The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลงานประเภท CQI Clinic
งานมหกรรมวิชาการ เขตสุขภาพที่ 12 ประจำปีงบประมาณปี 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by strategy trang, 2020-09-08 04:56:47

CQI - Clinic

ผลงานประเภท CQI Clinic
งานมหกรรมวิชาการ เขตสุขภาพที่ 12 ประจำปีงบประมาณปี 2563

วเิ คราะห์คร้ังท่ี 2 ( ปีงบประมาณ 2563 )
Plan (P)

1. รวบรวมทมี งานพฒั นาระบบ คลินิก warfarin ให้มีประสิทธภิ าพมากยิ่งขน้ึ
2. รวบรวมปญั หาตา่ ง ๆ ในการบันทึกข้อมูลในโปรแกรม ปงี บประมาณ 2561
3. ระดมความคดิ ความต้องการเพม่ิ เติม เพ่ือพฒั นาโปรแกรมให้มปี ระสิทธิภาพมากยง่ิ ขึ้น
4.ใหผ้ ู้ปว่ ย คลินกิ warfarin สามารถเขา้ ถงึ ข้อมลู ท่ีมารับบรกิ ารได้

Do (D)
1. พัฒนาเพิ่มเติม แก้ไขโปรแกรมในสง่ิ ท่ีไดว้ างแผนไว้
2. พัฒนาเพิ่มเตมิ พร้อมท้ังทบทวนการใช้โปรแกรมสว่ นอ่ืนๆให้กับผรู้ บั ผดิ ชอบงานคลนิ ิก warfarin
3. ทดสอบประสทิ ธภิ าพของโปรแกรม ความสมบรู ณ์ ความรวดเร็ว ความถกู ตอ้ งของข้อมูลใน
โปรแกรมกบั ขอ้ มูลที่เปน็ จริงโดยผา่ นผ้รู ับผดิ ชอบงานคลนิ กิ warfarin

Check (C)
1. ตรวจสอบระบบการบนั ทึกขอ้ มลู ในโปรแกรมให้มีความสมบูรณ์มากขน้ึ ตอบสนองกบั ความ
ตอ้ งการของผ้ใู ช้ข้อมูล
2. ตรวจสอบประสทิ ธิภาพการทางานของโปรแกรม
3. ติดตามประเมนิ ผลจากผู้บันทึกข้อมูล และผู้ท่ีเกี่ยวข้องเพ่อื นาเสนอท่ปี ระชมุ และผ้บู ริหาร

Action (A)
1. ประเมินผลและปรับปรุงระบบการบันทึกข้อมูล เพ่ือให้ผู้บันทึกข้อมูลได้เสนอหรือแสดงความ
คิดเห็นรูปแบบการบันทึกข้อมูลให้ได้ตามความต้องการและเพ่ือให้ข้อมูลมีความสมบูรณ์ สะดวก รวดเร็ว ใน
การบันทกึ ข้อมูลและค้นหาขอ้ มลู ได้อย่างถูกต้อง โดยการเพิม่ ช่องทางให้ผูป้ ว่ ย คลินกิ warfarin สามารถเข้าถึง
ข้อมลู ทมี่ ารับบรกิ ารได้ โดยมี ควิ อาร์โคด้ และรหสั ผา่ นของตนเอง

ผลงานวิจยั /ศกึ ษา

โปรแกรม K-Smart- warfarin ซง่ึ เปน็ โปรแกรมประเภท web application แบบออนไลน์ โปรแกรม
K-Smart- warfarin นั้น เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลและติดตามผู้ป่วยโรคหัวใจท่ีมารับบริการโรงพยาบาล
กะพ้อ ทั้งหมด โดยเป็นโปรแกรมท่ีพัฒนาให้ใช้งานในเบราเซอร์ (Browser) ซึ่งสามารถใช้งานได้ในระบบ
ออนไลน์ พร้อมทั้งสามารถประมวลผลการบันทึกข้อมูล โดยใช้เวลาในการประมวลผลไม่เกิน 3 วินาที
ในรูปแบบกราฟ และผู้รับผิดชอบงานสามารถค้นหาผู้ป่วย โดยการพิมพ์ทุกตัวอักษรที่มีอยู่ในโปรแกรม เช่น
HN,CID,ชอ่ื ,นามสกุล และโปรแกรมสามารถปกปดิ ข้อมลู ทเ่ี ปน็ ความลับของผู้ป่วยได้

ตัวชีว้ ัด ผลการดาเนนิ งาน

1.รอ้ ยละ 95 ความถูกตอ้ งของการบนั ทกึ ข้อมลู ปี 2562 ปี 2563 (เดอื นมิถุนายน)
2.ร้อยละ 95 ความพึงพอใจของผ้บู นั ทึกข้อมูล
3.ความรวดเรว็ ของการประมวลผลของโปรแกรม 3 วนิ าที 91.00 95.00
4.การเขา้ ถงึ ขอ้ มูลของผู้ป่วย 100 %
87.02 96.12

53

ยังไม่ดาเนินการ 100 %

วจิ ารณ์/ขอ้ เสนอแนะ
ควรมีการเช่อื มโยงกบั กลุ่มผู้ป่วยโรคอนื่ ๆ เช่น ความดนั โลหติ สงู และเบาหวาน เป็นต้น เพ่อื ง่ายตอ่

การติดตามผ้ปู ว่ ยที่ขาดนัดเพื่อรายงานกับพืน้ ทร่ี ับผิดชอบและรายงานใหผ้ ู้บริหารได้รบั ทราบตอ่ ไป

สรปุ

ผลจากการใช้โปรแกรม K-Smart- warfarin ต้ังแต่ปีงบประมาณ 2561-2563 (เดือนมิถุนายน)
ความถูกต้องของการบันทึกข้อมูล ปี 2562 ,2563 คิดเป็นร้อยละ 91 , 95 การประเมินความพึงพอใจของผู้
บันทกึ ข้อมูล ปี 2562 ,2563 (เดอื นมถิ ุนายน) คิดเป็นร้อยละ 87.02 ,96.12 ความรวดเร็วของการประมวลผล
ของโปรแกรม ปี 2562 ,2563(เดือนมิถุนายน) คิดเป็น 5 วินาที ,3 วินาที และการเข้าถึงข้อมูลของผู้ป่วย
ดาเนินการในปี 2563 คิดเป็นร้อยละ 100 ทาให้การดาเนินมีความสะดวกมากข้ึน ผู้ป่วยเข้าถึงระบบบริการ
มากขึน้ ผู้ปว่ ยมสี ่วนรวมมากขึ้นในการดูแลตนเอง

CQI: เรื่องการพัฒนาระบบการดูแลผปู้ ว่ ย Sepsis ของโรงพยาบาลควนขนุน จงั หวดั พทั ลุง

คณะผู้จดั ทา ทีม PCT โรงพยาบาลควนขนุน
นางสาวมณีรตั น์ พรหมคง, นางสุจิน เพชรมาก, นายแพทย์จารวุ ทิ ย์ บุษบรรณ, นายแพทย์เชษฐพงศ์ สจั จาผล.

ทมี่ าและความสาคัญของปัญหา

สถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ( Sepsis ) ของโรงพยาบาลควนขนุน มีแนวโน้มเพ่ิมข้ึน จากข้อมูลในปี
2558-2560 พบผู้ป่วยท่ีได้รับการวินิจฉัยว่ามีการติดเช้ือและต้องนอนโรงพยาบาล จานวน 182, 189, และ 192 ราย
ตามลาดับ ซึ่งถ้าผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้รับการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนท่ี
รนุ แรงใหแ้ กผ่ ู้ป่วยได้ รวมถงึ ยงั สามารถลดจานวนวันนอนในโรงพยาบาลและชว่ ยประหยัดคา่ ใชจ้ ่ายในการดูแลรกั ษาไดใ้ นที่สุด

แต่อย่างไรกต็ าม จากการวเิ คราะหข์ ้อมลู พบวา่ ภาวะตดิ เช้อื ในกระแสเลือดเปน็ สาเหตุการตายอันดับ 1 ของผู้ป่วยใน
โรงพยาบาลควนขนุนมาโดยตลอด โดยในปี 2558-2560 พบอตั ราการตายโดยไม่คาดคิด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 53.84, 66.66,
และ46.15 ตามลาดับ และมีแนวโน้มในการส่งต่อผู้ป่วย Severe Sepsis /septic shock เพ่ิมสูงข้ึนทุกปี เม่ือวิเคราะห์
สาเหตุท้ังทางดา้ นผู้ใหบ้ รกิ าร,ระบบบรกิ ารและผู้รบั บรกิ าร พบปัญหาดงั น้ี
1.ด้านผูใ้ หบ้ รกิ าร / ทมี ผรู้ กั ษา

-ปัญหาดา้ นศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ยงั ไมเ่ พียงพอ ทัง้ ทางด้านความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ
ในการดูแลรกั ษาผู้ปว่ ยทีม่ ีภาวะตดิ เชอ้ื ในกระแสเลอื ด
2.ดา้ นระบบบรกิ าร
-ไมม่ ีระบบการประเมนิ และคัดกรองผูป้ ว่ ยทค่ี รอบคลมุ และมีประสิทธิภาพ
-ขาดการเช่อื มโยงแผนการรักษาพยาบาล/ประสานงาน
-ขาดการปอ้ งกนั การเกดิ ภาวะแทรกซ้อน
3.ด้านผู้รับบริการ
-ขาดความรู้ ความตระหนกั ในการดแู ลตนเองเม่อื มีภาวะติดเช้ือ
ดังน้ันโรงพยาบาลควนขนุนไดต้ ระหนกั ถงึ ความสาคญั เร่งดว่ นในการดูแลผู้ปว่ ยกลุ่มน้ี จึงได้มีการพัฒนาระบบการดูแล
ผ้ปู ่วยอยา่ งต่อเนื่องมาโดยตลอดจนถึงปัจจบุ ัน โดยเนน้ ใหม้ ีแนวทางปฏิบัติที่สามารถเช่ือมโยงกันต้ังแต่ระดับปฐมภูมิจนถึงทุติย
ภูมิ มุ่งเน้นความปลอดภัย ( Patient Safety Goals )โดยมีกระบวนการดูแลตามมาตรฐานวิชาชีพ ให้สามารถดูแลรักษา
ผู้ปว่ ยไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และมปี ระสทิ ธิภาพ สามารถลดอตั ราการเสยี ชวี ติ และทุพลภาพได้ในที่สดุ

วตั ถุประสงค์
1. เพื่อใหผ้ ู้ป่วย Sepsis ได้รับการวินจิ ฉัยและรักษารวดเร็ว
2. เพือ่ ลดอัตราการตายโดยไมค่ าดคิดของผปู้ ว่ ยSepsis
3. เพอ่ื ใหผ้ ู้ปว่ ยSevere sepsis /Septic shock ไดร้ ับการสง่ ตอ่ อยา่ งรวดเรว็

ระยะเวลาดาเนนิ การ
1 ตลุ าคม 2558 – 31 กรกฏาคม 2563

ตัวชวี้ ัด
1. รอ้ ยละของผู้ป่วย Sepsis ได้รบั ATB ใน 1 ชม.หลงั แพทย์วนิ จิ ฉยั 100%
2. อตั ราการตายโดยไม่คาดคิดของผูป้ ่วยSepsis เปน็ 0%
3. ร้อยละของผ้ปู ่วย Severe sepsis /Septic shock ได้รบั การสง่ ต่อภายใน 1 ชม. 100%

กจิ กรรมการพฒั นา
กิจกรรมรอบท่ี 1
1. ประชมุ บุคลากรทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทกุ สหสาขาวชิ าชพี ในทมี PCT เพ่ือวางแผนในการดาเนนิ งาน
2. ดาเนินงาน
- พฒั นาศักยภาพเจา้ หน้าทใ่ี นการดแู ลผปู้ ่วยSepsis
-ระดบั โรงพยาบาลชมุ ชน พัฒนาความร้เู จา้ หนา้ ท่ีในโรงพยาบาลและรพ.สต.
-ระดับโรงพยาบาลจงั หวดั เขา้ รว่ มอบรมเครือข่ายโรงพยาบาลจงั หวัด
-ระดบั เครือขา่ ยเขต 12 เขา้ ร่วมอบรมเครือข่ายเขต 12
- จัดทา Standing order for sepsis,แนวทางในการประเมินความรุนแรงของโรค ( Modified SOS
score) โดยทีมสหสาขาวิชาชพี โดยมีอายุรแพทย์โรงพยาบาลพัทลุงคอยให้คาปรึกษา
3. ประกาศใชแ้ นวทางทุกหน่วยงานท่เี กย่ี วข้อง พร้อมทั้งนิเทศตดิ ตามโดยหัวหนา้ งาน
4. มีการตามรอยดว้ ยทีมPCTและมกี ารทบทวนเวชระเบยี นผู้ปว่ ยทกุ เดือนเพอ่ื หาแนวทางปรบั ปรงุ แก้ไข

พัฒนาความรรู้ ่วมกับเครือข่ายเขต 12 พัฒนาความรู้เจ้าหนา้ ที่โรงพยาบาลและรพ.สต
โดยกมุ ารแพทย์

การทบทวนcase โดยทมี PCT เดอื นละ 4-5ครงั้

เร่มิ จัดทาข้นึ ปี 2559 แนวทางการคดั กรองและดูแลผ้ปู ว่ ยsepsis

เริม่ จัดทาขึน้ ปี 2559 standing order โรงพยาบาลควนขนุน จังหวัดพทั ลุง

Standing order for sepsis and Progress note Sheet

Dx.............................. Doctor ’s progress note Order for one day Order for Continuation

DATE…………………………………….

ชื่อ…………………..... First diagnosis Admit ward…………………  Diet…………………………..
สกุล…………………..  Sepsis  CBC, BUN, Cr, E’lyte  NPO เวน้ ยา
อายุ…………………...  Severe sepsis  DTX Stat………………  Record V/S, I/O (ml)
สิทธิ……………….....  Septic shock  Keep Urine output
(Keep 140-180 mg%) ……………………………ml/8 hr.
WARD………………… เกณฑก์ ารวนิ ิจฉยั  H/C 2 ขวด
HN…………………… SIRS (อยา่ งนอ้ ย 2 ขอ้ ) ( 0.5 ml/kg/hr )
AN…………………… O T > 38°C or < 36°C จาก 2 ตาแหน่งพร้อมกนั
แพทย…์ ……………… O PR > 90 คร้ัง/นาที  ใหย้ า ATB ภายใน 1 ชม.
O RR >20 คร้ัง/นาที
O WBC > 12,000 or หลงั ทา H/C at ER
< 4,000 cell/cm³ หรือ band
From > 10% เวลาเริ่มใหย้ า.......................... Medication
Infection Paracet(500) 1 tab oral PRN q 6 hr.
O Pneumonia LAB พิจารณาเป็นรายๆ
O UTI  LFT Ceftriaxone 2 gm IV OD
O Gastrointestial infection  CXR
O Biliary tract infection  EKG Ceftazidime 2 gm IV q 8 hr
O CNS infection  Sputum G/S , C/S
O Skin and soft tissue infection  UA (กรณี immunocompromise )
O Bone and joint infection  Urine C/S
O Systemic infection
O Other…………………..  On foley’ s cath (ถา้ จาเป็น)
O ไมพ่ บแหล่งติดเช้ือ แตไ่ มม่ ี  0.9% NSS 1,000 ml . IV
สาเหตุอธิบาย SIRS
Evidence of organ dysfunction rate ……….. ml/hr
O SBP< 90 or MAP <65 mmHg  Dopamine 200mg + 5%D/W100 ml.
O SBP ลดลงจาก baseline (2:1) IV rate เร่ิม 10 ml/hr
≥40 mmHg ในผูป้ ่ วย HT ( MAX 30 ml/hr )
O ซึม สบั สน กระสบั กระส่าย
O มือเทา้ เยน็ ตวั ลาย capillary refilling  On O₂ ……………………
time นานกวา่ 2 วนิ าที
O หายใจเหนื่อยระบบหายใจลม้ เหลว (Keep SPO₂ ≥ 95% )
O Urine out put< 0.5ml/kg/hr
O Lactate ≥ 4 mmol/l

ลงช่ือแพทย…์ ………………………. ลงชื่อแพทย…์ ……………………..

ผลลพั ธก์ ารพัฒนารอบที่ 1 รอ้ ยละ
ตัวช้วี ดั (ต.ค. 59-ก.ย.60) 91.97%
46.15 %
-รอ้ ยละของผู้ปว่ ย Sepsis ได้รับ ATB ใน 1 ชม.หลังแพทย์วนิ จิ ฉยั 100% 94.11 %
-อัตราการตายโดยไมค่ าดคดิ ของผู้ปว่ ยSepsis เป็น 0%
-รอ้ ยละของผูป้ ว่ ย Severe sepsis /Septic shock ได้รบั การสง่ ตอ่ ภายใน 1 ชม. 100%

โอกาสพัฒนา
จากการทบทวนเวชระเบยี นผปู้ ่วย sepsis ตั้งแตเ่ ดอื น ต.ค. 2559 - ก.ย.2560 กลมุ่ ผู้ป่วยสาคญั สว่ นใหญพ่ บใน
ผสู้ ูงอายุ 60 ปีขน้ึ ไป และมโี รครว่ ม เช่น DM, bed ridden เปน็ ตน้ นอกจากนีย้ ังพบปัญหาดังนี้
1.ผปู้ ว่ ยบางรายมีไขม้ ากกว่า 3-4 วันจึงมาโรงพยาบาล
2.ระบบการคดั กรองไม่ครอบคลมุ มผี ปู้ ่วยRevisit ด้วย Septic shock
3.เจา้ หน้าทย่ี งั ขาดความเข้าใจในการใชแ้ นวปฏิบตั ิการดูแลผู้ป่วยsepsis (ไมไ่ ด้ประเมิน SOS SCORE 17 ราย) จาก
การตามรอยพบเปน็ Caseทเี่ จา้ หน้าท่ีใหมด่ ูแลถึง 10 ราย ) มีพยาบาลจบใหม่และแพทยห์ มุนเวียนทกุ 4 เดอื น

กจิ กรรมรอบที่ 2
1.พัฒนาการเข้าถึงแบบเชิงรุก จัดต้ังศูนย์ให้คาปรึกษาสุขภาพตลอด 24 ชม.เบอร์ 074-682071 ให้ความรู้สัญญาณเตือน
ของ Sepsis แกผ่ ูส้ งู อายุและผูด้ ูแลในคลนิ กิ สูงอายุและNCD ให้ข้อมูลเชิงรุกในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มีการจัดเสียงตามสายให้
ความรู้ในชุมชน เพื่อให้เฝ้าระวังอาการที่ต้องมาโรงพยาบาล พัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่รพ.สตในการคัดกรองและประเมิน
ผปู้ ว่ ยเพอื่ สามารถสง่ ตอ่ ผปู้ ่วยได้รวดเรว็ ขึ้น โดยมีแนวทางสง่ ตอ่ จากรพ.สตมายงั โรงพยาบาล
2.พฒั นาระบบการคัดกรอง จัดทา Pop up เตือนในระบบ Mix-net ในกรณผี ปู้ ่วย Vital sign เข้ากล่มุ SIRS และให้พยาบาล
จุดคัดกรองประเมนิ ผู้ปว่ ยที่มีไข้ทกุ รายดว้ ย SOS score ( ถ้าอุณหภมู ิมากกวา่ 38 °c ให้นบั การหายใจเตม็ 1 นาที) ถ้า SOS
score ≥ 2 คะแนน ใหใ้ ช้ SIRS Criteria 3 ขอ้ คือ 1)อุณหภมู ิกาย >38°c หรือ <36°c 2)ชพี จร >90ครง้ั /นาที 3)การ
หายใจ >20 ครงั้ /นาที ถ้ามี 2 ข้อร่วมกับสงสยั หรอื มีหลกั ฐานการติดเช้ือ ให้รายงานแพทยเ์ พื่อพิจารณาวินิจฉยั และ ให้
รักษาตามแนวทางSepsis โดยใช้ standing order sepsis แล้วเจาะCBC และ H/C X II พรอ้ มกัน 2 ตาแหนง่ หรอื /และเก็บ
culture จากตาแหน่งทีต่ ิดเชื้อ และให้antibiotic ทนั ทหี ลังเกบ็ specimen (การให้Antibiotic จะใหท้ ันทหี ลังเจาะCBC และ
H/C โดยไม่รอผลชนั สูตร ภายในเวลา 1 ชม. หลงั แพทย์สงสยั sepsis)
3.พัฒนาระบบการเข้าถึง CPG sepsis โดยปิดประกาศให้เห็นชัดเจน และปฐมนิเทศแพทย์และพยาบาลจบใหม่รวมทั้งฟื้นฟู
ความรู้เรอื่ งSepsis ปลี ะ 2 คร้งั
4.พฒั นาศักยภาพบคุ ลากรท่เี กี่ยวขอ้ งทุกระดบั และทุกหน่วยงาน ให้นาแนวทางการดแู ลผูป้ ่วยsepsis ไปใชอ้ ย่างถูกตอ้ ง
5.มีแนวทางการเฝ้าระวังผู้ป่วยและพัฒนาแนวทางการส่งต่อผู้ป่วยเชื่อมโยงไปโรงพยาบาลจังหวัด โดยผู้ป่วยท่ีเป็น Severe
sepsis /Septic shock ให้ Initial Resuscitation และประเมินSOS scoreก่อน ถ้า MAP >65 mmHg หรือ SOS score <
4 คะแนน ให้Admit ถ้า MAP <65 mmHg หรือ SOS score ≥ 4 คะแนน ให้ Dopamine 200 mg +NSS 100 cc เริ่ม 10
cc/hr. และปรบั เพิม่ ทุก 15 นาที keep MAP >65 mmHg และreferภายใน 1 ชม.
6.มีการให้ขอ้ มูลผูป้ ว่ ยต้ังแตแ่ รกรบั จนถงึ จาหนา่ ย ให้ข้อมลู และเสริมพลงั ในเรื่องการใช้ยา ATB การได้รับอาหารท่ีมีประโยชน์
การฟ้ืนฟูร่างกาย การเฝ้าระวังติดเชื้อซ้า มีระบบส่งข้อมูลให้ศูนย์ดูแลต่อเนื่อง( COC )เพ่ือติดตามเยี่ยม และดูแลต่อในชุมชน
และนาขอ้ มลู สะท้อนกลับมาในทีมPCT
7. มี case manager sepsis ติดตามประเมินการใช้แนวทางการดูแลผู้ป่วย และสรปุ ผลการติดตามรายงาน PCT ทุก 1 เดอื น
8.ทา sepsis round ทกุ รายโดยหวั หนา้ งาน/ผูร้ บั ผดิ ชอบ case
9.จดั ให้มกี ารconferenced case sepsis ทกุ 3 เดือน
10.นาผลการประเมนิ ตดิ ตามทบทวนในคณะกรรมการPCT

ช้แี จงแนวทาง และพัฒนาความร้ลู งส่ผู ้ปู ฏิบตั ิ โดยอายรุ แพทย์

ปี 2561 นา ModifปieรdะเSมOินS sScOoSreSมcาoชreว่ ย(คปดั รกะรเมองนิ ผคูป้ ว่วายมรโดนยมรีทงขจ่ี อดุ งคโดั รกคร)อง ERและ OPD

Modified - SOS Score
SEARCH SEVERITY SCORE

Score 3 2 1 0 1 2 3
อ มู ิ ≤35 35.1-36 36.1-38 38.1-38.4 ≥38.5 ≥140
≤40 41-50
ร ≤8 ่ 51-100 100-120 121-139
≤80 เครอง ว่ ย 91-100
าย 9-20 21-25 26-35 ≥35
ความดนั โล ติ าย
81-90 101-180 181-199 ≥200 ย้ ากระตน้
(ค่า น) ความดนั โล ติ
ัน ตนด ม มมาก
ความรู้ กตวั กระสบั กระสา่ ย พูดคุยรู้ แต่เรียกแลว้ ตอ้ งกระต้นุ ไม่รู้ กตวั
จงึ จะลมื ตา แมก้ ระต้นุ แลว้
ท่ีเพิ่งเกิดข้ึน เรื่อง ลมื ตา

คะแนน 0 ผลการประเมนิ SOS คะแนน ≥3
Score
 Record V/S  รายงานแพทย์
ตามปกติ คะแนน 1-2  ยา้ ยมาอยู่ใกล้Nurse ΄ s

 ประเมนิ SOS score  พยาบาลเจา้ ของไข้พิจารณา station
เวรละ 1 ครง้ั
Monitor Monitor

- Record V/S ทุก 4 ชม -Check V/S ,SOS ตาม
- SOS ทุก 4 ชม. ประเภทของผปู้ ่วย
-Record I/O ทุก 8 ชม.

ผลลพั ธ์การพฒั นารอบท่ี 2 รอ้ ยละ
ตัว ว้ ัด (ต.ค.60-ก.ย.61) 94.97 %
27.27%
-รอ้ ยละของผปู้ ว่ ย Sepsis ไดร้ ับ ATB ใน 1 ชม.หลงั แพทย์วนิ ิจฉยั 100% 94.97 %
-อตั ราการตายโดยไมค่ าดคดิ ของผปู้ ว่ ยSepsis เป็น 0%
-ร้อยละของผปู้ ่วย Severe sepsis /Septic shock ได้รับการส่งตอ่ ภายใน 1 ชม. 100%

โอกาสพฒั นา
พบว่าอัตราตายโดยไม่คาดคิดของผู้ป่วย Sepsis ลดลง จาก 46.15 เหลือ 27.27% แต่ยังพบปัญหาการ Miss

diagnosis ผู้ป่วยต้ังแต่แรกรับ ไปเจอเมื่อผู้ป่วย Admit เข้าWard ทาให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงข้ึน ส่งผลให้การรักษาและส่ง
ตอ่ ลา่ ช้าตามมา ซง่ึ จากการตดิ ตาม ตามรอย และทบทวนเวชระเบยี นผปู้ ว่ ย Sepsis ยงั พบปญั หาดงั น้ี

-เขา้ SIR CRITERIA ช้า ได้ ATB ลา่ ชา้
-ไมม่ ีแบบฟอรม์ การลง SOS Score

กจิ กรรมรอบท่ี 3

1.พัฒนาแนวทางการคัดกรองผ้ปู ่วย Sepsis ใหมต่ ้งั แตแ่ รกรับ โดยใช้ Temperature เป็นตัวคดั กรองเบื้องต้น

2.มแี นวทาง ( แบบใหม่ของโรงพยาบาลควนขนุน) ถา้ มีไข้ ตอ้ ง

ประเมินSOS Score ผปู้ ว่ ยทกุ ราย ถ้าได้ ≥4 คะแนน(ผปู้ ว่ ยเสย่ี งสงู ) ใหค้ วิ ด่วนสง่ พบแพทย์ Dx.Sepsis และสง่ เข้า Fast

track sepsis ที่ ER เทา่ นัน้ ถ้าประเมินSOS ≥2 (ผู้ป่วยเสยี่ งตา่ ) แพทยส์ งสยั มีการติดเชอ้ื เข้าFast track sepsis ท่ี opd

3.พัฒนา Standing order for sepsis โดยอายแุ พทยโ์ รงพยาบาลควนขนุน เชน่ มีการเปล่ียน IV จาก NSS มาเปน็ LRS

(เน่ืองจากมีงานวิจัยรองรับวา่ NSS, มี chloride ทส่ี งู กว่าในเลือดคนปกติ เม่ือนามาให้ปริมาณมากๆในผ้ปู ว่ ย ทาใหเ้ กิด

Hyperchloremia, metabolic acidosis, AKI ทาใหผ้ ปู้ ว่ ยเสยี ชีวิตสูงข้นึ ) เปล่ียนยาจากDopamine มาใช้ Levophed ใน

ผปู้ ว่ ยSeptic shock เนือ่ งจากมผี ลในการกระตุ้นหวั ใจได้ดกี ว่า เพ่ิมATBให้ครอบคลมุ เปน็ ต้น โดยมีทมี ระบบยาของ

โรงพยาบาลเขา้ มาช่วยบริหารจดั การยาและติดตาม เฝา้ ระวังตอ่ ไป

4.พฒั นา Modified SOS Score เพ่อื ประเมินความรุนแรงของโรค โดยประเมินในผปู้ ่วยSepsis ทกุ ราย ถา้ คะแนน ≥3 ขน้ึ

ไปต้องรายงานแพทย์ monitor ตดิ ตามV/S, SOS ตามประเภทของผู้ปว่ ย

5.พฒั นาฟอรม์ ปรอทใหม่เพ่ือให้มชี อ่ งในการลงคะแนนประเมิน SOS SCORE เพอ่ื ตดิ ตามอาการผูป้ ว่ ยSepsis ทกุ ราย

4.พฒั นาแนวทางสง่ ต่อ โดยมี Flow ชัดเจน ให้อายรุ แพทย์เข้ามาชว่ ยดูผู้ปว่ ย Severe sepsis และSeptic shock ทุกราย

พร้อมท้ังมีแบบฟอร์มแนบในการบันทกึ ระหว่างดูแลและส่งต่อเพื่อเช่ือมโยงข้อมูลไปยังโรงพยาบาลจังหวดั

5. พฒั นาศกั ยภาพเจ้าหน้าท่ี นาแนวทางมาใช้โดยมีการจดั อบรม ประเมนิ ผลการใช้โดยหวั หนา้ งาน

6.พฒั นาแบบตดิ ตาม Sepsis round เพ่ือประเมินการใชแ้ นวทางSepsisท้ังหมดและนาปัญหามาปรับปรุงแก้ไข

นาสูผ่ ู้ปฏบิ ัติ

นวทางทปรั ปรง ละ ้อยู่ นถงปั ัน

แนวทางการคดั กรองผ้ปู ่ วย Sepsis

ผปู้ ่ วยมาด้วยไข้ Temp >38 ⁰c
ให้นับการหายใจเตม็ 1 นาที

OPD ER

ประเมินModified – SOS SCORE ถา้ ≥ 2 ประเมินModified – SOS SCORE ถา้ ≥ 2
คะแนน คะแนน

แพทยส์ งสัยมีการติดเช้ือ Dx.sepsis แพทยส์ งสัยมีการติดเช้ือ Dx.sepsis

เข้า Fast track sepsis เข้า Fast track sepsis

-ห--ม--า--ย-เ-ห---ต--ุ --ก--ร--ณ--ี-O---P--D--ป--ร--ะ--เม---ิน---S-O---S---S-C---O--R---E---ไ-ด--้ -≥--4---ค--ะ-แ--น--น---เ-ม--ื่อ--แ--พ--ท---ย-์-D---x-.-S--e-p--s-i-s--ต--้อ--ง--ส--่ง--เข--้า---F--a-s-t--t-r--a-c--k---s-e-p--s-i-s--ท--ี่-E--R----เท--่-าน้ัน

ประเมนิ SOS Score

Modified - SOS Score
SEARCH OUT SEVERITY SCORE

Score 3 2 1 0 12 3

อ มู ิ ≤35 35.1-36 36.1-38 38.1-38.4 ≥38.5

ร ≤40 41-50 51-100 100-120 121-139 ≥140
9-20 21-25 26-35
่ 101-180 181-199 ≥200 >35

าย ≤8 เครอง ว่ ย ย้ ากระต้น
ความดัน
าย โล ิต

ความดันโล ติ ≤80 81-90 91-100
(คา่ น)

ความรู้ กตัว ั น ตนด ม มมาก ไม่รู้ กตัว
กระสบั กระสา่
ยท่เี พง่ิ เกดิ ขนึ้ พูดคยุ รู้เร่ือง แตเ่ รยี กแลว้ ต้องกระต้นุ แม้กระตนุ้ แลว้

ลมื ตา จึงจะลมื ตา

2561

Dx. Within 15 min

NO

YES

NO

YES

มายเ ต อายร ทย์ ะเข้ามา ่วยดูผปู้ ่วย Severe sepsis ละSeptic shock ทกราย

โรงพยาบาลควนขนุน จงั หวดั พทั ลงุ
Standing order for sepsis and Progress note Sheet

Dx.............................. Doctor ’s progress note Order for one day Order for Continuation

ช่ือ…………………..... First diagnosis DATE…………………………………….

สกลุ …………………..  Sepsis

อาย…ุ ………………...  Severe sepsis Admit ward…………………  Diet…………………………..

สิทธิ……………….....  Septic shock  CBC, BUN, Cr, E’lyte  NPO เวน้ ยา
 DTX Stat………………  Record V/S, I/O (ml)
WARD………………… Infection
(Keep 140-180 mg%)
O Pneumonia
 H/C 2 ขวด  Keep Urine output (0.5 ml/kg/hr)
O UTI
HN…………………… O Gastrointestial infection จาก 2 ตาแหน่งพร้อมกนั ……………………………ml/4 hr.
AN…………………… O Biliary tract infection  ใหย้ า ATB ภายใน 1 ชม.

O CNS infection หลงั Diagnosis Medication (ATB)
O Skin and soft tissue infection
แพทย…์ ……………… เวลาเริ่มใหย้ า.......................... Paracet(500) 1 tab oral PRN q 6 hr.

O Bone and joint infection LAB พจิ ารณาเป็ นรายๆ Ceftriaxone 2 gm IV OD
 LFT Ceftazidime 2 gm IV q 8 hr
O Systemic infection

O Other…………………..  CXR (กรณี immunocompromise )

O ไม่พบแหล่งติดเช้ือ  EKG Clindamycin 600mg IV q 8 hr
 Sputum G/S , C/S Cloxacillin 1gm IV q 6 hr
Evidence of organ dysfunction  UA

O SBP< 90 or MAP <65 mmHg

O SBP ลดลงจาก baseline  Urine C/S ………………………………………

≥40 mmHg ในผปู้ ่ วย HT  On foley’ s cath (ถา้ จาเป็ น) ……………………………………….
 LRS 1,000 ml . IV ………………………………………
O ซึม สบั สน กระสบั กระส่าย
rate ……….. ml/hr
O มือเทา้ เยน็ ตวั ลาย capillary

refilling time นานกวา่ 2 วนิ าที โหลด LRS (30cc/kg)...............cc

O หายใจเหนื่อยระบบหายใจ  Levophed (1:50)

ลม้ เหลว 8mg + 5%D/W400 ml เริ่ม 10 ml/hr.

O Urine out put< 0.5ml/kg/hr (0.2ug/kg/min) และปรับเพ่มิ /ลดได้

O Lactate ≥ 4 mmol/l ทุก 15 นาที คร้ังละ 3-5ml/hr keep

MAP ≥65 mmHg ( MAX 30 ml/hr )

 On O₂ ……………………

(Keep SPO₂ ≥ 95% )

ลงชื่อแพทย…์ ……………….. ลงชื่อแพทย…์ ……………………..

ปรับปรุงตอ่ เน่ืองเพอ่ื ใชป้ ระเมินความรนุ แรงของโรคสาหรบั ผปู้ ว่ ยใน

ประเมนิ SOS Score (ประเมนิ ความรน รงของโรค)

Modified - SOS Score
SEARCH OUT SEVERITY SCORE

Score 3 2 1 01 23

อ มู ิ ≤35 35.1-36 36.1-38 38.1-38.4 ≥38.5

ร ≤40 41-50 51-100 100-120 121-139 ≥140



าย ≤8 เครอง ่วย 9-20 21-25 26-35 >35

าย

ความดนั โล ิต ≤80 81-90 91-100 101-180 181-199 ≥200 ้ยา
(ค่า น) กระตน้

ความดนั

โล ติ

ความรู้ กตัว ั น ตนด ม มมาก ไม่รู้ กตวั

กระสบั กระส่าย พดู คุยรู้ แตเ่ รยี กแล้ว ต้องกระตุ้น แม้กระต้นุ

ทีเ่ พิ่งเกดิ ขึน้ เร่ือง ลมื ตา จงึ จะลืมตา แลว้

ผลการประเมิน Modified - SOS Score

คะแนน 0 คะแนน 1-3 คะแนน ≥4

 Record V/S  พยาบาลเจ้าของไข้พจิ ารณา  รายงานแพทย์
ตามปกติ  ย้ายมาอยูใ่ กล้ Nurse ΄ s
Monitor
 ประเมนิ SOS score station
เวรละ 1 ครงั้ - Record V/S ทุก 4 ชม
-Record urine out put q 4 hr. Monitor
-ประเมิน SOS Score ตามความ
เหมาะสม -Check V/S q 15-30 นาที
จนกว่า SOS Score <4 คะแนน
หรือแพทยพ์ ิจารณาวา่ stable
จากนน้ั Monitor ทกุ 1 hr.จนครบ
4 ชม. และMonitor ทุก 4 hr.จน
ครบ 24 ชม.
-Record I/O ทุก 1 ชม.

Severe sepsis /Septic shock fluid chart (ใบสง่ ตอ่ โรงพยาบาลพทั ลงุ )

โรงพยาบาล...........................................................

สตก๊ิ เกอรช์ อ่ื -สกลุ ผปู้ ่วย.....................................................................................................

วดป./ Fluid/Vasopressor Total

เวลา Type/Dose/Concentration fluid urine output

T PR RR BP MAP SOS score Per hour Total

มายเ ต ผู้ป่วยRefer ้ ้เป็น นา ง่

Sepsis Round

Date ward Vital sign Sign and symptom Treatment pitfall
ท่ีบนั ทึกไว้
time BP PR RR T ที่บนั ทึกไว้

พฒั นาฟอรม์ ปรอท มชี ่องลงคะแนน Modified SOS score เพอ่ื สง่ ต่อข้อมลู

ผลลพั ธ์การพัฒนารอบท่ี 3 ร้อยละ
ตัว ้วัด(ต.ค.61-ก.ย.62) 100%
14.28%
-รอ้ ยละของผู้ปว่ ย Sepsis ไดร้ บั ATB ใน 1 ชม.หลงั แพทย์วินิจฉยั 100% 100%
-อัตราการตายโดยไม่คาดคิดของผู้ป่วยSepsis เปน็ 0%
-ร้อยละของผู้ปว่ ย Severe sepsis / Septic shock ได้รบั การส่งต่อภายใน 1 ชม. 100%

โอกาสพัฒนา
พบอตั ราตายโดยไม่คาดคดิ ของผู้ป่วย Sepsis ลดลง จาก 27.27 เหลือ 14.28 และยงั พบการสง่ ต่อผปู้ ่วย Severe

sepsis /Septic shock ไดเ้ ร็วขน้ึ ทีห่ อ้ งฉุกเฉนิ แต่ยังพบปัญหาดงั น้ี
-ความขดั แย้งระหวา่ งแนวทางและผปู้ ฏบิ ัติ เพ่มิ ภาระงานหอ้ งฉุกเฉิน
-เพม่ิ ค่าใชจ้ า่ ยในการสง่ ตรวจ H/C (ต้นทุนเพ่ิมข้ึน)
-การปรับยาไมเ่ ป็นไปในแนวทางเดียวกันกับโรงพยาบาลจังหวัด

กิจกรรมรอบที่ 4
1.ประชุม PCT หาแนวทางแก้ไข โดยการทบทวนCase ผปู้ ว่ ยที่ส่งเขา้ ห้องฉุกเฉนิ พบว่ามีการคัดกรองได้ดขี น้ึ ซึง่ เป็นไปอย่าง
สมเหตสุ มผล สร้างความเข้าใจเจ้าหน้าทีใ่ นแนวปฏิบัตทิ ีว่ างไว้ มีระบบconsult อายุรแพทย์ที่เชี่ยวชาญกว่ามาช่วยทีมในการ
ดูแลผู้ป่วย
2.ประชมุ ร่วมระหว่างเครือข่ายโรงพยาบาลจงั หวดั นามาปรบั ปรุงแกไ้ ข เชน่ การปรับขนาดยา levophed ในคนไข้ sepsis
shock ให้เป็นแนวทางเดยี วกันกบั โรงพยาบาลจงั หวัด เพื่อปอ้ งกนั ภาวะ extravasation necrosis (เน้อื เย่ือถกู ทาลาย)
3.หาแนวทางเพื่อลดคา่ ใช้จ่าย ในการตรวจ H/C ใน PCT โดยในเดือนพ.ค.2562 โรงพยาบาลควนขนนุ ได้พัฒนาการตรวจ
เพราะเชื้อในกระแสเลือดเอง ถ้ามผี ล positive จงึ จะส่งต่อทาSense ที่โรงพยาบาลพัทลงุ ต่อ เพ่ือประหยัดค่าใชจ้ า่ ย สามารถ
ลดค่าใช้จา่ ย 100,000 บาทเหลอื 20,000บาท/เดือน
4.มีระบบการคดั กรองผปู้ ว่ ยต่อเนอ่ื งจนถงึ ผ้ปู ่วยใน เน่ืองจากยงั มผี ู้ปว่ ยที่ไมเ่ ข้าCriteria Sepsis ต้ังแตแ่ รกรบั ไดร้ ับการ
รกั ษาและดูแลตามแนวทางท่ีวางไว้
5.ชี้แจงแนวทางสูผ่ ปู้ ฏบิ ตั ิ นเิ ทศตดิ ตามโดยหัวหน้างาน และมกี ารติดตามในทมี PCT ตอ่ เน่อื ง

ผลลพั ธก์ ารพัฒนารอบท่ี 4 ร้อยละ
ตวั ช้ีวัด(ต.ค.62 -ก.ค.63) 100%
0%
-รอ้ ยละของผปู้ ว่ ย Sepsis ไดร้ บั ATB ใน 1 ชม.หลงั แพทย์วินจิ ฉยั 100% (0/3)
-อตั ราการตายโดยไมค่ าดคิดของผูป้ ว่ ยSepsis เป็น 0%

-ร้อยละของผปู้ ว่ ย Severe sepsis /Septic shock ไดร้ ับการส่งต่อภายใน 1 ชม. 100% 100%

โอกาสพฒั นา
หลังจากการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพการดูแลผู้ป่วยในรอบที่ 4 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562-กรกฎาคม 2563 ยังไม่พบ

อัตราผู้ป่วยเสียชีวิตโดยไม่คาดคิด ผู้ป่วยได้รับATB หลังแพทย์วินิจฉัยSepsis ภายใน 1 ชม.และมีการส่งต่อผู้ป่วย Severe
sepsis/septic shock ภายใน 1 ชม. นอกจากนี้ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการส่งตรวจH/C ได้จาก 1แสนบาท/เดือน เหลือ
เพียง 20,000 บาท/เดือน แต่ต้องมีการเฝา้ ระวงั และติดตามอย่างต่อเน่ือง

สรุปผลการพัฒนา
-ผรู้ ับบริการได้รบั ความรูใ้ นการปอ้ งกนั ตนเองตั้งแต่ชุมชน
-ผู้ให้บริการ มีศกั ยภาพเพียงพอในการใหก้ ารดูแลผปู้ ว่ ยท่ีมภี าวะติดเชื้อในกระแสเลือด

-มีระบบการประเมินและคัดกรองผู้ปว่ ยทีค่ รอบคลุมและมีแนวทางการดูแลรักษาทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพเปน็ ไปในทิศทาง
เดยี วกัน สามารถส่งตอ่ ได้อยา่ งรวดเร็ว ผู้ปว่ ยไดร้ ับความปลอดภยั ตาม Patient safety Goals

กราฟเส้นแสดงอัตราตายโดยไม่คาดคิดในผู้ป่ วยSepsisต้งั แตป่ ี 2558- กค.2563

%

100

90

80
70 66.66

60 53.84 46.15 อัตราตายโดยไม่คาดคดิ
50 ของผปู้ ่ วยSepsis
40
30 27.27

20 14.28

10

00

2558 2559 2560 2561 2562 2563

จากการพฒั นาคุณภาพการดูแลผู้ป่วย Sepsis อย่างต่อเน่ืองต้ังแต่ปี 2558 จนเดือนกรกฎาคม 2563 ทาให้อัตราการ
เสยี ชีวติ อยา่ งไมค่ าดคิดของผู้ป่วย Sepsis ลดลงเรอ่ื ยๆ จาก 53.84% เหลือ 0% นอกอย่างนี้ยังมีแนวทางการดูแลผู้ป่วยของ
ทีมที่ชัดเจนข้ึนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน มีการทางานเช่ือมโยงตั้งแต่ระดับปฐมภูมิในการเฝ้าระวังผู้ป่วย ระดับทุติยภูมิมี
ช่องทางในการคัดกรองผู้ป่วยท่ีรวดเร็ว มีแนวทางการให้การดูแลรักษาและเฝ้าระวังอาการเปล่ียนแปลงที่รุนแรงของโรค มี
ชอ่ งทางให้ผ้เู ช่ยี วชาญเขา้ มาชว่ ยทมี ในการดูแลผู้ป่วย ตลอดจนมีแนวทางในการส่งต่อที่เช่ือมโยงไปยังโรงพยาบาลตติยภูมิ ทา
ใหผ้ ู้ปว่ ยได้รับความปลอดภัยตาม Patient Safety Goals

ทเรยนทไดร้ ั
ความสาเร็จจะเกิดข้ึนไดต้ ้องอาศัยการทางานร่วมกนั เปน็ ทมี และมกี ารติดตามประเมินผลอยา่ งตอ่ เน่อื ง เพื่อนามา

ปรับปรุงแก้ไขใหด้ ีย่ิงๆขึ้นไป

ผลงานประเภท CQI - Clinic
(กลุ่ม รพศ.-รพท.)

1.แบบฟอร์มบทคดั ยอ่ ผลงาน

[ ] วิจยั [ ] R2R [ / ] CQI (Clinic) [ ] CQI (Non-Clinic)

2.ประเภทหน่วยงาน

[ / ] รพศ-รพท [ ] รพช. [ ] รพ.สต.-ศสม. [ ] สสจ.-สสอ.

3.การเสนอผลงาน

[ / ] ไม่เคยนำเสนอ เผยแพร่มาก่อน [ ] เคยเผยแพร่ (พัฒนาต่อยอด)

1.ชอื่ เรือ่ ง PPH TEAM Smart & Grow model
ผนู้ ำเสนอ นางญาสิร.ิ .คงสุข ตาํ แหน่ง.พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สังกดั โรงพยาบาลเบตง

มือถอื 0810963355 E-mail -
รายช่อื ผู้วิจยั และผวู้ ิจัยร่วม 1) นางญาสิริ..คงสขุ ตาํ แหน่ง.พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ..

วุฒิพยาบาลศาสตรบณั ฑติ ..... โทรศพั ท.์ ..0622366351...........
2) นางภคมน....อนันตรทิวากร...ตําแหน่ง.พยาบาลวชิ าชีพชำนาญการ..

วฒุ พิ ยาบาลศาสตรบณั ฑติ .... โทรศพั ท์.....0897260079.........

2. คาํ สาํ คัญ: PPH ( Post Partum Hemorrhage ), ตกเลอื ดหลงั คลอด หมายถงึ การเสียเลือด มากกว่า 500
cc ทางชอ่ งคลอดและเสยี เลือดมากกว่า 1000 cc สำหรับการผ่าตัดคลอดภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด
3. สรุปผลงานโดยยอ่ : มารดาตกเลือดหลงั คลอดปลอดภัย หยดุ เลอื ดได้ภายใน 30 นาที ด้วย PPH TEAM
และควบคู่ไปกบั การพัฒนาระบบการดูแลโดยมีการวางแนวทางเฝา้ ระวงั ตั้งแต่หญงิ ต้ังครรภ์ มาฝากครรภ์
ระยะรอคลอด ,ระยะคลอดและการคลอดในระยะท่ี 3 โดยใช้วธิ ี Active management ในระยะที่ 3
ของการคลอด , PPH Box , นวัตกรรมถุงตวงเลือด ( Super Bag Super safe ) , จัดทำแนวทางการดูแล
มารดาท่มี ีภาวะซดี ร่วมกบั คลินกิ ซดี และ Card Team PPH เพือ่ ป้องกนั ภาวะตกเลอื ดหลังคลอด ซง่ึ พบว่า
การตกเลือด ปี2560 57 ราย คิดเป็นรอ้ ยละ 6.61, ปี2561 44 ราย คิดเปน็ ร้อยละ 5.13, ปี2562 49 ราย
คิดเป็นรอ้ ยละ 5.67, ป2ี 563( 6ด) 17 ราย คดิ เป็นรอ้ ยละ 3.99
4. เปา้ หมาย:

1. เพ่อื ให้มารดาปลอดภัยจากการตกเลือดหลังคลอด

2. เพ่ือลดอัตราการเกดิ ภาวะ shock จากจากการตกเลอื ดหลังคลอด

3. เพอื่ พฒั นาสมรรถนะบุคลากรให้มคี วามรู้ความสามารถ

5. ตวั ช้ีวัด

1. อัตราการตกเลือดหลงั คลอดนอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 5

2. อตั ราการเกิดภาวะ Shock จากการตกเลือดหลงั คลอด < 3 %

3. อัตรามารดาตายจากการตกเลือดหลังคลอด 0 %

4. อตั ราการตดั มดลูกจากการตกเลือดหลังคลอด 0 %

5. สมรรถนะของเจา้ หน้าท่ีในการปอ้ งกนั และดูแลภาวะตกเลอื ดหลงั คลอด > 80%

6. ปัญหาและสาเหตโุ ดยย่อ
ภาวะตกเลอื ดหลังคลอด (postpartum hemorrhage) เปน็ ปญั หาและสาเหตุที่สำคญั ของ

การเสยี ชีวิตของมารดาท่วั โลกการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันทว่ งทีเป็นหวั ใจสำคัญของการรักษามารดา
ทมี่ ภี าวะตกเลือดหลงั คลอดจากการทบทวน ปี2560 -2563 (6ด) พบมารดาตกเลอื ดหลงั คลอดเกดิ จาก
สาเหตหุ ลกั ดงั นี้การไม่ไดท้ ำตามแนวทาง Active management ในระยะท่ี 3 ของการคลอดปี2560
20 ราย (35%) , ปี 2561 17 ราย (38.63%) , ปี 2562 10 ราย (20.40%) , ปี 2563 3 ราย
(18.75%) ตามลำดบั ปญั หารองลงมาภาวะมดลกู หดรัดตัวไม่ดี ปี2560 14 ราย (24.56%), ปี2561
21 ราย(47.72%), ปี 2562 13 ราย (26.53%), ปี 2563 ราย (25%)ตามลำดบั ปญั หาประเมนิ
การสญู เสียเลอื ดท่ีไม่แมน่ ยำ ปี 2560 5 ราย (8.77%), ปี 2561 2 ราย (4.54%), ปี 2562 1 ราย
(2.04%), ปี2563 0ราย ตามลำดับ ปญั หา Anemia ปี 2560 18 ราย (31.57%), ปี 2561
10 ราย(22.72%), ปี2562 8 ราย (16.33%), ปี 2563 (6ด) 4 ราย (25%) ตามลำดับ

ภาวะตกเลอื ดหลงั คลอดให้การดแู ลรกั ษาดูแลตาม CPG , Care map ไม่สามารถหยุดเลอื ดได้
ภายใน 30 นาทีเหตุเกิดในเวรนอกเวลาซง่ึ มีข้อจำกัดด้านจำนวนบคุ ลากรมีน้อย จึงได้มกี ารพฒั นาการ
จัดการในเร่อื งบุคคลากรใหเ้ พียงพอเมื่อมารดาตกเลือดหลังคลอดโดยการจดั ทำ PPH Team เพ่ือตอบสนอง
นโยบายของโรงพยาบาลในด้าน Emergency response



7.กิจกรรมการพัฒนา

แนวคดิ การออกแบบพัฒนา : การวนิ จิ ฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีเปน็ หัวใจสำคญั ของการรักษา

มารดาท่มี ภี าวะตกเลือดหลังคลอด กระบวนการ TIME เปน็ ข้นั ตอนที่มปี ระสทิ ธภิ าพในการรักษาภาวะ

ตกเลือดหลงั คลอดซ่ึงได้แก่ T ( Team management ) , I ( Initial evaluation resuscitation and

investigation , M (medication treatment) , และ E ( End of Bleeding ) ซ่งึ เปน็ ข้ันตอนสดุ ท้าย

ทีส่ ำคัญของการรกั ษา โดยเฉพาะอย่างย่ิงในกรณที ่ีมีสาเหตุจาก Uterine atony และการรกั ษาดว้ ยยา

ลม้ เหลวซ่ึงโดยท่ัวไปใชเ้ วลาไม่เกิน 30 นาทีตามการออกฤทธิ์ของยา

จากการตดิ ตามประเมินผลตัวชว้ี ดั ทีเ่ กี่ยวข้องกับภาวะตกเลือดหลงั คลอด ในปี 2559 อัตราตกเลือด
หลงั คลอดทง้ั หมด 42 ราย= 4.38 % อตั ราภาวะชอ็ คจากการตกเลือด 5 ราย = 11.90 % จงึ มแี ผนพัฒนา
ประเมิน ปรบั ปรุง แนวทางปฏบิ ตั ิทีค่ รอบคลุมตามกระบวนการขา้ งตน้ เพ่ือลดภาวะแทรกซ้อนรนุ แรงจากการ
ตกเลือดหลงั คลอด
การพฒั นาระยะท่ี 1 ปี2560

ANC 1.การคัดกรองความเส่ียงต่อการตกเลอื ดหลังคลอดกรณี HCT< 33 % สง่ พบแพทย์

แก้ไขภาวะซดี

LR 1.คดั กรองกลุ่มเส่ียงโดยใช้ admission record , Accurate Estimation โดยใช้ถุง

ตวงเลือด

2.ใชก้ ระบวนการ AMTSL ( Active Management of the Third Stage of Labor)

หลังคลอด ประเมนิ กลุ่มเสยี่ ง , เฝา้ ระวงั clinical risk ตอ่ เนื่อง

PCT จดั ทำ CPG PPH , ระบบการรายงานแพทย์

พฒั นาเครือข่ายในการประเมินความเสย่ี งการตกเลอื ดหลงั คลอด

พฒั นาระบบการสง่ ต่อข้อมลู ความเร่งดว่ นในการตดิ ตามเยี่ยมมารดาหลังคลอดเพื่อเฝ้า
ระวัง การเกิด late PPH

ผลจากการพัฒนาพบวา่ ปี 2560 อตั ราตกเลอื ดหลังคลอดมีแนวโน้มสูงข้ึน ทัง้ หมด 57ราย= 6.61 %
, มารดาไม่เสียชวี ิตจากภาวะตกเลอื ดหลังคลอด ,อัตราการตัดมดลูกจากการตกเลอื ดหลังคลอด 1 ราย จาก
ภาวะรกเกาะต่ำ = 1.75% , อัตราภาวะชอ็ คจากการตกเลอื ด 1 ราย = 1.75% เนื่องจากมีการดักจับได้
อยา่ งรวดเร็วปอ้ งกนั ภาวะแทรกซ้อนท่ีรนุ แรงจากการตกเลือดหลังคลอด จากการทบทวนพบวา่ สาเหตุส่วน
ใหญเ่ กดิ จากไม่ไดท้ ำตามแนวทาง Active management ในระยะที่ 3 ของการคลอด 20 ราย (35%)
จึงมแี ผนพัฒนา ประเมิน ปรับปรงุ แนวทางปฏบิ ตั ิให้ครอบคลมุ ตามกระบวนการข้างต้นมากขึน้ เพื่อลด
ภาวะแทรกซ้อนรนุ แรงจากการตกเลอื ดหลังคลอดและมีการนเิ ทศการทำ Active management จากหัวหนา้
งานเป็นประจำ

ระยะท่ี 2 ปี 2561 ปฏบิ ตั ิตามระยะที่ 1 ต่อเนือ่ ง อตั ราการตกเลือดหลงั คลอด 44 ราย คิดเปน็ รอ้ ยละ
5.13 ซง่ึ มแี นวโนม้ ลดลง ไม่พบมารดาเสียชีวิต , ไมม่ ีอัตราการเกิดภาวะ shock ,ไม่มีการตดั มดลูกจากการ
ตกเลอื ดหลังคลอด จากการทบทวนพบว่าสาเหตสุ ว่ นใหญ่เกิดจาก Uterine atony 21 ราย(47.72%) , พบ
ภาวะซดี ก่อนคลอด พฒั นาเพ่ิมเติมในเรอื่ งจัดให้มี High Risk Clinic pregnancy มีการระบุความเส่ยี ง
ในสมดุ ฝากครรภเ์ พื่อสง่ ต่อข้อมูลการดูแลต่อเนือ่ งและเน้นโรงเรยี นพ่อแมเ่ พือ่ ให้หญงิ ตั้งครรภ์ได้ตระหนักใน
การปอ้ งกันการตกเลือดหลงั คลอด , พัฒนาระบบ Refer โดยเครือขา่ ยสามารถ Consult สูติแพทยไ์ ด้
โดยตรง
ระยะที่ 3 ปี 2562 ปฏิบตั ิตามระยะท่ี 2 ต่อเน่ือง พบว่า มีอตั ราการตกเลือดหลังคลอด 49 ราย คิดเปน็

ร้อยละ 5.67 มีแนวโนม้ เพ่ิมขึ้น , อตั ราการตัดมดลูกมี 1 ราย = 2.04 % จากภาวะรกเกาะตำ่ , มีอตั ราการ

เกดิ ภาวะ shock จากการตกเลือดหลงั คลอดเพิ่มขึ้น 3 ราย = 6.12 % จากการทบทวนพบว่าสาเหตสุ ่วน

ใหญ่เกิดจาก Uterine atony 13 ราย (26.53%) , จึงมีการพฒั นาให้ปฏบิ ตั ิแนวทางใช้วธิ ี Active

management ในระยะที่ 3 ของการคลอด เร่อื งการให้ยา Oxytocin 10 unit IM ทนั ทีหลังไหลห่ นา้

คลอด , มกี ารสำรองยาฉกุ เฉินเพิม่ ข้ึน , จัดทำ BBA box ขณะออกรบั EMS

ระยะที่ 4 ปี 2563 ( 6 ด ) ปฏบิ ัตติ ามระยะท่ี 3 ตอ่ เน่ือง พบว่า มีอตั ราการตกเลือดหลงั คลอด 17 ราย

คดิ เปน็ รอ้ ยละ 3.99 ไม่พบมารดาเสยี ชวี ิตแตย่ งั พบปญั หามารดาเกดิ ภาวะShock จากPPHและได้รับเลอื ด

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 2 ราย วเิ คราะห์สาเหตุมารดาก่อนคลอดมีภาวะซดี และสาเหตุเกิดจาก

Uterine atony ใหก้ ารดแู ลรกั ษาตาม CPG , Care map ไมส่ ามารถหยดุ เลือดไดภ้ ายใน 30 นาทเี หตุเกิด

ในเวรนอกเวลาซง่ึ มีขอ้ จำกดั ด้านจำนวนบุคลากรมีน้อย , ทีมช่วยเหลือไม่ทราบบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเองเม่ือ

เกดิ ภาวะฉุกเฉนิ จึงได้มกี ารพัฒนาการจัดการในเร่อื งบุคคลากรให้เพยี งพอเม่ือมารดาตกเลือดหลังคลอดโดย

การจัดทำ PPH Team , PPH Box มไี ว้ในหอ้ งคลอด โดยมีแนวปฏิบัตทิ ีร่ ะบุข้อบ่งชี้ในการเรียก

PPH Team สมาชิกทีมมี 5 - 6 คน โดยระบุหนา้ ท่ีชัดเจน คอื แพทย์ , Nurse 1 (Commander) ,

Nurse 2 (IV Nurse ) , Nurse 3 (Uterine massage Nurse ) , Nurse 4 (Record Nurse ) ,

Helper ( พนักงานหรือเมยี นประจำตกึ ) , วสั ดุ อุปกรณ์และยาท่ีจำเปน็ ในการชว่ ยเหลอื ทัง้ ชนิดและจำนวน

ผ่านการเหน็ ชอบจากทีมสหสาขาวิชาชพี มีการตรวจสอบอุปกรณ์พร้อมใช้ ส่วนการเตรียมความพร้อมการใช้

ทีมมีการประสานหนว่ ยงานที่เกยี่ วข้องเช่น ห้องผา่ ตดั , วิสญั ญี , หอ้ งเลอื ด, ห้องตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร , มี

ระบบOR Fast track (สำรองห้องผา่ ตัดและเปลเตรยี มพร้อมรับผปู้ ่วยได้ทันทีเม่ือมีการเรียก PPH Team ) ,

ระบบการสำรองเลือดพร้อมใช้ ส่วนการพฒั นาศักยภาพบคุ ลากรนั้นมแี ผนการซอ้ มทีมอย่างตอ่ เนื่องทุกหนว่ ย

ทเ่ี กยี่ วข้องเมื่อเรยี กPPH Teamสมาชกิ ทีมต้องมาถงึ จดุ เกิดเหตภุ ายใน 5 นาที

8. การประเมินผลการเปล่ยี นแปลง(performance)

เดือน 1 เม.ย. 63 - 30 ม.ิ ย.63

ตัวชวี้ ดั เกณฑ์ เมษายน 63 พฤษภาคม 63 มิถุนายน 63
2ราย(3.17) 1ราย(1.43)
อัตราPPH < 5 % 2ราย(3.08)
0 0
อตั ราPPH c <3% 0
0 0
SHOCK 0 0

อตั ราPPH c TAH 0 % 0

อัตรามารดาตาย 0 ราย 0

กราฟเสน้ แสดงอัตราการเกิด PPH
เดือน 1 เม.ย. 63 - 30 ม.ิ ย.63

3.5 3.17
3.08

3

2.5

2
1.43

1.5

1

0.5 0 0
พ.ค.-63 ม.ิ ย.-63
0
0

เม.ย.-63

PPH PPH c Shock PPH c TAH ตาย

จากการพัฒนาต่อเนอ่ื งในปี 2563 (เดือน เม.ย.- ม.ิ ย.63) อัตราการเกิดภาวะ PPH 5 ราย คิดเป็น
ร้อยละ 2.53 มีแนวโนม้ ลดลง ไม่พบมารดาเสียชวี ิต , ไม่พบปญั หามารดาเกดิ ภาวะShock จากPPH แต่ยงั
เปน็ ส่งิ ท่ีทา้ ทายใหม้ ีการพฒั นาทีมอย่างตอ่ เน่ืองเพื่อเฝา้ ระวังปอ้ งกันไม่ให้เกิดภาวะตกเลือดหลงั คลอดในรายที่
ป้องกันได้และจากการซ้อมทีมคร้ังท่ี 1 พบการส่ังการและการปฏบิ ตั หิ น้าท่ขี องสมาชิกทมี ขาดความต่อเนอ่ื ง
ไดม้ ีการซ้อมแผนต่อเนอ่ื งในหน่วยงานทกุ 2 เดือนสมาชกิ ทีมต้องมาถึงจุดเกิดเหตภุ ายใน 5 นาทีและการ

ประสานงานกับวสิ ญั ญีและห้องผา่ ตัดยงั ไม่คล่องตวั ปรับปรุงระบบ OR Fast track (สำรองห้องผา่ ตดั และเปล
เตรยี มพร้อมรับผปู้ ว่ ยได้ทันทเี มื่อมีการเรยี ก PPH Team) ,ระบบการสำรองเลอื ดพร้อมใช้ ,สมาชกิ ทีมปฏิบัติ
ตามPPH card ไดค้ รบถ้วนสามารถหยดุ เลือดไดภ้ ายใน 30 นาทีมารดาปลอดภยั จาก PPH

9. บทเรยี นท่ีไดร้ บั :
ระดับความรุนแรงของภาวะตกเลือดยังข้นึ อยู่กับภาวะซดี กอ่ นคลอดและสมาชิกทมี ยังขาดความ

ตอ่ เน่ืองในการดแู ลมารดาเม่อื เกดิ ภาวะตกเลือดหลังคลอดทีมแพทยพ์ ยาบาลและเจา้ หนา้ ทผี่ ูด้ ูแลไดต้ ระหนัก
ในการเฝ้าระวงั ติดตามปัญหาเพอื่ ป้องกนั ภาวะตกเลือดหลงั คลอดได้วางแผนในการจัดทำแนวทางการตามทีม
ช่วยเหลือ (Card Team PPH) ระบบOR Fast track (สำรองหอ้ งผ่าตดั และเปลเตรียมพร้อมรบั ผปู้ ่วยไดท้ ันที
เมอ่ื มีการเรยี ก PPH Team) ระบบการสำรองเลอื ดพร้อมใช้ และ จดั ทำแนวทางการดูแลมารดาทมี่ ภี าวะซีด
ร่วมกบั คลินกิ ซีดเพ่ือป้องกนั ภาวะตกเลือดหลังคลอดเพื่อเป็นแนวทางในการดูแลปอ้ งกันการตกเลือดหลัง
คลอด,เฝา้ ระวงั ป้องกนั ไมใ่ ห้เกดิ ภาวะตกเลือดหลังคลอดในรายทป่ี อ้ งกนั ได้และเพื่อป้องกันแก้ไขภาวะชอ็ คจาก
การตกเลือดได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม

10. การติดต่อกบั ทีมงาน:
นางญาสิร.ิ .คงสขุ ..โทรศัพท์...0622366351...........
นางภคมน....อนนั ตรทิวากร .โทรศพั ท์.....0897260079

-1-

รายละเอยี ดการส่งผลงานนาเสนอ
มหกรรมวิชาการเขตสุขภาพที่ 12 ปีงบประมาณ 2563

1. แบบฟอรม์ บทคดั ยอ่ ผลงาน

ประเภท Oral presentation
1. [ ] เร่ืองเลา่ 2. [] CQI (Clinic) 3.[ ] CQI (Non-Clinic) 4. [ ] R2R 5. [ ] วจิ ัยฉบับสมบรู ณ์
ประเภท Poster presentation
2. [ ] 2.1 นวัตกรรม/สิ่งประดิษฐ์ 2.2 [ ] Poster
ประเภท นาเสนอ แสดงภาพถา่ ย
3. [ ] 3.1 ในชุมชน 3.2 [ ] ในสถานบริการ
ประเภท นาเสนอ ฉายภาพยนต์
4. [ ] หนังสน้ั
ประเภท หนว่ ยงาน
4.1 [ ] รพ.สต./ ศสม. 4.2 [] รพช. รพท. 4.3 [ ] สสอ./สสจ.

ผลงานในสาขา
1. [ ] แพทย์ 2. [ ] ทันตแพทย์ 3. [ ] เภสัชกรรม 4. [ ] พยาบาล
5. [ ] คุ้มครองผบู้ ริโภค 6. [ ] วทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์
7. [ ] การสง่ เสรมิ สขุ ภาพและอนามัยสิง่ แวดลอ้ ม
8. [] บรหิ ารสาธารณสุข/นโยบายสาธารณสขุ /สาธารณสขุ ทว่ั ไป
9. [ ] การแพทยแ์ ผนไทย/การแพทย์ทางเลือก 10. [ ] ป้องกนั และควบคุมโรค
11. [ ] อืน่ ๆ

การเสนอผลงาน
1. [] ไม่เคยนาเสนอ เผยแพรม่ าก่อน 2. [ ] เคยเผยแพร่ (พฒั นาต่อยอด)
3. [ ] ผลอนั ดบั รางวัลท่ไี ด้ของ สสจ./รพศ.-รพท./รพช/รพ.สต.-ศสม.
3.1 [ ] ชนะเลศิ 3.2 [ ] รองอันดบั สอง 3.3 [ ] รองอันดับสาม 3.4 [ ] ชมเชย

-2-

ช่อื เร่ือง ความสาเรจ็ ของการดาเนินการศนู ยส์ ่งตอ่ ผูป้ ่วยระหว่างประเทศชายแดนไทยมาเลเซีย จ.นราธิวาส

ผ้นู าเสนอ พว.สุดานันท์ แสงกาศนยี ์ ตาแหนง่ พยาบาลวิชาชพี ชานาญการ

หนว่ ยงาน โรงพยาบาลสไุ หงโก-ลก อาเภอ สุไหงโก-ลก จงั หวัด นราธวิ าส

มือถือ 08-1896-6694 E-mail [email protected]

เนือ้ หาโดยยอ่
ความร่วมมือสาธารณสุขชายแดนไทย (Border health) ที่มีข้ึนในแต่ละภาค ตามแนวจังหวัดชายแดนของ

ทุกภาคในประเทศไทย เพ่ือส่งเสริมให้เกิดการประสานการร่วมมือในการดาเนินการด้านสาธารณสุขชายแดน
แก่ประชาชนท้ังสองประเทศ รอยต่อของชายแดนไทย มาเลเซียท่ีต้องการให้การเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขของ
ประชาชนที่ข้ามแดนนั้น ไม่เป็นธรรมมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาการเมือง เช่น เหตุการณ์ความไม่สงบ ปัญหายาเสพติด
การแพร่กระจายโรคท่ีสาคัญ เป็นต้น ทาให้การส่งกลับยังประเทศมาตุภูมิ ท้ังท่ีจาเป็นและเป็นไปตามความต้องการ
ตลอดจนปัญหาการการเข้าออกระหว่างชายแดนไม่ถูกต้อง เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขอย่างต่อเน่ือง ทาให้เกิดความ
เหลื่อมล้าในการเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ดาเนินงาน ภายใต้การหารือและกาหนดแนวทาง
ร่วมกัน ของสองโรงพยาบาลท่ีได้รับมอบหมายคือ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ประเทศไทย และ
โรงพยาบาล RAJA Perempuan Zainab II เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ที่ร่วมกาหนดแนวทาง
ดาเนินการตั้งแต่ ปี 2561 – ปัจจบุ นั

โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมาย คือ ผู้ป่วยได้รับการส่งต่อกลับประเทศบ้านเกิด สาเร็จ ทุกราย และ ผู้ป่วย
ปลอดภัยระหว่างการสง่ ตอ่ ไมพ่ บ อุบัติเหตุและการเสยี ชีวิตระหวา่ งส่งตอ่

ผลการดาเนนิ การ
1. ผูป้ ่วยทกุ รายตั้งแต่ดาเนนิ การประสานงานและสามารถส่งต่อกลับประเทศทุกราย
2. ผูป้ ว่ ยที่ส่งปลอดภยั ถึงจดุ หมายและรอดชวี ิตทุกราย
3. ผู้ปว่ ยไดร้ บั การประสานที่เร็วขึน้ ในปี 2562-2563 โดยเฉลยี่ เวลาจนถงึ การสง่ ต่อ ไม่เกิน 24 ช่วั โมง ทกุ ราย
4. ในสถานการณ์ Covid -19 ระบาด ผู้ปว่ ยทุกราย (4 ราย) ได้รับการ Swab ติดตามอาการไม่พบผู้ป่วยที่

กลบั จากประเทศมาเลเซยี ติดเชอ้ื Covid-19 ในการรับกลับเขา้ รกั ษาในประเทศไทย
5. ผู้ป่วยและญาติพึงพอใจในระดับดีมาก มีแนวโนม้ สงู ขนึ้

จากการดาเนินการภายใต้ หมวดที่ 3 ของหลกั การบริหารคณุ ภาพ ใน Customer Focus ที่มี Core Value
ของ Visionary of leadership, Value on staff ซึ่งเชื่อมโยงกับการพัฒนางานในภาคีเครือข่ายท่ีเกี่ยวข้องใน
สหสาขาวิชาชีพท้ังในและนอกโรงพยาบาล นอกเหนืองานสาธารณสุข เพ่ือให้ประชาชนเข้าถึงบริการ ได้รับสิทธิการ
รกั ษา แม้บริบททเี่ ปลีย่ นไปในสถานการณ์ Covid-19 กม็ ีการปรับใหบ้ รกิ ารอย่าง New Normal โดยเฉพาะระบบของ
การเฝ้าระวังการติดเชือ้ ท่ถี ูกนามาใช้ตามมาตรฐานของการสง่ ต่อระหวา่ งประเทศ

-1-

เอกสารฉบบั เต็ม
ประเภท Oral Presentation ด้าน HA Clinic

1. ชือ่ เร่ือง : ความสาเร็จของการดาเนินการศนู ย์ส่งตอ่ ผู้ป่วยระหวา่ งประเทศชายแดนไทยมาเลเซีย จ.นราธวิ าส
2. ช่อื เจา้ ของผลงานและสังกดั : โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
3. บทนา :

ความเปน็ อยู่ของประชาชนในแนวชายแดน 3 จงั หวัดชายแดนใต้ ที่มกี ารขา้ มเขตแดนประเทศไปยงั ประเทศมาเลเซีย
เพ่อื ประกอบอาชีพในการดาเนินชวี ิต อาจเจ็บปว่ ยหรือติดโรคประจาถิ่นท่ีเกิดข้ึน การเข้ารักษาการเจ็บป่วยตามปกติเกิดขึ้น
การรกั ษาทเี่ กนิ ศักยภาพและมีคา่ ใชจ้ ่ายท่ีไม่มกี ารประกันตนตามหลักของผู้ท่ีไม่ใช่เจ้าของประเทศ ย่อมมีค่าใช้จ่ายที่สูงจาก
ความเจบ็ ปว่ ย ทาให้เปน็ ปญั หาจากการรักษาทีต่ อ้ งการกลบั รักษายังถิน่ ฐานบ้านเกิดของตนเอง

จากการเก็บข้อมูล คาบอกเล่าผู้ป่วยและประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่าด้านความเป็นอยู่ การเข้าถึงบริการ
สาธารณสุขของประชาชนที่ข้ามแดนนั้น มีความไม่เป็นธรรม ตลอดจนเขตแดนที่ติดกับประเทศไทยยังเกิดปัญหา
การเมือง เช่น เหตุการณ์ความไม่สงบ ปัญหายาเสพติด การแพร่กระจายโรคท่ีสาคัญ เป็นต้น ทาให้การส่งกลับยัง
ประเทศมาตุภูมิ ทั้งท่ีจาเป็นและเป็นไปตามความต้องการตลอดจนปัญหาการการเข้าออกระหว่างชายแดนไม่ถูกต้อง
เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขอย่างต่อเน่ือง ทาให้เกิดความเหล่ือมล้าในการเข้าถึงการบริการด้านสาธารณสุขและ
การแพทย์ โดยท่ปี ระชาชนต่อแบกรบั ภาระ ทงั้ ทม่ี รี ฐั สวสั ดกิ ารที่ประกนั ใหป้ ระชาชนทงั้ สองประเทศ

นอกจากนขี้ ้อมลู ท่ีผา่ นมาไมม่ รี ูปแบบท่ีชัดเจนไมส่ ามารถระบุการรบั การสง่ ต่อจากตา่ งประเทศได้อย่างถูกต้อง
ในระบบสารสนเทศของโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ไม่มีการวิเคราะห์ข้อมูลความเป็นไปได้ การสร้างระบบการเข้าถึง
อยา่ งเป็นรปู ธรรม ซึ่งเปน็ ปัญหาทที่ ัง้ ผบู้ ริหารและผูป้ ฏิบตั งิ านเล็งเห็นแต่ยงั ไม่สามารถดาเนนิ การแก้ไขได้

ในการประชุมความร่วมมือสาธารณสุขชายแดนไทย (Border health) ท่ีมีข้ึนในแต่ละภาคตามแนวจังหวัด
ชายแดนของทุกภาคในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประสานการร่วมมือในการดาเนินการด้านสาธารณสุข
ชายแดนแก่ประชาชนท้ังสองประเทศ เพ่ือให้ประชาชนที่เจ็บป่วยแต่ละพ้ืนท่ีได้รับการดูแลผู้ป่วยต้องมีความ
ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การดูแลรักษา และการฟื้นฟูสมรรถภาพ อย่างไรก็ดี
ในระบบการดูแลรกั ษาในประเทศไทย โรงพยาบาลทุกระดับไม่ได้มีศักยภาพการรักษาที่เท่าเทียมกันหากเกินศักยภาพ
ในการรักษาจะมกี ารสง่ ตอ่ ไปยังศักยภาพท่สี ูงกวา่ เพอื่ ใหผ้ ้ปู ว่ ยไดร้ บั การรักษาทเี่ หมาะสมกบั ความเจ็บปว่ ยน้ัน

ในปี 2561 หลงั จากการประชุม Border Health โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ได้ร่วมมือกับสานักงานสาธารณสุข
จงั หวดั นราธิวาส ไดน้ าปัญหาจากการประชุมมาวิเคราะห์หาสาเหตุและแนวทางจัดการ

4. วสั ดุและวิธีการ :

CQI 1

-2-

วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายการดาเนินการ
1. เพ่ือให้ผูป้ ว่ ยได้รบั การส่งต่อระหวา่ งประเทศ สาเร็จ ทุกราย
2. เพอื่ ใหผ้ ู้ป่วยปลอดภยั ระหวา่ งการสง่ ต่อ ไม่พบ อบุ ัติเหตุและการเสยี ชีวิตระหวา่ งส่งต่อ
การดาเนินงานภายใต้การหารือของสองโรงพยาบาลที่ได้รับมอบหมายกาหนดแนวทางดังต่อไปน้ี คือ โรงพยาบาล
สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ประเทศไทย และโรงพยาบาล RAJA Perempuan Zainab II เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน
ประเทศมาเลเซยี กาหนดแนวทางและปฏิบัตติ ามแนวทาง ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. แนวทางการส่งต่อ

1.1 ต้องมีการรับและส่งข้อมูลระหว่างแพทย์เฉพาะทางทั้ง 2 โรงพยาบาลโดยเบื้องต้นส่งผ่าน
เอกสารที่กาหนด โดยได้รับความยินยอมในการใช้เอกสารท้ัง 2 ฝ่าย ที่ฝ่ายส่งแจ้งข้อมูลการรักษา ฝ่ายรับซักถาม
ขอ้ มลู เพิม่ เพื่อเตรียมการรักษาต่อและหนว่ ยงานที่จะรับเขา้ หรือส่งต่อไปยงั โรงพยาบาลปลายทางทีศ่ ักยภาพสงู กวา่

1.2 การนัดวัน เวลารับ และส่ง ตามการสื่อสารแต่ละรายตามความเหมาะสมของสภาพผู้ป่วย
ทก่ี าหนดว่ามอี าการคงที่พร้อมจะเคลอ่ื นย้ายใหถ้ ึงปลายทางในเวลา 1 ชว่ั โมง

1.3 การเตรยี มยา เวชภัณฑ์ อุปกรณก์ ารแพทย์ ท่ตี ้องใช้ในผู้ป่วยแต่ละราย
1.4 จุดรับส่งต่อ กาหนดเป็นโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เนื่องจากพิธีการศุลกากรท้ัง 2 ประเทศ
ยินยอมให้รถพยาบาลทางประเทศมาเลเซีย ผ่านเข้ามายังเขตแดนไทยได้ เน่ืองจากโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก อยู่ห่าง
จากชายแดนเพียง 300 เมตร โดยญาติผู้ป่วยต้องมีการเข้าออกท่ีถูกต้อง มีการใช้ Passport ในการผ่านเข้าออกตาม
หลกั สากลพธิ กี ารศุลกากรการเขา้ เมอื งท่ีถูกต้อง
1.5 กรณีมีการส่งต่อกลับยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ใช้แนวทางการส่งต่อภายในจังหวัดหรือระหว่าง
จงั หวัดตามทกี่ าหนดไว้
2. แนวทางการส่อื สารมีการใช้ Social Media ท่แี พรห่ ลายโดยกาหนด
2.1 การใช้ What App application ร่วมกัน ในการส่ือสารการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างบุคลากรทาง
การแพทย์ระหวา่ งประเทศ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาลทง้ั 2 โรงพยาบาลท่เี ก่ยี วขอ้ ง โดยใชส้ ือ่ ทั้ง

- อาการผปู้ ว่ ย รวมถงึ ข้อมลู ที่สาคญั ในการรักษาผ้ปู ว่ ยของโรงพยาบาลต้นทาง
- อุปกรณ์ทีต่ ้องใช้ระหวา่ งนาสง่
- การแชร์ Location เพือ่ ใหท้ ราบตาแหน่งการเดนิ ทางในเวลาทเี่ ป็นปจั จบุ ันในการส่ือสาร
- Passport หรือใบผ่านแดนของผูป้ ว่ ย
2.2 การใช้ Line Application ในการสื่อสารภายในประเทศไทย ที่ประกอบด้วยบุคลากรของแต่ละงาน
ทเี่ กี่ยวข้องคือ โรงพยาบาลสไุ หงโก-ลก ดา่ นศุลกากรสไุ หงโก-ลก สานกั งานสาธารณสขุ จังหวัดนราธิวาส เปน็ ตน้
3. กาหนดการเก็บข้อมูลทวั่ ไปและการติดตามผลการรักษาใน 24 ช่วั โมง หลังรบั เข้ารักษาในแตล่ ะแห่ง
ตดิ ตามความพงึ พอใจของผูร้ ับบรกิ าร โดยใช้ความถีแ่ ละร้อยละ
4. พ.ศ. 2563 ชว่ งในสถานการณ์ Covid-19 (กุมภาพนั ธ์ 2563เปน็ ตน้ มา บรบิ ทที่เปลี่ยนไปมีการปรับระบบ
ของการเฝา้ ระวังการตดิ เชอ้ื ภายใต้ New Normal ของการส่งตอ่ ทาให้มีการปรบั การดาเนินการเปน็ CQI รอบท่ี2
ของการพฒั นางาน และนามาใชต้ ามมาตรฐานของการสง่ ต่อระหวา่ งประเทศ ดังน้ี
4.1 การให้ข้อมูลการติดเชื้อระหว่างผู้รับและผู้ส่งต่อทั้งต้นทางและปลายทาง เพื่อให้การได้รับการ
เฝ้าระวังก่อนการส่งต่อ เพ่ือให้เกิดความต่อเน่ืองของการควบคุมและดูแลผู้ป่วย โดยใช้ Quarantine ที่กระทรวง
สาธารณสขุ กาหนด การกาหนดจุดรบั สง่ การใช้ PPE ในระหว่างการรับและส่งตอ่ ผ้ปู ่วย
4.2 การควบคมุ การทางาน ภายใตห้ ลักการแนวทางทปี่ ฏบิ ัติ
4.3 การส่งต่อยัง Cohort Hospital ภายในจงั หวัดนราธวิ าส ในแนวทางการปฏิบัตกิ ารสง่ ต่อภายใน
จงั หวดั ทกี่ าหนด
4.4 การเกบ็ ข้อมลู ใช้ระบบเดิม

-3-

5. ผลการศึกษา :

5.1 ความสาเรจ็ การรบั และสง่ ตอ่ กลบั ประเทศผ้ปู ่วย (CQI รอบที่ 1 ถึงปัจจุบัน)

ตารางที่ 1 แสดงจานวนผปู้ ่วยรบั และสง่ ตอ่ ระหว่างประเทศและการกลับเข้าประเทศสาเรจ็

2560 2561 2562 2563

สถานะการสง่ ต่อ ก่อน จานวน ทาได้ จานวน ทาได้ จานวน ทาได้ รอ้ ยละ
ดาเนินการ รบั การ สาเร็จ รอ้ ยละ รบั การ สาเร็จ ร้อยละ รบั การ สาเรจ็
ประสาน
ประสาน ประสาน

การรบั กลับประเทศไทย ไม่มกี ารเก็บขอ้ มูล 15 15 100 7 7 100 9 9 100

การส่งกลบั ประเทศมาเลเซยี ไม่มกี ารเก็บขอ้ มลู 9 9 100 6 6 100 4 4 100

ที่มาของข้อมลู หอ้ งอุบตั เิ หตุ ฉุกเฉิน โรงพยาบาลสไุ หงโก-ลก ขอ้ มูลถึงวันท่ี 1 กรกฎาคม 2563

ตารางที่ 2 แสดงจานวนผปู้ ว่ ยรบั ส่ง แยกตามสาขา

2560 2561 2562 2563

สาขาการสง่ ต่อ ก่อน รบั กลบั ส่งกลับ รบั กลบั สง่ กลับ รับกลบั สง่ กลบั
ดาเนินการ ประเทศไทย มาเลเซยี ประเทศไทย มาเลเซยี ประเทศไทย มาเลเซยี

จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ

อายรุ กรรม ไม่มกี ารเกบ็ ข้อมลู 2 13.3 4 44.4 6 85.7 3 50 1 11.1 4 100

ศลั ยกรรม ไม่มีการเกบ็ ขอ้ มูล 12 80 3 33.3 1 14.3 2 33.3 8 88.9 0 0

กมุ ารเวชกรรม ไม่มกี ารเก็บขอ้ มูล 1 6.7 2 22.2 0 0 1 16.7 0 0 0 0

รวม 15 100 9 100 7 100 6 100 9 100 4 100

ที่มาของข้อมูล ห้องอุบตั ิเหตุ ฉุกเฉิน โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ข้อมูลถึงวนั ท่ี 1 กรกฎาคม 2563

จากตาราง พบว่าการส่งต่อตั้งแต่ ปี 2561 – 2563 ผู้ป่วยทุกรายสามารถประสานและรับส่งได้ความสาเร็จ
100% ทั้ง 2 แห่ง โดย ต้ังแต่ปี 2561 – 2563 สาขาที่ได้รับการส่งต่อของประเทศไทยคือ ศัลยกรรม อายุรกรรม และ
ศัลยกรรม ตามลาดบั ส่วนผปู้ ่วยทสี่ ่งกลบั ประเทศมาเลเซีย คอื อายุรกรรม ศลั ยกรรม และอายุรกรรม ตามลาดบั

5.2 ผู้ปว่ ยที่ส่งปลอดภยั ถึงจดุ หมายและรอดชวี ติ ทุกราย (CQI รอบท่ี 1 ถงึ ปจั จุบัน)

ตารางท่ี 3 แสดงความปลอดภยั จากการรอดชีวิตของผู้ปว่ ยรบั และส่งต่อระหว่างประเทศหลงั 24 ชว่ั โมง

สถานะ การส่งต่อ 2560 2561 2562 2563
การรบั กลบั ประเทศไทย
กอ่ นดาเนนิ การ จานวนรบั จานวนการ รอ้ ยละ จานวนรบั จานวนการ รอ้ ยละ จานวนรับ จานวนการ รอ้ ยละ
การประสาน รอดชีวติ การประสาน รอดชวี ติ การประสาน รอดชวี ติ
100
ไม่มกี ารเก็บขอ้ มูล 15 15 100 7 7 100 9 9

การสง่ กลับประเทศมาเลเซีย ไม่มีการเก็บข้อมลู 9 9 100 6 6 100 4 4 100

ทีม่ าของข้อมลู หอ้ งอุบัตเิ หตุ ฉุกเฉิน โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ข้อมูลถึงวันท่ี 1 กรกฎาคม 2563

จากตาราง พบวา่ การส่งต่อตง้ั แต่ ปี 2561 – 2563 ผปู้ ว่ ยทุกรายมีการรอดชีวิตหลงั ส่งต่อ ทกุ สาขา ทกุ ราย

5.3 ระยะเวลาเฉลีย่ ของผปู้ ว่ ยที่ได้รับการประสานงานจนกระทง่ั ได้รับส่งต่อ (CQI รอบท่ี 1 ถงึ ปัจจุบัน)

ตารางที่ 4 แสดงระยะเวลาเฉล่ียในการประสานงานจนไดร้ ับการสง่ ต่อ

2560 2561 2562 2563

สถานะการส่งตอ่ กอ่ นดาเนินการ จานวนรับการ เวลาเฉล่ีย จานวนรับการ เวลาเฉลยี่ จานวนรับการ เวลาเฉลี่ย
ประสาน (ชวั่ โมง) ประสาน (ชว่ั โมง) ประสาน (ช่ัวโมง)

การรับกลับประเทศไทย ไม่มีการเกบ็ ขอ้ มูล 15 35 7 15.7 9 12.2

การส่งกลับประเทศมาเลเซีย ไม่มกี ารเกบ็ ข้อมูล 9 42 6 14.5 4 12.5

ท่ีมาของข้อมูล หอ้ งอุบตั เิ หตุ ฉุกเฉนิ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ข้อมูลถึงวันท่ี 1 กรกฎาคม 2563

จากตารางพบว่า ผู้ป่วยท่ีส่งต่อ ได้รับการประสานท่ีเร็วขึ้น ในปี 2562-2563 โดยเฉลี่ยเวลาจนถึงการ
ส่งต่อ ไมเ่ กิน 24 ช่ัวโมง ทุกราย

-4-

5.4 ในสถานการณ์ Covid -19 ระบาด ต้ังแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน มีผลให้ทีมทบทวนปฏิบัติงานเกิด

เป็นวง CQI รอบท่ี 2 ทั้งน้ี เนื่องจาก ประเทศมาเลเซียยังคงมีการปิดประเทศในการทางาน Point of Entry

ประชาชนไทยสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ จึงมีปรบั กลยุทธใ์ นการดาเนนิ การเพ่ิมเติม ในวิธีการรับและหลังรับ

ผปู้ ่วย

 ผู้ปว่ ยจานวน 4 ราย สาขาศัลยกรรม ที่ส่งกลับในช่วงเวลาดังกล่าว ได้รับการ Swab ติดตามอาการ

ไม่พบผู้ปว่ ยท่กี ลบั จากประเทศมาเลเซยี ติดเช้อื Covid-19 ในการรับกลับเข้ารักษาในประเทศไทย

 มีการจัดการ Quarantine ตามแนวทางทุกกาหนดทุกราย เม่ือพ้นเวลากักตัวมีการส่งกลับไปสังเกต

อาการและรักษาในภูมลิ าเนาเดมิ ตอ่ ไปตามความต้องการของผ้ปู ่วยและสทิ ธกิ ารรักษา

5.5 ผปู้ ่วยและญาติ พงึ พอใจในระดับดีมาก

ตารางที่ 5 แสดงระยะเวลาเฉลยี่ ในการประสานงานจนได้รับการสง่ ต่อ

2560 2561 2562 2563

สถานะการส่งต่อ ก่อนดาเนินการ จานวนรบั จานวนประเมิน รอ้ ยละ จานวนรบั จานวนประเมิน ร้อยละ จานวนรับ จานวนประเมนิ รอ้ ยละ
การประสาน ความพึงพอใจ การประสาน ความพงึ พอใจ การประสาน ความพึงพอใจ
ระดบั ดีมาก ระดับ ดีมาก ระดับ ดีมาก

การรับกลับประเทศไทย ไม่มีการเก็บขอ้ มลู 15 8 53.3 7 6 85.7 9 7 88.8

ทีม่ าของข้อมูล หอ้ งอุบัติเหตุ ฉกุ เฉนิ โรงพยาบาลสไุ หงโก-ลก ขอ้ มลู ถึงวนั ที่ 1 กรกฎาคม 2563

จากตารางพบวา่ ผ้ปู ว่ ยท่ีสง่ ต่อกลบั ประเทศไทย มีความพงึ พอใจในระดับดีมากในการบริการแนวโน้มสงู ขึน้

สรุปผลการดาเนินการจาก CQI ท้งั 2 รอบ พบวา่
1. ผ้ปู ่วยทุกรายตง้ั แต่ดาเนินการประสานงานและสามารถสง่ ต่อกลับประเทศทกุ ราย
2. ผปู้ ่วยที่สง่ ปลอดภัยถึงจุดหมายและรอดชีวิตทุกราย
3. ผ้ปู ว่ ยไดร้ บั การประสานท่ีเรว็ ขึน้ ในปี 2562-2563 โดยเฉลีย่ เวลาจนถึงการส่งต่อ ไมเ่ กิน 24 ชว่ั โมง ทกุ ราย
4. ในสถานการณ์ Covid -19 ระบาด ผู้ปว่ ยทกุ ราย (4 ราย) ได้รบั การ Swab ตดิ ตามอาการไม่พบผู้ป่วยที่

กลับจากประเทศมาเลเซีย ติดเชอื้ Covid-19 ในการรับกลบั เขา้ รักษาในประเทศไทย
5. ผปู้ ่วยและญาติพึงพอใจในระดับดมี าก มีแนวโนม้ สงู ขึ้น

6. วจิ ารณ์/ขอ้ เสนอแนะ :
6.1 ประชาชนส่วนหน่ึง มีการเข้าออก ด่านชายแดนผิดกฎหมาย ดังน้ันเม่ือมีการส่งต่อ ต้องให้ทาง

มหาดไทยและดา่ นมีการประสานอยา่ งใกลช้ ิด ประชาชนบางส่วนยงั ไม่รู้ว่ามรี ะบบการส่งต่อระหวา่ งประเทศ
6.2 พบปัญหาในพิธกี ารศลุ กากร การเข้าเมอื ง ความเข้าใจด้านภาษา และดลุ พนิ จิ การรบั เขา้ ICU
6.3 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการประสานงานให้มากข้ึน ตลอดจนการเข้าถึงการประสางานของ

ขอ้ มูลในการสง่ ต่อ วางแผนเร่อื งการทา Platform ในการส่อื สารร่วมกนั ระหวา่ ง 2 โรงพยาบาลที่รบั ผิดชอบ
6.4 ปี 2563 สถานการณ์ สถานการณ์ Covid -19 ทาให้มีการปรับจุดรับส่ง ตลอดจนการ Quarantine ใน

ผูป้ ว่ ยทีก่ ลับเขา้ ประเทศของทง้ั 2 ประเทศ ทาใหก้ ารเขา้ ถงึ และความรวดเร็ว เพ่ิมประสิทธิภาพNew Normal มากข้นึ

7.บทเรยี นท่ีได้รับ :
 Visionary of leadership เปน็ เร่อื งทีส่ าคญั ในการสร้างวิสยั ทัศน์เพ่ือความเท่าเทียมกันภายใต้สิทธิ

พลเมืองไทยและพลเมืองมาเลเซีย ของผู้นาในทกุ ภาคส่วนทม่ี ีวิสยั ทศั น์เดยี วกัน
 Value on staff ไม่เพยี งภาคส่วนสาธารณสุข แต่อาศยั ความร่วมมอื สหสาขาวิชาชีพในการรับส่งต่อ

ไม่ว่าเจา้ หนา้ ท่ีมหาดไทย และการตา่ งประเทศ ทาใหเ้ กดิ ความรว่ มมือระหว่างประเทศ
 Customer Focus ในการดูแลผ้ปู ว่ ยเป็นศนู ยก์ ลาง

8.การขยายผลการพัฒนา
 การคานึงถงึ สทิ ธิระหว่างประเทศ 1 ใน 15 เปา้ หมายของกฎบตั รสนธิสญั ญาสหประชาชาติ

-5-

 มีการพัฒนางานและบูรณาการในภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในสหสาขาวิชาชีพทั้งในและนอก
โรงพยาบาล นอกเหนืองานสาธารณสุขมีความร่วมมือของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้
ประชาชนเข้าถงึ บริการ

 มีการนาเร่ืองของ 2P Safety โดยเฉพาะ Referal safety และ ambulance safety มาใช้อย่าง
ชัดเจนมากข้นึ ไมเ่ พยี งแต่ในประเทศ ยังเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ ภายใต้ศักยภาพ เพ่ือให้ผู้ป่วยและบุคลากร
ทางการแพทย์ปลอดภัย ภายใต้บริบทท่ีมีการเปลี่ยนแปลงไป ในสถานการณ์ Covid –19 โดยนาเร่ือง infection
Control ทม่ี ี Evidence base มาใช้ในการดาเนนิ งาน โดยมีกรรมการ ICC ให้ข้อคิดเหน็ และคาปรึกษา

 เปน็ สถานทีศ่ ึกษาและดูงานจากหน่วยงานอนื่ ๆ และเป็นรูปแบบในการต้ังต้นศึกษาเพื่อนาไปพัฒนา
ปรบั ปรงุ ใหเ้ ข้ากับบริบทแต่ละพื้นที่ อาทิเช่น ศูนย์อานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กรมควบคุมโร
ตดิ ต่อ (CIO) เป็นตน้

9. สรุป : จากการดาเนินการ ภายใต้ Core Value ที่เชื่อมโยงกับหมวดท่ี 3 ของหลักการบริหารคุณภาพ
ใน Customer Focus มีการพัฒนางานภาคีเครือข่ายท่ีเกี่ยวข้องในสหสาขาวิชาชีพท้ังในและนอกโรงพยาบาล
นอกเหนอื งานสาธารณสขุ มีโครงการขยายผลที่หลายหนว่ ยงานเขา้ มาศึกษาดงู าน ในการหารปู แบบของตนเอง เพ่ือให้
ประชาชนเข้าถึงบริการได้รับสิทธกิ ารรกั ษา แม้บริบทท่ีเปลี่ยนไปในสถานการณ์ Covid-19 ก็มีการปรับระบบของการ
เฝ้าระวังการติดเช้ือทถ่ี กู นามาใชต้ ามมาตรฐานของการสง่ ต่อระหว่างประเทศ ตลอดจนการได้รับการรักษาจนหายจาก
การเจ็บปว่ ยท่เี ป็น ทง้ั น้ี หากมกี ารตดิ ตามรว่ มกันในภาคเี ครือข่าย จะเปน็ ผลทีเ่ ป็นรุปธรรมได้ชัดเจนมากยง่ิ ข้นึ

10. เอกสารอ้างอิง :
- ข้อมลู ผู้ปว่ ยจากระบบสารสนเทศ ห้องอบุ ัตเิ หตุ ฉุกเฉนิ โรงพยาบาลสไุ หงโก-ลก
- Work instruction : แนวทางการรับและส่งตอ่ ผ้ปู ่วยระหวา่ งประเทศ โรงพยาบาลสไุ หงโก-ลก
- กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ .(2563). แนวทางการดแู ลผูป้ ว่ ยฉกุ เฉนิ ในสถานการณ์ Covid. ครง้ั ที่ 1 กรงุ เทพ. มปส.
- ราชกิจจานเุ บกษา 8กันยายน 2558. พระราชบญั ญัติ โรคตดิ ต่อ 2558 .
https://library2.parliament.go.th/giventake/content_nla2557/law86-080958-26.pdf

ภาคผนวก

1.ชื่อผลงาน/โครงการพฒั นา : ถกู เวลา ถูกวธิ ี พิชติ หอบในเดก็

2.คาสาคัญ : ความรว่ มมือในการใชย้ าพน่ ควบคมุ อาการ(controller), เทคนคิ การสูดพ่นยา, ผ้ปู ว่ ยพน่ ยาห้อง
ฉกุ เฉินระหวา่ งนดั (ER visit), ผปู้ ว่ ยนอนโรงพยาบาลระหวา่ งนดั (Admit)

3.สรปุ ผลงานโดยย่อ:

จากการทากิจกรรมพัฒนาการบริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยโรคหอบหืดในเด็ก (Pediatric Asthma
Clinic) โดยการพฒั นาอย่างต่อเนื่องพบว่าความร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ(controller) มีแนวโน้ม
เพิ่มข้ึนโดยเพิ่มจากร้อยละ 87.34 เป็น ร้อยละ89.68, 82.28 และ 90.40 ตามลาดับและเป็นไปตาม
เป้าหมายทก่ี าหนด (มากกว่ารอ้ ยละ 90) และพบว่าผู้ป่วยมีเทคนิคการสูดพ่นยาได้ถูกต้องมีแนวโน้มเพิ่มข้ึน
โดยเพิ่มข้ึนจากร้อยละ 91.29 เป็นร้อยละ 94.32, 88.59 และ 95.56 ตามลาดับและเป็นไปตาม
เปา้ หมายที่กาหนด (มากกว่ารอ้ ยละ 90) ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการหอบได้ดีขึ้น สามารถลดอัตรา
การมาพ่นยาห้องฉุกเฉินระหว่างนัด (ER visit) จากร้อยละ 10.66 เป็นร้อยละ 6.74, 5.50 และ 4.80
ตามลาดับ และสามารถลดอัตราการนอนโรงพยาบาลระหว่างนัด (Admit) จากร้อยละ 8.74 เป็นร้อยละ
4.00, 4.61 และ 3.29 ตามลาดับ รวมถึงทาให้ผลการรักษาทางคลินิก คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแล
ผปู้ ว่ ยดขี ึ้น และสามารถลดค่าใช้จา่ ยจากการรกั ษาพยาบาลได้

4.ชื่อและทอี่ ยขู่ ององคก์ ร: งานบรกิ ารเภสัชกรรมผปู้ ่วยนอก กลมุ่ งานเภสชั กรรม โรงพยาบาลพทั ลุง

5.สมาชิกทมี : ภญ.รชั นกี ร บารุง และคลินิกกุมารเวชกรรมผปู้ ่วยนอก

6.เปา้ หมาย:

6.1 เพอื่ เพ่มิ ความรว่ มมอื ในการใชย้ าพ่นควบคมุ อาการ(controller) (เป้าหมายมากกวา่ รอ้ ยละ 90)

6.2 เพอื่ ใหผ้ ู้ป่วยมเี ทคนิคการสูดพน่ ยาได้ถูกต้อง (เปา้ หมายมากกว่ารอ้ ยละ 90)

6.3 เพ่อื ลดอตั ราการพน่ ยาหอ้ งฉุกเฉินระหว่างนดั (ER visit) (เป้าหมายนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 5)

6.4 เพื่อลดอัตราการนอนโรงพยาบาลระหว่างนดั ( Admit) (เปา้ หมายน้อยกว่าร้อยละ 5)

7.ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ:

โรคหืดในเด็กเป็นโรคเร้ือรังท่ีพบได้ประมาณหนึ่งในสิบของเด็ก เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของ
หลอดลม มีผลตอ่ การใชช้ ีวิตประจาวนั เนอื่ งจากผู้ป่วยจะมีอาการหอบกาเริบที่ทาให้ต้องมาพ่นยาห้องฉุกเฉิน
ระหว่างนัด (ER visit) หรือนอนโรงพยาบาลระหว่างนัด (Admit) อยู่เสมอ หรือหากไม่ได้รับการรักษาจะมี
อาการไปจนโตและหากเกิดการเปลี่ยนแปลงของหลอดลม(remodeling) อาจทาให้โรคดาเนินไปเป็นโรค
หลอดลมอุดก้ันเรื้อรังได้(COPD) แต่หากให้การรักษาท่ีเหมาะสมจนโรคสงบ อาการอักเสบเรื้อรังดีข้ึนจะ
สามารถหยุดยาได้โดยที่ไม่มีอาการกาเริบอีก ซ่ึงการวินิจฉัยโรคและให้การรักษาอย่างเหมาะสม จะลด

อุบัติการณ์ดังกล่าวได้ โดยจาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือและการทางานร่วมกันเป็นทีม ระหว่างแพทย์
พยาบาล เภสัชกร บคุ ลากรทางการแพทย์ ผูป้ ่วยและผดู้ แู ลผปู้ ่วย

การบริบาลทางเภสัชกรรมผู้ป่วยโรคหอบหืดในเด็ก (Pediatric Asthma Clinic) โดยเภสัชกรมี
บทบาทในการให้คาปรึกษาการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ(controller) แนะนาการปฏิบัติตัวระหว่างใช้ยา
เบ้ืองต้นแก่ผู้ป่วย ติดตามการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ(controller) เพ่ือประเมินความร่วมมือในการใช้ยาพ่น
ควบคุมอาการ(controller) และค้นหาปัญหาการใช้ยาเพ่ือวางแผนการรักษาร่วมกับสหวิชาชีพ ในผู้ป่วย
กลุ่มเป้าหมาย ต้ังแต่ ตุลาคม 2559- กันยายน 2560 พบความร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ
(controller) ร้อยละ 87.34 ซงึ่ ต่ากว่าเปา้ หมายท่กี าหนด (มากกว่าร้อยละ 90) ผู้ป่วยมีเทคนิคการสูดพ่นยา
ได้ถูกต้อง ร้อยละ 91.29 ซ่ึงเป็นไปตามเป้าหมายที่กาหนด (มากกว่าร้อยละ 90) อัตราการมาพ่นยาห้อง
ฉุกเฉินระหว่างนัด (ER visit) ร้อยละ 10.66 ซ่ึงสูงกว่าเป้าหมายที่กาหนด (น้อยกว่าร้อยละ 5) และอัตรา
การนอนโรงพยาบาลระหว่างนัด (Admit) ร้อยละ 8.74 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กาหนด (น้อยกว่าร้อยละ 5)
และจากการทบทวนสาเหตุของการพ่นยาหอ้ งฉุกเฉินระหว่างนัด (ER visit) และนอนโรงพยาบาลระหวา่ งนัด (
Admit) พบวา่ ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความไม่ร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ(controller)และเทคนิค
การสูดพ่นยาไม่ถกู ต้อง

ปัญหาความไม่ร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ(controller) พบว่าส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยไม่
บรหิ ารยาตามท่แี พทยส์ งั่ คอื ใชย้ ามากกว่าหรอื น้อยกวา่ ที่แพทย์สัง่ โดยมีสาเหตุจาก บริหารยาตามขนาดและ
ความถ่ีเดิม ไม่อ่านฉลากยา ลืมใช้ยา ช่วงเวลาการบริหารยาไม่สะดวกกับการดาเนินชีวิตประจาวัน ขาด
ความรู้คดิ วา่ ไม่มีอาการไม่ตอ้ งใช้ยา ขาดนัดการติดตามอาการ

ในส่วนของปัญหาเทคนิคการสูดพ่นยาไม่ถูกต้อง พบว่าส่วนใหญ่เกิดจาก ไม่เขย่ากระบอกยาก่อนพ่น
ยาซ่ึงทาให้ตัวยากับตัวผลักดันยาท่ีแยกตัวไม่เข้ากัน ทาให้ผู้ป่วยอาจจะไม่ได้รับยาหรือได้รับยาไม่เต็มที่
ตาแหน่งกระบอกยาไม่อยู่ในแนวตั้งซึ่งไม่สัมพันธ์กับกลไกลการทางานของเครื่อง และจังหวะการกดยาไม่
สมั พนั ธ์กบั การสดู ยา

งานบริบาลทางเภสชั กรรมผปู้ ่วยโรคหอบหืดในเด็ก (Pediatric Asthma Clinic) จึงได้นาปัญหาที่พบ
มาทากิจกรรมพัฒนาเพ่ือเพ่ิมความร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ(controller) ผู้ป่วยมีเทคนิคการสูด
พน่ ยาที่ถกู ตอ้ ง ซึ่งจะสง่ ผลต่อคณุ ภาพการรักษา ทาใหผ้ ู้ปว่ ยควบคุมอาการหอบได้ และผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตท่ี
ดีขนึ้

8.กิจกรรมการพัฒนา:

กจิ กรรมพ้ืนฐาน กจิ กรรมพัฒนา กจิ กรรมพัฒนา กจิ กรรมพัฒนา

ก่อนการพัฒนา ระยะท๑ี่ ระยะท่ี ๒ ระยะที่ 3

(ต.ค.59 –ก.ย.60) (ต.ค.60-ก.ย.61) (ต.ค.61-ม.ี ค.62) (เม.ย62-ก.ย.62)

1.ข้ันตอนบรกิ าร

1.การให้คาแนะนา เพมิ่ เพิ่ม เพ่ิม

-ให้ความรู้เร่ืองโรค ยาและ -ให้ความรู้เร่ืองโรค ยาและ -แผ่นพบั “ใหค้ วามรเู้ รื่อง -การจัดกิจกรรมกล่มุ เพื่อให้

ค้นหาปัญหาการใช้ยาใน ค้นหาปัญหาการใช้ยาใน โรคและยา เทคนิคการสูด ผ้ปู ว่ ยไดร้ ับความรู้และมี

ผู้ป่วยตามเกณฑ์การคัด ผู้ป่วยทุกรายระหว่างรอพบ พ่นยา” ส่วนรว่ มในการกั ษา

กรองดงั นี้ แพทย์ -ให้ความรู้เรื่องโรค และยา *กิจกรรมกลมุ่ ใหค้ วามรู้

*ผู้ป่วยท่ีมี ERvisit/ Admit โดยใช้สอ่ื วดิ ีโอ “เรื่องโรคและยา”

ระหวา่ งนัด *กจิ กรรมสาธติ เทคนิคการ

*ผู้ปว่ ยรายใหม่ สูดพ่นยาโดยสมาชกิ ในกล่มุ

*ผู้ป่วยท่มี ปี ญั หาการ ทีไ่ ดร้ ับการคดั เลอื ก

ใช้ยา (DRP) -แบบสอบถามประเมิน

*ผู้ป่วยที่ส่งต่อจากแพทย์ / ความรู้“เรอื่ งโรคและยา”ใน

พยาบาลประจาคลินิก ผปู้ ่วยรายใหม่ (new case)

-สอนเทคนคิ การสูดพน่ ยา และผ้ปู ่วยท่กี ลับมารักษาซ้า

-สอนการทาความสะอาด (restart) พรอ้ มประเมนิ ผล

บริเวณท่สี ัมผัสยา หลังจากการให้ความรู้

-สอนการลา้ ง อุปกรณ์นาสง่

ยา (spacer)

-การเกบ็ รักษายา

2.ประเมนิ เพม่ิ

-ประเมนิ เทคนิคการสดู พ่น -ประเมินเทคนคิ การสดู พ่น

ยาหลังจากการสอน ยาของผปู้ ว่ ยทุกราย

ระหว่างรอพบแพทย์

3.ติดตาม เพมิ่ เพ่ิม

-ติดตามผูป้ ว่ ยท่ีมีปัญหาการ -แนะนาผู้ป่วยเรอ่ื งการมา -โทรศพั ทต์ ิดตามการใช้ยา

ใชย้ าโดยเภสัชกรจานวน 3 พบแพทย์และติดตามการ ในผปู้ ว่ ยรายท่ีพบปญั หา

ครัง้ หรอื จนกวา่ จะสามารถ รกั ษาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ดา้ นความรว่ มมอื ในการใช้

แกป้ ญั หาได้ ยา

4.เคร่ืองมอื ช่วยเพิ่มความ เพ่มิ เพม่ิ เพิ่ม

ร่วมมือในการใช้ยา -นาอุปกรณน์ าสง่ ยา -ใช้ปฏิทนิ พน่ ยา ใน ผูป้ ว่ ยท่ี -ส่งข้อมูล“เรอื่ งโรคและยา”

-นาอุปกรณน์ าสง่ ยา (spacer) ใช้ยาพน่ เปน็ วนั เว้นวนั , วนั ผ่าน Line add

(spacer)มาใช้ผ้ปู ่วยเด็กทมี่ ี มาใช้ผปู้ ่วยเด็กท่มี ีอายุต่า คู่,วันคี่

อายุต่ากวา่ 12 ปี กวา่ 12 ปี ทุกราย* -ตดิ สติ๊กเกอร์ “พ่นยาทุกวนั

กิจกรรมพืน้ ฐาน กิจกรรมพัฒนา กิจกรรมพฒั นา กิจกรรมพัฒนา

ก่อนการพฒั นา ระยะท๑่ี ระยะที่ ๒ ระยะที่ 3

(ต.ค.59 –ก.ย.60) (ต.ค.60-ก.ย.61) (ต.ค.61-มี.ค.62) (เม.ย.62-ก.ย.62)

-คาแนะนาในฉลากยา “สูด ป้องกนั การหอบ”ทห่ี ลอดยา

พ่นทกุ วนั ป้องกนั การหอบ” พน่ สดู

-กาหนดเวลาในการใชย้ าพ่น

ควบคุมอาการ

(controller)ใหผ้ ู้ป่วยแตล่ ะ

ราย เช่น เวลา 6.00,

18.00 น.

5.ส่งตอ่ ผูป้ ่วย เพิ่ม

-ส่งต่องานเภสชั กรรมปฐม

ภมู ิ เยย่ี มบ้านในผปู้ ว่ ยท่ีมี

ปัญหาจากการใชย้ า

2.วิธกี ารทางาน

-พยาบาลส่งผู้ป่วยพบเภสัช -พยาบาลส่งผู้ป่วยทุกรายที่ -เภสัชกรเรียกผู้ปว่ ยที่ -เภสัชกรAdd line ID ของ

กรกอ่ นพบแพทย์ตามเกณฑ์ ใช้ยาพ่นสูดควบคุมอาการ พยาบาลซักประวัตแิ ลว้ รอ ผู้ป่วย เพื่อสง่ ขอ้ มลู “เรอื่ ง

การคดั กรอง พบเภสชั กรก่อนพบแพทย์ พบแพทย์ มาเข้ากล่มุ เพอ่ื ให้ โรคและยา”

-จพ ง .เภสัชก ร รม พิ มพ์ ความร้โู ดยใช้สอ่ื วดิ โี อ

ฉลากยาระบุเวลาพ่นยา ให้

ผปู้ ่วยแต่ละราย

9.การวดั ผลและผลของการเปล่ียนแปลง

จากกิจกรรมพัฒนาระยะที่ 1 พบว่าความร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ(controller)เพ่ิมข้ึน
จากร้อยละ 87.34 เป็นร้อยละ 89.68 ซ่ึงยังต่ากว่าเป้าหมายที่กาหนด (มากกว่าร้อยละ 90 ) แต่ผู้ป่วยมี
เทคนิคการสดู พน่ ยาไดถ้ กู ตอ้ ง เพิม่ จากร้อยละ 91.29 เป็นร้อยละ 94.32 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่กาหนด
(มากกว่าร้อยละ 90) ลดอัตราการพ่นยาห้องฉุกเฉินระหว่างนัด (ER visit) จากร้อยละ 10.66 เป็นร้อยละ
6.74 ซ่งึ สูงกว่าเปา้ หมายท่ีกาหนด (นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 5 )และอัตราผู้ปว่ ยนอนโรงพยาบาลระหว่างนัด (Admit)
จากร้อยละ 8.74 เป็นร้อยละ 4.00 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายท่ีกาหนด (น้อยกว่าร้อยละ 5) จึงได้มีกิจกรรม
พัฒนาในระยะที่ 2 โดยการจัดทา แผ่นพับ“ให้ความรู้เรื่องโรคและยา และเทคนิคการสูดพ่นยา” มีการนา
“ปฏิทนิ ”มาใช้ในผูป้ ว่ ยทใ่ี ช้ยา วันเว้นวนั , วันคู่,วนั ค่ี ตดิ สติก๊ เกอร์ “พ่นยาทุกวันป้องกันการหอบ”ท่ีหลอดยา
พ่นสูด และมีการให้ความรู้เรื่องโรค และยาโดยใช้ส่ือวิดีโอ พบความร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ
(controller) ลดจากรอ้ ยละ 89.68 เปน็ รอ้ ยละ 82.28 ซึ่งต่ากว่าเป้าหมายที่กาหนด (มากกว่าร้อยละ 90)
ผู้ป่วยมีเทคนิคการสูดพ่นยาได้ถูกต้อง ลดจากร้อยละ 94.32 เป็นร้อยละ 88.59 ซึ่งต่ากว่าเป้าหมายที่

กาหนด (มากกว่าร้อยละ 90) สามารถลดอตั ราการพน่ ยาหอ้ งฉกุ เฉนิ ระหว่างนัด (ER visit) จากร้อยละ 6.74
เป็นร้อยละ 5.50 ซ่ึงสูงกว่าเป้าหมายที่กาหนด (น้อยกว่าร้อยละ 5 ) และอัตราผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล
ระหวา่ งนดั (Admit) เพิ่มจากรอ้ ยละ 4.00 เปน็ รอ้ ยละ 4.61 ซึ่งยังอยู่ในเป้าหมายที่กาหนด (น้อยกว่าร้อยละ
5 ) งานบรบิ าลทางเภสัชกรรมผ้ปู ว่ ยโรคหอบหืดในเด็ก (Pediatric Asthma Clinic) ไดท้ าการวิเคราะห์สาเหตุ
ของปญั หาและจัดทากจิ กรรมพัฒนาโดยใช้กิจกรรมกลุ่มเพ่ือให้ผู้ดูแลป่วยและผู้ป่วยได้มีส่วนร่วมในการรักษา
ในเรือ่ งโรค ยา เทคนคิ การสูดพ่นยา สิ่งกระตุ้นอาการหอบกาเริบ และคัดเลือกสมาชิกในกลุ่มมาสาธิตเทคนิค
การสูดพ่นยา ในผปู้ ว่ ยรายใหม่ (new case) และผู้ป่วยทก่ี ลบั มารักษาซา้ (restart) จะใช้แบบสอบถามประเมิน
ความรู้“เรื่องโรคและยา” เพื่อสร้างความร่วมมือในการใช้ยาและลดอาการหอบกาเริบ ใช้ระบบติดตามความ
รว่ มมือในการใชย้ าผ่านการสื่อสารทางโทรศัพท์ และ Line add พบสามารถเพ่ิมความร่วมมือในการใช้ยาพ่น
ควบคุมอาการ(controller) จากร้อยละ 82.28 เป็นร้อยละ 90.40 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายท่ีกาหนด
(มากกว่ารอ้ ยละ 90) ผ้ปู ่วยมเี ทคนคิ การสูดพ่นยาได้ถูกต้อง เพิ่มจากร้อยละ 88.59 เป็นร้อยละ 95.56 ซ่ึง
เปน็ ไปตามเป้าหมายทกี่ าหนด (มากกว่าร้อยละ 90) อัตราผปู้ ่วยพ่นยาห้องฉกุ เฉินระหวา่ งนัด (ER visit) ลดลง
จากรอ้ ยละ 5.50 เปน็ ร้อยละ 4.80 ซ่ึงเปน็ ไปตามเป้าหมายท่ีกาหนด (น้อยกว่าร้อยละ 5 ) และอัตราผู้ป่วย
นอนโรงพยาบาลระหว่างนดั รอ้ ยละ (Admit) 4.61 เปน็ ร้อยละ 3.29 ซง่ึ เป็นไปตามเป้าหมายที่กาหนด (น้อย
กวา่ ร้อยละ 5 )

จากการทากิจกรรมพัฒนาที่ผ่านมาพบว่าสามารถเพ่ิมความร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ
(controller) และผู้ป่วยมีเทคนิคการสูดพ่นยาได้ถูกต้อง ได้ตามเป้าหมายที่กาหนด (คือมากกว่าร้อยละ 90)
ส่งผลให้อัตราผู้ป่วยท่ีมีอาการหอบกาเริบท่ีทาให้ต้องมาพ่นยาห้องฉุกเฉิน (ER visit) และผู้ป่วยนอน
โรงพยาบาล (Admit) ระหว่างนัดเป็นไปตามเป้าหมายท่ีกาหนด (คือน้อยกว่าร้อยละ 5 ) รวมถึงทาให้
ผลการรักษาทางคลินิก คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยดีข้ึน และสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการ

รกั ษาพยาบาลได้

ตารางที่ 1 แสดงผลการดาเนินงานตามตัวช้ีวัด

ก่อนพฒั นา หลังพัฒนา
(ต.ค.59-ก.ย.
ตัวชว้ี ัด เป้าหมาย ระยะท1ี่ ระยะท่2ี ระยะท่3ี
60) (ต.ค.60- (ต.ค.61- (เม.ย.-
รอ้ ยละของความรว่ มมือในการใช้ยาพน่ >90 ก.ย.61) ม.ี ค.62) ก.ย.62)
ควบคมุ อาการ(controller) >90 87.34 89.68 82.28 90.40
ร้อยละผู้ปว่ ยเทคนคิ การสูดพ่นยาได้ถูกต้อง <5
รอ้ ยละผู้ป่วยพน่ ยาหอ้ งฉกุ เฉนิ ระหว่างนดั <5 91.29 94.32 88.59 95.56
(ER visit) 10.66 6.74 5.50 4.80
ร้อยละผปู้ ว่ ยนอนโรงพยาบาลระหวา่ งนัด
( Admit) 8.74 4.00 4.61 3.29

กราฟท่ี 1 แสดงความร่วมมือในการใช้ยาพ่นควบคุมอาการ(controller)

92.00%

้รอยละ-ของความ ่รวมมือในการใ ้ชยา ูสด ่พน 90.00%

88.00%

86.00%

84.00%

82.00%

80.00%

78.00% กอ่ นพฒั นา ระยะท่ี1 (ต.ค.60- ระยะท4ี่ (ต.ค.61- ระยะท่ี5 (เม.ย.-
ชุดขอ้ มลู 1 (ต.ค.59-ก.ย.60) ก.ย.61) มี.ค.62) ก.ย.62)

87.34% 89.68% 82.28% 90.40%

กราฟที่ 2 แสดงรอ้ ยละของผูป้ ว่ ยเทคนิคการสดู พน่ ยาได้ถูกต้อง

้รอยละของ ู้ผ ่ปวยเทคนิค ูสดพ่นยาได้ ูถกต้อง 98.00% กอ่ นพฒั นา ระยะท่ี1 (ต.ค.60- ระยะท2ี่ (ต.ค.61- ระยะที่3 (เม.ย.-
96.00% (ต.ค.59-ก.ย.60) ก.ย.61) มี.ค.62) ก.ย.62)
94.00%
92.00% 91.29% 94.32% 88.59% 95.56%
90.00%
88.00%
86.00%
84.00%

ชดุ ขอ้ มลู 1

ชดุ ขอ้ มูล1

กราฟที่ 3 แสดงอัตราการพ่นยาห้องฉกุ เฉนิ และนอนโรงพยาบาลระหว่างนัด

25.00%

้รอยละ 20.00% 8.74% 4% 4.61%
15.00% 10.66% 6.74% 5.50%
10.00%
3.29%
5.00% 4.80%

0.00% กอ่ นพฒั นา ระยะที่1 (ต.ค.60- ระยะท4่ี (ต.ค.61- ระยะท5ี่ (เม.ย.-
(ต.ค.59-ก.ย.60) ก.ย.61) มี.ค.62) ก.ย.62)
Admit
ER visit 8.74% 4% 4.61% 3.29%
10.66% 6.74% 5.50% 4.80%

ER visit Admit

10.บทเรียนท่ไี ด้รบั :

10.1 การรกั ษาผปู้ ่วยโรคหอบหืดในเดก็ จะต้องอาศัยความร่วมมือและการทางานรว่ มกันเป็นทมี
ระหวา่ งแพทย์ พยาบาล เภสัชกร บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ดแู ลผปู้ ่วยและผู้ปว่ ยเอง

10.2 ควรมีการบรบิ าลทางเภสชั กรรมผู้ปว่ ยโรคหอบหดื ในเด็ก (Pediatric Asthma Clinic)และ
ประเมนิ เทคนิคการสูดพน่ ยาเปน็ ระยะๆเพอื่ ใหผ้ ู้ป่วยมคี วามรู้ทย่ี ง่ั ยนื และสามารถนาไปปฏบิ ัตไิ ด้อยา่ งตอ่ เน่ือง
สม่าเสมอ

10.3 สง่ิ แวดลอ้ ม :เช่นการเปลีย่ นของอากาศ ฝนุ่ ละออง ควันไฟ บุหร่ี มีผลตอ่ การควบคุมอาการ
หอบกาเรบิ (asthma attack) ของผปู้ ว่ ยดังนน้ั ผูด้ ูแลผู้ป่วยควรใหค้ วามสาคัญและจัดการปัญหาเรื่อง
สง่ิ แวดล้อมให้เหมาะสม

11.การติดตอ่ กบั ทีมงาน:

ภญ.รัชนีกร บารุง กลมุ่ งานบรกิ ารเภสชั กรรมผู้ปว่ ยนอก โทร.7160-7161

Email:[email protected]

รายละเอยี ดการนำเสนอผลงานวิชาการ ปีงบประมาณ 2563

1. แบบฟอรมบทคดย่อ

ประเภท Oral Posterpresentation

1. [ ] นวตั กรรม/ส่ิงประดิษฐ์ 2. [ ] CQI(Clinic) 3. [ √ ] CQI(Non-Clinic)

4. [ ] R2R 5. [ ] วจิ ัยฉบับสมบรู ณ์

ประเภท หน่วยงาน

1. [ ] รพ.สต./ศสม. 2 .[ ] รพช. 3. [√ ] รพท/รพศ 4. [ ] สสอ./สสจ.

การเสนอผลงาน

1. [√ ]ไม่เคยนาเสนอเผยแพรม่ าก่อน 2. [ ] เคยเผยแพร(่ พัฒนาต่อยอด)

ชื่อเร่ือง : I See to IC

ชอ่ื เจ้าของผลงาน : นางนิชรกี รณ์ เจะดุหมนั พยาบาลวชิ าชพี ชานาญการ

สงั กัดหนว่ ยงาน : กลมุ่ งานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลสงขลา

E-mail : [email protected] เบอร์โทรศพั ท์ 085-8807636

บทนา : โรงพยาบาลสงขลาได้ดาเนนิ การตามยทุ ธศาสตร์ พฒั นาระบบบริการสุขภาพให้ได้มาตรฐาน

สขุ ภาพเพื่อการบรกิ ารทีม่ คี ุณภาพมาตรฐานและการมีสุขภาพดีของประชาชน ตลอดจนตอบสนอง

นโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาศักยภาพของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลขนาดใหญ่ และ

ศนู ยส์ ขุ ภาพชมุ ชนของโรงพยาบาล ให้เป็นศนู ยส์ ุขภาพชมุ ชนเมือง ตลอดจนศูนย์บริการสาธารณสุข

เทศบาลนครสงขลา ให้เกิดการบรหิ ารจัดการการบรกิ ารดา้ นสุขภาพท่ีมีคุณภาพและสัมฤทธิ์ผล ผ่าน

การพัฒนามาตรฐาน PCA (Primary Care Award), มาตรฐาน รพ.สต.ติดดาว และประชาชน

พึงพอใจในหน่วยบริการปฐมภมู ิใกล้บ้าน

ศนู ยบ์ ริหารงานบริการปฐมภมู ิเครือขา่ ยบรกิ ารสุขภาพโรงพยาบาลสงขลา เป็นหน่วยงานที่

ทาหน้าท่ีสนับสนนุ หนว่ ยบรกิ ารในเครือข่ายฯ ทุกแห่ง ให้สามารถดาเนินการด้านสุขภาพในชุมชน

อยา่ งมีคณุ ภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง การป้องกันและควบคุมการ

ตดิ เชื้อในสถานบริการ เปน็ มาตรฐานหนง่ึ ที่ความสาคัญอย่างย่ิง ท่ีจะทาให้ประชาชนได้รับบริการ

สขุ ภาพทีเ่ หมาะสมและปลอดภัย ศนู ยบ์ รหิ ารงานบริการปฐมภูมิเครือข่ายฯ จึงได้มีการดาเนินการ

ตรวจสอบประสิทธิภาพการทาให้ปราศจากเชื้อด้วยไอน้า โดยการตรวจสอบทางวิธีทางชีวภาพ

(Biological Monitoring หรอื Spore Test) ซึ่งเปน็ วิธีทดสอบประสิทธภิ าพการทาให้ปราศจากเช้ือท่ี

นา่ เช่ือถอื มากทีส่ ุด เพราะใชส้ ปอรข์ องเช้อื Bacillus ทย่ี งั มีชีวติ ซ่ึงเช้ือนี้มีความคงทนกว่าเช้ือจุลชีพ

อ่นื ๆ และไมก่ อ่ โรค หากสปอร์ของเชอื้ น้ีถกู ทาลาย แสดงวา่ เชอ้ื จุลชีพอื่นๆ จะถูกทาลายระหว่างอยู่

ในกระบวนการทาให้ปราศจากเชื้อดว้ ย ดังนน้ั เพ่ือพฒั นาหนว่ ยบรกิ ารปฐมภูมิเครือข่ายฯ ยกระดับให้

เปน็ โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตาบล (รพ.สต.) ขนาดใหญ่ ให้ผา่ นเกณฑ์ รพ.สต. ติดดาว ให้มีระบบ

การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานบริการ ท่ีได้มาต รฐาน จึงได้เร่ิมมีการตรวจสอ บ

ประสทิ ธภิ าพการทาให้ปราศจากเชอ้ื และพัฒนาระบบการตรวจสอบด้วย Spore Test อย่างต่อเนื่อง

ครอบคลุมหน่วยบรกิ ารปฐมภมู ิเครือขา่ ยฯทุกแห่ง จานวน 23 แห่งปี ใน พ.ศ.2560 เป็นตน้ มา

วตถุประสงค

1. เพื่อลดการติดเช้อื ในหน่วยบรกิ ารปฐมภูมิเครือข่ายฯโรงพยาบาลสงขลา

2. เพ่อื ใหม้ ีแนวทางปฏิบตั กิ ารตรวจสอบประสิทธิภาพการทาให้ปราศจากเชื้อ

วสดุและวิธกี าร

การตรวจสอบประสทิ ธภิ าพการทาใหป้ ราศจากเชื้อดว้ ยไอน้า โดยการตรวจสอบทางวิธีทาง
ชีวภาพ (Biological Monitoring หรอื Spore Test) ซึ่งดาเนนิ การมาก่อนปี พ.ศ. 2555 ได้ทาการ
ตรวจปีละ 1 ครัง้ ซงึ่ ไมมผี ู้รบั ผิดชอบหลกั และการรายงานผลท่ไี ม่ต่อเน่ือง ต่อมาเม่ือปี พ.ศ. 2555 –
2557 ไดม้ กี ารพฒั นาให้ตรวจสอบทุก 4 เดือน แต่พยาบาลต้องแจกชดุ ทดสอบในหน่วยบริการทุกแห่ง
ดว้ ยตวั เอง เพื่ออธิบายวิธีการและขั้นตอนต่างๆในการตรวจสอบ พร้อมแจ้งวันและเวลาในการ
ตรวจสอบ ผลการทดสอบพบว่าไม่ผ่าน เฉลี่ยรายปีคิดเป็นร้อยละ19.14 , 16.66 และ 11.55
ตามลาดบั (จากจานวนทั้งหมด 18 แหง่ ) ซง่ึ ไม่สามารถทราบสาเหตทุ ี่ไม่ผ่าน เนื่องจากไม่มีการบันทึก
ข้อมลู ต่างๆในการทดสอบ นับว่าเป็นปัญหาสาคัญ ที่จะส่งผลต่อ ผู้ป่วย นอกจากน้ีทาให้สิ้นเปลือง
งบประมาณ และเพิม่ ภาระงานของเจ้าหนา้ ท่ี

มกี ารทบทวนและแกไ้ ขปัญหาโดยการจดั ประชุมชี้แจงและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
1. นาทมี ICN/เจ้าหน้าท่ีจา่ ยกลางโรงพยาบาลแม่ข่ายตรวจสอบคุณภาพของ Autoclave
และกระบวนการทดสอบ Spore Test ให้เปน็ ตามมาตรฐาน
2. จดั ต้งั ผู้รับผิดชอบหลักของงานป้องกันและควบคุมการตดิ เช้อื ในหนว่ ยบรกิ ารปฐมภูมทิ กุ แหง่
3. พฒั นาการตรวจสอบ Spore Test โดยปรับใหม้ ีระบบการตรวจสอบทุก 3 เดือน
4. จดั ใหม้ กี ารจดบันทึกรายละเอียดขอ้ มูลของระยะเวลา อณุ หภมู ิและความดัน สัญญาณไฟ
ต่างๆทใี่ ชใ้ นกระบวนการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานทกี่ าหนด ดว้ ยการทาแบบฟอร์มการตรวจสอบทาง
กลไก (Mechanical monitoring) ใหท้ ุกหน่วยบริการบันทึก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2558 - 2559 ก็ยังพบปัญหา ในหน่วยบริการที่มีผลการการตรวจสอบ

ประสทิ ธภิ าพการทาให้ปราศจากเช้ือไม่ผ่าน เฉลี่ยรายปี คิดเป็นร้อยละ 5.7 และ 2.7 ตามลาดับ
(จากจานวนทง้ั หมด 19 แห่ง เพิม่ PCU(พิเศษ) ม.ราชภฏั สงขลา) และจากการที่พยาบาลวิชาชีพจาก
ศูนยบ์ รหิ ารงานบริการปฐมภูมเิ ครือข่ายฯออกแจกและเก็บตัวทดสอบ หรือ Spore test ในหน่วย
บรกิ ารปฐมภูมิเครอื ข่ายฯ พบว่าบุคลากรทีเ่ ป็นผูด้ าเนินการทดสอบ Spore Test มีหลากหลาย เช่น
แม่บ้าน, นักวิชาการสาธารณสุข, พยาบาลวิชาชีพ ฯลฯ ทาให้การควบคุมคุณภาพในข้ันตอ น
กระบวนการใช้ชดุ ทดสอบแตกตา่ งกนั และไม่เป็นไปตามมาตรฐาน(บุคลากร ขาดความรู้) จากการ
นาปญั หามาวิเคราะห์ สาเหตุ และนามาหาแนวทางแก้ไขรว่ มกัน

1. จัดอบรมใหค้ วามร้ตู ามมาตรฐาน IC ใหก้ บั บคุ ลากรในหนว่ ยบริการปฐมภูมิเครือข่ายฯ
2. ทบทวนแนวทางในการบริหารเวลาในการจดั เกบ็ Spore Test ในหน่วยบรกิ าร

3. ทบทวนความรู้ของบุคลากรทเ่ี ป็นผู้ใช้ชุดทดสอบและกระบวนการใช้ชดุ ทดสอบ
4. ทบทวนเรือ่ งคุณภาพและอายกุ ารใช้งานของ Autoclave
5. ปรบั ระยะเวลาในการตรวจสอบ Spore Test ให้เปน็ ไปตามมาตรฐาน
6. กรณีที่เครอ่ื ง Autoclave ร่นุ เก่าชารดุ โรงพยาบาลได้จัดซ้อื เครื่องใหม่ให้ เพ่อื ให้มี

ประสิทธิภาพในการน่งึ และทาลายเชอ้ื
(ในปี พ.ศ. 2560 จนถึงปัจจุบัน) การดาเนินงานป้องกันและควบคุมการติดเช้ือในหน่วย
บรกิ ารปฐมภูมกิ ไ็ ด้พฒั นามาอย่างตอ่ เนื่อง เพอื่ การแก้ไขให้สอดคล้องกับปัญหา ประกอบกับหน่วย
บรกิ ารปฐมภมู ิของโรงพยาบาลแมข่ ่ายมีจานวนเพ่ิมขนึ้ จาก 19 แหง่ เพ่ิมเป็นจานวน 23 แห่งจานวน

25 เคร่อื ง ( ทเี่ พิม่ มาคอื PCUเรือนจากลางสงขลา เรือนจาจังหวัดสงขลา, ทัณฑสถานหญิงสงขลา
และทัณฑสถานบาบดั พเิ ศษสงขลา) ดงั น้ี

1. ให้รถโรงพยาบาลออกแจกและเก็บชุดทดสอบก่อนมีการแจก Spore test จะมีการส่ง
E-Mail แจง้ ทุกแหง่ โดยทีพ่ ยาบาลไม่ต้องไปแจกดว้ ยตนเอง หรือถา้ มกี ารจัดประชุม อบรม ก็สามารถ
บูรณาการแจก Spore test ให้กับเจ้าหน้าที่ รพ.สต./PCU ช่วยลดภาระงานเจ้าหน้าท่ีและช่วย

ประหยัดทรัพยากรใหก้ ับโรงพยาบาล
2. พฒั นาการตรวจสอบ Spore Test โดยปรับให้มีระบบการตรวจสอบทุก 1 เดือนตาม

มาตรฐานการปอ้ งกันและการควบคุมการตดิ เชอื้ และผ่านเกณฑ์ รพ.สต.ติดดาวทกุ แหง่
3. พฒั นาให้มกี ารตรวจสอบทางเคมี (Chemical Monitoring) ทั้ง 2 ชนิดคือ ตัวบ่งชี้ทาง

เคมีภายนอก (External chemical indicator) และตัวบ่งชี้ทางเคมีภายใน (Internal chemical
indicator) ตามมาตรฐาน

4. มกี ารอบรมบคุ ลากรในหนว่ ยบรกิ ารปฐมภูมิอย่างต่อเนื่องทุกปี
5. มที ะเบียนบันทึกการเฝ้าระวังผู้ป่วยติดเชื้อในสถานบริการทุกแห่งเครอื ขา่ ยฯ โรงพยาบาลสงขลา
6. ปรกึ ษาหาแนวทางร่วมกันกับเจา้ หนา้ ทที่ างห้อง Lab โดยได้มีการพัฒนาดงั น้ี

6.1 พฒั นาให้มี Code และ HN ของการตรวจสอบ Spore Test เฉพาะของสถานบริการ
ในหน่วยปฐมภูมิทุกแหง่

6.2 เกดิ การปรบั ใช้ ตัวควบคุม (Control ) จาก 25 : 25 เป็น 1: 25 ทาให้ลดภาระงาน
และชว่ ยประหยดั งบประมาณของโรงพยาบาล

7. ไมพ่ บการตดิ เชื้อจาก Set ทีน่ ึ่งในหน่วยบรกิ ารปฐมภมู ิ
8. การแจง้ ผล กรณที ี่ผลตรวจผ่าน จะแจ้งโดย Electronic file และ ใบ Report เพ่ือเป็น
หลกั ฐาน กรณที ี่ผลการตรวจไมผ่ า่ น จะแจ้งดว่ นโดยการโทรศัพท์สายตรง เพื่อทบทวน หาสาเหตุและ
หยุดการใชเ้ ครอื่ ง Autoclave โดยการฝากน่ึง Set ในรพ.สต.ใกล้เคียงท่ีผลการตรวจผ่าน หรือฝาก
นง่ึ กบั โรงพยาบาลแมข่ า่ ย

9. มีแนวทางปฏิบัตเิ ร่อื งตรวจสอบประสิทธิภาพการทาให้ปราศจากเช้อื ด้วยไอนา้
หลงั จากมกี ารพฒั นามาต้งั แตป่ ี พ.ศ.2560 จนถึงปัจจุบัน หน่วยบริการปฐมภูมิเครือข่ายฯ
โรงพยาบาลสงขลา ผลการตรวจสอบประสทิ ธภิ าพการทาให้ปราศจากเช้ือ ผ่าน เฉลี่ยรายปี คิดเป็น
รอ้ ยละ 99.33 และร้อยละ 100 ตามลาดบั คา่ ใช้จ่ายในการการตรวจสอบประสิทธิภาพการทาให้
ปราศจากเชื้อดว้ ยไอน้าในหนว่ ยบริการปฐมภูมิเฉลีย่ เดือนละ 8,125บาท จานวน 23 เคร่ือง 25 แห่ง
ซ่งึ คุ้มคา่ คมุ้ ทนุ ประหยดั งบประมาณ อัตรากาลงั การขนส่งให้กบั โรงพยาบาลและลดภาระงานให้กับ
เจา้ หนา้ ท่ี
โอกาสพฒนา
1. การรายงานผลการตรวจแบบ Real time

2. การทบทวนความรู้เรื่องการตรวจสอบประสิทธิภาพการทาให้ปราศจากเช้ือ การทา
Spore test โดย ICN รพ.สงขลา /เจ้าหนา้ ที่จ่ายกลาง อย่างสม่าเสมอ และต่อเน่ืองอย่างน้อยปีละ
1 ครัง้

3.มีแบบประเมินความพงึ พอใจของเจ้าหน้าท่ีหน่วยบริการปฐมภูมิเครือข่ายฯโรงพยาบาล
สงขลา และเกดิ Flow ในการตรวจสอบประสิทธภิ าพการทาใหป้ ราศจากเชอ้ื
บทเรยี นท่ีได้รบ :

1. การตรวจสอบประสทิ ธภิ าพการทาให้ปราศจากเช้ือโดยการทา Spore test และระบบ
การปอ้ งกันและควบคุมการติดเช้ือในหน่วยบริการปฐมภูมิ มีความสาคัญมาก เพราะเป็นหน่วย
ให้บรกิ ารด่านแรกกับผู้ป่วย เมื่อไหร่ท่ีระบบการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ ท่ีดี ก็จะส่งผลให้
ประชาชนสขุ ภาพดี และช่วยลดค่าใชจ้ า่ ยให้หน่วยบริการและโรงพยาบาลแมข่ ่าย

2. การทางาน ตอ้ งมีการประสานงานท่ดี ี ในการขอความรว่ มมอื จากสหสาขาวิชาชีพ นาไปสู่
ความกา้ วหนา้ และการพฒั นางานตอ่ ไป โดยคานงึ ถงึ ประโยชน์สงู สดุ ของผู้ปว่ ยเปน็ สาคญั

ปัจจยความสาเรจ็ : ผบู้ รหิ ารใหค้ วามสาคัญ สนบั สนนุ ทรัพยากรตา่ งๆ, วัสดุอุปกรณ์ และชุดทดสอบ
ทกุ 1 เดือน รวมถงึ ความร่วมมอื ของทมี สหสาขาวชิ าชพี

แบบฟอรมบทคัดยอผลงาน
ประเภท [] Oral presentation ( ) CQI Clinic
กลมุ หนวยงาน/ระดับ [ ] รพ.สต./ศสม./PCU [ ] รพช. []รพศ. [ ]สสอ./สสจ.
ชื่อเร่อื ง การพัฒนาระบบการดแู ลสงเสรมิ สขุ ภาพผูป วยเรอื้ รงั ในชุมชน เขตเทศบาลนครตรัง
ตําบลทบั เท่ียง อาํ เภอเมือง จงั หวัดตรงั
ผนู ําเสนอ 1. นางสาวณศิริ ประทุม ตําแหนง พยาบาลวชิ าชีพชํานาญการ
2. นางปรดี า สาราลักษณ ตําแหนง พยาบาลวชิ าชพี ชํานาญการพเิ ศษ
3. นางอรุ าวดี อุทยั เวยี นกุล ตําแหนง พยาบาลวชิ าชพี ชาํ นาญการ
หนวยงาน กลุม งานการพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลตรัง อําเภอเมืองตรัง จังหวดั ตรัง
มือถือ 0-8746-9960-3 E-mail : [email protected]
บทนาํ
ผูปวยโรคเรื้อรังเปนผูปวยที่สําคัญที่ควรไดรับการดูแลเอาใจใส เพราะโรคเรื้อรังเปนโรคที่
รักษาไมหายขาด และตองรักษาอยางตอเน่ือง หากมีการดูแลไมถูกตองจะสงผลตอเนื่องถึง
ภาวะแทรกซอนตางๆ มากมาย และจากสถิติของการเจ็บปวยพบวา 5 อันดับโรคในเขตเทศบาลนคร
ตรัง คือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ หลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง ซ่ึงสิ่งที่พบตอมาใน
ผูปวย ดังกลาวคือ การขาดยา รับยาไมตอเน่ือง และกินยาไดไมครบหรือ ไมถูกตอง ทําใหสงผล คือ
เกดิ ภาวะแทรกซอ น เปน อัมพาต อมั พฤกษ กลุมงานการพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลตรังไดตระหนัก
ถงึ ปญ หา รวมถึงกําลังอยรู ะหวา งการดําเนนิ การพัฒนาคณุ ภาพบรกิ ารในดานตางๆ ที่เนนผูปวยและ
ครอบครัวเปนศูนยกลางอยางเปนระบบและมีคุณภาพ และการนําเอาชุมชนเขามามีสวนรวมในการ
ดูแลผูปวยกลุมดังกลาว เพ่ือใหผูปวยไดรับการบริการที่ดี มีคุณภาพสูงสุด เนื่องจากผูปวย
โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู มักมีภาวะแทรกซอ นตางๆ เกิดข้ึนตามมา จําเปนตองไดรับการ
ดูแลรักษาเฉพาะและตอเน่ืองในบริบทและสิ่งแวดลอมที่มุงเนนใหผูปวยและครอบครัวโรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง สามารถดูแลตนเองได มีความเขาใจในโรคและภาวะแทรกซอนตางๆ และ
สามารถใชช ีวิตอยางมคี ณุ ภาพทีด่ ี โดยจดั ใหมที มี สหวิชาชพี ใหบริการในคลินิกชุมชนแบบ One stop
service และใหการดูแลตอเน่ืองที่บานเพ่ือปรับเปล่ียนพฤติกรรมอันพึงประสงคแกผูปวยและ
ครอบครวั และเนนการมีสวนรว มของชุมชนในการทํากจิ กรรมดวย
วตั ถุประสงค:
1. เพอ่ื ใหผ ูปว ยเรื้อรังในชมุ ชน (เบาหวาน, ความดนั โลหติ สงู และไขมันในเลือดสูง) ไดรับ
การดูแลแบบองคร วมตามเกณฑค ุณภาพ
2. เพือ่ ใหผ ปู วยโรคเรื้อรังในชุมชนไมข าดยาและไมเกิดภาวะแทรกซอน
วิธีการดาํ เนนิ การ :
1. ประชมุ ทมี เพื่อวางแผนกจิ กรรมการดูแลรกั ษาผูป วยเรื้อรังในชมุ ชน
2. สํารวจ/จดั ทําขอมลู ผปู วยทมี่ ีประวัตเิ ปนโรคเบาหวาน/ความดันโลหติ สูง/ไขมันในเลือดสงู

3. ทาํ แบบขอ มูลสมคั รเขารวมโครงการคลินิกโรคเร้ือรังในชมุ ชน พรอ มทงั้ ใหส มคั รเขา รวม
โครงการ

4. ศกึ ษาพรอมคน ประวัติการรักษาของผูปว ยเรอ้ื รัง(เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันใน
เลอื ดสงู ) รายกรณีพรอมทั้งสงประวัตใิ หแ พทยประจํา (ตามรายแพทยคลินิกหมอครอบครัว)

5. จดั ทาํ ประวัต/ิ แฟมผปู ว ยเร้ือรังเปน รายกรณีเพ่ือใหบริการ
6. ประชมุ วางแผนและจดั ตารางออกปฏิบัตงิ านใหบ ริการตามความพรอ มและบรบิ ทชุมชน
โดยมีรายละเอียดการดําเนินงานดังตอ ไปน้ี
ตารางออกปฏิบตั ิงานใหบ ริการคลนิ กิ ผูป วยเร้ือรงั ในชุมชน เขตเทศบาลนครตรงั ตําบลทับเท่ียง
อําเภอเมือง จงั หวัดตรงั

วนั /เวลา ออกปฏบิ ัตงิ าน ชุมชน สถานท่ี หมายเหตุ
เชา : จันทรท ่ี 1 ของเดือน โคกขัน ทท่ี าํ การชุมชนโคกขัน ทุกชมุ ชน
เชา : จันทรท่ี 2 ของเดือน ตรอกปลา หอการคาจงั หวดั ตรงั ใหบ รกิ าร
เชา : จันทรท ี่ 3 ของเดือน วังตอ ทท่ี าํ การชมุ ชนวงั ตอ ทุก 2 เดือน
หลังควนหาญ ทท่ี ําการชมุ ชนหลงั ควนหาญ ทาํ รว มกัน
เชา : จันทรท ่ี 4 ของเดอื น ยา นการคา(1) ศูนยบ ริการสาธารณสุข 1
เชา : อังคารที่ 3 ของเดือน ทายพร,ุ โปะเซง,หลังสนามกีฬา ทท่ี ําการชุมชนโปะเซง ทาํ รว มกัน
โคกยงู ที่ทาํ การชมุ ชนโคกยงู
วิเศษกุล ทท่ี าํ การชุมชนวิเศษกุล
ยานการคา 2 บานอสม.ชนิกานต นติ ิประเสริฐ
กะพังสุรนิ ทร,บานโพธิ์ ทท่ี าํ การชุมชนกะพังสรุ นิ ทร
วัดกุฎยาราม บา นอสม.ยพุ า ตง้ั คาํ
ทาจนี ศูนยส ุขภาพชุมชนวดั ประสทิ ธิชยั

เชา : พธุ ท่ี 1 ของเดือน ควนขนุน ท่ที ําการชมุ ชนควนขนุน
ศรีตรงั ทท่ี าํ การชุมชนศรตี รัง
เชา : พุธที่ 2 ของเดอื น นาตาลวง บา นอสม.สมใจ แกววจิ ิตร
เชา : พุธท่ี 3 ของเดอื น ควนขัน ทที่ าํ การชุมชนควนขัน
เชา : พธุ ที่ 4 ของเดอื น สรรพากร ที่ทําการชมุ ชนสรรพากร
เชา : พฤหสั ท่ี 1 ของเดือน ตนสมอ ที่ทาํ การชมุ ชนตน สมอ
เชา : พฤหสั ที่ 2 ของเดอื น นํา้ ผดุ ที่ทําการชุมชนนํา้ ผดุ
บาย :พฤหสั ที่ 3 ของเดอื น คลองนา้ํ เจด็ ทท่ี ําการชุมชนคลองนํา้ เจ็ด
เชา : พฤหสั ท่ี 4 ของเดอื น สวนจนั ทน- วดั นิโครธ ทท่ี ําการชมุ ชนสวนจนั ทน
หนองปรอื ที่ทาํ การชมุ ชนหนองปรือ
ทา กลาง ที่ทําการชมุ ชนทา กลาง
หนองยวน ศาลเจา เปากง
บางรกั ทท่ี ําการชมุ ชนบางรัก

และมขี นั้ ตอนการดาํ เนนิ งานดังตอ ไปน้ี
1. เตรยี มสถานที่การใหบริการในชมุ ชน(วดั , ทท่ี าํ การชมุ ชน หอการคา) โดย อสม.
2. ช่งั น้ําหนัก วัดความดันโลหติ เจาะเลือดบริเวณปลายนิ้ว(DTX) โดย อสม.
3. ซักประวัต,ิ ใหค ําปรึกษา, ใหค วามรแู ละรักษาโดยพยาบาลเวชปฏิบตั ทิ ่ัวไป
4. ตรวจรกั ษาในกรณผี ูปว ย อาการผดิ ปกติ หรอื มีความประสงคจะพบแพทยเวชศาสตร
ครอบครวั
5. ใหค วามรูเปน รายกลมุ พรอมสลับทาํ กจิ กรรมตา งๆโดยสหวชิ าชพี
6. ตรวจภาวะแทรกซอ น เจาะเลอื ดชดุ ใหญ ตรวจตา ตรวจเทา ฉีดวัคซีนปองกันไขห วัดใหญ
ในชมุ ชน ปล ะ 1 คร้ัง
7. จา ยยา(ท่ีเตรยี มโดยเภสัชกรของโรงพยาบาลตรัง) ตามอาการรายกรณี
8. ตดิ ตามเยยี่ มบา นผูปวยที่มปี ญหาตางๆ เชน ปว ย คุมความดันโลหิต คมุ น้ําตาล หรอื คุม
ไขมนั ไมได
9. ติดตามประเมนิ ผลการดูแลตามเกณฑคุณภาพของการดูแลรกั ษาโรคเรื้อรัง ดงั ตอไปนี้

1. อัตราผูปว ยไมขาดยา รอยละ 100
2. อตั ราผูป วยเบาหวานท่ีไดรบั การคดั กรองตรวจภาวะแทรกซอนทางตาและตรวจ
เทารอ ยละ 100
3. อตั ราผปู ว ยเบาหวานและความดนั โลหติ สูงไดร ับการคัดกรองตรวจ
ภาวะแทรกซอนทางไต รอยละ 100
4. อตั ราผูปว ยโรคเบาหวานทค่ี วบคมุ ระดบั น้ําตาลไดด ี (HbA1C ครง้ั สุดทา ย นอ ย
กวา 7 ) มากกวา หรือเทากับ รอยละ 40
5. อัตราการเกดิ ภาวะแทรกซอ นเฉียบพลัน ในผปู วยเบาหวานนอยกวา หรือเทา กบั
รอ ยละ 2
6. อตั ราผูป ว ยโรคความดันโลหติ สูงทีค่ วบคมุ ความดนั โลหิตไดดมี ากกวาหรือเทา กบั
รอ ยละ 50
7. อัตราการเกิดภาวะแทรกซอ นเฉยี บพลันในผูปวยความดนั โลหิตสูงนอ ยกวา หรือ
เทา กบั รอยละ 2
10. วิเคราะหประเมนิ ผลการดําเนินงานทกุ 3 เดอื น 6 เดือน 9 เดอื น และ1 ป
11. ปรบั ปรุงแกไ ขการดําเนินงานพรอ มกบั ปรับเปลย่ี นพฤตกิ รรมสง เสริมสขุ ภาพผปู ว ยเรอ้ื รัง
ตามรายกรณี
12 . สรุปผลการดาํ เนินงาน
ผลการดาํ เนินงาน :
1. มผี ลลพั ธก ารดาํ เนนิ งานที่เปนรปู ธรรมมีการเปลย่ี นแปลง ต้ังแตป  2559 – 2563 ดงั นี้
จากการที่มีการติดตามดูแลสง เสริมสุขภาพผปู ว ยเร้อื รงั ในชุมชนเขตเทศบาลนครตรงั สงผลใหตัวชี้วดั
ตามเกณฑม าตรฐาน ไดเ กณฑดังตอ ไปนี้

ตารางติดตามประเมินผลการดูแลสงเสริมสุขภาพผูปว ยเร้ือรงั ใน 27 ชมุ ชน เขตเทศบาลนครตรัง
ลําดับ ตวั ช้วี ัดของผปู ว ยเร้ือรัง เปา หมาย ป
(รอยละ) 2559 2560 2561 2562 2563
1 อตั ราผปู ว ยไมข าดยา 100 95.06 97.89 100 100 100
2 อตั ราผูป วยเบาหวานทไ่ี ดรบั การคดั กรอง 100 84.74 90.76 95.58 98.48 99.11
ตรวจภาวะแทรกซอนทางตาและตรวจเทา
3 อัตราผปู วยเบาหวานและความดนั โลหิต 100 96.30 98.74 100 100 100
สงู ไดร บั การคดั กรองตรวจภาวะแทรกซอ ง
ทางไต
4 อัตราผปู ว ยโรคเบาหวานที่ควบคมุ ระดับ ≥ 40 39.92 44.96 51.41 52.27 53.2
นา้ํ ตาลไดด ี (HbA1Cครัง้ สดุ ทาย นอยกวา
7)
5 อัตราการเกดิ ภาวะแทรกซอนเฉยี บพลนั ≤ 2 1.23 0.42 0.00 0.00 0.00
ในผปู วยเบาหวาน
6 อัตราผปู ว ยโรคความดันโลหติ สูงทคี่ วบคมุ ≥ 50 51.05 64.76 69.96 75.25 77.21
ความดันโลหิตไดด ี
7 อตั ราการเกิดภาวะแทรกซอนเฉยี บพลัน ≤ 2 0.63 0.20 0.00 0.00 0.00
ในผูปวยความดนั โลหติ สงู
2. ลดความแออัดใหกับหนวยบรกิ าร เชน ร.พ, ศสม.
3. ลดคาใชจา ยใหกบั ผูปว ยและคาใชจายในการเดินทาง คาอาหาร คาเฉลี่ย 200 บาท/ครัง้
4. ลดเวลารอคอยเมื่อมารบั บริการ โดยคาเฉลีย่ ประมาณ 2 – 3 ช่วั โมง
5. เกิดการดูแลผปู วยแบบมสี วนรว ม
6. เกดิ ภาคีเครอื ขายอ่ืนๆ ในการดแู ลสนับสนุน เชน เทศบาล, พมจ., เหลากาชาด, องคกร
เอกชน
การดูแลผูป ว ยเรือ้ รังในชว งโควิด 19
1. ใหก ารดแู ลโดยเนนระยะหา งระหวา งผูใ หบ รกิ าร (ทมี สุขภาพ )และผรู ับบริการ ( ผูปวย,
ผูดูแล ) โดยการโทรศัพทสอบถามอาการ และตรวจสุขภาพเบือ้ งตน ที่บานโดยอสม. อสม.
สง กลับขอมลู ใหพ ยาบาลเวชปฏิบตั ิ ถาผลตรวจสุขภาพ ( นาํ้ ตาลปลายนิว้ , ความดนั โลหิต )
เกนิ เกณฑมาตรฐาน พยาบาลเวชปฏิบัติ ตดิ ตามเย่ยี มท่บี าน ตรวจสขุ ภาพซํา้ พรอ มประเมิน
ภาวะสุขภาพ และแจงแพทยเวชศาสตรป ระจาํ ทีม เพอ่ื ปรบั เปลีย่ นแผนการรกั ษา และ
ตดิ ตามผลการรักษาตามบรบิ ทของผปู ว ยเฉพาะราย
2. หลงั จากมกี ารปลดล็อคการปองกนั โรคโควิด 19 ในระยะ 4 การใหบรกิ ารผูป วยเรือ้ รังใน
ชุมชน มีการปรบั เปลี่ยนใหผ ปู ว ยกลุมเปราะบาง อายมุ ากกวา70 ป ขึ้นไป ผูพิการ หรือ
ผูป ว ยท่ใี ชร ถเข็น รบั การตรวจสขุ ภาพทบ่ี า นเหมือนเดิม สําหรับผูปวยท่อี ายุนอยกวา 70 ป
สขุ ภาพแข็งแรง ใหม ารบั บริการในคลินกิ ชมุ ชนตามทีก่ ําหนดไวแ ตล ะชุมชน โดยจัดจดุ บริการ
สแกนอุณหภมู ิ แอลกอฮอลล างมือ เตรียมเกา อี้เวนระยะหาง เนน ยา้ํ การสวมหนา กาก

( เตรียมหนากากไวใ หบรกิ ารสาํ หรบั ผูปว ยทล่ี มื ใสม า )
3. ใหค วามรูเรื่องการปองกนั โรคโควิด 19 แกผ ปู ว ยและผดู แู ลทัง้ รายกลุม และรายบุคคล เพื่อ

สรางความตระหนักใหท ุกคนมีความรู สามารถดแู ลตนเองและครอบครวั ไดถูกตอง เหมาะสม
สรปุ และวิจารณเพ่ือการใชประโยชน

1. ใชท ุนทางสงั คมเดิมใหเกิดประโยชนม ากที่สุด เพอื่ พฒั นาคนในชมุ ชนมาดูแลผูปว ยโรค
เรือ้ รงั

2. การพฒั นาคุณภาพบริการการดแู ลรกั ษาเฉพาะอยา งตอเนอ่ื ง ท่ีมุงเนนใหผ ปู ว ยและ
ครอบครวั เปน ศนู ยก ลาง สามารถดูแลตนเองได มีความเขาใจในโรคและภาวะแทรกซอนตางๆ
สามารถใชชีวติ อยา งมีคณุ ภาพทดี่ ี

3. การคืนขอมลู ใหกับชมุ ชน/ภาคเี ครอื ขายทีส่ ามารถดําเนินการใหมผี ลประโยชนตอเนื่องใน
การดแู ล

รายละเอียดการนำเสนอผลงานวชิ าการ ปงี บประมาณ 2563

แบบฟอรมบทคดย่อ
ประเภท Oral Posterpresentation

1. [ ] นวตกรรม/สิ่งประดิษฐ์ 2. [ √ ] CQI(Clinic) 3. [] CQI(Non-Clinic)
4. [ ] R2R 5. [ ] วิจยฉบบสมบูรณ์
ประเภท หน่วยงาน
1. [ ] รพ.สต./ศสม. 2 .[ ] รพช. 3. [√ ] รพท/รพศ 4. [ ] สสอ./สสจ.
การเสนอผลงาน
1. [√ ]ไมเ่ คยนาเสนอเผยแพร่มาก่อน 2. [ ] เคยเผยแพร่(พฒนาต่อยอด)

1. ชื่อเรอื่ ง : พฒนาสมรรถนะบุคลากรในการคดกรองผูป้ ุวยอุบติเหตแุ ละฉุกเฉินด้วยโปรแกรม TTTK
(Thailand Triage Training Kit)

2.ชอื่ เจา้ ของผลงาน: นาย กติ พิ งษ์ จนทรพล พยาบาลวิชาชพี ปฏิบติการ

3. สรปุ ผลงานโดยยอ่ ผลของการพฒนาสมรรถนะบคุ ลากรในการคดกรองผู้ปวุ ยโดยการใช้โปรแกรมTTTK

4. ชอ่ื และที่อยู่ขององคกร งานอุบตเิ หตุ-ฉกุ เฉนิ โรงพยาบาลสงขลา

5. สมาชิกทีม ผรู้ บผดิ ชอบโครงการหลก นาย กิตพิ งษ์ จนทรพล พยาบาลวชิ าชีพปฏบิ ตกิ าร
ผรู้ บผดิ ชอบโครงการร่วม นาง ถนอม แก้วเนยี ม พยาบาลวิชาชีพชานาญการพิเศษ

6.เป้าหมาย เพอื่ พฒนาศกยภาพบุคลากรในการคดกรองผูร้ บบริการหน่วยงานอุบตเิ หตแุ ละฉุกเฉนิ
โรงพยาบาลสงขลา โดยลดอตราการคดกรองผิดพลาดในการคดกรองผปู้ วุ ย (under triage)
ใหน้ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 5 ภายใน ปี 2562

7. ปญั หาและสาเหตโุ ดยยอ่
การเจ็บปวุ ยฉุกเฉินหรือบาดเจบ็ ฉุกเฉินมีความจาเปน็ ทีต่ ้องเข้ารบการรกษาพยาบาลท่ีห้องฉุกเฉิน ซึ่งเป็น

หน่วยงานหนึ่งทสี่ าคญของโรงพยาบาลท่ีเปดิ ใหบ้ รกิ าร 24 ช่วโมง เพื่อให้ผู้ปุวยได้รบการคดกรองและการรอคอย
การตรวจรกษาในเวลาที่เหมาะสม รวมถึงการชว่ ยเหลอื ให้ทน ภาวะคุกคามชีวิต การจาแนกผู้ปุวยต้งแต่ผู้ปุวยเข้า
มาใช้บริการท่หี ้องฉุกเฉนิ ผู้ปุวยทุกรายจะต้องได้รบการประเมินจากพยาบาลผู้ทาหน้าที่จาแนกผู้ปุวย ( Triage
nurse) การจาแนกผปู้ วุ ยได้ถูกต้อง ทาใหผ้ ู้ปุวยได้ตรวจรบบริการในเวลาที่เหมาะสม ส่งผลต่อความปลอดภยของ
ผู้ปุวย และลดการพิการลงได้

สืบเน่ืองจากสถาบนการแพทยฉ์ กุ เฉินแห่งชาติร่วมกบโรงพยาบาลลาปาง พฒนารูปแบบการศึกษาและ
ฝึกอบรมการคดแยกระดบความฉุกเฉิน โดยใช้สื่อต้นแบบThailand Triage Training kit(TTTK) ประกอบการ
ฝกึ อบรมในปี 2558 และ 2559 เพื่อใหม้ วี ทิ ยากร ครู ก. ท่ีสามารถถ่ายทอดความรู้และทกษะการคดแยกระดบ
ความฉกุ เฉินทม่ี ีรปู แบบเปน็ ไปในทิศทางเดียวกนทว่ ประเทศ ร่วมถึงได้มาตรฐานสากล ซึ่งในปัจจุบนผู้ปุวยท่ีมารบ
บรกิ าร หนว่ ยงานอุบติเหตแุ ละฉกุ เฉนิ มีจานวนเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งระบบสาคญในการจดบริการที่ห้องอุบติเหตุและ


Click to View FlipBook Version