The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by info abms, 2020-08-27 09:36:55

วิทยาการคำนวณ ม.3

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5/1




เรื่อง การใชเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เวลา 6 ชั่วโมง


1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดชั้นปี



มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงค านวณในการแก้ปญหาทีพบในชีวิตจริงอย่างเปนขั้นตอน






และเปนระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสารในการเรียนรู้การท างาน และการแก้ปญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
ี้
ตัวชวัดข้อ 4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ปฏิบัติตามกฎหมาย
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม



2. แนวคิดสำคัญ


2.1 ความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ การรู้จักปองกันภัยคุกคามทีเกิดจากการใช้


เทคโนโลยี ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภัยคุกคามจากการท าธุรกรรมออนไลนการซือสินค้า




2.2 ผลพวงจากการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลาย ท าให้เกิดสือต่าง ๆ ขึนมากมาย เช่น สือสังคม







ออนไลนการซือขายสินค้าออนไลน การท าธุรกรรมทางการเงินออนไลน เปนต้น สื่อเหล่านีมีความสะดวกใน


การใช้อย่างมาก อาจมีผู้ฉกฉวยโอกาสใช้สือในการแสวงหาผลประโยชนโดยไม่สุจริต หรือใช้ในการล่อลวง
ผู้อื่น จึงต้องมีกฎหมายเพือจัดระเบียบการใช้คอมพิวเตอร์


3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 บอกอันตรายต่าง ๆ ทีเกิดจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้

3.2 บอกวิธีใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยได้
3.3 บอกความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้
3.4 บอกโทษจากการท าความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับ

คอมพิวเตอร์ได้

3.5 บอกการใช้สารสนเทศทีเปนลิขสิทธิ์ของผู้อื่นอย่างชอบธรรมได้



4. สาระการเรียนรู้


4.1 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย


4.2 กฎหมายเกียวกับคอมพิวเตอร์


5. ชิ้นงาน/ภาระงาน



5.1 ท าแบบทดสอบก่อนเรียน


5.2 ท ากิจกรรมประจ าหนวย

5.3 ท าใบงานที 1 และใบงานที 2

5.4 ท ากิจกรรมประจ าหนวย


5.5 ตอบค าถามประจ าหนวย
5.6 ท าแบบทดสอบหลังเรียน



6. คำถามหลัก


6.1 ธุรกรรมออนไลนหมายถึงการท าอะไร


6.2 ข้อควรระวังในการซือสินค้าออนไลนคืออะไร



6.3 การซือไอเท็มคือซืออะไร
6.4 บอกความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาตามทีทราบ


6.5 การเปดอีเมลของผู้ไม่รู้จักทีส่งมาให้อาจมีผลเสียอย่างไร


6.6 ทรัพย์สินทางปญญาหมายถึงอะไร
6.7 ลิขสิทธิ์จะได้รับการคุ้มครองเมื่อไร
6.8 สิทธิบัตรหมายถึงอะไร

6.9 เครื่องหมายการค้าต้องจดทะเบียนหรือไม่
6.10 โตโยต้าคืออะไรในภาษากฎหมาย

6.11 ส้มบางมดจัดเปนอะไรในพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์




6.12 ครูสอนวิชานาฏศิลปคิดค้นท่าร าอวยพรแบบใหม ท่าร านีต้องจดลิขสิทธิ์หรือไม ่
6.13 ถ้าจดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว มีผลคุ้นครองในประเทศอื่นหรือไม ่
6.14 สิทธิบัตรมีผลคุ้มครองนานเท่าไร

6.15 ลิขสิทธิ์มีอายุคุ้มครองนานเท่าไร

6.16 ทรัพย์สินทางปญญาแบ่งเปนกี่ประเภท


6.17 การนาเพลงของเบิร์ดมารวมไว้ในหนวยความจ าแบบแฟลชแล้วขายมีความผิดหรือไม่


6.18 การเล่นแชร์ออนไลนมีความผิดหรือไม่


6.19 การคัดลอกข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาส่งเปนรายงานมีความผิดหรือไม่

6.20 การคัดลอกเนือหาบางส่วนของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มาท าเปนรายงานแล้วบอกแหล่งทีมาไว้


ตอนท้าย เรียกว่าการใช้สารสนเทศแบบใด



7. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้



7.1 ขั้นนำ (1 ชั่วโมง)

1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้


2. ครูยกตัวอย่างการท าธุรกรรมออนไลนและธุรกรรมทีนิยมใช้มากขึน เช่น การซือขายสินค้า



ออนไลน การช าระเงินด้วยกระเปาเงินออนไลน (e-Wallet) ผ่านสมาร์ตโฟน



3. ครูยกตัวอย่างเรื่องการหลอกลวงทางสือสังคมออนไลน ทีเกิดขึนช่วงเวลาทีก าลังเรียน เช่น




การหลอกว่าสามารถพาไปท างานในต่างประเทศได้ ให้โอนเงินค่าท าวีซ่า และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปให้
เมื่อได้เงินแล้ว ปดเว็บไซต์หนีไป ให้นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์สาเหตุ เช่น มีข้อจูงใจอะไรให้เชื่อ

4. ให้นักเรียนท าแบบทดสอบก่อนเรียนเปนการบ้าน

7.2 ขั้นสอน (5 ชั่วโมง)
1. ครูให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ที 5.1 เรื่อง สรุปสาระส าคัญพระราชบัญญัติการเล่นแชร์

พ.ศ. 2534
2. ครูตั้งค าถาม
- ท าไมคนจึงนิยมเล่นแชร์
- เล่นแชร์อย่างไรจึงไม่ผิดกฎหมาย


- การเล่นแชร์ออนไลนคืออะไร

- ท าอย่างไรจึงเปนการโกงแชร์
- แชร์ลูกโซ่หมายถึงอะไร

3. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและยกตัวอย่างการหลอกลวงบนอินเทอร์เน็ตทีได้ยินจากข่าว


ต่าง ๆ แล้วสรุปเปนข้อ ๆ นามาจัดล าดับตามประเภทของการหลอกลวง




4. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่าง ท าอย่างไรจึงเปนการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ สรุป



เปน ข้อ ๆ แล้วท าเปนแผ่นปายติดประกาศไว้

5. ครูให้นักเรียนศึกษาพระราชบัญญัติทรัพย์สินทางปญญาจากหนังสือแบบเรียนและสืบค้น

เพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ

6. ครูให้นักเรียนตอบค าถามในใบงานที 5.1



7. ครูตั้งค าถามเรื่องการคัดลอกเรื่องทีสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตมาท าเปนรายงาน ผิดกฎหมาย


หรือไม่ เพราะอะไร และเปนสิ่งทีควรท าหรือไม่
8. ให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมในใบความรู้ที 5.2

7.3 ขั้นสรุป
1. นักเรียนสรุปความรู้ความเข้าใจตามจดประสงค์การเรียนรู้

2. นักเรียนเขียนผังความคิดสรุปผลการเรียนรู้


8. สื่อการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้



8.1 สื่อการเรียนรู้


1. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พืนฐาน วิทยาการค านวณ ชั้นมัธยมศึกษาปที 3 ของบริษัท


แม็คเอ็ดดูเคชั่น จ ากัด
2. เว็บไซต์ความรู้ของบริษัท แม็คเอ็ดดูเคชั่น จ ากัด


8.2 แหล่งการเรียนรู ้

1. ห้องสมุดของโรงเรียน

2. เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปญญา https://www.ipthailand.go.th/th/
3. เว็บไซต์คณะกรรมการกฤษฎีกา https://www.sme.go.th/

4. เว็บไซต์กระทรวงยุติธรรม https://www.moj.go.th/

5. ส านักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) https://www.nstda.or.th/














9. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้


9.1 ท าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ท้ายหนวย

9.2 แบบประเมินด้านทักษะปฏิบัติ (ในกิจกรรม)



9.3 แบบประเมินการนาเสนอผลงานกลุ่ม (โดยให้ครู เพือนกลุ่มอื่น และกลุ่มตนเองประเมิน)
9.4 แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง (นักเรียนประเมินผลทีได้จากการสะท้อนตนเองจากการ


เรียนรู้ลงในแบบประเมินข้อ 11 ซึงครูเปนผู้จัดท าให้)

9.5 แบบประเมินการเขียนผังมโนทัศน ์
9.6 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้

9.7 แบบประเมินทักษะทีจ าเปนในศตวรรษที 21


9.8 แบบบันทึกการจัดการเรียนรู้ส าหรับนักเรียน.
9.9 แบบบันทึกการจัดการเรียนรู้ส าหรับครู

9.10 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้
9.11 แบบประเมินสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน

9.12 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ


























10. ความคิดเห็นของผู้บริหาร/สถานศึกษา


……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………







ลงชื่อ ................................................... ผู้บริหาร













































11. บันทึกการเรียนรู้สำหรับนักเรียน (Student’s Reflection)

11.1 ความรู้ความเข้าใจที่ได้จากการเรียนรู้


ด้านความรู้.........................................................................................................................................

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ด้านทักษะ..........................................................................................................................................

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………


ด้านการพัฒนาคุณลักษณะอนพึงประสงค์.........................................................................................
..............................................................................................................................................................................

11.2 ปัญหา/อุปสรรคในการเรียนรู้ ...........................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

11.3 แนวทางการปรับปรุงหรือพัฒนาตนเองครั้งต่อไป .............................................................................

..............................................................................................................................................................................





ลงชื่อ ................................................... ผู้เรียน

12. บันทึกการจัดการเรียนรู้สำหรับครู (Teacher’s Reflection)



12.1 ความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้

ด้านผู้เรียน..........................................................................................................................................

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ด้านวิธีสอนการวัดผล.........................................................................................................................

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

12.2 ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ .................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

12.3 สิ่งที่ไม่ได้ปฏิบัติตามแผน ..................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

เหตุผล................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

12.4 แนวทางการปรับปรุง/พัฒนาตนเองครั้งต่อไป

..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................

..............................................................................................................................................................................







ลงชื่อ ................................................... ผู้สอน

ใบงานที่ 5.1


เรื่อง ความผิดตามพระราช บัญญัติคอมพิวเตอร์และบทลงโทษ



ื่
ชอ.............................................................................................เ ล ข ท . ี่ . . . . . . . . . . . . . .
ี่

ชั้นมัธยมศึกษาปท 3/........


วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) วันเดอนป ...........................................











ค าชแจง ใหนกเรยนสบคนข้อมลจากพระราชบัญญัติวาดวยการกระท าความผิดเก่ยวกับ






คอมพิวเตอร์แลวตอบค าถามตอไปน


1. การแอบเข้าไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นทีมีการเข้ารหัสไว้ มีโทษอย่างไร
.......................................................................................................................................................
...............
.......................................................................................................................................................
...............
.......................................................................................................................................................
...............
2. ถ้านักเรียนเปนผู้วางระบบความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลส าคัญให้กับลูกค้า แต่ได้บอกขั้นตอนการ

เข้าถึงและรหัสผ่านให้ผู้อื่นทีไม่ใช่เจ้าของระบบ มีความผิดหรือไม่ อย่างไร

.......................................................................................................................................................

...............
.......................................................................................................................................................

...............
.......................................................................................................................................................

...............

3. การเผยแพร่หรือส่งต่อซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเปนข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมทีนาจะเกิด



ความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มีความผิดอย่างไร
.......................................................................................................................................................
.............
.......................................................................................................................................................

...............
.......................................................................................................................................................

...............


4. เว็บไซต์แห่งหนึง ประกาศรับสมัครผู้ท างานนอกเวลา ไม่ต้องมีความรู้เพียงแต่มีสมาร์ตโฟน ก็ท างาน

ได้ รายได้ดี ช่วยลดภาระของผู้ปกครอง นักเรียนคิดว่าเปนความจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงมีความผิด
อย่างไร
.......................................................................................................................................................

...............
.......................................................................................................................................................

...............


............................................................................................................................................................

..........









เฉลยใบงานที่ 5.1

เรื่อง ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์และบทลงโทษ




ื่
ชอ.............................................................................................เ ล ข ท . ี่ . . . . . . . . . . . . . .
ี่

ชั้นมัธยมศึกษาปท 3/........


วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) วันเดอนป ...........................................









ค าชแจง ใหนกเรยนสบคนข้อมลจากพระราชบัญญัติวาดวยการกระท าความผิดเก่ยวกับ








คอมพิวเตอร์แลวตอบค าถามตอไปน

1. การแอบเข้าไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นทีมีการเข้ารหัสไว้ มีโทษอย่างไร

ตามมาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและ
.......................................................................................................................................................
...............
มาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหมื่นบาท หรือทั้งจำ
.......................................................................................................................................................
ทั้งปรับ
...............
.......................................................................................................................................................
...............

2. ถ้านักเรียนเปนผู้วางระบบความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลส าคัญให้กับลูกค้า แต่ได้บอกขั้นตอนการ

เข้าถึงและรหัสผ่านให้ผู้อื่นทีไม่ใช่เจ้าของระบบ มีความผิดหรือไม่ อย่างไร

............. ตามมาตรา 6 ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการ
มีความผิด
.......................................................................................................................................................
เฉพาะ ถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อน ต้องระวาง
ื่
..
โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.......................................................................................................................................................

...............
.......................................................................................................................................................

...............

3. การเผยแพร่หรือส่งต่อซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเปนข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมทีนาจะเกิด



ความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มีความผิดอย่างไร
.......................................................................................................................................................
มีความผิดตามมาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับ
.............
ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.......................................................................................................................................................

...............
.......................................................................................................................................................

...............

4. เว็บไซต์แห่งหนึง ประกาศรับสมัครผู้ท างานนอกเวลา ไม่ต้องมีความรู้เพียงแต่มีสมาร์ตโฟน ก็ท างาน
ได้ รายได้ดี ช่วยลดภาระของผู้ปกครอง นักเรียนคิดว่าเปนความจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงมีความผิด

อย่างไร
ส่วนใหญ่มักเป็นข้อความหลอกลวง เพื่อให้นักเรียนทำงานแชร์โฆษณาเว็บไซต์หรือขายสินค้าทางสื่อสังคม
.......................................................................................................................................................
ออนไลน์ ซึ่งจะมีความผิดตามมาตรา 4 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท
...............

.......................................................................................................................................................
...............



............................................................................................................................................................

..........










ใบความรู้ที่ 5.1


เรอง สรุปสาระส าคัญพระราชบัญญัติการเลนแชร์ พ.ศ. ๒๕๓๔



1
จีระ พุ่มพวง

๑. หลักการและเหตุผล


เนืองจากในปจจบันได้มีผู้ประกอบธุรกิจเปนนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์กันอย่างกว้างขวาง การ


ประกอบธุรกิจดังกล่าวนอกจากจะเปนอันตรายต่อประชาชนแล้วยังกระทบต่อการระดมเงินออมของสถาบัน


การเงินทีทางราชการสนับสนนและรับผิดชอบ และส่งผลกระทบไปถึงระบบเศรษฐกิจโดยส่วนรวมอีก

ด้วย นอกจากนียังปรากฏว่าผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหลายรายได้พยายามด าเนินการให้ใกล้เคียงกับการ





ประกอบธุรกิจเงินทุนซึงมีกฎหมายควบคุมอยู่แล้ว ในการนีสมควรห้ามประกอบธุรกิจประเภทน ส่วนการเล่น


แชร์ของประชาชนทั่วไปทีมิได้ด าเนินการเปนธุรกิจนั้นยังให้กระท าต่อไปได้

๒. สาระส าคัญของพระราชบัญญัติ

การเล่นแชร์ ในพระราชบัญญัตินีหมายความว่า การทีบุคคลตั้งแต่สามคนขึนไปตกลงกันเปนสมาชิก




วงแชร์ โดยแต่ละคนมีภาระทีจะส่งเงินหรือทรัพย์สินอื่นใด รวมเข้าเปนทนกองกลางเปนงวด ๆ เพือให้สมาชิก




วงแชร์หมุนเวียนกันรับทุนกองกลางแต่ละงวดนั้นไปโดยการประมูลหรือโดยวิธีอื่นใด และให้หมายความ
รวมถึงการรวมทุนในลักษณะอื่นตามทีก าหนดในกฎกระทรวงด้วย (มาตรา 4)


กฎหมายก าหนดการกระท าอันมีลักษณะต้องห้ามตามพระราชราชบัญญัตินี ได้แก่



2

กรณทเปนนิติบคคล ห้ามมิให้นิติบุคคลเปนนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ (มาตรา 5) และมิ


ให้นิติบุคคลสัญญาว่าจะใช้เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดแทนนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์หรือสมาชิกวง
แชร์ (มาตรา 8)



กรณบุคคลธรรมดา ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเปนนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ทีมีลักษณะ
อย่างหนึงอย่างใดดังต่อไปนี ้

(1) เปนนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจ านวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวง

(2) มีจ านวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงมากกว่าสามสิบคน
(3) มีทุนกองกลางต่อหนึงงวดรวมกันทุกวงเปนมูลค่ามากกว่าจ านวนทีก าหนดไว้ในกฎกระทรวง




(4) นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์นั้นได้รับประโยชนตอบแทนอย่างอื่นนอกจากสิทธิทีจะได้รับ



ทุนกองกลางในการเข้าร่วมเล่นแชร์ในงวดหนึงงวดใดได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบีย
ผู้ทีสัญญาว่าจะใช้เงินหรือทรัพย์สินอืนใดแทนนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ให้ถือว่าเปนนายวง



แชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ด้วย (มาตรา 6) ในกรณีดังกล่าวมาไม่กระทบกระเทือนถึงการทีสมาชิกวงแชร์จะ


ฟองคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ (มาตรา 7)
นอกจากนั้นยังก าหนดห้ามมิให้บุคคลใดโฆษณาชี้ชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมในการเล่น
แชร์ (มาตรา 9) ใช้ชื่อหรือค าแสดงชื่อในธุรกิจทีมีค าว่า “แชร์” หรือค าอืนใดทีมีความหมายเช่นเดียวกันและ




รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานเบกษา ในกรณีทีมีประกาศดังกล่าว ให้ผู้ทีใช้ชื่อหรือค าแสดงชื่อในธุรกิจทีมีค า



ทีรัฐมนตรีประกาศอยู่แล้วในวันทีประกาศ ใช้ชื่อหรือค าแสดงชื่อดังกล่าวต่อไปได้ไม่เกินหนงร้อยแปดสิบวัน








นับแต่วันทีประกาศดังกล่าวใช้บังคับ เว้นแต่ผู้ทีอาจด าเนินกิจการต่อไปได้ตามพระราชบัญญัตินีก าหนดไว้
(มาตรา 10)


ในกรณีทีมีกฎกระทรวงซึ่งออกโดยอาศัยอ านาจตามพระราชบัญญัตินีก าหนดให้การรวมทุนใน

ลักษณะอื่นใดเปนการเล่นแชร์ตามพระราชบัญญัตินี และการเล่นแชร์ดังกล่าวมีลักษณะต้องห้าม ผู้ทีเปนนาย




วงแชร์ หรือจัดให้มีการเล่นแชร์นั้นอยู่แล้วในวันทีกฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ อาจด าเนินกิจการดังกล่าว



เฉพาะวงแชร์ทียังค้างอยู่ต่อไปได้จนกว่าจะเสร็จแต่ต้องไม่เกินสองปนับแต่วันทีกฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ



ในกรณีทีเปนนิติบุคคล และประสงค์จะด าเนินการเปนนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์เฉพาะวงแชร์ทียัง


ค้างอยู่ต่อไป ให้ยื่นรายงานเกียวกับกิจการการเล่นแชร์ตามแบบทีรัฐมนตรีก าหนดต่อพนักงานเจ้าหนาที ่



ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันทีกฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ

นิติบุคคลใดมีวัตถุประสงค์เปนนายวงแชร์หรือเปนผู้จัดให้มีการรวมทุนในลักษณะอื่นซึงมี




กฎกระทรวงก าหนดให้เปนการเล่นแชร์ตามพระราชบัญญัตินีอยู่แล้วในวันทีกฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ ให้


นิติบุคคลนั้นด าเนินการยกเลิกวัตถุประสงค์ดังกล่าวโดยยื่นค าขอต่อนายทะเบียนตามกฎหมายทีเกี่ยวกับนิติ
บุคคลนั้นภายในหนงร้อยแปดสิบวันนับแต่วันทีกฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ ให้นิติบุคคลนั้นด าเนินการ






ยกเลิกวัตถุประสงค์ดังกล่าวโดยยืนค าขอต่อนายทะเบียนตามกฎหมายทีเกียวกับนิติบุคคลนั้นอย่างช้าต้องไม่



เกินสองปนับแต่วันทีกฎกระทรวงดังกล่าวใช้บังคับ เว้นแต่นิติบุคคลนั้นจะเปนนิติบุคคลทีอาจด าเนินกิจการ


ต่อไปโดยได้รับอนญาตจากรัฐมนตรี (มาตรา 11 )
ในกรณีทีนิติบุคคลใดละเลยไม่ด าเนินการตามทีกฎหมายก าหนด ให้นายทะเบียนตามกฎหมายที ่


เกียวกับ นิติบุคคลนั้นมีอ านาจขีดวัตถุประสงค์ดังกล่าวออกจากทะเบียนได้ แต่การใช้อ านาจของนายทะเบียน


ไม่เปนเหตุให้นิติบุคคลดังกล่าวพ้นความรับผิดตามพระราชบัญญัตินี ้





ให้พนักงานเจ้าหนาทีซึงรัฐมนตรีแต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินีมีอ านาจ เข้าไปในสถานทีใดทีมีเหตุอัน


ควรสงสัยว่ามีการกระท าความผิดตามพระราชบัญญัตินีในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึนถึงพระอาทิตย์ตก หรือ

ในเวลา ท าการของสถานทีนั้นเพือตรวจสอบได้ ยึดหรืออายัดบัญชี เอกสาร หลักฐาน หรือสิ่งอื่นใดที ่


เกียวข้องหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเกียวข้องกับการกระท าความผิดตามพระราชบัญญัตินี เพือประโยชนใน





การตรวจสอบหรือด าเนินคดีมีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยค าหรือสั่งให้ส่งบัญชีเอกสาร



หลักฐานหรือสิ่งอื่นใดทีจ าเปนมาประกอบการพิจารณาได้ ทั้งนี โดยให้เวลาบุคคลนั้นตามสมควร (มาตรา 12)
และให้บุคคลซึงเกียวข้องอ านวยความสะดวกตามสมควร (มาตรา 13)






นอกจากนีพระราชบัญญัตินียังได้ก าหนดโทษทางอาญาแก่บุคคลและนิติบุคคลซึงกระท าการฝาฝน

บทบัญญัติของกฎหมายเพือให้กฎหมายมีผลบังคับได้จริง (มาตรา 16 ถึง มาตรา 25) และในกรณีทีนิติบุคคล


ใดกระท าความผิด กรรมการผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึงรับผิดชอบในการจัดการหรือบริหารงานของนิติบุคคล


นั้น ต้องรับผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจนได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการกระท าความผิดของนิติบุคคลนั้นด้วย (มาตรา
26)

๓. ผู้รักษาการตามกฎหมายและวันใชบังคับกฎหมาย

ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตาม




พระราชบัญญัตินี และให้มีอ านาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหนาทีเพือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี และให้




รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอ านาจออกกฎกระทรวงและประกาศ ทั้งนี เพือปฏิบัติการตาม

พระราชบัญญัตินี (มาตรา 30)

กรณีวันใช้บังคับ พระราชบัญญัตินีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานเบกษาเปน


3
ต้นไป (มาตรา 2)


ศูนย์ข้อมูลกฎหมายกลาง
ส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มิถุนายน พ.ศ. 2547


1 นิติกร 3 ศูนย์ข้อมูลกฎหมายกลาง ส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
2 “นิติบุคคล” หมายความรวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญทีมิได้จดทะเบียนด้วย (มาตรา 4)

3 รก.๒๕๓๔/๑๒๙/๑พ/๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๔









































ใบความรู้ที่ 5.2


สิทธิของเจาของลิขสิทธิ์

ลิขสิทธิ์เปนทรัพย์สินอย่างหนึงทีกฎหมายก าหนดวิธีการคุ้มครองไว้โดยเฉพาะ โดยก าหนดให้เจ้าของ




ลิขสิทธิ์เปนผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive right) ในการกระท าบางอย่างทีเกี่ยวกับงานลิขสิทธิ์ของตน
และก าหนดวิธีการส าหรับการโอนและการบังคับใช้สิทธิในเรื่องลิขสิทธิ์ไว้ด้วยเช่นกัน สิทธิแต่เพียงผู้เดียวของ

เจ้าของลิขสิทธิ์มีดังนี

1. ท าซ ้า คือ การคัดลอกหรือท าส าเนาซึ่งงานลิขสิทธิ์ในส่วนทีเปนสาระส าคัญ ไม่ว่าทั้งหมดหรือแค่


บางส่วนของงาน เช่น การถ่ายเอกสาร การตีพิมพ์ การบันทึกเสียงเพลงทีเปดจากซีดีการอัดรูป การอัพโหลด


และดาวนโหลดเพลงหรือภาพยนตร์ ฯลฯ ซึงการท าซ ้าจะได้งานทีเหมือนกับงานลิขสิทธิ์ต้นฉบับ



2. ดัดแปลง คือ การท าซ ้าโดยเปลียนรูปแบบใหม่ การปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม หรือการจ าลอง งาน



ต้นฉบับในส่วนอันเปนสาระส าคัญโดยไม่มีลักษณะเปนการจัดท างานขึนใหม่ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เช่น
การแปล การ รีมิกซ์เพลง การแปลงนิยายเปนบทละคร การนาเกมมาท าเปนภาพยนตร์ การปรับเปลียน




ภาพสองมิติเปนแอนิเมชันสามมิติ ฯลฯ ซึงงานชินใหม่ทีเกิดขึนจากการดัดแปลงจะไม่ได้เหมือนงานลิขสิทธิ์





ต้นฉบับอย่างเช่นการท าซ ้า แต่จะมีการเปลียนแปลงบ้างโดยยังคงสาระส าคัญของงานลิขสิทธิ์ต้นฉบับ

เพียงแต่ไม่ได้แตกต่างจนถึงขนาดเกิดเปนงานลิขสิทธิ์ขึนใหม





3. เผยแพร่ตอสาธารณชน คือ การนางานออกให้ปรากฏต่อสาธารณชนโดยวิธีต่าง ๆ เช่น การ
จ าหนายหนังสือทีตีพิมพ์ การนารูปทีวาดออกแสดงในงานจัดแสดง การเปดเพลงในร้านอาหาร การโพสต์รูป





ลงสือสังคมออนไลน ฯลฯ ท าให้สาธารณชนเข้าถึงงานได้และสร้างมูลค่าให้กับตัวงานลิขสิทธิ์ ค าว่า






“สาธารณชน” ในทีนีไม่ได้มีการก าหนดไว้ชัดเจนว่าต้องมีจ านวนคนเท่าไร เพียงแต่เปนลักษณะทีผู้คน

โดยทั่วไปจ านวนหนึงอาจเข้าถึงงานได้ เช่น การเขียนนยายลงอินเทอร์เน็ตไม่ว่าจะมีคนเข้ามาอ่าน หรือไม่ก็

ตาม หรือการแจกบทความแก่นักเรียนในชั้นเรียน ก็ถือเปนการเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้แล้ว แต่ถ้า



หากเปนเพียงการโพสต์รูปลงอินเทอร์เน็ตโดยตั้งสถานะเปนส่วนตัว หรือการเปดเพลงฟงทีบ้านโดยมีคนฟง







เปนแค่คนในครอบครัว เช่นนีก็จะยังไม่เปนการเผยแพร่ต่อสาธารณชน
4. ใหเชาตนฉบับหรือส าเนางาน การให้เช่า คือ การให้ผู้อื่นใช้สอยทรัพย์สินในช่วงระยะเวลาหนึง





โดยมีค่าตอบแทน ซึงสิทธิ แต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของลิขสิทธิ์ในการให้เช่าต้นฉบับหรือส าเนางานนั้น จ ากัด
เฉพาะงานลิขสิทธิ์ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียงเท่านั้น


งานทไม่มีลิขสิทธิ์

พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 7 ยังก าหนดให้งานต่อไปนีไม่ถือเปนงานลิขสิทธิ์ คือ




1) ข่าวประจ าวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ทีมีลักษณะเปนเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี
แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ

2) รัฐธรรมนญและกฎหมาย


3) ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ ค าสั่ง ค าชีแจง และหนังสือโต้ตอบของหนวยงาน

4) ค าพิพากษา ค าสั่ง ค าวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ

5) ค าแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ทีกระทรวง ทบวง กรม หรืองานอื่นใดของรัฐ


หรือของท้องถิ่นจัดท าขึน


ดังนั้น สาธารณชนสามารถใช้งานดังกล่าวเหล่านีได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องขออนญาตผู้ใด แม้สิ่งดังกล่าว
เหล่านั้นจะปรากฏอยู่ในงานลิขสิทธิ์ของผู้อื่น หากผู้ใช้งานไม่ได้ลอกถ้อยค าใดในการนาเสนอผลงานของบุคคล

อื่น เช่น หนังสือพิมพ์ไม่มีลิขสิทธิ์ในข้อเท็จจริงทีอยู่ในรายงานข่าว เปนต้น เนืองจากไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง



ลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
นอกจากนั้น ชื่อผลงาน ชื่อต่าง ๆ (เช่น ชื่อคน ชื่อหนังสือ ชื่อเรื่อง เปนต้น) ถ้อยค าสั้น ๆ ค าขวัญ

รายชื่อส่วนประกอบหรือส่วนผสมต่าง ๆ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์




เนืองจากไมมีการสร้างสรรค์ทีเพียงพอ แต่พึงระวังว่าสิ่งเหล่านีอาจได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายอื่น
เช่น กฎหมายเครื่องหมายการค้า กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทีไม่เปนธรรม เปนต้น




ลักษณะการใชงานลิขสิทธิ์ในการเรียนการสอน


ในการวิจัยหรือศึกษางาน อาจมีการท าซ ้างานวรรณกรรม เช่น บทความ ข้อความจากหนังสือ หรือ





งานศิลปกรรม (เช่น รูปภาพ) จากงานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอืนเพือประโยชนในการเรียนการสอน ซึง

กฎหมายลิขสิทธิ์ก าหนดให้การกระท าในลักษณะต่าง ๆ ดังกล่าว เปนสิทธิแต่เพียงผู้เดียวของเจ้าของ

ลิขสิทธิ์ และเพื่อส่งเสริมความก้าวหนาทางการศึกษา กฎหมายจึงก าหนดข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์เพือ

ประโยชนในการเรียนการสอนได้ตามสมควร เช่น การท าซ ้า ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอน หรือท า




บทสรุปโดยผู้สอน หรือสถาบันศึกษา เพื่อประโยชนในการเรียนการสอน หรือนางานนั้นมาใช้เปนส่วนหนึงใน

การถามและตอบในการสอบ


อย่างไรก็ตาม ร่างคูมือดังกล่าวมีข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์เฉพาะผู้สอนและผู้เรียนตามมาตรา 32



และ มาตรา 33 ไม่รวมถึงข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ทีกฎหมายอนญาตให้บรรณารักษ์ห้องสมุดกระท าการ

แก่งานอันมีลิขสิทธิ์โดยไม่ถือว่าเปนการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 34

ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์

พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 32 มาตรา 33 และมาตรา 34 ก าหนดข้อยกเว้นการละเมิด


ลิขสิทธิ์ไว้หลายประการ เช่น



- การวิจัยหรือศึกษางาน อันมิใช่การกระท าเพือหาก าไร เช่น ผู้เรียนนาบทความมาท าส าเนาเพือ

ท าแบบฝกหัดในการศึกษา





- การท าซ ้า ดัดแปลง นาออกแสดง หรือท าให้ปรากฏโดยผู้สอน เพือประโยชนในการสอนของตน



อันมิใช่การกระท าเพือหาก าไร เช่น ผู้สอนท าส าเนาขยายภาพแผนภูมิและนาออกแสดงเพือประกอบการสอน

หนา ชั้นเรียน
- การท าซ ้า ดัดแปลงบางส่วนของงาน หรือตัดทอน หรือท าบทสรุปโดยผู้สอน หรือสถาบัน





ศึกษา เพือแจกจ่ายหรือจ าหนายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา โดยไม่ใช่การกระท าเพือหาก าไร

เช่น ผู้สอนจัดท าสรุปสาระส าคัญของบทเรียนทีผ่านมา และแจกจ่ายแก่นักศึกษาจ านวนจ ากัดเพือใช้อ่าน

เตรียมการสอบ





- การนางานลิขสิทธิ์มาใช้เปนส่วนหนงในการถามและตอบในการสอบ เช่น ผู้สอนยกบทกวีนิพนธ์






หนึงบทมาเปนข้อสอบเพือให้นักศึกษาวิจารณ หรือนักศึกษาท าข้อสอบโดยอ้างข้อความจากต าราทีได้ศึกษา

มาเปนค าตอบ
- การกล่าว คัด ลอก เลียน หรืออ้างอิงงานบางตอนจากงานลิขสิทธิ์ โดยมีการรับรู้ถึงความเปน


เจ้าของลิขสิทธิ์หรือกล่าวถึงทีมาของงานลิขสิทธิ์ เช่น นักศึกษาจัดท าวิทยานิพนธ์โดยคัดลอกข้อความจาก



งานวิจัยของบุคคลอื่น โดยมีการอ้างทีมาในเชิงอรรถและ/หรือบรรณานกรม
การกระท าตามตัวอย่างเหล่านีไม่ถือว่าเปนการละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การกระท าดังกล่าว





จะต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของการใช้สิทธิทีเปนธรรม 2 ประการ คือ ต้องไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชนจาก
งานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของ


เจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร



เกณฑ์การพิจารณา


เกณฑ์การใช้ลิขสิทธิ์ทีเปนธรรมในการเรียนการสอน ต้องค านึงถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานลิขสิทธิ์

ทั้งหมด 4 ประการประกอบกัน ดังนี ้

1) ค านึงถึงวัตถุประสงค์และความเหมาะสมในการใช้งานลิขสิทธิ์


2) ค านึงถึงลักษณะของงานลิขสิทธิ์


3) ค านึงถึงปริมาณการใช้งานและสัดส่วนของงาน โดยอาจพิจารณาจากเกณฑ์ทีก าหนดในข้อ 4


4) ค านึงถึงผลกระทบต่อการตลาดหรือมูลค่าของงานลิขสิทธิ์


ปริมาณการใชงานลิขสิทธิ์


1. ภาพยนตร์และโสตทัศนวัสดุ เช่น วีดิทัศน ดีวีดี เลเซอร์ดิสก์ และซีดีรอมสารานกรม เปนต้น


1.1 การนาออกฉาย ผู้สอนนาออกให้ผู้เรียนในชั้นเรียนชมได้ไม่จ ากัดความยาว และจ านวนครั้ง


ภายใต้เงือนไขดังนี

ก. ส าเนางานทีนาออกฉายต้องเปนส าเนาทีมีลิขสิทธิ์ถูกต้อง





ข. เปนการนาออกฉายในชั้นเรียน โดยไม่แสวงหาก าไร และ




ค. เปนการนาออกฉายเพือประโยชนในการเรียนการสอนโดยตรง

1.2 การท าส าเนา




ก. ผู้สอนท าส าเนาทั้งเรื่องทีจ าเปนต้องใช้เพือประโยชนในการสอน ณ ขณะนั้นได้ หากได้
พยายามใช้วิธีการและมีระยะเวลาอันสมควรแล้ว แต่ไม่สามารถจัดซือจัดหาส าเนาภาพยนตร์หรือโสตทัศนวัสดุ


ทีมีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายได้

ข. ผู้เรียนท าส าเนาภาพยนตร์หรือโสตทัศนวัสดุเพือใช้ในการศึกษา ได้ไม่เกินร้อยละ 10 หรือ 3





นาที ของแต่ละผลงาน (แล้วแต่ว่าจ านวนใดนอยกว่ากัน) ทั้งนี ภาพยนตร์หรือโสตทัศนวัสดุทีใช้ในการจัดท า
ส าเนานั้นต้องมีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย








2. งานแพรเสยงแพรภาพ เชน รายการวิทยุ/โทรทัศน เปนตน



ผู้สอนท าส าเนาและฉายงานแพร่เสียงแพร่ภาพหรือเทปบันทึกภาพงานเพือการเรียน การสอนได้

โดยสถาบันศึกษาใช้เทปบันทึกภาพงานดังกล่าวได้ในระยะเวลาหนึงปการศึกษาหรือสามภาคเรียน



3. ดนตรีกรรม


3.1 การท าส าเนา



ก. ผู้สอนท าส าเนาในกรณีเร่งด่วน เนืองจากไม่สามารถซือส าเนางานทีมีลิขสิทธิ์มาใช้ได้ทัน







การแสดงทีจะมีขึน ทั้งนี จะต้องจัดซือส าเนางานทีมีลิขสิทธิ์มาใช้ทันทีทีท าได้
ข. ผู้สอนท าส าเนาหนึงชุดหรือหลายชุด จากท่อนใดท่อนหนึงของงาน (excerpts of works)


เพือการศึกษา ไม่ใช่เพือนาออกแสดง ทั้งนี ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของแต่ละงาน และไม่เกิน 1 ส าเนา ต่อ




ผู้เรียน 1 คน
ค. ผู้สอนท าส าเนาสิ่งบันทึกเสียงงานเพลง เช่น แถบบันทึกเสียง หรือซีดี จ านวน 1 ชุด โดย




ส าเนาจากสิ่งบันทึกเสียงทีมีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ซึงผู้สอนหรือสถาบันศึกษานั้นเปนเจ้าของกรรมสิทธิ์



งาน สิ่งบันทึกเสียงดังกล่าว เพือจัดท าเปนแบบฝกหัดส าหรับการร้อง การฟงหรือเพือใช้ในการเรียน


การสอน

3.2 การดัดแปลง ดัดแปลงส าเนางานเพือประโยชนในการเรียนการสอนได้ แต่จะดัดแปลง


คุณลักษณะส าคัญของงาน รวมถึงเนือร้องไม่ได้




3.3 การบันทึกงาน บันทึกการแสดงของผู้เรียน ซึงใช้ดนตรีกรรมจ านวน 1 ชุดได้ เพือการฝกซ้อม
หรือการประเมินผล โดยผู้สอนหรือสถาบันศึกษาเก็บรักษาบันทึกการแสดงนั้นไว้ได้

4. รูปภาพและภาพถ่าย


4.1 ใช้ได้อย่างนอย 1 ภาพแต่ไม่เกิน 5 ภาพ ต่อผู้สร้างสรรค์ 1 ราย หรือ ร้อยละ 10 ของจ านวน


ภาพของผู้สร้างสรรค์ 1 ราย (แล้วแต่ว่าจ านวนใดนอยกว่ากัน)


4.2 ผู้สอนและผู้เรียนดาวนโหลดภาพจากอินเทอร์เน็ต เพือใช้ในการศึกษาได้ในปริมาณเท่ากับ

(4.4.1) แต่จะอัพโหลดงานนั้นกลับขึนบนอินเทอร์เน็ตไมได้ หากไม่ได้รับอนญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์



5. วรรณกรรม/สิ่งพิมพ์



5.1 การท าส าเนา 1 ชุด ส าหรับผู้สอนเพื่อใช้ในการสอน หรือ เตรียมการสอนหรือเพือใช้ในการ

วิจัย

ก. 1 บท (chapter) จากหนังสือ 1 เล่ม

ข. บทความ (article) 1 บท จากนิตยสาร/วารสาร หรือหนังสือพิมพ์


ค. เรื่องสั้น (short story) หรือเรียงความขนาดสั้น (short essay) 1 เรื่อง บทกวีขนาดสั้น


(short poem) 1 บท ไม่ว่าจะนามาจากงานรวบรวมหรือไม่ก็ตาม

ง. แผนภูมิ (chart) กราฟ (graph) แผนผัง (diagram) ภาพวาด (painting) ภาพลายเส้น


(drawing) การ์ตูน (cartoon) รูปภาพ (picture) หรือภาพประกอบหนังสือ (illustration) จากหนังสือ นิตยสาร/


วารสาร หรือหนังสือพิมพ์ จ านวน 1 ภาพ

5.2 การท าส าเนาจ านวนมากเพือใช้ในห้องเรียน ท าได้ไม่เกิน 1 ชุดต่อนักเรียน 1 คน โดย




ผู้สอน เพือใช้ในการสอนหรือการอภิปรายในห้องเรียน โดยส าเนาทีท าขึนจะต้องไม่ยาวจนเกินไป และต้องมี


การระบุรับรู้ความเปนเจ้าของลิขสิทธิ์ไว้ในส าเนาทุกฉบับด้วย ดังนี ้

ก. ร้อยกรอง 1


(1) บทกวี (poem) ทีไม่เกิน 250 ค า และเมื่อพิมพ์แล้วไม่เกิน 2 หนา [หนาละ 2,000


ตัวอักษร (character) ตัวอักษรขนาด 16 หรือ


(2) บทกวีขนาดยาว ตัดตอนมาได้ไม่เกิน 250 ค า




ข. ร้อยแก้ว 2


(1) บทความ (article) 1 บท เรื่อง (story) 1 เรื่อง หรือเรียงความ (essay) 1 เรื่อง


หรือไม่เกิน 2,500 ค า





(2) ตอนใดตอนหนง (excerpt) ของร้อยแก้วซึงไม่เกิน 1,000 ค า หรือร้อยละ 10 ของงาน

นั้น (แล้วแต่ว่าจ านวนใดนอยกว่ากัน) แต่ได้อย่างนอย 500 ค า




อย่างไรก็ดี จ านวนทีระบุไว้นี ยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม เช่น อาจมีความยาวเกินมาเพือให้
ข้อความของบทกวีจบบทหรือร้อยแก้วจบย่อหนา เปนต้น


(3) แผนภูมิ (chart) กราฟ (graph) แผนผัง (diagram) ภาพวาด (painting) ภาพลายเส้น

(drawing) การ์ตูน (cartoon) รูปภาพ (picture) หรือภาพประกอบหนังสือ (illustration) จากหนังสือนิตยสาร/


วารสาร หรือหนังสือพิมพ์ จ านวน 1 ภาพ




(4) งานทีมีลักษณะเฉพาะ งานทีอยู่ในรูปของร้อยกรองหรือร้อยแก้ว หรือผสมผสานกันซึง
มักจะมีภาพประกอบ อาทิ หนังสือเด็ก ท าทั้งฉบับไม่ได้ แต่ใช้ได้ไม่เกิน 2,500 ค า และท าส าเนาตอนใดตอน


หนึง (excerpt) ของงานได้ไม่เกิน 2 หนาพิมพ์ของงานนั้น หรือไม่เกินร้อยละ 10 ของค าทีปรากฏในงานนั้น







หมายเหตุ 1. ร้อยกรอง หมายถึง ค าประพันธ์ ถ้อยค าทีเรียบเรียงในรูปแบบฉันทลักษณ

2. ร้อยแก้ว หมายถึง ความเรียงทีไม่มีลักษณะเปนร้อยกรอง



(5) งานของผู้สร้างสรรค์คนเดียวกัน ท าส าเนาบทกวี (poem) บทความ (article) เรื่อง (story)


หรือเรียงความ (essay) ได้ไม่เกิน 1 เรื่อง หรือสามารถตัดตอนมาจากผลงานของผู้สร้างสรรค์คนเดียวกันได้


ไม่เกิน 2 ตอน (two excerpts) หรือท าส าเนาผลงานได้ไม่เกิน 3 เรื่อง จากงานรวบรวมเล่มเดียวกัน หรือจาก

นิตยสาร/วารสารรวมเล่ม ในเวลา 1 ภาคการศึกษา








การรับรูความเปนเจาของลิขสิทธิ์
การนางานลิขสิทธิ์มาใช้ในการเรียนการสอนจะต้องแสดงความรับรู้ความเปนเจ้าของลิขสิทธิ์ โดยต้อง



แจ้งให้ทราบชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ และ/หรือผู้สร้างสรรค์ ชือผลงาน (ถ้ามี) และ/หรือแหล่งทีมาด้วย (ถ้ามี)




ตัวอย่าง

1) ภาพยนตร์และโสตทัศนวัสดุ


ชื่อผู้สร้างสรรค์………....................................... ภาพจากภาพยนตร์หรือจากโสตทัศนวัสดุ


เรื่อง……….................


ปทีผลิต……………………………..


2) ดนตรีกรรม

ผู้แต่งค าร้อง/ท านอง/ผู้เรียบเรียงเสียงประสาน……………....…………… ชื่อเพลง


………….................…..................

3) รูปภาพและภาพถ่าย


ชื่อผู้สร้างสรรค์………………………………….ชื่อภาพ……………………………… จาก


หนังสือ………………........หรือจากเว็บไซต์……………........…ดาวนโหลดวันที…………………


4) วรรณกรรม





ชื่อผู้เเต่งหรือนามแฝง. ชื่อบรรณาธิการ (ถ้ามี). (ปทีพิมพ์). ชื่อหนังสือ. ครั้งทีพิมพ์. สถานทีพิมพ์ :
ส านักพิมพ์หรือโรงพิมพ์/เจ้าของลิขสิทธิ์.

5) วรรณกรรมแปล





ชื่อผู้แต่ง. ชื่อหนังสือไทย. ชื่อหนังสือภาษาอังกฤษ. ชื่อผู้แปลหรือนามแฝง. (ปทีพิมพ์). ครั้งทีพิมพ์.

สถานทีพิมพ์ : ส านักพิมพ์หรือโรงพิมพ์/เจ้าของลิขสิทธิ์.
6) ข้อมูล/ตัวเลข/สถิติ





ชื่อผู้เเต่ง. (ปทีพิมพ์). ชื่อหนังสือ. สถานทีพิมพ์ : ส านักพิมพ์หรือโรงพิมพ์/
เจ้าของลิขสิทธิ์.




หมายเหตุ ข้อมูลจาก website ของกรมทรัพย์สินทางปญญา http://www.ipthailand.org








คำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้












1. หนวยงานของรัฐทีท าหนาทีรับผิดชอบโดยตรงเกียวกับการสือสารออนไลนคือหนวยงานชื่ออะไร





2. การนาภาพของผู้อื่นมาตัดต่อใหม่แล้วเผยแพร่ในสือสังคมออนไลน ท าให้ผู้เปนเจ้าของภาพเกิดความอับ


อาย เสียชื่อเสียง ผู้เผยแพร่ภาพมีความผิดถึงขั้นจ าคุกได้หรือไม่ เปนความผิดตามมาตราใด





3. ค าว่า “Stem wallet” หรือ “Waltet” ทีพบเห็นทั่วไปโดยเฉพาะในเมนของ Line ใช้ประโยชนอย่างไร
4. คุณครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ได้ถ่ายส าเนาเรื่อง พลังงาน จากหนังสือเรื่องโลกแห่งวิทยาศาสตร์และ


เทคโนโลยี จ านวน 15 หนา เพือแจกให้นักเรียนใช้ประกอบการเรียนรู้ โดยคิดค่าถ่ายส าเนาชุดละ 10 บาท

การกระท าของครูท่านนีเปนการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้แต่งหนังสือหรือไม่ เพราะเหตุใด



5. มีข่าวทีแชร์กันอย่างมากว่าโรงเรียนเอกชนทีมีชื่อเสียงแห่งหนึงให้นักเรียนชั้นมัธยมรับประทานอาหาร

กลางวันเปนข้าวเปล่ากับไข่ดาวหนึงฟอง ทั้งทีเก็บค่าอาหารแพงมาก นักเรียนคิดว่า ข่าวนีเปนข่าวจริงหรือไม่





เพราะเหตุใด

เฉลยคำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้












1. หนวยงานของรัฐทีท าหนาทีรับผิดชอบโดยตรงเกียวกับการสือสารออนไลนคือหนวยงานชื่ออะไร



กระทรวงดิจิทัลเพือเศรษฐกิจและสังคม




2. การนาภาพของผู้อื่นมาตัดต่อใหม่แล้วเผยแพร่ในสือสังคมออนไลน ท าให้ผู้เปนเจ้าของภาพเกิดความอับ
อาย เสียชื่อเสียง ผู้เผยแพร่ภาพมีความผิดถึงขั้นจ าคุกได้หรือไม่ เปนความผิดตามมาตราใด

ความผิดตามมาตรา 16





ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทีประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ทีปรากฏเปนภาพ



ของผู้อื่น และภาพนั้นเปนภาพทีเกิดจากการสร้างขึน ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์


หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี โดยประการทีนาจะท าให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความ



อับอาย ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสามป หรือปรับไม่เกินหกหมืนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ



ถ้าการกระท าตามวรรคหนึงเปนการนาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระท าไมมีความผิด

ความผิดตามวรรคหนึงเปนความผิดอันยอมความได้



ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึงตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของ

ผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเปนผู้เสียหาย



3. ค าว่า “Stem wallet” หรือ “Waltet” ทีพบเห็นทั่วไปโดยเฉพาะในเมนของ Line ใช้ประโยชนอย่างไร

"Steam Wallet เปนเงินทีอยู่บน Steam ใช้ในการซือสินค้าในระบบ Steam เช่น เกม และ ของใน


เกม"
4. คุณครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ได้ถ่ายส าเนาเรื่อง พลังงาน จากหนังสือเรื่องโลกแห่งวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี จ านวน 15 หนา เพือแจกให้นักเรียนใช้ประกอบการเรียนรู้ โดยคิดค่าถ่ายส าเนาชุดละ 10 บาท




การกระท าของครูท่านนีเปนการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้แต่งหนังสือหรือไม่ เพราะเหตุใด
ไม่ละเมิดเพราะ
1. ไม่ได้หวังผลก าไร เพราะคิดเฉพาะค่าถ่ายส าเนาเอกสาร

2. ใช้บางส่วนเปนการศึกษา

3. เปนการใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรม (fair use)
5. มีข่าวทีแชร์กันอย่างมากว่าโรงเรียนเอกชนทีมีชื่อเสียงแห่งหนึงให้นักเรียนชั้นมัธยมรับประทานอาหาร






กลางวันเปนข้าวเปล่ากับไข่ดาวหนึงฟอง ทั้งทีเก็บค่าอาหารแพงมาก นักเรียนคิดว่า ข่าวนีเปนข่าวจริงหรือไม่


เพราะเหตุใด

เปนข่าวปลอม เพราะโรงเรียนเอกชนไม่ได้รับงบค่าอาหารกลางวันจากกระทรวงศึกษาธิการ

แบบทดสอบก่อนเรียน



หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การใชเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย




จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว



1. ข้อใดเปนข้อมูลทีค านวณได้
1. อีกาบินได้
2. มีนกเกาะสายไฟฟา 2 ตัว


3. ฮิปโปโปเตมัส ชอบอยู่ในนา

4. กบและปลาผสมพันธุ์ภายนอก

2. ข้อใดเปนหลักเกณฑ์ในการสืบค้นข้อมูลทีถูกต้อง

1. สารสนเทศประเภทใดบ้างที่ได้มา

2. จดบันทึกสารสนเทศที่สืบแยกจากแฟ้มที่ทำงาน
3. สารสนเทศนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่

4. ถูกทุกข้อ
3. ข้อใดเปนการจัดเรียงข้อมูลของนักเรียนในโรงเรียน

1. เลขที ่
2. ล าดับชื่อ

3. เลขประจ าตัว
4. ชั้นเรียน/ห้องที ่




4. ข้อใดเปนวิธีประเมินว่าสารสนเทศทีสืบค้นนามาใช้งานได้จริง
1. การอ่าน
2. การดูและฟงเสียง

3. การพิจารณาเนือหา

4. ถูกทุกข้อ
5. จริยธรรมในการใช้สารสนเทศคือข้อใด

1. ต้องเขียนอ้างอิงที่มาของสารสนเทศนั้น
2. ต้องบอกวัน เดือน ปี ที่นำสารสนเทศมาใช้

3. ไม่ลอกมาทั้งหมด

4. ไม่มีข้อถูก

6. การกลั่นกรองและย่อความสารสนเทศในแต่ละเรื่องที่สืบค้นแล้วนำมาปรับเค้าโครงใหม่ทั้งหมดโดยนำประเด็น

ที่มีความสัมพันธ์กันมาเชื่อมโยงกัน มีชื่อเรียกตามข้อใด
1. การวิเคราะห์สารสนเทศ

2. การสังเคราะห์สารสนเทศ
3. การรวบรวมสารสนเทศ

4. การประมวลสารสนเทศ



7. เว็บไซต์ประเภทใดทีให้ข้อมูลนาเชื่อถือทีสุด
1. .com
2. .or

3. .org
4. .net


8. ข้อใดท าได้โดยไม่ผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์
1. การโพสต์ (Post)

2. การทวีต (Tweeter)
3. การกดแชร์ (Share)

4. การกดไลค์ (Like)
9. ข้อใดเปนชนิดของข้อมูลเอกสาร

1. .xlsx
2. .docx

3. .ppsx
4. .aia

10. ข้อใดเปนผลกระทบทางลบในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

1. การแชตท าให้ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม



2. การเล่นเกมท าให้ไม่เปนโรคสมองเสือม

3. สมาร์ตโฟนเปนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก

4. แผงแปนอักขระในสมาร์ตโฟนท าให้พิมพ์ผิดบ่อย ๆ

11. ข้อใดเปนการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกวิธี
1. ใช้ให้คุ้มค่า
2. ใส่แว่นรักษาสายตา

3. รู้จักแบ่งเวลาในการใช้
4. ไม่เล่นเกม




12. ตู้เอทีเอ็มเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลด้วยสิ่งใด
1. สายโทรศัพท์ความเร็วสูง

2. สัญญาณวายฟาย
3. สัญญาณผ่านดาวเทียม

4. สายเช่าตรง (Lease line)


13. ข้อใดเปนสารสนเทศทีดี

1. ตรวจสอบแหล่งทีมาได้
2. เก็บข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์

3. นาข้อมูลเก่ามาปรับปรุงใหม่ได้ทันที


4. ส ารองข้อมูลไว้หลายส าเนาปองกันการเสียหาย


14. การสัมภาษณจัดเปนข้อใด
1. ข้อมูลเสียง
2. ข้อมูลทุติยภมิ

3. ข้อมูลปฐมภูมิ

4. ข้อมูลตติยภมิ



15. ข้อใดเปนหนวยเก็บข้อมูลทีใหญ่ทีสุด


1. กิโลไบต์
2. กิกะไบต์
3. เมกะไบต์
4. เทระไบต์























เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน

1. 2 2. 4 3. 3 4. 4 5. 1

6. 2 7. 3 8. 4 9. 2 10. 1

11. 3 12. 4 13. 1 14. 3 15. 4





เฉลยละเอยด


1. ตอบข้อ 2 มีนกเกาะสายไฟฟา 2 ตัว
เหตุผล

เปนข้อมูลจ านวนนับ
2. ตอบข้อ 3 สารสนเทศนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
เหตุผล



ก่อนนาสารสนเทศทีสืบค้นจากอินเทอร์เน็ตไปใช้งานต้องวิเคราะห์ว่าสารสนเทศนั้นมีความนาเชื่อถือ

เพียงใด
3. ตอบข้อ 3 เลขประจ าตัว

เหตุผล

เลขประจ าตัวนักเรียนจะออกตามล าดับที ทีนักเรียนสมัครเข้าเรียนในโรงเรียน

4. ตอบข้อ 4 ถูกทุกข้อ
เหตุผล




การพิจารณาสารสนเทศ ต้องอ่านให้ละเอียด ถ้าเปนสือทีมีเสียงและภาพประกอบ ต้องฟงเสียงและดู

ภาพประกอบ พร้อมกับพิจารณาว่าเนือหาตรงตามจุดประสงค์ทีจะนาไปใช้หรือไม่



5. ตอบข้อ 1 ต้องเขียนอ้างอิงที่มาของสารสนเทศนั้น
เหตุผล
การนาสารสนเทศของผู้อื่นมาใช้งานเพียงบางส่วน ต้องอ้างอิงทีมาของสารสนเทศนั้น เช่น จากใคร




เว็บไซต์ชื่ออะไร วันเดือนปทีนามาใช้ เปนต้น


6. ตอบข้อ 2 การสังเคราะห์สารสนเทศ
เหตุผล


การสังเคราะห์ หมายถึง การนาเอาสารสนเทศตั้งแต่ 2 สารสนเทศมารวมกันเปนองค์ประกอบของ



สารสนเทศใหม่ ตรงข้ามกับการวิเคราะห์ซึ่งเปนการแยกย่อยเพือให้ได้ข้อมูลทีชัดเจน




7. ตอบข้อ 3 .org
เหตุผล






.org เปนเว็บไซต์ของหนวยราชการ ซึงต้องนาเสนอข้อมูลทีถูกต้อง เชื่อถือได้เพราะมีการกลั่นกรองก่อน
นาเสนอ

8. ตอบข้อ 4 การกดไลค์ (Like)
เหตุผล




















การกดไลค์ เปนการแสดงความชืนชมเรื่องทีมีผู้นาเสนอในสือสังคมออนไลน โดยการคลิกทีรูปชู
นิวหัวแม่มือ หรือรูปอื่น ๆ ทีหมายถึงความชืนชอบ ไมผิดกฎหมายถึงแม้ว่าจะเปนเรื่องทีไม่ดีก็ตาม







9. ตอบข้อ 2 .docx
เหตุผล

เอกสารทีบันทึกด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2007 ขึนไป จะถูกก าหนดเปน docx ส่วนในรุ่นก่อนหนา









เปน .doc เหตุทีเปลียนเพราะต้องการให้เอกสารมีความยืดหยุ่นและใช้ได้กว้างขึน เช่น บันทึกเปนแฟม PDF
ได้

10. ตอบข้อ 1 การแชตท าให้ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
เหตุผล


ทีกล่าวกันว่าสังคมยุคใหม่เปนสังคมก้มหนา เพราะคนส่วนใหญ่มัวแต่จดจ่ออยู่กับหนาจอของสมาร์ตโฟน


เพือพิมพ์ข้อความโต้ตอบกันตลอดเวลา แม้กระทั่งขณะเดินทางท าให้ไม่สนใจสภาพแวดล้อม ไม่ดูทาง บางคน

เดินไปสะดุดล้ม บางคนขับรถก็ยังแชตกันท าให้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ
11. ตอบข้อ 3 รู้จักแบ่งเวลาในการใช้
เหตุผล
การใช้อุปกรณเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น สมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ชนิดต่าง ๆ ต้องรู้จักแบ่งเวลาใน

การใช้ให้เหมาะสม ไม่หมกมุ่นอยู่กับอุปกรณเหล่านั้นจนเกินพอ เพราะท าให้เสียเวลาทีควรท างานอื่น ๆ เรียน



ไม่ทันเพือน บางคนติดเกมจนไม่สนใจท าการบ้าน



12. ตอบข้อ 4 สายเช่าตรง (Lease line)

เหตุผล



เพือปองกันการเจาะระบบจากอาชญากรไซเบอร์ ตู้เอทีเอ็ม (ATM Automatic Teller Machine) จึงไม่ใช้

สายโทรศัพท์และวายฟาย เพราะถูกเจาะระบบง่าย จึงเช่าสายนาสัญญาณโดยตรงจากบริษัททีโอที ปจจุบัน


บริษัท ทีโอที จ ากัด (มหาชน) ควบรวมกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จ ากัด (มหาชน) เปนบริษัท

โทรคมนาคมแห่งชาติ จ ากัด (มหาชน) มีกระทรวงการคลังเปนผู้ถือหุ้นใหญ่

13. ตอบข้อ 1 ตรวจสอบแหล่งทีมาได้
เหตุผล





สารสนเทศทีดีต้องตรวจสอบแหล่งทีได้มาได้ มีข้อมูลผู้จัดท า เอกสารอ้างอิงและวันเดือนปทีนาเสนอ
สารสนเทศ
14. ตอบข้อ 3 ข้อมูลปฐมภูมิ
เหตุผล
ข้อมูลปฐมภูมิ คือ ข้อมูลทีต้องรวบรวมมาเอง เช่น การสัมภาษณ การท าแบบสอบถาม การถามจากผู้รู้


15. ตอบข้อ 4 เทระไบต์
เหตุผล

10
กิโลไบต์ = 2 = 1,024
20
เมกะไบต์ = 2 = 1,048,576
30
กิกะไบต์ = 2 = 1,073,741,824
40
เทระไบต์ = 2 = 1,099,511,627,776
























แบบทดสอบหลังเรียน

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย



จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว


1. ข้อใดเปนธุรกรรมออนไลน ์
1. การฝากเงินในธนาคาร
2. การโฆษณาสินค้าออนไลน ์

3. การช าระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด

4. งบการเงินประจ าปของธนาคาร


2. สิ่งทีต้องท าในการซือสินค้าออนไลนคือข้อใด

1. ช าระเงินเมื่อรับสินค้าเท่านั้น
2. ตรวจสอบสินค้าก่อนลงชื่อรับ

3. ไม่รับสินค้าแทนคนอื่น ทีไม่ใช่ญาติ
4. ถูกทุกข้อ

3. การซือไอเท็มสามารถท าก าไรให้ผู้ซือได้หรือไม่


1. ได้เมื่อมีผู้ซือต่อในราคาทีสูงกว่า

2. ไม่ได้เพราะแลกคืนเปนเงินสดไม่ได้

3. ได้เพราะมีผู้เล่นทีขาดความสามารถจ านวนมาก

4. ไม่ได้ เพราะหมดอายุเร็ว

4. การท ารายงานโดยเข้าไปคัดลอกข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ มาวางลงในเอกสารเวิร์ดแล้วส่งครู จัดเปน

การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศแบบใด

1. ขาดความรับผิดชอบ
2. ไม่ได้ความรู้จากงาน

3. นาละอาย

4. งานเอกสาร

5. ข้อใดเปนเครื่องมือทีมักใช้ในการท าให้ฝายตรงข้ามเกิดความเสียหายได้



1. ข่าวเสียดสี ล้อเลียน
2. ข่าวเชื่อมโยง
3. ข่าวปลอม

4. ข่าวไร้สาระ


6. ข้อใดเปนความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

1. ไม่เล่นเกม

2. ใช้เฉพาะการสืบค้น

3. ใช้ดูหนังฟงเพลงก็ได้

4. ไม่รบกวนการท างานของผู้อื่น

7. ข้อใดเปนการท ายอดไลค์โดยการลวงให้คลิก
1. คุณได้รางวัลจาก TOT
2. Google search

3. กดไลค์ให้ด้วย
4. กดไลค์ไม่ผิดกฎหมาย


8. ท าไมกฎหมายเกียวกับคอมพิวเตอร์จึงมีโทษหนักกว่าการกระท าความผิดอื่น ๆ
1. เพราะคนใช้คอมพิวเตอร์ไม่รู้กฎหมาย

2. เพือปองปรามไม่ให้มีการกระท าความผิด


3. เพราะความผิดทางคอมพิวเตอร์ท าได้ง่าย
4. เพราะคนใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนไม่ค่อยใช้ความระวัง
9.




ภาพสัญลักษณนี ตรงกับข้อใด
1. เครื่องหมายบริการ (Service Mark)
2. เครื่องหมายการค้า (Trademark)

3. เครื่องหมายร่วม (Collective Mark)
4. เครื่องหมายรับรอง (Certification mark)

10.





ภาพสัญลักษณนีตรงกับค าอบข้อใด


1. เครื่องหมายการค้า (Trademark)
2. เครื่องหมายร่วม (Collective Mark)
3. เครื่องหมายรับรอง (Certification mark)

4. เครื่องหมายบริการ (Service Mark)



11. แปดริวมีความหมายตรงกับข้อใดตามพระราชบัญญัติทรัพย์สินทางปญญา


1. สิ่งบ่งชีทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication)

2. เครื่องหมายการค้า (Trade Mark)

3. ชื่อสถานที (Geographical District)

4. ไม่มีข้อถูก

12. ข้อใดเปนลิขสิทธิ์


1. เครื่องหมายการค้า
2. แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์

3. ภาพวาด ภาพถ่าย


4. นาปลาตราคนแบกกุ้ง

13. การถ่ายภาพอนาจารเพือโพสต์ในเว็บไซต์ส่วนตัวมีความผิดหรือไม ่
1. ไม่มีความผิด เพราะเปนเว็บไซต์ส่วนตัว


2. มีความผิด เพราะเปนการนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

3. ไม่มีความผิด เพราะรู้เห็นเฉพาะคนในกลุ่มเท่านั้น
4. มีความผิด เพราะผู้ดูแลระบบต้องพบเห็น

14. ถ้านักเรียนนาภาพใบหนาของนักแสดงหญิงไปตัดต่อกับภาพลิง แล้วโพสต์ในเฟสบุ๊ก มีความผิดหรือไม่


1. ไม่มีความผิด เพราะไมมีค าบรรยายประกอบภาพ
2. ไม่มีความผิด เพราะไม่ใช้ภาพลามกอนาจาร

3. มีความผิด เพราะเปนการเรียบเทียบกับลิง


4. มีความผิด เพราะเปนการตัดต่ออันอาจท าให้ผู้อื่นเสือมเสียชื่อเสียง



15. “บุคคลทั่วไปมีสิทธิพิเศษทีจะใช้งานอันมีลิขสิทธิ์โดยไมต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของลิขสิทธิ์หาก


การใช้นั้นเปนการใช้ทีเปนธรรม” ค าว่า การใช้ทีเปนธรรม หมายถึงข้อใด




1. การกระท านั้นมิได้เปนการกระท าเพือหาก าไร

2. เปนการกระท าเพือการวิจัยหรือศึกษางานนั้น



3. ไม่ขัดต่อการแสวงหาผลประโยชนตามปกติของเจ้าของสิทธิ์
4. ถูกทุกข้อ











เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน





1. 3 2. 4 3. 2 4. 3 5. 3

6. 4 7. 1 8. 2 9. 3 10. 4

11. 1 12. 3 13. 2 14. 4 15. 4

เฉลยละเอยด




1. ตอบข้อ 3 การช าระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด

เหตุผล


ธุรกรรม หมายถึง กิจกรรมทีเกียวกับการท าข้อตกลง สัญญาหรือการด าเนินการใด ๆ กับผู้อื่นทางการ

เงิน ทางธุรกิจ หรือการด าเนินการเกียวกับทรัพย์สินผ่านอินเทอร์เน็ต




การช าระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดเปนกระเปาเงินออนไลน เปนค าตอบทีถูกต้อง การฝากเงินในธนาคารเปน



ระบบทีต้องฝากผ่านพนักงานไม่ใช่ออนไลน การโฆษณาสินค้าออนไลนไม่ใช่ธุรกรรมทางการเงิน งบการเงิน




ประจ าปของธนาคารเปนรายงานด้านการเงิน
2. ตอบข้อ 4 ถูกทุกข้อ
เหตุผล
การช าระเงินเมื่อรับสินค้าและตรวจสอบว่าเปนสินค้าทีถูกต้อง เปนวิธีปองกันการหลอกขายแล้วส่งสินค้า






ไม่มีคุณภาพมาให้ ส่วนการไม่รับสินค้าแทนคนอืนทีไม่ใช่ญาติ หรือแม้แต่ญาติทีไม่ได้อยู่ด้วยกันก็อาจถูกแอบ

อ้างส่งสิ่งของต้องห้าม เช่น ยาเสพติดมาฝากไว้

3. ตอบข้อ 2 ไม่ได้เพราะแลกคืนเปนเงินสดไม่ได้
เหตุผล

ไอเท็ม เปนเหรียญหรือบัตรแทนเงินทีใช้เฉพาะการเล่นเกม ผู้เล่นทีท าคะแนนได้สูงก็จะได้รับไอเท็มมาก




และสามารถโอนให้ผู้อื่นได้ เปนกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้พัฒนาเกม ส่วนผู้เล่นก็คือเหยื่อทีชอบเล่นเกมต้อง
เสียทรัพย์
4. ตอบข้อ 1 ขาดความรับผิดชอบ
เหตุผล

จรรยาบรรณในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศข้อหนึง คือ การใช้อย่างมีความรับผิดชอบ การคัดลอกงาน

ของผู้อื่น นอกจากผิดจรรยาบรรณแล้วยังอาจถูกฟองร้องได้





5. ตอบข้อ 4 ข่าวปลอม
เหตุผล






ข่าวปลอม เปนข่าวทีสร้างขึนมาลอย ๆ โดยไม่มีข้อเท็จจริงในการอ้างอิงหรืออ้างถึงสิ่งทีไม่เกียวข้อง ไม่

ระบุทีมาของข่าว ส่วนใหญ่ใช้ในการโจมตีฝายตรงข้าม เช่น ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

6. ตอบข้อ 4 ไม่รบกวนการท างานของผู้อื่น
เหตุผล





การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศโดยไมรบกวนผู้อื่น เช่น ไม่ส่งเสียงดัง ไม่เปดเสียงดังเกินจ าเปน จัดเปน
ความรับผิดชอบอย่างหนึง

7. ตอบข้อ 1 คุณได้รางวัลจาก TOT
เหตุผล


การลวงให้คลิก ส่วนใหญ่มักอ้างการให้รางวัลจากองค์กรทีนาเชื่อถือเปนสิ่งจูงใจ เมื่อคลิกแล้วจะส่ง


การท างานไปในเรื่องทีไร้สาระ ไม่มีรางวัลอะไร บางแห่งอาจส่งไปทีการพนันออนไลน หรือรับไวรัสเข้ามาก็ได้




8. ตอบข้อ 2 เพือปองปรามไม่ให้มีการกระท าความผิด
เหตุผล
การท าความผิดทางคอมพิวเตอร์เกิดได้ง่าย เช่น จากการไมระมัดระวังในการโพสต์ข้อความหรือภาพ ท า

ให้ผู้อื่นเสียหาย จากความคึกคะนองเลียนแบบ เช่น เมื่อมีข่าวการฆ่าคนด้วยความบ้าคลั่ง ก็เลียนแบบโดย
การโพสต์ ภาพของตนเองถืออาวุธ โดยไม่ทราบว่าสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนอย่างมาก พอถูกจับก็บอกว่า


รู้เท่าไม่ถึงการ ดังนั้นพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิดเกียวกับคอมพิวเตอร์จึงมีโทษหนักกว่า
ความผิดอื่น ๆ

9. ตอบข้อ 3 เครื่องหมายร่วม (Collective Mark)
เหตุผล

เครื่องหมายร่วม (Collective Mark) คือ เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายบริการทีใช้โดยบริษัทหรือ

รัฐวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน

fbt เปนเครื่องหมายร่วมทีมีบริษัทหรือร้านค้าจ านวนมากใช้ เช่น เอฟ.บี.ที. สปอร์ตพาร์ค

ลาดกระบัง FBT สปอร์ต พาร์คบริษัท เอฟ.บี.ที. สปอร์ตคอมเพล็กซ์ จ ากัด ศูนย์สรรพสินค้ากีฬา FBT Sport

Complex หัวหมาก และ OUTLET F.B.T. สาขาปทมวัน ถนนบรรทัดทอง F.B.T. Outlet สาขาเมืองทองธานี
เปนต้น

10. ตอบข้อ 4 เครื่องหมายบริการ (Service Mark)

เหตุผล



เครื่องหมายบริการ (Service Mark) คือ เครื่องหมายทีใช้เปนทีหมายหรือเกียวข้องกับการบริการ เพือ



แสดงว่าบริการทีใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการทีใช้เครื่องหมายบริการของบุคคลอื่น เช่น เครื่องหมาย

ของสายการบิน ธนาคาร โรงแรม เปนต้น


ตราสัญลักษณของ ปตท ทีพบเห็นทั่วไปคือสถานีบริการนามันเชือเพลิง ทีประทับลงในหีบห่อของนามัน







เชือเพลิงไม่ได้จึงเปนเครื่องหมายบริการ



11. ตอบข้อ 1 สิ่งบ่งชีทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication)

เหตุผล



สิ่งบ่งชีทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication) หมายถึง ชื่อ สัญลักษณ หรือสิ่งอื่นใดทีใช้เรียกหรือ



ใช้แทนแหล่งภูมิศาสตร์ และสามารถบ่งบอกว่าสินค้าทีเกิดจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้นเปนสินค้าทีมี

คุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์นั้น เช่น มีดอรัญญิก ส้มบางมด ผ้าไหมไทย

แชมเปญ คอนยัค เปนต้น


แปดริวเปนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดฉะเชิงเทราในอดีตมีชื่อเสียงเรื่องมีปลาช่อนในแม่นาบาง


ปะกงมีขนาดใหญ่ทีสามารถนามาแล่ออกเปนริวก่อนนาไปตากได้ถีงแปดริว ซึงทีพบเห็นกันทุกวันนมีเพียง 4-










6 ริวเท่านั้น

12. ตอบข้อ 3 ภาพวาด ภาพถ่าย
เหตุผล


ทรัพย์สินทางปญญาแบ่งเปน 2 ประเภท คือ ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรมและลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทาง

อุตสาหกรรมต้องขึนทะเบียนต่อกรมทรัพย์สินทางปญญาของแต่ละประเทศ ส่วนลิขสิทธิ์มีผลคุ้นครองทันทีที ่


ได้สร้างสรรค์ผลงานโดยไมจ าเปนต้องจดทะเบียน

ประเภทงานทีกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครอง ได้แก่ งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ บทความ บทกลอน


งานนาฏกรรม ได้แก่ ท่าเต้นท่าร า งานศิลปกรรม ได้แก่ ภาพวาด ภาพถ่าย งานดนตรีกรรม ได้แก่ เนือร้อง
ท านองเพลง งานโสตทัศนวัสดุ ได้แก่ วีซีดี คาราโอเกะ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่ภาพแพร่เสียง

(รายการวิทยุและโทรทัศน) หรืองานอืนใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์หรือแผนกศิลปะ



13. ตอบข้อ 2 มีความผิดเพราะเปนการนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
เหตุผล
“มาตรา 14 ผู้ใดกระท าความผิดทีระบุไว้ดังต่อไปนี ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินห้าป




หรือปรับไม่เกินหนึงแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
(1) โดยทจริต หรือโดยหลอกลวง นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ทีบิดเบือน





หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเปนเท็จ โดยประการทีนาจะเกิดความ


เสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระท าความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา


(2) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเปนเท็จ โดยประการทีนาจะเกิด



ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง




ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพืนฐานอันเปนประโยชนสาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิด
ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเปนความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง




แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกียวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ทีมีลักษณะอันลามกและข้อมูล



คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยูแล้วว่าเปนข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1)



(2) (3) หรือ (4)


ถ้าการกระท าความผิดตามวรรคหนึง (1) มิได้กระท าต่อประชาชน แต่เปนการกระท าต่อบุคคลใด


บุคคลหนึง ผู้กระท า ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสามป



หรือปรับไม่เกินหกหมืนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ และให้เปนความผิดอันยอมความได้


14. ตอบข้อ 4 มีความผิดเพราะเปนการตัดต่ออัน ojk0t ท าให้ผู้อื่นเสือมเสียชื่อเสียง

เหตุผล


“มาตรา 16 ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ทีประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์





ทีปรากฏเปนภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเปนภาพทีเกิดจากการสร้างขึน ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลง
ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการทีนาจะท าให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น


ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสามป และปรับไมเกินสองแสนบาท





ถ้าการกระท าตามวรรคหนึงเปนการกระท าต่อภาพของผู้ตาย และการกระท านั้นนาจะท าให้บิดา
มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย


ผู้กระท าต้องระวางโทษดังทีบัญญัติไว้ในวรรคหนึง


ถ้าการกระท าตามวรรคหนึงหรือวรรคสอง เปนการนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยสุจริตอันเปน



การติชมด้วยความเปนธรรม ซึงบุคคลหรือสิ่งใดอันเปนวิสัยของประชาชนย่อมกระท า ผู้กระท าไม่มีความผิด



ความผิดตามวรรคหนึงและวรรคสองเปนความผิดอันยอมความได้


ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึงหรือวรรคสองตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส
หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเปนผู้เสียหาย”







15. ตอบข้อ 4 ถูกทุกข้อ
เหตุผล




การใช้ทีเปนธรรม เปนข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของอันชอบธรรมเพือส่งเสริมให้เกิดการ

สร้างสรรค์ผลงานทีมีคุณค่า เปนประโยชนต่อสังคมและไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าของผลงาน





หลักเกณฑ์ในความหมายของการใช้ทีเปนธรรม ได้แก่

1. เปนการกระท าเพือการวิจัยหรือศึกษางานนั้น


2. การกระท านั้นมิได้เปนการกระท าเพือหาก าไร



3. การกระท านั้นไมขัดต่อการแสวงหาประโยชนตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่
กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร


































แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้



วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) เรื่อง ......................................................................... ชั้น ม.
3/........

ความ การตั้ง การทำ ส่งงานใน มาเรียน รวม ปรับ

ตั้งใจ คำถาม กิจกรรม เวลาที่ สม่ำเสมอ คะแนน คะแนน
เลขที่ ชื่อ-นามสกุล มุ่งมั่น ตอบ กลุ่ม กำหนด (4) (20) (10)

(4) คำถาม (4) (4)

(4)
1

2

3

4

5


6


7

8





หมายเหตุ 1. เพิ่มชื่อนักเรียนตามจ านวนจริง

2. แบบประเมินนีใช้ได้ตลอดภาคเรียน

3. เกณฑ์การประเมิน





ผู้ประเมิน ........................................................

( )

แบบประเมินสมรรถนะส าคัญ


ชื่อ..........................................................นามสกุล........................................................ ชั้น ม.3/.........เลขที ่

.........





ลงในชองระดับคุณภาพ





ค าชแจง : ใหผูสอนสังเกตพฤติกรรมของนกเรยน และใสเคร่องหมาย  ่
ระดับคุณภาพ


ดมาก ดี พอใช ปรับ
สมรรถนะด้าน รายการประเมิน
(3) (2) (1) ปรุง
(0)
1. ความสามารถ 1.1 ความสามารถในการรับ-ส่งข้อมูล

ในการสือสาร 1.2 ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้
ความคิด ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษา

อย่างเหมาะสม



1.3 ใช้วิธีการสือสารทีเหมาะสม มีประสิทธิภาพ


1.4 เจรจาต่อรองเพือขจัดและลดปญหาความ
ขัดแย้งต่าง ๆ ได้

1.5 เลือกรับและไมรับข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผล

และถูกต้อง

สรุปผลการประเมิน

2. ความสามารถ 2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์

ในการคิด สังเคราะห์

2.2 มีทักษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์

2.3 สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ

2.4 มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้

2.5 ตัดสินใจแก้ปญหาเกี่ยวกับตนเองได้อย่าง
เหมาะสม

สรุปผลการประเมิน

3. ความสามารถ 3.1 สามารถแก้ปญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ทีพบ



ในการแก้ปญหา ได้
3.2 รู้จักใช้เหตุผลในการแก้ปญหา


3.3 เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลียนแปลงใน

สังคม

3.4 แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการ

ปองกันและแก้ไขปญหา



3.5 ตัดสินใจแก้ปญหาได้เหมาะสมกับวัย
สรุปผลการประเมิน

4. ความสามารถ 4.1 เรียนรู้ด้วยตนเองได้เหมาะสมตามวัย

ในการใช้ทักษะ 4.2 ท างานกลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้
ชีวิต 4.3 นาความรู้ทีได้ไปใช้ประโยชนใน



ชีวิตประจ าวัน
4.4 จัดการปญหาและความขัดแย้งได้เหมาะสม


.5 หลีกเลียงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ทีส่งผล

กระทบต่อตนเอง

สรุปผลการประเมิน

5. ความสามารถ 5.1 เลือกและใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสมตามวัย

ในการใช้ 5.2 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี

เทคโนโลยี 5.3 สามารถนาเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาตนเอง


5.4 ใช้เทคโนโลยีในการแก้ปญหาอย่าง
สร้างสรรค์

5.5 มีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี

สรุปผลการประเมิน

แบบประเมินคุณลักษณะอันพงประสงค์ 8 ประการ


วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) ภาคเรียนท...........ปการศึกษา..............
ี่
ชื่อ-สกุลนักเรียน............................................................................................ ชั้น ม.3/........... เลขที ่

............






ค าชแจง : ใหผูสอนสังเกตพฤติกรรมของนกเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขด ✓ ลง



ในชองว่างท่ตรงกับระดับคะแนน

คุณลักษณะอันพึง รายการประเมิน ระดับคะแนน

ประสงค์ดาน 4 3 2 1
1. รักชาติ ศาสน ์ 1. ยืนตรงเมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติ ร้องเพลงชาติ
กษัตริย์ ได้ และบอกความหมายของเพลงชาติ

2. ปฏิบัติตนตามสิทธิของนักเรียน ให้ความ

ร่วมมือกับสมาชิกในกลุ่มอย่างแข็งขัน


2. ซื่อสัตย์ สุจริต 1. ให้ข้อมูลทีถูกต้องและเปนจริง ท างานด้วย
ความสามารถของตนเอง
2. ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความซื่อตรง เปน



แบบอย่างทีดีแก่เพือนและนักเรียนอื่น ๆ
3. มีวินัย 1. ปฏิบัติตามระเบียบ กฎการใช้ห้องปฏิบัติการ
รับผิดชอบ คอมพิวเตอร์อย่างเคร่งครัด

4. ใฝเรียนรู้ 1. ตั้งใจเรียน
2. เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ
3. ศึกษาและสืบค้นหาความรู้เพิ่มเติมจาก

แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทั้งในหนังสือแบบเรียน ใน
ห้องสมุดและในอินเทอร์เน็ต

4. วิเคราะห์ความนาเชื่อถือของข้อมูลและสรุป


เปนองค์ความรู้จัดเก็บไว้ใช้อ้างอิง
5. คิดและหาวิธีแก้ปญหาด้วยขั้นตอนทาง

วิทยาศาสตร์

5. อยู่อย่างเพียงพอ 1. ใช้อุปกรณการเรียนของโรงเรียนอย่าง

ประหยัดและคุ้มค่า

6. มุ่งมั่นในการ 1. ความตั้งใจในการท างานให้เสร็จในเวลาที ่


ท างาน ก าหนดและมีคุณภาพตามเปาหมาย
2. มีความอดทนไมท้อแท้ต่ออุปสรรคทีพบ


ท างาน
ให้ส าเร็จ


7. รักความเปนไทย 1. ใช้ภาษาไทยในการท าเอกสารและการโต้ตอบ


ในโปรแกรมตลอดจนในสือสังคมออนไลนอย่าง

ถูกต้อง สุภาพ ไม่ใช้ค าหยาบคาย
8. มีจิตสาธารณะ 1. รู้จักดูแลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของ


อุปกรณคอมพิวเตอร์ ห้องเรียนและโรงเรียน

แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง


ชื่อ .........................................................ชั้น ม.3/.........เลขที่ ...........คะแนนที่ได้ ...............




ให้นักเรียนประเมินตนเองจากผลที่ได้จากการเรียนรู้ในวิชาวทยาศาสตร์ โดยทำเครื่องหมาย  ลงในช่องที่ตรง

กับระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีในแต่ละหวข้อ


ระดับความรู้ความเข้าใจ ทักษะ บันทึก
สัปดาห์ที่ เรื่อง/หัวข้อย่อย/กิจกรรม
มาก ปานกลาง น้อย เพิ่มเติม

1

2


3
4


5



หมายเหตุ 1. ทำให้ครบทุกสัปดาห์

2. ให้นักเรียนประเมินตนเองจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน

แบบประเมินทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21



วิชา เทคโนโลยี (วิทยาการค านวณ) เรื่อง ......................................................................... ชั้น ม.

3/........



การ
การ
รู้ศัพท์ รู้ รู้ การคิดแบบม ี การ คิด สรุป
เลขที่ ชื่อ-นามสกุล ทำงาน
รู้ภาษา คณิตศาสตร์ ICT วิจารณญาณ สื่อสาร สร้าง ผล
ร่วมกัน
สรรค์



























ลงชื่อผู้ประเมิน...............................................
(.............................................)


คำชี้แจง 1. เกณฑ์การให้ระดับคุณภาพ

3 = ดีเยี่ยม 2 = ดี 1 = ผ่าน

2. ให้ทำเครื่องหมาย  ลงในช่อง เมื่อนักเรียนแสดงพฤติกรรมตามหัวข้อประเมิน แล้วสรุปผลในแต่

ละช่องว่าควรได้ระดับคุณภาพใด โดยทำให้ครบทุกช่อง
3. การสรุปผลการประเมินให้สรุปโดยใช้เกณฑ์ถ้าได้ระดับใดมากที่สุด ผลการประเมินโดยสรุป ใช้

ระดับคุณภาพนั้น เช่น ถ้าได้ 3 = 3 รายการ ได้ 2 = 6 รายการ สรุปผลได้ = 2
4. แบบประเมินนี้ใช้ได้ตลอดทั้งภาคเรียนแล้วจึงสรุปผล


Click to View FlipBook Version