หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง เล่าขานตำนานดอกกุหลาบ จัดทำโดย 1. นางสาวปิยธิดา ปะนะพุดโต รหัสนิสิต 63010514031 กลุ่มเรียนที่ 2 2. นายพาดล ปัญโยชัย รหัสนิสิต 63010514033 กลุ่มเรียนที่ 2 3. นางสาววัศยา เมืองโคตร รหัสนิสิต 63010514040 กลุ่มเรียนที่ 2 4. นางสาวศศิธร หนันดี รหัสนิสิต 63010514041 กลุ่มเรียนที่ 2 5. นางสาวอรนภา มาแก้ว รหัสนิสิต 63010514053 กลุ่มเรียนที่ 2 6. นายนพณัฐ พงษ์วิจิตร รหัสนิสิต 63010514060 กลุ่มเรียนที่ 3 เสนอ รศ.ดร.นิตยา วรรณกิตร์ รายวิชา 0563207 คติชนวิทยาสำหรับครู ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
คำนำ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 0563207 คติชนวิทยาสำหรับครู จัดทำขึ้นเพื่อเป็นหน่วยการ เรียนรู้ เรื่อง เล่าขานตำนานดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นการนำเนื้อหานิทานมหัศจรรย์ที่เป็นข้อมูลคติชนมาบูรณาการ กับมัทนะพาธาในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อให้ผู้ที่สนใจศึกษามีความรู้ความเข้าใจ ซึ่งเป็นการส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนตระหนักถึงความสำคัญและได้รับความรู้เกี่ยวกับข้อมูลคติชน โดยเนื้อหาสาระของรายงาน ประกอบไปด้วย เนื้อหาและกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผล คณะผู้จัดทำขอขอบคุณ รศ.ดร.นิตยา วรรณกิตร์ อาจารย์ผู้สอนในรายวิชาคติชนวิทยาสำหรับครู ที่ให้ความรู้และคำแนะนำ แนะแนวทางการศึกษาที่เป็นประโยชน์ตลอดจนผู้มีพระคุณทุกท่านที่ทำให้คณะ ผู้จัดทำ ได้ทำรายงานฉบับนี้ออกมาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาและนำไปใช้ประโยชน์ใน การจัดการเรียนการสอน หากมีข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อนำไป ปรับปรุงในโอกาสต่อไป คณะผู้จัดทำ
สารบัญ เรื่อง หน้า บทที่ 1 บทนำ ............................................................................................................................. 1 วัตถุประสงค์ของหน่วยการเรียนรู้ .................................................................................. 2 ขอบเขตของหน่วยการเรียนรู้........................................................................................ 2 บทที่ 2 เนื้อหาและกิจกรรมการเรียนรู้ ...................................................................................... 3 เนื้อหาการเรียนรู้.......................................................................................................... 3 - เนื้อหาความรู้เรื่อง บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา ................................... 3 • องก์ที่ 1 .......................................................................................................... 3 • องก์ที่ 2 .......................................................................................................... 25 • องก์ที่ 3 .......................................................................................................... 43 • องก์ที่ 4 .......................................................................................................... 71 • องก์ที่ 5 .......................................................................................................... 99 - เนื้อหาความรู้เรื่อง คติชนนิทานมหัศจรรย์........................................................... 134 ตารางสรุปหน่วยการเรียนรู้.......................................................................................... 138 กิจกรรมการเรียนรู้....................................................................................................... 138 - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ..................................................................................... 138 - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ..................................................................................... 143 - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ..................................................................................... 148 - แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ..................................................................................... 154 บทที่ 3 สื่อและแหล่งเรียนรู้....................................................................................................... 159 สื่อและแหล่งเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 .............................................................. 159 สื่อและแหล่งเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ............................................................. 162 สื่อและแหล่งเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 .............................................................. 171
สื่อและแหล่งเรียนรู้แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ............................................................. 177 บทที่ 4 การวัดผลและประเมินผล ............................................................................................ 179 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ............................................................................................ 179 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ............................................................................................ 185 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 ............................................................................................ 187 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 ........................................................................................... 191 บทที่ 5 บทสรุป ........................................................................................................................ 202 สรุปกิจกรรม ................................................................................................................ 202 ประโยชน์ต่อการศึกษา ................................................................................................ 202 บรรณานุกรม ............................................................................................................................. 203
1 บทที่ 1 บทนำ คติชนวิทยา เป็นการศึกษาข้อมูลทางวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในวิถีชีวิตและสังคมของ มนุษย์มากขึ้น เป็นเครื่องมือสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินแก่มนุษย์ที่สร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ ว่าจะเป็น นิทาน เพลง ประเพณี ซึ่งแต่ละประเภทมีการสอดแทรกความรู้และอบรมสั่งสอนที่สามารถนำไปใช้ ในชีวิตประจำวันได้เช่น สุภาษิตสอนใจ ความรู้เรื่องประเพณีพิธีกรรมต่าง ๆ ความรู้เรื่องยาสมุนไพร เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยคลี่คลายความคับข้องใจของมนุษย์ที่เป็นข้อจำกัดหรือไม่สามารถประพฤติแสดงออกได้ โดยตรง รวมทั้งเป็นการส่งเสริมพัฒนาศาสตร์แขนงต่าง ๆ ให้มนุษย์ได้ฝึกการใช้ความคิด ปฏิภาณไหวพริบที่ กว้างขวางนำไปสู่ความเป็นอัตลักษณ์ความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของตน และปลูกฝังให้คนในท้องถิ่นเห็น ความสำคัญและเกิดความสามัคคี การจัดทำหน่วยการเรียนรู้เรื่อง เล่าขานตำนานดอกกุหลาบในครั้งนี้ เป็นการนำเรื่องเล่าพื้นบ้าน ประเภทนิทานมหัศจรรย์หรือเทพนิยาย ซึ่งเป็นศิลปะการใช้ถ้อยคำที่เริ่มจากการใช้ภาษาพูดเพื่อติดต่อสื่อสาร กันและพัฒนามาเป็นการบันทึกลายลักษณ์อักษรที่อาจเป็นร้อยแก้วหรือร้อยกรองเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว เหตุการณ์หรือความคิดของมนุษย์ที่เกิดขึ้นจริงหรือแต่งขึ้น ซึ่งเรื่องเล่าพื้นบ้านมักมีหลายสำนวน สะท้อน ค่านิยม ทัศนคติบริบทแวดล้อมของสังคมยุคนั้น ๆ เรียบเรียงออกมาเป็นถ้อยคำ เรื่องราว รวมถึง นิทาน นิยาย เรื่องสั้น ตำนาน นิทานพื้นบ้าน ประวัติศาสตร์บอกเล่า โดยนิทานมหัศจรรย์ถือว่าเป็นเรื่องเล่าพื้นบ้าน ประเภทหนึ่งที่เนื้อเรื่องมักเกี่ยวข้องกับอิทธิปาฏิหาริย์และความมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติลักษณะของเรื่องมี ขนาดค่อนข้างยาว โครงเรื่องซับซ้อนและขัดแย้งอย่างชัดเจน การนำเรื่องมัทนะพาธา ที่เป็นวรรณคดีที่มี เนื้อหาสาระในรายวิชาภาษาไทยวรรณคดีและวรรณกรรม มาบูรณาการกับคติชนด้านการใช้ถ้อยคำที่เป็นเรื่อง เล่าพื้นบ้าน ประเภทนิทานมหัศจรรย์ซึ่งในการออกแบบหน่วยการเรียนรู้นี้ มีการจัดสื่อการสอนที่มีความ หลากหลายทั้งในรูปแบบ เกม บัตรคำ และสื่อการสอน Powerpoint เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่าง เต็มที่และเพื่อให้เกิดเจตคติที่ดีในการเรียนวรรณคดีมากยิ่งขึ้น โดยมีการนำเนื้อหาสาระสำคัญของคติชนกับ วรรณคดีไปออกแบบกิจกรรมและสื่อการเรียนรู้ มีการวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การ เรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อใช้ในการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทำความเข้าใจเนื้อหา ตระหนักถึงความสำคัญ และได้ประสบการณ์ตรงที่ทำให้เข้าใจในคติชนมากยิ่งขึ้นรวมถึงนำความรู้ที่ได้ไปใช้ ประโยชน์ในการศึกษาหรือต่อยอดในการทำอย่างอื่นได้ ผู้จัดทำจึงเล็งเห็นความสำคัญของข้อมูลคติชนในหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีและ วรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อีกทั้งยังเป็นการจัดทำหน่วยการเรียนรู้เพื่อออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่มี
2 ความสอดคล้องกับคติชนที่นำไปใช้ในการจัดทำการเรียนการสอน ให้นักเรียนได้ตระหนักและเห็นคุณค่าของ คติชนในรายวิชาที่เรียนมากยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์ของหน่วยการเรียนรู้ 1. เพื่อให้นักเรียนมีความตระหนักและเห็นคุณค่าเกี่ยวกับข้อมูลคติชน 2. เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลคติชนในหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ขอบเขตของหน่วยการเรียนรู้ 1. คติชนด้านการใช้ถ้อยคำ ประเภทเรื่องเล่าพื้นบ้าน ที่เป็นนิทานมหัศจรรย์ 2. วรรณคดี เรื่อง มัทนะพาธา
3 บทที่ 2 เนื้อหาและกิจกรรมการเรียนรู้ 1. เนื้อหาการเรียนรู้ 1.1 เนื้อหาความรู้เรื่อง บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา องก์ที่ 1 ฉาก: ลานหน้ามุขเด็จแห่งวิมานของสุเทษณะเทพบุตร์, บนสวรรค์. [ก่อนเปิดม่าน, ตัวละคอนเหล่านี้ต้องพร้อมอยู่บนเวที, คือ: สุเทษณะเทพบุตร์, เอกเขนกอยู่บนเตียงที่ บนมุขเด็จ, มีนางอับสรอยู่งานพัดคน 1; จิตระเสนนั่งอยู่หน้ามุขเด็จ, และมีบริวารของสุเทษณ์นั่งรายเปนแถว ทั้ง 2 ข้างเวที; กลางเวทีมีพวกคนธรรพสำรับ 1ถือช่อดอกไม้ทั้ง 2 มือทุกคน. พิณพาทย์ทำเพลงโหมโรงจนถึง เวลาควรจะเปิดม่าน, จึ่งทำเพลงเหาะ. พอเปิดม่าน, พวกคนธรรพก็เริ่มร้องและรำอย่างแบบรำโคม, ดนตรีเล่น คลอเสียงไปตลอด, ไม่ต้องรับ.] บทร้องของคนธรรพ์ (ลำเหาะ) [ยานี, 11.] ๏ ฃ้าบาทผู้ภักดี ต่อธุลีพระบาทา พร้อมกันถวายอา- เศียระพาทแด่เทวัน ๏ ขอจงเสวยสุข นิราศทุกข์ไร้โรคัน– ตะรายแลภยัน- ตะรายาอย่ายายี ๏ พระองค์ทรงมีคุณ กะตะบุญบาระมี บำเพ็ญในอตี- ตะกาลดลผลไพบูลย์ ๏ ชาติก่อนเปนสุกฺษัตร์ เถลิงรัฐราไชสูรย์ ในวงศะประยูร สุระแมนแคว้นปัญจาล ๏ ทรงธรรมล้ำมะนุษ ฤทธิรุทมหาศาล บำเพ็ญพะลีการ ทุกอย่างงามตามวิสัย ๏ ครั้นถึงเวลาควร ภูมิศวรจากไผท
4 เสด็จสุราลัย เสวยสุขในแดนสรวง ๏ เหล่าฃ้าพึ่งพระเดช ปกป้องเกศฃ้าทั้งปวง จึ่งพร้อมณแดดวง ภักดีหมายถวายพร ๏ สิ่งใดพระประสงค์ จงสิทธินิรันดร ใดองค์จอมอมร ไม่โปรดปรานเร่งผ่านไป ฯ [สุรางคณา, 28.] สุเทษณ์. เหวยจิตระเสน มึงบังอาจเล่น ล้อกูไฉน? จิตระเสน. เทวะ, ฃ้าบาท จะบังอาจใจ ทำเช่นนั้นไซร้ ได้บ่พึงมี. สุเทษณ์. เช่นนั้นทำไม พวกมึงมาให้ พรกูบัดนี้, ว่าประสงค์ใด ให้สมฤดี? มึงรู้อยู่นี่ ว่ากูเศร้าจิต เพราะไม่ได้สม จิตที่ใฝ่ชม, อกกรมเนืองนิตย์. จิตระเสน. ตูฃ้าภักดี ก็มีแต่คิด เพื่อให้ทรงฤทธิ์ โปรดทุกขณะ. สุเทษณ์. กูไม่พอใจ ! ไล่คนธรรพ์ไป บัดนี้เทียวละ. อย่ามัวรอรั้ง จิตระเสน. เอวํเทวะ! (หันไปสั่งคนธรรพ์.) เออพอแล้วนะ, พวกเจ้าจงไป. (พวกคนธรรพถวายบังคมแล้วเข้าโรง.) ฃ้าบาทได้เตรียม อับสรเสงี่ยม สง่างามไว้ เพื่อร้องและรำ บำเรอเทพไท, แม้โปรดจะได้ เรียกมาบัดนี้. สุเทษณ์. เอาเถิดลองดู เผื่อว่าตัวกู จะค่อยสุขี. จิตระเสน. (เรียก) คณาอับสร ผู้ฟ้อนรำดี, ออกมาบัดนี้ รำถวายกร. (พิณพาทย์ทำเพลงเร็ว. คณะอับสรรำออกมาถึงกลางเวที, ลา, แล้วรำและร้องบทต่อไปนี้, และดนตรี เล่นคลอเสียงไปตลอด, ไม่ต้องรับ.) บทร้องของอับสร (ลำนางนาค.) [ฉบงง, 16.] ๏ เหล่าฃ้าคณาอับสร ก้มเกศยอกร
5 บังคมพระเทพรังสรรค์ ๏ พำนักเนาสุขทุกวัน พระคุณอนันต์ อเนกประดุจโพธิ์ทอง ๏ อันพระเมตตาเนืองนอง ประดุจลออง วะรุณระรื่นรวยเย็น ๏ พระกรุณาแน่เห็น ดิประดุจเปน วายุรำเพยชื่นใจ ๏ พระมุทิตาแน่วใน ฃ้าบาทจึ่งได้ มานะเปนนิตย์ในงาน ๏ พระอุเบกฃาสมาน จิตให้เบิกบาน บ่เสื่อมบ่สูญภักดี ๏ เจ้านายองค์ใดในตรี โลกฤๅจะมี เหมือนพระผู้นั่งเกศา ๏ ขอพึ่งยุคลบาทา ไปจนเวลา ประจวบเมื่อกัลป์บรรลัย ฯ (เพลงเร็ว: อับสรจับระบำสักสามท่าแล้ว, สุเทษณ์ยกมือห้าม, จิตระเสนก็สั่งพวกนางให้เลิกการระบำ , และพวกนางถวายบังคมแล้ว, พิณพาทย์ทำลา, พวกอับสรเข้าโรง, พวกเทพบริวารก็คลานเข้าโรงไปด้วย.) [ยานี, 11.] จิตระเสน. อันนางอับสรศรี รำมิดีประการใด, ขอเทวะฤทธิ์ได้ โปรดตำนิติประทาน. สุเทษณ์. ดีแล้วทั้งการรำ และลำนำขับร้องหวาน, ทั้งดนตรีประสาน ก็ฟังเพราะเสนาะดี; แต่กูที่ใจเศร้า และงึมเหงาอยู่เช่นนี้ ตัวเจ้าก็รู้ดี ว่าเหตุนั้นเปนฉันใด.
6 จิตระเสน. ฃ้าทราบและพลอยโศก, อันโรครักนี้หนักใจ; แต่ในสุราลัย สุรางค์ดีก็มีถม. ฃ้าเชื่อว่าพระองค์ ประสงค์นางสะอางชม คงได้สัมฤทธิ์สม หทัยแท้ทุกนงคราญ [อินทวงส์, ๑๒.] สุเทษณ์. จริงอยู่นะเจ้าเอย ผิจะเชยสมัคสมาน นางใดณแมนการ ก็จะสิทธิสมฤดี, เว้นเดียวก็แต่โฉม มะทะนาวิสุทธิศรี ผู้เลิศสุรางค์มี วรรูปวิเลขวิไลย. แต่เห็นอนงค์รา- มะประเสริฐวิเศษวิสัย ไม่มีอนงค์ใด นะจะเทียบจะเทียมจะทัน; งามผิวประไพผ่อง กลทาบสุภาสุพรรณ, งามแก้มแฉล้มฉัน พระอรุณแอร่มละลาน, งามเกศะดำขำ กลน้ำณท้องละหาน, งามเนตรพินิจปาน สุมณีมะโนหะรา; งามทรวงสล้างสอง วรถันสุมนสุมาลีเลิดประเสริฐกว่า วรุบลสะโรชะมาศ; งามเอวอนงค์ราว สุรศิลปิชาญฉลาด เกลากลึงประหนึ่งวาด วรรูปพิไลยพะวง; งามกรประหนึ่งงวง สุระคชสุเรนทะทรง, นวยนาฏวิลาศวง ดุจะรำระบำระเบง; ซ้ำไพเราะน้ำเสียง อรเพียงพิรมประเลง, ได้ฟังก็วังเวง บ่มิว่างมิวายถวิล.
7 นางใดจะมีเทียบ มะทะนาณฟ้าณดิน, เปนยอดและจอดจิน- ตะนะแน่วณอกณใจ. (จิตระรถออก, ไปไหว้สุเทษณ์, แล้วหมอบคอยฟังรับสั่ง.) [ฉบงง, 16.] สุเทษณ์. อ้อ, จิตระรถเจ้าไป ตามที่กูใช้, สำเร็จประสงค์ฤๅหวา? จิตระรถ. เทวะ, ฃ้าบาทไคลคลา ตามองค์มหา ฤษีผู้นามนารท ไปทั่วทุกแดนสามหมด; ในฟากฟ้าจรด จนถึงขอบนะภาลัย; ไปทั่วแดนมนุษสุดไกล บ่เว้นแห่งใด, กระทั่งยังขอบจักกะวาฬ; ไปทั่วในแดนบาดาล, ทั่วทุกสถาน ทุกถิ่นจนจบภพไตร. ไปถึงซึ่งแคว้นแดนใด, ฃ้าบาทก็ได้ วาดรูปอนงค์งามงอน, มาเพื่อถวายมหิศร; ขอองค์อมร จงทอดพระเนตร์รูปา. สุเทษณ์. มาเถิดนำรูปขึ้นมา, และจงเจรจา แถลงซึ่งลักษณ์ให้กู. (จิตระรถเรียกคนใช้ให้นำรูปออกมา, แล้วเอาขึ้นไปถวายสุเทษณ์ทอดพระเนตรพลาง, จิตระรถแถลง ลักษณะแห่งรูปไปพลาง.) [อุปชาติ, ๑๑.] จิตระรถ. ประถมก็รูปเท- วะธิดาสง่าตรู, มีนามะเรียกยู- วะสุมาลิโศภณ. งามเนตร์และเกศแก้ม กลดอกกะมลสน ธิสิ่งประเสริฐปน กิริยาสง่าศรี. วธูวิเศษเปน วระเทพะนารี ฃ้าองค์อุมาศรี สุระอัคคะเทวิน, เนาคีริไกลาศ. สุเทษณ์. อ๊ะฉนั้นจะจงจินตะนาจะราคิน, บ่มิควรคะนึงถึง.
8 จิตระรถ. ทุตียะรูปนาง สิริร่างสอางซึ่ง แสนงามและหากถึง จะประเทียบบ่แพ้ใคร. นางชื่อวิเลขา กละภาพพิเศษไซร้, วิโรจน์วิไลยใคร ยละร่านระตีพูน. สะขีพระเทวี มหิษีบดีสูร ผู้สิงณไวกูณฐ์. สุเทษณ์. อ๊ะมิควรจะมุ่งหมาย. หล่อนเปนกำนัลแห่ง หริราชะนารายณ์, จะมุ่งณโฉมฉาย ก็จะทรงพระโกรธา. จิตระรถ. ฉนั้นถวายรูป อระเทพะกัญญา, ชื่อเมนะกาภา สะวิเลขวิไลยวรรณ; ฃ้าเห็นณสวนกลาง อมะราวดีสวรรค์, วิจิตรวิศิษฎ์สรร- พะสะกนธะชวนชม, นางช่างประเลงขับ วรศัพทะเริงรมย์ เปรอองค์สุโรดม. สุเทษณ์. ก็มิควรจะมุ่งมาด ท้าวศักฺระทรงฤท- ธิมหิทธิ์กำแหงกาจ, ผิทรงพิโรธอาจ จะประหัดประลัยลาน. จิตระรถ. ฉนั้นถวายรูป วรราชะนงคราญ หน่อนาถะผู้ผ่าน วรเฃตตะกาศี; ปรากฎพระนามนาง วิมะลาสุนารี, วิสุทธ์วิศิษฎ์ที่ จะตินั้นบ่พึงหา, พระโฉมบ่แพ้โฉม สุระเทวะกัญญา.
9 สุเทษณ์. แพ้ยอดฤดีฃ้า ดุจะกากะเปรียบหงส์. จิตระรถ. นี่รูปธิดาท้าว วรเกาศิกาพงศ์ นรินทะราชทรง บุระกานฺยะกุพฺชา, ประกาศพระนามเรียก วรเรณุกาภา. สุเทษณ์. เปรียบโฉมวิเลขา มะทะนาบ่แพ้นาง จิตระรถ. นี่รูปธิดารา- ชะวิทรรภะโศภางค์, พระนามอนงค์นาง ทมะยันติบังอร. สุเทษณ์. จะมัวสำแดงรูป อระเนาณดินดอน, หวังหาสง่างอน ฤจะเปรียบธิดาสรวง. จิตระรถ. ฃ้าวาดวิเลขา อระงามณแดนปวง ถวายพระปิ่นสรวง, และก็สุดจะโปรดปราน และรูปธิดานา- คะและลูกอสูรหาญ, อันเห็นณบาดาล, ดนุวาดถวายไว้ เพื่อทอดพระเนตรเล่น ตละตนก็ผ่องใส; จะควรมิควรไซร้ ฤก็สุดจะปราณี (จิตระรถส่งรูปถวายสุเทษณ์, และสุเทษณ์รับไปดูผาด ๆ, แล้วส่งคืนให้แก่จิตระรถ, จิตระรถส่งให้คน ใช้นำเข้าโรงไป.) [ฉบงง, 16.] สุเทษณ์. ปวงรูปเจ้าวาดมานี้ เปนรูปนารี ที่ล้วนประเสริฐเลิดงาม; แต่กูดูทุกนงราม ก็ยังเห็นทราม กว่านารีรัตน์มัทนา. ฉนั้นแม้ไม่อาจหา เทียมเท่ามัทนา ฤๅกูจะกล่าวชมเชย? เปนกรรมกูแล้วเจ้าเอย, จำต้องชวดเชย ที่รักสมัคจริงใจ. จิตระรถ. ฉนั้นต้องคิดแก้ไข โดยอุบายให้ พระองค์ได้สมจินดา. สุเทษณ์. จะแก้ฉันใดเล่าหวา? กูหมดปัญญา.
10 จิตระรถ. ฃ้าบาทขอทูลบัดนี้ ยามฃ้าเที่ยวไปถึงที่ ขุนโขดคีรี ศรีมันทะระงามงอน, ได้พบหนึ่งวิทยาธร เรืองวิทยากร มีนามว่ามายาวิน, ผู้นี้มีความรู้ชิน เชิงชาญโยคิน และเชี่ยวอาถารรพ์วิทยา, รู้จักใช้โยคะนิทรา ไปผูกหทยา แห่งผู้ที่อยู่แม้ไกล, อาจร่ายมนตร์เรียกมาได้. สุเทษณ์. อ๊อ ! จริงหรือไฉน? จิตระรถ. ฃ้าบาทได้เห็นเองแล้ว สุเทษณ์. ถ้าจริงเฃาก็เปนแก้ว ! จิตระรถ. ฃ้าบาททราบแล้ว จึ่งกล้านำตัวเฃามา. สุเทษณ์. พามาด้วยแล้วหรือหวา? จิตระรถ. หมอเอกนั้นมา คอยอยู่ข้างนอกพระลาน. ขอได้โปรดให้ทำการ ลองเวทชำนาญ ชำนิถวายสักครั้ง. สุเทษณ์. เจ้าพูดชวนกูให้หวัง ! แม้ไม่สมดัง ปากว่าจะทำฉันใด? จิตระรถ. ฃ้าบาทเชื่อแน่แก่ใจ อยู่แล้วจึ่งได้ กล้าพามาเฝ้าทูลเกศ. ขอโปรดทดลองดูเวท, เผื่อพระทรงเดช จะได้ดังพระจินตนา. สุเทษณ์. ดีละ, เรียกเฃาเฃ้ามา ชั่วดีก็น่า จะลองให้เห็นประจักษ. (จิตระรถถวายบังคมแล้วเข้าโรงไป.) จิตระเสน. เทวะ ! ฃ้าสงสัยนัก, แต่ไม่อยากทัก อยากท้วงต่อหน้าสารถี. เวทมนตร์นั้นเฃาอาจมี จริงอยู่พอที่ จะเรียกเอาใครใครมา แต่จะบังคับหัทยา ให้รักนั้นฃ้า ยังนึกระแวงแคลงนัก. หากเรียกโฉมยงนงลักษณ์ มาแล้วไม่ภัก- ดิอยู่เปนฃ้าบทมาลย์, ก็จะกลับกลายเปนการ เสื่อมเกียรติวิศาล ขององค์พระจอมเทวัน.
11 สุเทษณ์. เจ้าพูดถูกทุกสิ่งอัน, แต่กูอัดอั้น อุระด้วยรักรึงใจ, ฉนั้นถึงอย่างไรๆ เพียงแต่ให้ได้ เห็นวรพักตร์เลิดงาม แห่งมัทนานงราม, ก็อาจมีความ ประโมทย์มนัสสมถวิล. (จิตระรถพามายาวินออกมา มายาวินเปนวิทยาธร, นุ่งห่มหนังเสือ.) จิตระรถ. เทวะ, นี่มายาวิน มาเฝ้าบดิน- ทะด้วยมะโนภักดี. สุเทษณ์. ขอบใจที่มาครานี้; เฃาว่าท่านมี ซึ่งโยคะวิทยาชาญ. หากเราจะขอให้ท่าน ช่วยเปลื้องรำคาญ จะได้ละหรือว่ามา. มายาวิน. เทวะ, อันเวทวิทยา ฃ้ารู้เรียนมา เต็มใจจะใช้ฉลอง พระเดชพระคุณลออง ธุลีบาทลอง จนเต็มสติปัญญา. สุเทษณ์. ท่านมีเวทมนตร์คาถา อาจดลหัทยา ใครๆได้หมดฤๅไฉน? [ภุชงคัปปะยาตร์, ๑๒] มายาวิน. จะทูลเทวะเกรงดู ประหนึ่งตูทนงไป, จะงำเงื่อนบทูลไซร้ ก็เหมือนปิดวิชาการ. พระจงโปรดประทานซึ่ง อภัยฃ้าจะทูลสาร, และความจริงวิชาการ ก็มีอยู่ประจำตน. อถรรพ์เวทะเจนอยู่, และมนตร์ครูก็ได้สน มโนจำและซ้ำค้น คดีเพิ่มบเคลิ้มหลง. ฉนั้นอาจจะผูกจิต- ตะใครได้ประดุจจง, และใช้โยคะแล้วคง จะเรียกให้ตระบึงมา บนานแม้จะอยู่ถึง ณเขาจักกะวาฬา, ฤอยู่สรวงฤอยู่นา- คะโลกต่ำณบาดาล. จะเปนหญิงฤเปนชาย ก็เรียกดายมิยากนาน, เพราะใครเลยจะทนทาน พระอาถัพพะมนตร์ไหว.
12 ฉนั้นแม้พระองค์มี ประสงค์ให้ดนูไซร้ ประชุมมนตระเรียกใคร ก็โปรดมีพระบัญชา. [สุรางคณา, ๒๘.] สุเทษณ์. อันตัวเรานี้ จิตจ่ออยู่ที่ โฉมมะทะนา, ผู้เลิดเลอสรร ในชั้นกามา พะจรฟากฟ้า บ่มีใครทัน. ตั้งแต่เรามา เกิดในฟากฟ้า พิภพภูมิสวรรค์ เราเห็นต้องจิต คิดอยากเชยขวัญ แต่โอ้นางนั้น หล่อนไม่ปลงใจ. มายาวิน. ฃ้าบาทเล็งดู ด้วยญาณก็รู้ นางนี้คือใคร, อีกทั้งรู้เลศ ว่าเหตุไฉน นงรามจึ่งไม่ ปลงใจยินดี. สุเทษณ์. รู้ว่าอย่างไร? มายาวิน. หากทูลความไซร้ จงโปรดปราณี. สุเทษณ์. เอาเถิดอย่าเกรง, เร่งบอกบัดนี้ มีเหตุร้ายดี จงเล่ามาพลัน. [อินทะวิเชียร, ๑๑.] มายาวิน. เมื่อครั้งพระองค์เปน วรราชะราชัน ครองเฃตประเทศขัณ- ฑะวิสุทธิปัญจาล, ตรัสใช้อมาตย์เปน วรทูตะทูลสาร ถึงราชะผู้ผ่าน นรชาติ์สุราษฎร์งาม, ขอองค์ธิดาชื่อ มะทะนาวิไลยราม เปนราชินีตาม วรราชประเพณี; แต่ท้าวสุราษฎร์ไซร้ บมิยอมและยินดี ให้ซึ่งพระบุตรี, พระก็ทรงพระโกรธา. ตรัสเกณฑ์พหลกอง จตุรงคะเสนา ยกไปประชิตรา- ชะบุรีวโรดม. โจมตีบุรีป่น บ่มิทนทลายล่ม,
13 จับได้นโรดม นรนาถสุราษฎร์มา; จึ่งมีพระโองการ จะประหารพระชีวา, แต่หากธิดามา และประนอมมโนฉันท์, ยอมเปนวะธูบาท บริจาริกานันท์, ไถ่โทษะชีวัน ก็จะงดพระอาญา. ฝ่ายนางก็ยอมตาม วรราชะบัญชา, พ่อรอดพระชนมา ก็เพราะลูกสิภักดี. ครั้นนางเสด็จถึง วรมาละกาศรี ก้มเกศและกราบที่ ทวิบาทพระภูบาล, แล้วทูลแถลงโดย สิริสัจจะวาทหวาน ว่าองค์พระนงคราญ บมิอยากจะขัดไท้, แต่ได้ปะฏิญญา วรสัจจะมั่นไว้ ว่าจักมิยอมให้ นรฝืนฤดีรัก. ครั้งนี้แหละสุดแสน จะประดักประเดิดนัก, เพราะว่าบิดารัก จะบรอดพระชนมา, จึ่งยอมถวายตัว และก็ไถ่พระโทษา ขององค์ชนกนา- ถะบต้องมลายชนม์. เสร็จกิจจะการดี กรณียะเปนผล, กราบบาทยุคลตน มะทะนาจะลาตาย. ว่าพลางยุพาชัก วรขัคคะแพรวพราย แทงตรงพระทรวงตาย เฉพาะพักตร์พระภูมี. ตายแล้วกำเนิดใน สุรภพพิศิษฎ์นี้; ฝ่ายองค์พระภูมี ก็บำเพ็ญพะลีกรรม์,
14 จนได้สำเร็จผล จรดลณแดนสฺวรรค์ มาพบและรักกัน เพราะวะเคยสิเนหา. แต่กรรมพระทำไว้ ณพระชาติ์อดีตมา ข้องขัดและขวางหน้า บ่มิให้พระสมจินต์. อันถ้อยดนุทูล ฤก็สัจจะทั้งสิ้น, ขอองค์พระผู้ปิ่น สุรเทวะปราณี. [สุรางคณา, 28] สุเทษณ์. ที่ท่านเล่าไซร้ เราขอขอบใจ ที่ท่านไมตรี และเราขอเพียง เสี่ยงเคราะห์ดูที เผื่อโชคจะมี ดีได้สักครา. มายาวิน. แล้วแต่จะโปรด, ไม่ทรงพิโรธ ก็บุญนักหนา; ขอประทานไฟ จะได้บูชา. จิตระรถ. (ร้องตะโกนสั่งไปในโรง.) เอาของออกมา ตามที่สั่งไว้. (คนใช้นำเครื่องทำพิธีออกมา, คือบายศรี 1, หัวหมู, เป็ด, ไก่, มะพร้าวอ่อน, ขันเหมสำหรับจุดไฟ, และเทียนชะนวนจุดไฟพร้อม; ของเหล่านี้เอาไปตั้งตรงหน้ามายาวิน, และมีคนเอาหญ้าคามาทอดแล้วเอาหนัง กวางปูบนหญ้าคาเปนอาสนะ. มายาวินขึ้นนั่งขัดสมาธิ์บนอาสนะ, จุดไฟในขันเหม, แล้วกล่าวคำบูชาต่อไปนี้.) [สัทฺทุลฺลวิกฺกีฬิต, 19.] มายาวิน. โอมบังคมพระคเณศะเทวะศิวะบุตร์ ฆ่าพิฆฺนะสิ้นสุด ประลัย; อ้างามกายะพระพรายประหนึ่งระวิอุทัย, ก้องโกญจนะนาทให้ สะหรรษ์; เปนเจ้าสิปปะประสิทธิ์วิวิธะวรรณ วิทยาวิเศษสรร- พะสอน; ยามฃ้ากอบกรณีย์พิธีมะยะบวร, จงโปรดประทานพร ประสาท.
15 โอมนารายะณะเทพเถลิงอุระคะอาสน์, ขี่ขุนสุบรรณ์ราช จรัล; ถือศังข์จักระคะทาธรณิผัน ปราบยักษะกุมภัณฑ์ มลาย; เชี่ยวชาญโยคะวิธีพระพีระอภิปราย ดลกิจจะทั้งหลาย สะมิทธิ์. ยามฃ้ากอบกรณีย์พิธีมะยะวิจิตร์ จงสมมะโนสิท- ธิเทอญ. (พิณพาทย์ทำเพลงสาธุการ. มายาวินไหว้บูชาสี่ทิศ,แล้วร่ายมนตร์ต่อไป.) อ้าสองเทเวศร์ โปรดเกศฃ้าบาท ทรงฟังซึ่งวาท ที่กราบทูลเชิญ, โปรดช่วยดลใจ ทรามวัยให้เพลิน จนลืมขวยเขิน แล้วรีบเร็วมา. ด้วยเดขเทพไท ทรามวัยรูปงาม จงได้ทราบความ ฃ้าขอนี้นา, แม้คิดขัดขืน ฝืนมนตร์คาถา ขอให้นิทรา เข้าสึงถึงใจ. มาเถิดนางมา อย่าช้าเชื่องช้อย ตูฃ้านี้คอย ต้อนรับทรามวัย. อ้านางโศภา อย่าช้ามาไว ตูฃ้าสั่งให้ โฉมตรูรีบจร. โฉมยงอย่าขัด รีบรัดมาเถิด ขืนขัดคงเกิด ในทรวงเร่าร้อน, มาเร็วบัดนี้ รีบลีลาจร มาเร็วบังอร ฃ้าเรียกนางมา. (มายาวินประนมมือและนั่งบริกรรม. พิณพาทย์ทำเพลงตระสันนิบาต. ทุก ๆ คนตั้งตาคอยมองดู. พอ รัวท้ายตระ มัทนาเดิรออกมา, ตาจ้องเป๋งไม่แลดูใครและกิริยาอาการเปนอย่างคนที่ยังหลับอยู่, และพูดหรือ แสดงกิริยาอย่างคนที่ฝัน. สุเทษณ์ลุกจากบัลลังก์ลงมาต้อนรับด้วยความยินดี แต่ครั้นเห็นมัทนาจังงังอยู่ไม่ยิ้ม แย้มก็ชงัก, แล้วหันไปพูดกับมายาวิน.) [สุรางคณา, 28.] สุเทษณ์. นางมาแล้วไซร้ แต่ว่าฉันใด จึ่งไม่พูดจา? มายาวิน. นางยังงงงวย ด้วยฤทธิ์มนตรา, แต่ว่าตูฃ้า จะแก้บัดนี้.
16 (พูดสั่งมัทนา.) ดูก่อนสุชาตา มะทะนาวิไลยศรี, ยามองค์สุเทษณ์มี วรพจน์ประการใด, นางจงทำนูลตอบ มะธุรสธตรัสไซร้; เฃ้าใจมิเฃ้าใจ ฤก็ตอบพะจีพลัน. มัทนา. เฃ้าใจละเจ้าฃ้า; ผิวะองค์สุเทษณ์นั้น ตรัสมาดิฉันพลัน จะเฉลยพระวาที. [วสันตะดิลก, ๑๔.] สุเทษณ์. อ้าโฉมวิไลยะสุปฺริยา มะทะนาสุรางค์ศรี, พี่รักและกอบอภิระตี บมิเว้นสิเน่ห์หนัก; บอกหน่อยเถอะว่าดะรุณิเจ้า ก็จะยอมสมัครัก. มัทนา. ตูฃ้าสมัคฤมิสมัค ก็มิขัดจะคล้อยตาม. สุเทษณ์. จริงฤๅนะเจ้าสุมะทะนา วจะเจ้าแถลงความ? มัทนา. ฃ้าขอแถลงวะจะนะตาม สุรเทวะโปรดปราน. สุเทษณ์. รักจริงมิจริงฤก็ไฉน อรไทยบ่แจ้งการ? มัทนา. รักจริงมิจริงก็สุระชาญ ชยะโปรดสถานใด? สุเทษณ์. พี่รักและหวังวธุจะรัก และบทอดบทิ้งไป. มัทนา. พระรักสมัคณพระหทัย ฤจะทอดจะทิ้งเสีย? สุเทษณ์. ความรักละเหี่ยอุระระทด เพราะมิอาจจะคลอเคลีย. มัทนา. ความรักระทดอุระละเหี่ย ฤจะหายเพราะเคลียคลอ? สุเทษณ์. โอ้โอ๋กระไรนะมะทะนา บมิตอบพะจีพอ? มัทนา. โอ้โอ๋กระไรอะมระง้อ มะทะนามิพอดี ! สุเทษณ์. เสียแรงสุเทษณ์นะประดิพัทธ์ มะทะนาบเปรมปรีย์.
17 มัทนา. แม้ฃ้าบเปรมปฺริยะฉะนี้ ผิจะโปรดก็เสียแรง. สุเทษณ์. โอ้รูปวิไลยะศุภะเลิด บมิควรจะใจแขง. มัทนา. โอ้รูปวิไลยะมละแรง ละก็จำจะแขงใจ. (สุเทษณ์จ้องดูนาง, แต่นางยังคงตาลอยไม่จับตาอยู่ สุเทษณ์ออกฉงน, จึ่งลองพูดไปอีก.) สุเทษณ์. หากพี่จะกอดวธุและจุม- พิตะเจ้าจะว่าไร? มัทนา. ฃ้าบาทจะขัดฤก็มิได้ ผิพระองค์จะทรงปอง. สุเทษณ์. ว่าแต่จะเต็มฤดิฤหาก ดนุกอดและจูบน้อง? มัทนา. เต็มใจมิเต็มดนุก็ต้อง ประติบัติ์ระเบียบดี. (สุเทษณ์ไม่พอใจในคำตอบของนาง, จึ่งหันไปพูดกับมายาวิน.) [สุรางคณา, 28] สุเทษณ์. แน่ะมายาวิน เหตุใดยุพิน จึงเปนเช่นนี้? ดูราวมะเมอ เผลอๆ ฤดี ประดุจไม่มี ชีวิตจิตใจ. คราใดเราถาม หล่อนก็ย้อนความ เหมือนเช่นถามไป, ดังนี้จะยวน ชวนเชยฉันใด ก็เปรียบเหมือนไป พูดกับหุ่นยนตร์. มายาวิน. เทวะ, ที่นาง อาการเปนอย่าง นี้เพราะฤทธิ์มนตร์; โยคะอันขลัง บังคับได้จน ให้ตอบยุบล ได้ตามต้องการ แต่จะบังคับ ใครๆ ให้กลับ มโนวิญญาณ, ให้ชอบให้ชัง ยืนยังอยู่นาน ย่อมจะเปนการ สุดพ้นวิสัย. หากว่าพระองค์ มีพระประสงค์ อยู่เพียงจะให้ นงคราญฉลอง รองพระบาทไซร้ ฃ้าอาจผูกใจ ไว้ด้วยมนตรา, มิให้นงรัตน์ ดื้อดึงขึ้งขัด ซึ่งพระอัชฌา, บังคับให้ยอม ประนอมเปนฃ้า บาทบริจา ริกาเทวัน. สุเทษณ์. อ๊ะ ! เราไม่ขอ ได้นางละหนอ โดยวิธีนั้น ! เสียแรงเรารัก สมัคใจครัน อยากให้นางนั้น สมัครักตอบ.
18 ผูกจิตด้วยมนตร์ แล้วตามใจตน ฝ่ายเดียวมิชอบ, เราใฝ่ละโบม ประโลมใจปลอบ ให้นางนึกชอบ นึกรักจริงใจ. ฉนั้นท่านครู คลายเวทมนตร์ดู อย่าช้าร่ำไร, หากเราโชคดี ครั้งนี้คงได้ สิทธิ์สมดังใจ; รีบคลายมนตรา. มายาวิน. เอวํ เทวะ (มายาวินประนมมือแล้วร่ายมนตร์ต่อไปนี้) (วิชฺชุมฺมาลา, 8.) มายาวิน. อันเวทอาถรรพ์ ที่พันธ์ผูกจิต แห่งนางมิ่งมิตร์ อยู่บัดนี้นา, จงเคลื่อนคลายฤทธิ์ จากจิตกัญญา คลายคลายอย่าช้า สวัสดีสวาหาย ! (พิณพาทย์ทำเพลงรัว. มายาวินยกมือไหว้แล้วเสกเป่าไปทางมัทนา. ฝ่ายมัทนาค่อย ๆ รู้สึกตัว, เอามือ ลูบตาเหมือนคนตื่นนอน, และพอจบรัวก็พอได้สติบริบูรณ์. บัดนี้นางเหลียวแลไปเห็นสุเทษณ์ก็ตกใจ, ตั้งท่า เหมือนจะหนีไป, แต่สุเทษณ์ขวางทางไว้.) [ฉบงง, 16.] สุเทษณ์. อ้ามัทนาโฉมฉาย เฉิดช่วงดังสาย วิชชุประโชติอัมพร ไหนๆ ก็เจ้าสายสมร มาแล้วจะร้อน และรนและรีบไปไหน? มัทนา. เทวะ, อันฃ้านี้ไซร้ มานี่อย่างไร บทราบสำนึกสักนิด; จำได้ว่าฃ้าสถิต ในสวนมาลิต และลมรำเพยเชยใจ, แต่อยู่ดีๆ ทันใด บังเกิดร้อนใน อุระประหนึ่งไฟผลาญ, ร้อนจนสุดที่ทนทาน แรงไฟในราน ก็ล้มลงสิ้นสมฤดี. ฉันใดมาได้แห่งนี้? หรือว่าได้มี ผู้ใดไปอุ้มฃ้ามา? ขอพระองค์จงเมตตา และงดโทษฃ้า ผู้บุกรุกถึงลานใน. สุเทษณ์. อ้าอรเอกองค์อุไร พี่จะบอกให้ เจ้าทราบคดีดังจินต์; พี่เองใช้มายาวิน ให้เชอญยุพิน มาที่นี้ด้วยอาถรรพ์. มัทนา. เหตุใดพระองค์ทรงธรรม์ จึ่งทำเช่นนั้น ให้ฃ้าพระบาทต้องอาย แก่หมู่ชาวฟ้าทั้งหลาย? โอ้พระฦๅสาย พระองค์บทรงปราณี.
19 (มัทนาร้องได้. พิณพาทย์ทำเพลงโอด สุเทษณ์ปลอบ.) สุเทษณ์. อ้ายอดสิเนหา มะทะนาวิสุทธิศรี, อย่าทรงพระโศกี วรพักตร์จะหม่นจะหมอง. พี่นี้นะรักเจ้า และจะเฝ้าประคับประคอง คู่ชิดสนิธน้อง บ่มิให้ระคางระคาย. พี่รักวะธูนวล บ่มิควรระอาละอาย, อันนาริกับชาย ฤก็ควรจะร่วมจะรัก. รูปเจ้าวิไลยราว สุระแสร้งประจิตประจักษ์, มิควรจะร้างรัก เพราะพะธูพิถีพิถัน; ธาดาธสร้างองค์ อรเพราพิสุทธิสรรพ์ ไว้เพื่อจะผูกพัน- ธนะจิตตะจองฤดี. อันพี่สิบุญแล้ว ก็พะเอินประสพสุรี แลรักสมัคมี มนะมุ่งทนุถนอม ขอโฉมเฉลาปลง พระฤดีประนีประนอม รับรักและยินยอม ดนุรักสมัคสมาน. หากนางมิข้องขัด ประดิพัทธ์ประสมประสาน, ทั้งสองจะสุขนาน มนะจ่อบจืดบจาง. อ้าช่วยระงับดับ ทุขะพี่ระคายระคาง; พี่รักอนงค์นาง ผิมิสมฤดีถวิล, เหมือนพี่มิได้คง วรชีวะชีวิตินทรีย์ไซร้บ่ใฝ่จิน- ตะนะห่วงและห่อนนิยม. ชีพอยู่ก็เหมือนตาย, เพราะมิวายระทวยระทม ทุกข์ยากและกรากกรม อุระช้ำระกำทวี,
20 อ้าฟังดนูเถิด มะทะนาและตอบวจี พอให้ดนูนี้ สุขะรื่นระเริงระรวย. [วสันตะดิลก, 14.] มัทนา. ฟังถ้อยดำรัสมะธุระวอน ดนุนี้ผิเอออวย จักเปนมุสาวะจะนะด้วย บมิตรงกะความจริง. อันชายประกาศวะระประทาน ประดิพัทธะแด่หญิง, หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง ผิวะจิตตะตอบรัก; แต่หากฤดีบอะภิรม จะเฉลยฉนั้นจัก เปนปดและลวงบุรุษะรัก ก็จะหลงละเลิงไป. ตูฃ้าพระบาทสิสุจริต บมิคิดจะปดใคร, จึ่งหวังและมุ่งมะนะสะใน วรเมตตะธรรมา. อันว่าพระองค์กรุณะข้อย ฤก็ควรจะปรีดา, อีกควรฉลองวรมหา กรุณาธิคุณครัน; ดังนี้คะนึงฤก็ระบม อุระแห่งกระหม่อนฉัน, ที่ตนบอาจจะอภิวัน- ทะนะตอบพระวาจา ให้ถูกประดุจสุระประสงค์, ผิวะทรงพระโกรธา, หม่อมฉันก็โอนศิระณบา- ทะยุคลและกราบกราน. [อินทวงส์, 12.] สุเทษณ์. ที่หล่อนมิยินยอม มะนะรักสมัคสมาน, มีคู่สะมรมาน อภิรมย์ฤเปนไฉน? [วสันตะดิลก, 14.] มัทนา. หม่อมฉันบมีบุรุษะผู้ ประดิพัทธะใดใด, เปนโสดบมีมะนะสะใฝ่ อภิรมฤสมรส. [อินทวงส์, .]12
21 สุเทษณ์. เช่นนั้นก็เชิญฟัง ดนุกล่าวสิเนหะพจน์, เจ้างามประเสริฐหมด ก็มิควรฤดีจะดำ. [วสันตะดิลก, 14.] มัทนา. หม่อมฉันสดับมะธุระถ้อย ก็สำนึกเสนาะคำ, แต่ต้องทำนูลวะจะนะซ้ำ ดุจะได้ทำนูลมา. [อินทวงส์, 12.] สุเทษณ์. นี่เจ้ามิยอมรับ รสะรักฉนั้นฤจ๋า? ตัวฉันจะเลวสา หะสะด้วยประการไฉน? [วสันตะดิลก, 14.] มัทนา. อ้าองค์พระผู้สุระวิศิษฎ์, พระจะผิดสะฐานใด? หม่อมฉันสิทรามเพราะบ่มิได้ อนุวัตน์พระบัญฑูร. [อินทวงส์, 12.] สุเทษณ์. ยิ่งฟังพะจีศรี ก็ระตีประมวลประมูล, ยิ่งขัดก็ยิ่งพูน ทุขะท่วมระทมหะทัย ! อ้าเจ้าลำเภาพักตร์ สิริลักษะณาวิไลย, พี่จวนจะคลั่งไคล้ สติเพื่อพะวงอนงค์. (วสันตะดิลก, 14.) มัทนา. โอ้โอ๋ละเหี่ยอุระสดับ วรศัพทะท่านทรง อ้อยอิ่งแสดงวรประสง- คะณตัวกระหม่อมฉัน; อยากใคร่สนองพระวรสุน- ทรคุณอเนกนั้น, จนใจเพราะผิดคติสุธรรม์ สุจริตประติชฺญา. ขอให้พระองค์อะมะระเท- วะเสวยประโมทา, หม่อมฉันจะขอประณตะลา สุระราชลิลาศไป. (มัทนากราบแล้วตั้งท่าจะไป, แต่สุเทษณ์จับข้อมือไว้ด้วยกิริยาออกจะโกรธ.) (ฉบงง, 16.)
22 สุเทษณ์. ช้าก่อน! หล่อนจะไปไหน? มัทนา. หม่อมฉันอยู่ไป ก็เครื่องแต่ทรงรำคาญ. สุเทษณ์. ใครหนอบอกแก่นงคราญ ว่าพี่รำคาญ? มัทนา. หม่อมฉันสังเกตเองเห็น. สุเทษณ์. เออ! หล่อนนี้มาล้อเล่น! อันตัวพี่เปน คนโง่ฤๅบ้าฉันใด? มัทนา. หม่อมฉันเคารพเทพไท ทูลอย่างจริงใจ ก็บมิทรงเชื่อเลย, กลับทรงดำรัสเฉลย ชวนชักชมเชย และชิดสนิธเสนหา. พระองค์ทรงเปนเทวา ธิบดีปรา- กฎเกียรติยศเกรียงไกร, มีสาวสุรางค์นางใน มากมวลแล้วไซร้ ในพระพิมานมณี, จะโปรดปรานฃ้าบาทนี้ สักกี่ราตรี? และเมื่อพระเบื่อฃ้าน้อย จะมิต้องนั่งละห้อย นอนโศกเศร้าสร้อย ชะเง้อชะแง้แลหรือ? หม่อมฉันนี้เปนผู้ถือ สัจจาหนึ่งคือ ว่าแม้มิรักจริงใจ, ถึงแม้จะเปนชายใด ขอสมพาศไซร้ ก็จะมิยอมพร้อมจิต. ดังนี้ขอเทพเรืองฤทธิ์ โปรดฃ้าน้อยนิด, ฃ้าบาทขอบังคมลา. [กมล, 12.] สุเทษณ์. (ตวาด) อุเหม่ ! มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ ชิชิช่างจำนรรจา, ตะละคำอุวาทา ฤกระบิดกระบวนความ. ดนุถามก็เจ้าไซร้ บมิตอบณคำถาม, วนิดาพยายาม กะละเล่นสำนวนหวล. ก็และเจ้ามิเต็มจิต จะสดับดนูชวน, ผิวะให้อนงค์นวล ชนะหล่อนทนงใจ. บ่มิยอมจะร่วมรัก และสมัคสมรไซร้
23 ก็ดะนูจะยอมให้ วนิดานิวาศสฺวรรค์, ผิวะนางพะเอินชอบ มรุอื่นก็ฃ้าพลัน จะทุรนทุรายศัล- ยะบ่อยากจะยินยล; เพราะฉนั้นจะให้นาง จุติสู่ณแดนคน, มะทะนาประสงค์ตน จะกำเนิดณรูปใด? ทวิบทจะตูร์บาท ฤจะเปนอะไรไซร้, วธุเลือกจะตามใจ และจะสาปประดุจสรร; จะสถิตฉนั้นกว่า จะสำนึกณโทษทัณฑ์, และผิวอนดนูพลัน จะประสาทพระพรให้ วนิดาจรัลกลับ ณประเทศสุราลัย; ก็จะชอบสะฐานใด วธุตอบดนูมา [สาลินี, 11.] มัทนา. อ้าเทพศักด์สิทธิ์ซึ่ง พระจะลงพระอาญา ฃ้าเปนแต่เพียงฃ้า บมิมุ่งจะอวดดี. หม่อมฉันนี่อาภัพ และก็โชคบพึงมี, จึ่งไม่ได้รองศรี วรบาทพระจอมแมน. อันทรงเมตตาควร จะประจบและตอบแทน คุณท่านที่มากแสน คณนาประมวญมี. อันโปรดให้เลือกตาม ฤดิฃ้าณบัดนี้, ขอเปนซึ่งมาลี รุจิเรขวิไลยวรรณ, สุดแท้แต่จอมสรวง จะประสิทธิ์ประสาทพันธุ์ ขอเพียงให้มีคัน- ธะระรื่นระรวยหอม. ด้วยกลิ่นของฃ้าบาท ก็จะได้ประณตน้อม
24 ใจนิตย์บูชาจอม สุระบ่มบำเพ็ญบุญ. ฃ้าขอแต่เพียงให้ มรุทรงพระการุญ, [ฉบงง, 16.] สุเทษณ์. ที่เจ้างอนง้อขอนั้น เราจะยอมสรร- พะสิทธิดังใจจินต์. ดูราท่านมายาวิน, นางนี้ถวิล จะถือรูปเปนมาลี. ก็บุปผาอย่างใดมี ที่งามทั้งสี อีกทั้งมีกลิ่นส่งไกล? แต่ต้องให้มีหนามไว้ ป้องกันมิให้ เหล่าเดรัจฉานผลาญยับ. มายาวิน. เทวะ ! อันไม้งามสรรพ มีลักษณ์ต้องกับ พระองค์ดำรัสนั้นมี ในนันทะโนทยานศรี องค์พระศจี ธโปรดเปนยอดมาลา. เห็นมีแต่ในฟากฟ้า ในแดนคนหา ไม้นี้มิได้แห่งไหน. [อินทะวิเชียร11, .] มายาวิน. ไม้เรียกผะกากุพ- ชะกะสีอรุณแสง ปานแก้มแฉล้มแดง ดรุณีณยามอาย; ดอกใหญ่และเกสร สุวคนธะมากมาย, อยู่ทนบวางวาย มธุรสขจรไกล; อีกทั้งสะพรั่งหนาม ดุจะเข็มประดับไว้, ผึ้งเขียวสิบินไขว่ บมิใคร่จะห่างเหิน. อันกุพฺชะกาหอม, บริโภคอร่อยเพลิน, รสหวานสิหวานเชอญ นรลิ้มเพราะเลิดรส; กินแล้วระงับตรี พิธะโทษะหายหมด, คือลมและดีลด ทุษะเสมหะเสื่อมสรรพ์; อีกทั้งเจริญกา- มะคุณาภิรมย์นันท์, เย็นในอุราพลัน, และระงับพยาธี. [ฉบงง, 16.]
25 สุเทษณ์. ดีละ, จะให้มารศรี เปนดอกไม้นี้ โฉมยงจะว่าฉันใด? มัทนา. ไหนๆ จะเปนดอกไม้, หม่อมฉันพอใจ เปนดอกที่ออกนามมา. ฃ้าขอก้มเกศวันทา ที่จอมเทวา การุญให้เลือกเช่นนี้. สุเทษณ์. ด้วยอำนาจอิทธิ์ฤทธี อันประมวญมี ณตัวกูผู้แรงหาญ, กูสาปมัทนานงคราญ ให้จุติผ่าน ไปจากสุราลัยเลิด, สู่แดนมนุษย์และเกิด เปนมาลีเลิด อันเรียกว่ากุพฺชะกะ, ให้เปนเช่นนั้นกว่าจะ รู้สึกอุระ ระอุเพราะรักรึงเข็ญ. ทุกเดือนเมื่อถึงวันเพ็ญ ให้นางนี้เปน มนุษย์อยู่กำหนดมี เพียงหนึ่งทิวาราตรี; แต่หากนางมี ความรักบุรุษเมื่อใด, เมื่อนั้นแหละให้ทรามวัย คงรูปอยู่ไซร้ บคืนกลับเปนบุปผา. หากรักชายแล้วมัทนา บมีสุฃา- ภิรมย์เพราะเริดร้างรัก, และนางเปนทุกข์ยิ่งนัก จนเหลือที่จัก อดทนอยู่อีกต่อไป, เมื่อนั้นผิว่าอรไทย กล่าววอนเราไซร้ เราจึ่งจะงดโทษทัณฑ์. [จิตระปทา, 8.] นางมะทะนา จุติอย่านาน จงมะละฐาน สุระแมนสวรรค์, ไปเถอะกำเนิด ณหิมาวัน ดังดนุลั่น วจิสาปไว้ ! (พิณพาทย์ทำเพลงคุกพาทย์, สุเทษณ์แผลงฤทธิ์, ฟ้าแลบแวบวาบตลอดเพลง พอถึงรัวท้าย มัทนาร้อง กรี๊ดและล้มลมกับพื้น) (ปิดม่าน.) องก์ที่ 2 ตอนที่ 1 ฉาก: ในกลางหิมะวัน. [เปนลานหญ้าอยู่ในระหว่างต้นไม้ใหญ่งาม ๆ, ที่ตรงกลางแห่งด้านหลังของเวที มีต้นกุหลาบอยู่ต้น 1, ซึ่งมีดอกแต่ดอกเดียว, เปนดอกใหญ่, สีชมพูแก่. นอกจากต้นกุหลาบมีต้นดอกไม้อย่างอื่นอีกบ้างก็ได้, และตาม ต้นไม้มีกล้วยไม้กำลังออกดอกไสวอยู่หลายช่อ.]
26 (เปิดม่านขึ้นเห็นเวทีว่างอยู่. แล้วนาค และศุน, ศิษย์ของพระกาละทรรศินมุนี, จึ่งออกมา.) นาค. มันอยู่ทางนี้แน่! แกไม่ได้กลิ่นหรือ? ศุน. ฮือ! นาค. จะพูดอะไรก็ไม่พูด. มีแต่ร้องฮือเท่านั้น. ศุน. ก็จริงๆ นี่ ให้ตายสิ! (ลงนั่งเหยียดตีน, และแสดงอาการกิริยาเหนื่อย.) นาค. จริงอะไร? ศุน. อยู่ดีๆ ใช้ให้ตามหากลิ่น, ใครจะไปหาพบ. (นอนเหยียดลงกับพื้น) นาค. ทำไมจมูกแกไม่มีหรือ? (นั่งบนตอไม้.) ศุน. ก็มีน่ะสิ! แต่เกิดมายังไม่เคยรับใช้เช่นนี้เลย. ฃ้าสูดหากลิ่นเสียจนจมูกเยิ้มแล้ว, รู้ไหม? นาค. จมูกเยิ้มก็ดีอยู่แล้ว, แปลว่าแกไม่เจ็บ. ศุน. เอ๊ะ! อย่างไรกัน? นาค. ฃ้าเคยสังเกตเห็นอ้ายด่างของฃ้า, เมื่อไรจมูกมันแห้งละก็แปลว่ามันไม่สบาย. ศุน. อุวะ! แล้วกัน! เอาฃ้าไปเฃ้าประเภทหมาเสียแล้ว! นาค. ก็ดีนี่นะ; หมาจมูกมันเก่งกว่าคนเราอีก. ศุน. (ยกมือขึ้นปัด) เฮ้ย! อย่าเล่นน่า! จั๊กะจี้. (ผงกหัวขึ้นมองดู.) เอ๊ะ! พิกลแฮะ หมายว่าแกเล่นรังแก อีก. ที่แท้แมลงภู่น่ะเอง. (นอนลงอีก.) นาค. แกว่าแมลงภู่หรือ? เอ! ท่าทางชอบกล! (ลุกขึ้นเดิรมอง.) ศุน. นั่นลุกขึ้นเดิรไขว่อยู่ทำไมนะ? ฃ้าเวียนหัวพิลึก. นาค. ที่ไหนมีแมลงภู่ต้องมีของหอม, ฉนั้น – (เดิรค้นต่อไป.) ศุน. (เอกเขนกขึ้น, หันหน้าไปทางหลังเวที.) แกนี่- (เห็นดอกกุหลาบ, จึ่งร้องขึ้น.) นั่นแน่! ได้ตัวแล้ว, ให้ตกนรกสิ! นาค. อะไร? ศุน. อ้ายของหอมของแก. (ชี้ดอกกุหลาบ.) นั่นเปนไร. นาค. (เดิรเข้าไปยังต้นกุหลาบ.) จริงของแก; อ้ายดอกนี่เอง. เอ๊ะ!เฃาเรียกดอกอะไรนะ?
27 ศุน. ชบา. นาค. บัดซบ! ชบาหอมมีหรือ? ศุน. มี หอมเขียว! นาค. มิลักขู! หอมเขียวมีหรือ? ศุน. ไม่มีก็เเล้วไปสิ. นาค. อีกประการหนึ่ง, ชบาไม่มีหนาม; นี่หนามชุมพิลึก. ศุน. ถ้าฉนั้นเรียกว่าอะไรล่ะ? นาค. ถ้าฃ้ารู้ฃ้าจะถามแกหรือ? แต่บางทีโสมะทัตจะรู้จัก. ไปบอกข่าวให้เฃาทราบเห็นจะดีนะ. ศุน. ดีสิ. แกรีบไปเถอะ. นาค. ก็แกล่ะ? ศุน. ฃ้าจะอยู่เฝ้าอ้ายต้นไม้นี่. (นอนลงอีก.) นาค. ชิๆ! มันจะหายไปไหนได้เทียวนะ. ต้นไม้มันเดิรหนีไปเองได้เมื่อไร. ศุน. ก็เผื่อมีคนมาลักเอาไปเสียล่ะ? นาค. ผู้คนอะไรมีมาในป่านี้นอกจากพวกเรา. ศุน. ก็พวกเราน่ะแหละ; ถ้าแม้ว่าเราไปเสียทั้งสองคน, แล้วมีคนอื่นในพวกเรามาพบต้นไม้นี่เข้า แล้ว รีบเอาความไปเรียนท่านอาจารย์ได้ก่อน, เรามิขาดทุนหรือ? นาค. ก็จริงอยู่, แต่ว่าถ้าท่านอาจารย์ได้ทราบฃ่าวที่ท่านปราถนาแล้วก็เปนผลเท่ากันไม่ใช่หรือ? ศุน. มันจะเท่ากันอย่างไรได้, พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย. ใครเปนผู้เอาความไปบอกได้ก่อนคนนั้นก็ต้องได้ บำเหน็จสิ. นาค. ถ้าเช่นนั้นแกไปบอกฃ่าวเถอะ, จะได้ได้บำเหน็จ. ศุน. อ๋อ, ฃ้าไม่เปนคนที่อยากได้บำเหน็จถึงปานนั้นดอก. แกไปเถอะ. นาค. สรูปความก็เปนอันว่าแกขี้เกียจเกินที่จะเดิรไปรับบำเหน็จ, แต่ไม่อยากให้ใครแย่งความชอบ, ฉนั้นหรือ?
28 ศุน. สรูปความว่าแกมัวพูดอยู่เช่นนี้เสียเวลาเปล่า! จะไปก็ไปเถอะ เดี๋ยวก็จะตามหาโสมะทัตไม่พบเท่า นั้นเอง! (โสมะทัต, หัวหน้าศิษย์ของพระกาละทรรศินออก.) โสมะทัต. ได้ยินใครออกชื่อฉันหรือ? ศุน. (ตกใจ, รีบนั่งขึ้น.) ผมเอง, ขอรับ, ออกนามนาย. (ชี้ต้นกุหลาบ.) ผมหาพบดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม ได้แล้วขอรับ. นั่นขอรับ. โสมะทัต. ก็ดีแล้ว, แต่ทำไมไม่รีบไปบอกฉัน? ศุน. ผมกำลังจะรีบไปอยู่แล้วโสมะทัต. ฉนั้นจึ่งยังนอนเหยียดยาวฉนั้นหรือ? ศุน. ที่ผมเหยียดนั้นก็เพื่อให้แข้งขายืดเสียก่อน แล้วจะลุกขึ้นวิ่งไปโดยรวดเร็วเต็มฝีเท้า. โสมะทัต. อ้อ! ถ้าฉนั้นเมื่อได้เตรียมพร้อมอยู่แล้วที่จะวิ่ง ก็ออกวิ่งไปเรียนท่านอาจารย์ให้ทราบเดี๋ยวนี้. ศุน. ขอรับ! ไปปรื๋อเปนลมพัดเทียวละขอรับ. (ไหว้แล้วลุกขึ้นวิ่งเข้าโรงไป.) (โสมะทัตไปพิจารณาดูกุหลาบด้วยความพิศวงอยู่ครู่ใหญ่ๆ แล้วจึ่งกล่าวคำชม.) [อุปัฏ ิตา, 11.] โสมะทัต. อันบุษปะประหลาด บมิเห็นณแห่งใด งามสรรพะวิไล- ยะวิเศษะมาลี; สีแดงก็มิจ้า ดุจะดอกชบาสี, งามดังดรุณี ยละเพลินเจริญตา. กลิ่นหอมก็ระรวย รสะลมรำเพยพา ถึงไหนฤก็น่า จะระรื่นพิรมหวล. แม้แต่งศิระเกล้า วนิดาลอองนวล เห็นแน่จะประมวญ วรลักษะณานาง; ลอยภาชะนะน้ำ ก็จะทำอุทกพลาง หอมรื่นระสะอย่าง สุรเทวะโอสถ.
29 จัดภาชะนะตั้ง พะลิเทวะทรงยศ, กลิ่นหอมบละลด จะประลุณเเดนสรวง. อันบุษฺปะประเสริฐ ณสกลพิภพปวง งามเลิดและเหมาะดวง ฤดิเท่าบพึงหา. (พระกาละทรรศินคณาจารย์ออก, มีศุนกับบริวารอื่น ๆ ถือจอบเสียมตามมาหลายคน.) [ฉบงง, 16.] กาละทรรศิน. ไหนเล่าต้นไม้ที่ว่า มีดอกสง่า และหอมประเสริฐส่งไกล? ศุน. อยู่นี่เจ้าฃ้า! ฃ้าไซร้ เปนผู้ที่ได้ ประสพพบดอกอัศจรรย์. นาค.. ตูฃ้ามาด้วยพร้อมกัน. ศุน. แต่ว่าดิฉัน เปนผู้ประสพพบแท้. นาค.. ตูฃ้าเดิรหาเจียนแย่ ส่วนเฃานอนแผ่ สบายอยู่กลางปัฐพี. ศุน. จะนอนหรือนั่งตามที แต่เห็นของดี- นาค เพราะโชคเท่านั้นบันดาล! กาละทรรศิน. มัวเถียงกันไม่เข้าการ! ไปเก็บดวงมาลย์ มาให้เราพลันทันใด. (พระกาละทรรศินไปนั่งบนตอไม้. ฝ่ายนาคกับศุนนั้นต่างวิ่งแย่งกันไปเก็บดอกกุหลาบ; นาคเปนผู้ยื่น มือเข้าไปถูกหนามเข้าก็หดมือกลับโดยอาการตกใจ, ฝ่ายศุนหัวเราะเยาะและยื่นมือเข้าไป, ก็ถูกหนามบ้างต้อง หดมือกลับออกมาเหมือนกัน.) โสมะทัต. สองคนอย่ามัวร่ำไร! ท่านสั่งแล้วไย มิทำดังท่านบัญชา? นาค.. ไม่ไหวจริงๆ เจ้าฃ้า. ศุน. ท่านดีลองมา เก็บเอาไปเองเถิดหนอ. โสมะทัต. อย่ามัวพูดจาต่อล้อ ต่อเถียงเราหนอ; จงเก็บดอกไม้โดยพลัน. นาค.. โอ้ช่างไม่เห็นใจกัน! ใช่ว่าดิฉัน จะแสร้งขัดคำพี่พราหมณ์; จริงๆ อยากใคร่ทำตาม, แต่ว่าถูกหนาม! ศุน. โอยเจ็บพิลึกกึกกือ!
30 โสมะทัต. แกทั้งสองคนหัวดื้อ, ไร้ความนับถือ จึ่งขัดคำเราผู้ใหญ่; ช่างเถิดไม่จำต้องใช้! ศุน. ดีแล้วเชอญไป ถูกหนามเล่นบ้างแหละดี! (โสมะทัตตรงเข้าไปจะเด็ดดอกกุหลาบ, ถูกหนามเข้าบ้างต้องหดมือออกมา. ศิษย์สองคนหัวเราะ. ซึ่ง ทําให้โสมะทัตขัดใจ, ชักมีดเหน็บออกจะฟันกิ่งกุหลาบ.) กาละทรรศิน. ช้าก่อน! อย่าตัดมาลี ที่งามเช่นนี้; เราอยากใคร่ให้ขุดไป ปลูกหน้าอาศรมเพื่อได้ ดูเล่นต่อไป อีกนานสำราญฤดี. (โสมะทัตสั่งพวกบริวารให้ขุดต้นกุหลาบ. พอบริวารเอาเครื่องมือขุดลงก็มีเสียงเหมือนผู้หญิงร้อง “โอ๊ย!” พวกบริวารตกใจ, โจษย์กันต่าง ๆ นานา. โสมะทัตบังคับให้ขุดอีกก็มีเสียงร้องเช่นนั้นอีกทุกคราว เล่น ตลกพูดกันเองพอสมควร, แล้วในที่สุดพวกบริวารไม่มีใครกล้าขุด. โสมะทัตจะลงมือขุดเอง, แต่พระกา ละทรรศินยกมือห้ามไว้.) [อุเปนทะวิเชียร, 11.] กาละทรรศิน. อ๊ะ! อย่านะอย่าเพ่อ! ผิวะมิ่งสุมาลี จะไปกะเราน ละก็จึ่งจะพาไป: เพราะเราสิเล็งญา- ณะเเละทราบฉนี้ได้; ผะกาพิเศษไซร้ บมิใช่ผะกาจริง, และเปนวะธูผู้ ปะระเศรษฐะยอดหญิง, เพราะรักษะสัจยิ่ง บมิยอมจะเสียธรรม์, ก็ถูกกำราบให้ จุติจากณแดนสฺวรรค์ กำเนิดประดุจพัน- ธุผกาพิเศษนี้. ณวันพระจันทร์เพ็ญ ก็จะเปนสุนารี และคงฉนั้นมี เฉพาะหนึ่งทิวากาล และเอกะราตรี ก็จะกลับสกนธ์ปาน ผะกาสุคนธ์หวาน รสระรื่นระรวยไซร้. ณถิ่นวนารัณ- ยะกะนี้สิอยู่ไกล
31 กุฎีและทิ้งไว้ จะลำบากสกนธ์นาง; ฉนั้นจะกล่าวชวน จระไปณสวนข้าง กุฎีดนูพลาง จะทนุถนอมดี. (พระกาละทรรศินลุกขึ้นไปที่ต้นกุหลาบแล้วพูดกับต้นกุหลาบต่อไป.) [สัทธะรา, 21.] อ้ามาลีเลิดฤดีเพลิน, สุวิมะละและเจริญ, ฃ้าจะขอเชอญ ผะกาไป สู่สวนงามข้างกุฎีให้ ระมะณิยะจะบำรุงไว้ เพื่อบมีภัย พิบัติปวง; ฃ้ารับคำว่าจะแหนหวง ประดุจะวรธิดาดวง ใจจะใฝ่ห่วง สุดาภา. อ้าเชอญไปกับบิดานา! ดรุณิอภยะครา ขุดชลอพา จรัลไป! (พระกาละทรรศินเรียกเอาหม้อน้ำไปหลั่งลงที่โคนต้นกุหลาบ. พิณพาทย์ทำเพลงรัวฉิ่ง. พอพระกา ละทรรศินหลั่งนํ้าเสร็จแล้ว, สั่งให้บริวารขุดต้นกุหลาบ.คราวนื้ไม่มีเสียงร้องเช่นครั้งก่อน; พิณพาทย์ทำเพลงฉิ่ง ในเวลาที่ขุดตลอดจนขุดเสร็จ, และพวกบริวารจัดการยกต้นกุหลาบขึ้นจากหลุมแล้ว, พิณพาทย์จึ่งหยุด.) กาละทรรศิน. บัดนี้เจ้าอย่าร่ำไร ช่วยกันยกไป ยังสวนณอาศรมสถาน ต้องดีอย่าได้ลนลาน, ประคองเมื่อผ่าน ที่เดิรลำบากยากเข็ญ. จำไว้ว่าไม้นี้เปน ของวิเศษเช่น บ่มีณดินแดนใด. ตามมาฃ้าจะนำไป; โสมะทัตไซร้ จงคอยกำกับตามมา. (พิณพาทย์ทำเพลงเชิด.พระกาละทรรศิน.เดิรนำเข้าโรง, บริวารนำต้นกุหลาบตามไป.) ตอนที่ ๒ ทางเดิรในดง [ใช้เปนม่านม้วนทิ้งระหว่างหลืบ, เขียนเปนภาพต้นไม้และกอหนาม.] (ท้าวชัยเสนออก, พร้อมด้วยศุภางค์, กับทหารและพรานอีกสี่ห้าคน.)
32 [อินทะวิเชียร, 11.] ชัยเสน. เรามัวละเลิงไล่ มิคะงามตะบึงบ้า จนลึกณกลางป่า และระอิดระอาใจ; บัดนี้มิรู้ว่า ดละแทบณหนใด, อีกทั้งจะเดิรไป บริวารบตามทัน. เฃาคงจะเปนห่วง และวิตกเพราะเราครัน; ใครเจนพะนารัณ- ยะประเทศะถิ่นนี้? (ศุภางค์สอบถามพวกพราน. พูดกันเบา ๆ แล้วจึงกราบทูล.) ศุภางค์. พวกพรานกระบวนตาม พระเสด็จก็ไม่มี ผู้ใดชำนาญที่ จะทำนูลถนัดได้; แต่เคยสดับซึ่ง วะจะเฃาแถลงไซร้ ว่ากลางอรัญใหญ่ ณประเทศะแถบนี้ ยังมีสำนักองค์ วรพรหมะโยคี, ผู้ครองคณาชี ปฏิบัติตะปาการ. พรานรับจะไปค้น พระนิวาศคณาจารย์, แล้วมาแถลงการณ์ ผิวะพบพระอาศรม. ชัยเสน. ดีแล้ว,และเรานี้ ก็จะพักณใต้ร่ม พฤกษาสุฃารม- ยะตลอดณราตรี, เพราะว่าจะเดิรต่อ ฤก็เหนื่อยณบัดนี้ เมื่อยล้าวะรินทรี- ยะและใคร่จะผ่อนกาย. คืนนี้ก็จวนเพ็ญ ศศิธรจะงามหงาย, โพยภัยและสัตว์ร้าย ผิจะมาก็เห็นพลัน. จงใช้คณาพราน จรรีบณไพรสันฑ์ หาที่พระนักธรรม์ ธนิวาศณกลางไพร,
33 อีกให้ทหารบ้าง จรย้อนวิถีไป จนพบกระบวนใหญ่ ละก็นำกระบวนมา. ที่เหลือก็ให้ถาง ติณะใต้สุพฤกษา ไทรย้อยลออตา ละก็คงจะพอพัก, จนกว่ากระบวนใหญ่ จรพร้อมก็จึงจัก สร้างค่ายและที่พัก ณประเทศะถิ่นควร. [ฉบงง, 16.] ศุภางค์. ฃ้าจะได้สั่งถี่ถ้วน ตามภูมิศวร ได้มีพระราชบัญชา. พวกพรานจงตามเรามา บัดนี้อย่าช้า จะใช้ไปตามมุ่งหมาย. (ศุภางค์ถวายบังคมท้าวชัยเสนแล้วเข้าโรงไปกับพวกพราน.) [อุปชาติ, 11.] ชัยเสน. อโหระลึกขึ้น ละก็สุดจะเสียดาย! ได้เคยประสพหลาย มิคะแล้วบ่เคยเห็น กวางงามอร่ามทั่ว วรกายะดังเช่น ดนูละเลิงเล่น จรไล่ณวันนี้. ชะเนตร์สนิธนิล กะละนิลมะณีศรี, ยามแลชำเลืองมี กิริยาประหนึ่งอาย; เฃางามประหนึ่งช่อ วรวิชชุมาลย์ฉาย, และหนังระยับลาย กละเลื่อมประดับวาว; ขนองสนิธดำ ดุจะเขียนเขม่ายาว, งามทรวงสอาดราว หิมะตกณยอดผา: ยามเดิรก็งามยิ่ง และจะวิ่งก็ยวนตา, จริตกิรียา กละสาวสุรางค์สวรรค์. และเมื่อดนูตาม มิคะใกล้จะตามทัน,
34 โน้มน้าวธนูมั่น เหมาะและเตรียมจะยิงไป, มัวเพลินตะลึงนิ่ง บมิยิงณบัดใจ และกวางก็ว่องไว จรแผลวณแนวพง. (ศุภางค์กลับออกมาถวายบังคมท้าวชัยเสน.) [ฉบงง, 16.] ศุภางค์. ฃ้าได้จัดพรานดั้นดง ไปตรวจตราตรง ที่อยู่แห่งคณาจารย์, อีกจัดแบ่งพวกทหาร ย้อนทางที่ผ่าน มาแล้วเมื่อไล่มฤคี, ส่วนการแผ้วถางปัฐพี สำเร็จแล้วดี พอจะประทับอาศัย. ชัยเสน. ดีแล้ว, กูนี้อ่อนใจ จึ่งอยากจะใคร่ ได้พักได้ผ่อนกายา. (ท้าวชัยเสน,ศุภางค์, และบริวารเข้าโรง.) ตอนที่ ๓ ลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน [ด้านหลังเวทีเปนมุขหน้าแห่งอาศรม, ซึ่งเปนเรือนเครื่องไม้หลังคามุงแฝก,มีบันใด ๓ ขั้นขึ้นจากพื้นดิน ไปสู่ระเบียง, และจากระเบียงมีประตูเข้าไปในอาศรม.สองข้างเวทีเปนหลืบสวน. มีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้น ๑ ข้อนไป ข้างขวาแห่งเวที, และใต้ต้นไม้นั้นมีแท่นศิลาอ่อน,มีหนังกวางปูลาด. พระกาละทรรศินนั่งอยูบนแท่นนี้.] [ภุชงคัปปะยาตร์, 32.] กาละทรรศิน. เอะมีเหตุอะไรหนอ จะบังเกิดอุปัทว์มา เพราะว่าเนตระซ้ายขวา เขม่นอยู่จะเปนลาง. อะโหนึกก็ร้อนอก วิตกถึงธิดาพลาง, ชรอยภัยจะพานนาง ธิดาแน่ละครานี้. ตะแรกตรวจณฤกษ์ยาม ก็ดูงามและดูดี, คำณวนต่อสิเห็นมี เคราะห์ร้ายแซกณชาตา. บรู้ที่จะทายแน่ จะมีโชคและลาภา, ฤว่าร้ายและนวลนา- ริจักต้องกำสรวลศัลย์. อนิจจาจะเศร้าจิต, ผิเจ้ายอดสุดานั้น
35 เคราะห์เจ้าร้ายทำลายขวัญ, ก็รูปนี้จะพลอยโศก; เพราะรูปได้สุดามา ประดุจได้ประสพโชค, ประหนึ่งเจ้าและนำโศลก ประเวศแน่วณอาศรม, และหากต้องวิโยคเจ้า จะแสนเศร้าณอารมณ์, เพราะเคยเห็นและเคยชม บเว้นว่างณวันเพ็ญ: ธิดาช่างบำเรอจิต บิดาให้ฤดีเย็น; ประดิษฐ์โภชะนาเช่น บเคยลิ้มณก่อนกาล, จะกินเค็มฤกินมัน ก็พลันสมมะโนมาลย์, จะชอบเปรี้ยวฤชอบหวาน ก็ปรุงรสบผิดใจ. มหาเทวะทรงศักดิ์! ดนูภักดิต่อไท, พระจงโปรดดนูไซร้ และคุ้มครองสุดาภา. (มัทนา, ถือกระเช้าเต็มไปด้วยดอกไม้, เดิรออกมาทางขวาและตรงไปคุกเข่าลงที่ตรงหน้าแท่นศิลา, และพูดกับพระกาละทรรศิน.) [กมล, 12.] มัทนา. เอ๊ะอะไรพระพ่อบ่น วรมนตร์ฤเจ้าขา, และดิฉันละลาบมา บมิควรฤฉันใด? ผิวะองค์บิดามุ่ง จะบำเพ็ญตะปาไซร้ ก็ดิฉันจะหลีกไป บมิอยู่และกีดขวาง. พระบิดาก็ย่อมรู้ มะทะนามิอยากห่าง, ปฏิบัตติอยู่ข้าง พระบิดาและพอใจ; เพราะมิใช่ดิฉันเหมือน วธุธรรมะดาไซร้, ตละเดือนก็อัดใจ บมิมีฤดีสราญ; เพราะมโนสินึกเร่ง ศศิธรและนับวาร, ตละเดือนก็ดูกาล จิระกว่าจะวันเพ็ญ.
36 และณปัณณรัสฺวา- ระก็ย่อมจะกลับเห็น. ทิวะล่วงประดุจเผ่น จรจู่บอยู่ยั้ง! ผิวะองค์บิดาว่าง มะทะนาจะขอนั่ง ปฏิบัติ์บิดาดัง ฤดิมุ่งเสมอมา. [มันทักกันตา, 17] กาละทรรศิน. อ้าโฉมฉายสายสะมะระมะทะนา, พ่อสิเพลินตา เพราะลูกขวัญ! ลูกอยู่ใกล้พ่อละก็กะมละฉัน เฉกอุทกอัน ประพรมใจ. ไม่เคยมีศิษย์ดุจะอรวิไลย, ช่างประพฤติ์ให้ บิดาสุข, วันเพ็ญพ่อเปนระมะณิยะบทุกข์, ปราศะเข็ญขุก และรำคาญ, ส่วนวันอื่นพ่อฤก็บมิสราญ เหมือนณวันวาร ธิดาใกล้; ดังนี้แม้ว่าสะมะระจะคระไล จากบิดาไป ก็พ่อนี้ คงต้องไร้ความสุขะเพราะว่ะฤดี คงบได้มี ละผ่องแผ้ว. อ้าลูกน้อยกลอยฤดิสุมะณิแก้ว พรากธิดาแล้ว จะอาดูร! [สัทฺทุลฺวิกกีฬิต, 19.] ฃ้าขอให้สุระเทวะฤทธิอะนุกูล ฟังฃ้าพเจ้าทูล เถอะไท้, หากฃ้าเสียมะทะนาธิดาอระวิไลย ฃ้าบาทจะได้ใคร ล่ะแทน? อ้าเทวินทะมะหินทาธิปะติแมน ทรงวัชระแกล้วแกว่น อะมร, โปรดอย่าให้มะทะนาสุดาดะรุณิอร ต้องไปอะนาทร ฤเข็ญ! [ฉบงง, 16.] มัทนา. เอ๊ะพระบิดานี่เปน ทุกข์ร้อนใดเห็น บเคยแต่ก่อนดังนี้.
37 ดูพระบิดาจะมี ความวิตกที่ พระยังมิบอกลูกน้อย. เปนไรโปรดบอกลูกหน่อย. กาละทรรศิน. อ้าลูกผู้กลอย จิตยอดฤดีบิดา! พ่อนี้วิตกนักหนา ด้วยเกรงอยู่ว่า ธิดาจะจากพ่อไป. มัทนา. พระองค์จะกลัวทำไม? ไม่เห็นว่าใคร จะกล้ามาพาลูกหนี, และกล่าวส่วนตัวลูกนี้ ฤๅจะอยากลี ลาศจากบิดาการุญ? กาละทรรศิน. เปนธรรมะดาของสุน- ทะระดรุณ กุมาริย่อมยวนตา แห่งชายหนุ่มและไม่ช้า รักก็จะพา รักเฃ้ามาจ่อจอดใจ, แล้วหญิงย่อมจะคลาไคล จากอกพ่อไป สู่เคหะแห่งสามี. มัทนา. พระพ่อใยกล่าวเช่นนี้? เมื่อทราบอยู่ดี ว่าลูกไม่เหมือนเฃาๆ; แล้วก็ผู้ชายใดเล่า จะรักฃ้าเจ้า, ผู้เปนมนุษหนึ่งวัน กับอีกหนึ่งคืนแล้วพลัน กลับเพศแผกผัน ไปเปนดอกไม้มากหนาม! ถึงหากนารีเลิดงาม, แม้ได้ชมทราม สิเนหะได้เพียงแต่ หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วแล มิได้ชมแม้ สักนิดตลอดอีกเดือน, ชายใดจะยอมอยู่เพื่อน? ขืนรักก็เหมือน รักรูปนิมิตร์มายา. ฉนั้นองค์พระบิดา จงโปรดเมตตา และคลายวิตกด้วยพลัน. (โสมะทัตพาศุภางค์ออกมาทางซ้าย; ต่างกระทำความเคารพต่อพระฤษี.) [สุรางคณา, 28.] โสมะทัต. นายทหารนี้ ได้จรลี ล่วงหน้าราชัน, จอมขัตติย์วงศ์ เผ่าองค์พระจันทร์ ผู้ดำรงขัณฑ์ หัสดินบุรี, เพื่อมาบอกข่าว ว่าสมเด็จท้าว ผู้จอมธานี จะเสด็จพลัน วันทาฤษี ตามสมควรที่ กำหนดวินัย. กาละทรรศิน. อันภูมินาถ เสด็จประพาส พักแรมหนไหน? ศุภางค์. พระร้อนแรมมา ในพนาลัย, สำราญแห่งใด ประทับแห่งนั้น.
38 กาละทรรศิน. อันอาตะมะ เต็มใจที่จะ ตอนรับจอมขัณฑ์, จะตั้งเครื่องที่ มีในอรัญ ถวายราชัน เสวยสำราญ. แน่ะโสมะทัต แล้วเจ้าจงจัด รับบริพาร, ส่วนโภชนา โอชาอาหาร จะให้นงคราญ จัดแต่งเตรียมไว้. ไปเถิดธิดา, เฃ้าในศาลา เตรียมเครื่องทันใด, อีกทั้งจัดของ สำรองพร้อมไว้ เลี้ยงพวกฃ้าไท ผู้บริพาร. ศุภางค์. อันกระบวนหลวง ก็พร้อมทั้งปวง เสบียงอาหาร. กาละทรรศิน. แต่ว่าตัวเรา เปนเจ้าของบ้าน ตัองขอเลี้ยงท่าน. มาเถิดธิดา. (พระกาละทรรศินกับมัทนาเดิรไปขึ้นบันใดและหายเฃ้าไปในอาศรม.) [สาลินี, 11.] ศุภางค์. ขอโทษเถิดหากดู ดนุไร้กิรียา, แต่ฃ้าขอถามว่า วธุนั้นนะคือใคร? ได้ยินท่านเรียกว่า วรบุตริท่านไซร้, ลูกจริงฤๅฉันใด, ฤวะบุตริบุญธรรม? โสมะทัต. หากฃ้าบอกความให้ ฤก็ท่านจะเห็นคำ ฃ้าตอบเปนข้อฃำ และบยอมจะเชื่อฟัง. นางนี้เปนต้นพฤก- ษะประดิษฐะอยู่ยัง กลางดงใกล้ที่ตั้ง วรบรรณะศาลนี้; อาจารย์ท่านเชอญมา และสถิตณสวนศรี, แลเมื่อถึงวันที่ ศศิเพ็ญก็เปนคน. ดังนี้สันนิษฐาน วธุเปนสุรางค์บน, ถูกสาปจึ่งจำทน ทุขะอยู่ฉนี้นา. ศุภางค์. ที่ท่านได้เล่านี้ นะก็แปลกละเจ้าฃ้า; แต่ครั้นเมื่อพิศพา ฤดิเห็นจะเปนจริง,
39 ด้วยนางนี้มีสุน- ทะระลักษณายิ่ง ยวดกว่าบรรดาหญิง ณมะนุสสะโลกแท้. ผิวนางนั้นผุดผ่อง กละนวลสะกาวแข, เกศาดำแม่นแท้ กละฟ้าณราตรี; สองเนตรเหมือนดารา- กะระในนะภาศรี, แสงแก้มเปรียบรัสมี พระอรุณแอร่มฉาย. เอออันว่าชายใด ผิวะได้ประสพสาย ใจคงไม่มีคลาย รสะรักณดวงแด! โสมะทัต. ท่านเอยอย่าฝันใฝ่, บมิเปนประโยชน์แท้; นางนั้นไม่พึงแล และบพูดกะชายใด, นอกจากท่านอาจารย์ วนิดาบรักใคร; เพียรพูดเท่าใดๆ บมิพึงจะใยดี. ศุภางค์. อ้าท่านอย่าเข้าใจ วะจะผิดณบัดนี้! ฃ้าเองไม่หวังที่ จะประโลมสุดาสวรรค์; ฃ้านึกไปถึงองค์ วรราชะราชัน ผู้เปนเจ้าครองขัณ- ฑะประเทศะธานี. ท่านเปนซึ่งเผ่าพัน- ธุพระจันทะเรืองศรี, หากเห็นซึ่งเทวี ธก็คงจะโปรดปราน; แต่หากนางเปนบาท บริจาริกาท่าน, ฃ้าเกรงคงเกิดการ ทุมะนัสละแน่นอน. ฝ่ายท่านไม่ใช่ฃ้า วรบาทพระภูธร, ฃ้าเจ้าทำปากบอน บมิควรณทีนี้; จึงจำต้องของด อธิบายะไว้ที,
40 ขอท่านอย่าได้มี ฤดิขึ้งดนูหนอ. โสมะทัต. ตูฃ้าเปนคนต่ำ บมิจงทนงขอ; ท่านจงกล่าวแต่พอ ดำริควรแถลงสาร. (พิณพาทย์ทำเพลงพระยาเดิร. ท้าวชัยเสนออก, พร้อมด้วยบริวาร พระกาละทรรศินออกมาจากใน อาศรม, ลงบรรใดมาต้อนรับท้าวชัยเสน; พิณพาทย์หยุด.) [เมฆวิปฺผุชฺชิตา, 19.] กาละทรรศิน. ชโยฃ้าขอกล่าวคำประจุคะมะนะการ แด่พระผู้ผ่าน มไหหศวรรย์; ชโยขอให้องค์ท้าวนะระปติพระชันมายุร้อยพรร- ษะกาลยง; ชโยขอให้มีชัยชำนะอริทนง สมประสงค์องค์ อธีราช; ชโยขอให้องค์ขัตติยะนิกะระนาถ สิทธิสมมาด ณกิจการ; ชโยขอจงทรงเกษมสุขะฤดิสราญ ทุกทิวากาล และราตรี; ชโยขอจงองค์ท้าวปิยะนะระบดี คงพะลังมี นิรันดร! [อินทะวิเชียร, 11] ชัยเสน. ฃ้าขอประณตน้อม ศิระเกล้าและรับพร, อีกขอประณมกร และจะถามพระโยคี: ท่านอยู่ณไพรสาณฑ์ พหุการกุศลดี, แลท่านบได้มี ภยบางฤอย่างไร? อันมูลผลาหาร บริบูรณ์ฤฉันใด,
41 ยุงริ้นและเหลือบไร บมิกวนฤเจ้าขา? สัตว์สิงห์สมิงไพร บมิเบียฬและบีฑา, แลศิษย์พระสิทธา สุขะทั่วฤนักธรรม์? กาละทรรศิน. ฃ้าขอถวายพร สิริโสตถิราชัน, อันว่าดำรัสนั้น ดนุตอบพระดังนี้: ฃ้าอยู่ณไพรสาณฑ์ พหุการกุศลดี, แลฃ้าบได้มี ภยพาลประการใด; อันมูลผลาหาร บริบูรณะสมใจ, ยุงริ้นและเหลือบไร บมิกวนณกายา: สัตว์สิงห์สมิงไพร บมิเบียฬและบีฑา; อีกศิษยะของฃ้า สุขะโสตถิทั่วกัน. (มัทนาออกมาจากในอาศรม. ท้าวชัยเสนเห็นก็จ้องจนตะลึง.) [ฉบงง, 16.] มัทนา. บิดาเจ้าฃาดิฉัน เตรียมเสร็จซึ่งสรร- พะโภชนาจำนง; อีกได้เตรียมนํ้าโสดสรง สำหรับพระองค์ วิสุทธิราชฦๅชัย, ทั้งเตรียมน้ำมันพร้อมไว้ เพื่อพระจะได้ ทรงทาแก้เมื่อยวรกาย ขอเชอญบิดาผันผาย พร้อมพระฦๅสาย เฃ้าสู่ศาลาบัดนี้. (กราบพระกาละทรรศิน, และกราบท้าวชัยเสน, แล้วกลับเข้าโรง) [อุเปนทะวิเชียร. 11.] ชัยเสน. (พูดกับศุภางค์) เอ๊ะกูสุบินเห็น ฤวะจริงนะเมื่อกี้, ฤเทวะนารี ธเสด็จณศาลา? และเจ้าก็แลเห็น, เพราะฉนั้นสิตอบมา จะเปนสุดาฟ้า ฤวะเปนนะรีใด?
42 ศุภางค์. พระทอดพระเนตร์เห็น ดรุณีวิเศษไซร้, มุนีธเลี้ยงไว้ ดุจะปฺรียะบุตรี, และนางถนัดนาม มะทะนาวิสุทธี; เสด็จประเวศที่ วรบรรณะศาลา ก็คงจะได้เห็น วธุนั้นนะอีกครา, เพราะหล่อนก็คงมา ปฏิบัติพระภูบาล. ชัยเสน. พธูประดามี ณบุรีฤไพรสาณฑ์, จะหาวิไลยปาน ฤก็กูบเคยเห็น. และหากว่ะกูได้ ก็จะรื่นฤดีเย็น, จะรักและยกเปน ภริยาภิรมย์สม; ทิวาและราตรี บมิหน่ายมิแหนงชม, จะเร้าระตีรม- ยะระรื่นระรวยใจ. (พระกาละทรรศินยืนคอยอยู่จนเห็นท้าวชัยเสนตรัสกับนายทหารจบลงจึ่งพูดขึ้น) [ฉบงง, 16.] กาละทรรศิน. ฃ้าขอทูลเชอญทรงชัย เสด็จเข้าใน อาศรมสราญร่มเย็น. จริงอยู่เรือนฃ้าก็เปน เพียงเรือนอย่างเช่น บุคคลชาวป่าอาศัย, แต่ว่าอาตมะเต็มใจ ตอนรับท้าวไท. ชัยเสน. ฃ้าขอขะมาเถิดท่าน! ฃ้าเจ้านี้มัวสั่งงาน กับนายทหาร จึ่งดูประหนึ่งเพิกเฉย ที่แท้ใช่เช่นนั้นเลย. (หันไปพูดกับศุภางค์.) นี่แน่ะเจ้าเอ๋ย, เฃ้าใจกูแล้วฤๅไฉน? รีบปลูกซึ่งพลับพลาใหญ่ ณที่ใกล้ๆ อาศรมสถานที่นี้. ศุภางค์. ฃ้าพระบาทเข้าใจดี และได้เลือกที่ ไว้แต่เมื่อล่วงหน้ามา; ได้สั่งเฃาปลูกพลับพลา, ซึ่งในไม่ช้า ก็คงสำเร็จเสร็จได้.
43 เมื่อมาลกเเล้วเมื่อใด ฃ้าบาทจะได้ นำความขึ้นกราบทูลพลัน ชัยเสน. ฃ้าแต่องค์พระนักธรรม์, อันตัวดิฉัน ขอพักอยู่ใกล้อาศรม; เพราะมาเมื่อยล้าระทม, ได้ผ่อนอารมณ์ ณที่สำราญเช่นนี้ คงจะพอเปนสุขี, ไม่ช้าฃ้านี้ ก็คงจะลากลับไป. แต่หากว่าฃ้าอยู่ใกล้ จะรบกวนไซร้ ก็จะได้รีบแปรสถาน. กาละทรรศิน. ราชะ, อันพระภูบาล ก็เปนผู้ผ่าน พิภพและทรงคุ้มครอง; ฉันใดพระองค์จะต้อง เกรงฃ้าผู้ครอง เพียงเขตอรัญพงพี? อันโปรดตำบลหนนี้ อาตะมะมี ความปลื้มกมลพ้นไป, เพราะฃ้าโยคีชีไพร นานๆ จะได้ เฝ้าพระบรมบพิตร์. หากกล่าวตามอำเภอจิต พระองค์สถิต ยิ่งนานก็ยิ่งยินดี. ชัยเสน. ฉนั้นเชอญพระมุนี นำทางจรลี ฃ้าเจ้าจะตามท่านไป (พระกาละทรรศินกับท้าวชัยเสนเดิรหายเข้าไปในอาศรม.) [อินทะวิเชียร, 11.] ศุภางค์. นึกน่าอนาถจิต ก็จะคิดประการใด? นึกแล้วว่ะทรามวัย ฤก็ควรกะทรงศักดิ์. นึกเล่าก็สงสาร วนิดายุพาพักตร์, นึกถึงจะต้องหนัก อุระแน่ละนงคราญ! (ศุภางค์เดิรก้มหน้าเข้าโรงไปทางหลืบซ้าย, คนอื่น ๆ ยืนจ้องดูตามไป.) (ปิดม่าน) องก์ที่ 3 ฉาก: ลานหน้าอาศรมของพระกาละทรรศิน [คือฉากเดียวกันกับตอนที่ ๓3แห่งองก์ที่ 2 นั้นเอง, แต่หนังกวางที่ปูบนแท่นศิลาใต้ต้นไม้นั้นเก็บไป เสีย; และสมมตว่าเปนเวลากลางคืน, มีแสงเดือนหงายแจ่มอย่างในวันเพ็ญ.] (ท้าวชัยเสนออกทางหลืบซ้าย.)
44 [อินทะวิเชียร, 11.] ชัยเสน. โอ้โอ๋กระไรเลย บมิเคยณก่อนกาล! พอเห็นก็ทราบส้าน ฤดิรักบหักหาย. ยิ่งยลวะนิดา ละก็ยิ่งจะร้อนคล้าย เพลิงรุมประชุมภาย ณอุราบลาลด. พิศไหนบมีทราม, วะธุงามสง่าหมด, จนสุดจะหาพจน์ สรเสริญเสมอใจ. องค์วิศฺวะกรรมัน นะสิปั้นวะธูไซร้ พอเสร็จก็เทพไท พิศะรูปสุรางค์เพลิน; ยืนเพ่งและนั่งพิศ วรพักตร์บหมางเมิน, งามใดบงามเกิน มะทะนาณโลกสาม: แลวิศฺวะกรรมัน ผิจะปั้นวะธูตาม แบบอีกก็ไม่งาม ดุจะโฉมอนงค์นี้: เหตุนี้สินงคราญ ณสถานพิภพตรี จึ่งไม่ประสพที่ สิริรูปะเทียมทัน. งามเกินมนุษจริง กละหญิงนิมิตร์ฝัน, จนแรกประสพนั้น ดนุจวนจะปลุกตัว, นึกว่าสนิธนิทร์ นยนาก็แน่วนัว, แต่นึกก็ออกกลัว จะผวาและไม่เห็น. ครั้นเมื่อสดับศัพ- ทะสำเนียงก็เยือกเย็น ราวดื่มอุทกเพ็ญ รสะรื่นระรวยใจ; เสียงเจ้าสิเพรากว่า ดุริยางคะดีดใน ฟากฟ้าสุราลัย สุรศัพทะเริงรมย์.
45 ยามเดิรบเขินขัด, กละนัจจะน่าชม; กรายกรก็เร้ารม- ยะประหนึ่งระบำสรวย; ยามนั่งก็นั่งเรียบ และระเบียบบเขินขวย, แขนอ่อนฤเปรียบด้วย ธนุก่งกระชับไว้. พิศโฉมและฟังเสียง ละก็เพียงจะฃาดใจ, โอ้นอนจะหลับไหล ฤฉนี้นะอกเอ๋ย! ขืนนอนก็ร้อนเร่า ฤดีเฝ้าคะนึงเชย, หากขืนจะนอนเฉย อุระอาจจะพังภิน. จำมาณที่นี้ เพราะว่ะใกล้สุนาริน; โอ้เราบสมจิน- ตะนะได้ฤฉันใด? ช้าก่อน!ดนูเห็น ณประตูสิรำไร ดังหนึ่งจะมีใคร จระจากพระอาศรม. อ้าขอถวายอัญ- ชลิองค์สุโรดม, ขอให้ดนูชม วธุเลิดเถอะสักที! (ท้าวชัยเสนเลี่ยงเข้าไปแฝงอยู่หลังกอไม้ข้างซ้าย. มัทนาเดิรออกมาจากอาศรมและมายืนพิงเสา ระเบียง, มองดูดวงเดือน.) [อินทวงส์, 12.] มัทนา. โอ้ว่าอนาถใจ ละไฉนนะเปนฉนี้? แต่ไรก็ไม่มี มะนะนึกระเหระหน; ไม่เคยจะเชื่อว่า รตินั้นจะสัประดน มาสู่ณใจตน และจะต้องระทมระทวย. เมื่อก่อนสิชายรัก ก็มิพักจะเออจะอวย, อวดดีและอวดด้วย บมิเคยจะลุ่มจะหลง; ทั้งเคยเยาะเย้ยหยัน นระผู้พะว้าพะวง,