The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by patton3273, 2021-05-27 03:51:34

ตำราประวัติศาสตร์การสงครามฉบับเต็ม

ตำราประวัติศาสตร์การสงคราม

99

บทที่ 5

กรณพี พิ าทระหว่าง ไทย อินโดจีน และฝรง่ั เศส
(ค.ศ. 1940 - 1941)

สาเหตขุ องสงคราม
สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รชั กาลท่ี 4 องั กฤษกับไทยทำสัญญาระหว่างกัน โดยฝ่าย

ไทยเสียเปรียบโดยบังคับด้วยภาษีและการศาลไทยจึงยินยอมเพ่ือป้องกนั การเสียดินแดน อังกฤษได้หันไปยึด
ยะไข่ เมาะตะมะ ทวาย ตะนาวศรขี องพม่า

ตอ่ มาฝรงั่ เศสเอาอย่างอังกฤษ การเสียภาษแี ละการศาลใหเ้ ปน็ ไปตามอยา่ งอังกฤษ และยึดเอาดนิ แดน
ไทย 5 ครัง้ ดังนี้

1863 บงั คับใหถ้ อื ว่ากัมพูชา เกาะกง เปน็ ของเขมร
1888 ยกสิบสองจุไทยใหฝ้ รง่ั เศส
1893 ยกดินแดนฝั่งซ้ายใหฝ้ รง่ั เศส
1904 ยกฝัง่ ขวาแมน่ ้ำโขงตรงขา้ มหลวงพระบางและปากเซใหฝ้ รง่ั เศส
1907 ยึดเอา พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ (รวมทงั้ หมด 5 ครง้ั 467,500 กม.) คนไทยถกู ยิงตาย
ทเ่ี วยี งจันทน์ รฐั บาลไทยทำการประทว้ งตอ่ อคั รราชทตู ฝรง่ั เศสประจำประเทศไทย
สมัยตอ่ มาเมอ่ื 8 ธ.ค. 1940 นกั ศกึ ษาออกเดนิ ขบวน 10,000 คน ประชาชน 50,000 คน เรยี กรอ้ งให้
จอมพล ป. เรยี กรอ้ งเอาดินแดนคนื
ก.ค. 1940 ฝรั่งเศสแพ้เยอรมันสงครามโลกครั้งที่ 2 หมดสภาพจากการเป็นมหาอำนาจ
จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรฐั มนตรเี หน็ เปน็ โอกาสเหมาะสมทีจ่ ะเรยี กดินแดนคนื จากฝรง่ั เศส
ฝร่งั เศสสง่ กำลังคุกคามไทยทันทีใน 13 พ.ย. 1940 ส่งเครอื่ งบนิ ขา้ มโขงรุกนา่ นฟ้าไทยและท้ิงระเบิดที่
นครพนม
ภูมปิ ระเทศ
1. พ้นื ที่ ทภ.1 อ.อรัญประเทศ และ ศรโี สภณ
2. พืน้ ที่ ทภ.2 อดุ รธานี อุบลราชธานี สุรินทร์ นครพนม สกลนคร
3. พืน้ ท่ี ทภ.3 ลำปาง เชยี งใหม่ นครสวรรค์ นา่ น แควน้ หลวงพระบาง เชยี งราย
4. พน้ื ท่ี จว.ตราด เกาะช้าง ในความรบั ผิดชอบของกองทัพเรอื ไทย, จว.จนั ทบุรี
แผนการรบ หว้ งระยะเวลา พ.ค. 1940 – ม.ค. 1941
ฝ่ายฝรั่งเศส วางแผนเข้าตีและยึดกรุงเทพฯ ใช้กำลังทางบก ทางเรือ ทางอากาศ โดยใช้การเข้าตี
หลักต่อประเทศไทยทางด้านตะวันออกในเขต ทภ. 1 และทางทะเลจันทบุรี ตราด เข้าตีรองต่อประเทศไทย
ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนอื ในเขต ทภ. 2 และ ทภ. 3 บางสว่ น
ฝ่ายไทย ตัง้ รับเชงิ รุก กำลังทางบก ทางเรอื ทางอากาศ สกัดกน้ั ต้านทาน ขับไล่ ฝร่งั เศสให้ไปจาก
ดินแดนของไทยที่เสยี ไป คอื ลาว และ เขมร รุกโตต้ อบ ตามแนว ทภ. 1 และทางทะเลตราด – จนั ทบุรี ทภ. 2

100

สรุ นิ ทร์ อบุ ล หนองคาย ทภ. 3 เชยี งราย นา่ น เข้ายึดดนิ แดนแควน้ หลวงพระบาง ปากลาย สมาบรุ ี ถึงเมืองเงนิ
และยึดฝงั่ ซ้ายแมน่ ำ้ โขงไว้ท้ังหมด

การจัดกำลงั การวางกำลังและรูปขบวน
ฝ่ายฝรั่งเศส 28 พ.ย. 1940 ฝรั่งเศสส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดนครพนมใช้กำลังทางบก 3 กองพัน

รุกเข้าอรัญประเทศ จว.ปราจีนบุรี และวางกำลังทางภาคอีสานของไทยทางช่องเม็ก จว.อุบลราชธานี ป้อม
สำโรง จว.สุรินทร์ ท่าแขกเมืองเวียงจันทร์ ทางแคว้นหลวงพระบางฝ่ังขวาแม่น้ำโขง ฝรั่งเศสวางกำลังเบาบาง
กำลังทางเรือ รุกตามหัวเมืองชายทะเลตราด – จันทบุรี – ชลบุรี – กรุงเทพฯ ใช้กำลังเรือรบ เรือดำน้ำ
เครื่องบินและเรือสินค้าติดอาวุธขนาดใหญ่ รวม 9 ลำ โดยมีเรือลามอตต์ปิเกตต์ เป็นเรือธงและมีกำลังทาง
อากาศให้การสนบั สนุนตลอดแนวชายแดน

ฝา่ ยไทย ผบ.สูงสดุ จอมพล ป. พบิ ูลสงคราม จัดตัง้ กองทพั สนามขนึ้ 2 กองทัพ กับ 1 กองพลอิสระ
คอื กองทัพบรู พา พล.อ.มังกร พรหมโยธี เปน็ แมท่ พั พล.อ.จรูญ เสรีเริงฤทธิ์ เปน็ รองแมท่ พั ต้งั กองบญั ชาการท่ี
จว.ปราจนี บุรี

กองทัพอีสาน พล.อ.หลวงเกรยี งศกั ดิ์ พิชิต เปน็ แม่ทพั ต้งั กองบัญชาการท่ี จว.สุรนิ ทร์
กองพลสนามอิสระ พล.อ.หลวงหาญสงคราม เป็น ผบ.พล. ต้งั กองบญั ชาการท่ี จว.ลำปาง
สำหรับทหารอากาศและทหารเรือ ส่งฝูงบินจากกองทัพอากาศไปประจำสนามบินอุบล 3 ฝูง,
สนามบินนครพนม 1 ฝูง, ส่งหน่วยนาวิกโยธิน 1 กองร้อย ประจำจังหวัดจันทบุรี ส่งเรือรบ 3 ลำ ประจำที่
เกาะช้าง
การจัดกำลังด้านจันทบุรี – ตราด กองกำลังทางบก มีกองกำลังนาวิกโยธินและทหารม้า ซึ่งเป็น
ปกี ขวาของกองกำลังบูรพา ทำการปอ้ งกันดา้ นจนั ทบุรี ตราด น.ต.ทหาร ขำหิรญั ร.น. เปน็ ผบ.พล.
กองกำลังทางเรือ จัดต้ังกองเรือพิเศษ แบ่งกำลังรบเป็น 3 กองเรือ และ 1 กองบิน ทะเลรักษา
อาณาเขตน่านน้ำไทยไปถึงอ่าวเสียม (เขมร) โดยมีสัตหีบเป็นฐานทัพเรือใหญ่ มีเกาะช้างเป็นฐานทัพเรอื หน้า
เพื่อปอ้ งกันมใิ หข้ ้าศกึ ยกกำลงั ขึ้นบก
การปฏบิ ตั ิการรบ
การรบด้านอีสาน กองทพั สนามดา้ นอสี าน มหี นว่ ยข้ึนตรง คอื พลาธกิ ารกองทพั สนาม, กองเสนารักษ์
สนาม, กองพันทหารสื่อสาร และหน่วยกำลังรบอกี 3 กองพล ประกอบดว้ ย
กองพลสรุ นิ ทร์ 3 พนั .ร., 1 พัน.ป., กองทหารมา้ รอ. 1 กอง เขา้ ที่ตัง้ จว.สุรนิ ทร์
กองพลอบุ ล 1 พนั .ร., 1 พนั .ป., ทหารม้า 1 กองร้อย ท่ตี ัง้ จว.อุบลราชธานี
กองพลอุดร 3 พัน.ร., 1 พนั .ป. ทีต่ ัง้ จว.อุดรธานี
บก.กองทัพอสี านตงั้ ณ จว.สุรินทร์
กองพนั อสี านเรมิ่ ทำการรบ 6 ม.ค. 2484 เวลา 0500 สงั่ ให้กองพลสรุ ินทร์เข้าตีจากชอ่ งจอม – เข้า
ยดึ ปอ้ มสำโรงของกัมพูชา
กองพลอบุ ลเขา้ ตีจากช่องเมก็ – เข้ายดึ นครจำปาศักด์ิ
กองพลอุดร ทำการตรงึ ข้าศกึ ทีเ่ มืองทา่ แขก ท่ีนครเวยี งจนั ทร์ ท่ีเมืองสวุ รรณเขต

101

การรบของกองพลสุรินทร์ มุ่งหมายจะล้อมป้อมสำโรงให้ข้าศึกยอมจำนนแล้วจับเป็นเชลยโดยให้
กองพันทหารมา้ ทำการสกดั กน้ั ข้าศกึ ทางด้านหลงั ทหารราบและปืนใหญ่เขา้ ตีทางดา้ นหนา้ ของปอ้ ม เม่ือฝ่ายเรา
เขา้ ประชิดปอ้ มฝ่ายข้าศึกใช้ปนื กลยงิ ประสานกันอยา่ งหนาแน่นบริเวณรอบๆป้อม ข้าศกึ ปลูกตน้ กระบองเพชร
ไว้หนา 3 เมตร ทำการยิงกนั นาน 6 ชั่วโมง ฝ่ายข้าศึกสง่ เครื่องบินมาท้ิงระเบิดต่อฝ่ายเรา ผบ.ร้อยทหารม้า
ตาย 1 คน, ทหารราบ 2 – 3 คน ฝา่ ยเราจึงต้องถอยเข้า จว.สรุ ินทร์ ตอ่ มา 9 ม.ค. 2484 เวลา 0500 ฝ่ายเรา
เปิดยุทธการเข้าตใี หม่โดยเปิดทางหนีใหข้ ้าศึกออกจากป้อม และเข้ายึด จังหวัดเสยี มราฐแล้วเขา้ ตีปีกขวาของ
ข้าศึก ประสานหน่วยบินฝ่ายเราให้แน่นแฟ้น สุดท้ายเข้ายึดป้อมสำโรงได้ในวันเดียว ไม่มีข้าศึกพบแพะ
เพียง 8 ตัว และเสบียงอาหาร ทราบจากชาวบ้านว่าข้าศึกถอยหนีไปตั้งแต่วันท่ี 6 ม.ค. 2484 คือต่างคนต่าง
ถอยหนีพรอ้ มกนั

การรบของกองพลอุบล กองระวังหน้าเคลื่อนที่ไปได้ 10 ก.ม. ก็ปะทะกับหมู่แมวมองของข้าศึก
ข้าศึกได้ยงิ ต้านทานอยู่พักหนง่ึ ก็ถอยหนเี ข้าคา่ ยบ้านดกู องระวงั หน้าทำการไล่ติดตามจนถึงค่ายบ้านดู่ข้าศึกใน
คา่ ยทำการยิงตา้ นทานอยา่ งรุนแรง ผบ.พลสัง่ ใหก้ องหนนุ ตีตอ่ ปกี ขวาก็ไมส่ ามารถเคลอ่ื นที่เข้าตีปอ้ มได้ แนวรบ
ห่างจากป้อมประมาณ 500 เมตร ทำการยิงกันอยู่ 3 ชั่งโมง ต่างฝ่ายต่างทำอะไรกันไม่ได้ พอดีกระสุนขาด
แคลนร้องขอสนับสนนุ ไปยังอบุ ล แล้วสั่งให้อีก 1 กองพันทำการโอบปีกซ้ายอีกครั้ง สนับสนุนด้วยปืนครกถูก
ข้าศึกในป้อมเพียงนัดเดียวตาย 5 คน ข้าศึกเสียขวัญถอยหนีไปขึ้นรถบรรทกุ ถอยไปข้างหลังทันที ฝ่ายเรายึด
ป้อมบา้ นดู่ได้ 6 ม.ค. 2484 เวลา 1300 น. ชักธงไตรรงคข์ น้ึ บนปอ้ มเปน็ ปฐมฤกษ์

การรบของกองพลอุดร ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเป็นแต่ยิงโต้ตอบกันทั้ง 2 ฝ่าย โบสถ์ฝรั่งถูกกระสุน
ปนื ใหญ่ของข้าศกึ เสียหายมากทน่ี ครพนมพระอุโบสถท่ีอำเภอมกุ ดาหารถกู ปนื ใหญ่พระประธานแหลกไมม่ ชี ้ินดี

กองทัพอากาศไทย สูญเสียนักบิน 1 นาย คือ น.ต.สานิต นวลมณี บินต่อสู้กับเครื่องบินข้าศึกซึ่งมี
ความเร็วสงู กว่า และที่นครพนมเคร่ืองบินข้าศึกได้ทำการทิง้ ระเบิดทำให้ฝ่ายเราสูญเสียเครือ่ งบนิ ไป 3 เครื่อง
คลังน้ำมนั ถูกไฟไหมห้ มด ผบ.สูงสดุ จงึ สั่งให้ยา้ ยสนามบินจากนครพนมมายงั สกลนครเพราะใกล้แม่นำ้ โขงเกินไป

การรบด้านพายัพ ผบ.พล. คือ พ.ท.หลวงหาญ สงคราม พ.ท.หลวงสุทธิสารรณกร เป็นเสนาธิการ
กองพล กองบัญชาการต้งั ณ จว.ลำปาง วางแผนการรบดงั นี้

ร.พนั . 30 จากลำปาง เขา้ ยึด บา้ นหว้ ยทราย ซ่งึ อยตู่ รงขา้ มกบั อ.เชยี งของ ของไทย
ร.พัน. 31 จากเชยี งใหม่ เข้ายึดลำนำ้ โขงท่ที า่ เด่ือ โดยเคล่อื นที่ผ่าน จว.น่าน
ร.พัน. 28 จากนครสวรรค์เคลื่อนทไี่ ปอตุ รดติ ถ์ แลว้ ปฏิบตั ิการเข้ายึดปากลาย
เมื่อ ร.พัน. 31 ยึดลำน้ำโขงไดส้ ำเร็จกน็ บั ว่าได้ดนิ แดนแคว้นหลวงพระบางฝัง่ ขวาแม่น้ำโขงคืนมาเม่อื
2 ก.พ. 2484 ในการปฏิบัติของกองพลพายัพถงึ แม้จะไม่ปะทะรนุ แรงเพราะข้าศึกต้านทานไม่เหนียวแน่นและ
ชิงถอนตวั ไปก่อนกต็ าม ผลทไ่ี ด้คือกองพลพายพั สามารถยึดพื้นท่ไี ดม้ ากกว่ากองพลอื่นซ่ึงมที ้ังหมด 13 กองพล
ประมาณ 30,000 ตารางกิโลเมตร ราว 38 % ของพื้นที่ทั้งหมด 113,000 ตารางกิโลเมตร ต่อมาญี่ปุ่นได้มา
ไกล่เกลี่ยไทยได้ทำสัญญาสันติภาพกับฝรั่งเศสเมื่อ 9 พ.ค. 2484 ได้มีพิธีรับมอบดินแดนคืนจากฝรั่งเศส
เมื่อ 5 ส.ค. 2484 ที่ปากลาย ดินแดนที่ได้คืนได้จัดตั้งเป็น จว.ล้านช้างของไทย แบ่งเป็น 2 อำเภอ คือ
อ.เดชจรัส อ.หาญสงคราม (สมาบุรี) ครั้นสนิ้ สดุ สงครามมหาเอเชียบรู พาไทยต้องมอบคืนให้ฝรัง่ เศสไป ท้ังนี้จะ

102

เหน็ วา่ เราไดด้ นิ แดนท่ีเคยเป็นของเราชัว่ ระยะเวลา 5 ปี 9 เดอื น 15 วัน แล้วก็ต้องส่งกลับคนื ให้แก่ฝร่ังเศสอีก
เนื่องจากอิทธิพลการเมืองภายนอกบีบบังคับ และความอ่อนแอของเราด้านเศรษฐกิจ การเมือง อีกทั้งไม่มี
กองทัพเข้มแข็ง ก็อาจต้องเสียดินแดนของเราเองอย่างที่เคยนั้นคือพวกเราไม่สามารถรักษาสมบัติของชาตไิ ด้
แผ่นดินที่บรรพบุรษุ ไดอ้ ุตสา่ ห์สร้างสมไว้ใหไ้ ด้ ตอ่ ไปชนรุน่ หลงั จะไปอยู่ท่ีไหน

การรบดา้ นบูรพา
เปน็ ด้านมีการรบหลกั ฝ่ายเราทำการรบกับฝร่ังเศสด้าน อ.อรญั ประเทศ จำนวนถึง 3 กองพัน ฝ่ายไทย
สามารถเอาชนะฝรั่งเศสได้ เราได้ใช้กำลังทางอากาศสนับสนุนการรบทางภาคพืน้ ดิน ร.พัน. 6 จากลพบุรีโดย
การนำ พ.ต.พรอ้ ม ทองพต ออกจากลพบุรี 30 พ.ย.2483 เข้าที่ตง้ั อ.อรญั ประเทศ มี พ.อ.หลวงพรหมโยธี เป็น
แมท่ พั
การรบบริเวณหลกั 44 ฝรั่งเศสรุกเข้ามาทาง บ.โคกสูง และ บ.โนนหมากมุ่น กำลังฝ่ายฝรั่งเศสกำลงั
ประมาณ 1 หมู่ ลาดตระเวณผ่านไป บ.ประสาทสลกก๊ก ตะกุดบัวขาว ฝ่ายเรามี ร.ท.สนิท ชาติสิงห์ กระจาย
กำลังซุ่มโจมตี ฝา่ ยฝร่ังเศสได้พากันถอยหนีไปเม่อื รุ่ง 20 ธ.ค. 2483 ปรากฏฝา่ ยฝร่ังเศสตายหลายคน
กำลังข้าศึกส่วนใหญช่ ุมนุมกันที่ดา่ นปอยเปตและตั้งป้อมอยูใ่ นหย่อมป่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนอื
ของ ปอยเปต ฝ่ายเราตัง้ รับตามแนวประตูชยั และบรเิ วณคลองลึก ท่าข้ามปอยเปต บ.วังมอญ เกดิ การปะทะกัน
และฝ่ายขา้ ศึกก็ถอยหนีไป
5 ม.ค. 2484 ผบ.พล ได้สงั่ การตอ่ สดู้ ังน้ี

1. ร.พนั . 6 เข้ายึดดา่ นปอยเปต และไดด้ ดั แปลงภมู ปิ ระเทศอยา่ งแข็งแรงตามแนวจุดสำคัญ
ถนนอรัญประเทศ, ศรโี สภณ และด่านปอยเปต, บ.ดง ห้ามถอย

2. ร.พนั . 8 เคล่ือนทยี่ ึดพืน้ ทีแ่ ทน ร.พัน. 6 เมื่อส่ัง
3. ร.พัน. 4 จากวฒั นานครเคล่อื นกำลงั ไปอรัญประเทศ เปน็ กองหนนุ
4. ป.พัน. 4 เขา้ ทีต่ ้ังยงิ ป้องกันให้ ร.พนั . 6
ข้าศึกได้เข้าโจมตีบริเวณท่ีทำการด่านและป่าทิศตะวันตกและทางประตูชัยซง่ึ ร.พนั .6 ยดึ อยู่ทำให้เกิด
การตอ่ ส้กู ันอยา่ งหนักฝา่ ยเราเข้าโจมตอี ยา่ งกลา้ หาญดว้ ยปนื เล็กและปนื กล ปนื ใหญใ่ ห้การสนับสนุน
เครื่องบนิ ขา้ ศึกแบบโมราน 3 เครอ่ื ง บินมาจากทางทิศตะวนั ออกมงุ่ ไปสถานีอรัญประเทศแล้วทำการ
ถล่มสนามบินยังไม่ทันทิ้งระเบิด เครื่องบินฝ่ายเราขึ้นทำการบินต่อสู้ 1 ลำ นำฮ๊อกไล่ยิงขับไล่บินหนีไปทาง
ศรีโสภณ บนิ สงู ในระยะ 2,000 เมตร ร.พัน. 6 ดำเนนิ การสรู้ บอย่างดุเดือด ขา้ ศกึ ร่นถอยอย่างไม่เป็นระเบียบ
เมื่อเวลา 1800 น. ฝ่ายเรายึดปอยเปตได้ ข้าศึกทิ้งศพไวเ้ กลือ่ นสมรภูมิ ต่อมาใน 6 ม.ค. 2484 ข้าศึกได้เปิด
ฉากการรบอีกตามแนวโรงบ้านทางด้านซ้ายมือถนนศรโี สภณ ฝ่ายเราเคลือ่ นที่เขา้ หาข้าศกึ อย่างช้า ๆ และเอา
ขอนไมโ้ ยนทับลวดหนามเจาะแนวติดดาบปลายปืนประจัญบานกับข้าศึก ร.พนั . 6 ยดึ ค่ายปอยเปตได้ ฝ่ายเรา
เสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนข้าศึกทิ้งซากศพเกลื่อนสมรภูมิส่วนมากเป็นศพทหารเขมรและแขก
ในตอนกลางคนื มีเคร่ืองบินฝรงั่ เศสบินมาท้งิ ระเบิดหลายคร้งั แตไ่ มต่ รงจุดฝ่ายเรา
การรบทางอากาศ 17 ม.ค.2484 เครื่องบินฟาร์มังของฝรั่งเศสบินมาทิ้งระเบิดที่อรัญประเทศอย่าง
หนกั หนว่ ง เครอื่ งบินของไทย 14 เคร่ือง ข้ึนบนิ มุ่งหน้าไปศรีโสภณทำการโจมตีตอ่ แนวตงั้ รับของฝร่ังเศสสร้าง

103

ความเสียหายให้ได้มากแล้วบินกลบั มายงั สนามบิน ในตอนเย็นเครื่องบินฝ่ายเรา 3 เครื่อง มุ่งไปศรีโสภณเพอ่ื
โจมตีข้าศกึ ฝ่ายฝร่ังเศสใชเ้ คร่อื งบิน 5 เคร่ืองขน้ึ ทำการตอ่ สู้ ฝ่ายเราทำการทง้ิ ระเบิดคลังอาวุธข้าศึกสำเร็จแต่
ถูกยิงตกไป 1 เครือ่ ง อกี 2 เคร่อื งสามารถบินกลับฐานบินอรัญได้ปลอดภยั 3 กองพนั ทหารฝร่งั เศสตอ้ งพา่ ยแพ้
ยบั เยินทิ้งศพไวป้ ระมาณ 20 จับเชลยและยทุ โธปกรณจ์ ำนวน 10 คน

ยุทธนาวีเกาะช้าง 14 ม.ค. 2484 กองทัพเรือไทยส่งหมวดเรือที่ 3 ประกอบด้วย ร.ล.ธนบุรี,
ร.ล.ระยอง, ร.ล.สงขลา, ร.ล.ชลบุรี, ร.ล.หนองสาหรา่ ย, ร.ล.เทียวอุทก ไปตั้งฐานหน้าท่ีเกาะชา้ ง ภายใต้การ
บังคับบญั ชาของ น.ท.หลวงพรอ้ ม วีระพนั ธุ ร.น. และใน 16 ม.ค. 2484 กองทพั เรอื ไทยหนว่ ยนาวกิ โยธินยกพล
ขึ้นบกที่จันทบุรี และแหลมงอบ หลังจากประมาณสถานการณ์ฝ่ายข้าศึกแล้ว จึงกำหนดแผนที่จอดเรือใหม่ 2
จุด คือ ร.ล.ธนบุรี, ร.ล.เทียวอุทก, ร.ล.หนองสาหร่าย จอดบริเวณเกาะลิ่ม ป้องกันเรือฝรั่งเศสที่จะเข้ามา
ทางด้านเกาะช้างและยิงช่วยทหารบนบกบริเวณแหลมงอบ ร.ล.สงขลา และ ร.ล.ชลบุรี จอดบริเวณเกาะง่าม
ปอ้ งกันสนามบนิ เกาะง่าม และปอ้ งกันเรือฝรัง่ เศสทจี่ ะมาทางใต้ของเกาะช้าง

ในวันเดียวกันนั้นฝรั่งเศสได้บินลาดตระเวนทางอากาศ แล้วเคล่ือนกำลังทางเรือประกอบด้วยเรือรบ
เรือดำน้ำ เครื่องบิน และเรือสินค้าติดอาวุธขนาดใหญ่รวม 9 ลำ โดยเรือลามอตต์ ปิเกตก์เป็นเรือธง มี
น.อ.เบร่งิ เยร์ เปน็ ผ้บู ังคับการเรือ แลว้ ยังประกอบด้วยเรอื ปืนอมู องต์ดรู ์วิลล์ เรือปนื อารม์ ลิ าน ซาร์เน่ เรอื ปนื ตา
อรู ์ เรอื ปืนมารน์ เรือตรวจ เบอรินล์ เรือตรวจอาร์มมังต์ รุสโซ เรอื สินค้าติดอาวธุ 2 ลำ เครือ่ งบนิ ทะเล 8 เครือ่ ง
กองเรือฝรั่งเศสเบนหัวตามเข็มทิศมุ่งเข้ามาทางด้านเกาะช้าง เป็นไปตามแผนของ น.อ.หลวงพร้อม วีรพันธุ
ร.น.

17 ม.ค. 2484 เวลา 0550 น. ยามตรวจการณ์ ร.ล.ธนบุรี รายงานเห็นเครื่องบินฝรั่งเศส มาแต่ไกล
ผู้บังคับการเรอื ส่ังประจำสถานีรบ เครื่องบนิ ฝร่ังเศสโผล่มาทางยอดเขาด้านใต้มุ่งยังกองเรือรบไทยอยา่ งมัน่ ใจ
ร.ล.ชลบุรี, ร.ล.สงขลา ระดมยิงอย่างหนักเครื่องบินฝรัง่ เศส รนรานทิ้งระเบิดแล้วรบี บินหนีไป ขณะเดียวกัน
เวลา 0630 ยามตรวจการณ์ ร.ล.สงขลา เหน็ เรือลามอตต์ ปิเกตก์ นำกองเรอื โผลเ่ ขา้ มาทางเกาะหวายกับเกาะ
ใบ ด้วยความเร็ว 20 น็อต ท่ามกลางทัศนวิสัยเลวทำให้ไม่เห็นเรือ ร.ล.สงขลา เมื่อเข้ามาอยู่ในระยะปืน
ร.ล.สงขลา จึงระดมยิงเรือลามอตต์ ปิเกตก์ 1 ตับ เปรียบเสมือนเด็กน้อยต่อสู้กับผู้ใหญ่ ขณะเดียวกัน
ร.ล.ชลบุรี ก็เข้ามายงิ ชว่ ย และยามตรวจการณ์พบเรือดมู องต์ คูร์วิวล์ เรืออาร์มลิ าน ซาริเน่ช์ โผล่มาทางเกาะ
หวายกับเกาะคุ้ม ขณะเดียวกันเรือตาอูร์และเรือมาร์นโผล่มาทางบางเป้าหีบ ร.ล.ชลบุรี จึงเปลี่ยนเป้าหมาย
มายังเรือดงั กล่าว การสรู้ บระหว่างเรอื ตอร์ปโิ ด 2 ลำ ของไทยกบั เรอื รบฝร่ังเศส 5 ลำ เปน็ ไปอย่างดเุ ดอื ด ถงึ แม้
จะมกี ำลงั น้อยกว่าและเสียเปรยี บเทยี บกันไมไ่ ด้ถูกยิงจนเรอื คอ่ ย ๆ จมทีละน้อยทหารเรอื ทุกคนไมค่ ดิ ท้อถอย

ฝ่าย ร.ล.ธนบุรี ได้ยินเสียงปืน ร.ล.ชลบุรี และ ร.ล.สงขลา ยิงต่อสู้เครื่องบินแล้วและไดย้ ินเสียงปืนถ่ี
และหนักขึ้นทหารทกุ คนรู้ว่าเรอื ตอร์ปิโดทั้ง 2 ลำของเรากำลังปะทะขา้ ศึกเข้าแล้วด้วยความเป็นห่วงผูบ้ ังคบั
การเรือสั่งเรือเดนิ หน้าเตรียมรบพวกกาบขวาที่หมายเรือลามอตต์ ปิเกตก์และยิงก่อนเป็นตับแรกด้วยกระสนุ
ขนาด 8 น้วิ แทน่ คูห่ น้า – หลัง ขณะเดียวกันเรือลามอตต์ ปเิ กตต์ ทม่ี ขี นาดใหญ่กว่ายิงโต้ตอบกระสุนนัดหนึ่ง
ในตับที่ 4 เจาะทะลุผ่านห้องโถงชอนขึ้นระเบิดทะลุพื้นหอรบของ ร.ล.ธนบุรี เป็นเหตุให้ น.ท.หลวงพรอ้ ม วีร
พันธุ์ ร.น. และทหารในหอรบหลายนายเสียชีวิตทันทีและบาดเจ็บสาหัส ทำให้เรือซึ่งแล่นด้วยความเร็ว 14

104

นอต หมนุ ซา้ ยเป็นวงกลม 4 รอบ เป็นโอกาสให้ฝ่ายฝรง่ั เศสระดมยิงไดอ้ ย่างเตม็ ที่ เมื่อปราศจากหอควบคุมการ
ยิง ร.ล.ธนบรุ ีได้ทำการยิงอยา่ งอิสระกระสุนปนื หลายนัดถกู เรือข้าศึกเหน็ แสงไฟ เปลวระเบิด ควันเพลิงพุ่งขึ้น
บริเวณกลางลำล่าถอยไปรวมกำลังกับเรือบรวิ ารอีก 4 ลำ ที่แล่นเข้ามาประกบทางทิศตะวันตกของเกาะเหลา
ในประคับประคองกนั หนไี ป

ในช่วงน้ีมเี ครือ่ งบินลำหน่ึงติดเคร่ืองหมายไทยบินมาในระยะต่ำทางด้านหัวเรอื ร.ล.ธนบุรี จึงไมไ่ ด้ยงิ
ต่อสู้ทำให้เครื่องบินทิง้ ระเบิดลงบนดาดฟ้าเจาะทะลเุ ป็นรกู ว้าง 50 ซ.ม. ระเบิดในหอ้ งครัวทหาร ทำให้ทหาร
ตายไป 3 นาย ร.ล.ธนบุรีไฟไหม้แล่นไปทางแหลมน้ำแล้วมาทางแหลมงอบ เรือเอียงทางกาบขวาและหยดุ นงิ่
ร.ล.ชา้ งได้เขา้ มาชว่ ยดับไฟแล้วลากจงู ไปถงึ หนา้ แหลมงอบ การต่อสปู้ ้องกนั อธปิ ไตยของชาติคร้งั น้ี ทหารหาญ
ประจำเรอื ทั้ง 3 ลำ สละชพี เพื่อชาติ 36 นาย ประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทยจารึกไว้ไม่ลมื เลอื นในความกล้าหาญและ
นำ้ ใจชายชาติทหารของทหารเรือไทย

ผลของสงคราม
1. กองทัพบกยดึ ดินแดนไดด้ ังนี้
กองพลพายัพ ยึดได้ฝั่งขวาแม่น้ำโขงตรงข้ามหลวงพระบางและห้วยทราย ตรงข้าม

อ.เชยี งแสน
กองพลอุบล ยดึ ไดแ้ ควน้ จำปาศักด์ิ
กองพลสรุ นิ ทร์ ยึดได้สำโรง และจงกัล
กองพลบรู พา ยดึ ได้ทางตะวนั ตกของศรโี สภณ
กองพลจนั ทบุรี ยึดได้ บ.ภุมเรยี ง บ.หว้ ยเขมร
ญีป่ ่นุ ไกลเ่ กลี่ยระหว่างไทย – ฝร่ังเศส 11 ม.ี ค. 2484 ยกใหไ้ ทย
แควน้ หลวงพระบางเปน็ จว.ลา้ นชา้ ง
แคว้นจำปาศกั ดิ์เปน็ จว.นครจำปาศักด์ิ
เมอื งเสยี มราชเป็น จว.พิบูลย์สงคราม
พระตะบอง ศรีโสภณ เป็น จว.พระตะบอง

ตอ่ มาหลงั สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝรัง่ เศสชนะสงครามจงึ เรียกร้องเอาดินแดนกลับคืนไปหมด แลกกับ
การเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาตขิ องประเทศไทย

2. สร้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเกียรติประวัตินักรบไทย ทั้งทหาร, ตำรวจ, พลเรือน บรรจุอัฐิ
ผู้เสยี ชีวติ ไว้ ณ ท่นี ้ัน

บทเรยี นจากการรบ
1. ไม่มีมหาอำนาจทางทหารให้การสนับสนุนการรบทำให้การดำรงความเป็นชาติอยู่ได้ยากมักถูก

รงั แกจากประเทศแข็งแรงกวา่
2. ควรจดจำเสียดินแดนไปมากทกุ คนเกิดเปน็ คนไทยต้องรกั แผ่นดินเกดิ ให้เหลือไว้สำหรับลูกหลาน

ถา้ เราอ่อนแอไมม่ ีทหารท่กี ลา้ หาญแลว้ ตอ่ ไปอาจจะไมม่ ีแผน่ ดินอยู่

105

คำถามท้ายบทที่ 5
กรณพี ิพาทระหวา่ งไทย อินโดจีน และฝรงั่ เศส

1. ในการเรียกร้องให้จอมพล ป.เรยี กรอ้ งเอาดนิ แดนคนื ท้ังหมด 5 คร้งั มีท่ีใดบ้าง

2. สงครามโลกครั้งที่ 2 บทบาทของสตรมี มี ากขนึ้ โดยเฉพาะการมีส่วนรว่ มในสงครามโลก จงอธิบาย
บทบาทของสตรดี งั กลา่ ววา่ มีสว่ นร่วมในด้านใด

3. จงอธบิ ายแผนการรบ ของฝา่ ยฝร่งั เศส หว้ งระยะเวลา พ.ค. 1940 – ม.ค. 1941 มาพอเข้าใจ
4. จงอธบิ ายแผนการรบ ของฝา่ ยไทย ห้วงระยะเวลา พ.ค. 1940 – ม.ค. 1941 มาพอเข้าใจ
5. กองทพั สนามดา้ นอีสาน มหี นว่ ยข้นึ ตรง คือ พลาธิการกองทัพสนาม, กองเสนารกั ษส์ นาม, กองพัน

ทหารสือ่ สาร และหนว่ ยกำลงั รบอกี 3 กองพล คือ กองพลใดบา้ ง
6. การรบทางภาคพายัพ ทา้ ยสุดมีพิธรี ับมอบดนิ แดนคนื จากฝรั่งเศสเมอ่ื 5 ส.ค. 2484 ทีป่ ากลาย
ดินแดนที่ไดค้ ืนไดจ้ ดั ต้ังเป็น จว.ล้านช้างของไทย แบ่งเปน็ ออกเป็น 2 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอ
อะไรบา้ ง
7. การรบทางด้านบรู พา เมอื่ วนั ท่ี 5 ม.ค. 2484 ผบ.พล ได้สงั่ การต่อสู้ อยา่ งไร
8. น.ท.หลวงพรอ้ ม วีระพนั ธุ บงั คบั บัญชาหมวดเรือที่ 3 ประกอบด้วย เรอื ใดบ้าง
9. จงสรปุ สถานการณย์ ทุ ธนาวเี กาะช้างมาพอเขา้ ใจ
10. ผลของสงครามกองทพั บกสามารถยึดดินแดนกีท่ ี่ จงสรปุ มาพอเข้าใจ

106

1

บทท่ี 6

สงครามมหาเอเชียบรู พา

สาเหตุของการสงคราม
เมือ่ สงครามโลกคร้ังท่ี 2 ได้เปดิ ฉากขนึ้ โดยเยอรมันบุกโปแลนด์ ในตน้ เดอื น ก.ย. 2483 ประเทศไทยได้

ประกาศตนเป็นกลางอยา่ งเคร่งครัดตลอดมา แมเ้ หตุการณ์ทางภาคตะวนั ออกไกลจะเพิ่มความตงึ เครียดข้ึนมา
ตามลำดับ เพราะญี่ปุน่ ซ่ึงเป็นภาคีของฝ่ายแกน (เยอรมัน อิตาลี และ ญี่ปุ่น) มีแผนความคิดที่จะครองเอเชีย
ไทยกค็ งยนื หยัดประกาศความเป็นกลางอยู่เช่นเดิม

ต่อมาทา่ ทขี องญปี่ ่นุ ได้แสดงออกเดน่ ชดั ในการคุกคามด้านเอเชีย โดยส่งกำลังทหารข้ามมาในอินโดจีน
ของฝรั่งเศส ไทยก็คงประกาศตัวเป็นกลางอย่างเดิม ยิ่งกว่านี้ทางการทหารได้ตระหนักแน่ถึงภัยคุกคามจาก
ญป่ี ่นุ จึงได้สัง่ ให้หนว่ ยทหารเตรียมรับสถานการณท์ ีจ่ ะต้องเผชญิ อย่างกวดขัน

สถานะที่ตั้งทางภูมิศาสตรข์ องไทยมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของญ่ีปุ่นอยู่เป็นอันมาก ทั้งนี้เพราะ
การเขา้ ตีพม่าและสิงคโปรข์ องญี่ปุ่น จำเป็นอยา่ งยิง่ ท่ีต้องส่งกำลงั ทางภาคพนื้ ดินผ่านประเทศไทย ฉะนั้นในทันที
ทญี่ ี่ปุน่ เขา้ จโู่ จม โจมตี เพอรล์ ฮาร์เบอร์ และฟิลิปปินส์ใน 8 ธ.ค. 2484 ญ่ีปนุ่ กเ็ ขา้ โจมตีประเทศไทยพร้อมกัน
โดยยกพลขึ้นบก ณ จุดสำคัญหลายแห่งและทางภาคใต้ของประเทศไทยอาทิ อรัญประเทศ ประจวบคีรีขันธ์
บางปู สุราษฎร์ธานี นครศรธี รรมราช สงขลา ปตั ตานี รฐั บาลไทยได้สง่ คำขอความชว่ ยเหลือไปยังผู้บัญชาการ
สูงสุดภาคตะวันออกไกลของอังกฤษ ได้รับคำตอบว่าให้ช่วยตนเองไปก่อนเพราะขณะน้ันสภาพของอังกฤษอยู่
ในภาวะขับขนั เป็นอนั วา่ ประเทศไทยต้องต่อสู้กับข้าศกึ ซ่ึงมีกำลงั มากกว่าอยา่ งโดดเดีย่ ว ทหารไทยทางภาคใต้
ต่อสู้อย่างองอาจกล้าหาญทั้ง ๆ ที่มีกำลังน้อยกว่าและอาวุธก็ด้อยกว่าทั้งคุณภาพและปริมาณ รัฐบาลไทยใน
ขณะนั้นมองไม่เห็นทางที่จะนำประเทศไทยใหพ้ น้ จากความหายนะ จึงได้แก้ไขเหตกุ ารณ์เฉพาะหน้าโดยเปิด
เจรจากับญปี่ นุ่ และส่ังใหท้ หารหยุดยิงในวันต่อมาการเจรจาได้มีการต่อรองยืดเยื้อไปจนกระทงั่ 24 ธ.ค. 2484
ประเทศไทยจำต้องทำสัญญารว่ มรบกับญี่ปุ่น ดว้ ยเหตุนป้ี ระเทศไทยจงึ ร่วมรบกบั ญีป่ นุ่ ดว้ ยความจำใจ
การเตรยี มการ

แม้ว่าประเทศไทยจะต่ืนตัวในด้านการทหารมาเป็นเวลานาน โดยพยายามปรับปรุงกองทัพให้
เจริญก้าวหน้าทันสมัยเป็นเวลาหลายสิบปีก็ตาม แต่เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเล็กและเป็นประเทศ
เกษตรกรรม ฉะนั้นอาวุธยุทโธปกรณ์จึงไม่อยู่ในระดับที่พึงพอใจ อย่างไรก็ดีกองทัพไทยได้พย ายามสุด
ความสามารถเท่าที่จะทำได้ โดยสั่งซื้อปืนใหญ่ ปืนกล รถถัง เคร่ืองบิน และเรือรบจากประเทศต่าง ๆ
โดยเฉพาะจากประเทศทางภาคพน้ื ยโุ รป สว่ นอาวุธกลขนาดเล็กและกระสุน ประเทศไทยกพ็ ยายามผลิตเอง แต่
ผลทีไ่ ด้รบั ปริมาณนอ้ ยมาก
กำลังทางบก ในยามปกติ ได้แบ่งเป็น 5 ภาค คือ มณฑลทหารบกที่ 1 ภาคกลาง มณฑลทหารบกที่ 2 ภาค
ตะวันออก, มณฑลทหารบกที่ 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, มณฑลทหารบกที่ 4 ภาคเหนือ และ
มณฑลทหารบกที่ 5 ภาคใต้ โดยเฉพาะมณฑลทหารบกที่ 1, 2, 3 และ 4 ในยามสงครามได้แปรสภาพ
เปน็ กำลงั รบ โดยจดั กำลงั เป็นกองพล 1, 2, 3 และ 4 ตามลำดับ

2

หลังจากได้ทำสัญญาร่วมรบกับญี่ปุ่นแล้ว ไทยได้รับอาวุธจากญี่ปุ่นเป็นต้นว่า เครื่องบิน รถถัง และ
ปืนกล จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะปืนกลเบาที่ได้รับจากญี่ปุ่นนั้นเป็นแบบและขนาดแตกต่างจากที่กองทัพไทย
เคยใช้อยู่ ทั้งเวลาในการฝึกให้คุ้นเคยกับอาวุธใหม่นี้มีน้อยทำให้มีเหตุขัดข้องในเวลารบ บางครั้งเกิดเป็นผล
เสียหายในการปฏิบัติการรบ

กำลังทางเรือ จำนวนเรอื รบมไี มก่ ลี่ ำ เปน็ เรอื ขนาดเลก็ มงุ่ หมายท่จี ะรกั ษาชายฝง่ั เท่าน้นั
กำลังทางอากาศ จำนวนเครอ่ื งบินรบมีไมก่ ีร่ ้อยเคร่ือง ส่วนใหญ่เปน็ เครือ่ งบนิ ขับไล่
เนื่องจากก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศฝรั่งเศสได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศผู้นำในทาง
การทหารประเทศหน่ึง การจัดกำลังรบทางภาคพ้ืนดนิ ของกองทพั บกไทยจึงเลยี นแบบฝร่ังเศสและการจัดกำลัง
ทั้งกองทัพเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่มีหน่วยพเิ ศษแต่อย่างใด รูปการจัดมุ่งท่ีจะใช้รบในภมู ิประเทศเป็นท่ีราบ
มากกว่า ตลอดจนการฝึกหัดก็เช่นเดยี วกันกองทัพของเราก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ค่อยสนใจการรบในปา่
หรือในภูมิประเทศที่เป็นภูเขาด้วยเหตุนี้เมื่อกองทัพไทยจำต้องไปรบในภาคเหนือของประเทศ ซึ่งภูมิประเทศ
กันดารเปน็ ปา่ เขาจึงเกิดข้อบกพร่องขน้ึ เนอ่ื งจากขาดความชำนาญ
การเตรียมการในกิจการในเขตหลงั ก็คงเชน่ เดียวกันกองทพั ของเรามีความสนใจน้อยเกินไป ระบบการ
ส่งกำลังบำรุงตลอดจนการฝึกตนเพื่อกิจการในด้านนี้เราไม่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ในยามปกติ รวมทั้งอุปกรณ์การ
ขนสง่ กม็ ีไม่เพียงพอ
ลักษณะภูมปิ ระเทศและเส้นทางทางคมนาคม
ตามขอ้ ตกลงรว่ มรบกับญ่ีปุ่น กองทัพไทยตอ้ งปฏิบตั ใิ นพืน้ ท่ภี าคเหนือของประเทศไทย ซง่ึ เปน็ ดินแดน
ส่วนหน่ึงของพมา่ เรยี กกันว่า ชานสเตท ลักษณะภูมิประเทศโดยทว่ั ไปทรุ กันดาร เปน็ ปา่ และภูเขา ย่งิ ลึกเข้าไป
ในดนิ แดนของขา้ ศึก (ชานสเตท) ภเู ขายิง่ สงู ชันตามลำดับ สงู กว่าระดับนำ้ ทะเลนับเป็นจำนวนพัน ๆ ฟุต เตม็ ไป
ดว้ ยโรคภยั ไขเ้ จ็บ โดยเฉพาะ เชื้อมาลาเรยี ซึ่งปลดิ ชีวติ ทหารนับเปน็ จำนวนหลายพนั คน
เส้นทางคมนาคมอาจแบ่งได้เป็นสองตอน ตอนแรกนับแต่ชายเขตแดนพม่ามายังเขตภายในประเทศ
ไทย มีทางรถไฟสายเหนือซึ่งทอดจากเมืองหลวงถึงจังหวัดลำปาง จังหวัดเชียงใหม่ ต่อจากลำปางก็มีเส้นทาง
ถนน ชั้นที่ 1 ทอดไปถึงชายแดนพม่า จากจังหวัดเชียงใหม่มีถนนไปถึงชายเขตพม่า เส้นทางคมนาคมและ
ลักษณะภมู ปิ ระเทศในตอนน้สี มบรู ณ์กว่าตอนท่ีสอง ซึ่งจะกลา่ วต่อไป
ตอนทส่ี องนบั แตช่ ายเขตแดนไทยไปยงั ดนิ แดนข้าศกึ (ชานสเตท) มเี ส้นทางเขา้ ไปได้สองเส้นทาง จาก
เชียงรายก่งิ อำเภอแม่สายไปยงั เชียงตงุ (เมอื งหลวงของชานสเตท) ยาว 176 ก.ม. เป็นถนนช้ันเลว และเป็นถนน
สายเดียว รถยนต์เดินไดเ้ ฉพาะฤดแู ล้งเท่านัน้ เส้นทางแคบรถยนตห์ ลีกกันไม่ได้ต้องจัดตำบลหลีกเป็นระยะ ๆ
เส้นทางสายนเ้ี ลียบไปตามไหล่เขาสงู มหี มอกปกคลมุ ในตอนเช้าบางแห่งผ่านหนา้ ผาชนั จึงนับวา่ เปน็ ประโยชน์
อย่างยิ่งแก่ฝ่ายตั้งรับ ในฤดูฝนถนนสายนี้ใช้ไม่ได้เลยเพราะกลายเป็นโคลนไปหมดจะผ่านไปก็เฉพาะคนและ
สัตวต์ า่ งเท่านนั้ ขนานกับเส้นทางสายนีม้ เี ส้นทางคนเดนิ หลายสาย ซง่ึ ผา่ นไปตามสันเขา ทางทรุ กันดารมาก เปน็
ท า ง ข อ ง ช า ว เ ข า ที ่ ใช ้ เ ดิ น ต ิด ต ่ อก ัน จ า กจ ั ง ห ว ัด เ ช ีย ง ใ ห ม่ ไ ปยั ง ช า ยเ ข ต แด น เ ป ็น เส ้ น ท า ง ส า ยตะ ว ัน ตก
รถยนต์เดินได้ ตอ่ จากนนั้ ลุกเข้าไปในดินแดนขา้ ศึกเปน็ เสน้ ทางคนเดินและสัตว์ต่าง ผ่านเขาสงู ทุรกันดารยงิ่ กว่า
เส้นทางสายแรก เสน้ ทางเส้นนที้ อดผา่ นเมอื งสาต และพงุ่ เข้าส่เู ชียงตุงได้เชน่ เดียวกนั

3

ลักษณะภูมิประเทศในตอนที่สองนี้เป็นดินแดนข้าศึกทุรกันดารมากเต็มไปด้วยภูเขา ป่าทึบ จะมีพ้ืน
ราบก็เฉพาะที่ตั้งของเมืองซึ่งเป็นพื้นราบระหว่างภูเขามีพื้นที่จำกัด เสบียงอาหารท่ีจะแสวงหาตามท้องถิ่นมี
จำนวนนอ้ ย ลำพงั พลเมอื งในแถบนก้ี ็มอี าหารพอที่จะเลย้ี งตัวเทา่ นนั้

สถานการณก์ ่อนการยทุ ธ
เมื่อประเทศไทยจำเป็นต้องเข้าสู่สงครามตามที่กล่าวมาแล้วจึงได้ต้ังกองทัพพายัพขึ้น ในขั้นแรก
ประกอบด้วยกำลัง พล.4, พล.3, พล.2, และ พล.ม. กำลังเหลา่ นไี้ ด้แปรสภาพจากกำลังยามปกตคิ ือจากกำลังที่
ประจำในมณฑลทหารบกต่าง ๆ เป็นกองพล
เพื่อรับสถานการณ์คบั ขันในชัน้ ต้น พล.4 ซึ่งที่ต้ังปกติอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทยอยู่แล้วได้รบั
หน้าทใ่ี หส้ ง่ กำลังเข้าตรึงตามชายเขตแดนด้านเหนอื ไวก้ ่อน ในขณะเดยี วกนั นนั้ เอง พล.3 และ พล.2 ก็เคล่ือนท่ี
เข้าชมุ พล คือ พล.3 จากภาคอีสานเข้าที่ชุมพลทอี่ ำเภอพะเยา จงั หวัดเชียงใหม่ พล.2 จากภาคตะวันออกเข้า
ชุมพลทจ่ี งั หวัดเชียงใหม่
เมอ่ื ญ่ปี ุ่นเตรียมการเพอื่ จะบุกประเทศพม่า สถานการณข์ องอังกฤษทางด้านนจี้ งึ นับวา่ คับขนั ยิ่ง เพราะ
ไม่มีกำลังพลเพียงพอที่จะรับสถานการณ์เช่นน้ันได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีขอ้ ตกลงในระหว่างสัมพันธมติ ร มอบพื้นท่ี
ชานสเตท อันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า ให้แก่เจียงไคเช็ครับผิดชอบ ฉะนั้นกำลัง พล.93 ของจีนซึ่งเป็น
กองพลช้ันเยย่ี มของเจียงไคเช็คได้เคลื่อนทีเ่ ข้ารกั ษาพ้ืนท่ีชานสเตทแทนกำลงั ขององั กฤษตอ่ ไป หมายความว่า
กองทัพพายัพของไทยแทนที่จะต้องเผชิญกับกองทัพอังกฤษซึ่งเป็นประเทศคู่สงครามกลับต้องสู้รบกับ
กองทัพจีน
แผนการยุทธ
กองทพั พายพั ได้รบั มอบหน้าท่ีให้เข้ายึดพืน้ ที่ ชานสเตท ของพม่าซงึ่ ในขณะเดยี วกันกองทัพญี่ปุ่นก็พุ่ง
เข้าตีประเทศพม่า ดูประหนึ่งกองทัพพายัพปฏิบัติทางปีกด้านเหนือของกองทัพญี่ปุ่นและมหี น้าที่ป้องกันปีก
เทา่ นนั้ หาได้มคี วามมุ่งหมายท่ีจะรกุ พุ่งลึกเข้าไปในดนิ แดนจีนตามทีเ่ ข้าใจกันไม่ การสง่ กำลังเข้ายึดชานสเตท
กำหนดการปฏิบตั ไิ วเ้ ปน็ สามขัน้ ด้วยกัน

ขั้นที่ 1 เขา้ ยดึ พ้นื ทตี่ ามแนวเมอื งสาต – เมอื งพยาค – เมืองเชยี งลบั
ขนั้ ที่ 2 เขา้ ยึดเชยี งตุงอันเปน็ เมืองหลวงของชานสเตทและเมอื งยอง
ข้ันที่ 3 กวาดลา้ งกำลงั ของข้าศึกใหอ้ อกไปจากดนิ แดนชานสเตท

การปฏบิ ตั ใิ นขั้นท่ี 1 กำหนดให้ พล.2 รกุ จากเชียงใหม่เข้ายึดเมอื งสาต เป็นการเข้าตรี อง พล.4
เขา้ ตีจากอำเภอแม่สายเข้ายดึ เมืองพยาค กองพล.3 เปน็ กำลงั หนุนเคลื่อนที่ตาม พล.4 การเข้าตดี ้านนี้เป็นการ
เขา้ ตหี ลกั ขนั้ ที่ 2 พล.3 สับเปล่ยี น พล.4 ทำหน้าทีเ่ ป็นกองรบเขา้ ตเี ชียงตุงทางตรงหน้า ซ่ึงการปฏบิ ัติข้นั นี้เป็น
ขั้นสำคญั ในขั้นที่ 3 เป็นขั้นการกวาดลา้ งข้าศึกใหอ้ อกจากดินแดนชานสเตท

การดำเนนิ กลยุทธ์
เมอ่ื กำลงั ต่างๆ เขา้ ทตี่ ง้ั พร้อมตามแผนแล้ว ใน 10 พ.ค. 2485 เวลา 0300 พล.4 เริ่มเข้าตีตามเส้นทาง
หลัก แม่สาย – เมืองเลน – พยาค ในขณะเดียวกันทางด้านตะวันตกซึง่ เป็นด้านเข้าตีรอง พล.2 ก็เริ่มเข้าตี
ตามเส้นทาง เชียงใหม่ – เมืองสาต สิ่งที่น่าสงั เกตกค็ ือการเข้าตีครัง้ น้ีทำในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นตน้ ฤดูฝน ย่อม

4

เป็นที่ทราบโดยทั่วกนั ว่าเส้นทางต่างๆ ตลอดจนลักษณะภูมิประเทศทีท่ ำการรบกันอยู่นี้ ในฤดูฝนยากลำบาก
เพยี งใด เสน้ ทางต่าง ๆ ยานพาหนะเดนิ ไมไ่ ด้ ไข้มาลาเรียระบาดไดโ้ ดยงา่ ย ตลอดจนโรคภัยอ่นื ๆ ยอ่ มเกดิ ขึน้
โดยงา่ ยในฤดูนี้ เราทำสญั ญาร่วมรบกบั ญี่ป่นุ ใน ธ.ค. 2484 แตเ่ ปดิ การเข้าตีใน พ.ค. 2485 ซ่ึงเป็นระยะเวลา
ห่างกันประมาณห้าเดือน คงจะมีเหตุการณ์ทางการเมืองบางประการทีบ่ ีบบงั คบั ให้ทางการทหารกระทำการ
ยุทธในฤดกู าลอันไมเ่ หมาะสมเช่นนนั้

ทางดา้ นของ พล.4 พบการตา้ นทานของข้าศึกตลอดเป็นระยะ ๆ ตามลำดับต้ังแต่เมอื งเลน – เมืองโก
– เมอื งพยาค เมือ่ พิจารณกำลงั และลกั ษณะการตา้ นทานของข้าศึกแล้วร้สู ึกวา่ มคี วามมุง่ หมายเพยี งจะเหนีย่ วร้ัง
การรุกของกองทัพพายัพให้ช้าลงมิได้มุ่งที่จะต้านทานอย่างแตกหัก แม้กระนั้นก็ดีลักษณะภูมิประเทศ
อนั ทุรกันดาร เส้นทางจำกดั ยอ่ มอำนวยประโยชน์อย่างสงู ให้แก่ฝา่ ยตงั้ รับ และฝ่ายขา้ ศกึ ได้เลือกแนวต้านทาน
แตล่ ะแหง่ ได้เหมาะสมอย่างยงิ่ เพราะเลือกตรงตำบลภูมิประเทศคับขนั ทัง้ สน้ิ แม้ขา้ ศึกจะมีกำลังต้านทานเพียง
เลก็ น้อย กส็ ามารถยับยงั้ การเคล่ือนทข่ี องฝา่ ยเราไว้เป็นเวลานาน กวา่ จะขับไล่ขา้ ศึกออกจากจุดต้านทานแต่ละ
แห่งต้องใชก้ ำลังมากกวา่ ข้าศึกหลายเท่าและเสียเวลาไปเป็นอันมาก อนึ่ง ปืนใหญ่ไมส่ ามารถจะติดตามทหาร
ราบได้อย่างเต็มท่ีเพราะเสน้ ทางเตม็ ไปด้วยโคลน ถงึ แมจ้ ะติดตามไปไดก้ ็ไม่สามารถจะสนับสนุนได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้เพราะปืนใหญ่เป็นกระสุนวิถรี าบ จึงแทบกล่าวได้ว่าปนื ใหญ่เท่าท่มี ีอยูไ่ ม่สามารถช่วยทหารราบได้ เฉพาะ
ทหารราบเอง กำลงั ยิงของตนเองกไ็ ม่ค่อยจะสมบรู ณ์นัก เพราะมีแต่อาวุธกระสนุ วิถรี าบเปน็ ส่วนใหญ่ ฉะนัน้ ทำ
ให้การเข้าตจี ดุ ตา้ นทานของข้าศกึ เปน็ ไปดว้ ยความลำบากยงิ่

การเข้าตีทางด้าน พล.2 ซึง่ เป็นดา้ นเข้าตีรองคงปะทะขา้ ศึกกำลงั เพียงเล็กนอ้ ยความลำบากใน
เรื่องภูมิประเทศยิ่งกว่าทางด้านเข้าตีหลัก การเคลื่อนที่จึงล่าช้าเพราะการส่งกำลังบำรุงมักจะขัดข้องเสมอ
เมื่อ พล.4 ยดึ เมอื งพยาคได้แลว้ พล.2 จงึ ถอนตวั กลบั มายังชายเขตแดน

หลังจาก พล.4 เริ่มเคลื่อนที่เข้าตีไดป้ ระมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็สามารถยึดเมืองพยาค เมืองเชียง
ลับ ซ่ึงเปน็ ที่หมายขนั้ ทีห่ น่ึงไวไ้ ด้ พล.3 ซ่งึ เป็นพลหนนุ เคลื่อนทตี่ าม พล.4 อยา่ งกระช้นั ชดิ สภาพของทหารใน
ขณะนั้นบอบช้ำมากเนอ่ื งจากฝนตกทกุ วันเคร่ืองนุง่ ห่มและอุปกรณก์ ันฝนกไ็ มม่ ี การลำเลยี งทำไมส่ ะดวกเพราะ
ลำเลียงด้วยรถยนต์ใช้ไม่ได้ทางเป็นหล่มโคลนรถยนต์ที่ใช้ลำเลียงติดหล่มตามทางนับเป็นจำนวนร้อย ๆ คัน
ทหารเริ่มเป็นไข้มาลาเรีย ยาไม่มีพอบำบัดเฉพาะ พล.3 ซึ่งเป็นกองหนุนเพียงเคลื่อนที่ติดตาม พล.4 จำนวน
ทหารปว่ ยเกินกว่าร้อยละ 50 แต่ขวัญของทหารยังอยูใ่ นระดับที่พอทำการรบต่อไปได้

ประมาณ 20 พ.ค. 2485 พล.3 ถึงเมืองพยาค การปฏิบัติขั้นต่อไปคือขั้นที่ 2 เป็นหน้าที่ของ พล.3,
พล.4 ทำหน้าที่เป็นกองหนุน การปฏิบัติในขั้นนี้นับว่าสำคัญ เพราะจะต้องเข้าตีและยึดเมืองเชียงตุง ซึ่งเป็น
เมืองหลวงของชานสเตทไว้ให้ได้ ขณะนั้นกำลัง พล.93 ของจีน ได้ถอนตัวไปทางเหนือตามลำดับ วางกำลัง
ต้านทานไว้เปน็ ขั้น ๆ ตามลำดับเพอ่ื หน่วงเหน่ียวการเคล่ือนที่ของกองทัพพายพั

จากเมอื งพยาคไปเชียงตุง เส้นทางทสี่ ะดวกมเี พียงเสน้ ทางเดียวซึ่งถอื เปน็ เส้นทางหลัก ตามเส้นทางนี้
ก่อนจะถึงตวั เมอื งเชียงตุงประมาณ 30 ก.ม. มีเส้นทางแยกขึ้นเขา “ดอยเหมย” ซึ่งอยู่ทางตะวนั ตกใต้เชียงตุง
จากเขาลูกนี้ลงไปสู่เชียงตุงเช่นเดียวกนั บนดอยเหมยสูงกว่าระดบั น้ำทะเลหลายพันฟตุ ในยามปกติเป็นที่ตง้ั
ของกองทัพอังกฤษซงึ่ รกั ษาชานสเตท ต่อมาภายหลงั เป็นทตี่ งั้ กำลังสว่ นใหญ่ของ พล.93 จนี ฉะนนั้ พล.93 จีน

5

จึงได้ดัดแปลงทีม่ ั่นตามไหล่เขา ตามช่องแคบไว้อยา่ งมั่นคง ทั้งนี้เพราะดอยเหมยเป็นจุดยทุ ธศาสตร์ที่สำคัญ
ของชานสเตท ถ้าหากจนี คดิ จะต้านทานอย่างแตกหักจรงิ ๆ แล้ว กองทัพพายพั จะผา่ นแนวต้านทานแหง่ นีไ้ ปได้
โดยยาก นอกจากเส้นทางที่กล่าวนี้มีเส้นทางคนเดินทอดขนานไปทางทิศตะวันตก เส้นทางนี้ลำบากแก่การ
เคลอื่ นที่ เพราะต้องเดินตามสนั เขาชัน

การเขา้ ตขี อง พล.3 ใชก้ ำลังดงั น้ี ร.9 ยึดเมอื งยอง มีหนา้ ที่รกั ษาปีกตะวันออก ร. 8 เขา้ ตีหลักยึดเมือง
เชยี งตุงและดอยเหมย ร.7 เป็นกองหนนุ เคล่ือนที่ตาม ร.8 ร.8 จัดกำลงั สว่ นหน่งึ เคล่ือนตามเส้นทางคนเดินทาง
ตะวันตกตามสันเขาซงึ่ ขนานกบั เส้นทางหลกั เพ่อื เปน็ การป้องกันปีกตะวันตก

การเขา้ ตีเพอ่ื ยดึ เชยี งตุงเดมิ ทเี ดียวคาดว่าคงประสบการต้านทานข้าศึกอย่างเหนยี วแน่น แต่ความเป็น
จรงิ กลบั ตรงข้าม ฝา่ ยเราได้รบั การต้านทานของข้าศึกเพียงเลก็ น้อย ซึ่งเป็นการหนว่ งเหนยี่ วของกองระวังหลัง
ของข้าศึกเท่านั้น ทั้งนี้เพราะ พล.93 จีนไม่สามารถยึดเชียงตุงไว้ต่อไป โดยถูกกำลังญี่ปุ่นคุกคามทางปีก
ตะวันตก คือ ญี่ปุ่นยึดเมืองมัลฑะเลย์ จุดยุทธศาสตร์อันสำคญั ทางภาคเหนือพม่าได้ใน 4 พ.ค. 2485 ในที่สุด
กำลงั ของ พล.3 ยึดเชยี งตงุ ไดใ้ น 26 พ.ค. 2485 และยดึ เมอื งยองไดใ้ น 30 พ.ค. 2485 ก่อนถอนตวั พล.93 จีน
ได้เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างตลอดจนตึกรามบ้านช่องของอังกฤษเพื่อมิให้ เราได้ประโยชน์จากการยึดเชียงตุง
แม้วา่ กองทพั พายพั สามารถปฏิบัติการขน้ั ท่ี 2 เปน็ ผลสำเร็จก็ตาม แตส่ ภาพของทหารในขณะน้ีบอบช้ำเพราะ
ภัยธรรมชาติ ทหารเป็นไข้มาลาเรียทุกคน อาหารเริ่มขาดแคลน ยารักษาโรคไม่เพียงพอ ถ้าพิจารณาถึง
สภาพการณแ์ ล้วไม่นา่ จะใช้ พล.3 ปฏิบัตหิ นา้ ทใี่ นข้ันที่ 3 แต่มีความจำเป็นบางประการกองพลน้ีจำต้องทำการ
กวาดลา้ งข้าศึกให้ออกจากดินแดนชานสเตทซ่ึงเป็นการปฏบิ ตั ิในขั้นท่ี 3 ตอ่ ไปจนได้

การปฏิบัติงานขั้นท่ี 3 ของกองทัพพายัพเป็นหน้าที่ของ พล.3 ดังได้กล่าวแล้ว กองพลนี้เริ่มปฏิบัติ
8 ม.ิ ย.2485 ใชก้ ำลงั ดังน้ี

ร.7 กวาดข้าศึกให้ออกจากเขตแดนชานสเตทตั้งแต่เมืองยางถึงเมืองมะ ร.8 เป็นกองหนุนที่เชียงตุง
ร.9 ยึดรักษาเมอื งยอง การกวาดล้างทางด้านเมืองยาง ปรากฏว่าขา้ ศกึ ชงิ ถอนตัวเข้าสแู่ ควน้ ยนู านเสียก่อน จึง
ไม่มีการต้านทานใด ๆ ส่วนทางด้านเมืองมะนั้น ข้าศึกต้านทานอย่างเข้มแข็ง เพราะเส้นทางนี้มีความสำคัญ
ในทางยุทธศาสตร์ เพราะเส้นทางใหญ่ท่ีทอดไปสู่แคว้นสิบสองปันนา พุ่งเข้าสู่คุนหมิง การป้องกันรักษา
ช่องประตดู า้ นน้ขี า้ ศึกได้เลือกภมู ิประเทศต้านทานไดอ้ ยา่ งดนี า่ ชมเชยคือวางแนวต้านทานไวท้ ี่เขาก่ิวทราย ก่อน
ถึงเมืองมะประมาณ 20 ก.ม. ดัดแปลงที่มัน่ อย่างประณตี และม่ันคงมีเครื่องกีดขวางถึง 5 ชั้น ทางที่จะเข้าสู่ท่ี
มั่นแห่งนมี้ เี สน้ ทางทางเดยี ว ณ ท่ีมั่นข้าศึก อาวธุ ยิงสามารถคุม้ ครองพ้นื ที่และเส้นทางได้โดยตลอด และอยู่ใน
ระยะยงิ ที่ฉกรรจ์ข้าศึกใช้กำลังรักษาท่ีม่ันแหง่ นีป้ ระมาณ 1 กองพัน นอกจากนี้อีกทางหนง่ึ ท่ีจะพุ่งสู่เมืองมะได้
คอื เสน้ ทางแคบ ๆ ทางตะวันออกเปน็ ทางลดั แต่ลำบากต้องผ่านเขาชัน เสน้ ทางนข้ี า้ ศกึ ปิดเส้นทางดว้ ยการล้ม
ต้นไม้ทับทางไว้เป็นระยะ ๆ และวางกำลังรกั ษาเพียงเล็กน้อย การเข้าตีที่มั่นบนเขาก่ิวทรายเป็นภาระที่หนัก
ท่ีสุดของ พล.3 ตลอดสงครามคร้ังนี้ กำลังของ ร.7 ที่ใช้ คอื ร.พัน.20 เข้าตีตรงหนา้ ตอ่ ทีแ่ นวรกั ษาด่านข้าศึก
ที่ลำน้ำหลวย ตรงข้ามตาปิง ใน 13 มิ.ย. 2485 กำลังส่วนหนึ่งของ ร.พัน.21 เข้าตีปีกซ้ายข้าศึกที่ท่าข้ามท่ี
ตาลอมภายในวันนี้เอง ขา้ ศึกถอนตวั ไปตัง้ รับในแนวทม่ี ่ันใหญ่บนเขากวิ่ ทราย ร.พนั .20 พยายามไล่ตดิ ตามและ
เข้าตีจนถึงวนั ที่ 20 ม.ิ ย. 2485 ไม่สำเร็จกลบั เป็นฝา่ ยเสยี เปรียบข้าศึก ตกอยใู่ นสภาพอนั ตรายในขณะเดียวกัน

6

นี้เอง ร.พัน.21 เคลื่อนที่ไปตามเส้นทางแคบ ๆ ซึ่งเป็นทางลัดทางตะวันออกหวังจะโอบหลังที่มั่นข้าศึกท่ี
เขากิ่วทราย ข้าศึกไดอ้ าศัยความชำนาญภูมปิ ระเทศหลอกล่อใหก้ ำลงั สว่ นหนา้ ของ ร.พนั .21 ตกอยู่ในที่ล้อมหุบ
เขาบ้านปางก้อ การรบได้เกดิ ข้ึนอยา่ งดุเดือดจนถึงใช้ดาบปลายปนื ในการรบแหง่ น้ี กองทัพพายัพต้องสูญเสีย
นายทหารชั้นนายพันไป 1 คน คือ ผบ.ร.21 เมื่อ 16 มิ.ย.2485 ในคืนนั้นเองกองพันนี้ต้องถอนตัวกลับลงมา
ตามเสน้ ทางเดมิ ทหารบอบช้ำอดิ โรย เสียขวัญ เพราะต้องสูญเสยี ผู้บงั คับบัญชากำลังสว่ นนี้ถอยถึงลำน้ำหลวย
ใน 18 ม.ิ ย. 2485

สภาพของ ร.7 เปน็ กำลงั สำคัญของ พล.3 หมดแรง ทหารเจบ็ ปว่ ย และอาหารไมเ่ พยี งพอ การส่งกำลัง
บำรุงขัดข้อง ร.พัน.20 ที่กำลังตรึงข้าศึกบนเขากิ่วทรายไม่อยู่ในสภาพที่จะทำการรบต่อไปได้ ร.7 จึงสั่งให้
ร.พัน.21 ซึ่งอยู่สภาพที่บอบช้ำเสียขวัญอยู่แล้วพัก 5 วัน แล้วส่งเข้าสับเปลี่ยน ร.พัน.20 ตรึงกำลังข้าศึกไว้
ระหว่าง 25 ถึง 29 ม.ิ ย. 2485 ในระหวา่ งนี้ พล.3 ไดส้ ่ง ร.8 ซึง่ เป็นกำลังหนนุ ทีเ่ ชยี งตุงเขา้ ตีปกี ซ้ายข้าศึกตาม
เส้นทาง ท่าข้าม – ตาลอม – เมืองมะ กับสั่งให้ ป.พัน.7 และ ป.พัน.9 จัดกำลังทำหน้าที่อย่างทหารราบเปน็
กองแยกเข้าตปี กี ขวาขา้ ศึกตามเส้นทางแคบ ๆ บนสันเขา การรบได้ดำเนินไปอย่างดุเดือดอีกครัง้ หนึง่ ระหวา่ ง
เข้าตี ฝา่ ยเรามีกำลังทางอากาศมาสนับสนุนการเข้าตีครง้ั นด้ี ้วยการท้ิงระเบิดและโจมตีทมี่ ัน่ บนเขากิ่วทรายถึง
3 วัน คือ 27, 28, 29 มิ.ย. 2485 ผลปรากฏว่าไม่สามารถทำลายที่มั่นข้าศึกได้เพราะการดัดแปลงที่มั่นของ
ทหารจนี ม่ันคงย่ิงนกั โดยเจาะเขา้ ไปในเขาแลว้ ทำที่พกั ใต้ดนิ ประกอบกบั ลูกระเบดิ ทใี่ ช้ทำลายเป็นขนาดกลาง
ไม่สามารถจะทำลายลา้ งทีม่ ั่นข้าศกึ ได้ การเข้าตตี รงหน้าและเขา้ ตปี ีกทางพื้นดนิ ผลปรากฏวา่ ถูกข้าศึกตีโต้ตอบ
ถอยร่นลงมาทกุ ด้าน การเขา้ ตีคร้งั นเ้ี ป็นความพยายามครง้ั สุดท้ายของ พล.3 กองพลนไ้ี ม่สามารถจะหากำลังรบ
ที่ใดมาแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึน้ อีกแล้ว จึงได้สั่งถอนตัวกลับลงมายึดฝ่ังใต้ของแมน่ ้ำหลวยในคืน 28-30 มิ.ย.
2485 ขา้ ศึกไดไ้ ลต่ ิดตามทันทีด้วยการอาศยั ความชำนาญภมู ปิ ระเทศมากกว่าฝ่ายเรา ขา้ ศกึ ไดส้ ง่ กำลงั เข้าตีตัด
กลางขบวนในขณะที่ถอนตัวในท่าข้ามตาปิง การเข้าตีครั้งนี้เป็นการเข้าตีตรงต่อกองบังคับการ ร.7 การรบ
อยา่ งรุนแรงได้บงั เกดิ ข้นึ อกี ครั้งหน่งึ ในทสี่ ุดก็สามารถยบั ย้ังการเข้าตีของข้าศึก แลว้ ถอนตวั ขา้ มลำน้ำหลวยมา
ไดด้ ว้ ยความปลอดภยั

ระหว่าง 1 ก.ค. 2485 – 28 พ.ย. 2485 พล.3 จัดกองรักษาด่าน รักษาช่องทางต่าง ๆ ที่จะเข้ามาสู่
เชียงตุง โดยอาศัยลำน้ำหลวยเป็นแนวขวางกัน้ กำลงั ส่วนใหญ่ถอนมาพักชานเมืองเชียงตุง รวมทั้ง ร.พัน.19 ก็
ถอนมาในขณะเดียวกันด้วย เมื่อกองทัพพายัพเห็นว่า พล.3 อยู่ในสภาพที่หมดแรง ไม่สามารถจะทำการรบ
ต่อไปไดแ้ ลว้ จึงไดส้ ง่ กำลัง พล.4 ข้ึนไปสบั เปลยี่ นหน้าท่ี พล.3 ถอนตัวมาพกั ฟนื้ ทีจ่ งั หวดั เชียงรายต้ังแต่ 1 พ.ค.
2485 ถึงตน้ ม.ค. 2487

เพือ่ กวาดล้างข้าศึกให้ออกจากดินแดนชานสเตทให้หมดสน้ิ ใหไ้ ด้ กองทัพพายัพไดใ้ ชก้ ำลัง พล.4 เข้าตี
ตรงหน้าข้าศึกในแนวที่มั่นบนเขากิ่วทราย และใช้ พล.ม. เคลื่อนที่เข้ายึดเมืองยางแล้วเข้าตีโอบด้านหลังท่ี
เมอื งมะ ผลปรากฏวา่ พล.ม. สามารถยึดเมอื งมะไวไ้ ด้ขา้ ศึกท่ีตรงึ กับกำลงั พล 4 ทเี่ ขาก่ิวทราย จำต้องถอนตัว
หนีไปตามเส้นทางเล็ก ๆ บนสันเขาแล้วข้ามแม่น้ำรำไปดินแดนแคว้นสิบสองปันนาซึ่งอยู่ในความครอบครอง
ของจีน ในระหว่างนี้เหตุการณ์ทางด้านเมืองยองคงมีการปะทะกันเป็นคร้ังคราว ไม่มีผลกระทบกระเทือนตอ่
สถานการณ์ของกองทัพพายัพแตอ่ ยา่ งใด

7

สถานการณ์ต้นปี พ.ศ. 2486 นับว่าภารกิจของกองทัพพายัพสำเรจ็ ลุล่วงไปตามแผนทุกประการงาน
ข้ันต่อไปได้แก่การยึดรักษาชานสเตทไว้มิให้ข้าศึกตีโต้กลับคนื ได้ กองทพั พายัพได้สับเปล่ียนกำลังท่ีรักษาพื้นที่นี้
ไว้หลายครง้ั ด้วยกนั ตามลำดับดังน้ี หลังจาก พล.4 และ พล.ม. สามารถยดึ ทีม่ ่นั สำคญั บนเขากว่ิ ทรายของข้าศึก
แลว้ พล.2 จากจังหวดั เชยี งใหม่ข้ึนมาสับเปลี่ยนรักษาชานสเตทแทน ต่อมาไดม้ ีการสับเปลี่ยนอีกคร้ังหน่ึงเป็น
คร้งั สดุ ทา้ ย คอื พล.3 หลงั จากไดพ้ ักฟ้นื ในเขตหลงั เป็นเวลาหนึ่งปกี ับสองเดอื นไดข้ น้ึ ไปสบั เปลยี่ น พล.2 เมื่อต้น
ปี พ.ศ.2487 และยึดรักษาพื้นที่ไว้ตลอดสงครามได้สงบลง การปฏิบัติการยึดรักษาพื้นที่ชานสเตทนี้คงมี
เหตกุ ารณร์ บเกดิ ข้ึนอย่างประปราย สว่ นใหญ่เปน็ กองปฏิบัติการลาดตะเวนเพ่อื หาข่าว และการแย่งภูมิประเทศ
ท่ีมีความสำคัญทางยุทธวิธี การรบเหล่านถี้ ้าจะพจิ ารณาถงึ ความสำคญั ในระดบั ของกองทพั แล้ว กไ็ มส่ ำคัญมาก
นัก แต่ก็เป็นงานหนักสำหรับหน่วยรอง ๆ ลงมาเช่น กองพัน กองร้อย และหมวด ตลอดระยะเวลาที่กำลัง
ส่วนใหญ่ พล.3 ยึดครองพื้นที่ ชานสเตทอยู่ตั้งแต่ ม.ค.2487 ถึง พ.ค. 2488 เฉลี่ยเหตุการณ์รบย่อย ๆ แล้ว
สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผลการรบในระยะนี้สรุปแล้ว พล.3 ได้ปฏิบัติงานได้ผลดีเพราะหน่วยทหารมีความชำนาญ
ภูมิประเทศดียิ่งขึ้น และคุ้นต่อการปฏิบัติการรบในป่าได้แก้ไขข้อบกพร่องจากการในปีก่อน ๆ ให้หมดไป
ประกอบกับได้แก้ไขการจัดกำลังเสียใหม่ ให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น กล่าวคือลดกำลังพลของกองพัน ร. ให้
น้อยลง เป็นต้นว่าแต่เดิม ร้อย 4 ซึ้งเป็นกองร้อยอาวุธหนักมีปืนกลหนักถึง 12 กระบอกซึ่งต้องใช้ทหาร
ประมาณ 300 คนได้ลดลงมา 6 กระบอก ใช้ทหารเพียงร้อยกว่าคน ความจริง ปก.หนักแบบนี้มีน้ำหนักมาก
เกินไป เหมาะแก่การรบบนพื้นที่ราบเท่านั้น นอกจากนั้นปืนใหญ่ทหารราบแบบ 77 เราก็เลิกใช้เพราะหนัก
เกินไปลากขึ้นเขาไม่ไหวใช้เฉพาะปืนใหญ่แบบ 49 (เป็น ป. ของเหล่า ป. สั่งใช้ราชการในปี พ.ศ.2449 ไม่มี
เครอื่ งรับแรงสะท้อนถอยหลังยิงดว้ ยวธิ เี ลง็ ตรง)

ปัญหาอันยิ่งใหญ่ที่เผชิญหน้ากองทัพพายัพในระยะนี้มิใช้การกระทำของข้าศึกแต่อยู่ที่สุขภาพของ
ทหารทหารเป็นไข้มาลาเรียทุกคน คนไหนเป็นมากก็นอนป่วยในแนวสนามเพราะบนยอดเขาสูง คนไหน
ป่วยน้อยก็ทำการรบต่อไปเมื่อมีเหตุการณ์เนื่องจากการขาดแคลนยารักษา ประกอบกับการส่งกำลังไม่ดี
โดยเฉพาะในฤดูฝนใช้ยานพาหนะไม่ได้ จำนวนทหารทถ่ี งึ แก่กรรมเพราะไข้มาลาเรยี ได้ทวีสงู ขึ้นอย่างไม่มีท่าที
จะลดลงได้

ระหว่างที่ พล.3 ยึดครองชานสเตทในระยะหลังน้ี ไดร้ บั คำสง่ั จากกองทัพพายัพใหต้ ดิ ตอ่ กบั พล.93 จีน
อย่างลบั ๆ เพอ่ื วางแผนร่วมกนั ต่อต้านญปี่ นุ่ ตามนโยบาย จอมพล ป.พบิ ลู สงคราม พล.3 และ พล.93 จีนได้ทำ
การติดต่อกันหลายครั้งแต่ไม่ทันที่จะตกลงกันอย่างแน่ชัดสงครามยุติลงเสียก่อน การปฏิบัติการถอนตัวของ
พล.3 ออกจากชานสเตทในระยะหลงั ก่อนสงครามสงบลงเล็กนอ้ ยเปน็ การปฏิบัติท่ีลำบากยง่ิ เพราะในขณะน้ัน
ญ่ีปุ่นแสดงความไม่เป็นมิตรแก่ไทย ญี่ปุ่นได้ส่งกำลังไปคุมเชิงด้านหลังของหน่วยของไทยทุกจุดไมว่ า่ แนวหนา้
หรือแนวหลัง พล.3 ต้องเป็นห่วงทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ข้างหน้ากำลังสัมพันธมติ รอันมีกำลังหน่วยรบพิเศษ
ของอังกฤษกับจีนร่วมกันออกตีโตท้ างตรงหน้า และตัดเส้นทางถอยทางด้านตะวันตก เพราะในขณะน้ีกองทัพ
ญีป่ ุ่นได้ถอยรน่ จากภาคเหนือของพม่าแล้วทำใหป้ กี ซ้ายของกองทพั พายัพเปิดว่างทางด้านหลังของหน่วยทหาร
ไทยทุกหน่วยมีกำลังของญี่ปุ่นคุมเชิงอยู่ ฉะนั้นเราต้องวางแผนอย่างรอบคอบในการสู้พลางถอยพลาง จน
สามารถถอนกำลังสว่ นใหญ่รอดพน้ จากความหายนะมาถงึ เขตแดนไทยสำเรจ็ ใน 13 พ.ค. 2488 คงมกี ำลงั เหลือ

8

ไว้ในเชียงตุงเพียงกองพันเดียว คือ ร.พัน.52 ของ ร.7 พล.3 เมื่อญี่ปุ่นยอมจำนนต่อสัมพันธมิตรเมื่อ 14 ส.ค.
2488 ตอ่ มากองพันทหารราบทีร่ กั ษาเชียงตงุ ไดท้ ำพธิ มี อบแคว้นชานสเตทคืนให้แกอ่ ังกฤษ ภารกิจของกองทัพ
พายัพในสงครามโลกครั้งที่ 2 กเ็ ป็นอันสิ้นสุดลง

บทเรียนจากการรบ
ประเทศไทยก็มีสภาพเช่นเดียวกับประเทศฟินแลนด์, นอร์เวย์, เดนมาร์ค, เบลเยี่ยม และฮอลแลนด์
แม้ว่าจะดำเนินนโยบายเป็นกลางอยา่ งเคร่งครัด แตล่ ักษณะท่ีตั้งทางภูมศิ าสตรม์ ีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์
ของมหาประเทศ ย่อมจะรักษาความเป็นกลางไวไ้ มไ่ ด้ จงึ จำเป็นต้องเข้าสู่สงครามดว้ ยความจำใจ ฉะน้นั ในยาม
ปกตเิ ราตอ้ งพจิ ารณาให้แน่ชัดว่าประเทศใดจะเป็นศัตรูและเตรียมไว้เสยี แต่เนน่ิ สำหรับประเทศเล็ก ๆ จำเป็น
อยา่ งยง่ิ ทจ่ี ะต้องผูกมติ รกับมหาอำนาจท่เี ปน็ ฝ่ายตรงขา้ มกบั ประเทศทเี่ ปน็ ศัตรู
ประเทศมหาอำนาจเมื่อแน่ใจในมิตรอันซื่อสัตย์ซึ่งเป็นประเทศเล็กไม่ควรลังเลใจควรช่วยเหลือทุก
วิถีทางตลอดจนการวางแผนร่วมกันเพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรู มิฉะนั้นจะเหมือนกับอังกฤษที่ปล่อยให้
ประเทศไทยตอ้ งเข้าส้โู ดยลำพงั ตามยะถากรรมในสงครามคร้ังนี้
เพื่อความรวดเร็วในการระดมพลตลอดจนการจัดกำลังเพื่อส่งไปยังยุทธภูมิด้วยความเรียบร้อยควร
กำหนดระบบท่ีแน่นอนไว้แต่ในยามปกติทหารที่ปลดเป็นกองหนุนทุกคนต้องมีสมุดประจำตัว และประวัติของ
ตนที่ตน้ สังกดั เมอ่ื ระดมพลประจำกองทัพไมต่ อ้ งเสยี เวลาสอบถามหรือทำการคดั เลือกเขา้ ประจำตำแหน่งต่างๆ
นนั้ สับสน ไม่ตรงกบั ความรู้ความสามารถของตนทำใหก้ ารปฏบิ ตั ิการรบขาดประสิทธิภาพ
ในตอนเริ่มแรกแห่งสงครามกองทัพเราขาดแคลนนายทหารเพราะนายทหารประจำการมีไม่พอกับ
อัตรา นายทหารกองหนุนที่เรียกเข้าประจำการส่วนมากอายุแก่เกินไปสำหรับตำแหนง่ ต่าง ๆ ทั้งนี้เพราะเรา
ขาดระบบการผลิตนายทหารกองหนุนทแ่ี น่นอน
ประเทศทีม่ ีลกั ษณะภมู ิประเทศของภาคต่าง ๆ ไมเ่ หมอื นกนั กำลงั ทีจ่ ัดสำหรับจะปฏิบัติในแต่ละภาค
ต้องให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ บทเรียนที่ได้รับจากการปฏิบัติของกองทัพพายัพได้แก่ ตอนเริ่มต้นเราได้ใช้
กำลงั ทจี่ ัดไวร้ บบนพนื้ ราบไปปฏิบัติในชานสเตท ซง่ึ มภี ูมปิ ระเทศป่า และ เขา ทำใหเ้ กิดความอ้ยุ อา้ ยไม่คลอ่ งตัว
ภายหลงั ได้มีการแกไ้ ขการจัดกำลังใหมจ่ งึ ทำใหก้ ารปฏิบตั เิ กดิ ผลดีขึ้น

การศกึ ษาวิธรี บของเหลา่ ต่าง ๆ ตลอดจนการฝกึ กเ็ ชน่ เดยี วกนั ในฐานะทป่ี ระเทศไทยมบี างภาค
เปน็ ปา่ และเขา ในยามปกตเิ ราควรสนใจในการศึกษาและฝึกการรบในปา่ และบนเขาเตรียมไวอ้ ยา่ งชำนชิ ำนาญ
บทเรียนนี้จะเห็นจากก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพเราไม่ค่อยสนใจในเรื่องนี้เท่าใดนัก ฉะนั้นเม่ือจำเป็นที่
จะต้องปฏิบัติการรบในป่าและบนเขาจงึ ทำใหเ้ สียเปรียบข้าศึกในตอนแรก กว่าจะเรียนรู้ถึงข้อบกพร่องก็ต้อง
เสียเวลาไปมิใชน่ ้อย

การปฏิบัตกิ ารรบของหน่วยรองในกองทัพพายัพครัง้ นนั้ กระทำไดไ้ ม่เตม็ ที่ บางครงั้ ถึงกับเสียผล
เพราะขาดแคลนแผนทก่ี ล่าวคอื กองพนั , กองรอ้ ย และหมวด โดยปกติเราอาศยั คนพ้นื เมืองช่วยในการนำทาง
และใหข้ า่ วต่าง ๆ เก่ยี วกับภมู ปิ ระเทศ ผลทไี่ ดร้ ับจงึ ไม่แน่นอนเพราะแผนที่ ท่ีไดร้ ับจ่ายมีแค่หนว่ ยกองรอ้ ย และ
เป็นมาตราสว่ นเล็กเกนิ ไปไม่เหมาะสมกับขนาดหนว่ ย ขอ้ บกพรอ่ งในเร่ืองน้ีเราควรรีบแกไ้ ข อน่งึ นายสิบของเรา
ส่วนมากใช้แผนทไ่ี มเ่ ปน็ ฉะน้นั กองทัพเราควรกวดขนั ในเรอื่ งน้ี

9

อาวธุ ท่ไี ด้ใหม่ท่มี ีแบบแตกตา่ งจากท่หี น่วยทหารเคยใช้กอ่ นที่จะทำการรบตอ้ งฝกึ ให้ทหารคนุ้ เสียกอ่ น มฉิ ะน้ัน
จะทำใหเ้ กดิ ผลเสยี หายในเวลาปฏิบัตกิ ารรบ กล่าวคือ กองทพั เราได้รบั อาวุธจากญีป่ นุ่ ซ่ึงเป็นแบบแตกต่างจาก
ที่เคยใช้ ทหารยังไมช่ ำนาญเพยี งพอกับอาวธุ ชนิดนีแ้ ล้วสง่ ไปปฏบิ ัติการจนเกดิ ความบกพร่องข้นึ บอ่ ยครง้ั ๆ

ขา่ วท่ีเกยี่ วกับเหตกุ ารณร์ บของหน่วยข้างเคยี งตลอดจนข่าวของข้าศึก หน่วยรองไม่คอ่ ยจะได้รับจึงทำ
ให้การฏิบัติไม่ค่อยถูกต้องตรงกับสถานการณ์และความมุ่งหมาย ขวัญของทหารไทยในเวลาเคลื่อนที่เข้าหา
ขา้ ศกึ ดมี ากและเมอื่ ฝ่ายตนจำตอ้ งถอยขวญั อยใู่ นระดบั ต่ำมาก

อาวุธกระสุนวิธีโค้งใช้ได้ผลดีมากในการรบบนพื้นที่ที่เป็นภูเขา นอกจากจะได้ผลในการทำลาย
ยงั ไดผ้ ลในการทำใหข้ ้าศึกเสียขวัญ เปน็ ทน่ี า่ เสยี ดายในสงครามคราวนกี้ องทัพของเรามอี าวธุ ชนดิ นไ้ี มเ่ พียงพอ

การติดต่อระหว่างกำลังทางภาคพื้นดินกับกำลังทางอากาศ ควรจัดระบบที่แน่นอนและมีการฝึกซ้อม
แต่ยามปกติ บทเรยี นที่เหน็ ชัดครัง้ เม่อื เข้าตีทม่ี นั่ ข้าศึกบนเขากิ่วทรายทหารราบท่ีปฏิบัติที่แนวหน้าไม่ได้ทราบ
แผนการปฏิบัติการโจมตขี องเคร่ืองบนิ ฝา่ ยเราอยา่ งดีท่ีสุดท่ีปฏิบัตกิ นั ก็คือเมอื่ เห็นเครอื่ งบนิ ฝ่ายเรามาก็รีบปูผ้า
หมายแนวให้นกั บินทราบเท่านั้น การสง่ กำลงั บำรงุ เป็นปญั หาใหญ่ทสี่ ุดของกองทัพพายพั เนือ่ งจากลักษณะภูมิ
ประเทศทุรกันดาร เส้นทางคมนาคมจำกัดอุปกรณ์การส่งกำลังไม่เพียงพอ จึงทำให้ทหารที่ปฏิบัติการในแนว
หน้าไม่ได้รบั การสง่ กำลงั บำรงุ จากกองทัพ กองทัพในแนวหน้าตอ้ งแกป้ ญั หานี้เองตลอดมา การหาอาหารให้แก่
ทหารต้องแสวงตามท้องถิ่นโดยตลอด นับว่าเป็นภาระทีห่ นักยิ่งบางครั้งผู้บงั คับบัญชาชั้น ผบ.ร้อย และ ผบ.
หมวด ตอ้ งทำหน้าท่ีฝา่ ยพลาธิการเสียเองเปน็ แรมปี สภาพของทหารไทยในแนวหน้าครง้ั นั้นอยู่ในภาวะท่ีได้รับ
ความลำบากแสนสาหัส กล่าวคือ ทั้งที่เป็นไข้มาลาเรีย และต้องเลี้ยงตัวเองแล้ว ยังต้องปฏิบัติการรบให้สม
ความมุ่งหมายของกองทัพด้วย เป็นที่น่าสรรเสริญความอดทนของทหารไทยทุกคน ที่สามารถยืนหยัดต่อส้กู ับ
ความเลวร้ายต่าง ๆ มาตลอดสงคราม ตลอดจนผู้บังคับบัญชาทหารซึ่งใช้ปฏิภาณไหวพริบ ทหารในบังคับ
บัญชากลับมาถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตนได้โดยความปลอดภัย ปัญหาต่างๆ เหล่านี้นายทหารทุกคนไม่เคย
ศึกษาในทางตำราเลยแม้แต่น้อย บทเรียนในเรื่องการส่งกำลังบำรุงที่เราได้รับครั้งน้ี แนวทางที่น่าจะแก้ไข
เพอ่ื ใหเ้ กิดผลดีในโอกาสต่อไปก็คอื อปุ กรณ์ – คน – และการเตรียมการสำหรับอปุ กรณก์ ารส่งกำลังบำรงุ ควร
จดั ใหม้ เี พียงพอกับกำลังรบ ไม่ควรจะต้ังหนา้ ทำนุบำรงุ แตก่ ำลงั รบอยา่ งเดยี ว พึงระลกึ ถงึ คำกลา่ วที่ว่า “ทหาร
เดินดว้ ยท้อง” การฝึกคนกเ็ ชน่ เดียวกัน ควรเรง่ ปรับปรงุ สมรรถภาพของหน่วยชว่ ยรบ เช่นเวลาฝึกการประลอง
ยทุ ธ ควรจะมกี ารแก้ปญั หาการส่งกำลังบำรงุ ไปดว้ ยเพ่อื ให้เจ้าหน้าทเี่ กิดความชำนาญทราบขอ้ บกพร่องและจะ
ได้แกไ้ ขภายหลงั การเตรยี มการในเร่อื งการส่งกำลงั บำรงุ ควรกำหนดแผนที่รอบคอบไว้ล่วงหนา้

ความเสียหายท่ีได้รบั จากการยุทธครัง้ น้ีปรากฏผลชัดวา่ ทหารที่เสยี ชีวติ เน่อื งจากโรคภัยไข้เจ็บนับเป็น
จำนวนหลายพนั คน ส่วนเสียชีวติ เน่อื งจากการกระทำของข้าศกึ เพียงจำนวนเรอื นรอ้ ยเท่านั้น

10

คำถามทา้ ยบทที่ 6
สงครามมหาเอเชยี บรพู า

1. นโยบายของไทยในสถานการณ์ของสงครามโลกครัง้ ที่ 2 น้ัน เปน็ อย่างไร

2. เพราะเหตใุ ดองั กฤษจงึ ไมช่ ว่ ยไทยในการตอ่ สูเ้ มื่อครัง้ ญี่ปุ่นยกพลขึน้ บกทไ่ี ทย
3. จงอธิบายการเตรยี มการของฝ่ายไทยมาพอสงั เขป
4. กำลังความพรอ้ มของไทย มีการเตรยี มความพร้อมกีด่ า้ น ด้านใดบ้าง
5. ลกั ษณะภูมปิ ระเทศแบบ ชานสเตท เป็นลักษณะอยา่ งไรจงอธบิ ายมาพอเข้าใจ
6. อนั ตรายจากโรคภยั ไข้เจบ็ ใด ซ่งึ ปลิดชีวิตทหารนบั เปน็ จำนวนหลายพนั คน
7. แผนการยุทธ์กองทพั พายพั ไดร้ บั มอบหน้าทใ่ี ห้ เข้ายดึ ชานสเตท โดยได้กำหนดการปฏิบตั ิไว้ ก่ีขน้ั
อะไรบา้ ง
8. จงอธิบายสถานการณ์ของ พล.ร.4 ตง้ั แตเ่ มืองเลน – เมอื งโก – เมอื งพยาค มาพอเข้าใจ
9. ตลอดระยะเวลาทก่ี ำลังสว่ นใหญ่ พล.3 ยดึ ครองพนื้ ท่ชี านสเตทอยูต่ ้ังแต่ ม.ค. 2487 ถึง พ.ค. 2488

เฉลี่ยเหตุการณ์รบยอ่ ย ๆ กี่คร้ังตอ่ สปั ดาห์
10. จงสรปุ บทเรียนจากการรบมาพอเข้าใจ

11

บทที่ 7

สงครามเกาหลี
(ค.ศ.1950-1953)

ประเทศเกาหลี (Korea) ถูกญี่ปุ่นรวมเข้าเป็นดินแดนเดียวกันหลังจากสิ้นสุดสงครามระหว่าง รัสเซีย-ญี่ปุ่น
และในการประชมุ ทน่ี ครไคโร (Cairo) ประเทศอียิปต์ (Egypt) ระหว่างประเทศพันธมิตร (1 ธันวาคม 1943) ได้
ประกาศวา่ จะให้เอกราชแก่เกาหลี และได้รับการยืนยนั อย่างจรงิ จงั ในการประชุมทเ่ี มอื งบอตสดัม (Potsdam)
ในเยอรมัน (26 กรกฎาคม 1945) เมือ่ ญป่ี นุ่ ยอมแพใ้ นสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ข้อตกลงอันรบี ด่วนของฝ่าพันธมิตร
(15 สิงหาคม 1945) ได้แบ่งเกาหลีออกเป็นสองส่วน ส่วนที่อยู่ทางเหนือเส้นขนานที่ 38 ขึ้นไป
สหภาพโซเวยี ตจะเป็นผูร้ ับการยอมจำนนของกองกำลังญ่ปี ุ่น ญ่ปี นุ่ ทีอ่ ยูใ่ ต้เส้นขนานท่ี 38 ลงมา ต้องยอมจำนน
กับกองกำลังสหรัฐฯ หลังจากการยอมแพ้แล้ว โซเวียตก็ถือว่าเส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขตทางการเมือง
ภายในม่านเหล็ก บทบาทของรัสเซียในสงครามเกาหลีค่อนข้างจะเด่นชัดคือ เป็นผู้ชี้แนะทางการเมือง ให้
คำปรึกษาทางทหารให้อาวุธยุทโธปกรณ์ ใหผ้ เู้ ช่ยี วชาญทางเทคนิค ให้นกั บนิ และดำเนินการฑูต “ป้องปราม”
โดยข่มขู่ว่าจะลั่นกลองรบ (War Scare) รัสเซียย่ามใจยิ่งขึ้นเมื่อสหรัฐฯประกาศแนวป้องกันน่านนำ้ แปซิฟิกท่ี
มิได้รวมถึงเกาหลีใต้ ส่วนเกาหลีเหนือเองมิได้รอช้าเลยทันทีที่มหาอำนาจรัสเซียและสหรัฐถอนทหารออกจาก
เกาหลี ใน ค.ศ.1948 เกาหลีเหนือก็วางแผนรวมประเทศในเดือนมกราคม ค.ศ.1950 รัสเซียเปิดไฟเขียวให้
เกาหลีเหนือและ รัสเซียหนุนช่วยเหลือโดยเตรียมพร้อมทางการเมือง และการทหารอาวุธยุทโธปกรณ์รัสเซียได้
หลั่งไหลเข้าสู่เกาหลีเหนือโดยผ่านแมนจูเรีย พร้อมกันนั้นในฤดูหนาวปี ค.ศ.1949-50 จีนขอมอบโอนกำลัง
ทหารเกาหลที ี่สง่ ไปช่วยจีนตอ่ สใู้ นแมนจูเรยี ปี ค.ศ.1949 คืนแก่เกาหลี

ความสำคญั ทางยทุ ธศาสตร์ของเกาหลี
หลงั สงครามโลกคร้ังท่ี 2 สหรัฐฯได้กำหนดแนวป้องกันทางยทุ ธศาสตร์ไว้ดงั น้ี จากอลาสกา (Alaska) -
หมู่เกาะอาลูเซียน (Aleutian) – ญี่ปุ่น (Japan) - โอกินาวา (Okinawa) - ฟอร์โมซา (Formocha) หมู่เกาะ
ฟิลิปปินส์(Philippines) และหมู่เกาะมาเรียนา (Marianas) ระหว่างสงครามโลกครั้งที่แล้ว รัสเซียได้พยายาม
ขยายอิทธิพลมาทางตะวันออก เพื่อจะครอบครองจีน แมนจูเรีย และเกาหลี ผลการตกลงของที่ประชุม ณ
ยอลต้า (Yolta) เมื่อต้นปี ค.ศ.1945 ยินยอมให้รัสเซียเข้าครอบครองเกาะซาการีน(Sagarin) ส่วนทางใต้ด้วย
หมายความว่าเกาะน้ีทั้งเกาะตกอยู่ในความครอบครองของรัสเซยี แต่ผู้เดียว ยิง่ ไปกว่านั้นหมูเ่ กาะกูริล (Gurin)
ซึ่งอยู่ชิดกับญี่ปุ่น คือ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะฮอกไกโด ทหารรัสเซียก็เข้ายึดครองระหว่าง
8 สิงหาคม - 1 กันยายน ค.ศ. 1945 จากพฤติการณ์ที่กล่าวมานี้พอที่จะทราบความมุ่งหมายของรสั เซียได้วา่
ต้องการขยายอิทธิพลมาทางตะวันออกเปน็ เบอื้ งแรก

ในฐานะที่คอมมิวนิสต์ได้เข้าครอบครองหมู่เกาะกิวริว ซาการีน ไซบีเรีย และแมนจูเรีย อยู่แล้ว
หากสามารถเขา้ ครองเกาหลีใตอ้ ีก จะทำใหเ้ กิดผลทางยทุ ธศาสตรห์ ลายประการ ดังน้ี

1. แนวป้องกันทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐที่กล่าวแล้ว ถูกคุกคามอย่างนา่ อันตราย เพราะญี่ปนุ่
เป็นส่วนหนงึ่ ของแนวปอ้ งกัน อยหู่ ่างแหลมเกาหลีเพียงประมาณ 100 ไมลเ์ ศษ เทา่ น้นั

12

2. ทำให้การป้องกันตัวของคอมมิวนิสต์มั่นคงย่ิงขึน้ เพราะถ้าหากว่าเกาหลีใต้ยังเป็นกลางอยู่
หรือเป็นฝา่ ยประชาธปิ ไตยแล้วเทา่ กบั วา่ เกาหลใี ตเ้ ป็นหัวหาดของฝ่ายประชาธปิ ไตยทีจ่ ะขยายอิทธพิ ล หรือบาง
ทีอาจใช้เป็นฐานทพั โจมตคี อมมิวนสิ ตใ์ นผนื แผ่นดินใหญ่ตอ่ ไปได้สะดวกยิ่งขนึ้

3. ฝ่ายคอมมิวนิสต์สามารถออกทะเลญี่ปุ่นไดส้ ะดวกและใช้แหลมเกาหลีเป็นฐานทัพเรือ และ
อากาศโจมตีญ่ปี ่นุ ตอ่ ไป

4. ใช้แหลมเกาหลเี ปน็ กันชนของแมนจเู รีย ดนิ แดนอนั อดุ มสมบรู ณข์ องคอมมวิ นิสต์ และเปน็ กัน
ชนให้แก่เมืองวลาดีวอสต๊อก (Vladivostok) ซึ่งเป็นเมืองสดุ ทางรถไฟสายสำคัญที่ผ่านไซบีเรีย (Siberia) และ
เป็นฐานทพั เรือและอากาศของโซเวยี ตด้วย

ในทางกลับกันหากเกาหลีเป็นกลางหรือเข้าข้าฝ่ายประชาธิปไตย เกาหลีก็จะเป็นเสมือนเกาะด่าน
หน้าทก่ี น้ั ระหว่างแมนจูเรียกับเกาะตา่ ง ๆ ท่อี ย่ใู นแนวปอ้ งกันของสหรฐั ฯดงั กล่าวแล้ว ย่ิงกว่านั้นจะทำให้ช่อง
แคบซูซมิ า (Sushima) และทะเลญี่ปนุ่ ตอนใตป้ ลอดภัยยิง่ ขึน้ และในกรณีท่ีจำเป็นอาจใช้เกาหลเี ปน็ ฐานทัพเรือ
และอากาศโจมตีเมอื ง วลาดวี อสต๊อก แมนจเู รีย และมณฑลตา่ ง ๆ ซง่ึ อยู่ตอนเหนอื ของประเทศสะดวกย่ิงข้นึ

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลง ฝ่ายสัมพันธมิตรได้กำหนดเส้นขนานที่ 38 ขึ้นบนพื้นแผ่นดนิ
ของเกาหลีเป็นการชั่วคราว เพือ่ ความมุ่งหมายในการท่ีปลดอาวธุ ของทหารญ่ปี ่นุ ในเกาหลีให้สะดวกย่ิงข้ึนกำลัง
ทหารที่ญี่ปุ่นที่อยู่เหนือเส้นขนานนี้ เป็นหน้าที่ของรัสเซีย ส่วนที่อยู่ทางใต้ให้จำนนแก่สหรัฐฯ สหรัฐฯ มิได้มี
ความมุง่ หมายทจี่ ะใช้เส้นขนานที่ 38 น้ีเปน็ เสน้ พรมแดนแบ่งประเทศเกาหลีออกเป็นสองส่วนแต่ประการใดเลย

นอกจากนนั้ ในท่ปี ระชุม ณ กรุงมอสโคว์ (Moscow) เม่ือเดือนธันวาคม ค.ศ.1945 ซึง่ มีสหรัฐฯ รัสเซีย
และอังกฤษ รวมทั้งจีน ประชุมร่วมกัน ที่ประชุมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะให้เกาหลีเป็นประเทศ
ประชาธิปไตย แต่ก็ถูกสหภาพโซเวียตขัดขวางตลอดเวลา ดังนั้นสหรัฐฯจึงมอบปัญหานี้ให้แก่สหประชาชาติ
พจิ ารณา สหประชาชนจึงได้ต้ังกรรมการชวั่ คราวขน้ึ คณะหนึ่ง เพ่อื ทำหนา้ ท่คี วบคมุ การเลือกตง้ั ทวั่ ไปในเกาหลี
โดยหวังจะให้เกาหลีมกี ารปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จรงิ แต่รัสเซยี ผู้ซึ่งพยายามทีจ่ ะให้เกาหลเี หนือ
เป็นคอมมิวนิสต์ให้หมดได้ปฏิเสธไม่ยอมให้คณะกรรมการคณะนี้เข้าไปในเกาหลีเหนือ แม้กระนั้นก็ดีการ
เลือกตั้งอย่างเสรีก็ได้กระทำในเกาหลีใต้ เมื่อ 10 พฤษภาคม ค.ศ.1948 และสาธารณรัฐเกาหลีใต้ได้ก่อต้งั ขึ้น
เมอื่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1948

ส่วนคอมมิวนิสต์ที่อยู่เหนือเส้นขนานที่ 38 ก็ได้พยายามตั้งรัฐคอมมิวนิสต์ขึ้น เมื่อ 9 กันยายน
ค.ศ.1948 โดยมีคณะบุคคลคณะหนึ่งเป็นผู้เริ่มก่อตั้ง เรียกว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยของประชาชนแห่ง
เกาหลี ดงั นน้ั จะเหน็ ได้ว่าเสน้ ขนานที่ 38 ไดก้ ลายเป็นเสน้ กนั้ เขตทางการเมืองโดยบังเอิญ
ลักษณะภูมปิ ระเทศโดยท่ัวไป

แหลมเกาหลีมีความยาวประมาณ 575 ไมล์ กว้างประมาณ 150 ไมล์ พื้นที่ส่วนใหญ่ที่สูงสุดอยู่ทาง
เหนอื เทอื กเขาที่อยใู่ ตเ้ ส้นขนานที่ 38 มสี นั เขายอ่ ยทอดยื่นออกไปทางทิศตะวนั ตกเฉียงใต้ จนจดทะเลเหลืองท่ี
อา่ วมอคโป (Mokpo) พ้นื ท่ที างฝัง่ ตะวันตกมแี มน่ ำ้ หลายสายไหลลงสู่ทะเล อ่าวมลี กั ษณะเว้าแหว่งมาก ลกึ จาก
ฝั่งเข้าไปเป็นพน้ื ทีน่ าสำหรบั ปลูกข้าวเปน็ ที่ราบตำ่ บ้าง บางแหง่ กเ็ ปน็ ลูกเนนิ สลบั กนั ไป แม้ว่าพื้นทที่ างตะวนั ตก
ไม่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติของทหารขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าทางฝั่งตะวันออก ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขา

13

แมน่ ้ำสายใหญ่ ๆ ส่วนมากไหลจากใตส้ ู่ตะวนั ตก แม่นำ้ เหล่านีม้ ีความกว้างและลึกพอที่จะเป็นอุปสรรคขัดขวาง
การปฏบิ ตั กิ ารทางทหารย่ิงในฤดฝู นแลว้ นบั ว่าเป็นอปุ สรรคสำคญั ทีเดยี ว

ดินฟ้าอากาศของเกาหลีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้ว ก็นับว่าเป็นประเทศที่มีดินฟ้าอากาศ
หนาวเยน็ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ทางเหนือดนิ ฟ้าอากาศหนาวจัด ย่อมเปน็ อปุ สรรคแก่การปฏิบัตกิ ารรบอยู่ไม่น้อย
ฤดูใบไมผ้ ลิเรม่ิ แตเ่ ดือนกุมภาพันธ์หรือตน้ เดอื นมนี าคม ฤดูฝนเรมิ่ แตเ่ ดอื นกรกฎาคม หรือเดอื นสิงหาคม
กำลงั และแผนของท้งั สองฝา่ ย

เกาหลีเหนือ นบั ตั้งแต่โซเวยี ตเรมิ่ เข้ายึดครองเปน็ ต้นมา พวกคอมมวิ นิสตไ์ ด้พยายามโฆษณาชวนเชื่อ
ให้เกาหลเี หนือทำลายล้างล้างจกั รวรรดนิ ิยมอเมริกาด้วยกำลงั คือ บกุ เข้ายึดครองเกาหลีใต้ ในเดือน ธันวาคม
ค.ศ.1948 รัสเซียได้ประกาศว่าตนเองได้ถอนกำลังทหารที่ยึดครองออกจากเกาหลีเหนือหมดสิ้นแล้ว แต่ก็ไม่
ยอมใหค้ ณะกรรมการของสหประชาชาติเขา้ ไปตรวจสอบความจรงิ

แม้ว่าแผนการระดมพลของเกาหลีเหนือกำหนดกำลังพลไว้เป็นจำนวนถึง 15 กองพล และอีก
1 กองพลนอ้ ยยานเกราะรถถังขนาดเบา แบบ T-34 ของรัสเซยี และหนว่ ยสนับสนนุ อกี กต็ าม แต่กำลังที่พร้อม
รบและใช้ในการรกุ รานครง้ั น้ีมเี พียง 6 กองพลเทา่ นน้ั ในจำนวนน้ีคอมมวิ นสิ ตก์ เ็ ชอื่ มั่นวา่ เพยี งพอแกก่ ารปฏิบัติ
กำลังเหล่านี้ได้รับการฝึกเป็นอย่างดีที่สุดของโซเวียต ยิ่งกว่านั้นยังมีทหารเกาหลีชำนาญศึกถึง 2,500 คน
รวมอยู่ด้วย ทหารเหล่านี้เคยร่วมรบกับจีนคอมมิวนิสต์ในแมนจูเรียมาแล้วอยา่ งโชกโชน กำลังพลของเกาหลี
เหนือรวมทั้งสิ้นประมาณ 130,000 คน มีรถถังสนับสนุนอยู่ 100 คันเป็นรถถังของโซเวียตแบบ T-34 และมี
เครื่องบินขับไล่แบบ “ยัค” (Yak) ของรัสเซียที่ใช้สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกประมาณ 180 เครื่อง เป็น
เครื่องบินรบท่ีล้าสมัยซ่ึงโซเวียตให้มา กำลังทางเรอื ของเกาหลีเหนือนับว่าหย่อนทั้งประสทิ ธิภาพและปริมาณ
แต่ก็นับว่าเพียงพอกับการลำเลียงตามชายฝั่ง เพ่ือสนับสนุนกำลังทางบกเมื่อถงึ คราวจำเปน็ นอกจากน้ัน ยังมี
ทหารกองหนุนท่ไี ด้รับการฝกึ เปน็ อย่างดีอีกประมาณ 100,000 คน

เกาหลีใต้ เมื่อกำหนดเวลาแห่งการยึดครองได้สิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน ค.ศ.1949 คณะที่ปรึกษา
ทางการทหารประจำเกาหลีใต้คงอยู่ในเกาหลีใต้ต่อไป ตามคำขอร้องของรัฐบาลประเทศนั้น คณะที่ปรึกษา
ทหารนี้มนี ายทหารอเมรกิ นั 500 คน และพลทหารอีกจำนวนหนึ่ง มหี นา้ ท่ชี ว่ ยฝกึ ทหารให้แกก่ องทัพเกาหลีใต้
คณะที่ปรึกษาทางทหารคณะนี้ ดูเหมือนจะอยู่ในบังคับบัญชาของเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศ
เกาหลี มากกว่าทีจ่ ะข้นึ ตรงต่อ นายพล ดกั ลาส แมคอาเธอร์ (Gen Douglas Macarthur) เพราะในระยะหลัง
ๆ นี้ นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์ มิไดม้ หี นา้ ท่ีรบั ผิดชอบในการป้องกันเกาหลี

นอกจากนั้น สหรฐั ฯยงั ได้ช่วยเกาหลใี ต้อกี กล่าวคอื เมือ่ ระยะเวลาแห่งการยึดครองไดส้ น้ิ สดุ ลงสหรัฐได้
มอบอาวุธตา่ ง ๆ ใหแ้ กก่ องทพั เกาหลีไวใ้ ช้ป้องกันประเทศมีมูลคา่ ถึง 110 ลา้ นดอลลาร์ ทหารอเมรกิ นั ทีถ่ อนตัว
ไปคงไปแต่ตัวเปล่าเทา่ น้ันจำนวนอาวธุ ทกี่ ลา่ วนีน้ บั ว่าเพยี งพอแก่จำนวนทหาร 50,000 คน ประกอบดว้ ยอาวุธ
มากกวา่ 100,000 กระบอก ได้แก่ ปืนเล็กยาว ปนื พก และปืนกล พร้อมท้งั กระสุนอีก 50 ลา้ นนดั จรวดบาซกู า
ขนาด 2.36 นิ้วกว่า 2,000 กระบอก และลูกบาซูกาอีก 40,000 ลูก ยานพาหนะรวมทุกขนาดแล้วจำนวน
4,900 คนั ปืนตอ่ สรู้ ถถังขนาด 37 มม. และ 57 มม. อกี จำนวนมาก ปนื ใหญก่ ระสนุ วถิ โี ค้ง 105 มม. เคร่ืองยิง
ลูกระเบิดขนาด 60 มม. และ 81 มม. อีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งลูกระเบิดของเครื่องยิงเหล่านี้อีกกว่า 700,000

14

ลูก นอกจากน้ี ยังได้ให้เรือขนาดเบาอกี 79 ลำ และเครื่องบินสำหรับติดต่อสื่อสารแบบ L-4 และ L-5 จำนวน
20 เครอื่ ง

ในขณะที่เกาหลีเหนือเปิดการรุกรานนั้นสาธารณรฐั เกาหลีใต้มีกำลังทหารจัดเป็น 8 กองพล จำนวน
100,000 คน สง่ ไปปฏบิ ัติการตามชายเขตแดนเสีย 4 กองพล กำลังของแตล่ ะกองพลจัดไว้สำหรับต่อสู้กับการ
รบแบบกองโจร กองทัพของเกาหลีใตไ้ มม่ ีทงั้ รถถงั และปนื ใหญ่ขนาดกลางและขนาดหนกั รวมท้ังหนว่ ยส่งกำลัง
บำรุงก็ไม่มดี ว้ ยเครือ่ งบนิ ไม่มสี กั ลำเดียว ส่วนกำลงั ทางเรอื นัน้ มีเฉพาะลาดตระเวนชายฝ่ังเทา่ น้นั
การปฏิบตั กิ ารรบ

การบุกเกาหลีใต้ครั้งแรกของเกาหลีเหนือ ในวันท่ี 25 มิถุนายน ค.ศ.1950 กองกำลังเกาหลีเหนือ
7 กองพลทหารราบ หนึง่ กองพลน้อยรถถงั และหนว่ ยสนับสนุนภายใต้การบังคับบัญชาของ จอมพล โช ยองกุน
(Sou yonggun) ได้เปิดการรุกเกาหลใี ตท้ ิศทางเขา้ ตีหลักซึง่ กำหนดไว้ใหป้ ฏิบตั กิ ารอยา่ งรุนแรงและเฉียบขาด
พุง่ ลงทางทิศใต้ของเมอื งโปซอน (Pochon) และยอนซอน (Yonchon) ไปยังอยู จอนกู (Ui Jongu) แล้วมุ่งตรง
ไปยงั เซอูล (Seoul) การโจมตี การโจมตีโดยไมท่ นั รูต้ วั กระทำไดอ้ ย่างสมบูรณ์ โดยมีจดุ มงุ่ หมายท่จี ะยดึ กรุงโซล
และดินแดนเกาหลีใต้ทั้งหมด ทิศทางเข้าตีหลกั นี้มกี ำลังป้องกนั ทั้ง 2 ข้าง ส่วนระวังป้องกนั ทางด้านขวาเข้าตี
จากเคียงซอง (Kaesoung) ไปยังมูเนีย (Munean) และส่วนระวังป้องกันทางด้านซ้ายเข้าตีอย่างรุนแรงที่
ชูนซอน (Chunchon) สุดไปทางตะวันตกที่แหลมอองจิม (Ongjim) เกาหลีเหนือส่งกำลังเข้ายึดไว้ได้อย่าง
รวดเร็ว และทางฝั่งตะวันออกที่เมืองกางนัง (Kangnung) ก็ได้ส่งกำลังทางเรือส่วนหนึ่งเข้ายึดไว้ล่วงหน้า
นอกจากนั้น เกาหลีเหนือยังส่งพลขึ้นบกยึดเมืองต่าง ๆ ตามชายฝั่งตะวันออกในเวลาต่อมาตามลำดับจนถึง
เมืองยองดอค (Yongdok) กำลังเกาหลีเหนือท่ีใช้บุกคร้ังน้ีมีจำนวน 6 กองพล และกองพลนอ้ ยอกี 2-3 กอง มี
กำลังปืนใหญ่สนับสนนุ อย่างเพียงพอ รวมทั้งเคร่ืองบินรบสรา้ งในรัสเซยี อีก 100 เครื่อง และรถถังแบบ T-24
ใช้เปน็ หน่วยนำในการเข้าตี กำลงั ทกี่ ลา่ วนน้ี ับว่าเพยี งพอทจ่ี ะเข้าบดขยี้กำลังเกาหลีใตซ้ ึง่ มีเพียงกองพลเท่าน้ัน
ยงิ่ กวา่ นั้นกองทพั เกาหลใี ต้มปี ืนใหญ่เพียงเล็กน้อยและเป็นปืนใหญเ่ บากำลังยานเกราะกม็ ีจำนวนไม่กี่คัน ส่วน
กำลังทางอากาศนี้นับได้ว่าไม่มเี ลย ด้วยเหตุนี้กองทพั เกาหลีใตจ้ ึงไม่อยู่ในสภาพที่จะเผชิญกับการรุกรบขนาด
ใหญ่ จะทำได้ก็แต่เพียงต่อต้านการรบแบบกองโจร หรือมิฉะนั้นก็รับการโจมตีเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามชายแดน
เทา่ นน้ั ยิง่ ถกู เกาหลีเหนือบกุ ด้วยการจ่โู จม จึงทำใหเ้ กาหลีใตต้ กอยู่สภาพทเ่ี สยี เปรยี บอย่างยงิ่

เพียง 28 มิ.ย.1950 ( 3 วัน ) เกาหลีเหนือก็สามารถยึดกรุงโซล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาหลีใต้ไวไ้ ด้
และทำการปิดล้อมต้งั แต่ปากแมน่ ำ้ เฮน (Han) ไปทางตะวนั ออกกรุงโซล ระยะ 20 ไมล์ ทางฝ่งั ตะวันออกน้นั รุก
ไปได้ไกลถึงเมืองสามชอค (Samchok) ในการถอนตัวไปทางใต้แม่น้ำเฮน (Han) กองทัพเกาหลีใต้ได้รับความ
เสียหายอย่างหนัก แม้จะพยายามรวบรวมกำลังและทำการต้านทาน แต่ก็ได้ผลเพียงเล็กน้อยเพราะข้าศึกทำ
การกดดันรุกคืบหน้าอยู่ตลอดเวลา ใน 4 ก.ค. กำลังของเกาหลีใต้จึงถอยร่นไปอยู่ในแนว ซูวาน (Suwon)
วอนจู (Wonju) สามชอค (Samchok)

เมื่อสหประชาชาติได้เผชิญกับการทดสอบที่ย่ิงใหญ่เช่นน้ี จึงจำเป็นต้องปฏิบัติการด้วยความรวดเร็ว
และเฉียบขาด โดยไดเ้ รยี กประชุมสภาความมั่นคงโดยรีบด่วน ใน 25 ม.ิ ย.1950 เพื่อระงบั ศกึ ทนั ที คณะมนตรี
ความมัน่ คงได้ลงมตเิ รียกร้องใหห้ ยดุ ย้ังการรกุ รานและขอรอ้ งประเทศสมาชกิ ระงบั การชว่ ยเหลือทไ่ี ด้เคยให้แก่

15

ฝ่ายรุกรานในทันที แต่การปฏิบัติดังกล่าวไม่สามารถจะหยุดยั้งการรุกได้ ใน 27 มิ.ย.1950 ประธานาธิบดี
แฮรี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman) จึงประกาศว่า ได้สั่งให้กำลังทางอากาศและทางเรือไปช่วยเกาหลีใต้
แลว้ โดยให้ พลเอก แมคอาเธอร์ ผูบ้ ัญชาการกองทพั สหรฐั ภาคตะวันออกไกล ใหก้ ารสนบั สนุนทางอากาศและ
ทางเรือ

นายพลแมคอาเธอร์ สั่งให้ปิดล้อมเกาหลีเหนือทางทะเล และไปตรวจแนวหน้าด้วยตนเองใน
28 มิถุนายน 1950 เมอื่ โซลแตกเขาไดร้ ายงานวา่ กองทพั เกาหลีใตไ้ ม่สามารถที่จะต้านทานการบุกได้แม้ว่าจะ
ให้การสนับสนุนทางอากาศก็ตาม ใน 30 มิ.ย.1950 ทรูแมน ได้อนุมัติให้ใช้กองกำลังภาคพื้นดินสหรัฐในการ
ป้องกนั

กองทพั ที่ 8 สหรฐั ท่ตี ้ังอย่ใู นญีป่ นุ่ โดยได้ยึดครองประเทศนั้นมาตง้ั แต่สงครามโลกคร้งั ที่ 2 กองทัพท่ี 8
นี้ก็มีกำลังไม่เต็มอัตรา แต่ละกองพลมกี ำลังทหารเพียงร้อยละ 72 เท่านั้น ในกรมหนึ่งมีทหารเพียง 2 กองพนั
โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาดเครื่องยิงลูกระเบิดและปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังและเนื่องจากสภาพถนนในญี่ปุ่นไม่
ค่อยจะดีและสะพานต่างๆ ก็รับน้ำหนักได้น้อย รถถังที่อยู่ในกองทัพที่ 8 จึงเป็นรถถังเบา M-24 แทนที่จะใช้
รถถังขนาดหนักตามปกติ ที่ใช้กัน อาวุธส่วนมากที่มีอยู่ก็เป็นอาวุธที่ใช้ในสงครามโลกครั้งท่ี 2 และสึกหรอไป
ตามสภาพ และมีบางส่วนใช้การไม่ได้เพราะขาดการบำรงุ รกั ษา และชำรุดเนื่องจากการฝกึ

ในวันท่ี 30 มิถุนายน 1950 กองกำลังสหรัฐเริ่มเคลื่อนย้ายไปยังเกาหลี กองพลที่ 25 ภายใต้การ
บังคับบัญชาของ พลตรี วิลเลียม เอฟ.ดีน (Gen William F. dean) เริ่มทยอยกันเดินทางทางเรือและ
ทางอากาศไปยังเกาหลี และกองพลอน่ื ๆ กำลังติดตามมา

วันท่ี 5 กรกฎาคม 1950 กองพันท่ีมกี ำลงั ไม่เต็มอัตรา (2 กองร้อยทหารราบ) ภายใตก้ ารบังคับบัญชา
ของ พันโท ชาร์ลส์ บี.สมิธ (Charles B. Smit) พร้อมด้วยปืนใหญ่หนึ่งชุด เข้าร่วมรบกับกองทัพเกาหลีใต้
เช้าวนั รุ่งขึน้ ทหารเกาหลเี หนอื 1 กองพล พรอ้ มด้วยรถถัง 30 คัน เขา้ โจมตกี องทัพเกาหลีแตกพา่ ยเหลอื แต่กอง
กำลงั เฉพาะกจิ ของสมิธตรงึ ท่ีม่นั อยู่ได้ 7 ชัว่ โมง เมื่อขาดกระสนุ ทหารก็ตฝี า่ ออกมาทิ้งอาวธุ ทกุ อยา่ งไว้

ในระหวา่ งวันที่ 6-21 กรกฎาคม นายพลดีน นำกองพลเขา้ ยันกำลังทหารเกาหลีเหนือไว้แลกพ้ืนท่ีกัน
เพอื่ ถว่ งเวลา ในขณะทก่ี องพลทหารม้าท่ี 1 และกองพลทหารราบท่ี 25 ถูกสง่ มาจากญปี่ นุ่ ปฏิบัตกิ ารห้าวัน ท่ี
เตจอน (Taejon) (16-20 กรกฎาคม 1950) สิ้นสุดลงเมื่อทหารเกาหลีเหนือโจมตีของกองพลกำลังล่าถอย
ตวั เขาเองถูกจบั ได้ คมุ กำลังสว่ นหลังดว้ ยตนเอง ในขณะทสี่ ว่ นทเ่ี หลอื ของกองพลกำลงั ล่าถอย กองทหารท่ีแตก
กระเจงิ ไดร้ ับการช่วยเหลือจากกองพลทหารม้าท่ี 1 (22 กรกฎาคม 1950) ส่วนกองพลท่ี 25 ซงึ่ อย่ทู างปีกขวา
ร่วมกับกองพลเกาหลีใต้ทจี่ ดั กำลังใหม่ สามารถยับยงั้ การบกุ ของทหารเกาหลเี หนอื ไวไ้ ด้

ประธานาธิบดีทรูแมน ได้แต่งตั้งให้ นายพลแมคอาร์เธอร์ เป็นผู้บัญชาการกองทัพสหประชาชาติ
อย่ภู ายใต้การบงั คับบัญชาของนายทหารอเมริกัน ในวันที่ 6 กรกฎาคม 1950

ปัญหาสำคัญที่เผชิญหน้านายพลแมคอาเธอร์ ในปลายเดือนมิถุนายนก็คือ ใช้กำลังทางภาคพื้นดิน
ทางเรือ และทางอากาศ เท่าที่มีอยู่รัง้ หน่วงข้าศึกเพื่อให้มีเวลาเพียงพอสำหรบั สรา้ งสรรค์กำลังในเกาหลีใต้ให้
สามารถขับไล่ฝ่ายรุกรานขั้นสุดท้าย ก้าวแรกในการปฏิบัติได้แก่ การส่งกำลังที่จะเป็นส่วนบังคับบัญชาของ
หน่วยทหารล่วงหนา้ ไปในเกาหลี กำลังส่วนนี้อยู่ใต้บงั คับบัญชาของ นายพลจัตวา จอนท์ เฮส เชิร์ช (John H.

16

Church) เร่ิมปฏิบัติงานตง้ั แต่ 27 มิถนุ ายน 1950 เปน็ ตน้ ไปจนกระทง่ั ไดก้ ลายเปน็ ส่วนบงั คับการต่าง ๆ ของ
หน่วยกำลังรบของสหรัฐในเกาหลี เมื่อ 3 กรกฎาคม 1950 นอกจากนั้นยงั ทำหนา้ ทีร่ วบรวมกำลงั ทหารเกาหลี
ซึ่งแตกกระสานซ่านเซ็นให้เป็นหน่วยรบขึ้นใหม่ นอกจากนั้นสหรัฐได้ส่งสัมภาระต่างๆ จำนวน 5,600 ตัน
ลงเรือที่ญี่ปุ่นเมื่อ 29 มิถุนายน 1950 และส่งทางอากาศเป็นการด่วนอีก 119 ตัน ลงที่เมืองปูซาน (Pusan)
เพอ่ื ก่อตง้ั กำลังรบของเกาหลีใต้ขึ้นใหม่

เมือ่ 27 มิถุนายน 1950 กำลังทางอากาศภาคพืน้ ตะวนั ออกไกลของสหรัฐ ไดอ้ อกจากฐานทัพในญี่ปุ่น
ไปปฏิบัติการโจมตีเกาหลีเหนือ กำลังทางอากาศที่กล่าวนี้อยู่ในบังคับบัญชาของ พลอากาศโท
George E. Stratemeyer กำลังส่วนนี้ก่อนเหตุการณ์ในเกาหลีจะอุบัติขึ้นมีกำลัง 8 กองบินรบครั้ง มีหน้าที่
ป้องกันญี่ปุ่น-โอกินาวา-กวม-ฟิลิปปินส์ ใน 28 มิถุนายน 1950 การโจมตีทางอากาศที่กระทำต่อเกาหลีใต้ใน
ขอบเขตจำกัดได้หยุดชะงักไปทันที ต่อมาในไม่ช้ากำลังทางอากาศของฝ่ายตรงข้ามถูกทำลายสิ้นหลังจากน้ัน
กำลังทางอากาศของสหรัฐกท็ ำหนา้ ท่ีสนับสนนุ การรบทางภาคพื้นดินอยา่ งใกล้ชดิ และขัดขวางข้าศึกเพ่ือหน่วง
เหนี่ยวการรุกคืบหน้าใหช้ า้ ลง

การใช้กำลังอย่างเพียงพอและทันทีทนั ใด เพื่อรั้งหน่วงการรกุ ของข้าศึกน้ันย่อมมีอุปสรรค เนื่องจาก
กำลังทางอากาศและทางเรือไม่สามารถเข้าร่วมรบด้วย ทั้งนี้เพราะกำลังโดยย่อได้แก่ จะต้องเคลื่อนกองทัพ
รวมท้ังสว่ นกำลงั บำรุงข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศญีป่ นุ่ ไปยังอ่าวปูซาน (PUSAN) เป็นระยะทางถึง 125 ไมล์
แล้วจะต้องเคลื่อนท่ีต่อไปตามถนนซ่ึงคดเคี้ยวกว่าจะถึงเมอื ง Taejon ก็เป็นระยะ 170 ไมล์ แล้วเคลื่อนต่อไป
อีก 100 ไมล์จงึ จะถงึ กรงุ โซล นอกจากน้ี จำตอ้ งขยายและปรับปรุงท่าเรือเมืองปซู าน และในขณะเดียวกันยัง
จะต้องจดั การทกุ สง่ิ ทุกอยา่ ง เพื่อเกิดความสะดวกแก่การปฏบิ ัติอกี ด้วย

หน่วยรบเฉพาะกิจของ พันโท สมิท ได้ส่งสว่ นลาดตระเวนเข้าเกาะข้าศกึ ใน 4 ก.ค.1950 รุ่งเช้าในวัน
ต่อมา กำลังส่วนนี้ก็ได้ปะทะกับข้าศึกมีกำลังถึงหนึ่งกองพล และมีรถถัง T-34 สนับสนุนอีกมากกว่า 30 คัน
แม้ว่าข้าศกึ จะมีกำลงั คนและอาวธุ เหนือกว่าอย่างมากมายก็ตาม กำลังส่วนนี้ก็สามารถตรึงฝา่ ยข้าศึกไว้ได้เปน็
เวลาถงึ 4-5 ชม. หลังจากนัน้ ก็ตอ้ งถอนตวั และสูพ้ ลางถอยพลางตลอดระยะทาง วิธกี ารที่เกาหลีเหนือใช้ในการ
เขา้ ตีในเวลาตอ่ มา กค็ ือ เขา้ ตีตรงหนา้ อยา่ งรนุ แรงเสียกอ่ น แลว้ สง่ กำลงั เขา้ โอบท้ังสองปีกและสง่ กำลงั สว่ นย่อย
ๆ แทรกซมึ เขา้ ไป เพ่อื ปิดก้ันเส้นทางสง่ กำลงั บำรงุ

ในพื้นที่ตอนกลางซึ่งเป็นภูเขาและตามชายฝั่งตะวันออก ได้มอบให้ทหารเกาหลีใต้จัดตั้งขึ้นใหม่
อย่างไรก็ดี กองพลทหารราบท่ี 25 สหรัฐฯ ในบังคับ พลตรี วิลเลียม บี. คีน (William B. Kean) เคลื่อนกำลัง
มาถงึ เกาหลี แต่ 14 กรกฎาคม 1950 ในวันตอ่ มาก็เขา้ สบั เปล่ยี นหนา้ ท่ีกองพลเกาหลีใต้ 2 กองพล ยึดตามแนว
จาก แฮมแซง (Hamchang) ไปทางตะวันตกเฉยี งใต้ เป็นระยะ 25 ไมล์ การรุกคบื หน้าของเกาหลเี หนอื ในพ้ืนท่ี
ตอนกลางน้ี มีทิศทางพุ่งลงมาจากซูนจู (Chunju) แฮมแซง (Hamchang) จึงเปน็ การคุกคามเสน้ ทางคมนาคม
ที่สำคัญยิ่งซึ่งเชื่อมต่อเตจอน-เตกู (Taejon-Taegu) และเป็นการคุกคามปีกขวาของทหารสหรัฐฯ ซึ่งยึด
ทิศตะวันออกและทิศเหนอื ยองดอค (Yongdok) ดว้ ย

ข้าศึกทำการเข้าตีกองพลที่ 24 อย่างรุนแรงและต่อเนื่องกันไปเป็นการเข้าตีตามแนวแกน Taejon-
Yongdok ต่อมาใน 22 กรกฎาคม 1950 กองพลทหารม้าท่ี 1 สหรัฐ ในบังคับ พลตรี โฮบาร์ต อาร์ เกย์

17

(Hobart R. Gay) ซ่ึงขึน้ บกท่ปี ูซาน ใน 18 กรกฎาคม กเ็ ข้าสับเปลี่ยนกองพลท่ี 24 ทง้ั กองพลทหารม้าที่ 1 และ
กองพลทหารราบที่ 25 ได้ต่อสู้ตามหน้าที่อย่างทรหดทำการรั้งหน่วงข้าศึกจากท่ีมั่นหนึ่งไปยังอีกที่มั่นหนึ่ง
ตามลำดับ แม้ว่าข้าศึกจะโถมกำลังเข้าตีอย่างมหาศาลเพียงใดก็ตาม ในปลายเดือนกรกฎาคมกำลังทั้งสอง
กองพลยันข้าศกึ อยตู่ ามแนว จากทางใตก้ มู ซอน (Kumchon) ถงึ ทางเหนือแฮมแซง (Hamchang)

ในวันที่ 31 กรกฎาคม กองพลที่ 25 ข้ามแม่น้ำเนกตอง (Naktong) ที่เมืองเวกวัน (Waegwan) แล้ว
รีบรุดลงมาทางใต้ เพื่อป้องกันเมอื งปูซาน จากทาง Chinju การเคลื่อนท่ีใชเ้ วลาเพียง 2 วันเท่านั้น นับว่าเปน็
การเคลื่อนทีท่ ีร่ วดเรว็ ซึง่ ไมเ่ คยปฏิบัติมาก่อน ในวันท่ี 1 สิงหาคม 1950 กองพลทหารม้าท่ี 1 ก็ได้ข้ามลำน้ำท่ี
เมือง Waegwan เช่นกัน ในวันต่อมาฝ่ายสหรัฐได้ระเบดิ สะพานต่าง ๆ ข้ามลำน้ำ Naktong เสียสิ้น การยุทธ
ตามแนวแม่น้ำ Naktong ไดเ้ ร่ิมเปิดฉากนบั แตบ่ ดั นน้ั

ในวันท่ี 5 สิงหาคม 1950 กองพลที่ 25 ได้วางแนวป้องกันจากแยกแม่น้ำ Naktong และแม่น้ำแนม
(Nam) เปน็ แนวลงไปทางใต้ สว่ นกองพลที่ 24 และกองพลทหารม้าที่ 12 ขณะนไี้ ด้ถอนตวั ลงมาเรียบร้อยแล้ว
และวางแนวป้องกนั ทางตะวันออกของแมน่ ำ้

ส่วนกองพลเกาหลีใตร้ บั ผิดชอบทางด้านตะวันออกเฉียงเหนอื ขา้ ศึกได้ใช้กำลังอย่างไม่จำกัด เข้าตีบีบ
แนวปอ้ งกันของสหรัฐและเกาหลีใต้ทก่ี ล่าวแล้วจนเป็นรูปส่ีเหลย่ี มผนื ผ้ามีความกว้าง 60 ไมล์ และลึก 90 ไมล์
แนวป้องกันที่กล่าวนี้หาได้เป็นแนวที่ต่อต้านกันโดยตลอดไม่ โดยเฉพาะมีช่องโหว่กว้างพอดูตรงที่เป็นภูเขา
ระหวา่ งอันดอง (Andong) และอย่างนอ้ ยมที หารราบ 13 กองพล และกองพลยานเกราะ 1 กองพล กบั มกี ำลัง
ปืนใหญส่ นับสนนุ อย่างเพยี งพอ ทั้งในดา้ นปริมาณและความแมน่ ยำ

3 สิงหาคม 1950 นับแต่เริ่มรบเป็นต้นมา กำลังทางอากาศสหรัฐ พยายามสนับสนุนกองพลทหาร
เกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด แต่เนื่องด้วยทั้งสองฝ่ายไม่มีการติดต่อระหว่างทางอากาศกับทางพื้นดิน จึงทำให้การ
สนับสนุนส่วนใหญ่ไม่ได้ผลการโจมตีทางอากาศต้องถูกจำกัดลง ทั้ง ๆ บางครั้งโอกาสเปิดให้อย่างงาม
แมก้ ระทั่งกำลงั ทางพืน้ ดนิ ของสหรัฐเอง ในขณะเขา้ ทำการรบก็ขาดการประสานงานกับกำลังทางอากาศ ท้ังน้ี
คงเนื่องจากก่อนสงครามโลก กำลังทางอากาศในเกาหลีมีหน้าที่เพียงทำการป้องกันเท่านั้น ดังนั้นจึงได้มกี าร
เตรียมเคร่ืองมอื รว่ มทงั้ การจัดหน่วยสำหรับใชใ้ นการรบเคลอ่ื นท่ีเช่นเกิดขนึ้ นี้ นอกจากน้นั ยังขาดการฝกึ การรบ
รวมในยุทธบริเวณที่เกิดขึ้นจริงอย่างไรก็ดีเมื่อการรบได้อุบัติขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ฝ่ายสหรัฐจำต้องแก้ปัญหา
เฉพาะหน้าไปกอ่ น โดยใช้เคร่อื งมอื เทา่ ทีห่ าได้และกำหนดระบบการตดิ ตอ่ ขน้ึ เท่าท่ีจะอำนวยความสะดวก่ให้ได้
เมื่อนับถึงวันที่ 1 สิงหาคม 1950 กำลังทางอากาศของสหรัฐได้ทำการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดกับกำลังทาง
ภาคพื้นดนิ ถงึ 4,300 คร้งั บินไปทง้ิ ระเบิดเพ่อื ขดั ขวางการปฏิบัตขิ องข้าศกึ 2,500 เท่ียว และไปท้ิงระเบิดทาง
ยทุ ธศาสตร์ 60 เท่ียว ผลปรากฏวา่ ขัดขวางการเคล่อื นที่ของฝ่ายข้าศึกเป็นผลสำเร็จ ขา้ ศึกจะต้องเคลื่อนที่ใน
เวลากลางคืน ตอ่ มาจึงได้จัดการตรวจตราทางอากาศในเวลากลางคืนตามเสน้ ทางคมนาคมสายต่าง ๆ อกี ด้วย ส่วน
กำลังทางเรือในระยะนี้ ก็สามารถปิดกั้นขัดขวางมิให้ข้าศึกใช้น่านน้ำตามชายฝั่งเป็นประโยชน์ในการส่งกำลงั
บำรุงเป็นผลสำเร็จเรือรบต่างๆ ได้ใช้ปืนใหญ่ทำการยิงขัดขวางการเคลื่อนที่ของขา้ ศึก และยิงสนับสนุนกำลัง
ทางพืน้ ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝ่งั ตะวนั ออก การรุกเคล่อื นท่ีของขา้ ศกึ ที่มุง่ ไปยังยองดอค (Yongdok) ต้อง
ช้าลง ก็เพราะการยิงขัดขวางของกำลังทางเรือนี้เอง ได้ช่วยสนับสนุนกำลังทางภาคพื้นดินอย่างกว้างขวาง

18

ยิ่งกว่านั้นกำลังทางเรือยังได้ช่วยสนับสนุนในการส่งกำลังบำรุงให้แก่กำลั งทางพื้นดินและอากาศ
อกี ดว้ ย
การรบท่ีสำคญั

การรบรอบเมอื งปูซาน การรบระหวา่ ง 5 สิงหาคม ค.ศ.1950 ถึง 15 กันยายน ค.ศ.1950 ถือว่าเป็น
การรบหน่วงเวลา เพื่อเปิดโอกาสให้นายพลแมคอารเ์ ธอร์ รวบรวมกำลงั เพียงพอเพื่อเปิดการรุกในขั้นตอ่ ไปใน
ระยะเวลาดังกล่าว การปฏิบัติของข้าศึกมีความมุ่งหมายที่จะทำลายกำลังของสหประชาชาติ โดยแบ่ง
การปฏิบตั อิ อกเป็น 2 ระยะ

การเข้าตีระยะแรก 6–26 ส.ค.1950 ของข้าศึกถูกยับยั้งโดยกำลังของสหประชาชาติ เพื่อทำลาย
การเข้าตีของข้าศึก ที่คาดคิดว่าจะส่งกำลังมาจากเมืองชินจู (Chinju) แล้วพุ่งตามมายังเมืองปูซาน
นายพล วอล์เกอร์ ได้จัดกำลังรบเฉพาะกิจขึ้น ประกอบด้วย กองพลทหารราบท่ี 25 (หย่อนกรมผสมที่ 27)
กองพลน้อยนาวิกโยธินที่ 1 และกรมผสมที่ 5 กำลังส่วนนี้ออกตีในเช้าตรู่ของ 7 สิงหาคม 1950 มุ่งตรงไปยงั
เมือง Chinju ในเช้าวันเดียวกันนั้นเอง ข้าศึกส่งกำลังเขา้ ตีพุ่งตรงมายังเมอื งมาซัน (Masan) กำลังทั้งสองฝ่าย
ปะทะกันในเชา้ วนั นั้นเอง ในคนื วนั ท่ี 11 สิงหาคม1950 กำลังรบเฉพาะกิจสหรัฐสว่ นนี้ต้องถอนตวั กลับ เพราะ
มีความจำเป็นจะต้องส่งของข้าศึกในทิศทาง Chinju ก็สลายตัวไปด้วย จึงนับว่าการปฏิบัติของกำลังรบ
เฉพาะกิจส่วนน้ีได้ผลสมความมงุ่ หมาย

ทางด้านแม่น้ำแนคตองเหนือทางแยกแม่น้ำแนม เกาหลีเหนือส่งกำลังเข้าตีอย่างรนุ แรงหลายระลอก
เพ่อื คุกคามเสน้ ทางคมนาคมหลกั ซึ่งทอดจากปูซานไปยงั เตกู ระหว่างวันท่ี 6-15 สิงหาคม 1950 ข้าศกึ สามารถ
สร้างสะพานได้หลายแห่งที่เป็นอันตรายต่อฝ่ายเราที่สุดได้แก่ หัวสะพานเหนือแม่น้ำแนม ส่วนครึ่งหลังของ
เดือนสิงหาคมเป็นการต่อสู้อย่างสุดกำลังตามแนวแม่น้ำที่กล่าวแล้ว อย่างไรก็ดีหัวสะพาน 6 แห่ง ใต้เมือง
Waegwan ได้ถูกลบไปในท่ีสดุ ใน 24 สิงหาคม 1950 กองพลท่ี 2 เข้าสับเปลยี่ นกองพลท่ี 24

ทางปีกตะวันออก ความพยายามของเกาหลีเหนือที่จะเจาะแนวเข้ามาจวนจะสำเร็จ เริ่มด้วยการใช้
กำลังประมาณ 1 กองพล แทรกซึมเข้ามาในบริเวณพื้นที่ที่เป็นภูเขา แล้วปฏิบัติการรบแบบกองโจร มุ่งตรง
มายังโปแฮง (Pohang) กองพลทหารเกาหลีใต้ที่ 3 จึงถูกตัดใตเ้ มืองยางด๊อก (Yongdok) ถึงกับต้องอพยพหนี
ออกทางทะเล และไปขึ้นฝั่งใต้เมืองโปแฮง และตั้งมั่น ณ บริเวณน้ี เป็นการรักษาปีกขวาให้แก่แนวป้องกัน
ทั้งหมดกำลังหนุนส่วนหนึ่งของกองทัพท่ี 8 เคลื่อนไปยังสนามบินโยนีล (Yonil) ซึ่งอยู่ทางใต้เมืองโพแฮงไป
เล็กน้อยและสามารถยึดสนามบินแห่งนี้ไว้เป็นผลสำเร็จ กำลังหนุนของกองทัพท่ี 8 ที่เหลือนอกจากนั้น
เคลื่อนขึ้นเหนือไปยังเมืองกวงจู (Kyongju) เพื่อไปพร้อมที่จะออกปฏิบัติการ ในกรณีที่ข้าศึกเจาะเข้ามาใน
บริเวณนี้ เป็นคราวเคราะห์ดีที่ข้าศึกมิได้เตรยี มการขยายผลของความสำเร็จครั้งน้ี ฝ่ายเราจึงสามารถยึดเมือง
โปแฮงกลบั คืนมาไดเ้ มอ่ื 18 สงิ หาคม กำลงั เกาหลใี ตค้ งรุกคบื หนา้ ไปทางเหนอื เมืองน้ใี น 26 สิงหาคม 1950

ความพยายามครั้งสุดท้ายของข้าศึก ได้กระทำประมาณกลางเดือนสิงหาคม โดยเกาหลีเหนือตีอย่าง
รนุ แรงแตก่ ระทำเปน็ ระยะ ๆ มงุ่ ลงมาตามถนนสายแวกวัน-เตกู (Waegwan Taegu) เป็นการเขา้ ตีตรงหน้าต่อ
กองพลทหารม้าท่ี 1 ปรากฏว่าการเข้าตไี ดผ้ ลเพยี งเลก็ นอ้ ย แต่การเขา้ ตีของข้าศกึ จากกุนวิ (Kunwi) ไปยงั เมือง
เตกูนั้นยังผลให้กองพลเกาหลีใต้ที่ 1 จำต้องถอนตัว ทำให้ถนนในที่ราบลุ่มจากตาปูไปยังเตกูเปิดโล่ง

19

นายพลวอล์เกอร์ พิจารณาเห็นว่าเมื่อเตกตู กอยู่ในสภาพอันตรายจึงได้ส่งกรมผสมที่ 27 และ 23 ซึ่งเป็นกำลงั
หนนุ ของกองทพั ไปช่วยหนุนกองพลเกาหลีใต้ท่ี 1 ในพ้ืนท่นี น้ั ใน 18 สงิ หาคม 1950 จึงเกดิ การรบอยา่ งดุเดือด
ชิงพื้นที่กลับไปกลับมาทางเหนือและทางใต้ ตามถนนบนที่ราบลุ่มจากซอย (Soi) ไปยังเตเบ (Taby) ในที่สุด
ข้าศึกก็ตอ้ งหยุดชะงักลง

การเข้าตีของเกาหลีเหนือที่กระทำในระยะนี้ ปรากฏว่ามกี ำลังไม่พอที่จะทำการขยายผลการเข้าตีแต่
ละครงั้ กระทำไม่เกินสามวัน ทัง้ นเ้ี พราะการตดิ ต่อสือ่ สารและการส่งกำลังบำรงุ ไม่สามารถจะสนับสนนุ ได้เกินกว่า
นน้ั ความรุนแรงสุดยอดของการเขา้ ตีมกั จะเป็นวันท่ีสองเสมอ ต่อมาในวันท่สี ามการเขา้ ตกี เ็ พลามือลง เม่ือการ
เข้าตีของระยะนี้ได้สิ้นสุดลงแล้วจากการลาดตระเวนทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นดิน ปรากฏชัดว่าข้าศึกได้
พยายามทุกวิถีทางทจี่ ะรวบรวมกำลงั เพ่อื จะปิดฉากการเขา้ ตีอย่างขนานใหญ่ในโอกาสต่อไป

ระยะที่สอง (27 สิงหาคม 1950 ถึง 15 กันยายน 1950) ข้าศึกเข้าตีอย่างรุนแรงเกือบโดยรอบแนว
ป้องกันปรากฏชัดว่ายุทธศาสตร์ของจอมพล ชอย (Choi) นั้นมุ่งที่จะมิใหน้ ายพลวอล์เกอร์ โยกย้ายกำลังหนุน
จากด้านหน่งึ ไปช่วยอกี ดา้ นหนึง่ ดงั เช่นทีเ่ คยปฏบิ ัติมาในระยะแรก

เกาหลีเหนือเปิดฉากการรุกด้วยการเข้าตีรอบเมอื งโปแฮง เมื่อ 26 สิงหาคม 1950 เนื่องจากข้าศึกมี
กำลังเหนือกว่ากองทัพน้อยเกาหลีใต้ที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายต้านทาน จึงจำเป็นต้องส่งกำลังหนุนเข้าช่วยโดยด่วน
ตอ่ มาใน 31 สงิ หาคม 1950 เวลา 2400 น. ขา้ ศกึ ใชก้ ำลัง 6 กองพล รวมกบั รถถงั อกี 2 - 3 กรม เปดิ การเข้าตี
หลักตลอดแนวด้านตะวันตกคิดเป็นแนวยาวประมาณ 45 ไมล์ ซึ่งมีกำลังของกองพลที่ 2 และ 45 ยึดอยู่
ด้านของกองพลที่ 25 มีการต่อสู้อยา่ งทรหด ข้าศึกหยุดชะงักลงหลังจากยดึ พืน้ ทีไ่ ด้มากโข อย่างไรก็ดีภายใน
5 กันยายน 1950 กองพลนี้สามารถผลักดันข้าศึกให้กลับไป แล้วเข้ายึดแนวเดิมไว้ได้ในด้านของกองพลที่ 2
ต้องต่อสู้กับข้าศึกอย่างทรหด ข้าศึกสามารถเจาะแนวป้องกันข้ามแม่น้ำแนคตองเข้ามาไดถ้ ึง 17 แห่งด้วยกัน
และยดึ พ้นื ท่ีและลกึ เขา้ ไปเป็นระยะ 4-6 ไมล์ ด้วยความช่วยเหลอื ของกองหนนุ และกองพลนอ้ ยนาวิกโยธินที่ 1
ฝ่ายสหรัฐจึงสามารถลงหัวสะพานต่างๆ ของข้าศึกที่กล่าวเป็นผลสำเร็จภายใน 1 สัปดาห์ ทางด้านเหนือเตกู
ระหวา่ ง 3-10 กนั ยายน 1950 การรบคงดำเนนิ ไปอยา่ งดุเดอื ดเกาหลีเหนอื สามารถเจาะแนวเข้ามาไดป้ ระมาณ
6,000-8,000 หลา ตรงแนวปอ้ งกันของกองพลทหารมา้ ที่ 1 และกองพลเกาหลีใต้ อย่างไรกด็ ี ฝ่ายเรากย็ ังรกั ษา
เมอื งเตกไู วไ้ ด้

แมก้ องทัพที่ 8 จะสามารถรักษาสถานการณ์อันล่อแหลม ท่ีบริเวณหวั หาดท่กี ล่าวนี้ ให้ผ่านพ้นไปได้ก็
ตามการยทุ ธโดยทั่ว ๆ ไปกค็ งดำเนินไปดว้ ยความหนักหนว่ งตลอดแนวการยุทธท่ีดำเนินไปเป็นเวลาหกสัปดาห์
น้ัน ฝา่ ยปอ้ งกันได้ใช้เส้นทางคมนาคมภายในและความคล่องแคล่วในการเคลอื่ นทตี่ ่อส้กู บั กำลังทเี่ หนือกว่าฝ่าย
รุกรานไม่มโี อกาสท่ีจะรวบรวมพลังการสง่ กำลังบำรงุ เพอ่ื สนับสนนุ ในการขยายผล เมือ่ เจาะเข้าไปได้แล้วแม้แต่
ครง้ั เดยี ว

นับแต่เกดิ สงครามในเกาหลีเป็นตน้ มา กำลังทางอากาศของสหประชาชาติไดอ้ อกปฏิบัติการ 28,000
ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการช่วยสนับสนุนการยุทธทางภาคพื้นดิน การโจมตีทิ้งระเบิดเพื่อขัดขวางการปฏิบัติของ
ข้าศึกกน็ บั วา่ ได้ผลกล่าวคอื เกาหลีเหนอื ไมส่ ามารถปฏบิ ัติการเป็นหนว่ ยใหญไ่ ด้จนกระทั่งปลายเดือนสิงหาคม
นอกจากน้นั ยังได้ทำลายทหี่ มายทางยุทธศาสตร์เป็นผลสำเร็จหลายแห่ง

20

การทก่ี องทพั เกาหลีเหนอื ยังสามารถสง่ กำลงั บำรงุ ให้แก่กำลังรบของตนได้ ทัง้ ๆ ที่ถูกโจมตที างอากาศ
อยา่ งหนักเชน่ นี้นบั ว่าเป็นเรือ่ งทนี่ ่าสนใจยิ่ง การโจมตีทางอากาศของฝ่ายเราไม่สามารถหยุดยง้ั การเคล่ือนย้าย
ทางรถไฟของข้าศึกได้โดยสิ้นเชิง เพราะในเวลากลางวันเกาหลีเหนือเอารถไฟหลบไว้ตามอุโมงค์พอตกเวลา
กลางคนื จึงไดอ้ อกลำเลียง อยา่ งไรกด็ ีในกลางเดอื นสงิ หาคม ข้าศึกขาดแคลนรถยนต์ที่จะลำเลียงสัมภาระจาก
รถไฟไปยงั สนามรบ เพอ่ื แก้อุปสรรคนี้เกาหลเี หนือได้ใช้เกวียนและเกณฑพ์ ลหาบหามจากเกาหลีใต้ ต่อมาการ
ส่งกำลังของขา้ ศึกเลวลงตามลำดับ ยังผลให้ทหารขาดแคลนอาหารและเส้ือผ้าแม้ว่าน้ำมันเชื้อเพลงิ ในคลังจะ
เพยี งพอสำหรบั ยานเกราะ แตก่ ็ไม่สามารถลำเลยี งมาเพมิ่ เตมิ ไดอ้ กี ส่วนอาวธุ กระสุนนน้ั อยใู่ นระดบั ท่ีพอทำการ
รบตอ่ ไปได้

ตรงข้ามกับการส่งกำลังบำรุงของสหประชาชาติ แม้ว่าความต้องการจะเพิม่ ขึน้ เป็นเงาตามตัวกับการ
รบก็ตาม ฝ่ายเราอยใู่ นสภาพที่อดุ มสมบรู ณ์เพียงเดือนสิงหาคมเดอื นเดียว ยทุ โธปกรณ์และเสบียงอาหารมาข้ึน
ที่เมืองปูซาน มีจำนวนถึง 595,500 ตัน แม้ว่าเส้นทางรถไฟที่ถูกทำลาย หรือท่ีข้าศึกเข้าครอบครอง นับเป็น
ระยะทาง 150 ไมล์ก็ตาม เสน้ ทางรถไฟยงั ไดช้ ่วยลำเลยี งสมั ภาระตา่ ง ๆ ไปยงั แนวรบไดถ้ งึ 108,000 ตัน ส่วน
บริเวณทีอ่ ย่ตู ามชายฝั่งก็อาศยั ทางเรือชว่ ยลำเลยี งให้

การเจาะวงล้อมทหี่ วั หาดปซู าน กอ่ นท่กี องทัพที่ 8 จะเปดิ การรกุ เพียงเล็กน้อย ข้าศกึ ไดเ้ ร่ิมเข้าตีทาง
ตะวันออกจากเมอื ง Waegwan และในคนื วันท่ี 15 กนั ยายน 1950 ข้าศึกได้เข้าตีทางด้านเหนอื พ่งุ เข้าหาเมือง
Taegu แมว้ า่ จะถกู คกุ คามด้วยการเข้าตี รวมทง้ั ฝนตกหนัก จนทำใหส้ นามบินเกือบจะใช้การไมไ่ ด้เลย กองทัพ
ที่ 8 ก็คงเปิดการรกุ ใน 16 กนั ยายน 1950 โดยไมม่ กี ารเปล่ียนแปลง

การยกพลขึ้นบกที่เมืองอินซอน (Inchon) และการรุกเข้าไปยังด้านหลังข้าศึก ยังไม่เกิดผล
กระทบกระเทอื นแกก่ องทพั ของจอมพลซอยในเกาหลใี นทันทีทนั ใดและความได้เปรยี บของกองทัพที่ 8 ก็ยังไม่
ปรากฏให้เห็นชัดเจน กว่าจะถึงวันที่ 20 กันยายน 1950 ข่าวในขณะนั้นก็มีเพียงว่าสหประชาชาติสามารถ
เจาะแนวตา้ นทานดา้ นหลงั ของขา้ ศกึ ไดเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย แต่เม่ือวงล้อทีเ่ มืองปูซานถูกเจาะ หลงั จากนั้นกไ็ ม่มีส่ิงใด
สามารถขัดขวางการรกุ ของกองทพั ท่ี 8 ไวไ้ ด้

กองพลท่ี 25 รุกคืบหน้าไปตามถนนมาซัน-ซินจู (Masan-Chinju) โดยมีเรือรบนอกฝั่งทางใต้ช่วยยิง
สนับสนุนให้ การรบหนักได้เกิดขน้ึ เพยี งสองสามวันแรกเทา่ นนั้ ตอ่ จากนนั้ การรุกคบื หนา้ เป็นไปอย่างสะดวก ใน
26 กนั ยายน 1950 กองพลนเี้ คลือ่ นทไ่ี ปถึงบรเิ วณซ่งึ อยหู่ ่างจากเมืองซนิ จไู ปทางตะวันตกสองสามไมล์ ทางด้าน
ของกองพลที่ 2 มีการสู้รบอยางหนักเพียงสองสามวันแรก ต่อจากนั้นการต้านทานของข้าศึกก็อ่อนลง จึง
สามารถรกุ คืบหนา้ มุ่งไปยงั เมืองโกซงั (Kosang) ได้อยา่ งรวดเร็ว

กองทัพน้อยที่ 1 ซึ่งประกอบด้วย กองพลทหารม้าท่ี 1 กองพลทหารราบที่ 24 กองพลทหารราบ
เกาหลใี ต้ที่ 1 และกองพลน้อยท่ี 1 ของจกั รภพองั กฤษ ไดร้ กุ คืบหนา้ กวาดล้างขา้ ศกึ อย่างรวดเร็ว กองพลท่ี 24
เดิมทีเดียวเปน็ กองหนนุ ของกองทัพน้อยท่ี 1 หลังจากเจาะวงล้อมสำเร็จแลว้ ทัง้ สองกองพลนี้ได้รุกคืบหน้าข้าม
แมน่ ำ้ แนตตอง แลว้ พุ่งไปทางตะวนั ตกเฉียงเหนือ เพียงในวันที่ 26 กนั ยายน 1950 วนั เดยี วกำลังส่วนหน้าของ
กองพลทหารม้าที่ 1 เจาะลึกเข้าไปหลังแนวขา้ ศึกได้ถึง 100 ไมล์ เพื่อจะไปบรรจบกับกำลังส่วนหน้าของกอง
พลทหารราบที่ 7 บรเิ วณเมอื งโอซนั (Osan)

21

แมว้ า่ กำลัง 8 กองพลของเกาหลเี หนือจะถกู ตตี ัดขาดเป็นส่วน ๆ ในพ้ืนที่ตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีก็
ตามแต่กำลังเหลา่ น้ีกย็ ังมีช่องทางเล็ดลอดไปทางเหนือได้ โดยแยกเป็นหน่วยเลก็ ๆ มีทหารเกาหลเี หนือจำนวน
ไม่น้อยท่ที ิ้งอาวธุ แลว้ แตง่ กายเป็นพลเรือนปะปนกับชาวบ้าน จงึ เป็นการยากย่ิงที่จะสงั เกตได้ว่าคนไหนทหาร
หรอื เปน็ พลเรอื น ถงึ กระนั้นก็ดีเฉพาะต้งั แตว่ ันท่ี 15-30 กนั ยายน 1950 สหประชาชาติ สามารถจบั เชลยได้ถึง
23,600 คน

ในช่วง 15-30 กันยายน ค.ศ.1950 การตีฝ่าจากปริมณฑลพร้อม ๆ กับที่กองทัพที่ 8 สามารถตีฝ่า
วงลอ้ มออกไปได้ กองพลทหารมา้ ที่ 1 กน็ ำหน้ากองทพั เกาหลเี หนือของจอมพลโซ ซึ่งเสน้ ทางลำเลยี งถกู ตัดขาด
ถูกคุกคามทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังก็แตกกระเจิง กองทหารม้าที่ 1 และกองพลทหารราบที่ 7 มาพบกัน
เมื่อกรุงโซลถูกปลดปล่อยในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.1950 ทหารเกาหลีเหนือถูกจับเป็นเชลย 23,600 คน
รวมท้ังอาวุธยทุ โธปกรณ์เกือบทงั้ หมด ทเ่ี หลือกระจดั กระจายหลบหนไี ปคนละทางสองทาง

1 ตลุ าคม-พฤศจกิ ายน ค.ศ.1950 รกุ ถึงแม่นำ้ ยาลู (Yalu) สหประชาชาตแิ ละประธานาธบิ ดอี อกคำส่ัง
ให้นายพลแมคอาร์เธอร์ ทำการรุกขึ้นเหนือ แมคอาร์เธอร์ได้สั่งให้กองทัพที่ 8 รุกข้ามเส้นขนานที่ 38
(1 ตุลาคม) ทหารเกาหลีใต้บุกขน้ึ ไปก่อน สว่ นกองทัพท่ี 8 ตดิ ตามไปภายหลัง (9 ตุลาคม) ทงิ้ ทหารไว้สองกอง
พลทางใต้ เพื่อรักษาเส้นทางคมนาคมระหว่างปูซานไว้ และคอยกวาดล้างกองกำลังเกาหลีเหนือที่กระจัด
กระจายอยู่ ขอ้ เสยี เปรียบที่รา้ ยแรงที่สุด ก็คือ การสัง่ ห้ามมใิ ห้เครือ่ งบนิ ของสหประชาชาติปฏิบัติการเหนือแม่
น้ำยาลู (ติดพรมแดนแมนจูเรีย) ไม่ว่าในกรณีใด เปียงยาง (Pyongyang) นครหลวงของเกาหลีเหนือแตก
(20 ตุลาคม) โดยการบุกทั้งส่งทางอากาศ (ชุดทำการรบกรมทหารราบท่ี 187) และการบุกทางบก
กองพลทหารราบที่ 6 เกาหลีใต้ บุกไปถึงแม่น้ำยาลูที่โซซาน (Chosan) ส่วนทหารเกาหลีใต้หน่วยอืน่ ๆ ขยาย
แนวอยู่ข้างหลัง ในขณะนี้หน่วยทหารอื่น ๆ ในนามของสหประชาชาติ ได้เข้าสมทบกันกองทัพบกที่ 8 สหรัฐ
ไดแ้ ก่ กองพลนอ้ ยตุรกี แคนาดา ฟิลิปปินส์ เนเธอรแ์ ลนด์ และประเทศไทย

ในระหว่างวนั ท่ี 16-26 ตุลาคม 1950 กองทพั นอ้ ยเอ็กซ์ (X) สหรัฐข้นึ บกท่ีอนิ ซอน แล้วเคลื่อนทัพไป
ทางฝ่ังตะวันออกถึงวอนซาน (Wonsan) (19 ตุลาคม) ซงึ่ กองทัพน้อยที่ 1 เกาหลใี ตย้ ึดไวไ้ ด้แล้ว การยกพลข้ึน
บกล่าช้าไปถึงเจ็ดวัน เนื่องจากต้องกวาดทุ่นระเบิดแบบล่าสุดที่เกาหลีวางเอาไว้ โดยการช่วยเหลือจากรัสเซีย
ในระหว่างนี้เองที่การคุกคามของจีนคอมมิวนิสต์ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อจีนคอมมิวนิสต์ได้ชุมนุมพลอยู่ทาง
เหนอื ของแมน่ ้ำยาลูในแมนจเู รยี ในเม่อื มกี ารหา้ มทำการบนิ ตรวจการณ์เหนอื พื้นทน่ี ้ัน แมคอาร์เธอรจ์ ึงไมท่ ราบ
กำลังทีแ่ น่นอนของข้าศกึ และไม่ทราบว่าขา้ ศกึ วางกำลงั อยู่ทไ่ี หนกนั แน่ จนกองพลเกาหลเี หนือสว่ นล่างหน้าถูก
ซุ่มโจมตีและกรมทหารราบสหรัฐที่อันซาน (Unsan) ถูกโจมตีเสียหายอย่างย่อยยับ(1 พ.ย.) เขาจึงทราบว่า
ทหารจีนคอมมิวนิสต์เป็นจำนวนมาก ชุมนุมพลอยูท่ างตอนใต้ของแมน่ ำ้ ยาลูวอล์เกอร์สัง่ ใหถ้ อยมารวมพลจดั
กำลงั ใหม่ ตามลำแมน่ ำ้ ซองซอน (Chongchon)

แผนและปัญหาของแมคอาร์เธอร์ ความตั้งใจของเขาคือ ให้แนวหน้าทั้งหมดบุกขึ้นไปทางเหนือของ
คาบสมุทร กองทัพน้อยเอ็กซ์อยู่ทางฝง่ั ตะวันออก ตีวงลอ้ มกวาดเข้าไป ส่วนกองทัพบกที่ 8 ทางตะวันตก โอบ
ไปทางตะวันตกเมื่อถึงแม่น้ำยาลู ขับไล่ทหารข้าศึกที่อยู่ใต้พรมแดนเข้าไปหากองทัพท่ี 8 ในเมื่อภูมิประเทศ
ตอนกลางเป็นท่ีเต็มไปดว้ ยภูเขาและแยกกนั อยอู่ ย่างโดดเดีย่ ว ไมส่ ามารถท่ีจะสนับสนุนซ่งึ กันและกันได้ กำลัง

22

เหล่านี้จะต้องปฏิบัติรับคำสั่งจากแมคอาร์เธอร์โดยตรงในโตเกียว กองทัพน้อยเอ็กซ์ของนายพลแอลมอนด์
(Almont) บดั นีป้ ระกอบด้วยกองพลนาวกิ โยธินที่ 1 ที่ 3 และท่ี 7 สหรฐั กองทพั น้อยที่ 1 เกาหลีใต้ (กองพลท่ี
3 นครหลวง) กองทัพบกท่ี 8 มีกำลัง 9 กองพล แบ่งออกเป็นกองทัพน้อย 3 กองทัพ กองทัพท่ี 1 และที่ 9
สหรัฐ และกองทัพเกาหลีใต้ที่ 2 จากซ้ายมาขวา รวมกำลังทั้งสิ้น 200,000 คน หน่วยสนับสนุนเขตหลัง
ประมาณ 150,000 คน หรือมากกวา่ นอกจากกองทัพนอ้ ยเกาหลีใต้แล้ว ยงั มที หารเกาหลีใต้ 21,000 คน เข้า
รว่ มในหน่วยทหารสหรฐั ด้วย

วันที่ 27 พฤศจิกายน 1950 ถึงวันท่ี 9 ธันวาคม 1950 กองทัพน้อยเอ็กซ์ถอยทัพในเขตตะวันออก
ทหารจนี อีก 120,000 คน บุกเขา้ มาทง้ั สองด้านของอ่างเกบ็ น้ำชังจิน (Changjin) ทำให้กองพลนาวิกโยธินท่ี 1
ถกู ตดั อยโู่ ดดเด่ยี ว และขบั ไล่หน่วยทหารจากกองพลท่ี 3 และท่ี 7 แตกกระจาย ทหารเกาหลีใตข้ องปีกชายฝั่ง
ทะเล รีบถอยตามคำส่ังของแอลมอนด์ โดยไม่สญู เสยี มากนัก แมคอารเ์ ธอรอ์ อกคำส่ังให้ถอยทหารท้ังหมดทันที
เพราะว่าคอมมิวนสิ ต์บุกเข้าสู่เมืองท่าฮุงนาม (Hungnam) และวอนซาน (Wonsan) คุกคามที่จะทำลายลงให้
ย่อยยับ เรือลำเลียงกองทพั เรอื รีบเร่งเดินทางไปยังท่าเรอื ทั้งสองทันที จัดวางกำลังป้องกนั เป็นแนวปริมณฑล
โดยหนว่ ยทหารกองพลท่ี 3 และที่ 7 ส่วนกองพลนาวิกโยธินท่ี 1 ภายใตน้ ายพลโอลเิ วอร์ สมิท (Oriver smith)
รวมกำลังทางใต้ของอ่างเก็บนำ้ โซซิน (Chosin) เมื่อถูกทหารคอมมิวนิสต์ล้อมถึง 8 กองพล นายพลสมิธบอก
ทหารของเขาว่าเขาจะไมถ่ อย แต่ให้ตีฝ่าออกไปอีกทางด้านหน่ึง ทางตะวันออกเฉยี งใต้ของฮุงนาม และได้รับ
การส่งสัมภาระจากกองทพั อากาศภาคตะวันออกไกล เมื่อคอมมิวนิสต์ทำลายสะพานท่ีมีอยู่เพียงสะพานเดยี ว
ทำให้รถถังและรถบรรทุกไม่สามารถข้ามไปได้ ส่วนของสะพานก็ถูกส่งมาทางอากาศ ทำให้หน่วยนาวิกโยธนิ
เคลื่อนที่มาทางใต้ได้ต่อไป 13 วัน ในการต่อสู้ไปพลางเคลื่อนทัพไปพลาง สิ้นสุดลง (9 ธันวาคม) เมื่อขบวน
ทหารจากองพลท่ี 3 พบกับสว่ นหนา้ ของนาวกิ โยธนิ ท่ีปริมณฑลฮุงนาม

วันท่ี 5-15 ธันวาคม 1950 เป็นการอพยพของกองทพั น้อยเอ็กซ์ ทั้ง ๆ ที่คอมมิวนิสต์โจมตปี รมิ ณฑล
ของท่าเรือทั้งสองแห่ง การส่งกลับทางอากาศและทางเรือดำเนินไปอย่างเรียบร้อย การสนับสนุนทางอากาศ
ของกองทัพอากาศและกองทพั เรือ รวมท้งั การระดมยิงจากเรอื รบ ทำให้การขนทหารลงเรอื ครัง้ สดุ ท้ายลุล่วงไป
ได้ทั้งหมด ทหารเกาหลีเหนือและทหารสหรัฐถูกลำเลียงทางเรือ 105,000 คน รวมทั้งผู้ลี้ภัยพลเรือนอีก
98,000 คน สัมภาระ 35,000 ตนั ยานพาหนะ 200 คนั กองทพั อากาศภาคตะวันออกไกล อพยพทหาร 3,600
คน สมั ภาระ 1,300 ตัน ยานพาหนะ 200 คัน เมื่อถึงปูซานกองทพั น้อยเอก็ ซก์ เ็ ข้ารวมกับกองทพั ที่ 8 เปน็ กำลัง
หนนุ ทางยทุ ธศาสตร์
การแทรกแซงของจนี คอมมิวนสิ ต์

3 พฤศจิกายน 1950 ถึง 24 มกราคม 1951 ในแนวรบของทหารเกาหลีใต้บริเวณเมืองอันซาน
(Unsan) ปรากฏว่า การต้านทานของข้าศึกแข็งแกร่งผิดปกติ และมีข่าวว่าทางด้านนี้มีทหารจีนร่วมอยู่ด้วย
ตอนแรกทีเดียวก็ยังไม่แน่ชัดว่าทหารจีนคอมมิวนิสต์เหล่านี้เพียงแต่มาช่วยเสริมกำลังเกาหลีเหนือ หรือเป็น
ทหารจีนคอมมิวนิสต์ล้วน แต่มามีข่าวยืนยันแน่ชัดว่าเป็นทหารจีนล้วน ข้าศึกได้เปิดการเข้าตีต่อกองพลที่ 6
และกองพลท่ี 8 เกาหลีใต้ ผลักดันกำลังส่วนนี้ให้ถอยร่นไปยังแม่น้ำซองซอน (Chong Chon) เมื่อเหตุการณ์
กลับหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ย่อมเป็นการคุกคามกำลัง ที่เมืองชีนันจู (Sinanju) อย่างไม่เป็นปัญหา ดังนั้น

23

นายพลวอลเ์ กอร์ จึงตกลงใจใหก้ ำลงั ส่วนท่ีถอนตัวและสั่งให้ที่มน่ั ทางด้านกลาง ซงึ่ มลี ักษณะเป็นถุงยื่นออกไป
ถอนตวั มายึดตามแนวแมน่ ้ำซองซอนด้วย

ในดา้ นของกองทัพนอ้ ยที่ 10 ขา้ ศึกต้านทานอย่างเข้มแข็งมเี ฉพาะบริเวณอย่างเก็บนำ้ โซซนิ (Chosin)
และฟูเซน (Fusen) เท่านั้น กำลังของกองพลที่ 7 ซึ่งสังกัดในกองทัพน้อยที่ 10 เริ่มขึ้นบกที่เมือง ไอวอน
(Iwon) เมื่อ 20 ตุลาคม แล้วรีบเคลื่อนท่ีไปยังเมืองปงุ ซาน (Pungsan) เข้าตีข้าศึกซึ่งกระจัดกระจายกันอยูใ่ น
บริเวณนั้น และใน 20 พฤศจิกายน กำลังส่วนนี้ได้รุกข้ามพรมแดนแมนจูเรียเข้าไปยังเมืองฮิเยซานจิน
(Hyesanjin) ซึ่งสภาพอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์ ภายในไม่กี่วัน กองพลที่ 7 ก็เข้ารับผิดชอบในกว้าง
ด้านหน้าจากเมืองยีซานซิน ไปถงึ ตะวนั ออกอ่างเก็บโซซนิ (Chosin )

เนื่องจากตั้งแต่ 15 กันยายน 1950 ถึง 24 พฤศจิกายน 1950 หน้าที่ของกำลังทางอากาศที่ให้
สนับสนนุ อยา่ งใกล้ชิดทางพนื้ ดินได้ลดนอ้ ยลง กำลังทางอากาศจึงเปลี่ยนจากหนา้ ทีเ่ ดิมมาทำการโจมตีขัดขวาง
การเคลื่อนที่ของข้าศกึ เพียงในเดือนพฤศจกิ ายนเดือนเดียวกำลังทางอากาศสามารถทำลาย รถพ่วงของข้าศึก
650 คัน หัวรถจักร 78 คัน รถยนต์กว่า 1,800 คัน และสะพานมากกว่า 70 สะพาน ในการขัดขวางการจัดตง้ั
กำลังรบของข้าศึกนั้น นับว่าได้ผล เพราะว่าเส้นทางคมนาคมที่มาจากแมนจูเรียนั้น ถูกโจมตีจนใช้การไม่ได้
และการลำเลียงขนส่ง ทำได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น การกำจัดเขตไม่ให้กำลังทางทหารอากาศของ
สหประชาชาติบินล้ำเข้าไปในดินแดนแมนจูเรียนั้น นับว่าเป็นการเสียหายอย่างใหญ่หลวง เพราะจะทำให้การ
รุกเข้าหาสะพานข้ามแม่น้ำยาลูไม่สะดวก และเป็นการกำจัดการปฏิบัติการของเครื่องบินขับไล่ ที่ทำการ
คุ้มครองเครื่องบินทิ้งระเบิด มิให้สามารถตรวจตราล้ำเข้าไปในดินแดนฝั่งเหนือ ยิ่งกว่านั้นกลับได้ประโยชน์
อย่างมากมายแก่ฝ่ายข้าศึกกล่าวคือ เปิดโอกาสให้ข้าศึกรวบรวมกำลังทางอากาศได้อย่างปลอดภัยในพื้นท่ี
ดังกล่าว และกำลังทางอากาศของข้าศึกยังสามารถฉวยโอกาสบินข้ามเขตเข้ามาทำลายฝ่ายเรา และบินหนี
กลับไปในดินแดนแมนจเู รยี อยา่ งปลอดภยั ด้วย

นับต้งั แตต่ ้นมาจนถึง 1 พฤศจิกายน เครอ่ื งบินของสหประชาชาติได้สรู้ บกับเครือ่ งบินเกาหลีเหนือ ซ่ึง
เป็นชนิดที่ล้าสมัยทั้งสิ้น ดังนั้น ฝ่ายสหประชาชาติได้เสียเครื่องบินไปเพียง 8 เครื่อง ส่วนข้าศึกนั้นเสียไปถึง
102 เครื่อง ในวันท่ี 1 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันแรกที่กำลังทางอากาศของสหประชาชาติได้เผชิญกับเครื่องบิน
อันทันสมัยของข้าศึกเป็นเครื่องบิน มิก 15 สร้างในรัสเซีย เมื่อเกิดการปะทะกันทางอากาศชั่วเวลาเล็กน้อย
เคร่อื งบนิ ขา้ ศกึ ดงั กล่าวกไ็ ดผ้ ละหนีไปในดินแดนแมนจูเรยี

กองทัพที่ 8 ได้รับกำลังหนุนเพิ่มเติมมาตามลำดับโดยรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ อาทิ ฟิลิปปินส์
ออสเตรเลยี ตุรกี ไทย และฮอลแลนด์ ได้ส่งกำลังทหารมาช่วยด้วยความเต็มใจ นอกจากน้นั กำลงั สว่ นหนา้ ของ
ฝรั่งเศส แคนาดา และจักรภพองั กฤษ กบั หน่วยเสนารกั ษ์ของสวเี ดน ก็ทยอยมาถงึ กำลังพลของทหารสหรัฐที่
ขาดไปกไ็ ด้รบั ความร่วมมือจากทหารเกาหลีใต้ การเร่งปรับปรุงไดก้ ระทำเพือ่ ความมุ่งหมายสองประการควบคู่
กันไปคอื ปรับกำลังของสหประชาชาติให้อยู่ในระดับทีแ่ ข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันก็พยายามฝึกทหารเกาหลใี ต้
ให้อยู่ในสภาพทจ่ี ะพ่งึ ตัวเองได้ในโอกาสตอ่ ไป ใน 25 พฤศจิกายน 1950 กำลงั ภาคพ้ืนดินของสหประชาชาติใน
เกาหลมี ปี ระมาณ 420,000 คน เปน็ ทหารสหรัฐเสยี 177,000 คน ทหารเกาหลีใต้ประมาณ 200,000 คน

24

การบุกเกาหลีใต้ครั้งที่ 2 ของเกาหลีเหนือ วันท่ี 1-15 มกราคม 1951 การบุกครั้งที่สองของ
คอมมวิ นิสต์ ด้วยการเตรียมล่วงหน้ามาเปน็ เวลานานานคอมมิวนิสตไ์ ด้บุกข้ามเส้นขนานที่ 38 ลงมาเม่ือรุ่งสาง
มุ่งสู่เขตตะวันตก ทหารจีน 400,000 คน รวมทั้งทหารเกาหลีเหนือ 100,000 คน ผลักดันกองทัพบกที่ 8
จำนวน 200,000 คน ถอยกลับลงมาทางใต้เกือบถึงโซล ครั้งแล้วในวันท่ี 3 มกราคม คอมมิวนิสต์บุกหนักทาง
ตะวันออกของอ่างเก็บน้ำซุงปอง (Chungbong) ตีกองพลเกาหลีใตท้ ัง้ สองปีกของกองพลท่ี 2 สหรัฐ ซ่ึงต้องต่อสู้
อยา่ งรุนแรงจงึ จะผละออกมาได้ เมื่อกำลงั หนุนของรดิ จเ์ วย์ กองพลท่ี 3 และที่ 7 รบี รดุ มาช่วยเหลือ

วันที่ 7-31 มีนาคม 1951 ยุทธการ “ริปเปอร์” (Lipper) เป็นปฏิบัติการทำลายล้างทหารขา้ ศึกใหไ้ ด้
มากที่สุด และปลดปล่อยโซล และตัดเส้นทางลำเลียงสัมภาระของข้าศึกที่ซุนซอน (Chunchon) ทำให้ข้าศึก
ต้องล่าถอย สหประชาชาติข้ามแม่น้ำฮานทางตะวันออกของโซล ในวันท่ี 14 มีนาคม หน่วยลาดตระเวน
กองทพั น้อยท่เี หน็ วา่ โซลถกู ทง้ิ แตแ่ ลว้ ทหารจีนก็ต่อต้านอย่างเขม้ แขง็ เม่ือทหารส่งทางอากาศ (ชดุ การรบกรม
ทหารราบที่ 187) ลงท่ีมุมซาน (mumsan) 25 ไมล์ทางเหนือของโซล ทำใหค้ อมมวิ นิสต์ตอ้ งลา่ ถอย กองทพั บก
ที่ 8 บุกเขา้ ไปถงึ แนวเดิม ตามเสน้ ขนานท่ี 38 (31 มีนาคม) แมคอารเ์ ธอร์และรดิ จเ์ วย์ ตกลงใจที่จะรุกขึ้นไปถึง
“สามเหลี่ยมเหล็ก” (Iron Triangle) ที่เปียงกัง (Pyonggang) ซอร์วอน (Chorwon) กุมหว่า (Kumhwa) ซึ่งเป็น
แหลง่ ชุมนมุ สัมภาระและชมุ ทางคมนาคมของจนี

ในวันที่ 11 เมษายน 1951 ประธานาธิบดีทรูแมนได้ปลดแมคอาร์เธอร์ ออกจากผู้บัญชาการทหาร
สหประชาชาติ และ ผบ.ทหารสหรัฐในตะวันออกไกล ริดจ์เวย์ได้รับตำแหน่งแทน พลโทเจมส์ เอ.แวนฟลีต
(Lt.Gen James A. vanfleet) รีบเดนิ ทางจากสหรฐั เพอื่ รับตำแหน่งผบู้ ญั ชาการกองทพั บกท่ี 8 สหรัฐ

การรุกเข้าหาสามเหลี่ยมหลัก (Iron triangle) แม้ว่า นายพลแวนฟลีท จะเชื่อมั่นว่ากองทัพที่ 8 จะ
สามารถผลักดันกำลังทหารจีนคอมมวิ นิสต์ให้ถอยร่นไปทางเหนือเส้นขนานท่ี 38 ก็ตาม แต่ตามข้อเท็จจริงแล้วมี
กำลังพลและอาวธุ ยุทโธปกรณ์ ไมเ่ พยี งพอท่ีจะทำลายกำลังของขา้ ศกึ ได้ ดงั นัน้ จงึ ตกลงใจวา่ ในขณะท่ีกำลังหนุน
สร้างแนวที่มั่นตั้งแต่มันซานผ่านแยงกูไปถึงฝั่งตะวันออกอยู่นั้น ให้กำลังส่วนที่เหลือของกองทัพที่ 8 คงรุก
คืบหน้าต่อไปโดยใช้ยุทธวิธีเดิมซึ่งเคยใช้แล้วตั้งแต่เดือน มกราคม ความมุ่งหมายของการรุกที่กล่าวนี้ก็คือ
ผลักดันขา้ ศึกในด้านตะวันออก เพ่อื ไปยังพืน้ ท่ที างเหนอื ของอินเจ (InJe) ซ่ึงเป็นท่ีม่ันอันม่ันคงของคอมมิวนิสต์
มีชื่อว่า “พันซ์โบวล์” (Punch Bowl) ส่วนทางด้านตะวันตกกร็ ุกคบื หน้าไปสู่พืน้ ที่สามเหลี่ยมเหลก็ ชอร์วอน-
เบียงกงั -กุมหว่า (Chorwon-Pyonggang-Kumhwa) ทางสดุ แนวรบทางด้านตะวนั ตกไม่ได้กำหนดแผนการรุก
ไว้แต่อย่างใด ในด้านนที้ ราบว่าข้าศึกกำลงั เสริมทมี่ ่นั ใหแ้ ขง็ แรงยงิ่ ขนึ้ หากกำหนดการรกุ ไว้ทางด้านน้ีจะทำให้
แนวรบขยายยาวออกไป

ทางด้านของกองทพั น้อยที่ 2 กองพลทหารเกาหลใี ต้ซ่งึ อยทู่ างด้านซา้ ยสามารถยดึ รกั ษาตามชายลำน้ำ
ไว้โดยตลอด กำลังอีกส่วนหนึง่ ของกองทพั น้อยหน่วยน้ีได้แก่ กองพลทหารม้าและกองพลทหารราบที่ 3 และ
25 ได้รบั หน้าท่ใี หป้ ฏิบัตกิ ารในการเข้าตหี ลักไดพ้ บกบั การต้านทานอยา่ งทรหดท่ามกลางพายุฝน และได้รับการ
สนับสนุนจากกำลังทางอากาศอย่างจำกัด จึงทำให้การรุกคืบหน้าของกองพลทั้งสามก่อนที่จะถึงสามเหลี่ยม
เหล็กเปน็ ไปอย่างเชอื่ งชา้ แมก้ ระน้นั ก็ตาม ชอว์วอน และกมุ หว่า ไปทางเหนือและสามารถไปบรรจบกันภายใน

25

เมืองเบยี งกังในวันท่ี 13 ม.ิ ย. 1951 หลังจากทกี่ ำลังทง้ั สองหน่วยไดอ้ อกทำการลาดตระเวนอย่างคร่าว ๆ แล้วก็
ถอนตวั กลบั ในแนวของสัมพนั ธมิตร ดงั นน้ั ข้าศกึ จึงสามารถยึดเมืองยองแกงกลับคนื ได้ เมอ่ื วนั ท่ี 17 มิ.ย. 1951

กองทัพน้อยท่ี 9 ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของกองทัพน้อยที่ 1 รุกคืบหน้าไปอย่างช้า ๆ ภูมิประเทศ
อนั ทรุ กันดารทางตะวนั ตกอ่างเก็บน้ำ ทำใหอ้ ำนาจการยิงและความคล่องตวั ลดนอ้ ยลงไปทหารต้องการใช้การ
เดินทางด้วยเท้าเป็นหลักค่อยๆรุกคืบหน้าเข้าสู่แนวต้านทานของข้าศึกทางใต้เมืองกุมซอง (Kumchong)
ทลี ะข้ันตามลำดับ

ทางด้านตะวันออกของอ่างเก็บน้ำ กองทัพน้อยที่ 10 สามารถยึดเมืองแยงกู (Yanggu) ได้เมื่อวันท่ี
2 มิ.ย. 1950 และเข้าตีฝ่าแนวต้านทานอันเข้มแข็งของทหารเกาหลีเหนือสองกองพันไปได้ช้า ๆ ข้าศึกใช้ปืน
ใหญ่ เครือ่ งยิงระเบดิ และอาวุธอตั โนมตั ิ ทำการยิงจากสันเขาอย่างรนุ แรง เพ่ือยับย้งั การเข้าตีของสัมพันธมิตร
ในวันท่ี 10 ม.ิ ย. 1950 จงึ สามารถรุกเขา้ ไปถงึ ขอบทางด้านใต้ของ “Punch Bow”

ถดั ไปทางตะวนั ออกในเขตปฏิบตั กิ ารของกองทพั น้อยที่ 9 กองทัพน้อยเกาหลีใตท้ สี่ ามารถลบส่วนยื่นที่
ฝ่ายข้าศึกสร้างไว้เป็นผลสำเร็จ นอกจากนัน้ กองพลเกาหลใี ต้ซึ่งปฏิบัติอยู่บริการฝ่ังตะวันออก ได้ทำการเข้าตี
และพบกับการต้านทานที่มีความแข็งแกร่งพอประมาณ ที่สุดก็สามารถยึดเมืองโซโด (Sodo) ไว้ได้ เมื่อวันท่ี
7 ม.ิ ย. 1951

ผลการยุทธของกองพลท่ี 8 นับแต่กลางเดือน มิถุนายน จนถงึ เริ่มเจรจาพักรบ ได้ผลคืบหน้าเล็กนอ้ ย
เท่านน้ั การปฏบิ ัติการสว่ นใหญเ่ ข้าตโี ดยจำกดั ทห่ี มาย แต่ข้าศึกกต็ า้ นทานอย่างทรหด การปฏบิ ัตซิ ่งึ นบั ว่าได้ผล
อย่างจริงจังนั้น อยู่ทางด้านของกองทัพน้อยท่ี 1 ซึ่งในตอนต้นเดือน มิถุนายน ในบริเวณนั้นหน่วยรบพิเศษ
รถถังทหารราบ ประสบผลสำเร็จในการกวาดล้างและยึดพื้นทีท่ ี่สำคัญของขา้ ศึกใต้เมืองบองยาง (Bongyang)
ทเี่ รยี กว่า “สามเหลยี่ มเหล็ก” ไวไ้ ด้ การสญู เสยี พนื้ ทดี่ ังกลา่ ว ทำให้ขา้ ศึกขาดแหล่งสะสมกำลงั รบ

วันท่ี 12-21 เมษายน 1951 กองทัพสหประชาชาติรกุ ต่อไป เมื่อเห็นว่าคอมมิวนิสต์เตรียมรุกตอบโต้
เพื่อสกัดกั้นการบกุ ท่ี “สามเหลยี่ มเหล็ก” นายพลแวนฟลที รกุ ตอ่ ไป ในระหวา่ งวันที่ 22 เม.ย. ถึง 1 พ.ค.1951
คอมมิวนิสต์เร่มิ บกุ โจมตีกองทัพน้อยท่ี 1 ทางเหนอื ของโซล อย่างหนกั หนว่ ง การถอยอยา่ งรวดเร็วของกองพล
ที่ 1 เกาหลีใต้ ทำให้กองพลน้อยท่ี 29 ของอังกฤษ ต้องเปิดโล่งทางปีกขวา กองพันทหารราบท่ี 1
กรมกลอสเตอรเ์ ซอร์ (Gloucestershire Reglment) ถูกตัดขาดหลังจากต่อสอู้ ย่างห้าวหาญในการป้องกันเนิน
เขาก็พยายามตฝี ่าขึ้นไปทางเหนอื รอดมาได้เพียง 40 คน นอกนนั้ ถกู ฆ่าตายหรือถูกจบั เป็นเชลย ในที่สุดการบุก
ของคอมมวิ นสิ ตก์ ล็ ้าลงจนหยุด (30 เม.ย.) ถูกทหารสหประชาชาติระดมยงิ ดว้ ยปนื ใหญ่อย่างหนักจนเสียทหาร
ไปประมาณ 70,000 คน กองทัพท่ี 8 เสียทหารไป 7,000 คน

ในระหว่างวันท่ี 22-23 พฤษภาคม 1951 สหประชาชาติจำกัดการโจมตีทางซ้ายสุด ตั้งมั่นท่ี
แม่น้ำอิมจิม (Imjim) ทางเหนือของมุนซาน แนวหน้าของสหประชาชาติทั้งแนวเคลื่อนขึ้นทางเหนือ
กองพลเมืองหลวงและกองพลท่ี 2 เกาหลีใตท้ างขวาสุดบุกอยา่ งรวดเรว็ ไปทางฝ่งั ตะวันออก โดยมีการต้านทาน
เพียงเล็กน้อยจนถึงคานซอง การบกุ ค่อนข้างชา้ ลงในตอนกลาง แตเ่ ร่งขึ้นเมือ่ ส้นิ เดือน นายพลแวนฟลีทจึงสั่งให้
หยดุ เพราะคณะเสนาธิการผสม ไม่อนมุ ัตใิ หบ้ กุ ต่อไป รัฐบาลสหรัฐเกรงการคุกคามของโซเวียตและไม่ต้องการ
ให้โลกเสรีตื่นตระหนกต่อผลที่ตามมา ตั้งแต่วันที่ 1-15 มิ.ย. 1951 กองทัพสหประชาชาติจึงรวมกำลังตั้งเปน็

26

แนวต้งั รับขา้ มคาบสมทุ รเกาหลี วนั ที่ 23 มิ.ย. 1951 โซเวยี ตเสนอให้มกี ารหยุดยงิ ในระยะหกเดอื นในการสู้รบ
จีนคอมมิวนิสต์ได้รับความเสียหายอย่างมากมาย สูญเสียทหารประมาณ 200,000 คน และยุทโธปกรณ์เป็น
จำนวนมหาศาลกองทัพอากาศสหรัฐโจมตอี ย่างหนักจนไม่สามารถใช้สนามบินทางใต้ของแม่น้ำยาลไู ด้ผู้แทนทั้ง
สองฝ่ายประชุมกนั ท่ีเคซองในเดือน ส.ค.-พ.ย. 1951 กองทหารของแวนฟลีทกวาดล้างสามเหลยี่ มเหล็ก ขับไล่
ทหารจีนถอยรน่ จากอ่างเก็บน้ำฮวั ซอน (Huichon) และทางรถไฟซอรว์ าน-โซล ทำใหค้ อมมวิ นสิ ตเ์ รยี กร้องให้มี
การหยุดยิงทันทกี ารเจรจาท่ชี ะงกั งันมาระยะหน่ึงก็เรม่ิ ตน้ ใหมใ่ นหมบู่ า้ นปันมนุ จอม ใน 12 พ.ย. 1951

ขณะที่การเจรจาที่หมู่บ้านปันมุนจอม (Panmunjon) โอ้เอ้อยู่นั้น ปฏิบัติการทางทหารย่อย ๆ ก็เกิด
ขึ้นอยู่เสมอตามแนวรบ นายพลริดจ์เวยไ์ ด้รับแต่งตั้งเปน็ ผู้บัญชาการกองทพั นาโต (NATO) และนายพลมาร์ค
ดับเบลิ ยู คลารก์ (Gen. Mark W. Clark) เขา้ มารบั ตำแหนง่ แทน คอมมวิ นิสตเ์ สริมสรา้ งกำลังของตนตลอดเวลา
ประมาณสน้ิ ปี กำลังทหารของคอมมิวนสิ ต์มถี งึ 800,000 คนในเกาหลี สามในสเ่ี ปน็ ทหารจีน โซเวียตก็สง่ ปืนใหญ่
สนามเข้ามารวมท้งั ปนื ต่อสู้อากาศยานควบคมุ การยงิ ดว้ ยเรดาร์แต่การทสี่ หประชาชาติสามารถครองอากาศได้
กไ็ ม่ถกู คกุ คามทร่ี า้ ยแรงนัก

ในวันที่ 28 มีนาคม 1953 คอมมิวนิสต์ยินยอมที่จะทำความตกลงในเรื่องเชลยศึก และได้มีการ
แลกเปลย่ี นเชลยศึกคอมมวิ นสิ ต์ 5,800 คน กบั ทหารเกาหลใี ต้ 471 คน สหรฐั 149 คน และชาตอิ นื่ ๆ 64 คน
ในวันที่ 10-31 มิถุนายน 1953 จีนคอมมิวนิสต์ทำการรุกครั้งใหม่อีกครั้งต่อทหารเกาหลีใต้ แต่ทำให้
สหประชาชาติเสริมกำลังต่อต้านทันที ทำให้คอมมิวนิสต์สูญเสียทหารไปประมาณ 70,000 คน การเจรจา
ดำเนินต่อไป จนถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 1953 ได้มีการลงนามในสัญญาสงบศึก แบ่งประเทศออกเป็น
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ตามแนวเส้นขนานที่ 38 ตามเดิม เชลยศึกที่ต้องการกลับประเทศมีคอมมิวนิสต์
7,700 คน ทหารสหประชาชาติ 12,700 คน เปน็ สหรฐั 3,597 คน อังกฤษ 945 คน

ผลของการรบ
สงครามเกาหลีทำให้สหประชาชาติสูญเสียทหารไปดังนี้ ตาย 108,505 คน บาดเจ็บ 264,591 คน
ถูกจับเป็นเชลย 92,987 คน คอมมิวนิสต์เสียทหารไปประมาณ 1,600,000 คน ร้อยละ 60 เป็นทหารจีน
คอมมิวนิสต์ เกาหลใี ตต้ าย 70,000 คน บาดเจบ็ 150,000 คน ถกู จับเป็นเชลย 80,000 คน
ในการรบทางอากาศ เครื่องบินคอมมิวนิสต์ถูกทำลาย 1,108 ครั้ง รวมมิก-15 จำนวน 838 เครื่อง
และได้รับความเสียหายอีก 1,022 เครื่อง เสียหายอย่างหนัก 177 เครื่อง สหรัฐเสียเครื่องบิน 114 เครื่อง
อัตราการสญู เสยี มิก-15 จำนวน 13 เคร่อื ง ต่อ เอฟ-16 หนง่ึ เครือ่ ง เครือ่ งบินสหประชาชาติทสี่ ูญเสยี เพราะถูก
ยงิ จากอาวุธตอ่ สู้ อากาศยาน ในการสนบั สนุนกองกำลงั ภาคพืน้ ดินอยา่ งใกลช้ ิด จำนวน 1,213 เครอื่ ง
เชลยศึก กองทัพที่ 8 ได้เผชิญกับปัญหาเชลยศึก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่ง ในปลาย ค.ศ.1950
เมื่อกองทัพเกาหลีถูกทำลายไปแล้ว ปรากฏว่าเชลยเกาหลีเหนือที่อยู่ในความอารักขาของสหประชาชาติ มี
จำนวนถึง 100,000 คน จำนวนนไี้ ด้เพม่ิ ขน้ึ ตามลำดบั เมือ่ การรบได้ดำเนนิ ตอ่ ไป เพราะทหารเกาหลีเหนือและ
ทหารจีนคอมมิวนิสต์ได้ถูกจับเป็นเชลยเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก เชลยเหล่านี้ได้ถูกควบคุมไว้บนเกาะโคเจ
Koje ห่างจาก ปูซานไปทางตะวันออกเฉยี งใต้ 30 ไมล์ ในปลายปี ค.ศ.1951 ความวุ่นวายได้เกิดขึน้ พวกเชลย
ศึกหลายพื้นที่ด้วย เนื่องจากเชลยศึกเป็นคอมมิวนิสต์พยายามที่จะใช้อิทธิพลครอบงำเชลยศึกที่ไม่ใช่

27

คอมมิวนิสต์ ในต้นปี ค.ศ.1952 กองทหารสหรัฐได้พยายามกันเชลยศึกที่ไม่ใชค่ อมมิวนิสต์ใหอ้ อกจากอิทธิพล

ของเชลยศึกที่เป็นคอมมิวนิสตต์ เหตุการณ์ร้ายนี้ได้บรรลุถึงจุดยอดในเดือน ค.ศ.1952 เมื่อเชลยศึกที่เป็น

คอมมิวนิสต์ ได้ใช้กำลงั เข้าจับกุมตัวผู้บังคับค่ายเชลยศึกแห่งนั้น กรมทหารราบสง่ ทางอากาศสหรัฐที่ 193 ได้

รบี เข้าปฏิบตั ทิ ันทจี นเปน็ ผลสำเร็จ และสามารถแยกเชลยทไ่ี ม่ใชค่ อมมวิ นสิ ตไ์ ด้อย่างเดด็ ขาด

ความเสยี หายในเกาหลี

นับตั้งแต่หน่วยรบเฉพาะกิจของสมิท เริ่มปะทะข้าศึก เมื่อ 5 กรกฎาคม ค.ศ.1950 จนกระทัง่ ถึงวันที่

24 กรกฎาคม ค.ศ.1953 ซงึ่ เปน็ วันสดุ ทา้ ยแหง่ สงครามเกาหลี กำลงั ของสหรัฐอเมรกิ นั ได้สญู เสียไปเป็นจำนวน

136,937 คน จำนวนน้ีไม่นบั เชลยศึก ทถ่ี กู สง่ กลับไปยงั สหประชาชาติเน่ืองจากผลเจรจาสงบศึก และไมน่ บั รวม

ทหารท่ีไมย่ อมกลับปติ ภิ ูมิ ซึง่ มีจำนวนเพียงเลก็ นอ้ ย ตอ่ ไปนเี้ ป็นตารางแสดงความสญู เสยี

จำหนา่ ย กองทพั บก นาวิกโยธนิ กองทัพเรือ กองทพั อากาศ รวม

ตายในการรบและตายเพราะ 21,264 03,858 0,302 390 025,801

บาดเจ็บจากการรบ

สญู หายซึ่งคาดว่าตาย 6,440 00,422 0,156 810 007,828

บาดเจ็บเนื่องจากการรบ 77,596 23,745 1,576 368 103,284

หายไปหลังจากแลกเปลย่ี นเชลย 00,000 00,000 0,009 15 000,024

จากสถิติการรักษาพยาบาล ปรากฏว่าทหารที่บาดเจ็บเนือ่ งจากการรบ แล้วได้รับการรักษาพยาบาล

ตามสายการแพทยน์ น้ั ตายประมาณรอ้ ยละ 2 จำนวนผู้ท่ไี ดร้ ับการรักษาหายแล้วสง่ กลับไปยงั แนวรบประมาณ

รอ้ ยละ 85

ความสูญเสียของทหารชาติอืน่ ๆ ไม่คดิ รวมทหารเกาหลีใต้ตายประมาณ 3,000 คน บาดเจ็บ 12,000

คน และสูญหาย 4,000 คน ส่วนทหารเกาหลีใต้นัน้ ตายและบาดเจ็บในการรบประมาณ 200,000 คน ความ

เสียหายของฝ่ายข้าศึกประมาณว่าจีนคอมมิวนิสต์เสียทหารไป 900,000 คน และเกาหลีเหนือเสียทหารไป

520,000 คน

บทเรียนจากการรบ

การยกทพั ขึ้นบกท่ีอินซอน นบั วา่ มคี วามสำคัญทางยุทธศาสตร์ทีย่ ง่ิ ใหญ่ในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่ง ท้ัง

ในดา้ นแนวความคดิ การปฏบิ ัติ และผลทเ่ี กิดข้นึ อนั อัจฉรยิ ของแมคอาร์เธอร์ นำไปสู่ชัยชนะอันน่ามหัศจรรย์

ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ตั้งรับกำลังจะหมดหวังอยู่แล้ว การยึดครองเกาหลีใต้ของคอมมิวนิสต์ ถ้าประสบ

ความสำเร็จ หมายถึง การที่สามารถเข้าครอบครองผืนแผ่นดินใหญ่ของเอเชียได้ท้ังหมด ต้องถูกตถี อยร่นกลบั

ข้นึ ไปทางเหนอื แมคอาร์เธอรต์ กลงใจท่ีจะปฏบิ ัตกิ ารในขณะที่กองทพั ท่ี 8 กำลงั ต่อสอู้ ยา่ งหนักที่จะตรึงท่ีมั่นที่

ปูซานเอาไว้ให้ได้ ในวันที่ 12 ส.ค. 1950 แมคอาร์เธอรส์ ั่งให้เริม่ ปฏิบัติการ และเพียงหนึ่งเดอื นเขาก็สามารถ

ประสบความสำเร็จ ซึ่งถ้าตามธรรมดาแล้ว ต้องใช้เวลาหลายเดือนทเี ดียว ความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวของเขา

สามารถขจดั ความสงสยั ใดของคณะเสนาธิการผสมสหรัฐไปได้ (ทางเทคนิคพืน้ ท่แี ถบอินซอนเป็นท่ีเสียเปรยี บใน

ทางการยกพลขึ้นบกมากทีส่ ุด) เขาได้รับการสนบั สนุนจากกองพลนาวกิ โยธนิ ที่เขาต้องการ (มาจากปริมณฑล

28

ปูซานหนึง่ กองพลน้อย) กองพลทหารราบที่ 7 เป็นกองพลสุดท้ายที่ประจำอยู่ในญี่ปุน่ ใช้ทหารเกาเหลีที่สง่ ไป
ฝกึ อยา่ งเร่งรบี ในญป่ี นุ่ บรรจุในบางหน้าที่จำนวน 5,000 คน ความสำเรจ็ ท่ีได้รบั ข้นึ อยกู่ ับ

(ก) ความสามารถของกองทพั เรอื ในการลำเลยี งทหารทางนำ้
(ข) ความสามารถของกองทัพท่ี 8 ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลวอล์เกอร์ ที่สามารถตรึง
การบุกของข้าศึกไวท้ ่ีปรมิ ณฑลปซู าน จนกวา่ การชว่ ยเหลือจะมาถึง
(ค) จังหวะเวลาทเี่ หมาะสมทีส่ ุดในการโจมตี (ความแตกต่างของระดับน้ำ 30 ฟตุ ) ทำให้สามารถ
ใช้ปฏิบัตกิ ารยกพลขน้ึ บกไดเ้ พยี ง 6 ชั่วโมง ในระยะเวลา 24 ช่วั โมง)
กองกำลงั สหประชาชาติในเกาหลี ต้องประสบกบั ความพ่ายแพ้อย่างร้ายแรง แมว้ ่าความเสียหายจะไม่
รุนแรงนกั เน่อื งจากการตอ่ ต้านอย่างเขม้ แข็งและอย่างฉลาด แมคอารเ์ ธอรก์ ถ็ กู วิจารณ์ว่า ทำการบุกในสองเขต
ที่ขน้ึ แกก่ ันในแนวรบเดยี วและขาดมาตรการรกั ษาความมน่ั คงท่ีทำให้ถกู โจมตโี ดยไม่ทนั รู้ตัว ฝ่ายสนับสนุนกับ
เขาแย้งว่าเนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นภูเขาทำให้การสนับสนุนกันเป็นไปไม่ได้ระหว่างกองทัพที่ 8 และ
กองทัพน้อยเอ็กซ์ และกล่าวตำหนิสหประชาชาติและคณะเสนาธิการผสมที่มีคำสั่งห้ามการตรวจการณ์
ทางอากาศเหนือแม่น้ำยาลกู ่อนทีจ่ ีนจะบกุ ปัญหาที่เพ่ิมความยากลำบากให้แมคอาร์เธอร์ก็คอื การที่เขาไม่ได้
รับอนุมตั ิโดยทันที ในการทิ้งระเบิดสะพานถ่ายสัมภาระ จากโซเวียตมายังเกาหลีเหนืออยา่ งเสรีเป็นเวลานาน
มาแล้วในที่สุดก็ได้รับอนุมัตใิ ห้ทำการทิ้งระเบิดสะพานตา่ ง ๆ ทางตอนใต้ของแม่นำ้ ยาลู นับว่าเสี่ยงอันตราย
เปน็ อันมาก และไดผ้ ลน้อย เคร่ืองบินจะต้องบนิ ขนานไปกบั แมน่ ้ำ เส่ยี งต่อการถกู ยงิ จากปืนตอ่ สู้อากาศยานใน
แมนจูเรียและจากเครื่องบินสกัดกั้นของคอมมิวนิสต์ การจราจรสะพานคอมมิวนิสต์ถูกขัดจังหวะเพียงเล็กน้อย
เท่านั้น
ดูเหมอื นวา่ การตกลงใจรกุ ของแมคอารเ์ ธอรเ์ ป็นการถกู ต้องในตอนแรก และคณะเสนาธิการผสมก็เห็น
พอ้ งดว้ ย แต่วิธกี ารอาจถูกวิจารณไ์ ด้ คณะเสนาธิการผสมได้รับการตำหนิมากท่ีอนมุ ตั ใิ หบ้ กุ แต่ไมอ่ นุมัตใิ ห้ทำการ
บินตรวจการณ์ก่อนการบุก แมคอาร์เธอร์คาดว่า ถ้าจีนบุกจริง เขาคงได้รบั อนุมัติให้ปฏิบัตกิ ารทางอากาศเลย
พรมแดนขึน้ ไปและทำลายแหล่งโจมตีของขา้ ศึกจนถึงรัง แต่คณะเสนาธิการผสมก็ไม่ตัง้ ใจที่จะอนุมตั ิถงึ ขนาด
นนั้ ในท่ีสดุ มาตรการการรกั ษาความมัน่ คงของท้องถนิ่ จงึ ออ่ นไป ก่อนและหลังการรกุ ของกองทัพท่ี 8 ในเรอ่ื งนี้
ทง้ั แมคอารเ์ ธอรแ์ ละ วอล์เกอร์ควรไดร้ ับการตำหนิ
สงิ่ สำคัญท่ีสดุ ของบทเรยี นทีไ่ ดร้ บั จากการพา่ ยแพใ้ นครง้ั น้กี ็คือ ทหารสหประชาชาติควรทไี่ ดเ้ รียนรู้ใหม่
เกี่ยวกับการยิงและการเคลื่อนย้ายทางเท้า เมื่อถนนทหารอาศัยการสนับสนุนจากรถถัง ปืนใหญ่สนาม หรือ
อากาศยาน สว่ นทหารจนี คอมมวิ นิสตม์ ีอาวุธเบาสามารถโจมตีโดยไม่ทนั รู้ตัว หลบซอ่ นตามภมู ิประเทศท่ีสูง ๆ
ต่ำ ๆ เพื่อชดเชยกับการขาดกำลังยิงที่รุนแรง จีนเคลื่อนพลและโจมตีในเวลากลางคืนพลางและซุ่มในเวลา
กลางวนั การโจมตีตรงแนวหน้าใช้กำลังเพียงเล็กนอ้ ย แตก่ ารทะลทุ ะลวงลึกมากการปะทะแต่ละครั้งริเริ่มด้วย
กองกำลังขนาดเล็ก เป็นสงครามของผู้บังคับหมวดเท่านั้น สหประชาชาติไม่สามารถที่จะใช้อำนาจการยิงที่
เหนือกวา่ ได้เต็มที่เลยสักครงั้ เดยี ว
ประธานาธิบดีได้ปฏิบัติตามอำนาจในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด แมคอาร์เธอร์ไม่เห็นด้วยกับ
นโยบายการจำกัดสงครามในคาบสมุทรเกาหลี และไม่พยายามท่ีจะระงับความไมพ่ อใจในการจำกัดปฏิบัติการ

29

ของเขา แมคอาร์เธอร์กล่าวว่า “ในสงครามไม่มีอะไรที่จะมาแทนชัยชนะได้” ในจดหมายที่เขาเขียนถึง
(20 มีนาคม 1951) ผู้แทนราษฎร โจเซฟ ดับเบิลยู มาร์ติน (ผู้แทนแมสซาซูเสทท์) ซึ่งมาร์ตินได้เปิดเผยต่อ
สาธารณะโดยทนั ที แมคอารเ์ ธอร์ไม่ต้องการที่จะใช้ระเบิดปรมาณหู รือบกุ แผน่ ดินใหญ่จนี เขาตอ้ งการแต่เพียง
ทำลายฐานบินในแมนจูเรียท่ีเป็นกระดานกระโดดท่ีรกุ รานเกาหลี ดว้ ยเครื่องบนิ ทง้ิ ระเบิดธรรมดาเขาเรียกร้อง
ให้ใช้ทหารจีนคณะชาติ และให้เจียงไคเช็ค (Chiang Kai Shek) บุกผืนแผ่นดนิ ใหญ่จนเขาเชื่อว่ารัสเซียคงไม่กลา้
เสี่ยงพอที่จะช่วยจีนแดงเป็นแน่ ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สหรฐั จะต้องเผชิญหน้ากับ เคลมลิน
โดยมไิ ดป้ รกึ ษาวอชิงตนั เขาเรียกร้องใหผ้ ูบ้ ัญชาการทหารจนี คอมมิวนิสต์ในเกาหลียอมแพ้ (25 มีนาคม 1951)
และกล่าวเป็นนัยว่า การโจมตีทางอากาศและทางเรือ อาจจะกระทำต่อจีนคอมมิวนิสต์ ถ้าการรบยังดำเนิน
ตอ่ ไป

สำหรับทรูแมนแล้วอาจจะกระทำต่อจีนคอมมิวนิสต์ ถ้าการรบยังดำเนินต่อไป ท้าทายอำนาจของ
ประธานาธิบดีและคัดค้านนโยบายของรัฐ สหรัฐซึ่งฟังเสียงโลกเสรีและเกรงกลัวอำนาจระเบิดปรมาณูของ
รัสเซีย จึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะปลดปล่อยเกาหลีทั้งหมด เพียงแต่รักษาสถานภาพของเกาหลีใต้ไว้เท่าน้ัน
ดังนั้น แมคอาร์เธอร์ต้องไป การปลดปล่อยอย่างกระทันหันโดยทีท่ ่านนายพลทราบจากวิทยุกระจายเสียง ทำให้คน
จำนวนมากไม่พอใจ แมคอาร์เธอร์เดินทางกลับสหรัฐดว้ ยการต้อนรบั ในฐานะวีรบรุ ษุ และได้รบั เชิญให้ปราศรัย
ในท่ปี ระชุมร่วมของรัฐสภา การสอบสวนของวุฒสิ ภาในเวลาตอ่ มา (พฤษภาคม ถึงมิถุนายน 1951) ได้เปิดเผย
ประเด็นสำคัญของนโยบายให้ประชาชนทราบทั้งหมดผลของการสอบสวนยังหาข้อยุติไม่ได้ อย่างไรก็ตาม
โดยทั่วไปแลว้ นโยบายของสหรัฐแข็งกร้าวข้นึ

วันที่ 12-21 เมษายน 1951 กองทัพสหประชาชาติรุกต่อไปเมื่อเห็นว่าคอมมิวนิสต์เตรียมรุกตอบโต้
เพื่อสกัดกัน้ การบุกที่ “สามเหลยี่ มเหล็ก” นายพลแวนฟลีทรกุ ต่อไป ในระหว่างวันที่ 22 เม.ย. ถงึ 1 พ.ค.1951
คอมมิวนิสตเ์ รมิ่ รุกข้ันท่ีหน่ึง

30

คำถามทา้ ยบทท่ี 7
สงครามเกาหลี

1. การแบ่งเกาหลีออกเป็นสองสว่ น ส่วนทอี่ ยู่ทางเหนอื เส้นขนานขึ้นไปสหภาพโซเวียตจะเป็นผู้รับการ

ยอมจำนนกับกองกำลังญี่ปุ่น ที่อยู่ใต้เส้นขนานต้องยอมจำนนกับกองกำลังสหรัฐฯ ภายใต้เส้น
ขนานท่ีเท่าใด
2. นโยบายรสุ เซยี มีความตอ้ งการปฏวิ ัตเิ กาหลเี หนือใหเ้ ป็นระบอบการปกครองใด
3. จงสรุป ในฐานะที่คอมมิวนิสต์ได้เข้าครอบครองหมู่เกาะกิวริว ซาการีน ไซบีเรีย และแมนจูเรีย
อย่แู ล้ว หากสามารถเขา้ ครองเกาหลใี ตอ้ ีก จะทำให้เกิดผลทางยุทธศาสตร์ในดา้ นใดบ้าง
4. ในที่ประชุม ณ กรุงมอสโคว์ (Moscow) เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ.1945 ซึ่งมีสหรัฐฯ รัสเซีย และ
อังกฤษ รวมทั้งจีน ประชุมร่วมกัน ที่ประชุมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะให้เกาหลีเป็น
ประเทศประชาธปิ ไตย แตไ่ ม่ประสบผลสำเรจ็ เนือ่ งจากถูกประเทศใดขัดขวาง
5. จงบอกลักษณะภมู ปิ ระเทศโดยทวั่ ไปของแหลมเกาหลี มาพอเข้าใจ
6. จงสรุปกำลังและแผนของฝ่ายเกาหลเี หนอื มาพอสังเขป
7. จงสรปุ กำลังและแผนของฝ่ายเกาหลีใต้ มาพอสังเขป
8. การบุกเกาหลใี ต้ครั้งแรกของเกาหลีเหนือภายใต้การบังคับบัญชาของใคร
9. จงสรุปการปฏิบตั ิของสหประชาชาตใิ นการรุกรานของเกาหลเี หนือมาพอเข้าใจ
10. การปฏิบัติของข้าศึกมีความมุ่งหมายที่จะทำลายกำลังของสหประชาชาติ โดยแบ่งการปฏิบัติ
ออกเปน็ กีร่ ะยะ อะไรบา้ ง

31

บทที่ 8

สงครามเวียดนาม

ภูมิหลังของเวยี ดนาม
เมอ่ื ประมาณ 3,000 ปมี าแล้ว ชาวเวียดนามเคยอาศยั อยู่ในดนิ แดนแถบตอนใต้ของประเทศจีน ถูกจีน

รุกรานจึงถอยร่นลงมาทางใต้ บางครั้งตกเป็นเมืองขึ้นของจีน เวียดนามจึงรับวัฒนธรรมของจีนไว้มาก
ในปี พ.ศ.2416 เวียดนามตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้แบ่งการปกครองเวียดนามออกเป็น
3 แคว้น คือ แคว้นตังเก๋ยี อยูท่ างตอนเหนอื แควน้ อันนมั อยูท่ างตอนกลาง และแควน้ โคชนิ ไชน่า อยู่ทางตอน
ใต้ ฝรั่งเศสได้เปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีให้เป็นแบบฝรั่งเศส ในปี
พ.ศ.2484 ได้เกิดขบวนการเวียดมินห์ขึ้น เพื่อขับไล่ฝรั่งเศส โดยมีผู้ที่มีสมญาว่า โฮจิมินห์เป็นผู้นำ ในปี
พ.ศ.2485 ขณะเกดิ สงครามมหาเอเชียบูรพา ญปี่ ่นุ ไดเ้ ข้ายดึ ครองภมู ิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามจึง
ได้ประกาศตนเป็นอสิ ระ แตค่ งอยใู่ นการควบคุมของญป่ี ุ่น ขบวนการเวียดมนิ ห์ก็ได้รว่ มมือกบั สหรัฐฯ และฝ่าย
สัมพันธมิตร ทำการต่อต้านญีป่ ุ่น เมี่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม โฮจิมินห์จงึ จัดตั้งรัฐบาลชัว่ คราวขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2488
และหลงั จากท่ีจักรพรรดเิ บาได๋ ไดส้ ละราชสมบัติในปีเดยี วกนั นัน้ โฮจิมนิ ห์ก็ต้งั รัฐบาลข้ึนบริหารประเทศ และ
เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐ ฝรั่งเศสได้หาทางกลับไปมีอิทธิพลเหนือเวียดนามอีก โดยมี
อังกฤษใหค้ วามช่วยเหลือ ขบวนการเวียดมินห์ได้พยายามต่อสู้ เพื่อขับไล่ฝรั่งเศสอยู่ 9 ปี แต่ไม่สำเร็จ ฝรั่งเศส
ยึดเมอื งตา่ ง ๆ ไว้ได้

หลังจากจีนคอมมวิ นิสต์ไดข้ ับไลจ่ นี คณะชาติไปยังเกาะไต้หวันแล้วกไ็ ด้เข้ามาชว่ ยขบวนการเวียดมินห์
เพื่อขับไล่ฝรั่งเศส ต่อมาเมื่อเวียดมินห์ยึดเดียนเบียนฟูได้ ฝรั่งเศสกับเวียดนามก็ได้ทำสัญญาสงบศึกที่
กรุงเจนวี า เมื่อปี พ.ศ.2497 เรียกว่า อนุสัญญาเจนีวา มีสาระสำคัญคือ ให้แบ่งเวยี ดนามออกเป็นสองส่วนคือ
เวียดนามเหนือและเวยี ดนามใต้ โดยใช้เส้นรุ้งที่ 17 เหนือ ซึ่งผ่านเมืองกวางตรี ตามแนวแม่น้ำเบนไฮเป็นเสน้
แบง่ เขตแดน และใหเ้ วยี ดนามเหนือเวยี ดนามใต้ ลาว และกมั พชู า ซงึ่ เคยรวมเป็นอนิ โดจีนของฝร่ังเศสตั้งแต่ปี
พ.ศ.2468 แยกออกเป็นรัฐอิสระ พ้นจากการปกครองของฝรั่งเศส พื้นที่บริเวณเส้นรุ้ง 17 องศาเหนือ มีเขต
แดนปลอดทหารด้านละไมเ่ กิน 5 กิโลเมตร ในการนีส้ หรัฐอเมรกิ าและเวยี ดนามใต้ไม่ได้รว่ มลงนามดว้ ย

เวียดนามเหนือมีนโยบายที่รวมเวียดนามเข้าด้วยกัน และปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ โดยมีการ
ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2503 โดยไม่มีการเลือกต้ังใด ๆ แต่มีการแต่งตั้งโฮจิมินห์ขึ้นเป็น
ประธานาธบิ ดี ทางดา้ นเวียดนามใต้ ยังคงตกอยใู่ ต้อิทธพิ ลของฝรัง่ เศส โดยฝร่งั เศสไดเ้ ชญิ จักรพรรดิเบาได๋ ขึ้น
เปน็ ประมุขปกครองประเทศ ตอ่ มากลมุ่ ผู้รกั ชาตเิ วยี ดนามใตไ้ ด้ขบั ไล่ฝร่งั เศสออกจากเวียดนาม จักรพรรดิเบา
ได๋ ไดแ้ ตง่ ตั้งนายโงดินหเ์ ดียม เปน็ นายกรฐั มนตรี โดยมรี ะบอบการปกครองแบบสาธารณรัฐ และไดจ้ ดั ให้มีการ
เลือกตั้งประธานาธิบดี หลังจากที่จักรพรรดเิ บาได๋ สละราชสมบัตอิ ีกครั้งหนึง่ ในปี พ.ศ.2498 หลังจากนั้นกม็ ี
การวุ่นวายแย่งชิงอำนาจกัน ในปี พ.ศ.2506 ได้มีคณะทหารเข้ายึดอำนาจการปกครอง ได้ประกาศนโยบายที่
จะกวาดล้างคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯ ให้การรับรอง ต่อมาทางเวียดนามเหนือได้เปิดฉากทำสงครามกองโจรกับ
เวยี ดนามใต้

32

เหตกุ ารณ์ในเวียดนามก่อนเกดิ สงคราม
ตามอนุสัญญาเจนีวา พ.ศ.2497 ที่ประชุมใหญร่ ะหว่างชาติ มีสหรัฐฯ อังกฤษ สหภาพโซเวียต เวียดนาม

ลาว และกัมพูชา มีสาระสำคัญอยู่ 5 ประการ ที่สำคัญประการหนึ่งคือ เมื่อครบกำหนด 2 ปี นับแต่ทำสัญญา
สงบศึก ทั้งสองฝ่ายจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในเวียดนาม การเลือกตั้งนี้ให้อยู่ในความควบคุมของ
คณะกรรมาธกิ ารระหว่างประเทศ และประชาชนท้งั สองฝ่ายต้องมีสิทธิเลือกถ่ินท่อี ยโู่ ดยเสรี แตป่ รากฏว่าไม่ได้
มีการปฏิบัติตามข้อตกลง ไม่มีการเลือกตั้ง เวียดนามจึงแบ่งออกเป็นเวียดนามใต้และเวียดนามเหนือโดย
ปริยาย

ในปี พ.ศ.2501 เวียดนามเหนือ หรือเวียดมินห์ ได้เริ่มทำสงครามกองโจรกับเวียดนามใต้ โดยมี
เป้าหมายสำคัญคือ โรงเรียน เวียดมินห์จะเกลี้ยกล่อมเด็กอายุระหว่าง 15 - 16 ปี เข้าสมัครพรรคพวก
ฝึกอาวธุ ให้ แล้วเขา้ แทรกซึมในหมบู่ า้ นจนประสบผลสำเร็จ สามารถขยายอทิ ธิพลออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง ต่อมา
ในปี พ.ศ.2502 เวียดมินห์เริ่มทำการรุกรานเวียดนามใต้ด้วยอาวุธ และกำลังทหาร และในปี พ.ศ.2503
โฮจิมินห์ได้จัดตั้งกองกำลังเวียดกงแนวร่วมรักชาติเพื่อปลดปล่อยเวียดนามใต้โดยได้ดำเนินการปลูกฝัง
แนวความคดิ โฆษณาชวนเชือ่ ขูเ่ ขญ็ คกุ คามและจงู ใจในทกุ วิถีทางโดยผา่ นองคก์ ารบงั หน้าตา่ งๆ

ในปี พ.ศ. 2504 เวียดนามเหนือไดท้ ำการรุกรานเวียดนามใต้อย่างรุนแรง จนรัฐบาลเวียดนามใตต้ ้อง
ขอความชว่ ยเหลือจากมติ รประเทศฝา่ ยโลกเสรี ในปี พ.ศ.2508 เวยี ดนามเหนือไดข้ ยายกองกำลงั เวียดกงขึ้นไป
ถงึ ระดับกองทัพเริ่มเปิดฉากการรกุ หนกั หลายด้าน จนสามารถยดึ พืน้ ท่ีสว่ นหน่ึงของภาคกลางของเวียดนามใต้
ได้เปน็ จำนวนมาก และไดเ้ ขา้ โจมตีเรอื รบของสหรัฐฯ ทำใหป้ ระธานาธบิ ดี จอหน์ สัน ของสหรฐั ฯ ไดต้ ดั สินใจทำ
สงครามแบบขยายขอบเขต (Escalation) เข้าไปในเวียดนามเหนือ สงครามโดยเปิดเผยระหว่างสหรัฐฯ และ
เวียดนามเหนือจงึ เรม่ิ ตน้ ตง้ั แต่กมุ ภาพันธ์ 2508 เปน็ ตน้ มา

การชว่ ยเหลือของฝ่ายโลกเสรี หลงั สงครามโลกคร้งั ทส่ี องสุดสิ้น ลงในปี พ.ศ.2488 โลกถูกแบง่ ออกเป็น
2 คา่ ย คอื ค่ายคอมมิวนิสต์ มีสหภาพโซเวียตเปน็ ผ้นู ำ และ ค่ายเสรปี ระชาธปิ ไตย มสี หรัฐฯ เปน็ ผนู้ ำ

ค่ายคอมมิวนิสต์ มีนโยบายรุกราน และต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ของประเทศต่าง ๆ
ในโลก ให้เป็นแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯ จึงได้เสนอแผนการมาร์แชล (Marshall Plan) เพื่อบูรณะ
ฟื้นฟูประเทศในยุโรปตะวันตก จากวิกฤตทางเศรษฐกิจและตั้งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติคเหนือ (NATO)
สำหรบั ช่วยเหลือในทางทหาร

ในเอเชียฝ่ายคอมมิวนิสต์ขยายอทิ ธิพลด้วยการส่งจารชน และผู้ก่อการรา้ ยเข้าไปบ่อนทำลายบรรดา
ประเทศในทวีปเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย เกาหลี ศรีลังกา พม่า กัมพูชา ลาว และไทย เพื่อเผยแพร่ลัทธิ
คอมมิวนสิ ตแ์ ละเข้ายึดครองประเทศเหล่านัน้ ตามอุดมการณ์ครองโลกของคอมมิวนิสต์ สหรัฐฯ ตระหนักดีว่า
หากอนิ โดจนี แพส้ งคราม และตกเป็นของคอมมวิ นสิ ต์แลว้ จะนำไปส่กู ารสญู เสยี เอเชียตะวนั ออกเฉียงใตท้ ง้ั หมด
ตามทฤษฎีโดมิโน (Domino Theory) จึงได้ทุ่มเทความช่วยเหลือแก่ เวียดนามใต้ สหรัฐฯจึงเป็นผู้นำในการ
ต่อต้านเวียดนามเหนือ นับตั้งแต่ฝรั่งเศสต่อสู้กับเวียดนามเหนือ เมื่อฝรั่งเศสแพ้ สหรัฐฯ จึงเข้าไปช่วยเหลือ
เวียดนามใต้

33

ในปี พ.ศ.2508 เวียดนามใต้ตกอยู่ในจุดล่อแหลมที่สุด สหรัฐฯจึงตกลงใจส่งกำลังทหารเข้าไป
ปฏิบัติการในเวียดนามใต้ พร้อมกับกำลังของฝ่ายโลกเสรีอีก 7 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สเปน
ฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐจนี (ไต้หวัน) และไทย การจัดรูปแบบของการรบเปน็ ในแบบสงครามจำกัด มงุ่ ให้เป็นการ
รบของเวยี ดนามทง้ั สองฝา่ ยเท่านนั้
การรบท่ฟี คุ โถ (พ.ศ. 2510)

กล่าวทั่วไป เดือน ก.ย. 2510 ขณะที่ กรมทหารอาสาสมัคร (กรม อสส.) เดินทางถึงสาธารณรัฐ
เวียดนามใตเ้ ปน็ หว้ งเวลาทเ่ี วยี ดกง (ฝ่ายขา้ ศกึ ) ไดด้ ำรงการปฏบิ ตั ิเชิงรกุ ตลอดเวลา เพ่ือตอบโต้กองกำลังผสม
ฝ่ายเราเนื่องจากการสูญเสียกำลังพล และยุทโธปกรณ์อย่างมหาศาลในการปฏิบัติที่ผ่าน ๆ มา นอกจากนี้ได้
ดำเนินการทางการเมือง และการสงครามจิตวิทยา เพื่อดำรงอิทธิพลในพื้นที่ห่างไกลและรักษาขวัญของฝ่าย
เดียวกัน โดยให้เห็นว่ากำลังมีชัยชนะ ขณะที่ฝ่ายสาธารณรัฐเวียดนาม (วต) สหรัฐและโลกเสรี อื่น ๆ ได้ดำรง
การกวาดล้างฝ่ายเวียดกงด้วยการใช้กำลังเข้าทำลายกำลังรบหลัก และตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุง ตลอดจน
ดำเนินการป้องกันกรุงไซ่ง่อนและเมืองสำคัญต่าง ๆ อย่างเหนียวแน่น เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมให้เกิดความ
ปลอดภัย รวมทั้ง สร้างความมั่นคงในพื้นที่ที่อยู่ในอิทธิพลของข้าศึก และดำเนินโครงการพัฒนาพืน้ ที่ดงั กลา่ ว
ด้วยการชว่ ยเหลือประชาชนและปฏิบตั กิ ารจติ วทิ ยาอยา่ งต่อเนอื่ ง

กรม อสส.ได้รับมอบให้เป็นหน่วยขึ้นการบังคับบัญชาของ พล.ร.9 สหรัฐ มีที่ตั้งอยู่ในค่ายแบร์แคท
อ.โนนทรัค จว.เบยี นหวา่ ซ่งึ กำลังเวยี ดกงในพื้นทป่ี ระกอบดว้ ยกำลังประจำถ่นิ ร้อย.ซี 245 และกองโจรประจำ
หมู่บา้ นและตำบลตา่ ง ๆ รวมประมาณ 200 คน มีขีดความสามารถในการซ่มุ โจมตวี างท่นุ ระเบิดและกับระเบิด
เพื่อรบกวนกีดขวางการคมนาคมและการสง่ กำลังบำรุง โจมตีรบกวนด้วย ค. และจรวดต่อที่ตัง้ ทหารของฝ่าย
เรา สามารถผสมผสานการปฏิบัติดังกล่าวเข้ากับลักษณะภูมิประเทศ และจังหวะเวลาเพื่อก่อให้เกิดความ
สูญเสียให้กับฝา่ ยตรงข้ามไดม้ ากที่สุด และยังมีอทิ ธพิ ลอยูเ่ หนือประชาชนในพื้นที่ อ.โนนทรคั นอกจากนี้ยังมี
ขดี ความสามารถในการรวมกำลังรบหลกั ขนาดกองพัน กรม ร.274 ซง่ึ หลบซอ่ นกระจายกนั อยู่ท่ัวพื้นทเ่ี ขตย่อย
ทหารที่ 4 ของเวียดกง เข้าโจมตีที่ตั้งทางทหารที่อ่อนแอได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ การโจมตีดังกล่าวจะมีการ
วางแผนและลาดตระเวนอยา่ งละเอียดรอบคอบเสมอ

กรม อสส.ได้รับมอบภารกิจจาก พล.ร. 9 สหรัฐฯ ให้เสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ อ.โนนทรัค
กวาดลา้ งและทำลายขา้ ศึกในพ้ืนที่ ตลอดจนเปิดเส้นทางคมนาคม และสนับสนนุ โครงการพัฒนาในพ้ืนที่

กรม อสส.ได้ออกแผน ยุทธการนเรศวร เพื่อปฏิบัติตามภารกิจที่ไดร้ ับมอบด้วยการวางกำลังในพ้นื ท่ี
อิทธิพลของข้าศึก ใหส้ ามารถชว่ ยเหลือและสนับสนุนกันและกนั ได้ และจัดกำลังออกกวาดล้างฝา่ ยตรงข้าม โดย
มงุ่ กระทำในพื้นทด่ี ้านตะวนั ออกและตะวนั ออกเฉยี งใต้ของ อ.โนนทรัค รวมทั้งพ้ืนทท่ี างดา้ นตะวันออกเฉียงใต้
ตอนใต้ของถนนหมายเลข 319 เพื่อควบคุมพื้นที่ และหมู่บ้านสำคัญในห้วง ต.ค. 10 กรม อสส.ได้ปะทะกับ
ขา้ ศึกอย่างหนักถงึ 7 คร้งั ต่อมาในหว้ ง พ.ย. 10 กรม อสส.ไดข้ ยายพน้ื ทป่ี ฏบิ ตั ิการออกไปอยา่ งกว้างขวาง และ
ทวีการปฏบิ ัตกิ วาดล้างรุนแรงย่งิ ขน้ึ เพอ่ื ทำลายฐานทม่ี นั่ ทซ่ี ุกซอ่ นอาวุธ แหล่งเสบยี ง และลดอิทธพิ ลของข้าศึก
ทีม่ ตี ่อประชาชนในพ้นื ที่ จากการปฏิบตั ขิ องฝา่ ยเรา ทำให้ฝา่ ยขา้ ศกึ ประสบความยากลำบากในการปฏิบัติการ
และส่งกำลังบำรุง ฝ่ายข้าศึกจึงเพิ่มการปฏิบัติตอบโต้ฝ่ายเรา ด้วยการทำลายถนนสาย 319 ขัดขวางและ

34

ทำลายขบวนส่งสัมภาระเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งโฆษณาชวนเชื่อ และข่มขู่ประชาชนในพื้นที่ อ.โนนทรัค มิให้
สนับสนุนฝ่ายเราตลอดจนระดมยิง ค. เข้ามาที่ตั้งของฝ่ายเราต่าง ๆ อย่างหนัก ซึ่งทำให้ฝ่ายเราเกิดความ
สูญเสยี เปน็ อันมากเช่นกนั

ตั้งแตต่ ้น ธ.ค. 2510 เปน็ ตน้ ไป ข้าศึกซ่งึ ตกเปน็ ฝ่ายรับในขณะนน้ั ได้มกี ารวางแผนเข้าโจมตีต่อฐานท่ี
ล่อแหลมที่สุดของ กรม อสส.ให้ได้เพื่อลดความรุนแรงจากการปฏิบัติของฝ่ายเรา และเกิดผลทางจิตวิทยาแก่
ประชาชนใน อ.โนนทรคั เห็นว่าข้าศกึ ยังมีอทิ ธิพลอยู่
ภารกจิ

ร้อย อวบ.ที่ 1 กรม อสส. โดยมี พ.ต.ยุทธนา แย้มพันธุ์ เป็น ผบ.ร้อย ได้รับมอบภารกิจให้คุ้มครอง
ความปลอดภัย ถนนหมายเลข 319 และกวาดล้างทำลายข้าศึกในพืน้ ท่ีรับผดิ ชอบเพ่ือป้องกันมใิ ห้ข้าศกึ แสวง
ประโยชน์จากเส้นทางดังกล่าวในการส่งกำลังบำรุง และมิให้ข้าศึกขยายอิทธิพลในหมู่บ้านฟุคโถ
(PHOUC THO)
การปฏิบตั ิ

เพื่อปฏิบัตติ ามภารกจิ ท่ีไดร้ ับมอบ รอ้ ย อวบ.ที่ 1 จงึ ได้ต้ังฐานปฏิบัติการถาวรในสวนมะม่วงหิมพานต์
ทบ่ี รเิ วณพกิ ดั วายเอส 145815 ทางทศิ ใตข้ องหมูบ่ า้ นฟุคโถ ฐานต้งั คล่อม ถนนสาย 319 (หรอื เรยี กอีกช่ือหนึ่ง
ว่า ถนนสายสมเกียรติ เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ ร.ต.สมเกียรติ ยงประยูร มว.ปล.ที่ 2 ซึ่งเสียชีวิตจากกับระเบิดที่
ข้าศึกวางไว้บนถนนสาย 319 เมื่อ ต.ค.2510) ทางทิศเหนือ เป็นสวนของหมู่บ้านฟุคโถ ซึ่งเป็นหมู่บ้านท่ี
ประชาชนอาศัยอยูอ่ ย่างหนาแน่น ทางทิศตะวันออกเป็นท่ีราบลุ่มน้ำท่วมถงึ ทิศใตเ้ ป็นท้องนา มีหมู่บ้านขนาด
เล็กอยู่หา่ งออกไป ประมาณ 900 เมตร มปี ระชาชนอยูไ่ มม่ ากนกั สว่ นใหญ่เป็นหญิงชรา สืบได้ความว่าสนับสนุน
ข้าศึกอยู่อยา่ งลับ ๆ และทางทิศตะวันตกเปน็ พื้นทปี่ า่ ทบึ และสวนยางพารารกรา้ ง รอ้ ย อวบ.ที่ 1 ไดท้ มุ่ เทกำลัง
ปฏิบัติการเปิดเส้นทางสายสมเกียรติอย่างต่อเนื่องด้วยการถากถางป่ายาง 2 ข้างทางแล้ว เผา แม้จะประสบ
การสูญเสียจากทุ่นระเบิดและกับระเบิดที่วางดักบนเส้นทางเป็นอันมากก็ตาม แต่ก็ได้ทำให้เส้นทางปลอดภัย
ยิ่งขึ้น และลดอันตรายจากการลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดบนถนน นอกจากนี้ หน่วยได้ใช้มาตรการพิทักษ์
ประชาชนและทรัพยากรด้วยการปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านฟุคโถและใช้กำลังออก ลว. เฝ้าตรวจและซุ่มโจมตี
ตลอดเวลาโดยเฉพาะในเวลากลางคืนซึ่งได้ก่อประโยชน์ในการส่งกำลังบำรุงแก่หน่วยอื่นของฝ่ายเดียวกันใน
พ้นื ที่ด้วยการปิดล้อมและตรวจคน้ หม่บู ้านฟุคโถ ไดท้ ำให้ข้าศกึ ประสบความยุ่งยากในการดำรงชพี อย่างหนัก

ในต้น ธ.ค. 2510 แหล่งข่าวในพื้นที่ทั้งหมด ได้รายงานตรงกันว่าฝ่ายข้าศึกได้เตรียมสะสมเสบียงไว้
นอกพื้นที่ปฏิบัติการของ กรม อสส. กับมีความเคลื่อนไหวภายในพื้นที่ ซึ่งเป็นการแสดงว่ามีการเตรียมเข้าตี
ทต่ี ้ังทหารไทยมากข้นึ โดยไดเ้ ลด็ ลอดเข้ามาตรวจการณ์ และจัดทำแผนที่สังเขปภายในท่ีตงั้ ของรอ้ ย อวบ.ท่ี 1
ที่ตั้ง ค. คลังเก็บกระสุน อย่างถูกต้อง มีการลงรายละเอียดความแข็งแรงของทีม่ ่ันต่าง ๆ ด้วย รวมทั้งได้ยังหา
หลกั ฐานของ ค. 82 มม. ต่อฐาน ร้อย อวบ. ไว้ด้วย

รอ้ ย อวบ.ท่ี 1 และ ร้อย อวบ.อื่น ๆ ได้ดำเนนิ การเพือ่ เตรยี มการโจมตี ดังนี้
1. ถากถางพน้ื ท่รี อบฐานใหม้ พี ้นื ทย่ี ิง และมกี ารตรวจการณ์ดขี นึ้
2. ปรับปรงุ ท่ีมน่ั รอบฐานใหม้ คี วามม่นั คงแขง็ แรงมากขน้ึ และขดุ คูติดต่อสลับฟนั ปลา

35

3. วางเคลย์โม กับระเบดิ และพลุสดดุ เพม่ิ มากข้นึ
4. เพิ่มอำนาจการยิงให้มากขึน้ ด้วยการเพิม่ จำนวน ปก.
5. ให้ รอ้ ย ป.กรม อสส. (พ.ต.วฒั นชัย วุฒิศิริ เปน็ ผบ.รอ้ ย) ไดย้ งิ หาหลกั ฐานตำบลยงิ ป้องกันรอบ
ที่มั่นตั้งแต่แรกตั้งฐานและตรวจสอบอยู่เสมอ รวมทั้งขอให้ ร้อย ป. ที่สามารถยิงถึง กับ ฮ.ติดอาวุธ (LIGHT
FIRE TEAM)และเครอ่ื งบินทงิ้ พลุสอ่ งสวา่ งตดิ อาวธุ (สปุก๊ ก)ี ของสหรัฐฯ เตรียมการสนบั สนุน
6. เพิม่ การลาดตระเวน และกวาดล้างในพน้ื ท่ีรับผดิ ชอบ เพิม่ เวรยามและระมดั ระวงั มากย่ิงขึ้นในวันท่ี
20 ธ.ค. 2510 เมื่อเร่ิมมดื ร้อย อวบ.ที่ 1 ได้จัดกำลัง มว.ปล.ที่ 2 เป็นชุดซุ่มโจมตีออกปฏบิ ัติการป้องกนั ถนน
สายสมเกียรติตามปกติที่ทางทิศเหนือของฐาน กำลังเจา้ หน้าท่ี บก.ร้อย และสูทกรรมได้เขา้ เสริมทม่ี ่ัน มว.ปล.ท่ี
2 ตามระเบียบปฏิบัติประจำของหน่วย คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย กำลังพลส่วนที่ไม่มีหน้าที่เวรยามได้เข้า
พกั ผ่อนหลบั นอน
เวลา 2210 ขา้ ศกึ ซึ่งมีกำลงั ประมาณ 1 กองพัน เพิ่มเตมิ กำลงั จาก กรม ร.274 ไดเ้ ขา้ ตี ร้อย อวบ.ท่ี 1
โดยระดมยงิ เตรียมดว้ ย ค.82 ปก. และอาร์พจี ีใส่ ทก.รอ้ ย และทีต่ ้ัง ค.81 มม.อย่างหนักหนว่ ง ทำใหท้ หารได้รับ
บาดเจ็บหลายคนในทนั ที เสาอากาศวิทยุ อาร์ซี 292 เสียหาย ทำให้รายงาน ทก.กรม อสส.ไม่ได้ไประยะหนงึ่
ส.ต.เสรเี ขียวน้ำเงิน พลวิทยุ ไดเ้ สี่ยงออกไปนำเสาอากาศมาเปลี่ยน จงึ สามารถติดตอ่ รายงาน ทก.กรม อสส.
ได้ในทสี่ ดุ
หลักจากเริ่มระดมยิงเตรียมด้วย ค. 82 มม. แล้ว ข้าศึกได้รุกคืบหน้าเข้าตีฐานที่มั่นระลอกแรกเป็น
3 ทิศทาง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือตรงกับ มว.ปล.ที่ 3 ซึ่งมี ร.ท.วิชัย ขันติรัตน์ เป็น ผบ.มว. ทางทิศ
ตะวันตก เป็นทิศทางหลักตรงกับ มว.ปล.ที่ 2 ซึ่งมี ส.อ.สมมาตย์ น้อยพยัคฆ์ ทำหน้าที่ ผบ.มว. (รอง
ผบ.มว.ทำาการแทน ผบ.มว. นำกำลังออกซุ่มโจมตี) และทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ตรงกับ มว.ปล.ที่ 1 ซึ่งมี
ร.ต.สมพงษ์ อาจหาญ เปน็ ผบ.มว. (ไม่อยู่เนื่องจากไปราชการ) ข้าศึกไดใ้ ชร้ ะเบิดวงเดือนทำลายลวดหนามหีบ
เพลง ซึ่งมีชั้นเดียวขาดเป็นช่องหลายช่อง และวิ่งเข้าชาร์จ และระดมยิงเข้าใส่ที่มั่น ร้อย อวบ.ที่ 1 แสงสว่าง
จากพลุสดุด และกระสุน ค.ส่องแสงของ ร้อย อวบ.ที่ 1 ทำให้มองเห็นข้าศึกมีจำนวนมาก และเต็มไปหมด
ทหาร ร้อย อวบ.ที่ 1 ได้ยิงต่อสู้ข้าศึกโดยไม่คดิ ชีวิต ทหารในแนว มว.ปล.ที่ 2 มีกำลังเพียงครึ่งหมวดยงิ ต่อสู้
ต้านทานอย่างเต็มที่ กำลังข้าศึกส่วนหน้าตรง มว.ปล.ที่ 2 รุกถึงเข้าคูติดต่อ ได้ถูกกำลังพล มว.ปล.ที่ 2 ต่อสู้
ต้านทานเตม็ ความสามารถ ทหารบางคนออกจากที่กำบงั ไปต่อส้กู บั ขา้ ศกึ ที่รกุ คืบหนา้ เขา้ ใกล้ที่กำบงั ของตนเอง
อย่างกล้าหาญ และเสียชีวติ พรอ้ มกบั ข้าศึก บางคนได้ใช้ลูกระเบิดมือขว้างใสข่ ้าศกึ ในระยะประชิด ด้วยความ
ร่วมใจกันต่อสู้ตา้ นทานขา้ ศึกทำใหส้ ามารถหยุดข้าศึกไว้ได้ท่ีหน้าคตู ิดต่อ และผลกั ดนั ให้ขา้ ศึกส่วนหน่ึงถอยร่น
ไปส่แู นวท่ีม่นั ของ มว.ปล.ท่ี 3 ทางหมู่ ปล.ท่ี 3 กำลงั พล หมู่ ปล.ท่ี 3 ได้หันมาตอ่ สูต้ า้ นทานข้าศึกสว่ นน้ี แต่ไม่
ทันเวลาบางส่วนของข้าศึก จำนวน 6 คน ได้เจาะทะลุเข้าไปได้ถึง บก.มว.ปล.ที่ 3 ร.ท.วิชัย ขันติรัตน์
ผบ.มว.ปล.ท่ี 3 จงึ ไดค้ ว้า เอม็ .16 ออกจากท่ีกำบังเข้าสกดั ต้านทานชนิด 1 ตอ่ 6 ได้ถกู ขา้ ศึกยิงกระสุนถากหัว
คิ้วจนเลือดอาบและไหลลงชุ่มเสื้อผ้า แต่ ร.ท.วิชัยฯ ได้พุ่งเข้ายิงต่อสู้ข้าศึกกลุ่มนั้นจนสามารถสังหาร
ข้าศึกได้ทั้งหมด 6 คน แล้ว ปลย.ได้เกิดขัดลำกล้อง ขณะนั้น ข้าศึกกลุ่มใหญ่เจาะเข้ามาทางนั้นอีก

36

จ.ส.อ.ประยูร พฒุ ิเจรญิ รอง ผบ.มว.ปล.ที่ 3 ได้ลุกออกจากที่กำบงั วงิ่ ไลย่ ิงข้าศึกกลุ่มนนั้ ร่นถอยกลับไป และ
ขา้ ศึกส่วนนไ้ี ดถ้ ูก มว.ปล.ท่ี 3 ยงิ เสียชีวิตท่ีหนา้ คตู ดิ ตอ่ เกือบทั้งหมด

ส่วนทางด้าน มว.ปล.ที่ 3 กำลงั พลรว่ มกันยิงตอ่ สแู้ ละด้วยการยงิ ฉากของ หมู่ ปกบ. ทต่ี ัง้ คมุ้ ครองถนน
สายสมเกียรติ ทำให้ข้าศึกยุดชะงักอยู่ท่ีหน้าคูติดต่อ ต่อมาข้าศึกเห็นว่า ไม่สามารถรกุ คืบหน้าไปได้ เนื่องจาก
ปกบ.ของ มว.ปล.ที่ 3 จนกำลังพลทง้ั หมูไ่ ด้รับบาดเจบ็ กันทกุ คน ผูท้ ีเ่ จ็บสาหัสก็ไดถ้ ูกส่งตัวไปรักษาพยาบาลท่ี
บก.ร้อย ผูท้ เ่ี จบ็ เลก็ นอ้ ยก็ไมย่ อมย่อทอ้ ยงิ ต่อสอู้ ยา่ งถวายชวี ติ ดว้ ย ปกบ. ตา้ นทานขา้ ศึกไปตลอดคนื

ทางดา้ น มว.ปล.ที่ 1 ข้าศึกผ่านเข้ามาในฐานได้บางส่วนเท่านั้น เนอ่ื งจากกำลงั มว.ปล.ท่ี 1 ต่อสู้อย่าง
เข้มแข็ง ระหว่างการเข้าตีระลอกแรก ผบ.ร้อยได้อำนวยการรบตลอดเวลา สั่งการผ่านวิทยุสนาม “ให้ทหาร
ทุกคนสู้ตาย ผู้กองอยู่ข้างพวกคุณแล้ว” พร้อมกับได้ออกไปอำนวยการรบในแนวหน้าด้วยตนเอง ทำให้ทหาร
ทกุ คนมีขวัญ และกำลงั ใจในการต่อสู้ตอ่ ไป

ขณะที่ข้าศึกเข้าโจมตีในระลอกแรกนั้น ผตน.ป. (ร.ท.กัมพล ผลผดุง) ได้ร้องขอการยิง ป.ส่องสว่าง
และยิงป้องกันฐานให้ ร้อย อวบ.ที่ 1 จาก ร้อย ป.กรม อสส. (พ.ต.วัฒนชัย วุฒิศิริ เป็น ผบ.ร้อย) ทันที
เนื่องจากข้าศึกได้วางแผนโดยรอบคอบจัด ค. ระดมยิงฐานยิงสนับสนนุ ของ ร้อย ป. อย่างหนักหน่วงในเวลา
เดียวกัน เพื่อกดดันไม่ให้ ร้อย ป.ยิงสนบั สนุนได้ ซึ่งได้ผล สามารถกดดันพลประจำปืนใหญ่ให้อยู่ในที่กำบังช่วั
ระยะหนึ่ง แต่ไม่กี่นาที หลังจากนั้นกำลังพล ร้อย ป. ได้แสดงความกล้าหาญท่ามกลางการระดมยงิ ของข้าศึก
ออกจากทกี่ ำบงั ทำการยงิ ปนื ใหญด่ ้วยกระสนุ ระเบิดรอบฐาน ร้อย อวบ.ที่ 1 อยา่ งหนักหนว่ ง ซ่ึงขณะน้ันข้าศึก
ได้เจาะแนวตา้ นทานเข้ามาในฐานไดแ้ ลว้ และผลจากการยิงสนับสนุนด้วยกระสุนส่องแสงอย่างต่อเนื่อง ทำให้
ฝ่ายเราสามารถมองเห็นข้าศึก ฝา่ ยเราจงึ สามารถทำลายและหยุดยั้งการเข้าตีอย่างรนุ แรงของข้าศึกในระลอก
แรกได้ อนึ่งจากการระดมยิงฐาน ร้อย ป. ทำให้กำลังพล ร้อย ม.ลว. ซึ่งตั้งอยู่ด้วยกัน จำนวน 2 นายเสียชีวิต
ทนั ทขี ณะทำการยิง ค.81 มม.ชว่ ยเหลือ ร้อย อวบ.ท่ี 1

ในระหว่างที่รอการสนบั สนุนจาก ร้อย ป. ผบ.ร้อย ได้รายงาน ทก.กรม อสส. ทก.กรมฯ จึงได้ขอให้
พล.ร.9 สัง่ ให้ ป.สหรัฐฯ ยิงชว่ ยอย่างเตม็ ที่ และร้องขอ ฮ.ตดิ อาวุธ ให้เข้าทำการยงิ ป้องกนั ร้อย อวบ.ที่ 1 จาก
ทางอากาศอย่างรุนแรงอีกด้วย ซึ่งสามารถมาสนับสนุนได้ภายใน 10 นาที และเครื่องบินสปุ๊กกี ให้การ
สอ่ งสว่างสนามรบและยิงทำลายข้าศกึ ในการสนับสนุน ส.อ.โทมัส โอคอนเนล นายสิบตดิ ต่อสหรัฐ ไดป้ ระสาน
การสนับสนุนของ ฮ.ติดอาวุธ อย่างใกลช้ ิดและต่อเนื่อง ฮ.ติดอาวุธไดผ้ ลัดกันโจมตีต่อข้าศึกทีเ่ คลื่อนเข้าโจมตี
อยา่ งได้ผล

ผลจากความร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้ป้องกันอย่างเข้มแข็ง และการประสานการยิงสนับสนุนทำให้
ร้อย อวบ. ที่ 1 สามารถยับยั้งการเข้าโจมตีระลอกแรกของข้าศึกไว้ได้ ผลการปฏิบัติที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ฝ่าย
ข้าศึกหมดกำลงั ใจ แตก่ ลับรวบรวมกำลงั ใหม่อีกคร้ังหนง่ึ ใน 202300 ธ.ค. 2510 โหมเข้าตเี ป็นระลอกที่ 2 ทาง
มว.ปล.ที่ 2 อย่างหนักระลอกแล้วระลอกเล่า และพยายามเล็ดลอดนำศพ และผู้ที่บาดเจ็บบริเวณ
แนวลวดหนามกลับออกไป มว.ปล.ที่ 2 ได้ระดมยิงต่อสู้อย่างหนัก และ ผตน.ป.ได้ปรับการยิง ป.ด้วยกระสนุ
ระเบิดให้ใกลฐ้ านเข้ามาอกี ทำให้ขา้ ศกึ ไมส่ ามารถเข้าถงึ คูตดิ ต่อไดอ้ กี เลย

37

เมื่อ 202330 ธ.ค.2510 ผบ.ร้อย เห็นว่าแนวต้านทานของ มว.ปล.ที่ 2 อาจไม่แข็งแรงพอจึงสั่งให้ชดุ
ซุ่มโจมตีของ มว.ปล.ที่ 2 กลับเข้าฐานทางทิศตะวันออกของถนนสายสมเกียรติ เข้าทางเหนือของฐานด้าน
มว.ปล.ที่ 3 จึงได้ประสานกับ ฮ.ติดอาวธุ , ร้อย ป. และ มว.ปล.ที่ 3 ใหท้ ราบเพือ่ ป้องกนั มใิ หเ้ ป็นอันตรายแก่ชุด
ซ่มุ โจมตดี งั กลา่ ว ระหวา่ งการตฝี า่ เข้ามาอย่างหา้ วหาญแตร่ ะมัดระวงั ชดุ ซมุ่ โจมตไี ด้ปะทะกบั กำลังข้าศึกซึ่งอยู่
ในสภาพที่เสียขวัญ เนื่องจากถูกอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายไทยระดมยิงอย่างรุนแรงทั้งภาคพื้นดินและทาง
อากาศ และกำลังพยายามลากผูบ้ าดเจ็บถอนตัวออกจากท่ีรบ การปะทะได้รุนแรงจนถงึ ขั้นใชล้ ูกระเบิดมือใน
ระยะประชิด จนฝา่ ยข้าศกึ เสยี ชวี ิตลง 10 คนและลา่ ถอยหลบหนีไป ชดุ ซุม่ โจมตจี งึ กลับเข้าฐานได้โดยปลอดภัย
ทุกคน และเขา้ เสริมแนวต้านทานของ มว,ปล.ท่ี 2 ทนั ที

เมื่อ 210100 ธ.ค.2510 ฮ.ติดอาวุธ ขอบินกลับไปเติมน้ำมันและเพิ่มเติมกระสุนจึงเป็นหน้าที่ของ
เครื่องบิน สปุ๊กกี และ ร้อย ป. ในการส่องสว่างสนามรบ และยิงป้องกันฐานให้ ร้อย อวบ.ที่ 1 ต่อไป เมื่อ
210300 ธ.ค. 2510 ข้าศึกลดการยงิ ลงมาก มคี วามเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นว่ากำลังเร่ิมถอนตวั ผบ.รอ้ ย จึงสั่ง
การให้ระดมยิงกดดันข้าศึกอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเร่งให้ปรากฏชัยชนะโดยเร็ว ผบ.ร้อยได้สั่งให้รถสายพาน
ลำเลียงพลประจำกองร้อย จำนวน 2 คัน ระดมผู้อาสาสมัครเข้าประจำรถออกปฏิบัติการตีโต้ตอบและไล่
ตดิ ตามทางทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้ของฐานเพ่อื ข่มขวญั ข้าศึกแมจ้ ะเปน็ การเสีย่ งก็ตาม ขณะเดยี วกันก็ไดใ้ ห้ ร้อย ป.
เล่ือนฉากการยิงออกไปท่แี นวป่าเพ่ือทำลายและสกดั กน้ั การถอนตัวของข้าศึก พรอ้ มกนั นไ้ี ดแ้ จ้งให้ ฮ.ติดอาวุธ
และเคร่อื งบินสปุ๊กกี ทราบโดยผ่านนายสิบติดต่อสหรัฐ ชุดรถสายพานลำเลียงพล มนี ายสิบติดต่อสหรัฐร่วมไป
ดว้ ย ชุดรถสายพานลำเลียงพลไดไ้ ล่ยงิ ข้าศกึ ที่กำลังถอยอย่างกล้าหาญ ซึง่ ข้าศกึ พยายามตอบโต้ต้านทานอย่าง
รุนแรง จนถงึ เวลา 210400 ธ.ค.2510 จงึ ได้ถอนตวั กลับท่ีตัง้ โดยปลอดภัย ชดุ สายพานลำเลียงพลไดร้ ายงานว่า
ได้ตรวจการณ์พบข้าศึกเสียชีวิตตามรายทางและชายป่าเป็นจำนวนมาก ข่าวดังกล่าวได้ทำให้กำลังพล
ร้อย อวบ.ที่ 1 มีขวัญดีขึ้น และ ผบ.ร้อยได้สั่งการให้ระดมยิงข่มข้าศึกออกไปตลอดแนว เพื่อป้องกันข้าศึกมา
เก็บศพกำลังพลที่เสียชีวิตกลับไปและในระหว่างนี้ได้มีการซ่อมบำรุงอาวุธ ลำเลียงกระสุนเพิ่มเติม บ้างก็ชง
กาแฟแจกเพ่ือนบ้าง สำหรบั ฝ่ายขา้ ศกึ ยังคงระดมยงิ เขา้ มาในฐานนาน ๆ คร้งั

ระหว่างการสู้รบดำเนินไปอย่างรุนแรง นายสิบพยาบาล ของ มว.ต่าง ๆ ทำงานอย่างหนักเข้า
รักษาพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกนายแล้ว ยังต้องลำเลียงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมารวมกันที่ ทก.ร้อย เพื่อ
เตรยี มสง่ กลับโดย ฮ.พยาบาล ( DUST OFF) ในระหวา่ งท่ีรอให้ข้าศกึ ยงิ ค.เบาบางลง และรอ ฮ.พยาบาลมารับ
พ.ต.ยุทธนา แยม้ พนั ธ์ุ ได้คอยปลุกปลอบใจให้คนเจ็บท่ีท้อแทม้ กี ำลังใจทนพิษบาดแผลต่อไปอกี ระยะหนึง่ เมื่อ
ฮ.พยาบาล ลงมารบั ณ สนาม ฮ. นายสิบพยาบาล นายสบิ ตดิ ตอ่ สหรฐั และผทู้ บี่ าดเจบ็ น้อยกว่าได้ชว่ ยกนั พยุง
คนทเี่ จบ็ หนกั ไปขน้ึ ฮ. ท่ามกลางการระดมยงิ ของขา้ ศกึ ได้สำเร็จ

เมือ่ 210500 ธ.ค. 2510 ขา้ ศกึ ได้เปิดฉากระดมยงิ ด้วย ค.อย่างประปรายทางชายป่าทางทิศตะวันตก
ของฐาน แสดงให้เห็นว่าข้าศึกยิงเพื่อกำบังการถอนตัว พ.ต.ยุทธนา แย้มพันธุ์ จึงสั่งให้ ผตน.ป. และนายสิบ
ติดต่อสหรัฐแจ้ง ป. และ ฮ.ติดอาวุธ เข้าทำลายที่ตั้ง ค.ข้าศึก ซึ่งสามารถสงบการยิง ค.ของข้าศึกได้ ต่อมา
เครื่องบนิ สปุ๊กกี และ ฮ.ติดอาวธุ ได้ขอจบภารกิจ หน่วย ป.ได้สงบการยงิ แต่พร้อมสนบั สนนุ หากมีสถานการณ์
รุนแรงขน้ึ อีก เวลา 210530 ธ.ค. 2510 การรบยุตลิ ง

38

ผลการส้รู บ

ฝ่ายเรา ฝ่ายข้าศึก

เสียชีวติ 4 นาย เสยี ชวี ิต 95 ศพ

บาดเจ็บสาหสั 2 นาย ลากศพไป 90 ศพ

บาดเจ็บเลก็ น้อย 13 นาย บาดเจ็บ 80 คน

ยึดยทุ โธปกรณไ์ ดเ้ ปน็ จำนวนมาก ถูกจับเป็นเชลย 2 คน

วิเคราะห์ผลการปฏิบัตขิ องท้ังสองฝา่ ย

การท่ี ร้อยอวบ.ที่ 1 มชี ัยชนะข้าศึกในการรบครงั้ น้ี ถือเป็นชยั ชนะครง้ั ทยี่ ิ่งใหญท่ ีส่ ุดของ กรม อสส.ใน

สมรภมู เิ วียดนามใต้ ความสำเร็จของการรบทฟี่ ุคโถในครงั้ น้ี เกิดจากปัจจัย 5 ประการ คือ

1. ความร่วมมือกันด้วยความเสียสละ อดทน กล้าหาญ ของทุกฝ่าย จะเห็นได้ว่าในการรบครั้งน้ี

ทหารทุกคนของหน่วยได้ปฏิบัติหน้าที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่เห็นแก่ชีวิต ความเหน็ดเหนื่อย หรือย่นย่อ

ท้อถอยกบั กำลังข้าศึกที่เหนอื กวา่ มากมายหลายเทา่

2. ใช้หลักการระวังป้องกัน ร้อย อวบ.ที่ 1 ได้เตรียมการระวังป้องกันฐานไว้อย่างแข็งแรงและ

รอบคอบ ด้วยการเตรยี มพน้ื ยิงและพน้ื ตรวจการณ์ การกำหนดที่ต้งั ปกบ.ตรงกับทิศทางเขา้ ตีข้าศกึ การเตรียม

ตำบลยงิ ป้องกันตนเองของ ป.ของไทย และสหรฐั รวมท้ัง การเตรียมสนับสนุนดว้ ย ฮ.ติดอาวธุ และเคร่อื งบนิ ท้ิง

พลุส่องสว่าง (สปุ๊กกี) ซึ่งทำให้สนามรบสว่างไสวเหมือนกลางวัน ฝ่ายเราซึ่งอยู่ในที่กำบังจึงได้เปรียบข้าศึกที่

กำลังเข้าตี

3. ใช้หลักการออมกำลงั ร้อย อวบ.ที่ 1 ได้อาศัยที่กำบังได้เสริมความแข็งแรงป้องกันการระดมยิง

จาก ค.และอาร์พีจีของข้าศึก ในช่วงต้นของการเข้าตีได้ ทำให้สูญเสียเพียงเล็กน้อย ซึ่งข้าศึกเคยทำลายกอง

ทหารของฝ่ายสัมพันธมิตรมาแล้วดว้ ยวิธีน้ีได้ เนื่องจากกำลังพลส่วนใหญส่ ูญเสียไปกับการระดมยงิ เตรียมชุด

แรกของข้าศึก และฝ่ายเราได้ออมกำลังโดยใช้ ค., ป., ฮ.ติดอาวุธ และเครื่องบินทิ้งพลุส่องสว่างร่วมกันอย่าง

มีประสทิ ธภิ าพ

4. ใช้หลักการดำเนินกลยุทธ์และการจู่โจม การถอนกำลังชุดซุ่มโจมตีกลับเข้าฐาน และการใช้

รถสายพานลำเลียงพลออกตีโต้ตอบ นบั เปน็ การดำเนนิ กลยุทธ์อยา่ งกล้าหาญ และจโู่ จมเหนือความคาดหมาย

ทำให้ข้าศึกขวัญเสีย และระส่ำระสายหนักยิ่งขึ้น จึงไม่สามารถต้านทานได้ และถอนร่นหลบหนีไปและการ

ดำเนินกลยุทธ์ด้วยการยิง ป. และ ฮ.ติดอาวุธ ทั้งยิงสกัดหน้า ทำลายการรุกและการดำเนินกลยทุ ธ์ของข้าศึก

รวมทง้ั ยงิ สกดั หลงั ขัดขวางการถอนตัวของขา้ ศึกอยา่ งได้ผล

5. ขวัญและกำลังใจ ฝ่ายเรามีความมั่นใจในอนุภาพของอาวุธซึ่งดีกว่าข้าศึก ทั้งมีปริมาณเพียง

พอทจ่ี ะต่อสกู้ ับข้าศกึ ได้อย่างรุนแรงและต่อเนื่อง จนกวา่ จะได้ชยั ชนะ มีความเช่ือม่ันและศรัทธาในตัวผู้นำคือ

ผบ.ร้อย และ ผบ.มว. ทที่ ำให้ทหารทุกคนเช่ือมั่นวา่ จะได้รับชัยชนะและปลอดภัย รวมทั้ง เชื่อมั่นในระบบการ

ส่งกลับที่รวดเร็วที่มั่นใจวา่ ขึ้น ฮ.พยาบาลได้แล้วจะไม่เสียชีวิต ทั้ง 3 ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ฝ่ายเรามีขวัญและ

กำลงั ใจดีกวา่ หรือเหนือกวา่ ฝ่ายข้าศึก

39

การปฏิบัติของฝ่ายเวียดกง ซึ่งใช้กำลังจำนวนมากเข้าโจมตีที่ตั้งฝ่ายเรา สามารถวิเคราะห์ผลการ
ปฏบิ ตั ิได้ดงั น้ี

1. เป็นการปฏบิ ัตเิ ชงิ รกุ ของฝา่ ยเวียดกง โดยมีความม่งุ หมายทจ่ี ะเรียกศรัทธาและการสนับสนุนจาก
ประชาชนในพ้นื ที่กลบั คนื มา เนือ่ งจากฝา่ ยเวยี ดกงถูกกดดนั ให้เปน็ ฝา่ ยรับมาโดยตลอด

2. ใช้การรวมกำลังเขา้ ปฏิบัติการได้อยา่ งหนุนเนื่องและจู่โจม โดยมีการเตรียมการด้านการข่าวเปน็
อยา่ งดี จะเหน็ ได้จากการวางแผนเข้าตีไดอ้ ยา่ งประณีตดว้ ยการใชก้ ำลงั เปน็ ระลอก ภายใตก้ ารยงิ สนับสนุนของ
อาวธุ วิถีโค้งการเลือกเวลาปฏิบัติการในตอนกลางคนื แสดงให้เห็นวา่ ฝ่ายข้าศึกจะตอ้ งผ่านการฝึกและมีวินัยใน
การปฏบิ ตั ิพอสมควร

3. อย่างไรก็ดี ความด้อยกว่าในด้านอำนาจการยิง, ความคล่องแคล่วในการเคล่ือนที่ และการ
สนับสนุนทางอากาศน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฝ่ายข้าศึกเป็นฝ่ายเข้าตีไม่สามารถเอาชนะกำลังฝ่ายเราซงึ่
เปน็ ฝา่ ยตง้ั รบั ได้

บทเรยี นจากการรบ
1. ในสภาวะสงคราม การติดต่อสื่อสาร คือ หวั ใจของการรบ หนว่ ยทหารจะต้องวางข่ายการส่ือสาร
ภายในหนว่ ยให้พอเพียงที่สามารถทดแทนกันได้ทั้งระบบโทรศัพท์สนามและวิทยสุ นามสิ่งทีส่ ำคญั ทีส่ ุดคือการ
ตดิ ตอ่ สื่อสารกับหน่วยเหนือ และหนว่ ยทจ่ี ะสามารถให้การสนับสนนุ ได้เปน็ อันดบั แรก โดยหน่วยเหนือจะเป็น
ผ้ปู ระสาน และร้องขอการสนับสนนุ หนว่ ยตา่ ง ๆ ไดท้ นั ท่วงทแี ละมีประสทิ ธิภาพมาก
2. การยงิ สนับสนนุ ทแ่ี มน่ ยำและทันเวลา เปน็ หวั ใจของการรบในสงครามทุกชนิดท่ใี ช้กำลัง
3. ความสามารถของอาวธุ ประจำกาย ซ่งึ แมจ้ ะไดร้ ับการดูแลรกั ษาอย่างดีตลอดเวลา แต่เม่ือต้องทำ
การยงิ อย่างต่อเน่ืองผา่ นไประยะหนึง่ กม็ กั จะเกิดการขัดลำกล้องซง่ึ อาจจะทำให้กำลงั พลตกอย่ใู นภาวะวิกฤตได้
ดังนั้นการเลอื กจดั หาอาวุธประจำกายจงึ เป็นประเด็นที่จะตอ้ งพิจารณาอย่างไตรต่ รองและรอบคอบอย่างที่สุดซึ่ง
อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลแพ้ชนะในการรบแตล่ ะครง้ั ในอนาคต
4. การสรา้ งที่กำบังถาวรที่แนน่ หนาทำให้เปน็ ทีก่ ำบังช้นั ต้นได้ดีจากการยิงเตรยี มด้วย ค. และอาร์พีจี
ของข้าศึก แต่เมือ่ ขา้ ศกึ เคลื่อนท่ีผ่านแนวลวดหนามเข้ามา แล้วจะต้องรบี ออกจากท่กี ำบังทนั ทีเพื่อป้องกันการ
สูญเสยี จากการโจมตดี ้วยอาวธุ อาร์พีจี แนวคตู ดิ ตอ่ ทข่ี ดุ สลบั ฟันปลา จะใชใ้ นการกำบังสะเกด็ ระเบดิ ไดด้ ี แนวคู
ติดต่อควรทำช่องไว้วางวัตถุระเบิดเพื่อสามารถหยิบมาใช้ทำการต่อสู้ได้ทันที และพื้นคูติดต่อควรมีไม้รองไว้
เพอ่ื ให้เกิดความคล่องแคลว่ ในการเคลือ่ นที่
5. การเลือกที่ตั้ง โดยใช้ลักษณะภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ โดยให้ด้านหนึ่งติดป่าชายเลนที่มีน้ำ
ท่วมขังป้องกันการใช้เป็นฐานออกตีของข้าศึก และป่ามะม่วงหิมพานต์ทางทิศตะวันตกของฐาน เป็นที่กำบัง
และบังการตรวจการณ์จากข้าศกึ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี จงึ ทำใหฝ้ า่ ยเราวางนำ้ หนักการตง้ั รบั ไดอ้ ย่างเหมาะสมดว้ ย
6. การสะสม สป.5 ไว้ให้เพียงพอสำหรับการสู้รบอย่างหนักได้ต่อเนื่อง จะเพิ่มโอกาสความอยู่รอด
ใหห้ น่วย

40

การรบท่ีล๊อกแอน คร้ังที่ 1 พ.ศ. 2512
กลา่ วทวั่ ไป
ในห้วง มี.ค. 2512 เวียดกง (ข้าศึก) ได้สิ้นสุดการปฏิบัติตามแผนรุกใหญ่ในเทศกาลขึ้นปีใหม่

(TET OFFENSIVE PLAN) และกำลังเตรียมการสำหรับการรุกใหญ่ในฤดูใบไม้ผลิต่อไปโดยไม่คำนึงถึงความ
สูญเสีย โดยเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์และยุทธวิธีให้เปน็ ฝ่ายผูกปัญหาให้ฝา่ ยเราแก้ตลอดเวลา ในเขตยอ่ ยทหารท่ี 4
ซึ่งเป็นที่ตั้งของ พล.อสส.ฝ่ายข้าศึกยังมีอิทธิพลในหมู่บ้านชนบทและเส้นทางคมนาคม รวมทั้งมีเสรีในการ
รบกวนท่ตี ัง้ ทหาร และเส้นทางส่งกำลังบำรุงของฝา่ ยเรา โดยการใช้กำลังเขา้ ซุ่มโจมตี และกอ่ วินาศกรรม ควบคู่
กบั การโฆษณาชวนเชือ่ นอกจากนี้ฝ่ายตรงข้ามยงั สามารถรวมกำลังขนาดกองพันเพิม่ เติมกำลังเข้าปฏิบัติการได้
ภายในระยะเวลาอนั ส้นั ในพื้นทซ่ี ึง่ พล.อสส. รบั ผิดชอบ

ร.1 พล.อสส.ผลดั ท่ี 1 ได้รับคำส่งั จาก ผบ.พล.อสส.ใหร้ บั ผิดชอบเขา้ ปฏิบตั ิการในพนื้ ทป่ี ฏบิ ตั ิการเสนา
เพื่อคน้ หา ทำลายกำลังเวียดกง ร.274 พนั .2 ซึ่งตั้งอย่บู รเิ วณทางทศิ ตะวันออกเฉียงใตข้ องพื้นทปี่ ฏิบตั ิการเสนา
และกำลงั ประจำถ่ินในพ้ืนท่ี ตงั้ แต่ 3 ธ.ค.2511 – 31มี.ค.2512

ร.274 เปน็ กำลังรบหลักของกองทพั ปลดปลอ่ ย ประจำเขตย่อยทหารท่ี 4 ปกติจะจรยทุ ธ์ไปมาอย่าง
เสรภี ายในพน้ื ที่อทิ ธิพล การปฏิบตั มิ กั จะใชก้ ำลังเป็นกลมุ่ ก้อน และปฏิบัตอิ ย่างมแี ผนแนน่ อนโดยหวงั ผล
แตกหกั เดด็ ขาด กำลัง ร.274 ยังมีขีดความสามารถในการแฝงแทรกซมึ ปะปนอยกู่ บั ประชาชนเปน็ ส่วนใหญ่
ทำให้ยากต่อการสถาปนาความมั่นคงในหมูบ่ ้านและตำบลของฝา่ ยเรา จากการที่ฝ่ายเราได้ใช้กำลังออก
ลาดตระเวนค้นหาและทำลาย รวมท้ังสกดั กนั้ ปดิ ล้อมหมู่บ้านต่างๆทีเ่ ปน็ แหลง่ สะสมเสบียงอาหารของฝ่าย
เวียดกง ทำให้เวียดกงประสบความยากลำบากยากยงิ่ ขึ้น

ภารกิจ
ร.1 พัน.3 พล.อสส. ได้รับมอบภารกิจจาก ผบ.ร.1 พล.อสส. ให้ค้นหา และทำลายข้าศึกในพื้นท่ี
ปฏิบัติการ “เสนา” และป้องกันมิให้ข้าศึกใช้ประโยชน์จากแหล่งส่งกำลังบำรุงในหมู่บ้านบินห์สัน
หมู่บา้ นล๊อคแอน และหมบู่ า้ นอน่ื ตามถนนสาย15 ตัง้ แต่ 1 ม.ี ค. 2511-31 ม.ี ค. 2512
การปฏบิ ัติ
เมื่อได้รับมอบภารกิจ ร.1 พัน.3 (พ.ท.เด่นชัย บุญงาม เป็น ผบ.พัน) ได้จัดกำลัง ร้อย อวบ.ที่ 1,
ร้อยอวบ.ที่ 2 พร้อมบก.พัน และ ร้อย สสก. ไปตั้งฐานปฏิบัติการชั่วคราวทางทิศใต้ของหมู่บ้านล็อคแอน
บริเวณพิกัด วายเอส 167915 ซึ่งตัง้ ห่างค่าย แบร์แคท ทางทิศใต้ประมาณ 10 กม. กองร้อย อวบ.ที่ 3 ต้ังฐาน
ปฏิบัติการ ณ หมู่บ้านไท้เทียนพิกัด วายเอส 220790 และกำลังที่เหลือพร้อม ณ ที่ตั้งปกติในค่ายแบร์แคท
อ.โนนทรัค จว.เบียนหว่า
ในการตั้งฐานปฏิบัติการ ร้อย อวบ.ที่ 1 (ร.อ.บุญเรือง สุขศรี เป็น ผบ.ร้อย) วางกำลังรับผิดชอบ
ทางด้านเหนือ ร้อย อวบ.ที่ 2 (ร.ท.ไพรัช เข้มขัน เป็น ผบ.ร้อย) วางกำลังทางด้านใต้โดย ทก.พัน.และ
ร้อย สสก. ตั้งตรงกลางคล่อมเส้นทางลำลองสายหมูบ่ ้านล็อคแอน – ป่ายางบินหส์ ัน ภูมิประเทศทางทิศเหนอื
เป็นสวนยางทางทิศตะวันออกเปน็ สวนยางขนาดใหญ่ทางทิศใตต้ ิดกับฐานเป็นป่าละเมาะไกลออกไปเป็นป่าทึบ

41

คน่ั ดว้ ยลำธารนำ้ เลก็ น้ำไหลตลอดปี ทางทิศตะวนั ตกเป็นหมบู่ ้านล๊อคแอน รา้ ง หา่ งออกไปประมาณ 100 เมตร
ทางทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนอื มปี ่าละเมาะเลก็ ๆ

ร.1 พัน.3 ได้ปรบั ปรุงท่ตี งั้ อยา่ งตอ่ เน่ือง โดยวงนอกได้ถากถางพื้นยงิ และพ้นื ตรวจการณ์ตั้งแต่แรกเข้า
ที่ตั้ง การวางลวดหนามหีบเพลงขวางเส้นทาง ได้วางไว้ เบาบาง เนื่องจากเกิดการขาดแคลน แต่ได้วางพลุ
สะดดุ เคลยโ์ ม และ ทนุ่ ระเบิดดัดแปลงจาก ค. 81 มม. ไว้เป็นจำนวนมาก ฝังไวข้ ้างหลังบริเวณท่ีขา้ ศึกอาจจะใช้
กำบังระหว่างเขา้ โจมตี แล้วหมายตำแหนง่ ไวเ้ ตรียมจดุ ระเบดิ เมือ่ ตอ้ งการ

หนว่ ยมีการวางและปรับตำบลยิงป้องกนั ตนเองของ ป.จากฐานยงิ เกรย์ (หมบู่ ้านบินหส์ ัน) และฐานยิง
ตาก(หมู่บา้ นฟุคเทยี น) ตามแนวปอ้ งกันโดยรอบ กบั จดั ทำที่กำบงั เปิดด้วยการขุดหลุมบุคคลเปดิ นอนยงิ -น่ังยิง
เสริมความแข็งแรงด้วยกระสอบทราย มีการขุดคูติดต่อเชื่อมต่อที่กำบังลึกพอคลานได้ ที่ตั้ง บก.ต่าง ๆ เสริม
การป้องกันการระดมยิงจาก ค. และอาร์พีจี โดยใช้แผ่นเหล็กปูทับด้วยกระสอบทรายเปิดช่องให้ขึ้นไปตรวจ
การณ์ได้ และ มว.ค.81(-) ปอ้ งกันด้วยกระสอบทรายอยา่ งแน่นหนา และไดส้ ะสม สป. 5 อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

ตงั้ แตเ่ ขา้ ประจำฐานปฏิบัตกิ าร ร.1 พนั .3 ไดจ้ ัดกำลงั ออกลาดตระเวนกวาดลา้ ง ทำลายข้าศึกในพื้นที่
รับผดิ ชอบอย่างต่อเนอื่ ง และในเวลากลางคืนได้จัดกำลงั ระดบั มว.ค.81 (-) ออกซ่มุ โจมตตี ามเส้นทางที่คาดว่า
ข้าศกึ ใช้เขา้ ออกหม่บู า้ นต่าง ๆ ซ่งึ ไดป้ ะทะกับข้าศกึ หลายครงั้

ส่งิ บอกเหตุที่บอกช้วี ่าข้าศกึ จะโจมตี ร.1 พัน.3 ได้แก่ ชาวบ้านที่เดนิ ทางผ่านฐานออกไปกรีดยางในป่า
ยางเป็นจำนวนมาก แต่กลับเขา้ บ้านน้อย ผบ.ร.274 พัน.3 ของเวียดกง เสียชีวิตเนื่องจากถูกฝ่ายเราซุ่มโจมตี,
กลางคนื มีความเคลอื่ นไหวในหมบู่ ้านล็อคแอนร้างบ่อยครงั้ และมีขา่ วความเคลื่อนไหวของข้าศึกเป็นกลุ่มก้อน
บริเวณนอกพื้นที่ปฏิบัติการเสนาเป็นระยะ ๆ อย่างไรก็ตาม ร.1 พัน.3 ก็ได้เตรียมรับการโจมตีของข้าศึก
ตลอดเวลาโดยไม่ประมาท

เมื่อ 151900 มี.ค.2512 ร.1 พัน.3 (ขณะนั้นมี ร.อ.เฉลิมชัย หิรัญอาจ ตำแหน่ง ผช.ฝอ.3 ทำหน้าท่ี
ผบ.พนั ) ได้จดั กำลงั ออกซุม่ โจมตนี อกฐานปฏิบตั ิการตามปกติ เวลาประมาณ 160200 มี.ค.2512 เกดิ พลุสะดุด
แตกทาง ร้อย อวบ.ที่ 1 มีเสียงนกกระแต้แว้ดร้องกระชั้นอยา่ งผิดปกติ ร.อ.เฉลิมชัยฯ จึงสั่งการให้ทุกหน่วย
ระวังตัว และใหต้ รวจการณไ์ ปขา้ งหนา้ กำลังพลในแนวทก่ี ำบงั ไดใ้ ชเ้ ครื่องยงิ ลกู ระเบิด เอ็ม 79 ยงิ ตรวจสอบจุด
ท่พี ลสุ ะดดุ แตก ต่อมามีเสยี งเคาะไมไ้ ผ่ (เพ่อื ส่งสญั ญาณความพร้อม) ดังขึน้ เป็นจุด ๆ กไ็ ดย้ ิงตรวจสอบออกไป
เสยี งไดเ้ งยี บไป และตอ่ มาไดด้ งั เปน็ ระยะ ๆ จนกระทง่ั ดงั รอบฐาน อันแสดงว่าข้าศึกพรอ้ มรอเวลาเข้าโจมตีแล้ว
ซง่ึ กำลงั พล ร.1 พัน.3 ได้พรอ้ มรับการเข้าตีแลว้

เม่อื 160215 มี.ค.2512 ร.274 พัน.2 เพ่มิ เติมกำลงั ด้วย 1 มว.จู่โจม (SAPPER) และ 2 มว.ค.82 มม.
เขา้ ตฐี านปฏิบตั กิ ารของ ร.1 พนั .3 ดว้ ยการเปดิ ฉากยิงเตรียมด้วย ค.82 มม., ค.60 มม. และจรวดอาร์พจี ี อยา่ ง
หนักหนว่ ง หลงั จากน้ันไดใ้ ชก้ ำลงั เขา้ โจมตีเป็น 3 ทศิ ทาง คือ ดา้ นทิศเหนอื ทศิ ใต้ และทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต้โดย
ทางทิศใต้ เปน็ ทศิ ทางหลัก หนว่ ยจโู่ จมไดโ้ ถมเข้ามาได้ก่อน และกำลงั ส่วนอนื่ โถมเขา้ โจมตีเป็นระลอก ๆ อย่าง
ต่อเนอ่ื งทา่ มกลางพลสุ ะดุดท่ีสว่างขนึ้ และกระสุน ค.81 มม. สอ่ งสวา่ ง ซึ่งฝา่ ยเราไดย้ ิงออกไปบริเวณหน้าแนว
ข้าศึกได้ระดมยิงไปยังที่กำบังต่าง ๆ โดยเฉพาะที่ตั้ง ปก.เอ็ม 60 ของฝ่ายเราซึ่งถูกกำหนดเป็นที่หมายไว้
ลว่ งหน้าแล้ว เป็นผลให้ฝ่ายเรามีการสญู เสยี ในขนั้ ต้น คอื มผี ู้เสยี ชวี ิต 2 นาย และบาดเจบ็ อีกจำนวนหน่งึ

42

ร.1 พัน.3 ในทันทีที่ถูกโจมตี ได้รายงาน ทก.ร.1 สน. ที่ตั้งอยู่ในฐานยิงสนับสนุนเกร์ยทราบ และได้
ยับยั้งและผลักดันข้าศึกด้วยอำนาจการยิงจากที่มั่นที่กำบังตั้งรับวงรอบรอบอย่างเหนียวแน่น ตามแผนระวัง
ป้องกันในขั้นต้น ด้วยอาวุธประจำกาย ปกบ.และ ค.81 มม. และขอการยิงป้องกนั ฐานด้วยกระสุนระเบิดและ
กระสุนส่องแสงจากฐานยิงเกร์ย และตาก ตามแผนทันที แสงสว่างจากพลุสะดุด และกระสุนส่องแสงของ
ค. และ ป. ที่ยิงอย่างต่อเนื่องนั้นสว่างดังกลางวัน ทำให้สามารถเห็นข้าศึกในที่โล่งได้อย่างชัดเจน การยิง
ต้านทานข้าศึกของฝ่ายเราจึงได้ผล ทำให้สามารถสกดั กั้นการเจาะของข้าศึกอย่างได้ผล ในระหวา่ งน้ัน ฐานยิง
สนบั สนุนเกร์ยและตากก็ไดถ้ ูกขา้ ศึกระดมยงิ ด้วย ค. เป็นระยะ ๆ ด้วย ทำให้ ป.พล.อสส. ต้องจัดให้ ป.155 มม.
จากคา่ ยแบรแ์ คท ระดมยิงสกัดก้ันวงนอกเพิม่ เติมให้ ร.1 พนั .3 อีกหน่วยหนึง่

แต่ข้าศึกยงั คงระดมยงิ ค. กดดันฝ่ายเราตลอดเวลา และได้เข้าหนนุ เนอื่ งโจมตรี ะลอกที่ 2 อยา่ งรนุ แรง
ความรุนแรงของการเข้าตีครั้งนี้ ทำให้ข้าศึกรุกคืบคลานเข้าใกล้แนวที่มั่นของฝ่ายเราทีละน้อยอย่างช้า ๆ
ผตน.ป. จึงได้ปรับระยะการยิงสนับสนุนของ ป.ลงเพื่อพยายามสกัดกั้นการรุกคืบหน้าของข้าศึกจนเหลือ
ระยะห่างจากฐานท่มี ่นั เพียง 100 ม. จนมสี ะเก็ดบางช้ินตกเขา้ มาภายในแนวท่ีมั่น ทำใหส้ ามารถสกัดกั้นข้าศึก
ได้ผลชั่วขณะหนึ่ง แต่ข้าศึกในระลอกต่อไปยังคงหนุนเนื่อง รุกคืบหน้าเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องและได้เปลี่ยน
ยุทธวิธีพยายามเข้าเกาะแนวที่มั่นของฝ่ายเราต่ำกว่า 100 ม. ลงมา และระดมยิงต่อสู้ฝ่ายเราอย่างหนัก
เนอื่ งจากไมส่ ามารถลดตำบลยิงของ ป.ให้ตำ่ กวา่ นี้ไดอ้ กี แลว้ เพราะจะเปน็ อันตรายแก่ฝ่ายเดยี วกนั ดงั นั้น ขา้ ศึก
บางส่วนจึงได้รุกเข้ามาถึงระยะประชิด จนถงึ ขน้ั กว้างลูกระเบิดมอื ต่อสู้กัน กำลงั พลฝ่ายเราได้รับบาดเจ็บมาก
ขนึ้

จากการทีไ่ ด้เลื่อนฉากการยงิ ป้องกนั ใกล้ท่ีมั่นวงรอบเขา้ ไปทกุ ที และเห็นวา่ อาจเป็นอันตรายต่อฝ่าย
เดียวกัน ร.อ.เฉลิมชัยฯ จึงได้ขอรับการสนับสนุนชุด ฮ.ติดอาวุธ (LIGHT FIRE TEAM) จากกองทัพสนามที่ 2
สหรัฐ ผ่าน ทก.ร.1 ชุด ฮ.ตดิ อาวุธ ได้มาสนบั สนุนภายในเวลาประมาณ 10 นาที โดยการประสานท่ีตั้งฝ่ายเรา
และทต่ี ง้ั เป้าหมายของนายสิบตดิ ตอ่ สหรัฐ ชุด ฮ.ติดอาวุธ ได้ผลดั กันโจมตีตอ่ ขา้ ศึกอยา่ งหนักหนว่ งและต่อเนอ่ื ง
จนสามารถหยดุ ย้ังข้าศึกได้และล่าถอยกลบั ออกไปในท่ีสุด ระหว่างท่ี ฮ.ติดอาวุธโจมตีขา้ ศึก ทก.ร.1 พัน.3 ได้
ขอให้ ป. หยุดยิงชั่วคราว ระหว่างการเข้าตีของข้าศึก ร.1 ได้ขอรับการสนับสนุนเครื่องบินทิ้งพลุส่องสว่าง
(MOON SHINE)จากฐานบินนอร์ทลองถั่น (NORTH LONG THANH) ให้การส่องสว่างโดยทิ้งพลุส่องสว่าง
ตอ่ เนอ่ื งตลอดเวลา ระหวา่ งการท้ิงพลุส่องสวา่ งเครอื่ งบินทิ้งพลสุ ่องสว่างต้องการให้ ป. หยุดยงิ (CHECK FIRE)
เพื่อใหเ้ คร่ืองบนิ ปลอดภัย แต่ ป.พล.อสส.พจิ ารณาเห็นว่าการยิงสนับสนุนด้วย ป.เป็นสิ่งจำเป็น และเป็นความ
ตอ้ งการของ ผบ.หน่วยดำเนินกลยุทธจึงได้ตัดสินใจให้ ป. ยิงสนบั สนุนต่อไป

เมือ่ 160335 มี.ค.2512 ชุด ฮ.ติดอาวุธ ขอกลบั ไปเตมิ สป.3 และ สป.5 เพิม่ เตมิ ร.อ.เฉลิมชยั ฯ จึงได้
ขอให้ ป. ทำการยิงสนับสนุนต่อไป ซึ่งทำการยิงสกัดกั้น และยิงพื้นที่ที่สงสัยเป็นที่รวมพลของข้าศึกต่อไป
จากการที่ได้ต่อสู้เป็นเวลานาน ทำให้กระสุนที่หน่วยมีเริ่มขาดแคลน เกรงว่าจะไม่เพียงพอต่อสู้จนถึงรุ่งเช้า
ทก.ร.1 พนั .3 จึงได้ขอให้ ทก.ร.1 และ พล.อสส. ส่ังการให้ มว.ยานเกราะ ท่ีจัดจาก พัน.ม.พล.อสส. และ 2 หมู่
ปล. ท่จี ดั จาก ร.2 พัน.2 ซึง่ เป็นชดุ ลาดตระเวน ซุ่มโจมตีตามถนนสาย 15 นำกระสนุ และวตั ถรุ ะเบิดไปเพ่ิมเติม


Click to View FlipBook Version