The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิเคราะห์หลักสูตร ว30245 ม.6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rattiya2252, 2022-09-20 12:49:25

วิเคราะห์หลักสูตร ว30245 ม.6

วิเคราะห์หลักสูตร ว30245 ม.6

ปฏสิ นธิ ซ่ึงจะ ตา่ ง ๆ เมอ่ื อยู่ใน
เกิดข้ึนที่ ถุง สภาวะแวดลอ้ ม
เอ็มบริโอ และมปี ัจจัยที่
ภายในออวุล เหมาะสม เมลด็
หลงั การ จะงอกตน้ อ่อนท่ี
ปฏิสนธิจะได้ มี
ไซโกต และ
เอนโดสเปริ ม์



มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั สำระกำร นำไป
ตัวชว้ี ัด แกนกลำง ควำมคิด เรยี นรู้
รวบยอด สมรรถนะ
สำคัญของ อ

ผู้เรียน

ไซโกตจะพัฒนาตอ่ ไป ลักษณะท่ี

เปน็ เอ็มบรโิ อ ออวลุ พฒั นา หลากหลาย
ไปเป็นเมลด็ และรังไข่
หรือ
พัฒนาไปเป็นผล
• ผลและเมล็ดมีการกระจาย แตกต่างไป
ออกจากตน้ เดมิ โดยวิธกี าร จากต้นพอ่

ต่าง ๆ เม่อื เมลด็ ไปตกใน และตน้ แม่

สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม

จะเกิดการงอกของเมลด็

โดยเอม็ บริโอภายในเมลด็ จะ

เจรญิ ออกมา โดยระยะแรก

จะอาศยั อาหารท่สี ะสม

ภายในเมลด็ จนกระทั่งใบ

แทพ้ ัฒนาจนสามารถสังเคราะห์

ดว้ ยแสงไดเ้ ตม็ ท่ี และสร้าง

อาหารไดเ้ องตามปกติ

ปสู่ ช้ินงำน/ กำรวดั แนวกำรจัด เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ช่วั โมง)
คณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์ เรยี นรู้

สำระกำร สำระสำคญั นำไป
เรยี นรู้ ควำมคดิ รวบ
มำตรฐำน/ แกนกลำง สำระกำร สมรรถนะ อ
ตัวช้ีวัด ยอด เรยี นรู้ สำคญั ของ
1
ว 1.2 ม • พืชตอ้ งการ พืชสามารถผลิต ธาตุอาหารใน ผูเ้ รียน ส
1/14 ธาตุอาหารท่ี อาหารได้จาก 2
จาเป็นหลาย กระบวนการ การเจรญิ เตบิ โต 1. ความสามารถ 3
ชนิดในการ สังเคราะห์ด้วย และการ ในการส่ือสาร 4
เจริญเตบิ โต แสง เพอื่ เปน็ ดารงชวี ิตของพชื 2. ความสามารถ ท
และการ แหลง่ พลังงาน ในการคดิ
ดารงชีวิต ให้กบั พชื เพ่ือใช้
ในการ 1) ทกั ษะการ
เจรญิ เติบโต เช่น สารวจคน้ หา
การเพ่มิ จานวน
เซลล์ การขยาย 2) ทักษะการ
ขนาดของเซลล์ จาแนกประเภท
และการ
เปลยี่ นแปลง 3) ทกั ษะการ
รูปรา่ งของเซลล์ เปรียบเทียบ
ไปทาหนา้ ที่
เฉพาะต่าง ๆ 4) ทกั ษะการ
ตีความขอ้ มลู
และการลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถ
ในการใช้
เทคโนโลยี

ปสู่ ชิ้นงำน/ กำรวดั แนวกำรจดั เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ช่วั โมง)
คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ เรียนรู้

1.ความซอื่ สัตย์ กิจกรรมที่ การตรวจการ วิธสี อนแบบสืบ
สจุ รติ 4.6 ธาตุ
2.ความมวี ินยั อาหารพชื ปฏิบัติ เสาะหาความรู้
3.ใฝ่เรียนรู้ สาคญั
4. ม่งุ ม่ันในการ อยา่ งไร กจิ กรรมที่ (5Es Instructional
ทางาน 4.6 ธาตุ Model)

อาหารพืช

สาคญั อยา่ งไร

มำตรฐำน สำระกำร สำระสำคัญ สำระกำรเรยี นรู้ สม
/ตวั ช้ีวัด เรียนรู้ ควำมคดิ รวบยอด
แกนกลำง

ว 1.2 • พชื ตอ้ งการ พชื สามารถผลติ อาหารได้ ธาตุอาหารท่พี ชื 1. คว
ม 1/15 ธาตุอาหารบาง จากกระบวนการ ต้องการ 2. คว
ชนิดในปรมิ าณ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง เพื่อ
มาก ไดแ้ ก่ เป็นแหล่งพลงั งานให้กับ 1)
ไนโตรเจน พชื ใบเลีย้ งเดย่ี ว และพชื 2)
ฟอสฟอรัส ใบเลีย้ งคู่ มลี ักษณะท่ี 3)
โพแทสเซียม แตกตา่ งกนั เนือ่ งจาก 4)
แคลเซยี ม ข้ันตอนการเจริญเตบิ โต ลงขอ้
แมกนเี ซยี ม และ ของรากและลาต้นในพืช 3. คว
กามะถัน ซ่ึงใน ท้งั สองชนดิ แตกตา่ งกนั
ดนิ อาจมีไม่ นอกจากนพ้ี ชื ต้องการธาตุ
เพียงพอสาหรับ อาหารทีจ่ าเปน็ หลายชนดิ
การเจริญเตบิ โต สาหรบั การเจริญเตบิ โต
ของพืช จึงตอ้ งมี และการดารงชวี ติ ของพชื
การให้ธาตุ
อาหารในรูปของ
ปุ๋ยกบั พืชอยา่ ง
เหมาะสม

นำไปสู่ คณุ ลกั ษณะอนั ชิ้นงำน/ กำรวัด แนวกำร เวลำ
มรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น พึงประสงค์ ภำระงำน ประเมิน จัด เรยี น
(ช่ัวโมง)
วามสามารถในการส่อื สาร 1.ความซื่อสัตยส์ จุ ริต ผล กิจกรรม
วามสามารถในการคิด 2.ความมีวนิ ยั กำร
ทักษะการสารวจค้นหา 3.ใฝเ่ รยี นรู้ เรียนรู้
ทกั ษะการจาแนกประเภท 4. มุ่งม่ันในการ
ทักษะการเปรยี บเทียบ ทางาน กิจกรรมท่ี - การ
ทักษะการตคี วามขอ้ มูลและการ 4.7 พชื ตรวจใบ
อสรปุ ลาเลียงน้า กิจกรรม
วามสามารถในการใช้เทคโนโลยี และธาตุ ท่ี 4.7
อาหาร พชื
อยา่ งไร ลาเลยี ง

น้าและ
ธาตุ
อาหาร
อย่างไร

มำตรฐำน/ สำระกำร สำระสำคญั สำระกำรเรยี นรู้ สมรรถ
ตัวช้วี ัด เรียนรู้ ควำมคิดรวบยอด สำคญั ข
ว 1.2 ม แกนกลำง
1/16 วธิ ีการขยายพนั ธุ์ การสบื พนั ธแ์ุ บบ ผู้เรยี
• มนุษยส์ ามารถ พืชใหเ้ หมาะสม อาศยั เพศและไม่
ว 1.2 ม นาความรเู้ รอ่ื ง กับความต้องการ อาศยั เพศ 1. ความสาม
1/17 การ ของมนษุ ย์ โดยใช้ ในการสื่อสา
สืบพนั ธแุ์ บบ ความรูเ้ กี่ยวกับ 2. ความสาม
อาศัยเพศและไม่ การ สบื พนั ธขุ์ อง ในการคดิ
อาศยั เพศ มาใช้ พืชแบบอาศัยเพศ
ในการขยายพันธ์ุ 1) ทกั ษะ
เพือ่ เพิ่มจานวน และไมอ่ าศยั เพศ มา สารวจค้นห
พชื เช่น การใช้ ใชใ้ นการขยายพันธ์ุ
เมลด็ เพือ่ เพมิ่ จานวนพืช 2) ทักษะ
จาแนกประ
• เทคโนโลยีการ เทคโนโลยีการ
เพาะเล้ยี งเนอื้ 3) ทักษะ
เย่อื พืช เปน็ การ เทคโนโลยีชวี ภาพ เพาะเลีย้ งเนือ้ เย่ือ เปรียบเทยี บ
นาความรูเ้ กย่ี วกับ ของพชื เปน็ การ พืช
ปจั จยั ทีจ่ าเปน็ ต่อ นาเอาความรู้ 4) ทกั ษะ
การเจริญเตบิ โต ทางดา้ น ตคี วามขอ้ ม
ของพืชมาใชใ้ น วิทยาศาสตร์มา การลงขอ้ สร
3. ความสาม
ในการใช้
เทคโนโลยี

นำไปสู่ กำรวดั เวลำเรยี น
ประเมินผล แนวกำรจัด (ชัว่ โมง)
ถนะ คุณลักษณะอนั ชิน้ งำน/
ของ พึงประสงค์ ภำระงำน กจิ กรรมกำร
เรยี นรู้
ยน
-ตรวจ วิธีสอนแบบ
มารถ 1.ความซื่อสตั ย์สุจริต -ชิน้ งาน กจิ กรรมที่ สบื เสาะหา
าร 2.ความมีวนิ ัย 4.3 เลือก ความรู้ (5Es
มารถ 3.ใฝเ่ รยี นรู้ การ วิธีการ Instructional
ขยายพันธุ์ ขยายพันธ์ุ Model)
4. มงุ่ มั่นในการ พืชของ พืชอยา่ งไร
ะการ ทางาน ให้
เหมาะสม
หา นักเรียน - การตรวจ
ชิน้ งานการ
ะการ ขยายพนั ธ์ุ วิธีสอนแบบ
พืชของ สืบเสาะหา
ะเภท นักเรยี น ความรู้ (5Es

ะการ Instructional
Model)


ะการ

มลู และ

รปุ

มารถ

การเพมิ่ จานวน ประยกุ ต์ใช้กบั พชื
พชื และทาให้พืช เพื่อใหเ้ ปน็
สามาร ประโยชน์ และ
เจริญเติบโตได้ใน เพยี งพอตอ่ ความ
หลอดทดลอง ตอ้ งการของ
มนุษย์ เชน่ การ
ขยายพนั ธพ์ุ ืชดว้ ย
การ



มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั สำระกำรเรยี นรู้ สม
ตัวชว้ี ัด แกนกลำง ควำมคดิ รวบยอด สำค



ซึ่งจะไดพ้ ชื จานวน เพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือ

มากในระยะเวลา ซง่ึ เปน็ การนา
สั้น และสามารถนา ช้ินสว่ นเน้อื เยื่อ
เทคโนโลยกี าร
เพาะเลีย้ งเนอื้ เยื่อ ของพืชมาเลย้ี งใน
มาประยุกต์ อาหารสงั เคราะห์

เพือ่ การอนุรกั ษ์ การปรับปรุงพันธุ์

พนั ธกุ รรมพชื พชื และการดัด

ปรบั ปรุงพันธ์พุ ชื ท่ี แปรพนั ธกุ รรม

มีความสาคัญทาง ของพชื โดยใช้ยนี
เศรษฐกิจ การผลิต จากส่งิ มชี วี ิตอน่ื มา
ยาและสารสาคัญ แทรกลงในสาร
ในพชื และอ่นื ๆ พันธุกรรมของพืช

เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลผลิตที่

มปี รมิ าณและ

คณุ ภาพมากขน้ึ

นำไปสู่ ช้ินงำน/ กำรวดั แนวกำรจัด เวลำเรียน
ภำระ ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ชวั่ โมง)
มรรถนะ คุณลกั ษณะอนั งำน
คัญของ พงึ ประสงค์ เรยี นรู้
ผเู้ รยี น

มำตรฐำน สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ สำระกำรเรยี นรู้ ส
/ตัวช้วี ัด แกนกลำง ควำมคิดรวบ สำ

ยอด

ว 1.2 การสืบพันธุ์แบบอาศัย การสบื พนั ธ์แุ บบ การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั 1. คว
ม 1/18 เพศมาเพาะเล้ยี ง อาศัยเพศมา การสอื่
วิธกี ารนี้จะได้พชื ใน เพาะเลย้ี ง เพศและการสืบพันธ์ุ 2. คว
ปริมาณมาก แต่อาจมี วธิ ีการน้จี ะได้พืชใน การคิด
ลักษณะทแ่ี ตกต่างไป ปริมาณมาก แตอ่ าจ แบบไมอ่ าศัยเพศ
จากพ่อแม่ ส่วนการ มีลักษณะทแ่ี ตกตา่ ง 1) ท
ตอนก่งิ การปกั ชา ไปจากพ่อแม่ สว่ น สารวจ
การต่อก่ิง การตดิ ตา การตอนก่งิ การปัก
การทาบก่ิง การ ชา การต่อก่ิง การ 2) ท
เพาะเลยี้ งเนือ้ เย่ือ เป็น ติดตา การทาบก่ิง จาแน
การนาความรเู้ รื่องการ การเพาะเลย้ี ง
สืบพนั ธแ์ุ บบไม่อาศยั เนื้อเยือ่ เปน็ การนา 3) ท
เพศของพืชมาใชใ้ น ความรู้เรื่องการ เปรียบ
การขยายพนั ธ์ุเพ่ือให้ สืบพนั ธแ์ุ บบไม่
ได้พชื ท่มี ลี กั ษณะ อาศัยเพศของพชื มา 4) ท
เหมอื นต้นเดิม ซ่งึ การ ใชใ้ นการขยายพนั ธ์ุ ตคี วาม
ขยายพันธ์ุแต่ละวิธี มี เพอื่ ให้ได้พืชที่มี การลง
ข้นั ตอนแตกตา่ งกนั ลักษณะเหมอื นต้น 3. คว
จึงควร เดิม การใช

นำไปสู่ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรียน
ประเมนิ กจิ กรรมกำร (ชั่วโมง)
มรรถนะ คุณลกั ษณะอัน ช้ินงำน/ภำระ
ำคัญของ พงึ ประสงค์ งำน ผล เรยี นรู้
ผู้เรียน
1.ความซ่อื สัตย์สจุ รติ ตัวอยา่ ง ถาม วิธีสอนแบบ
วามสามารถใน 2.ความมวี นิ ัย สืบเสาะหา
อสาร 3.ใฝ่เรยี นรู้ ระหว่างสาร คาถาม ความรู้ (5Es
วามสามารถใน 4. ม่งุ ม่ันในการ
ด ทางาน บริสุทธ์ิและสาร จาแนก Instructional
ทักษะการ Model)
จค้นหา ผสม สาร
ทกั ษะการ
นกประเภท บรสิ ุทธ์ิ
ทกั ษะการ
บเทียบ และสาร
ทักษะการ
มข้อมลู และ ผสม
งข้อสรุป
วามสามารถใน
ช้เทคโนโลยี

มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั สำระกำรเรียนรู้ สมรรถน
ตัวชว้ี ัด แกนกลำง ควำมคิดรวบ สำคญั ข

ยอด ผูเ้ รียน

เลือกให้เหมาะสม
กบั ความต้องการ
ของมนษุ ย์ โดย
ตอ้ งคานึงถงึ ชนดิ
ของพชื และ
ลักษณะการ
สืบพันธุ์
ของพืช

นำไปสู่ ชน้ิ งำน/ กำรวัด แนวกำรจดั เวลำเรียน
ภำระงำน ประเมนิ ผล กิจกรรมกำร (ชั่วโมง)
นะ คณุ ลักษณะอัน
ของ พงึ ประสงค์ เรยี นรู้


สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหวา่ งส
การเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี

มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั สำระกำรเรียนรู้ สมรรถ
ตัวชี้วัด แกนกลำง ควำมคิดรวบ สำคัญข
สมบัตทิ าง
ว 2.1 ม 1/1 • ธาตุแต่ละชนดิ มี ยอด กายภาพบาง ผเู้ รีย
สมบตั เิ ฉพาะตัว ประการ ของธาตุ
และมีสมบัติทาง สารบริสุทธิ์ โลหะ อโลหะ 1. ความสา
กายภาพบางประการ ประกอบดว้ ย และกึ่งโลหะ การสือ่ สาร
เหมือนกนั และบาง สารเพียงชนิด 2. ความสา
ประการต่างกัน ซึง่ เดยี ว ส่วนสาร การคดิ
สามารถนามาจดั กลุม่ ผสม
ธาตุเป็นโลหะ อโลหะ ประกอบด้วย 1) ทกั ษะ
และกึ่งโลหะ ธาตุ สารตั้งแต่ 2 สารวจคน้ ห
โลหะมจี ดุ เดือด ชนิดขึน้ ไป
สารบริสทุ ธแ์ิ ต่ 2) ทกั ษะ
ละชนิด มี จาแนกประ
สมบัติบาง
ประการท่ีเปน็ 3) ทกั ษะ
คา่ เฉพาะตัว มี เปรียบเทียบ

4) ทกั ษะ
ตคี วามขอ้ ม
การลงขอ้ สร
3. ความสา
การใชเ้ ทคโ

สมบัตขิ องสสารกับโครงสรา้ งและแรงยดึ เหน่ยี วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาตขิ อง

นำไปสู่ ชิ้นงำน/ กำรวดั แนวกำรจัด เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ชว่ั โมง)
ถนะ คุณลกั ษณะอัน
ของ พงึ ประสงค์ - กจิ กรรม - การตรวจ เรียนรู้
ยน ท่ี 2.6 เรา กิจกรรมท่ี
สามารถ 2.6 เรา วธิ สี อนแบบ
ามารถใน 1.ความซอ่ื สัตยส์ ุจริต จาแนกธาตุ สามารถ สบื เสาะหา
2.ความมวี นิ ยั ไดอ้ ย่างไร จาแนกธาตุ ความรู้ (5Es
ได้อย่างไร
ามารถใน 3.ใฝเ่ รียนรู้ Instructional
4. มงุ่ ม่นั ในการ Model)

ะการ ทางาน
หา
ะการ
ะเภท
ะการ

ะการ
มลู และ
รุป
ามารถใน
โนโลยี

ค่าคงที่ เช่น

จดุ เดอื ด

จุดหลอมเหลว

และความ

หนาแน่น แต่

จดุ หลอมเหลวสูง มี สารผสมมี
ผิวมันวาว นาความ จดุ เดือด
รอ้ น นาไฟฟา้ ดึงเป็น จดุ หลอมเหลว
เส้นหรือตีเป็นแผ่น และความ
บาง ๆ ได้ และมี หนาแน่นไม่
ความหนาแน่นทั้งสงู คงท่ีขึ้นอยกู่ บั
และตา่ ธาตุอโลหะมี ชนดิ และ
จุดเดือด จุด

หลอมเหลวตา่ สดั สว่ นของ

มีผวิ ไมม่ นั วาวไมน่ า สารทีผ่ สมอยู่
ความร้อน ไม่นาไฟฟ้า ดว้ ยกนั

เปราะ แตกหักงา่ ย

และมคี วามหนาแน่น

ต่า ธาตกุ ่ึงโลหะมี

สมบตั บิ างประการ

เหมือนโลหะ และ

สมบตั บิ างประการ

เหมือนอโลหะ



มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ สำระกำร สมรร
ตวั ช้ีวัด แกนกลำง ควำมคิดรวบ เรียนรู้ สำคญั

ว 2.1 ม 1/2 • ธาตโุ ลหะ อโลหะ และ ยอด การใชธ้ าตุ ผูเ้ รีย
กึง่ โลหะ ทีส่ ามารถแผ่รงั สี โลหะ อโลหะ
ว 2.1 ม 1/3 ไดจ้ ดั เปน็ ธาตุกัมมนั ตรังสี ใชส้ มบตั ทิ าง กึ่งโลหะ และ 1. ความสา
กายภาพของธาตุ ธาตุ การส่อื สาร
• ธาตุมที ั้งประโยชน์และ เพอื่ จาแนกธาตเุ ป็น กมั มนั ตรังสี ท่ี 2. ความสา
โทษ การใช้ธาตุโลหะ โลหะ อโลหะ และ มีตอ่ สงิ่ มชี ีวิต การคิด
อโลหะ กง่ึ โลหะ ธาตุ กึง่ โลหะธาตุบาง ส่งิ แวดลอ้ ม
กมั มันตรงั สี ควรคานึงถึง ชนิดเป็นธาตุ เศรษฐกจิ และ 1) ทกั ษ
ผลกระทบตอ่ สงิ่ มชี วี ิต กมั มนั ตรงั สีซึ่งธาตุ สังคม สารวจคน้ ห
ส่งิ แวดล้อม เศรษฐกจิ และ โลหะอโลหะก่ึง
สงั คม โลหะและธาตุ คณุ ค่าของการ 2) ทักษ
กัมมันตรงั สใี ช้ ใชธ้ าตุโลหะ จาแนกปร
ประโยชนไ์ ด้ อโลหะ กงึ่
แตกตา่ งกัน โลหะ ธาตุ 3) ทกั ษ
การนาธาตมุ าใช้ กมั มนั ตรงั สี เปรยี บเทยี
อาจมีผลกระทบต่อ
ส่ิงมีชวี ติ 4) ทกั ษ
สิ่งแวดลอ้ ม ตีความข้อ
เศรษฐกจิ และ การลงขอ้ ส
สังคม 3. ความสา
การใชเ้ ทค

นำไปสู่ ชิน้ งำน/ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมนิ ผล กิจกรรมกำร (ชว่ั โมง)
รถนะ คณุ ลกั ษณะอนั
ญของ พงึ ประสงค์ - กจิ กรรมท่ี - การตรวจ เรียนรู้
ยน 2.6 เรา กิจกรรมท่ี
สามารถ 2.6 เรา วิธสี อนแบบ
สามารถใน 1.ความซื่อสตั ย์สุจริต จาแนกธาตุ สามารถ สืบเสาะหา
ร 2.ความมวี ินยั ได้อย่างไร จาแนกธาตุ ความรู้ (5Es
สามารถใน 3.ใฝ่เรยี นรู้ ไดอ้ ยา่ งไร
Instructional
4. มุ่งม่นั ในการ Model)
ษะการ ทางาน
หา วธิ สี อนแบบ
ษะการ สืบเสาะหา
ระเภท ความรู้ (5Es
ษะการ
ยบ Instructional
ษะการ Model)
อมูลและ
สรุป
สามารถใน
คโนโลยี

มำตรฐำน/ สำระกำร สำระสำคญั สำระกำรเรียนรู้ สมรรถน
ตัวชว้ี ัด เรยี นรู้ ควำมคิดรวบ สำคัญข
แกนกลำง จดุ เดือดจดุ
ว 2.1 ม 1/4 ยอด หลอมเหลวของ ผู้เรียน
สารบริสทุ ธ์ิและ
• สารบรสิ ุทธิ์ สารบรสิ ทุ ธิ์ สารผสม 1. ความสาม
ในการส่ือสาร
ประกอบดว้ ยสาร สามารถแบง่ 2. ความสาม
เพยี งชนดิ เดียว ออกเปน็ ธาตแุ ละ ในการคิด
สว่ นสารผสม สารประกอบ
ประกอบด้วยสาร ธาตมุ ี 1) ทกั ษะก
ตงั้ แต่ 2 ชนิดข้ึน องคป์ ระกอบ สารวจค้นหา
ไป สารบริสุทธิ์แต่ เพยี งชนดิ เดยี ว
ละชนดิ มสี มบัติ 2) ทกั ษะก
จาแนกประเ
บางประการท่เี ป็น และไมส่ ามารถ
3) ทักษะก
ค่าเฉพาะตวั เชน่ แยกสลาย เปน็ เปรียบเทียบ
จดุ เดือดและ สารอนื่ ไดด้ ว้ ยวิธี
จุดหลอมเหลว 4) ทักษะก
คงท่ี แต่สารผสมมี ทางเคมีส่วน ตคี วามขอ้ มูล
จดุ เดือดและจดุ สารประกอบธาตุ การลงขอ้ สร
3. ความสาม
หลอมเหลวไมค่ งท่ี องค์ประกอบ ในการใช้
เทคโนโลยี

ขึ้นอยู่กับชนิดและ ตงั้ แต่

สัดสว่ นของสารที่ 2 ชนดิ ข้นึ ไป

ผสมอยดู่ ้วยกัน รวมตวั กันทาง

นำไปสู่ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรียน
ประเมินผล กจิ กรรมกำร (ช่วั โมง)
นะ คุณลกั ษณะอัน ชิน้ งำน/
ของ พงึ ประสงค์ ภำระงำน เรียนรู้

ตัวอยา่ ง
มารถ 1.ความซอ่ื สัตย์ ระหว่างสาร ถามคาถาม วธิ สี อนแบบ
บริสทุ ธ์ิและ จาแนกสาร สืบเสาะหา
ร สจุ รติ สารผสม บริสทุ ธแ์ิ ละ ความรู้ (5Es
-กจิ กรรมท่ี สารผสม
มารถ 2.ความมวี ินยั 2.1 จดุ เดอื ด - ตรวจสอบ Instructional
ของสาร การปฏบิ ตั ิ Model)
3.ใฝ่เรียนรู้ บริสทุ ธกิ์ ับ กิจกรรมที่
การ 4. มุง่ มน่ั ในการ สารผสม 2.1 จดุ เดือด
า แตกต่างกนั ของสาร
การ ทางาน อยา่ งไร บริสทุ ธก์ิ บั
สารผสม
เภท แตกต่างกัน
อยา่ งไร
การ



การ

ลและ

รปุ

มารถ

เคมใี นอตั ราส่วน
คงท่ี มีสมบัติ
แตกต่างจากธาตุ
ท่ีเปอ็ งคป์ ระกอบ
สามารถแยก
องคป์ ระกอบของ
สารประกอบ
ออกจากกนั ได้
ด้วยวิธที างเคมี



มำตรฐำน/ สำระกำร สำระสำคัญ สำระกำรเรียนรู้ สมรรถนะ
ตวั ชวี้ ัด เรยี นรู้ ควำมคดิ รวบ สำคญั ของ
ว 2.1 ม 1/5 แกนกลำง ความหนาแนน่
ยอด ของสารบริสุทธิ์ ผ้เู รยี น
ว 2.1 ม 1/6 • สารบรสิ ุทธิแ์ ต่ และสารผสม
ละชนดิ มีความ สารบรสิ ุทธิแ์ ตล่ ะ 1. ความสามารถ
หนาแน่น หรอื ชนดิ มคี วาม วัดมวลและ ในการส่ือสาร
มวลต่อหน่งึ หนาแน่น หรอื มวล ปริมาตรของ 2. ความสามารถ
หน่วยปริมาตร ต่อหนง่ึ หน่วย สารบรสิ ทุ ธ์แิ ละ ในการคิด
คงท่ี ปริมาตรคงท่ี สารผสม
ค่าเฉพาะของสาร 1) ทักษะการ
น้นั ณ สถานะ ความหนาแน่นไม่ สารวจค้นหา
และอุณหภูมหิ น่ึง คงที่ข้นึ อยกู่ ับชนดิ
แตส่ ารผสมมี และสัดสว่ นของ 2) ทักษะการ
ความหนาแน่นไม่ สารท่ผี สมอยู่ จาแนกประเภท
คงที่ขึ้นอย่กู ับ ด้วยกนั
ชนิดและสัดส่วน 3) ทกั ษะการ
ของสารที่ผสมอยู่ เปรยี บเทยี บ
ด้วยกัน
4) ทกั ษะการ
ตีความขอ้ มลู แล
การลงขอ้ สรุป
3. ความสามารถ
ในการใช้
เทคโนโลยี

นำไปสู่ กำรวัด แนวกำรจดั เวลำเรยี น
ชิน้ งำน/ ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ชว่ั โมง)
ะ คุณลักษณะอัน ภำระงำน
ง พึงประสงค์ เรยี นรู้

ถ 1.ความซอื่ สตั ย์ - ใบงานท่ี - การตรวจ วิธีสอนแบบสืบ
สจุ ริต 2.1เรอ่ื งการ ใบงานท่ี 2.1 เสาะหาความรู้
คานวณหา เรอื่ งการ
ถ 2.ความมวี ินัย ความ คานวณหา (5Es Instructional
3.ใฝเ่ รยี นรู้ หนาแน่น ความ Model)
หนาแน่น
ร 4. มุง่ มน่ั ในการ วธิ สี อนแบบสบื
ทางาน เสาะหาความรู้

ร (5Es Instructional
ท Model)



ละ



มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ สำระกำรเรียนรู้ สมรร
ตวั ช้ีวัด แกนกลำง ควำมคิดรวบ สำคัญ

ว 2.1 ม 1/7 สารบรสิ ทุ ธิแ์ บง่ ยอด ผู้เร
ออกเป็นธาตแุ ละ
สารประกอบธาตุ สารบรสิ ุทธแ์ิ บง่ อะตอม ธาตุ และ 1. ความส
ประกอบด้วยอนภุ าค ออกเป็นธาตุและ สารประกอบ ในการสอ่ื
ทีเ่ ลก็ ท่ีสดุ ที่ยงั แสดง 2. ความส
สมบัติของธาตนุ ั้น สารประกอบธาตุ ในการคดิ
เรียกวา่ อะตอม ธาตุ ประกอบดว้ ย
แตล่ ะชนิด อนภุ าคท่เี ลก็ 1) ทักษ
ประกอบดว้ ยอะตอม ทีส่ ุดทย่ี งั แสดง สารวจค้น
เพียงชนิดเดียวและ สมบัตขิ องธาตุ
ไม่สามารถแยกสลาย น้นั เรยี กวา่ 2) ทกั ษ
เป็นสารอนื่ ไดด้ ้วยวิธี อะตอม ธาตแุ ต่ จาแนกปร
ทางเคมธี าตุเขยี น ละชนิด
แทนด้วยสญั ลกั ษณ์ ประกอบด้วย 3) ทักษ
ธาตุ สารประกอบ อะตอมเพียง เปรยี บเทีย
เกดิ จากอะตอมของ ชนิดเดยี ว
ธาตตุ ้งั แต่ 2 ชนิดขึน้ 4) ทกั ษ
ไปรวมตวั กันทางเคมี ตคี วามขอ้
ใน การลงข้อ
3. ความส
ในการใช้
เทคโนโลย

นำไปสู่ ชนิ้ งำน/ กำรวดั เวลำเรียน
ภำระงำน ประเมนิ ผล แนวกำรจดั (ชั่วโมง)
รถนะ คุณลกั ษณะอัน
ญของ พงึ ประสงค์ กจิ กรรมกำร
รียน เรยี นรู้

สามารถ 1.ความซื่อสตั ยส์ ุจรติ - การเขยี น - ตรวจการ วธิ ีสอนแบบ
อสาร 2.ความมีวินัย จาแนก เขยี น สบื เสาะหา
สามารถ 3.ใฝเ่ รียนรู้ ส่ิงของใดจัด จาแนก ความรู้ (5Es
ด 4. มุง่ มน่ั ในการ อยใู่ นสถานะ ส่ิงของใด
ษะการ ทางาน ของแข็ง จัดอยใู่ น Instructional
นหา ของเหลว สถานะ Model)
ษะการ และแก๊ส ของแขง็
ระเภท ของเหลว
ษะการ และแก๊ส
ยบ
ษะการ

อมลู และ

อสรปุ

สามารถ

ยี

มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคญั สำระกำร สมรรถ
ตัวชว้ี ัด สำคัญ
แกนกลำง ควำมคดิ รวบยอด เรียนรู้
ว 2.1 ม 1/8 ผเู้ รีย
อตั ราสว่ นคงที่ มี ธาตุแตล่ ะชนิด โครงสรา้ ง
สมบัตแิ ตกต่างจาก ประกอบด้วยอนุภาคท่ี อะตอม 1. ความสามา
ธาตุที่เป็น เล็กทสี่ ุดเรยี กวา่ นวิ ตรอน ส่อื สาร
องค์ประกอบ รวมกันตรงกลางอะตอม 2. ความสามา
สามารถแยกเป็น เรยี กวา่ นิวเคลยี ส ส่วน คิด
ธาตไุ ด้ดว้ ยวิธที าง อิเลก็ ตรอนเคล่ือนทร่ี อบ
เคมี ธาตแุ ละ นิวเคลยี ส อะตอม ของ 1) ทกั ษะกา
สารประกอบ แตล่ ะธาตุแตกต่างกันท่ี ค้นหา
สามารถเขยี นแทน
ไดด้ ว้ ยสตู รเคมี 2) ทักษะกา
• อะตอม ประเภท
ประกอบด้วย
โปรตอน นวิ ตรอน 3) ทกั ษะกา
และอิเล็กตรอน เปรยี บเทยี บ
โปรตอนมปี ระจุ
ไฟฟา้ บวก ธาตุ 4) ทักษะกา
ชนดิ เดียวกันมี ข้อมลู และการ
จานวนโปรตอน 3. ความสามา
เท่ากันและเปน็ ใช้เทคโนโลยี
คา่ เฉพาะของธาตุ

นำไปสู่ ชนิ้ งำน/ กำรวัด เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมนิ ผล แนวกำรจดั (ชว่ั โมง)
ถนะ คณุ ลกั ษณะอนั
ญของ พึงประสงค์ กจิ กรรมกำร
ยน เรียนรู้

ารถในการ 1.ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต กจิ กรรมท่ี การตรวจ วธิ ีสอนแบบสืบ
ารถในการ 2.ความมีวนิ ัย 2.5โครงสร้าง กิจกรรมที่ เสาะหาความรู้
ารสารวจ 3.ใฝเ่ รียนรู้ อะตอมเป็น 2.5 (5Es
ารจาแนก 4. มุง่ มน่ั ในการ อยา่ งไร โครงสร้าง Instructional
าร ทางาน อะตอมเป็น Model)
อย่างไร

ารตีความ
รลงข้อสรุป
ารถในการ

มำตรฐำน/ สำระกำร สำระสำคญั สำระกำร สมรรถนะ
ตัวชว้ี ัด เรยี นรู้ ควำมคิดรวบ เรยี นรู้ สำคัญของ
แกนกลำง
ยอด ผ้เู รียน

นนั้ นิวตรอนเป็น จานวนโปรตอน

กลางทางไฟฟ้า ธาตแุ ตล่ ะชนิดมี
สว่ นอิเลก็ ตรอนมี สมบัติเฉพาะตวั
ประจไุ ฟฟา้ ลบ
เม่อื อะตอมมี นักวิทยาศาสตร์
จานวนโปรตอน อะตอม อะตอม

เท่ากบั จานวน ประกอบดว้ ย

อเิ ลก็ ตรอนจะ โปรตอน

เปน็ กลางทาง นวิ ตรอน และ

ไฟฟา้ โปรตอน อเิ ล็กตรอน

และนวิ ตรอน

รวมกนั ตรงกลาง

อะตอมเรยี กว่า

นิวเคลยี สส่วน

อิเลก็ ตรอน

เคลื่อนทอ่ี ยใู่ น

ทว่ี า่ งรอบ

นวิ เคลียส

นำไปสู่ ช้นิ งำน/ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมนิ ผล กิจกรรมกำร (ชวั่ โมง)
ะ คณุ ลกั ษณะอัน
ง พงึ ประสงค์ เรียนรู้

มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคญั สำระกำรเรยี นรู้
ตัวชี้วัด แกนกลำง ควำมคิดรวบยอด

ว 2.1 ม 1/9 • สสารทกุ ชนิด สารท่ีอยู่รอบตวั เราลว้ นมี การจัดเรียงอนภุ าค

ประกอบดว้ ยอนภุ าค ลักษณะเฉพาะตวั ท่ี แรงยดึ เหนี่ยว

โดยสารชนิดเดยี วกัน แตกต่างกนั สารบางชนดิ ระหวา่ งอนุภาค และ

ทีม่ ีสถานะของแข็ง สามารถสงั เกตไดจ้ าก การเคลื่อนทขี่ อง

ของเหลว แกส๊ จะมี ลกั ษณะภายนอกของสาร อนุภาคของสารชนิด

การจดั เรียงอนุภาค ได้ เชน่ สี สถานะ เปน็ ต้น เดยี วกันในสถานะ

แรงยดึ เหนี่ยวระหว่าง ซงึ่ เป็นสมบตั ทิ างกายภาพ ตา่ ง ๆ

อนุภาค การเคลอื่ นที่ ของสาร แต่สมบัตบิ างชนิด

ของอนุภาคแตกต่าง ของสารเกิดจากการทา

กนั ปฏกิ ิรยิ าเคมี ทาให้เกดิ สาร

ซึ่งมีผลต่อรปู ร่างและ ใหม่ท่ีมีองค์ประกอบ

ปรมิ าตรของสสาร แตกตา่ งไปจาก

• อนุภาคของของแข็ง

เรยี งชดิ กัน มแี รงยึด

เหนี่ยวระหว่าง

อนุภาคมากทส่ี ุด

อนภุ าคสั่นอยกู่ ับท่ีทา

ให้มรี ปู ร่างและ

ปรมิ าตรคงท่ี

นำไปสู่ กำรวัด แนวกำร เวลำเรยี น
ประเมิน จัด (ชวั่ โมง)
สมรรถนะ คุณลกั ษณะอัน ชน้ิ งำน/
สำคญั ของ พึงประสงค์ ภำระงำน ผล กิจกรรม
กำรเรยี นรู้
ผ้เู รยี น 1.ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ กิจกรรม คาถาม
2.ความมีวินยั อนุภาคของ วธิ ีสอนแบบ
1. ความสามารถใน 3.ใฝ่เรยี นรู้ ของแขง็ เรียง สบื เสาะหา
การสื่อสาร 4. มุ่งม่นั ในการ ชิดกนั มแี รง ความรู้ (5Es
2. ความสามารถใน ทางาน ยึดเหนย่ี ว Instruction
การคดิ ระหวา่ ง al Model)
อนุภาคมาก
1) ทักษะการ ทส่ี ุด อนุภาค
สารวจคน้ หา สัน่ อยูก่ ับที่
ทาใหม้ ี
2) ทักษะการ รปู ร่างและ
จาแนกประเภท ปรมิ าตรคงท่ี

3) ทกั ษะการ
เปรียบเทียบ

4) ทักษะการ
ตคี วามขอ้ มลู และ
การลงข้อสรปุ
3. ความสามารถใน
การใช้เทคโนโลยี

มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ สำระกำร สมรรถน
ตัวชว้ี ัด แกนกลำง ควำมคดิ รวบ เรียนรู้ สำคัญขอ

ยอด ผ้เู รยี น

• อนภุ าคของ เดิม เชน่ การเผา

ของเหลวอย่ใู กล้กัน ไหม้ การเกดิ สนมิ

มีแรงยึดเหนย่ี ว เปน็ ตน้ ซ่ึงเป็น

ระหวา่ งอนุภาคนอ้ ย สมบตั ิทางเคมีของ

กวา่ ของแข็งแต่ สาร การระบุว่า

มากกวา่ แก๊สอนภุ าค สารแต่ละชนดิ เป็น

เคลื่อนทไี่ ด้แต่ไม่ สารประเภทใด

เป็นอสิ ระเท่าแก๊ส จาเป็นต้องใช้

ทาใหม้ ีรูปรา่ งไม่ สมบัตขิ องสารมา

คงที่ แต่ปรมิ าตร วิเคราะห์ เช่น การ

คงท่ี ใช้สถานะ การใช้

• อนภุ าคของแก๊ส เน้ือสาร และการใช้

อยหู่ า่ งกนั มาก มี ขนาดของอนุภาค

แรงยึดเหนย่ี ว มาเป็นเกณฑใ์ น

ระหวา่ งอนภุ าคน้อย การจาแนกสาร

ที่สดุ อนุภาค

เคลอื่ นทไ่ี ด้อยา่ ง

อิสระทุกทิศทาง ทา

ให้มรี ปู รา่ งและ

ปริมาตรไม่คงที่

นำไปสู่ ช้ินงำน/ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรียน
ภำระงำน ประเมนิ ผล กิจกรรมกำร (ชว่ั โมง)
นะ คุณลกั ษณะอัน
อง พึงประสงค์ เรียนรู้


มำตรฐำน/ สำระกำร สำระสำคัญ สำระกำรเรยี นรู้ สมรรถน
ตวั ชีว้ ัด เรยี นรู้ ควำมคดิ รวบ สำคัญขอ
แกนกลำง ความสัมพันธ์
ว 2.1 ยอด ระหวา่ งพลงั งาน ผูเ้ รยี น
ม 1/10 • ความร้อนมผี ล ความร้อนกับการ
ต่อการเปล่ยี น สารท่ีอยูร่ อบตวั เปลย่ี นสถานะ 1. ความสามา
สถานะของสสาร เราล้วนมีสมบัติ ของสสาร ในการสอ่ื สาร
เมือ่ ใหค้ วามร้อน ทางกายภาพ 2. ความสามา
แก่ของแข็ง และสมบัติทาง ในการคดิ
อนุภาคของ เคมที ่ีแตกต่างกัน
ของแข็งจะมี ซึ่งอณุ หภมู ิ 1) ทักษะก
พลงั งานและ ภายนอกมีผลตอ่ สารวจค้นหา
อุณหภูมิเพิม่ ขน้ึ สถานะของสาร
จนถึงระดบั หนง่ึ ซึ่งเป็นสมบตั ิทาง 2) ทักษะก
ซึ่งของแข็งจะใช้ กายภาพของสาร จาแนกประเภ
ความรอ้ นในการ อย่างหนึง่ เช่น
เปลยี่ นสถานะ นา้ แข็ง (ของแข็ง) 3) ทกั ษะก
เปน็ ของเหลว เมอื่ ไดร้ ับความ เปรียบเทียบ
เรยี กความรอ้ นท่ี รอ้ นจะละลาย
ใชใ้ นการเปลยี่ น กลายเปน็ นา้ 4) ทกั ษะก
สถานะจาก (ของเหลว) เมื่อ ตคี วามขอ้ มลู
ของแข็งเปน็ การลงขอ้ สรปุ
3. ความสามา
ในการใช้
เทคโนโลยี

นำไปสู่ ช้นิ งำน/ กำรวดั แนวกำรจัด เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมนิ ผล กิจกรรมกำร (ช่ัวโมง)
นะ คณุ ลักษณะอนั
อง พึงประสงค์ กจิ กรรม เรยี นรู้
น อนุภาคของ
ของแขง็ เรยี ง คาถาม วิธสี อนแบบสืบ
ารถ 1.ความซ่อื สัตย์ ชดิ กัน มีแรง เสาะหาความรู้
ร สุจริต ยดึ เหนย่ี ว
ารถ 2.ความมีวินัย ระหวา่ ง (5Es Instructional
อนุภาคมาก Model)
3.ใฝ่เรียนรู้ ทส่ี ุด อนุภาค
การ 4. มุง่ มัน่ ในการ ส่นั อยกู่ ับท่ี
ทาให้มี
ทางาน รปู รา่ งและ
การ ปริมาตรคงท่ี
ภท
การ

การ
ลและ

ารถ

ของเหลววา่ นา้ ไดร้ ับความ
ความรอ้ นแฝง รอ้ นต่อเน่ืองจะ
ของการ เดือด และระเหย
หลอมเหลว และ กลายเป็นไอ
อณุ หภมู ขิ ณะ (แก๊ส) เป็นต้น ซ่ึง
ความร้อนที่ทาให้
ของแขง็ เปล่ียน
สถานะเปน็
ของเหลว



มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ สำระกำร สมรรถน
ควำมคดิ รวบ เรียนรู้ สำคญั ขอ
ตัวชว้ี ัด แกนกลำง
ยอด ผูเ้ รยี น

เปลย่ี นสถานะจะคงท่ี เรียกว่า ความรอ้ น
เรยี กอุณหภูมนิ วี้ า่ จดุ แฝงของการ
หลอมเหลว หลอมเหลว และ
• เมอ่ื ใหค้ วามรอ้ นแก่ เรียกความรอ้ นทท่ี า
ของเหลว อนุภาคของ ให้ของเหลวเปล่ียน
ของเหลวจะมีพลังงาน สถานะเป็นแกส๊ ว่า
และอุณหภูมิเพม่ิ ข้ึน ความรอ้ นแฝงของ
จนถึงระดับหน่งึ ซึ่ง การกลายเป็นไอ
ของเหลวจะใชค้ วามรอ้ น
ในการเปลี่ยนสถานะ
เป็นแก๊ส เรียกความร้อน
ท่ีใช้ในการเปล่ยี นสถานะ
จากของเหลวเป็นแกส๊ ว่า
ความรอ้ นแฝงของการ
กลายเปน็ ไอ และ
อุณหภูมิขณะเปลี่ยน
สถานะจะคงที่ เรียก
อณุ หภมู นิ ีว้ า่ จดุ เดือด

นำไปสู่ ช้ินงำน/ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรียน
ภำระงำน ประเมนิ ผล กิจกรรมกำร (ชว่ั โมง)
นะ คุณลกั ษณะอัน
อง พึงประสงค์ เรียนรู้





Click to View FlipBook Version