The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิเคราะห์หลักสูตร ว30245 ม.6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rattiya2252, 2022-09-20 12:49:25

วิเคราะห์หลักสูตร ว30245 ม.6

วิเคราะห์หลักสูตร ว30245 ม.6

หนว่ ยที่ ชอื่ หน่วย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้แกนกล
กำรเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ัด
ว 2.1 ม 1/1 • ธาตแุ ต่ละชนิดมีสมบัติเฉพา
2 สารบริสุทธ์ิ มีสมบตั ทิ างกายภาพบางประก
เหมือนกนั และบางประการตา่
สามารถนามาจัดกลมุ่ ธาตเุ ป็น
อโลหะ และกงึ่ โลหะ ธาตุโลห
จดุ เดือด จดุ หลอมเหลวสงู มผี
นาความรอ้ น นาไฟฟ้า ดึงเปน็
ตีเป็นแผน่ บาง ๆ ได้ และมคี ว
หนาแน่นท้ังสูงและต่า ธาตอุ โ
มจี ุดเดือด จุดหลอมเหลวตา่
มีผวิ ไม่มันวาวไมน่ าความร้อน
ไฟฟ้า เปราะ แตกหักงา่ ยและ
หนาแน่นต่า ธาตกุ ่งึ โลหะมสี ม
บางประการเหมือนโลหะ และ
บางประการเหมือนอโลหะ

ลำง สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนัก
(ชัว่ โมง) คะแนน
าะตัวและ สารบรสิ ุทธ์ิประกอบดว้ ยสารเพยี งชนดิ
การ เดียว ส่วนสารผสมประกอบดว้ ยสาร 3 3
างกัน ซง่ึ ตัง้ แต่ 2 ชนดิ ขน้ึ ไป สารบริสุทธแิ์ ตล่ ะ
นโลหะ ชนดิ มีสมบัตบิ างประการที่เป็นค่า
หะมี เฉพาะตัว มีค่าคงท่ี เช่น จดุ เดอื ด
ผวิ มนั วาว จดุ หลอมเหลว และความหนาแน่น แต่
นเสน้ หรอื สารผสมมีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และ
วาม ความหนาแนน่ ไม่คงท่ขี ้นึ อยู่กับชนดิ และ
โลหะ สดั ส่วนของสารที่ผสมอยดู่ ว้ ยกนั

น ไม่นา
ะมีความ
มบตั ิ
ะสมบัติ

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรูแ้ กนกล
กำรเรียนรู้ ตัวช้ีวัด
ว 2.1 ม 1/2 • ธาตโุ ลหะ อโลหะ และกึง่ โล
สามารถแผ่รังสีได้
จัดเปน็ ธาตกุ ัมมนั ตรังสี

ว 2.1 ม 1/3 • ธาตมุ ีทัง้ ประโยชนแ์ ละโทษ
ว 2.1 ม 1/4 ธาตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ ธา
กัมมันตรังสี ควรคานึงถงึ
ผลกระทบต่อสิ่งมชี ีวิต สง่ิ แวด
เศรษฐกิจและสงั คม
• สารบริสุทธิ์ประกอบด้วยสาร
ชนิดเดยี วส่วนสารผสมประกอ
สารต้งั แต่ 2 ชนดิ ข้นึ ไป สารบ
ละชนิดมสี มบัติบางประการ
ทีเ่ ป็นคา่ เฉพาะตัว เชน่ จุดเดอื
จุดหลอมเหลวคงที่ แตส่ ารผส
เดือดและจุดหลอมเหลวไม่คง
กับชนดิ และ สัดสว่ นของสารท
ด้วยกนั

ลำง สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั
ลหะ ท่ี (ช่วั โมง) คะแนน
ใช้สมบัติทางกายภาพของธาตเุ พื่อ
การใช้ จาแนกธาตเุ ป็นโลหะ อโลหะ และกึง่ 3 3
าตุ โลหะธาตุบางชนิดเป็นธาตุกมั มันตรังสีซง่ึ
ดล้อม ธาตโุ ลหะอโลหะกึง่ โลหะและธาตุ 2 3
กมั มนั ตรงั สใี ช้ประโยชนไ์ ด้แตกตา่ งกัน
การนาธาตุมาใช้อาจมีผลกระทบตอ่
ส่งิ มชี ีวติ สง่ิ แวดล้อม เศรษฐกจิ และ
สงั คม

รเพยี ง สารบริสทุ ธิ์สามารถแบง่ ออกเป็นธาตุ 4 3
อบดว้ ย และสารประกอบ ธาตุมีองค์ประกอบ
บรสิ ุทธแิ์ ต่ เพยี งชนดิ เดียวและไม่สามารถแยกสลาย
เป็นสารอนื่ ไดด้ ว้ ยวิธีทางเคมสี ่วน
อดและ สารประกอบธาตอุ งค์ประกอบตั้งแต่
สมมีจุด 2 ชนิดข้นึ ไปรวมตัวกนั ทางเคมีใน
งที่ ข้ึนอยู่ อตั ราส่วนคงท่ี มีสมบัติแตกต่างจากธาตุ
ท่ีผสมอยู่ ทีเ่ ป็นองค์ประกอบ สามารถแยก

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หนว่ ย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำ
กำรเรียนรู้ ตวั ชีว้ ัด

ว 2.1 ม 1/5 • สารบริสทุ ธแิ์ ต่ละชนดิ มีความห
ว 2.1 ม 1/6 หรือมวลตอ่ หน่ึงหน่วยปริมาตรค
คา่ เฉพาะของสารนั้น ณ สถานะแ
ว 2.1 ม 1/7 อุณหภูมิหนึ่งแตส่ ารผสมมคี วามห
ไมค่ งที่ข้นึ อยู่กบั ชนดิ และสัดส่วน
ที่ผสมอยู่ดว้ ยกนั
สารบริสทุ ธแิ์ บ่งออกเป็นธาตแุ ละ
สารประกอบธาตปุ ระกอบดว้ ยอน
เลก็ ท่ีสุดที่ยงั แสดงสมบตั ขิ องธาต
เรยี กว่า อะตอม ธาตุแต่ละชนดิ
ประกอบดว้ ยอะตอมเพยี งชนดิ เด
ไม่สามารถแยกสลายเปน็ สารอนื่
ทางเคมีธาตเุ ขียนแทนด้วยสญั ลกั
สารประกอบเกิดจากอะตอมของ
ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปรวมตวั กันทา
อตั ราส่วนคงท่ี มสี มบัติแตกต่างจ

ำง สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั
(ช่ัวโมง) คะแนน
หนาแนน่ องค์ประกอบของสารประกอบออกจาก
คงท่ี กันไดด้ ้วยวธิ ีทางเคมี 2 1
และ สารบรสิ ุทธ์แิ ต่ละชนดิ มีความหนาแน่น 2 1
หนาแน่น หรอื มวลต่อหนึ่งหนว่ ยปรมิ าตรคงที่
นของสาร ความหนาแน่นไมค่ งที่ข้นึ อยกู่ ับชนิด
และสดั ส่วนของสารที่ผสมอยู่ดว้ ยกนั

ะ สารบรสิ ทุ ธ์แิ บง่ ออกเปน็ ธาตุและ 2 2
นภุ าคที่ สารประกอบธาตปุ ระกอบดว้ ยอนภุ าคท่ี
ตุนั้น เล็กท่ีสุดทยี่ งั แสดงสมบตั ิของธาตุนน้ั
เรยี กวา่ อะตอม ธาตแุ ต่ละชนิด
ดยี วและ ประกอบดว้ ยอะตอมเพียงชนิดเดยี ว
นได้ดว้ ยวิธี
กษณธ์ าตุ
งธาตุ
างเคมีใน
จากธาตทุ ี่

หนว่ ยท่ี ชอื่ หนว่ ย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นร้แู กนกล
กำรเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด
เปน็ องคป์ ระกอบ สามารถแย
ว 2.1 ม 1/8 ไดด้ ้วยวธิ ีทางเคมี ธาตุและ
สารประกอบสามารถเขยี นแท
สตู รเคมี
• อะตอมประกอบด้วยโปรตอ
นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอน โปร
ประจุไฟฟา้ บวก ธาตชุ นิดเดีย
จานวนโปรตอนเท่ากนั และเป
คา่ เฉพาะของธาตนุ ้นั นวิ ตรอน
กลางทางไฟฟ้าสว่ นอเิ ลก็ ตรอน
ไฟฟ้าลบ เมอ่ื อะตอมมีจานวน
เทา่ กบั จานวนอิเล็กตรอนจะเป
ทางไฟฟ้า โปรตอนและนิวตร
รวมกันตรงกลางอะตอมเรียกว
นวิ เคลยี สส่วนอิเลก็ ตรอนเคลอ่ื
ในท่ีวา่ งรอบนวิ เคลียส

ลำง สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ น้ำหนกั
ยกเปน็ ธาตุ (ชวั่ โมง) คะแนน

ทนไดด้ ้วย

อน ธาตุแต่ละชนดิ ประกอบดว้ ยอนุภาคที่ 2 2
รตอนมี เลก็ ท่สี ุดเรียกวา่ นวิ ตรอนรวมกันตรง
ยวกนั มี กลางอะตอมเรียกว่า นวิ เคลยี ส สว่ น
ป็น อเิ ล็กตรอนเคล่ือนทร่ี อบนวิ เคลียส
นเป็น อะตอม ของแตล่ ะธาตแุ ตกตา่ งกันที่
นมีประจุ จานวนโปรตอน ธาตแุ ต่ละชนิดมีสมบัติ
นโปรตอน เฉพาะตวั นกั วทิ ยาศาสตรอ์ ะตอม
ป็นกลาง อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน
รอน และอเิ ลก็ ตรอน
ว่า
ลอนที่อยู่

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หนว่ ย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นร้แู กนกล
กำรเรียนรู้ ตวั ชี้วัด
ว 2.1 ม 1/9 • สสารทกุ ชนดิ ประกอบดว้ ยอ
โดยสารชนดิ เดยี วกนั ที่มสี ถาน
ของเหลว แกส๊ จะมกี ารจดั เรีย
แรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนุภาค
เคล่อื นทขี่ องอนภุ าคแตกต่างก
ซง่ึ มผี ลต่อรูปรา่ งและปริมาตร
• อนุภาคของของแข็งเรียงชิด
ยดึ เหนยี่ วระหว่างอนุภาคมาก
อนุภาคสั่นอยู่กบั ทท่ี าใหม้ รี ปู ร
ปรมิ าตรคงที่
• อนภุ าคของของเหลวอยู่ใกล
ยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าคนอ้ ย
ของแขง็ แตม่ ากกวา่ แก๊สอนภุ า
เคล่ือนทไี่ ด้แต่ไมเ่ ป็นอิสระเท่า
ทาให้มีรูปรา่ งไม่คงท่ี แต่ปรมิ า
• อนุภาคของแกส๊ อย่หู า่ งกนั ม
ยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาคนอ้ ย
อนุภาคเคล่อื นที่ไดอ้ ย่างอสิ ระ

ลำง สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนัก
(ชั่วโมง) คะแนน
อนุภาค สารท่อี ยู่รอบตัวเราล้วนมลี ักษณะ 4
นะของแขง็ เฉพาะตัวทแ่ี ตกตา่ งกนั สารบางชนดิ 4
ยงอนุภาค สามารถสงั เกตได้จากลักษณะ
ค การ ภายนอกของสารได้ เช่น สี สถานะ
กัน เป็นต้น ซง่ึ เป็นสมบัติทางกายภาพ
รของสสาร ของสาร แตส่ มบัตบิ างชนดิ ของสาร
ดกัน มแี รง เกดิ จากการทาปฏิกิรยิ าเคมี ทาให้
กทส่ี ดุ เกดิ สารใหม่ท่มี อี งคป์ ระกอบ
ร่างและ แตกตา่ งไปจากเดมิ เช่น การเผาไหม้
การเกดิ สนมิ เป็นต้น ซ่งึ เปน็ สมบตั ิ
ลก้ นั มแี รง ทางเคมีของสาร การระบวุ า่ สารแต่
ยกว่า ละชนดิ เปน็ สารประเภทใด
าค จาเปน็ ต้องใช้สมบตั ขิ องสารมา
าแกส๊ วเิ คราะห์ เชน่ การใช้สถานะ การใช้
าตรคงท่ี เนื้อสาร และการใช้ขนาดของ
มาก มีแรง อนุภาคมาเป็นเกณฑ์ในการ
ยทส่ี ดุ จาแนกสาร
ะทกุ

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง
กำรเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด
ทิศทาง ทาใหม้ ีรปู รา่ งและปรมิ
ว 2.1 ม 1/10 ไม่คงที่
• ความร้อนมีผลตอ่ การเปลย่ี น
ของสสารเมอื่ ให้ความร้อนแก่ข
อนภุ าคของของแขง็ จะมีพลงั ง
อุณหภูมเิ พม่ิ ข้นึ จนถงึ ระดับหน
ซึง่ ของแข็งจะใชค้ วามรอ้ นในก
เปลี่ยนสถานะเปน็ ของเหลว เ
ร้อนท่ีใช้ในการเปล่ียนสถานะ
ของแข็งเปน็ ของเหลวว่า ความ
ของการหลอมเหลว และอณุ ห
เปลย่ี นสถานะจะคงท่ี เรยี กอุณ
ว่าจดุ หลอมเหลว
• เม่อื ให้ความรอ้ นแก่ของเหล
ของของเหลวจะมีพลังงานแล
เพม่ิ ขึ้นจนถงึ ระดบั หนึ่งซง่ึ ของ
ใช้ความร้อนในการเปลีย่ นสถา
เป็นแก๊ส เรียกความรอ้ นท่ีใช้ใ
เปลย่ี นสถานะจากของเหลวเป

สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั
มาตร (ชัว่ โมง) คะแนน

นสถานะ สารท่ีอยู่รอบตวั เราล้วนมีสมบัตทิ าง 4 4
ของแข็ง กายภาพ และสมบัติทางเคมีที่แตกตา่ งกนั
งานและ ซ่งึ อุณหภมู ิภายนอกมีผลต่อสถานะของ
นง่ึ สาร ซ่ึงเป็นสมบัติทางกายภาพของสาร
การ อยา่ งหน่ึง เช่น น้าแข็ง (ของแข็ง) เม่ือ
เรียกความ ไดร้ บั ความร้อนจะละลายกลายเป็นน้า
ะจาก (ของเหลว) เมอื่ น้าไดร้ ับความรอ้ นตอ่ เนอ่ื ง
มรอ้ นแฝง จะเดอื ด และระเหยกลายเป็นไอ (แก๊ส)
หภูมขิ ณะ เป็นตน้ ซง่ึ ความร้อนท่ีทาให้ของแข็ง
ณหภมู นิ ้ี เปล่ียนสถานะเป็นของเหลว เรียกว่า ความ

รอ้ นแฝงของการหลอมเหลว และเรียก
ลว อนุภาค ความรอ้ นท่ีทาให้ของเหลวเปล่ียนสถานะ
ละอณุ หภมู ิ เปน็ แก๊สวา่ ความร้อนแฝงของการ
งเหลวจะ กลายเปน็ ไอ
านะ
ในการ
ปน็ แก๊สวา่

หนว่ ยที่ ชอ่ื หนว่ ย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้แกนกล
กำรเรียนรู้ ตัวชีว้ ัด
ความรอ้ นแฝงของการกลาย
และอณุ หภูมิขณะเปลยี่ นส
จะคงท่ี เรียกอุณหภูมนิ ว้ี ่า จ
• เมือ่ ทาใหอ้ ุณหภูมขิ องแกส๊ ล
ระดับหน่ึงแก๊สจะเปลีย่ นสถาน
ของเหลวเรียกอณุ หภูมนิ ีว้ ่าจุด
ซึ่งมีอณุ หภูมิเดยี วกับจุดเดอื ด
ของเหลวนนั้
• เมอ่ื ทาใหอ้ ณุ หภูมขิ องของเห
จนถึงระดบั หนึง่ ของเหลวจะเ
สถานะเป็นของแขง็ เรียกอุณห
จดุ เยือกแข็ง ซ่ึงมีอุณหภูมิเดีย
จุดหลอมเหลวของของแขง็ นนั้

ลำง สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนัก
(ชวั่ โมง) คะแนน
ยเป็นไอ
สถานะ
จุดเดือด
ลดลงจนถงึ
นะเป็น
ดควบแน่น
ดของ

หลวลดลง
เปล่ียน
หภูมินี้วา่
ยวกบั


กำรวิเครำะหค์ วำมเชอ่ื มโยงข
สมรรถนะของผ้เู รยี น แล

กรณีท่ี 2 กรณีท่ีสามารถวิเคราะหค์ ุณลักษณะอันพึงประสงค์ทส่ี อดคลอ้ งกบั การพฒั น
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสิ่งมีชวี ิต หนว่ ยพืน้ ฐานของสง่ิ มีชวี ติ การลา

ของสัตวแ์ ละมนุษย์ทที่ างานสมั พันธ์กนั ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ งและหน้าท่ี ของอว

ตัวชวี้ ัด ผเู้ รยี นรอู้ ะไร/ทำอะไรได้

ว1.2 ม 1/1 ผู้เรียนรอู้ ะไร

เปรยี บเทียบรปู ร่าง • รปู รา่ งลักษณะและโครงสรา้ ง ของเซลล์พืช

ลักษณะและโครงสรา้ ง • รูปรา่ งลักษณะและโครงสรา้ ง ของเซลล์สตั ว์

ของเซลลพ์ ืชและเซลล์ • หนา้ ทีข่ องผนงั เซลล์ เย่ือหมุ้ เซลล์ ไซโทพลาซึม นวิ เคลีย

สตั ว์ รวมท้งั บรรยาย ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์

หนา้ ทขี่ องผนังเซลล์

เยอื่ หุ้มเซลล์ นกั เรียนทำอะไรได้

ไซโทพลาซมึ นิวเคลยี ส • วาดภาพและระบุผนังเซลล์ เยอ่ื หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซมึ น

แวควิ โอล ไมโทคอนเดรีย ไมโทคอนเดรยี และคลอโรพลาสต์

และคลอโรพลาสต์

ของมำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
ละคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
นาตามตวั ชี้วัดไดอ้ ยา่ งชดั เจนกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

าเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสมั พันธข์ องโครงสร้างและหน้าทขี่ องระบบต่าง ๆ
วยั วะตา่ ง ๆ ของพชื ทท่ี างานสัมพนั ธ์กัน รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

นำไปสู่

สมรรถนะของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอันพึง

ประสงค์

1. ความสามารถในการ 1.ความซอ่ื สัตย์สุจริต

สือ่ สาร 2.ความมวี ินยั
2. ความสามารถในการคิด 3.ใฝ่เรยี นรู้
1) ทักษะการสารวจค้นหา
ยส แวควิ โอล 2) ทักษะการจาแนก 4. มุ่งมั่นในการทางาน
นิวเคลยี ส แวควิ โอล
ประเภท

3) ทักษะการเปรียบเทยี บ

4) ทกั ษะการตีความ

ขอ้ มูลและการลงขอ้ สรุป

3. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยี

ตัวชีว้ ัด ผูเ้ รยี นรู้อะไร/ทำอะไรได้

ว1.2 ม 1/2 ใช้กล้อง ผูเ้ รยี นรอู้ ะไร
จุลทรรศนใ์ ชแ้ สงศกึ ษา • ใช้งานกลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใช้แสงตามข้นั ตอนท่ีถกู ตอ้ ง
เซลล์และ โครงสรา้ ง
ต่าง ๆ ภายในเซลล์ นกั เรยี นทำอะไรได้
• ปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้งานกลอ้ งจุลทรรศน์แบบใช้แสง
ว1.2 ม 1/3 อธิบาย ผเู้ รียนรู้อะไร
ความสมั พนั ธ์ระหว่าง • ความสมั พนั ธ์ระหว่างรปู รา่ งกับ การทาหน้าทขี่ องเซลล์
รปู รา่ งกบั การทาหน้าที่
ของเซลล์ นักเรียนทำอะไรได้
• วาดรปู ร่างกับ และระบุการทาหนา้ ที่ของเซลล์

ว1.2 ม 1/4 อธิบายการ ผ้เู รยี นรอู้ ะไร
จดั ระบบของสิ่งมีชวี ติ • จัดระบบของส่ิงมชี วี ิต
โดย เริม่ จากเซลล์
เน้ือเยอื่ อวยั วะ ระบบ นกั เรียนทำอะไรได้
อวัยวะ จนเป็นสง่ิ มชี ีวิต • ระบเุ ซลล์ เน้ือเยอ่ื อวยั วะ ระบบ อวยั วะ ของสิง่ มชี วี ติ

นำไปสู่
สมรรถนะของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซ่ือสัตยส์ จุ ริต

สอื่ สาร 2.ความมวี ินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรียนรู้
คิด 4. มุง่ มั่นในการทางาน
ง 1) ทักษะการสารวจ
ค้นหา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทกั ษะการ
เปรยี บเทยี บ

4) ทักษะการตคี วาม
ข้อมูลและการลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

ตัวชวี้ ัด ผู้เรยี นร้อู ะไร/ทำอะไรได้

ว1.2 ม 1/5 อธิบาย ผเู้ รยี นรู้อะไร

กระบวนการแพร่และ • กระบวนการแพร่และออสโมซสิ

ออสโมซิส จากหลกั ฐาน

เชงิ ประจักษ์ และ

ยกตวั อย่างการแพร่และ นักเรียนทำอะไรได้

ออสโมซสิ ในชวี ติ • ความแตกตา่ งของการแพร่และออสโมซสิ

ประจาวัน

ว1.2 ม 1/6 ระบปุ ัจจยั ที่ ผู้เรียนรู้อะไร

จาเป็นในการสงั เคราะห์ • ปจั จัยท่ีจาเปน็ ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง

ดว้ ย แสงและผลผลิตที่

เกิดข้นึ จากการ นกั เรยี นทำอะไรได้

สังเคราะห์ ดว้ ยแสงโดย • รายงาน เรอื่ ง ผลผลิตทีเ่ กดิ ข้ึนจากการสังเคราะห์ ดว้ ยแ

ใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์

ว1.2 ม 1/7 อธบิ าย ผู้เรยี นรูอ้ ะไร

ความสาคญั ของการ • ความสาคญั ของการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชตอ่ ส่ิงมชี วี

สงั เคราะห์ด้วยแสงของ

พชื ตอ่ สิ่งมีชีวิตและ นักเรียนทำอะไรได้

ส่ิงแวดล้อม • อธิบายการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพชื ตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและ ส

แสง นำไปสู่
วิตและสงิ่ แวดลอ้ ม สมรรถนะของผูเ้ รยี น คุณลกั ษณะอันพงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซ่อื สัตย์สจุ ริต

ส่อื สาร 2.ความมวี ินยั
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรียนรู้
คดิ 4. ม่งุ มั่นในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
ค้นหา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ

4) ทักษะการตคี วาม
ขอ้ มูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

สง่ิ แวดล้อม

ตัวช้วี ดั ผู้เรยี นรอู้ ะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/8 ตระหนกั ใน ผเู้ รยี นรอู้ ะไร

คณุ ค่าของพชื ที่มตี ่อ • คณุ คา่ ของพืชทมี่ ีต่อส่งิ มชี วี ิต และสงิ่ แวดลอ้ ม

สง่ิ มชี ีวติ และสิง่ แวดล้อม

โดยการรว่ มกนั ปลูก และ นักเรียนทำอะไรได้

ดแู ลรกั ษาต้นไม้ใน • ออกแบบสภาวะแวดลอ้ มที่เหมาะสมตอ่ การปลูกตน้ ไม้

โรงเรียนและ ชมุ ชน • ทาใบความรปู้ ระโยชน์ทไี่ ดจ้ ากตน้ ไม้ ไปปลูกปา่ หรือช่ว

โรงเรยี น

ว1.2 ม 1/9 บรรยาย ผู้เรียนรูอ้ ะไร
ลักษณะและหนา้ ที่ของ • ลกั ษณะและหน้าทข่ี องไซเล็ม และโฟลเอ็ม
ไซเลม็ และโฟลเอม็
นักเรียนทำอะไรได้
• ส่องกล้องจลุ ทรรศน์ศึกษาลักษณะของทอ่ ลาเลยี งไซเลม็

วยกนั ปลกู ตน้ ไมภ้ ายใน นาไปสู่
ม และโฟลเอ็ม สมรรถนะของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซอ่ื สัตย์สจุ ริต

สือ่ สาร 2.ความมีวนิ ัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คดิ 4. มงุ่ มั่นในการทางาน

1) ทักษะการสารวจ
คน้ หา

2) ทักษะการจาแนก
ประเภท

3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ

4) ทกั ษะการตีความ
ข้อมูลและการลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี

ตัวช้ีวัด ผเู้ รยี นรูอ้ ะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/10 เขยี น ผู้เรียนรู้อะไร
แผนภาพที่บรรยายทิศ • ทางการ ลาเลียงสารในไซเลม็ ของพชื
ทางการ ลาเลียงสารใน • ทางการ ลาเลียงสารในโฟลเอ็มของพชื
ไซเลม็ และโฟลเอ็มของ
พชื นักเรียนทำอะไรได้
• เขยี นแผนภาพท่ีบรรยายทิศทางการ ลาเลยี งสารในไซเล

ว1.2 ม 1/11อธิบายการ ผู้เรยี นรู้อะไร
สืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ •การสบื พันธแุ์ บบอาศยั เพศ และไมอ่ าศัยเพศของพืชดอก
และไมอ่ าศยั เพศของพืช
ดอก นักเรียนทำอะไรได้
• บอกความแตกต่างของการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและกา
เพศ

ลม็ และโฟลเอ็มของพืช นาไปสู่
ารสบื พันธแ์ุ บบไมอ่ าศัย สมรรถนะของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซอื่ สัตยส์ ุจริต

ส่อื สาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรียนรู้
คดิ 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
ค้นหา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ

4) ทกั ษะการตีความ
ข้อมูลและการลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี

ตัวช้วี ดั ผ้เู รยี นรูอ้ ะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/12 อธิบาย ผูเ้ รยี นร้อู ะไร
ลกั ษณะโครงสร้างของ • โครงสรา้ งของดอก
ดอกทีม่ ี ส่วนทาใหเ้ กดิ • ลกั ษณะโครงสรา้ งของดอกทม่ี สี ว่ นทาใหเ้ กดิ การถา่ ยเรณ
การถ่ายเรณู รวมท้ัง • การเกดิ ผลและเมลด็
บรรยายการปฏสิ นธขิ อง • การปฏิสนธขิ องพชื ดอก
พชื ดอก การเกดิ ผลและ • การงอกของเมล็ด
เมลด็ การกระจายเมล็ด
และ การงอกของเมลด็ นกั เรียนทำอะไรได้
• โครงสร้างและการงอกของพชื ใบเล้ยี งเด่ียวและพชื ใบเลีย้
• เขียนขนั้ ตอนการปฏสิ นธขิ องพชื ดอก

ว1.2 ม 1/13 ตระหนกั ผูเ้ รียนรอู้ ะไร
ถงึ ความสาคญั ของสตั ว์ท่ี • ความสาคัญของสัตว์ท่ีช่วย ในการถ่ายเรณขู องพืชดอก โ
ช่วย ในการถา่ ยเรณูของ ของสตั วท์ ่ชี ว่ ยในการถ่ายเรณู
พืชดอก โดยการไม่
ทาลายชวี ติ ของสตั ว์ที่ นกั เรยี นทำอะไรได้
ชว่ ยในการถา่ ยเรณู • รณรงคช์ ีวิตสัตว์ทชี่ ่วยในการถ่ายเรณู

ณู นาไปสู่
สมรรถนะของผ้เู รยี น คุณลกั ษณะอันพงึ
ยงคู่
โดยการไม่ ทาลายชีวติ ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซอ่ื สัตย์สจุ ริต

สื่อสาร 2.ความมีวนิ ัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรียนรู้
คดิ 4. ม่งุ มนั่ ในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทกั ษะการ
เปรยี บเทียบ

4) ทักษะการตคี วาม
ขอ้ มูลและการลง
ขอ้ สรปุ
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

ตวั ชี้วดั ผูเ้ รยี นรู้อะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/14 อธิบาย ผเู้ รียนรู้อะไร
ความสาคญั ของธาตุ • ความสาคัญของธาตุอาหารบาง ชนดิ ทม่ี ีผลต่อการเจรญิ
อาหารบาง ชนดิ ที่มีผล ของพชื
ต่อการเจรญิ เติบโตและ
การดารงชวี ิตของพชื นักเรียนทำอะไรได้
• ทดลองธาตุที่มผี ลตอ่ การเจรญิ เติบโตและการดารงชีวิตข

“การเพาะเมล็ดถวั่ เขยี ว”

ว1.2 ม 1/15 เลอื กใชป้ ๋ยุ ผู้เรยี นรูอ้ ะไร
ทม่ี ีธาตอุ าหารเหมาะสม • ปุ๋ยทมี่ ีธาตุอาหารเหมาะสมกับ พชื
กบั พชื ในสถานการณ์ท่ี
กาหนด นักเรียนทำอะไรได้

• ทดลองธาตุทม่ี ีผลตอ่ การเจริญเติบโตและการดารงชีวิตข

นาไปสู่

สมรรถนะของผูเ้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์

1. ความสามารถในการ 1.ความซ่ือสัตย์สุจริต

ญเตบิ โตและ การดารงชีวิต สื่อสาร 2.ความมีวินยั
ของพืช 2. ความสามารถในการคิด 3.ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการสารวจคน้ หา
2) ทกั ษะการจาแนก 4. มงุ่ มน่ั ในการทางาน

ประเภท

3) ทักษะการเปรียบเทยี บ

4) ทักษะการตีความ

ขอ้ มูลและการลงข้อสรปุ

3. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยี

ของพืช

ตัวชวี้ ัด ผูเ้ รียนรู้อะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/16เลือก ผู้เรียนรู้อะไร

วธิ กี ารขยายพนั ธุพ์ ชื ให้ • วธิ ีการขยายพนั ธ์ุพชื

เหมาะสม กบั ความ

ตอ้ งการของมนษุ ย์ โดย นักเรียนทำอะไรได้

ใช้ ความรเู้ กย่ี วกับการ • ปฏิบัติการขยายพนั ธ์พุ ชื

สืบพนั ธุ์ของพืช

ว1.2 ม 1/17 อธบิ าย ผูเ้ รียนรอู้ ะไร

ความสาคญั ของ • การเพาะเล้ียงเนือ้ เยือ่ พชื

เทคโนโลยี การเพาะเลี้ยง •ประโยชนก์ ารเพาะเล้ยี งเนื้อเยื่อพืช

เนอ้ื เย่อื พืชในการใช้

ประโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ นกั เรียนทำอะไรได้

• ทดลองการการเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยือ่ พืช

นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต

ส่ือสาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คิด 4. ม่งุ มั่นในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทักษะการ
เปรยี บเทียบ

4) ทักษะการตคี วาม
ขอ้ มูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี

ตัวชว้ี ดั ผู้เรยี นรู้อะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/18 ตระหนกั ผ้เู รียนรอู้ ะไร
ถงึ ประโยชน์ของการ • ประโยชนข์ องการขยาย พันธุพ์ ชื โดยการนาความรู้ไปใช
ขยาย พนั ธุพ์ ชื โดยการ
นาความรูไ้ ปใช้ในชวี ิต นกั เรียนทำอะไรได้
ประจาวนั • บอกประโยชน์ของการขยาย พนั ธพ์ุ ืช โดยการนาความร

ช้ในชวี ิต ประจาวนั นาไปสู่
รู้ไปใชใ้ นชีวิต ประจาวนั สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต

สื่อสาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คดิ 4. ม่งุ มั่นในการทางาน

1) ทักษะการสารวจ
คน้ หา

2) ทักษะการจาแนก
ประเภท

3) ทักษะการ
เปรียบเทียบ

4) ทักษะการตีความ
ขอ้ มูลและการลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี

สำระที่ 2 วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งส
ของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี

ตวั ชีว้ ัด ผเู้ รยี นรอู้ ะไร/ทาอะไรได้

ว 2.1ม 1/1 อธบิ าย ผ้เู รยี นรอู้ ะไร
สมบตั ิทางกายภาพบาง • สมบัติทางกายภาพบางประการ ของธาตโุ ลหะ อโลหะ แ
ประการ ของธาตโุ ลหะ
อโลหะ และกึง่ โลหะ โดย นักเรยี นทำอะไรได้
ใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ท่ี • จดั กลุม่ ธาตุเปน็ โลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ
ไดจ้ ากการ สงั เกตและ
การทดสอบ และใช้
สารสนเทศ ทไ่ี ด้จาก
แหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ
รวมทงั้ จัด กลุม่ ธาตุเปน็
โลหะ อโลหะ และกึง่
โลหะ

สมบตั ขิ องสสารกบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหนยี่ วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ

และกง่ึ โลหะ นาไปสู่
สมรรถนะของผู้เรียน คุณลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซ่อื สัตยส์ ุจริต

สือ่ สาร 2.ความมวี ินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรยี นรู้
คดิ 4. มุ่งม่นั ในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ

4) ทกั ษะการตคี วาม
ข้อมูลและการลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

ตัวชวี้ ัด ผูเ้ รียนรู้อะไร/ทาอะไรได้

ว 2.1 ม 1/2 วเิ คราะห์ ผูเ้ รียนร้อู ะไร

ผลจากการใชธ้ าตุโลหะ • การใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตกุ มั มันตรังสี ท

อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตุ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกจิ และสังคม

กัมมนั ตรังสี ทีม่ ีตอ่ สิ่ง มี

ชวี ิต สงิ่ แวดลอ้ ม นักเรยี นทำอะไรได้

เศรษฐกิจและสงั คม • วิเคราะหผ์ ลจากการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ และธ

จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ มชี วี ิต สงิ่ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสังคม

ว 2.1 ม 1/3 ตระหนัก ผ้เู รยี นรู้อะไร
ถึงคุณคา่ ของการใชธ้ าตุ • คุณค่าของการใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมมนั ต
โลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ
ธาตุกมั มนั ตรงั สี โดย นักเรยี นทำอะไรได้
เสนอแนวทางการใช้ธาตุ • เขียนคุณคา่ ของการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ ธาตุ
อย่างปลอดภยั คุ้มค่า

ที่มตี ่อสิ่ง มีชวี ิต นาไปสู่
ธาตุกัมมันตรังสี ที่มีต่อส่ิง สมรรถนะของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ
ตรังสี
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซ่ือสัตยส์ ุจริต

สอ่ื สาร 2.ความมวี ินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรยี นรู้
คดิ 4. มงุ่ มัน่ ในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา

2) ทักษะการจาแนก
ประเภท

3) ทักษะการ
เปรียบเทียบ

4) ทกั ษะการตีความ
ขอ้ มูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

ตัวช้วี ดั ผู้เรียนรู้อะไร/ทาอะไรได้

ว 2.1 ม 1/4 ผเู้ รียนร้อู ะไร

เปรียบเทียบจุดเดือด • จุดเดอื ดของสารบริสทุ ธิแ์ ละสารผสม

จุดหลอมเหลวของสาร • จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ุทธิ์และสารผสม

บรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม โดย

การวัด อุณหภูมิ เขียน นักเรียนทำอะไรได้

กราฟ แปลความหมาย • เขยี นกราฟ แปลความหมาย ข้อมูลจากกราฟ

ข้อมลู จากกราฟ หรือ

สารสนเทศ

ว 2.1 ม 1/5 อธบิ าย ผู้เรียนร้อู ะไร
และเปรยี บเทียบความ • ความหนาแนน่ ของสารบริสุทธ์ิ
หนาแน่น ของสาร • ความหนาแน่นของสารผสม
บริสทุ ธิ์และสารผสม
นักเรียนทำอะไรได้
• เขยี นผังมโนทศั น์เกีย่ วกับสารบริสทุ ธิแ์ ละสารผสม

นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต

ส่ือสาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คิด 4. ม่งุ มั่นในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทักษะการ
เปรยี บเทียบ

4) ทักษะการตคี วาม
ขอ้ มูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี

ตวั ชีว้ ดั ผเู้ รยี นรูอ้ ะไร/ทาอะไรได้

ว 2.1 ม 1/6 ผเู้ รียนรูอ้ ะไร
ใชเ้ ครอื่ งมือเพอื่ วดั มวล • วดั มวลและปรมิ าตรของ สารบรสิ ุทธิ์
และปรมิ าตรของ สาร • วัดมวลและปรมิ าตรของ สารผสม
บรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสม
นักเรยี นทำอะไรได้
• ใช้เครอ่ื งมอื วัดมวลและปรมิ าตรของ สารบรสิ ุทธ์ิและสาร
• การหาปริมาตรของสารโดยใช้ถ้วยยูรีกา

ว 2.1 ม 1/7 อธิบาย ผู้เรยี นรู้อะไร
ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง • อนุภาค
อะตอม ธาตุ และ • อะตอม
สารประกอบ โดยใช้
แบบจาลอง และ นกั เรียนทำอะไรได้
สารสนเทศ • วาดภาพจาลองอะตอมของธาตุ

นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต

สื่อสาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คดิ 4. ม่งุ มั่นในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
รผสม ค้นหา

2) ทักษะการจาแนก
ประเภท

3) ทักษะการ
เปรียบเทียบ

4) ทักษะการตีความ
ข้อมูลและการลง
ขอ้ สรปุ
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี

ตัวชีว้ ัด ผเู้ รียนร้อู ะไร/ทาอะไรได้

ว 2.1 ม 1/8 อธบิ าย ผเู้ รยี นรู้อะไร

โครงสรา้ งอะตอมท่ี • โครงสรา้ งอะตอม

ประกอบดว้ ย โปรตอน • นวิ เคลียส

นิวตรอน และอิเล็กตรอน • โปรตอน

โดย ใช้แบบจาลอง • นวิ ตรอน

• อเิ ลก็ ตรอน

นักเรียนทำอะไรได้

•วาดโครงสร้างอะตอม

ว 2.1 ม 1/9 อธิบายและ ผู้เรียนรอู้ ะไร

เปรียบเทยี บการจัดเรยี ง • การจัดเรยี งอนุภาค แรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนภุ าค และก

อนภุ าค แรงยดึ เหนี่ยว ของสารชนิด เดียวกันในสถานะตา่ ง ๆ

ระหว่างอนภุ าค และการ

เคลอื่ นที่ ของอนุภาคของ นักเรยี นทำอะไรได้

สสารชนดิ เดยี วกนั ใน • เปรียบเทยี บการจดั เรียงอนุภาค แรงยึดเหน่ยี วระหว่างอ

สถานะ ของแขง็ ของอนภุ าคของสารชนดิ เดยี วกันในสถานะตา่ ง ๆ

ของเหลว และแกส๊ โดย

ใช้แบบจาลอง

การเคลอื่ นที่ของอนุภาค นาไปสู่
อนภุ าค และการเคล่ือนที่ สมรรถนะของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซื่อสัตย์สุจริต

สื่อสาร 2.ความมวี นิ ยั
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรยี นรู้
คดิ 4. มุง่ มั่นในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
ค้นหา

2) ทักษะการจาแนก
ประเภท

3) ทกั ษะการ
เปรียบเทียบ

4) ทักษะการตีความ
ข้อมูลและการลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

ตวั ชีว้ ัด ผู้เรียนรอู้ ะไร/ทาอะไรได้

ว 2.1 ม 1/10 อธิบาย ผเู้ รยี นรู้อะไร
ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง • ความสมั พนั ธร์ ะหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลีย่ นส
พลังงานความร้อนกบั
การเปลย่ี นสถานะ ของ นกั เรยี นทำอะไรได้
สสาร โดยใชห้ ลักฐานเชิง • ระบุการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสารทอี่ ยรู่ อบตัวได้
ประจักษแ์ ละแบบจาลอง

สถานะของสสาร นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพึง

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซอื่ สัตย์สจุ ริต

สอ่ื สาร 2.ความมวี ินยั
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรียนรู้
คิด 4. มงุ่ ม่ันในการทางาน

1) ทกั ษะการสารวจ
ค้นหา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทักษะการ
เปรยี บเทยี บ

4) ทักษะการตีความ
ขอ้ มูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

กำรวิเครำะหค์ วำมเช่อื มโยงข
สมรรถนะของผูเ้ รยี น แล

กรณีท่ี 2 กรณีท่ีสามารถวิเคราะหค์ ุณลักษณะอันพึงประสงค์ทส่ี อดคลอ้ งกบั การพฒั น
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสิ่งมีชวี ิต หนว่ ยพืน้ ฐานของสง่ิ มชี วี ติ การลา

ของสัตวแ์ ละมนุษย์ทที่ างานสมั พันธ์กนั ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ งและหนา้ ท่ี ของอว

ตัวช้วี ดั ผเู้ รยี นรอู้ ะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/1 ผู้เรียนรอู้ ะไร

เปรยี บเทียบรูปร่าง • รปู รา่ งลักษณะและโครงสรา้ ง ของเซลล์พืช

ลักษณะและโครงสรา้ ง • รูปรา่ งลักษณะและโครงสรา้ ง ของเซลล์สตั ว์

ของเซลลพ์ ืชและเซลล์ • หนา้ ทีข่ องผนงั เซลล์ เย่ือหมุ้ เซลล์ ไซโทพลาซึม นวิ เคลีย

สตั ว์ รวมท้งั บรรยาย ไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์

หนา้ ทขี่ องผนังเซลล์

เยอื่ หุ้มเซลล์ นกั เรียนทำอะไรได้

ไซโทพลาซมึ นิวเคลยี ส • วาดภาพและระบุผนังเซลล์ เยอ่ื หุ้มเซลล์ ไซโทพลาซมึ น

แวควิ โอล ไมโทคอนเดรีย ไมโทคอนเดรยี และคลอโรพลาสต์

และคลอโรพลาสต์

ของมำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด
ละคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
นาตามตวั ชี้วัดไดอ้ ยา่ งชัดเจนกลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

าเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบตา่ ง ๆ
วัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ทท่ี างานสัมพนั ธ์กัน รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

นาไปสู่

สมรรถนะของผ้เู รยี น คณุ ลกั ษณะอันพึง

ประสงค์

1. ความสามารถในการ 1.ความซ่อื สัตย์สจุ ริต

ส่อื สาร 2.ความมวี นิ ยั
2. ความสามารถในการคดิ 3.ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะการสารวจค้นหา
ยส แวควิ โอล 2) ทกั ษะการจาแนก 4. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
นิวเคลยี ส แวควิ โอล
ประเภท

3) ทักษะการเปรยี บเทยี บ

4) ทกั ษะการตีความ

ข้อมลู และการลงข้อสรุป

3. ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยี

ตวั ช้วี ดั ผูเ้ รยี นรู้อะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/2 ใชก้ ล้อง ผูเ้ รยี นรอู้ ะไร
จุลทรรศนใ์ ช้แสงศกึ ษา • ใช้งานกลอ้ งจลุ ทรรศน์แบบใช้แสงตามขัน้ ตอนท่ีถกู ตอ้ ง
เซลลแ์ ละ โครงสร้าง
ต่าง ๆ ภายในเซลล์ นกั เรยี นทำอะไรได้
• ปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้งานกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
ว1.2 ม 1/3 อธบิ าย ผเู้ รียนรู้อะไร
ความสมั พันธ์ระหว่าง • ความสมั พนั ธ์ระหว่างรปู รา่ งกับ การทาหน้าทขี่ องเซลล์
รปู ร่างกบั การทาหน้าที่
ของเซลล์ นักเรียนทำอะไรได้
• วาดรปู ร่างกับ และระบุการทาหน้าที่ของเซลล์

ว1.2 ม 1/4 อธบิ ายการ ผ้เู รยี นรอู้ ะไร
จดั ระบบของสง่ิ มชี ีวติ • จัดระบบของส่ิงมชี วี ิต
โดย เริม่ จากเซลล์
เนือ้ เยื่อ อวยั วะ ระบบ นกั เรียนทำอะไรได้
อวยั วะ จนเปน็ สงิ่ มีชีวติ • ระบเุ ซลล์ เน้ือเยอ่ื อวยั วะ ระบบ อวยั วะ ของสิง่ มีชีวติ

นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต

สอื่ สาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คดิ 4. ม่งุ มั่นในการทางาน
ง 1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทักษะการ
เปรียบเทียบ

4) ทักษะการตคี วาม
ข้อมูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

ตัวชว้ี ดั ผู้เรยี นร้อู ะไร/ทาอะไรได้

ว1.2 ม 1/5 อธบิ าย ผเู้ รยี นรู้อะไร

กระบวนการแพร่และ • กระบวนการแพร่และออสโมซสิ

ออสโมซิส จากหลกั ฐาน

เชงิ ประจกั ษ์ และ

ยกตวั อย่างการแพร่และ นักเรียนทำอะไรได้

ออสโมซสิ ในชีวิต • ความแตกตา่ งของการแพร่และออสโมซสิ

ประจาวัน

ว1.2 ม 1/6 ระบปุ ัจจยั ที่ ผู้เรียนรู้อะไร

จาเป็นในการสงั เคราะห์ • ปจั จัยท่ีจาเปน็ ในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

ดว้ ย แสงและผลผลิตที่

เกิดข้นึ จากการ นกั เรยี นทำอะไรได้

สังเคราะห์ ด้วยแสงโดย • รายงาน เรอื่ ง ผลผลิตทเ่ี กิดขึน้ จากการสังเคราะห์ ดว้ ยแ

ใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์

ว1.2 ม 1/7 อธบิ าย ผู้เรยี นรูอ้ ะไร

ความสาคัญของการ • ความสาคญั ของการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืชตอ่ ส่ิงมชี วี

สงั เคราะหด์ ้วยแสงของ

พืชต่อส่ิงมชี วี ติ และ นักเรียนทำอะไรได้

ส่ิงแวดล้อม • อธิบายการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื ตอ่ ส่ิงมีชวี ิตและ ส

แสง นาไปสู่
วติ และสิ่งแวดลอ้ ม สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พึง

ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซื่อสัตยส์ จุ ริต

สื่อสาร 2.ความมีวนิ ัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รยี นรู้
คดิ 4. มุง่ มัน่ ในการทางาน

1) ทักษะการสารวจ
ค้นหา

2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท

3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ

4) ทกั ษะการตคี วาม
ข้อมูลและการลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี

สง่ิ แวดลอ้ ม


Click to View FlipBook Version