The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานฉบับสมบูรณ์ ม.5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อรนภา มาแก้ว, 2024-06-18 06:40:27

รายงานฉบับสมบูรณ์ ม.5

รายงานฉบับสมบูรณ์ ม.5

96 ถึงหากจะชอกช้ำ ฤจะเจ็บวรินทรีย์ แทบตายบวายเพียร และผิยังบเสร็จดี เพียรจนประจวบที่ นรนาถะบัญชา อังคาพะยพของ ดนุเปนพยานว่า เคยทนและเคยฝ่า พหุอันตะรายแท้, ทั่วกายะฃ้านี้ ฤก็มีนะบาดแผล เพื่อได้แสดงแก่ นระชนผิอยากดู; ทุกแผลก็สักขี จะแสดงกะตัญญู, บาดเจ็บก็โดยภู- ธระใช้ประจนศึก. ในงานพระผ่านเผ้า บมิเคยจะหยุดนึก, ใช้ไหนก็ใจฮึก บมิเคยจะกลัวใคร. แต่ว่าณครานี้ นรนาถะทรงใช้ ให้ฃ้าพระบาทไป และประหารพระชายา ผู้ปราศะจากมล- ทินะโทษฉนี้นา, ขอรับพระอาญา เพราะมิอาจะรับใช้. อันชีวิของฃ้า จะพะวงก็หาไม่, ขอมอบถวายไว้ ณธุลีลอองบาท. ไหนๆ จะตายแล้ว ละก็ขอทำนูลนาถ,


97 ผู้คิดอุบายกาจ นะมิใช่พระเทวี ซึ่งตามเสด็จจาก หิมะวันอรัญศรี; ต่อไปอะมรมี วระทิพฺยะเนตร์คง เผยผายขยายลัก- ษะณะผู้ขบถบ่ง ชัดเจนจะเห็นตรง ฤวะคดนะคือใคร! [สุรางคณา, 28] ชัยเสน. อุเหม่ศุภางค์ ตัวมึงนี่ช่าง เจรจาสาไถย, ยิ่งพูดยิ่งนัว เฃ้าตัวร่ำไป มึงจะอยู่ใย หนักปัฐพี. เหวยนันทิวรรธน์ จับศุภางค์มัด เอาไปทันที, แล้วฆ่ามันให้ บรรลัยคืนนี้ คนคดอัปรีย์ มิควรอยู่นาน. ส่วนมะทะนา ก็อหังการ์ ริเริ่มเหิมหาญ, ขืนจะเอาไว้ ต่อไปไม่นาน ก็คงคิดการ ประหารกูตาย. จงเอาโฉมตรู ไปพร้อมกับชู้ ของนางโฉมฉาย, ฆ่าเสียด้วยไซร้ จะได้สมหมาย พร้อมๆ กันตาย ไปคู่เคียงกัน ปฺริยัมวะทา ก็ชั่วหนักหนา ไม่ควรเลี้ยงมัน, จงขับนางออก นอกเมืองกูพลัน และอย่าให้มัน นั้นกลับคืนมา ฝ่ายนางทาสี โทษก็ควรมี จงลงอาญา, ส่งมันจำไว้ ในตรุจนกว่า จะครบเวลา รวมได้สามปี.


98 ตาพราหมณ์หมอเฒ่า วุ่นวายนักเล่า ผิดมากครานี้, จงตระเวนรอบ ขอบเฃตธานี แล้วขับธชี พ้นเฃตภารา! (นันทิวรรธนะถวายบังคม, แล้วพาตัวศุภางค์, ปริยัมวะทา, วิทูรและเกศินีเฃ้าโรงไปทางหลืบขวา. ท้าวชัยเสน นั่งตลึงอยู่บนเตียงครู่ 1, แล้วซบหน้าลงกับหมอนร้องไห้, พระนางจัณฑีออกทางหลืบขวา, ตรงไปกราบท้าวชัย เสน, และสำออย. อราลีแอบมองจากหลืบขวา.) [อุปชาติ, 11.] จัณฑี. พระทูลกระหม่อมแก้ว ดนุนี้ทนงนา โดยฝืนพระบัญชา ก็เพราะรู้ว่าเกิดความ ชั่วช้าและสามาญ คติแสนจะเลวทราม, มิหนำณสงคราม พระก็ต้องพะวงนัก. คดีก็จบแล้ว ภยะแคล้วพระทรงศักดิ์, ผู้คิดขบถจัก บมิหาญละต่อไป; แต่ราชะสงคราม นะสิยังบหยุดได้ ดนูจะขอไป ณ สนามประยุทธา; เพราะอาจจะห้ามทัพ วรราชบิดาฃ้า, ผู้ทรงพระโกรธา เพราะว่ะเฃ้าพระทัยผิด, คิดว่าพระองค์กับ ดนุนี้นะหมางจิต; ผิทราบพระทรงฤทธิ์ และดนูบหมางกัน; พระจอมมะคธราษฎร์ จะระงับพิโรธพลัน,


99 แล้วมิตระสัมพันธ์ ก็จะมีประดุจเคย. โอกาสวิเศษนี้ บมิควรจะทิ้งเลย, ผิฝ่าพระบาทเฉย ละก็คงบตัดรบ. ชัยเสน. ชะเก่งละจัณฑี ชะชะมีอุบายครบ, เตรียมเพื่อจะตัดรบ รณะด้วยจะห้ามทัพ! การศึกก็เธอก่อ ขณะนี้จะขอดับ, ผิฉันจะยอมรับ ก็จะอวดว่ะยอมแพ้. ฉนั้นสิฉันมุ่ง รณะยุทธะอีกแท้. คอยดูเถิดหนอแน่ ละจะฝากกำนลมา; ฉันคิดจะส่งเศียร มะคะธาธิราชา แหละให้กะโฉมนา- ริขบถณสามี! (ท้าวชัยเสนลุกขึ้นกระทืบตีนแล้วเดิรดุ่มเฃ้าโรงทางซ้าย, พร้อมด้วยบริวาร. ฝ่ายพระนางจัณฑีนั่งตลึงอยู่. อราลี ก็เชง้อมองอยู่ด้วยความตกใจ.) (ปิดม่าน) องก์ที่ 5 ตอนที่ 1 พลับพลาในค่ายหลวงที่ตำบลกุรุเกษตร์. [ฉากเปนห้องประทับที่ฃ้างในพลับพลา, ซึ่งมีม่านทองกั้นแทนฝาทั้งด้านขวาและด้านซ้าย; ด้านหลังมีม่านรวบ ผูกให้แหวกตรงกลางเปนช่องเฃ้าออก, มีลับแลตั้งบังช่องนี้. ทางด้านซ้ายมือมีเตียงตั้งอยู่ชิดม่าน มีราชอาสน์ และหมอนทอด, และเครื่องราโชปโภคตั้งพอสมควร.]


100 (เมื่อเปิดม่าน, ท้าวชัยเสนเอกเขนกอยู่บนเตียง; มีมหาดเล็กอยู่งานพัดคน 1, หมอบอยู่ทางด้านขวาอีก 2 คน. สักครู่1 นันทิวรรธนะแหวกม่านด้านขวาแล้วคลานออกมาถวายบังคม.) [ยานี, 11.] นันทิวรรธนะ. ขอเดชะพระบาท นรนาถเหนือเกศี, บัดนี้เฒ่าธชี ผู้มีชื่อวิทูรไซร้, ซึ่งมีพระบัญชา ให้ตระเวนแล้วขับไล่, โอหังบังอาจใจ เฃ้ามาถึงณค่ายนี้. ฃ้าบาทได้ซักถาม พราหมณ์ว่ามาก็เพราะมี เรื่องทูลพระทรงศรี เปนข้อความสำคัญนัก; ยืนยันสำคัญแท้, ว่าถึงแม้แกเองจัก ต้องรับอาญาหนัก ก็ขอทูลซึ่งกิจจา. ชัยเสน. แกคงต้องมีสิ่ง จำเปนจริงแกจึงกล้า; เอาเถิดเรียกเฃ้ามา, จะฟังเรื่องของแกดู. (นันทิวรรธนะถวายบังคมแล้วคลานไปที่ม่านด้านขวา, แหวกม่านหน่อยหนึ่งและกวักเรียกเฃ้าไปในโรง; พราหมณ์วิทูรออก, จึ่งพากันคลานเฃ้าไปเฝ้า.) [อุปัฏฐิตา, 11.] ชัยเสน. นี่แน่ตาพราหมณ์เฒ่า แกขอเฝ้าและบอกกู, มีข่าวสิ่งใดอยู่ จงรีบแจ้งแถลงมา. วิทูร. ขอเดชะพระสม มติเทวะราชา, โปรดทรงกรุณา ดนุสารภาพผิด;


101 โอตตัปปะกระตุ้น ฤดิฃ้าก็หวลคิด ได้ว่าผิวะปิด คติไว้จะบาปครัน. เมื่อคืนพระเสด็จ จรเฃ้าณสวนขวัญ, ฃ้าทูลคติอัน ทุจริตมุสาวาท. ความจริงมะทะนา ศุภะลักษะณานาฎ ไม่เคยริพิฆาต ฤขบถณภูมี. แท้จริงณพระนาง วรเทวิจัณฑี ตรัสใช้ดนุนี้ และกระทำอุบายทราม. นางนามะอะรา- ลิวิการะไปตาม, บอกเค้าคติความ พระดำริพระนางว่า ทรงน้อยพระหทัย เพราะวะองค์พระภรรดา โปรดนางมะทะนา และมิโปรดพระจัณฑี, ความทราบณพระองค์ บิตุรงค์ธจึ่งกรี- ธาแสนยะจะตี บุระหัสฺตินาพลัน; บัดนั้นก็ประยุท- ธะและยังบแพ้กัน, จึ่งองค์วรจัณ- ฑิวิตกจะเสียการ, ขอให้ดนุแสร้ง และกระทำพิธีปาน หนึ่งว่ายุวะมาลย์ มะทะนาดำรัสใช้


102 ให้ฝังวรรูป นรนาถะฦๅชัย, อีกทำวิธิให้ ฤดิแห่งศุภางค์รัก. ฃ้าเห็นคติทราม และอุวาทะท้วงทัก, นางค่อมอะประลักษณ์ ก็ตะคอกและขู่เข็ญ ว่าแม้ดนุนี้ บมิยอมก็คงเปน โทษใหญ่และจะเห็น ทุขะอันมหันต์สุด, เหตุเฃาแหละจะกล่าว พะจิฟ้องดะนูดุจ เปนจาระบุรุษ ณพระราชะธานี; ฃ้าเห็นวรจัณ- ฑิก็เปนสุดาศรี แห่งนายดนุนี้, ดนุจึ่งประนอมใจ ทำตามอภิปราย, และอุบายก็เปนไป สมคิดและกะไว้ บมิขาดละสักอัน. ครั้นเมื่อดนุฟัง พระดำรัสประสาธทัณฑ์, ใจฃ้าขณนั้น หิริเตือนว่าตนโหด, ฃ้าเองสิเพาะให้ นรนาถะกริ้วโกรธ, คนผู้นิระโทษ สิจะถูกประหารชนม์; แต่ว่าขณะนั้น ดนุกลัวนะเต็มทน, เกรงผิดจะพะตน บมิอาจจะพูดจา.


103 ครั้นราชะบุรุษ นิระเทศะตูฃ้า ออกจากวรธา- นิดะนูคเณจร; ไปไหนฤก็ฃ้า บมิอาจจะหลับนอน, เหมือนเพลิงพิษะร้อน ระอุรุมณกลางทรวง. ดังนี้แหละทะนง จรตรงณค่ายหลวง, เพื่อทูลคดิปวง และประณตณบาทา. ฃ้าเปนทุรชน และละเมิดพระอาญา, แล้วแต่นรนา- ถะจะลงเถอะโทษแรง. [สัทธรา, 21] ชัยเสน. ฟังคำหมอเฒ่าวิทูรแจ้ง วะจะนะประดุจจะแทง ที่อุราแยง กระทั่งใจ! โอ้แพ้รู้นาริจัญไร, ทุษะประทะณหะทัย โดยมิทันได้ คะนึงว่า จัณฑีผู้เปนธิดารา- ชะมะคะธะแหละจะกล้า ออกอุบายพา- ละเช่นนั้น; โดยความหึงส์หนักเพราะรักครั้น คะดิประทะทุษะพลัน พลุ่งประหนึ่งควัน กระทบตา, สุดแสนคั่งแค้นฤดีว่า ปิยะวะธุมะทะนา


104 นอกฤดีฃ้า ก็ผิดใหญ่ บัดนี้ปรากฎบผิดใด สุปิยะชิวะประลัย ฃ้าจะอยู่ใย ณโลกนี้! (ท้าวชัยเสนชักดาพออกและทำท่าจะแทงตัว, แต่นันทิวรรธนะรีบไปจับมือไว้ได้ทัน, และในขณะนั้นเองพูด ต่อไปนี้.) [อินทะวิเชียร, 11] นันทิวรรธนะ. อ้าเทวะโปรดเกล้า กรุณากะฃ้าที, ขอองค์พระเจ้าชี- วิตะรั้งพระทัยไว้; เหตุด้วยอะรียก พละแสนยะเกรียงไกร เกือบถึงพระเวียงชัย, และตลอดวิถีมา ได้ทำระส่ำปวง นรหวั่นณวิญญาณ์, ดังนี้แหละทวยนา- คะระยังระริกรัว. หากรู้ว่ะเสียองค์ ปิยะราชะทูลหัว คงยิ่งจะเพิ่มกลัว ภยะพาลพิบัติเบียฬ ตราบใดพระเดชแผ่ วรฉายะเหนือเศียร ย่อมศานติจำเนียร เพราะพระบาระมีร่ม; ชีพตนและชีพญาติ์ บมิห่วงณอารมณ์, ขอให้นโรดม วรชนฺมะยืนยัง. ไร้ปิ่นดิลกราชย์ ละก็ชาติ์จะภินพัง,


105 ไหนเลยจะคงตั้ง อิศะรานุภาพครอง. โลกเราสง่างาม ก็เพราะแสงตวันส่อง, สิ้นแสงระวีต้อง มละทั่วนะฉันใด; อันปวงประชาเปรม ฤดิพึ่งพระเดชไท้, เดชดับก็มืดใน ฤดิหม่นละแน่นอน. ราตรีสว่างแจ้ง ก็เพราะแสงนิศากร, โกฏิ์ดาวณอัมพร ก็บเท่าพระจันทร์เดียว; อันว่าพระคุณเปรียบ วรโสมะนั่นเทียว, ไร้นาถะฃ้าเหลียว จะประสพพระเจ้าไหน? [อุเปนทะวิเชียร, 11] ชัยเสน. สดับวะจีเจ้า ฤก็เราสิเห็นไพเราะแท้และจับใจ เพราะว่ะเตือนฤดีจัง. เพราะเราคะนึงเห็น ดนุผิดสิจึ่งคลั่ง, และแค้นหะทัยตั้ง จะประหารดนูเอง. บเคยจะมีผิด นิติธรรมณเมื่อเพรง, บเคยจะข่มเหง นระผู้บมีโทษ; ก็หลงอุบายเฃา ดนุเห็นว่ะตนโฉด, เพราะเชื่อณชนโหด ก็ประหาระคนดี.


106 อนงค์สุปฺรียา มะทะนาสิเปรียบชี- วะแห่งดนูนี้ ฤก็สิ้นชิวาลัย; มะโนดนูเปรียบ ดุจะเรือนและนางไซร้ ประดุจประทีบใช้ ชวลิตณเคหา, และกูสิตกล่อง ละก็ซัดชวาลา, พิโรธและจับปา บมิทันจะใคร่ครวญ, ตะเกียงวินาศแล้ว คะหะมืดสิจึ่งหวล คะนึงว่ะไม่ควร จะทลายประทีปนั้น. ศุภางคะเสนี ฤก็เคยสนิธกัน, ดนูก็ควรมั่น ฤดิว่าสุภักดี; เพราะโกรธะครองใจ ดนุให้ประหารชี- วะเพื่อนก็บัดนี้ นะสิรู้ว่ะไร้ผิด. ศุภางคะเหมือนพา- หะวิเศษะแรงฤทธิ์, ดนูสิปลดปลิด วรพาหะแห่งตน. อะโหจะหาเมีย ฤสุมิตระอีกหน จะเหมือนณสองคน ฤจะได้ณโลกา? จะหามณีรัตน์ รุจิเลิดก็อาจหา, เพราะมีวะณิชค้า และดนูก็มั่งมี;


107 ก็แต่จะหาซึ่ง ภริยาและมิตร์ดี, ผิทรัพฺยะมากมี ก็บได้ประดุจใจ, แสวงเถอะจนสุด พะสุธาสุราลัย เมียใดและเพื่อนใด บมิเปรียบละของกู! ฉะนี้สิจึ่งแสน ทุขะมากบอยากอยู่, และนึกก็ชังตู เพราะว่ะโง่นะเหลือทน. สดับพะจีเจ้า นะสิเราสำนึกตน, และจำจะต้องทน ทุขะเพื่อประโยชน์ราษฎร์, เพราะถึงจะโศกศัลย์ กะระณีย์บควรฃาด, เพราะขัตติโยชาติ์ ทุมะนัสก็กัดฟัน! [สาลินี, 11] นันทิวรรธนะ. ฃ้าขอบังคมบาท สุรนาถะราชัน, จิตฃ้านี้โล่งพลัน เพราะสดับพระวาจา. บัดนี้กราบทูลขอ พระประทานอภัยฃ้า, ด้วยมีซึ่งกิจจา ดนุสาระภาพผิด. เมื่อคืนที่ตรัสสั่ง ดนุปลงพระชีวิต เทวีผู้มิ่งมิตร์ มะทะนากะชู้ไซร้, ฃ้าพาทั้งสองถึง ณประตูพระเวียงชัย


108 พบพราหมณ์มาแต่ไพร, ทิชะถามคดีพลัน, ฃ้าเล่าถี่ถ้วนจึ่ง ทิชะทูลกะแจ่มจันทร์ ขอเชอญสู่อารัณ- ยะกะพร้อมคณาชี; ฃ้าเห็นว่าโปรดให้ ดนุปลงพระชีวี นั้นคือว่าภูมี จะมิเลี้ยงพระนางไซร้, แม้ปล่อยให้เธอเฃ้า ณอะรัณยะสูญไป เหมือนสิ้นชีวาลัย เพราะก็คงบคืนมา, ฃ้าจึ่งได้กล่าวคำ อนุญาตทิชาพา เทวีเฃ้าสู่ป่า และบได้เผด็จชนม์. ชัยเสน. อันว่าหัวหน้าพราหมณ์ คณะผู้จะเดิรด้น พานางสู่ไพรสณฑ์ นะแหละรู้ฤชื่อไร? นันทิวรรธนะ. เฃานั้นปรากฎนา- มะว่ะโสมะทัตไซร้, แลกล่าวว่าอยู่ใน หิมะวันอรัญศรี. ชัยเสน. ขอบใจ, เจ้านี่เปน วรเสวิยอดดี, เหมือนนำซึ่งวารี สิตะช่วยโชลมตู! ดีใจที่รู้ว่า มะทะนานะยังอยู่, พอมีโอกาสกู และจะขอวราภัย. เมียรอดยังห่วงมิตร์, ก็ศุภางคะนั้นไซร้


109 ได้ปลงชีวาลัย ฤว่ะปล่อยประดุจกัน? นันทิวรรธนะ. ข้อบอกแก่เสนี จะบปลงละชีวัน, เปนแต่ให้เฃานั้น มละเฃตประเทศนี้; เฃาตอบว่าเฃานั่น ฤดิมั่นณภักดี, ต้องห่างจากทรงศีร์ ชิวะเฃาบอยากครอง, ขอลาแลว่ามุ่ง จระตรงณที่กอง ทัพหลวงด้วยใจปอง ฤดิแฝงระหัสอยู่ จนถึงเวลาที่ จะประยุทธะต่อสู้ ศึกแล้วเฃาเตรียมจู่ จระรบศะตรูพาล, เพื่อตายในที่รบ อริอย่างทหารหาญ; ฃ้าฟังนึกสงสาร ก็ประสาทะตามใจ. ครั้นถึงเวลายุทธ์ ดนุเห็นศุภางค์ไซร้ ออกนำหน้าพลไป และประยุทธะหน้าทัพ เห็นพวกฃ้าศึกห้อม ณศุภางคะเหลือนับ, ทั้งฟันทั้งแทงยับ และศุภางคะล้มตาย. สมใจที่ใฝ่มอบ ชิวะเปนพะลีภาย ใต้บาทแห่งฦๅสาย เพราะว่ะมั่นกะตัญญู. ชัยเสน. เออกูค่อยคลายความ ทุขะทับหทัยอยู่,


110 เมื่อทราบมิตรของกู บมิเสียชิวีทราม; เปนเชื้อชาติ์นักรบ สละชีพณสงคราม นับว่าได้ตายงาม ดุจะนายทหารกล้า. อีกหนึ่งนั้นคือนาง สุปฺริยัมวะทาภา, ได้ออกจากภารา จระสู่ประเทศไหน? นันทิวรรธนะ. นางขอตามไปเพื่อน วรเทวิศรีใส, จึ่งพร้อมกันเดิรไป ณประเทศะอารัญ. [อุปชาติ, 11] ชัยเสน. ฉะนี้ก็กูพอ จะประศาสน์และสั่งสรรพ์ ให้ถูกณทางธรร- มะและสมกะโทษกร. อันท้าวมคธยก พลก่อกะลีบร. เพราะเชื่อธิดารอน รณะปราศะธรรมา, และได้ปะราชิต ขณะนี้ก็ตกมา เปนตัวชเลยฃ้า บมิควรจะปราณี. ให้โหระหาฤกษ์ ดิถิงามและยามดี, จะทำพิธีศรี วรุดมประถมกรรม์, และปลงพระชนม์ท้าว มคะธาธิเบนทร์นั้น รองเลือดชำระสรร- พะอุบัทว์ณบาทเรา;


111 เอาเศียรอะรีใส่ ณชลอมและให้เจ้า ธิดาและรับเอา ศิระแห่งบิดาไซร้, และทูลกะบาลจาก วรธานิกูไป สู่แดนมคธให้ นระเห็นและเปนตัว อย่างว่านรีคด และขบถประทุษผัว ก็แพ้ณภัยตัว บมิได้เจริญนาน. และอีอะราลี ทุรยศกะลีพาล, ให้เจ้าพนักงาน นคะราภิรักษ์พลัน เฆี่ยนเสียเถอะสามยก และก็สักนะลาศมัน, และตัดจมูกกรรณ์, นิระเทศะมันไป. วิทูรก็มีโทษ เพราะว่ะรู้และเปนใจ, แต่ว่าธชีได้ สติสาระภาพผิด จนเราตระหนักเรื่อง, ก็ฉนี้แหละเราคิด ธชีผิมีผิด ฤก็ชอบประกอบมี; จะให้อภัยพราหมณ์, และณกาละต่อนี้ พราหมณ์จงประพฤติ์ดี สุจริตณไตรทฺวาร; จงมุ่งผดุงกิจ ตะบะกรรมะเผาผลาญ, และข่มกิเลสมาน มะนะแน่วณพรหมา. [อุปัฏฐิตา, 11.]


112 วิทูร. อ้าเทวะสุธรร- มิกะปฺรียะราชา, อันทรงกรุณา ดนุผู้ประพฤติผิด, นี่คือพระแสดง สุรธรรมะโสภิต, มีแต่สุรฤท- ธิจะเทียบพระภูบาล; นึกว่าบมิรอด คุรุทัณฑะแรงราญ, บัดนี้พระประทาน พระอภัยกะฃ้านี้, เหมือนรดศิระด้วย สุรทิพฺยะวารี ชุ่มชื่นณฤดี, ดนุขอปฏิญญา: แต่นี่สละทั้ง คะหะทรัพย์และออกป่า เพื่อตั้งตะบะบา- รมิบ่มกุศลไว้, แน่แท้จะอุทิศ ผละบุญถวายไท้ ตอบแทนพระอภัย วรทานณกาลนี้. ขอให้พระเสวย สุขะเพลินเจริญศรี, สมดังพระฤดี ภยะแผ้วพระภูบาล; กิจใดพระประสง- คะก็จงประสิทธิ์ท่าน, การปวงประลุปาน วรราชประสงค์สรรพ์, ลาภหลั่งบมิหยุด เถอะประดุจอุทกถั่น, ทรงชัยชะนะสรร- พะศะตรูบรู้แพ้.


113 ขอให้วรศัก- ดิและฤทธิเรืองแผ่ ไพศาลประลุแค่ สุระภูมิภาคบน, เปนใหญ่ณประเท- ศะมนุษณสากล, ครอบครองนรชน จตุรางคะวรรณา. ขอทวยสุรฤท- ธิประสิทธิ์พระพรมา พร้อมดังพะจิฃ้า วรบาทถวายพร. (พราหมณ์วิทูรถวายบังคมท้าวชัยเสนแล้วคลานถอยไปเฃ้าโรงทางขวา.) ชัยเสน. แน่ะนันทิวรรธน์เตรียม พละเสนิกากร, จะไปพนาดร และจะรับพระนงคราญ; และสั่งณวังเตรียม วรศีวิกากาญจน์, สนมพนักงาน สะขิสรรพประดับศักดิ์. ดนูจะไปยัง กุฎิที่มุนีพัก, และรับวธูรัก จระกลับณเวียงชัย; ณฝ่ายนครหลวง ก็ประดับประดาไว้, เพราะกลับณเมื่อใด ก็จะมีพิธีการ ภิเษกพระนางเจ้า มะทะนาสุมนมาลย์ วิสุทธินงคราญ อรเอกมะเหษี. อนึ่งศุภางค์ผู้ ศุภะมิตระยอดดี,


114 ก็ควรจะเผาผี และสนองคุณานันต์; ผิศพศุภางค์ยัง บมิสูญก็จงพลัน ประดิษฐะเชิงชั้น วรจิตระกาธาร, และเผาสุมิตร์แล้ว ละก็แห่วะรางคาร ณฝั่งมหาธาร ยะมุนานทีศรี, ก็คงจะล้างมล ทินะโทษประดามี, และโทมะนัสที่ ฤดีกูจะค่อยเบา: สุมิตระคนนั้น นะก็ดุจอะนุชเรา, ฉะนั้นนะตัวเจ้า แหละประจงณการศพ, มิให้อะไรฃาด เพราะว่ะปราศะเคารพ. นันทิวรรธนะ. ดำรัสพระทรงภพ ดนุนี้จะทำตาม. (ท้าวชัยเสนเฃ้าโรงทางช่องกลาง, และมหาดเล็กคลานตามเฃ้าโรงทางนั้นด้วย. ส่วนนันทิวรรธนะเฃ้าโรง ทางขวา.) (ระหว่างเปลี่ยนฉากพิณพาทย์ทำเพลงพระยาโศก.) ตอนที่ 2 กลางป่าหิมะวัน [นี้คือฉากเดียวกับฉากตอนที่ 1 องก์ที่ 2 นั้นเอง, ผิดแต่ในตอนนี้มิได้มีต้นกุหลาบเท่านั้น.] (มัทนานั่งอยู่บนตอไม้; ปริยัมวะทานั่งอยู่กับพื้นข้างตอไม้; มีนางสาวใช้อีก 2 คนนั่งอยู่ห่าง ๆ ทางด้านขวาแห่ง เวที; และมีพวกบริวารของพระกาละทรรศินกำลังขนฟืนมากองที่กลางเวที,. เตรียมสำหรับจุด; ศุนเปนผู้กำกับ พวกบริวารให้ขนฟืนและจัดเครื่องพะลีในระหว่างเวลาที่ปริยัมวะทากับมัทนาพูดกันต่อไปนี้.) [ภุชงคัปปะยาตร์, 12.]


115 ปริยัมวะทา. พระแม่เพียรพะลีมา ก็สับดาหะล่วงสาม, มิเห็นว่าจะสมความ ประสงค์ดังดำรัสไว้; กระหม่อมฉันจะทูลสา- ระภาพตรงณจริงใจ, กระหม่อมฉันมิอยากให้ พะลีนี้ประสิทธิ์ผล; เพราะหากว่าพะลีเสร็จ เสด็จกลับณเบื้องบน, กระหม่อมฉันจะต้องทน ระทมทุกขะหงอยเหงา. เพราะทุกวารก็บานใจ และรับใช้พระแม่เจ้า, บำเรอบาทะค่ำเช้า บเคยคลาดและคลาไกล. พระแม่โปรดกระหม่อมฉัน ก็อย่าพลันเสด็จไป, จะทรงทิ้งสะขีให้ อนาถโอ้บสงสาร. มัทนา. อ๊ะปฺรียัมวะทานาง จะหมองหมางมิเฃ้าการ, มิใช่ฉันมิสงสาร ฤชิงชังนะหล่อนเอ๋ย. เพราะตั้งแต่ดะนูไป ณกรุงไกรก็ทรามเชย, บำเรอจิตสนิธเคย ประจบดีบเว้นวัน; และเห็นแล้วละรักจริง ผิจำทิ้งก็ตัวฉัน จะเสียใจและโศกศัลย์ มิน้อยแน่ละโฉมตรู. ผิเทวาธเกื้อกูล จะลองทูลและถามดู, ผิพานางนะไปอยู่ กะฃ้าได้จะพาไป.


116 ปริยัมวะทา. พระแม่เจ้าเสด็จสู่ พิภพสฺวรรค์ณชั้นใด ก็อยากตามเสด็จไป บำเรอบาทบคลาดคลา. (บัดนี้ศุนมารายงานกับปริยัมวะทาว่าพร้อมแล้ว, มัทนาจึ่งลุกจากตอไม้ไปนั่งที่หน้ากองฟืนและก่อไฟ. คนอื่นนั่ง ในที่อันควร. มัทนาจุดไฟเสร็จแล้วกล่าวคำวอนเทวดา.) (รโธทฺธตา, 11) มัทนา. ฃ้าประณมกะระกระพุม ประชุมนะฃา ไหว้สุเทษณ์วระมหา มหิทธิบูรณ์, เชอญสดับสุวระพจน์ ประณตทำนูล วอนพระองคะอนุกูล และเมตตะด้วย. ยามดนูสิทุขะจัต ธตรัสจะช่วย โดยพระมุ่งกรุณะอวย พระพรประทาน; ฃ้าพระบาทฤทุขะมี ฤดีจะราน, เทวะโปรดและอุปะการ จะสิทธิผล: เมตตะธรรมะนะสิจุน และหนุนสกล ช่วยผดุงนิกะระชน ประโลมฤดี. เชอญเสด็จอะมะระมา ณวาระนี้, รับเสวยวระพลี ดนูถวาย. โดยดนูทุขะวิโยค และโชคก็หาย, อยากจะใคร่ชิวะมลาย บ่ทนและทุกข์,


117 อยู่ก็โศกะจะทวี บมีสนุก, สามิทิ้งฤวะจะสุข ฤมีเจริญ (ตักน้ำมันเนยหยอดที่กองไฟ, แล้วกล่าวต่อไป.) อ้าสุเทษณ์ผิกรุณา ก็ฃ้าสิเชอญ ล่องนะภาพะระและเหิร ระเห็จและมา. โปรดเถอะองค์อะมะระรับ สดับวะทา, ฃ้าพระบาทมะทะนา จะทูลอะมร! (พิณพาทย์ทำเพลิงตระเชอญ. พอถึงรัวท้ายตระ เมฆด้านหลังเวทีแหวกออก, และสุเทษณ์ลอยอยู่ในระหว่าง เมฆ, แต่สมมตว่าไม่มีใครเห็นนอกจากมัทนา.) [สวาคตา, 11] สุเทษณ์. ฃ้าสดับสุมะทะนา วจะว่าวอน, ใจก็นึกกรุณะหล่อน ฤดิสงสาร; เล็งก็รู้ณพะหุเหตุ์ ทุขะเภทพาล ใคร่จะช่วยและอุปะการ ยุวะนารี. หากว่ะโฉมศุภะอนงค์ จะประสงค์ลี ลาณแดนสุระวะดี ก็จะพาไป, เพื่อถนอมวระวะธู ดุจะคู่ใจ เปนมะเหษิอรไทย ก็จะแสนสุข; ฃ้าจะเลี้ยงสะมระรัตน์ และขจัดทุกข์,


118 ชวนภิรมย์ระติสนุก บมิเว้นวัน. ฃ้าจะหาสุระนะรี ยุวะดีสวรรค์. เปนสะขีคณะกำนัล ปฏิบัติ์นาง, ทุกทิวาจะบมิต้อง ฤดิหมองหมาง, นั่งสดับสุดุริยาง- คะประเลงนิตย์; ในสุราละยะวิมาน จะสราญจิต, แนบดะนูมะนะสนิธ และสิเนหา; คงบ่ทำกะมละหมอง ชละนองตา เช่นพระองคะนรสา- มิกระทำแล้ว! เชอญนะรีระตะนะมิ่ง มณิยิ่งแก้ว ไปกะฃ้าละก็จะแคล้ว ภยะด้วยพลัน. เชอญนะรีสิริสำรวย จระด้วยกัน, สู่พิภพอะมระสรรค์ เถอะจะว่าไร? (มัทนาก้มหน้านิ่งนึกอยู่สักครู่ 1 ก่อน, แล้วจึ่งคลานเฃ้าไปทางด้านหลังและยกมือไหว้, แล้วทูลตอบอย่าง ฉาดฉาน.) (รโรทฺธตา, 11) มัทนา. ฟังพระวาทะวรศัพท์ ก็จับฤทัย, เห็นพระทรงกรุณะไซร้ บจืดบจาง; ฃ้าจะทูลนะฤก็ยาก บอยากจะพราง,


119 แต่มิทูลอะมระทาง ก็คงมิโปรด. ฃ้าพระบาทะฤก็เขลา และเฉาและโฉด, คงมิพ้นสุระพิโรธ และโทษะกร. ฃ้าเฉลยพระมะธุรส สุราดิศร ได้ก็ดังประดุจะก่อน ณภูมิสรรค์. อันจะทรงพระกรุณา ณฃ้าฉนั้น, เปนพระคุณดะนุจะพรร- ณะนาบได้; หากจะมีวิถิถนัด บขัดหะทัย, ทั้งจะใช้ณธุระใด บมีระอา, แต่จะโปรดดะนุและให้ คระไลนะภา เปนพระบาทะบริจา- ริกาฉนี้, เกรงจะผิดพระนิติธรร- มะอันนะรี เสพย์กะสองบุรุษะมี ฤใครจะชม? อันพระองค์อะมระเศรษ- ฐะเดชอุดม จึ่งมิควรจะอภิรม- ยะนาริทราม; ฃ้าทำนูลวะจะนะตรง ดำรงณความ สัตฺยะธรรมะคะติงาม นะเทวะไท! [สวาคตา, 11]


120 สุเทษณ์. พูดพิกลละมะทะนา, ก็จะว่าไร? ชวนณสรวงก็บมิไป บมิจงจินต์, หล่อนจะคงกะมละแค้น และณแดนดิน อยู่จะแสนทุขะยุพิน ก็จะขืนอยู่; อันจะช่วยธุระยุพา ฤก็ฃ้าดู ไร้วิถีและก็ดะนู จะประสาทใด, จึงจะสมวรประสง- คะอะนงค์ได้? จงเฉลยวะจะนะให้ ดนุรู้ที. [รโธทฺธตา, 11.] มัทนา. ใดจะพึงกะมละกว่า พระสามิที่ เปนวราภะระณะศรี ณเกศถกล. ฃ้าก็ขออะมระฤทธิ์ ประสิทธิผล, ช่วยประสาทะสุขะดล หทัยถนัด แห่งพระวีระชยะเสน นเรนทะรัตน์, ให้พระจากนะคะรหัสฺ- ตินาและมา รับดนูจระณขัณฑ์, ฉนั้นแหละฃ้า โศกจะส่างและมะทะนา จะเปรมหทัย! [สวาคตา, 11.]


121 สุเทษณ์. ผัวก็ทิ้งและบมิหวง วธุห่วงได้, ทีดะนูวะธุไฉน บมิยอมรัก? ฃ้าจะวอนสุปิยะรัตน์ ก็สบัดพักตร์, ราวกะทรามและทุระลักษณ์ บมิมีดี. ฃ้าจะกล่าววะจะนะจัง ละนะครั้งนี้; คือผินางจะบมิมี มะนะรักไซร้, ฃ้าจะมีฤดิประนอม ฤจะยอมให้ หล่อนนะรักบุรุษะใด นะฤอย่าคิด. เมื่อดนูจะบมิสม อภิรมจิต, จักมิยอมบุรุษะชิด มะทะนาแล้ว. จำจะลาละปิยะนาฎ เพราะจะคลาดแคล้ว, คงมิเห็นสุวะธุแก้ว มณิกลอยตา. แต่ณกาละทิวะนี้ วนิดาภา เปนสุกุพฺชะกะผะกา บมิเปลี่ยนเลย, เพื่อประกันบุรุษะอื่น บมิชื่นเชย. โฉมอนงค์ดรุณิเอย, วจะฃ้าขลัง, สาปก็จักอะจิระสิท- ธิสะมิทธิ์ดัง ฃ้าประกาศวะจะนะสั่ง นะสดับดี:


122 กลายเถอะร่างสุมะทะนา ดุจะมาลี, เปนสุกุพฺชะกะฉะนี้ เถอะนิรันดร! (พิณพาทย์ทำเพลงรัวสามลา. มัทนาฟุบตัวก้มหน้าลงและนิ่งไปเหมือนตาย, แล้วค่อยๆ กลายเปนต้นกุหลาบ อย่างเช่นที่เห็นในต้นองก์ที่ 2 สุเทษณ์ดูอยู่จนนางกลายเปนกุหลาบไปแล้วก็หายไปในกลีบเมฆ. คนอื่น ๆ จ้อง ดูมัทนาอยู่ด้วยความประหลาดใจอย่างมิรู้ทางเหนือทางใต้, จนจบเพลงจึ่งต่างคนต่างสกิดกันและพูดกันซุบซิบ, เว้นแต่ปริยัมวะทาวิ่งเฃ้าไปที่ต้นกุหลาบและกล่าวคำครวญ.) [ปิยํวทา, 12] (พิณพาทย์ทำเพลงโอด: ปริยัมวะทาร้องไห้สอึกสอื้น.. พอจบหน้าพาทย์ก็พอพระกาละทรรศินเดิรนำเสด็จท้าว ชัยเสนออกมาทางซ้าย; นันทิวรรธนะ, โสมะทัต, และนายทหารตามออกมาด้วย. ในชั้นต้นผู้ที่มาใหม่ยังไม่มีใคร เห็นต้นกุหลาบ.) [ฉบัง, 16] ปริยัมวะทา. ทุขะอะโหพระมะทะนา พระมาตุวร, พระจะมะลายพระชิวะจร พระแม่ไฉน บมิดำรัสวะจะนะชวน, พระด่วนคระไล, พระมละทิ้งดะนุพิไร พิลาปอะนันต์; พระวรคุณอดุละครอง และป้องและกัน, ดนุฉนี้ฤจะมิศัล- ยะเศร้าอุรา. ก็ผิวะรู้ณคติฃำ ปฺริยัมวะทา ฤจะมิตามพระวรมา- ตุวายชิวาตม์? พระปิยะเทวิจระไป ก็ใจจะฃาด; ผิวะจะตามยุคะละบาท มิขัดและขวาง,


123 จะติระตามบะทะดำเนิร บเหินบห่าง และประติบัติ์ประดุจะอย่าง อดีตะกาล. ชะชะพระมัจจุฤกระไร หทัยธพาล, ก็ดนุนี้สิมิประหาร, ประหารพระแม่. ทุขะระทมกะมละเปลี่ยว จะเหลียวจะแล ก็บประสพสุขะณแด, จะพึ่งณใคร? พระปิยะมาตุจระดั้น ณสรรคะใด ดนุจะขอจะริกะไป ณกาละนี้! ชัยเสน. เอ๊ะ! พระคุณว่าเทวี เธออยู่แห่งนี้, แต่บเห็นทรามวัย. กาละทรรศิน. เทวีตั้งแต่มาไพร, ทุกสัปดาห์ได้ เสด็จณแดนดงนี้, เพื่อทรงทำกิจพลี; นี่กองอัคคี ยังอยู่เพื่อเปนพยาน. เธอว่าจะกอบยัญญะการ วอนเทพพิศาล ขอให้อำนวยพรศรี. (ระหว่างนี้โสมะทัตได้แลเห็นต้นกุหลาบแล้ว, จึ่งเฃ้าไปไหว้อาจารย์และพูด.) โสมะทัต. ฃ้าขอโอกาสมุนี! โปรดดูทางนี้ (ชี้ต้นกุหลาบ.) กาละทรรศิน. (เหลียวไป, และพูดอย่างตกใจ.) อะโห! เรามาช้าไป! ชัยเสน. เอ๊ะก็นั่นนารีใด ซบตัวร้องไห้ อยู่ที่ฃ้างพุ่มพฤกษา? กาละทรรศิน. นั่นคือปฺริยัมวะทา นารีที่มา พร้อมกับพระราชเทวี. ชัยเสน. ปฺริยัมวะทานารี, ฃ้าขอโทษที; เชอญเจ้ามาหาฃ้าเถิด!


124 (ปริยัมวะทาคลานมากราบท้าวชัยเสน.) จงเล่าให้เราว่าเถิด เหตุใดโฉมเฉิด จึ่งได้โศกาอาดูร. ปริยัมวะทา. เรื่องที่หม่อมฉันจะทูล องค์นเรนทร์สูร คงแทบมิทรงเชื่อได้. ชัยเสน. เอาเถิดแถลงเรื่องไป, อันเรานี้ไซร้ จะเชื่อจะฟังบังอร. [อินทะวิเชียร, 11.] ปริยัมวะทา. ตั้งแต่พระเทวี มะทะนาเสด็จจร มาสู่พะนาดร พระฤดีบมีสุข, เฝ้าแต่จะทรงศัล- ยะกำสรวลและครวญขุก เข็ญมีทวีทุก ทิวะราตริโศกา. จึ่งทรงพระปรารภ พะลิบวงสุเทวา, ทุกเสาร์เสด็จมา วนะถิ่นสนามนี้. ก่ออัคคิขึ้นแล้ว ละก็กล่าวพระวาที ทูลเทวะนามมี พระสุเทษณ์วิเศษฤทธิ์, ขอให้เสด็จมา และประทานพระพรสิทธิ์, ขอให้ธปลดปลิด ทุขะท่วมณวิญญาณ์. ได้ตั้งพะลีกรร- มะณสามสุสับดาห์, แต่ยังบเห็นปรา- กฏะผลณการยัญ. จนมาณครานี้ สิประเดิมพะลีกรรม์


125 ไม่ช้าก็หม่อมฉัน นะสิเห็นพิกลนัก, คือเห็นพระแม่เธอ นะชะเง้อและแหงนพักตร์ สู่ฟ้าประดุจจัก จะทำนูลกะเทพไท; หม่อมฉันชะเง้อบ้าง ก็บเห็นว่ะมีใคร, แต่องค์พระแม่ไซร้ ธประพฤติ์ประดุจเห็น, ทั้งเงี่ยพระโสตฟัง วะจะดังจะยินเจน แล้วตรัสเฉลยเปน คติถ้อยกระทงความ, ฃ้าจำกระแสได้ และจะขอพยายาม ทูลเล่าแถลงตาม วรพจน์พระแม่ว่า: (รโธทฺธตา, 11) “อันจะโปรดดะนุและให้ คระไลนะภา “เปนพระบาทะบริจา ริกาฉนี้, “เกรงจะผิดพระนิติธรร- มะอันนะรี “เสพย์กะสองบุรุษะมี ฤใครจะชม? “อันพระองค์อมระเศรษ- ฐะเดชอุดม “จึ่งมิควรจะอภิรม- ยะนาริทราม; “ฃ้าทำนูลวะจะนะตรง ดำรงณความ “สัตยะธรรมะคติงาม นะเทวะไท!” [อินทะวิเชียร, 11.]


126 ชัยเสน. อ้อ! คือสุเทษณ์กล่าว วะทะชวนจะพาไป ยังฟ้าสุราลัย ผิวะยอมสิเนหา, แต่นางมิยินยอม จะประนอมกะเทวา! เรื่องเดิมนะตูฃ้า ฤก็รู้อยู่แล้วดี. ปฺรียัมวะทาจง อภิปรายะอีกที ต่อจากตะกี้นี้, เพราะว่ะยังมิจบลง. ปริยัมวะทา. ต่อนั้นก็ได้เห็น วรเทวินั่งตรง, ดูท่าประหนึ่งม่ง มนะฟังพระบัญชา แห่งเทวะผู้เผย พะจะจากณฟากฟ้า, แล้วจึ่งพระมาตา ธอุวาทะดังนี้: (รโธทฺธตา, 11.) “ใดจะพึงกะมละกว่า พระสามิที่ “เปนวะราภะระณะศรี ณเกศถกล. “ฃ้าก็ขออะมระฤทธิ์ ประสิทธิผล “ช่วยประสาทะสุขะดล หทัยถนัด “แห่งพระวีระชยะเสน นเรนทะรัตน์, “ให้พระจากนะคะรหัสฺ- ตินาและมา “รับดะนูจระณขัณฑ์, ฉนั้นแหละฃ้า


127 “โศกจะสร่างและมะทะนา จะเปรมหทัย!” [อินทะวิเชียร, 11.] พอตรัสฉะนี้แล้ว ดะนุเห็นพระแม่ไซร้ คงตั้งพระเนตร์ไป ณนะภาและฃ้าดู อีกหน่อยก็สังเกต ทุรเหตุพิกลอยู่, โดยพักตระโฉมตรู นะสิซีดบสดแดง; แล้วมีสำเนียงมา ดุจะพายุพัดแรง, อึงอลณหนแห่ง กละเมทินีไหว. ครั้นเมื่อสงบพา- ยุคะนองสิมองไป เห็นองค์พระแม่ไซร้ ธระทมและล้มนอน, แล้วเห็นประหลาทมี วระบุบผะงามงอน แทนองค์พระมารดร ดุจะเห็นณแห่งนั้น. [ปิยํวทา, 12.] ดนุก็แสนกมละโศก วิโยคและศัลย์, เพราะบมิรู้และบมิทัน จะเตรียมหทัย; ผิดนุรู้ระหสะความ จะตามพระไป และประติบัติ์พระอรไทย บคิดระอา, เพราะดนุรักปิยะนะรี ฉนี้และถ้า


128 ชิวะดนูจะมระณา บหวงบแหน. พระปิยมาตุพระเสด็จ ประเวศณแมน ดนุจะมีสุขะณแดน มะนุษไฉน? (ปริยัมวะทาซบหน้าลงร้องไห้. ท้าวชัยเสนก็ร้องไห้ด้วย, และแขงใจดับโศกและพูด.) [อินทวงส์, 12.] ชัยเสน. ฟังนางแถลงเหตุ ภยะเภทะจับหทัย, เห็นเปนพยานไซร้ มะทะนาวิเศษะแท้; ด้วยหล่อนสิจงรัก มนะภักดิสุดละแม้ เทวันธชวนแม่ บมิยอมประนอมฤดี. หานาริรัตน์ไหน ณประเทศะเมทินี เปรียบมิ่งมะเหษี ดนุได้นะสุดจะหา! แม้รอประเดี๋ยวเดียว ฤก็ผัวก็คงจะมา ทันพบและแก้วตา นะก็คงบร้อนกะมล เปนกรรมกระทำไว้ ณอดีตประสิทธิผล, ผัวจึ่งมิทันยล วระพักตร์สุลักษะณา. ถึงแม่จะเปนกุพฺ- ชะกะแล้วก็ช่างเถอะฃ้า ขอนำสุมาลา ณนะครทนุถนอม; จักจัดคณานาง สะขิภักดิแวดและล้อม,


129 ทั้งมีทหารพร้อม จระตั้งกระบวนคระไล. ถึงเวียงจะตั้งการ สุรยัญพิเศษพิสัย, ป่าวร้องประกาศให้ มรุอีกมนุษนิกร รู้เรื่องประเทืองเทิด วระเกียรติสายสมร, เทวานะรากร ก็จะพร้อมและโมทะนา. อีกเราจะรับตัว วระนาฎปฺริยัมวะทา กลับคืนพระภารา และจะเลี้ยงประดุจณเดิม, ให้สมกะที่ซื่อ สุจริตคุณาเฉลิม ยศศักดิส่งเสริม, และดนูจะขออะภัย ที่ได้กระทำโทษ วธุผิดสุธรรมะไซร้, คงตอบและแทนให้ สุขะศานต์สราญทวี. ปริยัมวะทา. หม่อมฉันก็เปนฃ้า วระบาทพระภูบดี, แต่น้อยบเคยมี วระนาถะอื่นฤไกล. เมื่อทรงพระการุณ- ยะก็ฃ้าสราญหทัย, ชีวิตถวายไว้ ณธุลีพระบาทยุคล. [ฉบัง, 16.] ชัยเสน. มุนีฃ้าขออีกหน จงช่วยด้วยมนตร์ ให้ฃ้าได้สมจินดา; ช่วยกล่าวปิยะวาจา ให้มะทะนา ยอมไปนครหัสดิน.


130 กาละทรรศิน. อันอาตะมะก็ยิน- ดีช่วยนรินทร์ เพื่อให้ธสมประสงค์, เพราะเชื่ออยู่ว่าธคง เต็มหทัยทรง บำรุงซึ่งมิ่งไม้นี้, และถ้าอยู่กรุงจะดี กว่าคงอยู่ที่ ณกลางอรัญกันดาร. โปรดสั่งให้เฃาเตรียมการ ขุดรุกขะมาลย์, เพราะเชื่อว่าคงยอมไป. (ท้าวชัยเสนสั่งนันทิวรรธนะให้เตรียมเครื่องมือ. ฝ่ายพระกาละทรรศินไปที่ต้นกุหลาบและพูดกับต้นไม้นั้น.) (มันทักกันตา, 17.) กาละทรรศิน. อ้าโฉมฉายสายสะมะระมะทะนา, ฟังบิดาว่า เถอะทรามวัย. อันองค์สมเด็จพระนรปะติไซร้ ท่านจะรับไป ณเขตขัณฑ์; ลูกเคยมุ่งภักดิณปะระมะธรร- มาธิราชัน- ยะสามี, ท่านตามมาจากวระสุระบุรี โดยกะมลที่ สิเนหา, หากลูกยอมไปละก็วระสุดา คงจะได้สา- ระพัตสุข, ไปอยู่เวียงเนียงฤก็จะบมิทุกข์ ปราศะเข็ญขุก และปลอดภัย. ภูมีดีกว่าอะมระเพราะหะทัย ท่านสิรักใคร่ สุนารี, พ่อแลเห็นปรากะฏะฤดิฉนี้ จึ่งมอบศรี สุดาอร แด่องค์สมเด็จปะระมะอดิศร, แล้วจะได้นอน ละตาหลับ. อ้าลูกน้อยกลอยฤดิบิตุระรับ เชอญเถอะงามสรรพ สุมาลี! (พระกาละทรรศินเรียกศังข์มาหลั่งน้ำที่โคนต้นกุหลาบ, แล้วทูลเชอญท้าวชัยเสนให้ตรัสชวนเอง. ท้าวชัยเสนจึ่ง ไปกล่าวคำชวนดังต่อไปนี้.) (อีทิสะ, 20.)


131 ชัยเสน. อ้าวะธูดะนูนะทุกข์ทวี เพราะแสนจะโศกวิโยคสุปรี- ยะอย่าแหนง, พี่สิผิดเพราะจิตวิโรธะแรง, อุบายะชั่วบรู้บแจ้ง สิจึ่งหลง, ยามตระหนักสิชักจะบ้าจะปลง ประหารชิวีบมีประสงค์ จะคงอยู่, แต่พะเอินสุเสวิเตือนดะนู ฉนั้นสิจึ่งสำนึกนะตู บวางวาย; เสด็จประยุทธะสมนิยมก็หมาย และมุ่งฤดีจะรับพระสาย สมรพลัน, จากพะนาและคืนณเขตตะขัณฑ์ และมุ่งจะเสกสุนารินัน- ทะนาภา เปนพระอัคคะราชินีมหา สุมาตุแห่งนิกรประชา ณหัสฺดิน; โอ้พะเอินก็มามิพบยุพิน, กระนั้นนะฃ้ายังถวิล จะรับไป. จึ่งจะเชอญสุกุพฺชะกาวิไลย แหละแทนอนงคะจงคระไร เถอะพฤกษา,


132 ฃ้าจะรับประทับณศีวิกา, และพร้อมกระบวนจะแห่ณธา- นิรังสรรค์; ถึงบุรีจะได้เฉลิมพระขวัญ, จะเปรอมิให้อนาถณวัน ฤราตรี. เชอญเถอะแม่ดนูเชอญนะมาระศรี, เสด็จเถอะอย่าระคายฤดี ดนูวอน! (ท้าวชัยเสนเรียกศังข์หลั่งน้ำที่โคนต้นกุหลาบ, แล้วให้คนขุดก็ขุดได้โดยสดวก. นันทิวรรธนะก็เรียกวอทอง ออกมา, และให้ยกต้นกุหลบขึ้นบนวอ.) [ฉบัง, 16.] ชัยเสน. ก่อนที่ตูฃ้าจะจร ฃ้าขอรับพร จากองค์มุนีทรงญาณ; จงโปรดอำนวยเถิดท่าน, เพื่อช่วยให้การ เดิรกลับเปนไปได้ดี. อีกเมื่อไปถึงธานี ขอให้มาลี อยู่ดีบได้โรยรา, และให้ดำรงคงกว่า ชีวิตของฃ้า จะถึงณอายุขัย. [กุสุมิตลดา, 18.] กาละทรรศิน. ฃ้าขอให้เทพองค์อะธิปะติณไตรตรึงษะโปรดให้ พระพรสิทธิ์ แด่องค์สมเด็จราชะปะระมะบพิตร์ เรืองมหาฤท- ธิเดชา, มีชัยในการยุทธะและบมิปะรา-


133 ชัยณทั่วหล้า สกลขาม, ขอจงทรงสฺวัสดีนิจจะสุขะอภิราม รมยะทุกยาม บเสื่อมซา. หนึ่งอวยพรให้กุพฺชะกะสุระผกา คงดิลกหล้า บสูญพรรณ, เปนสิ่งชวนยวนจิตตะนระสุวะคันธ์ ช่วยระงับสรร- พะทุกข์หนัก; หญิงชายยามเริ่มรู้ระสะณฤดิรัก ใช้กุหลาบจัก ระเริงใจ, อันดวงมาลีกุพฺชะกะสิผิวะให้ พึงจะรู้ได้ ว่ารักแท้, และยามดมดอกกุพฺชะกะนะก็จะแก้ เดือดณดวงแด และสุขพลัน. ขอมาลีศรีกุพฺชะกะสิริสุคันธ์ จงประดิษฐ์พรรณ นิรันดร! (ชัยเสนคุกเฃ่าลงไหว้รับพรพระฤษี, แล้วให้ตั้งกระบวนแห่วอทรงต้นกุหลาบ, องค์เองเดิรนำหน้าวอ. พิณพาทย์ ทำเพลงกลอนโยน, กระบวนแห่เดิรผ่านจากหลืบขวาเลยไปเฃ้าโรงทางหลืบซ้าย.) (ปิดม่าน) จบเรื่องมัทนะพาธาเท่านี้


134 1.2 เนื้อหาความรู้เรื่อง คติชนนิทานมหัศจรรย์ เทพนิยาย นิทานมหัศจรรย์ (Märchen/Fairy tale) เทพนิยายหรือนิทานมหัศจรรย์เป็น นิทาน พื้นบ้านประเภทหนึ่ง ซึ่งเรียกตามศัพท์ภาษาเยอรมันว่า Marchen) ส่วนศัพท์ภาษาอังกฤษมักใช้ ว่า fairy tale นิทานประเภทนี้จะมีเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับลักษณะเหนือวิสัย อิทธิปาฏิหาริย์และความ มหัศจรรย์เหนือ ธรรมชาติ บางครั้งจึงมีผู้เรียกนิทานประเภทนี้ว่า wonder tate หรือ chimerat ในวงวิชาการของไทย ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร ได้คิดศัพท์ภาษาไทยว่า “เทพนิยาย” ใช้เรียก รูปแบบของนิทาน ประเภทดังกล่าวเป็นครั้งแรก (กิ่งแก้ว อัตถากร, 2519: 14-16) ส่วนในปัจจุบัน นักวิชาการส่วนใหญ่จะเรียก นิทานประเภทนี้ว่า “นิทานมหัศจรรย์” ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่ประคอง นิมมานเหมินท์ (2545: 8) ได้คิดค้นขึ้นและ ผู้เขียนเองก็จะใช้ศัพท์ดังกล่าวในการเรียกชื่อนิทานประเภท นี้ต่อไป ตัวอย่างนิทานมหัศจรรย์ที่คนทั่วไปรู้จัก เช่น สโนไวท์ เจ้าชายกบ เงือกน้อย ราพันเซล แฮนเซล กับเกรเทล ซินเดอเรลลา เจ้าหญิงนิทรา ฯลฯ ลักษณะ ทั่วไปของนิทานมหัศจรรย์คือมีขนาดค่อนข้างยาว ประกอบด้วยเหตุการณ์หลาย เหตุการณ์หรือหลายตอน บาง เรื่องมีโครงเรื่องที่ซับซ้อนและมีความขัดแย้งปรากฏอย่างชัดเจน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกิดในฉากที่มักเป็น ดินแดนสมมุติที่ไม่มีใครเคยไปถึงหรือเกิดขึ้นในโลกจินตนาการ ซึ่งในโลกแห่งจินตนาการนี้ยังเต็มไปด้วยความ มหัศจรรย์อีกมากมาย เนื้อเรื่องจะไม่มีการระบุสถานที่ เวลา และตัวละครที่แน่นอน นอกจากนี้ฉากหรือตัว ละครในเรื่องมักจะไม่มีการระบุชื่อเฉพาะ แต่จะระบุ ว่าเป็นเมืองเมืองหนึ่ง ณ ดินแดนอันไกลโพ้น มีพระราชา พระราชินี เจ้าชาย เจ้าหญิง ฯลฯ หรือหากมี การระบุชื่อ ชื่อนั้นก็จะเป็นชื่อที่ธรรมดาสามัญหรือชื่อที่บ่งบอก ลักษณะพิเศษของตัวละคร ยกตัวอย่าง เช่น ตัวละคร "แจ๊ค" ในเรื่อง แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ (Jack and the Beanstalk) นับเป็นชื่อที่ธรรมดาทั่วไป ส่วนชื่อตัวละคร “สโนไวท์” ในเรื่อง สโนไวท์ (Snow White) เกิดขึ้น เนื่องจากนางเอกเป็นผู้หญิงที่มีผิว ขาวเหมือนหิมะ ชื่อตัวละคร “ซินเดอเรลลา” ในเรื่อง ซินเดอเรลลา (Cinderelta) มาจากคำว่า cinder ที่แปลว่าขี้เถ้า เนื่องจากนางเอกต้องอาศัยนอนที่เตาผิง หรือชื่อตัวละคร "ราพันเซล” ในเรื่อง ราพันเซล (Rapunzel) ก็เป็นชื่อพืชมีหัวกินได้ประเภทหนึ่งที่มารดาของนางชอบกินและ ไปขโมยพืชชนิดนี้จากสวน ของแม่มด แม่มดโกรธจึงเอาตัวลูกสาวคือราพันเซลไปอยู่บนหอคอย (Thompson, 1946; 8) Merry tale ทานแต่ละโรง การเสียความพยายาม ลักษณะสำคัญอีกประการหนึ่งของนิทาน มหัศจรรย์คือบทบาทหรือพฤติกรรมของตัวละครจะ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือวิสัยและไร้ข้อจำกัดใด ๆ ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางไปยังดินแดนที่ลี้ลับ หรือโลกอื่น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางข้ามทะเลเพลิง การ เดินทางข้ามภูเขาน้ำแข็ง การเดินทางไปยัง สวรรค์ นรก/เมืองบาดาล การเดินทางไปยังใจกลางโลกมนุษย์ ฯลฯ บ่อยครั้งที่เราจะพบว่าแม้เวลาใน เรื่องจะดำเนินไปนานขนาดไหนก็ตาม ตัวละครเอกจะไม่มีวันแก่ชรา และบุคลิกภาพก็จะไม่มีการ เปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่บทบาทของตัวละครผู้ช่วยที่มักจะมาช่วยตัวละครเอกได้ ทันเวลาเสมอ ลงรายละเอียดเพิ่ม ประคอง นิมมานเหมินท์ (2545: 10) ระบุว่านิทานมหัศจรรย์มีลักษณะ สำคัญ 4 ประการคือ เป็นเรื่องค่อนข้างยาว มีหลายอนุภาคหรือหลายตอน มีการดำเนินเรื่องอยู่ในโลกของ


135 จินตนาการ มักไม่ บ่งบอกสถานที่หรือเวลาที่แน่นอนตัวละครเอกของเรื่องต้องผจญภัยหรือชะตากรรม ตัว ละครเอกได้รับ ความช่วยเหลือจากมนุษย์หรืออมนุษย์ ลักษณะสำคัญข้อสุดท้ายคือต้องมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับ อมนุษย์ อิทธิปาฏิหาริย์หรือความมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ Falry tale ins สกับลักษณะเหมือนได้ มีอริย ระ เภทนี้ว่า worker tile หรือ ในหนังสือ The Folktale (Thompson. 1946: 21-152) ธอมป์สันได้กล่าวถึง รายละเอียดของ นิทานมหัศจรรย์และเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องว่านิทานมหัศจรรย์เป็นนิทานประเภทที่มีเนื้อหาเป็น เรื่องแต่ง หรือเรื่องสมมุติ ซึ่งมีโครงเรื่องที่หลากหลาย มีองค์ประกอบค่อนข้างซับซ้อน และมีส่วนประกอบแบบ เหนือธรรมชาติเข้ามาปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก ผลการจำแนกแบบเรียงนิทานพื้นบ้าน ของแอนทิ อาร์ม (Aritti Arrie) และสติ, ชอมป์สัน (Stith Thompson) พบแบบเรื่องนิทานมหัศจรรย์มากถึง 700 แบบเรื่อง ทั้งนี้ นิทานมหัศจรรย์มีส่วนประกอบของเนื้อหาที่สำคัญ ได้แก่ – ศัตรูเหนือธรรมชาติ (supernatural adversaries) ธอมป์สันระบุว่านิทานมหัศจรรย์ที่มี เนื้อ เรื่องซับซ้อนเกือบทุกเรื่องจะมีความขัดแย้งบางอย่างปรากฏอยู่ ตัวละครเอกจะต้องฝ่าฟันอุปสรรค เพื่อที่จะ ได้รับชัยชนะหรือได้รับรางวัลในตอนท้ายเรื่อง นิทานมหัศจรรย์ของยุโรปและเอเชียส่วนมาก กำหนดให้ พระเอกต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเหนือธรรมชาติบางลักษณะเสมอ เช่น มังกร ยักษ์ แม่มด ปีศาจ สัตว์ประหลาด ฯลฯ - ผู้ช่วยเหลือแบบเหนือธรรมชาติ (supernatural helpers) ในนิทานมหัศจรรย์มักปรากฏ บทบาทของผู้ช่วยเหลือที่คอยมาช่วยเหลือตัวละครเอกในยามประสบปัญหาหรือประสบเหตุคับขันอยู่ เสมอ ซึ่ง ตัวละครผู้ช่วยเหลือเหล่านั้นจะมีพลังอำนาจพิเศษแฝงอยู่ เช่น นางฟ้า ภูต สัตว์ผู้ช่วยต่าง ๆ - เวทย์มนตร์และความแปลกประหลาดมหัศจรรย์ (magic and marvels) ธอมป์สันอธิบาย ว่า เรื่องของอำนาจวิเศษ เวทย์มนตร์ และความแปลกประหลาดมหัศจรรย์นับเป็นรูปแบบสากลของ นิทาน มหัศจรรย์ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับของวิเศษและความสามารถพิเศษผิดมนุษย์ธรรมดา ของตัวละคร ในลักษณะต่าง ๆ เช่น การรักษาเยียวยาด้วยเวทย์มนต์ การรู้ภาษาสัตว์ การมีพละกำลังที่ ผิดธรรมดา ฯลฯ - คู่รักและคู่แต่งงาน (lovers and married couples) หัวใจสำคัญของนิทานมหัศจรรย์ ส่วนหนึ่ง คือการพูดถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลวของตัวละครเอกในเรื่องความรัก ในนิทาน มหัศจรรย์มักกล่าวถึง พระเอกหรือนางเอกผู้ต่ำต้อยแต่ได้คู่ครองเป็นคนสูงศักดิ์ การได้คู่ครองแบบเหนือ ธรรมชาติ การที่คู่รักถูกสาป และพ้นจากคำสาป ฯลฯ - ภารกิจและการค้นหา (tasks and quests) นิทานมหัศจรรย์จำนวนมากมีการแสดงให้เห็น ด้าน การจัด เกมอื่น ยาตัวอย่า ถึงความยากลำบากของตัวละครเอกในการปฏิบัติภารกิจบางอย่างที่ยากเกิน ความสามารถของมนุษย์ เหมืองจากลักษ บางครั้งภารกิจดังกล่าวอาจไม่ใช่หัวใจสำคัญของโครงเรื่อง แต่


136 ความสำเร็จจากการปฏิบัติภารกิจของตัว ละครเอกดังกล่าวก็จะเป็นเหตุการณ์สำคัญของการแสดงบทบาทของ ตัวละครเอก - ความชื่อสัตย์ (faithfulness) ธอมป์สันมีความเห็นว่าคุณสมบัติของตัวละครเอกในนิทาน มหัศจรรย์ที่ได้รับความนิยมและน่ายกย่อง ไม่มีสิ่งใดเหนือไปกว่าความซื่อสัตย์ นิทานจึงมักนำเสนอ เกี่ยวกับ สามีหรือภรรยาผู้ซื่อสัตย์และอดทนต่อความยากลำบากเพื่อทำให้ได้คนรักกลับคืนมา นอกจากนี้ยังมีความ ซื่อสัตย์ของเพื่อนที่มีต่อเพื่อน บ่าวที่มีต่อนาย และญาติที่มีต่อญาติ - ญาติที่ดีและเลว (good and bad relatives) ในนิทานมหัศจรรย์จำนวนมากที่การกระทำ อันชั่ว ร้ายไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญหรือเกิดจากอำนาจเหนือธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นจากญาติหรือคน ใกล้ชิดตัว ละครเอกที่มีพฤติกรรมเป็นปรปักษ์กับตัวละคร เช่น พ่อแม่วางแผนร้ายกับลูก พี่สาวคิดร้าย กับน้องสาว และ ภรรยาคิดร้ายกับสามี - พลังอำนาจที่สูงกว่า (The higher powers) แก่นเรื่องสำคัญที่มักปรากฏในนิทาน มหัศจรรย์ทั่ว โลกคือ ความขัดแย้งระหว่างความดีและความชั่ว จึงมักปรากฏพฤติกรรมที่เป็นคู่ตรงกัน ข้ามระหว่าง พฤติกรรมที่น่าสรรเสริญยกย่องของตัวละครเอก กับการกระทำที่ชั่วร้ายของตัวละครปรปักษ์ ความขัดแย้ง ดังกล่าวจะดำเนินไปจนกระทั่งความดีสามารถเอาชนะความชั่วร้ายได้และตัวละครปรปักษ์ ก็จะถูกลงโทษอย่าง เหมาะสมในท้ายที่สุด -โลกทั้ง 3 โลก (The three worlds) ธอมป์สันอธิบายว่าในนิทานมหัศจรรย์มักปรากฏความ เชื่อเกี่ยวกับโลกอื่นซึ่งเป็นความเชื่อทางศาสนาดั้งเดิมของคนโบราณปรากฏอยู่เสมอ ดังนั้นจึงมักมี เหตุการณ์ที่ เกี่ยวข้องกับการที่ตัวละครเอกซึ่งเป็นมนุษย์ต้องเดินทางไปโลกอื่น เช่น สวรรค์ นาดาล หรือ โลกอื่นใน ความหมายของดินแดนที่ไกลและลี้ลับมาก รวมไปถึงการที่ตัวละครซึ่งเป็นพระเจ้าหรือนักบุญ ได้เดินทางมา ท่องเที่ยวโลกมนุษย์ด้วยเช่นกัน หากนำแนวคิดของธอมป์สันมาพิจารณานิทานมหัศจรรย์ที่ปรากฏในสังคมไทย ประคอง นิมมานเห มินท์ (2545: 112-118) ระบุว่ามีลักษณะโครงสร้างโดยทั่วไปคล้ายคลึงกับนิทานมหัศจรรย์ ของยุโรป คือมี ขนาดยาว ประกอบด้วยหลายอนุภาคหรือหลายตอน มีความเกี่ยวข้องกับแปลก ประหลาด ความมหัศจรรย์ และอิทธิปาฏิหาริย์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตามหากพิจารณารายละเอียดจะพบว่า นิทานมหัศจรรย์ของไทยมี ลักษณะเฉพาะบางประการที่ทำให้แตกต่างจากนิทานมหัศจรรย์ของยุโรป ได้แก่ การจัดประเภท การระบุ สถานที่ ตัวละคร แนวคิดของเรื่อง และลักษณะความมหัศจรรย์


137 ลักษณะเฉพาะด้านการจัดประเภทคือนิทานมหัศจรรย์ของไทยบางเรื่องอาจมีเนื้อหาคาบ เกี่ยวกับ นิทานประเภทอื่น ยกตัวอย่างเช่น นิทานชาดกนอกนิบาตบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญญาสชาดก หรือชาดก พื้นบ้านของภาคต่าง ๆ เช่น สังข์ทอง สังข์ศิลป์ไชย ปาจิตต์นางอรพิม พระสุธน ฯลฯ มีเนื้อหา เป็นนิทาน มหัศจรรย์ แต่เนื่องจากลักษณะการแต่งนิทานที่เลียนแบบนิทานชาดกด้วยการระบุว่าพระเอก คือพระโพธิสัตว์ และมีการแทรกคำสอนทางศาสนา นิทานกลุ่มนี้จึงจัดเป็นนิทานศาสนาด้วย (ประคอง นิมมานเหมินท์, 2545: 113) ในส่วนขององค์ประกอบด้านฉากหรือสถานที่ ตัวละคร และแนวคิดของเรื่อง นิทานมหัศจรรย์ ของ ไทยก็มีลักษณะเด่นเช่นเดียวกัน คือในขณะที่นิทานมหัศจรรย์ของยุโรปมักไม่ระบุเวลาและสถานที่ ชัดเจน แต่ นิทานมหัศจรรย์ของไทยส่วนใหญ่มักระบุชื่อเมืองที่ซ้ำ ๆ และคล้ายคลึงกัน เช่น เมืองพาราณ สี เมืองปัญจาล เมืองรัตนา เมืองตักศิลา ในส่วนของตัวละครพระเอกและนางเอก ก็มีทั้งที่เป็นชนชั้น กษัตริย์และคนธรรมดา สามัญ แต่ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือตัวละครผู้ช่วยในนิทานมหัศจรรย์ของไทยมัก เป็นพระอินทร์หรือฤๅษี ที่มี บทบาทเป็นผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือตัวละครเอก โดยอาจเป็นผู้นำตัวเอกไปเลี้ยง ดูเมื่อถูกทอดทิ้ง มอบอาวุธหรือ ของวิเศษแก่ตัวเอก คอยช่วยเหลือตัวเอกเมื่อต้องตกระกำลำบากหรือถูก ทดสอบความสามารถ ถ้าตัวเอกต้อง ประสบเหตุจนสิ้นชีวิตก็จะเป็นผู้ชุบชีวิตให้ ในขณะที่นิทาน มหัศจรรย์ของไทยบางเรื่องตัวละครผู้ช่วยอาจเป็น คนที่ตายแล้วไปเกิดใหม่ เช่น เรื่อง ปลาบู่ทอง หรือ ผู้ช่วยที่เป็นผี เช่น กำพร้าผีน้อย ในด้านแนวคิด นิทานมหัศจรรย์ของไทยก็มีลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมเช่นเดียวกัน โดยจะ เห็นได้ ว่าแนวคิดสำคัญหรือแก่นเรื่องของนิทานมหัศจรรย์ของไทยมักเกี่ยวข้องกับหลักธรรมคำสอนทาง พุทธศาสนา เช่น การทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ความกตัญญู กฎแห่งกรรม การพลัดพราก ฯลฯ ลักษณะเด่น ด้านชื่อเมือง พระ อินทร์ ฤๅษี และแนวคิดของนิทานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความเชื่อของคนไทยที่ เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาและ ความเชื่อดั้งเดิมเรื่องผีได้เป็นอย่างดี นิทานไทยลักษณะหนึ่งที่เข้าข่ายนิทานมหัศจรรย์ คือ นิทานจักร ๆ วงศ์ ๆ ที่มีตัวละครเป็นเจ้า หญิง เจ้าชาย มีของวิเศษ มีพระอินทร์ ฤๅษี หรือสัตว์เป็นผู้คอยช่วยเหลือ พระเอกในบางเรื่องสามารถ เหาะเหิน เดินอากาศได้ ตัวเอกส่วนใหญ่มักเป็นพระโพธิสัตว์หรือลูกกษัตริย์ นิทานประเภทนี้นอกจากจะ นิยมเล่าสู่กันฟัง แล้วยังนิยมนำไปเล่นเป็นละครด้วย เช่น ละครนอก ละครชาตรี นิทานมหัศจรรย์หรือนิทานจักร ๆ วงศ์ ๆ ได้รับความนิยมอย่างมากในสังคมไทย อาจเรียกได้ว่า ๆๆ เป็นนิทานที่มีจำนวนมากที่สุดในบรรดานิทานพื้นบ้านของไทยก็ว่าได้ โดยปรากฏอยู่ในทุกภาคของ ประเทศ ไทย เช่น นิทานมหัศจรรย์ของภาคกลางมีเรื่อง ปลาบู่ทอง สังข์ทอง พระสุธน จันทโครพ นาง สิบสอง โสนน้อย เรือนงาม นางผมหอม นางพิกุลทอง สรรพสิทธิ์ การะเกด ในภาคเหนือมีเรื่อง หงส์หิน หรือหงส์ผา นางผมหอม


138 เต่าน้อยของคํา ในภาคอีสานมีเรื่อง จำปาสี่ต้น กา า โลวัตร สินไซ และ ในภาคใต้มีเรื่อง สุวรรณศิลป์ วันดาร พระรถเมรี พระสุธน-มโนห์รา ฯลฯ 2. ตารางสรุปหน่วยการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง คติชนด้านการใช้ถ้อยคำ ประเภทนิทานมหัศจรรย์ เรื่อง มัทนะพาธาโดยบูรณา การการจัดการเรียนรู้กับรูปแบบการสอนตามแนวคิดของกานเย่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 มหัศจรรย์มัทนา แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 มหัศจรรย์ภาคสวรรค์ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องราวภาคต่อ สืบเสาะสรุปรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 สรุปให้ได้ นำไปใช้ให้ดี 3. กิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้เรื่อง คติชนด้านการใช้ถ้อยคำ ประเภทนิทานมหัศจรรย์ เรื่อง มัทนะพาธาโดยบูรณาการการ จัดการเรียนรู้กับรูปแบบการสอนตามแนวคิดของกานเย่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคการศึกษาที่ 1 เรื่อง มหัศจรรย์มัทนา จำนวน 1 ชั่วโมง สาระสำคัญ นิทานมหัศจรรย์คือนิทานที่ตรงกับภาษาอังกฤษว่า fairytale ซึ่งมีผู้แปลตรงตามศัพท์ว่า เทพนิยาย แต่โดยเหตุที่เนื้อเรื่องของนิทานประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องมี"เทพ" หรือเทวดาก็ได้ หากแต่ลักษณะสำคัญของ fairytale คือ นิทานที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับของวิเศษ สิ่งมหัศจรรย์ พฤติกรรมที่เป็นจินตนาการความใฝ่ฝันของ มนุษย์ เช่น การแปลงตัว การเหาะเหินเดินอากาศ การเนรมิตของวิเศษ นักคติชนวิทยา จึงมักเรียกนิทาน ประเภทนี้ว่า นิทานมหัศจรรย์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่าง เห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง


139 ตัวชี้วัดการเรียนรู้ม.4-6/3 วิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและวรรณกรรม ในฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวคติชนด้านการใช้ถ้อยคำ ประเภทนิทานมหัศจรรย์(K) 2.นักเรียนมีความสามารถในการวิเคราะห์และประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ของวรรณคดีและ วรรณกรรมได้(P) สาระการเรียนรู้ 1.เนื้อหาคติชนด้านการใช้ถ้อยคำ ประเภทนิทานมหัศจรรย์ 2.เนื้อหาเรื่องมัทนะพาธา (ภาคสวรรค์) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ 2. ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง มีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อนํามาประกอบงานที่ ได้รับมอบหมาย 3. มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง แสดงออกถึงความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ สมบูรณ์ สมรรถนะผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร หมายถึง ความสามารถในการรับและส่งสารโดยการใช้ภาษาถ่ายทอด ความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก ทัศนะ รวมถึงการเจรจาต่อรองและการเลือกรับหรือไม่รับข้อมูล 2. ความสามารถในการคิด หมายถึง ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ในการ ตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม ผลงานที่ต้องการ 1.สรุปองค์ความรู้ความคิดที่ได้จากการเรียน เป็น Mind Mapping ลงในกระดาษ


140 กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 เร่งเร้าความสนใจ (5 นาที) 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียนและพูดคุยเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง เช่น วันนี้นักเรียนเป็นยังไง บ้าง พร้อมที่จะเรียนกันหรือยัง 2. ครูสอบถามความรู้ของนักเรียนเกี่ยวกับคติชนวิทยา ขั้นที่ 2 บอกวัตถุประสงค์ (3 นาที) 1.ครูบอกจุดประสงค์ของเรื่องที่จะสอนให้กับนักเรียนคือเรื่องคติชนการใช้ถ้อยคำ ประเภทนิทาน มหัศจรรย์ ขั้นที่ 3 ทบทวนความรู้เดิม (12 นาที) 1.ครูใช้กิจกรรมเกม word wall เพื่อสอบถามนักเรียน โดยเนื้อหาในเกมจะเป็นการให้ความรู้และการ ประเมินความรู้เกี่ยวกับคติชนวิทยา เพื่อทบทวนหรือรวบรวมความคิดที่นักเรียนอาจจะเคยมีประสบการณ์มา ก่อน ขั้นที่ 4 นำเสนอเนื้อหาใหม่ (30 นาที) (คติชนด้านการใช้ถ้อยคำ ประเภทนิทานมหัศจรรย์) 1.ครูสอนเนื้อหาคติชนด้านการใช้ถ้อยคำ ประเภทนิทานมหัศจรรย์ 2.ครูใช้สื่อการสอน Powerpoint ประกอบการสอนเนื้อหาคติชน ขั้นที่ 5 ชี้แนะแนวทาง (10 นาที) 1.ครูให้นักเรียนทำใบงานกิจกรรม Mind Mapping เพื่อสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับคติชนด้านการใช้ ถ้อยคำ ประเภทนิทานมหัศจรรย์และชี้แนะให้นักเรียนจัดระบบความคิดได้ 2.ครูทบทวนเนื้อหาเพิ่มเติมและสอบถามนักเรียนเพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจในการเรียน 3.ครูทำการสอนเชื่อมโยงเข้าสู่เรื่องมัทนะพาธา (ภาคสวรรค์) เพื่อที่จะให้นักเรียนเตรียมพร้อมที่จะ เรียนในชั่วโมงถัดไป


141 ความคิดเห็นของผู้บริหาร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… …………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………….…………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………….………………………………………………… (ลงชื่อ) (............................................................) ผู้ตรวจ วัน........เดือน.........................พ.ศ. ............ ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .……………………………………………………………………...………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. (ลงชื่อ) (............................................................) ผู้ตรวจ วัน........เดือน.........................พ.ศ. ............ บันทึกผลหลังสอน ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้…...………………………………………………………........…………..…………………… .……………………………………………………………………...…………………………………………………………………………………. .……………………………………………………………………...…………………………………………………………………………….…… ปัญหาที่พบระหว่างเรียน……………………………………………………………………………….…..…….……………… …………………………………………………………….…………………………………………………………………………….……………… ……………………………………………………………………………………………………….……………………………………………….…


142 วิธีแก้ปัญหา………………...………………………………………………………………………………………………………… .……………………………………………………………………...……………………………………………………………………….………… …………………………………………………………….………………………………………………………………………………….………… ผลของการแก้ปัญหา…………………………………………………….……………………….………………………………… .……………………………………………………………………...…………………………………………………………………….…………… …………………………………………………………….……………………………………………………………………………….…………… ข้อเสนอแนะจากการจัดกิจกรรม…………………………………………………..…………………………………………… .……………………………………………………………………...…………………………………………………………….....………..……… ......…………………………………………………………………….……………………………………………………………….……………… ลงชื่อผู้สอน ( ………………………………….............….) วัน.........เดือน.....................พ.ศ.........


143 แผนการจัดการเรียนรู้ที่2 หน่วยการเรียนรู้เรื่อง คติชนด้านการใช้ถ้อยคำ ประเภทนิทานมหัศจรรย์ เรื่อง มัทนะพาธา โดยบูรณาการการจัดการเรียนรู้กับรูปแบบการสอนตามแนวคิดของกานเย่ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคการศึกษาที่ 1 เรื่อง มหัศจรรย์ภาคสวรรค์ จำนวน 1 ชั่วโมง สาระสำคัญ บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา เป็นบทประพันธ์ที่แต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นวรรณคดีที่ได้รับ การยกย่องว่าเป็นยอดของบทละครพูดคำฉันท์ แบ่งเป็นภาคสวรรค์และภาคพื้นดิน ในการศึกษาเรื่องนี้จะต้อง วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องตามหลักการ และจำเป็นต้องรู้คำศัพท์ที่ปรากฏอยู่ในเรื่อง เพื่อความเข้าใจในเนื้อหา ทั้งนี้ เนื้อหาในที่นี้จะเป็นการกล่าวถึงภาคสวรรค์ที่เป็นเรื่องราวความรักของสุเทษณ์เทพบุตรกับนางมัทนา ซึ่งใน อดีตสุเทษณ์ได้ส่งทูตไปสู่ขอนางแต่ท้าวสุราษฎร์พระบิดาของนางไม่ยอมยกให้สุเทษณ์จึงยกทัพไปรบทำลาย บ้านเมืองของ ท้าวสุราษฎร์จนย่อยยับ และจับท้าวสุราษฎร์มาเป็นเชลยและจะประหารชีวิต แต่มัทนาขอไถ่ชีวิตพระบิดาไว้ โดยยินยอมเป็นบาทบริจาริกาของสุเทษณ์ จากนั้นมัทนาก็ปลงพระชนม์ตนเอง และไปเกิดเป็นเทพธิดาบน สวรรค์นามว่า มัทนาส่วนท้าวสุเทษณ์ก็ทำพลีกรรมจนสำเร็จ เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ไปบังเกิดบนสวรรค์เช่นกัน มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1 วรรณคดีและวรรณกรรม เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและ วรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดการเรียนรู้ ม. 4-6/1 วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมตามหลักการวิจารณ์เบื้องต้น ม. 4-6 /2 วิเคราะห์ลักษณะเด่นของวรรณคดีเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และ วิถีชีวิตของสังคมในอดีต จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.นักเรียนสามารถสรุปเนื้อหา เรื่อง มัทนะพาธาภาคสวรรค์ 2. นักเรียนสามารถบอกความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ ในเรื่อง มัทนะพาธา 3. นักเรียนสามารถวิเคราะห์วิจารณ์ เรื่อง มัทนะพาธา ตามหลักการวิเคราะห์วิจารณ์


144 สาระการเรียนรู้ บทละครพูดคำฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา - ความเป็นมาและความสำคัญ - เรื่องย่อภาคสวรรค์ - เนื้อหาสำคัญภาคสวรรค์ - คำศัพท์ที่ควรรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดมั่นในข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ 2. ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง มีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อนํามาประกอบงานที่ ได้รับมอบหมาย 3. มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง แสดงออกถึงความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ สมบูรณ์ ผลงานที่ต้องการ - กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 เร่งเร้าความสนใจ 5 นาที ครูกล่าวทักทายนักเรียนและเกริ่นนำเข้าสู่บทเรียนด้วยภาพของดอกกุหลาบที่จัดเตรียมไว้ในสื่อ PowerPoint และให้นักเรียนตอบคำถามว่าจากภาพที่กำหนดให้ นักเรียนนึกถึงวรรณคดีเรื่องใด และถาม นักเรียนว่า จากภาพสังเกตเห็นอะไรอย่างไรบ้าง เช่น - ดอกกุหลาบมีสีอะไรบ้าง - แต่ละดอกมีอะไรที่เหมือนกัน - ความหมายของดอกกุหลาบคืออะไร - แต่ละสีมีความหมายเหมือนหรือต่างกันอย่างไร เมื่อนักเรียนตอบคำถามเสร็จแล้ว ครูอธิบายความหมายของดอกกุหลาบ สี และลักษณะเด่นที่เชื่อมโยงกับเรื่อง มัทนะพาธาที่จะสอน เช่น ดอกกุหลาบ เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความรัก ขณะเดียวกันดอกกุหลาบทั่วไปที่มี หนามก็เปรียบเหมือนอาวุธที่มีไว้ปกป้องตัวเองจากอันตรายต่าง ๆ และแต่ละสีสื่อความหมายแตกต่างกันไป


145 นักเรียนสามารถค้นคว้าเองได้จากโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่สื่อถึงวรรณคดีเรื่อง มัทนะพาธา โดยจะ เป็นเนื้อหาที่เราจะได้เรียนในชั่วโมงนี้ ซึ่งเนื้อหาจะเป็นแบบไหน จะสื่อถึงความรักในรูปแบบใด เดี๋ยวจะได้รู้ใน บทเรียนครั้งนี้ ขั้นที่ 2 บอกวัตถุประสงค์ 5 นาที เมื่อครูเกริ่นเข้าสู่เนื้อหาจบแล้ว ครูบอกความคาดหวังของการเรียนในครั้งนี้ให้นักเรียนทราบทั่วกัน คือ เมื่อเรียนแล้วนักเรียนสามารถวิเคราะห์วิจารณ์ปละบอกความหมายของคำศัพท์ในเรื่อง มัทนะพาธาได้ ขั้นที่ 3 ทบทวนความรู้เดิม 10 นาที ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน โดยการถามเกี่ยวนิทานมหัศจรรย์ว่าคืออะไร ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ นักเรียนได้เรียนมาแล้ว ตัวอย่างคำถาม เช่น นักเรียนบอกได้หรือไม่ว่า มีนิทานหรือวรรณคดีเรื่องใดอีกบ้างที่มี ลักษณะเป็นนิทานมหัศจรรย์ และคิดว่าในเรื่อง มัทนะพาธา มีช่วงไหนหรือตอนใดที่บ่งบอกได้ว่าเป็นนิทาน มหัศจรรย์ ขั้นที่ 4 นำเสนอเนื้อหาใหม่ 30 นาที ครูสอนเนื้อหาใหม่ (มัทนะพาธาภาคสวรรค์) โดยมีการกล่าวถึงความเป็นมาและความสำคัญของเรื่อง พร้อมกับเล่าเรื่องย่อโดยรวมให้นักเรียนฟัง หลังจากนั้นทำการสอนโดยใช้สื่อการสอน PowerPoint ที่ได้ เตรียมไว้ ซึ่งเป็นเนื้อหา เหตุการณ์ และฉากสำคัญในเรื่องที่ครูคัดมาให้นักเรียนได้เรียน พร้อมกับอธิบาย วิเคราะห์เหตุการณ์ตามบทที่ได้ยกมาให้นักเรียนคิดตาม และร่วมกับนักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ในบทที่ยกมาว่า หมายถึงอะไร และเพิ่มเติมคำศัพท์ที่นักเรียนควรรู้จากเรื่องมัทนะพาธาเพื่อให้นักเรียนนำไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้าในการเรียนต่อไป ขั้นที่ 5 ชี้แนะแนวทาง 10 นาที (มัทนะพาธา) ครูสุ่มเลขที่ให้นักเรียนออกมาเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องมัทนะพาธาภาคสวรรค์ โดยสุ่ม จำนวนนักเรียนตามจำนวนบัตรคำ 6 คำ ที่กำหนดให้และให้นักเรียนเรียงลำดับเหตุการณ์ในเรื่องให้ถูกต้อง ตามลำดับคำต่อไปนี้ หากนักเรียนเรียงไม่ถูกต้องครูผู้สอนให้คำแนะนำจนกว่านักเรียนจะสามารถเรียงลำดับ เหตุการณ์ได้ถูกต้อง


Click to View FlipBook Version