ งานบริการทางการแพทย์ รพ.ระแงะ จ.นราธิวาส

บทคดั ยอ่

โรงพยาบาลระแงะ เรมิ่ ใหบ้ รกิ ารรกั ษาผปู้ ว่ นโรคหลอดเลอื ดหัวใจขาดเลอื ดชนิด STEMI ดว้ ยยา
Streptokinase ตง้ั แต่ปีงบประมาณ 2557 แต่พบวา่ ตง้ั แตป่ ี 2557 – 2559 มีผปู้ ่วยเพียงรอ้ ยละ 53.36 เท่านั้น
ที่สามารถไดร้ บั ยา SK ภายในเวลา 180 นาทหี ลงั มอี าการ (onset to needle time) จากการวเิ คราะหห์ า
สาเหตุความล่าชา้ ในการรกั ษาผปู้ ่วย พบว่าเกิดจากหลายปจั จัย ได้แก่ การเขา้ ถงึ บรกิ ารล่าช้าของผูป้ ่วย การท่ี
บคุ ลากรขาดทกั ษะในการประเมิน วินิจฉัยและใหก้ ารรักษาผูป้ ่วย การท่ผี ปู้ ่วยและญาตใิ ช้เวลาในการตัดสินใจ
นาน ท้ังหมดนส้ี ง่ ผลให้ผปู้ ว่ ย STEMI ไดร้ บั ยาSK ล่าช้า

คณะกรรมการทีมนำทางคลนิ กิ (PCT) โรงพยาบาลระแงะ จึงได้วางแนวทางในการแก้ไขปญั หาโดยใน
สว่ นการวิเคราะหป์ ัญหา ไดแ้ บ่งกระบวนการดแู ลรกั ษาผปู้ ่วย STEMI ออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ 1.) Onset to
Door 2.) Door to EKG 3.) EKG to Consult และ 4.) Consult to SK จากน้นั จงึ วิเคราะหห์ าสาเหตุในแตล่ ะ
ชว่ งเวลา วา่ มีปัจจยั ใดสง่ ผลใหก้ ารดแู ลผปู้ ่วย STEMI ลา่ ชา้ เพ่ือนำไปสกู่ ารแกไ้ ขปญั หาทั้งระบบ ได้แก่ การ
จัดบรกิ ารทางการแพทย์ฉุกเฉนิ ตลอด 24 ชม. การทำ STEMI alert ทง้ั ในประชากรท่ัวไปและการให้ข้อมูลอยา่ ง
เข้มข้นในกลมุ่ เส่ยี ง การปรบั ปรุงแนวทางคดั กรองและแยกประเภทผปู้ ่วย การจัดทำแนวทางท่ชี ดั เจนในกรณที ี่
สงสยั ผปู้ ่วยเป็นโรคหัวใจ การถอดบทเรยี นและอบรมเชงิ ปฏิบัตกิ ารในการดูแลผปู้ ่วยตง้ั แตก่ ารเตรียมยา การ
เฝ้าระวังผปู้ ว่ ย การใหค้ ำแนะนำรวมไปถงึ การแสดงออกซึง่ ความเหน็ อกเห็นใจ (Empathy) ผูป้ ่วยและญาติ

ผลจากการดำเนนิ งาน พบว่าผปู้ ่วย STEMI สามารถไดร้ บั ยา SK ภายในระยะเวลา 180 นาทหี ลังมี
อาการ (onset to needle time) เพ่มิ ขึ้นจากร้อยละ 60 ในปี 2559 เป็นร้อยละ 83.33 และ 90.9 ในปี 2562
และ 2563 ตามลำดับ นอกจากนี้ในปี 2563 อตั ราการเสยี ชวี ติ ของผู้ป่วย STEMI ลดลงเหลอื ร้อยละ 8.33 จาก
อัตราการเสยี ชวี ติ ในปี 2559 อยูท่ ีร่ ้อยละ 20 ทัง้ หมดน้เี ปน็ ผลจากการพัฒนากระบวนการรกั ษาผปู้ ว่ ย STEMI
ทั้งระบบภายในครือขา่ ยบรกิ ารสุขภาพอำเภอระแงะ จงั หวดั นราธวิ าส อย่างตอ่ เนอ่ื ง เพอื่ เป้าหมายให้การรกั ษา
ผ้ปู ว่ ยทม่ี มี าตรฐานและมีความปลอดภยั สงู สดุ

คำสำคัญ : การพัฒนากระบวนการรักษาผปู้ ว่ ย STEMI การไดร้ ับยา SK

1. ชอื่ เร่ือง การพัฒนากระบวนการรกั ษาผปู้ ่วย STEMI ให้ได้รับยา SK เรว็ ขนึ้

2. ชอื่ เจา้ ของผลงานและสงั กัด นพ.ทศพล ปสุ วิโร กลุ่มงานบริการทางการแพทย์ รพ.ระแงะ จ.นราธิวาส

3. ทม่ี าของปัญหา

โรงพยาบาลระแงะ จ.นราธวิ าส ใหบ้ รกิ ารรักษาผปู้ ว่ ย STEMI โดยการเปิดหลอดเลอื ดหัวใจด้วยการ
ใช้ยา (medical therapy coronary revascularization) ต้ังแตป่ งี บประมาณ 2557 แตพ่ บวา่ มผี ู้ปว่ ยเพยี ง
ร้อยละ 33.33 เท่าน้ัน ท่ีสามารถไดร้ ับยา SK ภายใน 180 นาที หลังมอี าการได้ จากการวเิ คราะห์สาเหตุ
ความลา่ ช้าของกระบวนการดแู ลผปู้ ่วย พบว่าเกิดจากการคดั กรองผปู้ ว่ ยทไ่ี ม่มปี ระสทิ ธภิ าพ สง่ ผลให้ผปู้ ่วย
ได้รบั การทำ EKG ล่าชา้ และทักษะการวินจิ ฉยั ของแพทยท์ มี่ กั รอผลเลอื ดทางหอ้ งปฏบิ ัติการ ทำให้การวนิ ิจฉัย
STEMI ล่าช้า ในปงี บประมาณ 2559 ผปู้ ว่ ย STEMI สามารถได้รบั ยา SK ภายใน 180 นาที หลงั มอี าการ
เพิ่มข้ึนเปน็ รอ้ ยละ 60.0 จากการพฒั นาระบบคัดกรองผ้ปู ว่ ย กระตนุ้ ใหพ้ ยาบาลทำ EKG ในผปู้ ว่ ยท่เี ข้าเกณฑ์
สงสัยโรคหวั ใจอยา่ งเรง่ ดว่ น ภายใต้กจิ กรรม Early EKG Campaign และกจิ กรรมประชุมเชงิ ปฏิบัตกิ าร
ทบทวนกระบวนการวนิ จิ ฉยั และรกั ษาผปู้ ว่ ย STEMI

เพอื่ ใหส้ ามารถวางแผนแก้ไขปญั หาความล่าชา้ ของการรักษาผูป้ ่วย STEMI ไดอ้ ย่างตรงจุด
และอยูบ่ นพ้ืนฐานปญั หาทเี่ กิดข้นึ จรงิ ทางคณะกรรมการทมี นำทางคลินกิ (PCT) โรงพยาบาลระแงะ จึงทำการ
วิเคราะหป์ ัญหาความลา่ ชา้ ของการรกั ษาทงั้ ระบบ โดยแบ่งการรกั ษาเปน็ 4 ระยะ คือ 1.) Onset to Door 2.)
Door [First medical contact] to EKG 3.) EKG to Consult และ 4.) Consult to Needle โดยพบว่า
ในชว่ งไตรมาสท่ี 3 และ 4 ของปีงบประมาณ 2561 ผูป้ ่วยใช้เวลาในช่วง Onset to Door เฉลยี่ 101.35 นาที
และใช้เวลาชว่ ง Consult to Needle เฉลยี่ 35.5 นาที ท้งั นเ้ี ม่อื พจิ ารณาถึงปัจจยั ทสี่ ง่ ผลใหก้ ารรกั ษาผปู้ ่วยใน
แตล่ ะขัน้ ตอนลา่ ช้า พบว่าสามารถแบง่ ปจั จัยความล่าช้าออกเป็น 4 ปจั จัย คือ

1. ดา้ นบุคลากร : ทกั ษะในการคดั กรองผู้ป่วย ทักษะความรู้ในการวนิ ิจฉัยโรค การให้ขอ้ มลู แก่
ผู้ปว่ ยและญาติ ทกั ษะของบคุ ลากรในการรกั ษาและเฝ้าระวังอาการผู้ป่วย

2. ด้านผู้ป่วย : ความร้ใู นตวั โรค และอาการทต่ี อ้ งรบี มา รพ.
3. เวชภณั ฑ์และเครื่องมอื แพทย์ : อปุ กรณ์ในการชว่ ยวนิ จิ ฉยั การเตรยี มยา การบรหิ ารยา และการ

ตดิ ตามสัญญาณชพี ในขณะใหย้ าและกอ่ นให้ยา
4. ระบบบรกิ ารสขุ ภาพ ไดแ้ ก่ ความสามารถออกบรกิ ารทางแพทย์ฉุกเฉิน ความสามารถในการ

ช่วยชวี ติ ผู้ปว่ ยขณะนำสง่ ระบบการ Consult กบั รพ.แม่ขา่ ย

4. วตั ถุประสงค์

1. เพ่ือวางแนวทางลดระยะเวลาในการดูแลผู้ปว่ ย STEMI ทง้ั ระบบ เพอ่ื ใหผ้ ู้ป่วยได้ยา SK เร็วขึน้

2. เพอื่ ลดระยะเวลาเฉล่ยี ในการดแู ลผปู้ ว่ ย STEMI ในแตล่ ะขนั้ ตอน

5.วสั ดุและวิธกี าร

จากการรวบรวมข้อมลู เพอื่ วเิ คราะห์ผลตอ่ ระยะเวลาในการให้ยา Fibrinolytic drugs ;SK ตั้งแต่
ผปู้ ว่ ยเรม่ิ มอี าการ จนถงึ วินาทีแรกที่ได้รบั ยา สามารถแบ่งกระบวนการดแู ลผูป้ ่วย ไดเ้ ป็น 4 ระยะหลกั ๆคอื

1. Onset to Door คือ ระยะเวลาเฉล่ยี ตงั้ แตผ่ ปู้ ่วยเรมิ่ มีอาการจนถึง รพ. เป็นการสะท้อนว่าผปู้ ว่ ย
มอี ปุ สรรคการเขา้ ถงึ มากน้อยเพยี งใด

2. Door [First medical contact] to EKG คือ ระยะเวลาเฉล่ียตัง้ แตผ่ ปู้ ่วยเจอบุคลากรทางการ
แพทย์คนแรก จนถึงได้รบั การทำ EKG ซึ่งเป็นการสะทอ้ นถึงระบบการคดั กรองผปู้ ่วยของ รพ. วา่
สามารถแยกโรคทมี่ ผี ลต่อชีวติ ร้ายแรง (life-threatening illness) ไดห้ รือไม่

3. EKG to Consult คือ ระยะเวลาเฉลี่ยตง้ั แตท่ ำ EKG จนถงึ การท่แี พทยข์ อคำปรึกษาจากแพทย์
เฉพาะทางใน รพ.แมข่ า่ ย ซง่ึ จะเปน็ การสะทอ้ นถึงความสามารถในการวนิ จิ ฉัยโรคของแพทย์ และ
ระบบให้คำปรึกษาของเครอื ข่ายระดับจงั หวดั

4. Consult to Needle คอื ระยะเวลาเฉล่ยี ตง้ั แตแ่ พทย์ขอคำปรึกษาจากแพทยเ์ ฉพาะทางใน รพ.
แม่ขา่ ย จนถงึ วินาทแี รกทผี่ ปู้ ว่ ยไดร้ บั ยา SK ซ่ึงจะสะทอ้ นถงึ ความสามารถในการเตรยี มผปู้ ่วย
และเตรียมยาเพอื่ ให้การรกั ษาผปู้ ว่ ยอยา่ งปลอดภยั

กิจกรรมท่ีดำเนนิ การ (เฉพาะการพฒั นาดา้ นความรวดเรว็ ในกระบวนการรักษา)

ปญั หา แนวทางแกไ้ ข ผลการดำเนนิ งาน
บคุ ลากร
1.ขาดทักษะในการคดั 1. วางระบบใหก้ ารคัดกรองของ 1.ปรบั ปรงุ แบบคดั กรองและแนวทาง
กรองผ้ปู ว่ ย และวินจิ ฉยั โรงพยาบาลมปี ระสทิ ธิภาพ สามารถคดั แยกประเภทผปู้ ่วยที่ OPD ใหม่
กรองผ้ปู ่วยท่ีเสยี่ งสูง(life-threatening เพ่อื ใหส้ ามารถตอบสนองต่อโรคท่ี
illness) โดยเฉพาะโรค MI ใหม้ คี วาม ฉกุ เฉิน โดยเฉพาะ MI ได้รวดเร็ว
แม่นยำและรวดเร็ว ตลอด 24 ชม.ในทุก แมน่ ยำ พบวา่ ผปู้ ่วย MI ไดร้ บั การ
จุดบรกิ าร รกั ษาทีร่ วดเรว็ ข้ึน

2.มแี นวทางที่ชดั เจนในการพจิ ารณาทำ 2.กำหนดอาการทส่ี งสัย MI ให้ทำ

EKG ในรายทสี่ งสยั โดยไม่ต้องรอคำสงั่ EKG โดยเร็ว และระบบการรายงาน

แพทย์ แพทย์ พบว่าผปู้ ่วย ACS ไดร้ บั การทำ

EKG ภายใน 10 นาที เพ่มิ ขน้ึ เป็น

93.4% ในปี 2562

2.ขาดทักษะในการส่อื สาร 1.แนะนำการอธิบายเก่ยี วกบั โรคและ 1.ออกแนวทางคำแนะนำผปู้ ว่ ยและ

เชน่ แพทยอ์ ธิบายรายระ วิธกี ารรกั ษาของแพทย์ ใหก้ ระชบั เข้าใจ ญาตสิ ำหรบั แพทย์ ทำใหแ้ พทย์

เอยี ดทีม่ าก หรือยาก ง่าย เพยี งพอตอ่ การตัดสินใจของผปู้ ่วย สามารถให้ข้อมลู ท่ีกระชับ เข้าใจงา่ ย

เกนิ ไป ทำใหญ้ าตแิ ละ ครบถว้ น

ผปู้ ว่ ยใช้เวลาในการ

ตดั สนิ ใจรบั ยา SK นาน 2.สรา้ งความไวเ้ นอื้ เชอื่ ใจระหวา่ ง 2.กำหนดใหม้ ีพยาบาล 1 คนประกบ

พยาบาลและผปู้ ่วย เพื่อใหผ้ ปู้ ่วยสามารถ ผปู้ ว่ ยตง้ั แตแ่ รกรบั ใหก้ ารวินจิ ฉยั ให้

ทีก่ ลา้ จะสอบถามข้อสงสยั และบอก ยา และส่งตอ่ เพ่ือเปน็ การสร้างความ

อาการทผี่ ดิ ปกตเิ พียงเล็กน้อย ไวใ้ จกับผปู้ ว่ ย และเป็นการเพ่ิมความ

ไวในการสงั เกตอาการของู้ป่วย

3.ขาดทักษะในการเตรียม 1.เพิม่ ศักยภาพพยาบาลในการเตรียมยา 1.อบรมเชงิ ปฏบิ ัติการในการรกั ษา

ยา SK การบรหิ ารยา และเตรียมอปุ กรณ์ในการรกั ษาผปู้ ่วย ผู้ป่วย STEMI

STEMI 2.มแี นวทางสำหรบั พยาบาล ในกรณี

ทส่ี งสัย MI

ผู้ปว่ ย

1.ผู้ปว่ ยไมท่ ราบถึงอาการ 1.ประชาสมั พนั ธ์ใหค้ วามรเู้ ก่ียวกบั ตวั โรค 1.ทำ STEMI alert โดยการตดิ ป้าย

แสดงทสี่ งสัยเปน็ โรคหวั ใจ หลอดเลอื ดหวั ใจ และช่องทางตดิ ตอ่ ประชาสมั พนั ธ์ บรรยายธรรมในมสั ยดิ

ขาดเลือด และไมท่ ราบว่า ขอรบั บริการทางการแพทย์ฉกุ เฉิน(EMS และการให้ข้อมลู อยา่ งเขม้ ข้นในผปู้ ่วย

เปน็ ภาวะทีต่ อ้ งรีบมา รพ. 1669) ใหก้ บั ประชาชนโดยทั่วไป และ โรคเรือ้ รงั ใน NCD Clinic

กลมุ่ เส่ยี ง

เวชภัณฑ์ และเครอ่ื งมอื แพทย์

1.มคี วามผิดพลาดในการ 1.ปรบั ปรงุ ระบบสำรองยาฉุกเฉินในหอ้ ง 1. จัดใหม้ ีการเปดิ หอ้ งยาตลอด 24

สำรองยาทใี่ ช้รักษาโรค MI ER ใหส้ ามารถเบกิ คนื สำรองได้ตลอด 24 ชม. และยาทกุ ตัวตอ้ งจา่ ยโดยเภสชั กร

ชม. และสรา้ งระบบการเกบ็ สำรองยาให้ ทำให้ระบบการสำรองยาและการเกบ็

มีคุณภาพ ยา หมดปัญหาโดยสิ้นเชงิ

2.อุปกรณ์ทางการแพทยท์ ี่ 1.จัดหาอปุ กรณ์ทำสำคญั ให้เพียงพอ 1.จัดซอ้ื เครอ่ื งทำ EKG เพม่ิ อกี 2

ใชใ้ นการบรหิ ารยา และ และมรี ะบบการตรวจสอบความพรอ้ มใช้ เครือ่ ง เพอื่ ใหเ้ พียงพอต่อการใชง้ าน

ประเมนิ สัณญาณชพี มีไม่ ตลอดทกุ เวร 2.จัดซือ้ เครอ่ื ง Monitor Vital Signs

เพยี งพอ เพ่มิ 1 เคร่ือง และ infusion pump

ระบบ

1.ระบบการเข้าถงึ บริการ 1.ลดอุปสรรคการเขา้ ถึงโรงพยาบาลของ 1.พัฒนาระบบการแพทยฉ์ ุกเฉนิ ของ

ของผปู้ ่วยท่ลี ่าชา้ ผ้ปู ว่ ย โรงพยาบาลใหส้ ามารถออกปฏบิ ัติการ

ไดต้ ลอด 24 ชม. ในทกุ พืน้ ที่

2.ระบบการสง่ ต่อและ 1.พัฒนาระบบส่งตอ่ และให้คำปรกึ ษากบั 1.กำหนดให้พยาบาล ER ตรวจสอบ

ประสานงานกบั โรงพยาบาลแม่ข่ายให้มปี ระสิทธภิ าพไร้ อุปกรณ์ในรถ refer ทกุ เวร ใหพ้ รอ้ ม

โรงพยาบาลปลายทาง รอยตอ่ (seamless) ใช้งาน

2.จัดระบบสำรองรถ refer และ พขร.

6.ผลการศึกษา

จากการดำเนินงานพบวา่ รพ.ระแงะ สามารถใหก้ ารรักษาผปู้ ว่ ย STEMI ได้รวดเรว็ ขน้ึ ตามลำดบั โดย
ในปีงบประมาณ 2562 และ 2563 ผปู้ ่วย STEMI สามารถเข้าถงึ ยา SK ไดภ้ ายใน 180 นาทหี ลังมีอาการ ได้ถงึ
ร้อยละ 83.3 และ รอ้ ยละ 90.9 ตามลำดบั ส่งผลใหล้ ดอัตราการเสยี ชวั ติ และพกิ ารของผูป้ ว่ ยลงได้ โดยใน
ปีงบประมาณ 2562 อัตราการเสยี ชวี ิตของผปู้ ่วย STEMI อยทู่ ีร่ อ้ ยละ 4.55 ลดลงจากปี 2559 ซึ่งอยทู่ ี่รอ้ ยละ
20 และ ในปงี บประมาณ 2563 มผี ้ปู ว่ ยเสยี ชีวิต 1 ราย หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 8.33 ของผปู้ ว่ ยที่แพทยว์ นิ จิ ฉัย
เปน็ STEMI ทัง้ หมด

สำหรับระยะเวลาเฉลยี่ ของกระบวนการการรกั ษาผู้ป่วย STEMI โรงพยาบาลระแงะสามารถลด
ระยะเวลาลงได้ทุกข้นั ตอน โดยเฉพาะชว่ งการวนิ จิ ฉัยและเรมิ่ ใหย้ า ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปงี บประมาณ
2563 ระยะเวลาในช่วงนอี้ ยทู่ ี่ 10.5 นาที และ 11.5 นาทีตามลำดบั โดยเปน็ ผลจากการจดั ให้มีการฝกึ ซอ้ ม
เสมอื นจริงในการดูแลผปู้ ่วย STEMMI และการทบทวนการดูแลผู้ป่วย STEMI ทกุ เคส ทำใหท้ กุ คนในทมี ตา่ งรู้

หน้าท่ีอยา่ งชัดเจน การมีคำแนะนำสำหรบั แพทย์ในการใหข้ อ้ มลู คนไขแ้ ละญาตทิ ่ีเหมาะสม การสง่ เสรมิ ให้
พยาบาลแสดงความเหน็ อกเห็นใจ (Empathy) และรบั ฟงั ความกงั วลของผปู้ ว่ ยและญาติ สง่ ผลใหผ้ ้ปู ว่ ยและ
ญาติมคี วามไวเ้ น้อื เชอ่ื ใจกบั บคุ ลากรทางการแพทย์และตัดสนิ ใจยนิ ยอมรบั ยา SK ไดเ้ รว็ ขึน้ ในส่วนการลด
อุปสรรคการเขา้ ถึงโรงพยาบาล พบวา่ ระยะเวลาตัง้ แตผ่ ูป้ ว่ ยเรมิ่ มอี าการ จนถงึ มารพ. มรี ะยะเวลาเฉลี่ยลดลง
แตม่ คี วามผันผวนในแตล่ ะไตรมาสอยมู่ าก จงึ เปน็ โอกาสในการพฒั นาต่อไป เช่นการใหค้ วามร้กู บั ประชาชนทมี่ ี
ความจำเพาะกบั คนแตล่ ะกลุ่ม การพฒั นาระบบบริการทางการแพทยฉ์ ุกเฉนิ รว่ มกบั อปท. เปน็ ต้น

7. วิจารณ์

เน่อื งจากการรักษาผปู้ ่วย STEMI เปน็ การรกั ษาทีซ่ บั ซอ้ นและมหี ลายปจั จยั เข้ามาเกย่ี วข้อง ทำใหก้ าร
กำหนดการวัดผลกระบวนการเฉล่ยี ในแตล่ ะขน้ั ตอนถูกรบกวนด้วยปจั จยั ภายนอก เชน่ จากการทบทวนพบวา่
ระยะเวลา Consult to Needle ที่ใชเ้ วลานานเนอื่ งจากผปู้ ว่ ยอาการไมค่ งที่ ต้อง resuscitation ผู้ป่วยกอ่ น
ได้ยา ทำให้ระยะเวลาในสว่ นน้สี งู ขึน้ โดยไมส่ ะทอ้ นถึงสง่ิ ทผ่ี ศู้ กึ ษาต้องการศึกษา

8. บทเรยี น

1. การวางแผนพฒั นากระบวนการรกั ษาผู้ปว่ ยตอ้ งใช้การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในอดีตเปน็ สำคญั เพือ่ นำมา
สู่การแก้ไขปญั หาทคี่ รอบคลมุ รอบดา้ น และคมุ ทุน

2. การกำหนดและสอื่ สารเปา้ หมายให้คนในองค์กรทราบและคลอ้ ยตามเป็นปจั จยั ความสำเรจ็ ของการ
พฒั นาระบบริการสขุ ภาพ เพราะหากผปู้ ฏิบัติงานเหน็ เป้าหมายในทางเดียวกัน ยอ่ มใหค้ วามรว่ มมอื ในการ
ปรับเปลย่ี นและการพฒั นา

9. การขยายผล

จากการศกึ ษาน้ี สามารถนำไปปรบั ใช้กับการวางแผนพฒั นากระบวนการรกั ษาโรคอื่นได้ โดยเฉพาะ
โรคทมี่ ีกระบวนการรกั ษาหลายข้ันตอนและมเี วลาเปน็ กำกับ เพื่อใหส้ ามารถค้นหาปญั หาความล่าช้าของ
กระบวนการท่แี ทจ้ ริง และนำมาส่กู ารแก้ไขปัญหาอย่างตรงจดุ

11. สรุป

การพฒั นากระบวนการรกั ษาผปู้ ่วย เพ่อื ให้ได้เป้าหมายสุดทา้ ย (Outcome) ท่ีดแี ละยงั่ ยืน ควร
พิจารณาแกป้ ญั หาเชงิ ระบบทงั้ หมดอยา่ งบรู ณาการ ซง่ึ จะสง่ ผลดกี ว่าการเลือกทำทลี ะข้ันตอนของ
กระบวนการ นอกจากน้กี ารมองปัญหาและวางแผนพฒั นาในภาพรวม ส่งผลใหก้ ารพัฒนามีความคุ้มทุนและ
ประสิทธภิ าพทดี่ ี

ระยะเวลาเฉล่ียในการรักษาผู้ป่วย ST

ปีงบ 2561 78.12 Min 10
Q1 (11 ราย) 75.5 Min 8.25 Min
Q2 (8 ราย) 89.15 Min
Q3 (8 ราย) 112.75 Min
Q4 (4 ราย)
ปีงบ 2562 72.5 Min 6.2 Min 25.
Q1 (10 ราย) 86.17 Min 6.5
Q2 (8 ราย) 92.3 Min
Q3 (3 ราย) 4.2 10.2Min 14.5 Min
Q4 (4 ราย) 65.15 Min
ปีงบ 2563
Q1 (3 ราย) 61.7 Min 7 Min 14 Min 13.
Q2 (4 ราย) 63.5 Min 9 Min 14.5 Min
Q3 (4 ราย)
87 Min

Onset to door Door to EKG EKG to Con

TEMI

Min 20 Min 27.2 Min 135.32 Min

n 19 Min 38.15 Min 140.9 Min

8.12 Min 16.2 Min 51.25 Min 165.12 Min
163.25 Min
15.25 Min 16.5Min 19.15 Min

.3 Min 21.2 Min 125.2 Min
123.09 Min
5 Min 15.3 Min 15.12 Min 15.5 Min 138.1 Min

9.3 Min 21 Min

n 94.05 Min

.3Min 96 Min 116.5 Min
26 Min 113 Min
7.5Min
10.5 Min 11.5 Min

nsult Consult to Needle









วงล้อคณุ ภาพแสดงการพัฒนาและปรบั ปรุงกร

ระบวนการรักษาผ้ปู ่วย STEMI ของ รพ.ระแงะ

1.แบบฟอร์มบทคัดยอ่ ผลงาน

[ ] วจิ ยั [ ] R2R [ / ] CQI (Clinic) [ ] CQI (Non-Clinic)

2.ประเภทหนว่ ยงาน

[ ] รพศ-รพท [ / ] รพช. [ ] รพ.สต.-ศสม. [ ] สสจ.-สสอ.

3.การเสนอผลงาน

[ / ] ไม่เคยนำเสนอ เผยแพร่มาก่อน [ ] เคยเผยแพร่ (พัฒนาต่อยอด)

ช่อื เรื่อง กระบวนการใหม่สู่การแพทยว์ ถิ ีใหม่ ลดความแออัด ลดเวลารอคอย ผู้ปว่ ยพงึ พอใจ
ผนู้ ำเสนอ นายรอนี กาเดร์ เภสชั กรชำนาญการ โรงพยาบาลรามัน

มือถอื 089-5962723 E-mail [email protected]

บทคดั ย่อ

จากสถติ กิ ารเข้ารับบริการของผูร้ ับบริการแผนกผู้ปว่ ยนอกโรงพยาบาลรามันพบวา่ มีแนวโน้ม
เพม่ิ ขนึ้ เฉลย่ี 429 รายตอ่ วนั อีกท้งั ยังพบว่า จำนวนผูป้ ่วยโรคเรื้อรังมีแนวโน้มเพ่ิมขนึ้ เร่ือย ๆ ส่งผล
ให้เกดิ ความแออัดบริเวณห้องยาผู้ป่วยนอกและเพ่มิ ระยะเวลารอคอยการรับยา ทำให้ผ้ปู ่วยมีความพึง
พอใจที่น้อยต่อการให้บริการ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า COVID-19
ได้มีการระบาดและเป็นภาวะฉุกเฉินของโลก จากข้อมูลสถิติผู้เสียชีวิตด้วยเชื้อ COVID-19 กลุ่ม
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่มีปัญหาดา้ นสุขภาพ หรือมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีโรคไม่
ตดิ ตอ่ เรอ้ื รงั หรอื NCD ซงึ่ จะเห็นไดว้ า่ เมอ่ื เกิดความแออัดในโรงพยาบาล และระยะเวลารอคอยรับยา
นาน อาจส่งผลให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มีความเสี่ยงเมื่อติดเชื้อ COVID-19 ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาและ
ปรับระบบให้เป็นการแพทย์วิถีใหม่” หรือ New Normal of Medical Service เพื่อลดความแออัด
และระยะเวลารอคอยรับยาของผู้ป่วยในโรงพยาบาล รวมถงึ เพม่ิ ความพงึ พอใจของผู้ป่วยตอ่ การรับยา
ทางทมี ได้เปลยี่ นแปลงบทบาทการทำงานของเภสชั กร โดยการใช้โปรแกรม Easy dispensing ในการ
กำหนดและส่ือสารชอ่ งทางการรบั ยาของผปู้ ่วย โดยได้เพิ่มชอ่ งทางการรับยาจากการรอรับยาท่ีห้องยา
เพียงอย่างเดียวเป็นหลายช่องทาง คือ รอรับยารูปแบบใหมท่ ี่แยกผู้ป่วยโรคเรื้อรังจากผู้ป่วยท่ัวไป ส่ง
ยาผ่านช่องทางไปรษณีย์ ส่งยาผ่านช่องทางอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมูบ่ ้าน ส่งยาผ่านชอ่ งทาง
RAMAN BIKE และส่งยาผ่านช่องทางเจ้าหน้าที่จิตอาสา โดยมีเจ้าหน้าที่จิตอาสาและเจ้าหน้าที่
RAMAN BIKE ในโรงพยาบาลรามันมีอาสาสมัครทั้งหมด 175 คน ครอบคลุม 76 หมู่บ้าน จาก 90
หมู่บ้านในอำเภอรามันทั้งหมด เจ้าหน้าที่จิตอาสามีการ confirm (CF) จำนวนยาที่ต้องการไปส่ง
ใหก้ ับผ้ปู ว่ ยในตอนเยน็ ของทุกวนั ในไลน์กลุ่มของแต่ละหมบู่ ้าน หลงั จากน้นั ก็มารบั ยาท่ีห้องคลินิกเติม
ยาโรคเรื้อรังก่อนกลับบ้าน เมื่อได้ส่งยาให้กับผู้ป่วยจะทำการถ่ายรูปแจ้ง admin ในแต่ละกลุ่ม
นอกจากนี้ยังได้จัดทำ locker for you เพื่อเป็นการเติมยาเรื้อรังให้กับผู้ป่วยทุก 2 เดือน ในผู้ป่วย
กลุ่มสีเหลืองที่ควบคุมอาการของโรคได้ระดับปานกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคเรื้อรังจะ
ได้รับบัตรนัดจำนวนสองใบ คือ ใบที่ 1 บัตรนัดเติมยา (2 เดือน) และใบที่ 2 บัตรนัดพบแพทย์ (4
เดือน) เภสัชกรคิดรูปแบบรายงานผู้ป่วยที่มาเติมยาเรื้อรังในแต่ละวัน และประสานเจ้าหน้าที่ IT ใน
การเขียนรายงาน และสามารถแสดงออกมาได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ฝ่ายเภสัชกรรมจะทำการจัด
ยาลว่ งหนา้ ใหก้ ับผู้ปว่ ย 1 วนั ก่อนถึงวันนัดเตมิ ยา นำยาทผี่ า่ นการตรวจสอบแลว้ ไปเก็บในตู้ล็อคเกอร์
เติมยาโรคเร้ือรัง เม่ือถึงวันนัดเติมยา ผปู้ ว่ ยตอ้ งนำบัตรนัดเติมยาและยาเดิมที่เหลือมาด้วยเสมอ หาก

มีโรคประจำตวั เป็นความดันโลหิตสงู จะตอ้ งทำการวัดความดันที่จดุ คดั กรองก่อน หลงั จากนนั้ สามารถ
มายื่นเติมยาได้ที่คลินิกเติมยา เภสัชกรนับยาเดิมที่เหลือและประเมินความร่วมมือในการใช้ยาของ
ผู้ป่วย ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถมาได้ด้วยตนเอง สามารถให้ญาติผู้ดูแลมาแทน เภสัชกรจะประเมิน
จากยาเดิมที่เหลือ หากมียาเหลือในปริมาณที่มากเกินสองสัปดาห์ เภสัชกรก็จะทำการประสานทีม
คลินิกโรคเรื้อรัง โรงพยาบาลรามันเพื่อลงเยี่ยมบ้าน แต่หากยาเดิมเหลือน้อยกว่าสองสัปดาห์จะ
ประสานทีม รพ.สต. และ อสม. ให้ไปทำการประเมินที่บ้านผู้ป่วยแทน จากผลการดำเนินงานพบว่า
ความแออัดของผู้ป่วยขณะรอรับยาลดลงร้อยละ 68.93 เมื่อเทียบกับก่อนเริ่มดำเนินการ และ
ระยะเวลารอคอยรับยาในภาพรวมเฉลี่ย 12.16 นาที ลดลงจากก่อนดำเนินการ 4.91 นาที ส่งผลให้
ผปู้ ว่ ยโรคท่ัวไปและผ้ปู ่วยโรคเร้ือรังมีความพึงพอใจร้อยละ 96.72 เน่ืองจากได้มาตรวจติดตามอาการ
จากแพทย์ ตรวจผลทางห้องปฏิบัติการ และไม่ต้องรอรับยาซึ่งมีเจ้าหน้าที่ส่งยาถึงที่บ้าน ซึ่งผลการ
ดำเนินงานบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ การปรับระบบนี้ไม่ใช่การเพิ่มภาระงานแก่บุคลากรใน
โรงพยาบาล แตเ่ ปน็ การเปลีย่ นวธิ ีการทำงานโดยไม่ลดมาตรฐานวิชาชพี

ฉบบั เตม็

ชือ่ ผลงาน: กระบวนการใหม่สู่การแพทย์วิถีใหม่ ลดความแออัด ลดเวลารอคอย ผปู้ ว่ ยพึงพอใจ
คำสำคัญ: กระบวนการใหม่ (New process) , การแพทย์วิถีใหม่ (New normal of medical
Service)
ช่ือเจา้ ของผลงานและสังกดั : นายรอนี กาเดร์ เภสชั กรชำนาญการ โรงพยาบาลรามัน
มอื ถือ 089-5962723 E-mail [email protected]
วัตถปุ ระสงค์

• เพอ่ื ลดความแออัดของผปู้ ว่ ยในโรงพยาบาลรามนั

• เพอ่ื ลดระยะเวลารอคอยการรบั ยาในภาพรวมของผปู้ ่วยในโรงพยาบาลรามนั

• เพื่อเพม่ิ ความพึงพอใจต่อระบบการรับยาของผูป้ ว่ ย
ตัวชี้วัด

• ความแออัดของผปู้ ่วยขณะรอรับยาลดลงมากกว่าร้อยละ 60 ภายในระยะเวลา 4 เดือน

• ระยะเวลารอคอยรับยาในภาพรวมน้อยกวา่ 15 นาที ภายในระยะเวลา 4 เดือน

• ผูป้ ว่ ยมีความพงึ พอใจมากกว่ารอ้ ยละ 80 ภายในระยะเวลา 4 เดอื น
ปัญหาและสาเหตุโดยยอ่

จากสถิตกิ ารเข้ารับบริการของผ้รู ับบริการแผนกผปู้ ว่ ยนอกโรงพยาบาลรามนั ปี พ.ศ. 2559–
2562 พบวา่ มีแนวโนม้ เพ่มิ ข้ึน เฉลี่ย 429 รายต่อวัน อกี ทงั้ ยงั พบวา่ จำนวนผปู้ ่วยโรคเรื้อรังมีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก 4,525 ราย 5,026 ราย 5,206 ราย และ 5,311 ราย ตามลำดับ ส่งผลให้เกิด
ความแออัดบริเวณห้องยาผู้ปว่ ยนอกและเพ่ิมระยะเวลารอคอยการรบั ยา ทำใหผ้ ปู้ ว่ ยมีความพึงพอใจ
ที่น้อยตอ่ การให้บริการ

องค์การอนามัยโลก (World health organization ; WHO) ได้ประกาศว่า COVID-19 ได้มี
การระบาดและเป็นภาวะฉุกเฉินของโลก รวมถึงยังไม่มียารักษาที่เฉพาะเจาะจง จากข้อมูลสถิติ
ผู้เสียชีวิตด้วยเชื้อ COVID-19 กลุ่มผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ หรือมีโรค
ประจำตัว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCD ภาวะร่วมที่พบในผู้เสียชีวิตจากโรค
COVID-19 ได้แก่ เบาหวาน (ร้อยละ 41) ความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 36) ไขมันในเลือดสูง (ร้อยละ
18) โรคหัวใจ (รอ้ ยละ 14) โรคไต (ร้อยละ 9) โรคอ้วน (ร้อยละ 7) และอน่ื ๆ (รอ้ ยละ 14) ซ่ึงจะเห็น
ไดว้ ่าเม่อื เกิดความแออดั ในโรงพยาบาล และระยะเวลารอคอยรับยานาน อาจสง่ ผลให้ผปู้ ว่ ยโรคเร้ือรัง
มคี วามเสยี่ งเม่ือติดเชอื้ COVID-19

จากข้อมูลระยะเวลาการรอคอยรับยาของผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลรามัน โดยรวมทั้งผู้ป่วย
ทั่วไปและผู้ป่วยเรื้อรัง ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึง กุมภาพันธ์ 2563 มีระยะเวลาเฉลี่ย 18.07, 17.01,
16.17, 17.56 และ 16.56 นาที (เกณฑ์ไม่เกิน 20 นาที) จะเห็นได้ว่าระยะเวลารอรับยาเฉลี่ยไม่เกิน
เกณฑท์ ่กี ำหนด แต่ระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลาในสถานการณ์ปกติก่อนทจ่ี ะมกี ารระบาดของโรค
COVID-19 ดังนน้ั จงึ ตอ้ งมกี ารพัฒนาและปรับระบบใหเ้ ป็นการแพทย์วิถีใหม”่ หรอื New Normal of
Medical Service เพื่อลดความแออัดและระยะเวลารอคอยรับยาของผู้ป่วยในโรงพยาบาล รวมถึง
เพ่มิ ความพึงพอใจของผู้ปว่ ยต่อการรบั ยา ทำให้โรงพยาบาลรามนั เล็งเหน็ ความสำคัญของปัญหา และ
ประโยชนข์ องการพัฒนาระบบบรกิ ารดังกลา่ ว จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบการกระจายยาผู้ป่วย
โรคเร้ือรงั แบบวถิ ีใหม่ขึ้น

กิจกรรมพฒั นา
การพัฒนาช่วงที่ 1 ระยะเวลา 1 มนี าคม 2563 – 31 มีนาคม 2563

1. ประชุมคณะกรรมการทมี การจดั การด้านยาร่วมกับผู้ป่วยนอก ทีมกลมุ่ เวชปฏบิ ตั ชิ ุมชน และ
ทมี ยานยนต์ โดยมีผอู้ ำนวยการโรงพยาบาลเป็นประธาน เพ่ือชแ้ี จงปัญหาที่เกิดขน้ึ พรอ้ มทัง้
รว่ มกัน brainstorm และคดิ คน้ ระบบการกระจายยาโรคเรื้อรงั

2. กำหนดรูปแบบการกระจายยาไปยังบ้านผู้ปว่ ย โดยการส่งยาท่ีจัดเปน็ รายบุคคลไปท่ี รพ.สต.
สปั ดาหล์ ะ 2 ครง้ั คอื ทุกเช้าวนั จนั ทร์ และพธุ

3. แบ่งโซนการสง่ ยาตามพ้นื ท่อี อกเป็น 3 โซน คือ

a. โซนที่ 1 มี 1 แห่ง ไดแ้ ก่ เขตกายูบอเกาะ

b. โซนที่ 2 มี 8 แห่ง ได้แก่ รพ.สต.บาลอ รพ.สต.ตะโล๊ะหะลอ รพ.สต.จะกว๊ะ รพ.สต.
เกะรอ รพ.สต.อาซอ่ ง รพ.สต.ทา่ ธง รพ.สต.บ้านเกาะ และ รพ.สต.วังพญา

c. โซนที่ 3 มี 8 แห่ง ได้แก่ รพ.สต.เนินงาม รพ.สต.บาโงย รพ.สต.โกตาบารู รพ.สต.
กาลปู งั รพ.สต.บอื มัง รพ.สต.กาลอ รพ.สต.ยะต๊ะ และ รพ.สต.กอตอตือระ

4. ประชุมชี้แจงแนวทางการส่งกระจายยาให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
เน่ืองจากหลงั รพ.สต. แต่ละ รพ.สต. ไดร้ บั ยาจากโรงพยาบาลรามนั ทาง อสม. ก็จะมารับยา
ที่ รพ.สต พร้อมทั้งรับอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง เช่น face shield หน้ากากอนามัย และเจล
แอลกอฮอล์ ยกเว้น อสม. ในเขตกายูบอเกาะที่จะมารับยาที่กลุ่มเวชปฏิบัติของโรงพยาบาล
รามัน

5. เมอ่ื อสม. สง่ ยาให้กับผู้ป่วย ให้ อสม. ประเมนิ ยาเดิมที่เหลอื ของผู้ปว่ ย หากผปู้ ว่ ยรายใดมียา
เดิมเหลือในปริมาณมาก อสม.จะทำการถ่ายรูปและส่งมายัง รพ.สต. เพื่อประชุมกับทีม
โรงพยาบาลในการออกไปเยยี่ มบ้าน

จากการดำเนนิ งานในช่วงท่ี 1 พบปัญหา เนื่องจากทาง รพ.สต. และ อสม. ได้รับภารกิจจาก
กระทรวงสาธารณสขุ เพิม่ เตมิ ทำให้มีภาระงานเพมิ่ มากขนึ้ สง่ ผลให้เกดิ การพฒั นาในช่วงที่ 2

การพฒั นาชว่ งท่ี 2 ระยะเวลา 1 เมษายน 2563 – 30 เมษายน 2563
1. เปลี่ยนแปลงรูปแบบการส่งกระจายยาในโซนที่ 2 และ 3 จากการส่งยาไปยัง รพ.สต. แล้ว
อสม. นำไปส่งให้กับผู้ป่วยที่บ้าน เป็นการส่งไปทางไปรษณีย์ เนื่องจากทางสำนักงาน
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไดม้ ีการจดั โครงการส่งยาไปยังบ้านผู้ปว่ ยฟรีจนถึง 30
กนั ยายน 2563 ยกเว้นโซนที่ 1 จะมกี ารสง่ ยาโดย อสม. เชน่ เดิม
2. เจา้ หน้าที่คลินิกโรคเร้ือรังโทรประสานผู้ป่วยเร่ืองการส่งยาทางไปรษณยี ์ เพ่อื สอบถามอาการ
ทางคลินิกของผู้ป่วย หากอาการปกติจะให้ผู้ป่วยยืนยันที่อยู่ เพื่อจะทำการส่งยาไปทาง
ไปรษณีย์ แต่สำหรับผู้ปว่ ยท่มี ีอาการทางคลนิ ิกผิดปกตจิ ะให้มาตรวจตามนดั เหมอื นเดิม
3. ส่งยาทางไปรษณีย์ทุกเช้าวันศุกร์และวันจันทร์ก่อนเวลา 9.00 น. เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาใน
วนั ทส่ี ่ง โดยในการสง่ ยาแตล่ ะคร้งั จะมยี าประมาณ 120-180 กลอ่ งต่อคร้ัง

จากการดำเนินงานในชว่ งที่ 2 การส่งกระจายยาโดยไปรษณีย์ พบปัญหาการส่งยาล่าช้า ยา
ไมไ่ ดถ้ ูกสง่ ในทนั ที มีการเกบ็ ยาไว้ท่ีไปรษณียต์ ำบล หรอื บางรายเอายาไปฝากไว้ที่ อสม. แล้วให้ อสม.
ไปส่งยาให้กับผู้ป่วย นอกจากนี้ยังพบว่าในบางรายที่ใช้ยาอินซูลิน ซึ่งจะต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิ 2-8
องศา การส่งยาทางไปรษณีย์ แล้วผู้ป่วยไม่ได้รับยาในวันดังกล่าวทำให้ยาเสือ่ มคุณภาพได้ นอกจากนี้
การส่งยาทางไปรษณีย์จะมีการะบวนการการบรรจุยาใส่กล่องและติดที่อยู่ ขึ้นทะเบียนเพื่อติดเลข
EMS ทำให้ต้องใช้เวลาในกระบวนการดังกล่าวมากขึ้น เพราะยาที่ส่งไปรษณีย์ไม่ได้ส่งทุกวัน ทำให้มี
การสะสม 2-3 วัน จำนวนยาที่ส่งจึงมีหลายกล่อง รวมถึงผู้ป่วยไม่ได้พบแพทย์และไม่ได้รับการตรวจ
ทางห้องปฏิบัติ การจากปัญหาข้างต้นและนโยบายระบบบริการวิถีใหม่ (new normal) ส่งผลให้เกิด
การพฒั นาในชว่ งที่ 3
การพฒั นาชว่ งท่ี 3 ระยะเวลา 1 พฤษภาคม 2563 – 30 มถิ นุ ายน 2563

1. จ ั ด ต ั ้ ง ค ล ิ น ิ ก เ ต ิ ม ย า โ ร ค เ ร ื ้ อ ร ั ง ( Prescription refill and chronic medication
reconciliation service) ซึ่งเป็นจุดให้บริการเกี่ยวกับยาโรคเรื้อรังแยกออกจากผู้ป่วยทั่วไป
โดยใหบ้ รกิ าร 6 บรกิ ารดังน้ี
a. จา่ ยยาโรคเรื้อรงั รายวัน
b. เตมิ ยาโรคเร้อื รังทุก 1.5-2 เดอื น
c. สง่ ยาผ่านช่องทางไปรษณีย์
d. สง่ ยาผา่ นชอ่ งทางอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
e. ส่งยาผา่ นช่องทาง RAMAN BIKE
f. สง่ ยาผ่านช่องทางเจ้าหน้าทจ่ี ติ อาสา

2. เปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายยาของเภสัชกรในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยการให้
เภสัชกรมาคดั กรองคำส่ังใชย้ าของแพทย์ แบง่ ประเภทการรับยาของผู้ปว่ ย และให้คำแนะนำ
ในการรับประทานยา ซึ่งสถานที่จะอยู่บริเวณแผนกผู้ป่วยนอกใกล้กับห้องตรวจโรคเรื้อรัง
และจดุ ออกบัตรนัด

3. เม่ือผู้ป่วยจะมาตรวจพบแพทยต์ ามนดั ปกติ เมื่อตรวจเสรจ็ ผ้ปู ว่ ยจะได้รับบตั รนัด และเภสชั
กรจะทำการตรวจสอบยาเดิมผู้ปว่ ยทุกราย เพื่อตรวจสอบวา่ มยี าเดิมเพียงพอหรือไม่สำหรับที่
จะรับประทานในกรณีทีจ่ ะสง่ ยาไปทบี่ ้าน เภสัชกรจะใช้โปรแกรม Easy Dispensing ในการ
บันทกึ ชอ่ งทางการรบั ยาของผู้ป่วยและสื่อสารข้อมลู ระหว่างเภสัชกรด้วยกัน หลังจากน้ัน
ผู้ป่วยจะมที างเลือกในการรับยาสองช่องทางหลกั คือ

a. รอรับยากลับบา้ น : ผปู้ ว่ ยกลุม่ นี้เปน็ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังทมี่ ยี าด่วนตอ้ งรบั ประทาน จะมี
การรอรับยาที่แยกออกมาจากผู้ป่วยทั่วไป โดยจุดที่รับยาของผู้ป่วยโรคเรื้อรังอยู่ที่
คลินิกเติมยาโรคเรื้อรัง เบอร์ 23 เพื่อลดความแออัดหน้าห้องยานอก และกระจาย
จุดรอรับยา ผู้ป่วยจะได้รับสัญญาณแจ้งเตือนรอรับยาที่บรรจุใส่ถุงซิปไม่ให้มีการ
สัมผัสตัวเครื่องสัญญาณ ผู้ป่วยสามารถรอรับยาที่บริเวณใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอท่ี
จุดจะรับยา เมื่อสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้น แสดงถึงเวลาที่เภสัชได้ตรวจสอบยาเสร็จ
เรียบร้อย ผู้ป่วยสามารถมายื่นสัญญาณแจ้งเตือนได้ที่ห้องคลินิกเติมยาโรคเรื้อรัง
เบอร์ 23 และรับยากลับบ้าน

b. ให้ทางส่งยาไปใหท้ ี่บา้ น : ผู้ป่วยกลมุ่ ที่ไม่ตอ้ งการรอรบั ยา และไมม่ ียาด่วน

i. ส่งยาผ่านทางเจา้ หน้าทจ่ี ิตอาสา

1. รับสมัครเจ้าหน้าที่จิตอาสาและเจ้าหน้าที่ RAMAN BIKE ใน
โรงพยาบาลรามันมีอาสาสมัครทั้งหมด 175 คน ครอบคลุม 76
หมู่บ้าน จาก 90 หมบู่ า้ นในอำเภอรามันทงั้ หมด

2. ประชมุ ชแี้ จงแนวทางปฏิบัติแกเ่ จา้ หนา้ ทจี่ ติ อาสา

3. สร้างกลุ่มไลน์แยกเป็น 4 กลุ่ม โดยแยกตามจำนวนเจ้าหน้าท่ีจิต
อาสา ในแต่ละกลุ่มจะมีเจ้าหน้าที่จิตอาสาที่เป็นผู้ดูแลกลุ่ม
(admin) รวมถึงมีเภสัชกรอยู่ในทั้ง 4 กลุ่ม เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ
ยา เมื่อมขี ้อสงสัยจากเจ้าหน้าทจี่ ิตอาสาหรือผ้ปู ่วย

4. ทุกวันจันทร์-วันพฤหัสบดี (ยกเว้นวันศุกร์) เวลา 15.00 น.
Admin ในแต่ละกลุ่มจะทำการแจ้งเจ้าหน้าที่จิตอาสา เพื่อแจ้งให้
ทราบว่ามียาที่ต้องส่งไปให้ผู้ป่วยในแต่ละหมู่บ้านกี่ราย โดยยาจะ
ถูกเก็บใส่ลอ็ คเกอร์แยกเป็นรายหมบู่ ้านของแต่ละตำบล

5. เจ้าหน้าที่จิตอาสาจะทำการ confirm (CF) ในกลุ่มไลน์ ว่า
สามารถไปส่งยาใหไ้ ด้กี่รายในแต่ละหม่บู า้ น

6. เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่จิตอาสาจะมารับยาที่คลินิกเติมยาโรค
เร้ือรังตามทีไ่ ด้ confirm (CF) ในกลุ่มไลน์ไว้ พรอ้ มทั้งลงช่อื จำนวน
ทีไ่ ด้รบั ยาไป

7. เมือ่ เจ้าหน้าท่ีจิตอาสากลับบ้าน และไดส้ ง่ มอบยาให้กับผู้ป่วยท่ีอยู่
บริเวณใกล้บ้านตนเองแล้ว จะทำการถ่ายรูปแจ้งมาในกลุ่มไลน์
ของแตล่ ะกลมุ่

8. สำหรับผู้ป่วยที่อยูใ่ นหม่บู า้ นทีม่ ีเจา้ หน้าที่จิตอาสา แตเ่ จา้ หนา้ ที่จิต
อาสาไม่สะดวกหรือไม่ได้อยู่เวรในวันดังกล่าว ก็จะทำการเปลี่ยน
วธิ กี ารสง่ ยาเป็นการสง่ ไปรษณียไ์ ปใหผ้ ้ปู ่วยแทน

ii. ส่งยาทางไปรษณีย์ สำหรับผู้ป่วยที่อยู่นอกเขต ผู้ป่วยที่อยู่ในหมู่บ้านที่ไม่มี
เจา้ หนา้ ท่จี ิตอาสา หรือจิตอาสาไมส่ ะดวกไปส่งยาในวันดังกลา่ ว โดยการส่ง
ไปรษณีย์จะทำการส่งในเช้าวันถัดไป แต่ปริมาณการส่งจะลดลงอย่างมาก
เมื่อเทียบกับการพัฒนาในช่วงที่ 2 และผู้ป่วยจะมียาเดิมเหลือสำรองอยู่ที่
ตนเองอยแู่ ล้ว เพอื่ ไมใ่ หผ้ ปู้ ว่ ยขาดยาในกรณที ่ียาถึงผู้ป่วยชา้

iii. ในกรณีวันศกุ ร์จะทำการส่งยาผา่ นชอ่ งทาง อสม. ในผปู้ ว่ ยโรคเร้อื รังท่ีอยู่ใน
โซนที่ 1 เขตกายูบอเกาะ โดยกลุ่มเวชปฏิบัติจะเป็นผู้แจ้ง อสม. หลังจาก
ห้องยาได้จัดยาเรียบร้อยแล้ว และสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่อยู่ในพื้นทีโ่ ซน
ที่ 2 และ 3 จะทำการส่งไปทางไปรษณีย์ เพื่อให้ทีมเจ้าหน้าที่จิตอาสาได้

หยุดพัก รวมถึงเจ้าหน้าที่ อสม. ในเขตพื้นที่โซนที่ 1 กายูบอเกาะ
อาสาสมัครทจี่ ะสง่ ยาไปยงั บ้านผ้ปู ่วยต่อไป

4. จัดต้ังคลนิ ิกเติมยาให้กับผู้ปว่ ยโรคเร้ือรังกลุ่มสีเหลืองที่ควบคุมระดับของโรคได้ปานกลาง ซึ่ง
แพทยจ์ ะทำการนัดผู้ป่วยทุก 3-4 เดอื น แตด่ ว้ ยนโยบายการสำรองยาไว้ทีผ่ ู้ปว่ ยไม่ควรเกิน 2
เดอื น ทำให้ผู้ปว่ ยกลุม่ น้ี ซ่งึ เปน็ กล่มุ ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคเร้ือรงั จะไดร้ ับบัตรนัดจำนวนสอง
ใบ คือ ใบที่ 1 บัตรนดั เติมยา (2 เดือน) และใบที่ 2 บัตรนัดพบแพทย์ (4 เดอื น)

a. เภสัชกรคิดรูปแบบรายงานผู้ป่วยที่มาเติมยาเรื้อรังในแต่ละวัน และประสาน
เจ้าหน้าที่ IT ในการเขียนรายงาน และสามารถแสดงออกมาได้ในรูปแบบ
อเิ ลก็ ทรอนิกส์

b. ฝา่ ยเภสชั กรรมจะทำการจัดยาลว่ งหนา้ ให้กบั ผู้ป่วย 1 วนั กอ่ นถึงวนั นัดเตมิ ยา

c. นำยาที่ผ่านการตรวจสอบแล้วไปเก็บในตู้เติมยาโรคเรื้อรัง (locker for you) โดย
เกบ็ ไวใ้ นชอ่ งตามหมายเลขทแี่ สดงในรายงานท่ีได้ออกแบบไว้

d. เมื่อถึงวันนดั เติมยา ผปู้ ่วยตอ้ งนำบัตรนัดเตมิ ยาและยาเดมิ ท่ีเหลือมาด้วยเสมอ หาก
มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง จะต้องทำการวัดความดันที่จุดคัดกรองก่อน
หลงั จากน้นั สามารถมายืน่ เติมยาไดท้ ่คี ลนิ ิกเติมยา

e. เภสัชกรนับยาเดิมท่เี หลือและประเมนิ ความรว่ มมือในการใช้ยาของผปู้ ่วย

f. ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถมาได้ด้วยตนเอง สามารถให้ญาติผู้ดูแลมาแทน เภสัชกร
จะประเมินจากยาเดิมที่เหลือ หากมียาเหลือในปริมาณที่มากเกินสองสปั ดาห์ เภสชั
กรก็จะทำการประสานทีมคลินิกโรคเรื้อรัง โรงพยาบาลรามันเพื่อลงเยี่ยมบ้าน แต่
หากยาเดิมเหลือน้อยกว่าสองสัปดาห์จะประสานทีม รพ.สต. และ อสม. ให้ไปทำ
การประเมนิ ทบ่ี า้ นผ้ปู ่วยแทน

การวดั ผลและผลการเปลีย่ นแปลง : กอ่ น หลงั พัฒนา (ปี 2563)
ตารางท่ี 1 แสดงผลการดำเนินงาน พัฒนา
ต.ค. 62-
ตัวชี้วดั เปา้ หมาย ก.พ. 63

1. ความแออัดของผู้ป่วย ลดลง ≥ 60 0 ชว่ ง 1 ชว่ ง 2 ชว่ ง 3
ขณะรอรับยา ≤ 15 นาที ม.ี ค. 63 เม.ย. 63 พ.ค.-
มิ.ย.63
2. ระยะเวลารอคอยรับยา 75.56 80.60
ในภาพรวม 68.93

17.07 10.30 11.03 12.16

3. ความพึงพอใจมากกว่า ≥ 80 % 74.67 90.55 92.40 96.72
รอ้ ยละ 80

ผลการดำเนนิ งานชว่ งท่ี 1 ระยะเวลา 1 มีนาคม 2563 – 31 มีนาคม 2563 จากตารางท่ี 1 ผลการ
ดำเนินงานในช่วงที่ 1 พบว่าความแออัดของผู้ป่วยขณะรอรับยาลดลงร้อยละ 80.60 เมื่อเทียบกับ
ก่อนเริ่มดำเนินการ เนื่องผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่นัดมาพบแพทย์ได้เปลี่ยนเป็นการส่งยาผ่านทาง รพ.สต.
และ อสม. ทั้งหมด ทำให้เหลือเพียงผู้ป่วยโรคทั่วไปเท่านั้นที่รอรับยา และระยะเวลารอคอยรับยาใน
ภาพรวมเฉลี่ย 10.30 นาที ลดลงจากก่อนดำเนินการ 6.77 นาที ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคทั่วไปและผู้ป่วย
โรคเรื้อรังมคี วามพงึ พอใจร้อยละ 90.55 จากข้างตน้ พบว่าผลการดำเนินงานบรรลเุ ปา้ หมายที่กำหนด
ไว้ อย่างไรก็ตามจากการดำเนินงานในช่วงที่ 1 พบปัญหาเนื่องจากทาง รพ.สต. และ อสม. ได้รับ
ภารกจิ จากกระทรวงสาธารณสขุ เพิ่มเตมิ ทำให้มภี าระงานเพิ่มมากขนึ้ ส่งผลใหเ้ กิดการพฒั นาในช่วงท่ี
2
ผลการดำเนินงานช่วงที่ 2 ระยะเวลา 1 เมษายน 2563 – 30 เมษายน 2563 จากตารางที่ 1 ผล
การดำเนนิ งานในชว่ งที่ 2 พบวา่ ความแออดั ของผู้ปว่ ยขณะรอรับยาลดลงร้อยละ 76.56 เม่ือเทียบกับ
ก่อนเริ่มดำเนินการ เนื่องผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่นัดมาพบแพทย์ได้เปลี่ยนเป็นการส่งยาผ่านทางไปรษณีย์
ทั้งหมด ทำให้เหลือเพียงผู้ป่วยโรคทั่วไปเท่านั้นที่รอรับยา และระยะเวลารอคอยรับยาในภาพรวม
เฉล่ยี 11.03 นาที ลดลงจากก่อนดำเนินการ 6.04 นาที ส่งผลให้ผปู้ ่วยโรคทว่ั ไปและผู้ป่วยโรคเร้ือรังมี
ความพงึ พอใจร้อยละ 92.40 จากข้างต้นพบว่าผลการดำเนนิ งานบรรลุเป้าหมายท่ีกำหนดไว้ อย่างไรก็
ตามจากการดำเนินงานในช่วงที่ 2 พบปัญหาเน่อื งจากการส่งยาล่าช้า ยาไมไ่ ดถ้ กู ส่งในทันที มีการเก็บ
ยาไว้ที่ไปรษณีย์ตำบล หรือบางรายเอายาไปฝากไว้ที่ อสม. แล้วให้ อสม.ไปส่งยาให้กับผู้ป่วย
นอกจากนี้ยังพบว่าในบางรายที่ใช้ยาอินซูลิน ซึ่งจะต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิ 2-8 องศา การส่งยาทาง
ไปรษณีย์ แล้วผู้ป่วยไม่ได้รับยาในวันดังกล่าวทำให้ยาเสื่อมคุณภาพได้ นอกจากนี้การส่งยาทาง
ไปรษณยี จ์ ะมีการะบวนการการบรรจุยาใส่กล่องและตดิ ทอ่ี ยู่ ขนึ้ ทะเบยี นเพอ่ื ติดเลข EMS ทำให้ต้องใช้
เวลาในกระบวนการดังกล่าวมากขึ้น เพราะยาที่ส่งไปรษณีย์ไม่ได้ส่งทุกวัน ทำให้มีการสะสม 2-3 วัน
จำนวนยาทีส่ ง่ จงึ มหี ลายกล่อง รวมถึงผู้ป่วยไม่ได้พบแพทย์และไม่ได้รับการตรวจทางห้องปฏบิ ตั ิ การ
จากปญั หาขา้ งตน้ และนโยบายระบบบริการวิถีใหม่ (new normal) ส่งผลให้เกิดการพฒั นาในช่วงที่ 3
ผลการดำเนินงานช่วงที่ 3 ระยะเวลา 1 พฤษภาคม 2563 – 30 มิถุนายน 2563 จากตารางที่ 1
ผลการดำเนินงานในช่วงที่ 3 พบว่าความแออัดของผู้ป่วยขณะรอรับยาลดลงร้อยละ 68.93 เมื่อเทียบ
กับก่อนเริ่มดำเนินการ เนื่องผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่นัดมาพบแพทย์ได้เปลี่ยนเป็นการส่งยาผ่านทาง
เจ้าหน้าที่จิตอาสาเป็นหลัก บางส่วนส่งผ่านทางไปรษณีย์ และบางส่วนส่งผ่านทาง อสม. ในพื้นท่ี
นอกจากนี้มีผู้ป่วยโรคเรื้อรังบางรายจำเป็นต้องรอรับยาเลยเนื่องจากมียาด่วนที่ต้องรับรับประทาน
เพื่อแก้ภาวะของโรคในขณะน้นั จึงทำให้ความแออัดของผูป้ ่วยขณะรอรบั ยาลดลงน้อยกว่าการพัฒนา
ช่วงที่ 1 และ 2 ทำให้มีทั้งผู้ป่วยโรคทั่วไปและโรคเรือ้ รังบางส่วนทีร่ อรบั ยา และระยะเวลารอคอยรับ
ยาในภาพรวมเฉลี่ย 12.16 นาที ลดลงจากก่อนดำเนินการ 4.91 นาที ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคทั่วไปและ
ผูป้ ว่ ยโรคเร้ือรังมีความพงึ พอใจร้อยละ 96.72 เนอื่ งจากได้มาตรวจตดิ ตามอาการจากแพทย์ ตรวจผล
ทางห้องปฏบิ ตั ิการ และไม่ต้องรอรับยาซ่ึงมีเจ้าหน้าท่สี ่งยาถึงท่ีบ้าน จากการดำเนินงานในชว่ งที่ 3 ซ่ึง
บรรลเุ ปา้ หมายทกี่ ำหนดไว้

บทเรียนทไ่ี ดร้ ับ :

• ปญั หาและอุปสรรคท่ีพบหลงั จากการดำเนนิ งาน คอื
o บางวันสภาพภูมิอากาศมีฝนตกทำให้จติ อาสาที่เป็น RAMAN BIKE ไม่สามารถไปส่ง
ยาใหก้ บั ผู้ป่วยไดใ้ นวนั ดงั กลา่ ว
o ผ้ปู ว่ ยบางรายไมม่ าเตมิ ยาตามนดั

• แผนในการขยายผลโครงการไปยงั หน่วยงานหรอื พ้นื ทอี่ น่ื ๆ รวมถงึ โอกาสในการพฒั นาระบบ
ตอ่ ไป คอื
o เพิม่ พ้นื ท่ีการส่งยาโดยทีมเจ้าหนา้ ที่จติ อาสาในพ้ืนท่ีชายแดนระหว่างอำเภอ เช่น ต.
เรยี ง อ.รอื เสาะ จ.นราธวิ าส และ ต.กะรุบี อ.กะพอ้ จ.ปัตตานี เปน็ ตน้
o เจา้ หน้าท่ีประชาสัมพันธโ์ ทรเตือนผ้ปู ่วยก่อนวนั นดั เตมิ ยา 1 วนั
o รบั ยาแบบ Drive Thru ทห่ี นา้ โรงพยาบาลโดยไมต่ อ้ งลงจากรถเวลามารับยา
o ผู้ป่วยที่สามารถควบคุมอาการได้ดีสามารถเปิดล็อคเกอร์รับยาด้วยตนเอง โดยการ
ถือกุญแจไว้ที่ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่คนละ 1 ดอก และอาจขยายการจัดตั้งล็อกเกอร์
หรอื ตทู้ ่ี รพ.สต.

• การปรับระบบนี้ไม่ใช่การเพิ่มภาระงานแก่บุคลากรในโรงพยาบาล แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีการ
ทำงานโดยไม่ลดมาตรฐานวิชาชีพ การส่งยาด้วยเจ้าหน้าที่จิตอาสาเป็นมากกว่าการส่งยา
พวกเราไปในนามโรงพยาบาล ในนามองค์กร และในฐานะเพื่อนบ้าน แสดงถึงความสัมพันธ์
ระหว่างชุมชนกับโรงพยาบาล และพวกเรากับชุมชน พวกเราเจ้าหน้าที่จิตอาสาคือสื่อกลาง
ระหว่างผ้ปู ว่ ยกบั บคุ ลากรของโรงพยาบาล

ผลงานจากการพัฒนางานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง
(Continuous Quality Improvement : CQI)

ชื่อผลงาน/โครงการพฒั นา :พฒั นาโปรแกรมส่งเสรมิ ความรว่ มมือในการฉดี ยาอินซลู ินดว้ ยตนเองสาหรบั
ผูป้ ่วยเบาหวาน
ช่อื เจา้ ของผลงาน และสงั กัด : สิริลกั ษณ์ พุ่มบา้ นเซา่ พยาบาลวิชาชพี พยาบาลผู้จัดการรายกรณี คลินกิ
NCD โรงพยาบาลกันตัง จังหวัดตรัง

บทนา : เบาหวานเป็นโรคไม่ตดิ ต่อเรื้อรังทม่ี ผี ลกระทบตอ่ คุณภาพชวี ติ ก่อให้เกดิ โรคแทรกซอ้ นทั้ง
เฉียบพลันและเรือ้ รังส่งผลทาลายอวัยวะหลายระบบ การรักษาด้วยการฉดี อนิ ซูลินเปน็ แนวทางหน่งึ ของการ
รกั ษาเพอื่ ควบคมุ และป้องกนั โรคแทรกซ้อนเหลา่ นีเ้ น่อื งจากอินซลู ิน และระดับอนิ ซูลนิ ในเลอื ดจะแปรเปลย่ี น
ตามเทคนิควิธีฉีด ตาแหนง่ ในการฉีด ปริมาณอินซลู นิ ที่ฉีด ความสม่าเสมอตอ่ เน่ืองในการฉดี ซงึ่ มีผลตอ่ การ
ควบคมุ เบาหวานและมโี อกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดอนิ ซลู ินได้ จากการทบทวนพบปญั หาของการ
ฉีดอนิ ซลู ิน อาทิตาแหน่งการฉีดและปริมาณของอนิ ซูลินไม่ถูกต้องเกดิ ภาวะแทรกซอ้ นจากการฉดี อินซูลนิ เปน็
ต้น ปญั หาเหลา่ นี้เกดิ ในระยะการเปลี่ยนผา่ นจากการใชย้ าชนดิ รบั ประทานเป็นอนิ ซลู ิน โดยความสาเรจ็ ของ
การเปล่ยี นผ่านนั้นขนึ้ กับหลายปจั จัย หนึ่งในปจั จยั น้ันคือการมีความเช่ือมั่นในตนเองของผเู้ ป็นเบาหวาน การ
สอนใหผ้ เู้ ปน็ เบาหวานฉีดอินซลู ินดว้ ยตนเองเป็นเทคนิคเฉพาะ จาเป็นต้องเสริมสร้างความมน่ั ใจในการฉดี
อินซลู ินด้วยตนเอง รวมทงั้ ฝกึ ทักษะเพื่อใหเ้ กิดความมัน่ ใจและสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง

สถติ ิผู้ทีเ่ ปน็ เบาหวานทฉ่ี ีดอินซูลินของโรงพยาบาลกนั ตังมแี นวโน้มเพม่ิ ขึน้ จากการทบทวนข้อมูลการ
ฉีดอนิ ซลู นิ ด้วยตนเองของผ้ทู ี่เป็นเบาหวานในคลนิ ิกเบาหวาน ปีงบประมาณ 2560 พบปญั หาที่เกิดขนึ้ กบั ผ้ทู ี่
เปน็ เบาหวานหลงั จากการสอนฉีดอนิ ซูลนิ คือ ฉีดยาผดิ ตาแหนง่ ร้อยละ 18 ฉีดด้วยปรมิ าณที่ไมถ่ ูกต้องร้อย
ละ 3.75 ฉีดยาด้วยวิธีท่ไี มถ่ กู ต้อง ร้อยละ 10 เวลาฉดี ยาไม่สัมพันธก์ ับเวลารับประทานอาหาร ร้อยละ 10
และแก้ไขไม่ถูกต้องเม่ือเกิดภาวะนา้ ตาลในเลือดตา่ ร้อยละ 16.66 การทิ้งและจากัดเข็มฉดี ไม่ถกู ต้องร้อยละ
75 แม้ปัญหาทเี่ กิดข้ึนนี้มจี านวนไม่มากนัก แต่เนื่องจากอินซูลนิ เป็นยาทตี่ อ้ งมีการเฝ้าระวังในการใช้ และนา
กลบั ไปฉดี เองที่บา้ น หากฉีดไม่ถูกต้องจะส่งผลให้ระดบั น้าตาลในเลอื ดไม่เปน็ ไปตามเป้าหมายของการรักษา
จากการสอบถามเชงิ ลึกในผ้ทู ่ีเปน็ เบาหวานท่ีเร่ิมฉีดอนิ ซูลินจานวน 10 ราย พบวา่ มี 8 ราย ภายหลงั ได้รบั การ
สอนฉดี อินซูลนิ ไปแล้วร้สู ึกไม่มั่นใจว่าฉีดถูกตาแหนง่ ท่ีเหมาะสม และ 6 ราย ไม่ไดฉ้ ดี ยา และขอหยุดการใช้ยา
ฉีด และจานวน 8 ราย ไม่ม่นั ใจวา่ หากตนเกิดอาการน้าตาลต่าจะทราบและแกไ้ ขได้อยา่ งไร และทุกคนไม่ได้
คาดหวงั ในผลดีของการฉดี อนิ ซูลนิ ที่ถูกต้อง จากข้อมูลดงั กลา่ ว พบว่าผู้ที่เป็นเบาหวานท่ีไดร้ บั การฉีดอินซลู นิ
ดว้ ยตนเอง จึงไม่สามารถควบคุมระดับน้าตาลในเลือดได้ตามเป้าหมาย

จากการทบทวนวิเคราะห์แนวปฏบิ ัตกิ ารสอนการฉดี อนิ ซูลินของโรงพยาบาลกันตัง พบว่า มคี วาม
จาเปน็ ต้องกาหนดแนวปฏบิ ตั ิเพิม่ เติม เพ่ือสรา้ งความมั่นใจให้กบั ผ้ทู ่ีเป็นเบาหวานในการฉดี อนิ ซูลินด้วยตนเอง
ไดถ้ ูกต้อง ดว้ ยเหตนุ จ้ี ึงเห็นความสาคัญในการสง่ เสรมิ การฉีดอินซลู ินด้วยตนเอง ในผทู้ เ่ี ป็นเบาหวานท่ีฉดี
อนิ ซลู ินของโรงพยาบาลกันตงั เพอื่ สร้างความมัน่ ใจ การเห็นผลดี เกดิ ทกั ษะและพฤตกิ รรมการฉดี อนิ ซูลินที่
ถูกต้องด้วยตนเอง ส่งผลดีต่อการควบคุมระดบั นา้ ตาลในเลือดและแนวทางการรักษาตอ่ ไป
เป้าหมายและวัตถุประสงค์

1. เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับญาติและผูป้ ่วยท่ีไดร้ บั ยาฉดี อินซูลินรายใหม่ใหไ้ ด้รับการฝึก

2. เพอื่ ลดอตั ราการปฏเิ สธการฉีดยา ในผู้ป่วยท่แี พทย์สั่งใช้ยาฉดี อินซลู ินคร้ังแรก
3. เพื่อให้ผู้ปว่ ยและผู้ดูแลสามารถฉดี ยา Insulin ได้อยา่ งถูกต้อง
4. เพื่อใหผ้ ูป้ ่วยเบาหวานทเ่ี กดิ อาการขา้ งเคียงจากการฉีดอนิ ซูลนิ สามารถจัดการตนเองได้อย่าง

เหมาะสม
5. เพ่ือให้ผู้ป่วยและญาติมีความพึงพอใจ
กิจกรรมการพฒั นา : วสั ดุและวธิ ีการ
1. ข้ันเตรยี ม

- จัดประชมุ รว่ มทบทวน ปัญหา และแนวทางแก้ไข ในทีมผูร้ ับผดิ ชอบคลนิ ิกเบาหวาน

- จัดทาโปรแกรม และสื่อการสอน เรื่องการฉดี อินซลู ินดว้ ยตนเอง

- จดั ทาแผน่ พับให้ความรกู้ ารเร่ืองการฉดี อินซูลนิ ด้วยตนเอง

- จดั ทาแบบบนั ทึกการฉีดอนิ ซลู นิ
- จัดทาแบบประเมินความรู้ (Pre test / Post test )

2. ขน้ั ดาเนนิ การ โปรแกรมการส่งเสริมการฉีดอินซูลนิ ด้วยตนเองในผทู้ เ่ี ป็นเบาหวานของรพ.กนั ตงั
ประกอบด้วย

กิจกรรมคร้ังท่ี 1
- การบรรยายให้ความรู้ในการฉีดยาอินซลู ิน และเรยี นรู้การแบบบนั ทกึ การฉีดอนิ ซลู ินด้วยตนเอง

- การสร้างการรบั รู้ความสามารถตนเองในการฉีดอนิ ซลู นิ ดว้ ยตนเอง โดย มีการฝึกทกั ษะการฉีด
อนิ ซลู ินด้วยตนเอง ใหส้ ามารถฉีดได้จริงก่อนกลับไปฉดี ด้วยตนเองที่บ้าน

- บรรยายความรเู้ รอ่ื งภาวะแทรกซอ้ นจากการใช้อินซลู นิ ท่ีอาจเกิดขนึ้ และการจัดการตนเองท่ี
เหมาะสม การใชอ้ ินซลู นิ ให้มีความสัมพนั ธก์ ับเวลาอาหาร

- ใหด้ ูวีดโี อสาธติ วธิ กี ารฉีดอนิ ซูลินด้วยตนเอง
กิจกรรมครั้งท่ี 2 – 4

- วันท่ี 2 – 4 ตดิ ตามทางโทรศัพทค์ รัง้ ละ 5 -10 นาที เพื่อกระตนุ้ และประเมนิ พฤตกิ รรมการฉดี
อนิ ซูลินด้วยการสอบถามในประเดน็ ของ ปริมาณอนิ ซลู นิ ตาแหน่งท่ฉี ีด เวลาในการฉดี เป็นตน้
รวมทั้งเสริมสร้างความม่นั ใจในการฉดี อินซลู ิน ให้คาแนะนาเพ่อื แก้ไขปัญหา กลา่ วชมเชยในกรณี
ที่ปฏิบตั ถิ ูกต้อง กระตนุ้ ใหเ้ ห็นผลดขี องการฉดี อนิ ซูลินทีถ่ ูกต้อง และนัดหมายกิจกรรมครั้งต่อไป

กจิ กรรมครั้งท่ี 5
สัปดาห์ท่ี 1 นัดติดตามทค่ี ลนิ ิกเบาหวานของรพ.รวมเวลา 30 นาที

- ส่งเสรมิ ความเชื่อม่นั ในการปฏบิ ัติ นาประเด็นทผ่ี ้ปู ว่ ยสามารถปฏิบตั ิได้ถูกต้อง มาช่ืนชมเพอ่ื ให้
เกดิ ความมั่นใจ และสร้างกาลังใจ ใหค้ าแนะนาตอบปญั หาข้อสงสัย และทบทวนขนั้ ตอนการฉดี
อินซูลิน

กิจกรรมครั้งที่ 6
สปั ดาห์ท่ี 2 ดว้ ยการโทรศัพท์ ประมาณ 5 – 10 นาที เพื่อประเมินพฤติกรรมการฉีดอนิ ซูลินท่ถี ูกต้อง
กจิ กรรมคร้ังที่ 7
สปั ดาห์ท่ี 4 ท่คี ลนิ ิกเบาหวานซ่งึ เปน็ วนั สดุ ทา้ ยของกจิ กรรม รวมเวลา 30 นาที สรุปกจิ กรรม รับฟังปัญหา
และความรูส้ ึกของผู้ป่วยและผู้ทีฉ่ ีดอินซลู ินดว้ ยตนเอง ใหค้ าแนะนาเพ่มิ เติม และให้กาลังใจในกรณีทีย่ งั พบ
ปัญหา กลา่ วชมเชยทสี่ ามารถปฏิบัตไิ ดถ้ ูกต้อง และชใ้ี หเ้ หน็ ประโยชน์และผลดที ่ีมกี ารปฏบิ ัตอิ ยา่ งต่อเนื่อง
เพ่อื ให้เกิดความเชือ่ มั่นท่ีจะปฏิบัตติ ่อไป
การวดั ผลและผลการเปล่ยี นแปลง :

การพัฒนาในวงลอ้ ที่ 1 เดิมการสอนฉีดอนิ ซูลนิ ดว้ ยตนเอง มีการใชป้ ฏิทินสอนฉดี ยาจากงานเภสชั
กรรม เพ่ือใชเ้ ป็นส่อื ในการสอน ซ่ึงมีภาพประกอบพร้อมคาอธบิ าย แตเ่ นือ่ งจากผู้ป่วยเบาหวานสว่ นใหญเ่ ป็น
ผสู้ งู อายุ และไม่ได้มีญาติมาเข้าร่วมฟงั ด้วย เมอ่ื มารบั บรกิ ารครงั้ ต่อไป จะพบปัญหาว่า ผู้ป่วยลืมและปฏิบตั ิไม่
ถูกต้อง บางคนถึงกับหยุดใช้ยาฉดี จงึ ไดจ้ ดั ทา แผน่ พับสอนฉดี อินซลู ิน ให้ผู้ปว่ ยเบาหวานท่ไี ด้รบั การสง่ั ฉดี
อนิ ซลู นิ หลงั ไดร้ บั การสอนดว้ ยปฏิทินแล้ว นากลับไปเพ่ือไวท้ บทวนดว้ ย ทาใหผ้ ูป้ ว่ ยเบาหวานทมี่ ีความมั่นใจ
ในการฉีดสามารถนามาทบทวนวธิ ปี ฏบิ ัติได้

การพัฒนาในวงลอ้ ท่ี 2 ต่อมาในปงี บประมาณ 2561 มีการประเมนิ การใช้อนิ ซูลนิ พบว่า ยงั มีผู้ป่วย
เบาหวานท่ีไม่มคี วามม่ันใจในการฉีด ไม่ได้ใช้อนิ ซูลนิ ตามคาสั่งใช้จากแพทย์ จึงส่งผลตอ่ ระดับนา้ ตาลในเลือดท่ี
ยังควบคุมไม่ได้ และมีผู้ปว่ ยเบาหวานท่มี ีภาวะแทรกซ้อนจากการใช้อนิ ซูลินและการจัดการไม่ถูกต้อง และมี
ผูป้ ่วยเบาหวานปฏเิ สธการฉีดอนิ ซลู นิ เพิ่มขึ้น จงึ ได้มกี ารทบทวนและจดั ทาเปน็ โปรแกรมสง่ เสริมความร่วมมือ
ในการฉดี อนิ ซลู ินดว้ ยตนเอง

ตารางท่ี 1 ผลการศกึ ษาพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมความร่วมมือในการฉีดอนิ ซูลินดว้ ยตนเองสาหรบั ผู้ปว่ ย

เบาหวาน

ตวั ช้วี ัด 2560 2561 2562

1. ร้อยละของผปู้ ว่ ยเบาหวานและญาตทิ ่ีเข้าร่วมโปรแกรมปฏเิ สธการ 12.50 8.21 6.25

ฉีดอนิ ซลู นิ (6/48) (6/73) (4/64)

2. ร้อยละของผ้ปู ่วยเบาหวานและผู้ดแู ลสามารถฉดี อนิ ซลู ินได้อยา่ ง 41.75 80.82 93.75

ถกู ต้อง (21/48) (59/73) (60/64)

3. รอ้ ยละของผู้ปว่ ยเบาหวานทเี่ กดิ อาการขา้ งเคียงจากอินซลู ิน 16.66 20.54 6.25

สามารถจดั การตนเองไดเ้ หมาะสม (8/48) (15/73) (4/64)

4. ร้อยละของคะแนนความพึงพอใจในผปู้ ว่ ยเบาหวานและญาตทิ ีไ่ ด้ NA 71.23 93.75
เขา้ ร่วมโปรแกรม (52/73) (60/64)

ตารางที่ 2 ร้อยละของผูป้ ่วยเบาหวานและผดู้ แู ลสามารถฉีดอินซลู ินได้อย่างถกู ต้อง

ตัวช้วี ดั 2560 2561 2562
91.12
• ถกู ตาแหน่ง 36.25 84.28 92.65
89.25
• ถกู ขนาดตรงตามแพทย์สัง่ 57.14 76.07 92.28
94.75
• ถกู วิธี 46.19 81.24

• ถูกเวลา(สัมพนั ธ์กบั ม้ืออาหาร) 45.05 76.95

• กาจัดเข็มถูกต้อง 25.00 81.00

วจิ ารณ์ : พฒั นาโปรแกรมส่งเสริมความร่วมมือในการฉีดยาอินซูลินดว้ ยตนเองสาหรบั ผปู้ ่วยเบาหวานนนั้ มี
ความสาคญั มากสาหรบั ผู้ปว่ ยเบาหวานทไี่ ดร้ ับคาส่ังการฉีดอินซูลินในครงั้ แรก เพราะต้องการติดตามผลการ
สอน พฤติกรรมการฉดี ที่ถกู ต้อง และต่อเน่ือง รวมทั้งการดูแลตนเองในเรื่องเวลาการใช้ยา และอาหารให้มี
ความสมั พันธก์ ัน การจัดการตนเอง เมื่อเกดิ อาการข้างเคียงจากการใช้ยา หลังจบโปรแกรม ระยะเวลา 1 เดือน
แล้ว ควรมกี ารนัดติดตามประเมนิ ทรี่ ะยะ 3 เดือน 6 เดอื น และปีละครัง้ เพ่ือการกระต้นุ ใหเ้ กดิ การใช้ยาที่
ถกู ต้องต่อเนือ่ ง และในผูป้ ่วยเบาหวานทเี่ ป็นผูป้ ว่ ยใน ที่มกี ารส่งั ใชฉ้ ีดอนิ ซลู นิ ครั้งแรก ควรได้เขา้ รว่ ม
โปรแกรมส่งเสรมิ ความรว่ มมือในการฉีดอนิ ซลู นิ ด้วยตนเองสาหรบั ผู้ปว่ ยเบาหวาน เพือ่ ให้ได้รับการดูแลท่เี ป็น
มาตรฐานเดียวกนั และการส่งั ฉีดอินซูลนิ ควรมีการทบทวนให้มีการพิจารณาใช้ตามความเหมาะสมกับผ้ปู ว่ ย
ควรมีการประเมินความพร้อมของผูป้ ว่ ยอย่างรอบด้าน เพ่ือให้การใช้อนิ ซลู นิ ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

สรปุ :
เดิมการสอนฉดี อนิ ซูลินด้วยตนเอง มกี ารใชป้ ฏทิ นิ สอนฉดี ยาจากงานเภสัชกรรม เพื่อใช้เป็นสอ่ื ในการ

สอนเมอื่ มารับบริการครั้งต่อไป จะพบปญั หาวา่ ผปู้ ่วยลืมและปฏบิ ัติไม่ถกู ต้อง บางคนถึงกบั หยดุ ใชย้ าฉดี จึงได้
จดั ทา แผน่ พบั สอนฉีดอนิ ซลู ิน ให้ผ้ปู ่วยเบาหวานที่ได้รับการส่ังฉดี อนิ ซูลนิ หลงั ได้รบั การสอนด้วยปฏทิ นิ แลว้
นาแผน่ พบั การสอนฉดี อินซลู ินกลับไปเพื่อไว้ทบทวนด้วย ต่อมาในปีงบประมาณ 2561 มีการประเมินการใช้
อนิ ซลู ิน พบว่า ยงั มีผูป้ ว่ ยเบาหวานทไ่ี ม่มีความมน่ั ใจในการฉีด ไม่ไดใ้ ชอ้ ินซลู ินตามคาสง่ั ใช้จากแพทยจ์ ึงได้มี
การทบทวนและจัดทาเปน็ โปรแกรมส่งเสริมความร่วมมือในการฉดี อนิ ซลู ินด้วยตนเอง เพื่อให้การเกิดกระบวน
รักษาอยา่ งต่อเน่ือง และไม่เกิดอันตรายต่อผูป้ ว่ ย จึงได้มีการเตรยี มความพร้อมให้กบั ญาติและผู้ป่วยทไี่ ดร้ ับยา
ฉดี อนิ ซูลินรายใหม่ใหไ้ ดร้ บั การฝึกทกุ ราย สามารถลดอตั ราการปฏิเสธการฉีดอนิ ซลู ินได้ ในผู้ปว่ ยทีแ่ พทย์สั่ง
ใช้ยาฉดี อินซลู ินครง้ั แรก เม่อื ใหผ้ ู้ปว่ ยและผู้ดแู ลสามารถฉีด Insulin ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและสามารถเฝา้ ระวงั
อาการขา้ งเคียงท่ีอาจเกิดขึน้ และสามารถจดั การตนเองได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม ผปู้ ่วยและญาตมิ ีความพึง
พอใจ

สาหรับการดาเนนิ งานในชว่ งสถานการณ์ COVID19 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ทางคลินิก NCD จงึ
ได้มกี ารพฒั นาโปรแกรมการสอนฉดี ยา โดยอาศัยความรว่ มมอื กบั งาน IT ในการผลิตสอ่ื การสอนเป็นวดิ โี อ
และใชเ้ ครื่องมือในการสอ่ื สาร และการเรยี นรูผ้ ่าน Line Vidio call และการโทรศัพท์ตดิ ตามผู้ป่วย เพอื่ ลด
การเดินทางของผู้ป่วยและญาติรวมทง้ั การปฏบิ ตั ิตามหลัก Social distancing เป็นการรกั ษาระยะห่าง เป็น
การก้าวไปสู่การบรกิ ารตามแบบ วถิ ใี หม่ “New Normal”

การติดต่อกับทีมงาน : สริ ิลักษณ์ พุ่มบ้านเซ่า คลินิก NCD รพ.กันตัง หมายเลขโทรศพั ท์ 075-251256 ต่อ
1214, 1224 [email protected]

ประเภท Oral presentation [ √ ] CQI (Clinic)
ประเภท หนว่ ยงาน [ √ ] รพช.
การเสนอผลงาน [ √ ] ไมเ่ คยนาเสนอ เผยแพรม่ าก่อน
ช่ือเรอื่ ง ควนเนียงรว่ มใจชะลอไตเสื่อม
ผนู้ าเสนอ นางอนุ อสิ ระพานิช ตาแหนง่ พยาบาลวชิ าชพี ชานาญการ
หน่วยงาน แผนกผปู้ ่วยนอก โรงพยาบาลควนเนยี ง อาเภอควนเนยี ง จังหวัดสงขลา
มือถือ 089-7372513 E-mail : [email protected]

บทคดั ยอ่
การพัฒนาการดูแลผู้ป่วยเรื่องควนเนียงร่วมใจชะลอไตเสื่อม โดยใช้วิธีการพัฒนาคุณภาพ
อย่างต่อเน่ือง มีวัตถุประสงค์การศึกษาเพือ่ ชะลอการเกิดไตเส่ือมของผู้ป่วยโรคไตเร้ือรังในอาเภอควน
เนียง โดยทาการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามี
ภาวะแทรกซ้อนทางไต จานวน 53 ราย เร่ิมจากการวางแผน การปฏบิ ัติการ การตรวจสอบการปฏบิ ัติ
ตามแผน และการปรับปรุงแก้ไข โดยได้ดาเนินการระหว่างเดือนตุลาคม 2559 ถึงเดือนกุมภาพันธ์
2563 และได้ดาเนนิ การอย่างต่อเนอื่ งมาแลว้ 4 วงรอบ
ผลการศึกษาสถานการณ์ของผู้ป่วยโรคไตเร้ือรัง พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ
66.0 มีประวัติเป็นโรคเบาหวานร้อยละ 73.60 โรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 88.70 ไขมันในเลือดสูง
รอ้ ยละ 64.20 โดยส่วนใหญ่มภี าวะแทรกซ้อนทางไตมาประมาณ 2 ปี ผ้ดู ูแลเป็นบุตรร้อยละ 62.30 มี
บุตรหลานเป็นผู้ทาอาหารให้ร้อยละ 37.70 ผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือด้านอาหารร้อยละ 62.30
ด้านยาร้อยละ 28.30 และต้องการให้ครอบครัวมีส่วนช่วยในการดูแลร้อยละ 35.80 ผลจากการ
พัฒนาอยา่ งต่อเนื่องทั้ง โดยการเปิดคลินกิ ชะลอไตเสื่อม อบรมทักษะทางวิชาการ และจัดทาแนวทาง
ปฏิบัติข้ึนในระยะแรก จากน้ันมีการเพิ่มการค้นหาผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน ทางไต (Early
Detection) โดยการลงคัดกรองท่ีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล และใช้ทีมสหวิชาชีพในการดูแล
ผปู้ ว่ ย การระบุ Stage ของผู้ปว่ ยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงทีม่ ีภาวะแทรกซ้อนทางไต พร้อม
ท้ังจัดกลุ่มเพื่อให้ความรู้ในการดูแลตนเองตามระยะของค่าไต ส่งผลให้การค้นหาและคัดกรองไต
เพ่ิมขึ้นเป็นร้อยละ 79.20 แต่ยังพบว่าผลการชะลอไตเส่ือมของผู้ปว่ ยยังตา่ กว่าเป้าหมาย จึงได้พฒั นา
ต่อเน่ืองโดยการดูแลผู้ป่วยรายกรณีตามระยะค่าไต เพ่ิมการใช้ยากลุ่มชะลอไตเสื่อมกลุ่ม ACEi/ARB
การส่งผู้ป่วยพบแพทย์เฉพาะทางและส่งพบทีมสหวิชาชีพตามปัญหาของผู้ป่วยร่วมกับการสนับสนุน
การจดั การตนเอง (Self-management) ของผู้ปว่ ยโรคไตเรื้อรงั มีการสนบั สนุนองค์ความรขู้ องผู้ดูแล
(Caregiver) เพ่ือร่วมกันดูแลผู้ป่วย และกาลังดาเนินการวิจัยสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการ
ตนเองของผู้ป่วยโรคไตเร้ือรัง ผลจากการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเน่ืองส่งผลให้การชะลอไตเส่ือม
อยู่ที่ร้อยละ 51.52 ผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงได้รับการค้นหาและคัดกรองไตร้อยละ
72.16
ผลการพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังโดยใช้เครื่องมือคุณภาพ PDCA ทาให้มีการ
พัฒนาและประเมินผลอย่างต่อเน่ือง ส่งผลให้การชะลอไตเสื่อมในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมีแนวโน้มไป
ในทางที่ดีข้ึน สามารถค้นหาและวินิจฉัยผู้ป่วยได้เร็วขึ้น และเป็นการสร้างกระบวนการที่จะช่วยให้
ผ้ปู ว่ ยไดจ้ ัดการดแู ลตนเองไดด้ ียิ่งขน้ึ นาไปสูแ่ นวทางแก่ทมี สหวิชาชพี ในการพัฒนารูปแบบการจัดการ
ตนเองของผ้ปู ่วยโรคไตเร้ือรัง เพอื่ พัฒนาคุณภาพชีวติ ที่ดขี องผปู้ ว่ ยตอ่ ไป

ช่อื เรื่อง ควนเนยี งร่วมใจชะลอไตเสื่อม
ผู้นาเสนอ นางอนุ อิสระพานชิ ตาแหนง่ พยาบาลวชิ าชพี ชานาญการ
หนว่ ยงาน แผนกผปู้ ่วยนอก โรงพยาบาลควนเนียง อาเภอควนเนียง จงั หวัดสงขลา

บทนา
โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease : CKD) เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขทั่วโลกรวมถึง

ประเทศไทย เน่ืองจากเป็นโรคไม่หายขาด จาเป็นต้องได้รับการรักษาต่อเน่ืองและมีค่าใช้จ่ายสูง
โดยเฉพาะเม่ือเข้าสู่ระยะสุดท้ายของโรคหรือไตวายระยะสุดท้าย (Endstage renal disease : ESRD) ซ่ึง
จาเปน็ ต้องให้การรักษาดว้ ยการบาบัดทดแทนไต (Renal replacement therapy) การดูแลผู้ป่วยไต
วายเร้ือรังอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันหรือชะลอการเสื่อมของไต เพ่ือไม่ให้เกิดไตวายระยะสุดท้าย
ทาให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีชีวิตที่ยืนยาวข้ึน ผู้ป่วย CKD อาเภอควนเนียงมีจานวน 357 ราย
เป็นผู้ป่วย stage 3 มากท่ีสุด ร้อยละ 50.36 รองลงมา stage 2 ร้อยละ 17.51 มีผู้ป่วยstage 5 ท่ี
ต้องล้างไต จานวน 12 ราย ที่ผ่านมาให้การดูแลผู้ป่วย CKD ร่วมกับคลินิกเบาหวาน ความดันโลหิต
สงู ไมม่ ีผู้รับผิดชอบที่ชดั เจน ทมี ทใ่ี หก้ ารดูแลยงั ไมม่ คี วามรู้ในการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน

ทีมผู้รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยเร้ือรังเครือข่ายสุขภาพอาเภอควนเนียง เห็นความสาคัญของการ
ดูแลผู้ป่วย CKD จึงได้พัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูงท่ีมีภาวะแทรกซ้อน
ทางไตเพือ่ ชะลอไตเส่อื ม เพมิ่ คุณภาพชวี ิตให้แก่ผปู้ ว่ ย CKD

การวเิ คราะหป์ ญั หา (Fish Bone Diagram)

ระบบบรกิ าร ผูใ้ ห้บริการ

ดูแลรวมในคลนิ ิกDM, HT ไมม่ ีคลินกิ เฉพาะโรค ไม่มีผูร้ ับผิดชอบชัดเจน
ไมม่ ีส่วนร่วมทีมสหวชิ าชีพ ไมม่ ีความรู้CKD

ไม่มีCPG CKD ไมไ่ ด้ดูแลตามระยะคา่ ผรู้ บั บรกิ าร ไมท่ ราบสภาวะการ
ไต เจ็บป่วยของตนเอง
การดูแลผู้ป่วยท่มี ี
ภาวะแทรกซ้อน ผลlab ไม่ไดต้ รวจ ไม่ทราบวธิ ีการจัดการดแู ล
ค่า eGFR ตนเองเรือ่ ง CKD

วัตถปุ ระสงค์
1. เพือ่ ชะลอการเกดิ ไตเสือ่ มของผู้ป่วยโรคไตเรือ้ รังในอาเภอควนเนยี ง

วธิ ีการศึกษา (Methodology)
ใช้แนวคิดในการพฒั นาคุณภาพอย่างต่อเน่ืองตามวงจร PDCA ดาเนินงานตั้งแต่เดือนตุลาคม

2559 ถึงเดอื นกมุ ภาพันธ์ 2563
กลุ่มประชากรทศ่ี ึกษา

ผ้ปู ว่ ยโรคเบาหวานและความดนั โลหิตสงู ที่ได้รับการวินิจฉยั วา่ มีภาวะแทรกซ้อนทางไต
จานวน 53 ราย

ตัวชี้วัด
1. ผู้ป่วย CKD สามารถชะลอไตเสือ่ มได้โดยค่า eGFR <5ml /min/1.73m2yr. เปา้ หมาย

ร้อยละ 66

วงรอบที่ 1 ระยะเวลา ตุลาคม 2559 – กนั ยายน 2560
Plan

1. ศึกษาสถานการณ์ผู้ป่วยDM, HT ทีม่ ีภาวะแทรกซอ้ นทางไต CKD
2. กาหนดวตั ถุประสงคใ์ นการพัฒนาคณุ ภาพของผูป้ ว่ ย CKD เพือ่ ชะลอไตเส่ือม
3. กาหนดผู้รบั ผิดชอบในการดาเนินการพฒั นาคณุ ภาพของผ้ปู ว่ ยCKD เพือ่ ชะลอไตเสอ่ื ม
Do
1. ประชมุ ทีม NCD Board เพ่อื พฒั นาคณุ ภาพการดแู ลผูป้ ว่ ย CKD
2. เปิดคลินิกชะละไตเสื่อมโดยนดั ผู้ป่วย HT with CKD ในวนั องั คารสัปดาห์สดุ ทา้ ยของเดอื น
ผูป้ ่วย DM with CKD ในวันพธุ สัปดาห์สุดทา้ ยของเดอื น
3. อบรมวิชาการการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ความดันที่มีภาวะแทรกซ้อนทางไตโดยแพทย์ แก่
ทมี ที่เกย่ี วขอ้ งที่ใหก้ ารดูแลผูป้ ว่ ยCKD
4. จัดทา CPG CKD Guildline โดยทมี PCT
5. กาหนดผูร้ บั ผดิ ชอบเพ่อื ตดิ ตามการดาเนนิ งาน
Check
ตรวจสอบผลการชะลอไตเส่ือมของผู้ป่วย CKD พบว่ายังต่ากว่าค่าเป้าหมาย คิดเป็นร้อยละ
55.35
Act
เมื่อนาผลการพัฒนาไปใช้พบว่าผู้ป่วย CKD ยังไม่สามารถชะลอไตเสื่อมได้ตามค่าเป้าหมาย
เนื่องจากเป็นการดูแลโดยแพทย์และพยาบาลเป็นส่วนใหญ่ แต่สามารถพัฒนาได้โดยการดูแลร่วมกัน
กับทีมสหวิชาชพี

ผลการดาเนนิ งานการชะลอไตเส่อื ม
ปีพ.ศ. ร้อยละ
2559 54.4
2560 55.35

วงรอบท่ี 2 ระยะเวลา ตลุ าคม 2560 – กันยายน 2561
Plan

1. ประชุมทมี NCD Board เพอื่ ตดิ ตามผลการดาเนนิ งาน
2. เพ่ิมการค้นหาผ้ปู ่วยทมี่ ภี าวะแทรกซอ้ นทางไต (Early Detection)
3. วางแผนดแู ลผู้ป่วยโดยทมี สหวชิ าชพี
Do
1. เพ่ิมการค้นหาและคัดกรองไตให้มากข้ึน (Early Detection) โดยการลงลงคัดกรองไตที่
รพ.สต.

2. เพม่ิ การวินจิ ฉัยของผ้ปู ว่ ย DM, HT ท่มี ภี าวะแทรกซอ้ นทางไต โดยระบุแต่ละStage
3. ใหค้ วามรู้ การปฏิบัตติ ัวเพอื่ ชะลอไตเสือ่ มโดยทีมสหวิชาชีพ สง่ ผู้ปว่ ยทากลุ่ม
Check
ตรวจสอบผลการชะลอไตเสอ่ื มของผู้ปว่ ยCKD
- จากอัตราการลดลงของค่าeGFR <4ml /min/1.73m2yr ได้ร้อยละ 46.97 ยังต่ากว่าค่า
เปา้ หมาย
- ร้อยละของผ้ปู ว่ ย DM และหรอื HT ที่ไดร้ ับการค้นหาและคัดกรองไต คดิ เป็น 79.20 %
Act
เมื่อนาผลไปใช้พบว่าผู้ป่วย CKD ยังไม่สามารถชะลอไตเสอ่ื มไดต้ ามคา่ เป้าหมาย แต่สามารถ
พัฒนาไดโ้ ดยดูแลรายกรณีตามปญั หาของผ้ปู ่วยแต่ละราย

ผลการดาเนินงาน
ตัวชวี้ ดั : ผปู้ ว่ ยCKD สามารถชะลอไตเสื่อมไดโ้ ดยค่า eGFR <5ml /min/1.73m2yr.
เป้าหมาย 66%
ปพี .ศ. รอ้ ยละ
2559 54.4
2560 55.35
2561 46.97
ตัวชว้ี ัด: ร้อยละของผู้ป่วย DM และ / หรือ HTทไ่ี ด้รบั การคน้ หาและคดั กรองไต
เปา้ หมาย >80%
ปีพ.ศ. รอ้ ยละ
2559 71.09
2560 72.78
2561 79.20

วงล้อที่ 3 ระยะเวลา ตุลาคม 2561 – กนั ยายน 2562
Plan

1. ประชุมทีม NCD Board เพอื่ ติดตามผลการชะลอไตเส่อื มของผปู้ ่วย CKD
2. วางแผนดแู ลผู้ป่วย CKD รายกรณี
3. ดแู ลตามระยะคา่ ไตของผู้ป่วยแต่ละ stage
4. ใชย้ ากลมุ่ ชะลอไตเส่อื ม
5. การส่งต่อพบแพทยเ์ ฉพาะทาง
Do
1. จดั การรายกรณผี ูป้ ว่ ย CKD ตาม Stage ของคา่ ไต
2. สง่ ทีมสหวชิ าชีพตามปัญหาของผปู้ ่วยแตล่ ะราย เช่น โภชนากร เภสัชกร
3. ใหผ้ ู้ป่วยได้รับยาชะลอไตเสื่อม กลุ่ม ACEi / ARB
4. ผู้ปว่ ย CKD stage 4, 5 ส่งพบแพทย์เฉพาะทางรพ.หาดใหญ่
4. วิจัยสารวจสถานการณ์ผู้ปว่ ย CKD ของอาเภอควนเนียง

Check :
1. ตรวจสอบผลการชะลอไตเสื่อมของผปู้ ่วย CKD
- จากอตั ราการลดลงของค่าeGFR <4ml /min/1.73m2yr ไดร้ ้อยละ 51.52
- ร้อยละของผู้ป่วยDMและ / หรือ HT ท่ีได้รับการค้นหาและคัดกรองไต ร้อยละ

72.16
- ผปู้ ว่ ยได้รับยาชะลอไตกลมุ่ ACEi / ARB ร้อยละ 64.11

2. ผลการศึกษาสถานการณ์ผู้ป่วย CKD จากกลุ่มตัวอย่างจานวน 53 ราย พบว่าส่วนใหญ่
เปน็ เพศหญงิ รอ้ ยละ 66.0 เพศชายร้อยละ 34.0 มปี ระวัติเป็นเบาหวานร้อยละ 73.60 ความดันโลหิต
สูงร้อยละ 88.70 ไขมันในเลือดสูงร้อยละ 64.20 ส่วนใหญ่มีภาวะแทรกซ้อนทางไตมาประมาณ 2 ปี
ค่าเฉลี่ย 2.54 ผู้ดูแลส่วนใหญ่เป็นบุตรร้อยละ 62.30 มีบุตร/หลานเป็นผู้ทาอาหารให้ร้อยละ 37.70
ผู้ป่วยมีความต้องการช่วยเหลือด้านอาหารร้อยละ 62.30 ด้านยาร้อยละ 28.30 และอยากให้
ครอบครัวมามีสว่ นร่วมในการดูแลรอ้ ยละ 35.80
Act

เมื่อนาผลการพัฒนาไปใช้พบว่าผู้ป่วยCKD ยังไม่สามารถชะลอไตเส่ือมได้ตามค่าเป้าหมาย
แต่สามารถพัฒนาได้โดยสนับสนุนผู้ป่วย CKD เร่ืองการจัดการตนเอง และเน้นผู้ดูแล (care giver) มี
ส่วนร่วมในการดแู ลผ้ปู ่วย

ผลการดาเนนิ งาน
ตัวชว้ี ดั : ผปู้ ว่ ยCKD สามารถชะลอไตเส่ือมไดโ้ ดยคา่ eGFR <5ml /min/1.73m2yr.
(เป้าหมาย 66%)

ปีพ.ศ. รอ้ ยละ
2560 55.35
2561 46.97
2562 51.52

ตวั ช้วี ัด : ร้อยละของผปู้ ่วย DM และ / หรอื HTทไี่ ดร้ ับการคน้ หาและคดั กรองไต เปา้ หมาย>80%
ปพี .ศ. ร้อยละ
2560 72.78
2561 79.20
2562 72.16

ตัวชีว้ ดั : การชะลอความเส่ือมของไต ผ้ปู ว่ ยCKD ได้รับยากลมุ่ ACEi / ARB เป้าหมาย >60%
ปพี .ศ. ร้อยละ
2560 56.42
2561 57.84
2562 64.11

วงล้อท่ี 4 ระยะเวลา ตุลาคม 2562 – กุมภาพันธ์ 2563 (4 เดอื น)
Plan

1. ประชมุ ทีม NCD Board เพ่อื ทราบข้อมลู ผลการชะลอไตเส่อื มของผปู้ ว่ ย CKD
2. เนน้ การจัดการตนเองของผู้ปว่ ยและครอบครวั
Do
1. สนบั สนุนการจัดการตนเอง (Self – management) ของผปู้ ่วย CKD
2. สนบั สนนุ ผูด้ ูแล caregiver รว่ มกันดูแลผู้ปว่ ย CKD
3. วจิ ยั สรา้ งและพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองของผปู้ ่วย CKD (กาลงั ดาเนนิ การ)

วจิ ารณ์
การดูแลผปู้ ่วย CKD ของเครือขา่ ยสุขภาพอาเภอควนเนียง มีการปรับกระบวนการพัฒนามา

อย่างตอ่ เนื่อง ถึงแม้ไมส่ ามารถชะลอไตเส่ือมได้ตามเปา้ หมาย แต่ก็มีแนวโนม้ ไปในทางดขี น้ึ การคน้ หา
และคัดกรองไต (Early Detect) สามารถทาให้ค้นหาและวินิจฉัยได้เร็วขึ้น สามารถให้การดูแลและ
จัดการชะลอไตได้เร็วขึ้น ร่วมกับแผนการพัฒนาในวงล้อท่ี 4 เรื่องการสนับสนุนการจัดการตนเอง
และการมีส่วนร่วมของ care giver เป็นกระบวนการหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้จัดการดูแลตนเองเพ่ือ
ชะลอไตเสื่อมได้มากขึ้น สอดคล้องกับการศึกษาของณัฐพงศ์ เปน็ ลาภ และธรี ยุทธ รุ่งนริ ันดร ท่ีพบว่า
การท่ี ผู้ดูแลได้รับความรู้ในการดูแลผู้ป่วยอย่างเพียงพอ และมีความเข้าใจในความรู้ นั้น ๆ ทาให้
ผดู้ แู ลมีทักษะในการนาความรู้ในการดแู ลผูป้ ่วยมาใชใ้ นการดูแลผปู้ ่วย ส่งผลให้ผดู้ ูแลมีความม่ันใจ ใน
การดูแลผูป้ ่วยมากข้ึน

สรปุ
การพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วย CKD โดยใช้เครื่องมือคุณภาพ PDCA มกี ารประเมินผลการ

ดาเนนิ งาน ทาให้มีการพฒั นาอย่างต่อเนอ่ื ง นามาซ่ึงรปู แบบของการดาเนินงานท่ีสอดคล้องกับบรบิ ท
และเหมาะสมต่อผูป้ ่วย ซึ่งเป็นความท้าทายของทีม NCD ท่ีจะพัฒนาผูป้ ว่ ย CKD ให้ชะลอไตเสื่อมให้
ได้มากข้ึน

เอกสารอา้ งอิง
ณัฐพงศ์ เปน็ ลาภ และธีรยุทธ ร่งุ นิรนั ดร. ความเครียดและปจั จัยที่เก่ยี วข้องของผดู้ ูแลผู้ป่วย

โรคไตเรอ้ื รงั ณ แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์. จุฬาลงกรณเ์ วชสาร 2559. ปที ่ี 60 ฉบับที่
4

https://ska.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php?sourse สืบค้น เมื่อ 10 มนี าคม
2563

google.com/search?q=กระบวนการพฒั นา PDCA &rlz สืบคน้ เมอ่ื 15 กุมภาพันธ์ 2563
google.com/search?q=วเิ คราะหก์ ้างปลา &rlz สบื ค้นเม่ือ 20 กมุ ภาพันธ์ 2563

รายละเอียดการสง่ ผลงานนาเสนอ

มหกรรมวิชาการเขตสุขภาพท่ี 12 ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563

1. แบบฟอร์มบทคดั ย่อผลงาน

[ √ ] CQI (Clinic)

2. ประเภท หน่วยงาน

[ √ ] รพช.

3. การเสนอผลงาน

[ √ ] ไมเ่ คยนำเสนอ เผยแพร่มำก่อน

ช่ือผลงาน : ป้ายกันพลาด (Warning card)

คาสาคญั : ป้ำยกันพลำด, ยำใกลห้ มดอำยุ, ลำดับกำรใชย้ ำ

สรุปผลงานโดยย่อ : ป้ายกันพลาด (Warning card) เป็นป้ำยเตือนยำใกล้หมดอำยุและลำดับ

กำรใช้ยำ โดยกำหนดรหสั สบี ่งบอกวนั หมดอำยุของยำ ทุก 10 ปี

ชอ่ื และท่ีอยูอ่ งค์กร : โรงพยำบำลละงู อำเภอละงู จงั หวดั สตูล

ผนู้ าเสนอ : นำยอหิ ซ์ ำน หลเี สน็ ตำแหน่ง แพทย์แผนไทย

เบอรโ์ ทรศัพท์ : 08-2733-8307

E-mail : [email protected]

เปา้ หมาย : 1. เพอื่ สร้ำงเคร่อื งมือเตอื นยำใกล้หมดอำยแุ ละลำดับกำรใช้ยำ

2. เพื่อลดปัญหำกำรหมดอำยุของยำ กำรหยิบใช้ยำที่ไม่ถูกต้องและพัฒนำ

ระบบตรวจสอบท่ีมีประสิทธภิ ำพและง่ำยต่อกำรทำงำนของเจ้ำหน้ำท่ีท่ีปฏบิ ัติงำนใน

อำคำรผลิตยำสมนุ ไพร

บทคดั ย่อ

อหิ ซ์ ำน หลเี ส็น
รพ.ละงู

กำรศึกษำครั้งนี้เป็นกำรศึกษำเชิงพรรณนำ มีวัตถุประสงค์เพ่ือสร้ำงเครื่องมือเตือนยำใกล้
หมดอำยุ ลำดับกำรใช้ยำ และลดปัญหำกำรหมดอำยุของยำ กำรหยิบใช้ยำท่ีไม่ถูกต้องและพัฒนำ
ระบบตรวจสอบที่มีประสิทธิภำพและง่ำยต่อกำรทำงำนของเจ้ำหน้ำท่ีที่ปฏิบัติงำนในอำคำรผลิตยำ
สมุนไพร โรงพยำบำลละงู โดยใช้วงจรกำรพัฒนำคุณภำพงำน (PDCA) ร่วมกับกำรระดมควำมคิดจำก
ผู้ปฏิบัติงำน โดยใช้กำรสังเกตและติดตำมผลของกำรดำเนินงำนกำรเฝ้ำระวังยำหมดอำยุต้ังแต่
วันที่ 1 ตลุ ำคม 2561 ถงึ 30 มิถนุ ำยน 2562 รวมระยะเวลำ 9 เดือน

ผลกำรศึกษำพบว่ำ กำรนำเครือ่ งมือป้ำยกันพลำดชว่ ยตรวจสอบวันหมดอำยุของยำและลำดับ
กำรใชย้ ำ โดยทำในรูปแบบปำ้ ยกันพลำดตดิ กบั ยำหรือสำรเคมี ทำใหส้ ำมำรถช่วยเตือนยำใกล้หมดอำยุ
และลำดับกำรใช้ยำได้ โดยสังเกตได้จำกอุบัติกำรณ์กำรไม่พบกำรนำยำไปใช้ไม่ถูกตำมหลัก FIFO
จำกกำรสมั ภำษณผ์ ปู้ ฏบิ ัตงิ ำน มคี วำมพึงพอใจ มีควำมสะดวกในกำรปฏิบัตงิ ำน แตต่ อ้ งใชร้ ะยะเวลำใน
กำรตดิ ปำ้ ยกนั พลำด ในกลมุ่ ผงยำรูปแบบซอง ไม่ไดเ้ ป็นอุปสรรค ดำ้ นประสิทธิภำพน้ันทำให้มีคุณภำพ
กำรนำไปใชย้ ำไดถ้ กู ต้อง

คาสาคัญ : ป้ำยกันพลำด, ยำหมดอำยุ, ลำดบั กำรใชย้ ำ

1. ชื่อผลงาน : ปา้ ยกนั พลาด (Warning card)
2. ชื่อเจ้าของผลงานและสงั กดั : นำยอหิ ์ซำน หลีเส็น แพทยแ์ ผนไทย โรงพยำบำลละงู จงั หวดั สตูล
3. บทนา

งำนผลิตยำสมุนไพร ฝ่ำยแพทย์แผนไทย โรงพยำบำลละงู ได้เร่ิมดำเนินงำนแปรรูปและผลิต
ยำจำกสมุนไพรมำต้ังแต่ปี พ.ศ.2544 ซ่ึงในเดือนกรกฎำคม พ.ศ.2561 โรงพยำบำลละงูได้ผ่ำน
กำรตรวจประเมินและได้รับกำรรับรองมำตรฐำน WHO-GMP จำกกรมกำรแพทย์แผนไทยและ
กำรแพทย์ทำงเลือก กระทรวงสำธำรณสุข ปัจจุบันโรงพยำบำลละงูมีกำรผลติ ยำสมุนไพรทั้งในรูปแบบ
ยำแคปซูล ชำชง ยำลูกกลอน ยำผง ยำใช้ภำยนอก และยำปรุงเฉพำะรำย จำกข้อมูลทะเบียนวัตถุดิบ
ประกอบด้วย วัตถุดิบสำหรับผลติ ยำแคปซูล 20 รำยกำร วัตถุดิบสำหรับผลิตชำชง 4 รำยกำร วัตถุดิบ
สำหรับผลิตยำผง 3 รำยกำร วัตถุดิบสำหรับผลิตยำลูกกลอน 2 รำยกำร วัตถุดิบสำหรับผลิตยำใช้
ภำยนอก 10 รำยกำร[4]

กำรบริหำรจัดกำรคลังเวชภัณฑ์ จึงจำเป็นที่จะต้องมีระบบหรือรูปแบบที่เหมำะสม ชัดเจน
และสะดวกต่อเจ้ำหน้ำท่ีผู้ปฏิบัติงำน หำกกำรบริหำรยำท่ีไม่เป็นไปตำมหลักวิชำกำร (FIFO: First
Expire In-First Expire Out) มีแนวโน้มที่ทำให้เกิดกำรเส่ือมสู่สภำพ มีกำรใช้ท่ีไม่ถูกต้อง หรือกำร
หมดอำยุของเวชภัณฑ์ไดส้ ูงมำกขนึ้ เกิดกำรสญู เสียขนึ้ ทง้ั ทำงตรงและทำงอ้อม อตั รำมูลค่ำยำหมดอำยุ
สญู เสียคำ่ ใช้จ่ำยโดยเปลำ่ ประโยชน์ กรณเี วชภัณฑ์ยำหมดอำยุส่งผลเสียต่อผูร้ บั บริกำรที่อำจจะต้องขำด
ยำที่มีประสิทธภิ ำพในกำรรกั ษำต่อเนื่อง ส้ินเปลืองงบประมำณในกำรจัดหำเวชภัณฑ์ที่ขำด รวมถึงกำรขำด
หลักวิชำกำรในกำรจัดเก็บเวชภัณฑ์เป็นผลเสียท่ีทำให้เกิดผลกระทบต่อกำรสูญ เสียมูลค่ำยำโดยเปล่ำ
ประโยชน์ได[้ 1]

อำคำรผลิตยำสมุนไพร โรงพยำบำลละงู จึงให้ควำมสำคัญในระบบบริหำรยำและสำรเคมีเปน็
อย่ำงมำก แต่อย่ำงไรก็ตำมในกำรดำเนินงำนในตอนแรก ระบบกำรบริหำรยำและสำรเคมีของอำคำร
ผลิตยำสมุนไพร โรงพยำบำลละงู มีกำรพบยำและสำรเคมีท่ีมีกำรนำไปใช้ไม่ได้ถูกต้องตำมหลัก FIFO
จำกกำรข้อมูลในปี 2561 (กรกฎำคม-กันยำยน) มีรำยกำรยำและสำรเคมีท่ีมีกำรนำไปใช้ไม่ได้ถูกต้อง
ตำมหลัก จำนวน 5 คร้ัง ซ่ึงอำจส่งผลให้ยำท่ีใกล้หมดอำยุก่อน ไม่ได้ถูกทำไปบริหำรจัดกำรได้อย่ำง
ถูกต้อง นับว่ำเป็นปัญหำสำคัญท่ีต้องได้รับกำรแก้ไข้ จำกกำรวิเครำะห์หำสำเหตุที่ทำให้ไม่สำมำรถ
บริหำรจัดกำรยำและสำรเคมีหมดอำยุนั้น พบว่ำ ไม่มีอุปกรณ์หรือเคร่ืองมือท่ีจะช่วยเตือนเมื่อยำชนิด
นั้นใกล้วนั หมดอำยุหรือบอกลำดบั กำรใชย้ ำ ซง่ึ จำกสำเหตุดังกล่ำวทำใหพ้ บวำ่ เมอ่ื มยี ำหมดอำยแุ ละไม่
สำมำรถบริหำรจัดกำรได้ ทำให้สูญเสียทั้งยำและมูลค่ำยำท่ีจ่ำยไปเพื่อให้ประชำชนได้รับบริกำร
ด้ำนสุขภำพท่ีได้มำตรฐำน และลดกำรสูญเสียทรัพยำกรลง จึงได้หำรูปแบบกำรเตือนวันหมดอำยุของ
ยำท่ีมีประสิทธิภำพ เพ่ือให้เจ้ำหน้ำท่ีท่ีปฏิบัติงำนในคลังยำสำมำรถตรวจสอบ ควบคุม วัน เดือน ปี
หมดอำยุของยำและสำรเคมีได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ และเป็นกำรตรวจสอบซ้ำ (double-check) อีก
ด้วย จึงไดท้ ำปำ้ ยกนั พลำด ซง่ึ ช่วยเตอื นยำใกลห้ มดอำยแุ ละลำดบั กำรใช้ยำในอำคำรผลติ ยำสมุนไพร

4. วัสดแุ ละวธิ กี าร
กจิ กรรมการพัฒนา :

กำรศึกษำครั้งน้ีเป็นกำรโดยใช้วงจรพัฒนำคุณภำพงำน (PDCA) พร้อมท้ังหำรูปแบบกำร
บริหำรจัดกำรคลังเวชภัณฑ์ที่มีประสิทธิภำพมำกขึ้น ดำเนินกำรศึกษำ 1 ตุลำคม 2561 ถึง 30
มิถุนำยน 2562 รวมระยะ 9 เดือน โดยใชเ้ ครื่องมือในกำรเก็บขอ้ มูล คอื กำรสังเกตและติดตำมผลของ
กำรดำเนนิ งำน

Deming Cycle ที่ 1
- วำงแผน (Plan) ทบทวนวิธีกำรดำเนินงำนและปัญหำอุปสรรคท่ีผ่ำนมำที่เกี่ยวข้องกับกำร

บรหิ ำรจดั กำรคลงั ยำใน เพ่อื สร้ำงเครอ่ื งมอื ใหง้ ่ำยต่อกำรเข้ำถึงพร้อมทง้ั มีประสิทธิภำพในกำรแจ้งเตือน
- กำรปฏิบัติกำร (DO) ทดลองจัดทำป้ำยสีติดแยกลอ็ ตของยำและสำรเคมี โดยติดป้ำยสี Post

it แสดงเตือน โดยใช้สีท่ีแตกต่ำงกัน เพ่ือให้ง่ำยต่อกำรสังเกตของเจ้ำหน้ำที่ พร้อมทั้งมีกำรติดตำม
ควำมก้ำวหนำ้ กำรใชป้ ้ำยสีว่ำมปี ัญหำอปุ สรรคในกำรใช้งำนอย่ำงไรและผลสำเรจ็ ในกำรดำเนินงำนของ
เคร่ืองมอื ท่ีจัดทำขน้ึ

- สงั เกตกำรณ์ (Check) ประเมินปำ้ ยสี วำ่ สำมำรถตรวจจับกำรนำยำไปใช้ให้ถูกต้องได้อย่ำงมี
ประสิทธิภำพหรือไม่ พบว่ำ ป้ำยสีไม่สำมำรถแยกล็อตท่ีหมดอำยุได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ถึงจะเรียงยำ
แบบ FIFO แล้วก็ตำม และยังพบว่ำมีรำยกำรยำและสำรเคมีที่มีกำรนำไปใช้ไม่ได้ถูกต้องตำมหลัก
จำนวน 5 ครั้ง จำกกำรสัมภำษณ์เจ้ำหน้ำที่ถึงควำมยำกง่ำยของกำรใช้งำน พบว่ำใช้งำนไม่ยุ่งยำก แต่
อำจก่อให้เกิดควำมสับสนในกำรใช้งำน ป้ำยสีหลุดง่ำย ไม่สำมำรถแยกล็อตของยำที่มีวันหมดอำยุท่ี
แตกตำ่ งกันไดช้ ัดเจน ทำให้ไม่สำมำรถใช้งำนไดอ้ ยำ่ งมีประสทิ ธภิ ำพ ทำใหต้ ้องปรับปรุงคุณภำพตอ่ ไป

- กำรปรบั ปรงุ และพฒั นำเครื่องมือ (Act) จงึ นำปญั หำท่ีพบจำกกำรทำป้ำยสี เพ่ือพัฒนำแก้ไข
ปญั หำทีเ่ กดิ ขึน้ ปรับปรุงแก้ไขและค้นหำสำเหตุที่แท้จริงของปัญหำ เพ่อื ปอ้ งกัน ไมใ่ หเ้ กิดปญั หำซ้ำและ
กำรปรับปรุงจะนำสู่กำรมีเคร่ืองมือท่ีมีประสิทธิภำพ พัฒนำข้อด้อยในเรื่องควำมคงทน ควำมสะดวก
ของกำรใชง้ ำนต่อไป

ใชก้ ระดำษ Post it สที ี่ตำ่ งกนั ตดิ แยก Lot ของยำ

Deming Cycle ท่ี 2
- วำงแผน (Plan) ทบทวนวธิ ีกำรดำเนินงำนและปญั หำอุปสรรคท่ผี ่ำนมำ ป้ำยสกี ับกำรบริหำร

จดั กำรคลงั ยำ เพอื่ สรำ้ งเคร่ืองมือเป็นป้ำยกนั พลำด เตอื นยำใกล้หมดอำยุและลำดบั กำรใช้ยำให้ง่ำยต่อ
กำรเข้ำถึงพร้อมทง้ั มปี ระสทิ ธภิ ำพในกำรแจง้ เตือน

- กำรปฏบิ ัตกิ ำร (DO) ทดลองจัดทำป้ำยกนั พลำด เตอื นยำใกลห้ มดอำยแุ ละลำดบั กำรใช้ยำให้
สอดคล้องกับกำรปฏิบัติงำนของเจ้ำหน้ำท่ีในอำคำรผลิตยำสมุนไพร จัดทำป้ำยกันพลำด โดยกำหนด
รหัสสีบ่งบอกวันหมดอำยุของยำ ทุก 10 ปี (กำรกำหนดรหัสสีบง่ บอกวันหมดอำยุตำมควำมสอดคลอ้ ง
ของผู้ปฏิบัติงำน) โดยป้ำยแสดงช่ือยำ ล็อตของยำ ปีท่ีหมดอำยุใช้ ลำดับกำรใช้งำนของยำ กำรระบุสี
เพื่อให้ง่ำยต่อกำรสังเกต รวมท้ังมีกำรติดตำมควำมก้ำวหน้ำร่วมกับกำรรับฟังปัญหำอุปสรรคในกำรใช้
งำนและผลสำเรจ็ ในกำรดำเนินงำนของเครอ่ื งมอื ที่จดั ทำข้นึ

- สงั เกตกำรณ์ (Check) ประเมนิ ปำ้ ยกันพลำด เตือนยำใกลห้ มดอำยุและลำดับกำรใชย้ ำ ดำ้ น
ประสิทธิภำพกำรแจ้งเตือน พบว่ำ สำมำรถตรวจจับยำหมดอำยุได้มีประสิทธิภำพมำก กำรระบุสี
สำมำรถเหน็ ได้ชัดเจน และจำกกำรสมั ภำษณเ์ จำ้ หน้ำท่ีถงึ ควำมยำกงำ่ ยของกำรใชง้ ำน พบวำ่ ไดส้ ะดวก
ต่อกำรตรวจสอบวันหมดอำยุยำ(รูปแบบขวด) จึงทำให้สำมำรถตรวจจับกำรหมดอำยุได้อย่ำงมี
ประสิทธิภำพ แต่ผงยำ ในรปู แบบซองตอ้ งใชป้ ้ำยกันพลำดจำนวนมำกในกำรติดป้ำย

- กำรปรับปรุงและพัฒนำเครื่องมือ (Act) เพื่อแก้ไขปัญหำท่ีเกิดข้ึนจำกกำรพัฒนำเคร่ืองมือ
และเป็นแนวทำงในกำรพัฒนำตอ่ ไป ปรับปรุงป้ำยให้เหมำะสมกับรูปแบบของยำและสำรเคมี เพ่ือให้มี
ควำมสะดวกและมีประสิทธิภำพในกำรใช้งำน พร้อมทั้งมีกำรทดลองกำรรับรู้ของเจ้ำหน้ำที่
พบว่ำเจ้ำหนำ้ ท่ีสำมำรถตรวจจบั วันหมดอำยุยำตำมสีที่กำหนดขึ้นมำได้อย่ำงมีประสิทธภิ ำพ จึงนำไปสู่
กำรมีเครื่องมอื ท่มี ปี ระสทิ ธภิ ำพตอ่ ไป

กำหนดรหสั สีบ่งบอกวันหมดอำยขุ องยำ ทำเปน็ ปำ้ ยกันพลำด แสดงขอ้ มลู ของสำรเคม,ี Lot No,
โดยกำหนดสบี ่งบอกวนั หมดอำยุ ทกุ 10 ปี วันหมดอำยุ และลำดบั กำรใช้ยำ นำปำ้ ยมำเคลอื บ

เพอื่ สะดวกต่อกำรใชง้ ำน และสำมำรถนำกลับมำใช้งำนซ้ำได้

ทสี่ ำหรับจดั เกบ็ ป้ำยกันพลำด

รับยำเขำ้ คลัง ตรวจสอบและบันทกึ Lot.NO รวมทั้งวนั Exp. ของยำแตล่ ะชนิดลงในป้ำยกันพลำด
โดยในแตล่ ะใบจะมีสบี ง่ บอกวำ่ จะหมดอำยุในปีไหน พร้อมเขยี นรำยละเอยี ด และลำดบั ของกำรใชย้ ำ

ซงึ่ ปำ้ ยติดกับยำทุกรปู แบบ เช่น ขวด กลอ่ ง และถงุ ผงยำ

5. ผลการศกึ ษา

การประเมินผลการเปล่ยี นแปลง:

จำกกำรศึกษำป้ำยกันพลำดของโรงพยำบำลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล น้ันผู้ศึกษำได้

รวบรวมข้อมูลจำกเอกสำรต่ำง ๆ ที่เก่ียวข้องและใช้แบบสังเกตติดตำมผลกำรดำเนินกำรใช้เครื่องมือ

ปำ้ ยกันพลำดไดผ้ ลกำรศึกษำ ดงั น้ี

ตารางท่ี 1 แสดงกำรเปรียบเทียบรูปแบบกระบวนแบบเดิมและแบบท่ีถูกพัฒนำ รวมถึงผล

กำรดำเนนิ งำน

รปู แบบกระบวนการและ รปู แบบเดมิ รูปแบบทพ่ี ัฒนา
ผลการดาเนินงาน

แบบกระบวนการ 1. รบั ยำเข้ำคลงั ตำมวนั ที่เบิกพร้อม 1. รับยำเขำ้ คลงั ตำมวนั ที่เบิกพรอ้ ม
ตรวจสอบและบนั ทึก Lot.NO รวมท้ัง ตรวจสอบและบันทึก Lot.NO รวมท้ัง
วนั Exp. ของยำแตล่ ะชนดิ ลงในกลอ่ ง วัน Exp. ของยำแต่ละชนดิ ลงในกลอ่ ง
ป้ำยกนั พลำด โดยในแต่ละใบจะมีสีบง่ ป้ำยกนั พลำด โดยในแต่ละใบจะมีสบี ง่
บอกวำ่ จะหมดอำยุในปีไหน บอกวำ่ จะหมดอำยใุ นปีไหน
2. จดั เรียงยำตำมมำตรกำร First 2. จัดเรียงยำตำมมำตรกำร First
expire first out (FEFO) ตดิ ป้ายสี expire first out (FEFO) ติดป้ายกนั
3. ลงข้อมูลกำรรบั ยำใน พลาด
4. ลงข้อมลู ในโปรแกรมเพื่อสรุปมลู ค่ำยำ 3. ลงข้อมลู กำรรบั ยำใน
4. ลงข้อมลู ในโปรแกรมเพื่อสรุปมลู ค่ำยำ

แบบกระบวนการ

รูปแบบกระบวนการและ รปู แบบเดิม รูปแบบทีพ่ ัฒนา
ผลการดาเนนิ งาน
1. ไมส่ ำมำรถตรวจสอบวันหมดอำยุ 1. งำ่ ยตอ่ กำรตรวจสอบวนั หมดอำยยุ ำ
ผลการดาเนนิ งาน ของยำได้ครอบคลุมทงั้ หมด เนือ่ งจำก และสะดวกต่อกำรใช้งำน
เครอ่ื งมอื ไม่มปี ระสทิ ธภิ ำพ และยำมี 2. จำกกำรทดลองใช้เครื่องมือไม่พบ
ปรมิ ำณมำก กำรใชย้ ำไม่ถูกตำมหลกั FIFO
2. พบยำหมดอำยุจำนวน 5 ครัง้

6. วจิ ารณแ์ ละข้อเสนอแนะ : ปัญหำและอุปสรรคต้องใช้ระยะเวลำในกำรติดป้ำยกันพลำด ในกลุ่มผง
ยำรูปแบบซอง แต่ก็สำมำรถทำได้ไม่เป็นอุปสรรค แนวทำงกำรพัฒนำต่อเนื่องพัฒนำเคร่ืองมือให้
สำมำรถสะดวกในกำรใช้งำนกับยำทกุ รูปแบบตอ่ ไปในอนำคต

7. สรุป : จำกกำรศึกษำป้ำยกันพลำดของโรงพยำบำลละงู จังหวัดละงู เป็นกำรศึกษำโดยใช้วงจรกำร
พัฒนำคุณภำพงำน โดยพัฒนำเครื่องมือจำก Deming Cycle ท่ี 1 ป้ำยสี สู่พัฒนำเคร่ืองมือ Deming
Cycle ท่ี 2 ป้ำยกันพลำด (Warning card) พบว่ำ กำรนำเคร่ืองมือช่วยตรวจสอบวันหมดอำยุของยำ
และลำดับกำรใช้ยำ โดยทำในรูปแบบป้ำยกันพลำดติดกับยำหรือสำรเคมี ทำให้สำมำรถช่วยเตือนยำ
ใกล้หมดอำยุและลำดับกำรใช้ยำได้ โดยสังเกตได้จำกอุบัติกำรณ์กำรไม่พบกำรนำยำไปใช้ไม่ถูกตำม
หลัก FIFO อีกทั้งยังเจ้ำหน้ำท่ีมีควำมพึงพอใจ มีควำมสะดวกในกำรปฏิบัติงำน ซ่ึงสอดคล้องกับ
ปรเมษฐ์ ดวงจร, 2559 ศกึ ษำปฏทิ ินเตอื นวันหมดอำยุยำ (Expiration Calendar) เป็นกำรนำเครือ่ งมือ
ช่วยตรวจสอบวันหมดอำยุของยำมำใช้ ช่วยเตือนกำรหมดอำยุยำทำให้สำมำรถตรวจจับกำรหมดอำยุ
ของยำในคลังได้ และอบุ ัติกำรณก์ ำรพบยำหมดอำยลุ ดลง

8. เอกสารอ้างอิง
1 ธิดำรักษ์ รตั นมณ.ี คูม่ ือกำรปฏบิ ตั งิ ำนเก่ียวกับงำนประกันคุณภำพกำรศึกษำ.คณะสถำปัตยกรรม ศำสตร์

และกำรออกแบบส่งิ แวดลอ้ ม มหำวิทยำลยั แม่โจ.้ [อนิ เตอรเ์ น็ต].2555

[เขำ้ ถงึ เมอื่ 20 กันยำยน 2561] . เขำ้ ถงึ ได้จำก www.emanage.mju.ac.th.

2 ปรเมษฐ์ ดวงจร. ปฏิทินเตือนวันหมดอำยุยำ (Expiration Calendar). [อินเตอร์เน็ต]. 2559
[เข้ำถงึ เม่อื 20 กันยำยน 2561]. เข้ำถึงได้จำก www.pro.moph.go.th.

3 พิมพลอย สภุ ำถนิ ภำ. กำรจัดระบบกำรจดั ยำเพ่ือลดปัญหำกำรจำ่ ยยำหมดอำยุ แผนกห้องจ่ำยยำ

ฝำ่ ยกำรแพทย์ กำรท่ำอำกำศยำนสวุ รรณภมู ิ. มหำวิทยำลยั สยำม [อนิ เตอร์เนต็ ]. 2559

[เขำ้ ถึงเมื่อ 20 กันยำยน 2561]. เขำ้ ถงึ ไดจ้ ำก www.researchsystem.siam.edu

4 โรงพยำบำลละงู. ยำและเวชภัณฑ.์ สรปุ ผลงำนประจำปีงบประมำณ 2561. 2562 ; 1-2.

รายละเอียดการสง่ ผลงานนาเสนอ
มหกรรมวิชการเขตสุขภาพที่ 12 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563

1. แบบฟอร์มบทคดั ย่อผลงาน : CQI (Clinic)
2. ประเภท หน่วยงาน : รพช.
3. การเสนอผลงาน : ไม่เคยนาเสนอ เผยแพรม่ ากอ่ น
ชื่อเรอื่ ง โปรแกรม K-Smart- warfarin .
ช่ือเจา้ ของผลงานและสังกดั

นายยาการยี า ยโู ซะ ตาแหนง่ นักวิชาการสาธารณสุขปฎิบตั ิการ โรงพยาบาลกะพ้อ
นางสาวต่วนฮาลีเมาะ ตงคอเมา ตาแหนง่ พยาบาลวิชาชีพชานาญการ โรงพยาบาลกะพอ้
นายอัสซัม บือแน ตาแหนง่ นกั วิชาการคอมพิวเตอร์ โรงพยาบาลกะพ้อ
บทนา
ระบบบริการคลินิกWarfarinโรงพยาบาลกะพ้อ ต้ังแต่พ.ศ.2560-ปัจจุบัน มีผู้มารับบริการปี2560จานวน
4 ราย , ปี 2561 จานวน 7 ราย , ปี 2562 จานวน 9 ราย ปัจจุบนั มผี ู้ปว่ ยในคลนิ ิกจานวน 10 ราย โดยคลินิก
ไม่แบง่ สัดสว่ นที่ชดั เจน เนอื่ งจากสถานท่ีคบั แคบ ให้บริการรวมกับผปู้ ่วยทั่วไป ทาให้การบริการผูป้ ่วยคลินิก
Warfarinลา่ ช้า ระบบหรือขั้นตอนการบริการยังไม่ชัดเจน ผู้ป่วยไดร้ ับการไม่มีประสิทธิภาพ ผูร้ ับผิดชอบงาน
Warfarinไม่สามารถติดตามผู้ป่วยให้มาตามนัดได้100% เม่ือต้องการดูผลเลือดINRของผู้ป่วยต้องเปิดดูใน
โปรแกรมHos XPเป็นรายบุคคลและต้องเปิดท่ีโรงพยาบาลเท่านั้น บางครั้งผู้ป่วยทาสมุดประจาตัวWarfarin
หาย ทาให้ข้อมูลสูญเปล่าประโยชน์ทั้งผู้ป่วยเองและผู้รับผิดชอบงานทางผู้รับผิดชอบงาน Warfarinร่วมกับ
สารสนเทศโรงพยาบาลกะพ้อจึงได้คิดค้น โปรแกรม Monitoring warfarin นี้เกิดข้ึนมา เพ่ือให้ผิดรับผิดชอบ
สามารถดูประวัติ เข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ทันเวลา เช่น วันเดือนปีท่ีมารับบริการ ค่า INR
ของวันท่ีมารับบริการและค่าINR2คร้ังก่อนหน้าที่มารับบริการโดยผ่านระบบออนไลน์ ผู้ป่วยจะมีคิวอาร์โค๊ด
ของตนเองและมรี หัสผ่านในการเข้าระบบทกุ ครั้งเปน็ รายอาเภอ ผู้ทต่ี ้องการข้อมูล สามารถพิมพ์ทกุ ตวั อกั ษรที่
มีในโปรแกรม สามารถค้นหาและโปรแกรมสามารถปกปดิ ข้อมลู ทเ่ี ปน็ ความลบั ได้

วัสดุและวธิ กี าร
โปรแกรม Monitoring warfarin น้ัน เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลและติดตามผู้ป่วยโรคหัวใจท่ีได้รับยา
warfarinท่ีมารับบริการโรงพยาบาลกะพ้อ ท้ังหมด โดยเป็นโปรแกรมที่พัฒนาให้ใช้งานในบราวเซอร์
(Browser) ซึ่งสามารถใชง้ านได้ในระบบออนไลน์ พรอ้ มท้งั สามารถประมวลผลการบันทึกข้อมูล โดยใช้เวลาใน
การประมวลผลไม่เกิน 3 วินาที ในรูปแบบกราฟ และผู้รับผิดชอบงานสามารถค้นหาผู้ป่วย โดยการพิมพ์ทุก

ตัวอักษรที่มีอยู่ในโปรแกรม เช่น HN,CID,ชื่อ,นามสกุล และโปรแกรมสามารถปกปิดข้อมูลที่เป็นความลับของ
ผปู้ ่วยได้

- วิธีการดาเนินงาน
การดาเนินงานโดยเริ่มจากปัญหาที่เกิดขึ้นของการเก็บข้อมูลผู้ป่วย คลินิก warfarin โดยไม่มีการ
จัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ ผู้ป่วยจะมีคู่มือของตนเอง และไม่มีศูนย์กลางในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ข้อมูลไม่มีความถูกต้อง ไม่มีสามารถประมวลผล จึงได้มีการรวบรวมทีม นักวิชาการคอมพิวเตอร์
นักวิชาการสาธารณสุข และผู้รับผิดชอบงานคลินิก warfarin เพื่อคิดค้นโปรแกรมการบันทึกข้อมูล
ของผู้ป่วย คลินิก warfarin ท่ีมารับบริการโรงพยาบาลกะพ้อ โดยมีการวิเคราะห์ผ่านทฤษฎี PDCA
ดงั น้ี
วิเคราะห์คร้ังท่ี 1 ( ปีงบประมาณ 2562 )
Plan (P)
1. รวบรวมทีมงานพัฒนาระบบการให้บริการ คลนิ กิ warfarin
2. รวบรวมปญั หาการบนั ทึกข้อมูลจากรูปแบบเดมิ ของคลนิ ิก warfarin
3. ระดมความคดิ ออกแบบโปรแกรมการบันทึกขอ้ มูลคลินิก warfarin ใหม้ ีความรวดเร็ว ทนั สมยั
ทนั เวลา สามารถประมวลผลในรปู แบบออนไลน์ได้ ภายใน 3 วินาที

Do (D)
1. อบรมการใช้โปรแกรมใหก้ ับผรู้ ับผิดชอบงาน คลนิ ิก warfarin
2. ทดสอบการใชโ้ ปรแกรม ความสมบูรณ์ ความถูกต้องของข้อมลู ในระบบกับข้อมูลท่ีเป็นจริงโดยผ่าน
ผู้รับผิดชอบงานคลนิ ิก warfarin

Check (C)
1. ตรวจสอบระบบการบันทึกขอ้ มูลในโปรแกรมให้มคี วามสมบรู ณม์ ากขึน้ ตอบสนองกับความ
ตอ้ งการของผูใ้ ชข้ อ้ มูล
2. ตรวจสอบประสทิ ธิภาพการทางานของโปรแกรม
3. ตดิ ตามประเมนิ ผลจากผูบ้ ันทึกข้อมลู และผู้ทีเ่ กี่ยวข้องเพื่อนาเสนอทป่ี ระชุมและผู้บริหารต่อไป

Action (A)
1. ประเมินผลและปรบั ปรุงระบบการบนั ทกึ ขอ้ มูล เพื่อใหผ้ ู้บันทกึ ข้อมูลไดเ้ สนอหรือแสดงความ

คิดเห็นรปู แบบการบันทกึ ขอ้ มูลให้ไดต้ ามความต้องการและเพื่อให้ข้อมลู มคี วามสมบูรณ์ สะดวก
รวดเร็ว ในการบันทึกข้อมูลและคน้ หาข้อมลู ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง


Click to View FlipBook Version