The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร. แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด. กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด

กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร. แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด. กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

Keywords: แมลง,การเกษตร

แมลงที่พบในผลิตผลเกษตร และการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว และแปรรูปผลิตผลเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์


คำนำ กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มีการวิจัยและ พัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว การแปรรูปผลิตผลเกษตร สารสกัดจากธรรมชาติ ตลอดจน เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีความสำคัญในการช่วยลดความสูญเสียของผลิตผลเกษตรและ เพิ่มมูลค่า ทั้งผลิตผลเกษตรที่ใช้บริโภคภายในประเทศ และเป็นสินค้าส่งออกไปขายต่างประเทศ ปัญหาสำคัญที่ทำให้ผลิตผลเกษตรได้รับความเสียหาย หรือมีการปนเปื้อนทำให้คุณภาพต่ำไม่เป็น ที่ยอมรับ คือ แมลงศัตรูผลิตผลเกษตร กลุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่ มีงานวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวและจัดทำหนังสือ เรื่อง แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยที่มีเนื้อหากล่าวถึง ชนิด รูปร่างลักษณะ การทำลาย วงจรชีวิต การแพร่กระจายพืชอาหาร ศัตรูธรรมชาติ การประเมิน ความเสียหายที่เกิดจากแมลงศัตรูผลิตผลเกษตร และการป้องกันกำจัดด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมทั้ง การป้องกันกำจัดโดยวิธีผสมผสาน ซึ่งจะช่วยลดสารเคมีที่เป็นปัญหาต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในอนาคต หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักวิชาการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เกษตรกร นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ส่งออกสินค้าได้ใช้เป็นข้อมูลในการปฏิบัติ เพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรที่ถูกต้อง และเหมาะสมต่อไป (นายชูชาติ วัฒนวรรณ) ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาวิทยาการ หลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร


สารบัญ หน้า คำนำ บทนำ 1 ลักษณะการทำลายของแมลงต่อผลิตผลเกษตร 1 ระยะเวลาการเข้าทำลายของแมลงศัตรูผลิตผลเกษตร 2 ลักษณะความเสียหาย 2 ประเภทของผลิตผลเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากแมลง 4 แมลงศัตรูของเมล็ดพืชและผลิตผลเกษตร 5 ด้วงงวงข้าวโพด Sitophilus zeamais 6 ด้วงงวงข้าว Sitophilus oryzae 9 มอดข้าวเปลือก Rhyzopertha dominica 10 มอดแป้ง Tribolium castaneum 13 มอดฟันเลื่อย Oryzaephilus surinamensis 14 มอดฟันเลื่อยใหญ่ Oryzaephilus mercator 17 มอดยาสูบ Lasioderma serricorne 18 มอดสมุนไพร Stegobium paniceum 21 ด้วงถั่วเขียว Callosobruchus maculatus 22 ด้วงถั่วเหลือง Callosobruchus chinensis 25 ด้วงถั่วแดง Acanthoscelides obtectus 26 ด้วงขาโต Caryedon serratus 29 ด้วงขาแดง Necrobia rufipes 30 มอดสยาม Lophocateres pusillus 33 มอดหนวดยาว Cryptolestes pusillus 34 ด้วงผลไม้แห้ง Carpophilus hemipterus 37 ด้วงหนัง Dermestes maculatus 38 ด้วงดำ Alphitobius diaperinus 41 ด้วงดำกินรา Alphitobius laevigatus 42 มอดหลินจือ Cis chinensis 45


สารบัญ หน้า ด้วงหลินจือ Platydema waterhousei 46 ด้วงคาเดล Tenebroides mauritanicus 49 ด้วงหนอนนก Tenebrio molitor 50 ด้วงกาแฟ Araecerus fasciculatus 53 ด้วงงวงมะขาม Sitophilus linearis 54 ผีเสื้อข้าวเปลือก Sitotroga cerealella 57 ผีเสื้อข้าวสาร Corcyra cephalonica 58 ผีเสื้อข้าวโพด Ephestia cautella 61 ผีเสื้อผ้า Tinea sp. 62 เหาหนังสือ Liposcelis spp. 65 แมลงศัตรูธรรมชาติ 67 แตนเบียน 67 แตนเบียนดำเล็ก Proconura minusa 68 แตนเบียนดำใหญ่Proconura caryobori 71 Antrocephalus mitys 72 Notaspidiella clavata 75 Notaspidium thailandicum 75 Hockeria spp. 75 แตนเบียนด้วง Theocolax elegans 76 Cerocephala dinoderi 79 Lariophagus distinguendus 80 แตนเบียนมอด Anisopteromalus calandrae 83 Cephalonomia tarsalis 84 Cephalonomia sp. 84 Plastanoxus sp. 87 Holepyris sylvanidis 87 Holepyris sp. 88 Aprostocetus (Tetrastichodes) hagenowii 88


สารบัญ หน้า แตนเบียนผีเสื้อข้าวสาร Bracon hebetor 91 Eurytoma sp. 92 Evania sp. 92 ตัวห้ำ 94 มวนดำก้นลาย Amphibolus venator 96 มวนเทาขาลาย Peregrinator biannulipes 99 มวนกินมด Vesbius purpureus 100 มวนตาโต Cardiastethus pygmaeus 100 มวนจอพพีคัส Joppeicus paradoxus 103 มวนไซโลคอรีส Xylocoris (Arrostelus) flavipes 104 มวนไซโลคอรีส 1 Xylocoris (Proxylocoris) sp.1 107 มวนไซโลคอรีส 2 Xylocoris (Proxylocoris) sp.2 107 การสำรวจและประเมินการเข้าทำลายของแมลงศัตรูผลิตผลเกษตร 108 การตรวจสอบโดยไม่มีการสุ่มตัวอย่างผลิตผลเกษตร 108 การตรวจสอบโดยการสุ่มตัวอย่างผลิตผลเกษตร 110 การตรวจสอบการเข้าทำลายของแมลงในเมล็ดพืช 112 การสุ่มตัวอย่างตรวจสอบศัตรูพืชทางด้านกักกันพืช 113 การป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี 117 วิธีกล 117 วิธีทางกายภาพ 121 วิธีทางชีวภาพ 135 การใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูผลิตผลเกษตร 138 สารฆ่าแมลงชนิดถูกตัวตาย 141 สารฆ่าแมลงชนิดรม 160 การควบคุมแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรโดยวิธีผสมผสาน 198 เอกสารประกอบการเรียบเรียง 201


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร


แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 1 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร บทนำ ผลิตผลเกษตรชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ฯลฯ เมื่อนำมาเก็บไว้ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ได้แก่ เพื่อบริโภค เพื่อการทดลองวิจัย ปรับปรุงพันธุ์ เพื่อทำพันธุ์และรวบรวมพันธุ์ รอการแปรรูปผลผลิต หรืออาจเก็บไว้รอจำหน่าย ซึ่งรวมทั้งการกักตุน เพื่อหวังผลกำไร ระหว่างการเก็บรักษาไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรในโกดังหรือในโรงสีมักจะเกิดความเสียหาย แก่ผลิตผลเหล่านี้ซึ่งมีสาเหตุจากปัจจัยที่สำคัญ 2 ประการคือ ปัจจัยทางกายภาพ (Physical factor) ได้แก่ อุณหภูมิและความชื้นในอากาศ และปัจจัยทางชีวภาพ (Biological factor) ได้แก่ แมลง ไร เชื้อรา นก และหนู เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นแมลงศัตรูที่สำคัญและทำความเสียหายให้ผลิตผลเกษตรมากที่สุด เนื่องจากแมลงเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็ก สามารถขยายพันธุ์และเจริญเติบโตได้ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนี้ แหล่งที่มาของแมลงอาจมาจากหลายทาง เช่น ในยุ้งฉางมีแมลงอยู่แล้ว หรือแมลงอาจวางไข่ในไร่นา ก่อนการเก็บเกี่ยว แมลงอาจจะมาจากยุ้งฉางข้างเคียง หรืออาจติดมากับกระสอบหรือภาชนะบรรจุ เป็นต้น ประกอบกับอุณหภูมิและความชื้นในประเทศไทยเหมาะสมกับการแพร่ขยายพันธุ์ของแมลง ดังนั้น การแพร่ระบาดของแมลงจึงเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แมลงศัตรูผลิตผลเกษตรเข้าทำลายผลิตผลเกษตรโดยการกัดกินทำให้เมล็ดแตกหัก และมักกัดกิน ตรงจุดงอก (germ) ทำให้เมล็ดพันธุ์สูญเสียความงอก เมล็ดพืชที่เก็บไว้มักมีรู หรือมีฝุ่นผงอันเกิดจากการ ทำลายของแมลง นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนของแมลงหรือตัวแมลงปะปนอยู่ในเมล็ดพืชหรืออาหาร ทำให้อาหารหรือผลิตผลเกษตรสกปรก และคุณภาพของผลิตผลเกษตรนั้น ๆ เสื่อมคุณค่าไป แมลงบางชนิด เช่น ด้วงงวงข้าวโพด และด้วงงวงข้าว นอกจากจะทำให้สูญเสียน้ำหนักแล้วยังเป็นตัวการทำให้เกิดเชื้อรา ขึ้นได้อีกด้วย แมลงศัตรูผลิตผลเกษตรโดยทั่วไปจะมีขนาดเล็ก จึงกินอาหารน้อยมาก แต่เนื่องจากแพร่ขยาย พันธุ์ได้ง่าย ทำให้มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลิตผลเกษตรอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่าแมลงนับเป็นศัตรูสำคัญของผลิตผลเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งหากไม่มีการดูแลรักษาและ การป้องกันกำจัดหรือควบคุมแมลงที่เหมาะสมแล้วจะก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น ในการป้องกันและ กำจัดแมลงจำเป็นต้องมีพื้นฐานหรือข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแมลงว่าเป็นแมลงชนิดใด มีลักษณะการทำลาย และอุปนิสัยเป็นอย่างไร มีความสำคัญมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้ทำการป้องกันกำจัดได้ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และประหยัด ลักษณะการทำลายของแมลงต่อผลิตผลเกษตร (Types of Damage) 1. กัดกินหรือแทะเล็มภายนอก (External feeder) แมลงจะอาศัยและทำลายภายนอกเมล็ด ทำความเสียหายให้กับเมล็ดที่แตกหักจากการนวดหรือ เมล็ดที่ถูกทำลายมาแล้วจากแมลงชนิดอื่น ความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะภายนอกโดยทำให้เกิดขุยผิวของ เมล็ดหรือผลิตผลถูกทำลายคุณภาพ ตลอดจนถักใยให้เมล็ดพืชหรือผลิตผลเกาะติดกันเป็นก้อน แมลงประเภทนี้ได้แก่ผีเสื้อข้าวสาร มอดแป้ง มอดสยาม มอดฟันเลื่อย มอดหนวดยาว ไร และเหาหนังสือ


2 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร 2. กัดกินภายในเมล็ด (Internal feeder) แมลงที่เป็นศัตรูผลิตผลเกษตรที่สำคัญส่วนใหญ่จะเป็นแมลงที่อาศัยกันอยู่ภายในเมล็ด แมลงเหล่านี้สามารถกัดกินเมล็ดสมบูรณ์ที่ไม่แตกหักหรือแตกหักเพียงเล็กน้อยได้ตัวเต็มวัยเพศเมีย มักวางไข่อยู่ที่ผิวภายนอกเมล็ดหรือผลิตผล เมื่อไข่ฟักเป็นหนอนจะเจาะเข้าสู่ภายใน กัดกินและเจริญเติบโตจน ครบวงจรชีวิต ตัวเต็มวัยจะเจาะเมล็ดออกมาทำให้เป็นรูและภายในเป็นโพรง แมลงประเภทนี้ได้แก่ ด้วงงวงข้าวโพด ด้วงงวงข้าว ด้วงถั่วเขียว ด้วงถั่วเหลือง ผีเสื้อข้าวเปลือก มอดข้าวเปลือก เป็นต้น ระยะเวลาการเข้าทำลายของแมลงศัตรูผลิตผลเกษตร แมลงศัตรูผลิตผลเกษตรสามารถเข้าทำลายผลิตผลเกษตรในระยะต่าง ๆ ได้3 ระยะ คือ 1. ระยะก่อนการเก็บเกี่ยว (Pre-harvest) แมลงบางชนิดสามารถบินออกจากโรงเก็บไปวางไข่ ที่เมล็ดหรือฝักของพืชต่าง ๆ ในแปลงปลูกได้เช่น ผีเสื้อข้าวเปลือก สามารถวางไข่ก่อนการเก็บเกี่ยว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วงงวงข้าวโพดวางไข่ในฝักข้าวโพดหากมีการเก็บเกี่ยวข้าวโพดล่าช้า และด้วงถั่วเขียว จะเข้าทำลายฝักถั่วในระยะที่ถั่วเริ่มโตเต็มที่ 2. ขณะเก็บเกี่ยว (During harvest) หลังเก็บเกี่ยวแล้วเกษตรกรหรือผู้ผลิตมักจะตากพืชผลไว้ที่ ลานตากเพื่อให้เมล็ดแห้ง รอนวดหรือสีในช่วงเวลานี้อาจมีแมลงบางชนิดที่บินเข้าไปวางไข่ หากตากเมล็ด ทิ้งไว้นานก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้แมลงเข้าไปทำลายหรือวางไข่ได้มากขึ้น 3. หลังการเก็บเกี่ยว (Post-harvest) 3.1 การปฏิบัติเกี่ยวกับเมล็ด (Grain and seed processing) หลังการเก็บเกี่ยวต้องนำเมล็ดพืช และผลิตผลบางชนิดมากะเทาะเปลือกหุ้มเมล็ด ขัดสีทำความสะอาดแยกสิ่งเจือปนออก ช่วงระยะเวลาการ ปฏิบัติงานเหล่านี้มักใช้สถานที่ใกล้กับโรงเก็บเมล็ดพืชหรือยุ้งฉาง ทำให้แมลงจากสถานที่ใกล้เคียงเข้ามา ทำลายในขณะทำการคัดเลือกเมล็ดได้ 3.2 ขณะทำการขนส่ง (Transportation) ในการขนส่งเมล็ดจากสถานที่แห่งหนึ่งไปยังอีก แห่งหนึ่งอาจใช้ระยะเวลาในการขน แมลงสามารถเข้าทำลายในช่วงนี้ได้และหากรถบรรทุกนั้นเคยขน ผลิตผลต่าง ๆ เช่น ข้าวเปลือก ข้าวสาร หรือข้าวโพด อาจมีแมลงตกค้างอยู่ในรถหรือพาหนะขนส่งนั้น ทำให้แมลงเข้าทำลายผลิตผลที่จะขนส่งได้ 3.3 ขณะเก็บรักษา (Storage) การเก็บรักษาที่ดีจะทำให้ผลิตผลเกษตรปลอดภัยจากการทำลายของ แมลง และคงคุณภาพของผลิตผลไว้ได้แต่ในสภาพปัจจุบันการเก็บรักษาผลิตผลเกษตรมักเป็นการเก็บไว้ใน กระสอบหรือกองกับพื้น สภาพเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับการดูแลและมีการจัดการที่เหมาะสม จะทำให้ผลิตผล เกษตรเสียหายจากแมลงศัตรู หรือแมลงสาบ นก และหนู ซึ่งจะทำให้ผลิตผลเกษตรมีคุณภาพต่ำลง และส่งผล ไปยังผลิตผลแปรสภาพของผลิตผลเกษตรนั้น ๆ ด้วย ลักษณะความเสียหาย (Types of Losses) การที่แมลงเข้าทำลายผลิตผลเกษตรก่อให้เกิดความเสียหายได้หลายประการ ซึ่งอาจเป็นความเสียหายโดย ทางตรง เช่น การกัดทำลายเมล็ดผลิตผลเกษตรทำให้เป็นรูเป็นผง การที่แมลงบางชนิดทำลายโครงสร้างของ เมล็ดพืช ทำให้ปนเปื้อนโดยทิ้งชิ้นส่วนและมูลของแมลงในผลิตผลเกษตร สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิด ความเสียหายและการสูญเสียต่อผลิตผลเกษตร อาจแบ่งความเสียหายได้ดังนี้


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 3 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร 1. สูญเสียน้ำหนัก (Weight loss) แมลงส่วนใหญ่เมื่อเข้าทำลายเมล็ดจะกัดกิน และทำความเสียหาย ให้กับเมล็ด ผีเสื้อข้าวเปลือกเมื่อทำลายเมล็ดข้าวเปลือกจะกัดกินเมล็ดไปประมาณ ¾ ของเมล็ดโดย จะเหลือเพียงปลายข้าวอยู่ในเมล็ด มอดข้าวเปลือกหรือมอดหัวป้อมมีอุปนิสัยกัดกินเมล็ดเพื่อเป็นอาหาร แล้วยังกัดกินเล่นอีกด้วย 2. สูญเสียคุณค่าทางอาหาร (Nutrition loss) ส่วนประกอบของเมล็ดพืช endosperm ประกอบด้วย แป้ง ไขมัน โปรตีน และ germ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน Thiamine (B1 ) และ Riboflavin (B) เมื่อแมลงเข้าทำลายก็จะทำให้เมล็ดเสียคุณค่าทางอาหารไป โดยแมลงชอบทำลาย germ มากกว่า เนื่องจากในสภาพความชื้นต่ำ ส่วนที่เป็น endosperm จะแข็งในขณะที่ germ จะนุ่มกว่า เช่น มอดฟันเลื่อย จะชอบกัดกินส่วนที่เป็น germ ของเมล็ด และจะไม่กินเมล็ดเพียงเมล็ดเดียวแต่จะแทะเล็มไปเรื่อย ๆ 3. สูญเสียความงอก (Germination loss) แมลงชนิดที่กัดกินและอาศัยภายในเมล็ด เช่น ผีเสื้อข้าวเปลือก มอดหัวป้อม และด้วงงวง จะกินเมล็ดภายในจนทำให้เมล็ดที่นำไปเพาะไม่งอก หรือ บางเมล็ดที่ถูกทำลายน้อยแม้จะงอกแต่สภาพของเมล็ดที่งอกจะไม่สมบูรณ์และไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไป ได้หรืออาจไม่ให้ผลผลิตเลย 4. สูญเสียคุณภาพ (Quality loss) ผลิตผลเกษตรที่ถูกแมลงเข้าทำลายจะมีฝุ่นผงเกิดขึ้นซึ่งเป็น แป้งของเสีย มูล และชิ้นส่วนต่าง ๆ ของแมลง แมลงประเภทกัดกินอาหารภายนอกจะลอกคราบและ เข้าดักแด้ทำให้มีเศษลอกคราบและปลอกหุ้มดักแด้ปนเปื้อนอยู่ในผลิตผล แมลงประเภทนี้ได้แก่ มอดแป้ง มอดฟันเลื่อย ผีเสื้อข้าวสาร เหาหนังสือ เป็นต้น สำหรับมอดแป้งนอกจากจะมีคราบของหนอนและดักแด้ แล้ว ยังปล่อยสารที่มีกลิ่นเหม็นทำให้คุณภาพของผลิตผลเสียหายได้ส่วนแมลงที่กัดกินภายในเมล็ด เช่น ผีเสื้อข้าวเปลือก มอดหัวป้อม และด้วงงวง มีการเจริญเติบโตภายในเมล็ด ดังนั้น คราบหนอน คราบดักแด้ และมูลของแมลงจะติดอยู่ในเมล็ด ทำให้เกิดการปนเปื้อนและทำให้คุณภาพของเมล็ดเสียไป แมลงบางชนิด เช่น ด้วงงวง เมื่อเข้าทำลายจะทำให้ความชื้นในกองเมล็ดพืชเพิ่มขึ้น และทำให้เกิดเชื้อราได้ด้วงงวงข้าวโพด ยังเป็นพาหะนำเชื้อราที่สำคัญบางชนิด 5. สูญเสียเงิน (Money loss) เมื่อแมลงเข้าทำลายผลิตผลเกษตร การกินอาหารของแมลง จะทำให้น้ำหนักของผลิตผลลดลง น้ำหนักที่ลดลงขึ้นกับจำนวนและชนิดของแมลงที่แพร่ระบาดอยู่ หากมีแมลงมากน้ำหนักจะลดลงมาก ทำให้สูญเสียรายได้และคุณภาพที่เสียไปยังทำให้ราคาของผลิตผล เกษตรลดต่ำลงด้วย 6. สูญเสียชื่อเสียง (Loss of goodwill) ผลิตผลเกษตรที่มีแมลงเข้าทำลายมากจะดูสกปรก แมลงบางชนิด เช่น มอดหัวป้อม ด้วงงวงข้าวโพด เมื่อทำลายข้าวจะกัดกินฝุ่นผงที่ก้นกอง และเมื่อมีการ ขนย้ายจะทำให้ฝุ่นผงจะฟุ้งกระจาย ผีเสื้อข้าวเปลือกเมื่อวางไข่แล้วจะตายภายในกองเมล็ดข้าวเปลือก ทำให้เกิดฝุ่นผงสีเทาเป็นจำนวนมากในกองเมล็ดข้าวเปลือก ซึ่งผลผลิตที่ถูกทำลายในด้านคุณภาพเหล่านี้ ทำให้ผู้ซื้อและผู้บริโภคหมดความไว้วางใจในสินค้า เมื่อขายสินค้าคุณภาพไม่ดีตามสัญญาการซื้อขาย ความเชื่อถือในด้านการค้าลดลง ทำให้เสียชื่อเสียง อาจจำหน่ายไม่ได้หรือลดน้อยลง และอาจส่งผลถึงสินค้า ชนิดอื่น ๆ ด้วย


4 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ประเภทของผลิตผลเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากแมลง แมลงศัตรูผลิตผลเกษตรสามารถทำลายเมล็ดพืช ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดพืช และพืช ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปต่าง ๆ ดังนี้ 1. เมล็ดพืช (Grains and Seeds) ผลิตผลประเภทเมล็ดเพื่อใช้เป็นเมล็ดพันธุ์และใช้ในการบริโภค จำแนกออกเป็น 1.1 เมล็ดธัญพืช (Cereal crops) ได้แก่ข้าว ข้าวสาลีข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์และข้าวไรน์ 1.2 เมล็ดพืชไร่ (Field crops) ได้แก่ข้าวโพด เดือย และข้าวฟ่าง 1.3 เมล็ดพืชน้ำมัน (Oil crops) ได้แก่ งา ทานตะวัน ฝ้าย และละหุ่ง 1.4 เมล็ดถั่วต่าง ๆ (Pulses and bean) ได้แก่ ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม ถั่วเหลือง และถั่วลิสง 1.5 เมล็ดผลไม้เปลือกแข็ง (Nuts) ได้แก่ มะม่วงหิมพานต์ และเกาลัด 1.6 เมล็ดไม้ยืนต้น (Trees) ได้แก่ มะขาม และราชพฤกษ์ 1.7 เมล็ดพืชผัก ได้แก่ ผักบุ้งจีน ถั่วฝักยาว และถั่วลันเตา 2. ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดพืช (Grains products) ผลิตภัณฑ์แปรรูปของเมล็ดพืชหรือผลิตผลที่เหลือจากการแปรรูป จำแนกออกเป็น 2.1 แป้ง (Flour) ได้แก่ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวโพด และแป้งสาลี 2.2 รำ (Bran) ได้แก่ รำข้าวต่าง ๆ 2.3 เมล็ดพืชป่น (Grain mill) ได้แก่ ข้าวเจ้าหัก ข้าวโพดป่น และข้าวฟ่างป่น 2.4 อาหารสำเร็จรูป (Food stuff) ได้แก่ เส้นบะหมี่ และก๋วยเตี๋ยว 3. ผลิตภัณฑ์จากพืช (Plant products) ผลิตภัณฑ์จากพืชหลายชนิด นอกจากส่วนที่เป็นเมล็ดแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของพืชสามารถนำมา บริโภคเป็นอาหารของคนและสัตว์ได้ จำแนกออกเป็น 3.1 มันสำปะหลัง (Cassava) ได้แก่ แป้งมันสำปะหลัง 3.2 เครื่องเทศ สมุนไพร (Spices) ได้แก่ ผงกะหรี่ 3.3 โกโก้ (Cocoa) 3.4 กาแฟ (Coffee) 3.5 มะพร้าวแห้ง (Copra) 3.6 ผลไม้แห้งต่าง ๆ (Dried fruit) ได้แก่ ลำไยอบแห้ง และกล้วยตาก 3.7 ยาสูบ (Tobacco) บุหรี่ (Cigarette) 3.8 เห็ดแห้ง (Dried mushroom) ได้แก่ เห็ดหอม เห็ดหลินจือ และเห็ดหูหนู 3.9 ดอกไม้แห้ง ได้แก่ดอกไม้จีน เก๊กฮวย ดอกไม้แห้ง และดอกไม้ประดับ 3.10 กระเทียม หัวหอม พริกแห้ง พริกป่น 4. ผลิตภัณฑ์จากสัตว์(Animal products) 4.1 อาหารแห้งต่าง ๆ ได้แก่ กุ้งแห้ง ปลาเค็ม และเนื้อจระเข้แห้ง 4.2 เนื้อป่น ปลาป่น กระดูกป่น 4.3 หนังสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ 4.4 พรม


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 5 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงศัตรูของเมล็ดพืชและผลิตผลเกษตร 1. ด้วงงวงข้าวโพด 16. ด้วงผลไม้แห้ง 2. ด้วงงวงข้าวหรือด้วงงวงข้าวสาร 17. ด้วงหนัง 3. มอดหัวป้อมหรือมอดข้าวเปลือก 18. ด้วงดำ 4. มอดแป้ง 19. ด้วงดำกินรา 5. มอดฟันเลื่อย 20. มอดหลินจือ 6. มอดฟันเลื่อยใหญ่ 21. ด้วงหลินจือ 7. มอดยาสูบ 22. ด้วงคาเดล 8. มอดสมุนไพร 23. ด้วงหนอนนก 9. ด้วงถั่วเขียว 24. ด้วงกาแฟ 10. ด้วงถั่วเหลือง 25. ด้วงงวงมะขาม 11. ด้วงถั่วแดง 26. ผีเสื้อข้าวเปลือก 12. ด้วงขาโต 27. ผีเสื้อข้าวสาร 13. ด้วงขาแดง 28. ผีเสื้อข้าวโพด 14. มอดสยาม 29. ผีเสื้อผ้า 15. มอดหนวดยาวหรือมอดตัวแบน 30. เหาหนังสือ


6 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงงวงข้าวโพด (Maize weevil) ชื่ออื่น ๆ Corn weevil, Greater grain weevil ชื่อวิทยาศาสตร์ Sitophilus zeamais Motschulsky (Coleoptera : Curculionidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูสำคัญที่สุดของเมล็ดธัญพืชทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวสาร ข้าวเปลือก ข้าวสาลี และธัญพืชเมล็ดเล็กอื่น ๆ ลักษณะการทำลาย ทั้งตัวเต็มวัยและตัวหนอนชอบทำลายข้าวสารมากกว่า ข้าวเปลือก อาศัยกัดกินและเจริญเติบโตอยู่ภายในเมล็ดเดียว ทำให้เมล็ดที่ด้วงงวงข้าวโพดอาศัยอยู่จะมี ลักษณะเป็นรู มักทำลายร่วมกับด้วงงวงข้าว ถ้าเข้าทำลายเมล็ดพันธุ์ที่เก็บไว้เป็นเวลา 6 เดือน จะได้รับ ความเสียหายสูงถึง 22 เปอร์เซ็นต์ทำให้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไปไม่ได้ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ รูปรีสีขาว จะฟักใน 3-6 วัน หนอน สีขาวลำตัวสั้นป้อม ไม่มีขา บริเวณส่วนหัวมีลักษณะแข็ง สีน้ำตาลอ่อน อาศัยกัดกินอยู่ภายในเมล็ด ระยะหนอน 20-30 วัน ลอกคราบ 4 ครั้ง ดักแด้มีสีขาวอาศัย กัดกินอยู่ภายในเมล็ด เมื่อใกล้ฟักเป็นตัวเต็มวัยจะมีสีเข้มขึ้น ระยะดักแด้3-7 วัน ตัวเต็มวัย มีสีน้ำตาลดำ ขนาดลำตัวประมาณ 3.0-3.8 มิลลิเมตร ส่วนหัวยื่นออกมาเป็นงวง (snout หรือ rostrum) ตัวเต็มวัย เพศเมียวางไข่ในเมล็ดพืชโดยการใช้ปากเจาะรูที่เมล็ดพืชแล้ววางไข่รูละ 1 ฟอง หลังจากนั้นปิดปากรูไว้ด้วย ไข (waxy secretion) ตัวเต็มวัยเพศเมีย 1 ตัว วางไข่ประมาณ 150 ฟอง ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 1-12 เดือน อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ25 º C และความชื้นสัมพัทธ์ 70±5% วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 30-45 วัน อุปนิสัย ตัวเต็มวัยสามารถบินออกไป ทำลายเมล็ดพืชได้ตั้งแต่ยังอยู่ในไร่นา และบินได้ดีกว่าด้วงงวงข้าว การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตอบอุ่นและเขตร้อนชื้น ฤดูการระบาด ในระยะก่อน การเก็บเกี่ยวข้าวใหม่และแพร่ระบาดในโรงสีได้ตลอดทั้งปี พืชอาหาร เมล็ดธัญพืชทุกชนิด ได้แก่ ข้าวสาร ข้าวเปลือก ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลีข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ เมล็ดพืชชนิดอื่น ๆ ได้แก่ เผือก ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ถั่วแขก ถั่วอะซูกิและถั่วพุ่ม และผลิตภัณฑ์จาก ธัญพืชที่มีลักษณะแข็ง แต่ชอบทำลายเมล็ดข้าวโพดและข้าวสารมากที่สุด ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Cerocephala dinoderi Gahan, Anisopteromalus calandrae (Howard), Cerocephala oryzae Risbec, Lariophagus distinguendus (Förster), Pteromalus cerealellae (Ashmead) และ Theocolax elegans (Westwood) ตัวห้ำ ได้แก่ ไรตัวห้ำ Acaropsellina docta (Berlese) และ ด้วง Tillus notatus Klug เชื้อ ได้แก่Beauveria bassiana (Balsamo)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 7 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 3-6 วัน 3-7 วัน 20-30 วัน 1-8 เดือน หนอน วงจรชีวิตด้วงงวงข้าวโพด Sitophilus zeamais Motschulsky


8 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 3-6 วัน 3-7 วัน 20-30 วัน 1-2 เดือน หนอน วงจรชีวิตด้วงงวงข้าว Sitophilus oryzae Linnaeus


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 9 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงงวงข้าว (Rice weevil) ชื่ออื่น ๆ มอดข้าวสาร, Black weevil, Lesser grain weevil ชื่อวิทยาศาสตร์ Sitophilus oryzae L. (Coleoptera : Curculionidae) ชื่อเดิม Calandra oryzae L., Sitophilus oryza L. ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญของผลิตผลเกษตร สามารถทำลายเมล็ดธัญพืชได้หลายชนิด โดยเฉพาะ อย่างยิ่งข้าวเปลือก ข้าวสาลีและเมล็ดธัญพืชขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ แต่ไม่ทำลายแป้ง เพราะตัวหนอน ไม่สามารถเจริญเติบโตในแป้งได้ลักษณะการทำลาย ตัวเต็มวัยไม่สามารถทำลายข้าวเปลือกเมล็ดสมบูรณ์ ได้แต่สามารถทำลายข้าวเปลือกเมล็ดแตกหักได้ ทั้งตัวเต็มวัยและตัวหนอนร่วมกันทำลายเมล็ดพืช โดยหนอนกัดกินเมล็ดและเจริญเติบโตอยู่ภายในเมล็ดจนกระทั่งเป็นตัวเต็มวัย เมล็ดที่ถูกทำลายมีลักษณะ กลวง ข้างในเป็นโพรง เมื่อแกะเมล็ดออกดูเห็นว่ามีแต่แกลบเท่านั้นที่เหลืออยู่ นำไปใช้บริโภคไม่ได้ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย รูปร่างและลักษณะภายนอกต่างๆเหมือนด้วงงวงข้าวโพดทุกประการ แต่มีสีอ่อนกว่าและขนาดเล็กกว่า เล็กน้อย จากลักษณะภายนอกไม่สามารถจำแนกความแตกต่างของด้วงงวงทั้งสองชนิดได้นอกจากการผ่าดู อวัยวะสืบพันธุ์ของตัวเต็มวัยเพศผู้จึงจะเห็นความแตกต่างได้โดยอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศผู้ด้วงงวงข้าวจะเรียบ ส่วนด้วงงวงข้าวโพดมีร่องเป็นแนวยาวจำนวน 3 ร่อง ไข่ มีขนาดเล็กมากไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไข่มีลักษณะรีสีขาว ระยะไข่ประมาณ 3-6 วัน หนอน แรกเกิดมีสีขาว อ้วน ไม่มีขา หนอนลอกคราบ 4 ครั้ง ระยะหนอนประมาณ 25 วัน ดักแด้มีสีขาวในระยะแรกและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลในระยะต่อมา ระยะดักแด้ ประมาณ 5-7 วัน ตัวเต็มวัย สีน้ำตาลแดงถึงดำ บนปีกคู่หน้ามีจุดสี่จุดสีแดงอ่อน หรือสีเหลือง ขนาดลำตัว ประมาณ 2.0-3.0 มิลลิเมตร ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ได้สูงสุดประมาณ 150 ฟอง ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 1-12 เดือน อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ25-30 º C และ ความชื้นสัมพัทธ์84% วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 30-40 วัน อุปนิสัย ตัวเต็มวัยชอบ ซ่อนตัวอยู่ในกองเมล็ดพืช มักไต่ขึ้นสู่ผิวบนของกองข้าวเปลือกเมื่อถูกรบกวน การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย แพร่กระจายอยู่ทั่วโลกในเขตอบอุ่นและเขตร้อนชื้น โดยเฉพาะแถบเอเชียและ แอฟริกา นอกจากนี้อาจพบได้ในสภาพอากาศที่หนาวจัด ฤดูการระบาด ระบาดตลอดปี พืชอาหาร ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลีข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์มันสำปะหลัง ลูกเดือย และเมล็ดถั่ว ได้แก่ ถั่วลูกไก่ถั่วเลนทิล ถั่วลันเตา ถั่วอะซูกิถั่วเขียว และถั่วพุ่ม ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Cerocephala dinoderi Gahan, Anisopteromalus calandrae (Howard), Pteromalus cerealellae (Ashmead) และ Theocolax elegans (Westwood) ตัวห้ำ ได้แก่ Acaropsellina docta (Berlese), Carcinops troglodytes (Erichson) และ Tenebroides mauritanicus (Linnaeus)


10 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มอดข้าวเปลือก (Lesser grain borer) ชื่ออื่น ๆ มอดหัวป้อม, มอดหัวไม้ขีด, Australian wheat, American wheat weevil ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhyzopertha dominica (F.) (Coleoptera : Bostrichidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญมากของข้าวเปลือกและข้าวสาลีลักษณะการทำลาย ทั้งตัวหนอนและ ตัวเต็มวัยร่วมกันทำลายข้าวเปลือก ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากธัญพืช โดยเจาะรูและทำลายภายในเมล็ด ลักษณะการทำลายที่สำคัญ คือ แมลงชนิดนี้สามารถเจาะทำลายข้าวเปลือกและเข้าไปกินข้าวสารที่อยู่ ภายในซึ่งแมลงชนิดอื่นเข้าทำลายได้ยาก นอกจากนี้ยังพบทำลายแป้งสาลีมันสำปะหลังแห้ง ขิง พริกแห้ง เมล็ดขมิ้น เมล็ดผักชีและถั่วชนิดต่าง ๆ แต่ไม่สามารถเจริญเติบโตในถั่วเหลือง แม้ว่าจะมีรายงานว่า เข้าทำลายตั้งแต่ในไร่แต่พบในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่เข้าทำลายระยะหลังเก็บเกี่ยว รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ เรียวยาวคล้ายเมล็ดข้าวสาร ตรงกลางคอดเล็กน้อย ส่วนปลายทั้งสองข้างของไข่กลมมน ระยะไข่ เริ่มแรกมีสีขาวและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อใกล้ฟักเป็นตัวหนอน ระยะไข่ประมาณ 6-10 วัน หนอน ลำตัวโค้งงอ คล้ายตัว C (scarabaeiform) หนอนมีขาจริงแต่ไม่มีขาเทียม สีขาวขุ่น ลอกคราบ 3-5 ครั้ง ระยะหนอน ประมาณ 21-28 วัน ดักแด้เข้าดักแด้ภายในเมล็ด ดักแด้มีสีขาวในระยะแรกและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เมื่ออายุมากขึ้น ระยะดักแด้ประมาณ 6-8 วัน ตัวเต็มวัย รูปร่างทรงกระบอก สีน้ำตาลเข้มปนแดง ขนาดลำตัว 2.0-3.0 มิลลิเมตร ส่วนหัวสั้นและงุ้มซ่อนอยู่ใต้อกปล้องแรก เมื่อมองดูด้านบนเห็นส่วนของอกเป็นส่วนหัว ต้องมองดูทางด้านข้างจึงเห็นส่วนหัวได้ชัดเจน บนปีกคู่หน้ามีหลุม (puncture) เรียงเป็นแถวอย่างมี ระเบียบเป็นแนวยาว โดยมีขนสั้น ๆ ปกคลุม ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ประมาณ 200-500 ฟอง โดยวางเป็น กลุ่มตามรอยแตกหรือรอยกะเทาะบนเมล็ด หรือวางเป็นฟองเดี่ยว ๆ ตามเศษผงในกองข้าว ระยะตัวเต็มวัย ประมาณ 5 เดือนหรือมากกว่า วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัย ที่อุณหภูมิ20 º C ประมาณ 90 วัน ที่อุณหภูมิ30 º C ประมาณ 32 วัน อุปนิสัย ไม่อยู่นิ่งเมื่อกินอาหาร การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย มอดข้าวเปลือกมีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย แต่ปัจจุบันระบาดไปทั่วโลกโดย เฉพาะประเทศเขตอบอุ่นและเขตร้อนที่มีการปลูกข้าวและเก็บผลิตผลทางการเกษตร นอกจากนี้ยังพบใน ประเทศเขตหนาวได้อีกด้วย ฤดูการระบาด ตลอดปี พืชอาหาร ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ข้าวสาลีพืชหัว มันสำปะหลังแห้ง ไม้แห้ง และถั่วชนิดต่าง ๆ ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Anisopteromalus calandrae (Howard), Lariophagus distinguendus (Förster) และ Theocolax elegans (Westwood) ตัวห้ำ ได้แก่ Peregrinator biannulipes (Montrouzier & Signoret), Tribolium castaneum (Herbst) และ Xylocoris flavipes (Reuter)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 11 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 6-10 วัน 6-8 วัน 21-28 วัน 5 เดือน หนอน วงจรชีวิตมอดข้าวเปลือก Rhyzopertha dominica (Fabricius)


12 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 3-7 วัน 3-7 วัน 21-40 วัน 6 เดือน หนอน วงจรชีวิตมอดแป้ง Tribolium castaneum (Herbst)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 13 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มอดแป้ง (Red flour beetle) ชื่ออื่น ๆ Rust-red flour beetle, Red grain beetle, Flour weevil, Red weevil, Bran bug ชื่อวิทยาศาสตร์ Tribolium castaneum (Herbst) (Coleoptera : Tenebrionidae) ชื่อเดิม Tribolium ferrugineum ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรที่สำคัญ เนื่องจากมีพืชอาหารหลากหลายและสามารถขยายพันธุ์ ได้รวดเร็ว ลักษณะการทำลาย ไม่สามารถทำลายเมล็ดพืชให้ได้รับความเสียหายโดยตัวเองได้มักเข้าทำลาย ภายหลังจากที่แมลงอื่นทำลายเมล็ดพืชจนเป็นรูหรือรอยแตกแล้ว (secondary pest) ตัวหนอนชอบ ทำลายส่วนงอกของเมล็ด เป็นศัตรูที่สำคัญของแป้งและรำ ทำให้แป้งที่อาศัยกินอยู่เปลี่ยนสีและมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเกิดจากการปล่อยฮอร์โมน benzoquinones ที่ผลิตจากต่อมที่อยู่ส่วนท้องของมอดแป้ง กลิ่นนี้ติดทนนาน ในแป้งหรืออาหาร แม้นำแป้งไปทำอาหารแล้วก็ยังมีกลิ่นติดอยู่ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีรูปร่างยาวรีสีขาว มีสารเหนียวหุ้มทำให้เกาะติดอาหารได้ง่าย ระยะไข่ประมาณ 3-7 วัน หนอน ลำตัวยาวเรียวสีน้ำตาลอ่อน มีขนละเอียดขึ้นปกคลุมลำตัว เคลื่อนไหวไปมารวดเร็ว มีการลอกคราบ 7-8 ครั้ง ระยะหนอนประมาณ 21-40 วัน ดักแด้ในตอนแรกมีสีขาวอมเหลือง และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เมื่อใกล้ฟักเป็นตัวเต็มวัย ระยะดักแด้3-7 วัน ตัวเต็มวัย มีขนาดเล็กสีน้ำตาลปนแดงถึงสีน้ำตาลเข้ม ลำตัวแบนยาว ขนาดเล็กประมาณ 2.3-4.4 มิลลิเมตร ปลายหนวดเป็นรูปกระบอง โดยปลายหนวดปล้องที่ 3 มีขนาดใหญ่ กว่าปล้องอื่น ๆ ตัวเมียวางไข่ประมาณ 400-500 ฟอง ตามกระสอบ รอยแตกของเมล็ดข้าว ภาชนะบรรจุหรือ ในแป้ง ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 6-18 เดือน อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการ เจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ30-35 º C และความชื้นสัมพัทธ์70% วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัย ประมาณ 26-40 วัน อุปนิสัย เมื่ออยู่ในสภาพที่หนาแน่น มักกินกันเอง อีกทั้งมีพฤติกรรมเป็นตัวห้ำสามารถ ทำลายไข่ตัวหนอน และดักแด้ของแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรชนิดอื่น การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ทั่วโลก แต่มีมากในเขตอบอุ่นและเขตร้อนชื้น ฤดูการระบาด เข้าทำลายตลอดทั้งปี ในประเทศไทย พบทุกภาคและระบาดตลอดปี พืชอาหาร เมล็ดธัญพืช เมล็ดยางพารา แป้งชนิดต่าง ๆ รำข้าว เครื่องเทศ กาแฟ โกโก้ผลไม้แห้ง เนื้อมะพร้าว และหนังสัตว์ ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่Proconura caryobori (Hanna) และ Anisopteromalus calandrae (Howard) ตัวห้ำ ได้แก่ Amphibolus venator (Klug), Peregrinator biannulipes (Montrouzier & Signoret), Teretrius nigrescens Lewis และ Xylocoris flavipes (Reuter)


14 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มอดฟันเลื่อย (Saw-toothed grain beetle) ชื่อวิทยาศาสตร์ Oryzaephilus surinamensis Linnaeus (Coleoptera : Silvanidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูสำคัญของข้าวสาร เครื่องเทศ ผลไม้แห้ง ผลไม้แห้งเปลือกแข็ง และผลิตภัณฑ์จาก ธัญพืชที่ผ่านขบวนการ ได้แก่ ข้าวมอลท์ขนมปังกรอบ มักกะโรนีและเส้นหมี่ เป็นต้น ลักษณะการทำลาย ไม่สามารถทำลายเมล็ดพืชให้ได้รับความเสียหายโดยตรงด้วยตัวเองได้มักพบเข้าทำลายต่อจากแมลงชนิดอื่น ทั้งตัวเต็มวัยและตัวหนอนแทะเล็มอยู่ที่ผิวเมล็ด นอกจากนี้สามารถกัดกินเมล็ดธัญพืชหรือธัญพืชแปรสภาพ ที่แตกหักได้อีกด้วย รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีขนาดเล็กมาก สีขาว เรียวยาวไม่คอดตรงกลาง และมีผิวเรียบ ระยะไข่ประมาณ 6-10 วัน หนอน ลำตัวเรียวเล็ก สีขาวนวล ลอกคราบ 2-5 ครั้ง หนอนเมื่อโตเต็มที่ยาวประมาณ 4.0-5.0 มิลลิเมตร ที่อุณหภูมิ30 º C ระยะหนอนประมาณ 14 วัน ดักแด้เข้าดักแด้โดยใช้เศษอาหารสร้างปลอกหุ้มตัว ลักษณะเด่นของ ดักแด้คือ ด้านข้างของส่วนอกจะมีระยางค์เล็ก ๆ ยื่นออกมาข้างละ 6 เส้น ระยะดักแด้ประมาณ 6-10 วัน ตัวเต็มวัย ขนาดเล็ก สีน้ำตาลเข้ม ลำตัวแบนยาวประมาณ 2.5-3.5 มิลลิเมตร ลักษณะที่เด่นชัดต่างจาก แมลงชนิดอื่นคือ ด้านบนของส่วนอกเป็นร่องลึกตามแนวยาว ขอบด้านข้างส่วนอกจะมีลักษณะเป็นฟันเลื่อย ข้างละ 6 ซี่ ตัวเมียวางไข่ตลอดชีวิตประมาณ 45-375 ฟอง โดยวางไข่เดี่ยว ๆ หรือเป็นกลุ่มปะปนลงใน อาหารหรือตามรอยแตกของเมล็ด ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 6-10 เดือน แต่บางตัวอยู่ได้นานถึง 3 ปี อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ30-35 º C และ ความชื้นสัมพัทธ์70-90% วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 20-80 วัน อุปนิสัย ชอบกัดกิน ตรงส่วนงอกของเมล็ดธัญพืช ไม่ชอบกัดกินส่วนที่เป็นแป้ง หนอนไม่เจาะจงกินอยู่เพียงเมล็ดเดียวแต่กิน ทุกเมล็ด ตัวเต็มวัยไม่บิน และสามารถทนต่ออุณหภูมิและความชื้นได้ดี การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ทั่วโลกโดยเฉพาะในเขตอบอุ่นและเขตร้อนชื้น ในประเทศไทยพบในทุกจังหวัด ที่มีโรงสีและยุ้งข้าว ฤดูการระบาด ตลอดปีหรือก่อนเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเล็กน้อย พืชอาหาร เมล็ดธัญพืชทุกชนิด ข้าวสาร มะม่วงหิมพานต์ถั่ว แป้ง เครื่องเทศ อาหารสัตว์ยาสูบ เนื้อแห้ง และ ผลไม้แห้ง ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Anisopteromalus calandrae (Howard), Cephalonomia tarsalis (Ashmead), Cephalonomia meridionalis Brèthes และ Holepyris sylvanidis (Brèthes) ตัวห้ำ ได้แก่ Amphibolus venator (Klug), Peregrinator biannulipes (Montrouzier & Signoret), Xylocoris flavipes (Reuter) และ Xylocoris cursitans (Fallén)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 15 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 3-5 วัน 6-10 วัน 14 วัน 6-10 เดือน หนอน วงจรชีวิตมอดฟันเลื่อย Oryzaephilus surinamensis Linnaeus


16 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 3-5 วัน 6-10 วัน 14 วัน 6-10 เดือน หนอน วงจรชีวิตมอดฟันเลื่อยใหญ่ Oryzaephilus mercator Fauvel


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 17 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มอดฟันเลื่อยใหญ่ (Merchant grain beetle) ชื่อวิทยาศาสตร์ Oryzaephilus mercator Fauvel (Coleoptera : Silvanidae) ชื่อเดิม Silvanus mercator ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูของเมล็ดพืชน้ำมันหรือผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้ำมันสูง เช่น ถั่วลิสง เมล็ดมะม่วง หิมพานต์ เนื้อมะพร้าวแห้ง นอกจากนี้ยังสามารถทำลายข้าวกล้องและรำข้าวได้อีกด้วย ลักษณะ การทำลาย คล้ายกับมอดฟันเลื่อยทั้งตัวเต็มวัยและตัวหนอนร่วมกันทำลายผลิตผล และมีความสามารถ ในการเจาะถุง หรือเปลือกเมล็ดที่แข็งได้โดยจะกัดกินเมล็ดถั่วจนเว้าแหว่งและกัดกินภายในเมล็ดจนป่นเป็นผง เหลือแต่เปลือกหุ้มเมล็ด รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย คล้ายมอดฟันเลื่อย แต่แตกต่างกันตรงที่ตัวเต็มวัยมอดฟันเลื่อยใหญ่มีขนาดของตารวมใหญ่กว่า ความยาวของส่วนหัวด้านหลังของตารวม และมีขนาดลำตัวใหญ่กว่าเล็กน้อย คือ 2.5-3.5 มิลลิเมตร ส่วนมอดฟันเลื่อยนั้นขนาดของตารวมและส่วนต่อจากตารวมลงมามีขนาดใกล้เคียงกัน ชีวประวัติและ การขยายพันธุ์เหมือนมอดฟันเลื่อย ไข่ ระยะไข่ประมาณ 3-5 วัน หนอน ลำตัวเรียวเล็ก สีขาว ลอกคราบ 2-5 ครั้ง ระยะหนอนประมาณ 14 วัน ดักแด้ระยะดักแด้ประมาณ 6-10 วัน ตัวเต็มวัย เพศเมียวางไข่ ประมาณ 200 ฟอง ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 6-10 เดือน อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับ การเจริญเติบโตของมอดฟันเลื่อยใหญ่ คือ อุณหภูมิ30-33 º C และความชื้นสัมพัทธ์70% แต่ถ้าสภาพ แวดล้อมที่มีอุณหภูมิ35 º C และความชื้นสัมพัทธ์90% การเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์จะช้ากว่ามอด ฟันเลื่อย เนื่องจากมอดฟันเลื่อยมีความอดทนมากกว่ามอดฟันเลื่อยใหญ่ โดยมอดฟันเลื่อยสามารถอยู่ใน สภาพแห้งที่มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่า 10% ได้และอยู่ได้ในช่วงอุณหภูมิ20-37 º C ในขณะที่มอดฟันเลื่อย ใหญ่อยู่ได้ในที่ที่มีอุณหภูมิระหว่าง 25-32.5 º C อุปนิสัย ตัวเต็มวัยแม้จะบินได้แต่ไม่ค่อยบิน และมักไม่อยู่ ปะปนในที่เดียวกันกับมอดฟันเลื่อย การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ทั่วโลก แต่มีความสำคัญในประเทศแถบร้อนและอบอุ่น ทำลายเมล็ดพืชในโรงเก็บ โดยเฉพาะพวกพืชน้ำมัน ฤดูการระบาด ตลอดปี พืชอาหาร เมล็ดพืชน้ำมันแทบทุกชนิด ข้าวกล้อง รำข้าว มะม่วงหิมพานต์ถั่วลิสง ผลไม้แห้ง เนื้อมะพร้าวแห้ง เครื่องเทศ และอาหารทะเลแห้ง เช่น กระเพาะปลา ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Cephalonomia meridionalis Brèthes, Cephalonomia tarsalis (Ashmead) และ Holepyris sylvanidis Brèthes ตัวห้ำ ได้แก่ Amphibolus venator (Klug), Xylocoris flavipes (Reuter) และ Joppiecus paradoxus Puton ไรตัวห้ำ ได้แก่Pyemotes tritici (Lagrèze-Fossat & Montané)


18 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มอดยาสูบ (Cigarette beetle) ชื่ออื่น ๆ Tobacco beetle, Towbug ชื่อวิทยาศาสตร์ Lasioderma serricorne (Fabricius) (Coleoptera : Anobiidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูสำคัญที่สุดของผลิตผลเกษตรที่มีราคาแพง เช่น ใบยาสูบ บุหรี่ ซิการ์และโกโก้ ลักษณะการทำลาย หนอนมอดยาสูบเข้าทำลายพืชโดยกัดกินใบยาสูบจนเป็นรูพรุน หรือเป็นทางคดเคี้ยวไปมา ทำให้ใบยาสูบเสื่อมคุณภาพและราคาตก นอกจากนี้ยังทำลายเมล็ดพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ได้อีกหลาย ชนิด ได้แก่ เมล็ดโกโก้ธัญพืช เมล็ดพืชน้ำมัน ถั่วชนิดต่าง ๆ เครื่องเทศ ผลไม้แห้ง ผลิตภัณฑ์จากไม้และ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ ระยะไข่ประมาณ 4-7 วัน หนอน มีสีขาว ลำตัวโค้งงอคล้ายรูปตัว C ระยะหนอนประมาณ 21-28 วัน ดักแด้เข้าดักแด้ในปลอกที่สร้างขึ้น นาน 5-8 วัน หลังจากเข้าดักแด้แล้วอยู่นิ่ง ๆ อีก 3-10 วัน จึงเริ่มเคลื่อนไหวและกลายเป็นตัวเต็มวัยอีกครั้งหนึ่ง ตัวเต็มวัย มีขนาดเล็ก รูปไข่ หลังนูนเป็นมันวาว สีน้ำตาลแดง ขนาดประมาณ 2.0-2.5 มิลลิเมตร ลักษณะเด่นชัดของมอดยาสูบ คือ ส่วนหัวและอกปล้องแรก งองุ้มและโค้งลงด้านล่าง เมื่อถูกรบกวนมอดยาสูบจะซ่อนส่วนหัวอยู่ใต้ส่วนอก ปีกเรียบมีขนละเอียดสั้น ๆ สีน้ำตาลแดงขึ้นปกคลุม หนวดยาวประมาณครึ่งหนึ่งของลำตัวมี11 ปล้อง ปล้องที่ 4-10 เป็นแบบฟันเลื่อย (serrate) ส่วนท้อง 3 ปล้องสุดท้ายมีขนาดเกือบเท่ากัน ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่เดี่ยว ๆ บนใบยาสูบหรือพืช อาหารอื่น ๆ สูงสุดถึง 110 ฟอง ตัวเต็มวัยมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 25 วัน วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัย ประมาณ 26 วัน อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ30 º C และ ความชื้นสัมพัทธ์70% อุปนิสัย ตัวเต็มวัยบินได้ดีและว่องไว แต่มอดยาสูบไม่ชอบอากาศหนาว ที่อุณหภูมิ 4 º C นาน 6 วัน ทำให้มอดยาสูบตาย การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศเขตร้อนและอบอุ่น ฤดูการระบาด ตลอดทั้งปี พืชอาหาร ใบยาสูบ บุหรี่ ซิการ์ เห็ดหลินจือแห้ง เห็ดหอมแห้ง มะม่วงหิมพานต์ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว มันสำปะหลังแห้ง พริกแห้ง พริกป่น พริกไทย แป้งผงกะหรี่ ขิงแห้ง ผลไม้แห้ง กุ้งแห้ง และอาหารสำเร็จรูป เช่น บะหมี่ เป็นต้น ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Anisopteromalus calandrae (Howard), Lariophagus distinguendus (Förster) และ Theocolax elegans (Westwood) ตัวห้ำ ได้แก่ Peregrinator biannulipes (Montrouzier & Signoret), Tenebroides mauritanicus (Linnaeus), Thaneroclerus buqueti (Lefebvre) และ Xylocoris flavipes (Reuter)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 19 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 4-7 วัน 5-8 วัน 21-28 วัน 25 วัน หนอน วงจรชีวิตมอดยาสูบ Lasioderma serricorne (Fabricius)


20 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 3-7 วัน 3-7 วัน 21-30 วัน 13-65 วัน หนอน วงจรชีวิตมอดสมุนไพร Stegobium paniceum (Linnaeus)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 21 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มอดสมุนไพร (Drug store beetle) ชื่ออื่น ๆ Biscuit beetle, Bread beetle ชื่อวิทยาศาสตร์ Stegobium paniceum (Linnaeus) (Coleoptera : Anobiidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูของสมุนไพรและเครื่องเทศ รวมถึงเมล็ดพืชและผลิตผลจากเมล็ด แต่มีความสำคัญไม่ มากนักทางเศรษฐกิจ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย วงจรชีวิตคล้ายกับมอดยาสูบ ไข่ มีสีขาว ระยะไข่ประมาณ 4-7 วัน หนอน มีสีขาว ลำตัวโค้งงอ คล้ายกับหนอนของมอดยาสูบแต่มีขนาดลำตัวเล็กกว่า และมีขนรอบลำตัวสั้นกว่าหนอนของมอดยาสูบ ระยะหนอนประมาณ 21-28 วัน ดักแด้เข้าดักแด้ในปลอกที่สร้างขึ้น ระยะดักแด้ประมาณ 12-18 วัน ตัวเต็มวัย มีลักษณะคล้ายมอดยาสูบมากแต่มีขนาดใหญ่กว่ามอดยาสูบเล็กน้อย โดยมีขนาดลำตัวประมาณ 2.5-3.0 มิลลิเมตร ลักษณะที่แตกต่างจากมอดยาสูบคือ ปลายหนวดของมอดสมุนไพร 3 ปล้องสุดท้ายมีขนาดใหญ่ กว่าปล้องอื่น ๆ และบนปีกคู่แรกของมอดสมุนไพรจะมีหลุม เรียงเป็นเส้นตรงไปตามความยาวปีกเห็นได้ ชัดเจน ตัวเต็มวัยวางไข่ประมาณ 75 ฟอง ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 13-65 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม มอดสมุนไพรสามารถเจริญเติบโตได้ที่อุณหภูมิระหว่าง 15-34 º C และความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 35% แต่อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ30 º C และความชื้นสัมพัทธ์ มากกว่า 60-90% วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 40 วัน การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ทั่วโลก แต่มักทำความเสียหายให้กับผลิตผลทางเกษตรในประเทศเขตร้อน และ อบอุ่น แต่ในเขตร้อนจะพบน้อยกว่ามอดยาสูบ พืชอาหาร พบในพืชอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะสินค้าที่ผ่านการแปรรูป เช่น ช็อกโกแลต และขนมปังกรอบ นอกจากนี้ยังพบในสมุนไพรและเครื่องเทศแห้ง และสามารถเข้าทำลายสินค้าที่มีราคาแพง ได้แก่ โกโก้ ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Anisopteromalus calandrae (Howard), Cephalonomia gallicola (Ashmead), Lariophagus distinguendus (Förster), Lariophagus puncticollis (Möller), Pteromalus cerealellae (Ashmead) และ Theocolax elegans (Westwood) ตัวห้ำ ได้แก่ Peregrinator biannulipes (Montrouzier & Signoret), Tenebroides mauritanicus (Linnaeus), Termatophyllum insigne (Reuter), Thaneroclerus buqueti (Lefebvre), Tilloidea notatus Klug, Tillus notatus Klug และ Xylocoris flavipes (Reuter) ไรตัวห้ำ ได้แก่Pyemotes tritici (Lagrèze-Fossat & Montané)


22 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงถั่วเขียว (Cowpea weevil) ชื่ออื่น ๆ ด้วงเจาะเมล็ดถั่ว, Pulse beetle, Spotted cowpea bruchid, Cowpea seed beetle, Four-spotted bean weevil, Southern cowpea weevil ชื่อวิทยาศาสตร์ Callosobruchus maculatus (Fabricius) (Coleoptera : Bruchidae) ชื่อเดิม Bruchus quadrimaculatus ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญที่สุดของเมล็ดพืชตระกูลถั่ว ตัวเต็มวัยบินได้ดีบางครั้งพบเข้าทำลายตั้งแต่ ในไร่ ลักษณะการทำลาย ด้วงถั่วเขียวเข้าทำลายฝักถั่วในระยะที่ถั่วเริ่มโตเต็มที่ สำหรับฝักที่แห้งการเข้า ทำลายจะลดลง เมล็ดที่ถูกทำลายลักษณะสังเกต คือ มีไข่สีขาวติดอยู่ที่ผิวและรูกลม ๆ อย่างน้อย 1 รูที่เมล็ด ซึ่งเกิดจากตัวเต็มวัยเจาะออกมา เนื้อภายในเมล็ดที่ถูกตัวหนอนกัดกินจนเหลือแต่เปลือกใช้ทำประโยชน์ ต่อไปไม่ได้ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีลักษณะสีขาวใสลักษณะคล้ายโดม คือ ด้านบนโค้งด้านล่างเรียบ ระยะไข่ประมาณ 5-6 วัน โดย การเจาะผิวเมล็ดถั่วทางด้านที่ไข่สัมผัสเมล็ด หนอน เจริญเติบโตอาศัยและกัดกินภายในเมล็ด ระยะหนอน ประมาณ 13-20 วัน มีการลอกคราบ 3 ครั้ง ดักแด้เข้าดักแด้ภายในเมล็ด ระยะดักแด้ประมาณ 3-7 วัน เมื่อดักแด้ฟักเป็นตัวเต็มวัยแล้วจึงเจาะเมล็ดออกสู่ภายนอกเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่ต่อไป ตัวเต็มวัย สีน้ำตาล ขนาดลำตัวประมาณ 2.0-3.5 มิลลิเมตร ปีกสั้นคลุมไม่มิดลำตัว และมีแถบหรือจุดสีน้ำตาลเข้มบน ปีกทั้งสองข้าง ปลายปีกมีสีดำ ลำตัวเรียวแคบไปทางส่วนหัว ทำให้หัวเล็กและงุ้มเข้าหาส่วนอก หนวดเป็น แบบกึ่งฟันเลื่อย (subserrate) ตัวเต็มวัยเพศเมียชอบวางไข่ติดผิวเมล็ดถั่วที่มีความราบเรียบมากกว่าเมล็ดที่ ขรุขระ โดยวางไข่ 1 ฟองต่อ 1 เมล็ด ตลอดชีวิตสามารถวางไข่ได้115 ฟอง ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 3-12 วัน อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ32 º C และความชื้นสัมพัทธ์90% วงจรชีวิตจากระยะไข่จนถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 19-33 วัน การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา และแพร่กระจายไปทั่วโลก แต่ทำความเสียหาย มากในประเทศแถบร้อนและกึ่งร้อน ฤดูการระบาด ตลอดปี พืชอาหาร เมล็ดถั่วทุกชนิด เช่น ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วพุ่ม ถั่วฝักยาว ถั่วแดง ถั่วนิ้วนางแดง ยกเว้นถั่วเหลือง ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Uscana mukerjii (Mani), Anisopteromalus calandrae (Howard), Dinamus acutus Thomson, Dinamus basalis (Rondani), Dinamus vagabundus (Timberlake), Heterospilus prosopidis Viereck, Pteromalus cerealellae (Ashmead), Theocolax elegans (Westwood) และ Lariophagus distinguendus (Förster) ไรตัวห้ำ ได้แก่ Cheyletus eruditus (Taurrus) และ Pyemotes tritici (Lagrèze-Fossat & Montané)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 23 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 3-6 วัน 3-7 วัน 13-20 วัน 3-12 วัน หนอน วงจรชีวิตด้วงถั่วเขียว Callosobruchus maculatus (Fabricius)


24 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 3-6 วัน 3-7 วัน 13-20 วัน 3-12 วัน หนอน วงจรชีวิตด้วงถั่วเหลือง Callosobruchus chinensis (Linnaeus)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 25 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงถั่วเหลือง (Southern Cowpea Weevil) ชื่ออื่น ๆ ด้วงเจาะเมล็ดถั่ว, Cowpea beetle, Oriental cowpea bruchid, Adzuki bean weevil, Chinese bruchid ชื่อวิทยาศาสตร์ Callosobruchus chinensis (Linnaeus) (Coleoptera : Bruchidae) ชื่อเดิม Bruchus chinensis ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูเมล็ดถั่วทุกชนิดเหมือนด้วงถั่วเขียวรวมทั้งทำลายเมล็ดถั่วเหลืองได้ด้วย ลักษณะ การทำลาย มักจะทำลายร่วมกับด้วงถั่วเขียว รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย รูปร่างและลักษณะทั่วไปคล้ายกับด้วงถั่วเขียว แต่มีขนาดเล็กกว่า คือ 2.5-3.0 มิลลิเมตร ลักษณะ ที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ scutellum มีสีขาวแต้มอยู่ 2 จุด หนวดของตัวเต็มวัยเพศผู้เป็นแบบฟันหวี (pectinate) สำหรับตัวเต็มวัยเพศเมียเป็นแบบกึ่งฟันเลื่อย บนปีกทั้งสองข้างมีแถบสีน้ำตาลอ่อน ปลายสุด ของลำตัวมีสีขาว ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ได้สูงสุดประมาณ 70 ฟอง อุปนิสัยเหมือนกับด้วงถั่วเขียว คือ ตัวหนอนเจาะผิวเมล็ดลงไปอาศัยกัดกินในเมล็ด และเข้าดักแด้อยู่ภายในโพรงที่อาศัยจนเป็นตัวเต็มวัย แล้วจึงเจาะผิวเมล็ดออกมา การเจริญเติบโตและวงจรชีวิตเหมือนด้วงถั่วเขียว อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ ที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตเมื่อเลี้ยงด้วยถั่วแดงอะซูกิคือ อุณหภูมิ30 º C และความชื้นสัมพัทธ์70-75% การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ด้วงถั่วเหลืองมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย และแพร่กระจายทำความเสียหายใน ประเทศแถบร้อนและกึ่งร้อน ฤดูการระบาด ตลอดปี พืชอาหาร เมล็ดถั่วทุกชนิดรวมทั้งเมล็ดถั่วเหลือง ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Uscana mukerjii (Mani), Anisopteromalus calandrae (Howard), Dinamus basalis (Rondani), Dinamus vagabundus (Timberlake), Heterospilus prosopidis Viereck, Pteromalus cerealellae (Ashmead), Theocolax elegans (Westwood), Eupelmus orientalis (Crawford), Eupelmus vuilleti (CRW.) และ Lariophagus distinguendus (Förster) ไรตัวห้ำ ได้แก่Pyemotes tritici (Lagrèze-Fossat & Montané)


26 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงถั่วแดง (Bean Weevil) ชื่ออื่น ๆ Bean bruchid, Dried bean beetle, American seed beetle, Dried bean weevil, Bean beetle, Common bean weevil ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthoscelides obtectus (Say) (Coleoptera : Bruchidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญที่สุดของเมล็ดถั่วแดงหลวง (Kidney bean) ซึ่งด้วงถั่วชนิดอื่นไม่สามารถ เข้าทำลายได้ลักษณะการทำลาย ตัวเต็มวัยเพศเมียบินเข้าสู่ไร่ถั่วและวางไข่บนฝักถั่วที่แก่เต็มที่ รวมถึงฝักแห้ง ในแปลง ตัวหนอนเจาะผ่านเปลือกหุ้มฝักและเปลือกหุ้มเมล็ดเข้าสู่ใบเลี้ยงภายในเมล็ด ในทวีปอเมริกาพบ ด้วงถั่วแดงประมาณ 250-350 ชนิด ชนิดที่สำคัญ คือ A. obtectus ส่วน A. zeteki Kingsolver เป็นแมลงศัตรู ที่สำคัญที่สุดของถั่วพีเจียน (pigeon pea) รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีลักษณะยาวรีสีขาวนวล หนอน เมื่อฟักเป็นตัวหนอนเจาะเข้าสู่เมล็ดและกัดทำลายภายในเมล็ด หนอนมีสีขาว ลำตัวโค้งงอคล้ายรูปตัว C ดักแด้เมื่อใกล้เข้าดักแด้หนอนจะทำทางออกสำหรับตัวเต็มวัย โดยกินเปลือกหุ้มเมล็ดซึ่งเป็นเยื่อบาง ๆ คล้ายหน้าต่างแล้วจึงเข้าดักแด้เมื่อเป็นตัวเต็มวัยจะกัดเปลือก เมล็ดถั่วตรงหน้าต่างออกสู่ภายนอกเมล็ด ตัวเต็มวัย ขนาดลำตัวประมาณ 3.0-4.5 มิลลิเมตร มีสีเทาอมน้ำตาล และน้ำตาลแดง ไม่มีลวดลาย ลำตัวเรียวแคบไปทางส่วนหัว หัวเล็กงุ้มเข้าหาส่วนอก ขนที่ปกคลุมส่วนอก และปีกคู่แรกมีสีเหลืองอมเทา มีจุดประกระจัดกระจายสีน้ำตาลเข้ม โคนขาหลัง (hind femur) ตรงสันด้านใน ใกล้ข้อต่อมีฟันขนาดใหญ่ 1 ซี่ และฟันขนาดเล็กแหลม 2-3 ซี่ เมื่อมองทางด้านข้างปลายสุดส่วนท้องของ เพศเมียยื่นเลยปลายปีกออกไปมากกว่าเพศผู้ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ประมาณ 100-200 ฟอง โดยวาง กระจัดกระจายตรงช่องว่างระหว่างเมล็ดหรือรอยแตกที่ผิวเมล็ด ตัวเต็มวัยมีอายุสั้นประมาณ 7-14 วัน อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ30 º C และความชื้นสัมพัทธ์ 70% ช่วงนี้ระยะการเจริญเติบโตของด้วงถั่วแดงสั้นที่สุดคือ 22.5 วัน ด้วงถั่วแดงสามารถดำรงชีวิตอยู่ในที่ ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 14 º C อุปนิสัย ตัวเต็มวัยไม่ทำลายเมล็ดถั่ว แต่กินเกสรของพืชชนิดต่าง ๆ การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้แต่ระบาดมากในเขตอบอุ่นและเขตร้อน ยกเว้น ประเทศออสเตรเลีย ส่วนทางตอนใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปเอเชียพบเพียงเล็กน้อย เนื่องจากบริเวณนี้ ไม่นิยมปลูกถั่วแดงหลวง พืชอาหาร ถั่วแดงหลวง ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม ถั่วไลมา และถั่วฝักยาว ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Anisopteromalus calandrae (Howard), Eupelmus cushmani (Crawford), Pteromalus cerealellae (Ashmead), Stenocorse bruchivora (Crawford), Theocolax elegans (Westwood) และ Triaspis thoracicus Curtis


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 27 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 5-6 วัน 6-11 วัน 20-27 วัน 7-14 วัน หนอน วงจรชีวิตด้วงถั่วแดง Acanthoscelides obtectus (Say)


28 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 5-6 วัน 20-25 วัน 21 วัน 12-25 วัน หนอน วงจรชีวิตด้วงขาโต Caryedon serratus (Olivier)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 29 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงขาโต (Tamarind seed beetle) ชื่ออื่น ๆ Groundnut seed beetle, Groundnut beetle, Groundnut bruchid, Groundnut borer, Tamarind weevil ชื่อวิทยาศาสตร์ Caryedon serratus (Olivier) (Coleoptera : Bruchidae) ชื่อเดิม Caryedon gonagra, Caryedon fuscus (Goeze), Bruchus (Caryoborus) gonage, Pachymerus acaciae, P. chinensis, P. longus, P. gonagra or gonager ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญของถั่วลิสงและเมล็ดมะขาม ทำลายฝักมะขามตั้งแต่ระยะก่อนเก็บเกี่ยว แต่ไม่ชอบทำลายเนื้อมะขามแก่ สามารถระบาดทำความเสียหายถึง 90% ของน้ำหนักผลผลิตทั้งหมด เมื่อเก็บรักษาไว้เพื่อรอจำหน่ายที่อุณหภูมิ38-39 º C ความชื้นสัมพัทธ์45-50% ลักษณะการทำลาย ตัวหนอนของด้วงขาโตกัดกินเมล็ดมะขามทำให้เป็นรูเสียคุณภาพไปทั้งฝัก เนื่องจากหนอนปล่อยมูลออกมา ปนเปื้อนและมีปลอกหุ้มดักแด้(cocoon) อยู่ในฝักนั้น ๆ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ วางเป็นฟองเดี่ยวสีขาวนวลบนผิวเมล็ดมะขาม 2-3 ฟองต่อเมล็ด ระยะไข่ใช้เวลา 5-6 วัน หนอน มีสีขาวขุ่น รูปร่างงอคล้ายรูปตัว C เมื่อตัวหนอนฟักออกจากไข่แล้วจึงเจาะผิวเมล็ดลงไปอาศัยกัดกิน อยู่ภายในเป็นระยะเวลาประมาณ 21 วัน จึงเจาะเมล็ดออกมาภายนอกเพื่อเข้าระยะดักแด้โดยสร้าง cocoon หุ้มไว้ดักแด้มีสีขาวครีม ระยะดักแด้ประมาณ 20-25 วัน ตัวเต็มวัย มีสีน้ำตาลแดง ขนาดลำตัว ยาวประมาณ 5.0-8.0 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่มากเมื่อเปรียบเทียบกับด้วงถั่วในวงศ์Bruchidae ด้วยกัน ลักษณะเด่นของด้วงขาโตคือ femur ของขาคู่ที่ 3 ใหญ่มาก ขอบด้านในเป็นฟันเลื่อย และ tibia ของขาคู่ ที่ 3 โค้งงอ ตัวเต็มวัยอายุประมาณ 12-25 วัน เมื่อเลี้ยงที่อุณหภูมิ30-33 º C และความชื้นสัมพัทธ์ 70-90% วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 47-68 วัน การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย แต่ระบาดมากในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ฤดูการระบาด เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม พืชอาหาร มะขามหวาน มะขามเปรี้ยว เมล็ดคูณ เมล็ดกัลปพฤกษ์และถั่วลิสง ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Anisopteromalus caryedophagus Rasplus, Eurytoma caryedocida Rasplus, Proconura serratocida Rasplus, Rhaconotus aciculatus Ruthe, Uscana caryedoni Viggiani, Bracon hebetor Say และ Sclerodermus immigrans Bridwell ไรตัวห้ำ ได้แก่Pyemotes tritici (Lagrèze-Fossat & Montané)


30 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงขาแดง (Copra beetle) ชื่ออื่น ๆ ด้วงเนื้อมะพร้าวแห้ง, Copra bug, Red-legged ham beetle, Larder beetle, Leather beetle, Paper worm, Ham beetle ชื่อวิทยาศาสตร์ Necrobia rufipes (De Geer) (Coleoptera : Cleridae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูสำคัญที่สุดที่ทำลายเนื้อมะพร้าวแห้ง ทั้งตัวหนอนและตัวเต็มวัยร่วมกันทำลาย เนื้อมะพร้าวแห้ง ลักษณะการทำลาย หนอนชอนไชเข้าไปในเนื้อมะพร้าวแห้ง เป็นรูพรุนอยู่ทั่วไป ทำให้ เนื้อมะพร้าวแห้งเสียคุณภาพ บางครั้งพบทำลายร่วมกับด้วงหนัง (Dermestes spp.) และด้วงขาแดง เจริญเติบโตได้ดีในเนื้อมะพร้าวแห้ง แต่จะมีวงจรชีวิตนานขึ้นเมื่อเลี้ยงด้วยเนื้อมะพร้าวแห้งที่มีเชื้อราขึ้น เพราะด้วงขาแดงจะทำลายแมลงที่กินเชื้อราเป็นอาหาร การที่มีเชื้อราบนเนื้อมะพร้าวแห้งทำให้มีรอยแตกแยก ซึ่งเป็นแหล่งหลบซ่อนของไข่และตัวหนอนด้วงขาแดงจากการทำลายของด้วงขาแดงตัวอื่นที่แข็งแรงกว่า รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ ระยะไข่ประมาณ 4-5 วัน แล้วจึงฟักเป็นตัวหนอน หนอน เมื่อฟักใหม่มีสีขาว ต่อมาเปลี่ยนเป็น สีเทาอมม่วงและมีจุดสีน้ำตาล ตัวหนอนมีการลอกคราบ 4 ครั้ง ระยะตัวหนอนประมาณ 20-40 วัน ดักแด้ เข้าดักแด้โดยมีใยหุ้มตัวไว้ระยะดักแด้ประมาณ 5-7 วัน จึงออกเป็นตัวเต็มวัย ตัวเต็มวัย เป็นด้วงมีปีกสีน้ำเงิน อมเขียวใสเป็นมันแวววาวมีเส้นขนเล็ก ๆ ตามลำตัว ปีกคู่หน้ายาวคลุมส่วนท้อง หนวดเป็นแบบกระบอง (clavate) โดยส่วนบริเวณฐานของหนวดและส่วนขาทั้ง 3 คู่ มีสีแดงเห็นได้ชัดเจน ขนาดลำตัวยาวประมาณ 4.0-5.0 มิลลิเมตร ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่เป็นกลุ่มตามรอยแตกบนอาหาร 400-1,000 ฟอง ระยะตัวเต็มวัย อาจมีชีวิตนานถึง 6 เดือน โดยตัวเต็มวัยเพศผู้มีอายุยืนกว่าเพศเมียเล็กน้อย ด้วงขาแดงเจริญเติบโตได้ดี ในสภาพร้อนชื้นที่อุณหภูมิ30-34 º C แต่ไม่สามารถเจริญเติบโตที่อุณหภูมิต่ำกว่า 20.5 º C ได้วงจรชีวิต จากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 30-60 วัน อุปนิสัย ตัวเต็มวัยเคลื่อนไหวได้เร็วมากและบินได้ดี การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย พบเกือบทั่วโลก ในเขตร้อนและอบอุ่น ประเทศไทยพบแถบภาคใต้และจังหวัด ชายทะเล ฤดูการระบาด ตลอดปี พืชอาหาร เนื้อมะพร้าวแห้ง ผลไม้แห้ง เมล็ดพืชน้ำมัน โกโก้ปาล์ม เนื้อแห้ง อาหารทะเลแห้ง กุ้งแห้ง ปลาแห้ง ปลาหมึกแห้ง กระดูกป่น แฮม เบคอน เนยแข็ง หนังสัตว์เครื่องเทศ และยังเป็นตัวห้ำกัดกินไข่และ ตัวหนอนแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรชนิดอื่น ศัตรูธรรมชาติ ตัวห้ำ ได้แก่Thaneroclerus buqueti (Lefebvre)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 31 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 4-5 วัน 5-7 วัน 20-40 วัน 6 เดือน หนอน วงจรชีวิตด้วงขาแดง Necrobia rufipes (De Geer)


32 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 7-10 วัน 7-9 วัน 15-191 วัน 25-45 วัน หนอน วงจรชีวิตมอดสยาม Lophocateres pusillus (Klug)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 33 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มอดสยาม (Siamese grain beetle) ชื่ออื่น ๆ Nicarguan grain beetle ชื่อวิทยาศาสตร์ Lophocateres pusillus (Klug) (Coleoptera : Lophocateridae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูของผลิตผลเกษตรหลายชนิด ทั้งธัญพืช ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช และถั่วลิสงบด โดยมี ถิ่นกำเนิดที่ประเทศไทย พบแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีการนำเข้าข้าวจากไทย นอกจากนี้พบระบาดทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลักษณะการทำลาย มักเข้าทำลายร่วมกับด้วงงวงข้าว และมอดข้าวเปลือก โดยกัดกินทำความเสียหายเมล็ดข้าวเฉพาะภายนอก และอาจพบอยู่ในแกลบ นอกจากนี้ สามารถกินหนอนของมอดฟันเลื่อยเป็นอาหารได้อีกด้วย รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีลักษณะเรียวยาวคล้ายผลกล้วยหอม ระยะไข่ประมาณ 7-10 วัน หนอน มีลักษณะแบน สีขาว ส่วนหัวเป็นเปลือกแข็งสีดำ มีขาสั้น 3 คู่ ระยะหนอน ประมาณ 25-45 วัน จึงเข้าสู่ระยะดักแด้ดักแด้ เมื่อเริ่มเป็นดักแด้มีสีน้ำตาลอ่อนและค่อยเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ระยะดักแด้ประมาณ 7-9 วัน ตัวเต็มวัย เป็นด้วงปีกแข็งลำตัวแบนกว้าง สีน้ำตาลแดง ขนาดเล็กประมาณ 2.0-3.0 มิลลิเมตร หนวดสั้น เป็นแบบกระบองมีสันเป็นแนวยาวบนปีกคู่หน้า ฐานของอกปล้องแรกอยู่ติดกับโคนปีกคู่หน้า ตัวเต็มวัยเพศเมีย วางไข่ตามรอยแตกของเมล็ด หรือรอยแตกของเปลือกหุ้มเมล็ด วางไข่เป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-14 ฟอง ตัวเต็มวัย เพศเมีย 1 ตัว วางไข่ได้ประมาณ 100 ฟอง ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 15-191 วัน เมื่อเลี้ยงที่อุณหภูมิ20-35 º C และความชื้นสัมพัทธ์75% วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 42-50 วัน อุปนิสัย ตัวเต็มวัย ไม่บิน และสามารถทนทานต่อสภาวะที่แห้งแล้งได้ดีกว่าแมลงศัตรูผลิตผลเกษตรชนิดอื่น ๆ การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย เขตร้อนชื้น ฤดูการระบาด ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป และพบมากในเดือน ธันวาคม พืชอาหาร ข้าวเปลือก เมล็ดของพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วลิสง ถั่วพุ่ม ถั่วแขก แป้งที่ทำจากถั่ว ข้าวสาร และผลิตภัณฑ์ข้าว ข้าวโพด ลูกเดือย งา มักกะโรนีฝักโกโก้มันสำปะหลัง มันเทศ และเมล็ดฝ้าย ศัตรูธรรมชาติ -


34 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร มอดหนวดยาว (Flat grain beetle) ชื่ออื่น ๆ มอดตัวแบน,Rust red grain beetle, Minutegrain beetle,Beetle,Biscuit beetle ชื่อวิทยาศาสตร์ Cryptolestes pusillus (Schönherr) (Coleoptera : Laemophloeidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย มอดหนวดยาวพบทั่วไปในยุ้งข้าว โรงสีและโรงเก็บเมล็ดพืช ทำลายผลิตผลเกษตรทุกชนิด แป้ง รวมถึงผลไม้แห้ง ลักษณะการทำลาย ตัวเต็มวัยและตัวหนอนร่วมกันทำลายข้าวเปลือกเมล็ดแตก หรือ ข้าวที่เหลือจากการทำลายของแมลงชนิดอื่น ตัวหนอนกินส่วนที่เป็นจุดงอก (germ) ของเมล็ด บางครั้ง พบหนอนทำลายซากแมลงชนิดอื่น แต่ในข้าวสารสามารถกัดกินเมล็ดที่ดีหรือเมล็ดเต็มได้โดยไม่ต้องกะเทาะ ให้เมล็ดนั้นแตก โดยปกติพบมอดหนวดยาวทั่วไปบนพื้นของโรงสียุ้งฉางหรือในกระสอบข้าวเปลือก และ มักพบเมื่อมีการทำลายของมอดข้าวเปลือกมาก รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีลักษณะเรียวยาว สีขาวโปร่งแสง บนพื้นผิวของเปลือกไข่มีลักษณะเรียบ โดยมีเศษแป้งและ เศษของอาหารเกาะติดเคลือบอยู่บนเปลือกไข่ ระยะไข่ประมาณ 3-4 วัน หนอน เมื่อฟักออกจากไข่มีขนาด ลำตัวยาว สีขาวโปร่งแสง ส่วนปลายลำตัวมีหางคล้ายเขา เมื่อหนอนโตเต็มที่จะรวบรวมเศษเมล็ดพืชหรือ เศษอาหารเข้าด้วยกันและเข้าดักแด้อยู่ภายในนั้น ระยะตัวหนอนประมาณ 22 วัน ดักแด้เมื่อเริ่มเป็นดักแด้ มีสีขาวและค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเข้มเมื่ออายุมากขึ้น ตัวเต็มวัย ขนาดลำตัวเล็กมาก ประมาณ 1.6-2.5 มิลลิเมตร ลำตัวแบนรีสีน้ำตาลแดง หัวและอกรวมกันยาวครึ่งหนึ่งของลำตัว หนวดเป็นแบบลูกปัด (moniliform) ยาวประมาณสองในสามของลำตัว ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ได้ประมาณ 200-300 ฟอง ที่อุณหภูมิ37 º C ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 6-12 เดือน ที่อุณหภูมิ33 º C และความชื้นสัมพัทธ์70% ระยะ การเจริญเติบโตจากไข่ถึงตัวเต็มวัยใช้เวลาประมาณ 23 วัน แมลงชนิดนี้ไม่สามารถที่จะอยู่ในที่ ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำได้โดยที่ความชื้นสัมพัทธ์50% เปอร์เซ็นต์การตายของแมลงจะสูง มอดหนวดยาว C. pusillus และ C. ferrugineus มีการเจริญเติบโตดีที่สุด ที่อุณหภูมิ33 º C และความชื้นสัมพัทธ์80% โดยมีวงจรชีวิตประมาณ 27-30 วัน ส่วนอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต ของ C. pusillusคือ อุณหภูมิ30 º C และความชื้นสัมพัทธ์90% อุปนิสัย ตัวเต็มวัยเป็นแมลงที่ว่องไวแต่มักจะไม่บิน การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ประเทศแถบร้อน ประเทศสหรัฐอเมริกา และอินเดีย ฤดูการระบาด ตลอดทั้งปี พืชอาหาร ข้าวเปลือกที่แตกหัก เมล็ดธัญพืช พืชที่ให้น้ำมัน เมล็ดโกโก้และเมล็ดถั่วพุ่ม ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่Theocolax elegans (Westwood)และ Cephalonomia waterstoni Gahan ตัวห้ำ ได้แก่Palorus shikhae Sarup


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 35 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ หนอน วงจรชีวิตมอดหนวดยาว Cryptolestes pusillus (Schönherr) 3-4 วัน 6-12 เดือน 6-9 วัน 22 วัน


36 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ 2-3 วัน 5-11 วัน 3-12 เดือน 6-14 วัน หนอน วงจรชีวิตด้วงผลไม้แห้ง Carpophilus hemipterus (Linnaeus)


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 37 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงผลไม้แห้ง (Dried fruit beetle) ชื่ออื่น ๆ ด้วงปีกตัด, Corn sap beetle ชื่อวิทยาศาสตร์ Carpophilus hemipterus (Linnaeus) (Coleoptera : Nitidulidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมผลไม้แห้ง และเมล็ดพืช ลักษณะการทำลาย ทั้งตัวเต็มวัย และตัวหนอนร่วมกันทำลายผลไม้แห้ง และธัญพืชที่ขึ้นรา ระยะหนอนทำลายมากกว่าระยะตัวเต็มวัย โดยทำลาย ให้เป็นรูหรือเป็นรอย ชอบผลไม้ที่สุกงอมหรือจวนเน่า เมื่อมีแมลงชนิดนี้เข้าทำลายมักพบเชื้อราและ แบคทีเรียเกิดขึ้นด้วย ก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรง สำหรับเมล็ดพืชที่ตากแห้งหรือมีความชื้นต่ำจะไม่ถูก ทำลายโดยด้วงชนิดนี้ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีลักษณะยาวรีสีขาวระยะไข่ประมาณ 2-3 วัน หนอน ลำตัวแบนยาว มีขาสั้น ๆ 3 คู่ ปลายลำตัว มีหางเล็กยื่นไปทางส่วนท้าย ระยะหนอน 6-14 วัน ดักแด้เข้าดักแด้ในดิน ระยะดักแด้ประมาณ 5-11 วัน ตัวเต็มวัย เป็นด้วงปีกแข็ง ลำตัวยาวประมาณ 2.0-5.0 มิลลิเมตร มีสีน้ำตาลดำ ปีกคู่หน้าสั้นไม่คลุมส่วนท้อง ทำให้เห็นปลายท้อง 2-3 ปล้องสุดท้ายชัดเจน ปีกคู่หน้าสีน้ำตาล มักมีจุดสีเหลืองจาง ๆ ที่มุมขอบบนและ ปลายปีกเป็นแถบสีเหลือง หนวดและขามีสีเหลือง หนวดประกอบด้วย 11 ปล้อง ปลายหนวดเป็นรูปกระบอง ประกอบด้วยปล้องสั้น ๆ 3 ปล้อง ระยะตัวเต็มวัยมีชีวิตประมาณ 3-12 เดือน ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ ประมาณ 1,000 ฟอง อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต คือ 25-30 º C วงจรชีวิตจากระยะไข่ ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 45 วัน อุปนิสัย ตัวเต็มวัยสามารถบินได้ในระยะทางไกล การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย พบทั่วโลก พืชอาหาร ผลไม้แห้ง เมล็ดปาล์ม มะพร้าวแห้ง โกโก้ข้าว มะม่วงหิมพานต์ข้าวโพด และถั่วลิสง ศัตรูธรรมชาติ แตนเบียน ได้แก่ Cerchysiella insularis (Howard), Cerchysiella utilis (Noyes) และ Microtonus nitidulidis Loan ตัวห้ำ ได้แก่Belonuchus rufipennis (Fabricius) และ Xenopygus analis (Erichson)


38 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงหนัง (Hide beetle) ชื่ออื่น ๆ ขมวน, Leather beetle, Skin beetle ชื่อวิทยาศาสตร์ Dermestes maculatus De Geer (Coleoptera : Dermestidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูที่สำคัญของอาหารทะเลแห้ง และอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด นอกจากนี้ยังพบ ในพิพิธภัณฑ์ตัวอย่างสัตว์และห้องเก็บผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เขาสัตว์ขนสัตว์และหนังสัตว์ เป็นต้น ลักษณะการทำลาย ตัวเต็มวัยและตัวหนอนกัดแทะให้เกิดรอยและชอนไชเข้าไปในอาหาร ตัวเต็มวัย เพศเมีย วางไข่ถ่ายมูลทิ้งไว้ปะปนบนอาหาร ทำให้อาหารมีกลิ่นเหม็น เปรอะเปื้อน สกปรก และเสียคุณภาพ รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ วางเป็นฟองเดี่ยวสีขาวครีม ลักษณะไข่กลมมนทั้งหัวท้าย ผิวเป็นมัน ระยะไข่ประมาณ 2 วัน หนอน มีสีดำและมีขนสีดำปกคลุม มีหนามแหลมโค้งขึ้น 2 เส้นที่ปลายลำตัวของหนอน ระยะหนอน ประมาณ 42 วัน ดักแด้มีสีขาวครีม ลำตัวเรียว ระยะดักแด้ประมาณ 6 วัน ตัวเต็มวัย สีดำหรือสีน้ำตาล เข้มลำตัวปกคลุมด้วยขน ส่วนนอกมีสีดำขอบด้านข้างของสันหลังอกปล้องแรกมีสีขาว ด้านใต้ท้องปกคลุมด้วย ขนสีขาว และมีแต้มขนสีดำทางด้านข้างและส่วนปลายท้องลำตัวใหญ่ขนาด 6.0-10.0 มิลลิเมตร หนวดมี 11 ปล้อง เป็นแบบกระบอง ปลายหนวด 3 ปล้องมีขนาดใหญ่ชัดเจน ปีกคู่หน้าคลุมส่วนท้อง ปลายสุดด้านใน ของปีกคู่หน้าแต่ละข้างจะมีลักษณะเป็นหนามแหลม ตัวเมียชอบวางไข่ที่รอยแตกแยกของอาหารหลังจาก ผสมพันธุ์แล้ว 12-40 ชั่วโมง ตัวเต็มวัยมีชีวิตอยู่นานถึง 12 เดือน วงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัย ประมาณ 30 วัน อุปนิสัย มีพฤติกรรมกินกันเอง (cannibalism) คือ กัดกินไข่และดักแด้ของตัวเอง การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย ทั่วโลก แต่พบในเขตร้อนมากกว่าเขตอบอุ่น พืชอาหาร ปลาแห้ง ปลาเค็ม ปลาหมึกแห้ง หอยแห้ง ปลาหวาน กุ้งแห้ง เนื้อสัตว์ตากแห้ง เบคอน หนังสัตว์ กระดูกสัตว์เขาสัตว์กระดูกป่น ปลาป่น เครื่องหนังต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด ศัตรูธรรมชาติ ตัวห้ำ ได้แก่ด้วงขาแดง Necrobia rufipes (De Geer) ตัวเบียน ได้แก่ ไร Pyemotes herfsi Oudemans และ ไร Pyemotes rubecula Hammerschmidt


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 39 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ หนอน วงจรชีวิตด้วงหนัง Dermestes maculatus De Geer 2 วัน 6 วัน 12 เดือน 42 วัน


40 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ตัวเต็มวัย ดักแด้ ไข่ หนอน วงจรชีวิตด้วงดำ Alphitobius diaperinus (Panzer) 5-6 วัน 5-8 วัน มากกว่า 1 ปี 30-94 วัน


กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด 41 กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงดำ (Lesser mealworm) ชื่ออื่น ๆ ด้วงขี้ไก่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Alphitobius diaperinus (Panzer) (Coleoptera : Tenebrionidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงศัตรูของผลิตภัณฑ์จากธัญพืชและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โดยเฉพาะอาหารที่มีความชื้นหรือ มีเชื้อราถ้ามีการเก็บรักษาอาหารที่ไม่ดีแมลงชนิดนี้จัดเป็น minor pest คือ ไม่สร้างความเสียหายมากนัก แต่จะเป็นปัญหามากสำหรับฟาร์มสัตว์ปีก เพราะแมลงชนิดนี้อาจเป็นพาหะแพร่เชื้อโรคบางชนิด ลักษณะ การทำลาย ชอบทำลายเมล็ดที่แตกหัก รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีสีขาวครีมอมน้ำตาล ลักษณะไข่หัวท้ายโค้งมนเล็กน้อย ระยะไข่ประมาณ 4-7 วัน หนอน มีลำตัว ยาวแบน (campodeiform) มีขาจริง หนวด และแพนหางเจริญดีเคลื่อนไหวเร็ว มีสีเหลือง อมน้ำตาล คล้ายหนอนนก ดักแด้มีสีครีมอมน้ำตาล ตัวเต็มวัย มีลักษณะทั่วไปคล้ายหนอนนก แต่มีขนาดเล็กกว่า ขนาดลำตัวยาว 5.0-7.0 มิลลิเมตร ลำตัวสีดำหรือน้ำตาลเข้มเป็นมัน ด้วงดำ A. diaperinus มีลักษณะ ทั่วไปคล้าย ด้วงดำกินรา A. laevigatus มาก หากดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่าตัวเต็มวัยด้วงดำ A. diaperinus มีส่วนของขอบหัวที่แบ่งตาออกเป็น 2 ส่วนไม่เท่ากัน ตัวเต็มวัยเพศเมียสามารถวางไข่ได้มากกว่า 2,000 ฟอง ตัวเต็มวัยอาจมีอายุมากกว่า 12 เดือน อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ33 º C และความชื้นสัมพัทธ์95% ถ้าเลี้ยงที่อุณหภูมิ25 º C มีวงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัย ประมาณ 75 วัน แต่ที่อุณหภูมิ30 º C มีวงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัยประมาณ 50-100 วัน การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย พบได้ทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตร้อนและเขตร้อนชื้น พืชอาหาร เมล็ดถั่ว เมล็ดที่แตกหัก ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ศัตรูธรรมชาติ ตัวห้ำ ได้แก่ Amphibolus venator (Klug) ตัวเบียน ได้แก่ ไร Acarophenax mahunkai Steinkraus & Cross เชื้อ ได้แก่ Heterorhabditis bacteriophora (Poinar) และ Heterorhabditis heliothidis (Khan, Brooks & Hirschmann)


42 แมลงที่พบในผลิตผลเกษตรและการป้องกันกำจัด กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร กองวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลิตผลเกษตร ด้วงดำกินรา (Black fungus beetle) ชื่อวิทยาศาสตร์ Alphitobius laevigatus (Fabricius) (Coleoptera : Tenebrionidae) ความสำคัญและลักษณะการทำลาย เป็นแมลงที่ชอบทำลายเชื้อราที่ขึ้นบนอาหารเป็นอาหารหลัก มีความสำคัญน้อยกว่าด้วงดำ A. diaperinus และไม่พบในฟาร์มสัตว์ปีก รูปร่างลักษณะ ชีวประวัติและอุปนิสัย ไข่ มีสีขาวครีมอมน้ำตาล หนอน มีลำตัวยาวแบน มีขาจริง หนวด และแพนหางเจริญดี เคลื่อนไหวเร็วมีสีเหลืองอมน้ำตาล รูปทรงกระบอง มีลักษณะคล้ายด้วงดำ A. diaperinus ดักแด้มีสีครีม อมน้ำตาล ตัวเต็มวัย มีลักษณะทั่วไปคล้ายด้วงดำ A. diaperinus มาก ไม่สามารถจำแนกชนิดแยกจาก กันด้วยตาเปล่า ด้วงดำกินรา A. laevigatus มีสีดำทึบถึงน้ำตาลเข้ม ไม่มัน ขนาดลำตัวยาว 5.5-7.0 มิลลิเมตร มีขนาดเล็กกว่าด้วงดำ A. diaperinus เล็กน้อย หากดูด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่าตัวเต็มวัย ของด้วงดำกินรา A. laevigatus มีขอบของส่วนหัวที่ยื่นแบบครึ่งตา โดยมีแถบเชื่อมขนาดเท่ากับ 1 ช่อง ของตารวม อุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต คือ อุณหภูมิ35 º C และ ความชื้นสัมพัทธ์70% มีวงจรชีวิตจากระยะไข่ถึงระยะตัวเต็มวัย 30 วัน อุปนิสัย เป็นตัวห้ำทำลายแมลง ศัตรูผลิตผลเกษตรอื่น ๆ การแพร่กระจายและฤดูการระบาด การแพร่กระจาย พบได้ทั่วโลก พืชอาหาร ถั่ว มันสำปะหลัง ข้าวฟ่าง และอาหารที่มีเชื้อรา ศัตรูธรรมชาติ ตัวห้ำ ได้แก่ Amphibolus venator (Klug)


Click to View FlipBook Version