60 v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 59. ธนาคารเลือดและงานบริการโลหิต 3 I เปลี่ยนการเตรียมเลือด จากหลักการ Tube method มาเป็น Gel method II-8 การเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพ i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: ถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา ครอบคลุม ประสิทธิภาพ ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 ปี2566 (มี.ค.) 1.อัตราป่วยด้วยโรคไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) (ต่อพัน ประชากร) NA NA NA 6.42 24.68 4.275 2.อัตราตายด้วยโรคไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) (ต่อพัน ประชากร) NA NA NA 0.04 0.05 0.00 3.อัตราป่วยตายด้วยโรคไวรัสโคโรนา2019 (COVID19) ต่อพัน ประชากร) NA NA NA 0.57 0.20 0.28 4.ร้อยละความครอบคลุมประชากร Typeare 1,3 ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ≥70% NA NA NA NA 87.60 2.24 5.ร้อยละความครอบคลุมการได้รับวัคซีนเข็ม 3 (ได้รับเข็ม 2 ตามเกณฑ์ประกาศ วันที่ 13 ธ.ค. 2564) ≥70% NA NA NA NA 59.93 0 6.ร้อยละครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 608 ได้รับวัคซีน เข็ม 1(Typearea 1,2,3) ≥70% NA NA NA NA 83.39 100 7.อัตราป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกลดลงจากจากมัธย ฐานย้อนหลัง 5 ปี ลดลง (ต่อ แสน ประชากร) 92.21 15.73 92.21 48.70 42.60 100 8.อัตราตายผู้ป่วยไข้เลือดออก 0 0 0 0 0 0 0 9.ร้อยละ หลังได้รับรายงานมีการควบคุมตาม 100% 93.51 100 98 97 100 100
61 ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 ปี2566 (มี.ค.) มาตรการ 331 10.ดัชนีลูกน้ำยุงลายไม่เกินค่ามาตรฐาน 100 75.24 91.63 97.50 96.50 98.60 100 11.อัตราป่วยด้วยโรควัณโรคปอดเสมหะพบเชื้อราย ใหม่ ลดลง (ต่อ แสน ประชากร) 43.83 52.70 53.00 41.40 32.00 48.21 12.ร้อยละกลุ่มเสี่ยงได้รับการคัดกรองวัณโรคด้วย วิธี x-ray >90% 67.99 91.20 84.20 82.90 99.70 77.70 13.อัตราตายผู้ป่วยวัณโรค < 8% 14.17 10.48 12.66 7.58 8.16 3.70 14.กระบวนการทำงาน 14.1 ระดับการประเมินทีม SRRT ดีมาก ดี ดี ดี ดีมาก ดีมาก ดีมาก 14.2 ร้อยละความครบถ้วนของการรายงาน รง.506 95% 91.75 95.35 94.20 96.31 90.22 100 14.3 ร้อยละความครบถ้วนของการสอบสวนเฉพาะ ราย 100% 100 100 100 100 100 100 14.4 ร้อยละความทันเวลาของการสอบสวนเฉพาะ ราย 100% 100 87.72 97.85 95.50 100 91.24 14.5 ร้อยละคุณภาพของการสอบสวนโรค 100% 100 85.72 98.45 94.25 100 80 15.อัตราตายอุบัติเหตุทางการจราจร ลดลง (ต่อ 1,000 ประชากร) 26.86 24.34 13.40 17.04 19.50 6.12 16.การชะลอความเสื่อมของไต ผู้ป่วยมีอัตราการ ลดลงของ eGFR<4 ml/min/1.73 m2/yr >68% 76.84 65.26 62.68 59.97 62.50 57.97 17.อัตราผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่จากกลุ่มเสี่ยง เบาหวาน ลดลง 1.80 1.92 1.89 2.64 1.56 2.02 18.อัตราผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่จากกลุ่ม เสี่ยงความดันโลหิตสูง ลดลง 2.10 2.14 2.51 1.90 1.09 2.45 ii บริบท โรคและภัยสุขภาพสำคัญในพื้นที่:
62 โรคติดต่อ : โรคไวรัสโคโรนา2019(COVID-19) ,โรคไข้เลือดออก, วัณโรค โรคไม่ติดต่อ : โรคไตเรื้อรัง, เบาหวาน, ความดัน โลหิตสูง ภัยสุขภาพ : อุบัติเหตุทางการจราจร โรคและภัยสุขภาพสำคัญที่อยู่ในแผนเฝ้าระวัง: โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง คือ โรคไวรัสโคโรนา2019(COVID-19) , โรคไข้เลือดออก, วัณโรค iii กระบวนการ II-8 ก. การบริหารจัดการและทรัพยากร: (1)(2) นโยบาย แผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ: ป้าหมายการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ที่ 1 คือสร้างศักยภาพชุมชนเพื่อสุขภาวะที่ยั่งยืน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม แบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มที่ 1เป็นการดำเนินงานที่ใช้การขับเคลื่อนของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับ อำเภอ (พชอ.) และกลุ่มที่ 2 เป็นการจัดการปัญหาสุขภาพสำคัญในชุมชน โดยทีมดูแลสุขภาพชุมชน (ทีม 3 หมอ) 3.1.1 การ ขับเคลื่อนชุมชน ด้วยคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) การขับเคลื่อนคณะกรรมการ พชอ. มีนายอำเภอ ธาตุพนมเป็นประธาน กรรมการจากภาคีสุขภาพ และตัวแทนประชาชน โดยมีสาธารณสุขอำเภอเป็นทีมเลขานุการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ได้ดำเนินงานต่อเนื่อง 3 ประเด็น คือ อุบัติเหตุจราจรทางบก สารเคมีตกค้างในเกษตรกร และการจัดการขยะใน ชุมชน ด้วยสถาณการณ์โรคระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 คณะกรรมการ พชอ.ธาตุพนม จึงมุ่งเน้นการจัดการใน สถานการณ์โรคระบาด เป็นแผนงานหลักเพียงอย่างเดียว โดยใช้ความร่วมมือของภาคีสุขภาพทุกส่วน 1.ปัญหาอุบัติเหตุจราจร ทางบก ร่วมแก้ไขถนนจุดเสี่ยง และมาตรการชุมชนช่วงเทศกาล พบแนวโน้มจำนวนการบาดเจ็บลดลงถึงร้อยละ 55 เทียบกับ ปี พ.ศ.2559 ที่พบ 283 ครั้ง แต่ในส่วนอัตราตายยังไม่ลด ยังเฉลี่ยที่ 22 รายต่อปี • การดำเนินงานไข้เลือดออก โรคไวรัสโคโร นา2019 (COVID-19) มีการประชุม คปสอ. และประสานทีม SRRT และจัดทำ CPG เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน • การดำเนินงานวัณโรค มีการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่มในชุมชน และผู้ป่วยที่สงสัยป่วยวัณโรคที่เข้ามารับบริการใน โรงพยาบาล จะมีการเก็บเสมหะ ๓ ตัวอย่าง (เก็บติดต่อกัน) Collect ๒ ตัวอย่าง Spot ๑ ตัวอย่างและเอ็กซ์เรย์ปอด เพื่อให้ แพทย์วินิจฉัย ถ้าพบเชื้อวัณโรคจะมีการแจ้งเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลและป้องกันโรคเพื่อขึ้นทะเบียนวัณโรคและนัดผู้ป่วยโรคมา รักษาวัณโรคต่อเนื่องณ เรือนเฟื่องฟ้า ในวันพุธถัดไป เวลา ๐๘.๐๐-๑๒.๐๐น. และมีการให้สุขศึกษา เภสัชกรตรวจสอบ รายการยาแนะนำการกินยา และจ่ายยาผู้ป่วยกลับบ้านและตรวจเยี่ยมบ้านผู้ป่วย รวมทั้งคัดกรองผู้สัมผัสวัณโรคร่วมบ้าน • การดำเนินงานโรคไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ให้กลุ่มที่มีอาการมีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ สัมผัสกลุ่มเสี่ยง ตรวจ ATK ด้วยตนเอง ถ้ามีผลบวก ให้ติดต่อรพ.สต.ใกล้บ้านหรือ ศสช.ธาตุพนม เพื่อตรวจยืนยันผลซ้ำอีกครั้ง หากผลขึ้น 2 ขีด ผลบวก (ติดเชื้อไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย อายุ15-59 ปี (อาการคล้ายไข้หวัด) เข้าระบบการดูแลรักษา แบบ Home Isolation กับ รพ.สต. ได้รับยาตามอาการกักตัวครบ 10 วัน หากผู้ป่วยทำประกันโปรดแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอทำ RT-PCR หากอาการรุนแรงมากขึ้น หรือไม่สามารถกักตัวที่บ้านให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาแยกตามความ รุนแรงของอาการ (โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม) เกณฑ์การส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล มีไข้สูงกว่า 39 องศา นานเกิน 24 ชม. ออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94% มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ตามดุลยพินิจของแพทย์ ผู้ใหญ่หายใจเร็วกว่า 25 ครั้ง/ นาที กรณีหายใจลำบาก ซึมลง รับประทานอาหารหรือดื่มนมได้น้อยลง อาการปานกลางหรือมีความเสี่ยงสูง เด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี หรือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ มี 7 โรคประจำตัว เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรค ไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอ้วน (BMI>30 หรือ น้ำหนัก 90 กก. ขึ้นไป) ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน โควิด เข้าสู่กระบวนการรักษาแยกตามความรุนแรงของอาการ (โรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม) หากผลขึ้น 1 ขีด ผลลบ (ไม่ ติดเชื้อ) มีอาการ หรือ ไม่มีอาการ มีประวัติเสี่ยง ให้กักตัว 7 วัน, ATK ซ้ำในอีก 3 วันถัดมา, ตรวจ PCR หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลย พินิจของแพทย์ ถ้าไม่มีประวัติเสี่ยง ไม่ต้องกักตัว ปฏิบัติตามหลัก DMHTT
63 (3)(4) บุคลากร งบประมาณ เทคโนโลยี ทรัพยากรอื่นๆ: • มีการพัฒนาจัดอบรมระบาดวิทยาภาคสนามแก่บุคลากร และมีการสนับสนุนงบประมาณโครงการป้องกัน โรคไข้เลือดออก โรคไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) และสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ควบคุมโรคไข้เลือดออก โรคไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) • การสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวังและป้องกันโรคในระดับชุมชนโดยมี อสม. เป็นแกนหลักในการแจ้งข่าว การเกิดโรค การ ระบาดของโรค มายัง รพ.สต. และรพ.สต.แจ้งข่าวมายังศูนย์ระบาดอำเภอธาตุพนม นอกจากเครือข่ายระดับชุมชนแล้ว ยังมี เครือข่ายการเฝ้าระวังโรคระดับอำเภอและจังหวัด และเขต สคร. 8 ตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล การส่งต่อข้อมูล การรับหรือ แจ้งข่าวการระบาด การประสานร่วมมือกัน สอบสวนโรคในพื้นที่และระหว่างพื้นที่เขตติดต่อ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ • มีการเตรียมความพร้อมด้านทีมงาน โดยการจัดตั้งทีม SRRT ระดับอำเภอ และ ระดับพื้นที่ เพื่อ ตอบสนองต่อการเกิดโรคในพื้นที่ มีการพัฒนาศักยภาพของทีมปีละครั้ง มีการเตรียมความพร้อมด้านวัสดุ และอุปกรณ์ในการ ออกสอบสวนและควบคุมโรค • มีระบบการส่งรายงาน R 506 จาก รพ.สต.มาสู่ศูนย์ระบาดวิทยาระดับอำเภอและส่งต่อไปยัง สสจ.นครพนม อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง • มีภาคีเครือข่ายในการเฝ้าระวังโรคและภัยในชุมชน เช่น อปท. ผู้นำชุมชน วัด โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก อาสาสมัคร ปศุสัตว์ อสม. เป็นต้น • มีการอบรมเจ้าหน้าที่บุคลากร เสริมความรู้ เกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อ เรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรังอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี โดยใช้งบประมาณจากกองทุนโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จังหวัดนครพนม และงบเงินบำรุงโรงพยาบาล • มีการให้ความรู้อสม. เกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดันโลหิต สูง โรคไตเรื้อรังในรพ.สต. 1 ครั้งต่อเดือน (5) การสร้างความรู้ความเข้าใจ: • มีการจัดทำและทบทวนแผนปฏิบัติการและแนวทางการสื่อสารความเสี่ยงและการประชาสัมพันธ์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อ โรคระบาดและภัยสุขภาพ • มีการจัดการความรู้ สื่อความรู้ และฐานข้อมูลด้านการสื่อสารความเสี่ยง และ ประชาสัมพันธ์ที่สนับสนุนการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อ • การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ผ่านสื่อต่างๆ ทั้ง ทางตรง ทางอ้อม เช่น รณรงค์สร้างกระแสสังคม สื่อสารสาธารณะ และการตลาดเชิงสังคม (Social Marketing) • มีการ สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Line facebook เพื่อส่งรายชื่อกลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วย เพื่อติดตามผลการรักษา II-8 ข. การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเฝ้าระวัง: (1)(2) การเฝ้าระวัง บันทึก และจัดเก็บข้อมูล: • มีการเผ้าระวังโรคติดต่อโดยใช้ ระบบรายงาน R 506 เพื่อดักจับและรายงานข้อมูลโรคติดต่อและมีการบันทึกข้อมูลและ จัดเก็บข้อมูลการระบาด โดยโปรแกรม Hos XP • มีการตรวจจับการระเกิดโรคทางระบาดวิทยาผ่านโปรมแกรม HOS XP ทุก วัน โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ระบาดวิทยาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม • มีการจัดทำคู่มือโรคที่ต้องสอบสวนและเกณฑ์ที่ จะต้องแจ้งให้ศูนย์ระบาดวิทยา ให้กับหน่วยงานภายใน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม • มีการอบรมเครือข่ายเฝ้า ระวังโรคในชุมชน เรื่อง เหตุการณ์ผิดปกติในชุมชนที่ต้องแจ้งให้ เครือข่ายเฝ้าระวังเหตุการณ์ในชุมชนรวมทั้งช่องทางในการ แจ้งข่าว • มีการแจ้งข่าวสถานการณ์โรคที่สำคัญในการประชุมประจำเดือนผู้นำท้องถิ่นและอสม. เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์ใน ชุมชนที่อาจจะเกิดขึ้น • นำเสนอสถานการณ์โรคที่ต้องเฝ้าระวังทุกครั้งในการประชุมคณะกรรมการบริหารเครือข่ายบริการ ปฐมภูมิเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบและหามาตรการในการป้องกัน และควบคุมโรค • โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีการเก็บข้อมูล บันทึกข้อมูลการคัดกรอง การรักษาจากระบบ HCD และ Cockpit คลัง DM/HT ของสาธารณสุขจังหวัดนครพนม (3)(4) การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ แปลความหมาย ค้นหาการเพิ่มผิดปกติหรือการระบาด: • โรคไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) อำเภอธาตุพนม พบผู้ป่วยรายแรกของจังหวัดนครพนม เดือนมกราคม 2564 ที่หมู่บ้าน หนองกุดแคน ตำบลพระกลางทุ่ง มีการเปิดหน่วยให้บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 (Rapid test) ช่วงระบาดหนักระลอกที่1 หลังเทศกาลสงกรานต์เดือนเมษายน พ.ศ.2564 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยมากสุด จำนวน 38 ราย โดยรับผู้ป่วยใหม่มากกว่า 10 รายต่อวัน เนื่องจากมีการติดเชื้อจากกลุ่มเสี่ยงที่มีการเดินทางข้ามจังหวัด กลับมาภูมิลำเนา จึงมีการแพร่เชื้อให้กับคนใน ครอบครัว และต่อมามีมาตรการเดินทางข้ามจังหวัด ถ้ามีประวัติได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม ไม่ต้องมีกักตัว ทำให้
64 สามารถเดินได้ข้ามจังหวัดจำนวนมากขึ้น ส่งผลเริ่มมีการกระจายเชื้อในเขตพื้นที่ระดับตำบล ชุมชนและหมู่บ้านเพิ่มจำนวน มาก ทีมจึงมีแผนการเชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่ระดับชุมชน ระดับรพ.สต. ระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและมีการเชื่อมโยงข้อมูลทาง อินเตอร์เน็ตในช่วงที่พบการระบาดของโรคทุกภาคส่วนและรายงานสถานการณ์ของโรคทุกวัน • การควบคุมโรค ให้ได้เข้าสู่การ รักษาให้เร็วที่สุด ตัดวงจรการแพร่กระจายโรคในชุมชน • จากการวิเคราะห์ข้อมูลรพร.ธาตุพนม ใช้ข้อมูลเฝ้าระวังโรคมาใช้ใน การวางแผนป้องกันและควบคุมโรค ตัวอย่างเช่น การใช้ข้อมูลโรคไข้เลือดออก ๕ ปีที่ผ่านมา มาใช้วิเคราะห์หาพื้นที่เสี่ยงต่อ การเกิดโรคไข้เลือดออกรายหมู่บ้าน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเฝ้าระวังโรคและป้องกันโรคซึ่งการระบาดของโรค มีการระบาด ตามรอบการระบาด 3 ปีครั้ง และมีอัตราการระบาดของโรคสูงจะพบผู้ป่วยจำนวนเพิ่มขึ้นในเดือน มิ.ย-ก.ย ของแต่ละปีในช่วง ฤดูฝน ส่วนมากพบผู้ป่วยมาด้วยอาการไข้สูงและพบผลตรวจ Touniquet test ผล Positive ผลเลือดเข้าเกณฑ์การวินิจฉัย ไข้เลือดออก และส่วนมากพบผู้ป่วยกระจายอยู่ทุกชุมชนและหมู่บ้านทีมจึงมีแผนการเชื่อมโยงข้อมูลตั้งแต่ระดับชุมชน ระดับ รพ.สต. ระดับอำเภอ ระดับจังหวัดและมีการเชื่อมโยงข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตในช่วงที่พบการระบาดของโรคทุกภาคส่วนได้ จัดทำ WAR ROOM ไข้เลือดออกทุกสัปดาห์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้หาแนวทางแก้ไขปัญหาไข้เลือดออกร่วมกันโดยวิเคราะห์ จากการเกิดโรคที่เกินค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี • มีการตรวจจับการระบาดผ่านโปรแกรม Hos-XP รวมทั้งการแจ้งข่าวจากภาคี เครือข่าย • อัตราป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกลดลงจากค่ามัธยฐานย้อนหลัง 5 ปี จากการทบทวนปัญหา ปี2563-2565 พบว่า อัตราการป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกมีแนวโน้มลดลง โดยอำเภอธาตุพนมได้ดำเนินการควบคุมพาหะนำโรคตลอดทั้งปี และ ควบคุมโรคโดยใช้มาตรการ 331 อย่างเข้มข้น ทำให้อัตราป่วยโรคไข้เลือดออก ตั้งแต่ปี2563-2565 ลดลงตามลำดับ • โรควัณ โรค จากการทบทวน ปี 2563-2565 พบอัตราการป่วยด้วยวัณโรคปอดเสมหะพบเชื้อรายใหม่ มีแนวโน้มลดลง และมีการ ค้นหาผู้ป่วยรายใหม่โดยการคัดกรองวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มได้ครอบคลุมขึ้นเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาให้เร็วที่สุดตัด วงจรการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน และปี 2561 มีการพัฒนาเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยวัณโรคในชุมชน (5)(6) การติดตามเฝ้าดูสถานการณ์ การคาดการณ์แนวโน้มเพื่อวางแผนป้องกัน: มีการดูสถานการณ์และวิเคราะห์ข้อมูลทุกวันผ่านทางรง.506 และแต่ละพื้นที่ส่งรายงาน เพื่อรวบรวมส่งจังหวัด การเผยแพร่ ข้อมูลทางระบาดโดยการดูแนวโน้มของแต่ละสถานการณ์ถ้าแนวโน้มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ทางระบาดจะประสานพื้นที่ให้รับทราบ เจ้าหน้าที่พื้นที่ประสานแกนนำชุมชน ประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย เดินรณรงค์ สื่อสารโดยใช้แผ่นพับ ไวนิล ช่องทางออนไลน์ เช่น Line Facebook เพื่อให้ทราบสถานการณ์รายวันและดำเนินการเพื่อป้องกัน ควบคุมไม่ให้เกิดความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น II-8 ค. การตอบสนองต่อการระบาดของโรคและภัยสุขภาพ: (1) แผนตอบสนอง การเตรียมความพร้อม: • มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center : EOC) และระบบบัญชาเหตุการณ์ (Incident Command System : ICS) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ซึ่งเป็น ระบบงานที่สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับพื้นที่ สามารถช่วยจำกัดผลกระทบด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่นๆ ที่ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขอาจส่งผลถึงประชาชนให้อยู่ในวงจำกัด การพัฒนาระบบดังกล่าวมีทั้งพัฒนาทั้งโครงสร้าง พื้นฐาน แผนงาน/ระบบงานและกำลังคน โดยศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน เป็นสถานที่ที่ใช้ในการปฏิบัติงานร่วมกันของ หน่วยงานต่างๆ ภายใต้ระบบบัญชาการเหตุการณ์ เพื่อสนับสนุนการบริหารสั่งการ ประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล และ ทรัพยากรให้เกิดขึ้นอย่างสะดวกรวดเร็วในภาวะฉุกเฉินโดยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารภายในศูนย์ ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานแต่ละภาคส่วนให้สามารถติดต่อสื่อสาร การ แลกเปลี่ยนข้อมูล การรายงานสถานการณ์ทั้งภาพและเสียงจากพื้นที่เหตุการณ์จริง สำหรับการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อการ ตัดสินใจในการป้องกัน ควบคุมโรค และภัยสุขภาพ ให้มีประสิทธิภาพ และทันต่อสถานการณ์ • มีระบบ HOT LINE เพื่อใช้ เป็นช่องทางแจ้งข่าวโรคทางระบาดวิทยาที่งานสุขาภิบาลทั้งใน และนอกเวลาราชการ เมื่อดำเนินการสอบสวนโรคเสร็จจะ ดำเนินการโทรแจ้งพื้นที่ที่มีผู้ป่วยให้ออกดำเนินการควบคุมโรคทันทีภายใน 24 ชั่วโมง • บันทึกรายงาน R506 ทุกวัน เพื่อให้
65 เกิดความทันเวลาในการส่งข้อมูล • มีการวิเคราะห์สถานการณ์โรคทางระบาดวิทยาทุกวันเพื่อแจ้งให้เครือข่ายการเฝ้าระวังโรค ได้ทราบ (2) ทีม SRRT: • มีการเตรียมความพร้อมด้านทีมงาน โดยการจัดตั้งทีม SRRT ระดับอำเภอและระดับพื้นที่ เพื่อตอบสนองต่อการเกิดโรคใน พื้นที่ มีการพัฒนาศักยภาพของทีมปีละครั้ง มีการเตรียมความพร้อมด้านวัสดุและอุปกรณ์ในการออกสอบสวนและควบคุมโรค • พัฒนาศักยภาพทีมเฝ้าระวัง สอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) โดยการฝึกปฏิบัติ • พัฒนาระบบการแจ้งข่าวทาง Facebook และ Line เพื่อให้ทันต่อการสอบสวน ควบคุมโรค • มีระบบเตรียม ทีม วัสดุ ครุภัณฑ์ ยานพาหนะ ให้เพียงพอ ทันเวลา • มี การจัดตั้ง war room โรคระบาดที่สำคัญ เช่น โรคไวรัสโคโรนา2019(COVID-19) วัณโรค ไข้เลือดออก (3) มาตรการป้องกันที่จำเป็น: • มีมาตรการการควบคุมโรค โดยการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะกลุ่ม 608 • การปฏิบัติตัวตามมาตรการ DMHTT และการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) • มีมาตรการควบคุมการจัดกิจกรรมในชุมชน • มีมาตรการการควบคุม พาหะนำโรค • มีการตรวจจับการระบาดของโรคที่ต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาผ่านทางโปรแกรม Hos Xp เมื่อพบว่ามี ผู้ป่วยเจ้าหน้าที่จะลงไปสอบสวนโรคในตึกผู้ป่วยในเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง มีการลงรายงาน R506 ทุกวัน เพื่อให้เกิดความ ทันเวลาในการส่งข้อมูล • มีการวิเคราะห์สถานการณ์โรคทางระบาดวิทยาทุกเดือนเพื่อแจ้งให้เครือข่ายการเฝ้าระวังโรคได้ ทราบ (4) ช่องทางรับรายงาน: • ช่องทางการรับรายงานผู้ป่วยจากงานระบาดวิทยารับข้อมูลจากผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก • ระบบรายงาน R 506 และ R8 Dashboard เพื่อดักจับและรายงานข้อมูลโรคติดต่อและมีการบันทึกข้อมูลและจัดเก็บข้อมูลการระบาด โดยโปรแกรม Hos XP • ระบบรายงานผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่จากหอผู้ป่วยใน หอผู้ป่วยนอก ถึงเจ้าหน้าที่ควบคุมโรค • มีระบบรายงานแจ้ง ข่าวสารผ่านช่องทาง โซเซียลมีเดีย Line Facebook Email • โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีช่องทางการรายงานผู้ป่วย เพื่อลงเยี่ยม บ้านติดตามอาการผ่านทางออนไลน์ เช่น Line facebook (5) การสอบสวนผู้ป่วยเฉพาะราย: • มีการสอบสวนโรคที่ต้องเฝ้าระวังตามพรบ.โรคติดต่อ 2558 โดยใช้แบบสอบสวนเฉพาะรายตามรายโรค อย่างทันเวลาและ ครบถ้วน • มีการลงทะเบียนผู้ป่วยรายใหม่ ให้ความรู้ในการควบคุมป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและโรคไตเรื้อรัง ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และส่งรายชื่อให้รพ.สต.ลงทะเบียนผู้ป่วยและลงเยี่ยมบ้านในเขตพื้นที่รับผิดชอบ (6) การสืบค้นและควบคุมการระบาด: • เฝ้าระวังโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อและปัญหาสุขภาพอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อพบ case ที่สงสัยหรือมีการวินิจฉัย เข้าข่ายโรค ทางระบาดวิทยามีการประสานเจ้าหน้าที่ระบาดให้การบันทึกและจัดเก็บข้อมูลโดยใช้ HosXP มีการวิเคราะห์สถานการณ์โรค ค้นหาความผิดปกติหรือการระบาดของโรคโดยใช้วิธีการทางระบาดวิทยา มีการติดตามเฝ้าดูสถานการณ์และแนวโน้มของโรคที่ เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบันและคาดการณ์แนวโน้มการเกิดโรค เพื่อประโยชน์ในการวางแผนป้องกันควบคุมโรค II-8 ง. การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและเตือนภัย: (1) การจัดทำรายงานและเผยแพร่สถานการณ์โรคต่อสาธารณะ: การจัดทำรายงานสถานการณ์โรค 5 อันดับโรคแต่ละเดือน แจ้งในที่ประชุม SRRT ประชุม คปสอ. รวมทั้งมีการคืนข้อมูลให้ ชุมชนหรือแจ้งเตือนโรคและภัยสุขภาพแก่ชุมชน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบ • มีการจัดทำรายงานโรค และรวบรวมไว้ ที่ศูนย์ระบาดวิทยาอำเภอ ส่งข้อมูลไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เป็นประจำทุกเดือน ในกรณีเกิดโรคที่ต้องรายงานจะ ประสานไปยังสาธารณสุขอำเภอธาตุพนมให้แจ้งเตือนไปยัง รพ.สต. ในเครือข่าย เพื่อความร่วมมือในการเฝ้าระวังและป้องกัน การเกิดโรค มีการกระจาย ข้อมูลข่าวสารโดยการเผยแพร่ความรู้ สื่อ แผ่นพับ โปสเตอร์การดูแลสุขภาพตนเองเพื่อป้องกัน โรคติดต่อไปยังหน่วยงานทุกภาคส่วน และมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับโรค และการป้องกันโรคออกเสียงตามสาย หอกระจาย
66 ข่าว โดยผู้นำชุมชน และช่องทางออนไลน์ เช่น Line Facebook เพื่อเป็นประโยชน์แก่ชุมชน ในการป้องกันการเกิดโรค และมี ความรวดเร็วทันเวลาในการควบคุมการระบาดของโรค (2) การรายงานโรคตามกฎหมาย: • การรายงานโรคตาม พรบ.โรคติดต่อ 2558 ผ่านโปรแกรม R 506 ทุกวัน • การสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังและควบคุมโรคใน ชุมชนทุกตำบล และทุกภาคีเครือข่าย ทำให้เกิดการแจ้งข่าวที่รวดเร็วนำไปสู่การ ควบคุมโรคได้ทันเวลา iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ • รางวัลการบริการจัดการวัคซีนดีเด่น ระดับจังหวัด ปี 2564 • รางวัลชนะเลิศ ผลงานการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประเภทอำเภอที่มีผลงานด้านการให้บริการวัคซีนในกลุ่มอสม. มากที่สุด ประจำปี 2564 • ผ่านการ ประเมิน SRRT ระดับดี v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 61. การเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพ 3.5 L 2565 จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินระดับ อำเภอ EOCเพื่อรองรับการจัดการภาวะฉุกเฉิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ II-9 การทำงานกับชุมชน i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: ความครอบคลุม ผลกระทบ ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 ปี 2566 (มี.ค.) 1.อัตราตายอุบัติเหตุทางการจราจร ลดลง (ต่อ 100,000 ประชากร) 26.86 24.34 13.40 17.04 19.50 6.12 2.อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ ≤ 6.3 ต่อแสน ประชากร 6.05 9.78 19.48 9.74 13.41 6.13
67 ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 ปี 2566 (มี.ค.) 3.ร้อยละตำบลผ่านเกณฑ์ตำบลจัดการสุขภาพ 100 100 100 100 100 100 100 อัตราผู้ป่วยติดยาและสารเสพติด ไม่กลับไปเสพ ซ้ำในระยะเวลา 3 เดือน >50 65.62 55.56 46.67 60.00 44.44 20 ii บริบท ชุมชนที่รับผิดชอบ ความต้องการ ศักยภาพ กลุ่มเป้าหมายสำคัญ: : โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนมมีชุมชนที่รับผิดชอบ ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพประชากรในเขตอำเภอธาตุพนม ดังนี้ โรงพยาบาลมีหมู่บ้านรับผิดชอบในเขตพื้นที่ PCU ตำบลธาตุพนม จำนวน 4 หมู่บ้าน อยู่ในเขตเทศบาลธาตุพนมใต้ จำนวน 1,009 หลังคาเรือน ประชากรรวม 2,502 คน และคลินิกหมอครอบครัวเมืองธาตุพนมมีหมู่บ้านรับผิดชอบ 16 หมู่บ้าน อยู่ใน เขตเทศบาลตำบลธาตุพนม จำนวน 10 หมู่บ้าน ในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนมเหนือ จำนวน 4 หมู่บ้าน และอยู่ในเขตเทศบาล ตำบลธาตุพนมใต้ 2 หมู่บ้าน จำนวน 4,379 หลังคาเรือน ประชากรรวม 11,573 คน และมีรพ.สต.เครือข่าย จำนวน 14 รพ. สต. และ 2 NPCU จำนวนประชากรรวมทั้งอำเภอ 82,050 คน โดยทำงานในรูปของคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุข ระดับอำเภอในการติดต่อประสานงานและขับเคลื่อนงานร่วมกัน ซึ่งบริบทของพื้นที่มีความหลากหลาย ทั้งชุมชนเมือง ชุมชน กึ่งเมือง และชุมชนกึ่งชนบท ซึ่งโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและอุบัติเหตุ พบมากในชุมชนเมือง ส่วนใหญ่สาเหตุมาจากความเจริญ ทำ ให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนเปลี่ยนไป ความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้า มีร้านสะดวกซื้อหลายแห่งสามารถเข้าถึงได้ง่าย ค่านิยมในการบริโภคอาหาร Jung food และภาวะเร่งรีบในการทำงาน ความต้องการ: • การเข้าถึงบริการได้ง่าย ได้รับความ สะดวกรวดเร็วในการรับบริการ สถานที่ไม่แออัด สะอาด ปลอดภัยและได้มาตรฐาน ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน • มีทีม หมอครอบครัวที่ให้บริการดูแลต่อเนื่องที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ • ได้รับข้อมูลข่าวสารและช่องทางในการเข้าถึงสื่อความรู้เกี่ยวกับ โรคและภัยสุขภาพ และมีช่องทางการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลากหลายช่องทาง เช่น Line, Facebook, Messanger, เสียงตามสายผ่านหอกระจายข่าวชุมชน, วิทยุชุมชน ฯลฯ • ชุมชนได้รับทราบข้อมูลสถานะสุขภาพของคนใน ชุมชน • แกนนำสุขภาพครอบครัว (กสค.) และเครือข่ายจิตอาสาได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง • มีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อ ต่อการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น ลานออกกำลังกาย สวนสาธารณะ มีระบบในการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม ศักยภาพของทีม ชุมชน: • มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว จำนวน 1 ท่านและทีมหมอครอบครัวที่เข็มแข็ง • บุคลากรทีมชุมชนได้รับการอบรมเพิ่ม ศักยภาพและสมรรถนะอย่างต่อเนื่อง มี NCM. DM/HT จำนวน 3 คน และมี CM ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง ทุก รพ.สต. • มีนักระบาดวิทยาจบระดับปริญาเอก • บุคลากรทุกรพ.สต. มีพยาบาลวิชาชีพและได้รับการอบรมหลักสูตรพยาบาล เวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน • มีการอบรม Care giver ทุก 1 ปี ในการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง • มีผู้นำชุมชน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เข้มแข็ง มีชมรมอสม. อำเภอธาตุพนมที่มีศักยภาพและช่วยเหลือทางด้านกิจกรรมสาธารณสุข มี กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลและตำบลสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมสาธารณสุข และได้รับความร่วมมือ และการสนับสนุนจากองค์กรอื่นๆ เช่น อำเภอธาตุพนม สถานีตำรวจภูธร วัด โรงเรียน ตชด.235 นรข. นพค.22 รวมไปถึงมี การบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง • มีอสม.ดีเด่นระดับประเทศ สาขาโรคติดต่อ มีนวัตกรรมตะไคร้หอมไล่ยุง ปี 2561 • มีอสม.ดีเด่น สาขาส่งเสริมสุขภาพ ระดับเขต ปี 2562 • มีอสม.ดีเด่น สาขาภูมิปัญญาพื้นบ้านระดับเขต ปี 2563 • มี ชุมชนไร้พุง ได้รับรางวัลดีเยี่ยม ปี 2564 • มีองค์กรไร้พุง ได้รับรางวัลระดับดีมาก ปี 2564 • มีบุคลากร ได้รับรางวัล เป็น “ผู้ที่ มีผลการปฏิบัติงานสุขภาพภาคประชาชน ”ระดับดีเด่น ประจำปี 2564 • มีบุคลากรภาคประชาชน ได้รับรางวัล เป็น “ผู้ที่มี
68 ผลการปฏิบัติงานสุขภาพภาคประชาชน ”ระดับดีมาก ประจำปี 2564 • มีอาสาสมัครสาธารณสุขดีเด่น ระดับจังหวัดนครพนม ประจำปี 2564 สาขา “ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ” กลุ่มเป้าหมายสำคัญ: • กลุ่มผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) • ประชาชนกลุ่ม สุขภาพดี กลุ่มเสี่ยง กลุ่มป่วย iii กระบวนการ II-9.1 การจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับชุมชน: (1)(2) การกำหนดชุมชน ประเมินความต้องการและศักยภาพ วางแผน ออกแบบบริการสร้างเสริมสุขภาพสำหรับชุมชน: การจัดบริการสุขภาพในชุมชนและเครือข่ายหน่วยปฐมภูมิ • ในกลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง พื้นที่อำเภอธาตุพนม จะได้รับการดูแล ให้ความรู้ โดยจัดให้มีโรงเรียนรักษ์ไต สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ ในคลินิกรักษ์ไต รพร.ธาตุพนม สอนโดยสหสาขาวิชาชีพ และดู สถานที่ฟอกจริงที่ตึกไตเทียม เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลตัวเองและรักษาสุขภาพ มีการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยรายใหม่ไปที่ รพ.สต. เพื่อให้ความรู้ต่อเนื่องและลงเยี่ยมบ้านทุกราย ส่วนคนไข้ที่ฟอกไตทางหน้าท้อง จะมีการลงเตรียมพื้นที่โดยทีมหมอ ครอบครัวประเมินสถานที่ ความสะอาดและศักยภาพในการดูแลตัวเอง แนะนำวิธีการปฏิบัติตัว การจัดการขยะติดเชื้อใน ชุมชน ทุกรพ.สต.มีมุม CKD Corner เพื่อให้ความรู้ผู้ป่วย CKD ในเขตพื้นที่รับผิดชอบในรพ.สต.และมีนวัตกรรม “ตะกร้าสาม ใบ ชะลอไตเสื่อม” ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับดีเยี่ยม เขต 8 ปี 2562 และมีการเผยแพร่นวัตกรรมให้นำไปใช้ทุกรพ.สต. • มี หน่วย Stroke one stop (MSU-SOS) มีการส่งต่อผู้ป่วยหลอดเลือดสมองเฉียบพลันแบบครบวงจร • จัดโครงการตรวจคัด กรองสุขภาพพระภิกษุ สามเณร ประจำปี 2560 - 2564 ประกอบไปด้วยกิจกรรมตรวจคัดกรองสุขภาพ จัดอบรมให้ความรู้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม เน้น หลัก 3 อ 2 ส โครงการเยี่ยมเยียน ผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ให้ขวัญกำลังใจกัน วิถีไทยดุจ ญาติมิตร เชื่อมโยง วัดและชุมชน ในพื้นที่ตำบลธาตุพนม จัดเวทีประชาคมถอดบทเรียน 14 หมู่บ้าน และอบรมหลักสูตรพระคิ ลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.) • โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ได้ขยายหน่วยบริการ คลินิกหมอครอบครัวศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองธาตุพนมและขยายบริการคลินิกหมอครอบครัวนาถ่อน-ดงยอ ในปี 2561 และ ขยายบริการคลินิกหมอครอบครัวอุ่มเหม้า ในปี 2563 เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค รักษาพยาบาล ฟื้นฟูสภาพ ทั้งในสถานบริการและในชุมชน โดยมีการสื่อสารผ่านระบบมือถือ ไลน์ เฟสบุ๊ค เพื่อให้ประชาชน เข้าถึงบริการได้อย่างเต็มที่ มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวออกปฏิบัติงานในคลินิกบริการ การเรียกใช้บริการสายด่วนสุขภาพ 1669 เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน • มีหน่วยบริการปฐมภูมิเครือข่ายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ทั้งหมด 14 แห่งและ 1 PCU และ 2 NPCU • จัดให้มีทีมสหวิชาชีพ โดยมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว พยาบาลวิชาชีพ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด และ สหวิชาชีพอื่นๆของโรงพยาบาลออกให้บริการดูแลเยี่ยมบ้านผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วย Palliative ร่วมกับ พยาบาลทุกรพ.สต. คลินิกหมอครอบครัว 1 PCU และ 2 NPCU • มีการจัดบริการแบบเชิงรับ-เชิงรุก ทั้งด้านส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาและฟื้นฟูสภาพ ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มอายุ • พัฒนาระบบงานเยี่ยมบ้านและการดูแลต่อเนื่องตาม แนวทางเวชศาสตร์ครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โรคมะเร็ง และผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบองค์ รวม การจัดบริการสุขภาพแก่ชุมชนโดยร่วมมือกับองค์กรและผู้ให้บริการอื่นๆ • ในกลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่จำต้องฟอกไตทาง หน้าท้อง แต่ไม่มีความพร้อมด้านสถานที่ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น อปท. ผู้นำชุมชน อสม. พม. ช่วย สร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม สร้างห้องน้ำ ห้องพักให้เหมาะสำหรับการฟอกไต ถ้าไม่สามารถเข้าถึงบริการ อปท.จะจัดการ บริการรถรับส่งฟรี • กลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง จะได้รับการดูแลและเยี่ยมบ้านเพื่อดูความเป็นอยู่ใน ชุมชนและติดตามอาการจากทีมหมอครอบครัว ผู้นำชุมชนและภาคีเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอ • จากอุบัติการณ์พบว่าผู้ป่วยราย ใหม่ DM HTจากกลุ่มเสี่ยงเพิ่มขึ้น ในปี 2561 -2564 ทีมจึงทำโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงไม่เป็นโรครายใหม่ ทุก รพ.สต. โดยใช้งบส่งเสริมสุขภาพท้องถิ่นจากอบต. อปท.และในส่วนของรพ.ที่ตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มป่วยและ ตรวจเลือดประจำปี พบกลุ่มเสี่ยง DM HT จึงใช้หลักการ Empowerment การสอนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนพบแพทย์โดย
69 Case Manager เพื่อไม่ให้กลุ่มป่วยป่วยเป็นโรคเพิ่มขึ้น ผลการดำเนินงานพบว่าผู้ป่วยDM HTรายใหม่มีแนวโน้มลดลง • ปี 2562 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตอำเภอธาตุพนม (พชอ.ธาตุพนม) โดยมีนายอำเภอธาตุพนมเป็นประธาน และมีหน่วยงานราชการทุกหน่วยงาน ภาคีเครือข่ายและเอกชนร่วมกับชุมชน เป็นคณะกรรมการ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพใน พื้นที่ โดยมีการดำเนินงาน คือ - หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานกำหนดประเด็นปัญหาคุณภาพชีวิตแล้วนำมาวิเคราะห์ เรียงลำดับความสำคัญ - มีการประชุมร่วมกันทุก 3 เดือน - มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพระดับตำบล เพื่อนำมา ประเด็นปัญหาในดำเนินการแก้ไข นำเสนอประเด็นพชอ. คือ การจัดการมูลฝอยชุมชน การป้องกันและควบคุมอุบัติเหตุทาง ถนน และการส่งเสริมเกษตรปลอดภัยและได้มาตรฐาน • ในปี 2565 มีการนำเสนอประเด็นปัญหา 3 เรื่อง คือ การป้องกันและ ควบคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางการจราจร และการกำจัดขยะในชุมชน ซึ่งรพ.สต. ทุกแห่ง คลินิกหมอครอบครัวธาตุพนม และ PCU ธาตุพนม ได้นำประเด็นปัญหาจากคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตมา จัดทำโครงการแก้ไขปัญหา โดยจัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพในพื้นที่โดยให้ ชุมชนมี่ส่วนร่วมในการดำเนินงานและจัดบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน • งานอุบัติเหตุตั้งแต่ ปี 2561 - ปี 2563 โรงพยาบาลได้จัดอบรมนักเรียน นักศึกษา อฉช. ทุกพื้นที่ในเขตอำเภอ ธาตุพนม เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกัน อุบัติเหตุทางการจราจร กฎจราจร การแจ้งเหตุเมื่อผู้ประสบอุบัติเหตุ การรณรงค์สวมหมวกนิรภัยและคาดเข็มขัดนิรภัย, จัดทำ ป้ายรณรงค์ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจราจรและการตั้งจุดตรวจตามจุดเสี่ยงของภาคีเครือข่าย ตำรวจ ร่วมกับอปท., อสม., ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในช่วงเทศกาลต่างๆทุกพื้นที่ในเขตอำเภอธาตุพนม • ในส่วนของเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอบรม การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานและขึ้นสูงแก่เจ้าหน้าที่คปสอ.ทุกปี ทุกระดับ มีการซ้อมแผนรับอุบัติเหตุหมู่ การรณรงค์สวม หมวกนิรภัย คาดเข็มขัดนิรภัย • ในปี2562 ศูนย์ป้องกันความปลอดภัยด้านถนนระดับอำเภอได้ประชุมและมีมติให้ปิดจุดเสี่ยง สี่แยกข้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนมเพื่อรอเสนอให้ติดไฟแดง • โรคสำคัญที่พบว่าที่มีความเสี่ยงสูง มีค่าใช้จ่ายสูง มีปริมาณมาก ที่ใช้การดูแลที่มีความซับซ้อน คือ การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้มากขึ้น เข้าถึงยาที่ จำเป็น โดยเพราะกลุ่มยามอร์ฟิน จึงได้จัดอบรมกลุ่ม อสม.เครือข่ายจิตอาสาให้มีความรู้การดูแลเบื้องต้นในผู้ป่วยมะเร็ง ขยาย บริการดูแลผู้ป่วยแบบประคับครองนอกเหนือจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้ายของโรคต่างๆ • การป้องกันการฆ่า ตัวตาย ในปี 2564 มีการใช้โปรแกรม Mental Health Check In ของกรมสุขภาพจิต ค้นหาคัดกรองในรูปแบบเชิงรุก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทางสังคม เศรษฐกิจ และกลุ่มเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ซึ่งมีการกำกับติดตามกลุ่มเสี่ยงจากโปรแกรม R8-EOC ระบบการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 8 ร่วมกับระบบการดูแลติดตามเยี่ยมผู้เสี่ยงต่อการฆ่าตัว ตายในชุมชน (ระบบ Dashboard) • ในปี 2564 มีการจัดบริการแก่ผู้ป่วยจิตเวชฉุกเฉิน (Acute Care) โดยดำเนินงานตาม โครงการบริหารจัดการแบบบูรณาการ กรณีผู้มีอาการทางจิตก่อเหตุร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (โครงการนาคาพิทักษ์ รักษ์ประชา) • ผู้ป่วยติดยาและสารเสพติด จากการทบทวนพบว่า ปัญหายาเสพติดในชุมชนมีมากขึ้นและมีผู้ป่วยติดยาและสาร เสพติดรายใหม่เข้าสู่กระบวนการรักษามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดรักษาครบกระบวนการมีแนวโน้มลดลง จึง ได้พัฒนาโปรแกรมกระบวนการบำบัดรักษา บันได 16 ขั้นสู่ชีวิตใหม่ ประสานความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายในชุมชน เฝ้า ระวังดูแลอย่างต่อเนื่องในระยะ 1 ปี • ผู้ป่วยติดยาและสารเสพติด จะมีการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาและสาร เสพติดในด้านกาย จิต สังคม โดยเข้าร่วมโปรแกรม “บันได 16 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ”ขั้นแรกจะมีการคัดกรองผู้มีปัญหาในการใช้ยา และสารเสพติด ในระบบสมัครใจ และระบบบังคับบำบัด มีการประเมินสุขภาพจิต โดยนักจิตวิทยา ก่อนเข้ารับการบำบัด กรณีมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตจะต้องรักษาด้วยยา เพื่อให้มีสุขภาพจิตที่พร้อมที่จะรับการบำบัด ลดการทำร้ายร่างกาย และ ลดความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ประเมินร่างกายโดยแพทย์ พูดคุยปัญหาเรียนรู้และเข้าใจตัวเองพร้อมผู้ปกครองรับรู้ข้อมูลและ ประเมินบริการ มีการอบสมุนไพร ดื่มสมุนไพร เพื่อนำสารเสพติดออกจากร่างกาย ค้นหาสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เป้าหมายของ ชีวิตตัวเอง เข้าโรงเรียนชีวิตลิขิตฝัน เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพ และการติดตามเยี่ยมบ้านร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งใช้เวลาในการบำบัดทั้งหมด 16 ขั้น รวม 120 วัน • การเข้ารับการบำบัดของผู้ติดยาและสารเสพติด แบ่งได้ 2 แบบ คือ 1. แบบสมัครใจ โดยเข้ามารับบริการเอง มาจากสถานพินิจ และคำสั่ง 108/2557 ของ ศสช. 2. แบบบังคับบำบัด ที่ส่งตัวมาจาก
70 สำนักงานคุมประพฤติ ผู้ป่วยที่เข้ามารับการบำบัดในระบบ เมื่อบำบัดรักษาเสร็จสิ้นกระบวนการตามบันได 16 ขั้นแล้ว จะมี การคืนข้อมูลให้ชุมชน อปท. หน่วยงานปกครอง ตำรวจ ทหาร ผู้นำชุมชน อสม. รพ.สต. เพื่อติดตามช่วยเหลือ สอดส่อง เยี่ยม บ้านติดตามอาการเมื่อกลับไปอยู่ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง 1 ปี กรณีที่เป็นคดีพอครบกระบวนการบำบัดจะต้องติดตามเยี่ยมบ้าน อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี โดยศูนย์ยาเสพติดอำเภอจะเป็นผู้ติดตามร่วมกับภาคีเครือข่าย • ปี 2565 การบำบัดของผู้ติดยา และสารเสพติด มีกระบวนการใช้ชุมชนบำบัด (CBTx) ผู้เสพคือผู้ป่วย สอดคล้องตามพรบ.ยาเสพติด 2564 และมีการใช้อสม. บัดดี้ด้านยาเสพติด ในการติดตามและประเมินผลผู้ที่มีปัญหาการใช้ยาและสารเสพติดในชุมชน เริ่มในพื้นที่ตำบลนาถ่อน เป็น ตำบลนำร่องในภาคอีสานและตัวแทนจังหวัดนครพนม ที่มีการพัฒนาการศักยภาพอสม.บัดดี้ด้านยาเสพติด จำนวน 90 คน ใน 14 หมู่บ้าน (3) การร่วมมือกับภาคีที่เกี่ยวข้อง จัดบริการสุขภาพสำหรับชุมชน: การคัดกรองภาวะสุขภาพประชาชนในชุมชน เช่น การคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในกลุ่มวัยทำงาน การคัดกรองสุขภาพจิต บุหรี่ สุรา การคัดกรองวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง การคัดกรองพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี การคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (FIT Test) • การจัดหน่วยบริการแพทย์เคลื่อนที่ร่วมกับอำเภอ • ปี 2561 ตำบลนาถ่อนได้รับคัดเลือกเป็นพื้นที่ต้นแบบตำบล จัดการสุขภาพดีเด่นในระดับเขต 8 อุดรธานี เรื่องโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี • การจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการออก กำลังกายของประชาชน และได้รับการสนันสนุนงบประมาณในการจัดทำโครงการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจากอปท. อบต. อย่างต่อเนื่อง • การให้การสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมในกลุ่มเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ปี 2561 ผ่านมาตรฐานรพ.สต.ติดดาว ระดับ 5 ดาว จำนวน 5 แห่ง รวมทั้ง PCC ธาตุพนม ทำให้ รพ.สต.ทุกแห่งในเขตอำเภอธาตุพนมผ่านการรับรองมาตรฐานรพ.สต.ติดดาวระดับ 5 ดาว ร้อยละ 100 • มีการนำ ระบบ Dashboard มาใช้ติดตามผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงฆ่าตัวตายในชุมชน ทำให้สามารถเฝ้าระ• การคัดกรองภาวะสุขภาพประชาชนใน ชุมชน เช่น การคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในกลุ่มวัยทำงาน การคัดกรองสุขภาพจิต บุหรี่ สุรา การคัดกรองวัณโรคในกลุ่ม เสี่ยง การคัดกรองพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี การคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (FIT Test) • การจัดหน่วยบริการแพทย์ เคลื่อนที่ร่วมกับอำเภอ • ปี 2561 ตำบลนาถ่อนได้รับคัดเลือกเป็นพื้นที่ต้นแบบตำบลจัดการสุขภาพดีเด่นในระดับเขต 8 อุดรธานี เรื่องโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี • การจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการออกกำลังกายของประชาชน และได้รับ การสนันสนุนงบประมาณในการจัดทำโครงการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจากอปท. อบต.อย่างต่อเนื่อง • การให้การสงเคราะห์ ผู้ประสบปัญหาทางสังคมในกลุ่มเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (4) การประเมินและปรับปรุง: • ปี 2561 ผ่านมาตรฐานรพ.สต.ติดดาว ระดับ 5 ดาว จำนวน 5 แห่ง รวมทั้ง PCC ธาตุพนม ทำให้รพ.สต.ทุกแห่งในเขต อำเภอธาตุพนมผ่านการรับรองมาตรฐานรพ.สต.ติดดาวระดับ 5 ดาว ร้อยละ 100 • มีการนำ ระบบ Dashboard มาใช้ติดตาม ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงฆ่าตัวตายในชุมชน ทำให้สามารถเฝ้าระวังและติดตามผู้ป่วยได้รวดเร็วขึ้น ส่งผลให้อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ ลดลง II-9.2 การเสริมพลังชุมชน: (1) ภาพรวมของการทำงานร่วมกับชุมชน การส่งเสริมการมีส่วนร่วม การสร้างเครือข่าย: ารแต่งตั้งคณะกรรมการพชอ.ระดับอำเภอและระดับตำบล, คณะกรรมการพัฒนาระบบหน่วยบริการปฐมภูมิ, ทีมหมอ ครอบครัวทุกตำบล, ชมรมจิตอาสาดูแลผู้ป่วยในชุมชน • มีการสร้างความตระหนักถึงปัญหาการฆ่าตัวตายในชุมชน ทั้งผู้นำ ชุมชน อสม. อบต/อปท. รพ.สต. และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โดยมีการติดตามเยี่ยมผู้ป่วยที่พยายามฆ่าตัวตายร่วมกับชุมชน อสม. ผู้นำหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่รพ.สต. • มีการประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายสุขภาพ ได้แก่ ผู้นำชุมชน อสม. นสค. อปท. อฉช. มีการประชุมร่วมกัน ในการหาแนวทางร่วมกันในการจัดบริการสุขภาพในทุกด้าน และร่วมกันกำหนดแนว ทางแก้ไขปัญหาในชุมชน รวมถึงการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงร่วมกัน • มีการประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ ผู้นำ ชุมชน อสม. รพ.สต. อปท. ทหาร ตำรวจ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอำเภอ รวมถึง สอดส่องดูแล ค้นหา เฝ้าระวังและ
71 ติดตามเยี่ยมบ้านผู้ติดยาและสารเสพติดอย่างต่อเนื่อง • การอบรม Care giver และการอบรมกสค. เพื่อให้มีศักยภาพสามารถ ดูแลตัวเอง/คนในครอบครัวและผู้ป่วยได้ • การออกเยี่ยมเสริมพลังจากทีมหมอครอบครัว ให้กำลังใจผู้ป่วยและผู้ดูแลสุขภาพ ในชุมชน (2) การส่งเสริมความสามารถของกลุ่มต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาที่สำคัญของชุมชน: มีโครงการจัดอบรมให้ความรู้และสร้างเครือข่ายสุขภาพจิตในชุมชน เพื่อสามารถคัดกรองความเสี่ยงฆ่าตัวตาย สัญญาณเตือน การฆ่าตัวตาย และประสานงานส่งต่อผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายจากชุมชนถึงโรงพยาบาล • ส่งเสริมกลุ่มออกกำลัง กาย มีชมรมปั่นจักรยาน ชมรมแอโรบิก ชมรมผู้สูงอายุไทเก๊ก กลุ่มรำกลองยาว กลุ่มฟ้อนรำพื้นบ้านของกลุ่มแม่บ้าน ให้มีการ จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคนในชุมชนเป็นกลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่เกิด จากพฤติกรรมสุขภาพ การไม่ออกกำลังกายหรือออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอไม่ต่อเนื่อง • จัดอบรมให้ความรู้สร้างเครือข่าย สุขภาพจิตในชุมชน เพื่อที่จะสามารถคัดกรองและประสานงานส่งต่อผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายจากชุมชนมาจนถึง โรงพยาบาลได้ • ประชาสัมพันธ์ร่วมกับภาคีเครือข่ายชุมชน เพื่อให้ประชาชนในเขตอำเภอรับรู้สัญญาณเตือนลักษณะความ เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย • อบรมกลุ่มอสม. เครือข่ายจิตอาสาให้มีความรู้เบื้องต้นในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง • การดูแลส่งเสริม สุขภาพพระสงฆ์ • อบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.) (3) การส่งเสริมพฤติกรรมและทักษะสุขภาพส่วนบุคคล: การจัดอบรมให้ความรู้สุขภาพจิตในชุมชนเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงสุขภาพจิต โรคซึมเศร้าที่เป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตาย • เยี่ยมบ้านผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ให้สุขศึกษาและสอนทักษะการดูแลสุขภาพรายบุคคล • การจัดกิจกรรม จี้จุดเพื่อจุดเปลี่ยนในบันได ชีวิตขั้นที่ 9 กิจกรรมเอายาออกจากกาย เพื่อขับชะล้างยาและสารเสพติดออกจากร่างกายในบันไดชีวิตขั้นที่ 5,6,7,8 ซึ่งอยู่ใน กระบวนการของบันได 16 ขั้นสู่ชีวิตใหม่ในการบำบัดรักษาของผู้ป่วยติดยาและสารเสพติด (4) การส่งเสริมสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและทางสังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี การชี้แนะและสนับสนุนนโยบายสาธารณะ: การจัดสถานที่และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการออกกำลังกายในชุมชน • ส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมทำให้สภาพแวดล้อมน่าอยู่ โดยดำเนินการตามคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต คือ หมู่บ้านรักษาศีล 5 งานศพปลอดเหล้า • การจัดโครงการรณรงค์โรค หลอดเลือดสมองโลก มีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลตามหอกระจายข่าวหมู่บ้าน และสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Line Facebook ฯลฯ • การจัดโครงการปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ ปี 2561 • การจัดโครงการเดินวิ่งเฉลิมพระเกียรติฮาล์ฟมาราธอนครั้งที่ 1 ปี 2561 • มีหน่วยบริการวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล • มีหน่วยบริการอโรคยา ดูแลสุขภาพพระสงฆ์โดยฉพาะ • หมู่บ้านใน เขตรับผิดชอบของ PCU ธาตุพนมทุกหมู่บ้าน ผ่านการประเมินรับรอง ชุมชน/หมู่บ้านไร้พุง ระดับดีเยี่ยม ประจำปีงบประมาณ 2564 iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ผ่านการประเมินรับรองคลินิกไร้พุงคุณภาพ DPAC Quality ระดับดีมาก ประจำปี งบประมาณ 2564 • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกุดฉิม ผ่านการประเมินรับรองคลินิกไร้พุงคุณภาพ DPAC Quality ระดับดีเยี่ยม ประจำปีงบประมาณ 2564 • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทรายมูล ผ่านการประเมินรับรองคลินิกไร้พุง คุณภาพ DPAC Quality ระดับดีเยี่ยม ประจำปีงบประมาณ 2564 • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอุ่มเหม้า ผ่านการ ประเมินรับรองชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีนต้นแบบ ระดับเขตสุขภาพที่ 8 ประจำปีงบประมาณ 2564 • เกิดนวัตกรรมตะกร้าสาม ใบชะลอไตเสื่อม ในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง ใช้ในชุมชน ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับดีเยี่ยม ของเขตสุขภาพที่ 8 ปี 2562 • การส่งเคสและการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายร่วมกับชุมชน อสม. ผู้นำหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่รพ.สต. ตามระบบ Dashboard ปีงบประมาณ 2564 และ 2565 ได้ร้อยละ 98.39 และ 93.33 • ได้รับรางวัลอสม.ดีเด่น สาขาควบคุม โรค ระดับประเทศ ในปี 2561 • ผ่านเกณฑ์ รพ.สต.ติดดาว ร้อยละ 100 ในปี 2561 • ปี 2561 ตำบลนาถ่อนได้รับคัดเลือก
72 เป็นพื้นที่ต้นแบบตำบลจัดการสุขภาพดีเด่นในระดับเขต 8 อุดรธานี เรื่องโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี • มีมุม CKD corner ในทุกรพ.สต. v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 62. การทำงานกับชุมชน 3.5 L ปรับปรุงการจัดบริการคลินิกหมอครอบครัวนา ถ่อนดงยอ ให้มีบริการอย่างเต็มรูปแบบอย่าง ต่อเนื่อง - ขยายบริการคลินิกหมอ ครอบครัวอุ่มเหม้า - พัฒนาศักยภาพทีมภาคี เครือข่าย พัฒนาระบบการบำบัดรักษาผู้ป่วยติด ยาและสารเสพติดโดยชุมชนเป็นหลักและ พัฒนาการศักยภาพอสม.บัดดี้ด้านยาเสพติด เพิ่มทีมเครือข่ายในชุมชนในการดูแลผู้ป่วยที่มี ภาวะพึ่งพิงจัดให้มี care giver ดูแลผู้ป่วยให้ ครอบคลุมทุกคน - การป้องกันและแก้ไขปัญหา ข้าราชการตำรวจกระทำอัตวินิบาตกรรม (ฆ่าตัว ตาย) ดำเนินงานตามโครงการของสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ
1 ตอนที่ III กระบวนการดูแลผู้ป่วย หมายเหตุ ตัวสีแดง คือมีการแก้ไขตัวเลขตัวชี้วัด 12/มิ.ย./2566 III-1 การเข้าถึงและเข้ารับบริการ i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: การเข้าถึง ความครอบคลุม ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) อัตราการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยSTEMIภายใน 150นาที นับแต่มีอาการ 100 78.57 61.00 64.28 50 66.66 42.86 อัตราผู้ป่วย ACS มีระยะ Door to EKG time ภายใน10 นาที 100 73.33 88.88 69.23 93.75 70.37 78.57 อัตรผูป่วยstroke มาถึงโรงพยาบาลภายใน 3ชม. ตั้งแต่เริ่มมีอาการ 50 43.47 32.38 32.91 39.76 42.36 50 อัตราการตอบสนองรถ EMS ถึงที่เกิดเหตุภายใน 10 นาทีในระยะ 10 กม. 80 100 100 100 100 100 100 อัตราผู้ป่วย Sepsis เข้าสู่ระบบ Fast track 50 82.7 92.6 100 100 100 100 หญิงตั้งครรภ์ได้รับการประเมิน Risk for GDM 100 100 100 100 100 100 100 หญิงตั้งครรภ์ได้รับการประเมิน Risk for PPH 100 100 100 100 100 100 100 ii บริบท กลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเข้าถึง: 1. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคไตเสื่อม(CKD stage III-V) 2. ผู้ป่วยโรควิกฤติ ฉุกเฉินทางด้านหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วย Sepsis Neonatal sepsis และ PPH ที่จำเป็นต้อง ได้รับการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างรวดเร็ว ทันเวลา 3. ผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤติที่ต้องการเตียง ICU 4. กลุ่มผู้ป่วยที่รับส่งต่อจาก โรงพยาบาลลูกข่าย iii กระบวนการ ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการเข้าถึงและเข้ารับบริการ
2 ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการเข้าถึงและเข้ารับบริการ กลุ่มผู้ป่วยโรค เรื้อรัง (NCD: CKD, DM, HT) -ผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆมีการเพิ่มวันบริการโดยความดัน โลหิตสูงมีคลินิกวันอังคารกับวันพุธ และคลินิกเบาหวานเปิดเป็น 2 วันทำการวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ มี case manager DM และ HT ให้การดูแลผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ มีแพทย์ทั่วไปร่วมกับแพทย์อายุรกรรม ดูแล มีการส่งต่อผู้ป่วยที่ควบคุมได้ดีไปรับยาต่อที่ รพ.สต ภายใต้การดูแลของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ส่งผลให้ระยะเวลารอคอยในคลินิกเบาหวาน และ ความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มลดลง มีการคัดกรอง CKD Staging และมีแนวทางการรักษาในแต่ละ Stage (ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานใน clinical tracer highlight CKD) กลุ่มผู้ป่วย STEMI ผู้ป่วยโรควิกฤติฉุกเฉินทางด้านโรคหัวใจได้รับการวินิจฉัยและรักษาให้รวดเร็ว พัฒนาระบบปรึกษาทาง Line ในกลุ่ม STEMI Fast track กับเครือข่ายโรงพยาบาลสกลนครในปี 2560 พัฒนาระบบการส่งต่อเพื่อ ทำการรักษาโดยการสวนหัวใจ (PCI center) และการให้ยาละลายลิ่มเลือด ได้รวดเร็วแทนส่งผู้ป่วยไปยัง โรงพยาบาลอุดรธานีซึ่งมีระยะเวลาเดินทางลดลงจาก 4 ชั่วโมงเหลือ 1.5 ชั่วโมงและมีการสร้างระบบการ ส่งต่อใหม่ตลอดจนการวางแผนประสานงานและจัดอัตรากำลังในการส่งต่อผู้ป่วยให้รวดเร็วปลอดภัยโดยที่ กลุ่มการพยาบาลได้จัดให้มีเวรส่งต่อผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมงและมีการสับเปลี่ยนพยาบาลในเวรไปส่งผู้ป่วย แทนพยาบาลที่ยังไม่มาถึงเพื่อให้การส่งต่ออย่างรวดเร็ว door to refer < 30 นาทีและพัฒนาศักยภาพ พยาบาลในหอผู้ป่วยในในการให้ยา thrombolytic ได้ในรายที่ทางแพทย์เฉพาะทางหัวใจพิจารณาในการ ให้ thrombolytic (SK) < 30 นาที กลุ่มผู้ป่วย Stroke ในปี 2563 โรงพยาบาลได้พัฒนาศักยภาพเป็น Node ในการให้ยา rtpa รับ refer ผู้ป่วย stroke Fast track จากโรงพยาบาลลูกข่ายโซนใต้และใช้ระบบการรักษาแบบ drip and ship หลังผู้ป่วยได้รับยา rtpa ส่งตัวเพื่อรับการรักษาต่อยัง Stroke Unit โรงพยาบาลแม่ข่ายนครพนม ในปี 2565 โรงพยาบาลได้รับการ สนับสนุน รถ Stroke Mobile unit (MSU)จากศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริ ราชพยาบาลเพื่อออกให้บริการรักษาผู้ป่วย Stroke แบบครบวงจรในเขตโรงพยาบาลชุมชนลูกข่าย ซึ่ง ส่งผลให้อัตราการเข้าถึง Stroke fast track และอัตราการให้ยาละลายลิ่มเลือด SK เพิ่มมากขึ้น กลุ่มผู้ป่วย Sepsis โรงพยาบาลได้มีการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วย sepsis ตั้งแต่ระบการคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ป่วยโดยใช้ qSOFA ในการคัดกรองใน ER เพื่อให้สามารถประเมินและคัดแยกผู้ป่วยให้เข้ารับการรักษาที่รวดเร็วและ ใช้ SOS Score ในการเฝ้าระวังติดตามอาการผู้ป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงจะเกิดภาวะ sepsis ในผู้ป่วยในซึ่งทำ ให้ผู้ป่วยได้รับการักษาด้วยระบบ Fast trac มีการเจาะเลือด ให้สารน้ำและยาปฏิชีวนะใน 1ชั่วโมงตาม guidelines ที่วางไว้ ในปี 2565 ได้มีการตั้งหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤตเพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วย severe sepsis และSeptic Shock ได้อย่างใกล้ชิดส่งผลให้อัตราการเกิดภาวะseptic shockและอัตราการเสียชีวิตของ ผู้ป่วย sepsis ในโรงพยาบาลลดลง Neanatal sepsis ใช้แบบประเมินความเสี่ยงต่อภาวะ Neonatal sepsis
3 ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการเข้าถึงและเข้ารับบริการ PPH โรงพยาบาลได้พัฒนาระบบการดูแลหญิงตั้งครรภ์กลุ่มความเสี่ยงสูงให้ได้รับการประเมินความเสียงเพื่อให้ สามารถเข้ารับบริการอย่างรวดเร็วเมื่อมีอาการผิดปกติ โดยมีearly warning signs และเบอร์สายด่วน Hotline ติดไว้ที่สมุดฝากครรภ์ เพื่อขอค าปรึกษาตลอด 24 ชม. และพัฒนาเครือข่าย รพสต.และ รพช. ให้ค้นหาหญิงตั้งครรภ์ที่เสี่ยงและส่งต่อมารับการดูแลรักษาได้อย่างรวดเร็ว -ระบบ consult สูติแพทย์ได้ ตลอด 24 ชม (1) การตอบสนองปัญหาและความต้องการบริการสุขภาพของชุมชน: • ผู้ป่วยฉุกเฉินเข้าถึงบริการโดยผ่านเครือข่าย EMS เช่น ผู้ป่วย Srtoke, STEMI • ผู้ป่วยCKD DM HT ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังสำคัญ ในชุมชน ที่มาใช้บริการลดระยะเวลารอคอย และปรับระบบบริการผู้ป่วยคลินิกพิเศษเฉพาะโรคตามความเชี่ยวชาญของแพทย์ เฉพาะทาง • เพิ่มศักยภาพในการเป็น Nodeรับส่งต่อผู้ป่วย 4 สาขาตาม Service plan (2) การประสานงานกับหน่วยงานที่ส่งผู้ป่วยมา: • ในปี 2562 Node ของการรับส่งต่อในกลุ่มสูตินรีเวช เด็ก อายุรกรรม ศัลยกรรมกระดูก ปรับปรุงflow ของการบริการใน รพ. ทั้งใน รพ. และ รพ.ลูกข่าย indication เวลา และเพิ่มช่องทางการประสานงานโดยมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการรับส่ง ต่อผู้ป่วย ในปี 2565 พัฒนาเป็น Node รับส่งต่อผู้ป่วยศัลยกรรมเพิ่ม • พัฒนาเกณฑ์การส่งต่อผู้ป่วยจาก รพ.สต. (3) การคัดแยก (triage) การดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินหรือเร่งด่วนอย่างเหมาะสม*: • จากอุบัติการณ์ผู้ป่วยฉุกเฉินในกลุ่มโรคหัวใจได้รับการตรวจวินิจฉัยล่าช้าเนื่องจากมีปริมาณผู้ป่วยที่ไม่ฉุกเฉินมาใช้บริการใน ห้องฉุกเฉินจำนวนมาก(กลุ่มทำแผลและฉีดยา) ส่งผลให้การคัดกรองและดูแลผู้ป่วยล่าช้า จึงได้พัฒนาจุดคัดกรองหน้าห้อง ER และจัดแยกพื้นที่บริการสำหรับผู้ป่วยทำแผลและฉีดยา เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับบริการรวดเร็ว ทันเวลา • ปี 2561 มีการจัด จุดคัดกรองเพื่อแยกประเภทผู้ป่วยที่ OPD ER โดยใช้เกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยตามความรุนแรง 5 ระดับ (MOPH Triage) และ กำหนดข้อตกลงเพิ่มเติมร่วมกัน (4) การดูแลเบื้องต้นและส่งต่อ สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถให้การรักษาได้: • ผู้ป่วย STEMI ที่มาด้วยอาการเจ็บแน่นหน้าอกและมีคลื่นหัวใจเข้าได้จะถูกส่งปรึกษาทาง Line ในกลุ่ม cardio สกลนครซึ่ง ในปัจจุบันมีแพทย์เฉพาะทางผู้ป่วยโรคหัวใจ 3 ท่านผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อตัดสินใจเรื่องการเปิดหลอด เลือดด้วยยาคือ SK หรือทำ primary PCI โดยโรงพยาบาลมีศักยภาพในการให้ SK และ monitor ตลอดการให้ยาและส่ง ต่อไปทำ facililated PCI ต่อไป (ปัจจุบันได้ส่งต่อ PCI ที่สกลนครแทนอุดรธานีและศูนย์หัวใจขอนแก่น) primary PCI มี เป้าหมายในการส่งต่อภายในเวลา 30 นาที (ห่างจาก primary PCI center 1.5 ชั่วโมง) • ในปี 2565 ได้พัฒนาแนวทางการส่ง ต่อผู้ป่วย Stroke ร่วมกับอายุรแพทย์ระบบประสาทโรงพยาบาลแม่ข่ายเพื่อเข้ารับการรักษาด้วยวิธี mechanical thrombectomy ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ซึ่งทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็วและเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น (5) การรับผู้ป่วยเข้าในหน่วยบริการวิกฤติหรือหน่วยบริการพิเศษ: • มีหอผู้ป่วยวิกฤต(ICU) เดิมเน้นรับผู้ป่วยวิกฤต ฉุกเฉินด้านอายุรกรรม และในปี 2561 เพิ่มเกณฑ์การรับผู้ป่วยวิกฤตด้านสูติ กรรม กุมารเวชกรรม แต่รับได้ 4 เตียง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องขาดอัตรากำลัง และในปี 2562 รับได้ 6 เตียง ในปี 2565 ได้มี การเพิ่มศักยภาพและเพิ่มอัตรากำลังทำให้สามารถเปิดบริการได้ครบ 8 เตียง • เปิดบริการ sick newborn unit ในปี 2561 เพื่อพัฒนาการดูแลทารกแรกเกิดที่มีภาวะแทรกซ้อน • เปิดบริการหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤต(Semi-ICU)ในปี 2565 เพื่อรองรับผู้ป่วย ความเสี่ยงสูงที่จำเป็นต้องได้รับการเฝ้าระวังติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ลดอุบัติการณ์ผู้ป่วยอาการทรุดลงในหอผู้ป่วยสามัญลง
4 (6,7) การให้ข้อมูลและการขอ informed consent: • มีการให้ข้อมูล inform consent ในการให้ยาละลายลิ่มเลือดในกลุ่มผู้ป่วย Stroke จาก รพช.ลูกข่ายเพื่อลดระยะเวลาใน การเข้าถึง rTPAได้เร็วขึ้น • มีการให้ข้อมูล inform consent ในการส่งต่อผู้ป่วยไปทำ PCI ที่สกลนครรวมทั้งตรวจเลือด พื้นฐานและ serology โดยไม่ต้องตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลสกลนครและทำ OPD card ไว้รอส่งผลให้ผู้ป่วยโรคหัวใจไม่ผ่านห้อง ฉกเฉินส่งไปยังห้อง Cath Lab ทำการสวนหัวใจได้ทันทีลดระยะเวลารอคอยที่จำเป็น • เพิ่มการให้ข้อมูลสิทธิการรักษาและ ค่าใช้จ่ายใน inform consent ก่อนรับไว้รักษาและก่อนทำหัตถการ (8) การบ่งชี้ผู้ป่วยอย่างถูกต้อง: รพ.มีการกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัย เกี่ยวกับการระบุตัวผู้ป่วยให้ถูกต่้องก่อนรักษาทุกครั้ง 1. การบ่งชี้ผู้ป่วยใช้ป้าย ข้อมือสีขาวที่ปริ้นมาจาก HosXP โดยระบุ3 ตังบ่งชี้ คือ HN AN ชื่อนามกุล และอายุ จากวันเดือนปีเกิด 2.ใช้ฉลากในภาชนะ ต่างๆที่เป็นของผู้ป่วย เช่น ยา สิ่งส่งตรวจ iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ • การพัฒนาเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจในกลุ่ม STEMI แบบไร้รอยต่อเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ลดขบวนการที่ซ้ำซ้อน • การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วย Stroke เพิ่มการเข้าถึงระบบ Fast track และเพิ่มการได้รับยา rtpa มากขึ้น • มีระบบบริการ node ทางด้านสูติ-นารีเวชและศัลยกรรมกระดูก 2559 • มีระบบริการ node กุมารเวชกรรมเต็ม รูปแบบ 2561 v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 63. การเข้าถึงบริการที่จำเป็น และบริการเร่งด่วน 4 L 1. เพิ่มการเข้าถึงบริการในกลุ่มผู้ป่วยโรคความเสี่ยงสูงด้วย ระบบ Fast track โดยผ่านระบบ EMS 2. เพิ่มการเข้าถึง ระบบ Stroke fast track มากขึ้นด้วยรถ MSU 3. เพิ่มการ คัดกรองและการดูแลหญิงตั้งครรภ์โดยแพทย์เฉพาะทาง 64. กระบวนการรับผู้ป่วย การ ให้ข้อมูล และ informed consent 3 L 1. พัฒนาระบบการให้ข้อมูลภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉินในกลุ่ม โรคเรื้อรัง 2. ร่วมกับ รพช.ลูกข่ายในการให้ข้อมูลผู้ป่วย ก่อนเข้ารับการรักษา 3. พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินไห้ ได้มาตรฐาน และออกรับได้รวดเร็ว III-2 การประเมินผู้ป่วย i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: ถูกต้อง เหมาะสม รวดเร็ว ปลอดภัย ประสิทธิภาพ
5 ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) Door to needle ≤ 30 นาที ในผู้ป่วย STEMI › 50 % 63.63 50 66.70 50 66.66 ไม่มี ให้SK Onset to refer PCI ≤ 30 นาที ในผู้ป่วย STEMI › 10 % 66.66 42.85 15.38 0 15.16 0 อัตราผู้ป่วย Sepsis ได้รับยาปฏิชีวนะภายใน 1 ชั่วโมง 100 61.44 81.48 99.64 100 100 100 อัตราการเกิด Severe sepsis/Septic Shock <10% 11.18 12.76 5.31 7.90 6.50 9.26 ร้อยละผู้ป่วย Stroke Fast Track ได้รับยา rtpa ≤ 60 นาที › 50 % NA NA 28.57 20.86 31.29 97.78 อัตราการเสียชีวิตของผุ้ป่วย Neonatal sepsis 0 3.3 0 0 0 5.5 0 อัตราการตกเลือดหลังคลอดปกติ <5% 0 1.06 1.6 0.5 0.68 1.09 อัตราการตกเลือดหลังผ่าตัดคลอด <6% NA NA 4.93 9.98 9.10 3.25 ii บริบท กลุ่มผู้ป่วยที่มีโอกาสเกิดปัญหาในการประเมิน: : Septic shock , STEMI, Stroke, Neonatal sepsis, PPH iii กระบวนการ ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการประเมินผู้ป่วยและการวินิจฉัยโรค STEMI ในกลุ่มผู้ป่วย Chest pain ทางโรงพยาบาลได้ใช้แบบประเมิน Chest pain check list และการทำ early EKG ในผู้ป่วย chest pain ,palpitation ,syncope ทุกรายนอกจากนี้มีการทบทวน miss daley diagnosis ในผู้ปวยSTEMI พบว่าผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงเช่นเบาหวานบางรายอาจจะมีการ atypical angina ทำ delay การวินิจฉัยออกไป โดยพยาบาลฉุกเฉินและพยาบาล OPD ที่พบผู้ป่วยสามารถทำ EKGและปรึกษา แพทย์ได้ทันที นอกจากนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินมีการจัดอบรมการอ่าน EKG ให้แพทย์ใช้ทุน แพทย์ทั่วไป และพยาบาลในโรงพยาบาลตลอดจนมีระบบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางอายุรกรรมในโรงพยาบาล และแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจทางระบบ line เครือข่ายโรคหัวใจสกลนครเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและวาง แผนการรักษาร่วมกัน(ดูรายละเอียดใน clinical tracer highlight)
6 ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการประเมินผู้ป่วยและการวินิจฉัยโรค STEMI Sepsis โรงพยาบาลได้ดำเนินการ sepsis fast tract ตามนโยบายเขตสุขภาพ 8 ตั้งแต่ปี 2558 ต่อมาในปี 2561 โรงพยาบาลได้พัฒนาแบบประเมินผู้ป่วยกลุ่มโรค sepsis ขึ้นเองตลอดจนแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้อง และเป็นแนวทางเดียวกัน ที่ห้องฉุกฉินและ OPD ประเมินโดยใช้ qSOFAและSOS score ผู้ป่วยจะถูกส่งมา รักษาดูแลต่อโดยกระบวนการดูแลตาม CPG และแนวทางการพยาบาลผู้ป่วย sepsisในผู้ป่วยในจะมีการ ประเมิน SOS score ทุกรายเมื่อ SOS score > 4 ก็จะรายงานแพทย์ต่อไป ในปี 2565 เปิดหอผู้ป่วยกึ่ง วิกฤตในการดูแลผู้ป่วยกลุ่ม severe sepsis และ septic shock Stroke ในปี 2565 ในปี 2565 โรงพยาบาลได้รับการสนับสนุน รถ Stroke Mobile unit (MSU)จากศูนย์โรคหลอด เลือดสมองศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเพื่อออกให้บริการรักษาผู้ป่วย Stroke แบบครบวงจร ในเขตโรงพยาบาลชุมชนลูกข่ายสามารถรับคำปรึกษาและการตรวจร่างกายผู้ป่วยเพิ่มเติมจากอายุรแพทย์ ระบบประสาทโดยผ่านระบบ VDO conference PPH -การค้นหาเชิงรุกในหญิงตั้งครรภ์มารับบริการฝาก ครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์ -การคัดกรองความเสี่ยงตามแบบ ประเมินประเมิน ความเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์ (เกณฑ์ 19 ข้อ) -มีระบบการฝากครรภ์สี่ยงสูงและเกณฑ์การส่งต่อ ใน เครือข่ายทุกระดับ -ประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อ PPH ตามเกณฑ์ -มีแนวทางการดูแลและประเมินผู้ป่วยเพื่อ ป้องกัน PPH โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงเช่น เจาะ Hct. แรกรับ ทุกราย เตรียมเลือดไว้ก่อนคลอดในรายเสี่ยงสูง ให้ สารน้ำทุกรายที่เข้า active phase และประเมิน ความก้าวหน้าของการคลอดตาม partograph เป็น ต้น III-2 ก. การประเมินผู้ป่วย: (1) การประเมินที่ครอบคลุมรอบด้าน การเชื่อมโยงและประสานการประเมิน การระบุปัญหาเร่งด่วน: • มีการระบุผู้ป่วยกลุ่มอาการ/โรคที่มีความเสี่ยงสูงในห้องฉุกเฉินและมีการจัดทำ แนวทางในการวินิจฉัยในกลุ่มอาการ/ อาการ ที่มีความเสี่ยงสูงร่วมกัน • PCT MED ปี 2558 เป็นต้นมาพัฒนาระบบการคัดกรองและประเมินอาการผู้ป่วยโรคที่มีความเสี่ยง สูง ได้แก่ Stroke, STEMI สามารถวินิจฉัยรวดเร็ว ให้การดูแลทันเวลา ปี 2562 มีการปรับปรุงการประเมินและวินิจฉัยผู้ป่วย Sepsis โดยคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ป่วยที่สงสัยหรือมีภาวะ Sepsis โดยการใช้ค่า qSOFA score ? 2 คะแนน ใน OPD และ ER ใช้ qSOFA score เพิ่มการตรวจ Blood lactate level ในปี 2565 ในปี 2565 โรงพยาบาลได้รับการสนับสนุน รถ Stroke Mobile unit (MSU) • PCT สูติ ปี 2562 พัฒนาการประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อ PPH ตามเกณฑ์ โดยเพิ่ม active management of 3rd stage ประเมินการสูญเสียเลือดระหว่างคลอดให้รวดเร็ว • มีระบบการปรึกษาระหว่างแพทย์เฉพาะทางแต่ละสาขา เช่น ผู้ป่วย elective major surgery ที่มี multiple comorbidity จะได้รับการประเมินร่วมกันกับอายุรแพทย์และ มีการร่วม ตัดสินใจในการตรวจวินิจฉัย เพิ่มเติมระหว่างแพทย์เจ้าของไข้ (2) ความสมบูรณ์ของการประเมินแรกรับ (ประวัติ ตรวจร่างกาย การรับรู้ความต้องการของตน ความชอบส่วนบุคคล จิตใจ สังคม เศรษฐกิจ: • มีระบบการปรึกษาระหว่างแพทย์เฉพาะทางแต่ละสาขา เช่น ผู้ป่วย elective major surgery ที่มี multiple comorbidity จะได้รับการประเมินร่วมกันกับอายุรแพทย์และ มีการร่วมตัดสินใจในการตรวจวินิจฉัย เพิ่มเติมระหว่างแพทย์เจ้าของไข้ (3) ผู้ประเมิน วิธีการประเมิน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากร การใช้ข้อมูลวิชาการเพื่อชี้นำการประเมิน (ยกตัวอย่างโรคที่ใช้ CPG ใน การประเมินและประโยชน์ที่เกิดขึ้น):
7 • Stroke จะมีการประเมิน NIHSS ทุกราย รวมถึงประวัติonset ของการเกิด และ contraindication ของการให้ยา, • ใน หญิงวัยเจริญพันธ์ที่มาด้วยอาการปวดท้อง จะมีแนวทางการซักประวัติตรวจร่างกายที่ต้องนึกถึง Ectopic pregnancy (4)(5) การประเมินในเวลาที่เหมาะสม การบันทึกในเวชระเบียน การใช้ประโยชน์จากบันทึก การประเมินซ้ำ: • ผู้ป่วย sepsis พยาบาลที่ OPD/ER ใช้แบบฟอร์มการคัดกรอง qSOFA score เพื่อประเมินผู้ป่วย sepsis ได้อย่างถูกต้อง และประสานแพทย์ยืนยันการวินิจฉัย เพื่อให้การรักษาตาม CPG อย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง และนำบทเรียนนี้ขยายผลใน การปรับปรุง CPG การดูแลผู้ป่วย PPH และ Neonatal sepsis (6) การอธิบายผลการประเมินให้แก่ผู้ป่วยและครอบครัว: • แพทย์เป็นผู้อธิบายผลการประเมิน การวินิจฉัยและแนวทางการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมตัดสินใจในการ เลือกวิธีการรักษา ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์ทางการแพทย์ และมีการบันทึกในเวชระเบียนชัดเจน III-2 ข. การส่งตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรค: (1)(2) ผู้ป่วยได้รับการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรคที่จำเป็น ในเวลาที่เหมาะสม ผลการตรวจมีความน่าเชื่อถือ: • มีการกำหนดการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ/Xray ที่จำเป็นในผู้ป่วยกลุ่มอาการ/อาการแสดงที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมกำหนด ระยะเวลาในการส่งตรวจและระยะเวลาในการรายงานผลตรวจ เช่น LAB fast track ต้องรายงานผลไม่เกิน 45 นาที (3) การสื่อสาร การบันทึก การสืบค้น ผลการตรวจ: • มีการสื่อสารกันระหว่างทีมสหวิชาชีพและห้องปฏิบัติการอย่างมีประสิทธภิาพ ดังนี้ 1) กำหนดเวลาในกลุ่ม LAB fast track และ กรณีที่ตรวจพบผิดปกติ Lab วิกฤต 2) โทรศัพท์รายงานผลทันที 3) บันทึกผลการตรวจใน HosXP (4) การอธิบายผลการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรคแก่ผู้ป่วย: • มีการอธิบายผลการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรคแก่ผู้ป่วย มีการพิจาณาการส่งตรวจเพิ่มเติมเมื่อพบว่าผลการตรวจมีความ ผิดปกติพร้อมแจ้งให้ผู้ป่วยและญาติรับทราบทุกครั้ง III-2 ค. การวินิจฉัยโรค: (1)(2) การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง การมีข้อมูลเพียงพอสนับสนุน การบันทึกในเวลาที่กำหนด การบันทึกการเปลี่ยนแปลงการ วินิจฉัยโรค: • เสริมพลังให้บุคลากรในหอ้งฉุกเฉินมีส่วนร่วมในการปรับปรุงการวินิจฉัยโรค เช่น การติดตามการทุเลาของอาการ หรืออาการ ใหม่ที่เกิดขึ้น การติดตามให้มั่นใจว่ามีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การอำนวยความสะดวกในการ สื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับ แพทย์ พร้อมลงบันทึกการเปลี่ยนแปลงในเวชระเบียนทุกครั้ง (progress note ใน OPD card และในแบบบันทึกทางการ พยาบาลของ ER) • มีระบบ consult specialist เพื่อช่วยในการ investigate เพิ่มเติมและการวนิจฉัยโรคที่ถูกต้อง (3) การทบทวนความเหมาะสมและความสอดคล้องของการวินิจฉัยโรค: • กำหนดให้มีการทบทวนการวินิจฉัย การประเมินสัญญาณชีพ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการก่อนจำหน่ายจากห้อง ฉุกเฉิน ทุกราย • มีการทำ internal audit เวชระเบียนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในโดยที่มี Auditor ของโรงพยาบาลเพื่อความสมบรูณ์ และ ถูกต้องของเวชระเบียน พร้อมคืนข้อมลูให้ก่หน่วยงานเพื่อพัฒนาต่อเนื่อง (4) การกำหนดเรื่องการลดข้อผิดพลาดในการวินิจฉัยโรคเป็นเป้าหมายความปลอดภัยผู้ป่วย*: การกำหนด Patient Safety Goals เป็นนโยบายโรงพยาบาล (2P safety) การกำหนดเรื่องการลดข้อผิดพลาดในการ วินิจฉัยโรค • ปี 2562 มีการทบทวนอุบัติการณ์การวินิจฉัยโรคผิดพลาดในผู้ป่วย STEMI มีแนวทางประเมินอาการผู้ป่วยซ้ำ เพื่อ Early detection อาการเปลี่ยนแปลงขณะนำส่งและ/หรือรอตรวจ iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ
8 • มีแนวทางการวินิจฉัยอาการ/อาการแสดง/โรคที่ม่ีความเสี่ยงสูงในห้องฉุกเฉิน • มีระบบการปรึกษา Specialist ทุกสาขา • มี แนวทางการวินิจฉัยอาการ/อาการแสดง/โรคที่ม่ีความเสี่ยงสูงในห้องฉุกเฉิน • มีระบบการปรึกษา Specialist ทุกสาขา แนว ทางการวินิจฉัยอาการ/อาการแสดง/โรคที่ม่ีความเสี่ยงสูงในห้องฉุกเฉิน • มีระบบการปรึกษา Specialist ทุกสาขา v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 65. การประเมินผู้ป่วยและการส่งตรวจเพื่อ การวินิจฉัยโรค 4 L พัฒนาระบบกรประเมินผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยงสูง 66. การวินิจฉัยโรค 4 L จัดทำแนวทางการวินิจฉัยโรคที่มีความเสี่ยงสูง III-3 การวางแผน i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: ความเหมาะสม ปลอดภัย ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ องค์รวม ต่อเนื่อง ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) อัตราการ Re-admit Pneumonia ในเด็ก <2% 3.07 8.41 1.47 4.41 8.33 9.4 อัตรา Re-admit Asthma ในเด็ก 0% 0.07 0 0.93 17.39 4.76 4.71 อัตราการเกิดภาวะหายใจล้มเหลวใน Pneumonia 0% 0 0.27(1) 0 0 0 0
9 ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) อัตราการเกิดภาวะหายใจล้มเหลวของผู้ป่วย Asthma 0% 0.01 0 0 0 0 0 จำนวนผู้ป่วยต่อแสนประชากร ของผู้ป่วย ไข้เลือดออก <50 15.80 305.27 137.51 125.30 112.89 28.95 ร้อยละการเกิดภาวะแทรกซ้อน Volume overload, shockของผู้ป่วยไข้เลือดออก 0 0 0 0 0 0 0 อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้เลือดออก 0 0 0 0 0 0 0 ii บริบท ตัวอย่างโรคที่คุณภาพการวางแผนดูแลมีความสำคัญ: DM HT Asthma Sepsis Neonatal sepsis กลุ่มผู้คลอด กลุ่มหลังผ่าตัด Preterm labour GDM PIH ตัวอย่างโรคที่คุณภาพการวางแผนจำหน่ายมีความสำคัญ: Stroke CKD ข้ออักเสบ (Arthritis) / กระดูกหัก (Fracture) iii กระบวนการ III-3.1 การวางแผนการดูแลผู้ป่วย: ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการวางแผนการดูแลผู้ป่วย DM HT การดูแลของสหวิชงาชีพใน กลุ่มโรคเรื้อรัง กำหนดให้วางแผนร่วมกันระหว่างการรักษา ตั้งแต่ดูแล เอง การใช้ยาที่ถูกต้อง การควบคุมอาหาร Asthma /Pneumonia /Neonatal sepsis Dengue และ Covid19 sepsis ในผู้ป่วยในซึ่งทำให้ผู้ป่วยได้รับการักษาด้วยระบบ Fast trac มีการเจาะเลือด ให้สารน้ำ และยาปฏิชีวนะใน 1ชั่วโมงตาม guidelines ที่วางไว้ ในปี 2565 ได้มีการตั้งหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤต เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วย severe sepsis และSeptic Shock ได้อย่างใกล้ชิดส่งผลให้อัตราการ เกิดภาวะseptic shockและอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย sepsis ในโรงพยาบาลลดลง ข้ออักเสบ (Arthritis) / กระดูกหัก (Fracture) การสื่อสารระหว่างศัลยแพทย์กระดูกและข้อไปยังแพทยืสาขาอื่น และพยาบาล 3ในกรณีที่มีโรค ร่วม และตำแหน่งที่ถูกต้องในการทำหัตถการ และติดตามระหว่างรักษา กลุ่มมารดาหลังคลอด และผ่าตัดคลอด การเฝ้าระวัง PPH ตั้งแต่วางแผนคลอด จาก High rike ANC เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงในทุกระยะ ของการคลอด birth asphyxia -คัดกรองและดูแลรักษากลุ่มเสี่ยง preterm labour -คัดกรองภาวะเสี่ยงต่อ birth asphyxia และ
10 ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการวางแผนการดูแลผู้ป่วย เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในระยะคลอด -ทำ admission test ทุกรายเมื่อแรกรับที่ห้องคลอดเพื่อ ประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ -ในกลุ่มเสี่ยง(Thick macronium,Preterm,Fetal distress,ครรภ์ แฝด ตามแพทย์รับเด็กร่วมด้วย พร้อมทั้งมีการ consult กุมารแพทย์ (1) การเชื่อมโยงและประสานแผนการดูแลผู้ป่วย: -ในการดูผู้ป่วยโควิด มีการประสานแนว CPG ที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วระหว่างสถาณการณ์ เพื่อสื่อสารไปถึงผู้ดูแลทั้งระบบ ตั้ง ตังแต่ในชุมชน ของ ทีม สสอ. รพ.สต. อสม. การแยกประเภทคัดกรองความรุนแรง การเข้าถึงการวินิจฉัยที่รวดเร็ว การ เข้าถึงยา Anti viral -ผู้ป่วยทาง อายุรกรรม มี group line การดูแล ในการดูแลผู้ป่วย STEMI ,Sepsis, Stroke ในการสื่อสาร แผนในการดูแลผู้ป่วยร่วมกันทั้งโรงพยาบาล (2) แผนตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการอย่างครบถ้วน: แต่ละทีม PCT มีการวิเคราะห์โรคที่เป็นปัญหา และได้กำหนดให้มีแพทย์ที่รับผิดชอบในการดูแลโรคนั้นๆมีการดำเนินงาน พัฒนาในโรคนั้นๆ กำหนด CPG ในการดูแลโรคนั้นๆ และมีพยาบาล case manager ในการรับผิดชอบโรคร่วมกับแพทย์ (3) การใช้ข้อมูลวิชาการเพื่อชี้นำการวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสม (ตัวอย่างโรคที่ใช้ CPG ในการประเมินและประโยชน์ที่ เกิดขึ้น): Covid-19 ใช้ CPG ที่ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ในการวางแผนการรักษา โดยใช้คณะทำงานที่รับนโยบายที่ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสื่อสารไปยังระดับปฏิบัติหน้า และความเชื่อมั่นของประชาชน ในพิ้นที่ (4) การให้ผู้ป่วย/ครอบครัวมีส่วนร่วมในการวางแผน: แพทย์และพยาบาลอธิบายให้ผู้ป่วยและครอบครัวทราบข้อมูลของโรค การดำเนินของโรคแผนการรักษาและมีส่วนร่วมในการ ตัดสินใจเลือกวิธีการรักษา กรณีผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงและจำเป็นต้องรับการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดแพทย์เจ้าของไข้จะเป็นผู้ ประเมินร่วมกับวิชาชีพอื่นที่จำเป็น เช่น ส่งปรึกษาอายุรแพทย์ในรายที่มีโรคประจำตัว ปรึกษาวิสัญญีแพทย์เมื่อมีความเสี่ยงใน การดมยาสลบ พยาบาลห้องผ่าตัด/วิสัญญีพยาบาล มีการเยี่ยม/ประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัด เพื่อวางแผนร่วมกับ พยาบาลหอผู้ป่วยในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ โรงพยาบาลได้จัดตั้งโรงเรียนพ่อแม่ ในการร่วมกันดูแลมารดาขณะตั้งครรภ์ ผู้มาผ่าตัด คลอด จะได้รับ การปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัด ขั้นตอนการผ่าตัดและการใช้ยาระงับความรู้สึก ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ จากการผ่าตัดและการได้รับยาระงับความรู้สึก การปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัด ขั้นตอนการผ่าตัดและการใช้ยาระงับ ความรู้สึก ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้จากการผ่าตัดและการได้รับยาระงับความรู้สึก (5) แผนการดูแลผู้ป่วยระบุเป้าหมายที่ต้องการบรรลุ และบริการที่จะให้: การนำเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น กลุ่มไลน์ มาช่วยให้บุคลากรได้สื่อสารกันอย่างรวดเร็ว โดยมีแพทย์เฉพาะทางให้ความเห็น ทางการรักษา (6) การสื่อสาร ประสานงาน เพื่อนำแผนไปปฏิบัติ เข้าใจบทบาทของผู้เกี่ยวข้อง: -ทีม PCT มีการสื่อสาร ในการใช้ CPG ผ่านการประชุม และแจ้งเวียนเอกสารให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง -กำหนดกลุ่มโรคที่ต้อง ดูแลต่อเนื่องและส่งข้อมูลไป รพช./ รพสต. ที่รับผิดชอบ ภายหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาล โดยประสานงานในเครือข่ายและ ส่อต่อข้อมูลทางระบบ LTC (7) การทบทวนและปรับแผนตามสภาวะหรืออาการของผู้ป่วย: - ผู้ป่วยหลังผ่าตัดจะได้รับการประเมินความเจ็บปวดเป็นสัญญาณชีพที่ 5 (Fifth vital sign) จะได้รับการดูแลเพื่อบรรเทา ความเจ็บปวด ทั้งการใช้ยาร่วมกับไม่ใช้ยา
11 III-3.2 การวางแผนจำหน่าย: ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการวางแผนจำหน่าย DM HT การดูแลต่อเนื่อง หลังจากออก รพ. ด้วย Asthma /Pneumonia /Neonatal sepsis Dengue และ Covid19 มีการวางแผนจำหน่ายโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ กำหนดกลุ่มโรคที่ต้องวางแผนจำหน่ายโดย PCT โดยจะประเมินและวางแผนจำหน่ายตั้งแต่แรกรับ มีการประเมินซ้ำขณะ admit และก่อนกลับบ้าน โดยเน้นปัญหาเฉพาะราย ทำให้แก้ปัญหาได้ตรงประเด็น CKD ,uทางการดูแลผู้ป่วยตั้งแต่คัดกรองป้องกันการเกิด CKD โดยการคัดกรองและให้คำปรึกษาเพื่อ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการชะลอไตเสื่อมใน NCD clinic และมีโปรแกรมในการดูแลผู้ป่วย CKD โดยให้การดูแลใน CKD clinic และมีการจัดโปรแกรม การให้ความรู้เรื่อง โรค เรื่องยา เรื่องอาหาร เรื่องการออกกำลังกาย และการเข้าสู่ mode RRT ของผู้ป่วย CKD ในปี 2565ได้เชื่อมโยงการดูแล ผู้ป่วย ESRD ที่ no RRTไปสู่งาน Palliative care ของโรงพยาบาล ผู้ป่วยผ่าตัดใส่โลหะดาม กระดูก(ORIF) ประสานงานระหว่างแพทย์ พยาบาลกับงานกายภาพในการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนจำหน่าย - มีการให้ความรู้แก่ครอบครัวในการเตรียมความพร้อมและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมที่บ้านที่เหมาะสม - ติดตามผลการรักษาเมื่อผู้ป่วยมาตรวจตามนัดหรือกำหนดแผนการเยี่ยมบ้านที่เหมาะสม Inguinal Hernia การผ่าตัดผู้ป่วยผ่านกล้องLaparoscopic ในกลุ่มผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดี และไส้ติ่งอักเสบ (1) การกำหนดแนวทาง ข้อบ่งชี้ และโรคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญสำหรับการวางแผนจำหน่าย (โรคที่วางแผนจำหน่าย ล่วงหน้า หรือใช้ CareMap เพื่อการวางแผนจำหน่าย): NCD clinic และมีโปรแกรมในการดูแลผู้ป่วย CKD โดยให้การดูแลใน CKD clinic และมีการจัดโปรแกรม การให้ความรู้เรื่อง โรค เรื่องยา เรื่องอาหาร เรื่องการออกกำลังกาย และการเข้าสู่ mode RRT ของผู้ป่วย CKD ในปี 2565ได้เชื่อมโยงการดูแล ผู้ป่วย ESRD ที่ no RRTไปสู่งาน Palliative care ของโรงพยาบาล (2) การพิจารณาความจำเป็นในการวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยแต่ละราย: -ในกรณีที่มีปัญหาของการไม่เชื่อมโยงของข้อมูลได้มีการนำปัญหาเข้าที่ประชุมในส่วนที่เกี่ยวข้อง สามารถลดปัญหาลงได้ เช่น กลุ่มงานสูติกรรม ได้มีการปัญหานี้มาหาโอกาสพัฒนา มีการวางแนวทางปฏิบัติร่วมกันในทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น แนวทางการ ดูแลผู้ป่วย Pre-elcamsia , Ectopic pregnancy ,และ PPH เผยแพร่ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึงและครอบคลุม โดยเริ่มตั้งแต่แรกรับจนกระทั่งจำหน่ายผู้ป่วย -ผู้ป่วยหลังผ่าตัดจะได้รับการประเมินความเจ็บปวดเป็นสัญญาณชีพที่ 5 (Fifth vital sign) จะได้รับการดูแลเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ทั้งการใช้ยาร่วมกับไม่ใช้ยา เช่น การฝึกหายใจ นวดบำบัด (3) การมีส่วนร่วมในการวางแผนจำหน่าย (แพทย์ พยาบาล วิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ผู้ป่วย ครอบครัว): มีการวางแผนจำหน่ายโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ กำหนดกลุ่มโรคที่ต้องวางแผนจำหน่ายโดย PCT โดยจะประเมินและวางแผน จำหน่ายตั้งแต่แรกรับ มีการประเมินซ้ำขณะ admit และก่อนกลับบ้านโดยเน้นปัญหาเฉพาะราย ทำให้แก้ปัญหาได้ตรง ประเด็น เช่น PIH, GDM, Preterm, PPH เป็นต้น (4) การประเมินปัญหาของผู้ป่วยที่จะเกิดขึ้นหลังจำหน่าย เพื่อประโยชน์ในการวางแผนจำหน่าย:
12 เฝ้าระวังความเสี่ยงในทุกระยะของการคลอด กรณีมี CPR แม่ มีระบบ ward buddy เมื่อเกิดเหตุในเวลาการและการตามทีม CPR ตามระบบเมื่อเกิดเหตุนอกเวลาราชการ พัฒนา CPG ในการดูแลรักษาเฉพาะโรค เช่น PIH, GDM, Preterm, PPH เป็น ต้น (5) การเตรียมผู้ป่วยและครอบครัวให้มีศักยภาพและความมั่นใจในการดูแลตนเองหลังจำหน่าย เชื่อมโยงกับแผนการดูแล ระหว่างอยู่ใน รพ.: ผู้ป่วย C/S จะได้รับคำอธิบายทั้งจากแพทย์เจ้าของไข้ พยาบาลห้องคลอด พยาบาลห้องผ่าตัด วิสัญญีพยาบาล เกี่ยวกับ แผนการรักษา การปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัด ขั้นตอนการผ่าตัดและการใช้ยาระงับความรู้สึก ภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ จากการผ่าตัดและการได้รับยาระงับความรู้สึก เป็นต้น การให้ข้อมูลและเสริมพลังแก่มารดาหลังคลอดและครอบครัว จัด กิจกรรม เสริมทักษะการดูแลตนเองและทารกแรกเกิด ตลอดจนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ให้สามารถดูแลสุขภาพตนเองและบุตร ป้องกันภาวะแทรกซ้อน iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ 1. ปี 2565 เพิ่มศักยภาพ Node นครพนมโซนใต้ และรพสต. ในการดูแลหญิงตั้งครรภ์เสี่ยง การคัดกรองหญิงตั้งครรภ์เสี่ยง ครรภ์เป็นพิษ คลอดก่อนกำหนด ลูกตายในครรภ์ Heart 2. ปี 2565 พัฒนาสมรรถนะบุคลากร รพร. ในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ เสี่ยงสูงที่มีโรคร่วม เบาหวาน ไทรอยด์ โรคหัวใจ ซิฟิลิส และในกลุ่มใช้สารเสพติดประเภทยาบ้า 3. ปี 2565 เพิ่มบริการเจาะ น้ำคร่ำในหญิงตั้งครรภ์กลุ่มเสี่ยง เพื่อคัดกรองกลุ่ม Down syndrome และโลหิตจางชนิดรุนแรงในทารก และในปี 2566 ขยายบริการให้ครอบคลุม รพ.ใน node นครพนมโซนใต้ v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 67. การวางแผนการดูแลผู้ป่วย 4 L 1.โครงการคัดกรองสารเสพติดประเภทยาบ้าใน หญิงตั้งครรภ์ เพื่อให้มารดาที่มีภาวะติดสารเสพ ติดได้เข้ารับการบำบัดรักษาและ ฟิ้นฟู สมรรถภาพ 2.ปิด stroke corner ในหอผู้ป่วย กึ่งวิกฤตเพื่อให้การดูแลผู้ป่วย Acute Stroke แบบครบวงจรและพัฒนาการดูแลฟื้นฟสภาพ ผู้ป่วย Stroke แบบต่อเนื่องโดยระบบ IMC 3. พัฒนาการผ่าตัด One Day Surgery : โรค Inguinal Hernia เพื่อลด length of stay, ลด ค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย 68. การวางแผนจำหน่าย 4 L เชื่อมโยงการดูแลผู้ป่วย ESRD ที่ no RRTไปสู่ งาน Palliative care ของโรงพยาบาล
13 III-4 การดูแลผู้ป่วย i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: ถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย ทันเวลา ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ คนเป็นศูนย์กลาง ต่อเนื่อง ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) อัตราการเกิด severe sepsis และ septic shock ในโรงพยาบาล <10% 16.18 12.76 5.31 7.90 6.50 9.26 อัตราตายของผู้ป่วย Sepsis <30% 20.34 9.62 7.41 12.68 8.54 14.19 อัตราตายของผู้ป่วย STEMI ในโรงพยาบาล <10% 0 16.6 0 6.25 3.70 0 อัตราตายของผู้ป่วย Stroke <7% 0 1.92 2.27 0.58 1.23 1.53 ผู้ป่วย CKD มีอัตราการลดลงของ eGFR <4mlmin/1.73m2/yr >68% 76.84 63.52 64.79 59.97 62.19 57.17 อัตราความสำเร็จของการรักษา TB ≥85% 78.58 82.50 81.01 89.39 82.17 71.43 อัตรามารดาตกเลือดหลังคลอดจากการคลอด ทางช่องคลอด ‹ 5 % 0 1.06 1.6 0.5 0.83 1.09 อัตรามารดาตกเลือดหลังคลอดจากการคลอด C/S ‹ 5 % 3.98 9.12 9.80 8.19 9.77 3.25 อัตราการเกิด Birth Asphyxia ‹ 25:1000 การเกิดมี ชีพ 4.46 3.70 3.22 9.30 4.93 7.68 อัตราการเกิด Compartment Syndrome ใน กลุ่มผู้ป่วยใส่เฝือก 0 0.2 0 0 0 0 0 อัตราการหักซ้ำของผู้ป่วยผ่าตัดใส่โลหะดาม กระดูก ‹ 2 % 0 2.2 0 0.8 0 0 อัตราการเกิดภาวะหายใจล้มเหลวใน Pneumonia เด็ก 0 0 0.27 0 0 0 0 ร้อยละการเกิดภาวะหายใจล้มเหลวของผู้ป่วย Asthma เด็ก 0 0 0 0 0 0 0 อัตราการเสียชีวิตของ Neonatal sepsis 0 3.3 (1) 0 0 0 5.5(1) 0
14 ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) อัตราการเสียชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 0 ์NA NA 0 0.31(3) 0.15(11) 0 จำนวนผู้ป่วยโควิด ที่รับการรักษาในโรงพยาบาล (Cohort ward) 0 NA NA 0 2,033 2,191 340 ii บริบท กลุ่มผู้ป่วย (ตามบริบทโรงพยาบาล/หน่วยงาน): ทีมนำทางคลินิก แบ่งเป็น 5 PCT มีแพทย์เฉพาะทางครบ 5 สาขาหลัก ปัจจุบันมีอายุรแพทย์ 1 คน สูตินารีแพทย์ 2 คน กุมาร แพทย์ 2 คน ศัลยแพทย์ออโธปิดิกซ์ 2 คน ศัลยแพทย์ทั่วไป ๑ คน แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว 1 คน แพทย์ทั่วไป 9 คน และ ให้บริการเป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อในจังหวัดนครพนม โซนใต้ (Node) ด้วยศักยภาพดังนี้ บริการอุบัติเหตุฉุกเฉิน พร้อม เครือข่ายกู้ชีพ (EMS) ของทีมจิตอาสาทุก อปท. ตลอด24 ชั่วโมง และบริการกลุ่มผู้ป่วย Stroke ด้วยรถโมบายสโตรกยูนิต (Mobile Stroke Unit; MSU) การบริการผู้ป่วยนอกในเวลาราชการ 08.00 – 16.00 น. ด้วยอาคารบริการ 2 แห่ง (OPD1 และOPD2) แยกเป็นบริการตรวจรักษาโรคทั่วไป และคลินิกเฉพาะทางอายุรกรรม คลินิกเฉพาะทางศัลยกรรมกระดูกและข้อ คลินิกเฉพาะทางสูตินรีเวชกรรม และคลินิกเฉพาะทางเด็ก บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม บริการแพทย์แผนไทยและ ฝังเข็มแบบจีน บริการจุดตรวจโรคโควิด-19 (Rapid test) บริการคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI) บริการผู้ป่วยใน หอ ผู้ป่วยวิกฤต (ICU) หอดูแลผู้ป่วยเด็กวิกฤต(NICU) หอดูแลเด็กป่วย (Sick Newborn) ห้องคลอด(LR) และหอดูแลผู้ป่วยหลัง คลอด หอดูแลผู้ป่วยในชาย หอดูแลผู้ป่วยในหญิง และหอดูแลผู้ป่วยในพิเศษ ศักยภาพห้องผ่าตัด(OR) มาตรฐาน 2 ห้อง พร้อมห้องพักสังเกตอาการหลังผ่าตัด (recovery room) หน่วยดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แบ่งเป็นหอดูแลผู้ป่วย(Cohort ward) จำนวน 1 หอผู้ป่วย มีห้อง Negative pressure จำนวน 3 ห้อง ห้องแยกโรค(Isolation room ) จำนวน 8 ห้อง iii กระบวนการ III-4.1 การดูแลทั่วไป: ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการดูแลทั่วไป Sepsis ใช้ SOS Score ในการเฝ้าระวังติดตามอาการผู้ป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงจะเกิดภาวะ sepsis ในผู้ป่วยในซึ่งทำ ให้ผู้ป่วยได้รับการักษาด้วยระบบ Fast trac มีการเจาะเลือด ให้สารน้ำและยาปฏิชีวนะใน 1ชั่วโมงตาม guidelines STEMI ผู้ป่วยโรควิกฤติฉุกเฉินทางด้านโรคหัวใจได้รับการวินิจฉัยและรักษาให้รวดเร็ว พัฒนาระบบปรึกษาทาง Line ในกลุ่ม STEMI Fast track กับเครือข่ายโรงพยาบาลสกลนครในปี 2560 พัฒนาระบบการส่งต่อ เพื่อทำการรักษาโดยการสวนหัวใจ (PCI center) และการให้ยาละลายลิ่มเลือด ได้รวดเร็วแทนส่งผู้ป่วย ไปยังโรงพยาบาลอุดรธานี
15 ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการดูแลทั่วไป Stroke 1.ใช้ระบบการรักษาแบบ drip and ship หลังผู้ป่วยได้รับยา rtpa ส่งตัวเพื่อรับการรักษาต่อยัง Stroke Unit โรงพยาบาลแม่ข่ายนครพนม 2.รถ Stroke Mobile unit (MSU)จากศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริ ราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเพื่อออกให้บริการรักษาผู้ป่วย Stroke แบบครบวงจรในเขต โรงพยาบาลชุมชนลูกข่าย CKD พัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยตั้งแต่คัดกรองป้องกันการเกิด CKD โดยการคัดกรองและให้คำปรึกษาเพื่อ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการชะลอไตเสื่อมใน NCD clinic และมีโปรแกรมในการดูแลผู้ป่วย CKD โดย ให้การดูแลใน CKD clinic และมีการจัดโปรแกรม การให้ความรู้เรื่อง โรค เรื่องยา เรื่องอาหาร เรื่องการ ออกกำลังกาย และการเข้าสู่ mode RRT ของผู้ป่วย CKD TB 1.กระบวนการดูแลผู้ป่วยวัณโรคที่เริ่มตั้งแต่คัดกรองเพื่อค้นหาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง 2.มีคลินิควัณโรค ทุกวัน พุธ ให้การดูแลผู้ป่วยตามแนวทางที่โรงพยาบาลกำหนดไว้ รวมถึงการติดตามและให้คำแนะนำในการใช้ ยา Acute Appendicitis -ปรับปรุง CPG Appendicitis โดยใช้ Alvarado Score Necrotizing Fasciitis (NF) ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Sepsis ด้วยปฏิบัติตาม Sepsis Protocol และใช้หลัก Aseptic technic ในการทำ Debridement โรคข้อเข่าเสื่อม ให้การรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น เพิ่มจากการรักษาด้วยยา กายภาพบำบัด และการผ่าตัด PPH ประเมินและให้การรักษาเบื้องต้นที่ ใช้ถุงตวงเลือดประเมินการเสียเลือดป้องกัน PPH On monitor เมื่อ เข้าสู่ Active phase PIH ให้การดูแลร่วมกับสหสาขาวิชาชีพ ด้วยกระบวนการ ANC คุณภาพ คัดกรองครรภ์เสี่ยง พบสูติแพทย์ วางแผนการคลอด Birth asphyxia เตรียมทีมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในระยะคลอด ?ทำ admission test ทุกรายเมื่อแรกรับที่ห้องคลอดเพื่อ ประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ในกลุ่มเสี่ยง(Thick macronium,Preterm,Fetal distress,ครรภ์แฝด ตาม แพทย์รับเด็กร่วมด้วย Covid-19 ใช้แนวทางการรักษา และให้ยาตามการประกาศของ ศคบ. โดยมีทีม IC และทีม กกบ.ติดตามข้อมูลอย่าง ใกล้ชิดรายวัน เพื่อบริหารเตียงให้เพียงพอ (1) การมอบความรับผิดชอบให้ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม การดูแลตามหลักปฏิบัติซึ่งเป็นที่ยอมรับ: -แต่ละPCT จะมีการวางแนวทางการดูแลผู้ป่วย เพื่อให้ทีมได้ปฏิบัติตามแนวทางและเป็นมาตรฐานเดียวกัน มีการฝึกฝนทักษะ ในแต่ละทีมต่างกันไป ตามประเภทของผู้ป่วย โดยแพทย์ และหัวหน้างานจะเป็นพี่เลี้ยงในการฝึกฝน -แพทย์เฉพาะทาง หมุนเวียนอยู่เวรตลอด 24 ชั่วโมง -ทักษะการดูแลผู้ป่วยเฉพาะทางโดยเฉพาะในกลุ่มโรคที่มีความเสี่ยงสูงจะมีระบบพยาบาลพี่
16 เลี้ยงเป็นผู้ให้การดูแลช่วยเหลือและมีการ On the job training -แพทย์จะไปตรวจเยี่ยมที่หอผู้ป่วยที่ขอรับการปรึกษาและให้ การดูแลรักษาตามความจำเป็นเร่งด่วน ในผู้ป่วยที่อาจเกิดภาวะฉุกเฉินจะให้นอนอยู่หอผู้ป่วยสามัญและใกล้ Nurse station (2) การจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการดูแลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย คำนึงถึงศักดิ์ศรี เป็นส่วนตัว สะดวกสบาย ป้องกันอันตราย/ สิ่งรบกวน: -โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 (Node Covid-19) ในเขตโซนใต้ จังหวัด นครพนม โดยเปิดโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง ที่สนามกีฬาอำเภอเรณูนคร 100 เตียง และรับ ดูแลผู้ป่วยหนักทั้งหมด สถิติจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 สะสม ตั้งแต่ 1 เมษายน – 30 กันยายน พ.ศ.2564 รวม 527 ราย เสียชีวิต รวม 3 ราย (ร้อยละ 0.51) -สิ่งแวดล้อมในหอผู้ป่วยมีการจัดให้มีความเป็นส่วนตัว โดยมีม่านกันทุกเตียง เน้นในเรื่องความ สะอาดของสิ่งแวดล้อม (3) การจัดการกับภาวะแทรกซ้อน ภาวะวิกฤติ หรือภาวะฉุกเฉิน: โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เปิดหน่วยให้บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 (Rapid test) จุดตรวจโรคทางเดินหายใจ ผู้ป่วยนอก(ARI) หอผู้ป่วยโควิด-19 (Cohort ward) 2 หอผู้ป่วย รวม 20 เตียง มีห้องแยกโรคความดันลบ 2 ห้อง จัดทำห้อง พ่นยาแยกจากห้องห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน และเปิด รพ.สนามระดับอำเภอแห่งแรก 50 เตียง เพื่อนำร่องให้โรงพยาบาล ชุมชนใกล้เคียง สร้างความมั่นใจต่อชุมชนถึงศักยภาพของโรงพยาบาลต่อสถานการณ์เป็นอย่างดี -มีระบบการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) ในการดูแลผู้ป่วย sudden cardiac arrest ภายใต้สถาณการโควิด (4) การตอบสนองความต้องการของครอบครัวในการมีส่วนร่วมดูแลผู้ป่วย: สถาณการณ์โควิด-19 ระลอกที่2 เริ่มในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2564 จากการระบาดหนักในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก จนเกิดวิกฤตผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล และขาดแคลนเตียงรักษา กระทรวงสาธารณสุขมี นโยบายให้แต่ละจังหวัด รับผู้ป่วยโควิด-19 มารักษาตามภูมิลำเนา อำเภอธาตุพนมประกอบด้วย ทีม พชอ. รพ.สต. และ อสม. ได้ร่วมควบคุมป้องกันโรคกลุ่มเสี่ยงในชุมชน ผู้เดินทางมาจากต่างจังหวัด ด้วยมาตรการกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (Local quarantine) ทั้งระดับอำเภอและตำบล ในส่วนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม เปิดหอผู้ป่วย (Cohort ward) เพิ่ม จาก ชั้น 4 และชั้น 5 อาคารผู้ป่วยใน ที่ชั้น 2 ชั้น 3 และชั้น 4 อาคารสมาธิบำบัด รวมทั้งหมดเป็น 5 หอผู้ป่วย 110 เตียง เปิด โรงพยาบาลสนามธาตุพนม 50 เตียง เตรียมโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 สำรอง ที่โรงเรียนบ้านฝั่งแดง ตำบลฝั่งแดง 60 เตียง - การเข้าสู่ mode RRT ของผู้ป่วย CKD และเชื่อมโยงการดูแลผู้ป่วย ESRD ที่ no RRTไปสู่งาน Palliative care ของ โรงพยาบาล (5) การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานการดูแลผู้ป่วยภายในทีมเพื่อความต่อเนื่องในการดูแล: -ทีมช่วยเหลือ เยียวยาจิตใจ ผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ของกลุ่มงานสุขภาพจิตและจิตเวช โรงพยาบาลสมเด็จพระ ยุพราชธาตุพนม ได้เข้าพื้นที่ชุมชนบ้านหนองกุดแคน ซึ่งพบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นรายแรกของจังหวัดนครพนม ในเดือน มกราคมพ.ศ. 2564 เพื่อเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิต ในระหว่างที่ปิดหมู่บ้าน ผลการคัดกรองประเมินสุขภาพจิต ทั้งหมด 342 ราย พบความเครียดปกติ 312 ราย เครียดปานกลาง 2๗ ราย เครียดมาก ๒ ราย เครียดมากที่สุด ๑ ราย พบอาการโรค ซึมเศร้า ระดับน้อย ๓ ราย ระดับปานกลาง ๑ ราย และรุนแรงอีก 1 ราย -ทีมดูแลสุขภาพชุมชน (ทีม 3 หมอ) มีส่วนสำคัญใน การเตรียมชุมชน เพื่อรับผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้าน โดยเข้าไปให้ความรู้และความเข้าใจเรื่องโรคโควิด-19 และลดความกลัวของ เพื่อนบ้านด้วยกิจกรรมกลุ่มให้กำลังใจ ใช้ความร่วมมือในชุมชนจัดสภาพแวดล้อม สถานที่ ให้เหมาสมกับการใช้ชีวิตปกติหลัง หายป่วย และนำมาถอดบทเรียน เพื่อใช้เป็นแนวทางการเตรียมชุมชนเมื่อมีผู้ป่วยโควิด-19 ในหมู่บ้าน -เดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ผู้ป่วยโควิด-19 เริ่มมีจำนวนที่ลดลง ทีมสาธารณสุขอำเภอธาตุพนม ทีม พชอ. ได้เข้าทำงานเชิงรุก เพื่อให้ประชาชนฉีด วัคซีน โควิด-19 ได้ร้อยละ 70 ก่อนถึงปีใหม่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 และเพื่อลดความรุนแรงของโรค เมื่อมีการติดเชื้อโควิด-
17 19 และกระตุ้นเศรษกิจการท่องเที่ยวตามนโยบาย Sand box ของรัฐบาล ด้วยโครงการ “เปิดเมืองธาตุพนมปลอดภัย ร่วมใจ ฉีดวัคซีน” ใช้มาตรการประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้น III-4.2 การดูแลและบริการที่มีความเสี่ยงสูง: ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการดูแลและบริการที่มีความเสี่ยงสูง Sepsis ปี 2565 ได้มีการตั้งหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤตเพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วย severe sepsis และSeptic Shock ได้ อย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยได้รับการักษาด้วยระบบ Fast trac มีการเจาะเลือด ให้สารน้ำและยาปฏิชีวนะใน 1 ชั่วโมงตาม guidelines STEMI ผู้ป่วยโรควิกฤติฉุกเฉินทางด้านโรคหัวใจได้รับการวินิจฉัยและรักษาให้รวดเร็ว พัฒนาระบบปรึกษาทาง Line ในกลุ่ม STEMI Fast track กับเครือข่ายโรงพยาบาลสกลนคร และส่งต่อเพื่อทำการรักษาโดยการ สวนหัวใจ (PCI center) และการให้ยาละลายลิ่มเลือด ได้รวดเร็ว Stroke การให้ยา rtpa รับ refer ผู้ป่วย stroke Fast track จากโรงพยาบาลลูกข่ายโซนใต้และใช้ระบบการรักษา แบบ drip and ship หลังผู้ป่วยได้รับยา rtpa ส่งตัวเพื่อรับการรักษาต่อยัง Stroke Unit โรงพยาบาลแม่ ข่ายนครพนม Birth asphyxia - Screen risk for BA การรายงานสูติแพทย์ แนวทางการ consult กุมารแพทย์ และการซ้อม NCPR และการจัดการภาวะวิกฤติห้องคลอด PPH - Screen risk for PPH และแนวทางการป้องกันและแก้ไข PPH active management of 3rd stage - การใช้ถุงตวงเลือดร่วมกับ ICE PacK -On monitor เมื่อเข้าสู่ Active phase Covid-19 การแบ่งประเภทผู้ป่วยตามสี ในกรณีสีแดง ที่พบปัญหาที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเฝ้าระวังการ เสียชีวิต จะได้รับการ Admit ทุกราย มีเครื่องช่วยหายใจอย่างเพียงพอ (1) การวิเคราะห์และจัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยและบริการที่มีความเสี่ยงสูง: -การบริการที่มีความเสี่ยงสูได้แก่ การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ การCPR การฟอกเลือด การได้รับเลือด การให้ยาบาง ชนิด การผ่าตัดและการดมยาสลบ โดยมีการวางแนวทางการปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน ได้แก่ Acute MI ,SROKE ,กระดูกหัก มี การนำ CPG มาใช้ในการดูแลผู้ป่วย , มีการประเมินการปฏิบัติตาม CPG และปรับปรุง CPG -ทบทวนเหตุการณ์ที่ไม่พึง ประสงค์จากรายงานอุบัติการณ์ วิเคราะห์สาเหตุ Root cause และกำหนดแนวทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำและปรับปรุง ทดแทนแนวทางการดูแลผู้ป่วยใหม่ - (2) การฝึกอบรมการดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง และการนำมาปฏิบัติ: -สมรรถนะทีมในการดูแลกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การประเมิน early warning signs การทำ CPR (3) การทำหัตถการที่มีความเสี่ยง: -การผ่าตัดทางสูตินรีเวช (C/S และ TAH) เตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัด ขณะผ่าตัด และ หลังผ่าตัดเพื่อป้องกันการเกิด ภาวะแทรกซ้อน (4) การเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงอาการผู้ป่วย เพื่อแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนแผนการรักษา:
18 • ในหน่วยงานวิกฤตเช่น หอผู้ป่วยหนัก งานไตเทียม ห้องคลอด ห้องผ่าตัด จะมีการเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง มีระบบการรายงานแพทย์ที่รวดเร็วมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงอาการของผู้ป่วย -ในห้องคลอดมี การเฝ้าระวังผู้คลอดอย่างใกล้ชิดในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ จะมีเฝ้าระวังเฉพาะโรคอีก ถ้าพบว่ามีผาการ ผิดปกติจะมีการปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้และรายงานแพทย์ด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้สามารถดูแลรักษาให้มารดาและทารก ในครรภ์ปลอดภัยซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนการรักษาในเวลาที่ทันท่วงทีจะได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ ญาติให้รับทราบและเพื่อยินยอมกับแผนการรักษานั้นๆ (5) การตอบสนองและความช่วยเหลือเมื่อผู้ป่วยมีอาการทรุดลงหรือเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ภาวะวิกฤติ (rapid response system): มีการวางระบบการดูแลผู้ป่วยที่อาการเปลี่ยนแปลงที่ทรุดลงหรือเข้าสู่ภาวะวิกฤต มีระบบการปรึกษาผู้ที่มีความชำนาญกว่า เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลเฉพาะ ในภาวะฉุกเฉินผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่าง ทันท่วงทีจากแพทย์ทั้ง 2 ทีม มีการย้ายผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วยหนักได้อย่างรวดเร็ว (6) การติดตาม วิเคราะห์แนวโน้มของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เพื่อนำมาปรับปรุง: -การรับ refer in ของ รพ.ใน node นครพนมโซนใต้ มาปรับปรุงการให้ลบริการ เช่นการให้ยา antibiotic ที่ครอบคลุมและ ทันเวลา iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ 1.ในปี 2562 ได้พัฒนาแนวทางการรักษาผู้ป่วย STEMI โดยการ Refer เพื่อทำ PCI ที่ศูนย์หัวใจโรงพยาบาลสกลนคร ซึ่งผล พบว่าผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงภายในรถขณะนำส่งและส่งผลให้เสียชีวิต 2.ให้บริการหอผู้ป่วย Semi ICU เพื่อดูแลผู้ป่วย Severe Sepsis และ Septic 3.พัฒนาการดูแลผู้ป่วย stroke ด้วยระบบ Stroke Fast Track MSU ทำให้ผู้ป่วย Stroke ได้รับยาละลายลิ่มเลือด rtpa ภายใน 60นาที v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 69. การดูแลทั่วไป 4 L 1.เพิ่มศักยภาพในการเป็น Node ในการดูแลโดยการจัดตั้งศูนย์ ประสานการส่งต่อผู้ป่วย 2.เพิ่มศักยภาพในการจัดการสาเหตุทาง ศัลยกรรมโดยวางแนวทางในการ Consult ศัลย์แพทย์ให้กับ รพ.ใน Node 3.ปี 2565 เปิดหอผู้ป่วยใน โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ แยก เฉพาะอีก 1 ward โดยปรับสร้างห้องแยกโรคความดันลบ จำนวน 4 ห้อง และห้องแยกโรคทั่วไป 8 ห้อง 70. การดูแลและบริการที่ มีความเสี่ยงสูง 4 L 1.ในปีงบ 2566 วางแผนเปิด Stroke unit ในหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤต 4 เตียง 2.ขยายการดูแลผู้ป่วย Stroke ในหอผู้ป่วยโดยใช้รูปแบบ Intermediate care III-4.3 ก. การระงับความรู้สึก
19 i. ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: เหมาะสม ปลอดภัย ประสิทธิผล ตัวชี้วัด เป้าหมาย 2561 2562 2563 2564 2565 2566 1.จำนวนDOT(Death On Table:การเสียชีวิตในห้อง ผ่าตัด)ในASA ClassI-II 0ราย 0 0 0 0 0 0 2.จำนวนผู้ป่วยเข้า ICU โดย ไม่ได้วางแผน(Unplan ICU) 0ราย 0 0 1 4 8 0 3.อัตราการงดผ่าตัดจากเกิน ขอบเขตบริการ ของวิสัญญีพยาบาล <1% 0.46% 0.71% 0.57% 0.23% 0.43% 0.15% 4.จำนวนครั้งของการส่งต่อ โดยไม่ได้คาดหมาย (Unplan refer) 0ครั้ง 2 0 0 1 2 1 5.อัตราการเยี่ยมผู้ป่วยก่อน การระงับความรู้สึก 95% 100% 100% 100% 100% 100% 100% 6.จำนวนครั้งของการใส่ท่อ หายใจซ้ำ ในห้องพักฟื้น 0ครั้ง 0 0 0 0 0 0 7.อัตราการย้ายผู้ป่วยออก จากห้องพักฟื้น มีความพร้อม ตามเกณฑ์ 100% 100% 100% 100% 100% 100% 100% 8.จำนวนการให้เลือดผิดคน 0ครั้ง 0 0 0 0 0 0 ii. บริบท กลุ่มผู้ป่วยใช้บริการระงับความรู้สึก ที่มีความเสี่ยงสูง: 1.เด็กอายุ 2 ปี หรือ น้ำหนัก < 20 kg หรือผู้ป่วยที่มีน้ำหนัก ≥ 100 Kg 2.ผู้สูงอายุ อายุ > 70ปี 3.ผู้ป่วยด้านสูติ-นรีเวช ที่มีภาวะ SPE, Asthma, thyroid 4.ผู้ป่วย ASA status III-VI เช่น DM un control, HT un control, CKD stage 4-5, Thyroid, โรคหัวใจที่ EKG Abnormal ที่อายุรแพทย์ประเมินเป็น Moderate or High risk for anesthesia 5.Major surgery ที่คาดว่าจะเสียเลือดมาก
20 III-4.3 ก. การระงับความรู้สึก iii. กระบวนการ ตัวอย่างผู้ป่ วยที่เสี่ยงสูง การปฏิบตัิที่ทา ให้เกิดคณุภาพและความปลอดภยัของการระงบั ความรู้สึก 1.ผู้ป่วย Asthmaที่มีอาการ ก าเริบล่าสุด 6เดือน-1ปี หรือขณะที่มารอผ่าตัดมีอาการ ไอหรือมีน ้ามูก 2. ผู้ป่วย ASA status III-VI 3.หญิงมาผ่าตัดคลอดหรือ จ าเป็นต้องผ่าตัดคลอดฉุกเฉิน ที่มีน ้าหนัก ≥ 100 Kg คอ หนาและสั้น ผู้ป่วยปาก เล็ก อ้าปากได้น้อยกว่า 3 cm 1.หลีกเลี่ยงวิธีระงับความรู้สึกแบบ GA เปลี่ยนเป็น Spinal block ถ้าไม่มีข้อห้าม(Refer ถ้าไม่สามารถท า Spinal blockได้) 2.เลื่อนผ่าตัด ให้รักษาโรคระบบทางเดินหายใจหรือควบคุมอาการหอบหืด ให้ปกติแล้วมาผ่าตัดใหม่ 1.Consult อายุรแพทย์ประเมินความเสี่ยงก่อนผ่าตัดทุกราย -ถ้าเสี่ยงน้อยให้ผ่าตัดได้ -เสี่ยงปานกลาง ให้แจ้งความเสี่ยงให้แพทย์ผ่าตัด ผู้ป่วยและญาติรับทราบ ถ้าทุกฝ่ายยืนยันจะผ่าตัดและระงับความรู้สึกตามแผนเดิมให้เซ็นรับทราบ ความเสี่ยงก่อนผ่าตัด -เสี่ยงมาก ให้ส่งต่อผู้ป่วยไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพที่สูงกว่า -แจ้งความเสี่ยงเรื่อง Difficult airway ให้แพทย์ผ่าตัด ผู้ป่วยและญาติ รับทราบ ถ้าทุกคนรับทราบและยินยอมผ่าตัดที่ รพร.ธาตุพนมให้ลงชื่อ รับทราบความเสี่ยงและยินยอมผ่าตัด -เลือก Spinal block เป็น frist choice of anesthesia -ถ้าจ าเป็นต้องGA ให้วิสัญญีพยาบาลที่ใส่ETTได้ช านาญที่สุดเป็นคน แรก ที่ใส่ETT ถ้าใส่ไม่ได้ ให้ลองใส่อีก 1ครั้ง ถ้ายังใส่ไม่ได้ให้ปล่อย ผู้ป่วยตื่นแล้วส่งผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า (1) การประเมินความเสี่ยง การวางแผน การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการระงับความรู้สึกที่ปลอดภัย : -มีแนวทางปฏิบัติในการเยี่ยมประเมิน/เตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัดที่ชัดเจน โดยวิสัญญีพยาบาลประเมินความเสี่ยง ร่วมกับแพทย์ผ่าตัด ถ้าเกินขอบเขตบริการของวิสัญญี แต่ผู้ป่วยต้องการรับบริการผ่าตัดและระงับความรู้สึก ที่โรงพยาบาลตามแผนเดิม มีระบบConsultอายุรแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงซ ้า ถ้าเสี่ยงน้อยสามารถผ่าตัดได้ วิสัญญีพยาบาลต้องวางแผนร่วมกับอายุรแพทย์ แพทย์และทีมผ่าตัดร่วมกันหาแนวทางดูแลรักษาเพื่อลดความเสี่ยง เตรียมบุคลากร ยา เลือด เครื่องมือในการช่วยชีวิตให้พร้อม ก่อน ขณะและหลังผ่าตัด ถ้าเสี่ยงปานกลางต้องให้ข้อมูล แก่ผู้ป่วยและญาติให้รับทราบความเสี่ยงอย่างเข้าใจ และเซ็นยินยอมรับทราบความเสี่ยงก่อนผ่าตัด มีการประสานจอง ICU และแจ้งอายุรแพทย์ ให้เตรียมพร้อม กรณีเกิดอุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์ กรณีเสี่ยงสูง ให้ส่งต่อผู้ป่วยไปรับการ ผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพที่สูงกว่า โดยอธิบายความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตผู้ป่วย เหตุผลของการที่ต้อง ส่งต่อ ข้อจ ากัดของโรงพยาบาล เช่นผู้ป่วย Plt 70,000 แล้วต้องการ C/S stat โรงพยาบาลไม่มี Plt ในคลังเลือด -พัฒนาระบบการประสานงานวิสัญญีแพทย์โรงพยาบาลที่รับส่งต่อ โดยวิสัญญีพยาบาลเขียนประวัติผู้ป่วย เหตุผล ที่ต้องส่งต่อ รายละเอียดการระงับความรู้สึก ยาที่ได้ให้ไปแล้ว และสิ่งที่ต้องการให้วิสัญญีแพทย์รักษาต่อ สิ่งที่ต้องเฝ้า
21 ระวังต่อพร้อมแนบใบ: “แบบส่งต่อทางการให้ยาระงับความรู้สึก” ไปพร้อมใบส่งต่อผู้ป่วย พร้อมโทรศัพท์ประสานร่วมกับแพทย์ที่ส่งต่อ กรณีวิสัญญีแพทย์โรงพยาบาลที่รับส่งต่อต้องการข้อมูลเพิ่ม III-4.3 ก. การระงับความรู้สึก -พัฒนาระบบการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจผู้ป่วยให้ชัดเจน สามารถสื่อสารในทีมสหสาขาวิชาชีพ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การส่งผู้ป่วยอายุ<20ปี ที่มาท า MVAตามความต้องการของบิดา มารดา แต่ผู้ป่วยไม่พร้อม พบนักจิตวิทยาก่อนผ่าตัดทุกราย พัฒนาขั้นตอนการอนุญาตให้ท า MVA ต้องมีความเห็นชอบของแพทย์ 2 ท่าน นักจิตวิทยาประเมินความพร้อมด้านจิตใจผู้ป่วยแล้วบันทึกผลการประเมินในใบProgress noteให้ทีมผ่าตัดและ ผู้เกี่ยวข้องทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจในการดูแลรักษาต่อไป -เพิ่มประสิทธิภาพการเยี่ยมผู้ป่วยของวิสัญญีพยาบาล โดยให้ซักประวัติและค้นหาปัญหาผู้ป่วยให้ครอบคลุม โดยเฉพาะโรคประจ าตัว และยาที่รับประทาน เนื่องจากผู้ป่วยบางรายมีปัญหาด้านจิตใจ เป็นโรคซึมเศร้า หรือนอน ไม่หลับ แต่แจ้งว่าไม่มีโรคประจ าตัว หรือผู้ป่วยที่ใช้สารเสพติดแต่ปกปิดเวลาซักถาม ซึ่งบางครั้งญาติจะแอบให้ข้อมูล หลังลับตาผู้ป่วย การได้ประวัติที่ครบถ้วนท าให้เลือกใช้ยาระงับความรู้สึกได้เหมาะสม การผ่าตัดปลอดภัย ไม่พบอุบัติการณ์การเสียชีวิตขณะหรือหลังผ่าตัด ผู้ป่วยที่เสี่ยงสูงได้รับการส่งต่อที่รวดเร็ว ได้รับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่รับส่งต่อทันเวลา ร้อยละ 100 -ปรับปรุงการประเมินทางเดินหายใจของผู้ป่วย เพื่อหาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเรื่องใส่ท่อช่วยหายใจยาก ต้องแจ้งแพทย์ ผ่าตัดและทีมผ่าตัดรับทราบและร่วมวางแผนในการใส่ท่อช่วยหายใจก่อน เช่น การเตรียม gum elastic bougie, LMA หรือการเปลี่ยนวิธีระงับความรู้สึก (2) การเตรียมความพร้อมผู้ป่วย การให้ข้อมูล และการให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมตัดสินใจ: -มีแนะน าสื่อในการให้ข้อมูลการระงับความรู้สึกแก่ผู้ป่วยก่อนผ่าตัด เนื่องจากพบว่าหลังอธิบายและให้ข้อมูล ช่วงที่วิสัญญีพยาบาลเยี่ยมก่อนผ่าตัด ผู้ป่วยจินตนาการหรือมองภาพไม่ออก ไม่เข้าใจ ร้อยละ 30 จึงแนะน าสื่อในการท าความเข้าใจ โดยเปิดภาพอุปกรณ์ติดตามสัญญาณชีพ หรือ การเปิดขั้นตอนการให้ยาระงับ ความรู้สึกใน You tube ให้ดู การติดภาพการจัดท่าในการท า Spinal block ไว้ที่ผนังห้องผ่าตัดให้ผู้ป่วยดู การเปิด โอกาสให้ซักถามข้อสงสัยทางวาจา และทาง Line กรณีหลังวิสัญญีกลับจากการเยี่ยมแล้วผู้ป่วยมีข้อสงสัยทีหลัง ผลการพัฒนา พบว่าผู้ป่วยและญาติเข้าใจร้อยละ 100 -มีกระบวนการในการประสานแพทย์ผ่าตัดและทีมสหสาขาวิชาชีพในการร่วมวางแผนการให้ยาระงับความรู้สึก ที่ปลอดภัย โดยขั้นตอนแรกแพทย์ผ่าตัดเป็นผู้ก าหนดวิธีระงับความรู้สึก แล้วsetผ่าตัด วิสัญญีพยาบาลไปเยี่ยมผู้ป่วย ประเมินความเสี่ยง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีระงับความรู้สึก ข้อดี ข้อเสียของแต่ละวิธีแล้วให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเลือก วิธีระงับความรู้สึก ถ้าไม่พบความเสี่ยงในการระงับความรู้สึก จะให้ยาระงับความรู้สึกตามที่ผู้ป่วยต้องการ โดยวิสัญญี พยาบาลจะประสานแพทย์ผ่าตัด กรณีผู้ป่วยเลือกวิธีระงับความรู้สึกต่างจากที่แพทย์ต้องการ แต่ถ้ามีความเสี่ยงด้าน วิสัญญี จะมีการตัดสินใจร่วมกันระหว่างแพทย์ผ่าตัด อายุรแพทย์ วิสัญญีพยาบาล ผู้ป่วยและญาติในการเลือกวิธี ระงับความรู้สึกที่ปลอดภัยมากที่สุด (3) การใช้กระบวนการระงับความรู้สึกที่ราบรื่น ปลอดภัย โดยบุคลากรที่มีคุณวุฒิ รวมถึงการฝึกอบรม/ฟื้นฟูทักษะของ บุคลากรที่ท าหน้าที่ระงับความรู้สึก : -มีมาตรการป้องกันการระงับความรู้สึกผิดคนโดยการทวนซ ้า ชื่อ สกุล HN ข้างที่ผ่าตัด(ถ้าผ่าตัดระยางค์) หัตถการ
22 ร่วมกับแพทย์ผ่าตัด พยาบาลช่วยผ่าตัดก่อนให้ยาระงับความรู้สึก -ป้องกันการให้ยาผิด โดยการติดสติ๊กเกอร์สีที่ Syringeยา และมีการตรวจสอบก่อนฉีดยาโดยวิสัญญี 2 คน -ป้องกันการให้เลือดผิดกรุ๊ป โดยประสานกับห้องชันสูตรในการตรวจรับกรุ๊ปเลือดให้ตรงกัน ส่งเลือดยืนยันกรุ๊ปเลือด ซ ้า กรณีผู้ป่วยไม่เคยรับเลือดมาก่อน ป้องกันการให้เลือดผิดคน โดยการตรวจสอบก่อนให้เลือดโดยวิสัญญี 2 คน - วิสัญญีพยาบาลมีการให้บริการด้านวิสัญญีมากกว่า 300เคส/ปี/คน มีการฟื้นฟูด้านวิสัญญี 1-2ปี/คน/ครั้ง พยาบาลวิชาชีพที่มาฝึกด้านวิสัญญีต้องผ่านเกณฑ์การประเมินจากวิสัญญีและท างานภายใต้การก ากับดูแลจาก วิสัญญี พยาบาลทุกครั้งก่อนให้บริการผู้ป่วย III-4.3 ก. การระงับความรู้สึก • มีกุมารแพทย์หรือแพทย์ทั่วไป มารับเด็กร่วมกับพยาบาลห้องคลอด กรณี Fetal distress, Placenta Previa,Breech presentation, Twin หรือเมื่อพบว่าทารกเสี่ยง • ผู้ป่วย GDM , ผู้ป่วยมาผ่าตัด TAH, SOที่มีโรคร่วมด้านอายุรกรรม และผู้ป่วย ASA Class III-VI ต้องได้รับ การประเมินจากอายุรแพทย์ก่อนผ่าตัดทุกราย หรือกรณีปรึกษาอายุรแพทย์แล้ว แต่ทีมวิสัญญีพยาบาล ยังไม่สบายใจที่จะให้ยาระงับความรู้สึก จะมีการปรึกษาวิสัญญีแพทย์โรงพยาบาลนครพนมซ ้า เพื่อขอ ค าแนะน าเกี่ยวกับการให้ยาระงับความรู้สึก หรือขอให้รับดูแลต่อกรณีเกินขอบเขตบริการของวิสัญญีพยาบาล • มีระบบนิเทศงานวิสัญญีพยาบาลที่มีประสบการณ์น้อยกว่า 2 ปี โดยการให้ขึ้นคู่กับวิสัญญีพยาบาลที่มี ประสบการณ์ >5ปี มีการประเมินทักษะวิสัญญีพยาบาลใหม่โดยหัวหน้างาน/ทีม เมื่อผ่านการประเมิน ถึงจะให้ขึ้นเวรได้ การเริ่มให้ยาระงับความรู้สึก ต้องมีวิสัญญีพยาบาลอย่างน้อย 2 คนเสมอ ถ้าใส่ NTT ต้องมีวิสัญญีเริ่มเคส3 คน • มีระบบเสริมอัตราก าลังนอกเวลาราชกรณีมีผู้ป่วยรอรับการผ่าตัดมากกว่า 3 คนหรือผู้ป่วยเด็ก 2-5ปี ที่ต้องดมยาสลบ, ผู้ป่วยอ้วน เสี่ยงdifficult airwayหรือหัวหน้าทีมวิสัญญีประเมินแล้วว่าเสี่ยง ต้องการ อัตราก าลังเสริม • วิสัญญีพยาบาลร่วมประชุม Neonatal resuscitation , Advance Life support ที่ทีมกุมารแพทย์ และทีมกู้ชีพโรงพยาบาลจัด 1 ครั้ง/ปี • วิสัญญีพยาบาลร่วมประชุมฟื้นฟูวิสัญญีพยาบาล อย่างน้อย 1 คน/ปี และร่วมประชุมความรู้ด้านวิสัญญี และการพยาบาล อย่างน้อย คนละ 1 ครั้ง/ปีมีการศึกษาความรู้ด้านวิสัญญี On line สม ่าเสมอ เก็บข้อมูลไว้ ในNoteใน Lineกลุ่มของวิสัญญี เพื่อไว้ศึกษายามว่าง • สนับสนุนให้วิสัญญีพยาบาลศึกษาความรู้วิชาการ Update จากวิสัญญีสาร internet และสื่อความรู้ต่างๆ • วิสัญญีพยาบาลร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการในการใช้เครื่องดมยาสลบ หรือเครื่องมือใหม่ที่ทางบริษัทที่จ าหน่าย จัดประชุม ร้อยละ 100 (4) การเฝ้าติดตามผู้ป่วยระหว่างระงับความรู้สึกและพักฟื้น การแก้ไขภาวะฉุกเฉิน การจ าหน่ายจากบริเวณ รอฟื้น:
23 • ผู้ป่วยในห้องพักฟื้นทุกรายได้รับการจ าหน่ายตามเกณฑ์ (GA : Modified Aldrete Score =10, Spinal block : Modified Aldrete Score ≥ 9 , Pain Score <5) • มีการซ้อมแผนปฏิบัติการ กรณีพบผู้ป่วย arrestในห้องพักฟื้น 1 ครั้ง/ปี • จัดเครื่องมือ อุปกรณ์ ยาในการช่วยชีวิตไว้ในห้องพักฟื้นพร้อมใช้ • มีวิสัญญีพยาบาลประจ าห้องพักฟื้น 1 คน คอยดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด ประเมินและแก้ไขภาวะฉุกเฉินกรณี เกิดอุบัติการณ์ไม่พึงประสงค์ สามารถ Call for help วิสัญญีพยาบาลประจ าห้องผ่าตัด พยาบาลช่วยผ่าตัด แพทย์ผ่าตัด แพทย์หรือทีมพยาบาลจากหน่วยงานอื่นได้ • มีการดูแลผู้ป่วยในห้องพักฟื้นอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือจนกว่าอาการ Stable มีการส่งต่ออาการผู้ป่วย ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นและการแก้ไข(ถ้ามี) การเตรียมรับผู้ป่วยที่พยาบาลที่หอผู้ป่วยต้องด าเนินการต่อ จัดวิสัญญีพยาบาลน าส่งผู้ป่วยกรณีย้าย ICU ผู้ป่วยเด็กหรือผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวัง เพื่อเฝ้าระวังอุบัติการณ์ ที่อาจเกิดขึ้นขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วย III-4.3 ก. การระงับความรู้สึก (5) การปฏิบัติตามค าแนะน าของราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์ (เครื่องมือ วัสดุ ยา): • มีเครื่องดมยาสลบ เพียงพอกับจ านวนห้องผ่าตัดและมีเครื่องส ารองไว้ยามฉุกเฉิน 1 เครื่อง • มีเครื่อง Monitor ที่มี NIBP, EKG, SpO2 , EtCO2 ครบตามมาตรฐานที่ราชวิทยาลัยฯก าหนด มีจ านวน เพียงพอกับเตียงพักฟื้น • มี Infusion pump ในการบริหารยาความเสี่ยงสูงในหน่วยงาน • มีการสอบเทียบเครื่องมือปีละ 1 ครั้ง โดยกองวิศวกรรมการแพทย์อุบลราชธานี และบริษัทผู้จ าหน่าย • มีการจัดเก็บยาเสพติดและยาความเสี่ยงสูงให้เข้าถึงได้เฉพาะวิสัญญีพยาบาลผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้น การดูแลการใช้ deep sedation -มีแนวทางปฏิบัติในการดูแลการหายใจของผู้ป่วยดังนี้ 1. ประเมินระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วย ระบบการหายใจ การเคลื่อนไหวของทรวงอก Oxygen saturation 2. ประเมินระบบไหลเวียนเลือด เพื่อพิจารณาว่ามี Cerebral perfusion เพียงพอหรือไม่ วัดความดันโลหิต ทุก3-5นาทีหรือประเมินทางอ้อมจาก Vital signs, perfusion ส่วนปลาย และปริมาณปัสสาวะ 3. ตรวจวัดอุณหภูมิกาย รักษาอุณหภูมิกายให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 4. ทบทวนประวัติการใช้ยา เช่น ยากดประสาท alcohol โรคที่เป็นร่วม เช่น เบาหวาน โรคต่อมไร้ท่อ 5. ทบทวนข้อมูลการผ่าตัดและการระงับความรู้สึกที่ผู้ป่วยได้รับในครั้งนี้ 6. ตรวจระบบประสาท ดูการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น reflexต่างๆ pupil size ประเมินทางระบบ neuromuscular เช่นตรวจ peripheral nerve stimulation 7. ตรวจอื่นๆเพิ่มเติม เช่น Blood glucose, Electrolyte, Calcium, Magnesium ให้ยา Antagonistในกรณี ผู้ป่วยได้รับ Opioid over dose 8. จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การดูแลการใช้ deep sedation การบริหารยา การประเมินและเฝ้าระวังขณะผู้ป่วย ได้รับยา deep sedation
24 บทเรียนในการติดตามเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์และการปรับปรุงที่เกิดขึ้น - พบอุบัติการณ์ผู้รับบริการ ASA Class III-IV(เกินขอบเขตบริการของวิสัญญีพยาบาล) ปฏิเสธการส่งต่อไปรับ บริการที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า ทบทวนพบว่าเกิดจากผู้ป่วยมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ไม่มีญาติเฝ้า เคยไปรับบริการแล้ว โรงพยาบาลที่รับส่งต่อดูแล 1 วันแล้วส่งกลับ ไม่พึงพอใจในบริการของ รพ.ที่รับส่งต่อ ต้องการผ่าตัดที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ทีมได้มีแนวทางขยายบริการที่เกินขอบเขตบริการของวิสัญญีพยาบาลให้ สามารถให้บริการผู้ป่วย ASA Class III-IV ขึ้น ภายใต้เงื่อนไขผู้รับบริการต้องผ่านการประเมิน จากอายุรแพทย์ ถ้าอายุรแพทย์ลงความเห็นว่าผ่าตัดได้ หรือต้องแก้ไขปัญหาบางส่วนแล้วผ่าตัดได้ ผู้รับบริการก็สามารถผ่าตัด ที่โรงพยาบาลได้ โดยไม่ต้องถูกส่งต่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า ทั้งนี้ผู้ป่วยและญาติ ต้องรับทราบความเสี่ยงโดยละเอียด แล้วเซ็นยินยอมรับการผ่าตัดและระงับความรู้สึกเป็นลายลักษณ์อักษร ท าให้เกิดการพัฒนาระบบ Consult ที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาระบบประสานการเตรียมเตียงและอายุรแพทย์ดูแล ใน ICU กรณีเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ พัฒนาศักยภาพวิสัญญีพยาบาลในการให้บริการวิสัญญีในผู้ป่วย DM,HT, CKD, Asthma, Heart, Thyroid, SPE - พบปัญหาไม่สามารถเปิดผ่าตัด Major surgery ในเวลาเดียวกันที่ห้องผ่าตัดทั้ง 2 ห้องได้ เนื่องจากขาด อัตราก าลังวิสัญญีพยาบาล ได้มีการเพิ่มอัตราก าลังวิสัญญีพยาบาลจาก 2คนในปี 2557 เป็น 3 คนในปี 2559 และ 5คนในปี2561 ท าให้ปัจจุบันสามารถเปิดผ่าตัด 2ห้องพร้อมกันได้ - พบผู้ป่วย Un plan ICU จ านวนเพิ่มมากขึ้น จากผู้ป่วยมีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นเร็วขณะผ่าตัด พัฒนา โดยการประเมิน METsให้ครอบคลุม ซักประวัติโรคประจ าตัวให้ละเอียดขึ้น หลังทบทวนไม่พบอุบัติการณ์ซ ้า, ผู้ป่วยตกเลือดจากการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี หลังC/S EBL1,500ml ได้พัฒนาการให้ยา Oxytocin เพิ่มขึ้น จาก20unit เป็น 40unit , ให้Methergin 0.2mg x 3 dose ทุก15 นาที การให้Colloidให้เร็วขึ้นหลังทบทวนไม่พบ อุบัติการณ์ซ ้า - มีศัลยแพทย์มาใหม่ 1 ท่าน มีเคส Un plan ICU จ านวนเพิ่มมากขึ้น จาก Gut obstruction เปิดท้องเข้าไปพบเป็น CA ต้องตัดต่อ bowel ผ่าตัดนานมากกว่า 5 ชั่วโมง จึงให้ admit ICU หลังผ่าตัด ได้ทบทวนแล้วให้มีการจองICU post op ไว้เลยก่อนผ่าตัด ในเคสที่อายุมากกว่า 65 ปี มีโรคประจ าตัวที่ยังควบคุม ไม่ได้ ผลทางห้องปฏิบัติการณ์ผิดปกติ EKG abnormal แต่จ าเป็นต้องผ่าตัด หรือคาดว่าจะผ่าตัดนานหรือมีการ เสียเลือดมาก หลังมีแนวทางปฏิบัติ พบเคส Un plan ICUลดลง จาก 8 ราย เหลือ 2 ราย ไม่พบอุบัติการณ์ผู้ป่วย เสียชีวิตจากการผ่าตัด iv. ผลการพฒันาที่โดดเด่นและภาคภมูิใจ • การพัฒนาระบบการเยี่ยมประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัดด้านสูติกรรม ศัลยกรรม ศัลยกรรมใบหน้าและขากรรไกร และศัลยกรรมกระดูก • การพัฒนาระบบการประเมินผู้ป่วยที่เกินขอบเขตบริการของวิสัญญีพยาบาลก่อน Admit เพื่อผ่าตัด • การพัฒนาระบบการ consult แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กรณีให้บริการที่เกินขอบเขตบริการของวิสัญญี • การพัฒนาความรู้ด้านวิชาการ ทักษะของวิสัญญีพยาบาลในการให้บริการระงับความรู้สึกในผู้ป่วย ที่มีโรคประจ าตัว เช่น DM,HT,CKDฯลฯ v. แผนการพัฒนา • พัฒนาศักยภาพวิสัญญีพยาบาล เพิ่มความช านาญในการแปลผล EKG, X-ray • พัฒนาศักยภาพวิสัญญีพยาบาลในการประเมิน/ดูแลผู้ป่วย SPEและผู้ป่วยที่มี EKG Abnormal ที่มารับบริการ
25 วิสัญญี • เพิ่มอัตราก าลัง วิสัญญีแพทย์ 1 คน และวิสัญญีพยาบาล 1 คน เพื่อรองรับผู้บริการที่มีจ านวนมากขึ้น • เพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยที่มาท า Hernia, Colonoscopy ที่มารับบริการแบบ One day Surgery มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 71.การระงับความรู้สึก 3 L -พัฒนาศักยภาพวิสัญญีพยาบาล ในการประเมิน/ ดูแลผู้ป่วย/การแก้ไขภาวะฉุกเฉินในผู้ป่วย DM,HT,CKD, Asthma, Thyroid, SPE -พัฒนาทักษะการบริการวิสัญญีครอบคลุม การผ่าตัดเฉพาะด้าน สูติ-นรีเวชกรรม,ศัลยกรรม ทั่วไป,ศัลยกรรมใบหน้าและขากรรไกรและ ศัลยกรรมกระดูก III-4.3 ข. การผ่าตัด i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: เหมาะสม ปลอดภัย ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) อุบัติการณ์การผ่าตัดผิดคน ผิดข้าง ผิดตำแหน่ง ผิด หัตถการ ทั้งหมด/ระดับความรุนแรงระดับ E ขึ้น ไป* 0 0 0 0 0 0 0 อัตราการวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบล่าช้าหรือผิดพลาด 0 0.07 0.09 0.07 0 0 0 จำนวนการเกิดไส้ติ่งแตกทะลุหลัง Admit ก่อนทำ ผ่าตัด (Rupture Appendicitis) <10 ราย 11 18 10 0 0 0 ร้อยละการติดเชื้อแผลผ่าตัดใส่โลหะดามกระดูก ชนิดแผลสะอาด 0 0 0 0 0 0 0 ร้อยละผู้ป่วยผ่าตัดใส่โลหะดามกระดูกเกิดการหัก ซ้ำ <1% 0.04 0.09 0.04 0 0 0 ii บริบท กลุ่มผู้ป่วยผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง:
26 กลุ่มผู้ป่วยEmergencyทางสูติกรรม เช่น Fetal Distress ,PPH ,ผู้ป่วยฉุกเฉินทางกระดูกและข้อ เช่น Open Fracture , ผู้ป่วยฉุกเฉินทางศัลยกรรม เช่น Acute Appendicitis เป็นต้นหน่วยงานได้จัดบริการ Fast Tract สำหรับกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว โดยที่ผ่านมาสามารถจัดบริการได้ตามข้อกำหนดทุกราย iii กระบวนการ ตัวอย่างผู้ป่วยที่เสี่ยงสูง การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพและความปลอดภัยของการผ่าตัด PPH -ประเมินปัจจัยเสี่ยงตกเลือดหลังคลอด -มีแนวทางการดูแลกลุ่มเสี่ยง เช่น เตรียมเลือด,Lab -HCT แรกรับทุกรายและ On iv ทุกรายที่ in active phase (1) การประเมินผู้ป่วย การประเมินความเสี่ยง การวางแผนการผ่าตัด การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: - การประเมินความพร้อมและความเสี่ยงของผู้ป่วยก่อนผ่าตัด ก่อนทำการผ่าตัด 1 วันมีการเยี่ยมก่อนผ่าตัดโดยวิสัญญี พยาบาล เมื่อพบปัญหา/ความเสี่ยงนำมาทบทวนร่วมกับแพทย์ผู้ทำผ่าตัด ,อายุรแพทย์ 1 คน ,ทีมพยาบาลห้องผ่าตัด และทีม วิสัญญีพยาบาล ตามแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดกับผู้ป่วย เพื่อความปลอดภัยจากโรคโควิด19 หน่วยงานได้มีการเพิ่มมาตรการดังนี้1.ให้ผู้ป่วยทำการตรวจโดยใช้ ATK ก่อนทำหัตถการทุกราย 2.ภายในห้องผ่าตัดมีการเพิ่ม มาตรการในการใช้บริการผู้ป่วย Covid19 และ PUI โดยปฏิบัติตามแนวทาง IC อย่างเคร่งครัด 3.ทีมห้องผ่าตัดมีการซักซ้อม แผนการให้บริการผู้ป่วย Covid19 และ PUI ก่อนมีการระบาดระลอก 1 (2) การอธิบายข้อมูลให้ผู้ป่วย/ครอบครัว และการให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมตัดสินใจ: - ก่อนผ่าตัดแพทย์ผู้ผ่าตัดให้ข้อมูลผ่าตัด พยาบาลหน้าห้องตรวจ ประมาณการค่ารักษาและผ่าตัดเบื้องต้น กรณีผู้ป่วยและ ญาติมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายแนะนำให้พบเจ้าหน้าที่งานสิทธิบัตรทุกราย เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และให้คำแนะนำการเตรียมตัวเบื้องต้น (3) การเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด: -จากการประเมินความพร้อมของผู้ป่วยก่อนผ่าตัด พบว่าผู้ป่วยมีความวิตกกังวลและกลัวการผ่าตัดทำให้เกิดอุบัติการณ์เลื่อน ผ่าตัดจากความไม่พร้อมของผู้ป่วย จึงนำมาทบทวนร่วมกับศัลยแพทย์เฉพาะทางทั้ง 6 คน ทีมพยาบาลห้องผ่าตัด และทีม วิสัญญีพยาบาล เกิดแนวทางปฏิบัติในกรณี Elective case นำมาใช้ในหน่วยงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (4) การป้องกันการผ่าตัดผิดคน ผิดข้าง ผิดตำแหน่ง ผิดหัตถการ*: -ไม่พบอุบัติการณ์ผ่าตัดผิดคน ผิดข้าง ผิดตำแหน่ง ผิดหัตถการ โดยมีแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน Patient safety goal ทุก ขั้นตอน มีการใช้นวัตกรรม Mark site ร่วม และจากการทำ Mark site ร่วมกับการทำ Surgical Safety Checklist ทำให้พบ อุบัติการณ์ Near miss ของอุบัติการณ์ผ่าตัดผิดคน ผิดข้าง ผิดตำแหน่ง ผิดหัตถการ ในปี 2564 จำนวน 12 ครั้ง มีการ ทบทวนอุบัติการณ์และนำมาแก้ไขโดยการแจ้งประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบทันทีที่เกิดอุบัติการณ์ ทำให้ในปี 2565 จำนวนอุบัติการณ์ลดลงเหลือ 1 ครั้ง (5) การจัดสิ่งแวดล้อมและระบบงานของห้องผ่าตัดให้มีความพร้อม มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย (ดู SPA): -ปรับปรุงห้องผ่าตัดเป็นแบบ One way traffic ,แยก Recovery Room ,ต่อเติมห้องเก็บของ และเป็นทางออกของเครื่องมือ ที่ใช้แล้วนำส่งจ่ายกลาง มีการจัดPriorityการใช้ห้องผ่าตัด เพื่อการใช้ห้องผ่าตัดอย่างมีประสิทธิภาพ ในปี ๒๕๖๐ หลังผ่าตัด ทุกรายเช็ดทำความสะอาดเตียงผ่าตัดด้วยน้ำยา Monopersulfate Compound 50%, Sodium chloride 12%, Sulfamic acid 12%, Sodium sulphate 25% ถูพื้นด้วยน้ำผงซักฟอกทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ ลด
27 ความเสี่ยงในการติดเชื้อของแผลผ่าตัด และปี 2563 เพิ่มการอบห้องฆ่าเชื้อด้วยแสง UVC 30 นาทีหลังให้บริการผู้ป่วยโควิด 19 ,PUI และหลังเลิกงานทุกวัน -การแยกอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ผ้าอย่างชัดเจน -ห้องเก็บของปลอดเชื้อมีประตูปิดมิดชิด ควบคุมอุณหภูมิความชื้นสัมพัทธ์ให้ได้ตามมาตรฐาน -การส่งเครื่องมือผ่าตัดล้างทำความสะอาดที่งานจ่ายกลาง และส่งผ้าใช้ แล้วที่งานซักฟอก -มีระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยจากการใช้แก๊ส/ควัน/สารเคมีและมีระบบสาธารณูปโภคที่พร้อมใช้งาน ตลอด 24 ชั่วโมง (6) บันทึกการผ่าตัด การใช้ประโยชน์เพื่อการสื่อสารและความต่อเนื่องในการดูแล: -ปรับปรุงแบบฟอร์มการบันทึกทางการพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดให้มีความชัดเจนและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการ คาดการณ์เหตุการณ์สำคัญในผู้ป่วยแต่ละราย -มีการตรวจทาน นับผ้า/เครื่องมือ และอุปกรณ์ แล้วลงบันทึกร่วมกันเป็นทีม ผล ไม่พบอุบัติการณ์ลืมเครื่องมือ/ผ้าซับเลือดในตัวผู้ป่วย -ลงเวชระเบียนผู้ป่วยในระบบ Hosmerge ทุกรายเพื่อการสื่อสารและความต่อเนื่องในการดูแลรักษา (7) การดูแลหลังผ่าตัด และการติดตามภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด: - กำหนดแนวทางการดูแลสาย Radivac Drain ในผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกและข้อเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุด - มีการออกบัตรนัดทำ แผล ,ตัดไหม ,ถอดท่อระบาย และนัดฟังผลชิ้นเนื้อทุกราย โดยมีหมายเลขโทรศัพท์ที่เป็นปัจจุบันและสามารถติดต่อได้ -มีการ ตามผล Patho ให้ผู้ป่วยกรณีเกิดปัญหาห้องบัตรไม่มีใบผล Patho เมื่อถึงวันนัดฟังผล (8) การเฝ้าระวังการติดเชื้อแผลผ่าตัด: - มีการประสานขอความร่วมมือระหว่างสหสาขาวิชาชีพในการดูแลผู้ป่วยผ่าตัดต่อเนื่องที่บ้าน ในรายที่มีปัญหา - ในผู้ป่วย ผ่าตัดทั่วไปมีการเฝ้าระวังแผลผ่าตัดภายใน 90 วัน และ 1 ปี ในผู้ป่วยใส่โลหะดามกระดูกต่างๆ iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ - ไม่พบการติดเชื้อหลังผ่าตัดแผลสะอาด ตั้งแต่ปี 2562 – 2565 (ต.ค.64-มี.ค.65) - ปี 2564 - ปรับปรุงภายในห้องผ่าตัด และทางเข้า-ออกเป็นแบบ One way traffic - ในปี 2565 เพิ่มศักยภาพการผ่าตัดโดยการผ่าตัดผ่านกล้องในผู้ป่วยผ่าตัด นิ่วในถุงน้ำดี ไส้ติ่งอักเสบ - ในปี 2565 ผ่าตัดไส้เลื่อนที่ขาหนีบโดยใช้ยาชาเฉพาะที่ v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 72. การผ่าตัด 3.5 L -ปรับปรุงโครงสร้างอาคารสถานที่ให้ได้มาตรฐานสากลภายใน 5 ปี -พัฒนาสมรรถนะพยาบาลห้องผ่าตัด โดยการส่งอบรมหลักสูตรเฉพาะทาง 4 เดือนในสาขา Orthopedic ,ศัลยกรรมทั่วไป และสูตินรีเวช III-4.3 ค. อาหารและโภชนบำบัด i ผลลัพธ์
28 ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: ถูกต้อง เหมาะสม ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ต่อเนื่อง ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 ปี2566 (มี.ค.) 1.อัตราผู้ป่วยได้รับอาหารไม่ตรงตามโรค < 1% 0.9 0.6 0.9 0.6 0.3 0.3 3.อัตราการจัดอาหารไม่เพียงพอ < 1% 1 1 1 1 1 1 5.อัตราความพึงพอใจของผู้รับบริการ > 80% 87.50 87.50 88.75 90.00 90.00 90.00 ii บริบท กลุ่มผู้ป่วยที่การดูแลทางโภชนการมีความสำคัญต่อการฟื้นตัว: :ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยความ ดันโลหิตสูง ผู้ป่วยStrok IMC clinic มารดาทารกแรกเกิด ผู้ป่วยเด็กและกลุ่มผู้ป่วย ที่ต้องได้รับอาหารทางสายยาง iii กระบวนการ ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการดูแลทางโภชนาการ ผู้ป่วย เบาหวาน 1.หลังจากแพทย์ให้คำสั่งการรักษาแล้ว พยาบาลจะโทรศัพท์ประสานงานกับนักโภชนาการเพื่อให้ได้รับ อาหารตามการรักษา 2.ฝ่ายโภชนาการจะกำหนดอาหารผู้ป่วยเบาหวานให้มีพลังงานและสารอาหาร โดยยึด ปฏิบัติตามมาตรฐานโภชนาการ มีการกระจายสารอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสม ถูกต้อง ครบถ้วนตามคำสั่ง แพทย์ มีระบบการเฝ้าระวัง ความ ถูกต้อง ครบถ้วน ของอาหารที่ให้บริการเป็นประจำสม่ำเสมอ ในกรณีที่ เกิดอุบัติการณ์ที่ไม่เป็นไปตามเป้าประสงค์ จะนำปัญหามาพูดคุยในกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง หาสาเหตุของปัญหาและ วางแนวทางแก้ไข ติดตามผล 3.พยาบาลประสานนักโภชนาการในกรณีที่จะต้องได้รับอาหารเฉพาะโรคหรือมี การเปลี่ยนแปลงคำสั่งการรักษาพยาบาลโดยโทรฯติดต่อประสานงานก่อนเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหาร ตามคำสั่งการรักษา 4.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีนักโภชนาการมาให้ความรู้ที่เตียงโดยพยาบาลเป็นผู้ ประสานงาน 5.ให้โภชนศึกษากับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ใน OPD 6.ให้โภชนศึกษากับผู้ป่วย และญาติ ที่ส่ง Consult นักโภชนาการ จากหอผู้ป่วย (1) การจัดอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการพื้นฐาน ระบบบริการอาหาร การป้องกันความเสี่ยง: • ทีมโภชนาการดำเนินการ วิเคราะห์จำนวนพลังงานในสารอาหาร ให้เหมาะสมกับความต้องการพื้นฐาน และภาวะโภชนาการ ของผู้ป่วยที่รับประทานอาหารประเภทต่างๆตามที่แพทย์สั่ง เช่นผู้ป่วยรับประทาน อาหารธรรมดากำหนดพลังงานมาตรฐาน 1,800 กิโลแคลอรี่ (2) การคัดกรองภาวะโภชนาการ การประเมินอย่างละเอียดเมื่อมีข้อบ่งชี้ การวางแผนและการดูแลทางโภชนาการ/โภชน บำบัดในกลุ่มผู้ป่วยสำคัญ:
29 เดิม ไม่มีการประเมินภาวะโภชนาการของผู้ป่วย • ปัจจุบัน นักโภชนาการได้ขึ้นไปให้โภชนบำบัดผู้ป่วยที่มีปัญหาด้าน โภชนาการผู้ป่วยที่มีปัญหาด้าน โภชนาการ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน โดยประเมินภาวะโภชนาการเบื้องต้น ในกลุ่มผู้ป่วยที่ รับประทานอาหาร เฉพาะโรค โดยใช้หลักเกณฑ์ในการบ่งชี้ผู้ป่วยที่จะต้องประเมินโดยละเอียด เพื่อเข้าสู่กระบวนการ วางแผน ให้โภชนบำบัด ด้วยการพิจารณาตัดสินจากระดับผลทางชีวเคมีในเลือดที่เกินระดับปกติ อาการสำคัญที่เข้ารับการรักษาที่ จำเป็นต้องได้รับโภชนบำบัด และสภาพแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง ร่างกายของผู้ป่วยที่พร้อมจะรับโภชนบำบัดหรือไม่ตามดุลย พินิจของแพทย์ได้กำหนดเป้าหมายในการคัด กรองภาวะโภชนาการของผู้ป่วยอาหารเฉพาะโรคที่จะนำเข้าสู่กระบวนการโภชน บำบัดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อย ละ 20 (3) การให้ความรู้ด้านโภชนาการและโภชนบำบัดแก่ผู้ป่วยและครอบครัว: กลุ่มผู้ป่วยใน : เมื่อประเมินปัญหาภาวะโภชนาการของผู้ป่วยได้ชัดเจนแล้ว นักโภชนาการขึ้นเยี่ยมให้ โภชนศึกษา ด้วยการให้ คำปรึกษา/แนะนำประกอบแผ่นพับและโมเดลอาหาร เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น • กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ทีมโภชนาการร่วมกับ อายุรกรรม ดำเนินการให้ความรู้เฉพาะกลุ่ม โดยนัก โภชนาการเน้นให้ คำปรึกษา/คำแนะนำเรื่องอาหารที่เสี่ยงต่อการลุกลาม ของโรค ชนิดของอาการที่มี ปริมาณน้ำตาลและแคลอรีสูง อาหารแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น อาการแต่ละมื้อใน 1 วัน ที่ เหมาะสมกับ สภาวะของโรค พร้อมโมเดลอาหารประกอบการบรรยาย • กลุ่มผู้ป่วยนอกและญาติ - ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิต OPD อายุรกรรม นักโภชนาการให้คำปรึกษา แนะนำเรื่องอาหารเฉพาะโรค อาหารแลกเปลี่ยน พร้อมสื่อการสอนและโมเดลอาหาร ประกอบเพื่อให้ ผู้ป่วยเข้าใจยิ่งขึ้น - ในกลุ่มผู้ป่วยอาหารปั่นผสม : จัดให้มีการสอน เกี่ยวกับการเลือกวัตถุดิบการคำนวณ มาตรวัด ชั่ง ตวงวัตถุดิบ สาธิตวิธีการทำอาการปั่นผสม พร้อมเปิดโอกาสให้ซักถามจน พอใจ และให้หมายเลข โทรศัพท์ส่วนตัวและของหน่วยงานให้ญาติโทรฯถามได้ 24 ชม. - ในกลุ่มแม่และเด็ก ร่วมกับ งาน ส่งเสริมสุขภาพ จัดกิจกรรมให้ความรู้/สาธิต/พร้อมตัวอย่างอาหารจริง เพื่อใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการของเด็กวัย 6 เดือน – 2 ปี แก่มารดาและญาติ พบว่า มารดาและญาติมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน - ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ทุกวันอังคาร ร่วมกับ งานส่งเสริมสุขภาพจัดกิจกรรมแนะนำ/ให้คำปรึกษาเรื่อง อาหารและโภชนาการที่เหมาะกับอายุครรภ์ของหญิงตั้งครรภ์ - ใน กลุ่มผู้ป่วย STROK ร่วมกับสหวิชาชีพเข้าให้คำแนะนำ/คำปรึกษาด้านอาหารใน IMC Clinicเพื่อให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ที่เหมาะสม (4) บทเรียนเกี่ยวกับสุขาภิบาลอาหารในการผลิต จัดเก็บ ส่งมอบ จัดการของภาชนะและเศษอาหาร: • ผลการประเมินด้านสุขาภิบาลอาหารในโรงพยาบาลจากสาธารณสุขจังหวัดนครพนมอยู่ในเกณฑ์ มาตรฐานระดับดีมาก ครบ 30 ข้อ หน่วยงานจึงได้นำหลักสุขาภิบาลอาหารมากำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติ ของเจ้าหน้าที่ดังนี้ - การเลือกซื้อวัตถุดิบ มี คณะกรรมการจัดซื้อ/ตรวจรับอาหารทุกวัน โดยคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และสุ่มตรวจหาสารปนเปื้อนทุกเดือน ผลไม่พบ สิ่งปนเปื้อน มีแนวทางการทำความสะอาด/คัดแยก วัตถุดิบ เพื่อกำจัดและลดสิ่งปนเปื้อนเชื้อโรค มีการแยกอ่างล้างอาหารแต่ ละชนิด เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัก เป็นต้น การจัดเก็บแยกตู้เย็นเก็บผัก , ผลไม้ เนื้อสัตว์ เป็นหมวดหมู่ มีป้ายติดหน้า ตู้เย็น การเก็บวัตถุดิบพวกของแห้ง สำเร็จรูป แยกออกเป็นประเภทไว้ในตู้เก็บของแห้ง โปร่งแต่ มิดชิด - การจัดเตรียมและ ประกอบอาหาร : กำหนดให้มีใบสั่งงานครัว สำหรับจัดเตรียมอาหารและประกอบ อาหารแต่ละประเภท แยกเป็นอาหาร ธรรมดา อ่อน เฉพาะโรค เหมาะสมตามหลักสุขาภิบาลอาหาร โดยมีนักโภชนาการคอยควบคุมดูแล - การจัดเตรียมและ ประกอบอาหารปั่นผสม : กำหนดแนวทางปฏิบัติกระบวนการท าอาหารปั่นผสม มี การวิเคราะห์เตรียมวัตถุดิบ การชั่งตวง ตามใบสั่งงานครัวอาหารปั้นผสมสูตรต่าง ๆ กำหนดเขต สะอาดในห้องอาหารปั่นผสม - กำหนดแนวทางสำหรับผู้ปรุง : มีการ ตรวจร่างกายเจ้าหน้าที่ทุกปี ผลการตรวจร่างกายอยู่ในเกณฑ์ ปกติ กำหนดให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันการสัมผัสอาหารโดยตรง ซึ่ง พบว่าเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติตามหลัก สุขาภิบาลอาหารได้ถูกต้อง - การเฝ้าระวังความสะอาดของอาหารและภาชนะ ในการ บรรจุอาหารได้จัดหาภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด จัดให้มีแนวทางปฏิบัติในการจัดล้างภาชนะและอุปกรณ์ตามหลักสุขาภิบาล อาหาร มีการเก็บภาชนะ แต่ละประเภทเป็นสัดส่วน การสุ่มตรวจเพาะเชื้อในอาหารและสุ่มตรวจเพาะเชื้อภาชนะทุกประเภท
30 ทุก 3 เดือน ผลไม่พบการปนเปื้อนทั้งอาหารและภาชนะ - การจัดการกับอาหารและภาชนะผู้ป่วยติดเชื้อ : กำหนดแนวทาง ปฏิบัติตามหลัก IC มีการแยก ภาชนะโดยแยกภาชนะติดเชื้อต่างหาก ล้างทำความสะอาดต้มในน้ำเดือดเป็นเวลา 20 นาที สำหรับ เจ้าหน้าที่มีการจัดแนวทางจัดการกับเศษอาหารจากผู้ป่วยติดเชื้อโดยใส่ถุงมือป้องกันและคัดแยก เศษอาหารทิ้งในถุงสี แดง – ส่วนการจัดการกับเศษอาหารได้จัดถังเศษอาหารที่มีฝาปิดมิดชิดรองรับมีผู้มาเก็บทุกวัน - การทำความสะอาดโรงเรือน และการควบคุมแมลงและพาหะนำโรค มีมุ้งลวด มีพลาสติกป้องกัน แมลง กำหนดให้มี Big Cleaning Day แนวทาง 5 ส. ประจำสัปดาห์/เดือน เช่น การท า 5 ส. ท่อ ระบายน้ำเพื่อป้องกันหนู แมลงสาบ การทำความสะอาดมุ้งลวด พัดลม การทำ ความสะอาดบริเวณที่ ประกอบอาหารทุกครั้งหลังทำอาหาร iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ • จัดส่งอาหารเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารเสมือนเวลาปกติเหมือนอยู่บ้าน โดยจัดส่งอาหารเย็นให้ผู้ป่วยเป็นเวลา 17.00 น. • พัฒนาสูตรอาหารปั่นผสมประกอบรูปภาพ • พัฒนาการผลิตพุดดิ้งไข่ขาวสำหรับผู้ป่วยโรคไต • เจ้าหน้าที่ประกอบอาหาร ผ่านการอบรมผู้สัมผัสอาหาร • อัตราความพึงพอใจของผู้รับบริการเพิ่มขึ้น v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 73. อาหารและโภชนบำบัด 3 L 1.พัฒนาโภชนบำบัดในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานขณะ ตั้งครรภ์ 100% 2.พัฒนาระบบสั่งพิมพ์ใบกำกับ อาหารด้วย Computer 3.เจ้าหน้าที่ประกอบ อาหารผ่านการอบรมผู้สัมผัสอาหาร 100% III-4.3 ง/จ การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย/การจัดการความปวด i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: เหมาะสม ปลอดภัย ประสิทธิผล ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) 1.ร้อยละการบรรเทาอาการปวดและ จัดการอาการต่างๆด้วย Strong Opioid ในผู้ป่วยประคับประคอง อย่างมีคุณภาพ 40% NA 53.04 41.28 42.38 44.77 42.44 2.ร้อยละการบรรเทาอาการปวดและ จัดการอาการต่างๆด้วย Strong Opioid ในผู้ป่วยประคับประคอง และได้รับการเยี่ยมบ้าน 40% NA 55.65 72.48 96.10 61.77 81.82
31 ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) 3.ร้อยละการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย แบบประคับประคอง มีกิจกรรม Family Meeting และมีการทำ Advance Care Planning (ACP) ร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัว 60% NA NA 50.95 56.38 84.57 48.55 ii บริบท กลุ่มผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ รพ.ให้การดูแล: กลุ่มผู้ป่วย Advance CA ,NON CA (Congestive heart failure) , Advance chronic kidney disease , Advance obstructive disease, Stroke, Full-Blown AIDS, Hepatic Failure และผู้ป่วยเด็ก (โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคสมองพิการ ภาวะความผิดปกติทางพันธุกรรมที่รุนแรง ฯลฯ ให้ใช้อายุร่วมกับ รหัสZ515) กลุ่มเป้าหมายในการจัดการความปวด: กลุ่มผู้ป่วย Acute pain ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วย Trauma และ Non Trauma และ Chronic pain รวมผู้ป่วยระยะ สุดท้าย O ในปี 2553-2560 นำแนวทางปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองของสมาคมพยาบาลมาใช้ในการ ดูแลผู้ป่วย , แต่งตั้งผู้รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ,มีการจัดทีม PC มีแบบบันทึกการเยี่ยมผู้ป่วย,มี WP-NUR-003 เรื่องการดูแล ผู้ป่วยแบบประคับประคอง ,มีแบบบันทึกการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง มีทีมจิตอาสามาให้กำลังใจผู้ป่วย มีการพัฒนา สมรรถนะของทีมงานโดยส่งไปอบรมดูงานการดูแล 1 ครั้ง /ปี,จัดสถานที่ในหอผู้ป่วยสำหรับดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ตาม ความต้องการพื้นฐานทั่วไป มีสถานที่สักการบูชา มีทำบุญตักบาตรข้างเตียง อย่างน้อย 2 ครั้ง/ เดือน ทุกวันศุกร์O ในปี 2561-2563 แต่งตั้งผู้รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ส่งพยาบาลไปอบรมการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองหลักสูตร 1 เดือน กลับมาพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยประคับประคองในหอผู้ป่วยใน มีการจัดทีม PC มีแบบบันทึกการเยี่ยมผู้ป่วย, มีแบบ บันทึกการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง มีทีมจิตอาสามาให้กำลังใจผู้ป่วย มีการแต่งตั้งพยาบาลรับผิดชอบเป็นผู้ดูแลหลัก สำหรับดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในหอผู้ป่วยใน, จัดทำแนวทางการดูแลแบบประคับประคองตั้งแต่ผู้ป่วยมารับบริการที่ โรงพยาบาลจนกระทั่งกลับบ้านต่อเนื่องไปถึงชุมชนโดยการส่งต่อทางระบบ LTC และ Line ภายใต้การดูแลของแพทย์เวช ศาสตร์ครอบครัว, ตามความต้องการพื้นฐานทั่วไป มีสถานที่สักการบูชา มีทำบุญตักบาตรข้างเตียง อย่างน้อย 1 ครั้ง/ เดือน O ในปี 2564-2565 ส่งพยาบาลไปอบรมการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง หลักสูตร 1 เดือนเพื่อจัดทำคลินิกประคับประคอง อย่างเป็นระบบ ภายใต้การดูแลของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และรับผิดชอบเป็นผู้ดูแลหลักและประสานงานการดูแลผู้ป่วย แบบประคับประคองทั้งcup มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและที่ปรึกษา ,จัดตั้งคลินิก palliative careอย่างเป็นทางการ ,เพิ่ม บัญชียากลุ่ม opioids ตามมาตรฐาน service plan,ส่งแพทย์ไปอบรมแพทย์ฝั่งเข็ม หลักสูตร 3 เดือน 2ท่าน กลับมาจัดตั้ง คลินิกกัญชาทางการแพทย์, คลินิกฝังเข็ม เพื่อให้บริการผู้ป่วย, ได้รับบริจาคเครื่องให้ยาทางใต้ผิวหนัง(Syringe driver) 3 เครื่อง,มีการจัดอบรมการดูแลแบบประคับประคองให้กับเจ้าหน้าที่และจิตอาสาเพื่อดูแลผู้ป่วยประคับประคอง ในเขตอำเภอ ธาตุพนม,มีการปรับปรุงแก้ไขแบบบันทึกการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง,จัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยแบบ ประคับประคอง ,จัดทำแนวทางการให้ยามอร์ฟีนใน Syringe driver ในผู้ป่วย ทีมสุขภาพให้ความสนใจและปรับเปลี่ยน ทัศนคติที่ถูกต้องในการดูแลแบบประคับประคอง, มีความเข้าใจในการใช้แบบประเมิน PPSV2 มากขึ้น เพื่อใช้ในการสื่อสารใน การดูแลผู้ป่วยตั้งแต่ผู้ป่วยมารับบริการที่โรงพยาบาลจนกระทั่งกลับบ้านต่อเนื่องไปถึงชุมชน และขยายเครือข่ายบริการเป็น
32 Node ดูแลโซนใต้ของจังหวัดนครพนม ในการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในอำเภอใกล้เคียง โดยการส่งข้อมูลทางระบบ LTC และ Line โทรศัพท์ในการประสานการส่งต่อและดูแลต่อเนื่อง iii กระบวนการ III-4.3 ง. การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย: (1) การสร้างความตระหนักแก่บุคลากรในความต้องการของผู้ป่วยระยะสุดท้าย: • วัตถุประสงค์หลักคือการตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยทุกมิติแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ และจิตสังคม ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลผู้ป่วยทุกคนทั้งบุคคลากรทีมสุขภาพ ครอบครัวญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านและชุมชน ต้องมีมีทัศนคติและความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยถูกต้องตามแนวทางการดูแลแบบประคับประคอง มีการจัดประชุมวิชาการ โดยวิทยากรภายในให้ผู้รับผิดชอบในทุกหน่วยงานและเครือข่ายภายในอำเภอ จัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย การ ส่งต่ออาการผู้ป่วยในการติดตามเยี่ยมโดยใช้ LTC และ Line ทีมสุขภาพให้ความสนใจและปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการ ดูแลแบบประคับประคอง (2) บทเรียนเกี่ยวกับการประเมิน/รับรู้ความต้องการของผู้ป่วยระยะสุดท้าย: • ในการประเมินความต้องการการดูแลผู้ป่วยมีการใช้ PPSV2 เป็นเครื่องมือในการประเมินแต่การเผยแพร่และทำ ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือยังไม่ครอบคลุม ทำให้มีการใช้เครื่องมือน้อยและไม่ถูกต้องในบางหน่วยงาน และในการใช้ เครื่องมือ PPSV2 ใช้ได้ดีและแม่นยำจะช่วยให้การวางแผนดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในกลุ่ม cancer ส่วนในกลุ่ม ผู้ป่วยNon cancer พบว่าการใช้เครื่องมือ PPSV2ในการวางแผนการดูแลและพยากรณ์โรคยังพบข้อผิดพลาด เพราะการ ลุกลามของโรคจะล่าช้ากว่ากลุ่ม Cancer หากผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนเช่น Sepsis , Airway obstruct ฯลฯ ระยะเวลาการ เสียชีวิตจะล่าช้าออกไปอีก (3) การตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยอย่างรอบด้าน (ร่างกาย จิตสังคม อารมณ์ จิตวิญญาณ) และการให้ผู้ป่วย/ ครอบครัวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ: • การตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยอย่างรอบด้าน สนับสนุนและเปิดโอกาสให้ญาติดูแลผู้ป่วยใกล้ชิดตลอดเวลา ประกอบพิธีทางศาสนาตามความเชื่อในแต่ละศาสนา เช่น ฟังเทปธรรมะ ขอขมา นิมนตร์พระสงฆ์มาให้พรและใส่บาตรที่เตียง ฯลฯ ในผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้ามีการประสานพยาบาลจิตเวชมาร่วมในการดูแล การดูแลผู้ป่วยที่สามารถตอบสนองความ ต้องการได้ครอบคลุมส่วนใหญ่ทำได้ดีในผู้ป่วยที่พักในห้องพิเศษเพราะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า สำหรับผู้ป่วยสามัญยังมี ขีดจำกัดเรื่องอาคารสถานที่จึงจัดให้อยู่ในมุมที่เงียบสงบของหน่วยงาน • การให้ผู้ป่วย/ครอบครัวมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มี การวางแผนดูแลล่วงหน้า เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ มีการทำ Family meeting/ACP ในผู้ป่วยระยะสุดท้ายเป็นรายๆ เพื่อ กำหนดแผนการรักษาล่วงหน้าในอนาคตที่ผู้ป่วยไม่สามารถบอกความต้องการของตนได้ มีบางส่วนที่หาญาติที่สามารถตัดสินใจ การรักษาไม่ได้เนื่องจากผู้มีอำนาจตัดสินใจเป็นลูกที่ไปทำงานต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ทำให้บางครั้งต้องยื้อชีวิตผู้ป่วย ออกไปอีก และการตัดสินใจเรื่อง การทำ CPR ญาติส่วนใหญ่จะต้องการให้ช่วยถึงที่สุดแต่หลังจากได้รับทราบแนวทางการดูแล ผู้ป่วยแบบประคับประคอง ผลดีผลเสีย ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จะปฏิเสธการทำ CPR และยึดความต้องการของผู้ป่วยเป็นหลัก ซึ่งผู้ป่วยสูงอายุส่วนใหญ่มีความต้องการกลับไปเสียชีวิตที่บ้าน III-4.3 จ. การจัดการความปวด: (1) การคัดกรองและการประเมินความปวด: • การคัดกรองและประเมินความปวดตั้งแต่แรกรับ โดยใช้เครื่องมือในการประเมินที่เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งองค์กร มี การจัดระดับและระบุรายละเอียดเกี่ยวกับความปวด ประเมินซ้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำหนด CPG ในการบรรเทาอาการ ปวดในแต่ละกลุ่มผู้ป่วย
33 (2) การแจ้งโอกาสที่จะเกิดความปวด และการให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเลือกวิธีจัดการความปวด: • แพทย์ให้ข้อมูลการพยากรณ์โรค อาการหลัก อาการที่จะตามมา การดูแลเพื่อจัดการความปวดที่เหมาะสมทั้งวิธีที่ ใช้ยาและไม่ใช้ยาแก่ผู้ป่วยและญาติ รวมทั้งให้มีส่วนร่วมในการเลือกวิธีการจัดการความปวดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย (3) การจัดการความปวด การเฝ้าระวังผลข้างเคียง และการจัดการความปวดในผู้ป่วยซึ่งรักษาตัวที่บ้าน: • แพทย์ให้ข้อมูลการพยากรณ์โรค อาการหลัก อาการที่จะตามมา การดูแลเพื่อจัดการความปวดที่เหมาะสมทั้งวิธีที่ ใช้ยาและไม่ใช้ยาแก่ผู้ป่วยและญาติ รวมทั้งให้มีส่วนร่วมในการเลือกวิธีการจัดการความปวดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย (3) การจัดการความปวด การเฝ้าระวังผลข้างเคียง และการจัดการความปวดในผู้ป่วยซึ่งรักษาตัวที่บ้าน: • มีการดูแลเพื่อจัดการ ความปวด อาการหลัก และอาการที่จะตามมา มีการป้องกันอาการและภาวะแทรกซ้อน โดยให้ความรู้ในการใช้ยากับผู้ป่วย และ care giver มีการประเมินและสอบถามความเข้าใจเกี่ยวการใช้ยาจนกระทั่งผู้ป่วยและ care giver มั่นใจและทำได้, ติดตามการบริหารยา การดูแลเพื่อจัดการความปวดเมื่อกลับไปดูแลต่อที่บ้านโดยการส่งต่อข้อมูลทางระบบ LTC และ Line ,มี การจัดทำแนวทางการใช้ยาและคืนยา, จัดตั้งคลินิก palliative ที่ให้บริการแบบ one stop service ในเวลาราชการ และ การบริการนอกเวลา iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ • ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ รางวัลพื้นที่ต้นแบบดีเด่นแห่งชาติ ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และ การแพทย์ทางเลือก ประเภทรพ.ชุมชน ระดับจังหวัด และระดับเขต ปี 2564 • บุคลากรผู้มีผลงานเด่นด้านสาธารณสุขประจำ ปี 2561โดยมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช • รางวัลชมเชยการประกวดระดับประเทศ ในหัวข้อ เรื่องเล่าคุณธรรมและ จริยธรรมประจำปี 2561 จากกระทรวงสาธารณสุข • รางวัลชนะเลิศการประกวดในหัวข้อเรื่องเล่าคุณธรรมและจริยธรรม ประจำปี 2561 ระดับเขตสุขภาพที่ 8 และระดับจังหวัดนครพนม • รางวัลโรงพยาบาลแห่งคุณธรรมโดยมูลนิธิโรงพยาบาล สมเด็จพระยุพราช ปี2558-2562ระยะเวลา 5ปี • รางวัลองค์กรต้นแบบ ระดับจังหวัด ปี 2563 • กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว จัดตั้งและพัฒนาคลินิกpalliative care • กลุ่มงานการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จัดตั้งคลินิกกัญชาทาง การแพทย์ และจัดตั้งคลินิกฝังเข็ม v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 74. การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย 3.5 L 1. ใช้แบบประเมิน Palliative performance scale เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการการ ดูแลได้อย่างเหมาะสม 2. การทำ Living will 3. พัฒนาให้ชุมชน มี อสม. ผู้นำชุมชน ให้มีความรู้ เชี่ยวชาญเรื่องการดูแลแบบประคับประคอง หมู่บ้านละ 1 คน 4.มีแผนย้ายคลินิก กำลัง ก่อสร้างตึกศูนย์เรียนรู้ผู้สูงอายุ และใช้ทำคลินิก
34 มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี Palliative care 5.มีแผนพัฒนาสมรรถนะของ ทีมงานโดยส่งไปอบรม 4เดือน 75. การจัดการความปวด 3.5 L 1.การบริหารยาฉีด Morphine ต่อเนื่องในชุมชน 2.การใช้ Syringe driver 3.การใช้แบบประเมิน Palliative outcome scale เพื่อประเมิน ผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง 4. การร่วมโครงการวิจัยใช้กัญชาในการบำบัด อาการปวด III-4.3 ฉ. การฟื้นฟูสภาพ i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: เหมาะสม ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ต่อเนื่อง ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) 1. ร้อยละผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้รับการ ฟื้นฟูทางกายภาพบำบัดขณะนอนรักษาตัวใน โรงพยาบาล >80% 85.59 88.57 89.59 88.53 89.24 87.74 2. ร้อยละผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะฟื้นฟู มีระดับความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตร ประจำวันเพิ่มโดยประเมิน Barthel index score >80% 81.85 86.59 89.51 84.29 89.96 89.00 3. ร้อยละผู้ป่วย Inter mediate care เข้าถึง บริการฟื้นฟูสมรรถภาพทันระยะฟื้นฟู 6 เดือน >80% 95.52 93.41 98.42 97.21 91.53 98.64 4. ร้อยละผู้พิการทางการเคลื่อนไหวได้รับการ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย >80% 86.29 85.39 88.29 77.33 75.94 89.64 ii บริบท
35 กลุ่มผู้ป่วยที่การฟื้นฟูสภาพมีความสำคัญต่อการฟื้นตัว: การฟื้นฟูสภาพให้บริการครอบคลุมผู้ป่วยศัลยกรรม อายุรกรรม และกุมารเวชกรรมโดยกลุ่มผู้ป่วยที่มารับบริการคือ ผู้ป่วยโรค หลอดเลือดสมอง,Inter mediate care , ผู้ป่วย Fracture หลังการผ่าตัด , ผู้ป่วยพัฒนาการช้าและผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ iii กระบวนการ ตัวอย่างโรค (proxy disease) การปฏิบัติที่ทำให้เกิดคุณภาพของการฟื้นฟูสภาพ stroke ผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลและวินิจฉัยโรคนี้จะได้รับการทำกายภาพบำบัดทุกราย โดยนักกายภาพบำบัดจะ อธิบายและสอนเรื่องการฟื้นฟูสภาพโดยเน้นการออกกำลังกาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเอง ให้ได้มากที่สุดตามสภาวะโรค และป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น ข้อติด แผลกดทับ และสอนญาติหรือ ผู้ดูแลให้เข้าใจสภาวะโรคและปฏิบัติต่อผู้ป่วยในเรื่องการฟื้นฟูสภาพต่อที่บ้านได้อย่างถูกต้อง (1) การประเมินและวางแผนฟื้นฟูสภาพ: ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจะมีการกำหนดเป้าหมายในการดูแลฟื้นฟูทั้งในระยะสั้นและระยะยาวในกรณีผู้ป่วยนอนรักษาตัวที่ โรงพยาบาล เป็นการกำหนดเป้าหมายระยะสั้น คือการฟื้นฟูตามสภาวะโรคในขณะนั้น และเมื่อผู้ป่วยจะต้องกลับไปรักษาต่อที่ บ้านจะมีการกำหนดเป้าหมายระยะยาวว่าผู้ป่วยรายนี้จะฟื้นฟูสภาพได้มากน้อยแค่ไหน จะมีการประเมินระดับความสามารถ ตามลักษณะความพิการ และมีการวางแผนกับหน่วยบริการปฐมภูมิในฟื้นที่ ทั้งผู้นำชุมชนและอาสาสมัครชุมชน เพื่อให้ผู้ป่วย ได้รับการฟื้นฟูที่ถูกต้องครอบคลุมในทุกๆด้าน (2) การให้บริการฟื้นฟูสภาพในสถานพยาบาล การช่วยเหลือผู้พิการและฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยในชุมชน: ผู้ป่วยโรคหลอดสมองจะได้รับบริการฟื้นฟูตั้งแต่ระยะเฉียบพลันในขณะที่ผู้ป่วยนอนรักษาที่โรงพยาบาล งานกายภาพบำบัดมี บทบาทในการดูแลและฟื้นฟูโดยเน้นเรื่องการออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองให้ได้มากที่สุดตาม สภาวะโรค โดยจะอธิบายและสอนญาติหรือผู้ป่วยให้เข้าในในเรื่องการฟื้นฟูสภาพ รู้ถึงวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง เพื่อ ผู้ป่วยจะได้กลับไปรักษาและฟื้นฟูต่อที่บ้าน และเมื่อผู้ป่วย D/C แล้วจะมีการติดตามเยี่ยมบ้านโดยนักกายภาพบำบัดร่วมกับ ทีมสหวิชาชีพจะดูเรื่องการฟื้นฟูสภาพต่อที่บ้าน ดูการปรับสภาพบ้านให้เหมาะสมกับผู้ป่วย และเมื่อถึงเวลาที่ต้องได้บัตรผู้ พิการตามสิทธิ (ในผู้ป่วยที่ฟื้นฟุสภาพแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ช่วยเหลือตนเองได้น้อย) จะดูเรื่องการออกเอกสารรับรองความ พิการ การทำบัตรผู้พิการและการเปลี่ยนสิทธิบัตรทอง ท.74 เพื่อการให้อุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น รถเข็น และการได้รับเบี้ย ช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการประสานงานกับหน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่อาสาสมัครชุมชนและอบต. เพื่อ การเข้าถึงบริการของผู้ป่วยครอบคลุมทุกๆด้าน (3) การปฏิบัติตามมาตรฐาน กฎระเบียบ ข้อบังคับ: การให้บริการทางกายภาพบำบัดในผู้ป่วยทุกกลุ่มโรคกระทำภายใต้กฎหมายวิชาชีพคำนึงถึงความปลอดภัย ครอบคลุมการ ให้บริการหลักทั้ง 4 ด้าน คือ ส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟูสภาพ iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้รับการฟื้นฟูสภาพและทำกายภาพบำบัดขณะที่นอนโรงพยาบาลทุกราย และมีระดับ ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเพิ่มขึ้นโดยการประเมิน Barthel index score
36 v แผนการพัฒนา มาตรฐาน Score DALI Gap ประเด็นพัฒนาใน 1-2 ปี 76. การฟื้นฟูสภาพ 4 L มีนักกายภาพบำบัดที่รับผิดชอบงานฟื้นฟูสภาพ แบบ Full time III-4.3 ช. การดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง i ผลลัพธ์ ประเด็นสำคัญที่ควรรายงาน: เหมาะสม ปลอดภัย ประสิทธิผล องค์รวม ต่อเนื่อง ข้อมูล/ตัวชี้วัด เป้าหมาย ปี2561 ปี2562 ปี2563 ปี2564 ปี2565 2566 (มี.ค.) ร้อยละของผู้ป่วยมี Rate deeline of GFR<5ml/min/1.73m2/year >66% 76.84 65.26 62.81 59.84 62.50 60.85 อัตราการเกิดความดันโลหิตต่ำขณะฟอกเลือด <3% 1.52 2.30 1.42 0.26 067 0.37 ร้อยละของผู้ป่วยที่มีค่าเฉลี่ยของkt/vน้อยกว่า1.2 ผู้ป่วยฟอกเลือด(ฟอก3รอบ) <20% 2.15 0 6.66 4.60 2.08 9.26 ร้อยละของผู้ป่วยที่มีค่าเฉลี่ยของkt/vน้อยกว่า1.8 ผู้ป่วยฟอกเลือด(ฟอก2รอบ) <20% 13.80 11.10 7.40 16.18 14.20 14.28 ii บริบท (ตามบริบทหน่วยงาน): คนไข้ไตวายเรื้อรังระยะ4-5 จะได้รับการดูแลที่CKDคลีนิก(คลีนิกชะลอไตเสื่อม)เปิดให้บริการเมื่อปี2556 วันศุกร์ต่อมาได้ขยาย เป็นวันพฤหัสเพิ่มอีก1 วันเวลา13.00-16.00น.มีการเข้าถึงบริการมากขึ้นตรวจรักษาโดยแพทย์อายุรกรรม ผู้รับบริการในเขต บริการสุขภาพและอำเภอใกล้เคียงปัจจุบันจำนวนคนไข้แยกตามstage4 ปี2565=159(23.84%) stage 5 2565=92(13.79%) https://npm.hdc.moph.go.th/hdc/main/index.php คนไข้มีแนวโน้มดีขึ้นในการชะลอไตเสื่อม เข้าถึงบริการได้มากขึ้น มีผู้รับบริการCKDเฉลี่ย30ราย/วันคนไข้รายใหม่เข้ารับการเตรียมความรู้ความพร้อมในการบำบัดทดแทนไต(RRT) 98.2% ทำ ให้คนไข้และครอบครัวได้รับข้อมูลในการปฏิบัติตัวคนไข้มีความพร้อมในการดูแลตนเอง และมีความพึงพอใจ ผู้ป่วยไตวาย เรื้อรังระยะสุดท้ายจะเข้าสู่กระบวนการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ส่วนคนไข้เลือกการฟอกทางหน้าท้อง ส่งเข้าCAPD ที่รพ. นครพนม ปัจจุบันมีจำนวน 21 ราย ในส่วนคนไข้ที่เลือกการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมโดย หน่วยไตเทียม รพ.ร.ธาตุพนม เปิดให้บริการฟอกเลือดในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในปี2549ผู้ป่วยตั้งแต่อายุ13ปีขึ้นไป ทั้งกรณีไตวายเฉียบพลันและไตวายเรื้อรังตั้งแต่ 2549 ปัจจุบันมีเครื่องฟอกไตทั้งหมด20เครื่อง 1.เปิดให้บริการฟอกเลือดด้วย
37 เครื่องไตเทียม วันจันทร์ถึงวันเสาร์ วันจันทร์ให้บริการ 3 รอบส่วนวันอังคาร –เสาร์ 2 รอบจำนวนผู้รับบริการเพิ่มมากขึ้นไม่ เพียงพอกับผู้ป่วยที่รอฟอกซึ่งมีผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในเขตที่รับผิดชอบระยะที่5 92 ราย(ข้อมูล ณ วันที่ 3 พ.ค 65) ให้บริการฟอกเลือดผู้ป่วยวันละ 24-30ราย มีพยาบาลผู้เชี่ยวชาญไตเทียม 3 คนพยาบาลผ่านการอบรมไตเทียม 6 เดือน 3 คน ผู้ช่วยเหลือคนไข้ 5 คน พนักงานทั่วไป 2 คน การจัดอัตรากำลัง พยาบาล 1 : 3 2.ให้บริการให้คำปรึกษา การบำบัดทดแทนไต RRT ทั้งผู้ป่วยใน แลผู้ป่วยนอก เฉลี่ย 2-3คน/วัน 3.ให้บริการหัตถการการใส่ DLC (เส้นเลือดฟอกเลือดชั่วคราวในรายฉุกเฉิน/ วิกฤติ และเส้นเลือดถาวร มีปัญหา และระหว่างรอใช้เส้นถาวร)และฟอกเลือดในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะวิกฤติ4.ให้บริการ ฟอกเลือดชนิดชั่วคราว แบบ OPD CASE ในกรณีมีคิวและติดต่อล่วงหน้า 5.บันทึกแบบประเมิน TRT ส่งสมาคมโรคไตเพื่อเป็น ข้อมูลพื้นฐานในระดับประเทศในการศึกษาและวิจัย iii กระบวนการ (1) การปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน: 1.1คลีนิคชะลอไตสื่อม -การบริการเชิงรุกในกลุ่ม DM /HT มีการคัดกรองและประเมินระยะการทำงานของไต ปีละ 1 ครั้ง และออกให้ความรู้การป้องกันและการดูแลตนเองเพื่อชะลอไตเสื่อมที่รพ.สต.ทุกแห่ง - มีการประชุมแลกปลี่ยนเรียนรู้ ในการ ดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังปีละ 1 ครั้งโดยแพทย์เฉพาะทางโรคไตเพื่อสร้างทีมในการดูแลผู้ป่วยระดับอำเภอ -เพื่อให้บริการผู้ป่วย โรคไตเรื้อรังระยะที่ 4-5 เพื่อให้บริการตรวจรักษาโดยอายุรแพทย์และให้คำปรึกษาโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ ในกรณีผู้ป่วยนอน โรงพยาบาลสามารถขอรับบริการให้คำปรึกษากับ Case manager โรคไตเรื้อรังได้ในเวลาราชการ -• ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ ที่ 5 ที่ eGFR < 10 ต้องได้รับการวางแผนเพื่อเตรียมผู้ป่วยให้พร้อมรับการบำบัดทดแทนไตและต้องส่งพบอายุรแพทย์ มีการ ส่งต่อข้อมูลให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเพื่อวางแผนการดูแลต่อเนื่อง 1.2ผู้ป่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เมื่อคนไข้ ไตเรื้อรังระยะสุดท้ายเข้าสู่กระบวนการบำบัดทดแทนไตแบบการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมจะได้รับบริการตามมาตรฐาน ตรต.โดยราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย การรับและประเมินผู้ป่วย -การเตรียมความพร้อมก่อนฟอกเลือด - การ ประเมินผู้ป่วยก่อนฟอกเลือด - การเตรียมความพร้อมของเครื่องฟอกเลือด/ระบบน้ำและอุปกรณ์เพียงพอและพร้อมใช้งาน ผล การตรวจวิเคราะห์ระบบน้ำตามเกณฑ์ การบริการขณะฟอกเลือด - ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้อย่าง เหมาะสมทันท่วงทีปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อน - ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน - การดูแล แผลคาสายหลอดเลือดดำถูกต้องตามมาตรฐาน พัฒนา QRcode: happy hemo เพื่อสื่อสารกับคนไข้ในการรับบริการ การ บริการหลังการฟอกเลือด -การสิ้นสุดการรักษาการคืนเลือดจากวงจรไตเทียมกลับคืนเข้าตัวผู้ป่วย การoff เข็ม - ไม่มีการเกิด ฟองอากาศเข้าสู่กระแสเลือดขณะคืนเลือด -ผู้ป่วยได้รับการคืนเลือดกลับเข้าสู่ร่างกายมากที่สุดและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน - อุปกรณ์สะอาด/ปราศจากเชื้อ -การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ/ผสมน้ำยาถูกต้อง –บุคคลากรมีทักษะในการล้างตัวกรอง และอบฆ่าเชื้อ เสริมสร้างสุขภาพผู้ป่วย การดูแลผู้ป่วยหลังการฟอกเลือด/การแนะนำให้ข้อมูล/เสริมพลังครอบครัว ให้มีส่วนร่วมในการดูแล ผู้ป่วยhome call/ส่งต่อในรายส่งตรวจพิเศษ รักษาต่อเนื่อง ส่งต่อ COCในรายเตียง3 และPC ตามเกณฑ์เข้าระบบ LTC (2) การปฏิบัติตามข้อแนะนำของคณะอนุกรรมการตรวจรับรองมาตรฐานการรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม: ทางหน่วยไตเทียม ได้ผ่านการประเมินการรับรองตามมาตรฐานการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมตั้งแต่ปี 2549 – ปัจจุบัน โดย เขียนแบบประเมินตนเองตามมาตรฐานใหม่ 11องค์ประกอบ ของปี 2565 ตรต.เยี่ยมตรวจหน่วยไตเทียมไปเมือ 28 เมษายน 2565 และรับรองต่ออายุ เดือนพฤษภาคม 2565 iv ผลการพัฒนาที่โดดเด่นและภาคภูมิใจ-2561 การพัฒนารูปแบบ CPR ในงานไตเทียม -2562 พัฒนาระบบโรคไตเรื้อรัง เชื่อมโยงกับ PC -2563 พัฒนารูปแบบการแบ่งประเภทผู้ป่วย HD CLASS RISKในหน่วยงาน -2564 พัฒนารูปแบบการ