ตัวช้วี ดั ผู้เรยี นรอู้ ะไร/ทาอะไรได้
ว1.2 ม 1/8 ตระหนกั ใน ผเู้ รยี นรอู้ ะไร
คณุ ค่าของพชื ที่มตี ่อ • คณุ คา่ ของพืชทมี่ ีต่อส่งิ มชี วี ิต และสงิ่ แวดลอ้ ม
สง่ิ มชี ีวติ และสิง่ แวดล้อม
โดยการรว่ มกนั ปลูก และ นักเรียนทำอะไรได้
ดแู ลรกั ษาต้นไม้ใน • ออกแบบสภาวะแวดลอ้ มที่เหมาะสมตอ่ การปลูกตน้ ไม้
โรงเรียนและ ชมุ ชน • ทาใบความรปู้ ระโยชน์ทไี่ ดจ้ ากตน้ ไม้ ไปปลูกปา่ หรือช่ว
โรงเรยี น
ว1.2 ม 1/9 บรรยาย ผู้เรียนรูอ้ ะไร
ลักษณะและหนา้ ที่ของ • ลกั ษณะและหน้าทข่ี องไซเล็ม และโฟลเอ็ม
ไซเลม็ และโฟลเอม็
นักเรียนทำอะไรได้
• ส่องกล้องจลุ ทรรศน์ศึกษาลักษณะของทอ่ ลาเลยี งไซเลม็
วยกนั ปลกู ตน้ ไมภ้ ายใน นาไปสู่
ม และโฟลเอ็ม สมรรถนะของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซอ่ื สัตย์สจุ ริต
สือ่ สาร 2.ความมีวนิ ัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คดิ 4. มงุ่ มั่นในการทางาน
1) ทักษะการสารวจ
คน้ หา
2) ทักษะการจาแนก
ประเภท
3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ
4) ทกั ษะการตีความ
ข้อมูลและการลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี
ตัวช้ีวัด ผเู้ รยี นรูอ้ ะไร/ทาอะไรได้
ว1.2 ม 1/10 เขยี น ผู้เรียนรู้อะไร
แผนภาพที่บรรยายทิศ • ทางการ ลาเลียงสารในไซเลม็ ของพชื
ทางการ ลาเลียงสารใน • ทางการ ลาเลียงสารในโฟลเอ็มของพชื
ไซเลม็ และโฟลเอ็มของ
พชื นักเรียนทำอะไรได้
• เขยี นแผนภาพท่ีบรรยายทิศทางการ ลาเลยี งสารในไซเล
ว1.2 ม 1/11อธิบายการ ผู้เรยี นรู้อะไร
สืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ •การสบื พันธแุ์ บบอาศยั เพศ และไมอ่ าศัยเพศของพืชดอก
และไมอ่ าศยั เพศของพืช
ดอก นักเรียนทำอะไรได้
• บอกความแตกต่างของการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและกา
เพศ
ลม็ และโฟลเอ็มของพืช นาไปสู่
ารสบื พันธแุ์ บบไมอ่ าศัย สมรรถนะของผ้เู รียน คณุ ลักษณะอนั พงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซอื่ สัตยส์ ุจริต
สอื่ สาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรียนรู้
คิด 4. มุ่งมนั่ ในการทางาน
1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา
2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ
4) ทกั ษะการตคี วาม
ขอ้ มูลและการลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถในการ
ใช้ เทคโนโลยี
ตัวช้วี ดั ผ้เู รยี นรูอ้ ะไร/ทาอะไรได้
ว1.2 ม 1/12 อธิบาย ผูเ้ รยี นร้อู ะไร
ลกั ษณะโครงสร้างของ • โครงสรา้ งของดอก
ดอกทีม่ ี ส่วนทาใหเ้ กดิ • ลกั ษณะโครงสรา้ งของดอกทม่ี สี ว่ นทาใหเ้ กดิ การถา่ ยเรณ
การถ่ายเรณู รวมท้ัง • การเกดิ ผลและเมลด็
บรรยายการปฏสิ นธขิ อง • การปฏิสนธขิ องพชื ดอก
พชื ดอก การเกดิ ผลและ • การงอกของเมล็ด
เมลด็ การกระจายเมล็ด
และ การงอกของเมลด็ นกั เรียนทำอะไรได้
• โครงสร้างและการงอกของพชื ใบเล้ยี งเด่ียวและพชื ใบเลีย้
• เขียนขนั้ ตอนการปฏสิ นธขิ องพชื ดอก
ว1.2 ม 1/13 ตระหนกั ผูเ้ รียนรอู้ ะไร
ถงึ ความสาคญั ของสตั ว์ท่ี • ความสาคัญของสัตว์ท่ีช่วย ในการถ่ายเรณขู องพืชดอก โ
ช่วย ในการถา่ ยเรณูของ ของสตั วท์ ่ชี ว่ ยในการถ่ายเรณู
พืชดอก โดยการไม่
ทาลายชวี ติ ของสตั ว์ที่ นกั เรยี นทำอะไรได้
ชว่ ยในการถา่ ยเรณู • รณรงคช์ ีวิตสัตว์ทชี่ ่วยในการถ่ายเรณู
ณู นาไปสู่
สมรรถนะของผ้เู รยี น คุณลกั ษณะอันพงึ
ยงคู่
โดยการไม่ ทาลายชีวติ ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซอ่ื สัตย์สจุ ริต
สื่อสาร 2.ความมีวนิ ัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรียนรู้
คดิ 4. ม่งุ มนั่ ในการทางาน
1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา
2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
3) ทกั ษะการ
เปรยี บเทียบ
4) ทักษะการตคี วาม
ขอ้ มูลและการลง
ขอ้ สรปุ
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี
ตวั ชี้วดั ผูเ้ รยี นรู้อะไร/ทาอะไรได้
ว1.2 ม 1/14 อธิบาย ผเู้ รียนรู้อะไร
ความสาคญั ของธาตุ • ความสาคัญของธาตุอาหารบาง ชนดิ ทม่ี ีผลต่อการเจรญิ
อาหารบาง ชนดิ ที่มีผล ของพชื
ต่อการเจรญิ เติบโตและ
การดารงชวี ิตของพชื นักเรียนทำอะไรได้
• ทดลองธาตุที่มผี ลตอ่ การเจรญิ เติบโตและการดารงชีวิตข
“การเพาะเมล็ดถวั่ เขยี ว”
ว1.2 ม 1/15 เลอื กใชป้ ๋ยุ ผู้เรยี นรูอ้ ะไร
ทม่ี ีธาตอุ าหารเหมาะสม • ปุ๋ยทมี่ ีธาตุอาหารเหมาะสมกับ พชื
กบั พชื ในสถานการณ์ท่ี
กาหนด นักเรียนทำอะไรได้
• ทดลองธาตุทม่ี ีผลตอ่ การเจริญเติบโตและการดารงชีวิตข
นาไปสู่
สมรรถนะของผูเ้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซ่ือสัตย์สุจริต
ญเตบิ โตและ การดารงชีวิต สื่อสาร 2.ความมีวินยั
ของพืช 2. ความสามารถในการคิด 3.ใฝ่เรียนรู้
1) ทกั ษะการสารวจคน้ หา
2) ทกั ษะการจาแนก 4. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
ประเภท
3) ทักษะการเปรียบเทยี บ
4) ทักษะการตีความ
ขอ้ มูลและการลงข้อสรปุ
3. ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี
ของพืช
ตัวชวี้ ัด ผูเ้ รียนรู้อะไร/ทาอะไรได้
ว1.2 ม 1/16เลือก ผู้เรียนรู้อะไร
วธิ กี ารขยายพนั ธุพ์ ชื ให้ • วธิ ีการขยายพนั ธ์ุพชื
เหมาะสม กบั ความ
ตอ้ งการของมนษุ ย์ โดย นักเรียนทำอะไรได้
ใช้ ความรเู้ กย่ี วกับการ • ปฏิบัติการขยายพนั ธ์พุ ชื
สืบพนั ธุ์ของพืช
ว1.2 ม 1/17 อธบิ าย ผูเ้ รียนรอู้ ะไร
ความสาคญั ของ • การเพาะเล้ียงเนือ้ เยือ่ พชื
เทคโนโลยี การเพาะเลี้ยง •ประโยชนก์ ารเพาะเล้ยี งเนื้อเยื่อพืช
เนอ้ื เย่อื พืชในการใช้
ประโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ นกั เรียนทำอะไรได้
• ทดลองการการเพาะเลย้ี งเนอ้ื เยือ่ พืช
นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต
ส่ือสาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คิด 4. ม่งุ มั่นในการทางาน
1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา
2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
3) ทักษะการ
เปรยี บเทียบ
4) ทักษะการตคี วาม
ขอ้ มูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี
ตัวชว้ี ดั ผู้เรยี นรู้อะไร/ทาอะไรได้
ว1.2 ม 1/18 ตระหนกั ผ้เู รียนรอู้ ะไร
ถงึ ประโยชน์ของการ • ประโยชนข์ องการขยาย พันธุพ์ ชื โดยการนาความรู้ไปใช
ขยาย พนั ธุพ์ ชื โดยการ
นาความรูไ้ ปใช้ในชวี ิต นกั เรียนทำอะไรได้
ประจาวนั • บอกประโยชน์ของการขยาย พนั ธพ์ุ ืช โดยการนาความร
ช้ในชวี ิต ประจาวนั นาไปสู่
รู้ไปใชใ้ นชีวิต ประจาวนั สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต
สื่อสาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คดิ 4. ม่งุ มั่นในการทางาน
1) ทักษะการสารวจ
คน้ หา
2) ทักษะการจาแนก
ประเภท
3) ทักษะการ
เปรียบเทียบ
4) ทักษะการตีความ
ขอ้ มูลและการลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี
สำระที่ 2 วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งส
ของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตวั ชีว้ ัด ผเู้ รยี นรอู้ ะไร/ทาอะไรได้
ว 2.1ม 1/1 อธิบาย ผ้เู รยี นรอู้ ะไร
สมบตั ิทางกายภาพบาง • สมบัติทางกายภาพบางประการ ของธาตโุ ลหะ อโลหะ แ
ประการ ของธาตโุ ลหะ
อโลหะ และกึง่ โลหะ โดย นักเรยี นทำอะไรได้
ใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ท่ี • จดั กลุม่ ธาตุเปน็ โลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ
ไดจ้ ากการ สงั เกตและ
การทดสอบ และใช้
สารสนเทศ ทไ่ี ด้จาก
แหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ
รวมทงั้ จัด กลุม่ ธาตุเปน็
โลหะ อโลหะ และกึง่
โลหะ
สมบตั ขิ องสสารกบั โครงสรา้ งและแรงยดึ เหนยี่ วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ
และกง่ึ โลหะ นาไปสู่
สมรรถนะของผู้เรียน คุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซ่อื สัตยส์ ุจริต
สือ่ สาร 2.ความมวี ินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรยี นรู้
คดิ 4. มุ่งม่นั ในการทางาน
1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา
2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ
4) ทกั ษะการตคี วาม
ข้อมูลและการลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี
ตัวชวี้ ัด ผูเ้ รียนรู้อะไร/ทาอะไรได้
ว 2.1 ม 1/2 วเิ คราะห์ ผูเ้ รียนร้อู ะไร
ผลจากการใชธ้ าตุโลหะ • การใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตกุ มั มันตรังสี ท
อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตุ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกจิ และสังคม
กัมมนั ตรังสี ทีม่ ีตอ่ สิ่ง มี
ชวี ิต สงิ่ แวดลอ้ ม นักเรยี นทำอะไรได้
เศรษฐกิจและสงั คม • วิเคราะหผ์ ลจากการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ และธ
จากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ มชี วี ิต สงิ่ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสังคม
ว 2.1 ม 1/3 ตระหนัก ผ้เู รยี นรู้อะไร
ถึงคุณคา่ ของการใชธ้ าตุ • คุณค่าของการใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกัมมนั ต
โลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ
ธาตุกมั มนั ตรงั สี โดย นักเรยี นทำอะไรได้
เสนอแนวทางการใช้ธาตุ • เขียนคุณคา่ ของการใชธ้ าตโุ ลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ ธาตุ
อย่างปลอดภยั คุ้มค่า
ที่มตี อ่ สงิ่ มีชวี ติ นาไปสู่
ธาตุกมั มันตรงั สี ทม่ี ีตอ่ ส่ิง สมรรถนะของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ
ตรังสี
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซ่ือสัตยส์ ุจริต
ส่อื สาร 2.ความมวี ินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรยี นรู้
คดิ 4. มงุ่ มัน่ ในการทางาน
1) ทักษะการสารวจ
ค้นหา
2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
3) ทกั ษะการ
เปรียบเทยี บ
4) ทักษะการตีความ
ข้อมูลและการลง
ขอ้ สรปุ
3. ความสามารถในการ
ใช้ เทคโนโลยี
ตัวช้วี ดั ผู้เรียนรู้อะไร/ทาอะไรได้
ว 2.1 ม 1/4 ผเู้ รียนร้อู ะไร
เปรียบเทียบจุดเดือด • จุดเดอื ดของสารบริสทุ ธิแ์ ละสารผสม
จุดหลอมเหลวของสาร • จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ุทธิ์และสารผสม
บรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสม โดย
การวัด อุณหภูมิ เขียน นักเรียนทำอะไรได้
กราฟ แปลความหมาย • เขยี นกราฟ แปลความหมาย ข้อมูลจากกราฟ
ข้อมลู จากกราฟ หรือ
สารสนเทศ
ว 2.1 ม 1/5 อธบิ าย ผู้เรียนร้อู ะไร
และเปรยี บเทียบความ • ความหนาแนน่ ของสารบริสุทธ์ิ
หนาแน่น ของสาร • ความหนาแน่นของสารผสม
บริสทุ ธิ์และสารผสม
นักเรียนทำอะไรได้
• เขยี นผังมโนทศั น์เกีย่ วกับสารบริสทุ ธิแ์ ละสารผสม
นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต
ส่ือสาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คิด 4. ม่งุ มั่นในการทางาน
1) ทกั ษะการสารวจ
คน้ หา
2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
3) ทักษะการ
เปรยี บเทียบ
4) ทักษะการตคี วาม
ขอ้ มูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี
ตวั ชีว้ ดั ผเู้ รยี นรูอ้ ะไร/ทาอะไรได้
ว 2.1 ม 1/6 ผเู้ รียนรูอ้ ะไร
ใชเ้ ครอื่ งมือเพอื่ วดั มวล • วดั มวลและปรมิ าตรของ สารบรสิ ุทธิ์
และปรมิ าตรของ สาร • วัดมวลและปรมิ าตรของ สารผสม
บรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสม
นักเรยี นทำอะไรได้
• ใช้เครอ่ื งมอื วัดมวลและปรมิ าตรของ สารบรสิ ุทธ์ิและสาร
• การหาปริมาตรของสารโดยใช้ถ้วยยูรีกา
ว 2.1 ม 1/7 อธิบาย ผู้เรยี นรู้อะไร
ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง • อนุภาค
อะตอม ธาตุ และ • อะตอม
สารประกอบ โดยใช้
แบบจาลอง และ นกั เรียนทำอะไรได้
สารสนเทศ • วาดภาพจาลองอะตอมของธาตุ
นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซือ่ สัตยส์ ุจริต
สื่อสาร 2.ความมีวินัย
2. ความสามารถในการ 3.ใฝเ่ รียนรู้
คดิ 4. ม่งุ มั่นในการทางาน
1) ทกั ษะการสารวจ
รผสม ค้นหา
2) ทักษะการจาแนก
ประเภท
3) ทักษะการ
เปรียบเทียบ
4) ทักษะการตีความ
ข้อมูลและการลง
ขอ้ สรปุ
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี
ตัวชีว้ ัด ผเู้ รียนร้อู ะไร/ทาอะไรได้
ว 2.1 ม 1/8 อธบิ าย ผเู้ รยี นรู้อะไร
โครงสรา้ งอะตอมท่ี • โครงสรา้ งอะตอม
ประกอบดว้ ย โปรตอน • นวิ เคลียส
นิวตรอน และอิเล็กตรอน • โปรตอน
โดย ใช้แบบจาลอง • นวิ ตรอน
• อเิ ลก็ ตรอน
นักเรียนทำอะไรได้
•วาดโครงสร้างอะตอม
ว 2.1 ม 1/9 อธิบายและ ผู้เรียนรอู้ ะไร
เปรียบเทยี บการจัดเรยี ง • การจัดเรียงอนุภาค แรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนภุ าค และก
อนภุ าค แรงยดึ เหนี่ยว ของสารชนิด เดยี วกนั ในสถานะตา่ ง ๆ
ระหว่างอนภุ าค และการ
เคลอื่ นที่ ของอนุภาคของ นักเรยี นทำอะไรได้
สสารชนดิ เดยี วกนั ใน • เปรียบเทยี บการจดั เรียงอนุภาค แรงยึดเหน่ยี วระหว่างอ
สถานะ ของแขง็ ของอนภุ าคของสารชนดิ เดยี วกันในสถานะตา่ ง ๆ
ของเหลว และแกส๊ โดย
ใช้แบบจาลอง
การเคลอื่ นที่ของอนุภาค นาไปสู่
อนภุ าค และการเคล่ือนที่ สมรรถนะของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พงึ
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซื่อสัตย์สุจริต
สื่อสาร 2.ความมวี นิ ยั
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรยี นรู้
คดิ 4. มุง่ มั่นในการทางาน
1) ทกั ษะการสารวจ
ค้นหา
2) ทักษะการจาแนก
ประเภท
3) ทกั ษะการ
เปรียบเทียบ
4) ทักษะการตีความ
ข้อมูลและการลง
ข้อสรุป
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี
ตวั ชีว้ ัด ผู้เรียนรอู้ ะไร/ทาอะไรได้
ว 2.1 ม 1/10 อธิบาย ผเู้ รยี นรู้อะไร
ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง • ความสมั พนั ธร์ ะหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลีย่ นส
พลังงานความร้อนกบั
การเปลย่ี นสถานะ ของ นกั เรยี นทำอะไรได้
สสาร โดยใชห้ ลักฐานเชิง • ระบุการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสารทอี่ ยรู่ อบตัวได้
ประจักษแ์ ละแบบจาลอง
สถานะของสสาร นาไปสู่
สมรรถนะของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพึง
ประสงค์
1. ความสามารถในการ 1.ความซอื่ สัตย์สจุ ริต
สอ่ื สาร 2.ความมวี ินยั
2. ความสามารถในการ 3.ใฝ่เรียนรู้
คิด 4. มงุ่ ม่ันในการทางาน
1) ทกั ษะการสารวจ
ค้นหา
2) ทกั ษะการจาแนก
ประเภท
3) ทักษะการ
เปรยี บเทยี บ
4) ทักษะการตีความ
ขอ้ มูลและการลง
ข้อสรปุ
3. ความสามารถในการ
ใชเ้ ทคโนโลยี
เอกสำรหมำยเลข 7
หน่วยก
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของส่ิงมีชีวติ หน่วยพืน้ ฐานของสงิ่ มชี ีวติ การล
ของสัตว์และมนุษย์ทีท่ างานสัมพนั ธ์กัน ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ี ของอว
หน่วยกำรเ
มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ สมรรถนะ ค
ควำมคิดรวบยอด สำคัญของ
ตัวช้ีวัด แกนกลำง
ผูเ้ รยี น
ว 1.2 เซลลส์ ง่ิ มีชีวติ มี 1. ความสามารถในการ 1.
ม 1/1 •เซลลเ์ ป็นหน่วยพ้ืนฐาน ส่วนประกอบพนื้ ฐาน สื่อสาร สุจ
ของส่ิงมีชีวติ สิง่ มีชวี ติ สาคญั 3 ส่วน ได้แก่ เยือ่ 2. ความสามารถในการ 2.
บางชนดิ มีเซลลเ์ พยี ง หุ้มเซลล์ คดิ 3.
เซลล์เดยี ว เช่นอะมบี า ไซโทพลาซึมและ 4.
พารามเี ซียม ยีสต์ บาง นวิ เคลยี สแตเ่ ซลล์พชื และ 1) ทกั ษะการสารวจ ทา
ชนิดมีหลายเซลล์เช่นพชื เซลล์สตั ว์จะมีบาง ค้นหา
สัตว์ ส่วนประกอบทแี่ ตกตา่ ง
2) ทักษะการจาแนก
กนั เชน่ เซลล์พืชจะมผี นงั
เซลลห์ อ่ หุ้มเยอ่ื หุ้มเซลล์ ประเภท
อีกชน้ั หนงึ่ และมี
คลอโรพลาสต์ทาหน้าท่ี 3) ทกั ษะการ
เปรยี บเทยี บ
4) ทักษะการตคี วาม
ขอ้ มลู และการลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถในการ
ใช้เทคโนโลยี
กำรเรียนรู้
ลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าทขี่ องระบบตา่ งๆ
วยั วะต่าง ๆ ของพืชทีท่ างานสัมพนั ธ์กัน รวมทง้ั นาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
เรยี นรู้ท่ี 1
คณุ ลักษณะ ชิ้นงำน/ภำระ กำรวัด แนวกำรจดั เวลำเรียน
อนั พ่ึง งำน ประเมนิ ผล กิจกรรมกำร (ช่ัวโมง)
ประสงค์
เรียนรู้
ความซื่อสตั ย์ - กจิ กรรมกลุม่ - การตรวจการ 3
จรติ จากกิจกรรมที่ ปฏิบตั กิ ิจกรรม
ความมวี ินยั กลุ่มจาก วธิ ีสอนแบบสืบ
ใฝ่เรียนรู้ กิจกรรมที่ 3.1 เสาะหาความรู้
มุง่ มน่ั ในการ โลกใตก้ ลอ้ ง (5Es Instructional
างาน Model)
3.1 โลกใตก้ ล้อง จุลทรรศน์เปน็
จลุ ทรรศน์เปน็ อย่างไรได้
อยา่ งไรได้
หน่วยกำรเ
มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคัญ สมรรถนะ ค
ควำมคดิ รวบยอด สำคญั ของ
ตวั ชี้วัด แกนกลำง
ผู้เรียน
สรา้ งอาหารให้แก่
เซลล์ซึ่งทั้งผนงั เซลล์
และคลอโรพลาสตจ์ ะ
ไม่พบในเซลลส์ ัตว์
ว 1.2 • โครงสรา้ งพืน้ ฐานท่พี บ โครงสรา้ งพ้ืนฐานทีพ่ บ 1. ความสามารถใน 1.
ม 1/2 ทั้งในเซลลพ์ ชื และเซลล์ ท้ังในเซลล์พืชและเซลล์ การส่ือสาร สจุ
สตั ว์และสามารถสังเกตได้ สัตวแ์ ละสามารถสังเกต 2. ความสามารถใน 2.
ดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ใช้ ได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ใช้ การคดิ 3.
แสง แสง ได้แก่ เยอ่ื ห้มุ เซลล์ 1) ทกั ษะการ 4.
ได้แก่ เย่ือหุม้ เซลล์ ไซ ไซโทพลาซมึ และ สารวจคน้ หา ทา
โทพลาซึม และนวิ เคลียส นิวเคลยี ส โครงสร้างที่
โครงสร้างทีพ่ บในเซลลพ์ ืช พบในเซลลพ์ ชื แตไ่ มพ่ บ 2) ทักษะการ
แต่ไม่พบในเซลล์สัตว์ ในเซลลส์ ตั ว์ ได้แก่ ผนงั จาแนกประเภท
ไดแ้ ก่ ผนงั เซลลแ์ ละ เซลลแ์ ละ 3) ทกั ษะการ
เปรยี บเทยี บ
คลอโรพลาสต์ คลอโรพลาสต์ 4) ทกั ษะการ
ตีความขอ้ มลู และ
การลงข้อสรุป
3. ความสามารถใน
การใช้เทคโนโลยี
เรียนรู้ท่ี 1 ชนิ้ งำน/ภำระ กำรวัด แนวกำรจดั เวลำเรียน
คุณลักษณะ งำน ประเมินผล กิจกรรมกำร (ชว่ั โมง)
อนั พ่ึง เรยี นรู้
ประสงค์
ความซ่อื สตั ย์ - กิจกรรมท่ี 3.2 - ตรวจการ 3
จริต เซลล์พืชและ
ความมีวนิ ัย ปฏิบัติกจิ กรรม วธิ สี อนแบบสืบ
ใฝ่เรยี นรู้ เซลลส์ ัตว์ ท่ี 3.2 เซลลพ์ ืช เสาะหาความรู้
(5Es Instructional
มงุ่ ม่ันในการ แตกตา่ งกัน และเซลล์สัตว์ Model )
างาน อย่างไร แตกตา่ งกัน
อย่างไร
มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคญั หนว่ ยกำรเ
ควำมคดิ รวบยอด สมรรถนะ ค
ตัวช้วี ัด แกนกลำง สำคัญของ
ผู้เรียน
• โครงสร้างต่าง ๆ ของ
เซลลม์ หี นา้ ทแี่ ตกตา่ งกนั
- ผนงั เซลล์ ทาหน้าทใี่ ห้
ความแขง็ แรงแก่เซลล์
- เยอ่ื หุ้มเซลล์ ทาหน้าท่ี
ห่อหุ้มเซลลแ์ ละควบคมุ
การลาเลียงสารเขา้ และ
ออกจากเซลล์
- นวิ เคลยี ส ทาหนา้ ท่ี
ควบคุมการทางานของ
เซลล์
- ไซโทพลาซึม มอี อรแ์ กเนลล์
ที่ทาหนา้ ที่แตกต่างกนั
- แวคิวโอล
ทาหน้าท่ีเก็บนา้ และสารตา่ ง ๆ
- ไมโทคอนเดรีย ทาหนา้ ที่
เก่ียวกับการสลายสารอาหาร
เพอื่ ใหไ้ ดพ้ ลงั งานแก่เซลล์
- คลอโรพลาสต์ เป็นแหลง่ ที่
เกดิ การสังเคราะห์ดว้ ยแสง
เรยี นรู้ท่ี 1 ชิ้นงำน/ภำระ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรยี น
คุณลักษณะ งำน ประเมินผล กิจกรรมกำร (ช่วั โมง)
อนั พ่ึง เรียนรู้
ประสงค์
มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคญั หนว่ ยกำรเ
ควำมคิดรวบยอด สมรรถนะสำคัญ
ตัวชีว้ ัด แกนกลำง
ของผู้เรยี น
ว 1.2 ม - แวควิ โอล เซลล์ (cell) เป็นหนว่ ย 1. ความสามารถใน
1/3 ทาหน้าที่เก็บน้าและสาร พนื้ ฐานท่เี ล็กทส่ี ดุ ของ การสอ่ื สาร
ต่าง ๆ สงิ่ มีชวี ิต ท้งั สิ่งมีชีวิตเซลล์ 2. ความสามารถใน
- ไมโทคอนเดรีย ทาหนา้ ที่ เดยี วและสงิ่ มชี ีวติ หลาย การคดิ
เกีย่ วกบั การสลาย เซลล์ ซง่ึ เซลลแ์ ต่ละชนิด
สารอาหารเพ่ือให้ได้ จะมรี ปู รา่ งและลักษณะท่ี 1) ทักษะการ
พลังงานแก่เซลล์ แตกตา่ งกัน โดยทว่ั ไปเซลล์ สารวจคน้ หา
- คลอโรพลาสต์ เป็นแหลง่ ของส่งิ มชี ีวติ จะมีขนาดเล็ก
ทีเ่ กิดการสงั เคราะห์ดว้ ย ไมส่ ามารถ 2) ทกั ษะการ
แสง มองเห็นได้ดว้ ยตาเปลา่ จึง จาแนกประเภท
• เซลล์ของส่งิ มชี วี ติ มี ตอ้ งใชก้ ล้องจลุ ทรรศน์ใน
รูปรา่ ง ลกั ษณะ ท่ี 3) ทักษะการ
หลากหลายและมคี วาม เปรยี บเทยี บ
เหมาะสมกับหนา้ ที่ของ
เซลลน์ นั้ เช่นเซลลป์ ระสาท
สว่ นใหญ่ มีเสน้ ใยประสาท
เปน็ แขนงยาว นากระแส
ประสานไปยงั เซลลอ์ น่ื ๆ ที่
อยู่ไกลออกไป เซลลข์ นราก
เป็นเซลล์
เรียนรู้ท่ี 1 ช้นิ งำน/ภำระ กำรวัด แนวกำรจดั เวลำเรยี น
คณุ ลักษณ งำน ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ชัว่ โมง)
อันพึ่ง เรยี นรู้
ประสงค์
1.ความ - ใบงานที่ 3.2 - ตรวจใบงานท่ี 1
ซ่อื สัตย์สุจริต โครงสร้างและ 3.2 โครงสร้าง
2.ความมวี นิ ยั หน้าที่ของเซลล์ และหน้าท่ขี อง วิธีสอนแบบสืบ
3.ใฝ่เรยี นรู้ พืชและเซลล์ เซลลพ์ ชื และ เสาะหาความรู้
4. มุ่งม่ันใน (5Es Instructional
การทางาน สัตว์ เซลลส์ ัตว์
Model )
หน่วยกำรเ
มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั สมรรถนะ ค
ตวั ชี้วัด แกนกลำง ควำมคดิ รวบยอด
สำคัญของ
ว 1.2 ม ผิวของรากทมี่ ีผนังเซลล์ การศึกษารปู ร่างและ
1/4 และเยอื่ ห้มุ เซลลย์ น่ื ยาว ลักษณะของเซลล์ ผ้เู รยี น
ออกมาลกั ษณะคลา้ ยขน
เส้นเล็ก ๆ เพอ่ื เพิ่มพนื้ ท่ี สิ่งมชี วี ิตทกุ ชนดิ มีเซลล์ 4) ทกั ษะการ
ผิวในการดูดนา้ และธาตุ เปน็ หนว่ ยทเี่ ลก็ ที่สดุ เปน็
อาหาร องค์ประกอบ ซงึ่ สงิ่ มชี ีวติ ตีความข้อมูล
บางชนดิ สามารถดารงชวี ิต
• พชื และสัตวเ์ ปน็ อยู่ไดเ้ พียงเซลล์เดยี ว บาง และการลง
สงิ่ มีชวี ิตหลายเซลล์มี ชนิดจาเปน็ ตอ้ งมีหลาย
การจัดระบบ โดยเริ่ม เซลลม์ ารวมกนั เปน็ ขอ้ สรุป
จากเซลล์ไปเป็นเน้ือเยื่อ
อวยั วะ ระบบอวัยวะ เนอื้ เย่อื ซ่ึงมรี ูปร่าง 3.ความสามารถ
และสิง่ มชี ีวิตตามลาดับ และหน้าท่แี ตกต่างกนั
ในการใช้ 1.
เซลล์หลาย เทคโนโลยี สจุ
เซลล์มารวมกันเป็น 2.
3.
4.
เรยี นรู้ท่ี 1 ชนิ้ งำน/ภำระ กำรวดั แนวกำรจดั เวลำเรยี น
คณุ ลกั ษณะ งำน ประเมินผล กิจกรรมกำร (ชวั่ โมง)
อันพ่ึง เรยี นรู้
ประสงค์
ความซ่ือสตั ย์ 1
จรติ
ความมวี ินัย วิธสี อนแบบสืบ
ใฝเ่ รียนรู้ เสาะหาความรู้
(5Es Instructional
. ม่งุ มั่นในการ ใบงาน เรอื่ ง
ทางาน จดั ระบบของ Model )
สิง่ มชี วี ิต
มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ หน่วยกำรเ
ตวั ช้วี ัด แกนกลำง ควำมคดิ รวบยอด สมรรถนะ ค
สำคญั ของ
ว 1.2 ม เน้ือเย่ือ เนอื้ เยอ่ื หลาย เซลลข์ องส่ิงมชี ีวติ ต้องมี ผู้เรียน
1/5 ชนิดมา รวมกนั และ กระบวนการนาสารเข้าและ
ทางานร่วมกันเปน็ ออกจากเซลล์ เพ่อื ใชใ้ น 1. ความสามารถ 1.
อวยั วะ อวยั วะต่าง ๆ กระบวนการดารงชีวิตของ ในการสื่อสาร สุจ
ทางานร่วมกนั เป็นระบบ เซลล์ เชน่ การแพรเ่ ปน็ 2. ความสามารถ 2.
อวยั วะ ระบบอวัยวะทกุ กระบวนการเคล่ือนที่ของ ในการคิด 3.
ระบบทางานรว่ มกนั เปน็ อนภุ าคสารจากบรเิ วณทม่ี ี 4.
สิง่ มชี ีวติ ความเข้มข้นสูงไปสบู่ รเิ วณท่ี 1) ทักษะการ
• เซลลม์ กี ารนาสารเขา้ สู่ มคี วามเข้มข้นต่า หรือการ สารวจคน้ หา
เซลล์ เพือ่ ใช้ใน ออสโมซิสเปน็ กระบวนการ
กระบวนการตา่ ง ๆ ของ 2) ทักษะการ
เซลล์ และมกี ารขจัดสาร จาแนกประเภท
บางอย่างทีเ่ ซลล์ไม่
ต้องการออกนอกเซลล์ 3) ทกั ษะการ
การนาสารเข้าและออก เปรียบเทยี บ
จากเซลล์มีหลายวธิ ี เช่น
การแพร่เป็นการ 4) ทักษะการ
เคลื่อนทข่ี อง ตีความขอ้ มูลและ
การลงข้อสรปุ
เรียนรู้ท่ี 1 ช้นิ งำน/ภำระ กำรวดั แนวกำรจัด เวลำเรยี น
คุณลักษณะ งำน ประเมนิ ผล กิจกรรมกำร (ชั่วโมง)
อนั พ่ึง เรียนรู้
ประสงค์
ความซ่ือสตั ย์ - การตรวจ 4
จรติ กจิ กรรมที่ 3.4
ความมีวนิ ัย กิจกรรมท่ี 3.4 นา้ เคล่อื นทผี่ ่าน วิธีสอนแบบสืบ
ใฝเ่ รยี นรู้ นา้ เคลือ่ นที่ผ่าน เยือ่ เลือกผ่านได้ เสาะหาความรู้
. มุ่งมนั่ ในการ
อยา่ งไร
ทางาน
เยือ่ เลอื กผ่านได้ (5Es Instructional
อย่างไร Model )
มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้ สำระสำคญั หน่วยกำร
ตัวช้วี ัด แกนกลำง ควำมคดิ รวบยอด สมรรถนะ
สำคญั ของ
สารจากบรเิ วณทม่ี คี วาม เคล่อื นท่ขี องโมเลกุล ผูเ้ รียน
เขม้ ข้นของสารสูงไปสู่ น้าจากบริเวณท่ีมีความ
บรเิ วณท่ีมีความเข้มข้น เขม้ ข้นของสารละลาย 3. ความสามารถใน
ของสารต่า ส่วน ต่าไปสู่บรเิ วณทมี่ ีความ การใช้เทคโนโลยี
ออสโมซสิ เปน็ การแพร่ เข้มขน้ ความเขม้ ขน้
ของนา้ ผา่ นเยือ่ หมุ้ เซลล์ ของ
จากดา้ นทมี่ ีความเข้มขน้ สารละลายสงู เป็นต้น
ของสารละลายต่าไปยัง
ด้านทม่ี คี วามเข้มข้นของ
สารละลายสงู กว่า
ว 1.2 • กระบวนการ กระบวนการสังเคราะห์
ม 1/6 สังเคราะหด์ ว้ ยแสงของ ด้วยแสงของพชื ท่เี กดิ ขึน้
พชื ท่เี กดิ ขนึ้ ในคลอโรพ ในคลอโรพลาสต์ โดยมีน้า
ลาสต์ จาเปน็ ตอ้ งใช้แสง และแก๊ส
แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ คารบ์ อนไดออกไซดเ์ ปน็
คลอโรฟลิ ล์ และนา้ สารตัง้ และได้ผลติ ภณั ฑ์
ผลผลิตทีไ่ ดจ้ าก เปน็ นา้ ตาลกลูโคส น้า
การสงั เคราะห์ด้วยแสง และแกส๊ ออกซเิ จน
ได้แก่ น้าตาลและแกส๊
ออกซิเจน
รเรียนรู้ท่ี 1 ชน้ิ งำน/ภำระ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรียน
คุณลกั ษณะ งำน ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ชว่ั โมง)
อนั พึ่ง เรียนรู้
ประสงค์
-การตอบคาถาม 3
ในชน้ั เรียน
กจิ กรรม เรอ่ื ง -การตรวจผลการ วธิ สี อนแบบสืบ
การสงั เคราะห์ ทดลอง กิจกรรมที่ เสาะหาความรู้
(5Es Instructional
ด้วยแสง 4.5 การ
สงั เคราะห์ดว้ ย Model )
แสงไดผ้ ลผลิตใด
อกี บ้าง
หนว่ ยกำรเ
มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั สมรรถนะ ค
ตวั ช้วี ัด แกนกลำง ควำมคดิ รวบยอด สำคญั ของ
ผเู้ รยี น
ว 1.2 • การสงั เคราะหด์ ้วยแสง กระบวนการสงั เคราะห์ 1. ความสามารถใน 1.
ม 1/7 เป็นกระบวนการทส่ี าคัญต่อ ดว้ ยแส(photosynthesis) การสอ่ื สาร สุจ
ส่ิงมชี วี ิต เปน็ กระบวนการผลิต 2. ความสามารถใน 2.
อาหารของพชื โดยพชื การคิด 3.
จะใช้สารคลอโรฟิลล์ที่ 1) ทักษะการ 4.
อยใู่ นใบดดู กลืนพลังงาน สารวจค้นหา
แสงจากดวงอาทิตยม์ า 2) ทักษะการ
เปลย่ี นใหเ้ ปน็ พลงั งาน จาแนกประเภท
เคมใี นรูปของสารอินทรยี ์ 3) ทักษะการ
จาพวกนา้ ตาล เปรียบเทยี บ
ว 1.2 กระบวนการเดียวที่สามารถ กระบวนการ 4) ทกั ษะการ
ม 1/8
นาพลังงานแสงมา สังเคราะหด์ ว้ ยแสงยงั ตีความขอ้ มูลและ
เปลย่ี นเป็นพลังงานในรูป เปน็ กระบวนการหลัก การลงขอ้ สรปุ
สารประกอบอนิ ทรยี แ์ ละเกบ็ ในการสร้างแกส๊
สะสมในรูปแบบต่าง ๆ ใน ออกซิเจนใหก้ บั
โครงสรา้ งของพชื พชื จงึ เปน็ บรรยากาศเพอื่ ให้ซง่ึ
แหล่งอาหารและพลงั งานที่ ส่งิ มชี ีวติ นาแกส๊
สาคญั ของส่งิ มชี ีวติ อ่นื ออกซิเจนมาใชใ้ น
นอกจากน้กี ระบวนการ กระบวนหายใจ
สังเคราะหด์ ้วยแสงยงั เปน็
เรียนรู้ท่ี 1 ช้นิ งำน/ภำระ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรยี น
งำน ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ชั่วโมง)
คณุ ลกั ษณะ
อนั พึ่ง การตรวจ เรียนรู้ 2
ประสงค์ ภาพวาดที่สอ่ื
ความสาคญั ของ
ความซ่อื สตั ย์ การสงั เคราะห์
จริต ดว้ ยแสงของพชื
ความมวี นิ ัย ตอ่ ส่ิงมีชีวิต
ใฝเ่ รียนรู้
. มุง่ มน่ั ในการ
ทางาน
รายงาน เรอ่ื ง 2
ผลผลิตทเ่ี กิด
จาก วิธีสอนแบบสบื
กระบวนการ เสาะหาความรู้
สงั เคราะหด์ ้วย (5Es Instructional
แสง
Model )
หนว่ ยกำรเ
มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ สมรรถนะ ค
ตวั ช้วี ัด แกนกลำง ควำมคดิ รวบยอด
สำคัญของ
ว 1.2 กระบวนการหลักในการ พชื มีระบบลาเลียงสาร
ม 1/9 สร้างแกส๊ ออกซิเจนใหก้ บั โดยพชื จะอาศยั เน้ือเยอื่ ที่ ผเู้ รยี น
บรรยากาศเพ่อื ใหส้ ิ่งมชี ีวติ ทาหนา้ ที่เฉพาะในการ
อ่ืน ใช้ในกระบวนการ ลาเลยี งสาร เรยี กวา่ 1. ความสามารถ
หายใจ เน้ือเยอื่ ลาเลียง เช่น
• พชื มีไซเลม็ และ ทอ่ ไซเล็ม (xylem) ทา ในการส่อื สาร
โฟลเอม็ ซึ่งเป็นเนือ้ เย่อื มี หนา้ ท่ีลาเลียงน้าและแร่
ลักษณะคลา้ ยท่อ เรยี งตวั ธาตจุ ากรากไปสใู่ บ 2. ความสามารถ
กนั เป็นกลมุ่ เฉพาะที่โดยไซ ส่วนท่อโฟลเอ็ม
เล็มทาหน้าท่ลี าเลยี งน้า (phloem) ทาหน้าที่ ในการคิด
และธาตุอาหารมีทศิ ทาง ลาเลยี งอาหารจากใบไป
ลาเลยี งจากรากไปสู่ ลาตน้ ใบ ยังส่วนต่าง ๆ ของพชื 1) ทกั ษะการ
และส่วนต่าง ๆ ของพืช เพื่อใช้ สารวจค้นหา 1.
ในการสังเคราะห์ดว้ ยแสงรวม 2) ทกั ษะการ สจุ
ถกึ ระบวนการอน่ื ๆ สว่ น 2.
โฟเอม็ ทาหน้าท่ีลาเลียงอาหารที่ จาแนกประเภท 3.
ไดจ้ ากการสังเคราะหด์ ้วยแสงมี 3) ทกั ษะการ 4.
ทิศทางลาเลยี งจากบริเวณทม่ี ี
การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงไปสู่สว่ น เปรียบเทยี บ
ต่างๆ ของพืช 4) ทกั ษะการ
ตีความข้อมูลและ
การลงข้อสรุป
3. ความสามารถ
ในการใช้
เทคโนโลยี
เรยี นรู้ท่ี 1 ช้ินงำน/ภำระ กำรวัด แนวกำรจัด เวลำเรียน
คุณลักษณะ งำน ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ช่ัวโมง)
อันพึ่ง เรยี นรู้
ประสงค์
ความซ่อื สตั ย์ ใบงานท่ี 4.3 การตรวจใบงาน วิธีสอนแบบสบื 3
ที่ 4.3 การ เสาะหาความรู้
จริต การลาเลยี งน้า
ความมวี นิ ยั ลาเลียงน้าและ (5Es Instructional
ใฝ่เรียนรู้ และอาหารของ อาหารของพืช Model)
. มงุ่ ม่นั ในการ พืช
ทางาน
สำระกำร สำระสำคัญ นำไปส
เรียนรู้ ควำมคิดรวบ
มำตรฐำน/ แกนกลำง สำระกำร สมรรถนะ ค
ตัวชว้ี ัด ยอด เรยี นรู้ สำคัญของ อ
ว 1.2 ม ทิศทางลาเลยี ง
1/10 จากบรเิ วณที่มี ทศิ ทางลาเลยี ง การ ลาเลยี ง ผูเ้ รยี น 1.
การสังเคราะห์ จากบรเิ วณที่มี สารใน สจุ
ว 1.2 ม ด้วยแสงไปสู่ การสังเคราะห์ ไซเลม็ และโฟ 1. ความสามารถ 2.
1/11 ส่วนต่าง ๆ ด้วยแสงไปสสู่ ว่ น เอม็ ในการสื่อสาร 3.
ของพชื ตา่ ง ๆ ของพชื 2. ความสามารถ 4.
ของพืช ในการคดิ ทา
• พืชดอกทกุ การสืบพนั ธุ์
ชนิดสามารถ พืชดอกทกุ ชนิด แบบอาศัยเพศ 1) ทกั ษะการ
สบื พันธ์แุ บบ สามารถสบื พันธ์ุ และ สารวจคน้ หา
อาศัยเพศได้ แบบอาศยั เพศได้ ไมอ่ าศัยเพศ
และบางชนดิ และบางชนดิ ของพชื ดอก 2) ทกั ษะการ
สามารถ สามารถสบื พนั ธุ์ จาแนกประเภท
สืบพนั ธ์ุแบบไม่ แบบไมอ่ าศยั เพศ
อาศยั เพศได้ 3) ทกั ษะการ
เปรยี บเทยี บ
4) ทกั ษะการ
ตีความขอ้ มูล
และการลง
ขอ้ สรุป
3. ความสามารถ
ในการใช้
เทคโนโลยี
สู่ ชน้ิ งำน/ กำรวัด เวลำเรียน
ภำระงำน ประเมินผล แนวกำรจดั (ชวั่ โมง)
คุณลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค์ กจิ กรรมกำรเรียนรู้
.ความซ่อื สตั ย์ ใบงานที่ 4.3 ตรวจใบงาน วิธีสอนแบบสบื
จรติ การลาเลยี ง ท่ี 4.3 การ เสาะหาความรู้
.ความมีวนิ ยั นา้ และ ลาเลียงน้า (5Es Instructional
.ใฝเ่ รียนรู้ อาหารของ และอาหาร Model)
. มงุ่ มน่ั ในการ พชื ของพืช
างาน
ใบงานที่ 4.1 ตรวจใบงาน วธิ สี อนแบบสบื
การสบื พนั ธ์ุ ท่ี 4.1 การ เสาะหาความรู้ (5Es
แบบไมอ่ าศยั สืบพันธแุ์ บบ
เพศของพชื ไมอ่ าศยั เพศ Instructional Model)
ดอก ของพืชดอก
ว 1.2 ม • การสืบพนั ธุ์ ดอกไม้ เป็น โครงสรา้ งของ
1/12 แบบอาศยั เพศ อวัยวะสบื พนั ธุ์ ดอก
เปน็ การ ของพชื เมอื่ ถูก
สบื พันธุท์ ม่ี ีการ ผสมเกสร ดอก
ผสมกันของ จะเจริญ
สเปิรม์ กบั เซลล์ กลายเปน็ ผล
ไข่ การสบื พนั ธ์ุ ซึ่งภายในมี
แบบอาศัยเพศ เมลด็ ทา
ของพชื ดอก หนา้ ทกี่ ระจาย
เกดิ ข้ึนทดี่ อก พนั ธพ์ุ ชื โดย
โดยภายในอับ พชื ต้นใหมจ่ ะมี
เรณูของส่วน ลักษณะที่
เกสรเพศผู้มี แตกต่างไปจาก
ตน้ พ่อแม่
- เขียนความ - การตรวจ วธิ สี อนแบบสืบ
แตกต่าง เขียนความ เสาะหาความรู้ (5Es
ระหว่างการ แตกตา่ ง
สืบพันธุแ์ บบ ระหวา่ งการ Instructional Model)
อาศยั เพศใน สืบพันธแ์ุ บบ
พืชดอกกับ อาศัยเพศใน
การสบื พันธ์ุ พืชดอกกับ
แบบไม่อาศัย การสบื พนั ธุ์
เพศในพืช แบบไมอ่ าศัย
ดอกได้ เพศในพืช
ดอกได้
-
มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้ สำระสำคญั สำระกำร นำไป
ตัวชว้ี ัด แกนกลำง ควำมคดิ เรยี นรู้
รวบยอด สมรรถนะ
สำคญั ของ อ
ผู้เรียน
เรณู ซงึ่ ทาหนา้ ทีส่ ร้าง
สเปริ ม์ ภายในออวลุ
ของส่วนเกสรเพศเมยี มี
ถงุ เอม็ บริโอ ทาหนา้ ท่ี
สรา้ งเซลล์ไข่
• การสืบพันธุ์แบบไม่
อาศัยเพศ เปน็ การ
สบื พันธทุ์ ่พี ชื ต้นใหม่
ไม่ไดเ้ กดิ จากการ
ปฏิสนธริ ะหวา่ งสเปิรม์
กบั เซลล์ไข่ แต่เกิดจาก
ส่วนต่าง ๆ ของพืช
เช่น ราก ลาตน้ ใบ มี
การเจรญิ เตบิ โตและ
พฒั นาข้นึ มาเป็นตน้
ใหมไ่ ด้
ปสู่ ช้ินงำน/ กำรวดั แนวกำรจัด เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมนิ ผล กจิ กรรมกำร (ช่วั โมง)
คณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์ เรยี นรู้
สำระกำร สำระสำคัญ นำไปส
เรยี นรู้ ควำมคดิ รวบ
มำตรฐำน/ แกนกลำง สำระกำร สมรรถนะ คณุ
ตัวชี้วัด ยอด เรียนรู้ สำคญั ของ พ
ว 1.2 ม • การถ่ายเรณู พชื ดอกมีดอก การถา่ ยเรณู ผู้เรยี น 1.ค
1/13 สุจร
คอื การ เป็นอวยั วะ 1. ความสามารถ 2.ค
ในการสอ่ื สาร 3.ใฝ
เคล่อื นย้ายของ สบื พนั ธ์ุ ภายในมี 2. ความสามารถ 4. ม
ในการคดิ ทาง
เรณูจากอับเรณู ส่วนประกอบที่
1) ทกั ษะการ
ไปยังยอดเกสร ทาหน้าท่สี ร้าง สารวจค้นหา
เพศเมีย ซ่ึง เซลล์สบื พันธเุ์ พศ 2) ทักษะการ
จาแนกประเภท
เกีย่ วขอ้ งกบั ผู้ (สเปิร์ม) และ
3) ทักษะการ
ลกั ษณะและ เซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศ เปรียบเทียบ
โครงสร้างของ เมยี (เซลลไ์ ข่) ซึ่ง 4) ทักษะการ
ตคี วามขอ้ มลู
ดอก เช่น สีของ การปฏิสนธิ และการลง
ข้อสรปุ
กลบี ดอก ระหวา่ งสเปิร์ม 3. ความสามารถ
ในการใช้
ตาแหนง่ ของ กบั เซลลไ์ ขจ่ ะ เทคโนโลยี
เกสรเพศผแู้ ละ เกดิ ขน้ึ ภายในรัง
เกสรเพศ ไข่ แล้วเจรญิ เป็น
เมยี โดยมีสิ่งที่ เมลด็ อยู่ภายใน
ช่วยในการถา่ ย ผล เมือ่ ถึงเวลา
เรณู เช่น แมลง ขยายพันธ์ุเมล็ดที่
ลม อยภู่ ายในผลจะ
• การถ่ายเรณู แตกออกและ
จะนาไปสกู่ าร กระจายไปยงั ท่ี
สู่ ช้นิ งำน/ กำรวดั แนวกำรจดั เวลำเรยี น
ภำระงำน ประเมินผล กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (ชวั่ โมง)
ณลักษณะอัน
พึงประสงค์
ความซอ่ื สัตย์ กิจกรรมที่ - การตรวจใบ วิธีสอนแบบสืบ
รติ 4.2 เมล็ด กิจกรรมที่4.2 เสาะหาความรู้
ความมีวินัย งอกได้ เมล็ดงอกได้ (5Es Instructional
ฝเ่ รยี นรู้ อยา่ งไรได้ อยา่ งไรได้ Model)
มุ่งมนั่ ในการ
งาน